Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๓. มหากจฺจานภเทฺทกรตฺตสุตฺตํ
3. Mahākaccānabhaddekarattasuttaṃ
๒๗๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ ตโปทาราเมฯ อถ โข อายสฺมา สมิทฺธิ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย เยน ตโปโท 1 เตนุปสงฺกมิ คตฺตานิ ปริสิญฺจิตุํฯ ตโปเท คตฺตานิ ปริสิญฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฎฺฐาสิ คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโน 2ฯ อถ โข อญฺญตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ ตโปทํ โอภาเสตฺวา เยนายสฺมา สมิทฺธิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข สา เทวตา อายสฺมนฺตํ สมิทฺธิํ เอตทโวจ – ‘‘ธาเรสิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจา’’ติ? ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจฯ ตฺวํ ปนาวุโส, ธาเรสิ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจา’’ติ? ‘‘อหมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจฯ ธาเรสิ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺติโย คาถา’’ติ? ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถาติฯ ตฺวํ ปนาวุโส, ธาเรสิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถา’’ติ? ‘‘อหมฺปิ โข, ภิกฺขุ น ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถาติฯ อุคฺคณฺหาหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ; ปริยาปุณาหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ; ธาเรหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจฯ อตฺถสํหิโต, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทโส จ วิภโงฺค จ อาทิพฺรหฺมจริยโก’’ติฯ อิทมโวจ สา เทวตา; อิทํ วตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายิฯ
279. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati tapodārāme. Atha kho āyasmā samiddhi rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya yena tapodo 3 tenupasaṅkami gattāni parisiñcituṃ. Tapode gattāni parisiñcitvā paccuttaritvā ekacīvaro aṭṭhāsi gattāni pubbāpayamāno 4. Atha kho aññatarā devatā abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇā kevalakappaṃ tapodaṃ obhāsetvā yenāyasmā samiddhi tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho sā devatā āyasmantaṃ samiddhiṃ etadavoca – ‘‘dhāresi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañcā’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, āvuso, dhāremi bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca. Tvaṃ panāvuso, dhāresi bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañcā’’ti? ‘‘Ahampi kho, bhikkhu, na dhāremi bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca. Dhāresi pana tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattiyo gāthā’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, āvuso, dhāremi bhaddekarattiyo gāthāti. Tvaṃ panāvuso, dhāresi bhaddekarattiyo gāthā’’ti? ‘‘Ahampi kho, bhikkhu na dhāremi bhaddekarattiyo gāthāti. Uggaṇhāhi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca; pariyāpuṇāhi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca; dhārehi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca. Atthasaṃhito, bhikkhu, bhaddekarattassa uddeso ca vibhaṅgo ca ādibrahmacariyako’’ti. Idamavoca sā devatā; idaṃ vatvā tatthevantaradhāyi.
๒๘๐. อถ โข อายสฺมา สมิทฺธิ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สมิทฺธิ ภควนฺตํ เอตทโวจ –
280. Atha kho āyasmā samiddhi tassā rattiyā accayena yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā samiddhi bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘อิธาหํ, ภเนฺต, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย เยน ตโปโท เตนุปสงฺกมิํ คตฺตานิ ปริสิญฺจิตุํฯ ตโปเท คตฺตานิ ปริสิญฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฎฺฐาสิํ คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโนฯ อถ โข ภเนฺต, อญฺญตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ ตโปทํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข สา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘ธาเรสิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจา’’’ติ?
‘‘Idhāhaṃ, bhante, rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya yena tapodo tenupasaṅkamiṃ gattāni parisiñcituṃ. Tapode gattāni parisiñcitvā paccuttaritvā ekacīvaro aṭṭhāsiṃ gattāni pubbāpayamāno. Atha kho bhante, aññatarā devatā abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇā kevalakappaṃ tapodaṃ obhāsetvā yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho sā devatā maṃ etadavoca – ‘dhāresi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañcā’’’ti?
‘‘เอวํ วุเตฺต อหํ, ภเนฺต, ตํ เทวตํ เอตทโวจํ – ‘น โข อหํ, อาวุโส, ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจฯ ตฺวํ ปนาวุโส, ธาเรสิ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจา’ติ? ‘อหมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจฯ ธาเรสิ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺติโย คาถา’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถาติฯ ตฺวํ ปนาวุโส, ธาเรสิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถา’ติ? ‘อหมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ธาเรมิ ภเทฺทกรตฺติโย คาถาติฯ อุคฺคณฺหาหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ; ปริยาปุณาหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ; ธาเรหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจฯ อตฺถสํหิโต, ภิกฺขุ, ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทโส จ วิภโงฺค จ อาทิพฺรหฺมจริยโก’ติฯ อิทมโวจ, ภเนฺต, สา เทวตา; อิทํ วตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายิฯ สาธุ เม, ภเนฺต, ภควา ภเทฺทกรตฺตสฺส อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ เทเสตู’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภิกฺขุ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา สมิทฺธิ ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –
‘‘Evaṃ vutte ahaṃ, bhante, taṃ devataṃ etadavocaṃ – ‘na kho ahaṃ, āvuso, dhāremi bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca. Tvaṃ panāvuso, dhāresi bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañcā’ti? ‘Ahampi kho, bhikkhu, na dhāremi bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca. Dhāresi pana tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattiyo gāthā’ti? ‘Na kho ahaṃ, āvuso, dhāremi bhaddekarattiyo gāthāti. Tvaṃ panāvuso, dhāresi bhaddekarattiyo gāthā’ti? ‘Ahampi kho, bhikkhu, na dhāremi bhaddekarattiyo gāthāti. Uggaṇhāhi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca; pariyāpuṇāhi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca; dhārehi tvaṃ, bhikkhu, bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca. Atthasaṃhito, bhikkhu, bhaddekarattassa uddeso ca vibhaṅgo ca ādibrahmacariyako’ti. Idamavoca, bhante, sā devatā; idaṃ vatvā tatthevantaradhāyi. Sādhu me, bhante, bhagavā bhaddekarattassa uddesañca vibhaṅgañca desetū’’ti. ‘‘Tena hi, bhikkhu, suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā samiddhi bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย, นปฺปฎิกเงฺข อนาคตํ;
‘‘Atītaṃ nānvāgameyya, nappaṭikaṅkhe anāgataṃ;
ยทตีตํ ปหีนํ ตํ, อปฺปตฺตญฺจ อนาคตํฯ
Yadatītaṃ pahīnaṃ taṃ, appattañca anāgataṃ.
‘‘ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ โย ธมฺมํ, ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ;
‘‘Paccuppannañca yo dhammaṃ, tattha tattha vipassati;
อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, ตํ วิทฺวา มนุพฺรูหเยฯ
Asaṃhīraṃ asaṃkuppaṃ, taṃ vidvā manubrūhaye.
‘‘อเชฺชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva kiccamātappaṃ, ko jaññā maraṇaṃ suve;
น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนาฯ
Na hi no saṅgaraṃ tena, mahāsenena maccunā.
‘‘เอวํ วิหาริํ อาตาปิํ, อโหรตฺตมตนฺทิตํ;
‘‘Evaṃ vihāriṃ ātāpiṃ, ahorattamatanditaṃ;
ตํ เว ภเทฺทกรโตฺตติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนี’’ติฯ
Taṃ ve bhaddekarattoti, santo ācikkhate munī’’ti.
อิทมโวจ ภควา; อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ , อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต, เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ –
Idamavoca bhagavā; idaṃ vatvāna sugato uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi. Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ , acirapakkantassa bhagavato, etadahosi – ‘‘idaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho –
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย, นปฺปฎิกเงฺข อนาคตํ;
‘‘Atītaṃ nānvāgameyya, nappaṭikaṅkhe anāgataṃ;
ยทตีตํ ปหีนํ ตํ, อปฺปตฺตญฺจ อนาคตํฯ
Yadatītaṃ pahīnaṃ taṃ, appattañca anāgataṃ.
‘‘ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ โย ธมฺมํ, ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ;
‘‘Paccuppannañca yo dhammaṃ, tattha tattha vipassati;
อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, ตํ วิทฺวา มนุพฺรูหเยฯ
Asaṃhīraṃ asaṃkuppaṃ, taṃ vidvā manubrūhaye.
‘‘อเชฺชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva kiccamātappaṃ, ko jaññā maraṇaṃ suve;
น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนาฯ
Na hi no saṅgaraṃ tena, mahāsenena maccunā.
‘‘เอวํ วิหาริํ อาตาปิํ, อโหรตฺตมตนฺทิตํ;
‘‘Evaṃ vihāriṃ ātāpiṃ, ahorattamatanditaṃ;
ตํ เว ภเทฺทกรโตฺตติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนี’’ติฯ
Taṃ ve bhaddekarattoti, santo ācikkhate munī’’ti.
‘‘โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’’ติ?
‘‘Ko nu kho imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajeyyā’’ti?
อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํ; ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามา’’ติฯ
Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘ayaṃ kho āyasmā mahākaccāno satthu ceva saṃvaṇṇito sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ; pahoti cāyasmā mahākaccāno imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Yaṃnūna mayaṃ yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkameyyāma; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etamatthaṃ paṭipuccheyyāmā’’ti.
๒๘๑. อถ โข เต ภิกฺขู เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา มหากจฺจาเนน สทฺธิํ สโมฺมทิํสุฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส กจฺจาน, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ –
281. Atha kho te bhikkhū yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā āyasmatā mahākaccānena saddhiṃ sammodiṃsu. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etadavocuṃ – ‘‘idaṃ kho no, āvuso kaccāna, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho –
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย…เป.…
‘‘Atītaṃ nānvāgameyya…pe…
ตํ เว ภเทฺทกรโตฺตติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนี’’ติฯ
Taṃ ve bhaddekarattoti, santo ācikkhate munī’’ti.
‘‘เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ, อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต, เอตทโหสิ – อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ –
‘‘Tesaṃ no, āvuso kaccāna, amhākaṃ, acirapakkantassa bhagavato, etadahosi – idaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho –
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย…เป.…
‘‘Atītaṃ nānvāgameyya…pe…
ตํ เว ภเทฺทกรโตฺตติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนี’’ติฯ
Taṃ ve bhaddekarattoti, santo ācikkhate munī’’ti.
‘‘โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยาติ? เตสํ โน , อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามา’ติฯ วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน’’ติฯ
‘‘Ko nu kho imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajeyyāti? Tesaṃ no , āvuso kaccāna, amhākaṃ etadahosi – ‘ayaṃ kho āyasmā mahākaccāno satthu ceva saṃvaṇṇito sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ. Pahoti cāyasmā mahākaccāno imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Yaṃnūna mayaṃ yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkameyyāma; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etamatthaṃ paṭipuccheyyāmā’ti. Vibhajatāyasmā mahākaccāno’’ti.
‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฎฺฐโต สารวโต อติกฺกเมฺมว มูลํ อติกฺกมฺม ขนฺธํ สาขาปลาเส สารํ ปริเยสิตพฺพํ มเญฺญยฺย; เอวํ สมฺปทมิทํ อายสฺมนฺตานํ สตฺถริ สมฺมุขีภูเต ตํ ภควนฺตํ อติสิตฺวา อเมฺห เอตมตฺถํ ปฎิปุจฺฉิตพฺพํ มญฺญถ 5ฯ โส หาวุโส, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต วตฺตา ปวตฺตา อตฺถสฺส นิเนฺนตา อมตสฺส ทาตา ธมฺมสฺสามี ตถาคโตฯ โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถ, ยถา โว ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยาถา’’ติฯ
‘‘Seyyathāpi, āvuso, puriso sāratthiko sāragavesī sārapariyesanaṃ caramāno mahato rukkhassa tiṭṭhato sāravato atikkammeva mūlaṃ atikkamma khandhaṃ sākhāpalāse sāraṃ pariyesitabbaṃ maññeyya; evaṃ sampadamidaṃ āyasmantānaṃ satthari sammukhībhūte taṃ bhagavantaṃ atisitvā amhe etamatthaṃ paṭipucchitabbaṃ maññatha 6. So hāvuso, bhagavā jānaṃ jānāti, passaṃ passati, cakkhubhūto ñāṇabhūto dhammabhūto brahmabhūto vattā pavattā atthassa ninnetā amatassa dātā dhammassāmī tathāgato. So ceva panetassa kālo ahosi yaṃ bhagavantaṃyeva etamatthaṃ paṭipuccheyyātha, yathā vo bhagavā byākareyya tathā naṃ dhāreyyāthā’’ti.
‘‘อทฺธาวุโส กจฺจาน, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต วตฺตา ปวตฺตา อตฺถสฺส นิเนฺนตา อมตสฺส ทาตา ธมฺมสฺสามี ตถาคโตฯ โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาม; ยถา โน ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยามฯ อปิ จายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุเจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํ; ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน อครุํ กริตฺวา’’ติ 7ฯ
‘‘Addhāvuso kaccāna, bhagavā jānaṃ jānāti, passaṃ passati, cakkhubhūto ñāṇabhūto dhammabhūto brahmabhūto vattā pavattā atthassa ninnetā amatassa dātā dhammassāmī tathāgato. So ceva panetassa kālo ahosi yaṃ bhagavantaṃyeva etamatthaṃ paṭipuccheyyāma; yathā no bhagavā byākareyya tathā naṃ dhāreyyāma. Api cāyasmā mahākaccāno satthuceva saṃvaṇṇito sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ; pahoti cāyasmā mahākaccāno imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Vibhajatāyasmā mahākaccāno agaruṃ karitvā’’ti 8.
‘‘เตน หาวุโส, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา มหากจฺจาโน เอตทโวจ –
‘‘Tena hāvuso, suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato mahākaccānassa paccassosuṃ. Āyasmā mahākaccāno etadavoca –
‘‘ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ –
‘‘Yaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho –
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย…เป.…
‘‘Atītaṃ nānvāgameyya…pe…
ตํ เว ภเทฺทกรโตฺตติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนี’’ติฯ
Taṃ ve bhaddekarattoti, santo ācikkhate munī’’ti.
อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ –
Imassa kho ahaṃ, āvuso, bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi –
๒๘๒. ‘‘กถญฺจ, อาวุโส, อตีตํ อนฺวาคเมติ? อิติ เม จกฺขุ อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ รูปาติ – ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธํ 9 โหติ วิญฺญาณํ, ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธตฺตา วิญฺญาณสฺส ตทภินนฺทติ, ตทภินนฺทโนฺต อตีตํ อนฺวาคเมติฯ อิติ เม โสตํ อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ สทฺทาติ…เป.… อิติ เม ฆานํ อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ คนฺธาติ… อิติ เม ชิวฺหา อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ รสาติ… อิติ เม กาโย อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ โผฎฺฐพฺพาติ… อิติ เม มโน อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ ธมฺมาติ – ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธํ โหติ วิญฺญาณํ, ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธตฺตา วิญฺญาณสฺส ตทภินนฺทติ, ตทภินนฺทโนฺต อตีตํ อนฺวาคเมติ – เอวํ โข, อาวุโส, อตีตํ อนฺวาคเมติฯ
282. ‘‘Kathañca, āvuso, atītaṃ anvāgameti? Iti me cakkhu ahosi atītamaddhānaṃ iti rūpāti – tattha chandarāgappaṭibaddhaṃ 10 hoti viññāṇaṃ, chandarāgappaṭibaddhattā viññāṇassa tadabhinandati, tadabhinandanto atītaṃ anvāgameti. Iti me sotaṃ ahosi atītamaddhānaṃ iti saddāti…pe… iti me ghānaṃ ahosi atītamaddhānaṃ iti gandhāti… iti me jivhā ahosi atītamaddhānaṃ iti rasāti… iti me kāyo ahosi atītamaddhānaṃ iti phoṭṭhabbāti… iti me mano ahosi atītamaddhānaṃ iti dhammāti – tattha chandarāgappaṭibaddhaṃ hoti viññāṇaṃ, chandarāgappaṭibaddhattā viññāṇassa tadabhinandati, tadabhinandanto atītaṃ anvāgameti – evaṃ kho, āvuso, atītaṃ anvāgameti.
‘‘กถญฺจ , อาวุโส, อตีตํ นานฺวาคเมติ? อิติ เม จกฺขุ อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ รูปาติ – ตตฺถ น ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธํ โหติ วิญฺญาณํ, น ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธตฺตา วิญฺญาณสฺส น ตทภินนฺทติ, น ตทภินนฺทโนฺต อตีตํ นานฺวาคเมติฯ อิติ เม โสตํ อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ สทฺทาติ…เป.… อิติ เม ฆานํ อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ คนฺธาติ… อิติ เม ชิวฺหา อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ รสาติ… อิติ เม กาโย อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ โผฎฺฐพฺพาติ… อิติ เม มโน อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ ธมฺมาติ – ตตฺถ น ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธํ โหติ วิญฺญาณํ, น ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธตฺตา วิญฺญาณสฺส, น ตทภินนฺทติ, น ตทภินนฺทโนฺต อตีตํ นานฺวาคเมติ – เอวํ โข, อาวุโส, อตีตํ นานฺวาคเมติฯ
‘‘Kathañca , āvuso, atītaṃ nānvāgameti? Iti me cakkhu ahosi atītamaddhānaṃ iti rūpāti – tattha na chandarāgappaṭibaddhaṃ hoti viññāṇaṃ, na chandarāgappaṭibaddhattā viññāṇassa na tadabhinandati, na tadabhinandanto atītaṃ nānvāgameti. Iti me sotaṃ ahosi atītamaddhānaṃ iti saddāti…pe… iti me ghānaṃ ahosi atītamaddhānaṃ iti gandhāti… iti me jivhā ahosi atītamaddhānaṃ iti rasāti… iti me kāyo ahosi atītamaddhānaṃ iti phoṭṭhabbāti… iti me mano ahosi atītamaddhānaṃ iti dhammāti – tattha na chandarāgappaṭibaddhaṃ hoti viññāṇaṃ, na chandarāgappaṭibaddhattā viññāṇassa, na tadabhinandati, na tadabhinandanto atītaṃ nānvāgameti – evaṃ kho, āvuso, atītaṃ nānvāgameti.
๒๘๓. ‘‘กถญฺจ , อาวุโส, อนาคตํ ปฎิกงฺขติ? อิติ เม จกฺขุ สิยา อนาคตมทฺธานํ อิติ รูปาติ – อปฺปฎิลทฺธสฺส ปฎิลาภาย จิตฺตํ ปณิทหติ, เจตโส ปณิธานปจฺจยา ตทภินนฺทติ, ตทภินนฺทโนฺต อนาคตํ ปฎิกงฺขติฯ อิติ เม โสตํ สิยา อนาคตมทฺธานํ อิติ สทฺทาติ…เป.… อิติ เม ฆานํ สิยา อนาคตมทฺธานํ อิติ คนฺธาติ… อิติ เม ชิวฺหา สิยา อนาคตมทฺธานํ อิติ รสาติ… อิติ เม กาโย สิยา อนาคตมทฺธานํ อิติ โผฎฺฐพฺพาติ… อิติ เม มโน สิยา อนาคตมทฺธานํ อิติ ธมฺมาติ – อปฺปฎิลทฺธสฺส ปฎิลาภาย จิตฺตํ ปณิทหติ, เจตโส ปณิธานปจฺจยา ตทภินนฺทติ, ตทภินนฺทโนฺต อนาคตํ ปฎิกงฺขติ – เอวํ โข, อาวุโส, อนาคตํ ปฎิกงฺขติฯ
283. ‘‘Kathañca , āvuso, anāgataṃ paṭikaṅkhati? Iti me cakkhu siyā anāgatamaddhānaṃ iti rūpāti – appaṭiladdhassa paṭilābhāya cittaṃ paṇidahati, cetaso paṇidhānapaccayā tadabhinandati, tadabhinandanto anāgataṃ paṭikaṅkhati. Iti me sotaṃ siyā anāgatamaddhānaṃ iti saddāti…pe… iti me ghānaṃ siyā anāgatamaddhānaṃ iti gandhāti… iti me jivhā siyā anāgatamaddhānaṃ iti rasāti… iti me kāyo siyā anāgatamaddhānaṃ iti phoṭṭhabbāti… iti me mano siyā anāgatamaddhānaṃ iti dhammāti – appaṭiladdhassa paṭilābhāya cittaṃ paṇidahati, cetaso paṇidhānapaccayā tadabhinandati, tadabhinandanto anāgataṃ paṭikaṅkhati – evaṃ kho, āvuso, anāgataṃ paṭikaṅkhati.
‘‘กถญฺจ, อาวุโส, อนาคตํ นปฺปฎิกงฺขติ? อิติ เม จกฺขุ สิยา อนาคตมทฺธานํ อิติ รูปาติ – อปฺปฎิลทฺธสฺส ปฎิลาภาย จิตฺตํ นปฺปณิทหติ , เจตโส อปฺปณิธานปจฺจยา น ตทภินนฺทติ, น ตทภินนฺทโนฺต อนาคตํ นปฺปฎิกงฺขติฯ อิติ เม โสตํ สิยา อนาคตมทฺธานํ อิติ สทฺทาติ…เป.… อิติ เม ฆานํ สิยา อนาคตมทฺธานํ อิติ คนฺธาติ… อิติ เม ชิวฺหา สิยา อนาคตมทฺธานํ อิติ รสาติ… อิติ เม กาโย สิยา อนาคตมทฺธานํ อิติ โผฎฺฐพฺพาติ… อิติ เม มโน สิยา อนาคตมทฺธานํ อิติ ธมฺมาติ – อปฺปฎิลทฺธสฺส ปฎิลาภาย จิตฺตํ นปฺปณิทหติ, เจตโส อปฺปณิธานปจฺจยา น ตทภินนฺทติ, น ตทภินนฺทโนฺต อนาคตํ นปฺปฎิกงฺขติ – เอวํ โข, อาวุโส, อนาคตํ นปฺปฎิกงฺขติฯ
‘‘Kathañca, āvuso, anāgataṃ nappaṭikaṅkhati? Iti me cakkhu siyā anāgatamaddhānaṃ iti rūpāti – appaṭiladdhassa paṭilābhāya cittaṃ nappaṇidahati , cetaso appaṇidhānapaccayā na tadabhinandati, na tadabhinandanto anāgataṃ nappaṭikaṅkhati. Iti me sotaṃ siyā anāgatamaddhānaṃ iti saddāti…pe… iti me ghānaṃ siyā anāgatamaddhānaṃ iti gandhāti… iti me jivhā siyā anāgatamaddhānaṃ iti rasāti… iti me kāyo siyā anāgatamaddhānaṃ iti phoṭṭhabbāti… iti me mano siyā anāgatamaddhānaṃ iti dhammāti – appaṭiladdhassa paṭilābhāya cittaṃ nappaṇidahati, cetaso appaṇidhānapaccayā na tadabhinandati, na tadabhinandanto anāgataṃ nappaṭikaṅkhati – evaṃ kho, āvuso, anāgataṃ nappaṭikaṅkhati.
๒๘๔. ‘‘กถญฺจ, อาวุโส, ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ สํหีรติ? ยญฺจาวุโส, จกฺขุ เย จ รูปา – อุภยเมตํ ปจฺจุปฺปนฺนํฯ ตสฺมิํ เจ ปจฺจุปฺปเนฺน ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธํ โหติ วิญฺญาณํ, ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธตฺตา วิญฺญาณสฺส ตทภินนฺทติ, ตทภินนฺทโนฺต ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ สํหีรติฯ ยญฺจาวุโส, โสตํ เย จ สทฺทา…เป.… ยญฺจาวุโส, ฆานํ เย จ คนฺธา… ยา จาวุโส, ชิวฺหา เย จ รสา… โย จาวุโส, กาโย เย จ โผฎฺฐพฺพา… โย จาวุโส, มโน เย จ ธมฺมา – อุภยเมตํ ปจฺจุปฺปนฺนํฯ ตสฺมิํ เจ ปจฺจุปฺปเนฺน ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธํ โหติ วิญฺญาณํ, ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธตฺตา วิญฺญาณสฺส ตทภินนฺทติ, ตทภินนฺทโนฺต ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ สํหีรติ – เอวํ โข, อาวุโส, ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ สํหีรติฯ
284. ‘‘Kathañca, āvuso, paccuppannesu dhammesu saṃhīrati? Yañcāvuso, cakkhu ye ca rūpā – ubhayametaṃ paccuppannaṃ. Tasmiṃ ce paccuppanne chandarāgappaṭibaddhaṃ hoti viññāṇaṃ, chandarāgappaṭibaddhattā viññāṇassa tadabhinandati, tadabhinandanto paccuppannesu dhammesu saṃhīrati. Yañcāvuso, sotaṃ ye ca saddā…pe… yañcāvuso, ghānaṃ ye ca gandhā… yā cāvuso, jivhā ye ca rasā… yo cāvuso, kāyo ye ca phoṭṭhabbā… yo cāvuso, mano ye ca dhammā – ubhayametaṃ paccuppannaṃ. Tasmiṃ ce paccuppanne chandarāgappaṭibaddhaṃ hoti viññāṇaṃ, chandarāgappaṭibaddhattā viññāṇassa tadabhinandati, tadabhinandanto paccuppannesu dhammesu saṃhīrati – evaṃ kho, āvuso, paccuppannesu dhammesu saṃhīrati.
‘‘กถญฺจ , อาวุโส, ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ น สํหีรติ? ยญฺจาวุโส, จกฺขุ เย จ รูปา – อุภยเมตํ ปจฺจุปฺปนฺนํฯ ตสฺมิํ เจ ปจฺจุปฺปเนฺน น ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธํ โหติ วิญฺญาณํ, น ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธตฺตา วิญฺญาณสฺส น ตทภินนฺทติ, น ตทภินนฺทโนฺต ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ น สํหีรติฯ ยญฺจาวุโส, โสตํ เย จ สทฺทา…เป.… ยญฺจาวุโส, ฆานํ เย จ คนฺธา… ยา จาวุโส, ชิวฺหา เย จ รสา… โย จาวุโส, กาโย เย จ โผฎฺฐพฺพา… โย จาวุโส, มโน เย จ ธมฺมา – อุภยเมตํ ปจฺจุปฺปนฺนํฯ ตสฺมิํ เจ ปจฺจุปฺปเนฺน น ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธํ โหติ วิญฺญาณํ, น ฉนฺทราคปฺปฎิพทฺธตฺตา วิญฺญาณสฺส น ตทภินนฺทติ, น ตทภินนฺทโนฺต ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ น สํหีรติ – เอวํ โข, อาวุโส, ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ น สํหีรติฯ
‘‘Kathañca , āvuso, paccuppannesu dhammesu na saṃhīrati? Yañcāvuso, cakkhu ye ca rūpā – ubhayametaṃ paccuppannaṃ. Tasmiṃ ce paccuppanne na chandarāgappaṭibaddhaṃ hoti viññāṇaṃ, na chandarāgappaṭibaddhattā viññāṇassa na tadabhinandati, na tadabhinandanto paccuppannesu dhammesu na saṃhīrati. Yañcāvuso, sotaṃ ye ca saddā…pe… yañcāvuso, ghānaṃ ye ca gandhā… yā cāvuso, jivhā ye ca rasā… yo cāvuso, kāyo ye ca phoṭṭhabbā… yo cāvuso, mano ye ca dhammā – ubhayametaṃ paccuppannaṃ. Tasmiṃ ce paccuppanne na chandarāgappaṭibaddhaṃ hoti viññāṇaṃ, na chandarāgappaṭibaddhattā viññāṇassa na tadabhinandati, na tadabhinandanto paccuppannesu dhammesu na saṃhīrati – evaṃ kho, āvuso, paccuppannesu dhammesu na saṃhīrati.
๒๘๕. ‘‘ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ –
285. ‘‘Yaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho –
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย…เป.…
‘‘Atītaṃ nānvāgameyya…pe…
ตํ เว ภเทฺทกรโตฺตติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนี’’ติฯ
Taṃ ve bhaddekarattoti, santo ācikkhate munī’’ti.
‘‘อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ อากงฺขมานา จ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ภควนฺตํเยว อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถ, ยถา โว ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาถา’’ติฯ
‘‘Imassa kho ahaṃ, āvuso, bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi. Ākaṅkhamānā ca pana tumhe āyasmanto bhagavantaṃyeva upasaṅkamitvā etamatthaṃ paṭipuccheyyātha, yathā vo bhagavā byākaroti tathā naṃ dhāreyyāthā’’ti.
อถ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ยํ โข โน, ภเนฺต, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ –
Atha kho te bhikkhū āyasmato mahākaccānassa bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘yaṃ kho no, bhante, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho –
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย…เป.…
‘‘Atītaṃ nānvāgameyya…pe…
ตํ เว ภเทฺทกรโตฺตติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนี’’ติฯ
Taṃ ve bhaddekarattoti, santo ācikkhate munī’’ti.
เตสํ โน, ภเนฺต, อมฺหากํ, อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต, เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ –
Tesaṃ no, bhante, amhākaṃ, acirapakkantassa bhagavato, etadahosi – ‘‘idaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho –
‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺย, นปฺปฎิกเงฺข อนาคตํ;
‘‘Atītaṃ nānvāgameyya, nappaṭikaṅkhe anāgataṃ;
ยทตีตํ ปหีนํ ตํ, อปฺปตฺตญฺจ อนาคตํฯ
Yadatītaṃ pahīnaṃ taṃ, appattañca anāgataṃ.
‘‘ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ โย ธมฺมํ, ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ;
‘‘Paccuppannañca yo dhammaṃ, tattha tattha vipassati;
อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, ตํ วิทฺวา มนุพฺรูหเยฯ
Asaṃhīraṃ asaṃkuppaṃ, taṃ vidvā manubrūhaye.
‘‘อเชฺชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva kiccamātappaṃ, ko jaññā maraṇaṃ suve;
น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนาฯ
Na hi no saṅgaraṃ tena, mahāsenena maccunā.
‘‘เอวํ วิหาริํ อาตาปิํ, อโหรตฺตมตนฺทิตํ;
‘‘Evaṃ vihāriṃ ātāpiṃ, ahorattamatanditaṃ;
ตํ เว ภเทฺทกรโตฺตติ, สโนฺต อาจิกฺขเต มุนี’’ติฯ
Taṃ ve bhaddekarattoti, santo ācikkhate munī’’ti.
‘‘‘โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’ติ? เตสํ โน, ภเนฺต, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามา’ติฯ อถ โข มยํ, ภเนฺต, เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฎิปุจฺฉิมฺหฯ เตสํ โน, ภเนฺต, อายสฺมตา มหากจฺจาเนน อิเมหิ อากาเรหิ อิเมหิ ปเทหิ อิเมหิ พฺยญฺชเนหิ อโตฺถ วิภโตฺต’’ติฯ
‘‘‘Ko nu kho imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajeyyā’ti? Tesaṃ no, bhante, amhākaṃ etadahosi – ‘ayaṃ kho āyasmā mahākaccāno satthu ceva saṃvaṇṇito sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ. Pahoti cāyasmā mahākaccāno imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Yaṃnūna mayaṃ yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkameyyāma; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etamatthaṃ paṭipuccheyyāmā’ti. Atha kho mayaṃ, bhante, yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkamimha; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etamatthaṃ paṭipucchimha. Tesaṃ no, bhante, āyasmatā mahākaccānena imehi ākārehi imehi padehi imehi byañjanehi attho vibhatto’’ti.
‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโน; มหาปโญฺญ, ภิกฺขเว มหากจฺจาโนฯ มํ เจปิ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถ, อหมฺปิ ตํ เอวเมวํ พฺยากเรยฺยํ ยถา ตํ มหากจฺจาเนน พฺยากตํฯ เอโส, เจเวตสฺส อโตฺถฯ เอวญฺจ นํ ธาเรถา’’ติฯ
‘‘Paṇḍito, bhikkhave, mahākaccāno; mahāpañño, bhikkhave mahākaccāno. Maṃ cepi tumhe, bhikkhave, etamatthaṃ paṭipuccheyyātha, ahampi taṃ evamevaṃ byākareyyaṃ yathā taṃ mahākaccānena byākataṃ. Eso, cevetassa attho. Evañca naṃ dhārethā’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
มหากจฺจานภเทฺทกรตฺตสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ
Mahākaccānabhaddekarattasuttaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. มหากจฺจานภเทฺทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahākaccānabhaddekarattasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๓. มหากจฺจานภเทฺทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahākaccānabhaddekarattasuttavaṇṇanā