Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) |
๖. มหาโควินฺทสุตฺตวณฺณนา
6. Mahāgovindasuttavaṇṇanā
๒๙๓. ปญฺจกุณฺฑลิโกติ วิสฺสฎฺฐปญฺจเวณิโกฯ จตุมคฺคฎฺฐาเนสูติ จตุนฺนํ มคฺคานํ วินิวิชฺฌิตฺวา คตฎฺฐาเนสุฯ ตตฺถ หิ กตา สาลาทโย จตูหิ ทิสาหิ อาคตมนุสฺสานํ อุปโภคกฺขมา โหนฺติฯ ‘‘เอวรูปานี’’ติ อิมินา รุกฺขมูลโสธนาทีนิ เจว ยถาสตฺติ อนฺนทานาทีนิ จ ปุญฺญานิ สงฺคณฺหาติฯ ‘‘สุวณฺณกฺขนฺธสทิโส อตฺตภาโว อิโฎฺฐ กโนฺต มนาโป อโหสี’’ติ ปาโฐฯ สกฎสหสฺสมตฺตนฺติ วาหสหสฺสมตฺตํ, วาโห ปน วีสติ ขารี, ขารี โสฬสโทณมตฺตา, โทณํ โสฬส นาฬิโย เวทิตพฺพาฯ กุมฺภํ ทสมฺพณานิฯ ‘‘สหสฺสนาฬิโย’’ติ เกจิฯ รตฺตสุวณฺณกณฺณิกนฺติ รตฺตสุวณฺณมยํ วฎํสกํฯ
293.Pañcakuṇḍalikoti vissaṭṭhapañcaveṇiko. Catumaggaṭṭhānesūti catunnaṃ maggānaṃ vinivijjhitvā gataṭṭhānesu. Tattha hi katā sālādayo catūhi disāhi āgatamanussānaṃ upabhogakkhamā honti. ‘‘Evarūpānī’’ti iminā rukkhamūlasodhanādīni ceva yathāsatti annadānādīni ca puññāni saṅgaṇhāti. ‘‘Suvaṇṇakkhandhasadiso attabhāvo iṭṭho kanto manāpo ahosī’’ti pāṭho. Sakaṭasahassamattanti vāhasahassamattaṃ, vāho pana vīsati khārī, khārī soḷasadoṇamattā, doṇaṃ soḷasa nāḷiyo veditabbā. Kumbhaṃ dasambaṇāni. ‘‘Sahassanāḷiyo’’ti keci. Rattasuvaṇṇakaṇṇikanti rattasuvaṇṇamayaṃ vaṭaṃsakaṃ.
ยสฺมา มชฺฌิมยาเม เอว เทวตา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตุํ อวสรํ ลภนฺติ, ตสฺมา ‘‘เอกโกฎฺฐาสํ อตีตายา’’ติ วุตฺตํฯ อติกฺกนฺตวโณฺณติ อติวิย กมนียรูโป, เกวลกปฺปนฺติ วา มนํ อูนํ อวเสสํ, อีสกํ อสมตฺตนฺติ อโตฺถ ภควโต หิ สมีปฎฺฐานํ มุญฺจิตฺวา สโพฺพ คิชฺฌกูฎวิหาโร เตน โอภาสิโตฯ เตนาห ‘‘จนฺทิมา วิยา’’ติอาทิฯ
Yasmā majjhimayāme eva devatā satthāraṃ upasaṅkamituṃ avasaraṃ labhanti, tasmā ‘‘ekakoṭṭhāsaṃ atītāyā’’ti vuttaṃ. Atikkantavaṇṇoti ativiya kamanīyarūpo, kevalakappanti vā manaṃ ūnaṃ avasesaṃ, īsakaṃ asamattanti attho bhagavato hi samīpaṭṭhānaṃ muñcitvā sabbo gijjhakūṭavihāro tena obhāsito. Tenāha ‘‘candimā viyā’’tiādi.
เทวสภาวณฺณนา
Devasabhāvaṇṇanā
๒๙๔. รตนมตฺตกณฺณิกรุกฺขนิสฺสเนฺทนาติ รตนปฺปมาณรุกฺขมยกูฎทานปุญฺญนิสฺสเนฺทน, ตสฺส วา ปุญฺญสฺส นิสฺสนฺทผลภาเวนฯ นิพฺพตฺตสภายนฺติ สมุฎฺฐิตอุปฎฺฐานสาลายํฯ มณิมยาติ ปทุมราคาทิมณิมยาฯ อาณิโยติ ถมฺภตุลาสงฺฆาฎกาทีสุ วาฬรูปาทิสงฺฆาฎนกอาณิโยฯ
294.Ratanamattakaṇṇikarukkhanissandenāti ratanappamāṇarukkhamayakūṭadānapuññanissandena, tassa vā puññassa nissandaphalabhāvena. Nibbattasabhāyanti samuṭṭhitaupaṭṭhānasālāyaṃ. Maṇimayāti padumarāgādimaṇimayā. Āṇiyoti thambhatulāsaṅghāṭakādīsu vāḷarūpādisaṅghāṭanakaāṇiyo.
คนฺธพฺพราชาติ คนฺธพฺพกายิกานํ เทวตานํ ราชาฯ เย ตาวติํสานํ อาสนฺนวาสิโน จาตุมหาราชิกา เทวา, เต ปุรโต กโรโนฺต ‘‘ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตา ปุรโต กตฺวา นิสิโนฺน’’ติ วุโตฺตฯ เสเสสุปิ ตีสุ ฐาเนสุ เอเสว นโยฯ
Gandhabbarājāti gandhabbakāyikānaṃ devatānaṃ rājā. Ye tāvatiṃsānaṃ āsannavāsino cātumahārājikā devā, te purato karonto ‘‘dvīsu devalokesu devatā purato katvā nisinno’’ti vutto. Sesesupi tīsu ṭhānesu eseva nayo.
นาคราชาติ นาคานํ อธิปติ, น ปน สยํ นาคชาติโกฯ
Nāgarājāti nāgānaṃ adhipati, na pana sayaṃ nāgajātiko.
อาสติ นิสีทติ เอตฺถาติ อาสนํ, นิสชฺชฎฺฐานนฺติ อาห ‘‘นิสีทิตุํ โอกาโส’’ติฯ ‘‘เอตฺถา’’ติ ปทํ นิปาตมตฺตํ, เอตฺถาติ วา เอตสฺมิํ ปาเฐฯ อตฺถุทฺธารนเยน วตฺตพฺพํ ปุเพฺพ วุตฺตํ จตุพฺพิธเมวฯ ตาวติํสา, เอกเจฺจ จ จาตุมหาราชิกา ยถาลทฺธาย สมฺปตฺติยา ถาวรภาวาย, อายติํ โสธนาย จ ปญฺจ สีลานิ รกฺขนฺติ, เต ตสฺส วิโสธนตฺถํ ปวารณาสงฺคหํ กโรนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘มหาปวารณายา’’ติอาทิฯ
Āsati nisīdati etthāti āsanaṃ, nisajjaṭṭhānanti āha ‘‘nisīdituṃ okāso’’ti. ‘‘Etthā’’ti padaṃ nipātamattaṃ, etthāti vā etasmiṃ pāṭhe. Atthuddhāranayena vattabbaṃ pubbe vuttaṃ catubbidhameva. Tāvatiṃsā, ekacce ca cātumahārājikā yathāladdhāya sampattiyā thāvarabhāvāya, āyatiṃ sodhanāya ca pañca sīlāni rakkhanti, te tassa visodhanatthaṃ pavāraṇāsaṅgahaṃ karonti. Tena vuttaṃ ‘‘mahāpavāraṇāyā’’tiādi.
วสฺสสหสฺสนฺติ มนุสฺสคณนาย วสฺสสหสฺสํฯ
Vassasahassanti manussagaṇanāya vassasahassaṃ.
ปนฺนปลาโสติ ปติตปโตฺตฯ ขารกชาโตติ ชาตขุทฺทกมกุโฬฯ เย หิ นีลปตฺตกา อติวิย ขุทฺทกา มกุฬา, เต ‘‘ขารกา’’ติ วุจฺจนฺติฯ ชาลกชาโตติ เตหิเยว ขุทฺทกมกุเฬหิ ชาตชาลโก สพฺพโส ชาโล วิย ชาโตฯ เกจิ ปน ‘‘ชาลกชาโตติ เอกชาโล วิย ชาโต’’ติ อตฺถํ วทนฺติฯ ปาริฉตฺตโก กิร ขารกคฺคหณกาเล สพฺพตฺถกเมว ปลฺลวิโก โหติ, เต จสฺส ปลฺลวา ปภสฺสรปวาฬวณฺณสมุชฺชลา โหนฺติ, เตน โส สพฺพโส สมุชฺชลโนฺต ติฎฺฐติฯ กุฎุมลกชาโตติ สญฺชาตมหามกุโฬฯ โกรกชาโตติ สญฺชาตสูจิเภโท สมฺปติ วิกสมานาวโตฺถฯ สพฺพปาลิผุโลฺลติ สพฺพโส ผุลฺลิตวิกสิโตฯ
Pannapalāsoti patitapatto. Khārakajātoti jātakhuddakamakuḷo. Ye hi nīlapattakā ativiya khuddakā makuḷā, te ‘‘khārakā’’ti vuccanti. Jālakajātoti tehiyeva khuddakamakuḷehi jātajālako sabbaso jālo viya jāto. Keci pana ‘‘jālakajātoti ekajālo viya jāto’’ti atthaṃ vadanti. Pārichattako kira khārakaggahaṇakāle sabbatthakameva pallaviko hoti, te cassa pallavā pabhassarapavāḷavaṇṇasamujjalā honti, tena so sabbaso samujjalanto tiṭṭhati. Kuṭumalakajātoti sañjātamahāmakuḷo. Korakajātoti sañjātasūcibhedo sampati vikasamānāvattho. Sabbapāliphulloti sabbaso phullitavikasito.
กนฺตนกวาโตติ เทวานํ ปุญฺญกมฺมปจฺจยา ปุปฺผานํ ฉินฺทนกวาโตฯ กนฺตตีติ ฉินฺทติฯ สมฺปฎิจฺฉนกวาโตติ ฉินฺนานํ ฉินฺนานํ ปุปฺผานํ สมฺปฎิคฺคณฺหนกวาโต ฯ นจฺจโนฺตติ นานาวิธภตฺติํ สนฺนิเวสวเสน นจฺจนํ กโรโนฺตฯ อญฺญตรเทวตานนฺติ นามโคตฺตวเสน อปฺปญฺญาตเทวตานํฯ
Kantanakavātoti devānaṃ puññakammapaccayā pupphānaṃ chindanakavāto. Kantatīti chindati. Sampaṭicchanakavātoti chinnānaṃ chinnānaṃ pupphānaṃ sampaṭiggaṇhanakavāto . Naccantoti nānāvidhabhattiṃ sannivesavasena naccanaṃ karonto. Aññataradevatānanti nāmagottavasena appaññātadevatānaṃ.
