Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๖. มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา

    6. Mahākammavibhaṅgasuttavaṇṇanā

    ๒๙๘. เอวํ เม สุตนฺติ มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตํฯ ตตฺถ โมฆนฺติ ตุจฺฉํ อผลํฯ สจฺจนฺติ ตถํ ภูตํฯ อิทญฺจ เอเตน น สมฺมุขา สุตํ, อุปาลิสุเตฺต (ม. นิ. ๒.๕๖) ปน – ‘‘มโนกมฺมํ มหาสาวชฺชตรํ ปญฺญเปมิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา กายกมฺมํ โน ตถา วจีกมฺม’’นฺติ ภควตา วุตฺตํ อตฺถิ, สา กถา ติตฺถิยานํ อนฺตเร ปากฎา ชาตา, ตํ คเหตฺวา เอส วทติฯ อตฺถิ จ สา สมาปตฺตีติ อิทํ – ‘‘กถํ นุ โข, โภ, อภิสญฺญานิโรโธ โหตี’’ติ โปฎฺฐปาทสุเตฺต (ที. นิ. ๑.๔๐๖ อาทโย) อุปฺปนฺนํ อภิสญฺญานิโรธกถํ สนฺธาย วทติฯ น กิญฺจิ เวทิยตีติ เอกเวทนมฺปิ น เวทิยติฯ อตฺถิ จ โขติ เถโร นิโรธสมาปตฺติํ สนฺธาย อนุชานาติฯ ปริรกฺขิตพฺพนฺติ ครหโต โมจเนน รกฺขิตพฺพํฯ สเญฺจตนา อสฺส อตฺถีติ สเญฺจตนิกํ, สาภิสนฺธิกํ สเญฺจตนิกกมฺมํ กตฺวาติ อโตฺถฯ ทุกฺขํ โสติ เถโร ‘‘อกุสลเมว สนฺธาย ปริพฺพาชโก ปุจฺฉตี’’ติ สญฺญาย เอวํ วทติฯ

    298.Evaṃme sutanti mahākammavibhaṅgasuttaṃ. Tattha moghanti tucchaṃ aphalaṃ. Saccanti tathaṃ bhūtaṃ. Idañca etena na sammukhā sutaṃ, upālisutte (ma. ni. 2.56) pana – ‘‘manokammaṃ mahāsāvajjataraṃ paññapemi pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā, no tathā kāyakammaṃ no tathā vacīkamma’’nti bhagavatā vuttaṃ atthi, sā kathā titthiyānaṃ antare pākaṭā jātā, taṃ gahetvā esa vadati. Atthi ca sā samāpattīti idaṃ – ‘‘kathaṃ nu kho, bho, abhisaññānirodho hotī’’ti poṭṭhapādasutte (dī. ni. 1.406 ādayo) uppannaṃ abhisaññānirodhakathaṃ sandhāya vadati. Na kiñci vediyatīti ekavedanampi na vediyati. Atthi ca khoti thero nirodhasamāpattiṃ sandhāya anujānāti. Parirakkhitabbanti garahato mocanena rakkhitabbaṃ. Sañcetanā assa atthīti sañcetanikaṃ, sābhisandhikaṃ sañcetanikakammaṃ katvāti attho. Dukkhaṃ soti thero ‘‘akusalameva sandhāya paribbājako pucchatī’’ti saññāya evaṃ vadati.

    ทสฺสนมฺปิ โข อหนฺติ ภควา จตุรเงฺคปิ อนฺธกาเร สมนฺตา โยชนฎฺฐาเน ติลมตฺตมฺปิ สงฺขารํ มํสจกฺขุนาว ปสฺสติ, อยญฺจ ปริพฺพาชโก น ทูเร คาวุตมตฺตพฺภนฺตเร วสติ, กสฺมา ภควา เอวมาหาติ? สมาคมทสฺสนํ สนฺธาเยวมาหฯ

    Dassanampi kho ahanti bhagavā caturaṅgepi andhakāre samantā yojanaṭṭhāne tilamattampi saṅkhāraṃ maṃsacakkhunāva passati, ayañca paribbājako na dūre gāvutamattabbhantare vasati, kasmā bhagavā evamāhāti? Samāgamadassanaṃ sandhāyevamāha.

    ๒๙๙. อุทายีติ ลาลุทายีฯ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ สพฺพํ ตํ ทุกฺขเมวฯ อิติ อิมํ วฎฺฎทุกฺขํ กิเลสทุกฺขํ สงฺขารทุกฺขํ สนฺธาย ‘‘สเจ ภาสิตํ ภเวยฺย ภควา’’ติ ปุจฺฉติฯ

    299.Udāyīti lāludāyī. Taṃ dukkhasminti sabbaṃ taṃ dukkhameva. Iti imaṃ vaṭṭadukkhaṃ kilesadukkhaṃ saṅkhāradukkhaṃ sandhāya ‘‘sace bhāsitaṃ bhaveyya bhagavā’’ti pucchati.

    ๓๐๐. อุมฺมงฺคนฺติ ปญฺหาอุมฺมงฺคํฯ อุมฺมุชฺชมาโนติ สีสํ นีหรมาโนฯ อโยนิโส อุมฺมุชฺชิสฺสตีติ อนุปาเยน สีสํ นีหริสฺสติฯ อิทญฺจ ปน ภควา ชานโนฺต เนว ทิพฺพจกฺขุนา น เจโตปริยญาเณน น สพฺพญฺญุตญาเณน ชานิ, อธิปฺปาเยเนว ปน อญฺญาสิฯ กเถนฺตสฺส หิ อธิปฺปาโย นาม สุวิชาโน โหติ, กเถตุกาโม คีวํ ปคฺคณฺหาติ, หนุกํ จาเลติ, มุขมสฺส ผนฺทติ, สนฺนิสีทิตุํ น สโกฺกติฯ ภควา ตสฺส ตํ อาการํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อุทายี สนฺนิสีทิตุํ น สโกฺกติ, ยํ อภูตํ, ตเทว กเถสฺสตี’’ติ โอโลเกตฺวาว อญฺญาสิฯ อาทิํ เยวาติอาทิมฺหิเยวฯ ติโสฺส เวทนาติ ‘‘กิํ โส เวทิยตี’’ติ? ปุจฺฉเนฺตน ‘‘ติโสฺส เวทนา ปุจฺฉามี’’ติ เอวํ ววตฺถเปตฺวาว ติโสฺส เวทนา ปุจฺฉิตาฯ สุขเวทนิยนฺติ สุขเวทนาย ปจฺจยภูตํฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ

    300.Ummaṅganti pañhāummaṅgaṃ. Ummujjamānoti sīsaṃ nīharamāno. Ayoniso ummujjissatīti anupāyena sīsaṃ nīharissati. Idañca pana bhagavā jānanto neva dibbacakkhunā na cetopariyañāṇena na sabbaññutañāṇena jāni, adhippāyeneva pana aññāsi. Kathentassa hi adhippāyo nāma suvijāno hoti, kathetukāmo gīvaṃ paggaṇhāti, hanukaṃ cāleti, mukhamassa phandati, sannisīdituṃ na sakkoti. Bhagavā tassa taṃ ākāraṃ disvā ‘‘ayaṃ udāyī sannisīdituṃ na sakkoti, yaṃ abhūtaṃ, tadeva kathessatī’’ti oloketvāva aññāsi. Ādiṃ yevātiādimhiyeva. Tisso vedanāti ‘‘kiṃ so vediyatī’’ti? Pucchantena ‘‘tisso vedanā pucchāmī’’ti evaṃ vavatthapetvāva tisso vedanā pucchitā. Sukhavedaniyanti sukhavedanāya paccayabhūtaṃ. Sesesupi eseva nayo.

    เอตฺถ จ กามาวจรกุสลโต โสมนสฺสสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา จตโสฺส เจตนา, เหฎฺฐา ติกชฺฌานเจตนาติ เอวํ ปฎิสนฺธิปวเตฺตสุ สุขเวทนาย ชนนโต สุขเวทนิยํ กมฺมํ นามฯ กามาวจรเญฺจตฺถ ปฎิสนฺธิยํเยว เอกเนฺตน สุขํ ชเนติ, ปวเตฺต อิฎฺฐมชฺฌตฺตารมฺมเณ อทุกฺขมสุขมฺปิฯ

    Ettha ca kāmāvacarakusalato somanassasahagatacittasampayuttā catasso cetanā, heṭṭhā tikajjhānacetanāti evaṃ paṭisandhipavattesu sukhavedanāya jananato sukhavedaniyaṃ kammaṃ nāma. Kāmāvacarañcettha paṭisandhiyaṃyeva ekantena sukhaṃ janeti, pavatte iṭṭhamajjhattārammaṇe adukkhamasukhampi.

    อกุสลเจตนา ปฎิสนฺธิปวเตฺตสุ ทุกฺขเสฺสว ชนนโต ทุกฺขเวทนิยํ กมฺมํ นามฯ กายทฺวาเร ปวเตฺตเยว เจตํ เอกเนฺตน ทุกฺขํ ชเนติ, อญฺญตฺถ อทุกฺขมสุขมฺปิ, สา ปน เวทนา อนิฎฺฐานิฎฺฐมชฺฌเตฺตสุเยว อารมฺมเณสุ อุปฺปชฺชนโต ทุกฺขาเตฺวว สงฺขํ คตาฯ

    Akusalacetanā paṭisandhipavattesu dukkhasseva jananato dukkhavedaniyaṃ kammaṃ nāma. Kāyadvāre pavatteyeva cetaṃ ekantena dukkhaṃ janeti, aññattha adukkhamasukhampi, sā pana vedanā aniṭṭhāniṭṭhamajjhattesuyeva ārammaṇesu uppajjanato dukkhātveva saṅkhaṃ gatā.

    กามาวจรกุสลโต ปน อุเปกฺขาสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา จตโสฺส เจตนา, รูปาวจรกุสลโต จตุตฺถชฺฌานเจตนาติ เอวํ ปฎิสนฺธิปวเตฺตสุ ตติยเวทนาย ชนนโต อทุกฺขมสุขเวทนิยํ กมฺมํ นามฯ เอตฺถ จ กามาวจรํ ปฎิสนฺธิยํเยว เอกเนฺตน อทุกฺขมสุขํ ชเนติ, ปวเตฺต อิฎฺฐารมฺมเณ สุขมฺปิฯ อปิจ สุขเวทนิยกมฺมํ ปฎิสนฺธิปวตฺติวเสน วฎฺฎติ, ตถา อทุกฺขมสุขเวทนิยํ, ทุกฺขเวทนิยํ ปวตฺติวเสเนว วฎฺฎติฯ เอตสฺส ปน วเสน สพฺพํ ปวตฺติวเสเนว วฎฺฎติฯ

    Kāmāvacarakusalato pana upekkhāsahagatacittasampayuttā catasso cetanā, rūpāvacarakusalato catutthajjhānacetanāti evaṃ paṭisandhipavattesu tatiyavedanāya jananato adukkhamasukhavedaniyaṃ kammaṃ nāma. Ettha ca kāmāvacaraṃ paṭisandhiyaṃyeva ekantena adukkhamasukhaṃ janeti, pavatte iṭṭhārammaṇe sukhampi. Apica sukhavedaniyakammaṃ paṭisandhipavattivasena vaṭṭati, tathā adukkhamasukhavedaniyaṃ, dukkhavedaniyaṃ pavattivaseneva vaṭṭati. Etassa pana vasena sabbaṃ pavattivaseneva vaṭṭati.

    เอตสฺส ภควาติ เถโร ตถาคเตน มหากมฺมวิภงฺคกถนตฺถํ อาลโย ทสฺสิโต, ตถาคตํ ยาจิตฺวา มหากมฺมวิภงฺคญาณํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปากฎํ กริสฺสามีติ จิเนฺตตฺวา อนุสนฺธิกุสลตาย เอวมาหฯ ตตฺถ มหากมฺมวิภงฺคนฺติ มหากมฺมวิภชนํฯ กตเม จตฺตาโร…เป.… อิธานนฺท, เอกโจฺจ ปุคฺคโล…เป.… นิรยํ อุปปชฺชตีติ อิทํ น มหากมฺมวิภงฺคญาณภาชนํ, มหากมฺมวิภงฺคญาณภาชนตฺถาย ปน มาติกาฎฺฐปนํฯ

    Etassa bhagavāti thero tathāgatena mahākammavibhaṅgakathanatthaṃ ālayo dassito, tathāgataṃ yācitvā mahākammavibhaṅgañāṇaṃ bhikkhusaṅghassa pākaṭaṃ karissāmīti cintetvā anusandhikusalatāya evamāha. Tattha mahākammavibhaṅganti mahākammavibhajanaṃ. Katame cattāro…pe… idhānanda, ekacco puggalo…pe… nirayaṃ upapajjatīti idaṃ na mahākammavibhaṅgañāṇabhājanaṃ, mahākammavibhaṅgañāṇabhājanatthāya pana mātikāṭṭhapanaṃ.

    ๓๐๑. อิธานนฺท , เอกโจฺจ สมโณ วาติ ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธิฯ อิทญฺหิ ภควา – ‘‘ทิพฺพจกฺขุกา สมณพฺราหฺมณา อิทํ อารมฺมณํ กตฺวา อิมํ ปจฺจยํ ลภิตฺวา อิทํ ทสฺสนํ คณฺหนฺตี’’ติ ปกาสนตฺถํ อารภิฯ ตตฺถ อาตปฺปนฺติอาทีนิ ปญฺจปิ วีริยเสฺสว นามานิฯ เจโตสมาธินฺติ ทิพฺพจกฺขุสมาธิํฯ ปสฺสตีติ ‘‘โส สโตฺต กุหิํ นิพฺพโตฺต’’ติ โอโลเกโนฺต ปสฺสติฯ เย อญฺญถาติ เย ‘‘ทสนฺนํ กุสลานํ กมฺมปถานํ ปูริตตฺตา นิรยํ อุปปชฺชตี’’ติ ชานนฺติ, มิจฺฉา เตสํ ญาณนฺติ วทติฯ อิมินา นเยน สพฺพวาเรสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ วิทิตนฺติ ปากฎํฯ ถามสาติ ทิฎฺฐิถาเมนฯ ปรามาสาติ ทิฎฺฐิปรามาเสนฯ อภินิวิสฺส โวหรตีติ อธิฎฺฐหิตฺวา อาทิยิตฺวา โวหรติฯ

    301.Idhānanda, ekacco samaṇo vāti pāṭiyekko anusandhi. Idañhi bhagavā – ‘‘dibbacakkhukā samaṇabrāhmaṇā idaṃ ārammaṇaṃ katvā imaṃ paccayaṃ labhitvā idaṃ dassanaṃ gaṇhantī’’ti pakāsanatthaṃ ārabhi. Tattha ātappantiādīni pañcapi vīriyasseva nāmāni. Cetosamādhinti dibbacakkhusamādhiṃ. Passatīti ‘‘so satto kuhiṃ nibbatto’’ti olokento passati. Ye aññathāti ye ‘‘dasannaṃ kusalānaṃ kammapathānaṃ pūritattā nirayaṃ upapajjatī’’ti jānanti, micchā tesaṃ ñāṇanti vadati. Iminā nayena sabbavāresu attho veditabbo. Viditanti pākaṭaṃ. Thāmasāti diṭṭhithāmena. Parāmāsāti diṭṭhiparāmāsena. Abhinivissa voharatīti adhiṭṭhahitvā ādiyitvā voharati.

    ๓๐๒. ตตฺรานนฺทาติ อิทมฺปิ น มหากมฺมวิภงฺคญาณสฺส ภาชนํ, อถ ขฺวาสฺส มาติกาฎฺฐปนเมวฯ เอตฺถ ปน เอเตสํ ทิพฺพจกฺขุกานํ วจเน เอตฺตกา อนุญฺญาตา, เอตฺตกา อนนุญฺญาตาติ อิทํ ทสฺสิตํฯ ตตฺถ ตตฺราติ เตสุ จตูสุ สมณพฺราหฺมเณสุฯ อิทมสฺสาติ อิทํ วจนํ อสฺสฯ อญฺญถาติ อเญฺญนากาเรนฯ อิติ อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ วาเท ทฺวีสุ ฐาเนสุ อนุญฺญาตา, ตีสุ อนนุญฺญาตาติ เอวํ สพฺพตฺถ อนุญฺญา นานุญฺญา เวทิตพฺพาฯ

    302.Tatrānandāti idampi na mahākammavibhaṅgañāṇassa bhājanaṃ, atha khvāssa mātikāṭṭhapanameva. Ettha pana etesaṃ dibbacakkhukānaṃ vacane ettakā anuññātā, ettakā ananuññātāti idaṃ dassitaṃ. Tattha tatrāti tesu catūsu samaṇabrāhmaṇesu. Idamassāti idaṃ vacanaṃ assa. Aññathāti aññenākārena. Iti imesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ vāde dvīsu ṭhānesu anuññātā, tīsu ananuññātāti evaṃ sabbattha anuññā nānuññā veditabbā.

    ๓๐๓. เอวํ ทิพฺพจกฺขุกานํ วจเน อนุญฺญา จ อนนุญฺญา จ ทเสฺสตฺวา อิทานิ มหากมฺมวิภงฺคญาณํ วิภชโนฺต ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโลติอาทิมาหฯ

    303. Evaṃ dibbacakkhukānaṃ vacane anuññā ca ananuññā ca dassetvā idāni mahākammavibhaṅgañāṇaṃ vibhajanto tatrānanda, yvāyaṃ puggalotiādimāha.

    ปุเพฺพ วาสฺส ตํ กตํ โหตีติ ยํ อิมินา ทิพฺพจกฺขุเกน กมฺมํ กโรโนฺต ทิโฎฺฐ, ตโต ปุเพฺพ กตํฯ ปุเพฺพ กเตนปิ หิ นิรเย นิพฺพตฺตติ, ปจฺฉา กเตนปิ นิพฺพตฺตติ, มรณกาเล วา ปน – ‘‘ขโนฺท เสโฎฺฐ สิโว เสโฎฺฐ, ปิตามโห เสโฎฺฐ, อิสฺสราทีหิ วา โลโก วิสโฎฺฐ’’ติอาทินา มิจฺฉาทสฺสเนนปิ นิพฺพตฺตเตวฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ ยํ ตตฺถ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ โหติ, ตสฺส ทิเฎฺฐว ธเมฺม, ยํ อุปปชฺชเวทนียํ, ตสฺส อุปปชฺชิตฺวา, ยํ อปราปริยเวทนียํ, ตสฺส อปรสฺมิํ ปริยาเย วิปากํ ปฎิสํเวเทติฯ

    Pubbe vāssa taṃ kataṃ hotīti yaṃ iminā dibbacakkhukena kammaṃ karonto diṭṭho, tato pubbe kataṃ. Pubbe katenapi hi niraye nibbattati, pacchā katenapi nibbattati, maraṇakāle vā pana – ‘‘khando seṭṭho sivo seṭṭho, pitāmaho seṭṭho, issarādīhi vā loko visaṭṭho’’tiādinā micchādassanenapi nibbattateva. Diṭṭheva dhammeti yaṃ tattha diṭṭhadhammavedanīyaṃ hoti, tassa diṭṭheva dhamme, yaṃ upapajjavedanīyaṃ, tassa upapajjitvā, yaṃ aparāpariyavedanīyaṃ, tassa aparasmiṃ pariyāye vipākaṃ paṭisaṃvedeti.

    อิติ อยํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอกํ กมฺมราสิํ เอกญฺจ วิปากราสิํ อทฺทส, สมฺมาสมฺพุโทฺธ อิมินา อทิเฎฺฐ ตโย กมฺมราสี, เทฺว จ วิปากราสี อทฺทสฯ อิมินา ปน ทิเฎฺฐ อทิเฎฺฐ จ จตฺตาโร กมฺมราสี ตโย จ วิปากราสี อทฺทสฯ อิมานิ สตฺต ฐานานิ ชานนญาณํ ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคญาณํ นามฯ ทุติยวาเร ทิพฺพจกฺขุเกน กิญฺจิ น ทิฎฺฐํ , ตถาคเตน ปน ตโย กมฺมราสี, เทฺว จ วิปากราสี ทิฎฺฐาติฯ อิมานิปิ ปญฺจ ปจฺจตฺตฎฺฐานานิ ชานนญาณํ ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคญาณํ นามฯ เสสวารทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ

    Iti ayaṃ samaṇo vā brāhmaṇo vā ekaṃ kammarāsiṃ ekañca vipākarāsiṃ addasa, sammāsambuddho iminā adiṭṭhe tayo kammarāsī, dve ca vipākarāsī addasa. Iminā pana diṭṭhe adiṭṭhe ca cattāro kammarāsī tayo ca vipākarāsī addasa. Imāni satta ṭhānāni jānanañāṇaṃ tathāgatassa mahākammavibhaṅgañāṇaṃ nāma. Dutiyavāre dibbacakkhukena kiñci na diṭṭhaṃ , tathāgatena pana tayo kammarāsī, dve ca vipākarāsī diṭṭhāti. Imānipi pañca paccattaṭṭhānāni jānanañāṇaṃ tathāgatassa mahākammavibhaṅgañāṇaṃ nāma. Sesavāradvayepi eseva nayo.

    อภพฺพนฺติ ภูตวิรหิตํ อกุสลํฯ อภพฺพาภาสนฺติ อภพฺพํ อาภาสติ อภิภวติ ปฎิพาหตีติ อโตฺถฯ พหุกสฺมิญฺหิ อกุสลกเมฺม อายูหิเต พลวกมฺมํ ทุพฺพลกมฺมสฺส วิปากํ ปฎิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรติ อิทํ อภพฺพเญฺจว อภพฺพาภาสญฺจฯ กุสลํ ปน อายูหิตฺวา อาสเนฺน อกุสลํ กตํ โหติ, ตํ กุสลสฺส วิปากํ ปฎิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรติ, อิทํ อภพฺพํ ภพฺพาภาสํฯ พหุมฺหิ กุสเล อายูหิเตปิ พลวกมฺมํ ทุพฺพลกมฺมสฺส วิปากํ ปฎิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรติ, อิทํ ภพฺพเญฺจว ภพฺพาภาสญฺจฯ อกุสลํ ปน อายูหิตฺวา อาสเนฺน กุสลํ กตํ โหติ, ตํ อกุสลสฺส วิปากํ ปฎิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรติ, อิทํ ภพฺพํ อภพฺพาภาสํฯ

    Abhabbanti bhūtavirahitaṃ akusalaṃ. Abhabbābhāsanti abhabbaṃ ābhāsati abhibhavati paṭibāhatīti attho. Bahukasmiñhi akusalakamme āyūhite balavakammaṃ dubbalakammassa vipākaṃ paṭibāhitvā attano vipākassa okāsaṃ karoti idaṃ abhabbañceva abhabbābhāsañca. Kusalaṃ pana āyūhitvā āsanne akusalaṃ kataṃ hoti, taṃ kusalassa vipākaṃ paṭibāhitvā attano vipākassa okāsaṃ karoti, idaṃ abhabbaṃ bhabbābhāsaṃ. Bahumhi kusale āyūhitepi balavakammaṃ dubbalakammassa vipākaṃ paṭibāhitvā attano vipākassa okāsaṃ karoti, idaṃ bhabbañceva bhabbābhāsañca. Akusalaṃ pana āyūhitvā āsanne kusalaṃ kataṃ hoti, taṃ akusalassa vipākaṃ paṭibāhitvā attano vipākassa okāsaṃ karoti, idaṃ bhabbaṃ abhabbābhāsaṃ.

    อปิจ อุปฎฺฐานากาเรนเปตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิทญฺหิ วุตฺตํ โหติ, อภพฺพโต อาภาสติ อุปฎฺฐาตีติ อภพฺพาภาสํฯ ตตฺถ ‘‘ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตี’’ติอาทินา นเยน จตฺตาโร ปุคฺคลา วุตฺตา, เตสุ ปฐมสฺส กมฺมํ อภพฺพํ อภพฺพาภาสํ, ตญฺหิ อกุสลตฺตา อภพฺพํ, ตสฺส จ นิรเย นิพฺพตฺตตฺตา ตตฺถ นิพฺพตฺติการณภูตํ อกุสลํ หุตฺวา อุปฎฺฐาติฯ ทุติยสฺส กมฺมํ อภพฺพํ ภพฺพาภาสํ, ตญฺหิ อกุสลตฺตา อภพฺพํฯ ตสฺส ปน สเคฺค นิพฺพตฺตตฺตา อญฺญติตฺถิยานํ สเคฺค นิพฺพตฺติการณภูตํ กุสลํ หุตฺวา อุปฎฺฐาติฯ อิตรสฺมิมฺปิ กมฺมทฺวเย เอเสว นโยฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    Apica upaṭṭhānākārenapettha attho veditabbo. Idañhi vuttaṃ hoti, abhabbato ābhāsati upaṭṭhātīti abhabbābhāsaṃ. Tattha ‘‘yvāyaṃ puggalo idha pāṇātipātī’’tiādinā nayena cattāro puggalā vuttā, tesu paṭhamassa kammaṃ abhabbaṃ abhabbābhāsaṃ, tañhi akusalattā abhabbaṃ, tassa ca niraye nibbattattā tattha nibbattikāraṇabhūtaṃ akusalaṃ hutvā upaṭṭhāti. Dutiyassa kammaṃ abhabbaṃ bhabbābhāsaṃ, tañhi akusalattā abhabbaṃ. Tassa pana sagge nibbattattā aññatitthiyānaṃ sagge nibbattikāraṇabhūtaṃ kusalaṃ hutvā upaṭṭhāti. Itarasmimpi kammadvaye eseva nayo. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahākammavibhaṅgasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตํ • 6. Mahākammavibhaṅgasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahākammavibhaṅgasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact