Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๘. มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนา
8. Mahāhatthipadopamasuttavaṇṇanā
๓๐๐. ชงฺคลานนฺติ เอตฺถ โย นิปิจฺฉเลน อมุทุโก นิรุทกตาย ถทฺธลูขภูมิปฺปเทโส, โส ‘‘ชงฺคโล’’ติ วุจฺจติฯ ตพฺพหุลตาย ปน อิธ สโพฺพ ภูมิปฺปเทโส ชงฺคโล, ตสฺมิํ ชงฺคเล ชาตา, ภวาติ วา ชงฺคลา, เตสํ ชงฺคลานํฯ เอวญฺหิ นทีจรานมฺปิ หตฺถีนํ สงฺคโห กโต โหติฯ สโมธาตพฺพานํ วิย หิ สโมธายกานมฺปิ ชงฺคลคฺคหเณน คเหตพฺพโตฯ ปถวีตลจารีนนฺติ อิมินา ชลจาริโน น นิวเตฺตติ อทิสฺสมานปาทตฺตาฯ ปาณานนฺติ สาธารณวจนมฺปิ ‘‘ปทชาตานี’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน วิเสสนิวิฎฺฐเมว โหตีติ อาห ‘‘สปาทกปาณาน’’นฺติฯ ‘‘มุตฺตคต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑) คต-สโทฺท อนตฺถนฺตโร วิย, ชาต-สโทฺท อนตฺถนฺตโรติ อาห ‘‘ปทชาตานีติ ปทานี’’ติฯ สโมธานนฺติ สมวโรธํ, อโนฺตคมํ วาฯ มหนฺตเตฺตนาติ วิปุลภาเวนฯ
300.Jaṅgalānanti ettha yo nipicchalena amuduko nirudakatāya thaddhalūkhabhūmippadeso, so ‘‘jaṅgalo’’ti vuccati. Tabbahulatāya pana idha sabbo bhūmippadeso jaṅgalo, tasmiṃ jaṅgale jātā, bhavāti vā jaṅgalā, tesaṃ jaṅgalānaṃ. Evañhi nadīcarānampi hatthīnaṃ saṅgaho kato hoti. Samodhātabbānaṃ viya hi samodhāyakānampi jaṅgalaggahaṇena gahetabbato. Pathavītalacārīnanti iminā jalacārino na nivatteti adissamānapādattā. Pāṇānanti sādhāraṇavacanampi ‘‘padajātānī’’ti saddantarasannidhānena visesaniviṭṭhameva hotīti āha ‘‘sapādakapāṇāna’’nti. ‘‘Muttagata’’ntiādīsu (ma. ni. 2.119; a. ni. 9.11) gata-saddo anatthantaro viya, jāta-saddo anatthantaroti āha ‘‘padajātānīti padānī’’ti. Samodhānanti samavarodhaṃ, antogamaṃ vā. Mahantattenāti vipulabhāvena.
กุสลา ธมฺมาติ อนวชฺชสุขวิปากา ธมฺมา, น อนวชฺชมตฺตธมฺมาฯ กุสลตฺติเก อาคตนเยน หิ อิธ กุสลา ธมฺมา คเหตพฺพา, น พาหิติกสุเตฺต อาคตนเยนฯ จตุพฺพิโธ สงฺคโหติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เอกวิโธเวตฺถ สงฺคโห อธิเปฺปโตติ? น, อตฺถํ อคฺคเหตฺวา อนิทฺธาริตตฺถสฺส สทฺทเสฺสว คหิตตฺตาฯ สงฺคห-สโทฺท ตาว อตฺตโน อตฺถวเสน จตุพฺพิโธติ อยเญฺหตฺถ อโตฺถฯ อโตฺถปิ วา อนิทฺธาริตวิเสโส สามเญฺญน คเหตพฺพตํ ปโตฺต ‘‘สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ เอตฺถ สงฺคห-สเทฺทน วจนียตํ คโตติ น โกจิ โทโส, นิทฺธาริเต วิเสเส ตสฺส เอกวิธตา สิยา, น ตโต ปุเพฺพติฯ สชาติสงฺคโหติ สมานชาติยา, สมานชาติกานํ วา สงฺคโหฯ ธาตุกถาวณฺณนายํ ปน ‘‘ชาติสงฺคโห’’อิเจฺจว วุตฺตํ, ตํ ชาติ-สทฺทสฺส สาเปกฺขสทฺทตฺตา ชาติยา สงฺคโหติ วุเตฺต อตฺตโน ชาติยาติ วิญฺญายติ สมฺพนฺธารหสฺส อญฺญสฺส อวุตฺตตฺตาติ กตฺวา วุตฺตํฯ อิธ ปน รูปกณฺฑวณฺณนายํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๕๙๔) วิย ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘สชาติสงฺคโห’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ สญฺชายนฺติ เอตฺถาติ สญฺชาติ, สญฺชาติยา สงฺคโห สญฺชาติสงฺคโห, สญฺชาติเทสวเสน สงฺคโหติ อโตฺถฯ ‘‘สเพฺพ รถิกา’’ติ วุเตฺต สเพฺพ รถโยธา รเถน ยุชฺฌนกิริยาย เอกสงฺคโหติฯ ‘‘สเพฺพ ธนุคฺคหา’’ติ วุเตฺต สเพฺพ อิสฺสาสา ธนุนา วิชฺฌนกิริยาย เอกสงฺคโหติ อาห ‘‘เอวํ กิริยวเสน สงฺคโห’’ติฯ รูปกฺขเนฺธน สงฺคหิตนฺติ รูปกฺขเนฺธน เอกสงฺคหํ รูปกฺขโนฺธเตว คณิตํ, คหณํ คตนฺติ อโตฺถฯ
Kusalā dhammāti anavajjasukhavipākā dhammā, na anavajjamattadhammā. Kusalattike āgatanayena hi idha kusalā dhammā gahetabbā, na bāhitikasutte āgatanayena. Catubbidho saṅgahoti kasmā vuttaṃ, nanu ekavidhovettha saṅgaho adhippetoti? Na, atthaṃ aggahetvā aniddhāritatthassa saddasseva gahitattā. Saṅgaha-saddo tāva attano atthavasena catubbidhoti ayañhettha attho. Atthopi vā aniddhāritaviseso sāmaññena gahetabbataṃ patto ‘‘saṅgahaṃ gacchatī’’ti ettha saṅgaha-saddena vacanīyataṃ gatoti na koci doso, niddhārite visese tassa ekavidhatā siyā, na tato pubbeti. Sajātisaṅgahoti samānajātiyā, samānajātikānaṃ vā saṅgaho. Dhātukathāvaṇṇanāyaṃ pana ‘‘jātisaṅgaho’’icceva vuttaṃ, taṃ jāti-saddassa sāpekkhasaddattā jātiyā saṅgahoti vutte attano jātiyāti viññāyati sambandhārahassa aññassa avuttattāti katvā vuttaṃ. Idha pana rūpakaṇḍavaṇṇanāyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 594) viya pākaṭaṃ katvā dassetuṃ ‘‘sajātisaṅgaho’’icceva vuttaṃ. Sañjāyanti etthāti sañjāti, sañjātiyā saṅgaho sañjātisaṅgaho, sañjātidesavasena saṅgahoti attho. ‘‘Sabbe rathikā’’ti vutte sabbe rathayodhā rathena yujjhanakiriyāya ekasaṅgahoti. ‘‘Sabbe dhanuggahā’’ti vutte sabbe issāsā dhanunā vijjhanakiriyāya ekasaṅgahoti āha ‘‘evaṃ kiriyavasena saṅgaho’’ti. Rūpakkhandhena saṅgahitanti rūpakkhandhena ekasaṅgahaṃ rūpakkhandhoteva gaṇitaṃ, gahaṇaṃ gatanti attho.
ทิยฑฺฒเมว สจฺจํ ภชติ มคฺคสจฺจทุกฺขสเจฺจกเทสภาวโตฯ สเจฺจกเทสโนฺตคธมฺปิ สจฺจโนฺตคธเมว โหตีติ อาห ‘‘สจฺจานํ อโนฺตคธตฺตา’’ติฯ อิทานิ ตมตฺถํ สาสนโต จ โลกโต จ อุปมํ อาห ริตฺวา ทีเปตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สาธิกมิทํ, ภิกฺขเว, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตนฺติ อิทํ ยสฺมิํ กาเล ตํ สุตฺตํ เทสิตํ, ตทา ปญฺญตฺตสิกฺขาปทวเสน วุตฺตํ, ตโต ปรํ ปน สาธิกานิ เทฺวสตานิ สิกฺขาปทานีติฯ สิกฺขานํ อโนฺตคธตฺตา อธิสีลสิกฺขายฯ เอตฺถ จ ‘‘สีลํ สิกฺขโนฺตปิ ติโสฺส สิกฺขา สิกฺขตี’’ติ วิสโมยํ อุปญฺญาโสฯ ตตฺถ หิ โย ปหาตพฺพํ ปชหติ, สํวริตพฺพโต สํวรํ อาปชฺชติ, อยมสฺส อธิสีลสิกฺขาฯ โย ตตฺถ เจตโส อวิเกฺขโป, อยมสฺส อธิจิตฺตสิกฺขาฯ ยา ตตฺถ วีมํสา, อยมสฺส อธิปญฺญาสิกฺขาฯ อิติ โส กุลปุโตฺต สรูปโต ลพฺภมานา เอว ติโสฺส สิกฺขา สิกฺขตีติ ทีปิโต, น สิกฺขานํ อโนฺตคธตามเตฺตนฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ ‘‘โย ตถาภูตสฺส สํวโร, อยเมตฺถ อธิสีลสิกฺขา, โย ตถาภูตสฺส สมาธิ, อยเมตฺถ อธิจิตฺตสิกฺขา, ยา ตถาภูตสฺส ปญฺญา, อยํ อธิปญฺญาสิกฺขาฯ อิมา ติโสฺส สิกฺขา ตสฺมิํ อารมฺมเณ ตาย สติยา เตน มนสิกาเรน สิกฺขติ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรตี’’ติฯ อิธ ปน สจฺจานํ อโนฺตคธตฺตา สจฺจ-สทฺทาภิเธยฺยตามเตฺตน จตูสุ สเจฺจสุ คณนโนฺตคธา โหนฺตีติ? น, ตตฺถาปิ หิ นิปฺปริยายโต อธิสีลสิกฺขาว ลพฺภติ, อิตรา ปริยายโตติ กตฺวา ‘‘สิกฺขานํ อโนฺตคธตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ
Diyaḍḍhamevasaccaṃ bhajati maggasaccadukkhasaccekadesabhāvato. Saccekadesantogadhampi saccantogadhameva hotīti āha ‘‘saccānaṃ antogadhattā’’ti. Idāni tamatthaṃ sāsanato ca lokato ca upamaṃ āha ritvā dīpetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha sādhikamidaṃ, bhikkhave, diyaḍḍhasikkhāpadasatanti idaṃ yasmiṃ kāle taṃ suttaṃ desitaṃ, tadā paññattasikkhāpadavasena vuttaṃ, tato paraṃ pana sādhikāni dvesatāni sikkhāpadānīti. Sikkhānaṃ antogadhattā adhisīlasikkhāya. Ettha ca ‘‘sīlaṃ sikkhantopi tisso sikkhā sikkhatī’’ti visamoyaṃ upaññāso. Tattha hi yo pahātabbaṃ pajahati, saṃvaritabbato saṃvaraṃ āpajjati, ayamassa adhisīlasikkhā. Yo tattha cetaso avikkhepo, ayamassa adhicittasikkhā. Yā tattha vīmaṃsā, ayamassa adhipaññāsikkhā. Iti so kulaputto sarūpato labbhamānā eva tisso sikkhā sikkhatīti dīpito, na sikkhānaṃ antogadhatāmattena. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘yo tathābhūtassa saṃvaro, ayamettha adhisīlasikkhā, yo tathābhūtassa samādhi, ayamettha adhicittasikkhā, yā tathābhūtassa paññā, ayaṃ adhipaññāsikkhā. Imā tisso sikkhā tasmiṃ ārammaṇe tāya satiyā tena manasikārena sikkhati āsevati bhāveti bahulīkarotī’’ti. Idha pana saccānaṃ antogadhattā sacca-saddābhidheyyatāmattena catūsu saccesu gaṇanantogadhā hontīti? Na, tatthāpi hi nippariyāyato adhisīlasikkhāva labbhati, itarā pariyāyatoti katvā ‘‘sikkhānaṃ antogadhattā’’ti vuttaṃ.
จตูสุ อริยสเจฺจสุ สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ จ ตโต อมุจฺจิตฺวา ตเสฺสว อโนฺตคธตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘ยถา จ เอกสฺส หตฺถิปทสฺสา’’ติอาทินา ทสฺสิตา หตฺถิปโทปมา สมตฺถิตา ทฎฺฐพฺพาฯ เอกสฺมิมฺปิ ทฺวีสุปิ ตีสุปิ สเจฺจสุ คณนํ คตา ธมฺมาติ อิทํ น กุสลตฺติกวเสเนว เวทิตพฺพํ, อถ โข ติกทุเกสุ ยถารหํ ลพฺภมานปทวเสน เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ เอกสฺมิํ สเจฺจ คณนํ คโต ธโมฺม อสงฺขตธโมฺม ทฎฺฐโพฺพ, ทฺวีสุ สเจฺจสุ คณนํ คตา กุสลา ธมฺมา, ตถา อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา จ ธมฺมา, ตีสุ สเจฺจสุ คณนํ คตา สงฺขตา ธมฺมา, เอวํ อเญฺญสมฺปิ ติกทุกปทานํ วเสน อยมโตฺถ ยถารหํ วิภชิตฺวา วตฺตโพฺพฯ เตนาห ‘‘เอกสฺมิมฺปิ…เป.… คตาว โหนฺตี’’ติฯ เอกเทโส หิ สมุทายโนฺตคธตฺตา วิเสโส วิย สามเญฺญน สมูเหน สงฺคหํ ลภติฯ เตนาห ‘‘สจฺจานํ อโนฺตคธตฺตา’’ติฯ เทสนานุกฺกโมติ อริยสจฺจานิ อุทฺทิสิตฺวา ทุกฺขสจฺจนิเทฺทสวเสน ปญฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ วิภชนํฯ ตตฺถ จ รูปกฺขนฺธนิเทฺทสวเสนอาทิโต อชฺฌตฺติกาย ปถวีธาตุยา วิภชนนฺติฯ อยํ อิมิสฺสา เทสนาย อนุกฺกโมฯ
Catūsu ariyasaccesu saṅgahaṃ gacchantīti ca tato amuccitvā tasseva antogadhataṃ sandhāya vuttaṃ. Evañca katvā ‘‘yathā ca ekassa hatthipadassā’’tiādinā dassitā hatthipadopamā samatthitā daṭṭhabbā. Ekasmimpi dvīsupi tīsupi saccesu gaṇanaṃ gatā dhammāti idaṃ na kusalattikavaseneva veditabbaṃ, atha kho tikadukesu yathārahaṃ labbhamānapadavasena veditabbaṃ. Tattha ekasmiṃ sacce gaṇanaṃ gato dhammo asaṅkhatadhammo daṭṭhabbo, dvīsu saccesu gaṇanaṃ gatā kusalā dhammā, tathā akusalā dhammā, abyākatā ca dhammā, tīsu saccesu gaṇanaṃ gatā saṅkhatā dhammā, evaṃ aññesampi tikadukapadānaṃ vasena ayamattho yathārahaṃ vibhajitvā vattabbo. Tenāha ‘‘ekasmimpi…pe… gatāva hontī’’ti. Ekadeso hi samudāyantogadhattā viseso viya sāmaññena samūhena saṅgahaṃ labhati. Tenāha ‘‘saccānaṃ antogadhattā’’ti. Desanānukkamoti ariyasaccāni uddisitvā dukkhasaccaniddesavasena pañcannaṃ upādānakkhandhānaṃ vibhajanaṃ. Tattha ca rūpakkhandhaniddesavasenaādito ajjhattikāya pathavīdhātuyā vibhajananti. Ayaṃ imissā desanāya anukkamo.
๓๐๑. ตํ ปเนตํ อุปมาหิ วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สุชาตนฺติ สุนฺทรํ, สุสณฺฐิตํ สุปริณตญฺจาติ อธิปฺปาโยฯ เปสิโยติ วิลีเวฯ มุทุภาวโต กุจฺฉิภาคํ อาทายฯ อิตเร จ จตฺตาโร โกฎฺฐาเสติ ปญฺจธา ภินฺนโกฎฺฐาเสสุ อิตเร จ จตฺตาโร โกฎฺฐาเสฯ อิตเร จ ตโย โกฎฺฐาเสติอาทิโต จตุธา ภินฺนโกฎฺฐาเสสุ อิตเร จ ตโย โกฎฺฐาเสฯ
301. Taṃ panetaṃ upamāhi vibhāvetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha sujātanti sundaraṃ, susaṇṭhitaṃ supariṇatañcāti adhippāyo. Pesiyoti vilīve. Mudubhāvato kucchibhāgaṃ ādāya. Itare ca cattāro koṭṭhāseti pañcadhā bhinnakoṭṭhāsesu itare ca cattāro koṭṭhāse. Itare ca tayo koṭṭhāsetiādito catudhā bhinnakoṭṭhāsesu itare ca tayo koṭṭhāse.
ราชปุตฺตูปมายาติ รโญฺญ เชฎฺฐปุตฺตอุปมายฯ นฺติ ปิฬนฺธนํฯ อุเร วายามชนิตอริยชาติยา โอรโสฯ มุขโต ชาโตติ มุขโต นิคฺคตธมฺมเทสนาย ชาโต, พุทฺธานํ วา ธมฺมกายสฺส มุขภูตอริยธมฺมโต ชาโตฯ ตโต เอว ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโตฯ สตฺถุ ธมฺมทายาทเสฺสว คหิตตฺตา ธมฺมทายาโทฯ เตนาห ‘‘โน อามิสทายาโท’’ติฯ นฺติ ‘‘ภควโต ปุโตฺต’’ติอาทิวจนํฯ มหาปญฺญตาทิคุเณหิ สาติสยํ อนุปุพฺพภาเว ฐิตตฺตา สมฺมา ยถาภูตํ วทมาโน วตฺตุํ สโกฺกโนฺต วเทยฺยฯ
Rājaputtūpamāyāti rañño jeṭṭhaputtaupamāya. Nti piḷandhanaṃ. Ure vāyāmajanitaariyajātiyā oraso. Mukhato jātoti mukhato niggatadhammadesanāya jāto, buddhānaṃ vā dhammakāyassa mukhabhūtaariyadhammato jāto. Tato eva dhammajo dhammanimmito. Satthu dhammadāyādasseva gahitattā dhammadāyādo. Tenāha ‘‘no āmisadāyādo’’ti. Nti ‘‘bhagavato putto’’tiādivacanaṃ. Mahāpaññatādiguṇehi sātisayaṃ anupubbabhāve ṭhitattā sammā yathābhūtaṃ vadamāno vattuṃ sakkonto vadeyya.
อกุโตภยํ นิพฺพานํ นิพฺพานคามินิญฺจฯ ราครชาทีนํ วิคเมน วิคตรชํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ สุคตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ภิกฺขูนํ ปโรสหสฺสํ ปยิรุปาสตีติ โยชนาฯ
Akutobhayaṃ nibbānaṃ nibbānagāminiñca. Rāgarajādīnaṃ vigamena vigatarajaṃ dhammaṃ desentaṃ sugataṃ sammāsambuddhaṃ bhikkhūnaṃ parosahassaṃ payirupāsatīti yojanā.
‘‘เสเวถ ภชถา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘ปณฺฑิตา ภิกฺขู อนุคฺคาหกา’’ติฯ ปณฺฑิตาปิ สมานา น อปฺปสฺสุตา, อถ โข โอวาทานุสาสนีหิ อนุคฺคาหกาติ ปุริมา อุปมา เถรเสฺสว วเสน อุทาหฎา, ทุติยา ปน ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺสปิ วเสน อุทาหฎาฯ
‘‘Sevetha bhajathā’’ti vatvā tattha kāraṇamāha ‘‘paṇḍitā bhikkhū anuggāhakā’’ti. Paṇḍitāpi samānā na appassutā, atha kho ovādānusāsanīhi anuggāhakāti purimā upamā therasseva vasena udāhaṭā, dutiyā pana bhagavato bhikkhusaṅghassapi vasena udāhaṭā.
๓๐๒. อชฺฌตฺติกาติ สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนาฯ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตนฺติ ปททฺวเยนปิ ตํตํปาฎิปุคฺคลิกธมฺมา วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘อุภยเมฺปตํ นิยกาธิวจนเมวา’’ติฯ สสนฺตติปริยาปนฺนตาย ปน อตฺตาติ คเหตพฺพภาวูปคมนวเสน อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตํ อชฺฌตฺตํ, ตํตํสตฺตสนฺตานปริยาปนฺนตาย ปจฺจตฺตํฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๗) ‘‘อตฺตนิ ปวตฺตตฺตา อชฺฌตฺตํ, อตฺตานํ ปฎิจฺจ ปฎิจฺจ ปวตฺตตฺตา ปจฺจตฺต’’นฺติฯ กกฺขฬนฺติ กถินํฯ ยสฺมา ตํ ถทฺธภาเวน สหชาตานํ ปติฎฺฐา โหติ, ตสฺมา ‘‘ถทฺธ’’นฺติ วุตฺตํฯ ขริคตนฺติ ขรสภาเวสุ คตํ ตปฺปริยาปนฺนํ, ขรสภาวเมวาติ อโตฺถฯ ยสฺมา ปน ขรสภาวํ ผรุสากาเรน อุปฎฺฐานโต ผรุสาการํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ผรุส’’นฺติฯ อุปาทินฺนํ นาม สรีรฎฺฐกํฯ ตตฺถ ยํ กมฺมสมุฎฺฐานํ, ตํ นิปฺปริยายโต ‘‘อุปาทินฺน’’นฺติ วุจฺจติ, อิตรํ อนุปาทินฺนํฯ ตทุภยมฺปิ อิธ ตณฺหาทีหิ อาทินฺนคหิตปรามฎฺฐวเสน อุปาทินฺนเมวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สรีรฎฺฐกญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อาทินฺนนฺติ อภินิวิฎฺฐํฯ มมนฺติ คหิตํฯ อหนฺติ ปรามฎฺฐํ ฯ ธาตุกมฺมฎฺฐานิกสฺสาติ จตุธาตุววตฺถานวเสน ธาตุกมฺมฎฺฐานํ ปริหรนฺตสฺสฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ ธาตุกมฺมฎฺฐาเนฯ ตีสุ โกฎฺฐาเสสูติ ติปฺปกาเรสุ โกฎฺฐาเสสุฯ น หิ เต ตโย จตฺตาโร โกฎฺฐาสาฯ
302.Ajjhattikāti sattasantānapariyāpannā. Ajjhattaṃ paccattanti padadvayenapi taṃtaṃpāṭipuggalikadhammā vuccantīti āha ‘‘ubhayampetaṃ niyakādhivacanamevā’’ti. Sasantatipariyāpannatāya pana attāti gahetabbabhāvūpagamanavasena attānaṃ adhikicca uddissa pavattaṃ ajjhattaṃ, taṃtaṃsattasantānapariyāpannatāya paccattaṃ. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ (visuddhi. 1.307) ‘‘attani pavattattā ajjhattaṃ, attānaṃ paṭicca paṭicca pavattattā paccatta’’nti. Kakkhaḷanti kathinaṃ. Yasmā taṃ thaddhabhāvena sahajātānaṃ patiṭṭhā hoti, tasmā ‘‘thaddha’’nti vuttaṃ. Kharigatanti kharasabhāvesu gataṃ tappariyāpannaṃ, kharasabhāvamevāti attho. Yasmā pana kharasabhāvaṃ pharusākārena upaṭṭhānato pharusākāraṃ hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘pharusa’’nti. Upādinnaṃ nāma sarīraṭṭhakaṃ. Tattha yaṃ kammasamuṭṭhānaṃ, taṃ nippariyāyato ‘‘upādinna’’nti vuccati, itaraṃ anupādinnaṃ. Tadubhayampi idha taṇhādīhi ādinnagahitaparāmaṭṭhavasena upādinnamevāti dassetuṃ ‘‘sarīraṭṭhakañhī’’tiādi vuttaṃ. Tattha ādinnanti abhiniviṭṭhaṃ. Mamanti gahitaṃ. Ahanti parāmaṭṭhaṃ. Dhātukammaṭṭhānikassāti catudhātuvavatthānavasena dhātukammaṭṭhānaṃ pariharantassa. Etthāti etasmiṃ dhātukammaṭṭhāne. Tīsu koṭṭhāsesūti tippakāresu koṭṭhāsesu. Na hi te tayo cattāro koṭṭhāsā.
วุตฺตปฺปการาติ ‘‘เกสา โลมา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปการาฯ นานาสภาวโตติ สติปิ กกฺขฬภาวสามเญฺญ สสมฺภารวิภตฺติโต ปน เกสาทิสงฺฆาตคตนานาสภาวโตฯ อาลโยติ อเปกฺขาฯ นิกนฺตีติ นิกามนาฯ ปตฺถนาติ ตณฺหาปตฺถนาฯ ปริยุฎฺฐานนฺติ ตณฺหาปริยุฎฺฐานํฯ คหณนฺติ กามุปาทานํฯ ปรามาโสติ ปรโต อามสนา มิจฺฉาภินิเวโสฯ น พลวา อาลยาทิฯ ยทิ เอวํ กสฺมา วิภเงฺค พาหิราปิ ปถวีธาตุ วิตฺถาเรเนว วิภตฺตาติ? ยถาธมฺมเทสนตฺตา ตตฺถ วิตฺถาเรเนว เทสนา ปวตฺตา, ยถานุโลมเทสนตฺตา ปเนตฺถ วุตฺตนเยน เทสนา สํขิตฺตาฯ
Vuttappakārāti ‘‘kesā lomā’’tiādinā vuttappakārā. Nānāsabhāvatoti satipi kakkhaḷabhāvasāmaññe sasambhāravibhattito pana kesādisaṅghātagatanānāsabhāvato. Ālayoti apekkhā. Nikantīti nikāmanā. Patthanāti taṇhāpatthanā. Pariyuṭṭhānanti taṇhāpariyuṭṭhānaṃ. Gahaṇanti kāmupādānaṃ. Parāmāsoti parato āmasanā micchābhiniveso. Na balavā ālayādi. Yadi evaṃ kasmā vibhaṅge bāhirāpi pathavīdhātu vitthāreneva vibhattāti? Yathādhammadesanattā tattha vitthāreneva desanā pavattā, yathānulomadesanattā panettha vuttanayena desanā saṃkhittā.
โยเชตฺวา ทเสฺสตีติ เอกชฺฌํ กตฺวา ทเสฺสติฯ สาติ อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุฯ สุขปริคฺคโห โหติ ‘‘น เม โส อตฺตา’’ติฯ สิเทฺธ หิ อนตฺตลกฺขเณ ทุกฺขลกฺขณํ อนิจฺจลกฺขณญฺจ สิทฺธเมว โหติ สงฺขตธเมฺมสุ ตทวินาภาวโตติฯ วิสูกายตีติ วิสูกํ วิรูปกิริยํ ปวเตฺตติฯ สา ปน อตฺถโต วิปฺผนฺทนเมวาติ อาห ‘‘วิปฺผนฺทตี’’ติฯ อสฺสาติ อชฺฌตฺติกาย ปถวีธาตุยาฯ อเจตนาภาโว ปากโฎ โหติ ธาตุมตฺตตาย ทสฺสนโตฯ ตํ อุภยมฺปีติ ตํ ปถวีธาตุทฺวยมฺปิฯ
Yojetvā dassetīti ekajjhaṃ katvā dasseti. Sāti ajjhattikā pathavīdhātu. Sukhapariggaho hoti ‘‘na me so attā’’ti. Siddhe hi anattalakkhaṇe dukkhalakkhaṇaṃ aniccalakkhaṇañca siddhameva hoti saṅkhatadhammesu tadavinābhāvatoti. Visūkāyatīti visūkaṃ virūpakiriyaṃ pavatteti. Sā pana atthato vipphandanamevāti āha ‘‘vipphandatī’’ti. Assāti ajjhattikāya pathavīdhātuyā. Acetanābhāvo pākaṭo hoti dhātumattatāya dassanato. Taṃ ubhayampīti taṃ pathavīdhātudvayampi.
ตโต วิเสสตเรนาติ ตโต พาหิรมหาปถวิโต วิเสสวนฺตตเรน, ลหุตเรนาติ อโตฺถฯ กุปฺปตีติ ลุปฺปติฯ วิลียมานาติ ปกติอุทเก โลณํ วิย วิลยํ คจฺฉนฺตีฯ อุทกานุคตาติ อุทกํ อนุคตา อุทกคติกาฯ เตนาห ‘‘อุทกเมว โหตี’’ติฯ อภาโว เอว อภาวตา, น ภวตีติ วา อภาโว, ตถาสภาโว ธโมฺมฯ ตสฺส ภาโว อภาวตาฯ วโย วินาโส ธโมฺม สภาโว เอตสฺสาติ วยธโมฺม, ตสฺส ภาโว วยธมฺมตา, อตฺถโต ขโย เอวฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ เตนาห ‘‘สเพฺพหิปิ อิเมหิ ปเทหิ อนิจฺจลกฺขณเมว วุตฺต’’นฺติฯ วิทฺธํสนภาวสฺส ปน ปเวทิตพฺพตฺตา กามํ อนิจฺจลกฺขณเมว วุตฺตํ สรูปโต, อิตรานิปิ อตฺถโต วุตฺตาเนวาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิฯ
Tato visesatarenāti tato bāhiramahāpathavito visesavantatarena, lahutarenāti attho. Kuppatīti luppati. Vilīyamānāti pakatiudake loṇaṃ viya vilayaṃ gacchantī. Udakānugatāti udakaṃ anugatā udakagatikā. Tenāha ‘‘udakameva hotī’’ti. Abhāvo eva abhāvatā, na bhavatīti vā abhāvo, tathāsabhāvo dhammo. Tassa bhāvo abhāvatā. Vayo vināso dhammo sabhāvo etassāti vayadhammo, tassa bhāvo vayadhammatā, atthato khayo eva. Sesapadesupi eseva nayo. Tenāha ‘‘sabbehipi imehi padehi aniccalakkhaṇameva vutta’’nti. Viddhaṃsanabhāvassa pana paveditabbattā kāmaṃ aniccalakkhaṇameva vuttaṃ sarūpato, itarānipi atthato vuttānevāti dassento āha ‘‘yaṃ panā’’tiādi.
มตฺตํ ขณมตฺตํ ติฎฺฐตีติ มตฺตโฎฺฐ, อปฺปมตฺตโฎฺฐ มตฺตฎฺฐโก, อติอิตฺตรขณิโกติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ปริตฺตฎฺฐิติกสฺสา’’ติฯ ฐิติปริตฺตตายาติ เอกจิตฺตปวตฺติมตฺตตาฐานลกฺขณสฺส อิตรภาเวน ฯ เอกสฺส จิตฺตสฺส ปวตฺติกฺขณมเตฺตเนว หิ สตฺตานํ ปรมตฺถโต ชีวนกฺขโณ ปริจฺฉิโนฺนฯ เตนาห ‘‘อยํ หี’’ติอาทิฯ
Mattaṃ khaṇamattaṃ tiṭṭhatīti mattaṭṭho, appamattaṭṭho mattaṭṭhako, atiittarakhaṇikoti attho. Tenāha ‘‘parittaṭṭhitikassā’’ti. Ṭhitiparittatāyāti ekacittapavattimattatāṭhānalakkhaṇassa itarabhāvena . Ekassa cittassa pavattikkhaṇamatteneva hi sattānaṃ paramatthato jīvanakkhaṇo paricchinno. Tenāha ‘‘ayaṃ hī’’tiādi.
ชีวิตนฺติ ชีวิตินฺทฺริยํฯ สุขทุกฺขาติ สุขทุกฺขา เวทนาฯ อุเปกฺขาปิ หิ สุขทุกฺขาเสฺวว อโนฺตคธา อิฎฺฐานิฎฺฐภาวโตฯ อตฺตภาโวติ ชีวิตเวทนาวิญฺญาณานิ ฐเปตฺวา อวสิฎฺฐธมฺมา วุตฺตาฯ เกวลาติ อตฺตนิจฺจภาเวน อโวมิสฺสาฯ เอกจิตฺตสมายุตฺตาติ เอเกน จิเตฺตน สหิตา เอกจิตฺตกฺขณิกาฯ ลหุโส วตฺตเต ขโณติ ตาย เอว เอกกฺขณิกตาย ลหุโก อติอิตฺตโร ชีวิตาทีนํ ขโณ วตฺตติ วีติวตฺตตีติ อโตฺถฯ อิทนฺติ คาถาวจนํฯ
Jīvitanti jīvitindriyaṃ. Sukhadukkhāti sukhadukkhā vedanā. Upekkhāpi hi sukhadukkhāsveva antogadhā iṭṭhāniṭṭhabhāvato. Attabhāvoti jīvitavedanāviññāṇāni ṭhapetvā avasiṭṭhadhammā vuttā. Kevalāti attaniccabhāvena avomissā. Ekacittasamāyuttāti ekena cittena sahitā ekacittakkhaṇikā. Lahuso vattate khaṇoti tāya eva ekakkhaṇikatāya lahuko atiittaro jīvitādīnaṃ khaṇo vattati vītivattatīti attho. Idanti gāthāvacanaṃ.
ยสฺมา สตฺตานํ ชีวิตํ อสฺสาสปสฺสาสานํ อปราปรสญฺจรณํ ลภมานเมว ปวตฺตติ, น อลภมานํ, ตสฺมา อสฺสาสปสฺสาสูปนิพทฺธํฯ ตถา มหาภูตานํ สมวุตฺติตํ ลภมานเมว ปวตฺตติฯ ปถวีธาตุยา หิ อาโปธาตุอาทีนํ วา อญฺญตรปโกเปน พลสมฺปโนฺนปิ ปุริโส ปตฺถทฺธกาโย วา, อติสาราทิวเสน กิลินฺนปูติกาโย วา, มหาฑาหปเรโต วา, สญฺฉิชฺชมานสนฺธิพนฺธโน วา หุตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณาติฯ กพฬีการาหารานํ ยุตฺตกาเล ลภนฺตเสฺสว ชีวิตํ ปวตฺตติ, อลภนฺตสฺส ปริกฺขยํ คจฺฉติ, วิญฺญาเณ ปวตฺตมาเนเยว จ ชีวิตํ ปวตฺตติ, น ตสฺมิํ อปฺปวตฺตมาเนฯ ชีวิตนฺติ เอตฺถ อิติ-สเทฺทน อิริยาปถูปนิพทฺธตาสีตุณฺหูปนิพทฺธตาทีนํ สงฺคโหฯ จตุนฺนญฺหิ อิริยาปถานํ สมวุตฺติตํ ลภมานเมว ชีวิตํ ปวตฺตติ, อญฺญตรสฺส ปน อธิมตฺตตาย อายุสงฺขารา อุปจฺฉิชฺชนฺติ, สีตุณฺหานมฺปิ สมวุตฺติตํ ลภมานเมว ปวตฺตติ, อติสีเตน ปน อติอุเณฺหน วา อภิภูตสฺส วิปชฺชตีติฯ
Yasmā sattānaṃ jīvitaṃ assāsapassāsānaṃ aparāparasañcaraṇaṃ labhamānameva pavattati, na alabhamānaṃ, tasmā assāsapassāsūpanibaddhaṃ. Tathā mahābhūtānaṃ samavuttitaṃ labhamānameva pavattati. Pathavīdhātuyā hi āpodhātuādīnaṃ vā aññatarapakopena balasampannopi puriso patthaddhakāyo vā, atisārādivasena kilinnapūtikāyo vā, mahāḍāhapareto vā, sañchijjamānasandhibandhano vā hutvā jīvitakkhayaṃ pāpuṇāti. Kabaḷīkārāhārānaṃ yuttakāle labhantasseva jīvitaṃ pavattati, alabhantassa parikkhayaṃ gacchati, viññāṇe pavattamāneyeva ca jīvitaṃ pavattati, na tasmiṃ appavattamāne. Jīvitanti ettha iti-saddena iriyāpathūpanibaddhatāsītuṇhūpanibaddhatādīnaṃ saṅgaho. Catunnañhi iriyāpathānaṃ samavuttitaṃ labhamānameva jīvitaṃ pavattati, aññatarassa pana adhimattatāya āyusaṅkhārā upacchijjanti, sītuṇhānampi samavuttitaṃ labhamānameva pavattati, atisītena pana atiuṇhena vā abhibhūtassa vipajjatīti.
ตณฺหุปาทินฺนสฺสาติ อิมินา หิ ปจฺจยุปฺปนฺนตากิตฺตเนน สรสปภงฺคุตํเยว วิภาเวติฯ ทุกฺขานุปสฺสนาย ตณฺหาคฺคาหสฺส อนิจฺจานุปสฺสนาย มานคฺคาหสฺส อนตฺตานุปสฺสนาย ทิฎฺฐิคฺคาหสฺส อุชุวิปจฺจนีกภาวโต เอกํเสเนว ตีหิ อนุปสฺสนาหิ คาหาปิ วิคจฺฉนฺตีติ อาห ‘‘โนเตว โหตี’’ติฯ เอกํเยว อาคตํ พาหิราย ปถวีธาตุยา อนฺตรธานทสฺสนปวตฺตโชตนายฯ
Taṇhupādinnassāti iminā hi paccayuppannatākittanena sarasapabhaṅgutaṃyeva vibhāveti. Dukkhānupassanāya taṇhāggāhassa aniccānupassanāya mānaggāhassa anattānupassanāya diṭṭhiggāhassa ujuvipaccanīkabhāvato ekaṃseneva tīhi anupassanāhi gāhāpi vigacchantīti āha ‘‘noteva hotī’’ti. Ekaṃyeva āgataṃ bāhirāya pathavīdhātuyā antaradhānadassanapavattajotanāya.
ปริคฺคหนฺติ ธาตุปริคฺคหณํฯ ปฎฺฐเปโนฺตติ อารภโนฺต เทเสโนฺตฯ โสตทฺวาเร พลํ ทเสฺสตีติ โยชนาฯ กมฺมฎฺฐานิกสฺส พลทสฺสนาปเทเสน กมฺมฎฺฐานสฺส อานุภาวํ ทเสฺสติฯ วาจาย ฆฎฺฎนเมว วุตฺตํ โสตทฺวาเร พลทสฺสนภาวโตฯ พลนฺติ จ พาหิราย วิย อชฺฌตฺติกายปิ ปถวีธาตุยา อเจตนาภาวทสฺสเนน รุกฺขสฺส วิย อโกฺกสเนฺตปิ ปหรเนฺตปิ นิพฺพิการตาฯ สมฺปติวตฺตมานุปฺปนฺนภาเวนาติ ตทา ปจฺจุปฺปนฺนภาเวนฯ สมุทาจารุปฺปนฺนภาเวนาติ อาปาถคเต ตสฺมิํ อนิเฎฺฐ สทฺทารมฺมเณ อารมฺมณกรณสงฺขาตอุปฺปตฺติวเสน โสตทฺวาเร ชวนเวทนา ทุกฺขาติ วจนโตฯ ตถา หิ ‘‘อุปนิสฺสยวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ เวทนาทโยปีติ ‘‘เวทนา อนิจฺจา’’ติ เอตฺถ วุตฺตเวทนา เจว สญฺญาทโย จฯ เต หิ ผเสฺสน สมานภูมิกา น ปุเพฺพ วุตฺตเวทนาฯ ธาตุสงฺขาตเมว อารมฺมณนฺติ ยถาปริคฺคหิตํ ปถวีธาตุสงฺขาตเมว วิสยํฯ ปกฺขนฺทตีติ วิปสฺสนาจิตฺตํ อนิจฺจนฺติปิ ทุกฺขนฺติปิ อนตฺตาติปิ สมฺมสนวเสน อนุปวิสติฯ เอเตน พหิทฺธาวิเกฺขปาภาวมาห, ปสีทตีติ ปน อิมินา กมฺมฎฺฐานสฺส วีถิปฎิปนฺนตํฯ สนฺติฎฺฐตีติ อิมินา อุปรูปริ วิเสสาวหภาเวน อวตฺถานํ ปฎิปกฺขาภิภเวน นิจฺจลภาวโตฯ วิมุจฺจตีติ อิมินา ตณฺหามานทิฎฺฐิคฺคาหโต วิเสเสน มุจฺจนํฯ อฎฺฐกถายํ ปน สมุฎฺฐานวเสน อโตฺถ วุโตฺต ‘‘อธิโมกฺขํ ลภตี’’ติฯ โสตทฺวารมฺหิ อารมฺมเณ อาปาถคเตติ อิทํ มูลปริญฺญาย มูลทสฺสนํฯ โสตทฺวาเรหิ อาวชฺชนโวฎฺฐพฺพนานํ อโยนิโส อาวชฺชยโต โวฎฺฐพฺพนวเสน อิเฎฺฐ อารมฺมเณ โลโภ, อนิเฎฺฐ จ ปฎิโฆ อุปฺปชฺชติ, มโนทฺวาเร ปน ‘‘อิตฺถี, ปุริโส’’ติ รชฺชนาทิ โหติ, ตสฺส ปญฺจทฺวารชวนํ มูลํ, สพฺพํ วา ภวงฺคาทิฯ เอวํ มโนทฺวารชวนสฺส มูลวเสน ปริญฺญาฯ อาคนฺตุกตาวกาลิกปริญฺญา ปน ปญฺจทฺวารชวนเสฺสว อปุพฺพภาววเสน อิตรภาววเสน จ เวทิตพฺพาฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน สติปฎฺฐานสํวณฺณนายํ วุโตฺต เอวฯ
Pariggahanti dhātupariggahaṇaṃ. Paṭṭhapentoti ārabhanto desento. Sotadvāre balaṃ dassetīti yojanā. Kammaṭṭhānikassa baladassanāpadesena kammaṭṭhānassa ānubhāvaṃ dasseti. Vācāya ghaṭṭanameva vuttaṃ sotadvāre baladassanabhāvato. Balanti ca bāhirāya viya ajjhattikāyapi pathavīdhātuyā acetanābhāvadassanena rukkhassa viya akkosantepi paharantepi nibbikāratā. Sampativattamānuppannabhāvenāti tadā paccuppannabhāvena. Samudācāruppannabhāvenāti āpāthagate tasmiṃ aniṭṭhe saddārammaṇe ārammaṇakaraṇasaṅkhātauppattivasena sotadvāre javanavedanā dukkhāti vacanato. Tathā hi ‘‘upanissayavasenā’’ti vuttaṃ. Vedanādayopīti ‘‘vedanā aniccā’’ti ettha vuttavedanā ceva saññādayo ca. Te hi phassena samānabhūmikā na pubbe vuttavedanā. Dhātusaṅkhātameva ārammaṇanti yathāpariggahitaṃ pathavīdhātusaṅkhātameva visayaṃ. Pakkhandatīti vipassanācittaṃ aniccantipi dukkhantipi anattātipi sammasanavasena anupavisati. Etena bahiddhāvikkhepābhāvamāha, pasīdatīti pana iminā kammaṭṭhānassa vīthipaṭipannataṃ. Santiṭṭhatīti iminā uparūpari visesāvahabhāvena avatthānaṃ paṭipakkhābhibhavena niccalabhāvato. Vimuccatīti iminā taṇhāmānadiṭṭhiggāhato visesena muccanaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana samuṭṭhānavasena attho vutto ‘‘adhimokkhaṃ labhatī’’ti. Sotadvāramhi ārammaṇe āpāthagateti idaṃ mūlapariññāya mūladassanaṃ. Sotadvārehi āvajjanavoṭṭhabbanānaṃ ayoniso āvajjayato voṭṭhabbanavasena iṭṭhe ārammaṇe lobho, aniṭṭhe ca paṭigho uppajjati, manodvāre pana ‘‘itthī, puriso’’ti rajjanādi hoti, tassa pañcadvārajavanaṃ mūlaṃ, sabbaṃ vā bhavaṅgādi. Evaṃ manodvārajavanassa mūlavasena pariññā. Āgantukatāvakālikapariññā pana pañcadvārajavanasseva apubbabhāvavasena itarabhāvavasena ca veditabbā. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana satipaṭṭhānasaṃvaṇṇanāyaṃ vutto eva.
ยาถาวโต ธาตูนํ ปริคฺคณฺหนวเสน กตปริคฺคหสฺสปิ อนาทิกาลภาวนาวเสน อโยนิโส อาวชฺชนํ สเจปิ อุปฺปชฺชติฯ โวฎฺฐพฺพนํ ปตฺวาติ โวฎฺฐพฺพนกิจฺจตํ ปตฺวาฯ เอกํ เทฺว วาเร อาเสวนํ ลภิตฺวา, น อาเสวนปจฺจยํฯ น หิ อุเปกฺขาสหคตาเหตุกจิตฺตํ อาเสวนปจฺจยภูตํ อตฺถิฯ ยทิ สิยา, ปฎฺฐาเน กุสลตฺติเก ปฎิจฺจวาราทีสุ ‘‘น มคฺคปจฺจยา อาเสวเน เทฺว, อาเสวนปจฺจยา น มเคฺค เทฺว’’ติ จ วตฺตพฺพํ สิยา, ‘‘น มคฺคปจฺจยา อาเสวเน เอกํ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๒๒๑), อาเสวนปจฺจยา น มเคฺค เอก’’นฺติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๑๕๒) จ ปน วุตฺตํฯ เอกํ เทฺว วาเรติ เอตฺถ จ เอกคฺคหณํ วจนสิลิฎฺฐตาย วเสน วุตฺตํฯ น หิ ทุติเย โมฆวาเร เอกวารเมว โวฎฺฐพฺพนํ ปวตฺตติฯ ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ตสฺส ปวตฺติํ สนฺธาย เอกวารคฺคหณํ, ติกฺขตฺตุํ ปวตฺติํ สนฺธาย เทฺววารคฺคหณํฯ ตตฺถ ทุติยํ ตติยญฺจ ปวตฺตมานํ ลทฺธาเสวนํ วิย โหติฯ ยสฺมา ปน ‘‘โวฎฺฐพฺพนํ ปตฺวา เอกํ เทฺว วาเรอาเสวนํ ลภิตฺวา จิตฺตํ ภวงฺคเมว โอตรตี’’ติ อิทํ ทุติยโมฆวารวเสน วุตฺตํ ภเวยฺยฯ โส จ อารมฺมณทุพฺพลตาย เอว โหตีติ อภิธมฺมฎฺฐกถายํ นิยมิโตฯ อิธ ปน ติกฺขานุปสฺสนานุภาเวน อกุสลุปฺปตฺติยา อสมฺภววเสน อโยนิโสว อาวชฺชโต อโยนิโส ววตฺถานํ สิยา, น โยนิโส, ตสฺมิญฺจ ปวเตฺต มหติ อติมหติ วา อารมฺมเณ ชวนํ น อุปฺปเชฺชยฺยาติ อยมโตฺถ วิจาเรตฺวา คเหตโพฺพฯ
Yāthāvato dhātūnaṃ pariggaṇhanavasena katapariggahassapi anādikālabhāvanāvasena ayoniso āvajjanaṃ sacepi uppajjati. Voṭṭhabbanaṃ patvāti voṭṭhabbanakiccataṃ patvā. Ekaṃ dve vāre āsevanaṃ labhitvā, na āsevanapaccayaṃ. Na hi upekkhāsahagatāhetukacittaṃ āsevanapaccayabhūtaṃ atthi. Yadi siyā, paṭṭhāne kusalattike paṭiccavārādīsu ‘‘na maggapaccayā āsevane dve, āsevanapaccayā na magge dve’’ti ca vattabbaṃ siyā, ‘‘na maggapaccayā āsevane ekaṃ (paṭṭhā. 1.1.221), āsevanapaccayā na magge eka’’nti (paṭṭhā. 1.1.152) ca pana vuttaṃ. Ekaṃ dve vāreti ettha ca ekaggahaṇaṃ vacanasiliṭṭhatāya vasena vuttaṃ. Na hi dutiye moghavāre ekavārameva voṭṭhabbanaṃ pavattati. Dvikkhattuṃ vā tassa pavattiṃ sandhāya ekavāraggahaṇaṃ, tikkhattuṃ pavattiṃ sandhāya dvevāraggahaṇaṃ. Tattha dutiyaṃ tatiyañca pavattamānaṃ laddhāsevanaṃ viya hoti. Yasmā pana ‘‘voṭṭhabbanaṃ patvā ekaṃ dve vāreāsevanaṃ labhitvā cittaṃ bhavaṅgameva otaratī’’ti idaṃ dutiyamoghavāravasena vuttaṃ bhaveyya. So ca ārammaṇadubbalatāya eva hotīti abhidhammaṭṭhakathāyaṃ niyamito. Idha pana tikkhānupassanānubhāvena akusaluppattiyā asambhavavasena ayonisova āvajjato ayoniso vavatthānaṃ siyā, na yoniso, tasmiñca pavatte mahati atimahati vā ārammaṇe javanaṃ na uppajjeyyāti ayamattho vicāretvā gahetabbo.
เอตเสฺสว วา สติปิ ทุวิธตาปริกปฺปเน โส จ ยทิ อนุโลเม เวทนาตฺติเก ปฎิจฺจวาราทีสุ ‘‘อาเสวนปจฺจยา น มเคฺค เทฺว, น มคฺคปจฺจยา อาเสวเน เทฺว’’ติ จ วุตฺตํ สิยา, (ลเพฺภยฺย), น จ วุตฺตํฯ ยทิ ปน โวฎฺฐพฺพนมฺปิ อาเสวนปจฺจโย สิยา, กุสลากุสลานมฺปิ สิยาฯ น หิ อาเสวนปจฺจยํ ลทฺธุํ ยุตฺตสฺส อาเสวนปจฺจยตาปิ ธโมฺม อาเสวนปจฺจโย โหตีติ อวุโตฺต อตฺถิ, โวฎฺฐพฺพนสฺส ปน กุสลากุสลานํ อาเสวนปจฺจยภาโว อวุโตฺต – ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปชฺชติ นาเสวนปจฺจยาฯ อกุสลํ…เป.… นาเสวนปจฺจยา’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๙๓-๙๔) วจนโต ปฎิกฺขิโตฺต จฯ อถาปิ สิยา อสมานเวทนานํ วเสเนว วุตฺตนฺติ จ, เอวมปิ ยถา – ‘‘อาวชฺชนา กุสลานํ ขนฺธานํ อกุสลานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๑๗) วุตฺตํ, เอวํ ‘‘อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ วตฺตพฺพํ สิยาฯ ตํ ชาติเภทา น วุตฺตนฺติ เจ? ภูมิภินฺนสฺส กามาวจรสฺส รูปาวจราทีนํ อาเสวนปจฺจยภาโว วิย ชาติภินฺนสฺสปิ ภเวยฺยาติ วตฺตโพฺพ เอว สิยา, อภินฺนชาติกสฺส จ วเสน ยถา – ‘‘อาวชฺชนา สเหตุกานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ วตฺตพฺพํ สิยา, น จ วุตฺตํฯ ตสฺมา เวทนาตฺติเกปิ ‘‘อาเสวนปจฺจยา น มเคฺค เอกํ, น มคฺคปจฺจยา อาเสวเน เอก’’นฺติ เอวํ คณนาย นิทฺธาริยมานาย โวฎฺฐพฺพนสฺส อาเสวนปจฺจยตฺตสฺส อภาวา อยํ โมฆวาโร อุปปริกฺขิตฺวา คเหตโพฺพฯ
Etasseva vā satipi duvidhatāparikappane so ca yadi anulome vedanāttike paṭiccavārādīsu ‘‘āsevanapaccayā na magge dve, na maggapaccayā āsevane dve’’ti ca vuttaṃ siyā, (labbheyya), na ca vuttaṃ. Yadi pana voṭṭhabbanampi āsevanapaccayo siyā, kusalākusalānampi siyā. Na hi āsevanapaccayaṃ laddhuṃ yuttassa āsevanapaccayatāpi dhammo āsevanapaccayo hotīti avutto atthi, voṭṭhabbanassa pana kusalākusalānaṃ āsevanapaccayabhāvo avutto – ‘‘kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjati nāsevanapaccayā. Akusalaṃ…pe… nāsevanapaccayā’’ti (paṭṭhā. 1.1.93-94) vacanato paṭikkhitto ca. Athāpi siyā asamānavedanānaṃ vaseneva vuttanti ca, evamapi yathā – ‘‘āvajjanā kusalānaṃ khandhānaṃ akusalānaṃ khandhānaṃ anantarapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.417) vuttaṃ, evaṃ ‘‘āsevanapaccayena paccayo’’tipi vattabbaṃ siyā. Taṃ jātibhedā na vuttanti ce? Bhūmibhinnassa kāmāvacarassa rūpāvacarādīnaṃ āsevanapaccayabhāvo viya jātibhinnassapi bhaveyyāti vattabbo eva siyā, abhinnajātikassa ca vasena yathā – ‘‘āvajjanā sahetukānaṃ khandhānaṃ anantarapaccayena paccayo’’ti vuttaṃ, evaṃ ‘‘āsevanapaccayena paccayo’’tipi vattabbaṃ siyā, na ca vuttaṃ. Tasmā vedanāttikepi ‘‘āsevanapaccayā na magge ekaṃ, na maggapaccayā āsevane eka’’nti evaṃ gaṇanāya niddhāriyamānāya voṭṭhabbanassa āsevanapaccayattassa abhāvā ayaṃ moghavāro upaparikkhitvā gahetabbo.
โวฎฺฐพฺพนํ ปน วีถิวิปากสนฺตติยา อาวฎฺฎนโต อาวชฺชนา, ตโต วิสทิสสฺส ชวนสฺส กรณโต มนสิกาโรติ จ วตฺตพฺพตํ ลเภยฺย, เอวญฺจ กตฺวา ปฎฺฐาเน ‘‘โวฎฺฐพฺพนํ กุสลานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ น วุตฺตํ, ‘‘อาวชฺชนา’’อิเจฺจว (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๑๗) วุตฺตํ, ตมฺปิ โวฎฺฐพฺพนโต ปรํ จตุนฺนํ ปญฺจนฺนํ วา ชวนานํ อารมฺมณปุเรชาตํ ภวิตุํ อสโกฺกนฺตํ รูปาทิํ อารพฺภ ปวตฺตมานํ โวฎฺฐพฺพนํ ชวนฎฺฐาเน ฐตฺวา ภวงฺคํ โอตรติฯ ชวนฎฺฐาเน ฐตฺวาติ จ ชวนสฺส อุปฺปชฺชนฎฺฐาเน ทฺวิกฺขตฺตุํ ปวตฺติตฺวาติ อโตฺถ, น ชวนภาเวนาติฯ อาเสวนํ ลภิตฺวาติ เจตฺถ อาเสวนํ วิย อาเสวนนฺติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ วิปฺผาริกตฺตา จสฺส ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตฺตุํ วา ปวตฺติเยว เจตฺถ อาเสวนสทิสตาฯ วิปฺผาริกตาย หิ วิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปกตา จสฺส วุจฺจติฯ วิปฺผาริกมฺปิ ชวนํ วิย อเนกกฺขตฺตุํ อปฺปวตฺติยา อสุปฺปติฎฺฐิตตาย จ น นิปฺปริยายโต อาเสวนภาเวน วตฺตตีติ น อิมสฺส อาเสวนตฺถํ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ผลจิเตฺตสุ มคฺคปริยาโย วิย ปริยายวเสน วุตฺตํฯ
Voṭṭhabbanaṃ pana vīthivipākasantatiyā āvaṭṭanato āvajjanā, tato visadisassa javanassa karaṇato manasikāroti ca vattabbataṃ labheyya, evañca katvā paṭṭhāne ‘‘voṭṭhabbanaṃ kusalānaṃ khandhānaṃ anantarapaccayena paccayo’’tiādi na vuttaṃ, ‘‘āvajjanā’’icceva (paṭṭhā. 1.1.417) vuttaṃ, tampi voṭṭhabbanato paraṃ catunnaṃ pañcannaṃ vā javanānaṃ ārammaṇapurejātaṃ bhavituṃ asakkontaṃ rūpādiṃ ārabbha pavattamānaṃ voṭṭhabbanaṃ javanaṭṭhāne ṭhatvā bhavaṅgaṃ otarati. Javanaṭṭhāne ṭhatvāti ca javanassa uppajjanaṭṭhāne dvikkhattuṃ pavattitvāti attho, na javanabhāvenāti. Āsevanaṃ labhitvāti cettha āsevanaṃ viya āsevananti vuttovāyamattho. Vipphārikattā cassa dvikkhattuṃ vā tikkhattuṃ vā pavattiyeva cettha āsevanasadisatā. Vipphārikatāya hi viññattisamuṭṭhāpakatā cassa vuccati. Vipphārikampi javanaṃ viya anekakkhattuṃ appavattiyā asuppatiṭṭhitatāya ca na nippariyāyato āsevanabhāvena vattatīti na imassa āsevanatthaṃ vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana phalacittesu maggapariyāyo viya pariyāyavasena vuttaṃ.
อยนฺติ ‘‘สเจปี’’ติอาทินา วุโตฺต เอกวารมฺปิ ราคาทีนํ อนุปฺปาทนวเสน วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต โยคาวจโรฯ โกฎิปฺปโตฺตติ มตฺถกํ ปโตฺตฯ ปฎิปเกฺขหิ อนภิภูตตฺตา วิสทวิปสฺสนาญาณตาย ติกฺขวิปสฺสโกฯ อารมฺมณํ ปริคฺคหิตเมว โหติ ‘‘เอวํ เม ชวนํ ชวิต’’นฺติ สารมฺมณสฺส ชวนสฺส หุตฺวา อภาวววตฺถาปนสฺส กมฺมฎฺฐานภาวโต, ตถา อาวชฺชนวเสน วา ตํ อารมฺมณํ วิสฺสเชฺชตฺวา ตาวเทว มูลกมฺมฎฺฐานภูตํ อารมฺมณํ ปริคฺคหิตเมว โหติฯ ทุติยสฺส ปน วเสนาติ ‘‘อปรสฺส ราคาทิวเสน เอกวารํ ชวนํ ชวตี’’ติอาทินา วุตฺตสฺส นาติติกฺขวิปสฺสกสฺส วเสน ‘‘ตสฺส ธาตารมฺมณเมว จิตฺตํ ปกฺขนฺทตี’’ติอาทินา อิมสฺมิํ สุเตฺต อาคตตฺตาฯ ‘‘ตเมนํ อุปธิปหานาย ปฎิปนฺนํ อุปธิปฎินิสฺสคฺคาย กทาจิ กรหจิ สติสโมฺมสา อุปธิปฎิสํยุตฺตา สรสงฺกปฺปา สมุทาจรนฺติฯ ทโนฺธ อุทายิ สตุปฺปาโท, อถ โข นํ ขิปฺปเมว ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมตี’’ติ ลฎุกิโกปเมฯ ตสฺส หิ อฎฺฐกถายํ ‘‘โสตาปนฺนาทโย ตาว ปชหนฺตุ, ปุถุชฺชโน กถํ ปชหตี’’ติ โจทนํ ปฎฺฐเปตฺวา ‘‘อารทฺธวิปสฺสโก หิ สติสโมฺมเสน สหสา กิเลเส อุปฺปเนฺน ‘มาทิสสฺส นาม ภิกฺขุโน กิเลโส อุปฺปโนฺน’ติ สํเวคํ กตฺวา วีริยํ ปคฺคยฺห วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา มเคฺคน กิเลเส สมุคฺฆาเตติ, อิติ โส ปชหติ นามา’’ติ อโตฺถ วุโตฺตฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ตสฺส ธาตารมฺมณเมว จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติอาทินา อิมสฺมิํ สุเตฺต อาคตตฺตา’’ติอาทิฯ อินฺทฺริยภาวเน จ มชฺฌิมสฺส วเสน อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Ayanti ‘‘sacepī’’tiādinā vutto ekavārampi rāgādīnaṃ anuppādanavasena vipassanāya kammaṃ karonto yogāvacaro. Koṭippattoti matthakaṃ patto. Paṭipakkhehi anabhibhūtattā visadavipassanāñāṇatāya tikkhavipassako. Ārammaṇaṃ pariggahitameva hoti ‘‘evaṃ me javanaṃ javita’’nti sārammaṇassa javanassa hutvā abhāvavavatthāpanassa kammaṭṭhānabhāvato, tathā āvajjanavasena vā taṃ ārammaṇaṃ vissajjetvā tāvadeva mūlakammaṭṭhānabhūtaṃ ārammaṇaṃ pariggahitameva hoti. Dutiyassa pana vasenāti ‘‘aparassa rāgādivasena ekavāraṃ javanaṃ javatī’’tiādinā vuttassa nātitikkhavipassakassa vasena ‘‘tassa dhātārammaṇameva cittaṃ pakkhandatī’’tiādinā imasmiṃ sutte āgatattā. ‘‘Tamenaṃ upadhipahānāya paṭipannaṃ upadhipaṭinissaggāya kadāci karahaci satisammosā upadhipaṭisaṃyuttā sarasaṅkappā samudācaranti. Dandho udāyi satuppādo, atha kho naṃ khippameva pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gametī’’ti laṭukikopame. Tassa hi aṭṭhakathāyaṃ ‘‘sotāpannādayo tāva pajahantu, puthujjano kathaṃ pajahatī’’ti codanaṃ paṭṭhapetvā ‘‘āraddhavipassako hi satisammosena sahasā kilese uppanne ‘mādisassa nāma bhikkhuno kileso uppanno’ti saṃvegaṃ katvā vīriyaṃ paggayha vipassanaṃ vaḍḍhetvā maggena kilese samugghāteti, iti so pajahati nāmā’’ti attho vutto. Tena vuttaṃ – ‘‘tassa dhātārammaṇameva cittaṃ pakkhandatītiādinā imasmiṃ sutte āgatattā’’tiādi. Indriyabhāvane ca majjhimassa vasena ayamattho veditabbo.
ปริคฺคหวเสนาติ ธาตุปริคฺคหวเสนฯ มมฺมเจฺฉทนาทิวเสน ปวตฺตอโกฺกสนาทิํ อนิฎฺฐํ อารมฺมณํ ปตฺวา โสตทฺวาเร กิลมติ ปุคฺคโล, ตถา โปถนปหรณาทิกํ อนิฎฺฐํ อารมฺมณํ ปตฺวา กายทฺวาเร กิลมติฯ
Pariggahavasenāti dhātupariggahavasena. Mammacchedanādivasena pavattaakkosanādiṃ aniṭṭhaṃ ārammaṇaṃ patvā sotadvāre kilamati puggalo, tathā pothanapaharaṇādikaṃ aniṭṭhaṃ ārammaṇaṃ patvā kāyadvāre kilamati.
สมุทาจรนฺตีติ สพฺพโส อุทฺธํ อาจรนฺติฯ ตยิทํ อมนาเปหิ สมุทาจรณํ นาม โปถนปหรณาทิวเสน อุปกฺกมนเมวาติ อาห ‘‘อุปกฺกมนฺตี’’ติ, พาธนฺตีติ อโตฺถฯ ตถาสภาโวติ ยถา ปาณิปฺปหาราทีหิ ฆฎฺฎิตมโตฺต วิการํ อาปชฺชติ, ตถาสภาโวฯ ‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจนา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๒) โอวาททานํ นาม อนญฺญสาธารณํ พุทฺธานํเยว อาเวณิกนฺติ อาห ‘‘วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตาติ อนุสฺสรโนฺตปิ…เป.… กกจูปโมวาทํ อนุสฺสรโนฺตปี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺสปิ ปริยตฺติธมฺมภาวโตติ เกจิ ฯ ยํ ปน กกโจกนฺตเกสุปิ มนุเสฺสสุ อปฺปทุสฺสนํ นิพฺพิการํ, ตํ สตฺถุสาสนํ อนุสฺสรโนฺตปิ สมฺมาปฎิปตฺติลกฺขณํ ธมฺมํ อนุสฺสรติเยวาติ เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ภิกฺขุโน คุณนฺติ อริยธมฺมาธิคมนสิทฺธํ คุณมาหฯ โส จ สเพฺพสมฺปิ อริยานํ คุโณติ ตํ อนุสฺสรโนฺตปิ สงฺฆํ อนุสฺสรติ เอวาติ วุตฺตํฯ
Samudācarantīti sabbaso uddhaṃ ācaranti. Tayidaṃ amanāpehi samudācaraṇaṃ nāma pothanapaharaṇādivasena upakkamanamevāti āha ‘‘upakkamantī’’ti, bādhantīti attho. Tathāsabhāvoti yathā pāṇippahārādīhi ghaṭṭitamatto vikāraṃ āpajjati, tathāsabhāvo. ‘‘Ubhatodaṇḍakena cepi, bhikkhave, kakacenā’’tiādinā (ma. ni. 1.232) ovādadānaṃ nāma anaññasādhāraṇaṃ buddhānaṃyeva āveṇikanti āha ‘‘vuttaṃ kho panetaṃ bhagavatāti anussarantopi…pe… kakacūpamovādaṃ anussarantopī’’ti vuttaṃ. Tassapi pariyattidhammabhāvatoti keci . Yaṃ pana kakacokantakesupi manussesu appadussanaṃ nibbikāraṃ, taṃ satthusāsanaṃ anussarantopi sammāpaṭipattilakkhaṇaṃ dhammaṃ anussaratiyevāti evaṃ vā ettha attho veditabbo. Bhikkhuno guṇanti ariyadhammādhigamanasiddhaṃ guṇamāha. So ca sabbesampi ariyānaṃ guṇoti taṃ anussarantopi saṅghaṃ anussarati evāti vuttaṃ.
วิปสฺสนุเปกฺขา อธิเปฺปตา, ตสฺมา อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา น สณฺฐาตีติ วิปสฺสนาวเสน สพฺพสฺมิมฺปิ สงฺขารคเต อชฺฌุเปกฺขนํ น ลภตีติ อโตฺถฯ ฉฬงฺคุเปกฺขาติ ฉฬงฺคุเปกฺขา วิย ฉฬงฺคุเปกฺขา อิฎฺฐานิเฎฺฐสุ นิพฺพิการตาสามเญฺญน ฯ เตนาห ‘‘สา ปเนสา’’ติอาทิฯ ฉฬงฺคุเปกฺขาฐาเน ฐเปติ ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม’’ติอาทินา อตฺตมนตํ อาปชฺชโนฺตฯ
Vipassanupekkhā adhippetā, tasmā upekkhā kusalanissitā na saṇṭhātīti vipassanāvasena sabbasmimpi saṅkhāragate ajjhupekkhanaṃ na labhatīti attho. Chaḷaṅgupekkhāti chaḷaṅgupekkhā viya chaḷaṅgupekkhā iṭṭhāniṭṭhesu nibbikāratāsāmaññena . Tenāha ‘‘sā panesā’’tiādi. Chaḷaṅgupekkhāṭhāne ṭhapeti ‘‘lābhā vata me, suladdhaṃ vata me’’tiādinā attamanataṃ āpajjanto.
๓๐๓. อาโปคตนฺติ อาพนฺธนวเสน อาโป, ตเทว อาโปสภาวํ คตตฺตา อาโปคตํ, สภาเวเนว อาโปภาวํ วา ปตฺตนฺติ อโตฺถฯ ยสฺมา ปน โส อาโปภาวสงฺขาโต อลฺลยูสภาโว สสมฺภารปถวีสสมฺภารอุทกาทิคเต สพฺพสฺมิมฺปิ อาปสฺมิํ วิชฺชติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สพฺพอาเปสุ คตํ อลฺลยูสภาวลกฺขณ’’นฺติ, ทฺรวภาวลกฺขณนฺติ อโตฺถฯ ‘‘ปกุปฺปตี’’ติ ปากติกปโกปํ สนฺธายาห ‘‘โอฆวเสน วฑฺฒตี’’ติฯ เตนาห ‘‘อยมสฺส ปากติโก ปโกโป’’ติฯ อิตรํ ปน ทเสฺสตุํ ‘‘อาโปสํวฎฺฎกาเล ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โอคจฺฉนฺตีติ เอตฺถ โอคมนนฺติ ปริยาทานํ อธิเปฺปตํ, น อโธคมนมตฺตนฺติ อาห ‘‘อุทฺธเน…เป.… ปาปุณนฺตี’’ติฯ
303.Āpogatanti ābandhanavasena āpo, tadeva āposabhāvaṃ gatattā āpogataṃ, sabhāveneva āpobhāvaṃ vā pattanti attho. Yasmā pana so āpobhāvasaṅkhāto allayūsabhāvo sasambhārapathavīsasambhāraudakādigate sabbasmimpi āpasmiṃ vijjati, tasmā vuttaṃ ‘‘sabbaāpesu gataṃ allayūsabhāvalakkhaṇa’’nti, dravabhāvalakkhaṇanti attho. ‘‘Pakuppatī’’ti pākatikapakopaṃ sandhāyāha ‘‘oghavasena vaḍḍhatī’’ti. Tenāha ‘‘ayamassa pākatiko pakopo’’ti. Itaraṃ pana dassetuṃ ‘‘āposaṃvaṭṭakāle panā’’tiādi vuttaṃ. Ogacchantīti ettha ogamananti pariyādānaṃ adhippetaṃ, na adhogamanamattanti āha ‘‘uddhane…pe… pāpuṇantī’’ti.
๓๐๔. สพฺพเตเชสุ คตนฺติ อินฺธนาทิวเสน อเนกเภเทสุ สเพฺพสุ เตโชโกฎฺฐาเสสุ คตํ ปวตฺตํฯ ยถา ปีติ เอว ปีติคตํ, เอวํ เตโช เอว เตโชคตํ, เตชนวเสน ปวตฺติมตฺตนฺติ อโตฺถฯ เอวํ อาโปคตํ, วาโยคตญฺจ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปุริเม’’ติอาทิฯ เอกาหิกชราทิภาเวนาติ เอกาหิกาทิชราเภเทนฯ อุสุมชาโตติ อุสฺมาภิภูโตฯ ชีรตีติ ชิโณฺณ โหติฯ เตโชธาตุวเสน ลพฺภมานา อิมสฺมิํ กาเย ชราปวตฺติ ปากฎชราวเสน เวทิตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อินฺทฺริยเวกลฺลตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ วลิปลิตาทิภาวนฺติ วลิตปลิตภาวํ, องฺคปจฺจงฺคานํ สิถิลภาวญฺจฯ กุปฺปิเตนาติ ขุภิเตนฯ สตกฺขตฺตุํ ตาเปตฺวา ตาเปตฺวา สีตูทเก ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธฎสปฺปิ สตโธตสปฺปีติ วทนฺติฯ สรีเร ปกติอุสุมํ อติกฺกมิตฺวา อุณฺหภาโว สนฺตาโป, สรีรสฺส ทหนวเสน ปวโตฺต มหาทาโห ปริทาโหติ อยเมว เตสํ วิเสโสฯ อสิตนฺติ สุตฺตํฯ ขายิตนฺติ ขาทิตํฯ สายิตนฺติ อสฺสาทิตํฯ สมฺมา ปริปากํ คจฺฉตีติ สมเวปากินิยา คหณิยา วเสน วุตฺตํฯ อสมฺมาปริปาโกปิ วิสมปากินิยา คหณิยา วเสน เวทิตโพฺพฯ รสาทิภาเวนาติ รสรุธิรมํสเมทนฺหารุอฎฺฐิอฎฺฐิมิญฺชสุกฺกภาเวนฯ วิเวกนฺติ ปุถุภาวํ อญฺญมญฺญํ วิสทิสภาวํฯ อสิตาทิเภทสฺส อาหารสฺส ปริณาเม รโส โหติ, ตํ ปฎิจฺจ รสธาตุ อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ เอวํ รสสฺส ปริณาเม ‘‘รุธิร’’นฺติอาทินา สพฺพํ เนตพฺพํฯ
304.Sabbatejesu gatanti indhanādivasena anekabhedesu sabbesu tejokoṭṭhāsesu gataṃ pavattaṃ. Yathā pīti eva pītigataṃ, evaṃ tejo eva tejogataṃ, tejanavasena pavattimattanti attho. Evaṃ āpogataṃ, vāyogatañca veditabbanti āha ‘‘purime’’tiādi. Ekāhikajarādibhāvenāti ekāhikādijarābhedena. Usumajātoti usmābhibhūto. Jīratīti jiṇṇo hoti. Tejodhātuvasena labbhamānā imasmiṃ kāye jarāpavatti pākaṭajarāvasena veditabbāti dassetuṃ ‘‘indriyavekallatta’’ntiādi vuttaṃ. Valipalitādibhāvanti valitapalitabhāvaṃ, aṅgapaccaṅgānaṃ sithilabhāvañca. Kuppitenāti khubhitena. Satakkhattuṃ tāpetvā tāpetvā sītūdake pakkhipitvā uddhaṭasappi satadhotasappīti vadanti. Sarīre pakatiusumaṃ atikkamitvā uṇhabhāvo santāpo, sarīrassa dahanavasena pavatto mahādāho paridāhoti ayameva tesaṃ viseso. Asitanti suttaṃ. Khāyitanti khāditaṃ. Sāyitanti assāditaṃ. Sammā paripākaṃ gacchatīti samavepākiniyā gahaṇiyā vasena vuttaṃ. Asammāparipākopi visamapākiniyā gahaṇiyā vasena veditabbo. Rasādibhāvenāti rasarudhiramaṃsamedanhāruaṭṭhiaṭṭhimiñjasukkabhāvena. Vivekanti puthubhāvaṃ aññamaññaṃ visadisabhāvaṃ. Asitādibhedassa āhārassa pariṇāme raso hoti, taṃ paṭicca rasadhātu uppajjatīti attho. Evaṃ rasassa pariṇāme ‘‘rudhira’’ntiādinā sabbaṃ netabbaṃ.
หริตนฺตนฺติ หริตเมว, อนฺต-สเทฺทน ปทวฑฺฒนํ กตํ ยถา ‘‘วนนฺตํ สุตฺตนฺต’’นฺติฯ จมฺมนิเลฺลขนํ จมฺมํ ลิขิตฺวา ฉฑฺฑิตกสฎํฯ
Haritantanti haritameva, anta-saddena padavaḍḍhanaṃ kataṃ yathā ‘‘vanantaṃ suttanta’’nti. Cammanillekhanaṃ cammaṃ likhitvā chaḍḍitakasaṭaṃ.
๓๐๕. อุคฺคารหิกฺการาทีติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน อุเทฺทกขีปนาทิปวตฺตกวาตานํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อุจฺจารปสฺสาวาทีติ อาทิ-สเทฺทน ปิตฺตเสมฺหลสิกาทินีหรณวาตสฺส เจว อุสุมวาตสฺส จ สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ ยทิปิ กุจฺฉิ-สโทฺท อุทรปริยาโย, โกฎฺฐ-สเทฺทน ปน อพฺภนฺตรสฺส วุจฺจมานตฺตา ตทวสิโฎฺฐ อุทรปเทโส อิธ กุจฺฉิ-สเทฺทน วุจฺจตีติ อาห ‘‘กุจฺฉิสยา วาตาติ อนฺตานํ พหิวาตา’’ติฯ สมิญฺชนปสารณาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน อาโลกนวิโลกนอุทฺธรณาทิกา สพฺพา กายิกกิริยา สงฺคหิตาฯ อวสวติ อุทกํ เอตสฺมาติ โอสฺสวนํ, ฉทนโนฺตฯ อิธาติ อิมสฺมิํ ฐาเนฯ
305.Uggārahikkārādīti ettha ādi-saddena uddekakhīpanādipavattakavātānaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Uccārapassāvādīti ādi-saddena pittasemhalasikādinīharaṇavātassa ceva usumavātassa ca saṅgaho veditabbo. Yadipi kucchi-saddo udarapariyāyo, koṭṭha-saddena pana abbhantarassa vuccamānattā tadavasiṭṭho udarapadeso idha kucchi-saddena vuccatīti āha ‘‘kucchisayā vātāti antānaṃ bahivātā’’ti. Samiñjanapasāraṇādīnīti ādi-saddena ālokanavilokanauddharaṇādikā sabbā kāyikakiriyā saṅgahitā. Avasavati udakaṃ etasmāti ossavanaṃ, chadananto. Idhāti imasmiṃ ṭhāne.
๓๐๖. นิสฺสตฺตภาวนฺติ อนตฺตกตํฯ ยถาทสฺสิตา หิ จตโสฺส ธาตุโย อนตฺตนิยํ เกวลํ ธาตุมตฺตา นิสฺสตฺตนิชฺชีวาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ ปริวาริโตติ ปริวาริตภาเวน ฐิโต ปริวุโตฯ เตนาห ‘‘เอตานี’’ติอาทิ, กฎฺฐาทีนิ สนฺนิเวสวิเสสวเสน ฐปิตานีติ อธิปฺปาโยฯ อญฺญถา อคารสมญฺญาย ภาวโตฯ เตนาห ‘‘กฎฺฐาทีสุ ปนา’’ติอาทิฯ ยทตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส’’ติอาทิ อารทฺธํ, ตมตฺถํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา กฎฺฐาทีนี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
306.Nissattabhāvanti anattakataṃ. Yathādassitā hi catasso dhātuyo anattaniyaṃ kevalaṃ dhātumattā nissattanijjīvāti imamatthaṃ dasseti. Parivāritoti parivāritabhāvena ṭhito parivuto. Tenāha ‘‘etānī’’tiādi, kaṭṭhādīni sannivesavisesavasena ṭhapitānīti adhippāyo. Aññathā agārasamaññāya bhāvato. Tenāha ‘‘kaṭṭhādīsu panā’’tiādi. Yadatthaṃ pāḷiyaṃ ‘‘seyyathāpi, āvuso’’tiādi āraddhaṃ, tamatthaṃ pākaṭaṃ katvā dassetuṃ ‘‘yathā kaṭṭhādīnī’’tiādi vuttaṃ.
กามํ เหฎฺฐา ‘‘มตฺตฎฺฐกสฺส กายสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๐๒) อวิภาเคน เอกเทเสน จ อุปาทารูปมฺปิ กถิตํ, ตถา เวทนาทโย ขนฺธภาเวน ปริคฺคเหตฺวา น กถิตา, ตถา ตณฺหาปิ สมุทยสจฺจภาเวนฯ อิตรานิ ปน สจฺจานิ สเพฺพน สพฺพํ น กถิตานิฯ เตเนวาห ‘‘เหฎฺฐา…เป.… น กถิตานี’’ติฯ จกฺขุปสาเท นิรุเทฺธติ จกฺขุปสาเท วินเฎฺฐฯ อุปหเตติ ปุพฺพกิมิอาทีหิ อุปทฺทุเตฯ ปลิพุเทฺธติ ปุพฺพาทิอุปฺปตฺติยา วินา ปฎิจฺฉาทิเตฯ ตโชฺชติ ตสฺสานุรูโป, จกฺขุวิญฺญาณุปฺปตฺติยา อนุรูโปติ อโตฺถฯ จกฺขุสฺส รูปารมฺมเณ อาปาถคเต อุปฺปชฺชนมนสิกาโร หทยสนฺนิสฺสโยปิ จกฺขุมฺหิ สติ โหติ, อสติ น โหตีติ กตฺวา ‘‘จกฺขุํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชนมนสิกาโร’’ติ วุโตฺตฯ ภวงฺคาวฎฺฎนํ ตสฺส ยถา อารมฺมณปจฺจเย, เอวํ ปสาทปจฺจเยปิ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘จกฺขุญฺจ รูเป จ ปฎิจฺจา’’ติฯ นฺติ จกฺขุทฺวาเร กิริยมโนธาตุจิตฺตํฯ อญฺญวิหิตสฺสาติ อญฺญารมฺมณปสุตสฺสฯ ตทนุรูปสฺสาติ เตสํ จกฺขุรูปตทาโภคานํ อนุรูปสฺสฯ
Kāmaṃ heṭṭhā ‘‘mattaṭṭhakassa kāyassā’’tiādinā (ma. ni. 1.302) avibhāgena ekadesena ca upādārūpampi kathitaṃ, tathā vedanādayo khandhabhāvena pariggahetvā na kathitā, tathā taṇhāpi samudayasaccabhāvena. Itarāni pana saccāni sabbena sabbaṃ na kathitāni. Tenevāha ‘‘heṭṭhā…pe… na kathitānī’’ti. Cakkhupasāde niruddheti cakkhupasāde vinaṭṭhe. Upahateti pubbakimiādīhi upaddute. Palibuddheti pubbādiuppattiyā vinā paṭicchādite. Tajjoti tassānurūpo, cakkhuviññāṇuppattiyā anurūpoti attho. Cakkhussa rūpārammaṇe āpāthagate uppajjanamanasikāro hadayasannissayopi cakkhumhi sati hoti, asati na hotīti katvā ‘‘cakkhuṃ paṭicca uppajjanamanasikāro’’ti vutto. Bhavaṅgāvaṭṭanaṃ tassa yathā ārammaṇapaccaye, evaṃ pasādapaccayepi hotīti vuttaṃ ‘‘cakkhuñca rūpe ca paṭiccā’’ti. Nti cakkhudvāre kiriyamanodhātucittaṃ. Aññavihitassāti aññārammaṇapasutassa. Tadanurūpassāti tesaṃ cakkhurūpatadābhogānaṃ anurūpassa.
จตฺตาริ สจฺจานิ ทเสฺสติ สรูปโต อตฺถาปตฺติโต จาติ อธิปฺปาโยฯ ตปฺปกาโร ภูโต, ตปฺปการํ วา ปโตฺต ตถาภูโต, ตสฺส, ยถา จกฺขุวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชติ, ตาทิสสฺส ปจฺจยาการสมเวตสฺสาติ อโตฺถฯ ติสมุฎฺฐานรูปนฺติ อุตุกมฺมาหารสมุฎฺฐานรูปํฯ อิทญฺจ สติปิ ตทา ภวงฺคาวฎฺฎนจิตฺตสมุฎฺฐานรูเป เกวลํ จกฺขุวิญฺญาณสมุฎฺฐิตรูปสฺส อภาวมตฺตํ คเหตฺวา วุตฺตํฯ สงฺคหํ คจฺฉตีติ นครํ วิย รเชฺช รูปกฺขเนฺธ สงฺคเหตพฺพตํ คเหตพฺพตํ คจฺฉติฯ ‘‘ตถาภูตสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา เวทนาทโย จกฺขุวิญฺญาณสมฺปยุตฺตาว, วิญฺญาณมฺปิ จกฺขุวิญฺญาณเมวฯ สงฺขาราติ เจตนาว วุตฺตา เจตนาปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ ตตฺถ ปน ผสฺสชีวิตินฺทฺริยมนสิการจิตฺตฎฺฐิติโยปิ สงฺขารกฺขนฺธธมฺมาวฯ เอกโต สงฺคโห ‘‘ปญฺจกฺขนฺธา’’ติ เอกโต คณนาฯ สมาคโมติ ยถาสกํ ปจฺจยวเสน สโมธานํฯ สมวาโยติ อญฺญมญฺญสฺส ปจฺจยภาเวน สมเวตตาย สมุทิตภาโวฯ
Cattāri saccāni dasseti sarūpato atthāpattito cāti adhippāyo. Tappakāro bhūto, tappakāraṃ vā patto tathābhūto, tassa, yathā cakkhuviññāṇaṃ uppajjati, tādisassa paccayākārasamavetassāti attho. Tisamuṭṭhānarūpanti utukammāhārasamuṭṭhānarūpaṃ. Idañca satipi tadā bhavaṅgāvaṭṭanacittasamuṭṭhānarūpe kevalaṃ cakkhuviññāṇasamuṭṭhitarūpassa abhāvamattaṃ gahetvā vuttaṃ. Saṅgahaṃ gacchatīti nagaraṃ viya rajje rūpakkhandhe saṅgahetabbataṃ gahetabbataṃ gacchati. ‘‘Tathābhūtassā’’ti vuttattā vedanādayo cakkhuviññāṇasampayuttāva, viññāṇampi cakkhuviññāṇameva. Saṅkhārāti cetanāva vuttā cetanāpadhānattā saṅkhārakkhandhassāti adhippāyo. Tattha pana phassajīvitindriyamanasikāracittaṭṭhitiyopi saṅkhārakkhandhadhammāva. Ekato saṅgaho ‘‘pañcakkhandhā’’ti ekato gaṇanā. Samāgamoti yathāsakaṃ paccayavasena samodhānaṃ. Samavāyoti aññamaññassa paccayabhāvena samavetatāya samuditabhāvo.
ปจฺจยุปฺปนฺนธโมฺม ปฎิจฺจ สมุปฺปชฺชติ เอตสฺมาติ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท, ปจฺจยากาโรฯ ปจฺจยธเมฺม ปสฺสโนฺตปิ ปจฺจยุปฺปนฺนธเมฺม ปสฺสติ, เต ปสฺสโนฺตปิ ปจฺจยธเมฺม ปสฺสตีติ วุตฺตํ ‘‘โย ปฎิจฺจสมุปฺปาท’’นฺติอาทิฯ ฉนฺทกรณวเสนาติ ตณฺหายนวเสนฯ อาลยกรณวเสนาติ อเปกฺขากรณวเสนฯ อนุนยกรณวเสนาติ อนุรชฺชนวเสนฯ อโชฺฌคาหิตฺวาติ อารมฺมณํ อนุปวิสิตฺวา วิย คิลิตฺวา วิย นิฎฺฐเปตฺวา วิย ทฬฺหคฺคหณวเสนฯ ฉนฺทราโค วินยติ ปหียติ เอตฺถาติ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปหานญฺจาติ วุจฺจติ นิพฺพานํฯ อาหริตฺวาติ ปาฬิยํ สรูปโต อนาคตมฺปิ อตฺถโต อาเนตฺวา สงฺคณฺหนวเสน คเหตพฺพํฯ อาหรณวิธิํ ปน ทเสฺสโนฺต ‘‘ยา อิเมสู’’ติอาทิมาหฯ อิเมสุ ตีสุ ฐาเนสูติ ยถาวุเตฺตสุ สุขทุกฺขาทีสุ ตีสุ อภิสมยฎฺฐาเนสุฯ ทิฎฺฐีติ ปริญฺญาภิสมยาทิวเสน ปวตฺตา สมฺมาทิฎฺฐิ ยาถาวทสฺสนํฯ เอวํ สงฺกปฺปาทโยปิ ยถารหํ เวทิตพฺพาฯ ภาวนาปฎิเวโธติ ภาวนาวเสน ปฎิเวโธ, น อารมฺมณกรณมเตฺตนฯ อยํ มโคฺคติ อยํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ปฎิวิชฺฌนวเสน ปวโตฺต อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ เอตฺตาวตาปีติ เอวํ เอกสฺมิํ จกฺขุทฺวาเร วตฺถุ ปริคฺคหมุเขนปิ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานสฺส มตฺถกํ ปาปเนน พหุํ วิปุลํ ปริปุณฺณเมว ภควโต สาสนํ กตํ อนุฎฺฐิตํ โหติฯ
Paccayuppannadhammo paṭicca samuppajjati etasmāti paṭiccasamuppādo, paccayākāro. Paccayadhamme passantopi paccayuppannadhamme passati, te passantopi paccayadhamme passatīti vuttaṃ ‘‘yo paṭiccasamuppāda’’ntiādi. Chandakaraṇavasenāti taṇhāyanavasena. Ālayakaraṇavasenāti apekkhākaraṇavasena. Anunayakaraṇavasenāti anurajjanavasena. Ajjhogāhitvāti ārammaṇaṃ anupavisitvā viya gilitvā viya niṭṭhapetvā viya daḷhaggahaṇavasena. Chandarāgo vinayati pahīyati etthāti chandarāgavinayo chandarāgapahānañcāti vuccati nibbānaṃ. Āharitvāti pāḷiyaṃ sarūpato anāgatampi atthato ānetvā saṅgaṇhanavasena gahetabbaṃ. Āharaṇavidhiṃ pana dassento ‘‘yā imesū’’tiādimāha. Imesu tīsu ṭhānesūti yathāvuttesu sukhadukkhādīsu tīsu abhisamayaṭṭhānesu. Diṭṭhīti pariññābhisamayādivasena pavattā sammādiṭṭhi yāthāvadassanaṃ. Evaṃ saṅkappādayopi yathārahaṃ veditabbā. Bhāvanāpaṭivedhoti bhāvanāvasena paṭivedho, na ārammaṇakaraṇamattena. Ayaṃ maggoti ayaṃ catunnaṃ ariyasaccānaṃ paṭivijjhanavasena pavatto aṭṭhaṅgiko maggo. Ettāvatāpīti evaṃ ekasmiṃ cakkhudvāre vatthu pariggahamukhenapi catusaccakammaṭṭhānassa matthakaṃ pāpanena bahuṃ vipulaṃ paripuṇṇameva bhagavato sāsanaṃ kataṃ anuṭṭhitaṃ hoti.
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธเมว ภวงฺคจิตฺตํ อาวชฺชนจิตฺตสฺส ปจฺจโย ภวตีติ วุตฺตํ ‘‘ตํ นิรุทฺธมฺปี’’ติฯ มนฺทถามคตเมวาติ มหติยา นิทฺทาย อภิภูตสฺส วเสน วุตฺตํ, กปิมิทฺธปเรตสฺส ปน ภวงฺคจิตฺตํ กทาจิ อาวชฺชนสฺส ปจฺจโย ภเวยฺยาติฯ ภวงฺคสมเยเนวาติ ภวงฺคเสฺสว ปวตฺตนสมเยน ปคุณชฺฌานปคุณกมฺมฎฺฐานปคุณคเนฺถสุ เตสํ ปคุณภาเวเนว อาโภเคน วินาปิ มนสิกาโร ปวตฺตติฯ ตถา หิ ปคุณํ คนฺถํ ปคุณภาเวเนว นิรนฺตรํ วิย อชฺฌยมาเน อญฺญวิหิตตาย ‘‘เอตฺตโก คโนฺถ คโต, เอตฺตโก อวสิโฎฺฐ’’ติ สลฺลกฺขณา น โหติฯ จตุสมุฎฺฐานมฺปีติ สพฺพํ จตุสมุฎฺฐานรูปํ, น ปุเพฺพ วิย ติสมุฎฺฐานเมวาติ อธิปฺปาโยฯ ปุพฺพงฺคมตฺตา โอฬาริกตฺตา จ ผสฺสเจตนาว สงฺขารกฺขโนฺธติ คหิตา, น อเญฺญสํ อภาวาฯ เอกเทสเมว สมฺมสโนฺตติ ยถาอุทฺทิฎฺฐํ อตฺถํ เหฎฺฐา อนวเสสโต อนิทฺทิสิตฺวา เอกเทสเมว นิทฺทิสนวเสน เทสนาย อามสโนฺตฯ อิมสฺมิํ ฐาเนติ ยถาอุทฺทิฎฺฐสฺส อตฺถสฺส ‘‘อชฺฌตฺติกเญฺจว, อาวุโส, จกฺขุ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๐๖) ฉทฺวารวเสน นิทฺทิสนฎฺฐาเนฯ เหฎฺฐา ปริหีนเทสนนฺติ – ‘‘ยํ อุปาทารูปํ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา อุปริ ตีณิ อริยสจฺจานี’’ติ นิเทฺทสวเสน ปริหีนํ อตฺถชาตํ สพฺพํฯ ตํตํทฺวารวเสนาติ จกฺขุทฺวาราทิกํ ตํตํทฺวารวเสนฯ จตุสจฺจวเสน อารทฺธา เทสนา จตุสเจฺจเนว ปริโยสาปิตาติ อาห ‘‘ยถานุสนฺธินาว สุตฺตนฺตํ นิฎฺฐเปสี’’ติฯ
Uppajjitvā niruddhameva bhavaṅgacittaṃ āvajjanacittassa paccayo bhavatīti vuttaṃ ‘‘taṃ niruddhampī’’ti. Mandathāmagatamevāti mahatiyā niddāya abhibhūtassa vasena vuttaṃ, kapimiddhaparetassa pana bhavaṅgacittaṃ kadāci āvajjanassa paccayo bhaveyyāti. Bhavaṅgasamayenevāti bhavaṅgasseva pavattanasamayena paguṇajjhānapaguṇakammaṭṭhānapaguṇaganthesu tesaṃ paguṇabhāveneva ābhogena vināpi manasikāro pavattati. Tathā hi paguṇaṃ ganthaṃ paguṇabhāveneva nirantaraṃ viya ajjhayamāne aññavihitatāya ‘‘ettako gantho gato, ettako avasiṭṭho’’ti sallakkhaṇā na hoti. Catusamuṭṭhānampīti sabbaṃ catusamuṭṭhānarūpaṃ, na pubbe viya tisamuṭṭhānamevāti adhippāyo. Pubbaṅgamattā oḷārikattā ca phassacetanāva saṅkhārakkhandhoti gahitā, na aññesaṃ abhāvā. Ekadesameva sammasantoti yathāuddiṭṭhaṃ atthaṃ heṭṭhā anavasesato aniddisitvā ekadesameva niddisanavasena desanāya āmasanto. Imasmiṃ ṭhāneti yathāuddiṭṭhassa atthassa ‘‘ajjhattikañceva, āvuso, cakkhu’’ntiādinā (ma. ni. 1.306) chadvāravasena niddisanaṭṭhāne. Heṭṭhā parihīnadesananti – ‘‘yaṃ upādārūpaṃ cattāro arūpino khandhā upari tīṇi ariyasaccānī’’ti niddesavasena parihīnaṃ atthajātaṃ sabbaṃ. Taṃtaṃdvāravasenāti cakkhudvārādikaṃ taṃtaṃdvāravasena. Catusaccavasena āraddhā desanā catusacceneva pariyosāpitāti āha ‘‘yathānusandhināva suttantaṃ niṭṭhapesī’’ti.
มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Mahāhatthipadopamasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตํ • 8. Mahāhatthipadopamasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนา • 8. Mahāhatthipadopamasuttavaṇṇanā