เรณุวฎฺฎีติ เรณุสงฺฆาโตฯ กณฺณิกํ อาหจฺจาติ สุธมฺมาย กูฎํ อาหนฺตฺวาฯ
Reṇuvaṭṭīti reṇusaṅghāto. Kaṇṇikaṃ āhaccāti sudhammāya kūṭaṃ āhantvā.
อฎฺฐ ทิวเสติ ปญฺจมิยา สทฺธิํ ปเกฺข จตฺตาโร ทิวเส สนฺธาย วุตฺตํฯ ยถาวุเตฺตสุ อฎฺฐสุ ทิวเสสุ ธมฺมสฺสวนํ นิพทฺธํ ตทา ปวตฺตตีติ ตโต อญฺญทา การิตํ สนฺธายาห ‘‘อกาลธมฺมสฺสวนํ การิต’’นฺติฯ เจติเย ฉตฺตสฺส เหฎฺฐา กาตพฺพเวทิกา ฉตฺตเวทิกาฯ เจติยํ ปริกฺขิปิตฺวา ปทกฺขิณกรณฎฺฐานํ อโนฺตกตฺวา กาตพฺพเวทิกา ปุฎเวทิกาฯ เจติยสฺส กุจฺฉิํ ปริกฺขิปิตฺวา ตํ สมฺพนฺธเมว กตฺวา กาตพฺพเวทิกา กุจฺฉิเวทิกาฯ สีหรูปปาทกํ อาสนํ สีหาสนํฯ อุโภสุ ปเสฺสสุ สีหรูปยุตฺตํ โสปานํ สีหโสปานํฯ
Aṭṭha divaseti pañcamiyā saddhiṃ pakkhe cattāro divase sandhāya vuttaṃ. Yathāvuttesu aṭṭhasu divasesu dhammassavanaṃ nibaddhaṃ tadā pavattatīti tato aññadā kāritaṃ sandhāyāha ‘‘akāladhammassavanaṃ kārita’’nti. Cetiye chattassa heṭṭhā kātabbavedikā chattavedikā. Cetiyaṃ parikkhipitvā padakkhiṇakaraṇaṭṭhānaṃ antokatvā kātabbavedikā puṭavedikā. Cetiyassa kucchiṃ parikkhipitvā taṃ sambandhameva katvā kātabbavedikā kucchivedikā. Sīharūpapādakaṃ āsanaṃ sīhāsanaṃ. Ubhosu passesu sīharūpayuttaṃ sopānaṃ sīhasopānaṃ.
อตฺตมนา โหนฺติ อนิยามนกภาวโตฯ เตเนวาห ‘‘มหาปุเญฺญ ปุรกฺขตฺวา’’ติอาทิฯ ปวารณาสงฺคหตฺถาย สนฺนิปติตาติ เวทิตพฺพา ‘‘ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปวารณาย ปุณฺณาย ปุณฺณมาย รตฺติยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๙๔) วจนโตฯ
Attamanāhonti aniyāmanakabhāvato. Tenevāha ‘‘mahāpuññe purakkhatvā’’tiādi. Pavāraṇāsaṅgahatthāya sannipatitāti veditabbā ‘‘tadahuposathe pannarase pavāraṇāya puṇṇāya puṇṇamāya rattiyā’’ti (dī. ni. 2.294) vacanato.
๒๙๕. นวหิ การเณหีติ ‘‘อิติปิ โส ภควา อรห’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕) วุเตฺตหิ อรหตฺตาทีหิ นวหิ พุทฺธานุภาวทีปเนหิ การเณหิฯ ธมฺมสฺส จาติ เอตฺถ จ-สโทฺท อวุตฺตสมุจฺจยโตฺถติ เตน สมฺปิณฺฑิตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อุชุปฺปฎิปนฺนตาทิเภทํ สงฺฆสฺส จ สุปฺปฎิปตฺติ’’นฺติ อาหฯ
295.Navahi kāraṇehīti ‘‘itipi so bhagavā araha’’ntiādinā (dī. ni. 1.157, 255) vuttehi arahattādīhi navahi buddhānubhāvadīpanehi kāraṇehi. Dhammassa cāti ettha ca-saddo avuttasamuccayatthoti tena sampiṇḍitamatthaṃ dassento ‘‘ujuppaṭipannatādibhedaṃ saṅghassa ca suppaṭipatti’’nti āha.
อฎฺฐยถาภุจฺจวณฺณนา
Aṭṭhayathābhuccavaṇṇanā
๒๙๖. ยถา อนนฺตเมว อานญฺจํ, ภิสกฺกเมว เภสชฺชํ , เอวํ ยถาภูตา เอว ยถาภุจฺจาติ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยถาภุเจฺจติ ยถาภูเต’’ติฯ วเณฺณตพฺพโต กิเตฺตตพฺพโต วณฺณา, คุณาฯ กถํ ปฎิปโนฺนติ เหตุอวตฺถายํ, ผลอวตฺถายํ, สตฺตานํ อุปการา วตฺถายนฺติ ตีสุปิ อวตฺถาสุ โลกนาถสฺส พหุชนหิตาย ปฎิปตฺติยา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาฯ ตถา หิ นํ อาทิโต ปฎฺฐาย ยาว ปริโยสานา สเงฺขเปเนว ทเสฺสโนฺต ‘‘ทีปงฺกรปาทมูเล’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อภินีหรมาโนติ อภินีหารํ กโรโนฺตฯ ยํ ปเนตฺถ มหาภินีหาเร, ปารมีสุ จ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลฎีกายํ (ที. นิ. ฎี. ๑.๗) วุตฺตํ เอวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
296. Yathā anantameva ānañcaṃ, bhisakkameva bhesajjaṃ , evaṃ yathābhūtā eva yathābhuccāti pāḷiyaṃ vuttanti āha ‘‘yathābhucceti yathābhūte’’ti. Vaṇṇetabbato kittetabbato vaṇṇā, guṇā. Kathaṃ paṭipannoti hetuavatthāyaṃ, phalaavatthāyaṃ, sattānaṃ upakārā vatthāyanti tīsupi avatthāsu lokanāthassa bahujanahitāya paṭipattiyā kathetukamyatāpucchā. Tathā hi naṃ ādito paṭṭhāya yāva pariyosānā saṅkhepeneva dassento ‘‘dīpaṅkarapādamūle’’tiādimāha. Tattha abhinīharamānoti abhinīhāraṃ karonto. Yaṃ panettha mahābhinīhāre, pāramīsu ca vattabbaṃ, taṃ brahmajālaṭīkāyaṃ (dī. ni. ṭī. 1.7) vuttaṃ evāti tattha vuttanayeneva veditabbaṃ.
‘‘ขนฺติวาทิตาปสกาเล’’ติอาทิ (ชา. ๑.ขนฺตีวาทีชาตก) เหตุอวตฺถายเมว อนญฺญสาธารณาย สุทุกฺกราย พหุชนหิตาย ปฎิปตฺติยา วิภาวนํฯ ยถาธิเปฺปตํ หิตสุขํ ยาย กิริยาย วินา น อิชฺฌติ, สาปิ ตทตฺถา เอวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตุสิตปุเร ยาวตายุกํ ติฎฺฐโนฺตปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
‘‘Khantivāditāpasakāle’’tiādi (jā. 1.khantīvādījātaka) hetuavatthāyameva anaññasādhāraṇāya sudukkarāya bahujanahitāya paṭipattiyā vibhāvanaṃ. Yathādhippetaṃ hitasukhaṃ yāya kiriyāya vinā na ijjhati, sāpi tadatthā evāti dassetuṃ ‘‘tusitapure yāvatāyukaṃ tiṭṭhantopī’’tiādi vuttaṃ.
ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓; ปฎิ. ม. ๓.๓๐) ปน นิพฺพตฺติตา พหุชนหิตาย ปฎิปตฺติฯ อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนมฺปิ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ ติฎฺฐามี’’ติ ปวตฺติยา พหุชนหิตาย ปฎิปตฺติฯ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานวเสน พหุชนหิตาย ปฎิปตฺติฯ เตนาห ‘‘ยาวสฺสา’’ติอาทิฯ เสสปทานีติ ‘‘พหุชนสุขายา’’ติอาทีนิ ปทานิฯ ปจฺฉิมนฺติ ‘‘อตฺถาย หิตาย สุขายา’’ติ ปทตฺตยํฯ ปุริมสฺสาติ ตโต ปุริมสฺส ปทตฺตยสฺสฯ อโตฺถติ อตฺถนิเทฺทโสฯ
Dhammacakkappavattanādi (saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 13; paṭi. ma. 3.30) pana nibbattitā bahujanahitāya paṭipatti. Āyusaṅkhārossajjanampi ‘‘ettakaṃ kālaṃ tiṭṭhāmī’’ti pavattiyā bahujanahitāya paṭipatti. Anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbānavasena bahujanahitāya paṭipatti. Tenāha ‘‘yāvassā’’tiādi. Sesapadānīti ‘‘bahujanasukhāyā’’tiādīni padāni. Pacchimanti ‘‘atthāya hitāya sukhāyā’’ti padattayaṃ. Purimassāti tato purimassa padattayassa. Atthoti atthaniddeso.
ยทิปิ อตีเตนเงฺคน สมนฺนาคตา สตฺถาโร อเหสุํ, เตปิ ปน พุทฺธา เอวาติ อตฺถโต อมฺหากํ สตฺถา อนโญฺญติ อาห ‘‘อตีเตปิ พุทฺธโต อญฺญํ น สมนุปสฺสามา’’ติฯ ยถา จ อตีเต, เอวํ อนาคเต จาติ อยมโตฺถ นยโต ลพฺภตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อนาคเตปิ น สมนุปสฺสามา’’ติฯ สโกฺก ปน เทวราชา ตมตฺถํ อตฺถาปนฺนเมว กตฺวา ‘‘น ปเนตรหิ’’ อิเจฺจวาหฯ กิํ สโกฺก กเถตีติ วิจาเรตฺวาติ ‘‘เนว อตีตํเส สมนุปสฺสมา’ติ วทโนฺต สโกฺก กิํ กเถตี’’ติ วิจารณํ สมุฎฺฐเปตฺวาฯ ยสฺมา อตีเต พุทฺธา อเหสุํ, อนาคเต ภวิสฺสนฺตีติ นายมโตฺถ สเกฺกน เทวราเชน ปริญฺญาโต, เต ปน พุทฺธสามเญฺญน อมฺหากํ ภควตา สทฺธิํ คเหตฺวา เอตรหิ อญฺญสฺส สเพฺพน สพฺพํ อภาวโต ตถา วุตฺตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอตรหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สฺวากฺขาตาทีนีติ สฺวากฺขาตปทาทีนิฯ กุสลาทีนีติ ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติอาทีนิ ปทานิฯ
Yadipi atītenaṅgena samannāgatā satthāro ahesuṃ, tepi pana buddhā evāti atthato amhākaṃ satthā anaññoti āha ‘‘atītepi buddhato aññaṃ na samanupassāmā’’ti. Yathā ca atīte, evaṃ anāgate cāti ayamattho nayato labbhatīti katvā vuttaṃ ‘‘anāgatepi na samanupassāmā’’ti. Sakko pana devarājā tamatthaṃ atthāpannameva katvā ‘‘na panetarahi’’ iccevāha. Kiṃ sakko kathetīti vicāretvāti ‘‘neva atītaṃse samanupassamā’ti vadanto sakko kiṃ kathetī’’ti vicāraṇaṃ samuṭṭhapetvā. Yasmā atīte buddhā ahesuṃ, anāgate bhavissantīti nāyamattho sakkena devarājena pariññāto, te pana buddhasāmaññena amhākaṃ bhagavatā saddhiṃ gahetvā etarahi aññassa sabbena sabbaṃ abhāvato tathā vuttanti dassetuṃ ‘‘etarahī’’tiādi vuttaṃ. Svākkhātādīnīti svākkhātapadādīni. Kusalādīnīti ‘‘idaṃ kusala’’ntiādīni padāni.
คงฺคายมุนานํ อสมาคมฎฺฐาเน อุทกํ ภินฺนวณฺณํ โหนฺตมฺปิ สมาคมฎฺฐาเน อภินฺนวณฺณํ เอวาติ อาห ‘‘วเณฺณนปิ สํสนฺทติ สเมตี’’ติฯ ตตฺถ กิร คโงฺคทกสทิสเมว ยมุโนทกํฯ ยถา นิพฺพานํ เกนจิ กิเลเสน อนุปกฺกิลิฎฺฐตาย ปริสุทฺธํ, เอวํ นิพฺพานคามินิปฎิปทาปิ เกนจิ กิเลเสน อนุปกฺกิลิฎฺฐตาย ปริสุทฺธาว อิจฺฉิตพฺพาฯ เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ เยน ปริสุทฺธเตฺถน นิพฺพานสฺส, นิพฺพานคามินิยา ปฎิปทาย จ อากาสูปมตา, โส เกนจิ อนุปเลโป, อนุปกฺกิเลโส จาติ อาห ‘‘อากาสมฺปิ อลคฺคํ ปริสุทฺธ’’นฺติฯ อิทานิ ตมตฺถํ นิทสฺสเนน วิภูตํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘จนฺทิมสูริยาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ สํสนฺทติ ยุชฺชติ ปฎิปชฺชิตพฺพตาปฎิปชฺชเนหิ อญฺญมญฺญานุจฺฉวิกตายฯ
Gaṅgāyamunānaṃ asamāgamaṭṭhāne udakaṃ bhinnavaṇṇaṃ hontampi samāgamaṭṭhāne abhinnavaṇṇaṃ evāti āha ‘‘vaṇṇenapi saṃsandati sametī’’ti. Tattha kira gaṅgodakasadisameva yamunodakaṃ. Yathā nibbānaṃ kenaci kilesena anupakkiliṭṭhatāya parisuddhaṃ, evaṃ nibbānagāminipaṭipadāpi kenaci kilesena anupakkiliṭṭhatāya parisuddhāva icchitabbā. Tenāha ‘‘na hī’’tiādi. Yena parisuddhatthena nibbānassa, nibbānagāminiyā paṭipadāya ca ākāsūpamatā, so kenaci anupalepo, anupakkileso cāti āha ‘‘ākāsampi alaggaṃ parisuddha’’nti. Idāni tamatthaṃ nidassanena vibhūtaṃ katvā dassetuṃ ‘‘candimasūriyāna’’ntiādi vuttaṃ. Saṃsandati yujjati paṭipajjitabbatāpaṭipajjanehi aññamaññānucchavikatāya.
ปฎิปทาย ฐิตานนฺติ ปฎิปทํ มคฺคปฎิปตฺติํ ปฎิปชฺชมานานํฯ วุสิตวตนฺติ พฺรหฺมจริยวาสํ วุสิตวนฺตานํ เอเตสํฯ ลทฺธสหาโยติ เอตาสํ ปฎิปทานํ วเสน ลทฺธสหาโยฯ ตตฺถ ตตฺถ สาวเกหิ สตฺถุ กาตพฺพกิเจฺจฯ อิทํ ปน ‘‘อทุติโย’’ติอาทิ สุตฺตนฺตเร อาคตวจนํ อเญฺญหิ อสทิสเฎฺฐน วุตฺตํ, น ยถาวุตฺตสหายาภาวโตฯ อปนุชฺชาติ อปนีย วิวเชฺชตฺวาฯ ‘‘อปนุชฺชา’’ติ จ อโนฺตคธาวธารณํ อิทํ วจนํ เอกนฺติกตฺตา ตสฺส อปโนทสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘อปนุเชฺชวา’’ติฯ
Paṭipadāya ṭhitānanti paṭipadaṃ maggapaṭipattiṃ paṭipajjamānānaṃ. Vusitavatanti brahmacariyavāsaṃ vusitavantānaṃ etesaṃ. Laddhasahāyoti etāsaṃ paṭipadānaṃ vasena laddhasahāyo. Tattha tattha sāvakehi satthu kātabbakicce. Idaṃ pana ‘‘adutiyo’’tiādi suttantare āgatavacanaṃ aññehi asadisaṭṭhena vuttaṃ, na yathāvuttasahāyābhāvato. Apanujjāti apanīya vivajjetvā. ‘‘Apanujjā’’ti ca antogadhāvadhāraṇaṃ idaṃ vacanaṃ ekantikattā tassa apanodassāti vuttaṃ ‘‘apanujjevā’’ti.
ลพฺภตีติ ลาโภ, โส ปน อุกฺกํสคติวิชานเนน สาติสโย, วิปุโล เอว จ อิธาธิเปฺปโตติ อาห ‘‘มหาลาโภ อุปฺปโนฺน’’ติฯ อุสฺสนฺนปุญฺญนิสฺสนฺทสมุปฺปโนฺนติ ยถาวุตฺตกาลํ สมฺภตสุวิปุลอุฬารตรปุญฺญาภิสนฺทโต นิพฺพโตฺตฯ‘‘อิเม นิพฺพตฺตา, อิโต ปรํ มยฺหํ โอกาโส นตฺถี’’ติ อุสฺสาหชาโต วิย อุปรูปริ วฑฺฒมาโน อุทปาทิฯ สพฺพทิสาสุ หิ ยมกมหาเมโฆ อุฎฺฐหิตฺวา มหาเมฆํ วิย สพฺพปารมิโย ‘‘เอกสฺมิํ อตฺตภาเว วิปากํ ทสฺสามา’’ติ สมฺปิณฺฑิตา วิย ภควโต อิทํ ลาภสกฺการสิโลกํ นิพฺพตฺตยิํสุ, ตโต อนฺนปานวตฺถยานมาลาคนฺธวิเลปนาทิหตฺถา ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย อุปคนฺตฺวา ‘‘กหํ พุโทฺธ, กหํ ภควา, กหํ เทวเทโว, กหํ นราสโภ, กหํ ปุริสสีโห’’ติ ภควนฺตํ ปริเยสนฺติ, สกฎสเตหิปิ ปจฺจเย อาหริตฺวา โอกาสํ อลภมานา สมนฺตา คาวุตปฺปมาณมฺปิ สกฎธุเรน สกฎธุรํ อาหจฺจ ติฎฺฐนฺติ เจว อนุพนฺธนฺติ จ อนฺธกวินฺทพฺราหฺมณาทโย วิยฯ สพฺพํ ขนฺธเก, เตสุ เตสุ จ สุเตฺตสุ อาคตนเยน เวทิตพฺพํฯ เตนาห ‘‘ลาภสกฺกาโร มโหโฆ วิยา’’ติอาทิฯ
Labbhatīti lābho, so pana ukkaṃsagativijānanena sātisayo, vipulo eva ca idhādhippetoti āha ‘‘mahālābho uppanno’’ti. Ussannapuññanissandasamuppannoti yathāvuttakālaṃ sambhatasuvipulauḷāratarapuññābhisandato nibbatto.‘‘Ime nibbattā, ito paraṃ mayhaṃ okāso natthī’’ti ussāhajāto viya uparūpari vaḍḍhamāno udapādi. Sabbadisāsu hi yamakamahāmegho uṭṭhahitvā mahāmeghaṃ viya sabbapāramiyo ‘‘ekasmiṃ attabhāve vipākaṃ dassāmā’’ti sampiṇḍitā viya bhagavato idaṃ lābhasakkārasilokaṃ nibbattayiṃsu, tato annapānavatthayānamālāgandhavilepanādihatthā khattiyabrāhmaṇādayo upagantvā ‘‘kahaṃ buddho, kahaṃ bhagavā, kahaṃ devadevo, kahaṃ narāsabho, kahaṃ purisasīho’’ti bhagavantaṃ pariyesanti, sakaṭasatehipi paccaye āharitvā okāsaṃ alabhamānā samantā gāvutappamāṇampi sakaṭadhurena sakaṭadhuraṃ āhacca tiṭṭhanti ceva anubandhanti ca andhakavindabrāhmaṇādayo viya. Sabbaṃ khandhake, tesu tesu ca suttesu āgatanayena veditabbaṃ. Tenāha ‘‘lābhasakkāro mahogho viyā’’tiādi.
ปฎิปาฎิภตฺตนฺติ พหูสุ ‘‘ทานํ ทสฺสามา’’ติ อาหฎปฎิปาฎิกาย อุฎฺฐิเตสุ อนุปฎิปาฎิยา ทาตพฺพ ภตฺตํฯ
Paṭipāṭibhattanti bahūsu ‘‘dānaṃ dassāmā’’ti āhaṭapaṭipāṭikāya uṭṭhitesu anupaṭipāṭiyā dātabba bhattaṃ.
มตฺถกํ ปโตฺต อนญฺญสาธารณตฺตา ตสฺส ทานสฺสฯ อุปายํ อาจิกฺขิ นาครานํ อสกฺกุเณยฺยรูเปน ทานํ ทาเปตุํฯ สาลกลฺยาณิรุกฺขา ราชปริคฺคหา อเญฺญหิ อสาธารณา, ตสฺมา เตสํ ปทเรหิ มณฺฑโป การิโต, หตฺถิโน จ ราชภณฺฑภูตา นาคเรหิ น สกฺกา ลทฺธุนฺติ เตหิ ฉตฺตํ ธาราปิตํ, ตถา ขตฺติยธีตาหิ เวยฺยาวจฺจํ การิตํฯ ‘‘ปญฺจ อาสนสตานี’’ติ อิทํ สาลกลฺยาณิมณฺฑเป ปญฺญเตฺต สนฺธาย วุตฺตํ, ตโต พหิ ปน พหูนิ ปญฺญตฺตานิ อเหสุํ ฯ จตุชฺชาติยคนฺธํ ปิสติ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ปูชนตฺถเญฺจว ปตฺตสฺส อุพฺพฎนตฺถญฺจฯ อุทกนฺติ ปตฺตโธวนอุทกํฯ อนคฺฆานิ อเหสุํ อนคฺฆรตนาภิสงฺขตตฺตาฯ
Matthakaṃ patto anaññasādhāraṇattā tassa dānassa. Upāyaṃ ācikkhi nāgarānaṃ asakkuṇeyyarūpena dānaṃ dāpetuṃ. Sālakalyāṇirukkhā rājapariggahā aññehi asādhāraṇā, tasmā tesaṃ padarehi maṇḍapo kārito, hatthino ca rājabhaṇḍabhūtā nāgarehi na sakkā laddhunti tehi chattaṃ dhārāpitaṃ, tathā khattiyadhītāhi veyyāvaccaṃ kāritaṃ. ‘‘Pañca āsanasatānī’’ti idaṃ sālakalyāṇimaṇḍape paññatte sandhāya vuttaṃ, tato bahi pana bahūni paññattāni ahesuṃ . Catujjātiyagandhaṃ pisati buddhappamukhassa saṅghassa pūjanatthañceva pattassa ubbaṭanatthañca. Udakanti pattadhovanaudakaṃ. Anagghāni ahesuṃ anaggharatanābhisaṅkhatattā.
สตฺตธา มุทฺธา ผลิสฺสติ อนาทรการณาทินาฯ กาฬํ โอโลเกสฺสามีติ กาฬํ เอวํ อนุเปกฺขิสฺสามิ, ตสฺส อุปฺปชฺชนกํ อนตฺถํ ปริหริสฺสามีติ อโตฺถฯ
Sattadhā muddhā phalissati anādarakāraṇādinā. Kāḷaṃ olokessāmīti kāḷaṃ evaṃ anupekkhissāmi, tassa uppajjanakaṃ anatthaṃ pariharissāmīti attho.
กทริยาติ ถทฺธมจฺฉริโน ปุญฺญกมฺมวิมุขาฯ เทวโลกํ น วชนฺติ ปุญฺญสฺส อกตตฺตา, มจฺฉริภาเวน จ ปาปสฺส ปสุตตฺตาฯ พาลาติ ทุจฺจินฺติตจินฺตนาทินา พาลลกฺขณยุตฺตาฯ นปฺปสํสนฺติ ทานํ ปสํสิตุมฺปิ น วิสหนฺติฯ ธีโรติ ธีติสมฺปโนฺน อุฬารปโญฺญ ปเรหิ กตํ ทานํ อนุโมทมาโนปิ, เตเนว ทานานุโมทเนเนวฯ สุขี ปรตฺถาติ ปรโลเก กายิกเจตสิกสุขสมงฺคี โหติฯ
Kadariyāti thaddhamaccharino puññakammavimukhā. Devalokaṃ na vajanti puññassa akatattā, maccharibhāvena ca pāpassa pasutattā. Bālāti duccintitacintanādinā bālalakkhaṇayuttā. Nappasaṃsanti dānaṃ pasaṃsitumpi na visahanti. Dhīroti dhītisampanno uḷārapañño parehi kataṃ dānaṃanumodamānopi, teneva dānānumodaneneva. Sukhī paratthāti paraloke kāyikacetasikasukhasamaṅgī hoti.
วรโรโช นาม ตสฺมิํ กาเล เอโก ขตฺติโย, ตสฺส วรโรชสฺสฯ อนวชฺช…เป.… ผเลยฺย อภูตวาทิภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ อติเรกปทสหเสฺสน ติํสาธิเกน อฑฺฒเตยฺยคาถาสเตน วณฺณเมว กเถสิ รูปปฺปสนฺนตาย จฯ
Vararojo nāma tasmiṃ kāle eko khattiyo, tassa vararojassa. Anavajja…pe… phaleyya abhūtavādibhāvatoti adhippāyo. Atirekapadasahassena tiṃsādhikena aḍḍhateyyagāthāsatena vaṇṇameva kathesi rūpappasannatāya ca.
ยาว มเญฺญ ขตฺติยาติ เอตฺถ ยาวาติ อวธิปริเจฺฉทวจนํ, อเญฺญติ นิปาตมตฺตํ, ยาว ขตฺติยา ขตฺติเย อวธิํ กตฺวา สเพฺพ เทวมนุสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘ขตฺติยา พฺราหฺมณา’’ติอาทิฯ มทปมโตฺตติ ลาภสกฺการสิโลกมเทน ปมโตฺต เจว ตทนฺวเยน ปมาเทน ปมโตฺต จ หุตฺวาฯ
Yāva maññe khattiyāti ettha yāvāti avadhiparicchedavacanaṃ, aññeti nipātamattaṃ, yāva khattiyā khattiye avadhiṃ katvā sabbe devamanussāti adhippāyo. Tenāha ‘‘khattiyā brāhmaṇā’’tiādi. Madapamattoti lābhasakkārasilokamadena pamatto ceva tadanvayena pamādena pamatto ca hutvā.
ตทนฺวยเมวาติ ตทนุคตเมวฯ วาจา…เป.… สเมตีติ วจีกมฺมกายกมฺมานิ อญฺญมญฺญํ อวิรุทฺธานิ, อญฺญทตฺถุ สํสนฺทนฺติฯ อชา เอว มิคาติ อชามิคา, เต อชามิเคฯ
Tadanvayamevāti tadanugatameva. Vācā…pe… sametīti vacīkammakāyakammāni aññamaññaṃ aviruddhāni, aññadatthu saṃsandanti. Ajā eva migāti ajāmigā, te ajāmige.
ติณฺณวิจิกิโจฺฉ สพฺพโส อติกฺกนฺตวิจิกิจฺฉากนฺตาโร ฯ นนุ จ สเพฺพปิ โสตาปนฺนา ติณฺณวิจิกิจฺฉา, วิคตกถํกถา จ? สจฺจเมตํ, อิทํ ปน น ตาทิสํ ติณฺณวิจิกิจฺฉตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข สพฺพสฺมิํ เญยฺยธเมฺม สพฺพาการาวโพธสงฺขาตสนฺนิฎฺฐานวเสน สพฺพโส นิรากตํ สนฺธายาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา หี’’ติ อาทิมาหฯ อุสฺสนฺนุสฺสนฺนตฺตาติ ปโรปรภาวโต, อยญฺจ อโตฺถ ภควโต อเนกธาตุนานาธาตุญาณพเลนปิ อิชฺฌติฯ สพฺพตฺถ วิคตกถํกโถ สพฺพทสฺสาวิภาวโตฯ สเพฺพสํ ปรมตฺถธมฺมานํ สจฺจาภิสมยวเสน ปฎิวิทฺธตฺตา วุตฺตํ ‘‘โวหารวเสนา’’ติ วา นามโคตฺตาทิวเสนาติ อโตฺถฯ
Tiṇṇavicikiccho sabbaso atikkantavicikicchākantāro . Nanu ca sabbepi sotāpannā tiṇṇavicikicchā, vigatakathaṃkathā ca? Saccametaṃ, idaṃ pana na tādisaṃ tiṇṇavicikicchataṃ sandhāya vuttaṃ, atha kho sabbasmiṃ ñeyyadhamme sabbākārāvabodhasaṅkhātasanniṭṭhānavasena sabbaso nirākataṃ sandhāyāti dassento ‘‘yathā hī’’ti ādimāha. Ussannussannattāti paroparabhāvato, ayañca attho bhagavato anekadhātunānādhātuñāṇabalenapi ijjhati. Sabbattha vigatakathaṃkatho sabbadassāvibhāvato. Sabbesaṃ paramatthadhammānaṃ saccābhisamayavasena paṭividdhattā vuttaṃ ‘‘vohāravasenā’’ti vā nāmagottādivasenāti attho.
ปริโยสิตสงฺกโปฺปติ สพฺพโส นิฎฺฐิตมโนรโถฯ นนุ จ อริยมเคฺคน ปริโยสิตสงฺกปฺปตา นาม โสฬสกิจฺจสิทฺธิยา กตกรณียภาเวน, น สพฺพเญยฺยธมฺมาวโพเธนาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ปุเพฺพ อนนุสฺสุเตสู’’ติอาทิฯ สาวกานํ สาวกปารมิญาณํ วิย, หิ ปเจฺจกพุทฺธานํ ปเจฺจกโพธิญาณํ วิย จ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ จตุสจฺจาภิสโมฺพธปุพฺพกเมวาติฯ อนนุสฺสุเตสูติ น อนุสฺสุเตสุฯ สามนฺติ สยเมวฯ ปททฺวเยนาปิ ปรโต โฆเสน วินาติ ทเสฺสติฯ ตตฺถาติ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํ, สจฺจาภิสโมฺพธนิมิตฺตนฺติ อโตฺถฯ สจฺจาภิสโมฺพโธ จ อคฺคมคฺควเสนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ พเลสุ จ วสีภาวนฺติ ทสนฺนํ พลญาณานํ ยถารุจิ ปวตฺติฯ ชาตตฺตา ชาตาติ สมฺมาสมฺพุเทฺธ วทติฯ
Pariyositasaṅkappoti sabbaso niṭṭhitamanoratho. Nanu ca ariyamaggena pariyositasaṅkappatā nāma soḷasakiccasiddhiyā katakaraṇīyabhāvena, na sabbañeyyadhammāvabodhenāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘pubbeananussutesū’’tiādi. Sāvakānaṃ sāvakapāramiñāṇaṃ viya, hi paccekabuddhānaṃ paccekabodhiñāṇaṃ viya ca sammāsambuddhānaṃ sabbaññutaññāṇaṃ catusaccābhisambodhapubbakamevāti. Ananussutesūti na anussutesu. Sāmanti sayameva. Padadvayenāpi parato ghosena vināti dasseti. Tatthāti nimittatthe bhummaṃ, saccābhisambodhanimittanti attho. Saccābhisambodho ca aggamaggavasenāti daṭṭhabbaṃ. Balesu ca vasībhāvanti dasannaṃ balañāṇānaṃ yathāruci pavatti. Jātattā jātāti sammāsambuddhe vadati.
๒๙๗. ตตฺถ ตตฺถ ราชธานิอาทิเก นิพทฺธวาสํ วสโนฺตฯ ตีสุ มณฺฑเลสุ ยถากาลํ จาริกํ จรโนฺตฯ
297. Tattha tattha rājadhāniādike nibaddhavāsaṃ vasanto. Tīsu maṇḍalesu yathākālaṃ cārikaṃ caranto.
๒๙๘. อสฺสาติ ผลสฺสฯ ตนฺติ การณํฯ ทฺวินฺนมฺปิ เอกโต อุปฺปตฺติยา การณํ นตฺถิ, ปเคว ติณฺณํ, จตุนฺนํ วาติฯ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ วุตฺตโลกธาตุยา ปมาณปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ อารทฺธํฯ
298.Assāti phalassa. Tanti kāraṇaṃ. Dvinnampi ekato uppattiyā kāraṇaṃ natthi, pageva tiṇṇaṃ, catunnaṃ vāti. ‘‘Ettha cā’’tiādi ‘‘ekissā lokadhātuyā’’ti vuttalokadhātuyā pamāṇaparicchedadassanatthaṃ āraddhaṃ.
