Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā)

    ๖. มหาโควินฺทสุตฺตวณฺณนา

    6. Mahāgovindasuttavaṇṇanā

    ๒๙๓. เอวํ เม สุตนฺติ มหาโควินฺทสุตฺตํฯ ตตฺรายมนุตฺตานปทวณฺณนา – ปญฺจสิโขติ ปญฺจจูโฬ ปญฺจกุณฺฑลิโกฯ โส กิร มนุสฺสปเถ ปุญฺญกมฺมกรณกาเล ทหโร ปญฺจจูฬกทารกกาเล วจฺฉปาลกเชฎฺฐโก หุตฺวา อเญฺญปิ ทารเก คเหตฺวา พหิคาเม จตุมคฺคฎฺฐาเนสุ สาลํ กโรโนฺต โปกฺขรณิํ ขณโนฺต เสตุํ พนฺธโนฺต วิสมํ มคฺคํ สมํ กโรโนฺต ยานานํ อกฺขปฎิฆาตนรุเกฺข หรโนฺตติ เอวรูปานิ ปุญฺญานิ กโรโนฺต วิจริตฺวา ทหโรว กาลมกาสิฯ ตสฺส โส อตฺตภาโว อิโฎฺฐ กโนฺต มนาโป อโหสิฯ โส กาลํ กตฺวา จาตุมหาราชิกเทวโลเก นวุติวสฺสสตสหสฺสปฺปมาณํ อายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺส ติคาวุตปฺปมาโณ สุวณฺณกฺขนฺธสทิโส อตฺตภาโว อโหสิฯ โส สกฎสหสฺสมตฺตํ อาภรณํ ปสาเธตฺวา นวกุมฺภมเตฺต คเนฺธ วิลิมฺปิตฺวา ทิพฺพรตฺตวตฺถธโร รตฺตสุวณฺณกณฺณิกํ ปิฬนฺธิตฺวา ปญฺจหิ กุณฺฑลเกหิ ปิฎฺฐิยํ วตฺตมาเนหิ ปญฺจจูฬกทารกปริหาเรเนว วิจรติฯ เตเนตํ ‘‘ปญฺจสิโข’’ เตฺวว สญฺชานนฺติฯ

    293.Evaṃme sutanti mahāgovindasuttaṃ. Tatrāyamanuttānapadavaṇṇanā – pañcasikhoti pañcacūḷo pañcakuṇḍaliko. So kira manussapathe puññakammakaraṇakāle daharo pañcacūḷakadārakakāle vacchapālakajeṭṭhako hutvā aññepi dārake gahetvā bahigāme catumaggaṭṭhānesu sālaṃ karonto pokkharaṇiṃ khaṇanto setuṃ bandhanto visamaṃ maggaṃ samaṃ karonto yānānaṃ akkhapaṭighātanarukkhe harantoti evarūpāni puññāni karonto vicaritvā daharova kālamakāsi. Tassa so attabhāvo iṭṭho kanto manāpo ahosi. So kālaṃ katvā cātumahārājikadevaloke navutivassasatasahassappamāṇaṃ āyuṃ gahetvā nibbatti. Tassa tigāvutappamāṇo suvaṇṇakkhandhasadiso attabhāvo ahosi. So sakaṭasahassamattaṃ ābharaṇaṃ pasādhetvā navakumbhamatte gandhe vilimpitvā dibbarattavatthadharo rattasuvaṇṇakaṇṇikaṃ piḷandhitvā pañcahi kuṇḍalakehi piṭṭhiyaṃ vattamānehi pañcacūḷakadārakaparihāreneva vicarati. Tenetaṃ ‘‘pañcasikho’’ tveva sañjānanti.

    อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ อภิกฺกนฺตาย ขีณาย รตฺติยา, เอกโกฎฺฐาสํ อตีตายาติ อโตฺถฯ อภิกฺกนฺตวโณฺณติ อติอิฎฺฐกนฺตมนาปวโณฺณฯ ปกติยาปิ เหส กนฺตวโณฺณ, อลงฺกริตฺวา อาคตตฺตา ปน อภิกฺกนฺตวโณฺณ อโหสิฯ เกวลกปฺปนฺติ อนวเสสํ สมนฺตโตฯ อนวเสสโตฺถ เอตฺถ เกวลสโทฺทฯ เกวลปริปุณฺณนฺติ เอตฺถ วิยฯ สมนฺตโต อโตฺถ กปฺปสโทฺท, เกวลกปฺปํ เชตวนนฺติอาทีสุ วิยฯ โอภาเสตฺวาติ อาภาย ผริตฺวา, จนฺทิมา วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปโชฺชตํ กริตฺวาติ อโตฺถฯ

    Abhikkantāya rattiyāti abhikkantāya khīṇāya rattiyā, ekakoṭṭhāsaṃ atītāyāti attho. Abhikkantavaṇṇoti atiiṭṭhakantamanāpavaṇṇo. Pakatiyāpi hesa kantavaṇṇo, alaṅkaritvā āgatattā pana abhikkantavaṇṇo ahosi. Kevalakappanti anavasesaṃ samantato. Anavasesattho ettha kevalasaddo. Kevalaparipuṇṇanti ettha viya. Samantato attho kappasaddo, kevalakappaṃ jetavanantiādīsu viya. Obhāsetvāti ābhāya pharitvā, candimā viya sūriyo viya ca ekobhāsaṃ ekapajjotaṃ karitvāti attho.

    เทวสภาวณฺณนา

    Devasabhāvaṇṇanā

    ๒๙๔. สุธมฺมายํ สภายนฺติ สุธมฺมาย นาม อิตฺถิยา รตนมตฺตกณฺณิกรุกฺขนิสฺสเนฺทน นิพฺพตฺตสภายํ ฯ ตสฺสา กิร ผลิกมยา ภูมิ, มณิมยา อาณิโย , สุวณฺณมยา ถมฺภา, รชตมยา ถมฺภฆฎิกา จ สงฺฆาตา จ, ปวาฬมยานิ วาฬรูปานิ, สตฺตรตนมยา โคปานสิโย จ ปกฺขปาสกา จ มุขวฎฺฎิ จ, อินฺทนีลอิฎฺฐกาหิ ฉทนํ, โสวณฺณมยํ ฉทนปีฐํ, รชตมยา ถูปิกา, อายามโต จ วิตฺถารโต จ ตีณิ โยชนสตานิ, ปริเกฺขปโต นวโยชนสตานิ, อุเพฺพธโต ปญฺจโยชนสตานิ, เอวรูปายํ สุธมฺมายํ สภายํฯ

    294.Sudhammāyaṃ sabhāyanti sudhammāya nāma itthiyā ratanamattakaṇṇikarukkhanissandena nibbattasabhāyaṃ . Tassā kira phalikamayā bhūmi, maṇimayā āṇiyo , suvaṇṇamayā thambhā, rajatamayā thambhaghaṭikā ca saṅghātā ca, pavāḷamayāni vāḷarūpāni, sattaratanamayā gopānasiyo ca pakkhapāsakā ca mukhavaṭṭi ca, indanīlaiṭṭhakāhi chadanaṃ, sovaṇṇamayaṃ chadanapīṭhaṃ, rajatamayā thūpikā, āyāmato ca vitthārato ca tīṇi yojanasatāni, parikkhepato navayojanasatāni, ubbedhato pañcayojanasatāni, evarūpāyaṃ sudhammāyaṃ sabhāyaṃ.

    ธตรโฎฺฐติอาทีสุ ธตรโฎฺฐ คนฺธพฺพราชา คนฺธพฺพเทวตานํ โกฎิสตสหเสฺสน ปริวุโต โกฎิสตสหสฺสสุวณฺณมยานิ ผลกานิ จ สุวณฺณสตฺติโย จ คาหาเปตฺวา ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปจฺฉิมาภิมุโข ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตา ปุรโต กตฺวา นิสิโนฺนฯ

    Dhataraṭṭhotiādīsu dhataraṭṭho gandhabbarājā gandhabbadevatānaṃ koṭisatasahassena parivuto koṭisatasahassasuvaṇṇamayāni phalakāni ca suvaṇṇasattiyo ca gāhāpetvā puratthimāya disāya pacchimābhimukho dvīsu devalokesu devatā purato katvā nisinno.

    วิรูฬฺหโก กุมฺภณฺฑราชา กุมฺภณฺฑเทวตานํ โกฎิสตสหเสฺสน ปริวุโต โกฎิสตสหสฺสรชตมยานิ ผลกานิ จ สุวณฺณสตฺติโย จ คาหาเปตฺวา ทกฺขิณาย ทิสาย อุตฺตราภิมุโข ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตา ปุรโต กตฺวา นิสิโนฺนฯ

    Virūḷhako kumbhaṇḍarājā kumbhaṇḍadevatānaṃ koṭisatasahassena parivuto koṭisatasahassarajatamayāni phalakāni ca suvaṇṇasattiyo ca gāhāpetvā dakkhiṇāya disāya uttarābhimukho dvīsu devalokesu devatā purato katvā nisinno.

    วิรูปโกฺข นาคราชา นาคานํ โกฎิสตสหเสฺสน ปริวุโต โกฎิสตสหสฺสมณิมยานิ มหาผลกานิ จ สุวณฺณสตฺติโย จ คาหาเปตฺวา ปจฺฉิมาย ทิสาย ปุรตฺถิมาภิมุโข ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตา ปุรโต กตฺวา นิสิโนฺนฯ

    Virūpakkho nāgarājā nāgānaṃ koṭisatasahassena parivuto koṭisatasahassamaṇimayāni mahāphalakāni ca suvaṇṇasattiyo ca gāhāpetvā pacchimāya disāya puratthimābhimukho dvīsu devalokesu devatā purato katvā nisinno.

    เวสฺสวโณ ยกฺขราชา ยกฺขานํ โกฎิสตสหเสฺสน ปริวุโต โกฎิสตสหสฺสปวาฬมยานิ มหาผลกานิ จ สุวณฺณสตฺติโย จ คาหาเปตฺวา อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณาภิมุโข ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตา ปุรโต กตฺวา นิสิโนฺนติ เวทิตโพฺพฯ

    Vessavaṇo yakkharājā yakkhānaṃ koṭisatasahassena parivuto koṭisatasahassapavāḷamayāni mahāphalakāni ca suvaṇṇasattiyo ca gāhāpetvā uttarāya disāya dakkhiṇābhimukho dvīsu devalokesu devatā purato katvā nisinnoti veditabbo.

    อถ ปจฺฉา อมฺหากํ อาสนํ โหตีติ เตสํ ปจฺฉโต อมฺหากํ นิสีทิตุํ โอกาโส ปาปุณาติฯ ตโต ปรํ ปวิสิตุํ วา ปสฺสิตุํ วา น ลภามฯ สนฺนิปาตการณํ ปเนตฺถ ปุเพฺพ วุตฺตํ จตุพฺพิธเมวฯ เตสุ วสฺสูปนายิกสงฺคโห วิตฺถาริโตฯ ยถา ปน วสฺสูปนายิกาย, เอวํ มหาปวารณายปิ ปุณฺณมทิวเส สนฺนิปติตฺวา ‘‘อชฺช กตฺถ คนฺตฺวา กสฺส สนฺติเก ปวาเรสฺสามา’’ติ มเนฺตนฺติฯ ตตฺถ สโกฺก เทวานมิโนฺท เยภุเยฺยน ปิยงฺคุทีปมหาวิหารสฺมิํเยว ปวาเรติฯ เสสา เทวตา ปาริจฺฉตฺตกาทีนิ ทิพฺพปุปฺผานิ เจว ทิพฺพจนฺทนจุณฺณานิ จ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน มนาปฎฺฐานเมว คนฺตฺวา ปวาเรนฺติฯ เอวํ ปวารณสงฺคหตฺถาย สนฺนิปตนฺติ ฯ

    Atha pacchā amhākaṃ āsanaṃ hotīti tesaṃ pacchato amhākaṃ nisīdituṃ okāso pāpuṇāti. Tato paraṃ pavisituṃ vā passituṃ vā na labhāma. Sannipātakāraṇaṃ panettha pubbe vuttaṃ catubbidhameva. Tesu vassūpanāyikasaṅgaho vitthārito. Yathā pana vassūpanāyikāya, evaṃ mahāpavāraṇāyapi puṇṇamadivase sannipatitvā ‘‘ajja kattha gantvā kassa santike pavāressāmā’’ti mantenti. Tattha sakko devānamindo yebhuyyena piyaṅgudīpamahāvihārasmiṃyeva pavāreti. Sesā devatā pāricchattakādīni dibbapupphāni ceva dibbacandanacuṇṇāni ca gahetvā attano attano manāpaṭṭhānameva gantvā pavārenti. Evaṃ pavāraṇasaṅgahatthāya sannipatanti .

    เทวโลเก ปน อาสาวตี นาม ลตา อตฺถิฯ สา ปุปฺผิสฺสตีติ เทวา วสฺสสหสฺสํ อุปฎฺฐานํ คจฺฉนฺติฯ ปาริจฺฉตฺตเก ปุปฺผมาเน เอกวสฺสํ อุปฎฺฐานํ คจฺฉนฺติฯ เต ตสฺส ปณฺฑุปลาสาทิภาวโต ปฎฺฐาย อตฺตมนา โหนฺติฯ ยถาห –

    Devaloke pana āsāvatī nāma latā atthi. Sā pupphissatīti devā vassasahassaṃ upaṭṭhānaṃ gacchanti. Pāricchattake pupphamāne ekavassaṃ upaṭṭhānaṃ gacchanti. Te tassa paṇḍupalāsādibhāvato paṭṭhāya attamanā honti. Yathāha –

    ‘‘ยสฺมิํ, ภิกฺขเว, สมเย เทวานํ ตาวติํสานํ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร ปณฺฑุปลาโส โหติ, อตฺตมนา, ภิกฺขเว, เทวา ตาวติํสา ตสฺมิํ สมเย โหนฺติ – ‘ปณฺฑุปลาโส โข ทานิ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร, น จิรเสฺสว ปนฺนปลาโส ภวิสฺสตี’ติฯ ยสฺมิํ, ภิกฺขเว, สมเย เทวานํ ตาวติํสานํ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร ปนฺนปลาโส โหติ, ขารกชาโต โหติ, ชาลกชาโต โหติ, กุฎุมลกชาโต โหติ, โกรกชาโต โหติฯ อตฺตมนา, ภิกฺขเว, เทวา ตาวติํสา ตสฺมิํ สมเย โหนฺติ – ‘โกรกชาโต ทานิ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร น จิรเสฺสว สพฺพปาลิผุโลฺล ภวิสฺสตี’ติ (อ. นิ. ๗.๖๙)ฯ

    ‘‘Yasmiṃ, bhikkhave, samaye devānaṃ tāvatiṃsānaṃ pāricchattako koviḷāro paṇḍupalāso hoti, attamanā, bhikkhave, devā tāvatiṃsā tasmiṃ samaye honti – ‘paṇḍupalāso kho dāni pāricchattako koviḷāro, na cirasseva pannapalāso bhavissatī’ti. Yasmiṃ, bhikkhave, samaye devānaṃ tāvatiṃsānaṃ pāricchattako koviḷāro pannapalāso hoti, khārakajāto hoti, jālakajāto hoti, kuṭumalakajāto hoti, korakajāto hoti. Attamanā, bhikkhave, devā tāvatiṃsā tasmiṃ samaye honti – ‘korakajāto dāni pāricchattako koviḷāro na cirasseva sabbapāliphullo bhavissatī’ti (a. ni. 7.69).

    สพฺพปาลิผุลฺลสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, ปาริจฺฉตฺตกสฺส โกวิฬารสฺส สมนฺตา ปญฺญาส โยชนานิ อาภาย ผุฎํ โหติ, อนุวาตํ โยชนสตํ คโนฺธ คจฺฉติฯ อยมานุภาโว ปาริจฺฉตฺตกสฺส โกวิฬารสฺสา’’ติฯ

    Sabbapāliphullassa kho pana, bhikkhave, pāricchattakassa koviḷārassa samantā paññāsa yojanāni ābhāya phuṭaṃ hoti, anuvātaṃ yojanasataṃ gandho gacchati. Ayamānubhāvo pāricchattakassa koviḷārassā’’ti.

    ปุปฺผิเต ปาริจฺฉตฺตเก อาโรหณกิจฺจํ วา องฺกุสกํ คเหตฺวา นมนกิจฺจํ วา ปุปฺผาหรณตฺถํ จโงฺกฎกกิจฺจํ วา นตฺถิ, กนฺตนกวาโต อุฎฺฐหิตฺวา ปุปฺผานิ วณฺฎโต กนฺตติ, สมฺปฎิจฺฉนกวาโต สมฺปฎิจฺฉติ, ปเวสนกวาโต สุธมฺมํ เทวสภํ ปเวเสติ, สมฺมชฺชนกวาโต ปุราณปุปฺผานิ นีหรติ, สนฺถรณกวาโต ปตฺตกณฺณิกเกสรานิ นจฺจโนฺต สนฺถรติ, มชฺฌฎฺฐาเน ธมฺมาสนํ โหติฯ โยชนปฺปมาโณ รตนปลฺลโงฺก อุปริ ติโยชเนน เสตจฺฉเตฺตน ธารยมาเนน, ตทนนฺตรํ สกฺกสฺส เทวรโญฺญ อาสนํ อตฺถริยติฯ ตโต เตตฺติํสาย เทวปุตฺตานํ, ตโต อญฺญาสํ มเหสกฺขเทวตานํฯ อญฺญตรเทวตานํ ปน ปุปฺผกณฺณิกาว อาสนํ โหติฯ

    Pupphite pāricchattake ārohaṇakiccaṃ vā aṅkusakaṃ gahetvā namanakiccaṃ vā pupphāharaṇatthaṃ caṅkoṭakakiccaṃ vā natthi, kantanakavāto uṭṭhahitvā pupphāni vaṇṭato kantati, sampaṭicchanakavāto sampaṭicchati, pavesanakavāto sudhammaṃ devasabhaṃ paveseti, sammajjanakavāto purāṇapupphāni nīharati, santharaṇakavāto pattakaṇṇikakesarāni naccanto santharati, majjhaṭṭhāne dhammāsanaṃ hoti. Yojanappamāṇo ratanapallaṅko upari tiyojanena setacchattena dhārayamānena, tadanantaraṃ sakkassa devarañño āsanaṃ atthariyati. Tato tettiṃsāya devaputtānaṃ, tato aññāsaṃ mahesakkhadevatānaṃ. Aññataradevatānaṃ pana pupphakaṇṇikāva āsanaṃ hoti.

    เทวา เทวสภํ ปวิสิตฺวา นิสีทนฺติฯ ตโต ปุเปฺผหิ เรณุวฎฺฎิ อุคฺคนฺตฺวา อุปริ กณฺณิกํ อาหจฺจ นิปตมานา เทวตานํ ติคาวุตปฺปมาณํ อตฺตภาวํ ลาขารสปริกมฺมสชฺชิตํ วิย กโรติฯ เตสํ สา กีฬา จตูหิ มาเสหิ ปริโยสานํ คจฺฉติฯ เอวํ ปาริจฺฉตฺตกกีฬานุภวนตฺถาย สนฺนิปตนฺติฯ

    Devā devasabhaṃ pavisitvā nisīdanti. Tato pupphehi reṇuvaṭṭi uggantvā upari kaṇṇikaṃ āhacca nipatamānā devatānaṃ tigāvutappamāṇaṃ attabhāvaṃ lākhārasaparikammasajjitaṃ viya karoti. Tesaṃ sā kīḷā catūhi māsehi pariyosānaṃ gacchati. Evaṃ pāricchattakakīḷānubhavanatthāya sannipatanti.

    มาสสฺส ปน อฎฺฐทิวเส เทวโลเก มหาธมฺมสวนํ ฆุสติฯ ตตฺถ สุธมฺมายํ เทวสภายํ สนงฺกุมาโร วา มหาพฺรหฺมา, สโกฺก วา เทวานมิโนฺท, ธมฺมกถิกภิกฺขุ วา, อญฺญตโร วา ธมฺมกถิโก เทวปุโตฺต ธมฺมกถํ กเถติฯ อฎฺฐมิยํ ปกฺขสฺส จตุนฺนํ มหาราชานํ อมจฺจา, จาตุทฺทสิยํ ปุตฺตา, ปนฺนรเส สยํ จตฺตาโร มหาราชาโน นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณปฎฺฎญฺจ ชาติหิงฺคุลกญฺจ คณฺหิตฺวา คามนิคมราชธานิโย อนุวิจรนฺติฯ เต – ‘‘อสุกา นาม อิตฺถี วา ปุริโส วา พุทฺธํ สรณํ คโต, ธมฺมํ สรณํ คโตฯ สงฺฆํ สรณํ คโตฯ ปญฺจสีลานิ รกฺขติฯ มาสสฺส อฎฺฐ อุโปสเถ กโรติฯ มาตุอุปฎฺฐานํ ปูเรติฯ ปิตุอุปฎฺฐานํ ปูเรติฯ อสุกฎฺฐาเน อุปฺปลหตฺถกสเตน ปุปฺผกุเมฺภน ปูชา กตาฯ ทีปสหสฺสํ อาโรปิตํฯ อกาลธมฺมสวนํ การิตํฯ ฉตฺตเวทิกา ปุฎเวทิกา กุจฺฉิเวทิกา สีหาสนํ สีหโสปานํ การิตํฯ ตีณิ สุจริตานิ ปูเรติฯ ทสกุสลกมฺมปเถ สมาทาย วตฺตตี’’ติ สุวณฺณปเฎฺฎ ชาติหิงฺคุลเกน ลิขิตฺวา อาหริตฺวา ปญฺจสิขสฺส หเตฺถ เทนฺติฯ ปญฺจสิโข มาตลิสฺส หเตฺถ เทติฯ มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกสฺส เทวรโญฺญ เทติฯ

    Māsassa pana aṭṭhadivase devaloke mahādhammasavanaṃ ghusati. Tattha sudhammāyaṃ devasabhāyaṃ sanaṅkumāro vā mahābrahmā, sakko vā devānamindo, dhammakathikabhikkhu vā, aññataro vā dhammakathiko devaputto dhammakathaṃ katheti. Aṭṭhamiyaṃ pakkhassa catunnaṃ mahārājānaṃ amaccā, cātuddasiyaṃ puttā, pannarase sayaṃ cattāro mahārājāno nikkhamitvā suvaṇṇapaṭṭañca jātihiṅgulakañca gaṇhitvā gāmanigamarājadhāniyo anuvicaranti. Te – ‘‘asukā nāma itthī vā puriso vā buddhaṃ saraṇaṃ gato, dhammaṃ saraṇaṃ gato. Saṅghaṃ saraṇaṃ gato. Pañcasīlāni rakkhati. Māsassa aṭṭha uposathe karoti. Mātuupaṭṭhānaṃ pūreti. Pituupaṭṭhānaṃ pūreti. Asukaṭṭhāne uppalahatthakasatena pupphakumbhena pūjā katā. Dīpasahassaṃ āropitaṃ. Akāladhammasavanaṃ kāritaṃ. Chattavedikā puṭavedikā kucchivedikā sīhāsanaṃ sīhasopānaṃ kāritaṃ. Tīṇi sucaritāni pūreti. Dasakusalakammapathe samādāya vattatī’’ti suvaṇṇapaṭṭe jātihiṅgulakena likhitvā āharitvā pañcasikhassa hatthe denti. Pañcasikho mātalissa hatthe deti. Mātali saṅgāhako sakkassa devarañño deti.

    ยทา ปุญฺญกมฺมการกา พหู น โหนฺติ, โปตฺถโก ขุทฺทโก โหติ, ตํ ทิสฺวาว เทวา – ‘‘ปมโตฺต, วต โภ มหาชโน วิหรติ, จตฺตาโร อปายา ปริปูริสฺสนฺติ, ฉ เทวโลกา ตุจฺฉา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อนตฺตมนา โหนฺติฯ สเจ ปน โปตฺถโก มหา โหติ, ตํ ทิสฺวาว เทวา – ‘‘อปฺปมโตฺต, วต โภ, มหาชโน วิหรติ, จตฺตาโร อปายา สุญฺญา ภวิสฺสนฺติ , ฉ เทวโลกา ปริปูริสฺสนฺติ, พุทฺธสาสเน ปุญฺญานิ กริตฺวา อาคเต มหาปุเญฺญ ปุรกฺขตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬิตุํ ลภิสฺสามา’’ติ อตฺตมนา โหนฺติฯ ตํ โปตฺถกํ คเหตฺวา สโกฺก เทวราชา วาเจติฯ ตสฺส ปกตินิยาเมน กเถนฺตสฺส สโทฺท ทฺวาทส โยชนานิ คณฺหาติฯ อุเจฺจน สเรน กเถนฺตสฺส จ สกลํ ทสโยชนสหสฺสํ เทวนครํ ฉาเทตฺวา ติฎฺฐติฯ เอวํ ธมฺมสวนตฺถาย สนฺนิปตนฺติฯ อิธ ปน ปวารณสงฺคหตฺถาย สนฺนิปติตาติ เวทิตพฺพาฯ

    Yadā puññakammakārakā bahū na honti, potthako khuddako hoti, taṃ disvāva devā – ‘‘pamatto, vata bho mahājano viharati, cattāro apāyā paripūrissanti, cha devalokā tucchā bhavissantī’’ti anattamanā honti. Sace pana potthako mahā hoti, taṃ disvāva devā – ‘‘appamatto, vata bho, mahājano viharati, cattāro apāyā suññā bhavissanti , cha devalokā paripūrissanti, buddhasāsane puññāni karitvā āgate mahāpuññe purakkhatvā nakkhattaṃ kīḷituṃ labhissāmā’’ti attamanā honti. Taṃ potthakaṃ gahetvā sakko devarājā vāceti. Tassa pakatiniyāmena kathentassa saddo dvādasa yojanāni gaṇhāti. Uccena sarena kathentassa ca sakalaṃ dasayojanasahassaṃ devanagaraṃ chādetvā tiṭṭhati. Evaṃ dhammasavanatthāya sannipatanti. Idha pana pavāraṇasaṅgahatthāya sannipatitāti veditabbā.

    ตถาคตํ นมสฺสนฺตาติ นวหิ การเณหิ ตถาคตํ นมสฺสมานา ฯ ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตนฺติ สฺวากฺขาตตาทิเภทํ ธมฺมสฺส สุธมฺมตํ อุชุปฺปฎิปนฺนตาทิเภทํ สงฺฆสฺส จ สุปฺปฎิปตฺตินฺติ อโตฺถฯ

    Tathāgataṃ namassantāti navahi kāraṇehi tathāgataṃ namassamānā . Dhammassa ca sudhammatanti svākkhātatādibhedaṃ dhammassa sudhammataṃ ujuppaṭipannatādibhedaṃ saṅghassa ca suppaṭipattinti attho.

    อฎฺฐยถาภุจฺจวณฺณนา

    Aṭṭhayathābhuccavaṇṇanā

    ๒๙๖. ยถาภุเจฺจติ ยถาภูเต ยถาสภาเวฯ วเณฺณติ คุเณฯ ปยิรุทาหาสีติ กเถสิฯ พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺนติ กถํ ปฎิปโนฺน? ทีปงฺกรปาทมูเล อฎฺฐ ธเมฺม สโมธาเนตฺวา พุทฺธตฺถาย อภินีหรมาโนปิ พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺน นาม โหติฯ

    296.Yathābhucceti yathābhūte yathāsabhāve. Vaṇṇeti guṇe. Payirudāhāsīti kathesi. Bahujanahitāyapaṭipannoti kathaṃ paṭipanno? Dīpaṅkarapādamūle aṭṭha dhamme samodhānetvā buddhatthāya abhinīharamānopi bahujanahitāya paṭipanno nāma hoti.

    ทานปารมี, สีลปารมี, เนกฺขมฺมปารมี, ปญฺญาปารมี, วีริยปารมี, ขนฺติปารมี, สจฺจปารมี, อธิฎฺฐานปารมี, เมตฺตาปารมี, อุเปกฺขาปารมีติ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ อิมา ทส ปารมิโย ปูเรโนฺตปิ พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺนฯ

    Dānapāramī, sīlapāramī, nekkhammapāramī, paññāpāramī, vīriyapāramī, khantipāramī, saccapāramī, adhiṭṭhānapāramī, mettāpāramī, upekkhāpāramīti kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni imā dasa pāramiyo pūrentopi bahujanahitāya paṭipanno.

    ขนฺติวาทิตาปสกาเล, จูฬธมฺมปาลกุมารกาเล, ฉทฺทนฺตนาคราชกาเล, ภูริทตฺตจเมฺปยฺยสงฺขปาลนาคราชกาเล, มหากปิกาเล จ ตาทิสานิ ทุกฺกรานิ กโรโนฺตปิ พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺนฯ เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ฐตฺวา สตฺตสตกมหาทานํ ทตฺวา สตฺตสุ ฐาเนสุ ปถวิํ กเมฺปตฺวา ปารมีกูฎํ คณฺหโนฺตปิ พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺนฯ ตโต อนนฺตเร อตฺตภาเว ตุสิตปุเร ยาวตายุกํ ติฎฺฐโนฺตปิ พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺนฯ

    Khantivāditāpasakāle, cūḷadhammapālakumārakāle, chaddantanāgarājakāle, bhūridattacampeyyasaṅkhapālanāgarājakāle, mahākapikāle ca tādisāni dukkarāni karontopi bahujanahitāya paṭipanno. Vessantarattabhāve ṭhatvā sattasatakamahādānaṃ datvā sattasu ṭhānesu pathaviṃ kampetvā pāramīkūṭaṃ gaṇhantopi bahujanahitāya paṭipanno. Tato anantare attabhāve tusitapure yāvatāyukaṃ tiṭṭhantopi bahujanahitāya paṭipanno.

    ตตฺถ ปญฺจ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ทิสฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ ยาจิโต ปญฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา เทวานํ สงฺคหตฺถาย ปฎิญฺญํ ทตฺวา ตุสิตปุรา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉิยํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหโนฺตปิ พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺนฯ

    Tattha pañca pubbanimittāni disvā dasasahassacakkavāḷadevatāhi yācito pañca mahāvilokanāni viloketvā devānaṃ saṅgahatthāya paṭiññaṃ datvā tusitapurā cavitvā mātukucchiyaṃ paṭisandhiṃ gaṇhantopi bahujanahitāya paṭipanno.

    ทส มาเส มาตุกุจฺฉิยํ วสิตฺวา ลุมฺพินีวเน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมโนฺตปิ, เอกูนติํสวสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิตฺวา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา อโนมนทีตีเร ปพฺพชโนฺตปิ, ฉพฺพสฺสานิ ปธาเนน อตฺตานํ กิลเมตฺวา โพธิปลฺลงฺกํ อารุยฺห สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปฎิวิชฺฌโนฺตปิ, สตฺตสตฺตาหํ โพธิมเณฺฑ ยาเปโนฺตปิ, อิสิปตนํ อาคมฺม อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตโนฺตปิ, ยมกปาฎิหาริยํ กโรโนฺตปิ, เทโวโรหณํ โอโรหโนฺตปิ, พุโทฺธ หุตฺวา ปญฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ติฎฺฐโนฺตปิ, อายุสงฺขารํ โอสฺสชโนฺตปิ, ยมกสาลานมนฺตเร อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายโนฺตปิ พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺนฯ ยาวสฺส สาสปมตฺตาปิ ธาตุโย ธรนฺติ, ตาว พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺนติ เวทิตโพฺพฯ เสสปทานิ เอตเสฺสว เววจนานิฯ ตตฺถ ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ ปุริมสฺส ปุริมสฺส อโตฺถฯ

    Dasa māse mātukucchiyaṃ vasitvā lumbinīvane mātukucchito nikkhamantopi, ekūnatiṃsavassāni agāraṃ ajjhāvasitvā mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā anomanadītīre pabbajantopi, chabbassāni padhānena attānaṃ kilametvā bodhipallaṅkaṃ āruyha sabbaññutaññāṇaṃ paṭivijjhantopi, sattasattāhaṃ bodhimaṇḍe yāpentopi, isipatanaṃ āgamma anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattentopi, yamakapāṭihāriyaṃ karontopi, devorohaṇaṃ orohantopi, buddho hutvā pañcacattālīsa vassāni tiṭṭhantopi, āyusaṅkhāraṃ ossajantopi, yamakasālānamantare anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyantopi bahujanahitāya paṭipanno. Yāvassa sāsapamattāpi dhātuyo dharanti, tāva bahujanahitāya paṭipannoti veditabbo. Sesapadāni etasseva vevacanāni. Tattha pacchimaṃ pacchimaṃ purimassa purimassa attho.

    เนว อตีตํเส สมนุปสฺสาม, น ปเนตรหีติ อตีเตปิ พุทฺธโต อญฺญํ น สมนุปสฺสาม, อนาคเตปิ น สมนุปสฺสาม, เอตรหิ ปน อญฺญสฺส สตฺถุโน อภาวโตเยว อญฺญตฺร เตน ภควตา น สมนุปสฺสามาติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ อฎฺฐกถายมฺปิ หิ – ‘‘อตีตานาคตา พุทฺธา อมฺหากํ สตฺถารา สทิสาเยว, กิํ สโกฺก กเถตี’’ติ วิจาเรตฺวา – ‘‘เอตรหิ พหุชนหิตาย ปฎิปโนฺน สตฺถา อมฺหากํ สตฺถารํ มุญฺจิตฺวา อโญฺญ โกจิ นตฺถิ, ตสฺมา น ปสฺสามาติ กเถตี’’ติ วุตฺตํฯ ยถา จ เอตฺถ, เอวํ อิโต ปเรสุปิ ปเทสุ อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สฺวากฺขาตาทีนิ จ กุสลาทีนิ จ วุตฺตตฺถาเนวฯ

    Neva atītaṃse samanupassāma, na panetarahīti atītepi buddhato aññaṃ na samanupassāma, anāgatepi na samanupassāma, etarahi pana aññassa satthuno abhāvatoyeva aññatra tena bhagavatā na samanupassāmāti ayamettha attho. Aṭṭhakathāyampi hi – ‘‘atītānāgatā buddhā amhākaṃ satthārā sadisāyeva, kiṃ sakko kathetī’’ti vicāretvā – ‘‘etarahi bahujanahitāya paṭipanno satthā amhākaṃ satthāraṃ muñcitvā añño koci natthi, tasmā na passāmāti kathetī’’ti vuttaṃ. Yathā ca ettha, evaṃ ito paresupi padesu ayamattho veditabbo. Svākkhātādīni ca kusalādīni ca vuttatthāneva.

    คโงฺคทกํ ยมุโนทเกนาติ คงฺคายมุนานํ สมาคมฎฺฐาเน อุทกํ วเณฺณนปิ คเนฺธนปิ รเสนปิ สํสนฺทติ สเมติ, มเชฺฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย เอกสทิสเมว โหติ, น มหาสมุทฺทอุทเกน สํสฎฺฐกาเล วิย วิสทิสํฯ ปริสุทฺธสฺส นิพฺพานสฺส ปฎิปทาปิ ปริสุทฺธาวฯ น หิ ทหรกาเล เวชฺชกมฺมาทีนิ กตฺวา อโคจเร จริตฺวา มหลฺลกกาเล นิพฺพานํ ทฎฺฐุํ สกฺกา, นิพฺพานคามินี ปน ปฎิปทา ปริสุทฺธาว วฎฺฎติ อากาสูปมาฯ ยถา หิ อากาสมฺปิ อลคฺคํ ปริสุทฺธํ จนฺทิมสูริยานํ อากาเส อิจฺฉิติจฺฉิตฎฺฐานํ คจฺฉนฺตานํ วิย นิพฺพานํ คจฺฉนฺตสฺส ภิกฺขุโน ปฎิปทาปิ กุเล วา คเณ วา อลคฺคา อพทฺธา อากาสูปมา วฎฺฎติฯ สา ปเนสา ตาทิสาว ภควตา ปญฺญตฺตา กถิตา เทสิตาฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สํสนฺทติ นิพฺพานญฺจ ปฎิปทา จา’’ติฯ

    Gaṅgodakaṃ yamunodakenāti gaṅgāyamunānaṃ samāgamaṭṭhāne udakaṃ vaṇṇenapi gandhenapi rasenapi saṃsandati sameti, majjhe bhinnasuvaṇṇaṃ viya ekasadisameva hoti, na mahāsamuddaudakena saṃsaṭṭhakāle viya visadisaṃ. Parisuddhassa nibbānassa paṭipadāpi parisuddhāva. Na hi daharakāle vejjakammādīni katvā agocare caritvā mahallakakāle nibbānaṃ daṭṭhuṃ sakkā, nibbānagāminī pana paṭipadā parisuddhāva vaṭṭati ākāsūpamā. Yathā hi ākāsampi alaggaṃ parisuddhaṃ candimasūriyānaṃ ākāse icchiticchitaṭṭhānaṃ gacchantānaṃ viya nibbānaṃ gacchantassa bhikkhuno paṭipadāpi kule vā gaṇe vā alaggā abaddhā ākāsūpamā vaṭṭati. Sā panesā tādisāva bhagavatā paññattā kathitā desitā. Tena vuttaṃ – ‘‘saṃsandati nibbānañca paṭipadā cā’’ti.

    ปฎิปนฺนานนฺติ ปฎิปทาย ฐิตานํฯ วุสิตวตนฺติ วุตฺถวาสานํ เอเตสํฯ ลทฺธสหาโยติ เอเตสํ ตตฺถ ตตฺถ สห อยนโต สหาโยฯ ‘‘อทุติโย อสหาโย อปฺปฎิสโม’’ติ อิทํ ปน อสทิสเฎฺฐน วุตฺตํฯ อปนุชฺชาติ เตสํ มเชฺฌปิ ผลสมาปตฺติยา วิหรโนฺต จิเตฺตน อปนุชฺช, อปนุเชฺชว เอการามตํ อนุยุโตฺต วิหรตีติ อโตฺถฯ

    Paṭipannānanti paṭipadāya ṭhitānaṃ. Vusitavatanti vutthavāsānaṃ etesaṃ. Laddhasahāyoti etesaṃ tattha tattha saha ayanato sahāyo. ‘‘Adutiyo asahāyo appaṭisamo’’ti idaṃ pana asadisaṭṭhena vuttaṃ. Apanujjāti tesaṃ majjhepi phalasamāpattiyā viharanto cittena apanujja, apanujjeva ekārāmataṃ anuyutto viharatīti attho.

    อภินิปฺผโนฺน โข ปน ตสฺส ภควโต ลาโภติ ตสฺส ภควโต มหาลาโภ อุปฺปโนฺนฯ กทา ปฎฺฐาย อุปฺปโนฺน? อภิสโมฺพธิํ ปตฺวา สตฺตสตฺตาหํ อติกฺกมิตฺวา อิสิปตเน ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตตฺวา อนุกฺกเมน เทวมนุสฺสานํ ทมนํ กโรนฺตสฺส ตโย ชฎิเล ปพฺพาเชตฺวา ราชคหํ คตสฺส พิมฺพิสารทมนโต ปฎฺฐาย อุปฺปโนฺนฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๗๐)ฯ สตสหสฺสกปฺปาธิเกสุ จตูสุ อสเงฺขฺยเยฺยสุ อุสฺสนฺนปุญฺญนิสฺสนฺทสมุปฺปโนฺน ลาภสกฺกาโร มโหโฆ วิย อโชฺฌตฺถรมาโน อาคจฺฉติฯ

    Abhinipphannokho pana tassa bhagavato lābhoti tassa bhagavato mahālābho uppanno. Kadā paṭṭhāya uppanno? Abhisambodhiṃ patvā sattasattāhaṃ atikkamitvā isipatane dhammacakkaṃ pavattetvā anukkamena devamanussānaṃ damanaṃ karontassa tayo jaṭile pabbājetvā rājagahaṃ gatassa bimbisāradamanato paṭṭhāya uppanno. Yaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘tena kho pana samayena bhagavā sakkato hoti garukato mānito pūjito apacito lābhī cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārāna’’nti (saṃ. ni. 2.70). Satasahassakappādhikesu catūsu asaṅkhyeyyesu ussannapuññanissandasamuppanno lābhasakkāro mahogho viya ajjhottharamāno āgacchati.

    เอกสฺมิํ กิร สมเย ราชคเห สาวตฺถิยํ สาเกเต โกสมฺพิยํ พาราณสิยํ ภควโต ปฎิปาฎิภตฺตํ นาม อุปฺปนฺนํ, ตเตฺถโก – ‘‘อหํ สตํ วิสฺสเชฺชตฺวา ทานํ ทสฺสามี’’ติ ปณฺณํ ลิขิตฺวา วิหารทฺวาเร พนฺธิฯ อโญฺญ – อหํ เทฺว สตานิฯ อโญฺญ – อหํ ปญฺจ สตานิฯ อโญฺญ – อหํ สหสฺสํฯ อโญฺญ – อหํ เทฺว สหสฺสานิฯ อโญฺญ – อหํ ปญฺจฯ ทสฯ วีสติฯ ปญฺญาสํ; อโญฺญ – อหํ สตสหสฺสํฯ อโญฺญ – อหํ เทฺว สตสหสฺสานิ วิสฺสเชฺชตฺวา ทานํ ทสฺสามี’’ติ ปณฺณํ ลิขิตฺวา วิหารทฺวาเร พนฺธิฯ ชนปทจาริกํ จรนฺตมฺปิ โอกาสํ ลภิตฺวา – ‘‘ทานํ ทสฺสามี’’ติ สกฎานิ ปูเรตฺวา มหาชโน อนุพนฺธิเยวฯ ยถาห – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ชานปทา มนุสฺสา พหุํ โลณมฺปิ เตลมฺปิ ตณฺฑุลมฺปิ ขาทนียมฺปิ สกเฎสุ อาโรเปตฺวา ภควโต ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธา โหนฺติ – ‘ยตฺถ ปฎิปาฎิํ ลภิสฺสาม, ตตฺถ ภตฺตํ กริสฺสามา’ติ’’ (มหาว. ๒๘๒)ฯ เอวํ อญฺญานิปิ ขนฺธเก จ วินเย จ พหูนิ วตฺถูนิ เวทิตพฺพานิฯ

    Ekasmiṃ kira samaye rājagahe sāvatthiyaṃ sākete kosambiyaṃ bārāṇasiyaṃ bhagavato paṭipāṭibhattaṃ nāma uppannaṃ, tattheko – ‘‘ahaṃ sataṃ vissajjetvā dānaṃ dassāmī’’ti paṇṇaṃ likhitvā vihāradvāre bandhi. Añño – ahaṃ dve satāni. Añño – ahaṃ pañca satāni. Añño – ahaṃ sahassaṃ. Añño – ahaṃ dve sahassāni. Añño – ahaṃ pañca. Dasa. Vīsati. Paññāsaṃ; añño – ahaṃ satasahassaṃ. Añño – ahaṃ dve satasahassāni vissajjetvā dānaṃ dassāmī’’ti paṇṇaṃ likhitvā vihāradvāre bandhi. Janapadacārikaṃ carantampi okāsaṃ labhitvā – ‘‘dānaṃ dassāmī’’ti sakaṭāni pūretvā mahājano anubandhiyeva. Yathāha – ‘‘tena kho pana samayena jānapadā manussā bahuṃ loṇampi telampi taṇḍulampi khādanīyampi sakaṭesu āropetvā bhagavato piṭṭhito piṭṭhito anubandhā honti – ‘yattha paṭipāṭiṃ labhissāma, tattha bhattaṃ karissāmā’ti’’ (mahāva. 282). Evaṃ aññānipi khandhake ca vinaye ca bahūni vatthūni veditabbāni.

    อสทิสทาเน ปเนส ลาโภ มตฺถกํ ปโตฺตฯ เอกสฺมิํ กิร สมเย ภควติ ชนปทจาริกํ จริตฺวา เชตวนํ สมฺปเตฺต ราชา นิมเนฺตตฺวา ทานํ อทาสิฯ ทุติยทิวเส นาครา อทํสุฯ ปุน เตสํ ทานโต อติเรกํ ราชา, ตสฺส ทานโต อติเรกํ นาคราติ เอวํ พหูสุ ทิวเสสุ คเตสุ ราชา จิเนฺตสิ – ‘‘อิเม นาครา ทิวเส ทิวเส อติเรกตรํ กโรนฺติ, ปถวิสฺสโร ปน ราชา นาคเรหิ ทาเน ปราชิโตติ ครหา ภวิสฺสตี’’ติฯ อถสฺส มลฺลิกา อุปายํ อาจิกฺขิฯ โส ราชงฺคเณ สาลกลฺยาณิปทเรหิ มณฺฑปํ กาเรตฺวา ตํ นีลุปฺปเลหิ ฉาเทตฺวา ปญฺจ อาสนสตานิ ปญฺญาเปตฺวา ปญฺจ หตฺถิสตานิ อาสนานํ ปจฺฉาภาเค ฐเปตฺวา เอเกเกน หตฺถินา เอเกกสฺส ภิกฺขุโน เสตจฺฉตฺตํ ธาราเปสิฯ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ อาสนานํ อนฺตเร สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิตา เอเกกา ขตฺติยธีตา จตุชฺชาติยคนฺธํ ปิสติฯ นิฎฺฐิตํ นิฎฺฐิตํ มชฺฌฎฺฐาเน คนฺธมฺพเณ ปกฺขิปติ, ตํ อปรา ขตฺติยธีตา นีลุปฺปลหตฺถเกน สมฺปริวเตฺตติฯ เอวํ เอเกกสฺส ภิกฺขุโน ติโสฺส ติโสฺส ขตฺติยธีตโร ปริวารา, อปรา สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิตา อิตฺถี ตาลวณฺฎํ คเหตฺวา พีชติ, อญฺญา ธมกรณํ คเหตฺวา อุทกํ ปริสฺสาเวติ, อญฺญา ปตฺตโต อุทกํ หรติฯ ภควโต จตฺตาริ อนคฺฆานิ อเหสุํฯ ปาทกถลิกา อาธารโก อปเสฺสนผลกํ ฉตฺตปาทมณีติ อิมานิ จตฺตาริ อนคฺฆานิ อเหสุํฯ สงฺฆนวกสฺส เทยฺยธโมฺม สตสหสฺสํ อคฺฆติฯ ตสฺมิญฺจ ทาเน องฺคุลิมาลเตฺถโร สงฺฆนวโก อโหสิฯ ตสฺส อาสนสมีเป อานีโต หตฺถี ตํ อุปคนฺตุํ นาสกฺขิฯ ตโต รโญฺญ อาโรเจสุํฯ ราชา – ‘‘อโญฺญ หตฺถี นตฺถี’’ติ? ทุฎฺฐหตฺถี ปน อตฺถิ, อาเนตุํ น สกฺกาติฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธ – สงฺฆนวโก กตโร มหาราชาติ? องฺคุลิมาลเตฺถโร ภควาติฯ เตน หิ ตํ ทุฎฺฐหตฺถิํ อาเนตฺวา ฐเปตุ, มหาราชาติฯ หตฺถิํ มณฺฑยิตฺวา อานยิํสุฯ โส เถรสฺส เตเชน นาสาวาตสญฺจรณมตฺตมฺปิ กาตุํ นาสกฺขิฯ เอวํ นิรนฺตรํ สตฺต ทิวสานิ ทานํ ทียิตฺถฯ สตฺตเม ทิวเส ราชา ทสพลํ วนฺทิตฺวา – ‘‘ภควา มยฺหํ ธมฺมํ เทเสถา’’ติ อาหฯ

    Asadisadāne panesa lābho matthakaṃ patto. Ekasmiṃ kira samaye bhagavati janapadacārikaṃ caritvā jetavanaṃ sampatte rājā nimantetvā dānaṃ adāsi. Dutiyadivase nāgarā adaṃsu. Puna tesaṃ dānato atirekaṃ rājā, tassa dānato atirekaṃ nāgarāti evaṃ bahūsu divasesu gatesu rājā cintesi – ‘‘ime nāgarā divase divase atirekataraṃ karonti, pathavissaro pana rājā nāgarehi dāne parājitoti garahā bhavissatī’’ti. Athassa mallikā upāyaṃ ācikkhi. So rājaṅgaṇe sālakalyāṇipadarehi maṇḍapaṃ kāretvā taṃ nīluppalehi chādetvā pañca āsanasatāni paññāpetvā pañca hatthisatāni āsanānaṃ pacchābhāge ṭhapetvā ekekena hatthinā ekekassa bhikkhuno setacchattaṃ dhārāpesi. Dvinnaṃ dvinnaṃ āsanānaṃ antare sabbālaṅkārapaṭimaṇḍitā ekekā khattiyadhītā catujjātiyagandhaṃ pisati. Niṭṭhitaṃ niṭṭhitaṃ majjhaṭṭhāne gandhambaṇe pakkhipati, taṃ aparā khattiyadhītā nīluppalahatthakena samparivatteti. Evaṃ ekekassa bhikkhuno tisso tisso khattiyadhītaro parivārā, aparā sabbālaṅkārapaṭimaṇḍitā itthī tālavaṇṭaṃ gahetvā bījati, aññā dhamakaraṇaṃ gahetvā udakaṃ parissāveti, aññā pattato udakaṃ harati. Bhagavato cattāri anagghāni ahesuṃ. Pādakathalikā ādhārako apassenaphalakaṃ chattapādamaṇīti imāni cattāri anagghāni ahesuṃ. Saṅghanavakassa deyyadhammo satasahassaṃ agghati. Tasmiñca dāne aṅgulimālatthero saṅghanavako ahosi. Tassa āsanasamīpe ānīto hatthī taṃ upagantuṃ nāsakkhi. Tato rañño ārocesuṃ. Rājā – ‘‘añño hatthī natthī’’ti? Duṭṭhahatthī pana atthi, ānetuṃ na sakkāti. Sammāsambuddho – saṅghanavako kataro mahārājāti? Aṅgulimālatthero bhagavāti. Tena hi taṃ duṭṭhahatthiṃ ānetvā ṭhapetu, mahārājāti. Hatthiṃ maṇḍayitvā ānayiṃsu. So therassa tejena nāsāvātasañcaraṇamattampi kātuṃ nāsakkhi. Evaṃ nirantaraṃ satta divasāni dānaṃ dīyittha. Sattame divase rājā dasabalaṃ vanditvā – ‘‘bhagavā mayhaṃ dhammaṃ desethā’’ti āha.

    ตสฺสญฺจ ปริสติ กาโฬ จ ชุโณฺห จาติ เทฺว อมจฺจา โหนฺติฯ กาโฬ จิเนฺตสิ – ‘‘นสฺสติ ราชกุลสฺส สนฺตกํ, กิํ นาเมเต เอตฺตกา ชนา กริสฺสนฺติ, ภุญฺชิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา นิทฺทายิสฺสเนฺตว, อิทํ ปน เอโก ราชปุริโส ลภิตฺวา กิํ นาม น กเรยฺย, อโห นสฺสติ รโญฺญ สนฺตก’’นฺติฯ ชุโณฺห จิเนฺตสิ – ‘‘มหนฺตํ อิทํ ราชตฺตนํ นาม, โก อโญฺญ อิทํ กาตุํ สกฺขิสฺสติ? กิํ ราชา นาม โส, โย ราชตฺตเน ฐิโตปิ เอวรูปํ ทานํ ทาตุํ น สโกฺกตี’’ติฯ ภควา ปริสาย อชฺฌาสยํ โอโลเกโนฺต เตสํ ทฺวินฺนํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา – ‘‘สเจ อชฺช ชุณฺหสฺส อชฺฌาสเยน ธมฺมกถํ กเถมิ, กาฬสฺส สตฺตธา มุทฺธา ผลิสฺสติ ฯ มยา โข ปน สตฺตานุทฺทยตาย ปารมิโย ปูริตาฯ ชุโณฺห อญฺญสฺมิมฺปิ ทิวเส มยิ ธมฺมํ กถยเนฺต มคฺคผลํ ปฎิวิชฺฌิสฺสติ, อิทานิ ปน กาฬํ โอโลเกสฺสามี’’ติ รโญฺญ จตุปฺปทิกเมว คาถํ อภาสิ –

    Tassañca parisati kāḷo ca juṇho cāti dve amaccā honti. Kāḷo cintesi – ‘‘nassati rājakulassa santakaṃ, kiṃ nāmete ettakā janā karissanti, bhuñjitvā vihāraṃ gantvā niddāyissanteva, idaṃ pana eko rājapuriso labhitvā kiṃ nāma na kareyya, aho nassati rañño santaka’’nti. Juṇho cintesi – ‘‘mahantaṃ idaṃ rājattanaṃ nāma, ko añño idaṃ kātuṃ sakkhissati? Kiṃ rājā nāma so, yo rājattane ṭhitopi evarūpaṃ dānaṃ dātuṃ na sakkotī’’ti. Bhagavā parisāya ajjhāsayaṃ olokento tesaṃ dvinnaṃ ajjhāsayaṃ viditvā – ‘‘sace ajja juṇhassa ajjhāsayena dhammakathaṃ kathemi, kāḷassa sattadhā muddhā phalissati . Mayā kho pana sattānuddayatāya pāramiyo pūritā. Juṇho aññasmimpi divase mayi dhammaṃ kathayante maggaphalaṃ paṭivijjhissati, idāni pana kāḷaṃ olokessāmī’’ti rañño catuppadikameva gāthaṃ abhāsi –

    ‘‘น เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺติ,

    ‘‘Na ve kadariyā devalokaṃ vajanti,

    พาลา หเว นปฺปสํสนฺติ ทานํ;

    Bālā have nappasaṃsanti dānaṃ;

    ธีโร จ ทานํ อนุโมทมาโน,

    Dhīro ca dānaṃ anumodamāno,

    เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถา’’ติฯ (ธ. ป. ๑๗๗);

    Teneva so hoti sukhī paratthā’’ti. (dha. pa. 177);

    ราชา อนตฺตมโน หุตฺวา – ‘‘มยา มหาทานํ ทินฺนํ, สตฺถา จ เม มนฺทเมว ธมฺมํ กเถสิ, นาสกฺขิํ มเญฺญ ทสพลสฺส จิตฺตํ คเหตุ’’นฺติฯ โส ภุตฺตปาตราโส วิหารํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘มยา, ภเนฺต, มหนฺตํ ทานํ ทินฺนํ, อนุโมทนา จ เม น มหตี กตา, โก นุ โข เม, ภเนฺต, โทโส’’ติ? นตฺถิ, มหาราช, ตว โทโส, ปริสา ปน อปริสุทฺธา, ตสฺมา ธมฺมํ น เทเสสินฺติฯ กสฺมา ปน ภควา ปริสา น สุทฺธาติ? สตฺถา ทฺวินฺนํ อมจฺจานํ ปริวิตกฺกํ อาโรเจสิฯ ราชา กาฬํ ปุจฺฉิ – ‘‘เอวํ, ตาต, กาฬา’’ติ? ‘‘เอวํ, มหาราชา’’ติฯ ‘‘มยิ มม สนฺตกํ ททมาเน ตว กตรํ ฐานํ รุชฺชติ, น ตํ สโกฺกมิ ปสฺสิตุํ, ปพฺพาเชถ นํ มม รฎฺฐโต’’ติ อาหฯ ตโต ชุณฺหํ ปโกฺกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘เอวํ กิร, ตาต, จิเนฺตสี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติฯ ‘‘ตว จิตฺตานุรูปเมว โหตู’’ติ ตสฺมิํเยว มณฺฑเป เอวํ ปญฺญเตฺตสุเยว อาสเนสุ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ นิสีทาเปตฺวา ตาเยว ขตฺติยธีตโร ปริวาราเปตฺวา ราชเคหโต ธนํ คเหตฺวา มยา ทินฺนสทิสเมว สตฺต ทิวสานิ ทานํ เทหีติฯ โส ตถา อทาสิฯ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส – ‘‘ธมฺมํ ภควา เทเสถา’’ติ อาหฯ

    Rājā anattamano hutvā – ‘‘mayā mahādānaṃ dinnaṃ, satthā ca me mandameva dhammaṃ kathesi, nāsakkhiṃ maññe dasabalassa cittaṃ gahetu’’nti. So bhuttapātarāso vihāraṃ gantvā bhagavantaṃ vanditvā pucchi – ‘‘mayā, bhante, mahantaṃ dānaṃ dinnaṃ, anumodanā ca me na mahatī katā, ko nu kho me, bhante, doso’’ti? Natthi, mahārāja, tava doso, parisā pana aparisuddhā, tasmā dhammaṃ na desesinti. Kasmā pana bhagavā parisā na suddhāti? Satthā dvinnaṃ amaccānaṃ parivitakkaṃ ārocesi. Rājā kāḷaṃ pucchi – ‘‘evaṃ, tāta, kāḷā’’ti? ‘‘Evaṃ, mahārājā’’ti. ‘‘Mayi mama santakaṃ dadamāne tava kataraṃ ṭhānaṃ rujjati, na taṃ sakkomi passituṃ, pabbājetha naṃ mama raṭṭhato’’ti āha. Tato juṇhaṃ pakkosāpetvā pucchi – ‘‘evaṃ kira, tāta, cintesī’’ti? ‘‘Āma, mahārājā’’ti. ‘‘Tava cittānurūpameva hotū’’ti tasmiṃyeva maṇḍape evaṃ paññattesuyeva āsanesu pañca bhikkhusatāni nisīdāpetvā tāyeva khattiyadhītaro parivārāpetvā rājagehato dhanaṃ gahetvā mayā dinnasadisameva satta divasāni dānaṃ dehīti. So tathā adāsi. Datvā sattame divase – ‘‘dhammaṃ bhagavā desethā’’ti āha.

    สตฺถา ทฺวินฺนมฺปิ ทานานํ อนุโมทนํ เอกโต กตฺวา เทฺว มหานทิโย เอโกฆปุณฺณา กุรุมาโน วิย มหาธมฺมเทสนํ เทเสสิฯ เทสนาปริโยสาเน ชุโณฺห โสตาปโนฺน อโหสิฯ ราชา ปสีทิตฺวา ทสพลสฺส พาหิรวตฺถุํ นาม อทาสิฯ เอวํ อภินิปฺผโนฺน โข ปน ตสฺส ภควโต ลาโภติ เวทิตโพฺพฯ

    Satthā dvinnampi dānānaṃ anumodanaṃ ekato katvā dve mahānadiyo ekoghapuṇṇā kurumāno viya mahādhammadesanaṃ desesi. Desanāpariyosāne juṇho sotāpanno ahosi. Rājā pasīditvā dasabalassa bāhiravatthuṃ nāma adāsi. Evaṃ abhinipphanno kho pana tassa bhagavato lābhoti veditabbo.

