Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๖. มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตํ
6. Mahākammavibhaṅgasuttaṃ
๒๙๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สมิทฺธิ อรญฺญกุฎิกายํ วิหรติฯ อถ โข โปตลิปุโตฺต ปริพฺพาชโก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยนายสฺมา สมิทฺธิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สมิทฺธินา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โปตลิปุโตฺต ปริพฺพาชโก อายสฺมนฺตํ สมิทฺธิํ เอตทโวจ – ‘‘สมฺมุขา เมตํ, อาวุโส สมิทฺธิ, สมณสฺส โคตมสฺส สุตํ, สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ – ‘โมฆํ กายกมฺมํ โมฆํ วจีกมฺมํ, มโนกมฺมเมว สจฺจ’นฺติฯ อตฺถิ จ สา 1 สมาปตฺติ ยํ สมาปตฺติํ สมาปโนฺน น กิญฺจิ เวทิยตี’’ติ? ‘‘มา เหวํ, อาวุโส โปตลิปุตฺต, อวจ; (มา เหวํ, อาวุโส โปตลิปุตฺต, อวจ;) 2 มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิฯ น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํฯ น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย – ‘โมฆํ กายกมฺมํ โมฆํ วจีกมฺมํ, มโนกมฺมเมว สจฺจ’นฺติฯ อตฺถิ จ โข 3 สา, อาวุโส, สมาปตฺติ ยํ สมาปตฺติํ สมาปโนฺน น กิญฺจิ เวทิยตี’’ติฯ ‘‘กีวจิรํ ปพฺพชิโตสิ, อาวุโส สมิทฺธี’’ติ? ‘‘น จิรํ, อาวุโส! ตีณิ วสฺสานี’’ติฯ ‘‘เอตฺถ ทานิ มยํ เถเร ภิกฺขู กิํ วกฺขาม, ยตฺร หิ นาม เอวํนโว ภิกฺขุ 4 สตฺถารํ ปริรกฺขิตพฺพํ มญฺญิสฺสติฯ สเญฺจตนิกํ, อาวุโส สมิทฺธิ, กมฺมํ กตฺวา กาเยน วาจาย มนสา กิํ โส เวทิยตี’’ติ? ‘‘สเญฺจตนิกํ, อาวุโส โปตลิปุตฺต, กมฺมํ กตฺวา กาเยน วาจาย มนสา ทุกฺขํ โส เวทิยตี’’ติฯ อถ โข โปตลิปุโตฺต ปริพฺพาชโก อายสฺมโต สมิทฺธิสฺส ภาสิตํ เนว อภินนฺทิ นปฺปฎิโกฺกสิ; อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ
298. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Tena kho pana samayena āyasmā samiddhi araññakuṭikāyaṃ viharati. Atha kho potaliputto paribbājako jaṅghāvihāraṃ anucaṅkamamāno anuvicaramāno yenāyasmā samiddhi tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā samiddhinā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho potaliputto paribbājako āyasmantaṃ samiddhiṃ etadavoca – ‘‘sammukhā metaṃ, āvuso samiddhi, samaṇassa gotamassa sutaṃ, sammukhā paṭiggahitaṃ – ‘moghaṃ kāyakammaṃ moghaṃ vacīkammaṃ, manokammameva sacca’nti. Atthi ca sā 5 samāpatti yaṃ samāpattiṃ samāpanno na kiñci vediyatī’’ti? ‘‘Mā hevaṃ, āvuso potaliputta, avaca; (mā hevaṃ, āvuso potaliputta, avaca;) 6 mā bhagavantaṃ abbhācikkhi. Na hi sādhu bhagavato abbhakkhānaṃ. Na hi bhagavā evaṃ vadeyya – ‘moghaṃ kāyakammaṃ moghaṃ vacīkammaṃ, manokammameva sacca’nti. Atthi ca kho 7 sā, āvuso, samāpatti yaṃ samāpattiṃ samāpanno na kiñci vediyatī’’ti. ‘‘Kīvaciraṃ pabbajitosi, āvuso samiddhī’’ti? ‘‘Na ciraṃ, āvuso! Tīṇi vassānī’’ti. ‘‘Ettha dāni mayaṃ there bhikkhū kiṃ vakkhāma, yatra hi nāma evaṃnavo bhikkhu 8 satthāraṃ parirakkhitabbaṃ maññissati. Sañcetanikaṃ, āvuso samiddhi, kammaṃ katvā kāyena vācāya manasā kiṃ so vediyatī’’ti? ‘‘Sañcetanikaṃ, āvuso potaliputta, kammaṃ katvā kāyena vācāya manasā dukkhaṃ so vediyatī’’ti. Atha kho potaliputto paribbājako āyasmato samiddhissa bhāsitaṃ neva abhinandi nappaṭikkosi; anabhinanditvā appaṭikkositvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi.
๒๙๙. อถ โข อายสฺมา สมิทฺธิ อจิรปกฺกเนฺต โปตลิปุเตฺต ปริพฺพาชเก เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อานเนฺทน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สมิทฺธิ ยาวตโก อโหสิ โปตลิปุเตฺตน ปริพฺพาชเกน สทฺธิํ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส อาโรเจสิฯ
299. Atha kho āyasmā samiddhi acirapakkante potaliputte paribbājake yenāyasmā ānando tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā ānandena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā samiddhi yāvatako ahosi potaliputtena paribbājakena saddhiṃ kathāsallāpo taṃ sabbaṃ āyasmato ānandassa ārocesi.
เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา อานโนฺท อายสฺมนฺตํ สมิทฺธิํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ โข อิทํ, อาวุโส สมิทฺธิ, กถาปาภตํ ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ อายามาวุโส สมิทฺธิ, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสฺสามฯ ยถา โน ภควา พฺยากริสฺสติ ตถา นํ ธาเรสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา สมิทฺธิ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ
Evaṃ vutte, āyasmā ānando āyasmantaṃ samiddhiṃ etadavoca – ‘‘atthi kho idaṃ, āvuso samiddhi, kathāpābhataṃ bhagavantaṃ dassanāya. Āyāmāvuso samiddhi, yena bhagavā tenupasaṅkamissāma; upasaṅkamitvā etamatthaṃ bhagavato ārocessāma. Yathā no bhagavā byākarissati tathā naṃ dhāressāmā’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā samiddhi āyasmato ānandassa paccassosi.
อถ โข อายสฺมา จ อานโนฺท อายสฺมา จ สมิทฺธิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ยาวตโก อโหสิ อายสฺมโต สมิทฺธิสฺส โปตลิปุเตฺตน ปริพฺพาชเกน สทฺธิํ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิฯ เอวํ วุเตฺต, ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘ทสฺสนมฺปิ โข อหํ, อานนฺท, โปตลิปุตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺส นาภิชานามิ, กุโต ปเนวรูปํ กถาสลฺลาปํ? อิมินา จ, อานนฺท, สมิทฺธินา โมฆปุริเสน โปตลิปุตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺส วิภชฺชพฺยากรณีโย ปโญฺห เอกํเสน พฺยากโต’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา อุทายี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ ปน 9, ภเนฺต, อายสฺมตา สมิทฺธินา อิทํ สนฺธาย ภาสิตํ – ยํ กิญฺจิ เวทยิตํ ตํ ทุกฺขสฺมิ’’นฺติฯ
Atha kho āyasmā ca ānando āyasmā ca samiddhi yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando yāvatako ahosi āyasmato samiddhissa potaliputtena paribbājakena saddhiṃ kathāsallāpo taṃ sabbaṃ bhagavato ārocesi. Evaṃ vutte, bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘dassanampi kho ahaṃ, ānanda, potaliputtassa paribbājakassa nābhijānāmi, kuto panevarūpaṃ kathāsallāpaṃ? Iminā ca, ānanda, samiddhinā moghapurisena potaliputtassa paribbājakassa vibhajjabyākaraṇīyo pañho ekaṃsena byākato’’ti. Evaṃ vutte, āyasmā udāyī bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sace pana 10, bhante, āyasmatā samiddhinā idaṃ sandhāya bhāsitaṃ – yaṃ kiñci vedayitaṃ taṃ dukkhasmi’’nti.
๓๐๐. อถ โข 11 ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘ปสฺสสิ โน ตฺวํ, อานนฺท, อิมสฺส อุทายิสฺส โมฆปุริสสฺส อุมฺมงฺคํ 12? อญฺญาสิํ โข อหํ, อานนฺท – ‘อิทาเนวายํ อุทายี โมฆปุริโส อุมฺมุชฺชมาโน อโยนิโส อุมฺมุชฺชิสฺสตี’ติฯ อาทิํเยว 13, อานนฺท, โปตลิปุเตฺตน ปริพฺพาชเกน ติโสฺส เวทนา ปุจฺฉิตาฯ สจายํ, อานนฺท, สมิทฺธิ โมฆปุริโส โปตลิปุตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอวํ ปุโฎฺฐ เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘สเญฺจตนิกํ, อาวุโส โปตลิปุตฺต, กมฺมํ กตฺวา กาเยน วาจาย มนสา สุขเวทนียํ สุขํ โส เวทยติ; สเญฺจตนิกํ, อาวุโส โปตลิปุตฺต, กมฺมํ กตฺวา กาเยน วาจาย มนสา ทุกฺขเวทนียํ ทุกฺขํ โส เวทยติ; สเญฺจตนิกํ, อาวุโส โปตลิปุตฺต, กมฺมํ กตฺวา กาเยน วาจาย มนสา อทุกฺขมสุขเวทนียํ อทุกฺขมสุขํ โส เวทยตี’ติฯ เอวํ พฺยากรมาโน โข, อานนฺท, สมิทฺธิ โมฆปุริโส โปตลิปุตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺส สมฺมา (พฺยากรมาโน) 14 พฺยากเรยฺยฯ อปิ จ, อานนฺท, เก จ 15 อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา พาลา อพฺยตฺตา เก จ ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคํ ชานิสฺสนฺติ? สเจ ตุเมฺห, อานนฺท, สุเณยฺยาถ ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคํ วิภชนฺตสฺสา’’ติฯ
300. Atha kho 16 bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘passasi no tvaṃ, ānanda, imassa udāyissa moghapurisassa ummaṅgaṃ 17? Aññāsiṃ kho ahaṃ, ānanda – ‘idānevāyaṃ udāyī moghapuriso ummujjamāno ayoniso ummujjissatī’ti. Ādiṃyeva 18, ānanda, potaliputtena paribbājakena tisso vedanā pucchitā. Sacāyaṃ, ānanda, samiddhi moghapuriso potaliputtassa paribbājakassa evaṃ puṭṭho evaṃ byākareyya – ‘sañcetanikaṃ, āvuso potaliputta, kammaṃ katvā kāyena vācāya manasā sukhavedanīyaṃ sukhaṃ so vedayati; sañcetanikaṃ, āvuso potaliputta, kammaṃ katvā kāyena vācāya manasā dukkhavedanīyaṃ dukkhaṃ so vedayati; sañcetanikaṃ, āvuso potaliputta, kammaṃ katvā kāyena vācāya manasā adukkhamasukhavedanīyaṃ adukkhamasukhaṃ so vedayatī’ti. Evaṃ byākaramāno kho, ānanda, samiddhi moghapuriso potaliputtassa paribbājakassa sammā (byākaramāno) 19 byākareyya. Api ca, ānanda, ke ca 20 aññatitthiyā paribbājakā bālā abyattā ke ca tathāgatassa mahākammavibhaṅgaṃ jānissanti? Sace tumhe, ānanda, suṇeyyātha tathāgatassa mahākammavibhaṅgaṃ vibhajantassā’’ti.
‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล, เอตสฺส, สุคต, กาโล ยํ ภควา มหากมฺมวิภงฺคํ วิภเชยฺย ฯ ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หานนฺท, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –
‘‘Etassa, bhagavā, kālo, etassa, sugata, kālo yaṃ bhagavā mahākammavibhaṅgaṃ vibhajeyya . Bhagavato sutvā bhikkhū dhāressantī’’ti. ‘‘Tena hānanda, suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –
‘‘จตฺตาโรเม, อานนฺท, ปุคฺคลา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิํฯ กตเม จตฺตาโร? อิธานนฺท, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, ปิสุณวาโจ โหติ, ผรุสวาโจ โหติ, สมฺผปฺปลาปี โหติ, อภิชฺฌาลุ โหติ, พฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ, มิจฺฉาทิฎฺฐิ โหติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ
‘‘Cattārome, ānanda, puggalā santo saṃvijjamānā lokasmiṃ. Katame cattāro? Idhānanda, ekacco puggalo idha pāṇātipātī hoti, adinnādāyī hoti, kāmesumicchācārī hoti, musāvādī hoti, pisuṇavāco hoti, pharusavāco hoti, samphappalāpī hoti, abhijjhālu hoti, byāpannacitto hoti, micchādiṭṭhi hoti. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati.
‘‘อิธ ปนานนฺท, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, ปิสุณวาโจ โหติ, ผรุสวาโจ โหติ, สมฺผปฺปลาปี โหติ, อภิชฺฌาลุ โหติ, พฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ, มิจฺฉาทิฎฺฐิ โหติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ
‘‘Idha panānanda, ekacco puggalo idha pāṇātipātī hoti, adinnādāyī hoti, kāmesumicchācārī hoti, musāvādī hoti, pisuṇavāco hoti, pharusavāco hoti, samphappalāpī hoti, abhijjhālu hoti, byāpannacitto hoti, micchādiṭṭhi hoti. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati.
‘‘อิธานนฺท, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต โหติ, อนภิชฺฌาลุ โหติ, อพฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ, สมฺมาทิฎฺฐิ โหติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ
‘‘Idhānanda, ekacco puggalo idha pāṇātipātā paṭivirato hoti, adinnādānā paṭivirato hoti, kāmesumicchācārā paṭivirato hoti, musāvādā paṭivirato hoti, pisuṇāya vācāya paṭivirato hoti, pharusāya vācāya paṭivirato hoti, samphappalāpā paṭivirato hoti, anabhijjhālu hoti, abyāpannacitto hoti, sammādiṭṭhi hoti. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati.
‘‘อิธ ปนานนฺท, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต โหติ, อนภิชฺฌาลุ โหติ, อพฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ, สมฺมาทิฎฺฐิ โหติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ
‘‘Idha panānanda, ekacco puggalo idha pāṇātipātā paṭivirato hoti, adinnādānā paṭivirato hoti, kāmesumicchācārā paṭivirato hoti, musāvādā paṭivirato hoti, pisuṇāya vācāya paṭivirato hoti, pharusāya vācāya paṭivirato hoti, samphappalāpā paṭivirato hoti, anabhijjhālu hoti, abyāpannacitto hoti, sammādiṭṭhi hoti. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati.
๓๐๑. ‘‘อิธานนฺท, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ ยถาสมาหิเต จิเตฺต ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน อมุํ ปุคฺคลํ ปสฺสติ – อิธ ปาณาติปาติํ อทินฺนาทายิํ กาเมสุมิจฺฉาจาริํ มุสาวาทิํ ปิสุณวาจํ ผรุสวาจํ สมฺผปฺปลาปิํ อภิชฺฌาลุํ พฺยาปนฺนจิตฺตํ มิจฺฉาทิฎฺฐิํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปสฺสติ อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนํฯ โส เอวมาห – ‘อตฺถิ กิร, โภ, ปาปกานิ กมฺมานิ, อตฺถิ ทุจฺจริตสฺส วิปาโกฯ อมาหํ 21 ปุคฺคลํ อทฺทสํ อิธ ปาณาติปาติํ อทินฺนาทายิํ…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปสฺสามิ อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺน’นฺติฯ โส เอวมาห – ‘โย กิร, โภ, ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิ, สโพฺพ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ เย เอวํ ชานนฺติ, เต สมฺมา ชานนฺติ; เย อญฺญถา ชานนฺติ, มิจฺฉา เตสํ ญาณ’นฺติ 22ฯ อิติ โส ยเทว ตสฺส สามํ ญาตํ สามํ ทิฎฺฐํ สามํ วิทิตํ ตเทว ตตฺถ ถามสา ปรามาสา 23 อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
301. ‘‘Idhānanda, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati yathāsamāhite citte dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena amuṃ puggalaṃ passati – idha pāṇātipātiṃ adinnādāyiṃ kāmesumicchācāriṃ musāvādiṃ pisuṇavācaṃ pharusavācaṃ samphappalāpiṃ abhijjhāluṃ byāpannacittaṃ micchādiṭṭhiṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā passati apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapannaṃ. So evamāha – ‘atthi kira, bho, pāpakāni kammāni, atthi duccaritassa vipāko. Amāhaṃ 24 puggalaṃ addasaṃ idha pāṇātipātiṃ adinnādāyiṃ…pe… micchādiṭṭhiṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā passāmi apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapanna’nti. So evamāha – ‘yo kira, bho, pāṇātipātī adinnādāyī…pe… micchādiṭṭhi, sabbo so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Ye evaṃ jānanti, te sammā jānanti; ye aññathā jānanti, micchā tesaṃ ñāṇa’nti 25. Iti so yadeva tassa sāmaṃ ñātaṃ sāmaṃ diṭṭhaṃ sāmaṃ viditaṃ tadeva tattha thāmasā parāmāsā 26 abhinivissa voharati – ‘idameva saccaṃ, moghamañña’’’nti.
‘‘อิธ ปนานนฺท, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ ยถาสมาหิเต จิเตฺต ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน อมุํ ปุคฺคลํ ปสฺสติ – อิธ ปาณาติปาติํ อทินฺนาทายิํ…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิํ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปสฺสติ สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนํฯ โส เอวมาห – ‘นตฺถิ กิร, โภ, ปาปกานิ กมฺมานิ, นตฺถิ ทุจฺจริตสฺส วิปาโกฯ อมาหํ ปุคฺคลํ อทฺทสํ – อิธ ปาณาติปาติํ อทินฺนาทายิํ…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิํ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปสฺสามิ สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺน’นฺติฯ โส เอวมาห – ‘โย กิร, โภ, ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิ, สโพฺพ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ เย เอวํ ชานนฺติ เต สมฺมา ชานนฺติ; เย อญฺญถา ชานนฺติ, มิจฺฉา เตสํ ญาณ’นฺติฯ อิติ โส ยเทว ตสฺส สามํ ญาตํ สามํ ทิฎฺฐํ สามํ วิทิตํ ตเทว ตตฺถ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
‘‘Idha panānanda, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati yathāsamāhite citte dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena amuṃ puggalaṃ passati – idha pāṇātipātiṃ adinnādāyiṃ…pe… micchādiṭṭhiṃ, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā passati sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannaṃ. So evamāha – ‘natthi kira, bho, pāpakāni kammāni, natthi duccaritassa vipāko. Amāhaṃ puggalaṃ addasaṃ – idha pāṇātipātiṃ adinnādāyiṃ…pe… micchādiṭṭhiṃ, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā passāmi sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapanna’nti. So evamāha – ‘yo kira, bho, pāṇātipātī adinnādāyī…pe… micchādiṭṭhi, sabbo so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Ye evaṃ jānanti te sammā jānanti; ye aññathā jānanti, micchā tesaṃ ñāṇa’nti. Iti so yadeva tassa sāmaṃ ñātaṃ sāmaṃ diṭṭhaṃ sāmaṃ viditaṃ tadeva tattha thāmasā parāmāsā abhinivissa voharati – ‘idameva saccaṃ, moghamañña’’’nti.
‘‘อิธานนฺท, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ ยถาสมาหิเต จิเตฺต ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน อมุํ ปุคฺคลํ ปสฺสติ – อิธ ปาณาติปาตา ปฎิวิรตํ อทินฺนาทานา ปฎิวิรตํ กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรตํ มุสาวาทา ปฎิวิรตํ ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรตํ ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรตํ สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรตํ อนภิชฺฌาลุํ อพฺยาปนฺนจิตฺตํ สมฺมาทิฎฺฐิํ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปสฺสติ สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนํฯ โส เอวมาห – ‘อตฺถิ กิร, โภ, กลฺยาณานิ กมฺมานิ, อตฺถิ สุจริตสฺส วิปาโกฯ อมาหํ ปุคฺคลํ อทฺทสํ – อิธ ปาณาติปาตา ปฎิวิรตํ อทินฺนาทานา ปฎิวิรตํ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิํ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปสฺสามิ สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺน’นฺติฯ โส เอวมาห – ‘โย กิร, โภ, ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ สโพฺพ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ เย เอวํ ชานนฺติ เต สมฺมา ชานนฺติ; เย อญฺญถา ชานนฺติ, มิจฺฉา เตสํ ญาณ’นฺติฯ อิติ โส ยเทว ตสฺส สามํ ญาตํ สามํ ทิฎฺฐํ สามํ วิทิตํ ตเทว ตตฺถ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
‘‘Idhānanda, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati yathāsamāhite citte dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena amuṃ puggalaṃ passati – idha pāṇātipātā paṭivirataṃ adinnādānā paṭivirataṃ kāmesumicchācārā paṭivirataṃ musāvādā paṭivirataṃ pisuṇāya vācāya paṭivirataṃ pharusāya vācāya paṭivirataṃ samphappalāpā paṭivirataṃ anabhijjhāluṃ abyāpannacittaṃ sammādiṭṭhiṃ, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā passati sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannaṃ. So evamāha – ‘atthi kira, bho, kalyāṇāni kammāni, atthi sucaritassa vipāko. Amāhaṃ puggalaṃ addasaṃ – idha pāṇātipātā paṭivirataṃ adinnādānā paṭivirataṃ…pe… sammādiṭṭhiṃ, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā passāmi sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapanna’nti. So evamāha – ‘yo kira, bho, pāṇātipātā paṭivirato adinnādānā paṭivirato…pe… sammādiṭṭhi sabbo so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Ye evaṃ jānanti te sammā jānanti; ye aññathā jānanti, micchā tesaṃ ñāṇa’nti. Iti so yadeva tassa sāmaṃ ñātaṃ sāmaṃ diṭṭhaṃ sāmaṃ viditaṃ tadeva tattha thāmasā parāmāsā abhinivissa voharati – ‘idameva saccaṃ, moghamañña’’’nti.
‘‘อิธ ปนานนฺท, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ ยถาสมาหิเต จิเตฺต ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน อมุํ ปุคฺคลํ ปสฺสติ – อิธ ปาณาติปาตา ปฎิวิรตํ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิํ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปสฺสติ อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนํฯ โส เอวมาห – ‘นตฺถิ กิร, โภ กลฺยาณานิ กมฺมานิ, นตฺถิ สุจริตสฺส วิปาโกฯ อมาหํ ปุคฺคลํ อทฺทสํ – อิธ ปาณาติปาตา ปฎิวิรตํ อทินฺนาทานา ปฎิวิรตํ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิํ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปสฺสามิ อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺน’นฺติฯ โส เอวมาห – ‘โย กิร, โภ, ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ, สโพฺพ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ เย เอวํ ชานนฺติ เต สมฺมา ชานนฺติ; เย อญฺญถา ชานนฺติ, มิจฺฉา เตสํ ญาณ’นฺติฯ อิติ โส ยเทว ตสฺส สามํ ญาตํ สามํ ทิฎฺฐํ สามํ วิทิตํ ตเทว ตตฺถ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
‘‘Idha panānanda, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati yathāsamāhite citte dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena amuṃ puggalaṃ passati – idha pāṇātipātā paṭivirataṃ…pe… sammādiṭṭhiṃ, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā passati apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapannaṃ. So evamāha – ‘natthi kira, bho kalyāṇāni kammāni, natthi sucaritassa vipāko. Amāhaṃ puggalaṃ addasaṃ – idha pāṇātipātā paṭivirataṃ adinnādānā paṭivirataṃ…pe… sammādiṭṭhiṃ, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā passāmi apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapanna’nti. So evamāha – ‘yo kira, bho, pāṇātipātā paṭivirato adinnādānā paṭivirato…pe… sammādiṭṭhi, sabbo so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Ye evaṃ jānanti te sammā jānanti; ye aññathā jānanti, micchā tesaṃ ñāṇa’nti. Iti so yadeva tassa sāmaṃ ñātaṃ sāmaṃ diṭṭhaṃ sāmaṃ viditaṃ tadeva tattha thāmasā parāmāsā abhinivissa voharati – ‘idameva saccaṃ, moghamañña’’’nti.
๓๐๒. ‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวมาห – ‘อตฺถิ กิร, โภ, ปาปกานิ กมฺมานิ, อตฺถิ ทุจฺจริตสฺส วิปาโก’ติ อิทมสฺส อนุชานามิ; ยมฺปิ โส เอวมาห – ‘อมาหํ ปุคฺคลํ อทฺทสํ – อิธ ปาณาติปาติํ อทินฺนาทายิํ…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิํ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปสฺสามิ อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺน’นฺติ อิทมฺปิสฺส อนุชานามิ; ยญฺจ โข โส เอวมาห – ‘โย กิร, โภ, ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิ, สโพฺพ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตี’ติ อิทมสฺส นานุชานามิ; ยมฺปิ โส เอวมาห – ‘เย เอวํ ชานนฺติ เต สมฺมา ชานนฺติ; เย อญฺญถา ชานนฺติ, มิจฺฉา เตสํ ญาณ’นฺติ อิทมฺปิสฺส นานุชานามิ; ยมฺปิ โส ยเทว ตสฺส สามํ ญาตํ สามํ ทิฎฺฐํ สามํ วิทิตํ ตเทว ตตฺถ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’นฺติ อิทมฺปิสฺส นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อญฺญถา หิ, อานนฺท, ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภเงฺค ญาณํ โหติฯ
302. ‘‘Tatrānanda, yvāyaṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā evamāha – ‘atthi kira, bho, pāpakāni kammāni, atthi duccaritassa vipāko’ti idamassa anujānāmi; yampi so evamāha – ‘amāhaṃ puggalaṃ addasaṃ – idha pāṇātipātiṃ adinnādāyiṃ…pe… micchādiṭṭhiṃ, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā passāmi apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapanna’nti idampissa anujānāmi; yañca kho so evamāha – ‘yo kira, bho, pāṇātipātī adinnādāyī…pe… micchādiṭṭhi, sabbo so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjatī’ti idamassa nānujānāmi; yampi so evamāha – ‘ye evaṃ jānanti te sammā jānanti; ye aññathā jānanti, micchā tesaṃ ñāṇa’nti idampissa nānujānāmi; yampi so yadeva tassa sāmaṃ ñātaṃ sāmaṃ diṭṭhaṃ sāmaṃ viditaṃ tadeva tattha thāmasā parāmāsā abhinivissa voharati – ‘idameva saccaṃ, moghamañña’nti idampissa nānujānāmi. Taṃ kissa hetu? Aññathā hi, ānanda, tathāgatassa mahākammavibhaṅge ñāṇaṃ hoti.
‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวมาห – ‘นตฺถิ กิร, โภ, ปาปกานิ กมฺมานิ, นตฺถิ ทุจฺจริตสฺส วิปาโก’ติ อิทมสฺส นานุชานามิ; ยญฺจ โข โส เอวมาห – ‘อมาหํ ปุคฺคลํ อทฺทสํ – อิธ ปาณาติปาติํ อทินฺนาทายิํ…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปสฺสามิ สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺน’นฺติ อิทมสฺส อนุชานามิ; ยญฺจ โข โส เอวมาห – ‘โย กิร, โภ, ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิ, สโพฺพ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชตี’ติ อิทมสฺส นานุชานามิ; ยมฺปิ โส เอวมาห – ‘เย เอวํ ชานนฺติ เต สมฺมา ชานนฺติ; เย อญฺญถา ชานนฺติ, มิจฺฉา เตสํ ญาณ’นฺติ อิทมฺปิสฺส นานุชานามิ; ยมฺปิ โส ยเทว ตสฺส สามํ ญาตํ สามํ ทิฎฺฐํ สามํ วิทิตํ ตเทว ตตฺถ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’นฺติ อิทมฺปิสฺส นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อญฺญถา หิ, อานนฺท, ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภเงฺค ญาณํ โหติฯ
‘‘Tatrānanda, yvāyaṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā evamāha – ‘natthi kira, bho, pāpakāni kammāni, natthi duccaritassa vipāko’ti idamassa nānujānāmi; yañca kho so evamāha – ‘amāhaṃ puggalaṃ addasaṃ – idha pāṇātipātiṃ adinnādāyiṃ…pe… micchādiṭṭhiṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā passāmi sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapanna’nti idamassa anujānāmi; yañca kho so evamāha – ‘yo kira, bho, pāṇātipātī adinnādāyī…pe… micchādiṭṭhi, sabbo so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjatī’ti idamassa nānujānāmi; yampi so evamāha – ‘ye evaṃ jānanti te sammā jānanti; ye aññathā jānanti, micchā tesaṃ ñāṇa’nti idampissa nānujānāmi; yampi so yadeva tassa sāmaṃ ñātaṃ sāmaṃ diṭṭhaṃ sāmaṃ viditaṃ tadeva tattha thāmasā parāmāsā abhinivissa voharati – ‘idameva saccaṃ, moghamañña’nti idampissa nānujānāmi. Taṃ kissa hetu? Aññathā hi, ānanda, tathāgatassa mahākammavibhaṅge ñāṇaṃ hoti.
‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวมาห – ‘อตฺถิ กิร, โภ, กลฺยาณานิ กมฺมานิ, อตฺถิ สุจริตสฺส วิปาโก’ติ อิทมสฺส อนุชานามิ; ยมฺปิ โส เอวมาห – ‘อมาหํ ปุคฺคลํ อทฺทสํ – อิธ ปาณาติปาตา ปฎิวิรตํ อทินฺนาทานา ปฎิวิรตํ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิํ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปสฺสามิ สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺน’นฺติ อิทมฺปิสฺส อนุชานามิ; ยญฺจ โข โส เอวมาห – ‘โย กิร, โภ, ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ, สโพฺพ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชตี’ติ อิทมสฺส นานุชานามิ; ยมฺปิ โส เอวมาห – ‘เย เอวํ ชานนฺติ เต สมฺมา ชานนฺติ; เย อญฺญถา ชานนฺติ, มิจฺฉา เตสํ ญาณ’นฺติ อิทมฺปิสฺส นานุชานามิ; ยมฺปิ โส ยเทว ตสฺส สามํ ญาตํ สามํ ทิฎฺฐํ สามํ วิทิตํ ตเทว ตตฺถ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’นฺติ อิทมฺปิสฺส นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อญฺญถา หิ, อานนฺท, ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภเงฺค ญาณํ โหติฯ
‘‘Tatrānanda, yvāyaṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā evamāha – ‘atthi kira, bho, kalyāṇāni kammāni, atthi sucaritassa vipāko’ti idamassa anujānāmi; yampi so evamāha – ‘amāhaṃ puggalaṃ addasaṃ – idha pāṇātipātā paṭivirataṃ adinnādānā paṭivirataṃ…pe… sammādiṭṭhiṃ, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā passāmi sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapanna’nti idampissa anujānāmi; yañca kho so evamāha – ‘yo kira, bho, pāṇātipātā paṭivirato adinnādānā paṭivirato…pe… sammādiṭṭhi, sabbo so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjatī’ti idamassa nānujānāmi; yampi so evamāha – ‘ye evaṃ jānanti te sammā jānanti; ye aññathā jānanti, micchā tesaṃ ñāṇa’nti idampissa nānujānāmi; yampi so yadeva tassa sāmaṃ ñātaṃ sāmaṃ diṭṭhaṃ sāmaṃ viditaṃ tadeva tattha thāmasā parāmāsā abhinivissa voharati – ‘idameva saccaṃ, moghamañña’nti idampissa nānujānāmi. Taṃ kissa hetu? Aññathā hi, ānanda, tathāgatassa mahākammavibhaṅge ñāṇaṃ hoti.
‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวมาห – ‘นตฺถิ กิร, โภ, กลฺยาณานิ กมฺมานิ, นตฺถิ สุจริตสฺส วิปาโก’ติ อิทมสฺส นานุชานามิ; ยญฺจ โข โส เอวมาห – ‘อมาหํ ปุคฺคลํ อทฺทสํ – อิธ ปาณาติปาตา ปฎิวิรตํ อทินฺนาทานา ปฎิวิรตํ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิํ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปสฺสามิ อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺน’นฺติ อิทมสฺส อนุชานามิ; ยญฺจ โข โส เอวมาห – ‘โย กิร, โภ, ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ, สโพฺพ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตี’ติ อิทมสฺส นานุชานามิ; ยญฺจ โข โส เอวมาห – ‘เย เอวํ ชานนฺติ เต สมฺมา ชานนฺติ; เย อญฺญถา ชานนฺติ, มิจฺฉา เตสํ ญาณ’นฺติ อิทมฺปิสฺส นานุชานามิ; ยมฺปิ โส ยเทว ตสฺส สามํ ญาตํ สามํ ทิฎฺฐํ สามํ วิทิตํ ตเทว ตตฺถ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’นฺติ อิทมฺปิสฺส นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อญฺญถา หิ, อานนฺท, ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภเงฺค ญาณํ โหติฯ
‘‘Tatrānanda, yvāyaṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā evamāha – ‘natthi kira, bho, kalyāṇāni kammāni, natthi sucaritassa vipāko’ti idamassa nānujānāmi; yañca kho so evamāha – ‘amāhaṃ puggalaṃ addasaṃ – idha pāṇātipātā paṭivirataṃ adinnādānā paṭivirataṃ…pe… sammādiṭṭhiṃ, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā passāmi apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapanna’nti idamassa anujānāmi; yañca kho so evamāha – ‘yo kira, bho, pāṇātipātā paṭivirato adinnādānā paṭivirato…pe… sammādiṭṭhi, sabbo so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjatī’ti idamassa nānujānāmi; yañca kho so evamāha – ‘ye evaṃ jānanti te sammā jānanti; ye aññathā jānanti, micchā tesaṃ ñāṇa’nti idampissa nānujānāmi; yampi so yadeva tassa sāmaṃ ñātaṃ sāmaṃ diṭṭhaṃ sāmaṃ viditaṃ tadeva tattha thāmasā parāmāsā abhinivissa voharati – ‘idameva saccaṃ, moghamañña’nti idampissa nānujānāmi. Taṃ kissa hetu? Aññathā hi, ānanda, tathāgatassa mahākammavibhaṅge ñāṇaṃ hoti.
๓๐๓. ‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ, ปุเพฺพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐิ สมตฺตา สมาทินฺนาฯ เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ ยญฺจ โข โส อิธ ปาณาติปาตี โหติ อทินฺนาทายี โหติ…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิ โหติ ตสฺส ทิเฎฺฐว ธเมฺม วิปากํ ปฎิสํเวเทติ อุปปชฺช วา 27 อปเร วา ปริยาเยฯ
303. ‘‘Tatrānanda, yvāyaṃ puggalo idha pāṇātipātī adinnādāyī…pe… micchādiṭṭhi, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati, pubbe vāssa taṃ kataṃ hoti pāpakammaṃ dukkhavedanīyaṃ, pacchā vāssa taṃ kataṃ hoti pāpakammaṃ dukkhavedanīyaṃ, maraṇakāle vāssa hoti micchādiṭṭhi samattā samādinnā. Tena so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Yañca kho so idha pāṇātipātī hoti adinnādāyī hoti…pe… micchādiṭṭhi hoti tassa diṭṭheva dhamme vipākaṃ paṭisaṃvedeti upapajja vā 28 apare vā pariyāye.
‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ, ปุเพฺพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ กลฺยาณกมฺมํ สุขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ กลฺยาณกมฺมํ สุขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ สมฺมาทิฎฺฐิ สมตฺตา สมาทินฺนาฯ เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ ยญฺจ โข โส อิธ ปาณาติปาตี โหติ อทินฺนาทายี โหติ…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิ โหติ ตสฺส ทิเฎฺฐว ธเมฺม วิปากํ ปฎิสํเวเทติ อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเยฯ
‘‘Tatrānanda, yvāyaṃ puggalo idha pāṇātipātī adinnādāyī…pe… micchādiṭṭhi kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati, pubbe vāssa taṃ kataṃ hoti kalyāṇakammaṃ sukhavedanīyaṃ, pacchā vāssa taṃ kataṃ hoti kalyāṇakammaṃ sukhavedanīyaṃ, maraṇakāle vāssa hoti sammādiṭṭhi samattā samādinnā. Tena so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Yañca kho so idha pāṇātipātī hoti adinnādāyī hoti…pe… micchādiṭṭhi hoti tassa diṭṭheva dhamme vipākaṃ paṭisaṃvedeti upapajja vā apare vā pariyāye.
‘‘ตตฺรานนฺท , ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ, ปุเพฺพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ กลฺยาณกมฺมํ สุขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ กลฺยาณกมฺมํ สุขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ สมฺมาทิฎฺฐิ สมตฺตา สมาทินฺนาฯ เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ ยญฺจ โข โส อิธ ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, ตสฺส ทิเฎฺฐว ธเมฺม วิปากํ ปฎิสํเวเทติ อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเยฯ
‘‘Tatrānanda , yvāyaṃ puggalo idha pāṇātipātā paṭivirato adinnādānā paṭivirato…pe… sammādiṭṭhi, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati, pubbe vāssa taṃ kataṃ hoti kalyāṇakammaṃ sukhavedanīyaṃ, pacchā vāssa taṃ kataṃ hoti kalyāṇakammaṃ sukhavedanīyaṃ, maraṇakāle vāssa hoti sammādiṭṭhi samattā samādinnā. Tena so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Yañca kho so idha pāṇātipātā paṭivirato hoti adinnādānā paṭivirato hoti…pe… sammādiṭṭhi hoti, tassa diṭṭheva dhamme vipākaṃ paṭisaṃvedeti upapajja vā apare vā pariyāye.
‘‘ตตฺรานนฺท , ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ, ปุเพฺพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐิ สมตฺตา สมาทินฺนาฯ เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ ยญฺจ โข โส อิธ ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, ตสฺส ทิเฎฺฐว ธเมฺม วิปากํ ปฎิสํเวเทติ อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเยฯ
‘‘Tatrānanda , yvāyaṃ puggalo idha pāṇātipātā paṭivirato adinnādānā paṭivirato…pe… sammādiṭṭhi, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati, pubbe vāssa taṃ kataṃ hoti pāpakammaṃ dukkhavedanīyaṃ, pacchā vāssa taṃ kataṃ hoti pāpakammaṃ dukkhavedanīyaṃ, maraṇakāle vāssa hoti micchādiṭṭhi samattā samādinnā. Tena so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Yañca kho so idha pāṇātipātā paṭivirato hoti, adinnādānā paṭivirato hoti…pe… sammādiṭṭhi hoti, tassa diṭṭheva dhamme vipākaṃ paṭisaṃvedeti upapajja vā apare vā pariyāye.
‘‘อิติ โข, อานนฺท, อตฺถิ กมฺมํ อภพฺพํ อภพฺพาภาสํ, อตฺถิ กมฺมํ อภพฺพํ ภพฺพาภาสํ, อตฺถิ กมฺมํ ภพฺพเญฺจว ภพฺพาภาสญฺจ, อตฺถิ กมฺมํ ภพฺพํ อภพฺพาภาส’’นฺติฯ
‘‘Iti kho, ānanda, atthi kammaṃ abhabbaṃ abhabbābhāsaṃ, atthi kammaṃ abhabbaṃ bhabbābhāsaṃ, atthi kammaṃ bhabbañceva bhabbābhāsañca, atthi kammaṃ bhabbaṃ abhabbābhāsa’’nti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā ānando bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.
มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ
Mahākammavibhaṅgasuttaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahākammavibhaṅgasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahākammavibhaṅgasuttavaṇṇanā