Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๓. มหากจฺจานภเทฺทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา
3. Mahākaccānabhaddekarattasuttavaṇṇanā
๒๗๙. เอวํ เม สุตนฺติ มหากจฺจานภเทฺทกรตฺตสุตฺตํฯ ตตฺถ ตโปทาราเมติ ตโตฺตทกสฺส รหทสฺส วเสน เอวํลทฺธนาเม อาราเมฯ เวภารปพฺพตสฺส กิร เหฎฺฐา ภูมฎฺฐกนาคานํ ปญฺจโยชนสติกํ นาคภวนํ เทวโลกสทิสํ มณิมเยน ตเลน อารามอุยฺยาเนหิ จ สมนฺนาคตํ, ตตฺถ นาคานํ กีฬนฎฺฐาเน มหาอุทกรหโท, ตโต ตโปทา นาม นที สนฺทติ กุถิตา อุโณฺหทกาฯ กสฺมา ปเนสา เอทิสา ชาตา? ราชคหํ กิร ปริวาเรตฺวา มหา เปตโลโก, ตตฺถ ทฺวินฺนํ มหาโลหกุมฺภินิรยานํ อนฺตเรน อยํ ตโปทา อาคจฺฉติ, ตสฺมา สา กุถิตา สนฺทติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ยตายํ, ภิกฺขเว, ตโปทา สนฺทติ, โส ทโห อโจฺฉทโก สีโตทโก สาโตทโก เสโตทโก สุปฺปติโตฺถ รมณีโย ปหูตมจฺฉกจฺฉโป, จกฺกมตฺตานิ จ ปทุมานิ ปุปฺผนฺติ ฯ อปิจายํ, ภิกฺขเว, ตโปทา ทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉติ, เตนายํ ตโปทา กุถิตา สนฺทตี’’ติ (ปารา. ๒๓๑)ฯ อิมสฺส ปน อารามสฺส อภิสมฺมุขฎฺฐาเน ตโต มหาอุทกรหโท ชาโต, ตสฺส นามวเสนายํ วิหาโร ตโปทาราโมติ วุจฺจติฯ
279.Evaṃme sutanti mahākaccānabhaddekarattasuttaṃ. Tattha tapodārāmeti tattodakassa rahadassa vasena evaṃladdhanāme ārāme. Vebhārapabbatassa kira heṭṭhā bhūmaṭṭhakanāgānaṃ pañcayojanasatikaṃ nāgabhavanaṃ devalokasadisaṃ maṇimayena talena ārāmauyyānehi ca samannāgataṃ, tattha nāgānaṃ kīḷanaṭṭhāne mahāudakarahado, tato tapodā nāma nadī sandati kuthitā uṇhodakā. Kasmā panesā edisā jātā? Rājagahaṃ kira parivāretvā mahā petaloko, tattha dvinnaṃ mahālohakumbhinirayānaṃ antarena ayaṃ tapodā āgacchati, tasmā sā kuthitā sandati. Vuttampi cetaṃ – ‘‘yatāyaṃ, bhikkhave, tapodā sandati, so daho acchodako sītodako sātodako setodako suppatittho ramaṇīyo pahūtamacchakacchapo, cakkamattāni ca padumāni pupphanti . Apicāyaṃ, bhikkhave, tapodā dvinnaṃ mahānirayānaṃ antarikāya āgacchati, tenāyaṃ tapodā kuthitā sandatī’’ti (pārā. 231). Imassa pana ārāmassa abhisammukhaṭṭhāne tato mahāudakarahado jāto, tassa nāmavasenāyaṃ vihāro tapodārāmoti vuccati.
๒๘๐. สมิทฺธีติ ตสฺส กิร เถรสฺส อตฺตภาโว สมิโทฺธ อภิรูโป ปาสาทิโก, ตสฺมา สมิทฺธิเตฺวว สงฺขํ คโตฯ อาทิพฺรหฺมจริยโกติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิ ปุพฺพภาคปฺปฎิปตฺติภูโตฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฎฺฐายาสนาติ มธุปิณฺฑิกสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๑๙๙ อาทโย) วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํฯ
280.Samiddhīti tassa kira therassa attabhāvo samiddho abhirūpo pāsādiko, tasmā samiddhitveva saṅkhaṃ gato. Ādibrahmacariyakoti maggabrahmacariyassa ādi pubbabhāgappaṭipattibhūto. Idaṃ vatvāna sugato uṭṭhāyāsanāti madhupiṇḍikasutte (ma. ni. 1.199 ādayo) vuttanayeneva vitthāretabbaṃ.
๒๘๒. อิติ เม จกฺขุนฺติ อิมสฺมิํ กิร สุเตฺต ภควา ทฺวาทสายตนวเสเนว มาติกํ ฐเปสิฯ เถโรปิ ‘‘ภควตา เหฎฺฐา ทฺวีสุ, อุปริ จตุเตฺถ จาติ อิเมสุ ตีสุ สุเตฺตสุ ปญฺจกฺขนฺธวเสน มาติกา จ วิภโงฺค จ กโต, อิธ ปน ทฺวาทสายตนวเสเนว วิภชนตฺถํ มาติกา ฐปิตา’’ติ นยํ ปฎิลภิตฺวา เอวมาหฯ อิมํ ปน นยํ ลภเนฺตน เถเรน ภาริยํ กตํ, อปเท ปทํ ทสฺสิตํ, อากาเส ปทํ กตํ, เตน นํ ภควา อิมเมว สุตฺตํ สนฺธาย – ‘‘เอตทคฺคํ , ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชนฺตานํ ยทิทํ มหากจฺจาโน’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๗) เอตทเคฺค ฐเปสิฯ เอตฺถ ปน จกฺขูติ จกฺขุปสาโทฯ รูปาติ จตุสมุฎฺฐานิกรูปาฯ อิมินา นเยน เสสายตนานิปิ เวทิตพฺพานิฯ วิญฺญาณนฺติ นิกนฺติวิญฺญาณํฯ ตทภินนฺทตีติ ตํ จกฺขุเญฺจว รูปญฺจ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน อภินนฺทติฯ อนฺวาคเมตีติ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อนุคจฺฉติฯ
282.Iti me cakkhunti imasmiṃ kira sutte bhagavā dvādasāyatanavaseneva mātikaṃ ṭhapesi. Theropi ‘‘bhagavatā heṭṭhā dvīsu, upari catutthe cāti imesu tīsu suttesu pañcakkhandhavasena mātikā ca vibhaṅgo ca kato, idha pana dvādasāyatanavaseneva vibhajanatthaṃ mātikā ṭhapitā’’ti nayaṃ paṭilabhitvā evamāha. Imaṃ pana nayaṃ labhantena therena bhāriyaṃ kataṃ, apade padaṃ dassitaṃ, ākāse padaṃ kataṃ, tena naṃ bhagavā imameva suttaṃ sandhāya – ‘‘etadaggaṃ , bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ saṃkhittena bhāsitassa vitthārena atthaṃ vibhajantānaṃ yadidaṃ mahākaccāno’’ti (a. ni. 1.197) etadagge ṭhapesi. Ettha pana cakkhūti cakkhupasādo. Rūpāti catusamuṭṭhānikarūpā. Iminā nayena sesāyatanānipi veditabbāni. Viññāṇanti nikantiviññāṇaṃ. Tadabhinandatīti taṃ cakkhuñceva rūpañca taṇhādiṭṭhivasena abhinandati. Anvāgametīti taṇhādiṭṭhīhi anugacchati.
อิติ เม มโน อโหสิ อตีตมทฺธานํ อิติ ธมฺมาติ เอตฺถ ปน มโนติ ภวงฺคจิตฺตํฯ ธมฺมาติ เตภูมกธมฺมารมฺมณํฯ
Iti me mano ahosi atītamaddhānaṃ iti dhammāti ettha pana manoti bhavaṅgacittaṃ. Dhammāti tebhūmakadhammārammaṇaṃ.
๒๘๓. ปณิทหตีติ ปตฺถนาวเสน ฐเปสิฯ ปณิธานปจฺจยาติ ปตฺถนาฎฺฐปนการณาฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
283.Paṇidahatīti patthanāvasena ṭhapesi. Paṇidhānapaccayāti patthanāṭṭhapanakāraṇā. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
มหากจฺจานภเทฺทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahākaccānabhaddekarattasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. มหากจฺจานภเทฺทกรตฺตสุตฺตํ • 3. Mahākaccānabhaddekarattasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๓. มหากจฺจานภเทฺทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahākaccānabhaddekarattasuttavaṇṇanā