Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๕๓๔] ๒. มหาหํสชาตกวณฺณนา
[534] 2. Mahāhaṃsajātakavaṇṇanā
เอเต หํสา ปกฺกมนฺตีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต อานนฺทเถรสฺส ชีวิตปริจฺจาคเมว อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เหฎฺฐา วุตฺตสทิสเมว, อิธ ปน สตฺถา อตีตํ อาหรโนฺต อิทมาหริฯ
Ete haṃsā pakkamantīti idaṃ satthā veḷuvane viharanto ānandatherassa jīvitapariccāgameva ārabbha kathesi. Vatthu heṭṭhā vuttasadisameva, idha pana satthā atītaṃ āharanto idamāhari.
อตีเต พาราณสิยํ สํยมสฺส นาม พาราณสิรโญฺญ เขมา นาม อคฺคมเหสี อโหสิฯ ตทา โพธิสโตฺต นวุติหํสสหสฺสปริวุโต จิตฺตกูเฎ วิหาสิฯ อเถกทิวสํ เขมา เทวี ปจฺจูสสมเย สุปินํ อทฺทสฯ สุวณฺณวณฺณา หํสา อาคนฺตฺวา ราชปลฺลเงฺก นิสีทิตฺวา มธุรสฺสเรน ธมฺมกถํ กเถสุํฯ เทวิยา สาธุการํ ทตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติยา ธมฺมสฺสวเนน อติตฺตาย เอว รตฺติ วิภายิฯ หํสา ธมฺมํ กเถตฺวา สีหปญฺชเรน นิกฺขมิตฺวา อคมํสุฯ สา เวเคนุฎฺฐาย ‘‘ปลายมาเน หํเส คณฺหถ คณฺหถา’’ติ วตฺวา หตฺถํ ปสาเรนฺตีเยว ปพุชฺฌิฯ ตสฺสา กถํ สุตฺวา ปริจาริกาโย ‘‘กุหิํ หํสา’’ติ โถกํ อวหสิํสุฯ สา ตสฺมิํ ขเณ สุปินภาวํ ญตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อหํ อภูตํ น ปสฺสามิ, อทฺธา อิมสฺมิํ โลเก สุวณฺณวณฺณา หํสา ภวิสฺสนฺติ, สเจ โข ปน ‘สุวณฺณหํสานํ ธมฺมํ โสตุกามามฺหี’ติ ราชานํ วกฺขามิ, ‘อเมฺหหิ สุวณฺณหํสา นาม น ทิฎฺฐปุพฺพา, หํสานญฺจ กถา นาม อภูตาเยวา’ติ วตฺวา นิรุสฺสุโกฺก ภวิสฺสติ, ‘โทหโฬ’ติ วุเตฺต ปน เยน เกนจิ อุปาเยน ปริเยสิสฺสติ, เอวํ เม มโนรโถ สมิชฺฌิสฺสตี’’ติฯ สา คิลานาลยํ ทเสฺสตฺวา ปริจาริกานํ สญฺญํ ทตฺวา นิปชฺชิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ saṃyamassa nāma bārāṇasirañño khemā nāma aggamahesī ahosi. Tadā bodhisatto navutihaṃsasahassaparivuto cittakūṭe vihāsi. Athekadivasaṃ khemā devī paccūsasamaye supinaṃ addasa. Suvaṇṇavaṇṇā haṃsā āgantvā rājapallaṅke nisīditvā madhurassarena dhammakathaṃ kathesuṃ. Deviyā sādhukāraṃ datvā dhammaṃ suṇantiyā dhammassavanena atittāya eva ratti vibhāyi. Haṃsā dhammaṃ kathetvā sīhapañjarena nikkhamitvā agamaṃsu. Sā vegenuṭṭhāya ‘‘palāyamāne haṃse gaṇhatha gaṇhathā’’ti vatvā hatthaṃ pasārentīyeva pabujjhi. Tassā kathaṃ sutvā paricārikāyo ‘‘kuhiṃ haṃsā’’ti thokaṃ avahasiṃsu. Sā tasmiṃ khaṇe supinabhāvaṃ ñatvā cintesi – ‘‘ahaṃ abhūtaṃ na passāmi, addhā imasmiṃ loke suvaṇṇavaṇṇā haṃsā bhavissanti, sace kho pana ‘suvaṇṇahaṃsānaṃ dhammaṃ sotukāmāmhī’ti rājānaṃ vakkhāmi, ‘amhehi suvaṇṇahaṃsā nāma na diṭṭhapubbā, haṃsānañca kathā nāma abhūtāyevā’ti vatvā nirussukko bhavissati, ‘dohaḷo’ti vutte pana yena kenaci upāyena pariyesissati, evaṃ me manoratho samijjhissatī’’ti. Sā gilānālayaṃ dassetvā paricārikānaṃ saññaṃ datvā nipajji.
ราชา ราชาสเน นิสิโนฺน ตสฺสา ทสฺสนเวลาย ตํ อทิสฺวา ‘‘กหํ, เขมา เทวี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คิลานา’’ติ สุตฺวา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา สยเนกเทเส นิสีทิตฺวา ปิฎฺฐิํ ปริมชฺชโนฺต ‘‘กิํ เต อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘เทว อญฺญํ อผาสุกํ นตฺถิ, โทหโฬ ปน เม อุปฺปโนฺน’’ติฯ เตน หิ ‘‘ภณ, เทวิ, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ สีฆํ เต อุปนาเมสฺสามี’’ติฯ ‘‘มหาราช, อหเมกสฺส สุวณฺณหํสสฺส สมุสฺสิตเสตจฺฉเตฺต ราชปลฺลเงฺก นิสินฺนสฺส คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กตฺวา สาธุการํ ททมานา ธมฺมกถํ โสตุมิจฺฉามิ, สเจ ลภามิ, อิเจฺจตํ กุสลํ, โน เจ, ชีวิตํ เม นตฺถี’’ติฯ อถ นํ ราชา ‘‘สเจ มนุสฺสโลเก อตฺถิ, ลภิสฺสสิ , มา จินฺตยี’’ติ อสฺสาเสตฺวา สิริคพฺภโต นิกฺขมฺม อมเจฺจหิ สทฺธิํ มเนฺตสิ – ‘‘อโมฺภ, เขมา เทวี, ‘สุวณฺณหํสสฺส ธมฺมกถํ โสตุํ ลภนฺตี ชีวิสฺสามิ, อลภนฺติยา เม ชีวิตํ นตฺถี’ติ วทติ, อตฺถิ นุ โข สุวณฺณวณฺณา หํสา’’ติฯ ‘‘เทว อเมฺหหิ เนว ทิฎฺฐปุพฺพา น สุตปุพฺพา’’ติฯ ‘‘เก ปน ชาเนยฺยุ’’นฺติ? ‘‘พฺราหฺมณา, เทวา’’ติฯ ราชา พฺราหฺมเณ ปโกฺกสาเปตฺวา สกฺการํ กตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘โหนฺติ นุ โข อาจริยา สุวณฺณวณฺณา หํสา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช อมฺหากํ มเนฺตสุมจฺฉา, กกฺกฎกา, กจฺฉปา, มิคา, โมรา, หํสาติ ฉ เอเต ติรจฺฉานคตา สุวณฺณวณฺณา โหนฺตีติ อาคตา, ตตฺถ ธตรฎฺฐกุลหํสา นาม ปณฺฑิตา ญาณสมฺปนฺนา, อิติ มนุเสฺสหิ สทฺธิํ สตฺต สุวณฺณวณฺณา โหนฺตี’’ติฯ
Rājā rājāsane nisinno tassā dassanavelāya taṃ adisvā ‘‘kahaṃ, khemā devī’’ti pucchitvā ‘‘gilānā’’ti sutvā tassā santikaṃ gantvā sayanekadese nisīditvā piṭṭhiṃ parimajjanto ‘‘kiṃ te aphāsuka’’nti pucchi. ‘‘Deva aññaṃ aphāsukaṃ natthi, dohaḷo pana me uppanno’’ti. Tena hi ‘‘bhaṇa, devi, yaṃ icchasi, taṃ sīghaṃ te upanāmessāmī’’ti. ‘‘Mahārāja, ahamekassa suvaṇṇahaṃsassa samussitasetacchatte rājapallaṅke nisinnassa gandhamālādīhi pūjaṃ katvā sādhukāraṃ dadamānā dhammakathaṃ sotumicchāmi, sace labhāmi, iccetaṃ kusalaṃ, no ce, jīvitaṃ me natthī’’ti. Atha naṃ rājā ‘‘sace manussaloke atthi, labhissasi , mā cintayī’’ti assāsetvā sirigabbhato nikkhamma amaccehi saddhiṃ mantesi – ‘‘ambho, khemā devī, ‘suvaṇṇahaṃsassa dhammakathaṃ sotuṃ labhantī jīvissāmi, alabhantiyā me jīvitaṃ natthī’ti vadati, atthi nu kho suvaṇṇavaṇṇā haṃsā’’ti. ‘‘Deva amhehi neva diṭṭhapubbā na sutapubbā’’ti. ‘‘Ke pana jāneyyu’’nti? ‘‘Brāhmaṇā, devā’’ti. Rājā brāhmaṇe pakkosāpetvā sakkāraṃ katvā pucchi – ‘‘honti nu kho ācariyā suvaṇṇavaṇṇā haṃsā’’ti? ‘‘Āma, mahārāja amhākaṃ mantesumacchā, kakkaṭakā, kacchapā, migā, morā, haṃsāti cha ete tiracchānagatā suvaṇṇavaṇṇā hontīti āgatā, tattha dhataraṭṭhakulahaṃsā nāma paṇḍitā ñāṇasampannā, iti manussehi saddhiṃ satta suvaṇṇavaṇṇā hontī’’ti.
ตํ สุตฺวา ราชา อตฺตมโน หุตฺวา ‘‘กหํ นุ โข อาจริยา ธตรฎฺฐหํสา วสนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ชานาม, มหาราชา’’ติ วุเตฺต ‘‘อถ เก ปน ชานิสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘ลุทฺทปุตฺตา’’ติ วุเตฺต สเพฺพ อตฺตโน วิชิเต ลุทฺทเก สนฺนิปาตาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตาตา, สุวณฺณวณฺณา ธตรฎฺฐกุลหํสา นาม กหํ วสนฺตี’’ติ? อเถโก ลุโทฺท ‘‘หิมวเนฺต กิร, เทว, จิตฺตกูฎปพฺพเตติ โน กุลปรมฺปราย กเถนฺตี’’ติ อาหฯ ‘‘ชานาสิ ปน เนสํ คหณูปาย’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, เทวา’’ติฯ ‘‘เก ปน ชานิสฺสนฺตี’’ติ? พฺราหฺมณาติฯ โส พฺราหฺมณปณฺฑิเต ปโกฺกสาเปตฺวา จิตฺตกูฎปพฺพเต สุวณฺณวณฺณานํ หํสานํ อตฺถิภาวํ อาโรเจตฺวา ‘‘ชานาถ นุ โข เตสํ คหณูปาย’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘มหาราช, กิํ เตหิ คนฺตฺวา คหิเตหิ, อุปาเยน เต นครสมีปํ อาเนตฺวา คเหสฺสามา’’ติฯ ‘‘โก ปน อุปาโย’’ติ? ‘‘มหาราช, นครโต อวิทูเร อุตฺตเรน ติคาวุตมเตฺต ติคาวุตปฺปมาณํ เขมํ นาม สรํ การาเปตฺวา อุทกสฺส ปูเรตฺวา นานาธญฺญานิ โรเปตฺวา ปญฺจวณฺณปทุมสญฺฉนฺนํ การาเปตฺวา เอกํ ปณฺฑิตํ เนสาทํ ปฎิจฺฉาเปตฺวา มนุสฺสานํ อุปคนฺตุํ อทตฺวา จตูสุ กเณฺณสุ ฐิเตหิ อภยํ โฆสาเปถ, ตํ สุตฺวา นานาสกุณา ทส ทิสา โอตริสฺสนฺติ, เตปิ หํสา ปรมฺปราย ตสฺส สรสฺส เขมภาวํ สุตฺวา อาคจฺฉิสฺสนฺติ, อถ เน วาลปาเสหิ พนฺธาเปตฺวา คณฺหาเปยฺยาถา’’ติฯ
Taṃ sutvā rājā attamano hutvā ‘‘kahaṃ nu kho ācariyā dhataraṭṭhahaṃsā vasantī’’ti pucchitvā ‘‘na jānāma, mahārājā’’ti vutte ‘‘atha ke pana jānissantī’’ti vatvā ‘‘luddaputtā’’ti vutte sabbe attano vijite luddake sannipātāpetvā pucchi – ‘‘tātā, suvaṇṇavaṇṇā dhataraṭṭhakulahaṃsā nāma kahaṃ vasantī’’ti? Atheko luddo ‘‘himavante kira, deva, cittakūṭapabbateti no kulaparamparāya kathentī’’ti āha. ‘‘Jānāsi pana nesaṃ gahaṇūpāya’’nti? ‘‘Na jānāmi, devā’’ti. ‘‘Ke pana jānissantī’’ti? Brāhmaṇāti. So brāhmaṇapaṇḍite pakkosāpetvā cittakūṭapabbate suvaṇṇavaṇṇānaṃ haṃsānaṃ atthibhāvaṃ ārocetvā ‘‘jānātha nu kho tesaṃ gahaṇūpāya’’nti pucchi. ‘‘Mahārāja, kiṃ tehi gantvā gahitehi, upāyena te nagarasamīpaṃ ānetvā gahessāmā’’ti. ‘‘Ko pana upāyo’’ti? ‘‘Mahārāja, nagarato avidūre uttarena tigāvutamatte tigāvutappamāṇaṃ khemaṃ nāma saraṃ kārāpetvā udakassa pūretvā nānādhaññāni ropetvā pañcavaṇṇapadumasañchannaṃ kārāpetvā ekaṃ paṇḍitaṃ nesādaṃ paṭicchāpetvā manussānaṃ upagantuṃ adatvā catūsu kaṇṇesu ṭhitehi abhayaṃ ghosāpetha, taṃ sutvā nānāsakuṇā dasa disā otarissanti, tepi haṃsā paramparāya tassa sarassa khemabhāvaṃ sutvā āgacchissanti, atha ne vālapāsehi bandhāpetvā gaṇhāpeyyāthā’’ti.
ตํ สุตฺวา ราชา เตหิ วุตฺตปเทเส วุตฺตปฺปการํ สรํ การาเปตฺวา เฉกํ เนสาทํ ปโกฺกสาเปตฺวา ตสฺส สหสฺสํ ทาเปตฺวา ‘‘ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย อตฺตโน กมฺมํ มา กริ, ปุตฺตทารํ เต อหํ โปเสสฺสามิ, ตฺวํ อปฺปมโตฺต เขมํ สรํ รกฺขโนฺต มนุเสฺส ปฎิกฺกมาเปตฺวา จตูสุ กเณฺณสุ อภยํ โฆสาเปตฺวา อาคตาคเต สกุเณ มม อาจิเกฺขยฺยาสิ, สุวณฺณหํเสสุ อาคเตสุ มหนฺตํ สกฺการํ ลภิสฺสสี’’ติ ตมสฺสาเสตฺวา เขมํ สรํ ปฎิจฺฉาเปสิฯ โส ตโต ปฎฺฐาย รญฺญา วุตฺตนเยเนว ตตฺถ ปฎิปชฺชิ, ‘‘เขมํ สรํ รกฺขตี’’ติ จสฺส ‘‘เขมเนสาโท’’เตฺวว นามํ อุทปาทิ ฯ ตโต ปฎฺฐาย จ นานปฺปการา สกุณา โอตริํสุ, ‘‘เขมํ นิพฺภยํ สร’’นฺติ ปรมฺปราโฆเสน นานาหํสา อาคมิํสุฯ ปฐมํ ตาว ติณหํสา อาคมิํสุ, เตสํ โฆเสน ปณฺฑุหํสา, เตสํ โฆเสน มโนสิลาวณฺณา หํสา, เตสํ โฆเสน เสตหํสา, เตสํ โฆเสน ปากหํสา อาคมิํสุฯ เตสุ อาคเตสุ เขมโก รโญฺญ อาโรเจสิ – ‘‘เทว, ปญฺจวณฺณา หํสา อาคนฺตฺวา สเร โคจรํ คณฺหนฺติ, ปากหํสานํ อาคตตฺตา อิทานิ กติปาเหเนว สุวณฺณหํสา อาคมิสฺสนฺติ, มา จินฺตยิตฺถ, เทวา’’ติฯ
Taṃ sutvā rājā tehi vuttapadese vuttappakāraṃ saraṃ kārāpetvā chekaṃ nesādaṃ pakkosāpetvā tassa sahassaṃ dāpetvā ‘‘tvaṃ ito paṭṭhāya attano kammaṃ mā kari, puttadāraṃ te ahaṃ posessāmi, tvaṃ appamatto khemaṃ saraṃ rakkhanto manusse paṭikkamāpetvā catūsu kaṇṇesu abhayaṃ ghosāpetvā āgatāgate sakuṇe mama ācikkheyyāsi, suvaṇṇahaṃsesu āgatesu mahantaṃ sakkāraṃ labhissasī’’ti tamassāsetvā khemaṃ saraṃ paṭicchāpesi. So tato paṭṭhāya raññā vuttanayeneva tattha paṭipajji, ‘‘khemaṃ saraṃ rakkhatī’’ti cassa ‘‘khemanesādo’’tveva nāmaṃ udapādi . Tato paṭṭhāya ca nānappakārā sakuṇā otariṃsu, ‘‘khemaṃ nibbhayaṃ sara’’nti paramparāghosena nānāhaṃsā āgamiṃsu. Paṭhamaṃ tāva tiṇahaṃsā āgamiṃsu, tesaṃ ghosena paṇḍuhaṃsā, tesaṃ ghosena manosilāvaṇṇā haṃsā, tesaṃ ghosena setahaṃsā, tesaṃ ghosena pākahaṃsā āgamiṃsu. Tesu āgatesu khemako rañño ārocesi – ‘‘deva, pañcavaṇṇā haṃsā āgantvā sare gocaraṃ gaṇhanti, pākahaṃsānaṃ āgatattā idāni katipāheneva suvaṇṇahaṃsā āgamissanti, mā cintayittha, devā’’ti.
ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘อเญฺญน ตตฺถ น คนฺตพฺพํ, โย คจฺฉิสฺสติ, หตฺถปาทเฉทนญฺจ ฆรวิโลปญฺจ ปาปุณิสฺสตี’’ติ นคร เภริํ จราเปสิฯ ตโต ปฎฺฐาย ตตฺถ โกจิ น คจฺฉติฯ จิตฺตกูฎสฺส ปนาวิทูเร กญฺจนคุหายํปากหํสา วสนฺติ, เตปิ มหพฺพลาฯ ธตรฎฺฐกุเลน สทฺธิํ เตสํ สรีรวโณฺณว วิเสโสฯ ปากหํสรโญฺญ ปน ธีตา สุวณฺณวณฺณา อโหสิฯ โส ตํ ธตรฎฺฐมหิสฺสรสฺส อนุรูปาติ ตสฺส ปาทปริจาริกํ กตฺวา เปเสสิฯ สา ตสฺส ปิยา อโหสิ มนาปา, เตเนว จ การเณน ตานิ เทฺว หํสกุลานิ อญฺญมญฺญํ วิสฺสาสิกานิ ชาตานิฯ
Taṃ sutvā rājā ‘‘aññena tattha na gantabbaṃ, yo gacchissati, hatthapādachedanañca gharavilopañca pāpuṇissatī’’ti nagara bheriṃ carāpesi. Tato paṭṭhāya tattha koci na gacchati. Cittakūṭassa panāvidūre kañcanaguhāyaṃpākahaṃsā vasanti, tepi mahabbalā. Dhataraṭṭhakulena saddhiṃ tesaṃ sarīravaṇṇova viseso. Pākahaṃsarañño pana dhītā suvaṇṇavaṇṇā ahosi. So taṃ dhataraṭṭhamahissarassa anurūpāti tassa pādaparicārikaṃ katvā pesesi. Sā tassa piyā ahosi manāpā, teneva ca kāraṇena tāni dve haṃsakulāni aññamaññaṃ vissāsikāni jātāni.
อเถกทิวสํ โพธิสตฺตสฺส ปริวารหํสา ปากหํเส ปุจฺฉิํสุ – ‘‘ตุเมฺห อิเมสุ ทิวเสสุ กหํ โคจรํ คณฺหถา’’ติ? ‘‘มยํ พาราณสิโต อวิทูเร เขมสเร โคจรํ คณฺหาม, ตุเมฺห ปน กุหิํ อาหิณฺฑถา’’ติฯ ‘‘อสุกํ นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘กสฺมา เขมสรํ น คจฺฉถ, โส หิ สโร รมณีโย นานาสกุณสมากิโณฺณ ปญฺจวณฺณปทุมสญฺฉโนฺน นานาธญฺญผลสมฺปโนฺน นานปฺปการภมรคณนิกูชิโต จตูสุ กเณฺณสุ นิจฺจํ ปวตฺตอภยโฆสโน, โกจิ นํ อุปสงฺกมิตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิ, ปเคว อญฺญํ อุปทฺทวํ กาตุํ, เอวรูโป โส สโร’’ติ เขมสรํ วณฺณยิํสุฯ เต เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘พาราณสิยา สมีเป กิร เอวรูโป เขโม นาม สโร อตฺถิ, ปากหํสา ตตฺถ คนฺตฺวา โคจรํ คณฺหนฺติ, ตุเมฺหปิ ธตรฎฺฐมหิสฺสรสฺส อาโรเจถ, สเจ อนุชานาติ, มยมฺปิ ตตฺถ คนฺตฺวา โคจรํ คเณฺหยฺยามา’’ติ สุมุขสฺส กเถสุํฯ สุมุโข รโญฺญ อาโรเจสิฯ โส จิเนฺตสิ – ‘‘มนุสฺสา นาม พหุมายา ขรมนฺตา อุปายกุสลา, ภวิตพฺพเมตฺถ การเณน, เอตฺตกํ กาลํ เอโส สโร นตฺถิ, อิทานิ อมฺหากํ คหณตฺถาย กโต ภวิสฺสตี’’ติฯ โส สุมุขํ อาห – ‘‘มา โว ตตฺถ คมนํ รุจฺจถ, น โส สโร เตหิ สุธมฺมตาย กโต, อมฺหากํ คหณตฺถาเยว กโต, มนุสฺสา นาม พหุมายา ขรมนฺตา อุปายกุสลา, ตุเมฺห สเกเยว โคจเร จรถา’’ติ ฯ
Athekadivasaṃ bodhisattassa parivārahaṃsā pākahaṃse pucchiṃsu – ‘‘tumhe imesu divasesu kahaṃ gocaraṃ gaṇhathā’’ti? ‘‘Mayaṃ bārāṇasito avidūre khemasare gocaraṃ gaṇhāma, tumhe pana kuhiṃ āhiṇḍathā’’ti. ‘‘Asukaṃ nāmā’’ti vutte ‘‘kasmā khemasaraṃ na gacchatha, so hi saro ramaṇīyo nānāsakuṇasamākiṇṇo pañcavaṇṇapadumasañchanno nānādhaññaphalasampanno nānappakārabhamaragaṇanikūjito catūsu kaṇṇesu niccaṃ pavattaabhayaghosano, koci naṃ upasaṅkamituṃ samattho nāma natthi, pageva aññaṃ upaddavaṃ kātuṃ, evarūpo so saro’’ti khemasaraṃ vaṇṇayiṃsu. Te tesaṃ vacanaṃ sutvā ‘‘bārāṇasiyā samīpe kira evarūpo khemo nāma saro atthi, pākahaṃsā tattha gantvā gocaraṃ gaṇhanti, tumhepi dhataraṭṭhamahissarassa ārocetha, sace anujānāti, mayampi tattha gantvā gocaraṃ gaṇheyyāmā’’ti sumukhassa kathesuṃ. Sumukho rañño ārocesi. So cintesi – ‘‘manussā nāma bahumāyā kharamantā upāyakusalā, bhavitabbamettha kāraṇena, ettakaṃ kālaṃ eso saro natthi, idāni amhākaṃ gahaṇatthāya kato bhavissatī’’ti. So sumukhaṃ āha – ‘‘mā vo tattha gamanaṃ ruccatha, na so saro tehi sudhammatāya kato, amhākaṃ gahaṇatthāyeva kato, manussā nāma bahumāyā kharamantā upāyakusalā, tumhe sakeyeva gocare carathā’’ti .
สุวณฺณหํสา ‘‘เขมํ สรํ คนฺตุกามมฺหา’’ติ ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ สุมุขสฺส อาโรเจสุํฯ โส เตสํ ตตฺถ คนฺตุกามตํ มหาสตฺตสฺส อาโรเจสิฯ อถ มหาสโตฺต ‘‘มม ญาตกา มํ นิสฺสาย มา กิลมนฺตุ, เตน หิ คจฺฉามา’’ติ นวุติหํสสหสฺสปริวุโต ตตฺถ คนฺตฺวา โคจรํ คเหตฺวา หํสกีฬํ กีฬิตฺวา จิตฺตกูฎเมว ปจฺจาคมิฯ เขมโก เตสํ โคจรํ จริตฺวา คตกาเล คนฺตฺวา เตสํ อาคตภาวํ รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา ตุฎฺฐจิโตฺต หุตฺวา, ‘‘สมฺม เขมก, เอกํ วา เทฺว วา หํเส คณฺหิตุํ วายม, มหนฺตํ เต ยสํ ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา ตํ อุโยฺยเชสิฯ โส ตตฺถ คนฺตฺวา จาฎิปญฺชเร นิสีทิตฺวา หํสานํ จรณฎฺฐานํ วีมํสิฯ โพธิสตฺตา นาม นิโลฺลลุปฺปจาริโน โหนฺติ, ตสฺมา มหาสโตฺต โอติณฺณฎฺฐานโต ปฎฺฐาย สปทานํ สาลิํ ขาทโนฺต อคมาสิฯ เสสา อิโต จิโต จ ขาทนฺตา วิจริํสุฯ
Suvaṇṇahaṃsā ‘‘khemaṃ saraṃ gantukāmamhā’’ti dutiyampi tatiyampi sumukhassa ārocesuṃ. So tesaṃ tattha gantukāmataṃ mahāsattassa ārocesi. Atha mahāsatto ‘‘mama ñātakā maṃ nissāya mā kilamantu, tena hi gacchāmā’’ti navutihaṃsasahassaparivuto tattha gantvā gocaraṃ gahetvā haṃsakīḷaṃ kīḷitvā cittakūṭameva paccāgami. Khemako tesaṃ gocaraṃ caritvā gatakāle gantvā tesaṃ āgatabhāvaṃ rañño ārocesi. Rājā tuṭṭhacitto hutvā, ‘‘samma khemaka, ekaṃ vā dve vā haṃse gaṇhituṃ vāyama, mahantaṃ te yasaṃ dassāmī’’ti vatvā paribbayaṃ datvā taṃ uyyojesi. So tattha gantvā cāṭipañjare nisīditvā haṃsānaṃ caraṇaṭṭhānaṃ vīmaṃsi. Bodhisattā nāma nilloluppacārino honti, tasmā mahāsatto otiṇṇaṭṭhānato paṭṭhāya sapadānaṃ sāliṃ khādanto agamāsi. Sesā ito cito ca khādantā vicariṃsu.
อถ ลุทฺทปุโตฺต ‘‘อยํ หํโส นิโลฺลลุปฺปจารี, อิมํ พนฺธิตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ปุนทิวเส หํเสสุ สรํ อโนติเณฺณสุเยว จาฎิปญฺชเร นิสิโนฺน ตํ ฐานํ คนฺตฺวา อวิทูเร ปญฺชเร อตฺตานํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ฉิเทฺทน โอโลเกโนฺต อจฺฉิฯ ตสฺมิํ ขเณ มหาสโตฺต นวุติหํสสหสฺสปุรกฺขโต หิโยฺย โอติณฺณฎฺฐาเนเยว โอตริตฺวา โอธิยํ นิสีทิตฺวา สาลิํ ขาทโนฺต ปายาสิฯ เนสาโท ปญฺชรฉิเทฺทน โอโลเกโนฺต ตสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ ทิสฺวา ‘‘อยํ หํโส สกฎนาภิปฺปมาณสรีโร สุวณฺณวโณฺณ, ตีหิ รตฺตราชีหิ คีวายํ ปริกฺขิโตฺต, ติโสฺส ราชิโย คเลน โอตริตฺวา อุรนฺตเรน คตา, ติโสฺส ปจฺฉาภาเคน นิพฺพิชฺฌิตฺวา คตา, รตฺตกมฺพลสุตฺตสิกฺกาย ฐปิตกญฺจนกฺขโนฺธ วิย อติโรจติ, อิมินา เอเตสํ รญฺญา ภวิตพฺพํ, อิมเมว คณฺหิสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ หํสราชาปิ พหุํ โคจรํ จริตฺวา ชลกีฬํ กีฬิตฺวา หํสคณปริวุโต จิตฺตกูฎเมว อคมาสิฯ อิมินา นิยาเมเนว ปญฺจ ทิวเส โคจรํ คณฺหิฯ ฉเฎฺฐ ทิวเส เขมโก กาฬอสฺสวาลมยํ ทฬฺหํ มหารชฺชุํ วฎฺฎิตฺวา ยฎฺฐิยา ปาสํ กตฺวา ‘‘เสฺว หํสราชา อิมสฺมิํ โอกาเส โอตริสฺสตี’’ติ ตถโต ญตฺวา อโนฺตอุทเก ยฎฺฐิปาสํ โอฑฺฑิฯ
Atha luddaputto ‘‘ayaṃ haṃso nilloluppacārī, imaṃ bandhituṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā punadivase haṃsesu saraṃ anotiṇṇesuyeva cāṭipañjare nisinno taṃ ṭhānaṃ gantvā avidūre pañjare attānaṃ paṭicchādetvā chiddena olokento acchi. Tasmiṃ khaṇe mahāsatto navutihaṃsasahassapurakkhato hiyyo otiṇṇaṭṭhāneyeva otaritvā odhiyaṃ nisīditvā sāliṃ khādanto pāyāsi. Nesādo pañjarachiddena olokento tassa rūpasobhaggappattaṃ attabhāvaṃ disvā ‘‘ayaṃ haṃso sakaṭanābhippamāṇasarīro suvaṇṇavaṇṇo, tīhi rattarājīhi gīvāyaṃ parikkhitto, tisso rājiyo galena otaritvā urantarena gatā, tisso pacchābhāgena nibbijjhitvā gatā, rattakambalasuttasikkāya ṭhapitakañcanakkhandho viya atirocati, iminā etesaṃ raññā bhavitabbaṃ, imameva gaṇhissāmī’’ti cintesi. Haṃsarājāpi bahuṃ gocaraṃ caritvā jalakīḷaṃ kīḷitvā haṃsagaṇaparivuto cittakūṭameva agamāsi. Iminā niyāmeneva pañca divase gocaraṃ gaṇhi. Chaṭṭhe divase khemako kāḷaassavālamayaṃ daḷhaṃ mahārajjuṃ vaṭṭitvā yaṭṭhiyā pāsaṃ katvā ‘‘sve haṃsarājā imasmiṃ okāse otarissatī’’ti tathato ñatvā antoudake yaṭṭhipāsaṃ oḍḍi.
ปุนทิวเส หํสราชา โอตรโนฺต ปาทํ ปาเส ปเวสโนฺตเยว โอตริฯ อถสฺส ปาโส ปาทํ อยปฎฺฎเกน กฑฺฒโนฺต วิย อาพนฺธิตฺวา คณฺหิฯ โส ‘‘ฉินฺทิสฺสามิ น’’นฺติ เวคํ ชเนตฺวา กฑฺฒิตฺวา ปาเตสิฯ ปฐมวาเร สุวณฺณวณฺณํ จมฺมํ ฉิชฺชิ, ทุติยวาเร กมฺพลวณฺณํ มํสํ ฉิชฺชิ, ตติยวาเร นฺหารุ ฉิชฺชิ, จตุตฺถวาเร ปน ‘‘ปาทา ฉิเชฺชยฺยุํ, รโญฺญ ปน หีนงฺคตา นาม อนนุจฺฉวิกา’’ติ น วายามํ อกาสิ, พลวเวทนา จ ปวตฺติํสุฯ โส จิเนฺตสิ – ‘‘สจาหํ พทฺธรวํ รวิสฺสามิ, ญาตกา เม ญตฺรสฺตา หุตฺวา โคจรํ อคฺคเหตฺวา ฉาตชฺฌตฺตาว ปลายนฺตา ทุพฺพลตฺตา สมุเทฺท ปติสฺสนฺตี’’ติฯ โส เวทนํ อธิวาเสตฺวา ปาสวเส วเตฺตตฺวา สาลิํ ขาทโนฺต วิย หุตฺวา เตสํ ยาวทตฺถํ จริตฺวา หํสกีฬํ กีฬนกาเล มหเนฺตน สเทฺทน พทฺธรวํ รวิฯ ตํ สุตฺวา หํสา มรณภยตชฺชิตา วคฺควคฺคา จิตฺตกูฎาภิมุขา ปุริมนเยเนว ปกฺกมิํสุฯ
Punadivase haṃsarājā otaranto pādaṃ pāse pavesantoyeva otari. Athassa pāso pādaṃ ayapaṭṭakena kaḍḍhanto viya ābandhitvā gaṇhi. So ‘‘chindissāmi na’’nti vegaṃ janetvā kaḍḍhitvā pātesi. Paṭhamavāre suvaṇṇavaṇṇaṃ cammaṃ chijji, dutiyavāre kambalavaṇṇaṃ maṃsaṃ chijji, tatiyavāre nhāru chijji, catutthavāre pana ‘‘pādā chijjeyyuṃ, rañño pana hīnaṅgatā nāma ananucchavikā’’ti na vāyāmaṃ akāsi, balavavedanā ca pavattiṃsu. So cintesi – ‘‘sacāhaṃ baddharavaṃ ravissāmi, ñātakā me ñatrastā hutvā gocaraṃ aggahetvā chātajjhattāva palāyantā dubbalattā samudde patissantī’’ti. So vedanaṃ adhivāsetvā pāsavase vattetvā sāliṃ khādanto viya hutvā tesaṃ yāvadatthaṃ caritvā haṃsakīḷaṃ kīḷanakāle mahantena saddena baddharavaṃ ravi. Taṃ sutvā haṃsā maraṇabhayatajjitā vaggavaggā cittakūṭābhimukhā purimanayeneva pakkamiṃsu.
สุมุโขปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว จิเนฺตตฺวา วิจินิตฺวา ตีสุปิ โกฎฺฐาเสสุ มหาสตฺตํ อทิสฺวา ‘‘อทฺธา ตเสฺสเวทํ ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ นิวตฺติตฺวา อาคโต มหาสตฺตํ ปาเสน พทฺธํ โลหิตมกฺขิตํ ทุกฺขาตุรํ ปงฺกปิเฎฺฐ นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราช, อหํ มม ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ตุเมฺห โมเจสฺสามี’’ติ วทโนฺต โอตริตฺวา มหาสตฺตํ อสฺสาเสโนฺต ปงฺกปิเฎฺฐ นิสีทิฯ มหาสโตฺต ‘‘นวุติหํสสหเสฺสสุ มํ ฉเฑฺฑตฺวา ปลายเนฺตสุ อยํ สุมุโข เอกโกว อาคโต, กิํ นุ โข ลุทฺทปุตฺตสฺส อาคตกาเล มํ ฉเฑฺฑตฺวา ปลายิสฺสติ, อุทาหุ โน’’ติ วีมํสนวเสน โลหิตมกฺขิโต ปาสยฎฺฐิยํ โอลมฺพโนฺตเยว ติโสฺส คาถา อภาสิ –
Sumukhopi heṭṭhā vuttanayeneva cintetvā vicinitvā tīsupi koṭṭhāsesu mahāsattaṃ adisvā ‘‘addhā tassevedaṃ bhayaṃ uppanna’’nti nivattitvā āgato mahāsattaṃ pāsena baddhaṃ lohitamakkhitaṃ dukkhāturaṃ paṅkapiṭṭhe nipannaṃ disvā ‘‘mā bhāyi, mahārāja, ahaṃ mama jīvitaṃ pariccajitvā tumhe mocessāmī’’ti vadanto otaritvā mahāsattaṃ assāsento paṅkapiṭṭhe nisīdi. Mahāsatto ‘‘navutihaṃsasahassesu maṃ chaḍḍetvā palāyantesu ayaṃ sumukho ekakova āgato, kiṃ nu kho luddaputtassa āgatakāle maṃ chaḍḍetvā palāyissati, udāhu no’’ti vīmaṃsanavasena lohitamakkhito pāsayaṭṭhiyaṃ olambantoyeva tisso gāthā abhāsi –
๘๙.
89.
‘‘เอเต หํสา ปกฺกมนฺติ, วกฺกงฺคา ภยเมริตา;
‘‘Ete haṃsā pakkamanti, vakkaṅgā bhayameritā;
หริตฺตจ เหมวณฺณ, กามํ สุมุข ปกฺกมฯ
Harittaca hemavaṇṇa, kāmaṃ sumukha pakkama.
๙๐.
90.
‘‘โอหาย มํ ญาติคณา, เอกํ ปาสวสํ คตํ;
‘‘Ohāya maṃ ñātigaṇā, ekaṃ pāsavasaṃ gataṃ;
อนเปกฺขมานา คจฺฉนฺติ, กิํ เอโก อวหียสิฯ
Anapekkhamānā gacchanti, kiṃ eko avahīyasi.
๙๑.
91.
‘‘ปเตว ปตตํ เสฎฺฐ, นตฺถิ พเทฺธ สหายตา;
‘‘Pateva patataṃ seṭṭha, natthi baddhe sahāyatā;
มา อนีฆาย หาเปสิ, กามํ สุมุข ปกฺกมา’’ติฯ
Mā anīghāya hāpesi, kāmaṃ sumukha pakkamā’’ti.
ตตฺถ ภยเมริตาติ ภเยน เอริตา ภยฎฺฎิตา ภยจลิตาฯ ตติยปเท ‘‘หรี’’ติปิ ‘‘เหม’’นฺติปิ สุวณฺณเสฺสว นามํฯ โส จ หริตฺตจตาย เหมวโณฺณ, เตน ตํ เอวํ อาลปติฯ สุมุขาติ สุนฺทรมุขฯ อนเปกฺขมานาติ ตว ญาตกา มํ อโนโลเกนฺตา นิราลยา หุตฺวาฯ ปเตวาติ อุปฺปตาหิเยวฯ มา อนีฆายาติ อิโต คนฺตฺวา ปตฺตพฺพาย นิทุกฺขภาวาย วีริยํ มา หาเปสิฯ
Tattha bhayameritāti bhayena eritā bhayaṭṭitā bhayacalitā. Tatiyapade ‘‘harī’’tipi ‘‘hema’’ntipi suvaṇṇasseva nāmaṃ. So ca harittacatāya hemavaṇṇo, tena taṃ evaṃ ālapati. Sumukhāti sundaramukha. Anapekkhamānāti tava ñātakā maṃ anolokentā nirālayā hutvā. Patevāti uppatāhiyeva. Mā anīghāyāti ito gantvā pattabbāya nidukkhabhāvāya vīriyaṃ mā hāpesi.
ตํ สุตฺวา สุมุโข ‘‘อยํ หํสราชา มม ปิยมิตฺตภาวํ น ชานาติ, อนุปฺปิยภาณี มิโตฺตติ มํ สลฺลเกฺขติ, สิเนหภาวมสฺส ทเสฺสสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา จตโสฺส คาถา อภาสิ –
Taṃ sutvā sumukho ‘‘ayaṃ haṃsarājā mama piyamittabhāvaṃ na jānāti, anuppiyabhāṇī mittoti maṃ sallakkheti, sinehabhāvamassa dassessāmī’’ti cintetvā catasso gāthā abhāsi –
๙๒.
92.
‘‘นาหํ ทุกฺขปเรโตปิ, ธตรฎฺฐ ตุวํ ชเห;
‘‘Nāhaṃ dukkhaparetopi, dhataraṭṭha tuvaṃ jahe;
ชีวิตํ มรณํ วา เม, ตยา สทฺธิํ ภวิสฺสติฯ
Jīvitaṃ maraṇaṃ vā me, tayā saddhiṃ bhavissati.
๙๓.
93.
‘‘นาหํ ทุกฺขปเรโตปิ, ธตรฎฺฐ ตุวํ ชเห;
‘‘Nāhaṃ dukkhaparetopi, dhataraṭṭha tuvaṃ jahe;
น มํ อนริยสํยุเตฺต, กเมฺม โยเชตุมรหสิฯ
Na maṃ anariyasaṃyutte, kamme yojetumarahasi.
๙๔.
94.
‘‘สกุมาโร สขาตฺยสฺมิ, สจิเตฺต จสฺมิ เต ฐิโต;
‘‘Sakumāro sakhātyasmi, sacitte casmi te ṭhito;
ญาโต เสนาปตี ตฺยาหํ, หํสานํ ปวรุตฺตมฯ
Ñāto senāpatī tyāhaṃ, haṃsānaṃ pavaruttama.
๙๕.
95.
‘‘กถํ อหํ วิกตฺติสฺสํ, ญาติมเชฺฌ อิโต คโต;
‘‘Kathaṃ ahaṃ vikattissaṃ, ñātimajjhe ito gato;
ตํ หิตฺวา ปตตํ เสฎฺฐ, กิํ เต วกฺขามิโต คโต;
Taṃ hitvā patataṃ seṭṭha, kiṃ te vakkhāmito gato;
อิธ ปาณํ จชิสฺสามิ, นานริยํ กตฺตุมุสฺสเห’’ติฯ
Idha pāṇaṃ cajissāmi, nānariyaṃ kattumussahe’’ti.
ตตฺถ นาหนฺติ อหํ, มหาราช, กายิกเจตสิเกน ทุเกฺขน ผุโฎฺฐปิ ตํ น ชหามิฯ อนริยสํยุเตฺตติ มิตฺตทุพฺภีหิ อหิริเกหิ กตฺตพฺพตาย อนริยภาเวน สํยุเตฺตฯ กเมฺมติ ตํ ชหิตฺวา ปกฺกมนกเมฺมฯ สกุมาโรติ สมานกุมาโร, เอกทิวเสเนว ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา เอกทิวเส อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา เอกโต วฑฺฒิตกุมาโรติ อโตฺถฯ สขาตฺยสฺมีติ อหํ เต ทกฺขิณกฺขิสโม ปิยสหาโยฯ สจิเตฺตติ ตว สเก จิเตฺต อหํ ฐิโต ตว วเส วตฺตามิ, ตยิ ชีวเนฺต ชีวามิ, น ชีวเนฺต น ชีวามีติ อโตฺถฯ ‘‘สํจิเตฺต’’ติปิ ปาโฐ, ตว จิเตฺต อหํ สณฺฐิโต สุฎฺฐุ ฐิโตติ อโตฺถฯ ญาโตติ สพฺพหํสานํ อนฺตเร ปญฺญาโตฯ วิกตฺติสฺสนฺติ ‘‘กุหิํ หํสราชา’’ติ ปุจฺฉิโต อหํ กินฺติ กเถสฺสามิฯ กิํ เต วกฺขามีติ เต ตว ปวตฺติํ ปุจฺฉเนฺต หํสคเณ กิํ วกฺขามิฯ
Tattha nāhanti ahaṃ, mahārāja, kāyikacetasikena dukkhena phuṭṭhopi taṃ na jahāmi. Anariyasaṃyutteti mittadubbhīhi ahirikehi kattabbatāya anariyabhāvena saṃyutte. Kammeti taṃ jahitvā pakkamanakamme. Sakumāroti samānakumāro, ekadivaseneva paṭisandhiṃ gahetvā ekadivase aṇḍakosaṃ padāletvā ekato vaḍḍhitakumāroti attho. Sakhātyasmīti ahaṃ te dakkhiṇakkhisamo piyasahāyo. Sacitteti tava sake citte ahaṃ ṭhito tava vase vattāmi, tayi jīvante jīvāmi, na jīvante na jīvāmīti attho. ‘‘Saṃcitte’’tipi pāṭho, tava citte ahaṃ saṇṭhito suṭṭhu ṭhitoti attho. Ñātoti sabbahaṃsānaṃ antare paññāto. Vikattissanti ‘‘kuhiṃ haṃsarājā’’ti pucchito ahaṃ kinti kathessāmi. Kiṃ te vakkhāmīti te tava pavattiṃ pucchante haṃsagaṇe kiṃ vakkhāmi.
เอวํ สุมุเขน จตูหิ คาถาหิ สีหนาเท นทิเต ตสฺส คุณํ ปกาเสโนฺต มหาสโตฺต อาห –
Evaṃ sumukhena catūhi gāthāhi sīhanāde nadite tassa guṇaṃ pakāsento mahāsatto āha –
๙๖.
96.
‘‘เอโส หิ ธโมฺม สุมุข, ยํ ตฺวํ อริยปเถ ฐิโต;
‘‘Eso hi dhammo sumukha, yaṃ tvaṃ ariyapathe ṭhito;
โย ภตฺตารํ สขารํ มํ, น ปริจฺจตฺตุมุสฺสเหฯ
Yo bhattāraṃ sakhāraṃ maṃ, na pariccattumussahe.
๙๗.
97.
‘‘ตญฺหิ เม เปกฺขมานสฺส, ภยํ น เตฺวว ชายติ;
‘‘Tañhi me pekkhamānassa, bhayaṃ na tveva jāyati;
อธิคจฺฉสิ ตฺวํ มยฺหํ, เอวํภูตสฺส ชีวิต’’นฺติฯ
Adhigacchasi tvaṃ mayhaṃ, evaṃbhūtassa jīvita’’nti.
ตตฺถ เอโส ธโมฺมติ เอส โปราณกปณฺฑิตานํ สภาโวฯ ภตฺตารํ สขารํ มนฺติ สามิกญฺจ สหายญฺจ มํฯ ภยนฺติ จิตฺตุตฺราโส มยฺหํ น ชายติ, จิตฺตกูฎปพฺพเต หํสคณมเชฺฌ ฐิโต วิย โหมิฯ มยฺหนฺติ มม ชีวิตํ ตฺวํ ลภาเปสฺสสิฯ
Tattha eso dhammoti esa porāṇakapaṇḍitānaṃ sabhāvo. Bhattāraṃ sakhāraṃ manti sāmikañca sahāyañca maṃ. Bhayanti cittutrāso mayhaṃ na jāyati, cittakūṭapabbate haṃsagaṇamajjhe ṭhito viya homi. Mayhanti mama jīvitaṃ tvaṃ labhāpessasi.
เอวํ เตสํ กเถนฺตานเญฺญว ลุทฺทปุโตฺต สรปริยเนฺต ฐิโต หํเส ตีหิ ขเนฺธหิ ปลายเนฺต ทิสฺวา ‘‘กิํ นุ โข’’ติ ปาสฎฺฐานํ โอโลเกโนฺต โพธิสตฺตํ ปาสยฎฺฐิยํ โอลมฺพนฺตํ ทิสฺวา สญฺชาตโสมนโสฺส กจฺฉํ ทฬฺหํ พนฺธิตฺวา มุคฺครํ คเหตฺวา กปฺปุฎฺฐานคฺคิ วิย อวตฺถรมาโน ปณฺหิยา อกฺกนฺตกลเล อุปริสีเสน คนฺตฺวา ปุรโต ปตเนฺต เวเคน อุปสงฺกมิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ tesaṃ kathentānaññeva luddaputto sarapariyante ṭhito haṃse tīhi khandhehi palāyante disvā ‘‘kiṃ nu kho’’ti pāsaṭṭhānaṃ olokento bodhisattaṃ pāsayaṭṭhiyaṃ olambantaṃ disvā sañjātasomanasso kacchaṃ daḷhaṃ bandhitvā muggaraṃ gahetvā kappuṭṭhānaggi viya avattharamāno paṇhiyā akkantakalale uparisīsena gantvā purato patante vegena upasaṅkami. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๙๘.
98.
‘‘อิเจฺจวํ มนฺตยนฺตานํ, อริยานํ อริยวุตฺตินํ;
‘‘Iccevaṃ mantayantānaṃ, ariyānaṃ ariyavuttinaṃ;
ทณฺฑมาทาย เนสาโท, อาปตี ตุริโต ภุสํฯ
Daṇḍamādāya nesādo, āpatī turito bhusaṃ.
๙๙.
99.
‘‘ตมาปตนฺตํ ทิสฺวาน, สุมุโข อติพฺรูหยิ;
‘‘Tamāpatantaṃ disvāna, sumukho atibrūhayi;
อฎฺฐาสิ ปุรโต รโญฺญ, หํโส วิสฺสาสยํ พฺยถํฯ
Aṭṭhāsi purato rañño, haṃso vissāsayaṃ byathaṃ.
๑๐๐.
100.
‘‘มา ภายิ ปตตํ เสฎฺฐ, น หิ ภายนฺติ ตาทิสา;
‘‘Mā bhāyi patataṃ seṭṭha, na hi bhāyanti tādisā;
อหํ โยคํ ปยุญฺชิสฺสํ, ยุตฺตํ ธมฺมูปสญฺหิตํ;
Ahaṃ yogaṃ payuñjissaṃ, yuttaṃ dhammūpasañhitaṃ;
เตน ปริยาปทาเนน, ขิปฺปํ ปาสา ปโมกฺขสี’’ติฯ
Tena pariyāpadānena, khippaṃ pāsā pamokkhasī’’ti.
ตตฺถ อริยวุตฺตินนฺติ อริยาจาเร วตฺตมานานํฯ ภุสนฺติ ทฬฺหํ พลวํฯ อติพฺรูหยีติ อนนฺตรคาถาย อาคตํ ‘‘มา ภายี’’ติ วจนํ วทโนฺต อติพฺรูเหสิ มหาสทฺทํ นิจฺฉาเรสิฯ อฎฺฐาสีติ สเจ เนสาโท ราชานํ ปหริสฺสติ, อหํ ปหารํ สมฺปฎิจฺฉิสฺสามีติ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ปุรโต อฎฺฐาสิฯ วิสฺสาสยนฺติ วิสฺสาเสโนฺต อสฺสาเสโนฺตฯ พฺยถนฺติ พฺยถิตํ ภีตํ ราชานํ ‘‘มา ภายี’’ติ อิมินา วจเนน วิสฺสาเสโนฺตฯ ตาทิสาติ ตุมฺหาทิสา ญาณวีริยสมฺปนฺนาฯ โยคนฺติ ญาณวีริยโยคํฯ ยุตฺตนฺติ อนุจฺฉวิกํฯ ธมฺมูปสญฺหิตนฺติ การณนิสฺสิตํฯ เตน ปริยาปทาเนนาติ เตน มยา ปยุเตฺตน โยเคน ปริสุเทฺธนฯ ปโมกฺขสีติ มุจฺจิสฺสสิฯ
Tattha ariyavuttinanti ariyācāre vattamānānaṃ. Bhusanti daḷhaṃ balavaṃ. Atibrūhayīti anantaragāthāya āgataṃ ‘‘mā bhāyī’’ti vacanaṃ vadanto atibrūhesi mahāsaddaṃ nicchāresi. Aṭṭhāsīti sace nesādo rājānaṃ paharissati, ahaṃ pahāraṃ sampaṭicchissāmīti jīvitaṃ pariccajitvā purato aṭṭhāsi. Vissāsayanti vissāsento assāsento. Byathanti byathitaṃ bhītaṃ rājānaṃ ‘‘mā bhāyī’’ti iminā vacanena vissāsento. Tādisāti tumhādisā ñāṇavīriyasampannā. Yoganti ñāṇavīriyayogaṃ. Yuttanti anucchavikaṃ. Dhammūpasañhitanti kāraṇanissitaṃ. Tena pariyāpadānenāti tena mayā payuttena yogena parisuddhena. Pamokkhasīti muccissasi.
เอวํ สุมุโข มหาสตฺตํ อสฺสาเสตฺวา ลุทฺทปุตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา มธุรํ มานุสิํ วาจํ นิจฺฉาเรโนฺต, ‘‘สมฺม, ตฺวํ โกนาโมสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สุวณฺณวณฺณหํสราช, อหํ เขมโก นามา’’ติ วุเตฺต, ‘‘สมฺม เขมก, ‘ตยา โอฑฺฑิตวาลปาเส โย วา โส วา หํโส พโทฺธ’ติ สญฺญํ มา กริ, นวุติยา หํสสหสฺสานํ ปวโร ธตรฎฺฐหํสราชา เต ปาเส พโทฺธ, ญาณสีลาจารสมฺปโนฺน สงฺคาหกปเกฺข ฐิโต, น ตํ มาเรตุํ ยุโตฺต, อหํ ตว อิมินา กตฺตพฺพกิจฺจํ กริสฺสามิ, อยมฺปิ สุวณฺณวโณฺณ, อหมฺปิ ตเถว, อหํ เอตสฺสตฺถาย อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิสฺสามิ, สเจ ตฺวํ เอตสฺส ปตฺตานิ คณฺหิตุกาโมสิ, มม ปตฺตานิ คณฺห, อโถปิ จมฺมมํสนฺหารุอฎฺฐีนมญฺญตรํ คณฺหิตุกาโมสิ, มเมว สรีรโต คณฺห, อถ นํ กีฬาหํสํ กาตุกาโมสิ, มเญฺญว กร, ชีวนฺตเมว วิกฺกิณิตฺวา สเจ ธนํ อุปฺปาเทตุกาโมสิ, มํ ชีวนฺตเมว วิกฺกิณิตฺวา ธนํ อุปฺปาเทหิ, มา เอตํ ญาณาทิคุณสํยุตฺตํ หํสราชานํ อวธิ, สเจ หิ นํ วธิสฺสสิ, นิรยาทีหิ น มุจฺจิสฺสสี’’ติ ตํ นิรยาทิภเยน สนฺตเชฺชตฺวา อตฺตโน มธุรกถํ คณฺหาเปตฺวา ปุน โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ อสฺสาเสโนฺต อฎฺฐาสิฯ เนสาโท ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘อยํ ติรจฺฉานคโต สมาโน มนุเสฺสหิปิ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยํ เอวรูปํ มิตฺตธมฺมํ กโรติ, มนุสฺสาปิ เอวํ มิตฺตธเมฺม ฐาตุํ น สโกฺกนฺติ, อโห เอส ญาณสมฺปโนฺน มธุรกโถ ธมฺมิโก’’ติ สกลสรีรํ ปีติโสมนสฺสปริปุณฺณํ กตฺวา ปหฎฺฐโลโม ทณฺฑํ ฉเฑฺฑตฺวา สิรสิ อญฺชลิํ ปติฎฺฐเปตฺวา สูริยํ นมสฺสโนฺต วิย สุมุขสฺส คุณํ กิเตฺตโนฺต อฎฺฐาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ sumukho mahāsattaṃ assāsetvā luddaputtassa santikaṃ gantvā madhuraṃ mānusiṃ vācaṃ nicchārento, ‘‘samma, tvaṃ konāmosī’’ti pucchitvā ‘‘suvaṇṇavaṇṇahaṃsarāja, ahaṃ khemako nāmā’’ti vutte, ‘‘samma khemaka, ‘tayā oḍḍitavālapāse yo vā so vā haṃso baddho’ti saññaṃ mā kari, navutiyā haṃsasahassānaṃ pavaro dhataraṭṭhahaṃsarājā te pāse baddho, ñāṇasīlācārasampanno saṅgāhakapakkhe ṭhito, na taṃ māretuṃ yutto, ahaṃ tava iminā kattabbakiccaṃ karissāmi, ayampi suvaṇṇavaṇṇo, ahampi tatheva, ahaṃ etassatthāya attano jīvitaṃ pariccajissāmi, sace tvaṃ etassa pattāni gaṇhitukāmosi, mama pattāni gaṇha, athopi cammamaṃsanhāruaṭṭhīnamaññataraṃ gaṇhitukāmosi, mameva sarīrato gaṇha, atha naṃ kīḷāhaṃsaṃ kātukāmosi, maññeva kara, jīvantameva vikkiṇitvā sace dhanaṃ uppādetukāmosi, maṃ jīvantameva vikkiṇitvā dhanaṃ uppādehi, mā etaṃ ñāṇādiguṇasaṃyuttaṃ haṃsarājānaṃ avadhi, sace hi naṃ vadhissasi, nirayādīhi na muccissasī’’ti taṃ nirayādibhayena santajjetvā attano madhurakathaṃ gaṇhāpetvā puna bodhisattassa santikaṃ gantvā taṃ assāsento aṭṭhāsi. Nesādo tassa kathaṃ sutvā ‘‘ayaṃ tiracchānagato samāno manussehipi kātuṃ asakkuṇeyyaṃ evarūpaṃ mittadhammaṃ karoti, manussāpi evaṃ mittadhamme ṭhātuṃ na sakkonti, aho esa ñāṇasampanno madhurakatho dhammiko’’ti sakalasarīraṃ pītisomanassaparipuṇṇaṃ katvā pahaṭṭhalomo daṇḍaṃ chaḍḍetvā sirasi añjaliṃ patiṭṭhapetvā sūriyaṃ namassanto viya sumukhassa guṇaṃ kittento aṭṭhāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๐๑.
101.
‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, สุมุขสฺส สุภาสิตํ;
‘‘Tassa taṃ vacanaṃ sutvā, sumukhassa subhāsitaṃ;
ปหฎฺฐโลโม เนสาโท, อญฺชลิสฺส ปณามยิฯ
Pahaṭṭhalomo nesādo, añjalissa paṇāmayi.
๑๐๒.
102.
‘‘น เม สุตํ วา ทิฎฺฐํ วา, ภาสโนฺต มานุสิํ ทิโช;
‘‘Na me sutaṃ vā diṭṭhaṃ vā, bhāsanto mānusiṃ dijo;
อริยํ พฺรุวาโน วกฺกโงฺค, จชโนฺต มานุสิํ คิรํฯ
Ariyaṃ bruvāno vakkaṅgo, cajanto mānusiṃ giraṃ.
๑๐๓.
103.
‘‘กิํ นุ ตายํ ทิโช โหติ, มุโตฺต พทฺธํ อุปาสสิ;
‘‘Kiṃ nu tāyaṃ dijo hoti, mutto baddhaṃ upāsasi;
โอหาย สกุณา ยนฺติ, กิํ เอโก อวหียสี’’ติฯ
Ohāya sakuṇā yanti, kiṃ eko avahīyasī’’ti.
ตตฺถ อญฺชลิสฺส ปณามยีติ อญฺชลิํ อสฺส อุปนามยิ, ‘‘น เม’’ติ คาถายสฺส ถุติํ กโรติฯ ตตฺถ มานุสินฺติ มนุสฺสวาจํฯ อริยนฺติ สุนฺทรํ นิโทฺทสํฯ จชโนฺตติ วิสฺสเชฺชโนฺตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สมฺม, ตฺวํ ทิโช สมาโน อชฺช มยา สทฺธิํ มานุสิํ วาจํ ภาสโนฺต นิโทฺทสํ พฺรุวาโน มานุสิํ คิรํ จชโนฺต ปจฺจกฺขโต ทิโฎฺฐ, อิโต ปุเพฺพ ปน อิทํ อจฺฉริยํ มยา เนว สุตํ น ทิฎฺฐนฺติฯ กิํ นุ ตายนฺติ ยํ เอตํ ตฺวํ อุปาสสิ, กิํ นุ เต อยํ โหติฯ
Tattha añjalissa paṇāmayīti añjaliṃ assa upanāmayi, ‘‘na me’’ti gāthāyassa thutiṃ karoti. Tattha mānusinti manussavācaṃ. Ariyanti sundaraṃ niddosaṃ. Cajantoti vissajjento. Idaṃ vuttaṃ hoti – samma, tvaṃ dijo samāno ajja mayā saddhiṃ mānusiṃ vācaṃ bhāsanto niddosaṃ bruvāno mānusiṃ giraṃ cajanto paccakkhato diṭṭho, ito pubbe pana idaṃ acchariyaṃ mayā neva sutaṃ na diṭṭhanti. Kiṃ nu tāyanti yaṃ etaṃ tvaṃ upāsasi, kiṃ nu te ayaṃ hoti.
เอวํ ตุฎฺฐจิเตฺตน เนสาเทน ปุโฎฺฐ สุมุโข ‘‘อยํ มุทุโก ชาโต, อิทานิสฺส ภิโยฺยโสมตฺตาย มุทุภาวตฺถํ มม คุณํ ทเสฺสสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อาห –
Evaṃ tuṭṭhacittena nesādena puṭṭho sumukho ‘‘ayaṃ muduko jāto, idānissa bhiyyosomattāya mudubhāvatthaṃ mama guṇaṃ dassesāmī’’ti cintetvā āha –
๑๐๔.
104.
‘‘ราชา เม โส ทิชามิตฺต, เสนาปจฺจสฺส การยิํ;
‘‘Rājā me so dijāmitta, senāpaccassa kārayiṃ;
ตมาปเท ปริจฺจตุํ, นุสฺสเห วิหคาธิปํฯ
Tamāpade pariccatuṃ, nussahe vihagādhipaṃ.
๑๐๕.
105.
‘‘มหาคณาย ภตฺตา เม, มา เอโก พฺยสนํ อคา;
‘‘Mahāgaṇāya bhattā me, mā eko byasanaṃ agā;
ตถา ตํ สมฺม เนสาท, ภตฺตายํ อภิโต รเม’’ติฯ
Tathā taṃ samma nesāda, bhattāyaṃ abhito rame’’ti.
ตตฺถ นุสฺสเหติ น สมโตฺถมฺหิฯ มหาคณายาติ มหโต หํสคณสฺสฯ มา เอโกติ มาทิเส เสวเก วิชฺชมาเน มา เอกโก พฺยสนํ อคาฯ ตถา ตนฺติ ยถา อหํ วทามิ, ตเถว ตํฯ สมฺมาติ วยสฺสฯ ภตฺตายํ อภิโต รเมติ ภตฺตา อยํ มม, อหมสฺส อภิโต รเม สนฺติเก รมามิ น อุกฺกณฺฐามีติฯ
Tattha nussaheti na samatthomhi. Mahāgaṇāyāti mahato haṃsagaṇassa. Mā ekoti mādise sevake vijjamāne mā ekako byasanaṃ agā. Tathā tanti yathā ahaṃ vadāmi, tatheva taṃ. Sammāti vayassa. Bhattāyaṃ abhito rameti bhattā ayaṃ mama, ahamassa abhito rame santike ramāmi na ukkaṇṭhāmīti.
เนสาโท ตํ ตสฺส ธมฺมนิสฺสิตํ มธุรกถํ สุตฺวา โสมนสฺสปฺปโตฺต ปหฎฺฐโลโม ‘‘สจาหํ เอตํ สีลาทิคุณสํยุตฺตํ หํสราชานํ วธิสฺสามิ, จตูหิ อปาเยหิ น มุจฺจิสฺสามิ, ราชา มํ ยทิจฺฉติ, ตํ กโรตุ, อหเมตํ สุมุขสฺส ทายํ กตฺวา วิสฺสเชฺชสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา คาถมาห –
Nesādo taṃ tassa dhammanissitaṃ madhurakathaṃ sutvā somanassappatto pahaṭṭhalomo ‘‘sacāhaṃ etaṃ sīlādiguṇasaṃyuttaṃ haṃsarājānaṃ vadhissāmi, catūhi apāyehi na muccissāmi, rājā maṃ yadicchati, taṃ karotu, ahametaṃ sumukhassa dāyaṃ katvā vissajjessāmī’’ti cintetvā gāthamāha –
๑๐๖.
106.
‘‘อริยวตฺตสิ วกฺกงฺค, โย ปิณฺฑมปจายสิ;
‘‘Ariyavattasi vakkaṅga, yo piṇḍamapacāyasi;
จชามิ เต ตํ ภตฺตารํ, คจฺฉถูโภ ยถาสุข’’นฺติฯ
Cajāmi te taṃ bhattāraṃ, gacchathūbho yathāsukha’’nti.
ตตฺถ อริยวตฺตสีติ มิตฺตธมฺมรกฺขณสงฺขาเตน อาจารอริยานํ วเตฺตน สมนฺนาคโตสิฯ ปิณฺฑมปจายสีติ ภตฺตุ สนฺติกา ลทฺธํ ปิณฺฑํ เสนาปติฎฺฐานํ ปูเชสิฯ คจฺฉถูโภติ เทฺวปิ ชนา อสฺสุมุเข ญาติสเงฺฆ หาสยมานา ยถาสุขํ คจฺฉถาติฯ
Tattha ariyavattasīti mittadhammarakkhaṇasaṅkhātena ācāraariyānaṃ vattena samannāgatosi. Piṇḍamapacāyasīti bhattu santikā laddhaṃ piṇḍaṃ senāpatiṭṭhānaṃ pūjesi. Gacchathūbhoti dvepi janā assumukhe ñātisaṅghe hāsayamānā yathāsukhaṃ gacchathāti.
เอวํ วตฺวา เนสาโท มุทุจิเตฺตน มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยฎฺฐิํ โอนาเมตฺวา ปงฺกปิเฎฺฐ นิสีทาเปตฺวา ปาสยฎฺฐิยา โมเจตฺวา ตํ อุกฺขิปิตฺวา สรโต นีหริตฺวา ตรุณทพฺพติณปิเฎฺฐ นิสีทาเปตฺวา ปาเท พทฺธปาสํ สณิกํ โมเจตฺวา มหาสเตฺต พลวสิเนหํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตฺวา เมตฺตจิเตฺตน อุทกํ อาทาย โลหิตํ โธวิตฺวา ปุนปฺปุนํ ปริมชฺชิ, อถสฺส เมตฺตานุภาเวน สิราย สิรา, มํเสน มํสํ, จเมฺมน จมฺมํ ฆฎิตํ, ปาโท ปากติโก อโหสิ, อิตเรน นิพฺพิเสโสฯ โพธิสโตฺต สุขปฺปโตฺต หุตฺวา ปกติภาเวน นิสีทิฯ สุมุโข อตฺตานํ นิสฺสาย รโญฺญ สุขิตภาวํ ทิสฺวา สญฺชาตโสมนโสฺส จิเนฺตสิ – ‘‘อิมินา อมฺหากํ มหาอุปกาโร กโต, อเมฺหหิ เอตสฺส กโต อุปกาโร นาม นตฺถิ, สเจ เอส ราชราชมหามตฺตานํ อตฺถาย อเมฺห คณฺหิ, เตสํ สนฺติกํ เนตฺวา พหุํ ธนํ ลภิสฺสติ, สเจ อตฺตโน อตฺถาย คณฺหิ, อเมฺห วิกฺกิณิตฺวา ธนํ ลภิสฺสเตว, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว น’’นฺติฯ อถ นํ อุปการํ กาตุกามตาย ปุจฺฉโนฺต อาห –
Evaṃ vatvā nesādo muducittena mahāsattaṃ upasaṅkamitvā yaṭṭhiṃ onāmetvā paṅkapiṭṭhe nisīdāpetvā pāsayaṭṭhiyā mocetvā taṃ ukkhipitvā sarato nīharitvā taruṇadabbatiṇapiṭṭhe nisīdāpetvā pāde baddhapāsaṃ saṇikaṃ mocetvā mahāsatte balavasinehaṃ paccupaṭṭhāpetvā mettacittena udakaṃ ādāya lohitaṃ dhovitvā punappunaṃ parimajji, athassa mettānubhāvena sirāya sirā, maṃsena maṃsaṃ, cammena cammaṃ ghaṭitaṃ, pādo pākatiko ahosi, itarena nibbiseso. Bodhisatto sukhappatto hutvā pakatibhāvena nisīdi. Sumukho attānaṃ nissāya rañño sukhitabhāvaṃ disvā sañjātasomanasso cintesi – ‘‘iminā amhākaṃ mahāupakāro kato, amhehi etassa kato upakāro nāma natthi, sace esa rājarājamahāmattānaṃ atthāya amhe gaṇhi, tesaṃ santikaṃ netvā bahuṃ dhanaṃ labhissati, sace attano atthāya gaṇhi, amhe vikkiṇitvā dhanaṃ labhissateva, pucchissāmi tāva na’’nti. Atha naṃ upakāraṃ kātukāmatāya pucchanto āha –
๑๐๗.
107.
‘‘สเจ อตฺตปฺปโยเคน, โอหิโต หํสปกฺขินํ;
‘‘Sace attappayogena, ohito haṃsapakkhinaṃ;
ปฎิคฺคณฺหาม เต สมฺม, เอตํ อภยทกฺขิณํฯ
Paṭiggaṇhāma te samma, etaṃ abhayadakkhiṇaṃ.
๑๐๘.
108.
‘‘โน เจ อตฺตปฺปโยเคน, โอหิโต หํสปกฺขินํ;
‘‘No ce attappayogena, ohito haṃsapakkhinaṃ;
อนิสฺสโร มุญฺจมเมฺห, เถยฺยํ กยิราสิ ลุทฺทกา’’ติฯ
Anissaro muñcamamhe, theyyaṃ kayirāsi luddakā’’ti.
ตตฺถ สเจติ, สมฺม เนสาท, สเจ ตยา อตฺตโน ปโยเคน อตฺตโน อตฺถาย หํสานเญฺจว เสสปกฺขีนญฺจ ปาโส โอหิโตฯ อนิสฺสโรติ อนิสฺสโร หุตฺวา อเมฺห มุญฺจโนฺต เยนาสิ อาณโตฺต, ตสฺสสนฺตกํ คณฺหโนฺต เถยฺยํ กยิราสิฯ
Tattha saceti, samma nesāda, sace tayā attano payogena attano atthāya haṃsānañceva sesapakkhīnañca pāso ohito. Anissaroti anissaro hutvā amhe muñcanto yenāsi āṇatto, tassasantakaṃ gaṇhanto theyyaṃ kayirāsi.
ตํ สุตฺวา เนสาโท ‘‘นาหํ ตุเมฺห อตฺตโน อตฺถาย คณฺหิํ, พาราณสิรญฺญา ปน สํยเมน คณฺหาปิโตมฺหี’’ติ วตฺวา เทวิยา ทิฎฺฐสุปินกาลโต ปฎฺฐาย ยาว รญฺญา เตสํ อาคตภาวํ สุตฺวา, ‘‘สมฺม เขมก, เอกํ วา เทฺว วา หํเส คณฺหิตุํ วายม, มหนฺตํ เต ยสํ ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา อุโยฺยชิตภาโว, ตาว สพฺพํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ ตํ สุตฺวา สุมุโข ‘‘อิมินา เนสาเทน อตฺตโน ชีวิตํ อคเณตฺวา อเมฺห วิสฺสเชฺชเนฺตน ทุกฺกรํ กตํ, สเจ มยํ อิโต จิตฺตกูฎํ คมิสฺสาม, เนว ธตรฎฺฐรโญฺญ ปญฺญานุภาโว, น มยฺหํ มิตฺตธโมฺม ปากโฎ ภวิสฺสติ, น ลุทฺทปุโตฺต มหนฺตํ ยสํ ลจฺฉติ, น ราชา ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐหิสฺสติ, น เทวิยา มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา , ‘‘สมฺม, เอวํ สเนฺต อเมฺห วิสฺสเชฺชตุํ น ลภสิ, รโญฺญ โน ทเสฺสหิ, โส อเมฺห ยถารุจิํ กริสฺสตี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสโนฺต คาถมาห –
Taṃ sutvā nesādo ‘‘nāhaṃ tumhe attano atthāya gaṇhiṃ, bārāṇasiraññā pana saṃyamena gaṇhāpitomhī’’ti vatvā deviyā diṭṭhasupinakālato paṭṭhāya yāva raññā tesaṃ āgatabhāvaṃ sutvā, ‘‘samma khemaka, ekaṃ vā dve vā haṃse gaṇhituṃ vāyama, mahantaṃ te yasaṃ dassāmī’’ti vatvā paribbayaṃ datvā uyyojitabhāvo, tāva sabbaṃ pavattiṃ ārocesi. Taṃ sutvā sumukho ‘‘iminā nesādena attano jīvitaṃ agaṇetvā amhe vissajjentena dukkaraṃ kataṃ, sace mayaṃ ito cittakūṭaṃ gamissāma, neva dhataraṭṭharañño paññānubhāvo, na mayhaṃ mittadhammo pākaṭo bhavissati, na luddaputto mahantaṃ yasaṃ lacchati, na rājā pañcasu sīlesu patiṭṭhahissati, na deviyā manoratho matthakaṃ pāpuṇissatī’’ti cintetvā , ‘‘samma, evaṃ sante amhe vissajjetuṃ na labhasi, rañño no dassehi, so amhe yathāruciṃ karissatī’’ti imamatthaṃ pakāsento gāthamāha –
๑๐๙.
109.
‘‘ยสฺส ตฺวํ ภตโก รโญฺญ, กามํ ตเสฺสว ปาปย;
‘‘Yassa tvaṃ bhatako rañño, kāmaṃ tasseva pāpaya;
ตตฺถ สํยมโน ราชา, ยถาภิญฺญํ กริสฺสตี’’ติฯ
Tattha saṃyamano rājā, yathābhiññaṃ karissatī’’ti.
ตตฺถ ตเสฺสวาติ ตเสฺสว สนฺติกํ เนหิฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ราชนิเวสเนฯ ยถาภิญฺญนฺติ ยถาธิปฺปายํ ยถารุจิํฯ
Tattha tassevāti tasseva santikaṃ nehi. Tatthāti tasmiṃ rājanivesane. Yathābhiññanti yathādhippāyaṃ yathāruciṃ.
ตํ สุตฺวา เนสาโท ‘‘มา โว ภทฺทเนฺต ราชทสฺสนํ รุจฺจิตฺถ, ราชาโน นาม สปฺปฎิภยา, กีฬาหํเส วา โว กเรยฺยุํ มาเรยฺยุํ วา’’ติ อาหฯ อถ นํ สุมุโข, ‘‘สมฺม ลุทฺทก มา อมฺหากํ จินฺตยิ, อหํ ตาทิสสฺส กกฺขฬสฺส ธมฺมกถาย มทฺทวํ ชเนสิํ, รโญฺญ กิํ น ชเนสฺสามิ, ราชาโน หิ ปณฺฑิตา สุภาสิตทุพฺภาสิตญฺญุ, ขิปฺปํ โน รโญฺญ สนฺติกํ เนหิ, นยโนฺต จ มา พนฺธเนน นยิ, ปุปฺผปญฺชเร ปน นิสีทาเปตฺวา เนหิ, ปุปฺผปญฺชรํ กโรโนฺต ธตรฎฺฐสฺส มหนฺตํ เสตปทุมสญฺฉนฺนํ, มม ขุทฺทกํ รตฺตปทุมสญฺฉนฺนํ กตฺวา ธตรฎฺฐํ ปุรโต, มมํ ปจฺฉโต นีจตรํ กตฺวา อาทาย ขิปฺปํ เนตฺวา รโญฺญ ทเสฺสหี’’ติ อาหฯ โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘สุมุโข ราชานํ ทิสฺวา มม มหนฺตํ ยสํ ทาตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ สญฺชาตโสมนโสฺส มุทูหิ ลตาหิ ปญฺชเร กตฺวา ปทุเมหิ ฉาเทตฺวา วุตฺตนเยเนว เต คเหตฺวา อคมาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Taṃ sutvā nesādo ‘‘mā vo bhaddante rājadassanaṃ ruccittha, rājāno nāma sappaṭibhayā, kīḷāhaṃse vā vo kareyyuṃ māreyyuṃ vā’’ti āha. Atha naṃ sumukho, ‘‘samma luddaka mā amhākaṃ cintayi, ahaṃ tādisassa kakkhaḷassa dhammakathāya maddavaṃ janesiṃ, rañño kiṃ na janessāmi, rājāno hi paṇḍitā subhāsitadubbhāsitaññu, khippaṃ no rañño santikaṃ nehi, nayanto ca mā bandhanena nayi, pupphapañjare pana nisīdāpetvā nehi, pupphapañjaraṃ karonto dhataraṭṭhassa mahantaṃ setapadumasañchannaṃ, mama khuddakaṃ rattapadumasañchannaṃ katvā dhataraṭṭhaṃ purato, mamaṃ pacchato nīcataraṃ katvā ādāya khippaṃ netvā rañño dassehī’’ti āha. So tassa vacanaṃ sutvā ‘‘sumukho rājānaṃ disvā mama mahantaṃ yasaṃ dātukāmo bhavissatī’’ti sañjātasomanasso mudūhi latāhi pañjare katvā padumehi chādetvā vuttanayeneva te gahetvā agamāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๑๐.
110.
‘‘อิเจฺจวํ วุโตฺต เนสาโท, เหมวเณฺณ หริตฺตเจ;
‘‘Iccevaṃ vutto nesādo, hemavaṇṇe harittace;
อุโภ หเตฺถหิ สงฺคยฺห, ปญฺชเร อชฺฌโวทหิฯ
Ubho hatthehi saṅgayha, pañjare ajjhavodahi.
๑๑๑.
111.
‘‘เต ปญฺชรคเต ปกฺขี, อุโภ ภสฺสรวณฺณิเน;
‘‘Te pañjaragate pakkhī, ubho bhassaravaṇṇine;
สุมุขํ ธตรฎฺฐญฺจ, ลุโทฺท อาทาย ปกฺกมี’’ติฯ
Sumukhaṃ dhataraṭṭhañca, luddo ādāya pakkamī’’ti.
ตตฺถ อชฺฌโวทหีติ โอทหิ ฐเปสิฯ ภสฺสรวณฺณิเนติ ปภาสมฺปนฺนวเณฺณฯ
Tattha ajjhavodahīti odahi ṭhapesi. Bhassaravaṇṇineti pabhāsampannavaṇṇe.
เอวํ ลุทฺทสฺส เต อาทาย ปกฺกมนกาเล ธตรโฎฺฐ ปากหํสราชธีตรํ อตฺตโน ภริยํ สริตฺวา สุมุขํ อามเนฺตตฺวา กิเลสวเสน วิลปิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ luddassa te ādāya pakkamanakāle dhataraṭṭho pākahaṃsarājadhītaraṃ attano bhariyaṃ saritvā sumukhaṃ āmantetvā kilesavasena vilapi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๑๒.
112.
‘‘หรียมาโน ธตรโฎฺฐ, สุมุขํ เอตทพฺรวิ;
‘‘Harīyamāno dhataraṭṭho, sumukhaṃ etadabravi;
พาฬฺหํ ภายามิ สุมุข, สามาย ลกฺขณูรุยา;
Bāḷhaṃ bhāyāmi sumukha, sāmāya lakkhaṇūruyā;
อสฺมากํ วธมญฺญาย, อถตฺตานํ วธิสฺสติฯ
Asmākaṃ vadhamaññāya, athattānaṃ vadhissati.
๑๑๓.
113.
‘‘ปากหํสา จ สุมุข, สุเหมา เหมสุตฺตจา;
‘‘Pākahaṃsā ca sumukha, suhemā hemasuttacā;
โกญฺจี สมุทฺทตีเรว, กปณา นูน รุจฺฉตี’’ติฯ
Koñcī samuddatīreva, kapaṇā nūna rucchatī’’ti.
ตตฺถ ภายามีติ มรณโต ภายามิฯ สามายาติ สุวณฺณวณฺณายฯ ลกฺขณูรุยาติ ลกฺขณสมฺปนฺนอูรุยาฯ วจมญฺญายาติ วธํ ชานิตฺวา ‘‘มม ปิยสามิโก มาริโต’’ติ สญฺญี หุตฺวาฯ วธิสฺสตีติ กิํ เม ปิยสามิเก มเต ชีวิเตนาติ มริสฺสติฯ ปากหํสาติ ปากหํสราชธีตาฯ สุเหมาติ เอวํนามิกาฯ เหมสุตฺตจาติ เหมสทิสสุนฺทรตจาฯ รุจฺฉตีติ ยถา โลณิสงฺขาตํ สมุทฺทํ โอตริตฺวา มเต ปติมฺหิ โกญฺจี สกุณิกา กปณา โรทติ, เอวํ นูน สา โรทิสฺสตีติฯ
Tattha bhāyāmīti maraṇato bhāyāmi. Sāmāyāti suvaṇṇavaṇṇāya. Lakkhaṇūruyāti lakkhaṇasampannaūruyā. Vacamaññāyāti vadhaṃ jānitvā ‘‘mama piyasāmiko mārito’’ti saññī hutvā. Vadhissatīti kiṃ me piyasāmike mate jīvitenāti marissati. Pākahaṃsāti pākahaṃsarājadhītā. Suhemāti evaṃnāmikā. Hemasuttacāti hemasadisasundaratacā. Rucchatīti yathā loṇisaṅkhātaṃ samuddaṃ otaritvā mate patimhi koñcī sakuṇikā kapaṇā rodati, evaṃ nūna sā rodissatīti.
ตํ สุตฺวา สุมุโข ‘‘อยํ หํสราชา อเญฺญ โอวทิตุํ ยุโตฺต มาตุคามํ นิสฺสาย กิเลสวเสน วิลปติ, อุทกสฺส อาทิตฺตกาโล วิย วติยา อุฎฺฐาย เกทารขาทนกาโล วิย จ ชาโต, ยํนูนาหํ อตฺตโน พเลน มาตุคามสฺส โทสํ ปกาเสตฺวา เอตํ สญฺญาเปยฺย’’นฺติ จิเนฺตตฺวา คาถมาห –
Taṃ sutvā sumukho ‘‘ayaṃ haṃsarājā aññe ovadituṃ yutto mātugāmaṃ nissāya kilesavasena vilapati, udakassa ādittakālo viya vatiyā uṭṭhāya kedārakhādanakālo viya ca jāto, yaṃnūnāhaṃ attano balena mātugāmassa dosaṃ pakāsetvā etaṃ saññāpeyya’’nti cintetvā gāthamāha –
๑๑๔.
114.
‘‘เอวํ มหโนฺต โลกสฺส, อปฺปเมโยฺย มหาคณี;
‘‘Evaṃ mahanto lokassa, appameyyo mahāgaṇī;
เอกิตฺถิมนุโสเจยฺย, นยิทํ ปญฺญวตามิวฯ
Ekitthimanusoceyya, nayidaṃ paññavatāmiva.
๑๑๕.
115.
‘‘วาโตว คนฺธมาเทติ, อุภยํ เฉกปาปกํ;
‘‘Vātova gandhamādeti, ubhayaṃ chekapāpakaṃ;
พาโล อามกปกฺกํว, โลโล อโนฺธว อามิสํฯ
Bālo āmakapakkaṃva, lolo andhova āmisaṃ.
๑๑๖.
116.
‘‘อวินิจฺฉยญฺญุ อเตฺถสุ, มโนฺทว ปฎิภาสิ มํ;
‘‘Avinicchayaññu atthesu, mandova paṭibhāsi maṃ;
กิจฺจากิจฺจํ น ชานาสิ, สมฺปโตฺต กาลปริยายํฯ
Kiccākiccaṃ na jānāsi, sampatto kālapariyāyaṃ.
๑๑๗.
117.
‘‘อฑฺฒุมฺมโตฺต อุทีเรสิ, โย เสยฺยา มญฺญสิตฺถิโย;
‘‘Aḍḍhummatto udīresi, yo seyyā maññasitthiyo;
พหุสาธารณา เหตา, โสณฺฑานํว สุราฆรํฯ
Bahusādhāraṇā hetā, soṇḍānaṃva surāgharaṃ.
๑๑๘.
118.
‘‘มายา เจตา มรีจี จ, โสกา โรคา จุปทฺทวา;
‘‘Māyā cetā marīcī ca, sokā rogā cupaddavā;
ขรา จ พนฺธนา เจตา, มจฺจุปาสา คุหาสยา;
Kharā ca bandhanā cetā, maccupāsā guhāsayā;
ตาสุ โย วิสฺสเส โปโส, โส นเรสุ นราธโม’’ติฯ
Tāsu yo vissase poso, so naresu narādhamo’’ti.
ตตฺถ มหโนฺตติ มหโนฺต สมาโนฯ โลกสฺสาติ หํสโลกสฺสฯ อปฺปเมโยฺยติ คุเณหิ ปเมตุํ อสกฺกุเณโยฺยฯ มหาคณีติ มหเนฺตน คเณน สมนฺนาคโต คณสตฺถาฯ เอกิตฺถินฺติ ยํ เอวรูโป ภวํ เอกํ อิตฺถิํ อนุโสเจยฺย, อิทํ อนุโสจนํ น ปญฺญวตํ อิว, เตนาหํ อชฺช ตํ พาโลติ มญฺญามีติ อธิปฺปาเยเนวมาหฯ
Tattha mahantoti mahanto samāno. Lokassāti haṃsalokassa. Appameyyoti guṇehi pametuṃ asakkuṇeyyo. Mahāgaṇīti mahantena gaṇena samannāgato gaṇasatthā. Ekitthinti yaṃ evarūpo bhavaṃ ekaṃ itthiṃ anusoceyya, idaṃ anusocanaṃ na paññavataṃ iva, tenāhaṃ ajja taṃ bāloti maññāmīti adhippāyenevamāha.
อาเทตีติ คณฺหาติฯ เฉกปาปกนฺติ สุนฺทราสุนฺทรํฯ อามกปกฺกติ อามกญฺจ ปกฺกญฺจฯ โลโลติ รสโลโลฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, ยถา นาม วาโต ปทุมสราทีนิ ปหริตฺวา สุคนฺธมฺปิ สงฺการฎฺฐานาทีนิ ปหริตฺวา ทุคฺคนฺธมฺปีติ อุภยํ เฉกปาปกํ คนฺธํ อาทิยติ, ยถา จ พาโล กุมารโก อมฺพชมฺพูนํ เหฎฺฐา นิสิโนฺน หตฺถํ ปสาเรตฺวา ปติตปติตํ อามกมฺปิ ปกฺกมฺปิ ผลํ คเหตฺวา ขาทติ, ยถา จ รสโลโล อโนฺธ ภเตฺต อุปนีเต ยํกิญฺจิ สมกฺขิกมฺปิ นิมฺมกฺขิกมฺปิ อามิสํ อาทิยติ, เอวํ อิตฺถิโย นาม กิเลสวเสน อฑฺฒมฺปิ ทุคฺคตมฺปิ กุลีนมฺปิ อกุลีนมฺปิ อภิรูปมฺปิ วิรูปมฺปิ คณฺหนฺติ ภชนฺติ, ตาทิสานํ ปาปธมฺมานํ อิตฺถีนํ กิํการณา วิปฺปลปสิ, มหาราชาติฯ
Ādetīti gaṇhāti. Chekapāpakanti sundarāsundaraṃ. Āmakapakkati āmakañca pakkañca. Loloti rasalolo. Idaṃ vuttaṃ hoti – mahārāja, yathā nāma vāto padumasarādīni paharitvā sugandhampi saṅkāraṭṭhānādīni paharitvā duggandhampīti ubhayaṃ chekapāpakaṃ gandhaṃ ādiyati, yathā ca bālo kumārako ambajambūnaṃ heṭṭhā nisinno hatthaṃ pasāretvā patitapatitaṃ āmakampi pakkampi phalaṃ gahetvā khādati, yathā ca rasalolo andho bhatte upanīte yaṃkiñci samakkhikampi nimmakkhikampi āmisaṃ ādiyati, evaṃ itthiyo nāma kilesavasena aḍḍhampi duggatampi kulīnampi akulīnampi abhirūpampi virūpampi gaṇhanti bhajanti, tādisānaṃ pāpadhammānaṃ itthīnaṃ kiṃkāraṇā vippalapasi, mahārājāti.
อเตฺถสูติ การณาการเณสุฯ มโนฺทติ อนฺธพาโลฯ ปฎิภาสิ มนฺติ มม อุปฎฺฐาสิฯ กาลปริยายนฺติ เอวรูปํ มรณกาลํ ปโตฺต ‘‘อิมสฺมิํ กาเล อิทํ กตฺตพฺพํ, อิทํ นกตฺตพฺพํ, อิทํ วตฺตพฺพํ, อิทํ น วตฺตพฺพ’’นฺติ น ชานาสิ เทวาติฯ อฑฺฒุมฺมโตฺตติ อฑฺฒุมฺมตฺตโก มเญฺญ หุตฺวาฯ อุทีเรสีติ ยถา สุรํ ปิวิตฺวา นาติมโตฺต ปุริโส ยํ วา ตํ วา ปลปติ, เอวํ ปลปสีติ อโตฺถฯ เสยฺยาติ วรา อุตฺตมาฯ
Atthesūti kāraṇākāraṇesu. Mandoti andhabālo. Paṭibhāsi manti mama upaṭṭhāsi. Kālapariyāyanti evarūpaṃ maraṇakālaṃ patto ‘‘imasmiṃ kāle idaṃ kattabbaṃ, idaṃ nakattabbaṃ, idaṃ vattabbaṃ, idaṃ na vattabba’’nti na jānāsi devāti. Aḍḍhummattoti aḍḍhummattako maññe hutvā. Udīresīti yathā suraṃ pivitvā nātimatto puriso yaṃ vā taṃ vā palapati, evaṃ palapasīti attho. Seyyāti varā uttamā.
‘‘มายา จา’’ติอาทีสุ, เทว, อิตฺถิโย นาเมตา วญฺจนเฎฺฐน มายา, อคยฺหุปคเฎฺฐน มรีจี, โสกาทีนํ ปจฺจยตฺตา โสกา, โรคา, อเนกปฺปการา อุปทฺทวา, โกธาทีหิ ถทฺธภาเวเนว ขราฯ ตา หิ นิสฺสาย อนฺทุพนฺธนาทีหิ พนฺธนโต พนฺธนา เจตา, อิตฺถิโย นาม สรีรคุหาสยวเสเนว มจฺจุ นาม เอตา, เทวาติฯ ‘‘กามเหตุ, กามนิทานํ, กามาธิกรณํ, กามานเมว เหตุ ราชาโน โจรํ คเหตฺวา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๘-๑๖๙) สุเตฺตนเปส อโตฺถ ทีเปตโพฺพฯ
‘‘Māyā cā’’tiādīsu, deva, itthiyo nāmetā vañcanaṭṭhena māyā, agayhupagaṭṭhena marīcī, sokādīnaṃ paccayattā sokā, rogā, anekappakārā upaddavā, kodhādīhi thaddhabhāveneva kharā. Tā hi nissāya andubandhanādīhi bandhanato bandhanā cetā, itthiyo nāma sarīraguhāsayavaseneva maccu nāma etā, devāti. ‘‘Kāmahetu, kāmanidānaṃ, kāmādhikaraṇaṃ, kāmānameva hetu rājāno coraṃ gahetvā’’ti (ma. ni. 1.168-169) suttenapesa attho dīpetabbo.
ตโต ธตรโฎฺฐ มาตุคาเม ปฎิพทฺธจิตฺตตาย ‘‘ตฺวํ มาตุคามสฺส คุณํ น ชานาสิ, ปณฺฑิตา เอว เอตํ ชานนฺติ, น เหตา ครหิตพฺพา’’ติ ทีเปโนฺต อาห –
Tato dhataraṭṭho mātugāme paṭibaddhacittatāya ‘‘tvaṃ mātugāmassa guṇaṃ na jānāsi, paṇḍitā eva etaṃ jānanti, na hetā garahitabbā’’ti dīpento āha –
๑๑๙.
119.
‘‘ยํ วุเทฺธหิ อุปญฺญาตํ, โก ตํ นินฺทิตุมรหติ;
‘‘Yaṃ vuddhehi upaññātaṃ, ko taṃ ninditumarahati;
มหาภูติตฺถิโย นาม, โลกสฺมิํ อุทปชฺชิสุํฯ
Mahābhūtitthiyo nāma, lokasmiṃ udapajjisuṃ.
๑๒๐.
120.
‘‘ขิฑฺฑา ปณิหิตา ตฺยาสุ, รติ ตฺยาสุ ปติฎฺฐิตา;
‘‘Khiḍḍā paṇihitā tyāsu, rati tyāsu patiṭṭhitā;
พีชานิ ตฺยาสุ รูหนฺติ, ยทิทํ สตฺตา ปชายเร;
Bījāni tyāsu rūhanti, yadidaṃ sattā pajāyare;
ตาสุ โก นิพฺพิเท โปโส, ปาณมาสชฺช ปาณิภิฯ
Tāsu ko nibbide poso, pāṇamāsajja pāṇibhi.
๑๒๑.
121.
‘‘ตฺวเมว นโญฺญ สุมุข, ถีนํ อเตฺถสุ ยุญฺชสิ;
‘‘Tvameva nañño sumukha, thīnaṃ atthesu yuñjasi;
ตสฺส ตฺยชฺช ภเย ชาเต, ภีเต น ชายเต มติฯ
Tassa tyajja bhaye jāte, bhīte na jāyate mati.
๑๒๒.
122.
‘‘สโพฺพ หิ สํสยํ ปโตฺต, ภยํ ภีรู ติติกฺขติ;
‘‘Sabbo hi saṃsayaṃ patto, bhayaṃ bhīrū titikkhati;
ปณฺฑิตา จ มหนฺตาโน, อเตฺถ ยุญฺชนฺติ ทุยฺยุเชฯ
Paṇḍitā ca mahantāno, atthe yuñjanti duyyuje.
๑๒๓.
123.
‘‘เอตทตฺถาย ราชาโน, สูรมิจฺฉนฺติ มนฺตินํ;
‘‘Etadatthāya rājāno, sūramicchanti mantinaṃ;
ปฎิพาหติ ยํ สูโร, อาปทํ อตฺตปริยายํฯ
Paṭibāhati yaṃ sūro, āpadaṃ attapariyāyaṃ.
๑๒๔.
124.
‘‘มา โน อชฺช วิกนฺติํสุ, รโญฺญ สูทา มหานเส;
‘‘Mā no ajja vikantiṃsu, rañño sūdā mahānase;
ตถา หิ วโณฺณ ปตฺตานํ, ผลํ เวฬุํว ตํ วธิฯ
Tathā hi vaṇṇo pattānaṃ, phalaṃ veḷuṃva taṃ vadhi.
๑๒๕.
125.
‘‘มุโตฺตปิ น อิจฺฉิ อุเฑฺฑตุํ, สยํ พนฺธํ อุปาคมิ;
‘‘Muttopi na icchi uḍḍetuṃ, sayaṃ bandhaṃ upāgami;
โสปชฺช สํสยํ ปโตฺต, อตฺถํ คณฺหาหิ มา มุข’’นฺติฯ
Sopajja saṃsayaṃ patto, atthaṃ gaṇhāhi mā mukha’’nti.
ตตฺถ ยนฺติ ยํ มาตุคามสงฺขาตํ วตฺถุ ปญฺญาวุเทฺธหิ ญาตํ, เตสเมว ปากฎํ, น พาลานํฯ มหาภูตาติ มหาคุณา มหานิสํสาฯ อุทปชฺชิสุนฺติ ปฐมกปฺปิกกาเล อิตฺถิลิงฺคเสฺสว ปฐมํ ปาตุภูตตฺตา ปฐมํ นิพฺพตฺตาติ อโตฺถฯ ตฺยาสูติ สุมุข ตาสุ อิตฺถีสุ กายวจีขิฑฺฑา จ ปณิหิตา โอหิตา ฐปิตา, กามคุณรติ จ ปติฎฺฐิตาฯ พีชานีติ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธอริยสาวกจกฺกวตฺติอาทิพีชานิ ตาสุ รุหนฺติฯ ยทิทนฺติ เย เอเต สเพฺพปิ สตฺตาฯ ปชายเรติ สเพฺพ ตาสเญฺญว กุจฺฉิมฺหิ สํวทฺธาติ ทีเปติฯ นิพฺพิเทติ นิพฺพิเนฺทยฺยฯ ปาณมาสชฺช ปาณิภีติ อตฺตโน ปาเณหิปิ ตาสํ ปาณํ อาสาเทตฺวา อตฺตโน ชีวิตํ จชโนฺตปิ ตา ลภิตฺวา โก นิพฺพิเนฺทยฺยาติ อโตฺถฯ
Tattha yanti yaṃ mātugāmasaṅkhātaṃ vatthu paññāvuddhehi ñātaṃ, tesameva pākaṭaṃ, na bālānaṃ. Mahābhūtāti mahāguṇā mahānisaṃsā. Udapajjisunti paṭhamakappikakāle itthiliṅgasseva paṭhamaṃ pātubhūtattā paṭhamaṃ nibbattāti attho. Tyāsūti sumukha tāsu itthīsu kāyavacīkhiḍḍā ca paṇihitā ohitā ṭhapitā, kāmaguṇarati ca patiṭṭhitā. Bījānīti buddhapaccekabuddhaariyasāvakacakkavattiādibījāni tāsu ruhanti. Yadidanti ye ete sabbepi sattā. Pajāyareti sabbe tāsaññeva kucchimhi saṃvaddhāti dīpeti. Nibbideti nibbindeyya. Pāṇamāsajja pāṇibhīti attano pāṇehipi tāsaṃ pāṇaṃ āsādetvā attano jīvitaṃ cajantopi tā labhitvā ko nibbindeyyāti attho.
นโญฺญติ น อโญฺญ, สุมุข, มยา จิตฺตกูฎตเล หํสคณมเชฺฌ นิสิเนฺนน ตํ อทิสฺวา ‘‘กหํ นุ สุมุโข’’ติ วุเตฺต ‘‘เอส มาตุคามํ คเหตฺวา กญฺจนคุหายํ อุตฺตมรติํ อนุโภตี’’ติ วทนฺติ, เอวํ ตฺวเมว ถีนํ อเตฺถสุ ยุญฺชสิ ยุตฺตปยุโตฺต โหสิ, น อโญฺญติ อโตฺถฯ ตสฺส ตฺยชฺชาติ ตสฺส เต อชฺช มรณภเย ชาเต อิมินา ภีเตน มรณภเยน ภีโต มเญฺญ, อยํ มาตุคามสฺส โทสทสฺสเน นิปุณา มติ ชายเตติ อธิปฺปาเยเนวมาหฯ
Naññoti na añño, sumukha, mayā cittakūṭatale haṃsagaṇamajjhe nisinnena taṃ adisvā ‘‘kahaṃ nu sumukho’’ti vutte ‘‘esa mātugāmaṃ gahetvā kañcanaguhāyaṃ uttamaratiṃ anubhotī’’ti vadanti, evaṃ tvameva thīnaṃ atthesu yuñjasi yuttapayutto hosi, na aññoti attho. Tassa tyajjāti tassa te ajja maraṇabhaye jāte iminā bhītena maraṇabhayena bhīto maññe, ayaṃ mātugāmassa dosadassane nipuṇā mati jāyateti adhippāyenevamāha.
สโพฺพ หีติ โย หิ โกจิฯ สํสยํ ปโตฺตติ ชีวิตสํสยปฺปโตฺตฯ ภีรูติ ภีรู หุตฺวาปิ ภยํ อธิวาเสติฯ มหนฺตาโนติ เย ปน ปณฺฑิตา จ โหนฺติ มหเนฺต จ ฐาเน ฐิตา มหนฺตาโน, เต ทุยฺยุเช อเตฺถ ยุญฺชนฺติ ฆเฎนฺติ วายมนฺติ, ตสฺมา ‘‘มา ภายิ, ธีโร โหหี’’ติ ตํ อุสฺสาเหโนฺต เอวมาหฯ อาปทนฺติ สามิโน อาคตํ อาปทํ เอส สูโร ปฎิพาหติ, เอตทตฺถาย สูรํ มนฺตินํ อิจฺฉนฺติฯ อตฺตปริยายนฺติ อตฺตโน ปริตฺตาณมฺปิ จ กาตุํ สโกฺกตีติ อธิปฺปาโยฯ
Sabbo hīti yo hi koci. Saṃsayaṃ pattoti jīvitasaṃsayappatto. Bhīrūti bhīrū hutvāpi bhayaṃ adhivāseti. Mahantānoti ye pana paṇḍitā ca honti mahante ca ṭhāne ṭhitā mahantāno, te duyyuje atthe yuñjanti ghaṭenti vāyamanti, tasmā ‘‘mā bhāyi, dhīro hohī’’ti taṃ ussāhento evamāha. Āpadanti sāmino āgataṃ āpadaṃ esa sūro paṭibāhati, etadatthāya sūraṃ mantinaṃ icchanti. Attapariyāyanti attano parittāṇampi ca kātuṃ sakkotīti adhippāyo.
วิกนฺติํสูติ ฉินฺทิํสุฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สมฺม สุมุข, ตฺวํ มยา อตฺตโน อนนฺตเร ฐาเน ฐปิโต, ตสฺมา ยถา อชฺช รโญฺญ สูทา อเมฺห มํสตฺถาย น วิกนฺติํสุ, ตถา กโรหิ, ตาทิโส หิ อมฺหากํ ปตฺตวโณฺณฯ ตํ วธีติ สฺวายํ วโณฺณ ยถา นาม เวฬุํ นิสฺสาย ชาตํ ผลํ เวฬุเมว วธติ, ตถา มา ตํ วธิ, ตญฺจ มญฺจ มา วธีติ อธิปฺปาเยเนวมาหฯ
Vikantiṃsūti chindiṃsu. Idaṃ vuttaṃ hoti – samma sumukha, tvaṃ mayā attano anantare ṭhāne ṭhapito, tasmā yathā ajja rañño sūdā amhe maṃsatthāya na vikantiṃsu, tathā karohi, tādiso hi amhākaṃ pattavaṇṇo. Taṃ vadhīti svāyaṃ vaṇṇo yathā nāma veḷuṃ nissāya jātaṃ phalaṃ veḷumeva vadhati, tathā mā taṃ vadhi, tañca mañca mā vadhīti adhippāyenevamāha.
มุโตฺตปีติ ยถาสุขํ จิตฺตกูฎปพฺพตํ คจฺฉาติ เอวํ ลุทฺทปุเตฺตน มยา สทฺธิํ มุโตฺต วิสฺสชฺชิโต สมาโนปิ อุฑฺฑิตุํ น อิจฺฉิฯ สยนฺติ ราชานํ ทฎฺฐุกาโม หุตฺวา สยเมว พนฺธํ อุปคโตติ เอวมิทํ อมฺหากํ ภยํ ตํ นิสฺสาย อาคตํฯ โสปชฺชาติ โสปิ อชฺช ชีวิตสํสยํ ปโตฺตฯ อตฺถํ คณฺหาหิ มา มุขนฺติ อิทานิ อมฺหากํ มุญฺจนการณํ คณฺห, ยถา มุจฺจาม, ตถา วายม, ‘‘วาโตว คนฺธมาเทตี’’ติอาทีนิ วทโนฺต อิตฺถิครหตฺถาย มุขํ มา ปสารยิฯ
Muttopīti yathāsukhaṃ cittakūṭapabbataṃ gacchāti evaṃ luddaputtena mayā saddhiṃ mutto vissajjito samānopi uḍḍituṃ na icchi. Sayanti rājānaṃ daṭṭhukāmo hutvā sayameva bandhaṃ upagatoti evamidaṃ amhākaṃ bhayaṃ taṃ nissāya āgataṃ. Sopajjāti sopi ajja jīvitasaṃsayaṃ patto. Atthaṃ gaṇhāhi mā mukhanti idāni amhākaṃ muñcanakāraṇaṃ gaṇha, yathā muccāma, tathā vāyama, ‘‘vātova gandhamādetī’’tiādīni vadanto itthigarahatthāya mukhaṃ mā pasārayi.
เอวํ มหาสโตฺต มาตุคามํ วเณฺณตฺวา สุมุขํ อปฺปฎิภาณํ กตฺวา ตสฺส อนตฺตมนภาวํ วิทิตฺวา อิทานิ นํ ปคฺคณฺหโนฺต คาถมาห –
Evaṃ mahāsatto mātugāmaṃ vaṇṇetvā sumukhaṃ appaṭibhāṇaṃ katvā tassa anattamanabhāvaṃ viditvā idāni naṃ paggaṇhanto gāthamāha –
๑๒๖.
126.
‘‘โส ตํ โยคํ ปยุญฺชสฺสุ, ยุตฺตํ ธมฺมูปสํหิตํ;
‘‘So taṃ yogaṃ payuñjassu, yuttaṃ dhammūpasaṃhitaṃ;
ตว ปริยาปทาเนน, มม ปาเณสนํ จรา’’ติฯ
Tava pariyāpadānena, mama pāṇesanaṃ carā’’ti.
ตตฺถ โสติ, สมฺม สุมุข, โส ตฺวํฯ ตํ โยคนฺติ ยํ ปุเพฺพ ‘‘อหํ โยคํ ปยุญฺชิสฺสํ, ยุตฺตํ ธมฺมูปสํหิต’’นฺติ อวจาสิ, ตํ อิทานิ ปยุญฺชสฺสุฯ ตว ปริยาปทาเนนาติ ตว เตน โยเคน ปริสุเทฺธนฯ ‘‘ปริโยทาเตนา’’ติปิ ปาโฐ, ปริตฺตาเณนาติ อโตฺถ, ตยา กตตฺตา ตว สนฺตเกน ปริตฺตาเณน มม ชีวิตปริเยสนํ จราติ อธิปฺปาโยฯ
Tattha soti, samma sumukha, so tvaṃ. Taṃ yoganti yaṃ pubbe ‘‘ahaṃ yogaṃ payuñjissaṃ, yuttaṃ dhammūpasaṃhita’’nti avacāsi, taṃ idāni payuñjassu. Tava pariyāpadānenāti tava tena yogena parisuddhena. ‘‘Pariyodātenā’’tipi pāṭho, parittāṇenāti attho, tayā katattā tava santakena parittāṇena mama jīvitapariyesanaṃ carāti adhippāyo.
อถ สุมุโข ‘‘อยํ อติวิย มรณภยภีโต มม ญาณพลํ น ชานาติ, ราชานํ ทิสฺวา โถกํ กถํ ลภิตฺวา ชานิสฺสามิ, อสฺสาเสสฺสามิ ตาว น’’นฺติ จิเนฺตตฺวา คาถมาห –
Atha sumukho ‘‘ayaṃ ativiya maraṇabhayabhīto mama ñāṇabalaṃ na jānāti, rājānaṃ disvā thokaṃ kathaṃ labhitvā jānissāmi, assāsessāmi tāva na’’nti cintetvā gāthamāha –
๑๒๗.
127.
‘‘มา ภายิ ปตตํ เสฎฺฐ, น หิ ภายนฺติ ตาทิสา;
‘‘Mā bhāyi patataṃ seṭṭha, na hi bhāyanti tādisā;
อหํ โยคํ ปยุญฺชิสฺสํ, ยุตฺตํ ธมฺมูปสํหิตํ;
Ahaṃ yogaṃ payuñjissaṃ, yuttaṃ dhammūpasaṃhitaṃ;
มม ปริยาปทาเนน, ขิปฺปํ ปาสา ปโมกฺขสี’’ติฯ
Mama pariyāpadānena, khippaṃ pāsā pamokkhasī’’ti.
ตตฺถ ปาสาติ ทุกฺขปาสโตฯ
Tattha pāsāti dukkhapāsato.
อิติ เตสํ สกุณภาสาย กเถนฺตานํ ลุทฺทปุโตฺต น กิญฺจิ อญฺญาสิ, เกวลํ ปน เต กาเชนาทาย พาราณสิํ ปาวิสิฯ อจฺฉริยพฺภุตชาเตน อญฺชลินา มหาชเนน อนุคฺคจฺฉมาโน โส ราชทฺวารํ ปตฺวา อตฺตโน อาคตภาวํ รโญฺญ อาโรจาเปสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Iti tesaṃ sakuṇabhāsāya kathentānaṃ luddaputto na kiñci aññāsi, kevalaṃ pana te kājenādāya bārāṇasiṃ pāvisi. Acchariyabbhutajātena añjalinā mahājanena anuggacchamāno so rājadvāraṃ patvā attano āgatabhāvaṃ rañño ārocāpesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๒๘.
128.
‘‘โส ลุโทฺท หํสกาเชน, ราชทฺวารํ อุปาคมิ;
‘‘So luddo haṃsakājena, rājadvāraṃ upāgami;
ปฎิเวเทถ มํ รโญฺญ, ธตรฎฺฐายมาคโต’’ติฯ
Paṭivedetha maṃ rañño, dhataraṭṭhāyamāgato’’ti.
ตตฺถ ปฎิเวเทถ มนฺติ เขมโก อาคโตติ เอวํ มํ รโญฺญ นิเวเทถฯ ธตรฎฺฐายนฺติ อยํ ธตรโฎฺฐ อาคโตติ ปฎิเวเทถฯ
Tattha paṭivedetha manti khemako āgatoti evaṃ maṃ rañño nivedetha. Dhataraṭṭhāyanti ayaṃ dhataraṭṭho āgatoti paṭivedetha.
โทวาริโก คนฺตฺวา ปฎิเวเทสิฯ ราชา สญฺชาตโสมนโสฺส ‘‘ขิปฺปํ อาคจฺฉตู’’ติ วตฺวา อมจฺจคณปริวุโต สมุสฺสิตเสตจฺฉเตฺต ราชปลฺลเงฺก นิสิโนฺน เขมกํ หํสกาชํ อาทาย มหาตลํ อภิรุฬฺหํ ทิสฺวา สุวณฺณวเณฺณ หํเส โอโลเกตฺวา ‘‘สมฺปุโณฺณ เม มโนรโถ’’ติ ตสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ อมเจฺจ อาณาเปสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Dovāriko gantvā paṭivedesi. Rājā sañjātasomanasso ‘‘khippaṃ āgacchatū’’ti vatvā amaccagaṇaparivuto samussitasetacchatte rājapallaṅke nisinno khemakaṃ haṃsakājaṃ ādāya mahātalaṃ abhiruḷhaṃ disvā suvaṇṇavaṇṇe haṃse oloketvā ‘‘sampuṇṇo me manoratho’’ti tassa kattabbakiccaṃ amacce āṇāpesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๒๙.
129.
‘‘เต ทิสฺวา ปุญฺญสงฺกาเส, อุโภ ลกฺขณสมฺมเต;
‘‘Te disvā puññasaṅkāse, ubho lakkhaṇasammate;
ขลุ สํยมโน ราชา, อมเจฺจ อชฺฌภาสถฯ
Khalu saṃyamano rājā, amacce ajjhabhāsatha.
๑๓๐.
130.
‘‘เทถ ลุทฺทสฺส วตฺถานิ, อนฺนํ ปานญฺจ โภชนํ;
‘‘Detha luddassa vatthāni, annaṃ pānañca bhojanaṃ;
กามํกโร หิรญฺญสฺส, ยาวโนฺต เอส อิจฺฉตี’’ติฯ
Kāmaṃkaro hiraññassa, yāvanto esa icchatī’’ti.
ตตฺถ ปุญฺญสงฺกาเสติ อตฺตโน ปุญฺญสทิเสฯ ลกฺขณสมฺมเตติ เสฎฺฐสมฺมเต อภิญฺญาเตฯ ขลูติ นิปาโต, ตสฺส ‘‘เต ขลุ ทิสฺวา’’ติ ปุริมปเทน สมฺพโนฺธฯ ‘‘เทถา’’ติอาทีนิ ราชา ปสนฺนาการํ กโรโนฺต อาหฯ ตตฺถ กามํกโร หิรญฺญสฺสาติ หิรญฺญํ อสฺส กามกิริยา อตฺถุฯ ยาวโนฺตติ ยตฺตกํ เอส อิจฺฉติ, ตตฺตกํ หิรญฺญมสฺส เทถาติ อโตฺถฯ
Tattha puññasaṅkāseti attano puññasadise. Lakkhaṇasammateti seṭṭhasammate abhiññāte. Khalūti nipāto, tassa ‘‘te khalu disvā’’ti purimapadena sambandho. ‘‘Dethā’’tiādīni rājā pasannākāraṃ karonto āha. Tattha kāmaṃkaro hiraññassāti hiraññaṃ assa kāmakiriyā atthu. Yāvantoti yattakaṃ esa icchati, tattakaṃ hiraññamassa dethāti attho.
เอวํ ปสนฺนาการํ กาเรตฺวา ปีติโสมนสฺสาสมุสฺสหิโต ‘‘คจฺฉถ นํ อลงฺกริตฺวา อาเนถา’’ติ อาหฯ อถ นํ อมจฺจา ราชนิเวสนา โอตาเรตฺวา กปฺปิตเกสมสฺสุํ นฺหาตานุลิตฺตํ สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิตํ กตฺวา รโญฺญ ทเสฺสสุํฯ อถสฺส ราชา สํวจฺฉเร สตสหสฺสุฎฺฐานเก ทฺวาทส คาเม อาชญฺญยุตฺตํ รถํ อลงฺกตมหาเคหญฺจาติ มหนฺตํ ยสํ ทาเปสิฯ โส มหนฺตํ ยสํ ลภิตฺวา อตฺตโน กมฺมํ ปกาเสตุํ ‘‘น เต, เทว, มยา โย วา โส วา หํโส อานีโต, อยํ ปน นวุติยา หํสสหสฺสานํ ราชา ธตรโฎฺฐ นาม, อยํ เสนาปติ สุมุโข นามา’’ติ อาห ฯ อถ นํ ราชา ‘‘กถํ เต, สมฺม, เอเต คหิตา’’ติ ปุจฺฉิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ pasannākāraṃ kāretvā pītisomanassāsamussahito ‘‘gacchatha naṃ alaṅkaritvā ānethā’’ti āha. Atha naṃ amaccā rājanivesanā otāretvā kappitakesamassuṃ nhātānulittaṃ sabbālaṅkārapaṭimaṇḍitaṃ katvā rañño dassesuṃ. Athassa rājā saṃvacchare satasahassuṭṭhānake dvādasa gāme ājaññayuttaṃ rathaṃ alaṅkatamahāgehañcāti mahantaṃ yasaṃ dāpesi. So mahantaṃ yasaṃ labhitvā attano kammaṃ pakāsetuṃ ‘‘na te, deva, mayā yo vā so vā haṃso ānīto, ayaṃ pana navutiyā haṃsasahassānaṃ rājā dhataraṭṭho nāma, ayaṃ senāpati sumukho nāmā’’ti āha . Atha naṃ rājā ‘‘kathaṃ te, samma, ete gahitā’’ti pucchi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๓๑.
131.
‘‘ทิสฺวา ลุทฺทํ ปสนฺนตฺตํ, กาสิราชา ตทพฺรวิ;
‘‘Disvā luddaṃ pasannattaṃ, kāsirājā tadabravi;
ยทฺยายํ สมฺม เขมก, ปุณฺณา หํเสหิ ติฎฺฐติฯ
Yadyāyaṃ samma khemaka, puṇṇā haṃsehi tiṭṭhati.
๑๓๒.
132.
‘‘กถํ รุจิมชฺฌคตํ, ปาสหโตฺถ อุปาคมิ;
‘‘Kathaṃ rucimajjhagataṃ, pāsahattho upāgami;
โอกิณฺณํ ญาติสเงฺฆหิ, นิมฺมชฺฌิมํ กถํ คหี’’ติฯ
Okiṇṇaṃ ñātisaṅghehi, nimmajjhimaṃ kathaṃ gahī’’ti.
ตตฺถ ปสนฺนตฺตนฺติ ปสนฺนภาวํ โสมนสฺสปฺปตฺตํฯ ยทฺยายนฺติ, สมฺม เขมก, ยทิ อยํ อมฺหากํ โปกฺขรณี นวุติหํสสหเสฺสหิ ปุณฺณา ติฎฺฐติฯ กถํ รุจิมชฺฌคตนฺติ เอวํ สเนฺต ตฺวํ เตสํ รุจีนํ ปิยทสฺสนานํ หํสานํ มชฺฌคตํ เอตํ ญาติสเงฺฆหิ โอกิณฺณํฯ นิมฺมชฺฌิมนฺติ เนว มชฺฌิมํ เนว กนิฎฺฐํ อุตฺตมํ หํสราชานํ กถํ ปาสหโตฺถ อุปาคมิ กถํ คณฺหีติฯ
Tattha pasannattanti pasannabhāvaṃ somanassappattaṃ. Yadyāyanti, samma khemaka, yadi ayaṃ amhākaṃ pokkharaṇī navutihaṃsasahassehi puṇṇā tiṭṭhati. Kathaṃ rucimajjhagatanti evaṃ sante tvaṃ tesaṃ rucīnaṃ piyadassanānaṃ haṃsānaṃ majjhagataṃ etaṃ ñātisaṅghehi okiṇṇaṃ. Nimmajjhimanti neva majjhimaṃ neva kaniṭṭhaṃ uttamaṃ haṃsarājānaṃ kathaṃ pāsahattho upāgami kathaṃ gaṇhīti.
โส ตสฺส กเถโนฺต อาห –
So tassa kathento āha –
๑๓๓.
133.
‘‘อชฺช เม สตฺตมา รตฺติ, อทนานิ อุปาสโต;
‘‘Ajja me sattamā ratti, adanāni upāsato;
ปทเมตสฺส อเนฺวสํ, อปฺปมโตฺต ฆฎสฺสิโตฯ
Padametassa anvesaṃ, appamatto ghaṭassito.
๑๓๔.
134.
‘‘อถสฺส ปทมทฺทกฺขิํ, จรโต อทเนสนํ;
‘‘Athassa padamaddakkhiṃ, carato adanesanaṃ;
ตตฺถาหํ โอทหิํ ปาสํ, เอวํ ตํ ทิชมคฺคหิ’’นฺติฯ
Tatthāhaṃ odahiṃ pāsaṃ, evaṃ taṃ dijamaggahi’’nti.
ตตฺถ อทนานีติ อาทานานิ, โคจรคฺคหณฎฺฐานานีติ อโตฺถ, อยเมว วา ปาโฐฯ อุปาสโตติ อุปคจฺฉนฺตสฺสฯ ปทนฺติ โคจรภูมิยํ อกฺกนฺตปทํฯ ฆฎสฺสิโตติ จาฎิปญฺชเร นิสฺสิโต หุตฺวาฯ อถสฺสาติ อถ ฉเฎฺฐ ทิวเส เอตสฺส อทเนสนํ จรนฺตสฺส ปทํ อทฺทกฺขิํฯ เอวํ ตนฺติ เอวํ ตํ ทิชํ อคฺคหินฺติ สพฺพํ คหิโตปายํ อาจิกฺขิฯ
Tattha adanānīti ādānāni, gocaraggahaṇaṭṭhānānīti attho, ayameva vā pāṭho. Upāsatoti upagacchantassa. Padanti gocarabhūmiyaṃ akkantapadaṃ. Ghaṭassitoti cāṭipañjare nissito hutvā. Athassāti atha chaṭṭhe divase etassa adanesanaṃ carantassa padaṃ addakkhiṃ. Evaṃ tanti evaṃ taṃ dijaṃ aggahinti sabbaṃ gahitopāyaṃ ācikkhi.
ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘อยํ ทฺวาเร ฐตฺวา ปฎิเวเทโนฺตปิ ธตรฎฺฐเสฺสวาคมนํ ปฎิเวเทสิ, อิทานิปิ เอตํ เอกเมว คณฺหินฺติ วทติ, กิํ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ จิเนฺตตฺวา คาถมาห –
Taṃ sutvā rājā ‘‘ayaṃ dvāre ṭhatvā paṭivedentopi dhataraṭṭhassevāgamanaṃ paṭivedesi, idānipi etaṃ ekameva gaṇhinti vadati, kiṃ nu kho ettha kāraṇa’’nti cintetvā gāthamāha –
๑๓๕.
135.
‘‘ลุทฺท เทฺว อิเม สกุณา, อถ เอโกติ ภาสสิ;
‘‘Ludda dve ime sakuṇā, atha ekoti bhāsasi;
จิตฺตํ นุ เต วิปริยตฺตํ, อทุ กิํ นุ ชิคีสสี’’ติฯ
Cittaṃ nu te vipariyattaṃ, adu kiṃ nu jigīsasī’’ti.
ตตฺถ วิปริยตฺตนฺติ วิปลฺลตฺถํฯ อทุ กิํ นุ ชิคีสสีติ อุทาหุ กิํ นุ จิเนฺตสิ, กิํ อิตรํ คเหตฺวา อญฺญสฺส ทาตุกาโม หุตฺวา จิเนฺตสีติ ปุจฺฉติฯ
Tattha vipariyattanti vipallatthaṃ. Adu kiṃ nu jigīsasīti udāhu kiṃ nu cintesi, kiṃ itaraṃ gahetvā aññassa dātukāmo hutvā cintesīti pucchati.
ตโต ลุโทฺท ‘‘น เม, เทว, จิตฺตํ วิปลฺลตฺถํ, นาปิ อหํ อิตรํ อญฺญสฺส ทาตุกาโม, อปิจ โข ปน มยา โอหิเต ปาเส เอโกว พโทฺธ’’ติ อาวิ กโรโนฺต อาห –
Tato luddo ‘‘na me, deva, cittaṃ vipallatthaṃ, nāpi ahaṃ itaraṃ aññassa dātukāmo, apica kho pana mayā ohite pāse ekova baddho’’ti āvi karonto āha –
๑๓๖.
136.
‘‘ยสฺส โลหิตกา ตาลา, ตปนียนิภา สุภา;
‘‘Yassa lohitakā tālā, tapanīyanibhā subhā;
อุรํ สํหจฺจ ติฎฺฐนฺติ, โส เม พนฺธํ อุปาคมิฯ
Uraṃ saṃhacca tiṭṭhanti, so me bandhaṃ upāgami.
๑๓๗.
137.
‘‘อถายํ ภสฺสโร ปกฺขี, อพโทฺธ พทฺธมาตุรํ;
‘‘Athāyaṃ bhassaro pakkhī, abaddho baddhamāturaṃ;
อริยํ พฺรุวาโน อฎฺฐาสิ, จชโนฺต มานุสิํ คิร’’นฺติฯ
Ariyaṃ bruvāno aṭṭhāsi, cajanto mānusiṃ gira’’nti.
ตตฺถ โลหิตกาติ รตฺตวณฺณาฯ ลาตาติ ราชิโยฯ อุรํ สํหจฺจาติ อุรํ อาหจฺจฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, ยเสฺสตา รตฺตสุวณฺณสปฺปฎิภาคา ติโสฺส โลหิตกา ราชิโย คีวํ ปริกฺขิปิตฺวา อุรํ อาหจฺจ ติฎฺฐนฺติ, โส เอโกว มม ปาเส พนฺธํ อุปาคโตติฯ ภสฺสโรติ ปริสุโทฺธ ปภาสมฺปโนฺนฯ อาตุรนฺติ คิลานํ ทุกฺขิตํ อฎฺฐาสีติฯ
Tattha lohitakāti rattavaṇṇā. Lātāti rājiyo. Uraṃ saṃhaccāti uraṃ āhacca. Idaṃ vuttaṃ hoti – mahārāja, yassetā rattasuvaṇṇasappaṭibhāgā tisso lohitakā rājiyo gīvaṃ parikkhipitvā uraṃ āhacca tiṭṭhanti, so ekova mama pāse bandhaṃ upāgatoti. Bhassaroti parisuddho pabhāsampanno. Āturanti gilānaṃ dukkhitaṃ aṭṭhāsīti.
อถ ธตรฎฺฐสฺส พทฺธภาวํ ญตฺวา นิวตฺติตฺวา เอตํ สมสฺสาเสตฺวา มมาคมนกาเล จ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อากาเสเยว มยา สทฺธิํ มธุรปฎิสนฺถารํ กตฺวา มนุสฺสภาสาย ธตรฎฺฐสฺส คุณํ กเถโนฺต อฎฺฐาสิ, มม หทยํ มุทุกํ กตฺวา ปุน เอตเสฺสว ปุรโต อฎฺฐาสิฯ อถาหํ, เทว, สุมุขสฺส สุภาสิตํ สุตฺวา ปสนฺนจิโตฺต ธตรฎฺฐํ วิสฺสเชฺชสิํ, อิติ ธตรฎฺฐสฺส ปาสโต โมโกฺข, อิเม หํเส อาทาย มม อิธาคมนญฺจ สุมุเขเนว กตนฺติฯ เอวํ โส สุมุขสฺส คุณกถํ กเถสิฯ ตํ สุตฺวา ราชา สุมุขสฺส ธมฺมกถํ โสตุกาโม อโหสิฯ ลุทฺทปุตฺตสฺส สกฺการํ กโรนฺตเสฺสว สูริโย อตฺถงฺคโต, ทีปา ปชฺชลิตา, พหู ขตฺติยาทโย สนฺนิปติตา, เขมา เทวีปิ วิวิธนาฎกปริวารา รโญฺญ ทกฺขิณปเสฺส นิสีทิฯ ตสฺมิํ ขเณ ราชา สุมุขํ กถาเปตุกาโม คาถมาห –
Atha dhataraṭṭhassa baddhabhāvaṃ ñatvā nivattitvā etaṃ samassāsetvā mamāgamanakāle ca paccuggamanaṃ katvā ākāseyeva mayā saddhiṃ madhurapaṭisanthāraṃ katvā manussabhāsāya dhataraṭṭhassa guṇaṃ kathento aṭṭhāsi, mama hadayaṃ mudukaṃ katvā puna etasseva purato aṭṭhāsi. Athāhaṃ, deva, sumukhassa subhāsitaṃ sutvā pasannacitto dhataraṭṭhaṃ vissajjesiṃ, iti dhataraṭṭhassa pāsato mokkho, ime haṃse ādāya mama idhāgamanañca sumukheneva katanti. Evaṃ so sumukhassa guṇakathaṃ kathesi. Taṃ sutvā rājā sumukhassa dhammakathaṃ sotukāmo ahosi. Luddaputtassa sakkāraṃ karontasseva sūriyo atthaṅgato, dīpā pajjalitā, bahū khattiyādayo sannipatitā, khemā devīpi vividhanāṭakaparivārā rañño dakkhiṇapasse nisīdi. Tasmiṃ khaṇe rājā sumukhaṃ kathāpetukāmo gāthamāha –
๑๓๘.
138.
‘‘อถ กิํ ทานิ สุมุข, หนุํ สํหจฺจ ติฎฺฐสิ;
‘‘Atha kiṃ dāni sumukha, hanuṃ saṃhacca tiṭṭhasi;
อทุ เม ปริสํ ปโตฺต, ภยา ภีโต น ภาสสี’’ติฯ
Adu me parisaṃ patto, bhayā bhīto na bhāsasī’’ti.
ตตฺถ หนุํ สํหจฺจาติ มธุรกโถ กิร ตฺวํ, อถ กสฺมา อิทานิ มุขํ ปิธาย ติฎฺฐสิฯ อทูติ กจฺจิฯ ภยา ภีโตติ ปริสสารชฺชภเยน ภีโต หุตฺวาฯ
Tattha hanuṃ saṃhaccāti madhurakatho kira tvaṃ, atha kasmā idāni mukhaṃ pidhāya tiṭṭhasi. Adūti kacci. Bhayā bhītoti parisasārajjabhayena bhīto hutvā.
ตํ สุตฺวา สุมุโข อภีตภาวํ ทเสฺสโนฺต คาถมาห –
Taṃ sutvā sumukho abhītabhāvaṃ dassento gāthamāha –
๑๓๙.
139.
‘‘นาหํ กาสิปติ ภีโต, โอคยฺห ปริสํ ตว;
‘‘Nāhaṃ kāsipati bhīto, ogayha parisaṃ tava;
นาหํ ภยา น ภาสิสฺสํ, วากฺยํ อตฺถสฺมิํ ตาทิเส’’ติฯ
Nāhaṃ bhayā na bhāsissaṃ, vākyaṃ atthasmiṃ tādise’’ti.
ตตฺถ ตาทิเสติ อปิจ โข ปน ตถารูเป อเตฺถ อุปฺปเนฺน วากฺยํ ภาสิสฺสามีติ วจโนกาสํ โอโลเกโนฺต นิสิโนฺนมฺหีติ อโตฺถฯ
Tattha tādiseti apica kho pana tathārūpe atthe uppanne vākyaṃ bhāsissāmīti vacanokāsaṃ olokento nisinnomhīti attho.
ตํ สุตฺวา ราชา ตสฺส กถํ วเฑฺฒตุกามตาย ปริหาสํ กโรโนฺต อาห –
Taṃ sutvā rājā tassa kathaṃ vaḍḍhetukāmatāya parihāsaṃ karonto āha –
๑๔๐.
140.
‘‘น เต อภิสรํ ปเสฺส, น รเถ นปิ ปตฺติเก;
‘‘Na te abhisaraṃ passe, na rathe napi pattike;
นาสฺส จมฺมํว กีฎํ วา, วมฺมิเต จ ธนุคฺคเหฯ
Nāssa cammaṃva kīṭaṃ vā, vammite ca dhanuggahe.
๑๔๑.
141.
‘‘น หิรญฺญํ สุวณฺณํ วา, นครํ วา สุมาปิตํ;
‘‘Na hiraññaṃ suvaṇṇaṃ vā, nagaraṃ vā sumāpitaṃ;
โอกิณฺณปริขํ ทุคฺคํ, ทฬฺหมฎฺฎาลโกฎฺฐกํ;
Okiṇṇaparikhaṃ duggaṃ, daḷhamaṭṭālakoṭṭhakaṃ;
ยตฺถ ปวิโฎฺฐ สุมุข, ภายิตพฺพํ น ภายสี’’ติฯ
Yattha paviṭṭho sumukha, bhāyitabbaṃ na bhāyasī’’ti.
ตตฺถ อภิสรนฺติ รกฺขณตฺถาย ปริวาเรตฺวา ฐิตํ อาวุธหตฺถํ ปริสํ เต น ปสฺสามิฯ นาสฺสาติ เอตฺถ อสฺสาติ นิปาตมตฺตํฯ จมฺมนฺติ สรปริตฺตาณจมฺมํฯ กีฎนฺติ กีฎํ จาฎิกปาลาทิ วุจฺจติฯ จาฎิกปาลหตฺถาปิ เต สนฺติเก นตฺถีติ ทีเปติฯ วมฺมิเตติ จมฺมสนฺนเทฺธฯ น หิรญฺญนฺติ ยํ นิสฺสาย น ภายสิ, ตํ หิรญฺญมฺปิ เต น ปสฺสามิฯ
Tattha abhisaranti rakkhaṇatthāya parivāretvā ṭhitaṃ āvudhahatthaṃ parisaṃ te na passāmi. Nāssāti ettha assāti nipātamattaṃ. Cammanti saraparittāṇacammaṃ. Kīṭanti kīṭaṃ cāṭikapālādi vuccati. Cāṭikapālahatthāpi te santike natthīti dīpeti. Vammiteti cammasannaddhe. Na hiraññanti yaṃ nissāya na bhāyasi, taṃ hiraññampi te na passāmi.
เอวํ รญฺญา ‘‘กิํ เต อภายนการณ’’นฺติ วุเตฺต ตํ กเถโนฺต อาห –
Evaṃ raññā ‘‘kiṃ te abhāyanakāraṇa’’nti vutte taṃ kathento āha –
๑๔๒.
142.
‘‘น เม อภิสเรนโตฺถ, นคเรน ธเนน วา;
‘‘Na me abhisarenattho, nagarena dhanena vā;
อปเถน ปถํ ยาม, อนฺตลิเกฺขจรา มยํฯ
Apathena pathaṃ yāma, antalikkhecarā mayaṃ.
๑๔๓.
143.
‘‘สุตา จ ปณฺฑิตา ตฺยมฺหา, นิปุณา จตฺถจินฺตกา;
‘‘Sutā ca paṇḍitā tyamhā, nipuṇā catthacintakā;
ภาเสมตฺถวติํ วาจํ, สเจฺจ จสฺส ปติฎฺฐิโตฯ
Bhāsematthavatiṃ vācaṃ, sacce cassa patiṭṭhito.
๑๔๔.
144.
‘‘กิญฺจ ตุยฺหํ อสจฺจสฺส, อนริยสฺส กริสฺสติ;
‘‘Kiñca tuyhaṃ asaccassa, anariyassa karissati;
มุสาวาทิสฺส ลุทฺทสฺส, ภณิตมฺปิ สุภาสิต’’นฺติฯ
Musāvādissa luddassa, bhaṇitampi subhāsita’’nti.
ตตฺถ อภิสเรนาติ อารกฺขปริวาเรนฯ อโตฺถติ เอเตน มม กิจฺจํ นตฺถิฯ กสฺมา? ยสฺมา อปเถน ตุมฺหาทิสานํ อมเคฺคน ปถํ มาเปตฺวา ยาม, อากาสจาริโน มยนฺติฯ ปณฺฑิตา ตฺยมฺหาติ ปณฺฑิตาติ ตยา สุตามฺหา, เตเนว การเณน อมฺหากํ สนฺติกา ธมฺมํ โสตุกาโม กิร โน คาหาเปสิฯ สเจฺจ จสฺสาติ สเจ ปน ตฺวํ สเจฺจ ปติฎฺฐิโต อสฺส, อตฺถวติํ การณนิสฺสิตํ วาจํ ภาเสยฺยามฯ อสจฺจสฺสาติ วจีสจฺจรหิตสฺส ตว สุภาสิตํ มุณฺฑสฺส ทนฺตสูจิ วิย กิํ กริสฺสติฯ
Tattha abhisarenāti ārakkhaparivārena. Atthoti etena mama kiccaṃ natthi. Kasmā? Yasmā apathena tumhādisānaṃ amaggena pathaṃ māpetvā yāma, ākāsacārino mayanti. Paṇḍitā tyamhāti paṇḍitāti tayā sutāmhā, teneva kāraṇena amhākaṃ santikā dhammaṃ sotukāmo kira no gāhāpesi. Sacce cassāti sace pana tvaṃ sacce patiṭṭhito assa, atthavatiṃ kāraṇanissitaṃ vācaṃ bhāseyyāma. Asaccassāti vacīsaccarahitassa tava subhāsitaṃ muṇḍassa dantasūci viya kiṃ karissati.
ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘กสฺมา มํ มุสาวาที อนริโยติ วทสิ, กิํ มยา กต’’นฺติ อาหฯ อถ นํ สุมุโข ‘‘เตน หิ, มหาราช, สุณาหี’’ติ วตฺวา อาห –
Taṃ sutvā rājā ‘‘kasmā maṃ musāvādī anariyoti vadasi, kiṃ mayā kata’’nti āha. Atha naṃ sumukho ‘‘tena hi, mahārāja, suṇāhī’’ti vatvā āha –
๑๔๕.
145.
‘‘ตํ พฺราหฺมณานํ วจนา, อิมํ เขมมการยิ;
‘‘Taṃ brāhmaṇānaṃ vacanā, imaṃ khemamakārayi;
อภยญฺจ ตยา ฆุฎฺฐํ, อิมาโย ทสธา ทิสาฯ
Abhayañca tayā ghuṭṭhaṃ, imāyo dasadhā disā.
๑๔๖.
146.
‘‘โอคยฺห เต โปกฺขรณิํ, วิปฺปสโนฺนทกํ สุจิํ;
‘‘Ogayha te pokkharaṇiṃ, vippasannodakaṃ suciṃ;
ปหูตํ จาทนํ ตตฺถ, อหิํสา เจตฺถ ปกฺขินํฯ
Pahūtaṃ cādanaṃ tattha, ahiṃsā cettha pakkhinaṃ.
๑๔๗.
147.
‘‘อิทํ สุตฺวาน นิโคฺฆสํ, อาคตมฺห ตวนฺติเก;
‘‘Idaṃ sutvāna nigghosaṃ, āgatamha tavantike;
เต เต พทฺธสฺม ปาเสน, เอตํ เต ภาสิตํ มุสาฯ
Te te baddhasma pāsena, etaṃ te bhāsitaṃ musā.
๑๔๘.
148.
‘‘มุสาวาทํ ปุรกฺขตฺวา, อิจฺฉาโลภญฺจ ปาปกํ;
‘‘Musāvādaṃ purakkhatvā, icchālobhañca pāpakaṃ;
อุโภสนฺธิมติกฺกมฺม, อสาตํ อุปปชฺชตี’’ติฯ
Ubhosandhimatikkamma, asātaṃ upapajjatī’’ti.
ตตฺถ ตนฺติ ตฺวํฯ เขมนฺติ เอวํนามิกํ โปกฺขรณิํฯ ฆุฎฺฐนฺติ จตูสุ กเณฺณสุ ฐตฺวา โฆสาปิตํฯ ทสธาติ อิมาสุ ทสธา ฐิตาสุ ทิสาสุ ตยา อภยํ ฆุฎฺฐํฯ โอคยฺหาติ โอคาเหตฺวา อาคตานํ สนฺติกาฯ ปหูตํ จาทนนฺติ ปหูตญฺจ ปทุมปุปฺผสาลิอาทิกํ อทนํฯ อิทํ สุตฺวานาติ เตสํ ตํ โปกฺขรณิํ โอคาเหตฺวา อาคตานํ สนฺติกา อิทํ อภยํ สุตฺวา ตวนฺติเก ตว สมีเป ตยา การิตโปกฺขรณิํ อาคตามฺหาติ อโตฺถฯ เต เตติ เต มยํ ตว ปาเสน พทฺธาฯ ปุรกฺขตฺวาติ ปุรโต กตฺวา ฯ อิจฺฉาโลภนฺติ อิจฺฉาสงฺขาตํ ปาปกํ โลภํฯ อุโภสนฺธินฺติ อุภยํ เทวโลเก จ มนุสฺสโลเก จ ปฎิสนฺธิํ อิเม ปาปธเมฺม ปุรโต กตฺวา จรโนฺต ปุคฺคโล สุคติปฎิสนฺธิํ อติกฺกมิตฺวา อสาตํ นิรยํ อุปปชฺชตีติฯ
Tattha tanti tvaṃ. Khemanti evaṃnāmikaṃ pokkharaṇiṃ. Ghuṭṭhanti catūsu kaṇṇesu ṭhatvā ghosāpitaṃ. Dasadhāti imāsu dasadhā ṭhitāsu disāsu tayā abhayaṃ ghuṭṭhaṃ. Ogayhāti ogāhetvā āgatānaṃ santikā. Pahūtaṃ cādananti pahūtañca padumapupphasāliādikaṃ adanaṃ. Idaṃ sutvānāti tesaṃ taṃ pokkharaṇiṃ ogāhetvā āgatānaṃ santikā idaṃ abhayaṃ sutvā tavantike tava samīpe tayā kāritapokkharaṇiṃ āgatāmhāti attho. Te teti te mayaṃ tava pāsena baddhā. Purakkhatvāti purato katvā . Icchālobhanti icchāsaṅkhātaṃ pāpakaṃ lobhaṃ. Ubhosandhinti ubhayaṃ devaloke ca manussaloke ca paṭisandhiṃ ime pāpadhamme purato katvā caranto puggalo sugatipaṭisandhiṃ atikkamitvā asātaṃ nirayaṃ upapajjatīti.
เอวํ ปริสมเชฺฌเยว ราชานํ ลชฺชาเปสิฯ อถ นํ ราชา ‘‘นาหํ, สุมุข, ตุเมฺห มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตุกาโม คณฺหาเปสิํ, ปณฺฑิตภาวํ ปน โว สุตฺวา สุภาสิตํ โสตุกาโม คณฺหาเปสิ’’นฺติ ปกาเสโนฺต อาห –
Evaṃ parisamajjheyeva rājānaṃ lajjāpesi. Atha naṃ rājā ‘‘nāhaṃ, sumukha, tumhe māretvā maṃsaṃ khāditukāmo gaṇhāpesiṃ, paṇḍitabhāvaṃ pana vo sutvā subhāsitaṃ sotukāmo gaṇhāpesi’’nti pakāsento āha –
๑๔๙.
149.
‘‘นาปรชฺฌาม สุมุข, นปิ โลภาว มคฺคหิํ;
‘‘Nāparajjhāma sumukha, napi lobhāva maggahiṃ;
สุตา จ ปณฺฑิตาตฺยตฺถ, นิปุณา อตฺถจินฺตกาฯ
Sutā ca paṇḍitātyattha, nipuṇā atthacintakā.
๑๕๐.
150.
‘‘อเปฺปวตฺถวติํ วาจํ, พฺยาหเรยฺยุํ อิธาคตา;
‘‘Appevatthavatiṃ vācaṃ, byāhareyyuṃ idhāgatā;
ตถา ตํ สมฺม เนสาโท, วุโตฺต สุมุข มคฺคหี’’ติฯ
Tathā taṃ samma nesādo, vutto sumukha maggahī’’ti.
ตตฺถ นาปรชฺฌามาติ มาเรโนฺต อปรชฺฌติ นาม, มยํ น มาเรมฯ โลภาว มคฺคหินฺติ มํสํ ขาทิตุกาโม หุตฺวา โลภาว ตุเมฺห นาหํ อคฺคหิํฯ ปณฺฑิตาตฺยตฺถาติ ปณฺฑิตาติ สุตา อตฺถฯ อตฺถจินฺตกาติ ปฎิจฺฉนฺนานํ อตฺถานํ จินฺตกาฯ อตฺถวตินฺติ การณนิสฺสิตํฯ ตถาติ เตน การเณนฯ วุโตฺตติ มยา วุโตฺต หุตฺวาฯ สุมุข, มคฺคหีติ, สุมุขาติ อาลปติ, ม-กาโร ปทสนฺธิกโรฯ อคฺคหีติ ธมฺมํ เทเสตุํ ตุเมฺห คณฺหิฯ
Tattha nāparajjhāmāti mārento aparajjhati nāma, mayaṃ na mārema. Lobhāva maggahinti maṃsaṃ khāditukāmo hutvā lobhāva tumhe nāhaṃ aggahiṃ. Paṇḍitātyatthāti paṇḍitāti sutā attha. Atthacintakāti paṭicchannānaṃ atthānaṃ cintakā. Atthavatinti kāraṇanissitaṃ. Tathāti tena kāraṇena. Vuttoti mayā vutto hutvā. Sumukha, maggahīti, sumukhāti ālapati, ma-kāro padasandhikaro. Aggahīti dhammaṃ desetuṃ tumhe gaṇhi.
ตํ สุตฺวา สุมุโข ‘‘สุภาสิตํ โสตุกาเมน อยุตฺตํ เต กตํ, มหาราชา’’ติ วตฺวา อาห –
Taṃ sutvā sumukho ‘‘subhāsitaṃ sotukāmena ayuttaṃ te kataṃ, mahārājā’’ti vatvā āha –
๑๕๑.
151.
‘‘เนว ภีตา กาสิปติ, อุปนีตสฺมิํ ชีวิเต;
‘‘Neva bhītā kāsipati, upanītasmiṃ jīvite;
ภาเสมตฺถวติํ วาจํ, สมฺปตฺตา กาลปริยายํฯ
Bhāsematthavatiṃ vācaṃ, sampattā kālapariyāyaṃ.
๑๕๒.
152.
‘‘โย มิเคน มิคํ หนฺติ, ปกฺขิํ วา ปน ปกฺขินา;
‘‘Yo migena migaṃ hanti, pakkhiṃ vā pana pakkhinā;
สุเตน วา สุตํ กิณฺยา, กิํ อนริยตรํ ตโตฯ
Sutena vā sutaṃ kiṇyā, kiṃ anariyataraṃ tato.
๑๕๓.
153.
‘‘โย จาริยรุทํ ภาเส, อนริยธมฺมวสฺสิโต;
‘‘Yo cāriyarudaṃ bhāse, anariyadhammavassito;
อุโภ โส ธํสเต โลกา, อิธ เจว ปรตฺถ จฯ
Ubho so dhaṃsate lokā, idha ceva parattha ca.
๑๕๔.
154.
‘‘น มเชฺชถ ยสํ ปโตฺต, น พฺยาเธ ปตฺตสํสยํ;
‘‘Na majjetha yasaṃ patto, na byādhe pattasaṃsayaṃ;
วายเมเถว กิเจฺจสุ, สํวเร วิวรานิ จฯ
Vāyametheva kiccesu, saṃvare vivarāni ca.
๑๕๕.
155.
‘‘เย วุทฺธา อพฺภติกฺกนฺตา, สมฺปตฺตา กาลปริยายํ;
‘‘Ye vuddhā abbhatikkantā, sampattā kālapariyāyaṃ;
อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, เอวํเต ติทิวํ คตาฯ
Idha dhammaṃ caritvāna, evaṃte tidivaṃ gatā.
๑๕๖.
156.
‘‘อิทํ สุตฺวา กาสิปติ, ธมฺมมตฺตนิ ปาลย;
‘‘Idaṃ sutvā kāsipati, dhammamattani pālaya;
ธตรฎฺฐญฺจ มุญฺจาหิ, หํสานํ ปวรุตฺตม’’นฺติฯ
Dhataraṭṭhañca muñcāhi, haṃsānaṃ pavaruttama’’nti.
ตตฺถ อุปนีตสฺมินฺติ มรณสนฺติกํ อุปนีเตฯ กาลปริยายนฺติ มรณกาลวารํ สมฺปตฺตา สมานา น ภาสิสฺสามฯ น หิ ธมฺมกถิกํ พนฺธิตฺวา มรณภเยน ตเชฺชตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติ, อยุตฺตํ เต กตนฺติฯ มิเคนาติ สุฎฺฐุ สิกฺขาปิเตน ทีปกมิเคนฯ หนฺตีติ หนติฯ ปกฺขินาติ ทีปกปกฺขินาฯ สุเตนาติ เขมํ นิพฺภยนฺติ วิสฺสุเตน ทีปกมิคปกฺขิสทิเสน ปทุมสเรนฯ สุตนฺติ ‘‘ปณฺฑิโต จิตฺรกถี’’ติ เอวํ สุตํ ธมฺมกถิกํฯ กิณฺยาติ ‘‘ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ ปาสพนฺธเนน โย กิเณยฺย หิํเสยฺย พาเธยฺยฯ ตโตติ เตสํ กิริยโต อุตฺตริ อญฺญํ อนริยตรํ นาม กิมตฺถิฯ
Tattha upanītasminti maraṇasantikaṃ upanīte. Kālapariyāyanti maraṇakālavāraṃ sampattā samānā na bhāsissāma. Na hi dhammakathikaṃ bandhitvā maraṇabhayena tajjetvā dhammaṃ suṇanti, ayuttaṃ te katanti. Migenāti suṭṭhu sikkhāpitena dīpakamigena. Hantīti hanati. Pakkhināti dīpakapakkhinā. Sutenāti khemaṃ nibbhayanti vissutena dīpakamigapakkhisadisena padumasarena. Sutanti ‘‘paṇḍito citrakathī’’ti evaṃ sutaṃ dhammakathikaṃ. Kiṇyāti ‘‘dhammaṃ sossāmī’’ti pāsabandhanena yo kiṇeyya hiṃseyya bādheyya. Tatoti tesaṃ kiriyato uttari aññaṃ anariyataraṃ nāma kimatthi.
อริยรุทนฺติ มุเขน อริยวจนํ สุนฺทรวจนํ ภาสติฯ อนริยธมฺมวสฺสิโตติ กเมฺมน อนริยธมฺมํ อวสฺสิโตฯ อุโภติ เทวโลกา จ มนุสฺสโลกา จาติ อุภยมฺหาฯ อิธ เจวาติ อิธ อุปฺปโนฺนปิ ปรตฺถ อุปฺปโนฺนปิ เอวรูโป ทฺวีหิ สุคติโลเกหิ ธํสิตฺวา นิรยเมว อุปปชฺชติฯ ปตฺตสํสยนฺติ ชีวิตสํสยมาปนฺนมฺปิ ทุกฺขํ ปตฺวา น กิลเมยฺยฯ สํวเร วิวรานิ จาติ อตฺตโน ฉิทฺทานิ ทฺวารานิ สํวเรยฺย ปิทเหยฺยฯ วุทฺธาติ คุณวุทฺธา ปณฺฑิตาฯ อพฺภติกฺกนฺตาติ อิมํ มนุสฺสโลกํ อติกฺกนฺตาฯ กาลปริยายนฺติ มรณกาลปริยายํ ปตฺตา หุตฺวาฯ เอวํเตติ เอวํ เอเตฯ อิทนฺติ อิทํ มยา วุตฺตํ อตฺถนิสฺสิตํ วจนํฯ ธมฺมนฺติ ปเวณิยธมฺมมฺปิ สุจริตธมฺมมฺปิฯ
Ariyarudanti mukhena ariyavacanaṃ sundaravacanaṃ bhāsati. Anariyadhammavassitoti kammena anariyadhammaṃ avassito. Ubhoti devalokā ca manussalokā cāti ubhayamhā. Idha cevāti idha uppannopi parattha uppannopi evarūpo dvīhi sugatilokehi dhaṃsitvā nirayameva upapajjati. Pattasaṃsayanti jīvitasaṃsayamāpannampi dukkhaṃ patvā na kilameyya. Saṃvare vivarāni cāti attano chiddāni dvārāni saṃvareyya pidaheyya. Vuddhāti guṇavuddhā paṇḍitā. Abbhatikkantāti imaṃ manussalokaṃ atikkantā. Kālapariyāyanti maraṇakālapariyāyaṃ pattā hutvā. Evaṃteti evaṃ ete. Idanti idaṃ mayā vuttaṃ atthanissitaṃ vacanaṃ. Dhammanti paveṇiyadhammampi sucaritadhammampi.
ตํ สุตฺวา ราชา อาห –
Taṃ sutvā rājā āha –
๑๕๗.
157.
‘‘อาหรนฺตุทกํ ปชฺชํ, อาสนญฺจ มหารหํ;
‘‘Āharantudakaṃ pajjaṃ, āsanañca mahārahaṃ;
ปญฺชรโต ปโมกฺขามิ, ธตรฎฺฐํ ยสสฺสินํฯ
Pañjarato pamokkhāmi, dhataraṭṭhaṃ yasassinaṃ.
๑๕๘.
158.
‘‘ตญฺจ เสนาปติํ ธีรํ, นิปุณํ อตฺถจินฺตกํ;
‘‘Tañca senāpatiṃ dhīraṃ, nipuṇaṃ atthacintakaṃ;
โย สุเข สุขิโต รโญฺญ, ทุกฺขิเต โหติ ทุกฺขิโตฯ
Yo sukhe sukhito rañño, dukkhite hoti dukkhito.
๑๕๙.
159.
‘‘เอทิโส โข อรหติ, ปิณฺฑมสฺนาตุ ภตฺตุโน;
‘‘Ediso kho arahati, piṇḍamasnātu bhattuno;
ยถายํ สุมุโข รโญฺญ, ปาณสาธารโณ สขา’’ติฯ
Yathāyaṃ sumukho rañño, pāṇasādhāraṇo sakhā’’ti.
ตตฺถ อุทกนฺติ ปาทโธวนํฯ ปชฺชนฺติ ปาทพฺภญฺชนํฯ สุเขติ สุขมฺหิ สติฯ
Tattha udakanti pādadhovanaṃ. Pajjanti pādabbhañjanaṃ. Sukheti sukhamhi sati.
รโญฺญ วจนํ สุตฺวา เตสํ อาสนานิ อาหริตฺวา ตตฺถ นิสินฺนานํ คโนฺธทเกน ปาเท โธวิตฺวา สตปาเกน เตเลน อพฺภญฺชิํสุฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Rañño vacanaṃ sutvā tesaṃ āsanāni āharitvā tattha nisinnānaṃ gandhodakena pāde dhovitvā satapākena telena abbhañjiṃsu. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๖๐.
160.
‘‘ปีฐญฺจ สพฺพโสวณฺณํ, อฎฺฐปาทํ มโนรมํ;
‘‘Pīṭhañca sabbasovaṇṇaṃ, aṭṭhapādaṃ manoramaṃ;
มฎฺฐํ กาสิกมตฺถนฺนํ, ธตรโฎฺฐ อุปาวิสิฯ
Maṭṭhaṃ kāsikamatthannaṃ, dhataraṭṭho upāvisi.
๑๖๑.
161.
‘‘โกจฺฉญฺจ สพฺพโสวณฺณํ, เวยฺยคฺฆปริสิพฺพิตํ;
‘‘Kocchañca sabbasovaṇṇaṃ, veyyagghaparisibbitaṃ;
สุมุโข อชฺฌุปาเวกฺขิ, ธตรฎฺฐสฺสนนฺตราฯ
Sumukho ajjhupāvekkhi, dhataraṭṭhassanantarā.
๑๖๒.
162.
‘‘เตสํ กญฺจนปตฺตหิ, ปุถู อาทาย กาสิโย;
‘‘Tesaṃ kañcanapattahi, puthū ādāya kāsiyo;
หํสานํ อภิหาเรสุ, อคฺครโญฺญ ปวาสิต’’นฺติฯ
Haṃsānaṃ abhihāresu, aggarañño pavāsita’’nti.
ตตฺถ มฎฺฐนฺติ กรณปรินิฎฺฐิตํฯ กาสิกมตฺถนฺนนฺติ กาสิกวเตฺถน อตฺถตํฯ โกจฺฉนฺติ มเชฺฌ สํขิตฺตํฯ เวยฺยคฺฆปริสิพฺพิตนฺติ พฺยคฺฆจมฺมปริสิพฺพิตํ มงฺคลทิวเส อคฺคมเหสิยา นิสินฺนปีฐํฯ กญฺจนปเตฺตหีติ สุวณฺณภาชเนหิฯ ปุถูติ พหู ชนาฯ กาสิโยติ กาสิรฎฺฐวาสิโนฯ อภิหาเรสุนฺติ อุปนาเมสุํฯ อคฺครโญฺญ ปวาสิตนฺติ อฎฺฐสตปลสุวณฺณปาติปริกฺขิตฺตํ หํสรโญฺญ ปณฺณาการตฺถาย กาสิรญฺญา เปสิตํ นานคฺครสโภชนํฯ
Tattha maṭṭhanti karaṇapariniṭṭhitaṃ. Kāsikamatthannanti kāsikavatthena atthataṃ. Kocchanti majjhe saṃkhittaṃ. Veyyagghaparisibbitanti byagghacammaparisibbitaṃ maṅgaladivase aggamahesiyā nisinnapīṭhaṃ. Kañcanapattehīti suvaṇṇabhājanehi. Puthūti bahū janā. Kāsiyoti kāsiraṭṭhavāsino. Abhihāresunti upanāmesuṃ. Aggarañño pavāsitanti aṭṭhasatapalasuvaṇṇapātiparikkhittaṃ haṃsarañño paṇṇākāratthāya kāsiraññā pesitaṃ nānaggarasabhojanaṃ.
เอวํ อุปนีเต ปน ตสฺมิํ กาสิราชา เตสํ สมฺปคฺคหตฺถํ สยํ สุวณฺณปาติํ คเหตฺวา อุปนาเมสิฯ เต ตโต มธุลาเช ขาทิตฺวา มธุโรทกญฺจ ปิวิํสุฯ อถ มหาสโตฺต รโญฺญ อภิหารญฺจ ปสาทญฺจ ทิสฺวา ปฎิสนฺถารมกาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ upanīte pana tasmiṃ kāsirājā tesaṃ sampaggahatthaṃ sayaṃ suvaṇṇapātiṃ gahetvā upanāmesi. Te tato madhulāje khāditvā madhurodakañca piviṃsu. Atha mahāsatto rañño abhihārañca pasādañca disvā paṭisanthāramakāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๖๓.
163.
‘‘ทิสฺวา อภิหฎํ อคฺคํ, กาสิราเชน เปสิตํ;
‘‘Disvā abhihaṭaṃ aggaṃ, kāsirājena pesitaṃ;
กุสโล ขตฺตธมฺมานํ, ตโต ปุจฺฉิ อนนฺตราฯ
Kusalo khattadhammānaṃ, tato pucchi anantarā.
๑๖๔.
164.
‘‘กจฺจินฺนุ โภโต กุสลํ, กจฺจิ โภโต อนามยํ;
‘‘Kaccinnu bhoto kusalaṃ, kacci bhoto anāmayaṃ;
กจฺจิ รฎฺฐมิทํ ผีตํ, ธเมฺมน มนุสาสสิฯ
Kacci raṭṭhamidaṃ phītaṃ, dhammena manusāsasi.
๑๖๕.
165.
‘‘กุสลเญฺจว เม หํส, อโถ หํส อนามยํ;
‘‘Kusalañceva me haṃsa, atho haṃsa anāmayaṃ;
อโถ รฎฺฐมิทํ ผีตํ, ธเมฺมน มนุสาสหํฯ
Atho raṭṭhamidaṃ phītaṃ, dhammena manusāsahaṃ.
๑๖๖.
166.
‘‘กจฺจิ โภโต อมเจฺจสุ, โทโส โกจิ น วิชฺชติ;
‘‘Kacci bhoto amaccesu, doso koci na vijjati;
กจฺจิ จ เต ตวเตฺถสุ, นาวกงฺขนฺติ ชีวิตํฯ
Kacci ca te tavatthesu, nāvakaṅkhanti jīvitaṃ.
๑๖๗.
167.
‘‘อโถปิ เม อมเจฺจสุ, โทโส โกจิ น วิชฺชติ;
‘‘Athopi me amaccesu, doso koci na vijjati;
อโถปิ เต มมเตฺถสุ, นาวกงฺขนฺติ ชีวิตํฯ
Athopi te mamatthesu, nāvakaṅkhanti jīvitaṃ.
๑๖๘.
168.
‘‘กจฺจิ เต สาทิสี ภริยา, อสฺสวา ปิยภาณินี;
‘‘Kacci te sādisī bhariyā, assavā piyabhāṇinī;
ปุตฺตรูปยสูเปตา, ตว ฉนฺทวสานุคาฯ
Puttarūpayasūpetā, tava chandavasānugā.
๑๖๙.
169.
‘‘อโถ เม สาทิสี ภริยา, อสฺสวา ปิยภาณินี;
‘‘Atho me sādisī bhariyā, assavā piyabhāṇinī;
ปุตฺตรูปยสูเปตา, มม ฉนฺทวสานุคาฯ
Puttarūpayasūpetā, mama chandavasānugā.
๑๗๐.
170.
‘‘กจฺจิ รฎฺฐํ อนุปฺปีฬํ, อกุโตจิอุปทฺทวํ;
‘‘Kacci raṭṭhaṃ anuppīḷaṃ, akutociupaddavaṃ;
อสาหเสน ธเมฺมน, สเมน มนุสาสสิฯ
Asāhasena dhammena, samena manusāsasi.
๑๗๑.
171.
‘‘อโถ รฎฺฐํ อนุปฺปีฬํ, อกุโตจิอุปทฺทวํ;
‘‘Atho raṭṭhaṃ anuppīḷaṃ, akutociupaddavaṃ;
อสาหเสน ธเมฺมน, สเมน มนุสาสหํฯ
Asāhasena dhammena, samena manusāsahaṃ.
๑๗๒.
172.
‘‘กจฺจิ สโนฺต อปจิตา, อสโนฺต ปริวชฺชิตา;
‘‘Kacci santo apacitā, asanto parivajjitā;
โน เจ ธมฺมํ นิรํกตฺวา, อธมฺมมนุวตฺตสิฯ
No ce dhammaṃ niraṃkatvā, adhammamanuvattasi.
๑๗๓.
173.
‘‘สโนฺต จ เม อปจิตา, อสโนฺต ปริวชฺชิตา;
‘‘Santo ca me apacitā, asanto parivajjitā;
ธมฺมเมวานุวตฺตามิ, อธโมฺม เม นิรํกโตฯ
Dhammamevānuvattāmi, adhammo me niraṃkato.
๑๗๔.
174.
‘‘กจฺจิ นานาคตํ ทีฆํ, สมเวกฺขสิ ขตฺติย;
‘‘Kacci nānāgataṃ dīghaṃ, samavekkhasi khattiya;
กจฺจิมโตฺต มทนีเย, ปรโลกํ น สนฺตสิฯ
Kaccimatto madanīye, paralokaṃ na santasi.
๑๗๕.
175.
‘‘นาหํ อนาคตํ ทีฆํ, สมเวกฺขามิ ปกฺขิม;
‘‘Nāhaṃ anāgataṃ dīghaṃ, samavekkhāmi pakkhima;
ฐิโต ทสสุ ธเมฺมสุ, ปรโลกํ น สนฺตเสฯ
Ṭhito dasasu dhammesu, paralokaṃ na santase.
๑๗๖.
176.
‘‘ทานํ สีลํ ปริจฺจาคํ, อชฺชวํ มทฺทวํ ตปํ;
‘‘Dānaṃ sīlaṃ pariccāgaṃ, ajjavaṃ maddavaṃ tapaṃ;
อโกฺกธํ อวิหิํสญฺจ, ขนฺติญฺจ อวิโรธนํฯ
Akkodhaṃ avihiṃsañca, khantiñca avirodhanaṃ.
๑๗๗.
177.
‘‘อิเจฺจเต กุสเล ธเมฺม, ฐิเต ปสฺสามิ อตฺตนิ;
‘‘Iccete kusale dhamme, ṭhite passāmi attani;
ตโต เม ชายเต ปีติ, สามนสฺสญฺจนปฺปกํฯ
Tato me jāyate pīti, sāmanassañcanappakaṃ.
๑๗๘.
178.
‘‘สุมุโข จ อจิเนฺตตฺวา, วิสชฺชิ ผรุสํ คิรํ;
‘‘Sumukho ca acintetvā, visajji pharusaṃ giraṃ;
ภาวโทสมนญฺญาย, อสฺมากายํ วิหงฺคโมฯ
Bhāvadosamanaññāya, asmākāyaṃ vihaṅgamo.
๑๗๙.
179.
‘‘โส กุโทฺธ ผรุสํ วาจํ, นิจฺฉาเรสิ อโยนิโส;
‘‘So kuddho pharusaṃ vācaṃ, nicchāresi ayoniso;
ยานเสฺมสุ น วิชฺชนฺติ, นยิทํ ปญฺญวตามิวา’’ติฯ
Yānasmesu na vijjanti, nayidaṃ paññavatāmivā’’ti.
ตตฺถ ทิสฺวาติ ตํ พหุํ อคฺคปานโภชนํ ทิสฺวาฯ เปสิตนฺติ อาหราเปตฺวา อุปนีตํฯ ขตฺตธมฺมานนฺติ ปฐมการเณสุ ปฎิสนฺถารธมฺมานํฯ ตโต ปุจฺฉิ อนนฺตราติ ตสฺมิํ กาเล ‘‘กจฺจิ นุ, โภโต’’ติ อนุปฎิปาฎิยา ปุจฺฉิฯ ตา ปเนตา ฉ คาถา เหฎฺฐา วุตฺตตฺถาเยวฯ อนุปฺปีฬนฺติ กจฺจิ รฎฺฐวาสิโน ยเนฺต อุจฺฉุํ วิย น ปีเฬสีติ ปุจฺฉติฯ อกุโตจิอุปทฺทวนฺติ กุโตจิ อนุปทฺทวํฯ ธเมฺมน สเมน มนุสาสสีติ กจฺจิ ตว รฎฺฐํ ธเมฺมน สเมน อนุสาสสิฯ สโนฺตติ สีลาทิคุณสํยุตฺตา สปฺปุริสาฯ นิรํกตฺวาติ ฉเฑฺฑตฺวาฯ นานาคตํ ทีฆนฺติ อนาคตํ อตฺตโน ชีวิตปวตฺติํ ‘‘กจฺจิ ทีฆ’’นฺติ น สมเวกฺขสิ, อายุสงฺขารานํ ปริตฺตภาวํ ชานาสีติ ปุจฺฉติฯ มทนีเยติ มทารเห รูปาทิอารมฺมเณฯ น สนฺตสีติ น ภายสิฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – กจฺจิ รูปาทีสุ กามคุเณสุ อมโตฺต อปฺปมโตฺต หุตฺวา ทานาทีนํ กุสลานํ กตตฺตา ปรโลกํ น ภายสีติฯ
Tattha disvāti taṃ bahuṃ aggapānabhojanaṃ disvā. Pesitanti āharāpetvā upanītaṃ. Khattadhammānanti paṭhamakāraṇesu paṭisanthāradhammānaṃ. Tato pucchi anantarāti tasmiṃ kāle ‘‘kacci nu, bhoto’’ti anupaṭipāṭiyā pucchi. Tā panetā cha gāthā heṭṭhā vuttatthāyeva. Anuppīḷanti kacci raṭṭhavāsino yante ucchuṃ viya na pīḷesīti pucchati. Akutociupaddavanti kutoci anupaddavaṃ. Dhammena samena manusāsasīti kacci tava raṭṭhaṃ dhammena samena anusāsasi. Santoti sīlādiguṇasaṃyuttā sappurisā. Niraṃkatvāti chaḍḍetvā. Nānāgataṃ dīghanti anāgataṃ attano jīvitapavattiṃ ‘‘kacci dīgha’’nti na samavekkhasi, āyusaṅkhārānaṃ parittabhāvaṃ jānāsīti pucchati. Madanīyeti madārahe rūpādiārammaṇe. Na santasīti na bhāyasi. Idaṃ vuttaṃ hoti – kacci rūpādīsu kāmaguṇesu amatto appamatto hutvā dānādīnaṃ kusalānaṃ katattā paralokaṃ na bhāyasīti.
ทสสูติ ทสสุ ราชธเมฺมสุฯ ทานาทีสุ ทสวตฺถุกา เจตนา ทานํ, ปญฺจสีลทสสีลานิ สีลํ , เทยฺยธมฺมจาโค ปริจฺจาโค, อุชุภาโว อชฺชวํ, มุทุภาโว มทฺทวํ, อุโปสถกมฺมํ ตโป, เมตฺตาปุพฺพภาโค อโกฺกโธ, กรุณาปุพฺพภาโค อวิหิํสา, อธิวาสนา ขนฺติ, อวิโรโธ อวิโรธนํฯ อจิเนฺตตฺวาติ มม อิมํ คุณสมฺปตฺติํ อจิเนฺตตฺวาฯ ภาวโทสนฺติ จิตฺตโทสํฯ อนญฺญายาติ อชานิตฺวาฯ อสฺมากญฺหิ จิตฺตโทโส นาม นตฺถิ, ยเมส ชาเนยฺย, ตํ อชานิตฺวาว ผรุสํ กกฺขฬํ คิรํ วิสฺสเชฺชสิฯ อโยนิโสติ อนุปาเยนฯ ยานเสฺมสูติ ยานิ วชฺชานิ อเมฺหสุ น วิชฺชนฺติ, ตานิ วทติฯ นยิทนฺติ ตสฺมาสฺส อิทํ วจนํ ปญฺญวตํ อิว น โหติ, เตเนส มม น ปณฺฑิโต วิย อุปฎฺฐาติฯ
Dasasūti dasasu rājadhammesu. Dānādīsu dasavatthukā cetanā dānaṃ, pañcasīladasasīlāni sīlaṃ, deyyadhammacāgo pariccāgo, ujubhāvo ajjavaṃ, mudubhāvo maddavaṃ, uposathakammaṃ tapo, mettāpubbabhāgo akkodho, karuṇāpubbabhāgo avihiṃsā, adhivāsanā khanti, avirodho avirodhanaṃ. Acintetvāti mama imaṃ guṇasampattiṃ acintetvā. Bhāvadosanti cittadosaṃ. Anaññāyāti ajānitvā. Asmākañhi cittadoso nāma natthi, yamesa jāneyya, taṃ ajānitvāva pharusaṃ kakkhaḷaṃ giraṃ vissajjesi. Ayonisoti anupāyena. Yānasmesūti yāni vajjāni amhesu na vijjanti, tāni vadati. Nayidanti tasmāssa idaṃ vacanaṃ paññavataṃ iva na hoti, tenesa mama na paṇḍito viya upaṭṭhāti.
ตํ สุตฺวา สุมุโข ‘‘มยา คุณสมฺปโนฺนว ราชา อปสาทิโต, โส เม กุโทฺธ, ขมาเปสฺสามิ น’’นฺติ จิเนฺตตฺวา อาห –
Taṃ sutvā sumukho ‘‘mayā guṇasampannova rājā apasādito, so me kuddho, khamāpessāmi na’’nti cintetvā āha –
๑๘๐.
180.
‘‘อตฺถิ เม ตํ อติสารํ, เวเคน มนุชาธิป;
‘‘Atthi me taṃ atisāraṃ, vegena manujādhipa;
ธตรเฎฺฐ จ พทฺธสฺมิํ, ทุกฺขํ เม วิปุลํ อหุฯ
Dhataraṭṭhe ca baddhasmiṃ, dukkhaṃ me vipulaṃ ahu.
๑๘๑.
181.
‘‘ตฺวํ โน ปิตาว ปุตฺตานํ, ภูตานํ ธรณีริว;
‘‘Tvaṃ no pitāva puttānaṃ, bhūtānaṃ dharaṇīriva;
อสฺมากํ อธิปนฺนานํ, ขมสฺสุ ราชกุญฺชรา’’ติฯ
Asmākaṃ adhipannānaṃ, khamassu rājakuñjarā’’ti.
ตตฺถ อติสารนฺติ ปกฺขลิตํฯ เวเคนาติ อหํ เอตํ กถํ กเถโนฺต เวเคน สหสา กเถสิํฯ ทุกฺขนฺติ เจตสิกํ ทุกฺขํ มม วิปุลํ อโหสิ, ตสฺมา โกธวเสน ยํ มยา วุตฺตํ, ตํ เม ขมถ, มหาราชาติฯ ปุตฺตานนฺติ ตฺวํ อมฺหากํ ปุตฺตานํ ปิตา วิยฯ ธรณีริวาติ ปาณภูตานํ ปติฎฺฐา ปถวี วิย ตฺวํ อมฺหากํ อวสฺสโยฯ อธิปนฺนานนฺติ โทเสน อปราเธน อโชฺฌตฺถฎานํ ขมสฺสูติ อิทํ โส อาสนา โอรุยฺห ปเกฺขหิ อญฺชลิํ กตฺวา อาหฯ
Tattha atisāranti pakkhalitaṃ. Vegenāti ahaṃ etaṃ kathaṃ kathento vegena sahasā kathesiṃ. Dukkhanti cetasikaṃ dukkhaṃ mama vipulaṃ ahosi, tasmā kodhavasena yaṃ mayā vuttaṃ, taṃ me khamatha, mahārājāti. Puttānanti tvaṃ amhākaṃ puttānaṃ pitā viya. Dharaṇīrivāti pāṇabhūtānaṃ patiṭṭhā pathavī viya tvaṃ amhākaṃ avassayo. Adhipannānanti dosena aparādhena ajjhotthaṭānaṃ khamassūti idaṃ so āsanā oruyha pakkhehi añjaliṃ katvā āha.
อถ นํ ราชา อาลิงฺคิตฺวา อาทาย สุวณฺณปีเฐ นิสีทาเปตฺวา อจฺจยเทสนํ ปฎิคฺคณฺหโนฺต อาห –
Atha naṃ rājā āliṅgitvā ādāya suvaṇṇapīṭhe nisīdāpetvā accayadesanaṃ paṭiggaṇhanto āha –
๑๘๒.
182.
‘‘เอตํ เต อนุโมทาม, ยํ ภาวํ น นิคูหสิ;
‘‘Etaṃ te anumodāma, yaṃ bhāvaṃ na nigūhasi;
ขิลํ ปภินฺทสิ ปกฺขิ, อุชุโกสิ วิหงฺคมา’’ติฯ
Khilaṃ pabhindasi pakkhi, ujukosi vihaṅgamā’’ti.
ตตฺถ อนุโมทามาติ เอตํ เต โทสํ ขมามฯ ยนฺติ ยสฺมา ตฺวํ อตฺตโน จิตฺตปฎิจฺฉนฺนภาวํ น นิคูหสิฯ ขิลนฺติ จิตฺตขิลํ จิตฺตขาณุกํฯ
Tattha anumodāmāti etaṃ te dosaṃ khamāma. Yanti yasmā tvaṃ attano cittapaṭicchannabhāvaṃ na nigūhasi. Khilanti cittakhilaṃ cittakhāṇukaṃ.
อิทญฺจ ปน วตฺวา ราชา มหาสตฺตสฺส ธมฺมกถาย สุมุขสฺส จ อุชุภาเว ปสีทิตฺวา ‘‘ปสเนฺนน นาม ปสนฺนากาโร กาตโพฺพ’’ติ อุภินฺนมฺปิ เตสํ อตฺตโน รชฺชสิริํ นิยฺยาเทโนฺต อาห –
Idañca pana vatvā rājā mahāsattassa dhammakathāya sumukhassa ca ujubhāve pasīditvā ‘‘pasannena nāma pasannākāro kātabbo’’ti ubhinnampi tesaṃ attano rajjasiriṃ niyyādento āha –
๑๘๓.
183.
‘‘ยํ กิญฺจิ รตนํ อตฺถิ, กาสิราชนิเวสเน;
‘‘Yaṃ kiñci ratanaṃ atthi, kāsirājanivesane;
รชตํ ชาตรูปญฺจ, มุตฺตา เวฬุริยา พหูฯ
Rajataṃ jātarūpañca, muttā veḷuriyā bahū.
๑๘๔.
184.
‘‘มณโย สงฺขมุตฺตา จ, วตฺถกํ หริจนฺทนํ;
‘‘Maṇayo saṅkhamuttā ca, vatthakaṃ haricandanaṃ;
อชินํ ทนฺตภณฺฑญฺจ, โลหํ กาฬายสํ พหุํ;
Ajinaṃ dantabhaṇḍañca, lohaṃ kāḷāyasaṃ bahuṃ;
เอตํ ททามิ โว วิตฺตํ, อิสฺสรํ วิสฺสชามิ โว’’ติฯ
Etaṃ dadāmi vo vittaṃ, issaraṃ vissajāmi vo’’ti.
ตตฺถ มุตฺตาติ วิทฺธาวิทฺธมุตฺตาฯ มณโยติ มณิภณฺฑกานิฯ สงฺขมุตฺตา จาติ ทกฺขิณาวฎฺฎสงฺขรตนญฺจ อามลกวฎฺฎมุตฺตรตนญฺจฯ วตฺถกนฺติ สุขุมกาสิกวตฺถานิฯ อชินนฺติ อชินมิคจมฺมํฯ โลหํ กาฬายสนฺติ ตมฺพโลหญฺจ กาฬโลหญฺจฯ อิสฺสรนฺติ กญฺจนมาเลน เสตจฺฉเตฺตน สทฺธิํ ทฺวาทสโยชนิเก พาราณสินคเร รชฺชํฯ
Tattha muttāti viddhāviddhamuttā. Maṇayoti maṇibhaṇḍakāni. Saṅkhamuttā cāti dakkhiṇāvaṭṭasaṅkharatanañca āmalakavaṭṭamuttaratanañca. Vatthakanti sukhumakāsikavatthāni. Ajinanti ajinamigacammaṃ. Lohaṃ kāḷāyasanti tambalohañca kāḷalohañca. Issaranti kañcanamālena setacchattena saddhiṃ dvādasayojanike bārāṇasinagare rajjaṃ.
เอวญฺจ ปน วตฺวา อุโภปิ เต เสตจฺฉเตฺตน ปูเชตฺวา รชฺชํ ปฎิจฺฉาเปสิฯ อถ มหาสโตฺต รญฺญา สทฺธิํ สลฺลปโนฺต อาห –
Evañca pana vatvā ubhopi te setacchattena pūjetvā rajjaṃ paṭicchāpesi. Atha mahāsatto raññā saddhiṃ sallapanto āha –
๑๘๕.
185.
‘‘อทฺธา อปจิตา ตฺยมฺหา, สกฺกตา จ รเถสภ;
‘‘Addhā apacitā tyamhā, sakkatā ca rathesabha;
ธเมฺมสุ วตฺตมานานํ, ตฺวํ โน อาจริโย ภวฯ
Dhammesu vattamānānaṃ, tvaṃ no ācariyo bhava.
๑๘๖.
186.
‘‘อาจริย มนุญฺญาตา, ตยา อนุมตา มยํ;
‘‘Ācariya manuññātā, tayā anumatā mayaṃ;
ตํ ปทกฺขิณโต กตฺวา, ญาติํ ปเสฺสมุรินฺทมา’’ติฯ
Taṃ padakkhiṇato katvā, ñātiṃ passemurindamā’’ti.
ตตฺถ ธเมฺมสูติ กุสลกมฺมปถธเมฺมสุฯ อาจริโยติ ตฺวํ อเมฺหหิ พฺยตฺตตโร, ตสฺมา โน อาจริโย โหติ, อปิจ ทสนฺนํ ราชธมฺมานํ กถิตตฺตา สุมุขสฺส โทสํ ทเสฺสตฺวา อจฺจยปฎิคฺคหณสฺส กตตฺตาปิ ตฺวํ อมฺหากํ อาจริโยว, ตสฺมา อิทานิปิ โน อาจารสิกฺขาปเนน อาจริโย ภวาติ อาหฯ ปเสฺสมุรินฺทมาติ ปเสฺสมุ อรินฺทมฯ
Tattha dhammesūti kusalakammapathadhammesu. Ācariyoti tvaṃ amhehi byattataro, tasmā no ācariyo hoti, apica dasannaṃ rājadhammānaṃ kathitattā sumukhassa dosaṃ dassetvā accayapaṭiggahaṇassa katattāpi tvaṃ amhākaṃ ācariyova, tasmā idānipi no ācārasikkhāpanena ācariyo bhavāti āha. Passemurindamāti passemu arindama.
โส เตสํ คมนํ อนุชานิ, โพธิสตฺตสฺสปิ ธมฺมํ กเถนฺตเสฺสว อรุณํ อุฎฺฐหิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
So tesaṃ gamanaṃ anujāni, bodhisattassapi dhammaṃ kathentasseva aruṇaṃ uṭṭhahi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๘๗.
187.
‘‘สพฺพรตฺติํ จินฺตยิตฺวา, มนฺตยิตฺวา ยถากถํ;
‘‘Sabbarattiṃ cintayitvā, mantayitvā yathākathaṃ;
กาสิราชา อนุญฺญาสิ, หํสานํ ปวรุตฺตม’’นฺติฯ
Kāsirājā anuññāsi, haṃsānaṃ pavaruttama’’nti.
ตตฺถ ยถากถนฺติ ยํกิญฺจิ อตฺถํ เตหิ สทฺธิํ จิเนฺตตพฺพํ มเนฺตตพฺพญฺจ, สพฺพํ ตํ จิเนฺตตฺวา จ มเนฺตตฺวา จาติ อโตฺถฯ อนุญฺญาสีติ คจฺฉถาติ อนุญฺญาสิฯ
Tattha yathākathanti yaṃkiñci atthaṃ tehi saddhiṃ cintetabbaṃ mantetabbañca, sabbaṃ taṃ cintetvā ca mantetvā cāti attho. Anuññāsīti gacchathāti anuññāsi.
เอวํ เตน อนุญฺญาโต โพธิสโตฺต ราชานํ ‘‘อปฺปมโตฺต ธเมฺมน รชฺชํ กาเรหี’’ติ โอวทิตฺวา ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐาเปสิฯ ราชา เตสํ กญฺจนภาชเนหิ มธุลาชญฺจ มธุโรทกญฺจ อุปนาเมตฺวา นิฎฺฐิตาหารกิเจฺจ คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา โพธิสตฺตํ สุวณฺณจโงฺกฎเกน สยํ อุกฺขิปิ, เขมา เทวี สุมุขํ อุกฺขิปิฯ อถ เน สีหปญฺชรํ อุคฺฆาเฎตฺวา สูริยุคฺคมนเวลาย ‘‘คจฺฉถ สามิโน’’ติ วิสฺสเชฺชสุํฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ tena anuññāto bodhisatto rājānaṃ ‘‘appamatto dhammena rajjaṃ kārehī’’ti ovaditvā pañcasu sīlesu patiṭṭhāpesi. Rājā tesaṃ kañcanabhājanehi madhulājañca madhurodakañca upanāmetvā niṭṭhitāhārakicce gandhamālādīhi pūjetvā bodhisattaṃ suvaṇṇacaṅkoṭakena sayaṃ ukkhipi, khemā devī sumukhaṃ ukkhipi. Atha ne sīhapañjaraṃ ugghāṭetvā sūriyuggamanavelāya ‘‘gacchatha sāmino’’ti vissajjesuṃ. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๘๘.
188.
‘‘ตโต รตฺยา วิวสาเน, สูริยุคฺคมนํ ปติ;
‘‘Tato ratyā vivasāne, sūriyuggamanaṃ pati;
เปกฺขโต กาสิราชสฺส, ภวนา เต วิคาหิสุ’’นฺติฯ
Pekkhato kāsirājassa, bhavanā te vigāhisu’’nti.
ตตฺถ วิคาหิสุนฺติ อากาสํ ปกฺขนฺทิํสุฯ
Tattha vigāhisunti ākāsaṃ pakkhandiṃsu.
เตสุ มหาสโตฺต สุวณฺณจโงฺกฎกโต อุปฺปติตฺวา อากาเส ฐตฺวา ‘‘มา จินฺทยิ, มหาราช, อปฺปมโตฺต อมฺหากํ โอวาเท วเตฺตยฺยาสี’’ติ ราชานํ สมสฺสาเสตฺวา สุมุขํ อาทาย จิตฺตกูฎเมว คโตฯ ตานิปิ โข นวุติ หํสสหสฺสานิ กญฺจนคุหโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพตตเล นิสินฺนานิ เต อาคจฺฉเนฺต ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปริวาเรสุํฯ เต ญาติคณปริวุตา จิตฺตกูฎตลํ ปวิสิํสุฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Tesu mahāsatto suvaṇṇacaṅkoṭakato uppatitvā ākāse ṭhatvā ‘‘mā cindayi, mahārāja, appamatto amhākaṃ ovāde vatteyyāsī’’ti rājānaṃ samassāsetvā sumukhaṃ ādāya cittakūṭameva gato. Tānipi kho navuti haṃsasahassāni kañcanaguhato nikkhamitvā pabbatatale nisinnāni te āgacchante disvā paccuggantvā parivāresuṃ. Te ñātigaṇaparivutā cittakūṭatalaṃ pavisiṃsu. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๘๙.
189.
‘‘เต อโรเค อนุปฺปเตฺต, ทิสฺวาน ปรเม ทิเช;
‘‘Te aroge anuppatte, disvāna parame dije;
เกกาติ มกรุํ หํสา, ปุถุสโทฺท อชายถฯ
Kekāti makaruṃ haṃsā, puthusaddo ajāyatha.
๑๙๐.
190.
‘‘เต ปตีตา ปมุเตฺตน, ภตฺตุนา ภตฺตุคารวา;
‘‘Te patītā pamuttena, bhattunā bhattugāravā;
สมนฺตา ปริกิริํสุ, อณฺฑชา ลทฺธปจฺจยา’’ติฯ
Samantā parikiriṃsu, aṇḍajā laddhapaccayā’’ti.
เอวํ ปริวาเรตฺวา จ ปน เต หํสา ‘‘กถํ มุโตฺตสิ, มหาราชา’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ มหาสโตฺต สุมุขํ นิสฺสาย มุตฺตภาวํ สํยมราชลุทฺทปุเตฺตหิ กตกมฺมญฺจ กเถสิฯ ตํ สุตฺวา ตุฎฺฐา หํสคณา ‘‘สุมุโข เสนาปติ จ ราชา จ ลุทฺทปุโตฺต จ สุขิตา นิทฺทุกฺขา จิรํ ชีวนฺตู’’ติ อาหํสุฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ parivāretvā ca pana te haṃsā ‘‘kathaṃ muttosi, mahārājā’’ti pucchiṃsu. Mahāsatto sumukhaṃ nissāya muttabhāvaṃ saṃyamarājaluddaputtehi katakammañca kathesi. Taṃ sutvā tuṭṭhā haṃsagaṇā ‘‘sumukho senāpati ca rājā ca luddaputto ca sukhitā niddukkhā ciraṃ jīvantū’’ti āhaṃsu. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๙๑.
191.
‘‘เอวํ มิตฺตวตํ อตฺถา, สเพฺพ โหนฺติ ปทกฺขิณา;
‘‘Evaṃ mittavataṃ atthā, sabbe honti padakkhiṇā;
หํสา ยถา ธตรฎฺฐา, ญาติสงฺฆมุปาคมุ’’นฺติฯ
Haṃsā yathā dhataraṭṭhā, ñātisaṅghamupāgamu’’nti.
ตํ จูฬหํสชาตเก วุตฺตตฺถเมวฯ
Taṃ cūḷahaṃsajātake vuttatthameva.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ อานโนฺท มมตฺถาย อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ลุทฺทปุโตฺต ฉโนฺน อโหสิ, เขมา เทวี, เขมา ภิกฺขุนี, ราชา สาริปุโตฺต, สุมุโข อานโนฺท, เสสปริสา พุทฺธปริสา, ธตรฎฺฐหํสราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi ānando mamatthāya attano jīvitaṃ pariccajī’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi ‘‘tadā luddaputto channo ahosi, khemā devī, khemā bhikkhunī, rājā sāriputto, sumukho ānando, sesaparisā buddhaparisā, dhataraṭṭhahaṃsarājā pana ahameva ahosi’’nti.
มหาหํสชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ
Mahāhaṃsajātakavaṇṇanā dutiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๓๔. มหาหํสชาตกํ • 534. Mahāhaṃsajātakaṃ