    อภินิปฺผโนฺน สิโลโกติ วณฺณคุณกิตฺตนํฯ โสปิ ภควโต ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต ปฎฺฐาย อภินิปฺผโนฺนฯ ตโต ปฎฺฐาย หิ ภควโต ขตฺติยาปิ วณฺณํ กเถนฺติฯ พฺราหฺมณาปิ คหปตโยปิ นาคา สุปณฺณา คนฺธพฺพา เทวตา พฺรหฺมาโนปิ กิตฺติํ วตฺวา – ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินาฯ อญฺญติตฺถิยาปิ วรโรชสฺส สหสฺสํ ทตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ กเถหีติ อุโยฺยเชสุํฯ โส สหสฺสํ คเหตฺวา ทสพลํ ปาทตลโต ปฎฺฐาย ยาว เกสนฺตา อปโลกยมาโน ลิกฺขามตฺตมฺปิ วชฺชํ อทิสฺวา – ‘‘วิปฺปกิณฺณทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณ อสีติอนุพฺยญฺชนวิภูสิเต พฺยามปฺปภาปริกฺขิเตฺต สุผุลฺลิตปาริจฺฉตฺตกตาราคณสมุชฺชลิตอนฺตลิกฺขวิจิตฺตกุสุมสสฺสิริกนนฺทนวนสทิเส อนวชฺชอตฺตภาเว อวณฺณํ วทนฺตสฺส มุขมฺปิ วิปริวเตฺตยฺย, มุทฺธาปิ สตฺตธา ผเลยฺย, อวณฺณํ วตฺตุํ อุปาโย นตฺถิ, วณฺณเมว วทิสฺสามี’’ติ ปาทตลโต ปฎฺฐาย ยาว เกสนฺตา อติเรกปทสหเสฺสน วณฺณเมว กเถสิฯ ยมกปาฎิหาริเย ปเนส วโณฺณ นาม มตฺถกํ ปโตฺตฯ เอวํ อภินิปฺผโนฺน สิโลโกติฯ

    Abhinipphannosilokoti vaṇṇaguṇakittanaṃ. Sopi bhagavato dhammacakkappavattanato paṭṭhāya abhinipphanno. Tato paṭṭhāya hi bhagavato khattiyāpi vaṇṇaṃ kathenti. Brāhmaṇāpi gahapatayopi nāgā supaṇṇā gandhabbā devatā brahmānopi kittiṃ vatvā – ‘‘itipi so bhagavā’’tiādinā. Aññatitthiyāpi vararojassa sahassaṃ datvā samaṇassa gotamassa avaṇṇaṃ kathehīti uyyojesuṃ. So sahassaṃ gahetvā dasabalaṃ pādatalato paṭṭhāya yāva kesantā apalokayamāno likkhāmattampi vajjaṃ adisvā – ‘‘vippakiṇṇadvattiṃsamahāpurisalakkhaṇe asītianubyañjanavibhūsite byāmappabhāparikkhitte suphullitapāricchattakatārāgaṇasamujjalitaantalikkhavicittakusumasassirikanandanavanasadise anavajjaattabhāve avaṇṇaṃ vadantassa mukhampi viparivatteyya, muddhāpi sattadhā phaleyya, avaṇṇaṃ vattuṃ upāyo natthi, vaṇṇameva vadissāmī’’ti pādatalato paṭṭhāya yāva kesantā atirekapadasahassena vaṇṇameva kathesi. Yamakapāṭihāriye panesa vaṇṇo nāma matthakaṃ patto. Evaṃ abhinipphanno silokoti.

    ยาว มเญฺญ ขตฺติยาติ ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา สุทฺทา นาคา สุปณฺณา ยกฺขา อสุรา เทวา พฺรหฺมาโนติ สเพฺพว เต สมฺปิยายมานรูปา หฎฺฐตุฎฺฐา วิหรนฺติฯ วิคตมโท โข ปนาติ เอตฺตกา มํ ชนา สมฺปิยายมานรูปา วิหรนฺตีติ น มทปมโตฺต หุตฺวา ทวาทิวเสน อาหารํ อาหาเรติ, อญฺญทตฺถุ วิคตมโท โข ปน โส ภควา อาหารํ อาหาเรติฯ

    Yāva maññe khattiyāti khattiyā brāhmaṇā vessā suddā nāgā supaṇṇā yakkhā asurā devā brahmānoti sabbeva te sampiyāyamānarūpā haṭṭhatuṭṭhā viharanti. Vigatamado kho panāti ettakā maṃ janā sampiyāyamānarūpā viharantīti na madapamatto hutvā davādivasena āhāraṃ āhāreti, aññadatthu vigatamado kho pana so bhagavā āhāraṃ āhāreti.

    ยถาวาทีติ ยํ วาจาย วทติ, ตทนฺวยเมวสฺส กายกมฺมํ โหติฯ ยญฺจ กาเยน กโรติ, ตทนฺวยเมวสฺส วจีกมฺมํ โหติฯ กาโย วา วาจํ, วาจา วา กายํ นาติกฺกมติ, วาจา กาเยน, กาโย จ วาจาย สเมติฯ ยถา จ –

    Yathāvādīti yaṃ vācāya vadati, tadanvayamevassa kāyakammaṃ hoti. Yañca kāyena karoti, tadanvayamevassa vacīkammaṃ hoti. Kāyo vā vācaṃ, vācā vā kāyaṃ nātikkamati, vācā kāyena, kāyo ca vācāya sameti. Yathā ca –

    ‘‘วาเมน สูกโร โหติ, ทกฺขิเณน อชามิโค;

    ‘‘Vāmena sūkaro hoti, dakkhiṇena ajāmigo;

    สเรน เนลโก โหติ, วิสาเณน ชรคฺคโว’’ติฯ –

    Sarena nelako hoti, visāṇena jaraggavo’’ti. –

    อยํ สูกรยโกฺข สูกเร ทิสฺวา สูกรสทิสํ วามปสฺสํ ทเสฺสตฺวา เต คเหตฺวา ขาทติ, อชามิเค ทิสฺวา ตํสทิสํ ทกฺขิณปสฺสํ ทเสฺสตฺวา เต คเหตฺวา ขาทติ, เนลกวจฺฉเก ทิสฺวา วจฺฉกรวํ รวโนฺต เต คเหตฺวา ขาทติ, โคเณ ทิสฺวา เตสํ วิสาณสทิสานิ วิสาณานิ มาเปตฺวา เต ทูรโตว – ‘‘โคโณ วิย ทิสฺสตี’’ติ เอวํ อุปคเต คเหตฺวา ขาทติฯ ยถา จ ธมฺมิกวายสชาตเก สกุเณหิ ปุโฎฺฐ วายโส – ‘‘อหํ วาตภโกฺข, วาตภกฺขตาย มุขํ วิวริตฺวา ปาณกานญฺจ มรณภเยน เอเกเนว ปาเทน ฐิโต, ตสฺมา ตุเมฺหปิ –

    Ayaṃ sūkarayakkho sūkare disvā sūkarasadisaṃ vāmapassaṃ dassetvā te gahetvā khādati, ajāmige disvā taṃsadisaṃ dakkhiṇapassaṃ dassetvā te gahetvā khādati, nelakavacchake disvā vacchakaravaṃ ravanto te gahetvā khādati, goṇe disvā tesaṃ visāṇasadisāni visāṇāni māpetvā te dūratova – ‘‘goṇo viya dissatī’’ti evaṃ upagate gahetvā khādati. Yathā ca dhammikavāyasajātake sakuṇehi puṭṭho vāyaso – ‘‘ahaṃ vātabhakkho, vātabhakkhatāya mukhaṃ vivaritvā pāṇakānañca maraṇabhayena ekeneva pādena ṭhito, tasmā tumhepi –

    ‘‘ธมฺมํ จรถ ภทฺทํ โว, ธมฺมํ จรถ ญาตโย;

    ‘‘Dhammaṃ caratha bhaddaṃ vo, dhammaṃ caratha ñātayo;

    ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมิํ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติฯ

    Dhammacārī sukhaṃ seti, asmiṃ loke paramhi cā’’ti.

    สกุเณสุ วิสฺสาสํ อุปฺปาเทสิ, ตโต –

    Sakuṇesu vissāsaṃ uppādesi, tato –

    ‘‘ภทฺทโก วตายํ ปกฺขี, ทิโช ปรมธมฺมิโก;

    ‘‘Bhaddako vatāyaṃ pakkhī, dijo paramadhammiko;

    เอกปาเทน ติฎฺฐโนฺต, ธโมฺม ธโมฺมติ ภาสตี’’ติฯ

    Ekapādena tiṭṭhanto, dhammo dhammoti bhāsatī’’ti.

    เอวํ วิสฺสาสมาคเต สกุเณ ขาทิตฺถฯ เตน เตสํ วาจา กาเยน, กาโย จ วาจาย น สเมติ, น เอวํ ภควโตฯ ภควโต ปน วาจา กาเยน, กาโย จ วาจาย สเมติเยวาติ ทเสฺสติฯ

    Evaṃ vissāsamāgate sakuṇe khādittha. Tena tesaṃ vācā kāyena, kāyo ca vācāya na sameti, na evaṃ bhagavato. Bhagavato pana vācā kāyena, kāyo ca vācāya sametiyevāti dasseti.

    ติณฺณา ตริตา วิจิกิจฺฉา อสฺสาติ ติณฺณวิจิกิโจฺฉฯ ‘‘กถมิทํ กถมิท’’นฺติ เอวรูปา วิคตา กถํกถา อสฺสาติ วิคตกถํกโถฯ ยถา หิ มหาชโน – ‘‘อยํ รุโกฺข, กิํ รุโกฺข นาม, อยํ คาโม, อยํ ชนปโท, อิทํ รฎฺฐํ, กิํ รฎฺฐํ นาม, กสฺมา นุ โข อยํ รุโกฺข อุชุกฺขโนฺธ, อยํ วงฺกกฺขโนฺธ, กสฺมา กณฺฎโก โกจิ อุชุโก โหติ, โกจิ วโงฺก, ปุปฺผํ กิญฺจิ สุคนฺธํ, กิญฺจิ ทุคฺคนฺธํ, ผลํ กิญฺจิ มธุรํ, กิญฺจิ อมธุร’’นฺติ สกโงฺขว โหติ, น เอวํ สตฺถาฯ สตฺถา หิ – ‘‘อิเมสํ นาม ธาตูนํ อุสฺสนฺนุสฺสนฺนตฺตา อิทํ เอวํ โหตี’’ติ วิคตกถํกโถว ฯ ยถา จ ปฐมชฺฌานาทิลาภีนํ ทุติยชฺฌานาทีสุ กงฺขา โหติฯ ปเจฺจกพุทฺธานมฺปิ หิ สพฺพญฺญุตญฺญาเณ ยาถาวสนฺนิฎฺฐานาภาวโต โวหารวเสน กงฺขา นาม โหติเยว, น เอวํ พุทฺธสฺสฯ โส หิ ภควา สพฺพตฺถ วิคตกถํกโถติ ทเสฺสติฯ

    Tiṇṇā taritā vicikicchā assāti tiṇṇavicikiccho. ‘‘Kathamidaṃ kathamida’’nti evarūpā vigatā kathaṃkathā assāti vigatakathaṃkatho. Yathā hi mahājano – ‘‘ayaṃ rukkho, kiṃ rukkho nāma, ayaṃ gāmo, ayaṃ janapado, idaṃ raṭṭhaṃ, kiṃ raṭṭhaṃ nāma, kasmā nu kho ayaṃ rukkho ujukkhandho, ayaṃ vaṅkakkhandho, kasmā kaṇṭako koci ujuko hoti, koci vaṅko, pupphaṃ kiñci sugandhaṃ, kiñci duggandhaṃ, phalaṃ kiñci madhuraṃ, kiñci amadhura’’nti sakaṅkhova hoti, na evaṃ satthā. Satthā hi – ‘‘imesaṃ nāma dhātūnaṃ ussannussannattā idaṃ evaṃ hotī’’ti vigatakathaṃkathova . Yathā ca paṭhamajjhānādilābhīnaṃ dutiyajjhānādīsu kaṅkhā hoti. Paccekabuddhānampi hi sabbaññutaññāṇe yāthāvasanniṭṭhānābhāvato vohāravasena kaṅkhā nāma hotiyeva, na evaṃ buddhassa. So hi bhagavā sabbattha vigatakathaṃkathoti dasseti.

    ปริโยสิตสงฺกโปฺปติ ยถา เกจิ สีลมเตฺตน, เกจิ วิปสฺสนามเตฺตน, เกจิ ปฐมชฺฌาเนน…เป.… เกจิ เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยา, เกจิ โสตาปนฺนภาวมเตฺตน…เป.… เกจิ อรหเตฺตน, เกจิ สาวกปารมีญาเณน, เกจิ ปเจฺจกโพธิญาเณน ปริโยสิตสงฺกปฺปา ปริปุณฺณมโนรถา โหนฺติ, น เอวํ มม สตฺถาฯ มม ปน สตฺถา สพฺพญฺญุตญฺญาเณน ปริโยสิตสงฺกโปฺปติ ทเสฺสติฯ

    Pariyositasaṅkappoti yathā keci sīlamattena, keci vipassanāmattena, keci paṭhamajjhānena…pe… keci nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyā, keci sotāpannabhāvamattena…pe… keci arahattena, keci sāvakapāramīñāṇena, keci paccekabodhiñāṇena pariyositasaṅkappā paripuṇṇamanorathā honti, na evaṃ mama satthā. Mama pana satthā sabbaññutaññāṇena pariyositasaṅkappoti dasseti.

    อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริยนฺติ กรณเตฺถ ปจฺจตฺตวจนํ, อธิกาสเยน อุตฺตมนิสฺสยภูเตน อาทิพฺรหฺมจริเยน โปราณพฺรหฺมจริยภูเตน จ อริยมเคฺคน ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิคตกถํกโถ ปริโยสิตสงฺกโปฺปติ อโตฺถฯ ‘‘ปุเพฺพ อนนุสฺสุเตสุ ธเมฺมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ หิ วจนโต ปริโยสิตสงฺกปฺปตาปิ ภควโต อริยมเคฺคเนว นิปฺผนฺนาติฯ

    Ajjhāsayaṃ ādibrahmacariyanti karaṇatthe paccattavacanaṃ, adhikāsayena uttamanissayabhūtena ādibrahmacariyena porāṇabrahmacariyabhūtena ca ariyamaggena tiṇṇavicikiccho vigatakathaṃkatho pariyositasaṅkappoti attho. ‘‘Pubbe ananussutesu dhammesu sāmaṃ saccāni abhisambujjhi, tattha ca sabbaññutaṃ patto, balesu ca vasībhāva’’nti hi vacanato pariyositasaṅkappatāpi bhagavato ariyamaggeneva nipphannāti.

    ๒๙๗. ยถริว ภควาติ ยถา ภควา, เอวํ เอกสฺมิํ ชมฺพุทีปตเล จตูสุ ทิสาสุ จาริกํ จรมานา อโห วต จตฺตาโร ชินา ธมฺมํ เทเสยฺยุนฺติ ปจฺจาสิสมานา วทนฺติฯ อถาปเร ตีสุ มณฺฑเลสุ เอกโต วิจรณภาวํ อากงฺขมานา ตโย สมฺมาสมฺพุทฺธาติ อาหํสุฯ อปเร – ‘‘ทส ปารมิโย นาม ปูเรตฺวา จตุนฺนํ ติณฺณํ วา อุปฺปตฺติ ทุลฺลภา, สเจ ปน เอโก นิพทฺธวาสํ วสโนฺต ธมฺมํ เทเสยฺย, เอโก จาริกํ จรโนฺต, เอวมฺปิ ชมฺพุทีโป โสเภยฺย เจว, พหุญฺจ หิตสุขมธิคเจฺฉยฺยา’’ติ จิเนฺตตฺวา อโห วต, มาริสาติ อาหํสุฯ

    297.Yathariva bhagavāti yathā bhagavā, evaṃ ekasmiṃ jambudīpatale catūsu disāsu cārikaṃ caramānā aho vata cattāro jinā dhammaṃ deseyyunti paccāsisamānā vadanti. Athāpare tīsu maṇḍalesu ekato vicaraṇabhāvaṃ ākaṅkhamānā tayo sammāsambuddhāti āhaṃsu. Apare – ‘‘dasa pāramiyo nāma pūretvā catunnaṃ tiṇṇaṃ vā uppatti dullabhā, sace pana eko nibaddhavāsaṃ vasanto dhammaṃ deseyya, eko cārikaṃ caranto, evampi jambudīpo sobheyya ceva, bahuñca hitasukhamadhigaccheyyā’’ti cintetvā aho vata, mārisāti āhaṃsu.

    ๒๙๘. อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยนฺติ เอตฺถ ฐานํ อวกาโสติ อุภยเมตํ การณาธิวจนเมวฯ การณญฺหิ ติฎฺฐติ เอตฺถ ตทายตฺตวุตฺติตาย ผลนฺติ ฐานํฯ โอกาโส วิย จสฺส ตํ เตน วินา อญฺญตฺถ อภาวโตติ อวกาโสฯ นฺติ กรณเตฺถ ปจฺจตฺตํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘เยน การเณน เอกิสฺสา โลกธาตุยา เทฺว พุทฺธา เอกโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ, ตํ การณํ นตฺถี’’ติฯ

    298.Aṭṭhānametaṃ anavakāso yanti ettha ṭhānaṃ avakāsoti ubhayametaṃ kāraṇādhivacanameva. Kāraṇañhi tiṭṭhati ettha tadāyattavuttitāya phalanti ṭhānaṃ. Okāso viya cassa taṃ tena vinā aññattha abhāvatoti avakāso. Yanti karaṇatthe paccattaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘yena kāraṇena ekissā lokadhātuyā dve buddhā ekato uppajjeyyuṃ, taṃ kāraṇaṃ natthī’’ti.

    เอตฺถ จ –

    Ettha ca –

    ‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา, ปริหรนฺติ ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;

    ‘‘Yāvatā candimasūriyā, pariharanti disā bhanti virocanā;

    ตาว สหสฺสธา โลโก, เอตฺถ เต วตฺตเต วโส’’ติฯ (ม. นิ. ๑.๕๐๓) –

    Tāva sahassadhā loko, ettha te vattate vaso’’ti. (ma. ni. 1.503) –

    คาถาย เอกจกฺกวาฬเมว เอกา โลกธาตุฯ ‘‘สหสฺสี โลกธาตุ อกมฺปิตฺถา’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๒๖) อาคตฎฺฐาเน จกฺกวาฬสหสฺสํ เอกา โลกธาตุฯ ‘‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุํ สเรน วิญฺญาเปยฺย, โอภาเสน จ ผเรยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) อาคตฎฺฐาเน ติสหสฺสิมหาสหสฺสี เอกา โลกธาตุฯ ‘‘อยญฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตู’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๐๑) อาคตฎฺฐาเน ทสจกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกา โลกธาตุฯ ตํ สนฺธาย เอกิสฺสา โลกธาตุยาติ อาหฯ เอตฺตกญฺหิ ชาติเขตฺตํ นามฯ ตตฺราปิ ฐเปตฺวา อิมสฺมิํ จกฺกวาเฬ ชมฺพุทีปสฺส มชฺฌิมเทสํ น อญฺญตฺร พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ ชาติเขตฺตโต ปน ปรํ พุทฺธานํ อุปฺปตฺติฎฺฐานเมว น ปญฺญายติฯ เยนเตฺถนาติ เยน ปวารณสงฺคหเตฺถนฯ

    Gāthāya ekacakkavāḷameva ekā lokadhātu. ‘‘Sahassī lokadhātu akampitthā’’ti (a. ni. 3.126) āgataṭṭhāne cakkavāḷasahassaṃ ekā lokadhātu. ‘‘Ākaṅkhamāno, ānanda, tathāgato tisahassimahāsahassilokadhātuṃ sarena viññāpeyya, obhāsena ca phareyyā’’ti (a. ni. 3.81) āgataṭṭhāne tisahassimahāsahassī ekā lokadhātu. ‘‘Ayañca dasasahassī lokadhātū’’ti (ma. ni. 3.201) āgataṭṭhāne dasacakkavāḷasahassāni ekā lokadhātu. Taṃ sandhāya ekissā lokadhātuyāti āha. Ettakañhi jātikhettaṃ nāma. Tatrāpi ṭhapetvā imasmiṃ cakkavāḷe jambudīpassa majjhimadesaṃ na aññatra buddhā uppajjanti jātikhettato pana paraṃ buddhānaṃ uppattiṭṭhānameva na paññāyati. Yenatthenāti yena pavāraṇasaṅgahatthena.

    สนงฺกุมารกถาวณฺณนา

    Sanaṅkumārakathāvaṇṇanā

    ๓๐๐. วเณฺณน เจว ยสสา จาติ อลงฺการปริวาเรน จ ปุญฺญสิริยา จาติ อโตฺถฯ

    300.Vaṇṇena ceva yasasā cāti alaṅkāraparivārena ca puññasiriyā cāti attho.

    ๓๐๑. สาธุ มหาพฺรเหฺมติ เอตฺถ สมฺปสาทเน สาธุสโทฺทฯ สงฺขาย โมทามาติ ชานิตฺวา โมทามฯ

    301.Sādhu mahābrahmeti ettha sampasādane sādhusaddo. Saṅkhāya modāmāti jānitvā modāma.

    โควินฺทพฺราหฺมณวตฺถุวณฺณนา

    Govindabrāhmaṇavatthuvaṇṇanā

    ๓๐๔. ยาว ทีฆรตฺตํ มหาปโญฺญว โส ภควาติ เอตฺตกนฺติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา น สกฺกา วตฺตุํ, อถ โข ยาว ทีฆรตฺตํ อติจิรรตฺตํ มหาปโญฺญว โส ภควาฯ โนติ กถํ ตุเมฺห มญฺญถาติฯ อถ สยเมเวตํ ปญฺหํ พฺยากาตุกาโม – ‘‘อนจฺฉริยเมตํ, มาริสา, ยํ อิทานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิปลฺลเงฺก ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ ภินฺทิตฺวา ปฎิวิทฺธอสาธารณญาโณ โส ภควา มหาปโญฺญ ภเวยฺย, กิเมตฺถ อจฺฉริยํ, อปริปกฺกาย ปน โพธิยา ปเทสญาเณ ฐิตสฺส สราคาทิกาเลปิ มหาปญฺญภาวเมว โว, มาริสา, กเถสฺสามี’’ติ ภวปฎิจฺฉนฺนการณํ อาหริตฺวา ทเสฺสโนฺต ภูตปุพฺพํ โภติอาทิมาหฯ

    304.Yāva dīgharattaṃ mahāpaññova so bhagavāti ettakanti paricchinditvā na sakkā vattuṃ, atha kho yāva dīgharattaṃ aticirarattaṃ mahāpaññova so bhagavā. Noti kathaṃ tumhe maññathāti. Atha sayamevetaṃ pañhaṃ byākātukāmo – ‘‘anacchariyametaṃ, mārisā, yaṃ idāni pāramiyo pūretvā bodhipallaṅke tiṇṇaṃ mārānaṃ matthakaṃ bhinditvā paṭividdhaasādhāraṇañāṇo so bhagavā mahāpañño bhaveyya, kimettha acchariyaṃ, aparipakkāya pana bodhiyā padesañāṇe ṭhitassa sarāgādikālepi mahāpaññabhāvameva vo, mārisā, kathessāmī’’ti bhavapaṭicchannakāraṇaṃ āharitvā dassento bhūtapubbaṃ bhotiādimāha.

    ปุโรหิโตติ สพฺพกิจฺจานิ อนุสาสนปุโรหิโตฯ โควิโนฺทติ โควินฺทิยาภิเสเกน อภิสิโตฺต , ปกติยา ปนสฺส อญฺญเทว นามํ, อภิสิตฺตกาลโต ปฎฺฐาย ‘‘โควิโนฺท’’ติ สงฺขฺยํ คโตฯ โชติปาโลติ โชตนโต จ ปาลนโต จ โชติปาโลฯ ตสฺส กิร ชาตทิวเส สพฺพาวุธานิ อุโชฺชติํสุฯ ราชาปิ ปจฺจูสสมเย อตฺตโน มงฺคลาวุธํ ปชฺชลิตํ ทิสฺวา ภีโต อฎฺฐาสิฯ โควิโนฺท ปาโตว ราชูปฎฺฐานํ คนฺตฺวา สุขเสยฺยํ ปุจฺฉิ ราชา – ‘‘กุโต เม อาจริย, สุขเสยฺยา’’ติ วตฺวา ตํ การณํ อาโรเจสิฯ มา ภายิ, มหาราช, มยฺหํ ปุโตฺต ชาโต, ตสฺสานุภาเวน สกลนคเร อาวุธานิ ปชฺชลิํสูติฯ ราชา – ‘‘กิํ นุ โข เม กุมาโร ปจฺจตฺถิโก ภเวยฺยา’’ติ จิเนฺตตฺวา สุฎฺฐุตรํ ภายิฯ ‘‘กิํ วิตเกฺกสิ มหาราชา’’ติ จ ปุโฎฺฐ ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ อถ นํ โควิโนฺท ‘‘มา ภายิ มหาราช, เนโส กุมาโร ตุมฺหากํ ทุพฺภิสฺสติ, สกลชมฺพุทีเป ปน เตน สโม ปญฺญาย น ภวิสฺสติ, มม ปุตฺตสฺส วจเนน มหาชนสฺส กงฺขา ฉิชฺชิสฺสติ, ตุมฺหากญฺจ สพฺพกิจฺจานิ อนุสาสิสฺสตี’’ติ สมสฺสาเสติฯ ราชา ตุโฎฺฐ – ‘‘กุมารสฺส ขีรมูลํ โหตู’’ติ สหสฺสํ ทตฺวา ‘‘กุมารํ มหลฺลกกาเล มม ทเสฺสถา’’ติ อาหฯ กุมาโร อนุปุเพฺพน วุฑฺฒิมนุปฺปโตฺตฯ โชติตตฺตา ปนสฺส ปาลนสมตฺถตาย จ โชติปาโลเตฺวว นามํ อกํสุฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘โชตนโต จ ปาลนโต จ โชติปาโล’’ติฯ

    Purohitoti sabbakiccāni anusāsanapurohito. Govindoti govindiyābhisekena abhisitto , pakatiyā panassa aññadeva nāmaṃ, abhisittakālato paṭṭhāya ‘‘govindo’’ti saṅkhyaṃ gato. Jotipāloti jotanato ca pālanato ca jotipālo. Tassa kira jātadivase sabbāvudhāni ujjotiṃsu. Rājāpi paccūsasamaye attano maṅgalāvudhaṃ pajjalitaṃ disvā bhīto aṭṭhāsi. Govindo pātova rājūpaṭṭhānaṃ gantvā sukhaseyyaṃ pucchi rājā – ‘‘kuto me ācariya, sukhaseyyā’’ti vatvā taṃ kāraṇaṃ ārocesi. Mā bhāyi, mahārāja, mayhaṃ putto jāto, tassānubhāvena sakalanagare āvudhāni pajjaliṃsūti. Rājā – ‘‘kiṃ nu kho me kumāro paccatthiko bhaveyyā’’ti cintetvā suṭṭhutaraṃ bhāyi. ‘‘Kiṃ vitakkesi mahārājā’’ti ca puṭṭho tamatthaṃ ārocesi. Atha naṃ govindo ‘‘mā bhāyi mahārāja, neso kumāro tumhākaṃ dubbhissati, sakalajambudīpe pana tena samo paññāya na bhavissati, mama puttassa vacanena mahājanassa kaṅkhā chijjissati, tumhākañca sabbakiccāni anusāsissatī’’ti samassāseti. Rājā tuṭṭho – ‘‘kumārassa khīramūlaṃ hotū’’ti sahassaṃ datvā ‘‘kumāraṃ mahallakakāle mama dassethā’’ti āha. Kumāro anupubbena vuḍḍhimanuppatto. Jotitattā panassa pālanasamatthatāya ca jotipālotveva nāmaṃ akaṃsu. Tena vuttaṃ – ‘‘jotanato ca pālanato ca jotipālo’’ti.

    สมฺมา โวสฺสชฺชิตฺวาติ สมฺมา โวสฺสชฺชิตฺวาฯ อยเมว วา ปาโฐฯ อลมตฺถทสตโรติ สมโตฺถ ปฎิพโล อตฺถทโส อลมตฺถทโส, ตํ อลมตฺถทสํ ติเรตีติ อลมตฺถทสตโรฯ โชติปาลเสฺสว มาณวสฺส อนุสาสนิยาติ โสปิ โชติปาลํเยว ปุจฺฉิตฺวา อนุสาสตีติ ทเสฺสติฯ

    Sammā vossajjitvāti sammā vossajjitvā. Ayameva vā pāṭho. Alamatthadasataroti samattho paṭibalo atthadaso alamatthadaso, taṃ alamatthadasaṃ tiretīti alamatthadasataro. Jotipālasseva māṇavassa anusāsaniyāti sopi jotipālaṃyeva pucchitvā anusāsatīti dasseti.

    ๓๐๕. ภวมตฺถุ ภวนฺตํ โชติปาลนฺติ โภโต โชติปาลสฺส ภโว วุทฺธิ วิเสสาธิคโม สพฺพกลฺยาณเญฺจว มงฺคลญฺจ โหตูติ อโตฺถฯ สโมฺมทนียํ กถนฺติ? ‘‘อลํ, มหาราช, มา จินฺตยิ, ธุวธโมฺม เอส สพฺพสตฺตาน’’นฺติอาทินา นเยน มรณปฺปฎิสํยุตฺตํ โสกวิโนทนปฎิสนฺถารกถํ ปริโยสาเปตฺวาฯ มา โน ภวํ โชติปาโล อนุสาสนิยา ปจฺจพฺยาหาสีติ มา ปฎิพฺยากาสิ, ‘‘อนุสาสา’’ติ วุโตฺต – ‘‘นาหํ อนุสาสามี’’ติ โน มา อนุสาสนิยา ปจฺจกฺขาสีติ อโตฺถฯ อภิสโมฺภสีติ สํวิทหิตฺวา ปฎฺฐเปสิฯ มนุสฺสา เอวมาหํสูติ ตํ ปิตรา มหาปญฺญตรํ สพฺพกิจฺจานิ อนุสาสนฺตํ สพฺพกเมฺม อภิสมฺภวนฺตํ ทิสฺวา ตุฎฺฐจิตฺตา โควิโนฺท วต, โภ, พฺราหฺมโณ, มหาโควิโนฺท วต, โภ, พฺราหฺมโณติ เอวมาหํสุฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ, ‘‘โควิโนฺท วต, โภ, พฺราหฺมโณ อโหสิ เอตสฺส ปิตา; อยํ ปน มหาโควิโนฺท วต, โภ, พฺราหฺมโณ’’ติฯ

    305.Bhavamatthubhavantaṃ jotipālanti bhoto jotipālassa bhavo vuddhi visesādhigamo sabbakalyāṇañceva maṅgalañca hotūti attho. Sammodanīyaṃ kathanti? ‘‘Alaṃ, mahārāja, mā cintayi, dhuvadhammo esa sabbasattāna’’ntiādinā nayena maraṇappaṭisaṃyuttaṃ sokavinodanapaṭisanthārakathaṃ pariyosāpetvā. Mā no bhavaṃ jotipālo anusāsaniyāpaccabyāhāsīti mā paṭibyākāsi, ‘‘anusāsā’’ti vutto – ‘‘nāhaṃ anusāsāmī’’ti no mā anusāsaniyā paccakkhāsīti attho. Abhisambhosīti saṃvidahitvā paṭṭhapesi. Manussā evamāhaṃsūti taṃ pitarā mahāpaññataraṃ sabbakiccāni anusāsantaṃ sabbakamme abhisambhavantaṃ disvā tuṭṭhacittā govindo vata, bho, brāhmaṇo, mahāgovindo vata, bho, brāhmaṇoti evamāhaṃsu. Idaṃ vuttaṃ hoti, ‘‘govindo vata, bho, brāhmaṇo ahosi etassa pitā; ayaṃ pana mahāgovindo vata, bho, brāhmaṇo’’ti.

    รชฺชสํวิภชนวณฺณนา

    Rajjasaṃvibhajanavaṇṇanā

    ๓๐๖. เยน เต ฉ ขตฺติยาติ เย เต ‘‘สหายา’’ติ วุตฺตา ฉ ขตฺติยา, เต กิร เรณุสฺส เอกปิติกา กนิฎฺฐภาตโร, ตสฺมา มหาโควิโนฺท ‘‘อยํ อภิสิโตฺต เอเตสํ รชฺชสํวิภาคํ กเรยฺย วา น วา, ยํนูนาหํ เต ปฎิกเจฺจว เรณุสฺส สนฺติกํ เปเสตฺวา ปฎิญฺญํ คณฺหาเปยฺย’’นฺติ จิเนฺตโนฺต เยน เต ฉ ขตฺติยา เตนุปสงฺกมิฯ ราชกตฺตาโรติ ราชการกา อมจฺจาฯ

    306.Yenate cha khattiyāti ye te ‘‘sahāyā’’ti vuttā cha khattiyā, te kira reṇussa ekapitikā kaniṭṭhabhātaro, tasmā mahāgovindo ‘‘ayaṃ abhisitto etesaṃ rajjasaṃvibhāgaṃ kareyya vā na vā, yaṃnūnāhaṃ te paṭikacceva reṇussa santikaṃ pesetvā paṭiññaṃ gaṇhāpeyya’’nti cintento yena te cha khattiyā tenupasaṅkami. Rājakattāroti rājakārakā amaccā.

    ๓๐๗. มทนียา กามาติ มทกรา ปมาทกรา กามาฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล เอส อนุสฺสริตุมฺปิ น สกฺกุเณยฺย, ตสฺมา อายนฺตุ โภโนฺต อาคจฺฉนฺตูติ อโตฺถฯ

    307.Madanīyā kāmāti madakarā pamādakarā kāmā. Gacchante gacchante kāle esa anussaritumpi na sakkuṇeyya, tasmā āyantu bhonto āgacchantūti attho.

    ๓๐๘. สรามหํ โภติ ตทา กิร มนุสฺสานํ สจฺจวาทิกาโล โหติ, ตสฺมา ‘‘กทา มยา วุตฺตํ, เกน ทิฎฺฐํ, เกน สุต’’นฺติ อภูตํ อวตฺวา ‘‘สรามหํ โภ’’ติ อาหฯ สโมฺมทนียํ กถนฺติ กิํ มหาราช เทวตฺตํ คเต รเญฺญ มา จินฺตยิตฺถ, ธุวธโมฺม เอส สพฺพสตฺตานํ, เอวํภาวิโน สงฺขาราติ เอวรูปํ ปฎิสนฺถารกถํฯ สพฺพานิ สกฎมุขานิ ปฎฺฐเปสีติ สพฺพานิ ฉ รชฺชานิ สกฎมุขานิ ปฎฺฐเปสิฯ เอเกกสฺส รโญฺญ รชฺชํ ติโยชนสตํ โหติ, เรณุสฺส รโญฺญ รโชฺชสรณปเทโส ทสคาวุตํ, มเชฺฌ ปน เรณุสฺส รชฺชํ วิตานสทิสํ อโหสิฯ กสฺมา เอวํ ปฎฺฐเปสีติ? กาเลน กาลํ ราชานํ ปสฺสิตุํ อาคจฺฉนฺตา อญฺญสฺส รชฺชํ อปีเฬตฺวา อตฺตโน อตฺตโน รชฺชปเทเสเนว อาคมิสฺสนฺติ เจว คมิสฺสนฺติ จฯ ปรรชฺชํ โอติณฺณสฺส หิ – ‘‘ภตฺตํ เทถ, โคณํ เทถา’’ติ วทโต มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ – ‘‘อิเม ราชาโน อตฺตโน อตฺตโน วิชิเตน น คจฺฉนฺติ, อมฺหากํ ปีฬํ กโรนฺตี’’ติฯ อตฺตโน วิชิเตน คจฺฉนฺตสฺส ‘‘อมฺหากํ สนฺติกา อิมินา อิทญฺจิทญฺจ ลทฺธพฺพเมวา’’ติ มนุสฺสา ปีฬํ น มญฺญนฺติฯ อิมมตฺถํ จินฺตยิตฺวา มหาโควิโนฺท ‘‘สโมฺมทมานา ราชาโน จิรํ รชฺชมนุสาสนฺตู’’ติ เอวํ ปฎฺฐเปสิฯ

    308.Sarāmahaṃ bhoti tadā kira manussānaṃ saccavādikālo hoti, tasmā ‘‘kadā mayā vuttaṃ, kena diṭṭhaṃ, kena suta’’nti abhūtaṃ avatvā ‘‘sarāmahaṃ bho’’ti āha. Sammodanīyaṃ kathanti kiṃ mahārāja devattaṃ gate raññe mā cintayittha, dhuvadhammo esa sabbasattānaṃ, evaṃbhāvino saṅkhārāti evarūpaṃ paṭisanthārakathaṃ. Sabbāni sakaṭamukhāni paṭṭhapesīti sabbāni cha rajjāni sakaṭamukhāni paṭṭhapesi. Ekekassa rañño rajjaṃ tiyojanasataṃ hoti, reṇussa rañño rajjosaraṇapadeso dasagāvutaṃ, majjhe pana reṇussa rajjaṃ vitānasadisaṃ ahosi. Kasmā evaṃ paṭṭhapesīti? Kālena kālaṃ rājānaṃ passituṃ āgacchantā aññassa rajjaṃ apīḷetvā attano attano rajjapadeseneva āgamissanti ceva gamissanti ca. Pararajjaṃ otiṇṇassa hi – ‘‘bhattaṃ detha, goṇaṃ dethā’’ti vadato manussā ujjhāyanti – ‘‘ime rājāno attano attano vijitena na gacchanti, amhākaṃ pīḷaṃ karontī’’ti. Attano vijitena gacchantassa ‘‘amhākaṃ santikā iminā idañcidañca laddhabbamevā’’ti manussā pīḷaṃ na maññanti. Imamatthaṃ cintayitvā mahāgovindo ‘‘sammodamānā rājāno ciraṃ rajjamanusāsantū’’ti evaṃ paṭṭhapesi.

    ‘‘ทนฺตปุรํ กลิงฺคานํ, อสฺสกานญฺจ โปตนํ;

    ‘‘Dantapuraṃ kaliṅgānaṃ, assakānañca potanaṃ;

    มาหิสฺสติ อวนฺตีนํ, โสวีรานญฺจ โรทุกํฯ

    Māhissati avantīnaṃ, sovīrānañca rodukaṃ.

    มิถิลา จ วิเทหานํ, จมฺปา อเงฺคสุ มาปิตา;

    Mithilā ca videhānaṃ, campā aṅgesu māpitā;

    พาราณสี จ กาสีนํ, เอเต โควินฺทมาปิตา’’ติฯ –

    Bārāṇasī ca kāsīnaṃ, ete govindamāpitā’’ti. –

    เอตานิ สตฺต นครานิ มหาโควิเนฺทเนว เตสํ ราชูนํ อตฺถาย มาปิตานิฯ

    Etāni satta nagarāni mahāgovindeneva tesaṃ rājūnaṃ atthāya māpitāni.

    ‘‘สตฺตภู พฺรหฺมทโตฺต จ, เวสฺสภู ภรโต สห;

    ‘‘Sattabhū brahmadatto ca, vessabhū bharato saha;

    เรณุ เทฺว จ ธตรฎฺฐา, ตทาสุํ สตฺต ภารธา’’ติฯ –

    Reṇu dve ca dhataraṭṭhā, tadāsuṃ satta bhāradhā’’ti. –

    อิมานิ เตสํ สตฺตนฺนมฺปิ นามานิฯ เตสุ หิ เอโก สตฺตภู นาม อโหสิ, เอโก พฺรหฺมทโตฺต นาม, เอโก เวสฺสภู นาม, เอโก เตเนว สห ภรโต นาม, เอโก เรณุ นาม, เทฺว ปน ธตรฎฺฐาติ อิเม สตฺต ชมฺพุทีปตเล ภารธา มหาราชาโน อเหสุนฺติฯ

    Imāni tesaṃ sattannampi nāmāni. Tesu hi eko sattabhū nāma ahosi, eko brahmadatto nāma, eko vessabhū nāma, eko teneva saha bharato nāma, eko reṇu nāma, dve pana dhataraṭṭhāti ime satta jambudīpatale bhāradhā mahārājāno ahesunti.

    ปฐมภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    กิตฺติสทฺทอพฺภุคฺคมนวณฺณนา

    Kittisaddaabbhuggamanavaṇṇanā

    ๓๑๑. อุปสงฺกมิํสูติ ‘‘อมฺหากํ อยํ อิสฺสริยสมฺปตฺติ น อญฺญสฺสานุภาเวน, มหาโควินฺทสฺสานุภาเวน นิปฺผนฺนาฯ มหาโควิโนฺท อเมฺห สตฺต ราชาโน สมเคฺค กตฺวา ชมฺพุทีปตเล ปติฎฺฐาเปสิ, ปุพฺพูปการิสฺส ปน น สุกรา ปฎิกิริยา กาตุํฯ อเมฺห สตฺตปิ ชเน เอโสเยว อนุสาสตุ, เอตํเยว เสนาปติญฺจ ปุโรหิตญฺจ กโรม, เอวํ โน วุทฺธิ ภวิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา อุปสงฺกมิํสุฯ มหาโควิโนฺทปิ – ‘‘มยา เอเต สมคฺคา กตา, สเจ เอเตสํ อโญฺญ เสนาปติ ปุโรหิโต จ ภวิสฺสติ, ตโต อตฺตโน อตฺตโน เสนาปติปุโรหิตานํ วจนํ คเหตฺวา อญฺญมญฺญํ ภินฺทิสฺสนฺติ, อธิวาเสมิ เนสํ เสนาปติฎฺฐานญฺจ ปุโรหิตฎฺฐานญฺจา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘เอวํ โภ’’ติ ปจฺจโสฺสสิฯ

    311.Upasaṅkamiṃsūti ‘‘amhākaṃ ayaṃ issariyasampatti na aññassānubhāvena, mahāgovindassānubhāvena nipphannā. Mahāgovindo amhe satta rājāno samagge katvā jambudīpatale patiṭṭhāpesi, pubbūpakārissa pana na sukarā paṭikiriyā kātuṃ. Amhe sattapi jane esoyeva anusāsatu, etaṃyeva senāpatiñca purohitañca karoma, evaṃ no vuddhi bhavissatī’’ti cintetvā upasaṅkamiṃsu. Mahāgovindopi – ‘‘mayā ete samaggā katā, sace etesaṃ añño senāpati purohito ca bhavissati, tato attano attano senāpatipurohitānaṃ vacanaṃ gahetvā aññamaññaṃ bhindissanti, adhivāsemi nesaṃ senāpatiṭṭhānañca purohitaṭṭhānañcā’’ti cintetvā ‘‘evaṃ bho’’ti paccassosi.

    สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเลติ ‘‘อหํ สพฺพฎฺฐาเนสุ สมฺมุโข ภเวยฺยํ วา น วา, ยตฺถาหํ สมฺมุโข น ภวิสฺสามิ, ตเตฺถว เต กตฺตพฺพํ กริสฺสนฺตี’’ติ สตฺต อนุปุโรหิเต ฐเปสิฯ เต สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ – ‘‘สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล’’ติฯ ทิวสสฺส ทฺวิกฺขตฺตุํ วา สายํ ปาโต วา นหายนฺตีติ นหาตกาฯ วตจริยปริโยสาเน วา นหาตา, ตโต ปฎฺฐาย พฺราหฺมเณหิ สทฺธิํ น ขาทนฺติ น ปิวนฺตีติ นหาตกาฯ

    Satta ca brāhmaṇamahāsāleti ‘‘ahaṃ sabbaṭṭhānesu sammukho bhaveyyaṃ vā na vā, yatthāhaṃ sammukho na bhavissāmi, tattheva te kattabbaṃ karissantī’’ti satta anupurohite ṭhapesi. Te sandhāya idaṃ vuttaṃ – ‘‘satta ca brāhmaṇamahāsāle’’ti. Divasassa dvikkhattuṃ vā sāyaṃ pāto vā nahāyantīti nahātakā. Vatacariyapariyosāne vā nahātā, tato paṭṭhāya brāhmaṇehi saddhiṃ na khādanti na pivantīti nahātakā.

    ๓๑๒. อพฺภุคฺคจฺฉีติ อภิอุคฺคจฺฉิฯ ตทา กิร มนุสฺสานํ ‘‘น พฺรหฺมุนา สทฺธิํ อมเนฺตตฺวา สกฺกา เอวํ สกลชมฺพุทีปํ อนุสาสิตุ’’นฺติ นิสินฺนนิสินฺนฎฺฐาเน อยเมว กถา ปวตฺติตฺถฯ น โข ปนาหนฺติ มหาปุริโส กิร – ‘‘อยํ มยฺหํ อภูโต วโณฺณ อุปฺปโนฺน, วณฺณุปฺปตฺติ โข ปน น ภาริยา, อุปฺปนฺนสฺส วณฺณสฺส รกฺขนเมว ภาริยํ, อยญฺจ เม อจิเนฺตตฺวา อมเนฺตตฺวา กโรนฺตเสฺสว วโณฺณ อุปฺปโนฺนว, จิเนฺตตฺวา มเนฺตตฺวา กโรนฺตสฺส ปน วิตฺถาริกตโร ภวิสฺสตี’’ติ พฺรหฺมทสฺสเน อุปายํ ปริเยสโนฺต ตํ ทิสฺวา สุตํ โข ปน เมตนฺติอาทิอตฺถํ ปริวิตเกฺกสิฯ

    312.Abbhuggacchīti abhiuggacchi. Tadā kira manussānaṃ ‘‘na brahmunā saddhiṃ amantetvā sakkā evaṃ sakalajambudīpaṃ anusāsitu’’nti nisinnanisinnaṭṭhāne ayameva kathā pavattittha. Na kho panāhanti mahāpuriso kira – ‘‘ayaṃ mayhaṃ abhūto vaṇṇo uppanno, vaṇṇuppatti kho pana na bhāriyā, uppannassa vaṇṇassa rakkhanameva bhāriyaṃ, ayañca me acintetvā amantetvā karontasseva vaṇṇo uppannova, cintetvā mantetvā karontassa pana vitthārikataro bhavissatī’’ti brahmadassane upāyaṃ pariyesanto taṃ disvā sutaṃ kho pana metantiādiatthaṃ parivitakkesi.

    ๓๑๓. เยน เรณุ ราชา เตนุปสงฺกมีติ เอวํ เม อนฺตรา ทฎฺฐุกาโม วา สลฺลปิตุกาโม วา น ภวิสฺสติ, ยโต ฉินฺนปลิโพโธ สุขํ วิหริสฺสามีติ ปลิโพธุปเจฺฉทนตฺถํ อุปสงฺกมิ, เอส นโย สพฺพตฺถฯ

    313.Yenareṇu rājā tenupasaṅkamīti evaṃ me antarā daṭṭhukāmo vā sallapitukāmo vā na bhavissati, yato chinnapalibodho sukhaṃ viharissāmīti palibodhupacchedanatthaṃ upasaṅkami, esa nayo sabbattha.

    ๓๑๖. สาทิสิโยติ สมวณฺณา สมชาติกาฯ

    316.Sādisiyoti samavaṇṇā samajātikā.

    ๓๑๗. นวํ สนฺธาคารํ กาเรตฺวาติ รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานจงฺกมนสมฺปนฺนํ วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส วสนกฺขมํ พหิ นฬปริกฺขิตฺตํ วิจิตฺตํ อาวสถํ กาเรตฺวาฯ กรุณํ ฌานํ ฌายีติ กรุณาย ติกจตุกฺกชฺฌานํ ฌายิ, กรุณามุเขน ปเนตฺถ อวเสสาปิ ตโย พฺรหฺมวิหารา คหิตาวฯ อุกฺกณฺฐนา ปริตสฺสนาติ ฌานภูมิยํ ฐิตสฺส อนภิรติอุกฺกณฺฐนา วา ภยปริตสฺสนา วา นตฺถิ, พฺรหฺมุโน ปน อาคมนปตฺถนา อาคมนตณฺหา อหูติ อโตฺถฯ

    317.Navaṃ sandhāgāraṃ kāretvāti rattiṭṭhānadivāṭṭhānacaṅkamanasampannaṃ vassike cattāro māse vasanakkhamaṃ bahi naḷaparikkhittaṃ vicittaṃ āvasathaṃ kāretvā. Karuṇaṃ jhānaṃ jhāyīti karuṇāya tikacatukkajjhānaṃ jhāyi, karuṇāmukhena panettha avasesāpi tayo brahmavihārā gahitāva. Ukkaṇṭhanā paritassanāti jhānabhūmiyaṃ ṭhitassa anabhiratiukkaṇṭhanā vā bhayaparitassanā vā natthi, brahmuno pana āgamanapatthanā āgamanataṇhā ahūti attho.

    พฺรหฺมุนาสากจฺฉาวณฺณนา

    Brahmunāsākacchāvaṇṇanā

    ๓๑๘. ภยนฺติ จิตฺตุตฺราสภยเมวฯ อชานนฺตาติ อชานมานาฯ กถํ ชาเนมุ ตํ มยนฺติ (ที. นิ. ๒.๑๗๙) มยํ กินฺติ ตํ ชานาม, อยํ กตฺถวาสิโก, กินฺนาโม, กิํ โคโตฺตติอาทีนํ อาการานํ เกน อากาเรน ตํ ธารยามาติ อโตฺถฯ

    318.Bhayanti cittutrāsabhayameva. Ajānantāti ajānamānā. Kathaṃ jānemu taṃ mayanti (dī. ni. 2.179) mayaṃ kinti taṃ jānāma, ayaṃ katthavāsiko, kinnāmo, kiṃ gottotiādīnaṃ ākārānaṃ kena ākārena taṃ dhārayāmāti attho.

    มํ เว กุมารํ ชานนฺตีติ มํ ‘‘กุมาโร’’ติ ‘‘ทหโร’’ติ ชานนฺติฯ พฺรหฺมโลเกติ เสฎฺฐโลเกฯ สนนฺตนนฺติ จิรตนํ โปราณกํ ฯ อหํ โส โปราณกุมาโร สนงฺกุมาโร นาม พฺรหฺมาติ ทเสฺสติฯ เอวํ โควินฺท ชานาหีติ โควินฺท ปณฺฑิต, ตฺวํ เอวํ ชานาหิ, เอวํ มํ ธาเรหิฯ

    Maṃ ve kumāraṃ jānantīti maṃ ‘‘kumāro’’ti ‘‘daharo’’ti jānanti. Brahmaloketi seṭṭhaloke. Sanantananti ciratanaṃ porāṇakaṃ . Ahaṃ so porāṇakumāro sanaṅkumāro nāma brahmāti dasseti. Evaṃ govinda jānāhīti govinda paṇḍita, tvaṃ evaṃ jānāhi, evaṃ maṃ dhārehi.

    ‘‘อาสนํ อุทกํ ปชฺชํ, มธุสากญฺจ พฺรหฺมุโน;

    ‘‘Āsanaṃ udakaṃ pajjaṃ, madhusākañca brahmuno;

    อเคฺฆ ภวนฺตํ ปุจฺฉาม, อคฺฆํ กุรุตุ โน ภว’’นฺติฯ –

    Agghe bhavantaṃ pucchāma, agghaṃ kurutu no bhava’’nti. –

    เอตฺถ อคฺฆนฺติ อติถิโน อุปนาเมตพฺพํ วุจฺจติฯ เตเนว อิทมาสนํ ปญฺญตฺตํ, เอตฺถ นิสีทถ, อิทํ อุทกํ ปริสุทฺธํ, อิโต ปานียํ ปิวถ, ปาเท โธวถ, อิทํ ปชฺชํ ปาทานํ หิตตฺถาย อภิสงฺขตํ เตลํ, อิโต ปาเท มเกฺขถ, อิทํ มธุสากนฺติฯ โพธิสตฺตสฺส พฺรหฺมจริยํ น อเญฺญสํ พฺรหฺมจริยสทิสํ โหติ, น โส ‘‘อิทํ เสฺว, อิทํ ตติยทิวเส ภวิสฺสตี’’ติ สนฺนิธิํ นาม กโรติฯ มธุสากํ ปน อโลณํ อธูปนํ อตกฺกํ อุทเกน เสทิตสากํ, ตํ สนฺธาเยส – ‘‘อิทํ ปริภุญฺชถา’’ติ วทโนฺต ‘‘อเคฺฆ ภวนฺตํ ปุจฺฉามา’’ติอาทิมาหฯ อิเม สเพฺพปิ อคฺฆา พฺรหฺมุโน อตฺถิฯ เต อเคฺฆ ภวนฺตํ ปุจฺฉามฯ เอวํ ปุจฺฉนฺตานญฺจ อคฺฆํ กุรุตุ โน ภวํ, ปฎิคฺคณฺหาตุ โน ภวํ อิทมคฺฆนฺติ วุตฺตํ โหติฯ กิํ ปเนส – ‘‘อิโต เอกมฺปิ พฺรหฺมา น ภุญฺชตี’’ติ อิทํ น ชานาตีติฯ โน น ชานาติ, ชานโนฺตปิ อตฺตโน สนฺติเก อาคโต อติถิ ปุจฺฉิตโพฺพติ วตฺตสีเสน ปุจฺฉติฯ

    Ettha agghanti atithino upanāmetabbaṃ vuccati. Teneva idamāsanaṃ paññattaṃ, ettha nisīdatha, idaṃ udakaṃ parisuddhaṃ, ito pānīyaṃ pivatha, pāde dhovatha, idaṃ pajjaṃ pādānaṃ hitatthāya abhisaṅkhataṃ telaṃ, ito pāde makkhetha, idaṃ madhusākanti. Bodhisattassa brahmacariyaṃ na aññesaṃ brahmacariyasadisaṃ hoti, na so ‘‘idaṃ sve, idaṃ tatiyadivase bhavissatī’’ti sannidhiṃ nāma karoti. Madhusākaṃ pana aloṇaṃ adhūpanaṃ atakkaṃ udakena seditasākaṃ, taṃ sandhāyesa – ‘‘idaṃ paribhuñjathā’’ti vadanto ‘‘agghe bhavantaṃ pucchāmā’’tiādimāha. Ime sabbepi agghā brahmuno atthi. Te agghe bhavantaṃ pucchāma. Evaṃ pucchantānañca agghaṃ kurutu no bhavaṃ, paṭiggaṇhātu no bhavaṃ idamagghanti vuttaṃ hoti. Kiṃ panesa – ‘‘ito ekampi brahmā na bhuñjatī’’ti idaṃ na jānātīti. No na jānāti, jānantopi attano santike āgato atithi pucchitabboti vattasīsena pucchati.

    อถ โข พฺรหฺมา – ‘‘กิํ นุ โข ปณฺฑิโต มม ปริโภคกรณาภาวํ ญตฺวา ปุจฺฉติ, อุทาหุ โกหเญฺญ ฐตฺวา ปุจฺฉตี’’ติ สมนฺนาหรโนฺต ‘‘วตฺตสีเส ฐิโต ปุจฺฉตี’’ติ ญตฺวา ปฎิคฺคณฺหิตุํ ทานิ เม วฎฺฎตีติ ปฎิคฺคณฺหาม เต อคฺฆํ, ยํ ตฺวํ โควินฺท ภาสสีติ อาหฯ ยํ ตฺวํ โควินฺท ภาสสิ – ‘‘อิทมาสนํ ปญฺญตฺตํ, เอตฺถ นิสีทถา’’ติอาทิ, ตตฺร เต มยํ อาสเน นิสินฺนา นาม โหม, ปานียํ ปีตา นาม โหม, ปาทาปิ เม โธตา นาม โหนฺตุ, เตเลนปิ มกฺขิตา นาม โหนฺตุ, อุทกสากมฺปิ ปริภุตฺตํ นาม โหตุ, ตยา ทินฺนํ อธิวาสิตกาลโต ปฎฺฐาย ยํ ยํ ตฺวํ ภาสสิ, ตํ ตํ มยา ปฎิคฺคหิตเมว โหติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ปฎิคฺคณฺหาม เต อคฺฆํ, ยํ ตฺวํ โควินฺท ภาสสี’’ติฯ เอวํ ปน อคฺฆํ ปฎิคฺคณฺหิตฺวา ปญฺหสฺส โอกาสํ กโรโนฺต ทิฎฺฐธมฺมหิตตฺถายาติอาทิมาหฯ

    Atha kho brahmā – ‘‘kiṃ nu kho paṇḍito mama paribhogakaraṇābhāvaṃ ñatvā pucchati, udāhu kohaññe ṭhatvā pucchatī’’ti samannāharanto ‘‘vattasīse ṭhito pucchatī’’ti ñatvā paṭiggaṇhituṃ dāni me vaṭṭatīti paṭiggaṇhāma te agghaṃ, yaṃ tvaṃ govinda bhāsasīti āha. Yaṃ tvaṃ govinda bhāsasi – ‘‘idamāsanaṃ paññattaṃ, ettha nisīdathā’’tiādi, tatra te mayaṃ āsane nisinnā nāma homa, pānīyaṃ pītā nāma homa, pādāpi me dhotā nāma hontu, telenapi makkhitā nāma hontu, udakasākampi paribhuttaṃ nāma hotu, tayā dinnaṃ adhivāsitakālato paṭṭhāya yaṃ yaṃ tvaṃ bhāsasi, taṃ taṃ mayā paṭiggahitameva hoti. Tena vuttaṃ – ‘‘paṭiggaṇhāma te agghaṃ, yaṃ tvaṃ govinda bhāsasī’’ti. Evaṃ pana agghaṃ paṭiggaṇhitvā pañhassa okāsaṃ karonto diṭṭhadhammahitatthāyātiādimāha.

    กงฺขี อกงฺขิํ ปรเวทิเยสูติ อหํ สวิจิกิโจฺฉ ภวนฺตํ ปเรน สยํ อภิสงฺขตตฺตา ปรสฺส ปากเฎสุ ปรเวทิเยสุ ปเญฺหสุ นิพฺพิจิกิจฺฉํฯ

    Kaṅkhīakaṅkhiṃ paravediyesūti ahaṃ savicikiccho bhavantaṃ parena sayaṃ abhisaṅkhatattā parassa pākaṭesu paravediyesu pañhesu nibbicikicchaṃ.

    หิตฺวา มมตฺตนฺติ อิทํ มม, อิทํ มมาติ อุปกรณตณฺหํ จชิตฺวาฯ มนุเชสูติ สเตฺตสุ, มนุเชสุ โย โกจิ มนุโช มมตฺตํ หิตฺวาติ อโตฺถฯ เอโกทิภูโตติ เอกีภูโต, เอโก ติฎฺฐโนฺต เอโก นิสีทโนฺตติฯ วจนโตฺถ ปเนตฺถ เอโก อุเทติ ปวตฺตตีติ เอโกทิ, ตาทิโส ภูโตติ เอโกทิภูโต ฯ กรุเณธิมุโตฺตติ กรุณาฌาเน อธิมุโตฺต, ตํ ฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวาติ อโตฺถฯ นิรามคโนฺธติ วิสฺสคนฺธวิรหิโตฯ เอตฺถ ฐิโตติ เอเตสุ ธเมฺมสุ ฐิโตฯ เอตฺถ จ สิกฺขมาโนติ เอเตสุ ธเมฺมสุ สิกฺขมาโนฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน อุปริ มหาโควิเนฺทน จ พฺรหฺมุนา จ วุโตฺตเยวฯ

    Hitvā mamattanti idaṃ mama, idaṃ mamāti upakaraṇataṇhaṃ cajitvā. Manujesūti sattesu, manujesu yo koci manujo mamattaṃ hitvāti attho. Ekodibhūtoti ekībhūto, eko tiṭṭhanto eko nisīdantoti. Vacanattho panettha eko udeti pavattatīti ekodi, tādiso bhūtoti ekodibhūto . Karuṇedhimuttoti karuṇājhāne adhimutto, taṃ jhānaṃ nibbattetvāti attho. Nirāmagandhoti vissagandhavirahito. Ettha ṭhitoti etesu dhammesu ṭhito. Ettha ca sikkhamānoti etesu dhammesu sikkhamāno. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana upari mahāgovindena ca brahmunā ca vuttoyeva.

    ๓๒๐. ตตฺถ เอเต อวิทฺวาติ เอเต อามคเนฺธ อหํ อวิทฺวา, น ชานามีติ อโตฺถฯ อิธ พฺรูหิ ธีราติ เต เม ตฺวํ อิธ ธีร ปณฺฑิต, พฺรูหิ, วทฯ เกนาวฎา วาติ ปชา กุรุตูติ กตเมน กิเลสาวรเณน อาวริตา ปชา ปูติกา วายติฯ อาปายิกาติ อปายูปคาฯ นิวุตพฺรหฺมโลกาติ นิวุโต ปิหิโต พฺรหฺมโลโก อสฺสาติ นิวุตพฺรหฺมโลโกฯ กตเมน กิเลเสน ปชาย พฺรหฺมโลกูปโค มโคฺค นิวุโต ปิหิโต ปฎิจฺฉโนฺนติ ปุจฺฉติฯ

    320. Tattha ete avidvāti ete āmagandhe ahaṃ avidvā, na jānāmīti attho. Idha brūhi dhīrāti te me tvaṃ idha dhīra paṇḍita, brūhi, vada. Kenāvaṭā vāti pajā kurutūti katamena kilesāvaraṇena āvaritā pajā pūtikā vāyati. Āpāyikāti apāyūpagā. Nivutabrahmalokāti nivuto pihito brahmaloko assāti nivutabrahmaloko. Katamena kilesena pajāya brahmalokūpago maggo nivuto pihito paṭicchannoti pucchati.

    โกโธ โมสวชฺชํ นิกติ จ ทุโพฺภติ กุชฺฌนลกฺขโณ โกโธ จ, ปรวิสํวาทนลกฺขโณ มุสาวาโท จ, สทิสํ ทเสฺสตฺวา วญฺจนลกฺขณา นิกติ จ, มิตฺตทุพฺภนลกฺขโณ ทุโพฺภ จฯ กทริยตา อติมาโน อุสูยาติ ถทฺธมจฺฉริยลกฺขณา กทริยตา จ, อติกฺกมิตฺวา มญฺญนลกฺขโณ อติมาโน จ, ปรสมฺปตฺติขียนลกฺขณา อุสูยา จฯ อิจฺฉา วิวิจฺฉา ปรเหฐนา จาติ ตณฺหาลกฺขณา อิจฺฉา จ, มจฺฉริยลกฺขณา วิวิจฺฉา จ, วิหิํสาลกฺขณา ปรเหฐนา จฯ โลโภ จ โทโส จ มโท จ โมโหติ ยตฺถ กตฺถจิ ลุพฺภนลกฺขโณ โลโภ จ, ทุสฺสนลกฺขโณ โทโส จ, มชฺชนลกฺขโณ มโท จ, มุยฺหนลกฺขโณ โมโห จฯ เอเตสุ ยุตฺตา อนิรามคนฺธาติ เอเตสุ จุทฺทสสุ กิเลเสสุ ยุตฺตา ปชา นิรามคนฺธา น โหติ, อามคนฺธา สกุณปคนฺธา ปูติคนฺธาเยวาติ วทติฯ อาปายิกา นิวุตพฺรหฺมโลกาติ เอสา ปน อาปายิกา เจว โหติ, ปฎิจฺฉนฺนพฺรหฺมโลกมคฺคา จาติฯ อิทํ ปน สุตฺตํ กเถเนฺตน อามคนฺธสุเตฺตน ทีเปตฺวา กเถตพฺพํ, อามคนฺธสุตฺตมฺปิ อิมินา ทีเปตฺวา กเถตพฺพํฯ

    Kodho mosavajjaṃ nikati ca dubbhoti kujjhanalakkhaṇo kodho ca, paravisaṃvādanalakkhaṇo musāvādo ca, sadisaṃ dassetvā vañcanalakkhaṇā nikati ca, mittadubbhanalakkhaṇo dubbho ca. Kadariyatā atimāno usūyāti thaddhamacchariyalakkhaṇā kadariyatā ca, atikkamitvā maññanalakkhaṇo atimāno ca, parasampattikhīyanalakkhaṇā usūyā ca. Icchā vivicchā paraheṭhanā cāti taṇhālakkhaṇā icchā ca, macchariyalakkhaṇā vivicchā ca, vihiṃsālakkhaṇā paraheṭhanā ca. Lobho ca doso ca mado ca mohoti yattha katthaci lubbhanalakkhaṇo lobho ca, dussanalakkhaṇo doso ca, majjanalakkhaṇo mado ca, muyhanalakkhaṇo moho ca. Etesu yuttā anirāmagandhāti etesu cuddasasu kilesesu yuttā pajā nirāmagandhā na hoti, āmagandhā sakuṇapagandhā pūtigandhāyevāti vadati. Āpāyikā nivutabrahmalokāti esā pana āpāyikā ceva hoti, paṭicchannabrahmalokamaggā cāti. Idaṃ pana suttaṃ kathentena āmagandhasuttena dīpetvā kathetabbaṃ, āmagandhasuttampi iminā dīpetvā kathetabbaṃ.

    เต น สุนิมฺมทยาติ เต อามคนฺธา สุนิมฺมทยา สุเขน นิมฺมเทตพฺพา ปหาตพฺพา น โหนฺติ, ทุปฺปชหา ทุชฺชยาติ อโตฺถฯ ยสฺส ทานิ ภวํ โควิโนฺท กาลํ มญฺญตีติ ‘‘ยสฺสา ปพฺพชฺชาย ภวํ โควิโนฺท กาลํ มญฺญติ, อยเมว โหตุ, เอวํ สติ มยฺหมฺปิ ตว สนฺติเก อาคมนํ สฺวาคมนํ ภวิสฺสติ, กถิตธมฺมกถา สุกถิตา ภวิสฺสติ, ตฺวํ ตาต สกลชมฺพุทีเป อคฺคปุริโส ทหโร ปฐมวเย ฐิโต, เอวํ มหนฺตํ นาม สมฺปตฺติสิริวิลาสํ ปหาย ตว ปพฺพชนํ นาม คนฺธหตฺถิโน อยพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา คมนํ วิย อติอุฬารํ, พุทฺธตนฺติ นาเมสา’’ติ มหาปุริสสฺส ทฬฺหีกมฺมํ กตฺวา พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร พฺรหฺมโลกเมว คโตฯ

    Te na sunimmadayāti te āmagandhā sunimmadayā sukhena nimmadetabbā pahātabbā na honti, duppajahā dujjayāti attho. Yassa dāni bhavaṃ govindo kālaṃ maññatīti ‘‘yassā pabbajjāya bhavaṃ govindo kālaṃ maññati, ayameva hotu, evaṃ sati mayhampi tava santike āgamanaṃ svāgamanaṃ bhavissati, kathitadhammakathā sukathitā bhavissati, tvaṃ tāta sakalajambudīpe aggapuriso daharo paṭhamavaye ṭhito, evaṃ mahantaṃ nāma sampattisirivilāsaṃ pahāya tava pabbajanaṃ nāma gandhahatthino ayabandhanaṃ chinditvā gamanaṃ viya atiuḷāraṃ, buddhatanti nāmesā’’ti mahāpurisassa daḷhīkammaṃ katvā brahmā sanaṅkumāro brahmalokameva gato.

    เรณุราชอามนฺตนาวณฺณนา

    Reṇurājaāmantanāvaṇṇanā

    ๓๒๑. มหาปุริโสปิ ‘‘มม อิโตว นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนํ นาม น ยุตฺตํ, อหํ ราชกุลสฺส อตฺถํ อนุสาสามิ, ตสฺมา รโญฺญ อาโรเจสฺสามิฯ สเจ โสปิ ปพฺพชิสฺสติ, สุนฺทรเมวฯ โน เจ ปพฺพชิสฺสติ, ปุโรหิตฎฺฐานํ นิยฺยาเตตฺวา อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิ, เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข โภ มหาโควิโนฺท,…เป.… นาหํ โปโรหเจฺจ รเม’’ติฯ

    321. Mahāpurisopi ‘‘mama itova nikkhamitvā pabbajanaṃ nāma na yuttaṃ, ahaṃ rājakulassa atthaṃ anusāsāmi, tasmā rañño ārocessāmi. Sace sopi pabbajissati, sundarameva. No ce pabbajissati, purohitaṭṭhānaṃ niyyātetvā ahaṃ pabbajissāmī’’ti cintetvā rājānaṃ upasaṅkami, tena vuttaṃ – ‘‘atha kho bho mahāgovindo,…pe… nāhaṃ porohacce rame’’ti.

    ตตฺถ ตฺวํ ปชานสฺสุ รเชฺชนาติ ตว รเชฺชน ตฺวเมว ชานาหิฯ นาหํ โปโรหิเจฺจ รเมติ อหํ ปุโรหิตภาเว น รมามิ, อุกฺกณฺฐิโตสฺมิ, อญฺญํ อนุสาสกํ ชานาหิ, นาหํ โปโรหิเจฺจ รเมติฯ

    Tattha tvaṃ pajānassu rajjenāti tava rajjena tvameva jānāhi. Nāhaṃ porohicce rameti ahaṃ purohitabhāve na ramāmi, ukkaṇṭhitosmi, aññaṃ anusāsakaṃ jānāhi, nāhaṃ porohicce rameti.

    อถ ราชา – ‘‘ธุวํ จตฺตาโร มาเส ปฎิสลฺลีนสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห โภคา มนฺทา ชาตา’’ติ จิเนฺตตฺวา ธเนน นิมเนฺตโนฺต – ‘‘สเจ เต อูนํ กาเมหิฯ อหํ ปริปูรยามิ เต’’ติ วตฺวา ปุน – ‘‘กินฺนุ โข เอส เอกโก วิหรโนฺต เกนจิ วิหิํสิโต ภเวยฺยา’’ติ จิเนฺตตฺวา,

    Atha rājā – ‘‘dhuvaṃ cattāro māse paṭisallīnassa brāhmaṇassa gehe bhogā mandā jātā’’ti cintetvā dhanena nimantento – ‘‘sace te ūnaṃ kāmehi. Ahaṃ paripūrayāmi te’’ti vatvā puna – ‘‘kinnu kho esa ekako viharanto kenaci vihiṃsito bhaveyyā’’ti cintetvā,

    ‘‘โย ตํ หิํสติ วาเรมิ, ภูมิเสนาปติ อหํ;

    ‘‘Yo taṃ hiṃsati vāremi, bhūmisenāpati ahaṃ;

    ตุวํ ปิตา อหํ ปุโตฺต, มา โน โควินฺท ปาชหี’’ติฯ –

    Tuvaṃ pitā ahaṃ putto, mā no govinda pājahī’’ti. –

    อาห ฯ ตสฺสโตฺถ – โย ตํ หิํสติ, ตํ วาเรมิ, เกวลํ ตุเมฺห ‘‘อสุโก’’ติ อาจิกฺขถ, อหเมตฺถ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามีติฯ ภูมิเสนาปติ อหนฺติ อถ วา อหํ ปถวิยา สามี, สฺวาหํ อิมํ รชฺชํ ตุเมฺหเยว ปฎิจฺฉาเปสฺสามิฯ ตุวํ ปิตา อหํ ปุโตฺตติ ตฺวํ ปิติฎฺฐาเน ฐสฺสสิ, อหํ ปุตฺตฎฺฐาเนฯ โส ตฺวํ มม มนํ หริตฺวา อตฺตโนเยว มนํ โควินฺท, ปาเชหิ; ยถา อิจฺฉสิ ตถา ปวตฺตสฺสุฯ อหํ ปน ตว มนํเยว อนุวตฺตโนฺต ตยา ทินฺนปิณฺฑํ ปริภุญฺชโนฺต ตํ อสิจมฺมหโตฺถ วา อุปฎฺฐหิสฺสามิ, รถํ วา เต ปาเชสฺสามิฯ ‘‘มา โน โควินฺท, ปชหี’’ติ วา ปาโฐ ฯ ตสฺสโตฺถ – ตฺวํ ปิติฎฺฐาเน ติฎฺฐ, อหํ ปุตฺตฎฺฐาเน ฐสฺสามิฯ มา โน ตฺวํ โภ โควินฺท, ปชหิ, มา ปริจฺจชีติฯ อถ มหาปุริโส ยํ ราชา จิเนฺตสิ, ตสฺส อตฺตนิ อภาวํ ทเสฺสโนฺต –

    Āha . Tassattho – yo taṃ hiṃsati, taṃ vāremi, kevalaṃ tumhe ‘‘asuko’’ti ācikkhatha, ahamettha kattabbaṃ jānissāmīti. Bhūmisenāpati ahanti atha vā ahaṃ pathaviyā sāmī, svāhaṃ imaṃ rajjaṃ tumheyeva paṭicchāpessāmi. Tuvaṃ pitā ahaṃ puttoti tvaṃ pitiṭṭhāne ṭhassasi, ahaṃ puttaṭṭhāne. So tvaṃ mama manaṃ haritvā attanoyeva manaṃ govinda, pājehi; yathā icchasi tathā pavattassu. Ahaṃ pana tava manaṃyeva anuvattanto tayā dinnapiṇḍaṃ paribhuñjanto taṃ asicammahattho vā upaṭṭhahissāmi, rathaṃ vā te pājessāmi. ‘‘Mā no govinda, pajahī’’ti vā pāṭho . Tassattho – tvaṃ pitiṭṭhāne tiṭṭha, ahaṃ puttaṭṭhāne ṭhassāmi. Mā no tvaṃ bho govinda, pajahi, mā pariccajīti. Atha mahāpuriso yaṃ rājā cintesi, tassa attani abhāvaṃ dassento –

    ‘‘น มตฺถิ อูนํ กาเมหิ, หิํสิตา เม น วิชฺชติ;

    ‘‘Na matthi ūnaṃ kāmehi, hiṃsitā me na vijjati;

    อมนุสฺสวโจ สุตฺวา, ตสฺมาหํ น คเห รเม’’ติฯ –

    Amanussavaco sutvā, tasmāhaṃ na gahe rame’’ti. –

    อาหฯ ตตฺถ น มตฺถีติ น เม อตฺถิฯ คเหติ เคเหฯ อถ นํ ราชา ปุจฺฉิ –

    Āha. Tattha na matthīti na me atthi. Gaheti gehe. Atha naṃ rājā pucchi –

    ‘‘อมนุโสฺส กถํ วโณฺณ, กิํ เต อตฺถํ อภาสถ;

    ‘‘Amanusso kathaṃ vaṇṇo, kiṃ te atthaṃ abhāsatha;

    ยญฺจ สุตฺวา ชหาสิ โน, เคเห อเมฺห จ เกวลี’’ติฯ

    Yañca sutvā jahāsi no, gehe amhe ca kevalī’’ti.

    ตตฺถ ชหาสิ โน, เคเห อเมฺห จ เกวลีติ พฺราหฺมณสฺส สมฺปตฺติภริเต เคเห สงฺคหวเสน อตฺตโน เคเห กโรโนฺต ยํ สุตฺวา อมฺหากํ เคเห จ อเมฺห จ เกวลี สเพฺพ อปริเสเส ชมฺพุทีปวาสิโน ชหาสีติ วทติฯ

    Tattha jahāsi no, gehe amhe ca kevalīti brāhmaṇassa sampattibharite gehe saṅgahavasena attano gehe karonto yaṃ sutvā amhākaṃ gehe ca amhe ca kevalī sabbe aparisese jambudīpavāsino jahāsīti vadati.

    อถสฺส อาจิกฺขโนฺต มหาปุริโส อุปวุตฺถสฺส เม ปุเพฺพติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุปวุตฺถสฺสาติ จตฺตาโร มาเส เอกีภาวํ อุปคนฺตฺวา วุตฺถสฺสฯ ยิฎฺฐกามสฺส เม สโตติ ยชิตุกามสฺส เม สมานสฺสฯ อคฺคิ ปชฺชลิโต อาสิ, กุสปตฺตปริตฺถโตติ กุสปเตฺตหิ ปริตฺถโต สปฺปิทธิมธุอาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา อคฺคิ ชลยิตุมารโทฺธ อาสิ, เอวํ อคฺคิํ ชาเลตฺวา ‘‘มหาชนสฺส ทานํ ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิเนฺตตฺวา ฐิตสฺส มมาติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ

    Athassa ācikkhanto mahāpuriso upavutthassa me pubbetiādimāha. Tattha upavutthassāti cattāro māse ekībhāvaṃ upagantvā vutthassa. Yiṭṭhakāmassa me satoti yajitukāmassa me samānassa. Aggi pajjalito āsi, kusapattaparitthatoti kusapattehi paritthato sappidadhimadhuādīni pakkhipitvā aggi jalayitumāraddho āsi, evaṃ aggiṃ jāletvā ‘‘mahājanassa dānaṃ dassāmī’’ti evaṃ cintetvā ṭhitassa mamāti ayamettha attho.

    สนนฺตโนติ สนงฺกุมาโร พฺรหฺมาฯ ตโต ราชา สยมฺปิ ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา สทฺทหามีติอาทิมาหฯ ตตฺถ กถํ วเตฺตถ อญฺญถาติ กถํ ตุเมฺห อญฺญถา วตฺติสฺสถฯ เต ตํ อนุวตฺติสฺสามาติ เต มยมฺปิ ตุเมฺหเยว อนุวตฺติสฺสาม, อนุปพฺพชิสฺสามาติ อโตฺถฯ ‘‘อนุวชิสฺสามา’’ติปิ ปาโฐ, ตสฺส อนุคจฺฉิสฺสามาติ อโตฺถฯ อกาโจติ นิกฺกาโจ อกกฺกโสฯ โควินฺทสฺสานุสาสเนติ ตว โควินฺทสฺส สาสเนฯ ภวนฺตํ โควินฺทเมว สตฺถารํ กริตฺวา จริสฺสามาติ วทติฯ

    Sanantanoti sanaṅkumāro brahmā. Tato rājā sayampi pabbajitukāmo hutvā saddahāmītiādimāha. Tattha kathaṃ vattetha aññathāti kathaṃ tumhe aññathā vattissatha. Te taṃ anuvattissāmāti te mayampi tumheyeva anuvattissāma, anupabbajissāmāti attho. ‘‘Anuvajissāmā’’tipi pāṭho, tassa anugacchissāmāti attho. Akācoti nikkāco akakkaso. Govindassānusāsaneti tava govindassa sāsane. Bhavantaṃ govindameva satthāraṃ karitvā carissāmāti vadati.

    ฉ ขตฺติยอามนฺตนาวณฺณนา

    Cha khattiyaāmantanāvaṇṇanā

    ๓๒๒. เยน เต ฉ ขตฺติยา เตนุปสงฺกมีติ เรณุํ ราชานํ ‘‘สาธุ มหาราช รชฺชํ นาม มาตรํ ปิตรํ ภาติภคินีอาทโยปิ มาเรตฺวา คณฺหเนฺตสุ สเตฺตสุ เอวํ มหนฺตํ รชฺชสิริํ ปหาย ปพฺพชิตุกาเมน อุฬารํ มหาราเชน กต’’นฺติ อุปตฺถเมฺภตฺวา ทฬฺหตรมสฺส อุสฺสาหํ กตฺวา อุปสงฺกมิ ฯ เอวํ สมจิเนฺตสุนฺติ รโญฺญ จินฺติตนเยเนว กทาจิ พฺราหฺมณสฺส โภคา ปริหีนา ภเวยฺยุนฺติ มญฺญมานา สมจิเนฺตสุํฯ ธเนน สิเกฺขยฺยามาติ อุปลาเปยฺยาม สงฺคเณฺหยฺยามฯ ตาวตกํ อาหรียตนฺติ ตาวตกํ อาหราปิยตุ คณฺหิยตุ, ยตฺตกํ อิจฺฉถ, ตตฺตกํ คณฺหถาติ วุตฺตํ โหติฯ ภวนฺตานํเยว วาหสาติ ภวเนฺต ปจฺจยํ กตฺวา, ตุเมฺหหิ ทินฺนตฺตาเยว ปหูตํ สาปเตยฺยํ ชาตํฯ

    322.Yenate cha khattiyā tenupasaṅkamīti reṇuṃ rājānaṃ ‘‘sādhu mahārāja rajjaṃ nāma mātaraṃ pitaraṃ bhātibhaginīādayopi māretvā gaṇhantesu sattesu evaṃ mahantaṃ rajjasiriṃ pahāya pabbajitukāmena uḷāraṃ mahārājena kata’’nti upatthambhetvā daḷhataramassa ussāhaṃ katvā upasaṅkami . Evaṃ samacintesunti rañño cintitanayeneva kadāci brāhmaṇassa bhogā parihīnā bhaveyyunti maññamānā samacintesuṃ. Dhanena sikkheyyāmāti upalāpeyyāma saṅgaṇheyyāma. Tāvatakaṃ āharīyatanti tāvatakaṃ āharāpiyatu gaṇhiyatu, yattakaṃ icchatha, tattakaṃ gaṇhathāti vuttaṃ hoti. Bhavantānaṃyeva vāhasāti bhavante paccayaṃ katvā, tumhehi dinnattāyeva pahūtaṃ sāpateyyaṃ jātaṃ.

    ๓๒๓. สเจ ชหถ กามานีติ สเจ วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปริจฺจชถฯ ยตฺถ สโตฺต ปุถุชฺชโนติ เยสุ กาเมสุ ปุถุชฺชโน สโตฺต ลโคฺค ลคฺคิโตฯ อารมฺภโวฺห ทฬฺหา โหถาติ เอวํ สเนฺต วีริยํ อารภถ, อสิถิลปรกฺกมตํ อธิฎฺฐาย ทฬฺหา ภวถฯ ขนฺตีพลสมาหิตาติ ขนฺติพเลน สมนฺนาคตา ภวถาติ ราชูนํ อุสฺสาหํ ชเนติฯ

    323.Sace jahatha kāmānīti sace vatthukāme ca kilesakāme ca pariccajatha. Yattha satto puthujjanoti yesu kāmesu puthujjano satto laggo laggito. Ārambhavho daḷhā hothāti evaṃ sante vīriyaṃ ārabhatha, asithilaparakkamataṃ adhiṭṭhāya daḷhā bhavatha. Khantībalasamāhitāti khantibalena samannāgatā bhavathāti rājūnaṃ ussāhaṃ janeti.

    เอส มโคฺค อุชุมโคฺคติ เอส กรุณาฌานมโคฺค อุชุมโคฺค นามฯ เอส มโคฺค อนุตฺตโรติ เอเสว พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา อสทิสมโคฺค อุตฺตมมโคฺค นามฯ สทฺธโมฺม สพฺภิ รกฺขิโตติ เอโส เอว จ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวเกหิ สพฺภิรกฺขิตธโมฺม นามฯ อิติ กรุณาฌานสฺส วณฺณภณเนนาปิ เตสํ อนิวตฺตนตฺถาย ทฬฺหีกมฺมเมว กโรติฯ

    Esa maggo ujumaggoti esa karuṇājhānamaggo ujumaggo nāma. Esa maggo anuttaroti eseva brahmalokūpapattiyā asadisamaggo uttamamaggo nāma. Saddhammo sabbhi rakkhitoti eso eva ca buddhapaccekabuddhasāvakehi sabbhirakkhitadhammo nāma. Iti karuṇājhānassa vaṇṇabhaṇanenāpi tesaṃ anivattanatthāya daḷhīkammameva karoti.

    โก นุ โข ปน โภ ชานาติ ชีวิตานนฺติ โภ ชีวิตํ นาม อุทกปุปฺผุฬูปมํ ติณเคฺค อุสฺสาวพินฺทูปมํ ตงฺขณวิทฺธํสนธมฺมํ, ตสฺส โก คติํ ชานาติ, กิสฺมิํ ขเณ ภิชฺชิสฺสติ? คมนีโย สมฺปราโยติ ปรโลโก ปน อวสฺสํ คนฺตโพฺพว, ตตฺถ ปณฺฑิเตน กุลปุเตฺตน มนฺตายํ โพทฺธพฺพํฯ มนฺตา วุจฺจติ ปญฺญา, ตาย มเนฺตตพฺพํ พุชฺฌิตพฺพํ, อุปปริกฺขิตพฺพญฺจ ชานิตพฺพญฺจาติ อโตฺถฯ กรณเตฺถ วา ภุมฺมํฯ มนฺตายํ โพทฺธพฺพนฺติ มนฺตาย พุชฺฌิตพฺพํ, ญาเณน ชานิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ กิํ พุชฺฌิตพฺพํ? ชีวิตสฺส ทุชฺชานตา, สมฺปรายสฺส จ อวสฺสํ คมนียตา, พุชฺฌิตฺวา จ ปน สพฺพปลิโพเธ ฉินฺทิตฺวา กตฺตพฺพํ กุสลํ จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํฯ กสฺมา? ยสฺมา นตฺถิ ชาตสฺส อมรณํฯ

    Ko nu kho pana bho jānāti jīvitānanti bho jīvitaṃ nāma udakapupphuḷūpamaṃ tiṇagge ussāvabindūpamaṃ taṅkhaṇaviddhaṃsanadhammaṃ, tassa ko gatiṃ jānāti, kismiṃ khaṇe bhijjissati? Gamanīyo samparāyoti paraloko pana avassaṃ gantabbova, tattha paṇḍitena kulaputtena mantāyaṃ boddhabbaṃ. Mantā vuccati paññā, tāya mantetabbaṃ bujjhitabbaṃ, upaparikkhitabbañca jānitabbañcāti attho. Karaṇatthe vā bhummaṃ. Mantāyaṃ boddhabbanti mantāya bujjhitabbaṃ, ñāṇena jānitabbanti attho. Kiṃ bujjhitabbaṃ? Jīvitassa dujjānatā, samparāyassa ca avassaṃ gamanīyatā, bujjhitvā ca pana sabbapalibodhe chinditvā kattabbaṃ kusalaṃ caritabbaṃ brahmacariyaṃ. Kasmā? Yasmā natthi jātassa amaraṇaṃ.

    พฺราหฺมณมหาสาลาทีนํ อามนฺตนาวณฺณนา

    Brāhmaṇamahāsālādīnaṃ āmantanāvaṇṇanā

    ๓๒๔. อเปฺปสกฺขา จ อปฺปลาภา จาติ โภ ปพฺพชฺชา นาม อปฺปยสา เจว, ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย หิ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตํ วิเหเฐตฺวา วิเหเฐตฺวา ลามกํ อนาถํ กตฺวาว กเถนฺติฯ อปฺปลาภา จ, สกลคามํ จริตฺวาปิ อโชฺฌหรณียํ ทุลฺลภเมวฯ อิทํ ปน พฺรหฺมญฺญํ มเหสกฺขญฺจ มหายสตฺตา, มหาลาภญฺจ ลาภสกฺการสมฺปนฺนตฺตาฯ ภวญฺหิ เอตรหิ สกลชมฺพุทีเป อคฺคปุโรหิโต สพฺพตฺถ อคฺคาสนํ อโคฺคทกํ อคฺคภตฺตํ อคฺคคนฺธํ อคฺคมาลํ ลภตีติฯ

    324.Appesakkhā ca appalābhā cāti bho pabbajjā nāma appayasā ceva, pabbajitakālato paṭṭhāya hi rajjaṃ pahāya pabbajitaṃ viheṭhetvā viheṭhetvā lāmakaṃ anāthaṃ katvāva kathenti. Appalābhā ca, sakalagāmaṃ caritvāpi ajjhoharaṇīyaṃ dullabhameva. Idaṃ pana brahmaññaṃmahesakkhañca mahāyasattā, mahālābhañca lābhasakkārasampannattā. Bhavañhi etarahi sakalajambudīpe aggapurohito sabbattha aggāsanaṃ aggodakaṃ aggabhattaṃ aggagandhaṃ aggamālaṃ labhatīti.

    ราชาว รญฺญนฺติ อหญฺหิ โภ เอตรหิ ปกติรญฺญํ มเชฺฌ จกฺกวตฺติราชา วิยฯ พฺรหฺมาว พฺรหฺมานนฺติ ปกติพฺรหฺมานํ มเชฺฌ มหาพฺรหฺมสทิโสฯ เทวตาว คหปติกานนฺติ อวเสสคหปติกานํ ปนมฺหิ สกฺกเทวราชสทิโสฯ

    Rājāva raññanti ahañhi bho etarahi pakatiraññaṃ majjhe cakkavattirājā viya. Brahmāva brahmānanti pakatibrahmānaṃ majjhe mahābrahmasadiso. Devatāva gahapatikānanti avasesagahapatikānaṃ panamhi sakkadevarājasadiso.

    ภริยานํ อามนฺตนาวณฺณนา

    Bhariyānaṃ āmantanāvaṇṇanā

    ๓๒๕. จตฺตารีสา ภริยา สาทิสิโยติ สาทิสิโยว จตฺตารีสา ภริยา, อญฺญา ปนสฺส ตีสุ วเยสุ นาฎกิตฺถิโย พหุกาเยวฯ

    325.Cattārīsā bhariyā sādisiyoti sādisiyova cattārīsā bhariyā, aññā panassa tīsu vayesu nāṭakitthiyo bahukāyeva.

    มหาโควินฺทปพฺพชฺชาวณฺณนา

    Mahāgovindapabbajjāvaṇṇanā

    ๓๒๖. จาริกํ จรตีติ คามนิคมปฎิปาฎิยา จาริกํ จรติ, คตคตฎฺฐาเน พุทฺธโกลาหลํ วิย โหติฯ มนุสฺสา ‘‘มหาโควินฺทปณฺฑิโต กิร อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา ปุเรตรเมว มณฺฑปํ กาเรตฺวา มคฺคํ อลงฺกริตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา คณฺหิตฺวา เอนฺติ, มหาลาภสกฺกาโร มโหโฆ วิย อโชฺฌตฺถรโนฺต อุปฺปชฺชิฯ สตฺตปุโรหิตสฺสาติ สตฺตนฺนํ ราชูนํ ปุโรหิตสฺสฯ อิติ ยถา เอตรหิ เอวรูเปสุ วา ฐาเนสุ กิสฺมิญฺจิเทว ทุเกฺข อุปฺปเนฺน ‘‘นโม พุทฺธสฺสา’’ติ วทนฺติ, เอวํ ตทา ‘‘นมตฺถุ มหาโควินฺทสฺส พฺราหฺมณสฺส, นมตฺถุ สตฺตปุโรหิตสฺสา’’ติ วทนฺติฯ

    326.Cārikaṃ caratīti gāmanigamapaṭipāṭiyā cārikaṃ carati, gatagataṭṭhāne buddhakolāhalaṃ viya hoti. Manussā ‘‘mahāgovindapaṇḍito kira āgacchatī’’ti sutvā puretarameva maṇḍapaṃ kāretvā maggaṃ alaṅkaritvā paccuggantvā gaṇhitvā enti, mahālābhasakkāro mahogho viya ajjhottharanto uppajji. Sattapurohitassāti sattannaṃ rājūnaṃ purohitassa. Iti yathā etarahi evarūpesu vā ṭhānesu kismiñcideva dukkhe uppanne ‘‘namo buddhassā’’ti vadanti, evaṃ tadā ‘‘namatthu mahāgovindassa brāhmaṇassa, namatthu sattapurohitassā’’ti vadanti.

    ๓๒๗. เมตฺตาสหคเตนาติอาทินา นเยน ปาฬิยํ พฺรหฺมวิหาราว อาคตา, มหาปุริโส ปน สพฺพาปิ อฎฺฐ สมาปตฺติโย จ ปญฺจ จ อภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตสิฯ สาวกานญฺจ พฺรหฺมโลกสหพฺยตาย มคฺคํ เทเสสีติ พฺรหฺมโลเก พฺรหฺมุนา สหภาวาย มคฺคํ กเถสิฯ

    327.Mettāsahagatenātiādinā nayena pāḷiyaṃ brahmavihārāva āgatā, mahāpuriso pana sabbāpi aṭṭha samāpattiyo ca pañca ca abhiññāyo nibbattesi. Sāvakānañca brahmalokasahabyatāya maggaṃ desesīti brahmaloke brahmunā sahabhāvāya maggaṃ kathesi.

    ๓๒๘. สเพฺพนสพฺพนฺติ เย อฎฺฐ จ สมาปตฺติโย ปญฺจ จ อภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตสุํฯ เย น สเพฺพน สพฺพํ สาสนํ อาชานิํสูติ เย อฎฺฐสุ สมาปตฺตีสุ เอกสมาปตฺติมฺปิ น ชานิํสุ, น สกฺขิํสุ นิพฺพเตฺตตุํฯ อโมฆาติ สวิปากาฯ อวญฺฌาติ น วญฺฌาฯ สพฺพนิหีนํ ปสวนฺติ คนฺธพฺพกายํ ปสวิฯ สผลาติ อวเสสเทวโลกูปปตฺตีหิ สาตฺถาฯ สอุทฺรยาติ พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา สวุฑฺฒิฯ

    328.Sabbenasabbanti ye aṭṭha ca samāpattiyo pañca ca abhiññāyo nibbattesuṃ. Ye na sabbena sabbaṃ sāsanaṃ ājāniṃsūti ye aṭṭhasu samāpattīsu ekasamāpattimpi na jāniṃsu, na sakkhiṃsu nibbattetuṃ. Amoghāti savipākā. Avañjhāti na vañjhā. Sabbanihīnaṃ pasavanti gandhabbakāyaṃ pasavi. Saphalāti avasesadevalokūpapattīhi sātthā. Saudrayāti brahmalokūpapattiyā savuḍḍhi.

    ๓๒๙. สรามหนฺติ สรามิ อหํ ปญฺจสิข, อิมินา กิร ปเทน อยํ สุตฺตโนฺต พุทฺธภาสิโต นาม ชาโตฯ น นิพฺพิทายาติ น วเฎฺฎ นิพฺพินฺทนตฺถายฯ น วิราคายาติ น วเฎฺฎ วิราคตฺถายฯ น นิโรธายาติ น วฎฺฎสฺส นิโรธตฺถายฯ น อุปสมายาติ น วฎฺฎสฺส อุปสมนตฺถายฯ น อภิญฺญายาติ น วฎฺฎํ อภิชานนตฺถายฯ น สโมฺพธายาติ น กิเลสนิทฺทาวิคเมน วฎฺฎโต ปพุชฺฌนตฺถายฯ น นิพฺพานายาติ น อมตนิพฺพานตฺถายฯ

    329.Sarāmahanti sarāmi ahaṃ pañcasikha, iminā kira padena ayaṃ suttanto buddhabhāsito nāma jāto. Na nibbidāyāti na vaṭṭe nibbindanatthāya. Na virāgāyāti na vaṭṭe virāgatthāya. Na nirodhāyāti na vaṭṭassa nirodhatthāya. Na upasamāyāti na vaṭṭassa upasamanatthāya. Na abhiññāyāti na vaṭṭaṃ abhijānanatthāya. Na sambodhāyāti na kilesaniddāvigamena vaṭṭato pabujjhanatthāya. Na nibbānāyāti na amatanibbānatthāya.

    เอกนฺตนิพฺพิทายาติ เอกนฺตเมว วเฎฺฎ นิพฺพินฺทนตฺถายฯ เอตฺถ ปน นิพฺพิทายาติ วิปสฺสนาฯ วิราคายาติ มโคฺคฯ นิโรธาย อุปสมายาติ นิพฺพานํฯ อภิญฺญาย สโมฺพธายาติ มโคฺคฯ นิพฺพานายาติ นิพฺพานเมวฯ เอวํ เอกสฺมิํ ฐาเน วิปสฺสนา, ตีสุ มโคฺค, ตีสุ นิพฺพานํ วุตฺตนฺติ เอวํ ววตฺถานกถา เวทิตพฺพาฯ ปริยาเยน ปน สพฺพานิเปตานิ มคฺคเววจนานิปิ นิพฺพานเววจนานิปิ โหนฺติเยวฯ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมเคฺค สจฺจวณฺณนายํ วุตฺตเมวฯ

    Ekantanibbidāyāti ekantameva vaṭṭe nibbindanatthāya. Ettha pana nibbidāyāti vipassanā. Virāgāyāti maggo. Nirodhāya upasamāyāti nibbānaṃ. Abhiññāya sambodhāyāti maggo. Nibbānāyāti nibbānameva. Evaṃ ekasmiṃ ṭhāne vipassanā, tīsu maggo, tīsu nibbānaṃ vuttanti evaṃ vavatthānakathā veditabbā. Pariyāyena pana sabbānipetāni maggavevacanānipi nibbānavevacanānipi hontiyeva. Sammādiṭṭhiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ visuddhimagge saccavaṇṇanāyaṃ vuttameva.

    ๓๓๐. เย น สเพฺพนสพฺพนฺติ เย จตฺตาโรปิ อริยมเคฺค ปริปูเรตุํ น ชานนฺติ, ตีณิ วา เทฺว วา เอกํ วา นิพฺพเตฺตนฺติฯ สเพฺพสํเยว อิเมสํ กุลปุตฺตานนฺติ พฺรหฺมจริยจิณฺณกุลปุตฺตานํฯ อโมฆา…เป.… สผลา สอุทฺรยาติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ

    330.Ye na sabbenasabbanti ye cattāropi ariyamagge paripūretuṃ na jānanti, tīṇi vā dve vā ekaṃ vā nibbattenti. Sabbesaṃyeva imesaṃ kulaputtānanti brahmacariyaciṇṇakulaputtānaṃ. Amoghā…pe… saphalā saudrayāti arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi.

    ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวาติ (ที. นิ. ๒.๑๘๘) ภควโต ธมฺมเทสนํ จิเตฺตน สมฺปฎิจฺฉโนฺต อภินนฺทิตฺวา วาจาย ปสํสมาโน อนุโมทิตฺวา มหนฺตํ อญฺชลิํ สิรสฺมิํ ปติฎฺฐเปตฺวา ปสนฺนลาขารเส นิมุชฺชมาโน วิย ทสพลสฺส ฉพฺพณฺณรสฺมิชาลนฺตรํ ปวิสิตฺวา จตูสุ ฐาเนสุ วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ภควนฺตํ อภิตฺถวโนฺต อภิตฺถวโนฺต สตฺถุ ปุรโต อนฺตรธายิตฺวา อตฺตโน เทวโลกเมว อคมาสีติฯ

    Bhagavantaṃabhivādetvā padakkhiṇaṃ katvāti (dī. ni. 2.188) bhagavato dhammadesanaṃ cittena sampaṭicchanto abhinanditvā vācāya pasaṃsamāno anumoditvā mahantaṃ añjaliṃ sirasmiṃ patiṭṭhapetvā pasannalākhārase nimujjamāno viya dasabalassa chabbaṇṇarasmijālantaraṃ pavisitvā catūsu ṭhānesu vanditvā tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā bhagavantaṃ abhitthavanto abhitthavanto satthu purato antaradhāyitvā attano devalokameva agamāsīti.

    อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ

    Iti sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ

    มหาโควินฺทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahāgovindasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๖. มหาโควินฺทสุตฺตํ • 6. Mahāgovindasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๖. มหาโควินฺทสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahāgovindasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact