Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๘. มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนา
8. Mahāhatthipadopamasuttavaṇṇanā
๓๐๐. เอวํ เม สุตนฺติ มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตํฯ ตตฺถ ชงฺคลานนฺติ ปถวีตลจารีนํฯ ปาณานนฺติ สปาทกปาณานํฯ ปทชาตานีติ ปทานิฯ สโมธานํ คจฺฉนฺตีติ โอธานํ ปเกฺขปํ คจฺฉนฺติฯ อคฺคมกฺขายตีติ เสฎฺฐํ อกฺขายติฯ ยทิทํ มหนฺตเตฺตนาติ มหนฺตภาเวน อคฺคํ อกฺขายติ, น คุณวเสนาติ อโตฺถฯ เย เกจิ กุสลา ธมฺมาติ เย เกจิ โลกิยา วา โลกุตฺตรา วา กุสลา ธมฺมาฯ สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ เอตฺถ จตุพฺพิโธ สงฺคโห – สชาติสงฺคโห, สญฺชาติสงฺคโห, กิริยสงฺคโห, คณนสงฺคโหติฯ ตตฺถ ‘‘สเพฺพ ขตฺติยา อาคจฺฉนฺตุ สเพฺพ พฺราหฺมณา’’ติ เอวํ สมานชาติวเสน สงฺคโห สชาติสงฺคโห นามฯ ‘‘สเพฺพ โกสลกา สเพฺพ มาคธกา’’ติ เอวํ สญฺชาติเทสวเสน สงฺคโห สญฺชาติสงฺคโห นามฯ ‘‘สเพฺพ รถิกา สเพฺพ ธนุคฺคหา’’ติ เอวํ กิริยวเสน สงฺคโห กิริยสงฺคโห นามฯ ‘‘จกฺขายตนํ กตมกฺขนฺธคณนํ คจฺฉตีติ? จกฺขายตนํ รูปกฺขนฺธคณนํ คจฺฉติฯ หญฺจิ จกฺขายตนํ รูปกฺขนฺธคณนํ คจฺฉติ, เตน วต เร วตฺตเพฺพ จกฺขายตนํ รูปกฺขเนฺธน สงฺคหิต’’นฺติ (กถา. ๔๗๑), อยํ คณนสงฺคโห นามฯ อิมสฺมิมฺปิ ฐาเน อยเมว อธิเปฺปโตฯ
300.Evaṃme sutanti mahāhatthipadopamasuttaṃ. Tattha jaṅgalānanti pathavītalacārīnaṃ. Pāṇānanti sapādakapāṇānaṃ. Padajātānīti padāni. Samodhānaṃ gacchantīti odhānaṃ pakkhepaṃ gacchanti. Aggamakkhāyatīti seṭṭhaṃ akkhāyati. Yadidaṃ mahantattenāti mahantabhāvena aggaṃ akkhāyati, na guṇavasenāti attho. Ye keci kusalā dhammāti ye keci lokiyā vā lokuttarā vā kusalā dhammā. Saṅgahaṃ gacchantīti ettha catubbidho saṅgaho – sajātisaṅgaho, sañjātisaṅgaho, kiriyasaṅgaho, gaṇanasaṅgahoti. Tattha ‘‘sabbe khattiyā āgacchantu sabbe brāhmaṇā’’ti evaṃ samānajātivasena saṅgaho sajātisaṅgaho nāma. ‘‘Sabbe kosalakā sabbe māgadhakā’’ti evaṃ sañjātidesavasena saṅgaho sañjātisaṅgaho nāma. ‘‘Sabbe rathikā sabbe dhanuggahā’’ti evaṃ kiriyavasena saṅgaho kiriyasaṅgaho nāma. ‘‘Cakkhāyatanaṃ katamakkhandhagaṇanaṃ gacchatīti? Cakkhāyatanaṃ rūpakkhandhagaṇanaṃ gacchati. Hañci cakkhāyatanaṃ rūpakkhandhagaṇanaṃ gacchati, tena vata re vattabbe cakkhāyatanaṃ rūpakkhandhena saṅgahita’’nti (kathā. 471), ayaṃ gaṇanasaṅgaho nāma. Imasmimpi ṭhāne ayameva adhippeto.
นนุ จ ‘‘จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ กติ กุสลา กติ อกุสลา กติ อพฺยากตาติ ปญฺหสฺส วิสฺสชฺชเน สมุทยสจฺจํ อกุสลํ, มคฺคสจฺจํ กุสลํ, นิโรธสจฺจํ อพฺยากตํ, ทุกฺขสจฺจํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากต’’นฺติ (วิภ. ๒๑๖-๒๑๗) อาคตตฺตา จตุภูมกมฺปิ กุสลํ ทิยฑฺฒเมว สจฺจํ ภชติฯ อถ กสฺมา มหาเถโร จตูสุ อริยสเจฺจสุ คณนํ คจฺฉตีติ อาหาติ? สจฺจานํ อโนฺตคธตฺตาฯ ยถา หิ ‘‘สาธิกมิทํ, ภิกฺขเว, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ อนฺวทฺธมาสํ อุเทฺทสํ อาคจฺฉติ, ยตฺถ อตฺตกามา กุลปุตฺตา สิกฺขนฺติฯ ติโสฺส อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา อธิสีลสิกฺขา อธิจิตฺตสิกฺขา อธิปญฺญาสิกฺขา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๘) เอตฺถ สาธิกมิทํ ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ เอกา อธิสีลสิกฺขาว โหติ, ตํ สิกฺขโนฺตปิ ติโสฺส สิกฺขา สิกฺขตีติ ทสฺสิโต, สิกฺขานํ อโนฺตคธตฺตาฯ ยถา จ เอกสฺส หตฺถิปทสฺส จตูสุ โกฎฺฐาเสสุ เอกสฺมิํ โกฎฺฐาเส โอติณฺณานิปิ ทฺวีสุ ตีสุ จตูสุ โกฎฺฐาเสสุ โอติณฺณานิปิ สิงฺคาลสสมิคาทีนํ ปาทานิ หตฺถิปเท สโมธานํ คตาเนว โหนฺติฯ หตฺถิปทโต อมุจฺจิตฺวา ตเสฺสว อโนฺตคธตฺตาฯ เอวเมว เอกสฺมิมฺปิ ทฺวีสุปิ ตีสุปิ จตูสุปิ สเจฺจสุ คณนํ คตา ธมฺมา จตูสุ สเจฺจสุ คณนํ คตาว โหนฺติ; สจฺจานํ อโนฺตคธตฺตาติ ทิยฑฺฒสจฺจคณนํ คเตปิ กุสลธเมฺม ‘‘สเพฺพ เต จตูสุ อริยสเจฺจสุ สงฺคหํ คจฺฉนฺตี’’ติ อาหฯ ‘‘ทุเกฺข อริยสเจฺจ’’ติอาทีสุ อุเทฺทสปเทสุ เจว ชาติปิ ทุกฺขาติอาทีสุ นิเทฺทสปเทสุ จ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตเมวฯ เกวลํ ปเนตฺถ เทสนานุกฺกโมว เวทิตโพฺพฯ
Nanu ca ‘‘catunnaṃ ariyasaccānaṃ kati kusalā kati akusalā kati abyākatāti pañhassa vissajjane samudayasaccaṃ akusalaṃ, maggasaccaṃ kusalaṃ, nirodhasaccaṃ abyākataṃ, dukkhasaccaṃ siyā kusalaṃ, siyā akusalaṃ, siyā abyākata’’nti (vibha. 216-217) āgatattā catubhūmakampi kusalaṃ diyaḍḍhameva saccaṃ bhajati. Atha kasmā mahāthero catūsu ariyasaccesu gaṇanaṃ gacchatīti āhāti? Saccānaṃ antogadhattā. Yathā hi ‘‘sādhikamidaṃ, bhikkhave, diyaḍḍhasikkhāpadasataṃ anvaddhamāsaṃ uddesaṃ āgacchati, yattha attakāmā kulaputtā sikkhanti. Tisso imā, bhikkhave, sikkhā adhisīlasikkhā adhicittasikkhā adhipaññāsikkhā’’ti (a. ni. 3.88) ettha sādhikamidaṃ diyaḍḍhasikkhāpadasataṃ ekā adhisīlasikkhāva hoti, taṃ sikkhantopi tisso sikkhā sikkhatīti dassito, sikkhānaṃ antogadhattā. Yathā ca ekassa hatthipadassa catūsu koṭṭhāsesu ekasmiṃ koṭṭhāse otiṇṇānipi dvīsu tīsu catūsu koṭṭhāsesu otiṇṇānipi siṅgālasasamigādīnaṃ pādāni hatthipade samodhānaṃ gatāneva honti. Hatthipadato amuccitvā tasseva antogadhattā. Evameva ekasmimpi dvīsupi tīsupi catūsupi saccesu gaṇanaṃ gatā dhammā catūsu saccesu gaṇanaṃ gatāva honti; saccānaṃ antogadhattāti diyaḍḍhasaccagaṇanaṃ gatepi kusaladhamme ‘‘sabbe te catūsu ariyasaccesu saṅgahaṃ gacchantī’’ti āha. ‘‘Dukkhe ariyasacce’’tiādīsu uddesapadesu ceva jātipi dukkhātiādīsu niddesapadesu ca yaṃ vattabbaṃ, taṃ visuddhimagge vuttameva. Kevalaṃ panettha desanānukkamova veditabbo.
๓๐๑. ยถา หิ เฉโก วิลีวกาโร สุชาตํ เวฬุํ ลภิตฺวา จตุธา เฉตฺวา ตโต ตโย โกฎฺฐาเส ฐเปตฺวา เอกํ คณฺหิตฺวา ปญฺจธา ภิเนฺทยฺย, ตโตปิ จตฺตาโร ฐเปตฺวา เอกํ คณฺหิตฺวา ผาเลโนฺต ปญฺจ เปสิโย กเรยฺย, ตโต จตโสฺส ฐเปตฺวา เอกํ คณฺหิตฺวา กุจฺฉิภาคํ ปิฎฺฐิภาคนฺติ ทฺวิธา ผาเลตฺวา ปิฎฺฐิภาคํ ฐเปตฺวา กุจฺฉิภาคํ อาทาย ตโต สมุคฺคพีชนิตาลวณฺฎาทินานปฺปการํ เวฬุวิกติํ กเรยฺย, โส ปิฎฺฐิภาคญฺจ อิตรา จ จตโสฺส เปสิโย อิตเร จ จตฺตาโร โกฎฺฐาเส อิตเร จ ตโย โกฎฺฐาเส กมฺมาย น อุปเนสฺสตีติ น วตฺตโพฺพฯ เอกปฺปหาเรน ปน อุปเนตุํ น สกฺกา, อนุปุเพฺพน อุปเนสฺสติฯ เอวเมว อยํ มหาเถโรปิ วิลีวกาโร สุชาตํ เวฬุํ ลภิตฺวา จตฺตาโร โกฎฺฐาเส วิย, อิมํ มหนฺตํ สุตฺตนฺตํ อารภิตฺวา จตุอริยสจฺจวเสน มาติกํ ฐเปสิฯ วิลีวการสฺส ตโย โกฎฺฐาเส ฐเปตฺวา เอกํ คเหตฺวา ตสฺส ปญฺจธา กรณํ วิย เถรสฺส ตีณิ อริยสจฺจานิ ฐเปตฺวา เอกํ ทุกฺขสจฺจํ คเหตฺวา ภาเชนฺตสฺส ขนฺธวเสน ปญฺจธา กรณํฯ ตโต ยถา โส วิลีวกาโร จตฺตาโร โกฎฺฐาเส ฐเปตฺวา เอกํ ภาคํ คเหตฺวา ปญฺจธา ผาเลสิ, เอวํ เถโร จตฺตาโร อรูปกฺขเนฺธ ฐเปตฺวา รูปกฺขนฺธํ วิภชโนฺต จตฺตาริ จ มหาภูตานิ จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทาย รูปนฺติ ปญฺจธา อกาสิฯ ตโต ยถา โส วิลีวกาโร จตโสฺส เปสิโย ฐเปตฺวา เอกํ คเหตฺวา กุจฺฉิภาคํ ปิฎฺฐิภาคนฺติ ทฺวิธา ผาเลสิ, เอวํ เถโร อุปาทาย รูปญฺจ ติโสฺส จ ธาตุโย ฐเปตฺวา เอกํ ปถวีธาตุํ วิภชโนฺต อชฺฌตฺติกพาหิรวเสน ทฺวิธา ทเสฺสสิฯ ยถา โส วิลีวกาโร ปิฎฺฐิภาคํ ฐเปตฺวา กุจฺฉิภาคํ อาทาย นานปฺปการํ วิลีววิกติํ อกาสิ, เอวํ เถโร พาหิรํ ปถวีธาตุํ ฐเปตฺวา อชฺฌตฺติกํ ปถวีธาตุํ วีสติยา อากาเรหิ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ กตมา จาวุโส, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตูติอาทิมาหฯ
301. Yathā hi cheko vilīvakāro sujātaṃ veḷuṃ labhitvā catudhā chetvā tato tayo koṭṭhāse ṭhapetvā ekaṃ gaṇhitvā pañcadhā bhindeyya, tatopi cattāro ṭhapetvā ekaṃ gaṇhitvā phālento pañca pesiyo kareyya, tato catasso ṭhapetvā ekaṃ gaṇhitvā kucchibhāgaṃ piṭṭhibhāganti dvidhā phāletvā piṭṭhibhāgaṃ ṭhapetvā kucchibhāgaṃ ādāya tato samuggabījanitālavaṇṭādinānappakāraṃ veḷuvikatiṃ kareyya, so piṭṭhibhāgañca itarā ca catasso pesiyo itare ca cattāro koṭṭhāse itare ca tayo koṭṭhāse kammāya na upanessatīti na vattabbo. Ekappahārena pana upanetuṃ na sakkā, anupubbena upanessati. Evameva ayaṃ mahātheropi vilīvakāro sujātaṃ veḷuṃ labhitvā cattāro koṭṭhāse viya, imaṃ mahantaṃ suttantaṃ ārabhitvā catuariyasaccavasena mātikaṃ ṭhapesi. Vilīvakārassa tayo koṭṭhāse ṭhapetvā ekaṃ gahetvā tassa pañcadhā karaṇaṃ viya therassa tīṇi ariyasaccāni ṭhapetvā ekaṃ dukkhasaccaṃ gahetvā bhājentassa khandhavasena pañcadhā karaṇaṃ. Tato yathā so vilīvakāro cattāro koṭṭhāse ṭhapetvā ekaṃ bhāgaṃ gahetvā pañcadhā phālesi, evaṃ thero cattāro arūpakkhandhe ṭhapetvā rūpakkhandhaṃ vibhajanto cattāri ca mahābhūtāni catunnañca mahābhūtānaṃ upādāya rūpanti pañcadhā akāsi. Tato yathā so vilīvakāro catasso pesiyo ṭhapetvā ekaṃ gahetvā kucchibhāgaṃ piṭṭhibhāganti dvidhā phālesi, evaṃ thero upādāya rūpañca tisso ca dhātuyo ṭhapetvā ekaṃ pathavīdhātuṃ vibhajanto ajjhattikabāhiravasena dvidhā dassesi. Yathā so vilīvakāro piṭṭhibhāgaṃ ṭhapetvā kucchibhāgaṃ ādāya nānappakāraṃ vilīvavikatiṃ akāsi, evaṃ thero bāhiraṃ pathavīdhātuṃ ṭhapetvā ajjhattikaṃ pathavīdhātuṃ vīsatiyā ākārehi vibhajitvā dassetuṃ katamā cāvuso, ajjhattikā pathavīdhātūtiādimāha.
ยถา ปน วิลีวกาโร ปิฎฺฐิภาคญฺจ อิตรา จ จตฺตโสฺส เปสิโย อิตเร จ จตฺตาโร โกฎฺฐาเส อิตเร จ ตโย โกฎฺฐาเส อนุปุเพฺพน กมฺมาย อุปเนสฺสติ, น หิ สกฺกา เอกปฺปหาเรน อุปเนตุํ, เอวํ เถโรปิ พาหิรญฺจ ปถวีธาตุํ อิตรา จ ติโสฺส ธาตุโย อุปาทารูปญฺจ อิตเร จ จตฺตาโร อรูปิโน ขเนฺธ อิตรานิ จ ตีณิ อริยสจฺจานิ อนุปุเพฺพน วิภชิตฺวา ทเสฺสสฺสติ, น หิ สกฺกา เอกปฺปหาเรน ทเสฺสตุํฯ อปิจ ราชปุตฺตูปมายปิ อยํ กโม วิภาเวตโพฺพ –
Yathā pana vilīvakāro piṭṭhibhāgañca itarā ca cattasso pesiyo itare ca cattāro koṭṭhāse itare ca tayo koṭṭhāse anupubbena kammāya upanessati, na hi sakkā ekappahārena upanetuṃ, evaṃ theropi bāhirañca pathavīdhātuṃ itarā ca tisso dhātuyo upādārūpañca itare ca cattāro arūpino khandhe itarāni ca tīṇi ariyasaccāni anupubbena vibhajitvā dassessati, na hi sakkā ekappahārena dassetuṃ. Apica rājaputtūpamāyapi ayaṃ kamo vibhāvetabbo –
เอโก กิร มหาราชา, ตสฺส ปโรสหสฺสํ ปุตฺตาฯ โส เตสํ ปิฬนฺธนปริกฺขารํ จตูสุ เปฬาสุ ฐเปตฺวา เชฎฺฐปุตฺตสฺส อเปฺปสิ – ‘‘อิทํ เต, ตาต, ภาติกานํ ปิฬนฺธนภณฺฑํ ตถารูเป ฉเณ สมฺปเตฺต ปิฬนฺธนํ โน เทหีติ ยาจนฺตานํ ทเทยฺยาสี’’ติฯ โส ‘‘สาธุ เทวา’’ติ สารคเพฺภ ปฎิสาเมสิ, ตถารูเป ฉณทิวเส ราชปุตฺตา รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปิฬนฺธนํ โน, ตาต, เทถ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’’ติ อาหํสุฯ ตาตา, เชฎฺฐภาติกสฺส โว หเตฺถ มยา ปิฬนฺธนํ ฐปิตํ, ตํ อาหราเปตฺวา ปิฬนฺธถาติฯ เต สาธูติ ปฎิสฺสุณิตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ตุมฺหากํ กิร โน หเตฺถ ปิฬนฺธนภณฺฑํ, ตํ เทถา’’ติ อาหํสุฯ โส เอวํ กริสฺสามีติ คพฺภํ วิวริตฺวา, จตโสฺส เปฬาโย นีหริตฺวา ติโสฺส ฐเปตฺวา เอกํ วิวริตฺวา, ตโต ปญฺจ สมุเคฺค นีหริตฺวา จตฺตาโร ฐเปตฺวา เอกํ วิวริตฺวา, ตโต ปญฺจสุ กรเณฺฑสุ นีหริเตสุ จตฺตาโร ฐเปตฺวา เอกํ วิวริตฺวา ปิธานํ ปเสฺส ฐเปตฺวา ตโต หตฺถูปคปาทูปคาทีนิ นานปฺปการานิ ปิฬนฺธนานิ นีหริตฺวา อทาสิฯ โส กิญฺจาปิ อิตเรหิ จตูหิ กรเณฺฑหิ อิตเรหิ จตูหิ สมุเคฺคหิ อิตราหิ ตีหิ เปฬาหิ น ตาว ภาเชตฺวา เทติ, อนุปุเพฺพน ปน ทสฺสติ, น หิ สกฺกา เอกปฺปหาเรน ทาตุํฯ
Eko kira mahārājā, tassa parosahassaṃ puttā. So tesaṃ piḷandhanaparikkhāraṃ catūsu peḷāsu ṭhapetvā jeṭṭhaputtassa appesi – ‘‘idaṃ te, tāta, bhātikānaṃ piḷandhanabhaṇḍaṃ tathārūpe chaṇe sampatte piḷandhanaṃ no dehīti yācantānaṃ dadeyyāsī’’ti. So ‘‘sādhu devā’’ti sāragabbhe paṭisāmesi, tathārūpe chaṇadivase rājaputtā rañño santikaṃ gantvā ‘‘piḷandhanaṃ no, tāta, detha, nakkhattaṃ kīḷissāmā’’ti āhaṃsu. Tātā, jeṭṭhabhātikassa vo hatthe mayā piḷandhanaṃ ṭhapitaṃ, taṃ āharāpetvā piḷandhathāti. Te sādhūti paṭissuṇitvā tassa santikaṃ gantvā, ‘‘tumhākaṃ kira no hatthe piḷandhanabhaṇḍaṃ, taṃ dethā’’ti āhaṃsu. So evaṃ karissāmīti gabbhaṃ vivaritvā, catasso peḷāyo nīharitvā tisso ṭhapetvā ekaṃ vivaritvā, tato pañca samugge nīharitvā cattāro ṭhapetvā ekaṃ vivaritvā, tato pañcasu karaṇḍesu nīharitesu cattāro ṭhapetvā ekaṃ vivaritvā pidhānaṃ passe ṭhapetvā tato hatthūpagapādūpagādīni nānappakārāni piḷandhanāni nīharitvā adāsi. So kiñcāpi itarehi catūhi karaṇḍehi itarehi catūhi samuggehi itarāhi tīhi peḷāhi na tāva bhājetvā deti, anupubbena pana dassati, na hi sakkā ekappahārena dātuṃ.
ตตฺถ มหาราชา วิย ภควา ทฎฺฐโพฺพฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ราชาหมสฺมิ เสลาติ ภควา, ธมฺมราชา อนุตฺตโร’’ติ (สุ. นิ. ๕๕๙)ฯ เชฎฺฐปุโตฺต วิย สาริปุตฺตเตฺถโร, วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ยํ โข ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย, ‘ภควโต ปุโตฺต โอรโส มุขโต ชาโต ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต ธมฺมทายาโท, โน อามิสทายาโท’ติ สาริปุตฺตเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย, ภควโต ปุโตฺต…เป.… โน อามิสทายาโท’’ติ (ม. นิ. ๓.๙๗)ฯ ปโรสหสฺสราชปุตฺตา วิย ภิกฺขุสโงฺฆ ทฎฺฐโพฺพฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Tattha mahārājā viya bhagavā daṭṭhabbo. Vuttampi cetaṃ – ‘‘rājāhamasmi selāti bhagavā, dhammarājā anuttaro’’ti (su. ni. 559). Jeṭṭhaputto viya sāriputtatthero, vuttampi cetaṃ – ‘‘yaṃ kho taṃ, bhikkhave, sammā vadamāno vadeyya, ‘bhagavato putto oraso mukhato jāto dhammajo dhammanimmito dhammadāyādo, no āmisadāyādo’ti sāriputtameva taṃ sammā vadamāno vadeyya, bhagavato putto…pe… no āmisadāyādo’’ti (ma. ni. 3.97). Parosahassarājaputtā viya bhikkhusaṅgho daṭṭhabbo. Vuttampi cetaṃ –
‘‘ปโรสหสฺสํ ภิกฺขูนํ, สุคตํ ปยิรุปาสติ;
‘‘Parosahassaṃ bhikkhūnaṃ, sugataṃ payirupāsati;
เทเสนฺตํ วิรชํ ธมฺมํ, นิพฺพานํ อกุโตภย’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๑.๒๑๖);
Desentaṃ virajaṃ dhammaṃ, nibbānaṃ akutobhaya’’nti. (saṃ. ni. 1.216);
รโญฺญ เตสํ ปุตฺตานํ ปิฬนฺธนํ จตูสุ เปฬาสุ ปกฺขิปิตฺวา เชฎฺฐปุตฺตสฺส หเตฺถ ฐปิตกาโล วิย ภควโต ธมฺมเสนาปติสฺส หเตฺถ จตุสจฺจปฺปกาสนาย ฐปิตกาโล, เตเนวาห – ‘‘สาริปุโตฺต, ภิกฺขเว, ปโหติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํ เทเสตุํ ปญฺญาเปตุํ ปฎฺฐเปตุํ วิวริตุํ วิภชิตุํ อุตฺตานีกาตุ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๗๑)ฯ ตถารูเป ขเณ เตสํ ราชปุตฺตานํ ตํ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปิฬนฺธนํ ยาจนกาโล วิย ภิกฺขุสงฺฆสฺส วสฺสูปนายิกสมเย อาคนฺตฺวา ธมฺมเทสนาย ยาจิตกาโลฯ อุปกฎฺฐาย กิร วสฺสูปนายิกาย อิทํ สุตฺตํ เทสิตํฯ รโญฺญ, ‘‘ตาตา, เชฎฺฐภาติกสฺส โว หเตฺถ มยา ปิฬนฺธนํ ฐปิตํ ตํ อาหราเปตฺวา ปิฬนฺธถา’’ติ วุตฺตกาโล วิย สมฺพุเทฺธนาปิ, ‘‘เสเวถ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน, ภชถ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนฯ ปณฺฑิตา ภิกฺขู อนุคฺคาหกา สพฺรหฺมจารีน’’นฺติ เอวํ ธมฺมเสนาปติโน สนฺติเก ภิกฺขูนํ เปสิตกาโลฯ
Rañño tesaṃ puttānaṃ piḷandhanaṃ catūsu peḷāsu pakkhipitvā jeṭṭhaputtassa hatthe ṭhapitakālo viya bhagavato dhammasenāpatissa hatthe catusaccappakāsanāya ṭhapitakālo, tenevāha – ‘‘sāriputto, bhikkhave, pahoti cattāri ariyasaccāni vitthārena ācikkhituṃ desetuṃ paññāpetuṃ paṭṭhapetuṃ vivarituṃ vibhajituṃ uttānīkātu’’nti (ma. ni. 3.371). Tathārūpe khaṇe tesaṃ rājaputtānaṃ taṃ rājānaṃ upasaṅkamitvā piḷandhanaṃ yācanakālo viya bhikkhusaṅghassa vassūpanāyikasamaye āgantvā dhammadesanāya yācitakālo. Upakaṭṭhāya kira vassūpanāyikāya idaṃ suttaṃ desitaṃ. Rañño, ‘‘tātā, jeṭṭhabhātikassa vo hatthe mayā piḷandhanaṃ ṭhapitaṃ taṃ āharāpetvā piḷandhathā’’ti vuttakālo viya sambuddhenāpi, ‘‘sevetha, bhikkhave, sāriputtamoggallāne, bhajatha, bhikkhave, sāriputtamoggallāne. Paṇḍitā bhikkhū anuggāhakā sabrahmacārīna’’nti evaṃ dhammasenāpatino santike bhikkhūnaṃ pesitakālo.
ราชปุเตฺตหิ รโญฺญ กถํ สุตฺวา เชฎฺฐภาติกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปิฬนฺธนํ ยาจิตกาโล วิย ภิกฺขูหิ สตฺถุกถํ สุตฺวา ธมฺมเสนาปติํ อุปสงฺกมฺม ธมฺมเทสนํ อายาจิตกาโลฯ เชฎฺฐภาติกสฺส คพฺภํ วิวริตฺวา จตโสฺส เปฬาโย นีหริตฺวา ฐปนํ วิย ธมฺมเสนาปติสฺส อิมํ สุตฺตนฺตํ อารภิตฺวา จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ วเสน มาติกาย ฐปนํฯ ติโสฺส เปฬาโย ฐเปตฺวา เอกํ วิวริตฺวา ตโต ปญฺจสมุคฺคนีหรณํ วิย ตีณิ อริยสจฺจานิ ฐเปตฺวา ทุกฺขํ อริยสจฺจํ วิภชนฺตสฺส ปญฺจกฺขนฺธทสฺสนํฯ จตฺตาโร สมุเคฺค ฐเปตฺวา เอกํ วิวริตฺวา ตโต ปญฺจกรณฺฑนีหรณํ วิย จตฺตาโร อรูปกฺขเนฺธ ฐเปตฺวา เอกํ รูปกฺขนฺธํ วิภชนฺตสฺส จตุมหาภูตอุปาทารูปวเสน ปญฺจโกฎฺฐาสทสฺสนํฯ
Rājaputtehi rañño kathaṃ sutvā jeṭṭhabhātikassa santikaṃ gantvā piḷandhanaṃ yācitakālo viya bhikkhūhi satthukathaṃ sutvā dhammasenāpatiṃ upasaṅkamma dhammadesanaṃ āyācitakālo. Jeṭṭhabhātikassa gabbhaṃ vivaritvā catasso peḷāyo nīharitvā ṭhapanaṃ viya dhammasenāpatissa imaṃ suttantaṃ ārabhitvā catunnaṃ ariyasaccānaṃ vasena mātikāya ṭhapanaṃ. Tisso peḷāyo ṭhapetvā ekaṃ vivaritvā tato pañcasamugganīharaṇaṃ viya tīṇi ariyasaccāni ṭhapetvā dukkhaṃ ariyasaccaṃ vibhajantassa pañcakkhandhadassanaṃ. Cattāro samugge ṭhapetvā ekaṃ vivaritvā tato pañcakaraṇḍanīharaṇaṃ viya cattāro arūpakkhandhe ṭhapetvā ekaṃ rūpakkhandhaṃ vibhajantassa catumahābhūtaupādārūpavasena pañcakoṭṭhāsadassanaṃ.
๓๐๒. จตฺตาโร กรเณฺฑ ฐเปตฺวา เอกํ วิวริตฺวา ปิธานํ ปเสฺส ฐเปตฺวา หตฺถูปคปาทูปคาทิปิฬนฺธนทานํ วิย ตีณิ มหาภูตานิ อุปาทารูปญฺจ ฐเปตฺวา เอกํ ปถวีธาตุํ วิภชนฺตสฺส พาหิรํ ตาว ปิธานํ วิย ฐเปตฺวา อชฺฌตฺติกาย ปถวีธาตุยา นานาสภาวโต วีสติยา อากาเรหิ ทสฺสนตฺถํ ‘‘กตมา จาวุโส อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตู’’ติอาทิวจนํฯ
302. Cattāro karaṇḍe ṭhapetvā ekaṃ vivaritvā pidhānaṃ passe ṭhapetvā hatthūpagapādūpagādipiḷandhanadānaṃ viya tīṇi mahābhūtāni upādārūpañca ṭhapetvā ekaṃ pathavīdhātuṃ vibhajantassa bāhiraṃ tāva pidhānaṃ viya ṭhapetvā ajjhattikāya pathavīdhātuyā nānāsabhāvato vīsatiyā ākārehi dassanatthaṃ ‘‘katamā cāvuso ajjhattikā pathavīdhātū’’tiādivacanaṃ.
ตสฺส ปน ราชปุตฺตสฺส เตหิ จตูหิ กรเณฺฑหิ จตูหิ สมุเคฺคหิ ตีหิ จ เปฬาหิ ปจฺฉา อนุปุเพฺพน นีหริตฺวา ปิฬนฺธนทานํ วิย เถรสฺสาปิ อิตเรสญฺจ ติณฺณํ มหาภูตานํ อุปาทารูปานญฺจ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานญฺจ ติณฺณํ อริยสจฺจานญฺจ ปจฺฉา อนุปุเพฺพน ภาเชตฺวา ทสฺสนํ เวทิตพฺพํฯ ยํ ปเนตํ ‘‘กตมา จาวุโส, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตนฺติ อุภยเมฺปตํ นิยกาธิวจนเมวฯ กกฺขฬนฺติ ถทฺธํฯ ขริคตนฺติ ผรุสํฯ อุปาทินฺนนฺติ น กมฺมสมุฎฺฐานเมว, อวิเสเสน ปน สรีรฎฺฐกเสฺสตํ คหณํฯ สรีรฎฺฐกญฺหิ อุปาทินฺนํ วา โหตุ, อนุปาทินฺนํ วา, อาทินฺนคหิตปรามฎฺฐวเสน สพฺพํ อุปาทินฺนเมว นามฯ เสยฺยถิทํ – เกสา โลมา…เป.… อุทริยํ กรีสนฺติ อิทํ ธาตุกมฺมฎฺฐานิกสฺส กุลปุตฺตสฺส อชฺฌตฺติกปถวีธาตุวเสน ตาว กมฺมฎฺฐานํ วิภตฺตํฯ เอตฺถ ปน มนสิการํ อารภิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ คเหตุกาเมน ยํ กาตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตเมวฯ มตฺถลุงฺคํ ปน น อิธ ปาฬิอารุฬฺหํฯ ตมฺปิ อาหริตฺวา, วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตนเยเนว วณฺณสณฺฐานาทิวเสน ววตฺถเปตฺวา, ‘‘อยมฺปิ อเจตนา อพฺยากตา สุญฺญา ถทฺธา ปถวีธาตุ เอวา’’ติ มนสิ กาตพฺพํฯ ยํ วา ปนญฺญมฺปีติ อิทํ อิตเรสุ ตีสุ โกฎฺฐาเสสุ อนุคตาย ปถวีธาตุยา คหณตฺถํ วุตฺตํฯ ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตูติ ยา จ อยํ วุตฺตปฺปการา อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุฯ ยา จ พาหิราติ ยา จ วิภเงฺค, ‘‘อโย โลหํ ติปุ สีส’’นฺติอาทินา (วิภ. ๑๗๓) นเยน อาคตา พาหิรา ปถวีธาตุฯ
Tassa pana rājaputtassa tehi catūhi karaṇḍehi catūhi samuggehi tīhi ca peḷāhi pacchā anupubbena nīharitvā piḷandhanadānaṃ viya therassāpi itaresañca tiṇṇaṃ mahābhūtānaṃ upādārūpānañca catunnaṃ arūpakkhandhānañca tiṇṇaṃ ariyasaccānañca pacchā anupubbena bhājetvā dassanaṃ veditabbaṃ. Yaṃ panetaṃ ‘‘katamā cāvuso, ajjhattikā pathavīdhātū’’tiādi vuttaṃ. Tattha ajjhattaṃ paccattanti ubhayampetaṃ niyakādhivacanameva. Kakkhaḷanti thaddhaṃ. Kharigatanti pharusaṃ. Upādinnanti na kammasamuṭṭhānameva, avisesena pana sarīraṭṭhakassetaṃ gahaṇaṃ. Sarīraṭṭhakañhi upādinnaṃ vā hotu, anupādinnaṃ vā, ādinnagahitaparāmaṭṭhavasena sabbaṃ upādinnameva nāma. Seyyathidaṃ – kesā lomā…pe… udariyaṃ karīsanti idaṃ dhātukammaṭṭhānikassa kulaputtassa ajjhattikapathavīdhātuvasena tāva kammaṭṭhānaṃ vibhattaṃ. Ettha pana manasikāraṃ ārabhitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ gahetukāmena yaṃ kātabbaṃ, taṃ sabbaṃ visuddhimagge vitthāritameva. Matthaluṅgaṃ pana na idha pāḷiāruḷhaṃ. Tampi āharitvā, visuddhimagge vuttanayeneva vaṇṇasaṇṭhānādivasena vavatthapetvā, ‘‘ayampi acetanā abyākatā suññā thaddhā pathavīdhātu evā’’ti manasi kātabbaṃ. Yaṃ vā panaññampīti idaṃ itaresu tīsu koṭṭhāsesu anugatāya pathavīdhātuyā gahaṇatthaṃ vuttaṃ. Yā ceva kho pana ajjhattikā pathavīdhātūti yā ca ayaṃ vuttappakārā ajjhattikā pathavīdhātu. Yā ca bāhirāti yā ca vibhaṅge, ‘‘ayo lohaṃ tipu sīsa’’ntiādinā (vibha. 173) nayena āgatā bāhirā pathavīdhātu.
เอตฺตาวตา เถเรน อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ นานาสภาวโต วีสติยา อากาเรหิ วิตฺถาเรน ทสฺสิตา, พาหิรา สเงฺขเปนฯ กสฺมา? ยสฺมิญฺหิ ฐาเน สตฺตานํ อาลโย นิกนฺติ ปตฺถนา ปริยุฎฺฐานํ คหณํ ปรามาโส พลวา โหติ, ตตฺถ เตสํ อาลยาทีนํ อุทฺธรณตฺถํ พุทฺธา วา พุทฺธสาวกา วา วิตฺถารกถํ กเถนฺติฯ ยตฺถ ปน น พลวา, ตตฺถ กตฺตพฺพกิจฺจาภาวโต สเงฺขเปน กเถนฺติฯ ยถา หิ กสฺสโก เขตฺตํ กสมาโน ยตฺถ มูลสนฺตานกานํ พลวตาย นงฺคลํ ลคฺคติ, ตตฺถ โคเณ ฐเปตฺวา ปํสุํ วิยูหิตฺวา มูลสนฺตานกานิ เฉตฺวา เฉตฺวา อุทฺธรโนฺต พหุํ วายามํ กโรติฯ ยตฺถ ตานิ นตฺถิ, ตตฺถ พลวํ ปโยคํ กตฺวา โคเณ ปิฎฺฐิยํ ปหรมาโน กสติเยว, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ
Ettāvatā therena ajjhattikā pathavīdhātu nānāsabhāvato vīsatiyā ākārehi vitthārena dassitā, bāhirā saṅkhepena. Kasmā? Yasmiñhi ṭhāne sattānaṃ ālayo nikanti patthanā pariyuṭṭhānaṃ gahaṇaṃ parāmāso balavā hoti, tattha tesaṃ ālayādīnaṃ uddharaṇatthaṃ buddhā vā buddhasāvakā vā vitthārakathaṃ kathenti. Yattha pana na balavā, tattha kattabbakiccābhāvato saṅkhepena kathenti. Yathā hi kassako khettaṃ kasamāno yattha mūlasantānakānaṃ balavatāya naṅgalaṃ laggati, tattha goṇe ṭhapetvā paṃsuṃ viyūhitvā mūlasantānakāni chetvā chetvā uddharanto bahuṃ vāyāmaṃ karoti. Yattha tāni natthi, tattha balavaṃ payogaṃ katvā goṇe piṭṭhiyaṃ paharamāno kasatiyeva, evaṃsampadamidaṃ veditabbaṃ.
ปถวีธาตุเรเวสาติ ทุวิธาเปสา ถทฺธเฎฺฐน กกฺขฬเฎฺฐน ผรุสเฎฺฐน เอกลกฺขณา ปถวีธาตุเยว , อาวุโสติ อชฺฌตฺติกํ พาหิราย สทฺธิํ โยเชตฺวา ทเสฺสติฯ ยสฺมา พาหิราย ปถวีธาตุยา อเจตนาภาโว ปากโฎ, น อชฺฌตฺติกาย, ตสฺมา สา พาหิราย สทฺธิํ เอกสทิสา อเจตนาเยวาติ คณฺหนฺตสฺส สุขปริคฺคโห โหติฯ ยถา กิํ? ยถา ทเนฺตน โคเณน สทฺธิํ โยชิโต อทโนฺต กติปาหเมว วิสูกายติ วิปฺผนฺทติ, อถ น จิรเสฺสว ทมถํ อุเปติฯ เอวํ อชฺฌตฺติกาปิ พาหิราย สทฺธิํ เอกสทิสาติ คณฺหนฺตสฺส กติปาหเมว อเจตนาภาโว น อุปฎฺฐาติ, อถ น จิเรเนวสฺสา อเจตนาภาโว ปากโฎ โหติฯ ตํ เนตํ มมาติ ตํ อุภยมฺปิ น เอตํ มม, น เอโสหมสฺมิ, น เอโส เม อตฺตาติ เอวํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทฎฺฐพฺพํฯ ยถาภูตนฺติ ยถาสภาวํ, ตญฺหิ อนิจฺจาทิสภาวํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาติ เอวํ ทฎฺฐพฺพนฺติ อโตฺถฯ
Pathavīdhāturevesāti duvidhāpesā thaddhaṭṭhena kakkhaḷaṭṭhena pharusaṭṭhena ekalakkhaṇā pathavīdhātuyeva , āvusoti ajjhattikaṃ bāhirāya saddhiṃ yojetvā dasseti. Yasmā bāhirāya pathavīdhātuyā acetanābhāvo pākaṭo, na ajjhattikāya, tasmā sā bāhirāya saddhiṃ ekasadisā acetanāyevāti gaṇhantassa sukhapariggaho hoti. Yathā kiṃ? Yathā dantena goṇena saddhiṃ yojito adanto katipāhameva visūkāyati vipphandati, atha na cirasseva damathaṃ upeti. Evaṃ ajjhattikāpi bāhirāya saddhiṃ ekasadisāti gaṇhantassa katipāhameva acetanābhāvo na upaṭṭhāti, atha na cirenevassā acetanābhāvo pākaṭo hoti. Taṃ netaṃ mamāti taṃ ubhayampi na etaṃ mama, na esohamasmi, na eso me attāti evaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya daṭṭhabbaṃ. Yathābhūtanti yathāsabhāvaṃ, tañhi aniccādisabhāvaṃ, tasmā aniccaṃ dukkhamanattāti evaṃ daṭṭhabbanti attho.
โหติ โข โส, อาวุโสติ กสฺมา อารภิ? พาหิรอาโปธาตุวเสน พาหิราย ปถวีธาตุยา วินาสํ ทเสฺสตฺวา ตโต วิเสสตเรน อุปาทินฺนาย สรีรฎฺฐกปถวีธาตุยา วินาสทสฺสนตฺถํฯ ปกุปฺปตีติ อาโปสํวฎฺฎวเสน วฑฺฒมานา กุปฺปติฯ อนฺตรหิตา ตสฺมิํ สมเย พาหิรา ปถวีธาตุ โหตีติ ตสฺมิํ สมเย โกฎิสตสหสฺสจกฺกวาเฬ ขาโรทเกน วิลียมานา อุทกานุคตา หุตฺวา สพฺพา ปพฺพตาทิวเสน สณฺฐิตา ปถวีธาตุ อนฺตรหิตา โหติฯ วิลียิตฺวา อุทกเมว โหติฯ ตาว มหลฺลิกายาติ ตาว มหนฺตายฯ
Hoti kho so, āvusoti kasmā ārabhi? Bāhiraāpodhātuvasena bāhirāya pathavīdhātuyā vināsaṃ dassetvā tato visesatarena upādinnāya sarīraṭṭhakapathavīdhātuyā vināsadassanatthaṃ. Pakuppatīti āposaṃvaṭṭavasena vaḍḍhamānā kuppati. Antarahitā tasmiṃ samaye bāhirā pathavīdhātu hotīti tasmiṃ samaye koṭisatasahassacakkavāḷe khārodakena vilīyamānā udakānugatā hutvā sabbā pabbatādivasena saṇṭhitā pathavīdhātu antarahitā hoti. Vilīyitvā udakameva hoti. Tāva mahallikāyāti tāva mahantāya.
ทุเว สตสหสฺสานิ, จตฺตาริ นหุตานิ จ;
Duve satasahassāni, cattāri nahutāni ca;
เอตฺตกํ พหลเตฺตน, สงฺขาตายํ วสุนฺธราติฯ –
Ettakaṃ bahalattena, saṅkhātāyaṃ vasundharāti. –
เอวํ พหลเตฺตเนว มหนฺตาย, วิตฺถารโต ปน โกฎิสตสหสฺสจกฺกวาฬปฺปมาณายฯ อนิจฺจตาติ หุตฺวา อภาวตาฯ ขยธมฺมตาติ ขยํ คมนสภาวตา ฯ วยธมฺมตาติ วยํ คมนสภาวตาฯ วิปริณามธมฺมตาติ ปกติวิชหนสภาวตา, อิติ สเพฺพหิปิ อิเมหิ ปเทหิ อนิจฺจลกฺขณเมว วุตฺตํฯ ยํ ปน อนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํฯ ยํ ทุกฺขํ, ตํ อนตฺตาติ ตีณิปิ ลกฺขณานิ อาคตาเนว โหนฺติฯ มตฺตฎฺฐกสฺสาติ ปริตฺตฎฺฐิติกสฺส, ตตฺถ ทฺวีหากาเรหิ อิมสฺส กายสฺส ปริตฺตฎฺฐิติตา เวทิตพฺพา ฐิติปริตฺตตาย จ สรสปริตฺตตาย จฯ อยญฺหิ อตีเต จิตฺตกฺขเณ ชีวิตฺถ, น ชีวติ, น ชีวิสฺสติฯ อนาคเต จิตฺตกฺขเณ ชีวิสฺสติ, น ชีวติ, น ชีวิตฺถฯ ปจฺจุปฺปเนฺน จิตฺตกฺขเณ ชีวติ , น ชีวิตฺถ, น ชีวิสฺสตีติ วุจฺจติฯ
Evaṃ bahalatteneva mahantāya, vitthārato pana koṭisatasahassacakkavāḷappamāṇāya. Aniccatāti hutvā abhāvatā. Khayadhammatāti khayaṃ gamanasabhāvatā . Vayadhammatāti vayaṃ gamanasabhāvatā. Vipariṇāmadhammatāti pakativijahanasabhāvatā, iti sabbehipi imehi padehi aniccalakkhaṇameva vuttaṃ. Yaṃ pana aniccaṃ, taṃ dukkhaṃ. Yaṃ dukkhaṃ, taṃ anattāti tīṇipi lakkhaṇāni āgatāneva honti. Mattaṭṭhakassāti parittaṭṭhitikassa, tattha dvīhākārehi imassa kāyassa parittaṭṭhititā veditabbā ṭhitiparittatāya ca sarasaparittatāya ca. Ayañhi atīte cittakkhaṇe jīvittha, na jīvati, na jīvissati. Anāgate cittakkhaṇe jīvissati, na jīvati, na jīvittha. Paccuppanne cittakkhaṇe jīvati , na jīvittha, na jīvissatīti vuccati.
‘‘ชีวิตํ อตฺตภาโว จ, สุขทุกฺขา จ เกวลา;
‘‘Jīvitaṃ attabhāvo ca, sukhadukkhā ca kevalā;
เอกจิตฺตสมายุตฺตา, ลหุ โส วตฺตเต ขโณ’’ติฯ –
Ekacittasamāyuttā, lahu so vattate khaṇo’’ti. –
อิทํ เอตเสฺสว ปริตฺตฎฺฐิติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เอวํ ฐิติปริตฺตตาย ปริตฺตฎฺฐิติตา เวทิตพฺพาฯ
Idaṃ etasseva parittaṭṭhitidassanatthaṃ vuttaṃ. Evaṃ ṭhitiparittatāya parittaṭṭhititā veditabbā.
อสฺสาสปสฺสาสูปนิพทฺธาทิภาเวน ปนสฺส สรสปริตฺตตา เวทิตพฺพาฯ สตฺตานญฺหิ อสฺสาสูปนิพทฺธํ ชีวิตํ, ปสฺสาสูปนิพทฺธํ ชีวิตํ, อสฺสาสปสฺสาสูปนิพทฺธํ ชีวิตํ, มหาภูตูปนิพทฺธํ ชีวิตํ, กพฬีการาหารูปนิพทฺธํ ชีวิตํ, วิญฺญาณูปนิพทฺธํ ชีวิตนฺติ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตํฯ
Assāsapassāsūpanibaddhādibhāvena panassa sarasaparittatā veditabbā. Sattānañhi assāsūpanibaddhaṃ jīvitaṃ, passāsūpanibaddhaṃ jīvitaṃ, assāsapassāsūpanibaddhaṃ jīvitaṃ, mahābhūtūpanibaddhaṃ jīvitaṃ, kabaḷīkārāhārūpanibaddhaṃ jīvitaṃ, viññāṇūpanibaddhaṃ jīvitanti visuddhimagge vitthāritaṃ.
ตณฺหุปาทินฺนสฺสาติ ตณฺหาย อาทินฺนคหิตปรามฎฺฐสฺส อหนฺติ วา มมนฺติ วา อสฺมีติ วาฯ อถ ขฺวาสฺส โนเตเวตฺถ โหตีติ อถ โข อสฺส ภิกฺขุโน เอวํ ตีณิ ลกฺขณานิ อาโรเปตฺวา ปสฺสนฺตสฺส เอตฺถ อชฺฌตฺติกาย ปถวีธาตุยา อหนฺติ วาติอาทิ ติวิโธ ตณฺหามานทิฎฺฐิคฺคาโห โนเตว โหติ, น โหติเยวาติ อโตฺถฯ ยถา จ อาโปธาตุวเสน, เอวํ เตโชธาตุวาโยธาตุวเสนปิ พาหิราย ปถวีธาตุยา อนฺตรธานํ โหติฯ อิธ ปน เอกํเยว อาคตํฯ อิตรานิปิ อตฺถโต เวทิตพฺพานิฯ
Taṇhupādinnassāti taṇhāya ādinnagahitaparāmaṭṭhassa ahanti vā mamanti vā asmīti vā. Atha khvāssa notevettha hotīti atha kho assa bhikkhuno evaṃ tīṇi lakkhaṇāni āropetvā passantassa ettha ajjhattikāya pathavīdhātuyā ahanti vātiādi tividho taṇhāmānadiṭṭhiggāho noteva hoti, na hotiyevāti attho. Yathā ca āpodhātuvasena, evaṃ tejodhātuvāyodhātuvasenapi bāhirāya pathavīdhātuyā antaradhānaṃ hoti. Idha pana ekaṃyeva āgataṃ. Itarānipi atthato veditabbāni.
ตเญฺจ, อาวุโสติ อิธ ตสฺส ธาตุกมฺมฎฺฐานิกสฺส ภิกฺขุโน โสตทฺวาเร ปริคฺคหํ ปฎฺฐเปโนฺต พลํ ทเสฺสติฯ อโกฺกสนฺตีติ ทสหิ อโกฺกสวตฺถูหิ อโกฺกสนฺติฯ ปริภาสนฺตีติ ตยา อิทญฺจิทญฺจ กตํ, เอวญฺจ เอวญฺจ ตํ กริสฺสามาติ วาจาย ปริภาสนฺติฯ โรเสนฺตีติ ฆเฎฺฎนฺติฯ วิเหเสนฺตีติ ทุกฺขาเปนฺติ, สพฺพํ วาจาย ฆฎฺฎนเมว วุตฺตํฯ โส เอวนฺติ โส ธาตุกมฺมฎฺฐานิโก เอวํ สมฺปชานาติฯ อุปฺปนฺนา โข เม อยนฺติ สมฺปติวตฺตมานุปฺปนฺนภาเวน จ สมุทาจารุปฺปนฺนภาเวน จ อุปฺปนฺนาฯ โสตสมฺผสฺสชาติ อุปนิสฺสยวเสน โสตสมฺผสฺสโต ชาตา โสตทฺวารชวนเวทนา, ผโสฺส อนิโจฺจติ โสตสมฺผโสฺส หุตฺวา อภาวเฎฺฐน อนิโจฺจติ ปสฺสติฯ เวทนาทโยปิ โสตสมฺผสฺสสมฺปยุตฺตาว เวทิตพฺพาฯ ธาตารมฺมณเมวาติ ธาตุสงฺขาตเมว อารมฺมณํฯ ปกฺขนฺทตีติ โอตรติฯ ปสีทตีติ ตสฺมิํ อารมฺมเณ ปสีทติ, ภุมฺมวจนเมว วา เอตํฯ พฺยญฺชนสนฺธิวเสน ‘‘ธาตารมฺมณเมวา’’ติ วุตฺตํ, ธาตารมฺมเณเยวาติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ อธิมุจฺจตีติ ธาตุวเสน เอวนฺติ อธิโมกฺขํ ลภติ, น รชฺชติ, น ทุสฺสติฯ อยญฺหิ โสตทฺวารมฺหิ อารมฺมเณ อาปาถคเต มูลปริญฺญาอาคนฺตุกตาวกาลิกวเสน ปริคฺคหํ กโรติ, ตสฺส วิตฺถารกถา สติปฎฺฐาเน สติสมฺปชญฺญปเพฺพ วุตฺตาฯ สา ปน ตตฺถ จกฺขุทฺวารวเสน วุตฺตา, อิธ โสตทฺวารวเสน เวทิตพฺพาฯ
Tañce, āvusoti idha tassa dhātukammaṭṭhānikassa bhikkhuno sotadvāre pariggahaṃ paṭṭhapento balaṃ dasseti. Akkosantīti dasahi akkosavatthūhi akkosanti. Paribhāsantīti tayā idañcidañca kataṃ, evañca evañca taṃ karissāmāti vācāya paribhāsanti. Rosentīti ghaṭṭenti. Vihesentīti dukkhāpenti, sabbaṃ vācāya ghaṭṭanameva vuttaṃ. So evanti so dhātukammaṭṭhāniko evaṃ sampajānāti. Uppannā kho me ayanti sampativattamānuppannabhāvena ca samudācāruppannabhāvena ca uppannā. Sotasamphassajāti upanissayavasena sotasamphassato jātā sotadvārajavanavedanā, phasso aniccoti sotasamphasso hutvā abhāvaṭṭhena aniccoti passati. Vedanādayopi sotasamphassasampayuttāva veditabbā. Dhātārammaṇamevāti dhātusaṅkhātameva ārammaṇaṃ. Pakkhandatīti otarati. Pasīdatīti tasmiṃ ārammaṇe pasīdati, bhummavacanameva vā etaṃ. Byañjanasandhivasena ‘‘dhātārammaṇamevā’’ti vuttaṃ, dhātārammaṇeyevāti ayamettha attho. Adhimuccatīti dhātuvasena evanti adhimokkhaṃ labhati, na rajjati, na dussati. Ayañhi sotadvāramhi ārammaṇe āpāthagate mūlapariññāāgantukatāvakālikavasena pariggahaṃ karoti, tassa vitthārakathā satipaṭṭhāne satisampajaññapabbe vuttā. Sā pana tattha cakkhudvāravasena vuttā, idha sotadvāravasena veditabbā.
เอวํ กตปริคฺคหสฺส หิ ธาตุกมฺมฎฺฐานิกสฺส พลววิปสฺสกสฺส สเจปิ จกฺขุทฺวาราทีสุ อารมฺมเณ อาปาถคเต อโยนิโส อาวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ, โวฎฺฐพฺพนํ ปตฺวา เอกํ เทฺว วาเร อาเสวนํ ลภิตฺวา จิตฺตํ ภวงฺคเมว โอตรติ, น ราคาทิวเสน อุปฺปชฺชติ, อยํ โกฎิปฺปโตฺต ติกฺขวิปสฺสโกฯ อปรสฺส ราคาทิวเสน เอกํ วารํ ชวนํ ชวติ, ชวนปริโยสาเน ปน ราคาทิวเสน เอวํ เม ชวนํ ชวิตนฺติ อาวชฺชโต อารมฺมณํ ปริคฺคหิตเมว โหติ, ปุน วารํ ตถา น ชวติฯ อปรสฺส เอกวารํ เอวํ อาวชฺชโต ปุน ทุติยวารํ ราคาทิวเสน ชวนํ ชวติเยว, ทุติยวาราวสาเน ปน เอวํ เม ชวนํ ชวิตนฺติ อาวชฺชโต อารมฺมณํ ปริคฺคหิตเมว โหติ, ตติยวาเร ตถา น อุปฺปชฺชติฯ เอตฺถ ปน ปฐโม อติติโกฺข, ตติโย อติมโนฺท, ทุติยสฺส ปน วเสน อิมสฺมิํ สุเตฺต, ลฎุกิโกปเม, อินฺทฺริยภาวเน จ อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Evaṃ katapariggahassa hi dhātukammaṭṭhānikassa balavavipassakassa sacepi cakkhudvārādīsu ārammaṇe āpāthagate ayoniso āvajjanaṃ uppajjati, voṭṭhabbanaṃ patvā ekaṃ dve vāre āsevanaṃ labhitvā cittaṃ bhavaṅgameva otarati, na rāgādivasena uppajjati, ayaṃ koṭippatto tikkhavipassako. Aparassa rāgādivasena ekaṃ vāraṃ javanaṃ javati, javanapariyosāne pana rāgādivasena evaṃ me javanaṃ javitanti āvajjato ārammaṇaṃ pariggahitameva hoti, puna vāraṃ tathā na javati. Aparassa ekavāraṃ evaṃ āvajjato puna dutiyavāraṃ rāgādivasena javanaṃ javatiyeva, dutiyavārāvasāne pana evaṃ me javanaṃ javitanti āvajjato ārammaṇaṃ pariggahitameva hoti, tatiyavāre tathā na uppajjati. Ettha pana paṭhamo atitikkho, tatiyo atimando, dutiyassa pana vasena imasmiṃ sutte, laṭukikopame, indriyabhāvane ca ayamattho veditabbo.
เอวํ โสตทฺวาเร ปริคฺคหิตวเสน ธาตุกมฺมฎฺฐานิกสฺส พลํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ กายทฺวาเร ทีเปโนฺต ตเญฺจ, อาวุโสติอาทิมาหฯ อนิฎฺฐารมฺมณญฺหิ ปตฺวา ทฺวีสุ วาเรสุ กิลมติ โสตทฺวาเร จ กายทฺวาเร จฯ ตสฺมา ยถา นาม เขตฺตสฺสามี ปุริโส กุทาลํ คเหตฺวา เขตฺตํ อนุสญฺจรโนฺต ยตฺถ วา ตตฺถ วา มตฺติกปิณฺฑํ อทตฺวา ทุพฺพลฎฺฐาเนสุเยว กุทาเลน ภูมิํ ภินฺทิตฺวา สติณมตฺติกปิณฺฑํ เทติฯ เอวเมว มหาเถโร อนาคเต สิกฺขากามา ปธานกมฺมิกา กุลปุตฺตา อิเมสุ ทฺวาเรสุ สํวรํ ปฎฺฐเปตฺวา ขิปฺปเมว ชาติชรามรณสฺส อนฺตํ กริสฺสนฺตีติ อิเมสุเยว ทฺวีสุ ทฺวาเรสุ คาฬฺหํ กตฺวา สํวรํ เทเสโนฺต อิมํ เทสนํ อารภิฯ
Evaṃ sotadvāre pariggahitavasena dhātukammaṭṭhānikassa balaṃ dassetvā idāni kāyadvāre dīpento tañce, āvusotiādimāha. Aniṭṭhārammaṇañhi patvā dvīsu vāresu kilamati sotadvāre ca kāyadvāre ca. Tasmā yathā nāma khettassāmī puriso kudālaṃ gahetvā khettaṃ anusañcaranto yattha vā tattha vā mattikapiṇḍaṃ adatvā dubbalaṭṭhānesuyeva kudālena bhūmiṃ bhinditvā satiṇamattikapiṇḍaṃ deti. Evameva mahāthero anāgate sikkhākāmā padhānakammikā kulaputtā imesu dvāresu saṃvaraṃ paṭṭhapetvā khippameva jātijarāmaraṇassa antaṃ karissantīti imesuyeva dvīsu dvāresu gāḷhaṃ katvā saṃvaraṃ desento imaṃ desanaṃ ārabhi.
ตตฺถ สมุทาจรนฺตีติ อุปกฺกมนฺติฯ ปาณิสมฺผเสฺสนาติ ปาณิปฺปหาเรน, อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ ตถาภูโตติ ตถาสภาโวฯ ยถาภูตสฺมินฺติ ยถาสภาเวฯ กมนฺตีติ ปวตฺตนฺติฯ เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโตติอาทีสุ อิติปิ โส ภควาติอาทินา นเยน อนุสฺสรโนฺตปิ พุทฺธํ อนุสฺสรติ, วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตาติ อนุสฺสรโนฺตปิ อนุสฺสรติเยวฯ สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺมติอาทินา นเยน อนุสฺสรโนฺตปิ ธมฺมํ อนุสฺสรติ, กกจูปโมวาทํ อนุสฺสรโนฺตปิ อนุสฺสรติเยวฯ สุปฺปฎิปโนฺนติอาทินา นเยน อนุสฺสรโนฺตปิ สงฺฆํ อนุสฺสรติ, กกโจกนฺตนํ อธิวาสยมานสฺส ภิกฺขุโน คุณํ อนุสฺสรมาโนปิ อนุสฺสรติเยวฯ
Tattha samudācarantīti upakkamanti. Pāṇisamphassenāti pāṇippahārena, itaresupi eseva nayo. Tathābhūtoti tathāsabhāvo. Yathābhūtasminti yathāsabhāve. Kamantīti pavattanti. Evaṃ buddhaṃ anussaratotiādīsu itipi so bhagavātiādinā nayena anussarantopi buddhaṃ anussarati, vuttaṃ kho panetaṃ bhagavatāti anussarantopi anussaratiyeva. Svākkhāto bhagavatā dhammotiādinā nayena anussarantopi dhammaṃ anussarati, kakacūpamovādaṃ anussarantopi anussaratiyeva. Suppaṭipannotiādinā nayena anussarantopi saṅghaṃ anussarati, kakacokantanaṃ adhivāsayamānassa bhikkhuno guṇaṃ anussaramānopi anussaratiyeva.
อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา น สณฺฐาตีติ อิธ วิปสฺสนุเปกฺขา อธิเปฺปตาฯ อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา สณฺฐาตีติ อิธ ฉฬงฺคุเปกฺขา, สา ปเนสา กิญฺจาปิ ขีณาสวสฺส อิฎฺฐานิเฎฺฐสุ อารมฺมเณสุ อรชฺชนาทิวเสน ปวตฺตติ, อยํ ปน ภิกฺขุ วีริยพเลน ภาวนาสิทฺธิยา อตฺตโน วิปสฺสนํ ขีณาสวสฺส ฉฬงฺคุเปกฺขาฐาเน ฐเปตีติ วิปสฺสนาว ฉฬงฺคุเปกฺขา นาม ชาตาฯ
Upekkhā kusalanissitā na saṇṭhātīti idha vipassanupekkhā adhippetā. Upekkhā kusalanissitā saṇṭhātīti idha chaḷaṅgupekkhā, sā panesā kiñcāpi khīṇāsavassa iṭṭhāniṭṭhesu ārammaṇesu arajjanādivasena pavattati, ayaṃ pana bhikkhu vīriyabalena bhāvanāsiddhiyā attano vipassanaṃ khīṇāsavassa chaḷaṅgupekkhāṭhāne ṭhapetīti vipassanāva chaḷaṅgupekkhā nāma jātā.
๓๐๓. อาโปธาตุนิเทฺทเส อาโปคตนฺติ สพฺพอาเปสุ คตํ อลฺลยูสภาวลกฺขณํฯ ปิตฺตํ เสมฺหนฺติอาทีสุ ปน ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ สทฺธิํ ภาวนานเยน วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตํฯ ปกุปฺปตีติ โอฆวเสน วฑฺฒติ, สมุทฺทโต วา อุทกํ อุตฺตรติ, อยมสฺส ปากติโก ปโกโป, อาโปสํวฎฺฎกาเล ปน โกฎิสตสหสฺสจกฺกวาฬํ อุทกปูรเมว โหติฯ โอคจฺฉนฺตีติ เหฎฺฐา คจฺฉนฺติ, อุทฺธเน อาโรปิตอุทกํ วิย ขยํ วินาสํ ปาปุณนฺติฯ เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
303. Āpodhātuniddese āpogatanti sabbaāpesu gataṃ allayūsabhāvalakkhaṇaṃ. Pittaṃ semhantiādīsu pana yaṃ vattabbaṃ, taṃ sabbaṃ saddhiṃ bhāvanānayena visuddhimagge vuttaṃ. Pakuppatīti oghavasena vaḍḍhati, samuddato vā udakaṃ uttarati, ayamassa pākatiko pakopo, āposaṃvaṭṭakāle pana koṭisatasahassacakkavāḷaṃ udakapūrameva hoti. Ogacchantīti heṭṭhā gacchanti, uddhane āropitaudakaṃ viya khayaṃ vināsaṃ pāpuṇanti. Sesaṃ purimanayeneva veditabbaṃ.
๓๐๔. เตโชธาตุนิเทฺทเส เตโชคตนฺติ สพฺพเตเชสุ คตํ อุณฺหตฺตลกฺขณํฯ เตโช เอว วา เตโชภาวํ คตนฺติ เตโชคตํฯ ปุริเม อาโปคเตปิ ปจฺฉิเม วาโยคเตปิ เอเสว นโยฯ เยน จาติ เยน เตโชคเตนฯ ตสฺมิํ กุปฺปิเต อยํ กาโย สนฺตปฺปติ, เอกาหิกชราทิภาเวน อุสุมชาโต โหติฯ เยน จ ชีรียตีติ เยน อยํ กาโย ชีรติ, อินฺทฺริยเวกลฺลตฺตํ พลปริกฺขยํ วลิปลิตาทิภาวญฺจ ปาปุณาติฯ เยน จ ปริฑยฺหตีติ เยน กุปฺปิเตน อยํ กาโย ทยฺหติ, โส จ ปุคฺคโล ทยฺหามิ ทยฺหามีติ กนฺทโนฺต สตโธตสปฺปิโคสีตจนฺทนาทิเลปญฺจ ตาลวณฺฎวาตญฺจ ปจฺจาสีสติฯ เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉตีติ เยน ตํ อสิตํ วา โอทนาทิ, ปีตํ วา ปานกาทิ, ขายิตํ วา ปิฎฺฐขชฺชกาทิ, สายิตํ วา อมฺพปกฺกมธุผาณิตาทิ สมฺมา ปริปากํ คจฺฉติ, รสาทิภาเวน วิเวกํ คจฺฉตีติ อโตฺถฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปน ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ สทฺธิํ ภาวนานเยน วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตํฯ
304. Tejodhātuniddese tejogatanti sabbatejesu gataṃ uṇhattalakkhaṇaṃ. Tejo eva vā tejobhāvaṃ gatanti tejogataṃ. Purime āpogatepi pacchime vāyogatepi eseva nayo. Yena cāti yena tejogatena. Tasmiṃ kuppite ayaṃ kāyo santappati, ekāhikajarādibhāvena usumajāto hoti. Yena ca jīrīyatīti yena ayaṃ kāyo jīrati, indriyavekallattaṃ balaparikkhayaṃ valipalitādibhāvañca pāpuṇāti. Yena ca pariḍayhatīti yena kuppitena ayaṃ kāyo dayhati, so ca puggalo dayhāmi dayhāmīti kandanto satadhotasappigosītacandanādilepañca tālavaṇṭavātañca paccāsīsati. Yena ca asitapītakhāyitasāyitaṃ sammā pariṇāmaṃ gacchatīti yena taṃ asitaṃ vā odanādi, pītaṃ vā pānakādi, khāyitaṃ vā piṭṭhakhajjakādi, sāyitaṃ vā ambapakkamadhuphāṇitādi sammā paripākaṃ gacchati, rasādibhāvena vivekaṃ gacchatīti attho. Ayamettha saṅkhepo. Vitthārato pana yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ sabbaṃ saddhiṃ bhāvanānayena visuddhimagge vuttaṃ.
หริตนฺตนฺติ หริตเมวฯ อลฺลติณาทิํ อาคมฺม นิพฺพายตีติ อโตฺถฯ ปนฺถนฺตนฺติ มหามคฺคเมวฯ เสลนฺตนฺติ ปพฺพตํฯ อุทกนฺตนฺติ อุทกํฯ รมณียํ วา ภูมิภาคนฺติ ติณคุมฺพาทิรหิตํ, วิวิตฺตํ อโพฺภกาสํ ภูมิภาคํฯ อนาหาราติ นิราหารา นิรุปาทานา, อยมฺปิ ปกติยาว เตโชวิกาโร วุโตฺต, เตโชสํวฎฺฎกาเล ปน โกฎิสตสหสฺสจกฺกวาฬํ ฌาเปตฺวา ฉาริกามตฺตมฺปิ น ติฎฺฐติฯ นฺหารุททฺทุเลนาติ จมฺมนิเลฺลขเนนฯ อคฺคิํ คเวสนฺตีติ เอวรูปํ สุขุมํ อุปาทานํ คเหตฺวา อคฺคิํ ปริเยสนฺติ, ยํ อปฺปมตฺตกมฺปิ อุสุมํ ลภิตฺวา ปชฺชลติ, เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
Haritantanti haritameva. Allatiṇādiṃ āgamma nibbāyatīti attho. Panthantanti mahāmaggameva. Selantanti pabbataṃ. Udakantanti udakaṃ. Ramaṇīyaṃ vā bhūmibhāganti tiṇagumbādirahitaṃ, vivittaṃ abbhokāsaṃ bhūmibhāgaṃ. Anāhārāti nirāhārā nirupādānā, ayampi pakatiyāva tejovikāro vutto, tejosaṃvaṭṭakāle pana koṭisatasahassacakkavāḷaṃ jhāpetvā chārikāmattampi na tiṭṭhati. Nhārudaddulenāti cammanillekhanena. Aggiṃ gavesantīti evarūpaṃ sukhumaṃ upādānaṃ gahetvā aggiṃ pariyesanti, yaṃ appamattakampi usumaṃ labhitvā pajjalati, sesamidhāpi purimanayeneva veditabbaṃ.
๓๐๕. วาโยธาตุนิเทฺทเส อุทฺธงฺคมา วาตาติ อุคฺคารหิกฺการาทิปวตฺตกา อุทฺธํ อาโรหนวาตาฯ อโธคมา วาตาติ อุจฺจารปสฺสาวาทินีหรณกา อโธ โอโรหนวาตาฯ กุจฺฉิสยา วาตาติ อนฺตานํ พหิวาตาฯ โกฎฺฐาสยา วาตาติ อนฺตานํ อโนฺตวาตาฯ องฺคมงฺคานุสาริโนติ ธมนีชาลานุสาเรน สกลสรีเร องฺคมงฺคานิ อนุสฎา สมิญฺชนปสารณาทินิพฺพตฺตกวาตาฯ อสฺสาโสติ อโนฺตปวิสนนาสิกวาโต ฯ ปสฺสาโสติ พหินิกฺขมนนาสิกวาโตฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปน ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ สทฺธิํ ภาวนานเยน วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตํฯ
305. Vāyodhātuniddese uddhaṅgamā vātāti uggārahikkārādipavattakā uddhaṃ ārohanavātā. Adhogamā vātāti uccārapassāvādinīharaṇakā adho orohanavātā. Kucchisayā vātāti antānaṃ bahivātā. Koṭṭhāsayā vātāti antānaṃ antovātā. Aṅgamaṅgānusārinoti dhamanījālānusārena sakalasarīre aṅgamaṅgāni anusaṭā samiñjanapasāraṇādinibbattakavātā. Assāsoti antopavisananāsikavāto . Passāsoti bahinikkhamananāsikavāto. Ayamettha saṅkhepo. Vitthārato pana yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ sabbaṃ saddhiṃ bhāvanānayena visuddhimagge vuttaṃ.
คามมฺปิ วหตีติ สกลคามมฺปิ จุณฺณวิจุณฺณํ กุรุมานา อาทาย คจฺฉติ, นิคมาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อิธ วาโยสํวฎฺฎกาเล โกฎิสตสหสฺสจกฺกวาฬวิทฺธํสนวเสน วาโยธาตุวิกาโร ทสฺสิโตฯ วิธูปเนนาติ อคฺคิพีชนเกนฯ โอสฺสวเนติ ฉทนเคฺค, เตน หิ อุทกํ สวติ, ตสฺมา ตํ ‘‘โอสฺสวน’’นฺติ วุจฺจติฯ เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ
Gāmampi vahatīti sakalagāmampi cuṇṇavicuṇṇaṃ kurumānā ādāya gacchati, nigamādīsupi eseva nayo. Idha vāyosaṃvaṭṭakāle koṭisatasahassacakkavāḷaviddhaṃsanavasena vāyodhātuvikāro dassito. Vidhūpanenāti aggibījanakena. Ossavaneti chadanagge, tena hi udakaṃ savati, tasmā taṃ ‘‘ossavana’’nti vuccati. Sesamidhāpi purimanayeneva yojetabbaṃ.
๓๐๖. เสยฺยถาปิ , อาวุโสติ อิธ กิํ ทเสฺสติ? เหฎฺฐา กถิตานํ มหาภูตานํ นิสฺสตฺตภาวํฯ กฎฺฐนฺติ ทพฺพสมฺภารํฯ วลฺลินฺติ อาพนฺธนวลฺลิํฯ ติณนฺติ ฉทนติณํฯ มตฺติกนฺติ อนุเลปมตฺติกํฯ อากาโส ปริวาริโตติ เอตานิ กฎฺฐาทีนิ อโนฺต จ พหิ จ ปริวาเรตฺวา อากาโส ฐิโตติ อโตฺถฯ อคารํเตฺวว สงฺขํ คจฺฉตีติ อคารนฺติ ปณฺณตฺติมตฺตํ โหติฯ กฎฺฐาทีสุ ปน วิสุํ วิสุํ ราสิกเตสุ กฎฺฐราสิวลฺลิราสีเตฺวว วุจฺจติฯ เอวเมว โขติ เอวเมว อฎฺฐิอาทีนิ อโนฺต จ พหิ จ ปริวาเรตฺวา ฐิโต อากาโส, ตาเนว อฎฺฐิอาทีนิ ปฎิจฺจ รูปํเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ, สรีรนฺติ โวหารํ คจฺฉติฯ ยถา กฎฺฐาทีนิ ปฎิจฺจ เคหนฺติ สงฺขํ คตํ อคารํ ขตฺติยเคหํ พฺราหฺมณเคหนฺติ วุจฺจติ, เอวมิทมฺปิ ขตฺติยสรีรํ พฺราหฺมณสรีรนฺติ วุจฺจติ, น เหตฺถ โกจิ สโตฺต วา ชีโว วา วิชฺชติฯ
306.Seyyathāpi, āvusoti idha kiṃ dasseti? Heṭṭhā kathitānaṃ mahābhūtānaṃ nissattabhāvaṃ. Kaṭṭhanti dabbasambhāraṃ. Vallinti ābandhanavalliṃ. Tiṇanti chadanatiṇaṃ. Mattikanti anulepamattikaṃ. Ākāso parivāritoti etāni kaṭṭhādīni anto ca bahi ca parivāretvā ākāso ṭhitoti attho. Agāraṃtveva saṅkhaṃ gacchatīti agāranti paṇṇattimattaṃ hoti. Kaṭṭhādīsu pana visuṃ visuṃ rāsikatesu kaṭṭharāsivallirāsītveva vuccati. Evameva khoti evameva aṭṭhiādīni anto ca bahi ca parivāretvā ṭhito ākāso, tāneva aṭṭhiādīni paṭicca rūpaṃtveva saṅkhaṃ gacchati, sarīranti vohāraṃ gacchati. Yathā kaṭṭhādīni paṭicca gehanti saṅkhaṃ gataṃ agāraṃ khattiyagehaṃ brāhmaṇagehanti vuccati, evamidampi khattiyasarīraṃ brāhmaṇasarīranti vuccati, na hettha koci satto vā jīvo vā vijjati.
อชฺฌตฺติกเญฺจว, อาวุโส, จกฺขูติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? เหฎฺฐา อุปาทารูปํ จตฺตาโร จ อรูปิโน ขนฺธา ตีณิ จ อริยสจฺจานิ น กถิตานิ, อิทานิ ตานิ กเถตุํ อยํ เทสนา อารทฺธาติฯ ตตฺถ จกฺขุํ อปริภินฺนนฺติ จกฺขุปสาเท นิรุเทฺธปิ อุปหเตปิ ปิตฺตเสมฺหโลหิเตหิ ปลิพุเทฺธปิ จกฺขุ จกฺขุวิญฺญาณสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ น สโกฺกติ, ปริภินฺนเมว โหติ, จกฺขุวิญฺญาณสฺส ปน ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ อปริภินฺนํ นามฯ พาหิรา จ รูปาติ พาหิรา จตุสมุฎฺฐานิกรูปาฯ ตโชฺช สมนฺนาหาโรติ ตํ จกฺขุญฺจ รูเป จ ปฎิจฺจ ภวงฺคํ อาวเฎฺฎตฺวา อุปฺปชฺชนมนสิกาโร, ภวงฺคาวฎฺฎนสมตฺถํ จกฺขุทฺวาเร กิริยมโนธาตุจิตฺตนฺติ อโตฺถฯ ตํ รูปานํ อนาปาถคตตฺตาปิ อญฺญาวิหิตสฺสปิ น โหติ, ตชฺชสฺสาติ ตทนุรูปสฺสฯ วิญฺญาณภาคสฺสาติ วิญฺญาณโกฎฺฐาสสฺสฯ
Ajjhattikañceva, āvuso, cakkhūti idaṃ kasmā āraddhaṃ? Heṭṭhā upādārūpaṃ cattāro ca arūpino khandhā tīṇi ca ariyasaccāni na kathitāni, idāni tāni kathetuṃ ayaṃ desanā āraddhāti. Tattha cakkhuṃ aparibhinnanti cakkhupasāde niruddhepi upahatepi pittasemhalohitehi palibuddhepi cakkhu cakkhuviññāṇassa paccayo bhavituṃ na sakkoti, paribhinnameva hoti, cakkhuviññāṇassa pana paccayo bhavituṃ samatthaṃ aparibhinnaṃ nāma. Bāhirā ca rūpāti bāhirā catusamuṭṭhānikarūpā. Tajjo samannāhāroti taṃ cakkhuñca rūpe ca paṭicca bhavaṅgaṃ āvaṭṭetvā uppajjanamanasikāro, bhavaṅgāvaṭṭanasamatthaṃ cakkhudvāre kiriyamanodhātucittanti attho. Taṃ rūpānaṃ anāpāthagatattāpi aññāvihitassapi na hoti, tajjassāti tadanurūpassa. Viññāṇabhāgassāti viññāṇakoṭṭhāsassa.
ยํ ตถาภูตสฺสาติอาทีสุ ทฺวารวเสน จตฺตาริ สจฺจานิ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ตถาภูตสฺสาติ จกฺขุวิญฺญาเณน สหภูตสฺส, จกฺขุวิญฺญาณสมงฺคิโนติ อโตฺถฯ รูปนฺติ จกฺขุวิญฺญาณสฺส น รูปชนกตฺตา จกฺขุวิญฺญาณกฺขเณ ติสมุฎฺฐานรูปํ, ตทนนฺตรจิตฺตกฺขเณ จตุสมุฎฺฐานมฺปิ ลพฺภติฯ สงฺคหํ คจฺฉตีติ คณนํ คจฺฉติฯ เวทนาทโย จกฺขุวิญฺญาณสมฺปยุตฺตาวฯ วิญฺญาณมฺปิ จกฺขุวิญฺญาณเมวฯ เอตฺถ จ สงฺขาราติ เจตนาว วุตฺตาฯ สงฺคโหติ เอกโต สงฺคโหฯ สนฺนิปาโตติ สมาคโมฯ สมวาโยติ ราสิฯ โย ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ ปสฺสตีติ โย ปจฺจเย ปสฺสติฯ โส ธมฺมํ ปสฺสตีติ โส ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนธเมฺม ปสฺสติ, ฉโนฺทติอาทิ สพฺพํ ตณฺหาเววจนเมว , ตณฺหา หิ ฉนฺทกรณวเสน ฉโนฺทฯ อาลยกรณวเสน อาลโยฯ อนุนยกรณวเสน อนุนโยฯ อโชฺฌคาหิตฺวา คิลิตฺวา คหนวเสน อโชฺฌสานนฺติ วุจฺจติฯ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานนฺติ นิพฺพานเสฺสว เววจนํ, อิติ ตีณิ สจฺจานิ ปาฬิยํ อาคตาเนว มคฺคสจฺจํ อาหริตฺวา คเหตพฺพํ, ยา อิเมสุ ตีสุ ฐาเนสุ ทิฎฺฐิ สงฺกโปฺป วาจา กมฺมโนฺต อาชีโว วายาโม สติ สมาธิ ภาวนาปฎิเวโธ, อยํ มโคฺคติฯ พหุกตํ โหตีติ เอตฺตาวตาปิ พหุํ ภควโต สาสนํ กตํ โหติ, อชฺฌตฺติกเญฺจว, อาวุโส, โสตนฺติอาทิวาเรสุปิ เอเสว นโยฯ
Yaṃ tathābhūtassātiādīsu dvāravasena cattāri saccāni dasseti. Tattha tathābhūtassāti cakkhuviññāṇena sahabhūtassa, cakkhuviññāṇasamaṅginoti attho. Rūpanti cakkhuviññāṇassa na rūpajanakattā cakkhuviññāṇakkhaṇe tisamuṭṭhānarūpaṃ, tadanantaracittakkhaṇe catusamuṭṭhānampi labbhati. Saṅgahaṃ gacchatīti gaṇanaṃ gacchati. Vedanādayo cakkhuviññāṇasampayuttāva. Viññāṇampi cakkhuviññāṇameva. Ettha ca saṅkhārāti cetanāva vuttā. Saṅgahoti ekato saṅgaho. Sannipātoti samāgamo. Samavāyoti rāsi. Yo paṭiccasamuppādaṃ passatīti yo paccaye passati. So dhammaṃ passatīti so paṭiccasamuppannadhamme passati, chandotiādi sabbaṃ taṇhāvevacanameva , taṇhā hi chandakaraṇavasena chando. Ālayakaraṇavasena ālayo. Anunayakaraṇavasena anunayo. Ajjhogāhitvā gilitvā gahanavasena ajjhosānanti vuccati. Chandarāgavinayo chandarāgappahānanti nibbānasseva vevacanaṃ, iti tīṇi saccāni pāḷiyaṃ āgatāneva maggasaccaṃ āharitvā gahetabbaṃ, yā imesu tīsu ṭhānesu diṭṭhi saṅkappo vācā kammanto ājīvo vāyāmo sati samādhi bhāvanāpaṭivedho, ayaṃ maggoti. Bahukataṃ hotīti ettāvatāpi bahuṃ bhagavato sāsanaṃ kataṃ hoti, ajjhattikañceva, āvuso, sotantiādivāresupi eseva nayo.
มโนทฺวาเร ปน อชฺฌตฺติโก มโน นาม ภวงฺคจิตฺตํฯ ตํ นิรุทฺธมฺปิ อาวชฺชนจิตฺตสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ อสมตฺถํ มนฺทถามคตเมว ปวตฺตมานมฺปิ ปริภินฺนํ นาม โหติฯ อาวชฺชนสฺส ปน ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ อปริภินฺนํ นามฯ พาหิรา จ ธมฺมาติ ธมฺมารมฺมณํฯ เนว ตาว ตชฺชสฺสาติ อิทํ ภวงฺคสมเยเนว กถิตํฯ ทุติยวาโร ปคุณชฺฌานปจฺจเวกฺขเณน วา, ปคุณกมฺมฎฺฐานมนสิกาเรน วา, ปคุณพุทฺธวจนสชฺฌายกรณาทินา วา, อญฺญวิหิตกํ สนฺธาย วุโตฺตฯ อิมสฺมิํ วาเร รูปนฺติ จตุสมุฎฺฐานมฺปิ ลพฺภติฯ มโนวิญฺญาณญฺหิ รูปํ สมุฎฺฐาเปติ, เวทนาทโย มโนวิญฺญาณสมฺปยุตฺตา , วิญฺญาณํ มโนวิญฺญาณเมวฯ สงฺขารา ปเนตฺถ ผสฺสเจตนาวเสเนว คหิตาฯ เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อิติ มหาเถโร เหฎฺฐา เอกเทสเมว สมฺมสโนฺต อาคนฺตฺวา อิมสฺมิํ ฐาเน ฐตฺวา เหฎฺฐา ปริหีนเทสนํ สพฺพํ ตํตํทฺวารวเสน ภาเชตฺวา ทเสฺสโนฺต ยถานุสนฺธินาว สุตฺตนฺตํ นิฎฺฐเปสีติฯ
Manodvāre pana ajjhattiko mano nāma bhavaṅgacittaṃ. Taṃ niruddhampi āvajjanacittassa paccayo bhavituṃ asamatthaṃ mandathāmagatameva pavattamānampi paribhinnaṃ nāma hoti. Āvajjanassa pana paccayo bhavituṃ samatthaṃ aparibhinnaṃ nāma. Bāhirā ca dhammāti dhammārammaṇaṃ. Neva tāva tajjassāti idaṃ bhavaṅgasamayeneva kathitaṃ. Dutiyavāro paguṇajjhānapaccavekkhaṇena vā, paguṇakammaṭṭhānamanasikārena vā, paguṇabuddhavacanasajjhāyakaraṇādinā vā, aññavihitakaṃ sandhāya vutto. Imasmiṃ vāre rūpanti catusamuṭṭhānampi labbhati. Manoviññāṇañhi rūpaṃ samuṭṭhāpeti, vedanādayo manoviññāṇasampayuttā , viññāṇaṃ manoviññāṇameva. Saṅkhārā panettha phassacetanāvaseneva gahitā. Sesaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Iti mahāthero heṭṭhā ekadesameva sammasanto āgantvā imasmiṃ ṭhāne ṭhatvā heṭṭhā parihīnadesanaṃ sabbaṃ taṃtaṃdvāravasena bhājetvā dassento yathānusandhināva suttantaṃ niṭṭhapesīti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahāhatthipadopamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตํ • 8. Mahāhatthipadopamasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๘. มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนา • 8. Mahāhatthipadopamasuttavaṇṇanā