ยาวตาติ ยตฺตเกน ฐาเนนฯ ปริหรนฺตีติ สิเนรุํ ปริกฺขิปนฺตา ปริวตฺตนฺติฯ ทิสาติ ทิสาสุ, ภุมฺมเตฺถ เอตํ ปจฺจตฺตวจนํฯ ภนฺติ ทิพฺพนฺติฯ วิโรจนาติ โอภาสนฺตา, วิโรจนา วา โสภมานา จนฺทิมสูริยา ภนฺติ, ตโต เอว ทิสา จ ภนฺติฯ ตาว สหสฺสธาติ ตตฺตโก สหสฺสโลโกฯ
Yāvatāti yattakena ṭhānena. Pariharantīti sineruṃ parikkhipantā parivattanti. Disāti disāsu, bhummatthe etaṃ paccattavacanaṃ. Bhanti dibbanti. Virocanāti obhāsantā, virocanā vā sobhamānā candimasūriyā bhanti, tato eva disā ca bhanti.Tāva sahassadhāti tattako sahassaloko.
เอตฺตกนฺติ อิมํ จกฺกวาฬํ มเชฺฌ กตฺวา อิมินาว สทฺธิํ จกฺกวาฬํ ทสสหสฺสํฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ มหาปทานวณฺณนายํ วุตฺตเมวฯ น ปญฺญายตีติ ตีสุ ปิฎเกสุ อนาคตตฺตาฯ
Ettakanti imaṃ cakkavāḷaṃ majjhe katvā imināva saddhiṃ cakkavāḷaṃ dasasahassaṃ. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ mahāpadānavaṇṇanāyaṃ vuttameva. Na paññāyatīti tīsu piṭakesu anāgatattā.
สนงฺกุมารกถาวณฺณนา
Sanaṅkumārakathāvaṇṇanā
๓๐๐. วเณฺณนาติ รูปสมฺปตฺติยาฯ สุวิเญฺญยฺยตฺตา ตํ อนามสิตฺวา ยสสทฺทเสฺสว อตฺถมาหฯ อลงฺการปริวาเรนาติ อลงฺกาเรน จ ปริวาเรน จฯ ปุญฺญสิริยาติ ปุญฺญิทฺธิยาฯ
300.Vaṇṇenāti rūpasampattiyā. Suviññeyyattā taṃ anāmasitvā yasasaddasseva atthamāha. Alaṅkāraparivārenāti alaṅkārena ca parivārena ca. Puññasiriyāti puññiddhiyā.
๓๐๑. สมฺปสาทเนติ สมฺปสาทชนเนฯ สํปุโพฺพ ขา-สโทฺท ชานนโตฺถ ‘‘สงฺขาเยตํ ปฎิเสวตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๖๘) วิยาติ อาห ‘‘ชานิตฺวา โมทามา’’ติฯ
301.Sampasādaneti sampasādajanane. Saṃpubbo khā-saddo jānanattho ‘‘saṅkhāyetaṃ paṭisevatī’’tiādīsu (ma. ni. 2.168) viyāti āha ‘‘jānitvā modāmā’’ti.
โควินฺทพฺราหฺมณวตฺถุวณฺณนา
Govindabrāhmaṇavatthuvaṇṇanā
๓๐๔. ยาว ทีฆรตฺตนฺติ ยาว ปริมาณโต, อปริมิตกาลปริทีปนเมตนฺติ อาห ‘‘เอตฺตกนฺติ…เป.… อติจิรรตฺต’’นฺติฯ มหาปโญฺญว โส ภควาติ เตน พฺรหฺมุนา อนุมติปุจฺฉาวเสน เทวานํ วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘มหาปโญฺญว โส ภควาฯ โนติ กถํ ตุเมฺห มญฺญถา’’ติ อาหฯ สยเมเวตํ ปญฺหํ พฺยากาตุกาโม ‘‘ภูตปุพฺพํ โภ’’ติ อาทิํ อาหาติ สมฺพโนฺธฯ เอวํ ปน พฺยากโรเนฺตน อตฺถโต อยมฺปิ อโตฺถ วุโตฺต นาม โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนจฺฉริยเมต’’นฺติ อาทิมาหฯ ติณฺณํ มารานนฺติ กิเลสาภิสงฺขารเทวปุตฺตมารานํฯ ‘‘อนจฺฉริยเมต’’นฺติ วุตฺตเมวตฺถํ นิคมนวเสน ‘‘กิเมตฺถ อจฺฉริย’’นฺติ ปุนปิ วุตฺตํฯ
304.Yāvadīgharattanti yāva parimāṇato, aparimitakālaparidīpanametanti āha ‘‘ettakanti…pe… aticiraratta’’nti. Mahāpaññova so bhagavāti tena brahmunā anumatipucchāvasena devānaṃ vuttanti dassento ‘‘mahāpaññova so bhagavā. Noti kathaṃ tumhe maññathā’’ti āha. Sayamevetaṃ pañhaṃ byākātukāmo ‘‘bhūtapubbaṃ bho’’ti ādiṃ āhāti sambandho. Evaṃ pana byākarontena atthato ayampi attho vutto nāma hotīti dassento ‘‘anacchariyameta’’nti ādimāha. Tiṇṇaṃ mārānanti kilesābhisaṅkhāradevaputtamārānaṃ. ‘‘Anacchariyameta’’nti vuttamevatthaṃ nigamanavasena ‘‘kimettha acchariya’’nti punapi vuttaṃ.
รโญฺญ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกอตฺถานํ ปุโร ธานโต ปุเร ปุเร สํวิธานโต ปุโรหิโตติ อาห ‘‘สพฺพกิจฺจานิ อนุสาสนปุโรหิโต’’ติฯ โควินฺทิยาภิเสเกนาติ โควินฺทสฺส ฐาเน ฐปนาภิเสเกนฯ ตํ กิร ตสฺส พฺราหฺมณสฺส กุลปรมฺปราคตํ ฐานนฺตรํฯ โชติตตฺตาติ อาวุธานํ โชติตตฺตาฯ ปาลนสมตฺถตายาติ รโญฺญ, อปริมิตสฺส จ สตฺตกายสฺส อนตฺถโต ปริปาลนสมตฺถตายฯ
Rañño diṭṭhadhammikasamparāyikaatthānaṃ puro dhānato pure pure saṃvidhānato purohitoti āha ‘‘sabbakiccānianusāsanapurohito’’ti. Govindiyābhisekenāti govindassa ṭhāne ṭhapanābhisekena. Taṃ kira tassa brāhmaṇassa kulaparamparāgataṃ ṭhānantaraṃ. Jotitattāti āvudhānaṃ jotitattā. Pālanasamatthatāyāti rañño, aparimitassa ca sattakāyassa anatthato paripālanasamatthatāya.
สมฺมา โวสฺสชฺชิตฺวาติ สุฎฺฐุ ตเสฺสวาคารวภาเวน วิสฺสชฺชิตฺวา นิยฺยาเตตฺวาฯ ตํ ตมตฺถํ กิจฺจํ ปสฺสตีติ อตฺถทโสฯ
Sammā vossajjitvāti suṭṭhu tassevāgāravabhāvena vissajjitvā niyyātetvā. Taṃ tamatthaṃ kiccaṃ passatīti atthadaso.
๓๐๕. ภวนํ วฑฺฒนํ ภโว, ภวติ เอเตนาติ วา ภโว, วฑฺฒิการณํ สนฺธิวเสน ม-การาคโม, โอ-การสฺส จ อ-การาเทสํ กตฺวา ‘‘ภวมตฺถู’’ติ วุตฺตํฯ ภวนฺตํ โชติปาลนฺติ ปน สามิอเตฺถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘โภโต’’ติฯ มา ปจฺจพฺยาหาสีติ มา ปฎิกฺขิปีติ อโตฺถฯ โส ปน ปฎิเกฺขโป ปฎิวจนํ โหตีติ อาห ‘‘มา ปฎิพฺยาหาสี’’ติฯ อภิสโมฺภสีติ กมฺมนฺตานํ สํวิธาเน สมโตฺถ โหตีติ อาห ‘‘สํวิทหิตฺวา’’ติฯ ภวาภวํ, ปญฺญญฺจ วินฺทิ ปฎิลภีติ โควิโนฺท, มหโนฺต โควิโนฺท มหาโควิโนฺทฯ ‘‘โค’’ติ หิ ปญฺญาเยตํ อธิวจนํ คจฺฉติ อเตฺถ พุชฺฌตีติฯ
305. Bhavanaṃ vaḍḍhanaṃ bhavo, bhavati etenāti vā bhavo, vaḍḍhikāraṇaṃ sandhivasena ma-kārāgamo, o-kārassa ca a-kārādesaṃ katvā ‘‘bhavamatthū’’ti vuttaṃ. Bhavantaṃ jotipālanti pana sāmiatthe upayogavacananti āha ‘‘bhoto’’ti. Mā paccabyāhāsīti mā paṭikkhipīti attho. So pana paṭikkhepo paṭivacanaṃ hotīti āha ‘‘mā paṭibyāhāsī’’ti. Abhisambhosīti kammantānaṃ saṃvidhāne samattho hotīti āha ‘‘saṃvidahitvā’’ti. Bhavābhavaṃ, paññañca vindi paṭilabhīti govindo, mahanto govindo mahāgovindo. ‘‘Go’’ti hi paññāyetaṃ adhivacanaṃ gacchati atthe bujjhatīti.
รชฺชสํวิภชนวณฺณนา
Rajjasaṃvibhajanavaṇṇanā
๓๐๖. เอกปิติกา เวมาตุกา กนิฎฺฐภาตโรฯ อยํ อภิสิโตฺตติ อยํ เรณุ ราชกุมาโร ปิตุ อจฺจเยน รเชฺช อภิสิโตฺตฯ ราชการกาติ ราชปุตฺตํ รเชฺช ปติฎฺฐาเปตาโรฯ
306.Ekapitikā vemātukā kaniṭṭhabhātaro. Ayaṃ abhisittoti ayaṃ reṇu rājakumāro pitu accayena rajje abhisitto. Rājakārakāti rājaputtaṃ rajje patiṭṭhāpetāro.
๓๐๗. มเทนฺตีติ มทนียาติ กตฺตุสาธนตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘มทกรา’’ติ อาหฯ มทกรณํ ปน ปมาทสฺส วิเสสการณนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปมาทกรา’’ติฯ
307. Madentīti madanīyāti kattusādhanataṃ dassento ‘‘madakarā’’ti āha. Madakaraṇaṃ pana pamādassa visesakāraṇanti vuttaṃ ‘‘pamādakarā’’ti.
๓๐๘. เรณุสฺส รชฺชสมีเป ทสคาวุตมตฺตวิตฺถตานิ หุตฺวา อปรภาเค ติโยชนสตํ วิตฺถตตฺตา สพฺพานิ ฉ รชฺชานิ สกฎมุขานิ ปฎฺฐเปสิฯ วิตานสทิสํ จตุรสฺสภาวโตฯ
308. Reṇussa rajjasamīpe dasagāvutamattavitthatāni hutvā aparabhāge tiyojanasataṃ vitthatattā sabbāni cha rajjāni sakaṭamukhāni paṭṭhapesi. Vitānasadisaṃ caturassabhāvato.
๓๑๐. สหาติ คาถาย ปทปริปูรณตฺถํ วุตฺตํฯ ตสฺส อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เตเนว สหา’’ติ อาหฯ สหาติ วา อวินาภาวเตฺถ นิปาโต, โส สห อาสุํ สตฺต ภารธาติ โยเชตโพฺพ, เตน เต เทสนฺตเร วสนฺตา วิจิเตฺตน สหภาวิโน อวินาภาวิโนติ ทีเปติฯ รชฺชภารํ ธาเรนฺติ อตฺตนิ อาโรเปนฺติ วหนฺตีติ ภารธาฯ
310.Sahāti gāthāya padaparipūraṇatthaṃ vuttaṃ. Tassa atthaṃ dassento ‘‘teneva sahā’’ti āha. Sahāti vā avinābhāvatthe nipāto, so saha āsuṃ satta bhāradhāti yojetabbo, tena te desantare vasantā vicittena sahabhāvino avinābhāvinoti dīpeti. Rajjabhāraṃ dhārenti attani āropenti vahantīti bhāradhā.
ปฐมภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
กิตฺติสทฺทอพฺภุคฺคมนวณฺณนา
Kittisaddaabbhuggamanavaṇṇanā
๓๑๑. อนุปุโรหิเต ฐเปสีติ อนุปุโรหิเต กตฺวา ฐเปสิ, อนุปุโรหิเต วา ฐาเน ฐเปสิฯ ติสวนํ กโรเนฺต สนฺธาย ‘‘ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุ’’นฺติ วุตฺตํฯ ทฺวีสุ สนฺธีสุ สวนํ กโรเนฺต สนฺธาย ‘‘สายํ, ปาโต วา’’ติ วุตฺตํฯ ตโต ปฎฺฐายาติ วตจริยํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา นฺหาตกาลโต ปภุติฯ
311.Anupurohite ṭhapesīti anupurohite katvā ṭhapesi, anupurohite vā ṭhāne ṭhapesi. Tisavanaṃ karonte sandhāya ‘‘divasassa tikkhattu’’nti vuttaṃ. Dvīsu sandhīsu savanaṃ karonte sandhāya ‘‘sāyaṃ, pāto vā’’ti vuttaṃ. Tato paṭṭhāyāti vatacariyaṃ matthakaṃ pāpetvā nhātakālato pabhuti.
๓๑๒. อภิอุคฺคจฺฉีติ อุฎฺฐหิ อุทปาทิฯ อจิเนฺตตฺวาติ ‘‘กถํ โข อหํ พฺรหฺมุนา สทฺธิํ มเนฺตยฺย’’นฺติ อจิเนฺตตฺวา เอวํ จิตฺตมฺปิ อนุปฺปาเทตฺวาฯ เตน สมาคมนเสฺสว อภาวโต อมเนฺตตฺวาฯ ตํ ทิสฺวาติ ตํ กรุณาพฺรหฺมวิหารภาวนํ พฺรหฺมทสฺสนูปายํ ทิสฺวา ญาณจกฺขุนาฯ
312.Abhiuggacchīti uṭṭhahi udapādi. Acintetvāti ‘‘kathaṃ kho ahaṃ brahmunā saddhiṃ manteyya’’nti acintetvā evaṃ cittampi anuppādetvā. Tena samāgamanasseva abhāvato amantetvā. Taṃ disvāti taṃ karuṇābrahmavihārabhāvanaṃ brahmadassanūpāyaṃ disvā ñāṇacakkhunā.
๓๑๓. เอวนฺติ เอวํ รโญฺญ อาโรเจตฺวา ปฎิสลฺลานํ อุปคเตฯ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ ฉนฺนํ ขตฺติยานํ, สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณมหาสาลานํ , สตฺตนฺนํ นาฎกสตานํ, จตฺตารีสาย จ ภริยานํ อาปุจฺฉนวาเรสุฯ
313.Evanti evaṃ rañño ārocetvā paṭisallānaṃ upagate. Sabbatthāti sabbesu channaṃ khattiyānaṃ, sattannaṃ brāhmaṇamahāsālānaṃ , sattannaṃ nāṭakasatānaṃ, cattārīsāya ca bhariyānaṃ āpucchanavāresu.
๓๑๖. สาทิสิโยติ ชาติยา สาทิสิโยติ อาห ‘‘สมวณฺณา สมชาติกา’’ติฯ
316.Sādisiyoti jātiyā sādisiyoti āha ‘‘samavaṇṇā samajātikā’’ti.
๓๑๗. สนฺถาคารนฺติ ฌานมนสิกาเรน พหิ วิสฎวิตกฺกวูปสมเนน จิตฺตสฺส สนฺถมฺภนํ อคารํ, ฌานสาลนฺติ อโตฺถฯ คหิตาวาติ ภาวนานุโยเคน มหาสเตฺตน อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน อุปฺปาทนวเสน คหิตา เอวฯ นตฺถิ ฌาเนเนว วิกฺขมฺภิตตฺตาฯ วิเสสโต หิสฺส กรุณาย ภาวิตตฺตา อนภิรติ อุกฺกณฺฐนา นตฺถิ, เมตฺตาย ภาวิตตฺตา ภยปริตสฺสนา นตฺถิฯ อุกฺกณฺฐนาติ ปน พฺรหฺมทสฺสเน อุสฺสุกฺกํ, ปริตสฺสนาติ ตทภิปตฺถนาติ อาห ‘‘พฺรหฺมุโน ปนา’’ติอาทิฯ
317.Santhāgāranti jhānamanasikārena bahi visaṭavitakkavūpasamanena cittassa santhambhanaṃ agāraṃ, jhānasālanti attho. Gahitāvāti bhāvanānuyogena mahāsattena attano cittasantāne uppādanavasena gahitā eva. Natthi jhāneneva vikkhambhitattā. Visesato hissa karuṇāya bhāvitattā anabhirati ukkaṇṭhanā natthi, mettāya bhāvitattā bhayaparitassanā natthi. Ukkaṇṭhanāti pana brahmadassane ussukkaṃ, paritassanāti tadabhipatthanāti āha ‘‘brahmuno panā’’tiādi.
พฺรหฺมุนาสากจฺฉาวณฺณนา
Brahmunāsākacchāvaṇṇanā
๓๑๘. จิตฺตุตฺราโสติ จิตฺตสฺส อุตฺราสนมตฺตํฯ กถนฺติ สตฺตนิกายนิวาสฎฺฐานนามโคตฺตาทีนํ วเสน เกน ปกาเรนฯ เตนาห ‘‘กิ’’นฺติอาทิฯ
318.Cittutrāsoti cittassa utrāsanamattaṃ. Kathanti sattanikāyanivāsaṭṭhānanāmagottādīnaṃ vasena kena pakārena. Tenāha ‘‘ki’’ntiādi.
โสติ เย เต ปนกนสนนฺตพนฺธสตนสนงฺกุมารกาลนามกา โลเก ปากฎา ปญฺญาตา พฺรหฺมาโน, เตสุ สนงฺกุมาโร นามาหนฺติ ทเสฺสติฯ
Soti ye te panakanasanantabandhasatanasanaṅkumārakālanāmakā loke pākaṭā paññātā brahmāno, tesu sanaṅkumāro nāmāhanti dasseti.
อคฺฆนฺติ ครุฎฺฐานิยานํ ทาตพฺพํอาหารํฯ มธุสากนฺติ มธุราหารํ, ยํ กิญฺจิ อติถิโน ทาตพฺพํ อาหารํ อุปจารวเสน เอวํ วทติฯ เตนาห ‘‘มธุสากํ ปนา’’ติอาทิฯ ปุจฺฉามาติ นิมนฺตนวเสน ปุจฺฉามฯ
Agghanti garuṭṭhāniyānaṃ dātabbaṃāhāraṃ. Madhusākanti madhurāhāraṃ, yaṃ kiñci atithino dātabbaṃ āhāraṃ upacāravasena evaṃ vadati. Tenāha ‘‘madhusākaṃ panā’’tiādi. Pucchāmāti nimantanavasena pucchāma.
๓๑๙. มหาสโตฺต จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา ฐิโตปิ เตสุ ‘‘พฺรหฺมสหพฺยตาย มโคฺค’’ติ อนิเพฺพมติกตาย ‘‘กงฺขี’’ติ อโวจฯ เกจิ ปน ‘‘ตโปกเมฺมน ปริกฺขีณสรีรตาย, พฺรหฺมสมาคเมน ภยาทิสมุปฺปตฺติยา จ ปฎิลทฺธมเตฺตหิ พฺรหฺมวิหาเรหิ ปริหีโน อโหสิ, ตสฺมา อวิกฺขมฺภิตวิจิกิจฺฉตาย ‘กงฺขี’ติ อโวจา’’ติ วทนฺติฯ ปรสฺส เวทิยา วิทิตา ปรเวทิยา, เต ปน ตสฺส ปากฎา วิภูตาติ อาห ‘‘ปรสฺส ปากเฎสุ ปรเวทิเยสู’’ติฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘ปเรน สยํ อภิสงฺขตตฺตา’’ติฯ มมาติ กมฺมํ มมํกาโร, มมตฺตนฺติ อาห ‘‘อิทํ มม…เป.… ตณฺห’’นฺติฯ ‘‘มม’’นฺติ กโรติ เอเตนาติ หิ มมํกาโร, ตถาปวตฺตา ตณฺหาฯ มนุเชสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ, น วิสเยติ อาห ‘‘มนุเชสุ โย โกจี’’ติฯ ‘‘เอโกทิภูโต’’ติ ปทสฺส ภาวตฺถํ ตาว ทเสฺสโนฺต ‘‘เอกีภูโต’’ติ วตฺวา ปุน ตํ วิวรโนฺต ‘‘เอโก ติฎฺฐโนฺต เอโก นิสีทโนฺต’’ติ อาหฯ ตาทิโสติ เอโก หุตฺวา ปวตฺตนโกฯ ภูโตติ ชาโตฯ ฌาเน อธิมุตฺติ นาม ตสฺมิํ นิพฺพตฺติเต, อนิพฺพตฺติเต กุโต อธิมุตฺตีติ อาห ‘‘ฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวาติ อโตฺถ’’ติฯ วิสฺสคโนฺธ นาม โกธาทิกิเลสปริภาวนาติ เตสํ วิกฺขมฺภเนน วิสฺสคนฺธวิรหิโตฯ เอเตสุ ธเมฺมสูติ ปพฺพชฺชานํ วิเวกวาสกรุณาพฺรหฺมวิหาราทิธเมฺมสุฯ
319. Mahāsatto cattāro brahmavihāre bhāvetvā ṭhitopi tesu ‘‘brahmasahabyatāya maggo’’ti anibbematikatāya ‘‘kaṅkhī’’ti avoca. Keci pana ‘‘tapokammena parikkhīṇasarīratāya, brahmasamāgamena bhayādisamuppattiyā ca paṭiladdhamattehi brahmavihārehi parihīno ahosi, tasmā avikkhambhitavicikicchatāya ‘kaṅkhī’ti avocā’’ti vadanti. Parassa vediyā viditā paravediyā, te pana tassa pākaṭā vibhūtāti āha ‘‘parassapākaṭesu paravediyesū’’ti. Tattha kāraṇamāha ‘‘parena sayaṃ abhisaṅkhatattā’’ti. Mamāti kammaṃ mamaṃkāro, mamattanti āha ‘‘idaṃ mama…pe… taṇha’’nti. ‘‘Mama’’nti karoti etenāti hi mamaṃkāro, tathāpavattā taṇhā. Manujesūti niddhāraṇe bhummaṃ, na visayeti āha ‘‘manujesu yo kocī’’ti. ‘‘Ekodibhūto’’ti padassa bhāvatthaṃ tāva dassento ‘‘ekībhūto’’ti vatvā puna taṃ vivaranto ‘‘eko tiṭṭhanto eko nisīdanto’’ti āha. Tādisoti eko hutvā pavattanako. Bhūtoti jāto. Jhāne adhimutti nāma tasmiṃ nibbattite, anibbattite kuto adhimuttīti āha ‘‘jhānaṃ nibbattetvāti attho’’ti. Vissagandho nāma kodhādikilesaparibhāvanāti tesaṃ vikkhambhanena vissagandhavirahito. Etesu dhammesūti pabbajjānaṃ vivekavāsakaruṇābrahmavihārādidhammesu.
๓๒๐. อวิทฺวาติ น วิทิตวาฯ อาวริตาติ กุสลานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ อุปฺปตฺตินิวารเณน อาวริตาฯ ปูติกาติ พฺยาปนฺนจิตฺตตาทินา ปูติภูตาฯ กิเลสวเสน ทุคฺคนฺธํ วิสฺสคนฺธํ วายติฯ นิรยาทิอปาเยสุ นิพฺพตฺตนสีลตาย อาปายิกาติ อาห ‘‘อปายูปคา’’ติฯ โจราทีหิ อุปทฺทุตสฺส ปวิสิตุกามสฺส ปาการกวาฎปริขาทีหิ วิย นครํ โกธาทีหิ นิวุโต ปิหิโต พฺรหฺมโลโก อสฺสาติ นิวุตพฺรหฺมโลโกฯ ปุจฺฉติ ‘‘เกนาวฎา’’ติ วทโนฺตฯ
320.Avidvāti na viditavā. Āvaritāti kusalānaṃ uttarimanussadhammānaṃ uppattinivāraṇena āvaritā. Pūtikāti byāpannacittatādinā pūtibhūtā. Kilesavasena duggandhaṃ vissagandhaṃ vāyati. Nirayādiapāyesu nibbattanasīlatāya āpāyikāti āha ‘‘apāyūpagā’’ti. Corādīhi upaddutassa pavisitukāmassa pākārakavāṭaparikhādīhi viya nagaraṃ kodhādīhi nivuto pihito brahmaloko assāti nivutabrahmaloko. Pucchati ‘‘kenāvaṭā’’ti vadanto.
มุสาวาโทว โมสวชฺชํ ยถา ภิสกฺกเมว เภสชฺชํฯ กุชฺฌนํ ทุสฺสนํฯ ทิฎฺฐาทีสุ อทิฎฺฐาทิวาทิตาวเสน ปเรสํ วิสํวาทนํ ปรวิสํวาทนํฯ สทิสํ ปติรูปํ ทเสฺสตฺวา ปโลภนํ สทิสํ ทเสฺสตฺวา วญฺจนํฯ มิตฺตานํ วิหิํสนํ เมตฺติเภโท มิตฺตทุพฺภนํฯ ทฬฺหมจฺฉริตา ถทฺธมจฺฉริยํฯ อตฺตนิ วิชฺชมานํ นิหีนตํ, สทิสตํ วา อติกฺกมิตฺวา มญฺญนํฯ ปเรสํ สมฺปตฺติยา อสหนํ ขียนํฯ อตฺตสมฺปตฺติยา นิคูหนวเสน, ปเรหิ สาธารณภาวาสหนวเสน จ วิวิธา อิจฺฉา รุจิ เอตสฺสาติ วิวิจฺฉาฯ กทริยตาย มุทุกํ มจฺฉริยํฯ ยตฺถ กตฺถจีติ สกสนฺตเก, ปรสนฺตเก, หีนาติเก จาติ ยตฺถ กตฺถจิ อารมฺมเณฯ ลุพฺภนํ อารมฺมณสฺส คหณํ อภิคิชฺฌนํฯ มชฺชนํ เสยฺยาทิวเสน มทนํ สมฺปคฺคโหฯ มุยฺหนํ อารมฺมณสฺส อนวโพโธฯ เอเตสูติ เอเตสุ ยถาวุเตฺตสุ โกธาทีสุ สตฺตสนฺตานสฺส กิลิสฺสนโต วิพาธนโต, อุปตาปนโต จ กิเลสสญฺญิเตสุ ปาปธเมฺมสุฯ ยุตฺตา ปยุตฺตา สมฺปยุตฺตา อวิรหิตาฯ
Musāvādova mosavajjaṃ yathā bhisakkameva bhesajjaṃ. Kujjhanaṃ dussanaṃ. Diṭṭhādīsu adiṭṭhādivāditāvasena paresaṃ visaṃvādanaṃ paravisaṃvādanaṃ. Sadisaṃ patirūpaṃ dassetvā palobhanaṃ sadisaṃ dassetvā vañcanaṃ. Mittānaṃ vihiṃsanaṃ mettibhedo mittadubbhanaṃ. Daḷhamaccharitā thaddhamacchariyaṃ. Attani vijjamānaṃ nihīnataṃ, sadisataṃ vā atikkamitvā maññanaṃ. Paresaṃ sampattiyā asahanaṃ khīyanaṃ. Attasampattiyā nigūhanavasena, parehi sādhāraṇabhāvāsahanavasena ca vividhā icchā ruci etassāti vivicchā. Kadariyatāya mudukaṃ macchariyaṃ. Yattha katthacīti sakasantake, parasantake, hīnātike cāti yattha katthaci ārammaṇe. Lubbhanaṃ ārammaṇassa gahaṇaṃ abhigijjhanaṃ. Majjanaṃ seyyādivasena madanaṃ sampaggaho. Muyhanaṃ ārammaṇassa anavabodho. Etesūti etesu yathāvuttesu kodhādīsu sattasantānassa kilissanato vibādhanato, upatāpanato ca kilesasaññitesu pāpadhammesu. Yuttā payuttā sampayuttā avirahitā.
เอตฺถ จายํ พฺรหฺมา มหาสเตฺตน อามคเนฺธ สุปุโฎฺฐ อตฺตโน ยถาอุปฎฺฐิเต ปาปธเมฺม จุทฺทสหิ ปเทหิ วิภชิตฺวา กเถสิ, เต ปน ตาทิสํ ปวตฺติวิเสสํ อุปาทาย วุตฺตาปิ เกจิ ปุน วุตฺตา, อามคนฺธสุเตฺต (สุ. นิ. ๒๔๒) ปน วุตฺตาปิ เกจิ อิธ สพฺพโส น วุตฺตา, เอวํ สเนฺตปิ ลกฺขณหารนเยน, ตเทกฎฺฐตาย วา เตสํ เปตฺถ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ เตนาห ‘‘อิทํ ปน สุตฺต’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ อามคนฺธสุเตฺตน ทีเปตฺวาติ อิธ สรูปโต อวุเตฺต อามคเนฺธปิ วุเตฺตหิ เอกลกฺขณตาทินา อามคนฺธสุเตฺตน ปกาเสตฺวา กเถตพฺพํ ตตฺถ เนสํ สรูปโต กถิตตฺตาฯ อามคนฺธสุตฺตมฺปิ อิมินา ทีเปตพฺพํ อิธ วุตฺตานมฺปิ เกสญฺจิ อามคนฺธานํ ตตฺถ อวุตฺตภาวโตฯ ยสฺมา อามคนฺธสุเตฺต วุตฺตาปิ อามคนฺธา อตฺถโต อิธ สงฺคหํ สโมสรณํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา อิธ วุเตฺต ปริหรณวเสน ทเสฺสเนฺตน ยสฺมา เจตฺถ เกจิ อภิธมฺมนเยน อกิเลสสภาวาปิ สตฺตสนฺตานสฺส วิพาธนเฎฺฐน ‘‘กิเลสา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ, ตสฺมา ‘‘จุทฺทสสุ กิเลเสสู’’ติ วุตฺตํฯ
Ettha cāyaṃ brahmā mahāsattena āmagandhe supuṭṭho attano yathāupaṭṭhite pāpadhamme cuddasahi padehi vibhajitvā kathesi, te pana tādisaṃ pavattivisesaṃ upādāya vuttāpi keci puna vuttā, āmagandhasutte (su. ni. 242) pana vuttāpi keci idha sabbaso na vuttā, evaṃ santepi lakkhaṇahāranayena, tadekaṭṭhatāya vā tesaṃ pettha saṅgaho daṭṭhabbo. Tenāha ‘‘idaṃ pana sutta’’ntiādi. Tattha āmagandhasuttena dīpetvāti idha sarūpato avutte āmagandhepi vuttehi ekalakkhaṇatādinā āmagandhasuttena pakāsetvā kathetabbaṃ tattha nesaṃ sarūpato kathitattā. Āmagandhasuttampi iminā dīpetabbaṃ idha vuttānampi kesañci āmagandhānaṃ tattha avuttabhāvato. Yasmā āmagandhasutte vuttāpi āmagandhā atthato idha saṅgahaṃ samosaraṇaṃ gacchanti, tasmā idha vutte pariharaṇavasena dassentena yasmā cettha keci abhidhammanayena akilesasabhāvāpi sattasantānassa vibādhanaṭṭhena ‘‘kilesā’’ti vattabbataṃ arahanti, tasmā ‘‘cuddasasu kilesesū’’ti vuttaṃ.
นิมฺมาทํ มิลาปนํ เขปนนฺติ อาห ‘‘นิมฺมาเทตพฺพา ปหาตพฺพา’’ติฯ พุทฺธตนฺตีติ พุทฺธภาวีนํ ปเวณี, พุทฺธภาวิโนปิ ‘‘พุทฺธา’’ติ วุจฺจนฺติ ยถา ‘‘อคมา ราชคหํ พุโทฺธ’’ติฯ มหาปุริสสฺส ทฬฺหีกมฺมํ กตฺวาติ มหาปุริสสฺส ‘‘ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ ปวตฺตจิตฺตุปฺปาทสฺส ทฬฺหีกมฺมํ กตฺวาฯ
Nimmādaṃ milāpanaṃ khepananti āha ‘‘nimmādetabbā pahātabbā’’ti. Buddhatantīti buddhabhāvīnaṃ paveṇī, buddhabhāvinopi ‘‘buddhā’’ti vuccanti yathā ‘‘agamā rājagahaṃ buddho’’ti. Mahāpurisassa daḷhīkammaṃ katvāti mahāpurisassa ‘‘pabbajissāmaha’’nti pavattacittuppādassa daḷhīkammaṃ katvā.
เรณุราชอามนฺตนาวณฺณนา
Reṇurājaāmantanāvaṇṇanā
๓๒๑. มม มนํ หริตฺวาติ มม จิตฺตํ อปเนตฺวา ตสฺส วเสน อวตฺติตฺวาฯ
321.Mama manaṃ haritvāti mama cittaṃ apanetvā tassa vasena avattitvā.
เอกีภาวํ อุปคนฺตฺวา วุตฺถสฺสาติ กายวิเวกปริพฺรูหเนน เอกีภาวํ อุปคนฺตฺวา ตโปกมฺมวเสน วุตฺถสฺสฯ กุสปเตฺตหิ ปริตฺถโตติ พริหิเสหิ เวทิยา สมนฺตโต สนฺถริโตฯ อกาโจติ วโณ วณสทิสขณฺฑิจฺจวิรหิโตฯ เตนาห ‘‘อกกฺกโส’’ติฯ
Ekībhāvaṃ upagantvā vutthassāti kāyavivekaparibrūhanena ekībhāvaṃ upagantvā tapokammavasena vutthassa. Kusapattehi paritthatoti barihisehi vediyā samantato santharito. Akācoti vaṇo vaṇasadisakhaṇḍiccavirahito. Tenāha ‘‘akakkaso’’ti.
ฉขตฺติยอามนฺตนาวณฺณนา
Chakhattiyaāmantanāvaṇṇanā
๓๒๒. สิเกฺขยฺยามาติ สิกฺขาเปยฺยาม, สิกฺขาปนเญฺจตฺถ อตฺถิภาวาปาทนนฺติ อาห ‘‘อุปลาเปยฺยามา’’ติฯ
322.Sikkheyyāmāti sikkhāpeyyāma, sikkhāpanañcettha atthibhāvāpādananti āha ‘‘upalāpeyyāmā’’ti.
๓๒๓. ยสฺส วีริยารมฺภสฺส, ขนฺติพลสฺส จ อภาเวน ปพฺพชิตานํ สมณธโมฺม ปริปุโณฺณ, ปริสุโทฺธ จ น โหติ, เตสุ วีริยารมฺภขนฺติพเลสุ เต เต นิโยเชตุํ ‘‘อารมฺภโวฺห’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
323. Yassa vīriyārambhassa, khantibalassa ca abhāvena pabbajitānaṃ samaṇadhammo paripuṇṇo, parisuddho ca na hoti, tesu vīriyārambhakhantibalesu te te niyojetuṃ ‘‘ārambhavho’’tiādi vuttaṃ.
กรุณาฌานมโคฺคติ กรุณาฌานสงฺขาโต มโคฺคฯ อุชุมโคฺคติ พฺรหฺมโลกคมเน อุชุภูโต มโคฺคฯ อนุตฺตโรติ เสโฎฺฐ พฺรหฺมวิหารสภาวโตฯ เตนาห ‘‘อุตฺตมมโคฺค นามา’’ติฯ สพฺภิ รกฺขิโต สาธูหิ ยถา ปริหานิ น โหติ, เอวํ ปฎิปกฺขทูรีกรเณน รกฺขิโต โคปิโตฯ ‘‘สทฺธโมฺม สพฺภิ วกฺขิโต’’ติ เกจิ ปฐนฺติ, เตสํ สปรหิตสาธเนน สาธูหิ พุทฺธาทีหิ กถิโต ปเวทิโตติ อโตฺถฯ
Karuṇājhānamaggoti karuṇājhānasaṅkhāto maggo. Ujumaggoti brahmalokagamane ujubhūto maggo. Anuttaroti seṭṭho brahmavihārasabhāvato. Tenāha ‘‘uttamamaggo nāmā’’ti. Sabbhi rakkhito sādhūhi yathā parihāni na hoti, evaṃ paṭipakkhadūrīkaraṇena rakkhito gopito. ‘‘Saddhammo sabbhi vakkhito’’ti keci paṭhanti, tesaṃ saparahitasādhanena sādhūhi buddhādīhi kathito paveditoti attho.
ตงฺขณวิทฺธํสนธมฺมนฺติ ยสฺมิํ ขเณ วิโรธิธมฺมสมาโยโค, ตสฺมิํเยว ขเณ วินสฺสนสภาวํ, โย วา โส คมนสฺสาทานํ เทวปุตฺตานํ เหฎฺฐุปริเยน ปฎิมุขํ ธาวนฺตานํ สิรสิ, ปาเท จ พทฺธขุรธาราสมาคมนโตปิ สีฆตรตาย อติอิตฺตโร ปวตฺติกฺขโณ, เตเนว วินสฺสนสภาวํฯ ตสฺส ชีวิตสฺสฯ คตินฺติ นิฎฺฐํฯ มนฺตายนฺติ มเนฺตยฺยนฺติ วุตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘มเนฺตตพฺพ’’นฺติฯ กรณเตฺถ วา ภุมฺมนฺติ ‘‘มนฺตาย’’นฺติ อิทํ ภุมฺมํ กรณเตฺถ ทฎฺฐพฺพํ ยถา ‘‘ญาตาย’’นฺติฯ สพฺพปลิโพเธติ สเพฺพปิ กุสลกิริยาย วิพเนฺธ อุปโรเธฯ
Taṅkhaṇaviddhaṃsanadhammanti yasmiṃ khaṇe virodhidhammasamāyogo, tasmiṃyeva khaṇe vinassanasabhāvaṃ, yo vā so gamanassādānaṃ devaputtānaṃ heṭṭhupariyena paṭimukhaṃ dhāvantānaṃ sirasi, pāde ca baddhakhuradhārāsamāgamanatopi sīghataratāya atiittaro pavattikkhaṇo, teneva vinassanasabhāvaṃ. Tassa jīvitassa. Gatinti niṭṭhaṃ. Mantāyanti manteyyanti vuttaṃ hotīti āha ‘‘mantetabba’’nti. Karaṇatthe vā bhummanti ‘‘mantāya’’nti idaṃ bhummaṃ karaṇatthe daṭṭhabbaṃ yathā ‘‘ñātāya’’nti. Sabbapalibodheti sabbepi kusalakiriyāya vibandhe uparodhe.
พฺราหฺมณมหาสาลาทีนํ อามนฺตนาวณฺณนา
Brāhmaṇamahāsālādīnaṃ āmantanāvaṇṇanā
๓๒๔. อเปฺปสกฺขาติ อปฺปานุภาวาติ อาห ‘‘ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐายา’’ติอาทิฯ
324.Appesakkhāti appānubhāvāti āha ‘‘pabbajitakālato paṭṭhāyā’’tiādi.
จกฺกวตฺติ ราชา วิย สมฺภาวิโตฯ
Cakkavatti rājā viya sambhāvito.
มหาโควินฺทปพฺพชฺชาวณฺณนา
Mahāgovindapabbajjāvaṇṇanā
๓๒๘. สมาปตฺตีนํ อาชานนํ นาม อตฺตปจฺจกฺขตา, สจฺฉิกิริยาติ อาห ‘‘น สกฺขิํสุ นิพฺพเตฺตตุ’’นฺติฯ
328. Samāpattīnaṃ ājānanaṃ nāma attapaccakkhatā, sacchikiriyāti āha ‘‘na sakkhiṃsu nibbattetu’’nti.
๓๒๙. อิมินาติ ‘‘สรามห’’นฺติ อิมินา ปเทนฯ ‘‘สรามห’’นฺติ หิ วทเนฺตน ภควโต มหาพฺรหฺมุนา กถิตํ ‘‘ตเถว ต’’นฺติ ภควตา ปฎิญฺญาตเมว ชาตนฺติฯ น วเฎฺฎ นิพฺพินฺทนตฺถาย จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานกถาย อภาวโตฯ อสติ ปน วเฎฺฎ นิพฺพิทาย วิราคานํ อสมฺภโว เอวาติ อาห ‘‘น วิราคายา’’ติอาทิฯ เอกนฺตเมว วเฎฺฎ นิพฺพินฺทนตฺถาย อเนกาการโวการวเฎฺฎ อาทีนววิภาวนโตฯ
329.Imināti ‘‘sarāmaha’’nti iminā padena. ‘‘Sarāmaha’’nti hi vadantena bhagavato mahābrahmunā kathitaṃ ‘‘tatheva ta’’nti bhagavatā paṭiññātameva jātanti. Na vaṭṭe nibbindanatthāya catusaccakammaṭṭhānakathāya abhāvato. Asati pana vaṭṭe nibbidāya virāgānaṃ asambhavo evāti āha ‘‘na virāgāyā’’tiādi. Ekantameva vaṭṭe nibbindanatthāya anekākāravokāravaṭṭe ādīnavavibhāvanato.
‘‘นิพฺพิทายา’’ติ อิมินา ปเทน วิปสฺสนา วุตฺตาฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ววตฺถานกถาติ วิปสฺสนามคฺคนิพฺพานานํ ตํตํปเทหิ ววตฺถเปตฺวา กถาฯ อยเมตฺถ นิปฺปริยายกถาติ อาห ‘‘ปริยาเยน ปนา’’ติอาทิฯ
‘‘Nibbidāyā’’ti iminā padena vipassanā vuttā. Esa nayo sesesupi. Vavatthānakathāti vipassanāmagganibbānānaṃ taṃtaṃpadehi vavatthapetvā kathā. Ayamettha nippariyāyakathāti āha ‘‘pariyāyena panā’’tiādi.
๓๓๐. ปริปูเรตุนฺติ ภาวนาปาริปูริวเสน ปริปุเณฺณ กาตุํ, นิพฺพเตฺตตุนฺติ อโตฺถฯ พฺรหฺมจริยจิณฺณกุลปุตฺตานนฺติ จิณฺณมคฺคพฺรหฺมจริยานํ กุลปุตฺตานนฺติ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐเปสิฯ
330.Paripūretunti bhāvanāpāripūrivasena paripuṇṇe kātuṃ, nibbattetunti attho. Brahmacariyaciṇṇakulaputtānanti ciṇṇamaggabrahmacariyānaṃ kulaputtānanti ukkaṭṭhaniddesena arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhapesi.
อภินนฺทนํ นาม สมฺปฎิจฺฉนํ ‘‘อภินนฺทนฺติ อาคต’’นฺติอาทีสุ วิย, ตเญฺจตฺถ อตฺถโต จิตฺตสฺส อตฺตมนตาติ อาห ‘‘จิเตฺตน สมฺปฎิจฺฉโนฺต อภินนฺทิตฺวา’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธู’’ติ วาจาย สมฺปหํสนา อนุโมทนาติ อาห ‘‘วาจาย สมฺปหํสมาโน อนุโมทิตฺวา’’ติฯ
Abhinandanaṃ nāma sampaṭicchanaṃ ‘‘abhinandanti āgata’’ntiādīsu viya, tañcettha atthato cittassa attamanatāti āha ‘‘cittena sampaṭicchanto abhinanditvā’’ti. ‘‘Sādhu sādhū’’ti vācāya sampahaṃsanā anumodanāti āha ‘‘vācāya sampahaṃsamāno anumoditvā’’ti.
มหาโควินฺทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ
Mahāgovindasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๖. มหาโควินฺทสุตฺตํ • 6. Mahāgovindasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๖. มหาโควินฺทสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahāgovindasuttavaṇṇanā