Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๖. มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
6. Mahākammavibhaṅgasuttavaṇṇanā
๒๙๘. กมฺมสฺส โมฆภาโว นาม ผเลน ตุจฺฉตา ผลาภาโวติ อาห – ‘‘โมฆนฺติ ตุจฺฉํ อผล’’นฺติฯ ตถํ ภูตนฺติ สจฺจสทฺทสฺส อตฺถมาหฯ ปริพฺพาชโก ปน ‘‘สจฺจ’’นฺติ อิมินา ตเมว สผลนฺติ วทติฯ สผลญฺหิ กมฺมํ สตฺถุ อภิมตมโนกมฺมนฺติ อธิปฺปาโยฯ อิทญฺจ ‘‘โมฆํ กายกมฺม’’นฺติอาทิวจนํฯ ตํ คเหตฺวาติ ปรมฺปราย คเหตฺวาฯ เอสาติ โปตลิปุโตฺต ปริพฺพาชโกฯ อภิสญฺญานิโรธกถํ สนฺธาย วทติฯ สาปิ หิ ติตฺถิยานํ อนฺตเร ปากฎา ชาตาติฯ เถโรติ สมิทฺธิเตฺถโรฯ ยถา ภควตา วุตฺตํ, ตโต จ อญฺญถาว โทสาโรปนภเยน คเหตฺวา ตโต ภควนฺตํ เถโร รกฺขตีติ อธิปฺปาเยน ปริพฺพาชโก, ‘‘ปริรกฺขิตพฺพํ มญฺญิสฺสตี’’ติ อโวจาติ อาห – ‘‘ปริรกฺขิตพฺพนฺติ ครหโต โมจเนน รกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ สเญฺจตนา อสฺส อตฺถีติ สเญฺจตนิกํฯ กมฺมนฺติ สเญฺจตนิกสฺสปิ กมฺมสฺส อตฺตโน สมเย อิจฺฉิตตฺตา ปริพฺพาชเกน วุตฺตํฯ
298. Kammassa moghabhāvo nāma phalena tucchatā phalābhāvoti āha – ‘‘moghanti tucchaṃ aphala’’nti. Tathaṃ bhūtanti saccasaddassa atthamāha. Paribbājako pana ‘‘sacca’’nti iminā tameva saphalanti vadati. Saphalañhi kammaṃ satthu abhimatamanokammanti adhippāyo. Idañca ‘‘moghaṃ kāyakamma’’ntiādivacanaṃ. Taṃ gahetvāti paramparāya gahetvā. Esāti potaliputto paribbājako. Abhisaññānirodhakathaṃ sandhāya vadati. Sāpi hi titthiyānaṃ antare pākaṭā jātāti. Theroti samiddhitthero. Yathā bhagavatā vuttaṃ, tato ca aññathāva dosāropanabhayena gahetvā tato bhagavantaṃ thero rakkhatīti adhippāyena paribbājako, ‘‘parirakkhitabbaṃ maññissatī’’ti avocāti āha – ‘‘parirakkhitabbanti garahato mocanena rakkhitabba’’nti. Sañcetanā assa atthīti sañcetanikaṃ. Kammanti sañcetanikassapi kammassa attano samaye icchitattā paribbājakena vuttaṃ.
สงฺขตสงฺขารตาย รูปเมว ‘‘ติลมตฺตมฺปิ สงฺขาร’’นฺติ วุตฺตํฯ เตนาห – ‘‘มํสจกฺขุนาว ปสฺสตี’’ติฯ สมาคมทสฺสนํ สนฺธายาติ กตฺถจิปิ ตสฺส ทสฺสนํ สนฺธาย, น ปริญฺญาทสฺสนํฯ เตนาห ภควา – ‘‘กุโต ปเนวรูปํ กถาสลฺลาป’’นฺติฯ
Saṅkhatasaṅkhāratāya rūpameva ‘‘tilamattampi saṅkhāra’’nti vuttaṃ. Tenāha – ‘‘maṃsacakkhunāva passatī’’ti. Samāgamadassanaṃ sandhāyāti katthacipi tassa dassanaṃ sandhāya, na pariññādassanaṃ. Tenāha bhagavā – ‘‘kuto panevarūpaṃ kathāsallāpa’’nti.
๒๙๙. วฎฺฎทุกฺขนฺติ สํสารทุกฺขํฯ กิเลสทุกฺขนฺติ กิเลสสมฺภวราคปริฬาหทุกฺขํฯ สงฺขารทุกฺขนฺติ ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขนฺติ เอวํ วุตฺตทุกฺขํฯ สเจ ภาสิตํ ภเวยฺยาติ อิมํ อีทิสํ ทุกฺขํ สนฺธาย อายสฺมตา สมิทฺธินา ภาสิตํ สิยา นุ ภควา, อวิภชิตฺวา พฺยากรณํ ยุตฺตเมวาติ อธิปฺปาโยฯ
299.Vaṭṭadukkhanti saṃsāradukkhaṃ. Kilesadukkhanti kilesasambhavarāgapariḷāhadukkhaṃ. Saṅkhāradukkhanti yadaniccaṃ, taṃ dukkhanti evaṃ vuttadukkhaṃ. Sace bhāsitaṃ bhaveyyāti imaṃ īdisaṃ dukkhaṃ sandhāya āyasmatā samiddhinā bhāsitaṃ siyā nu bhagavā, avibhajitvā byākaraṇaṃ yuttamevāti adhippāyo.
๓๐๐. อุมฺมงฺคนฺติ อุมฺมุชฺชนํ, กถามุเฬฺหน อนฺตรา อญฺญาณวิสยปญฺหา อุมฺมงฺคํฯ เตนาห – ‘‘ปญฺหาอุมฺมงฺค’’นฺติ เนว ทิพฺพจกฺขุนาติ กสฺมา วุตฺตํฯ น หิ ตํ อโยนิโส อุมฺมุชฺชนํ ทิพฺพจกฺขุวิสยนฺติ? กามเญฺจตํ น ทิพฺพจกฺขุวิสยํ, ทิพฺพจกฺขุปริภณฺฑญาวิสยํ ปน สิยาติ ตถา วุตฺตํฯ อธิปฺปาเยเนวาติ อุทายิเตฺถรสฺส อธิปฺปาเยเนว คยฺหมาเนน ตํ อโยนิโย อุมฺมุชฺชนํ อญฺญาสิฯ สนฺนิสีทิตุํ ปุเพฺพ นิสินฺนากาเรน สนฺนิสีทิตุํ น สโกฺกติฯ สมิทฺธิเตฺถเรน อนภิสงฺขตเสฺสว อตฺถสฺส กถิตตฺตา, ‘‘ยํ อภูตํ, ตเทว กเถสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘อโยนิโส อุมฺมุชฺชิสฺสตี’’ติฯ ติโสฺส เวทนา ปุจฺฉิตา, ‘‘กิํ โส เวทิยตี’’ติ อวิภาเคน เวทิยมานสฺส ชาติตตฺตาฯ สุขาย เวทนาย หิตนฺติ สุขเวทนิยํฯ เตนาห – ‘‘สุขเวทนาย ปจฺจยภูต’’นฺติฯ เสเสสูติ, ‘‘ทุกฺขเวทนิย’’นฺติอาทีสุฯ
300.Ummaṅganti ummujjanaṃ, kathāmuḷhena antarā aññāṇavisayapañhā ummaṅgaṃ. Tenāha – ‘‘pañhāummaṅga’’nti neva dibbacakkhunāti kasmā vuttaṃ. Na hi taṃ ayoniso ummujjanaṃ dibbacakkhuvisayanti? Kāmañcetaṃ na dibbacakkhuvisayaṃ, dibbacakkhuparibhaṇḍañāvisayaṃ pana siyāti tathā vuttaṃ. Adhippāyenevāti udāyittherassa adhippāyeneva gayhamānena taṃ ayoniyo ummujjanaṃ aññāsi. Sannisīdituṃ pubbe nisinnākārena sannisīdituṃ na sakkoti. Samiddhittherena anabhisaṅkhatasseva atthassa kathitattā, ‘‘yaṃ abhūtaṃ, tadeva kathessatī’’ti vuttaṃ. Tenāha ‘‘ayoniso ummujjissatī’’ti. Tisso vedanā pucchitā, ‘‘kiṃ so vediyatī’’ti avibhāgena vediyamānassa jātitattā. Sukhāya vedanāya hitanti sukhavedaniyaṃ. Tenāha – ‘‘sukhavedanāya paccayabhūta’’nti. Sesesūti, ‘‘dukkhavedaniya’’ntiādīsu.
เหฎฺฐา ติกชฺฌานเจตนาติ เอตฺถ, ‘‘กุสลโต’’ติ อธิการโต รูปาวจรกุสลโต เหฎฺฐา ติกชฺฌานเจตนาติ อโตฺถฯ เอตฺถาติ เอเตสุ กามาวจรรูปาวจรสุขเวทนิยกเมฺมสุฯ อทุกฺขมสุขมฺปีติ ปิ-สเทฺทน อิฎฺฐารมฺมเณ สุขมฺปีติ อิมมตฺถํ สมฺปิเณฺฑติฯ
Heṭṭhā tikajjhānacetanāti ettha, ‘‘kusalato’’ti adhikārato rūpāvacarakusalato heṭṭhā tikajjhānacetanāti attho. Etthāti etesu kāmāvacararūpāvacarasukhavedaniyakammesu. Adukkhamasukhampīti pi-saddena iṭṭhārammaṇe sukhampīti imamatthaṃ sampiṇḍeti.
ยทิ กายทฺวาเร ปวตฺตโต อญฺญตฺถ อทุกฺขมสุขํ ชเนติ, อถ กสฺมา, ‘‘ทุกฺขเสฺสว ชนนโต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘สา ปน เวทนา’’ติอาทิฯ
Yadi kāyadvāre pavattato aññattha adukkhamasukhaṃ janeti, atha kasmā, ‘‘dukkhasseva jananato’’ti vuttanti āha – ‘‘sā pana vedanā’’tiādi.
จตุตฺถชฺฌานเจตนาติ เอตฺถ อรูปาวจรกุสลเจตนาติปิ วตฺตพฺพํฯ ยถา หิ ‘‘กาเยน วาจาย มนสา’’ติ เอตฺถ ยถาลาภคฺคหณวเสน มนสา สุขเวทนิยํ อทุกฺขมสุขเวทนิยนฺติ อยมโตฺถ อรูปาวจรกุสเลปิ ลพฺภตีติ สุขมฺปิ ชเนติ อุกฺกฎฺฐสฺส ญาณสมฺปยุตฺตกุสลสฺส โสฬสวิปากจิตฺตนิพฺพตฺตนโต, อยญฺจ นโย เหฎฺฐา, ‘‘อทุกฺขมสุขมฺปี’’ติ เอตฺถาปิ วตฺตโพฺพฯ ปุเพฺพ ปริยายโต ทุกฺขเวทนา วุตฺตา, สุตฺตนฺตสํวณฺณนา เหสาติ อิทานิ นิปฺปริยายโต ปุน ทเสฺสตุํ, ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตน เอตฺถ ทุกฺขเวทนิยํ ปวตฺติวเสเนว วฎฺฎตีติฯ เอตสฺสาติ ทุกฺขเวทนิยสฺส ปวตฺติวเสเนว ยุชฺชมานตฺตา เอตสฺส วเสน สพฺพํ สุขเวทนิยํ อทุกฺขมสุขเวทนิยญฺจ ปวตฺติวเสเนว วตฺตุํ วฎฺฎติฯ
Catutthajjhānacetanāti ettha arūpāvacarakusalacetanātipi vattabbaṃ. Yathā hi ‘‘kāyena vācāya manasā’’ti ettha yathālābhaggahaṇavasena manasā sukhavedaniyaṃ adukkhamasukhavedaniyanti ayamattho arūpāvacarakusalepi labbhatīti sukhampi janeti ukkaṭṭhassa ñāṇasampayuttakusalassa soḷasavipākacittanibbattanato, ayañca nayo heṭṭhā, ‘‘adukkhamasukhampī’’ti etthāpi vattabbo. Pubbe pariyāyato dukkhavedanā vuttā, suttantasaṃvaṇṇanā hesāti idāni nippariyāyato puna dassetuṃ, ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Tena ettha dukkhavedaniyaṃ pavattivaseneva vaṭṭatīti. Etassāti dukkhavedaniyassa pavattivaseneva yujjamānattā etassa vasena sabbaṃ sukhavedaniyaṃ adukkhamasukhavedaniyañca pavattivaseneva vattuṃ vaṭṭati.
อาลโยติ อภิรุจิฯ มหากมฺมวิภงฺคญาณนฺติ มหติ กมฺมวิภชเน ญาณํ, มหนฺตํ วา กมฺมวิภชนญาณํฯ ภาชนํ นาม นิเทฺทโส, อยํ ปน อุเทฺทโสติ กตฺวา อาห – ‘‘กตเม จตฺตาโร…เป.… มาติกาฎฺฐปน’’นฺติฯ
Ālayoti abhiruci. Mahākammavibhaṅgañāṇanti mahati kammavibhajane ñāṇaṃ, mahantaṃ vā kammavibhajanañāṇaṃ. Bhājanaṃ nāma niddeso, ayaṃ pana uddesoti katvā āha – ‘‘katame cattāro…pe… mātikāṭṭhapana’’nti.
๓๐๑. ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธิ ยถาอุทฺทิฎฺฐสฺส มหากมฺมวิภงฺคญาณสฺส อภาชนภาวโต, ปุจฺฉานุสนฺธิอชฺฌาสยานุสนฺธีสุ จ อนโนฺตคธตฺตาฯ เตนาห ‘‘อิทํ หี’’ติอาทิฯ อิทํ อารมฺมณํ กตฺวาติ อิธ, ‘‘ปาณาติปาติํ อทินฺนาทายิ’’นฺติอาทินา ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน วุตฺตํ กมฺมวิภงฺคํ อารพฺภฯ อิมํ ปจฺจยํ ลภิตฺวาติ ตเสฺสว เววจนํฯ อิทํ ทสฺสนํ คณฺหนฺตีติ อิทํ, ‘‘อตฺถิ กิร, โภ, ปาปกานิ กมฺมานิ, นตฺถิ กิร, โภ, ปาปกานิ กมฺมานี’’ติ จ อาทีนิ หตฺถิทสฺสกอนฺธาวิย ทิฎฺฐมเตฺต เอว ฐตฺวา อจิตฺตกทสฺสนญฺจ คณฺหนฺติฯ วีริยํ กิเลสานํ อาตาปนวเสน อาตปฺปํ, ตเทว ปทหวเสน ปธานํ, ปุนปฺปุนํ ยุญฺชนวเสน อนุโยโค, ตถา ภาวนาย นปฺปมชฺชติ เอเตนาติ อปฺปมาโท, สมฺมา โยนิโส มนสิ กโรติ เอเตนาติ สมฺมามนสิกาโรติ วุจฺจตีติ อธิปฺปาเยน, ‘‘ปญฺจปิ วีริยเสฺสว นามานี’’ติ อาหฯ อปฺปมาโท วา สติยา อวิปฺปวาโสฯ ยสฺมิํ มนสิกาเร สติ ตสฺส ทิพฺพจกฺขุญาณํ อิชฺฌติ, อยเมตฺถ สมฺมามนสิกาโรติ เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เจโตสมาธินฺติ ทิพฺพจกฺขุญาณสหคตํ จิตฺตสมาธิํฯ เตนาห ‘‘ทิพฺพจกฺขุสมาธิ’’นฺติฯ อญฺญถาติ อกุสลกมฺมกรณโต อญฺญถา, ตํ ปน กุสลกมฺมกรณํ โหตีติ อาห – ‘‘เย ทสฺสนฺนํ กุสลานํ กมฺมปถานํ ปูริตตฺตา’’ติ ทิฎฺฐิถาเมนาติ ทิฎฺฐิวเสน ทิฎฺฐิพเลนฯ ทิฎฺฐิปรามาเสนาติ ทิฎฺฐิวเสน ธมฺมสภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรามาเสนฯ อธิฎฺฐหิตฺวาติ, ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’นฺติ อธิฎฺฐาย อภินิวิสิตฺวาฯ อาทิยิตฺวาติ ทฬฺหคฺคาหํ คเหตฺวาฯ โวหรตีติ อตฺตโน คหิตคฺคหณํ ปเรสํ ทีเปโนฺต โวหรติฯ
301.Pāṭiyekko anusandhi yathāuddiṭṭhassa mahākammavibhaṅgañāṇassa abhājanabhāvato, pucchānusandhiajjhāsayānusandhīsu ca anantogadhattā. Tenāha ‘‘idaṃ hī’’tiādi. Idaṃ ārammaṇaṃ katvāti idha, ‘‘pāṇātipātiṃ adinnādāyi’’ntiādinā puggalādhiṭṭhānena vuttaṃ kammavibhaṅgaṃ ārabbha. Imaṃ paccayaṃ labhitvāti tasseva vevacanaṃ. Idaṃ dassanaṃ gaṇhantīti idaṃ, ‘‘atthi kira, bho, pāpakāni kammāni, natthi kira, bho, pāpakāni kammānī’’ti ca ādīni hatthidassakaandhāviya diṭṭhamatte eva ṭhatvā acittakadassanañca gaṇhanti. Vīriyaṃ kilesānaṃ ātāpanavasena ātappaṃ, tadeva padahavasena padhānaṃ, punappunaṃ yuñjanavasena anuyogo, tathā bhāvanāya nappamajjati etenāti appamādo, sammā yoniso manasi karoti etenāti sammāmanasikāroti vuccatīti adhippāyena, ‘‘pañcapi vīriyasseva nāmānī’’ti āha. Appamādo vā satiyā avippavāso. Yasmiṃ manasikāre sati tassa dibbacakkhuñāṇaṃ ijjhati, ayamettha sammāmanasikāroti ettha attho daṭṭhabbo. Cetosamādhinti dibbacakkhuñāṇasahagataṃ cittasamādhiṃ. Tenāha ‘‘dibbacakkhusamādhi’’nti. Aññathāti akusalakammakaraṇato aññathā, taṃ pana kusalakammakaraṇaṃ hotīti āha – ‘‘ye dassannaṃ kusalānaṃ kammapathānaṃ pūritattā’’ti diṭṭhithāmenāti diṭṭhivasena diṭṭhibalena. Diṭṭhiparāmāsenāti diṭṭhivasena dhammasabhāvaṃ atikkamitvā parāmāsena. Adhiṭṭhahitvāti, ‘‘idameva saccaṃ, moghamañña’’nti adhiṭṭhāya abhinivisitvā. Ādiyitvāti daḷhaggāhaṃ gahetvā. Voharatīti attano gahitaggahaṇaṃ paresaṃ dīpento voharati.
๓๐๒. ตตฺรานนฺทาติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถฯ อิทมฺปีติ อิทํ วจนํฯ ‘‘ตตฺรานนฺทา’’ติ เอวมาทิวจนมฺปีติ อโตฺถฯ น มหากมฺมวิภงฺคญาณสฺส ภาชนํ ตสฺส อนิเทฺทสภาวโตฯ อสฺสาติ มหากมฺมวิภงฺคญาณสฺส มาติกาฎฺฐปนเมว ทิพฺพจกฺขุกานํ สมณพฺราหฺมณานํ วเสน อนุญฺญาตพฺพสฺส จ ทสฺสนวเสน อุเทฺทสภาวโตฯ เตนาห ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เอตฺถ ปนาติ ‘‘ตตฺรานนฺทา’’ติอาทิปาเฐฯ เอเตสํ ทิพฺพจกฺขุกานนฺติ เอเตสํ เหฎฺฐา จตูสุปิ วาเรสุ อาคตานํ ทิพฺพจกฺขุกานํฯ เอตฺตกาติ เอกจฺจิยา สจฺจคิราฯ อนุญฺญาตาติ อนุชานิตาฯ อนนุญฺญาตาติ ปฎิเกฺขปิตาฯ อิธ อนนุญฺญาตมุเขน ทีปิตํ อนนุญฺญาตภาวมตฺตํฯ ตตฺรานนฺทาติอาทิเก ตตฺราติ นิทฺธารเณ ภุมฺมนฺติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘เตสุ จตูสุ สมณพฺราหฺมเณสู’’ติ อาหฯ อิทํ วจนํ ‘‘อตฺถิ กิร, โภ…เป.… วิปาโก’’ติ อิทํ เอวํ วุตฺตํฯ อสฺสาติ ตถาวาทิโน สมณพฺราหฺมณสฺสฯ อเญฺญนากาเรนาติ ‘‘โย กิร, โภ’’ติอาทินา วุตฺตการณโต อเญฺญน การเณนฯ ทฺวีสุ ฐาเนสูติ ‘‘อตฺถิ กิร, โภ…เป.… วิปาโก’’ติ จ, ‘‘อปายํ…เป.… นิรยํ อุปปนฺน’’นฺติ จ อิเมสุ ทฺวีสุ ปาฐปเทเสสุฯ อนุญฺญาตา ตทตฺถสฺส อตฺถิภาวโตฯ ตีสุ ฐาเนสูติ ‘‘โย กิร, โภ…เป.… นิรยํ อุปปชฺชติ’’, ‘‘ยมฺปิ โส…เป.… เต สญฺชานนฺติ’’, ‘‘ยมฺปิ โส ยเทว…เป.… โมฆมญฺญ’’นฺติ อิเมสุ ตีสุ ปาฐปเทเสสุฯ อนนุญฺญาตา ตทตฺถสฺสาเนกนฺติกตฺตา มิจฺฉาภินิเวสโต จฯ เตนาห ภควา – ‘‘อญฺญถา หิ, อานนฺท, ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคญาณ’’นฺติฯ ยถา เต อปฺปหีนวิปลฺลาสา ปเทสญาณสมณพฺราหฺมณา กมฺมวิภงฺคํ สญฺชานนฺติ, ตโต อญฺญถาว สพฺพโส ปหีนวิปลฺลาสสฺส ตถา อาคมนาทิอเตฺถน ตถาคตสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส มหากมฺมวิภงฺคญาณํ โหตีติ อโตฺถฯ
302.Tatrānandāti ettha iti-saddo ādiattho. Idampīti idaṃ vacanaṃ. ‘‘Tatrānandā’’ti evamādivacanampīti attho. Na mahākammavibhaṅgañāṇassa bhājanaṃ tassa aniddesabhāvato. Assāti mahākammavibhaṅgañāṇassa mātikāṭṭhapanameva dibbacakkhukānaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ vasena anuññātabbassa ca dassanavasena uddesabhāvato. Tenāha ‘‘ettha panā’’tiādi. Tattha ettha panāti ‘‘tatrānandā’’tiādipāṭhe. Etesaṃ dibbacakkhukānanti etesaṃ heṭṭhā catūsupi vāresu āgatānaṃ dibbacakkhukānaṃ. Ettakāti ekacciyā saccagirā. Anuññātāti anujānitā. Ananuññātāti paṭikkhepitā. Idha ananuññātamukhena dīpitaṃ ananuññātabhāvamattaṃ. Tatrānandātiādike tatrāti niddhāraṇe bhummanti dassento, ‘‘tesu catūsu samaṇabrāhmaṇesū’’ti āha. Idaṃ vacanaṃ ‘‘atthi kira, bho…pe… vipāko’’ti idaṃ evaṃ vuttaṃ. Assāti tathāvādino samaṇabrāhmaṇassa. Aññenākārenāti ‘‘yo kira, bho’’tiādinā vuttakāraṇato aññena kāraṇena. Dvīsu ṭhānesūti ‘‘atthi kira, bho…pe… vipāko’’ti ca, ‘‘apāyaṃ…pe… nirayaṃ upapanna’’nti ca imesu dvīsu pāṭhapadesesu. Anuññātā tadatthassa atthibhāvato. Tīsu ṭhānesūti ‘‘yo kira, bho…pe… nirayaṃ upapajjati’’, ‘‘yampi so…pe… te sañjānanti’’, ‘‘yampi so yadeva…pe… moghamañña’’nti imesu tīsu pāṭhapadesesu. Ananuññātā tadatthassānekantikattā micchābhinivesato ca. Tenāha bhagavā – ‘‘aññathā hi, ānanda, tathāgatassa mahākammavibhaṅgañāṇa’’nti. Yathā te appahīnavipallāsā padesañāṇasamaṇabrāhmaṇā kammavibhaṅgaṃ sañjānanti, tato aññathāva sabbaso pahīnavipallāsassa tathā āgamanādiatthena tathāgatassa sammāsambuddhassa mahākammavibhaṅgañāṇaṃ hotīti attho.
๓๐๓. อิมินา ทิพฺพจกฺขุเกน ยํ กมฺมํ กโรโนฺต ทิโฎฺฐ, ตโต ปุเพฺพติ โยชนาฯ ตโตติ ตโต กริยมานกมฺมโต ปุเพฺพฯ ขโนฺทติ กุมาโรฯ สิโวติ อิสฺสโรฯ ปิตามโหติ พฺรหฺมาฯ อิสฺสราทีหีติ อิสฺสรพฺรหฺมปชาปติอาทีหิฯ วิสโฎฺฐติ นิมฺมิโตฯ มิจฺฉาทสฺสเนนาติ มิจฺฉาทสฺสนวเสนฯ ยนฺติ ยํ กมฺมํฯ ตตฺถาติ เตสุ ปาณาติปาตาทิวเสน ปวตฺตกเมฺมสุฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ ตสฺมิํเยว อตฺตภาเว วิปากํ ปฎิสํเวเทตีติ โยชนาฯ อุปปชฺชิตฺวาติ ทุติยภเว นิพฺพตฺติตฺวาฯ อปรสฺมิํ ปริยาเยติ อญฺญสฺมิํ ยตฺถ กตฺถจิ ภเวฯ
303. Iminā dibbacakkhukena yaṃ kammaṃ karonto diṭṭho, tato pubbeti yojanā. Tatoti tato kariyamānakammato pubbe. Khandoti kumāro. Sivoti issaro. Pitāmahoti brahmā. Issarādīhīti issarabrahmapajāpatiādīhi. Visaṭṭhoti nimmito. Micchādassanenāti micchādassanavasena. Yanti yaṃ kammaṃ. Tatthāti tesu pāṇātipātādivasena pavattakammesu. Diṭṭheva dhammeti tasmiṃyeva attabhāve vipākaṃ paṭisaṃvedetīti yojanā. Upapajjitvāti dutiyabhave nibbattitvā. Aparasmiṃ pariyāyeti aññasmiṃ yattha katthaci bhave.
เอกํ กมฺมราสินฺติ ปาณาติปาตาทิเภเทน เอกํ กมฺมสมุทายํฯ เอกํ วิปากราสินฺติ ตเสฺสว อเงฺคน เอกํ วิปากสมุทายํฯ อิมินาติ ยถาวุเตฺตน ทิพฺพจกฺขุเกน สมเณน พฺราหฺมเณน วา อทิฎฺฐาฯ ตโยติ ‘‘ปุเพฺพ วาสฺส ตํ กตํ โหตี’’ติอาทินา วุตฺตา ตโยฯ เทฺว วิปากราสีติ ทิฎฺฐธมฺมเวทนิโย อปราปริยายเวทนิโยติ เทฺว วิปากราสีฯ อุปปชฺชเวทนิยํ ปน เตน ทิฎฺฐํ, ตสฺมา ‘‘เทฺว’’ติ วุตฺตํฯ ทิโฎฺฐ เอโก, อทิฎฺฐา ตโยติ ทิเฎฺฐ จ อทิเฎฺฐ จ จตฺตาโร กมฺมราสี, ตถา ทิโฎฺฐ เอโก, อทิฎฺฐา เทฺวติ ตโย วิปากราสีฯ อิมานิ สตฺต ฐานานีติ ยถาวุตฺตานิ สตฺต ญาณสฺส ปวตฺตนฎฺฐานานิฯ ‘‘อิมสฺส นาม กมฺมสฺส อิทํ ผลํ นิพฺพตฺต’’นฺติ กมฺมสฺส, ผลสฺส วา อทิฎฺฐตฺตา, ‘‘ทุติยวาเร ทิพฺพจกฺขุเกน กิญฺจิ น ทิฎฺฐ’’นฺติ วุตฺตํฯ ปฐมํ วุตฺตนเยน ตโย กมฺมราสี เวทิตพฺพา, อิธ ทิพฺพจกฺขุเกน ทิฎฺฐสฺส อภาวโต, ‘‘ปจฺจตฺตฎฺฐานานี’’ติ วุตฺตํฯ
Ekaṃ kammarāsinti pāṇātipātādibhedena ekaṃ kammasamudāyaṃ. Ekaṃ vipākarāsinti tasseva aṅgena ekaṃ vipākasamudāyaṃ. Imināti yathāvuttena dibbacakkhukena samaṇena brāhmaṇena vā adiṭṭhā. Tayoti ‘‘pubbe vāssa taṃ kataṃ hotī’’tiādinā vuttā tayo. Dve vipākarāsīti diṭṭhadhammavedaniyo aparāpariyāyavedaniyoti dve vipākarāsī. Upapajjavedaniyaṃ pana tena diṭṭhaṃ, tasmā ‘‘dve’’ti vuttaṃ. Diṭṭho eko, adiṭṭhā tayoti diṭṭhe ca adiṭṭhe ca cattāro kammarāsī, tathā diṭṭho eko, adiṭṭhā dveti tayo vipākarāsī. Imāni satta ṭhānānīti yathāvuttāni satta ñāṇassa pavattanaṭṭhānāni. ‘‘Imassa nāma kammassa idaṃ phalaṃ nibbatta’’nti kammassa, phalassa vā adiṭṭhattā, ‘‘dutiyavāre dibbacakkhukena kiñci na diṭṭha’’nti vuttaṃ. Paṭhamaṃ vuttanayena tayo kammarāsī veditabbā, idha dibbacakkhukena diṭṭhassa abhāvato, ‘‘paccattaṭṭhānānī’’ti vuttaṃ.
ภวติ วฑฺฒติ เอเตนาติ ภพฺพํ, วฑฺฒินิมิตฺตํฯ น ภพฺพํ อภพฺพนฺติ อาห ‘‘ภูตวิรหิต’’นฺติฯ อตฺตโน ผเล ภาสนํ ทิพฺพนํ อาภาสนนฺติ อาห – ‘‘อาภาสติ อภิภวติ ปฎิพาหตี’’ติฯ พลวกมฺมนฺติ มหาสาวชฺชํ กมฺมํ ครุสมาเสวิตาทิเภทํฯ อาสเนฺนติ มรเณ, อภิณฺหํ อุปฎฺฐาเนน วา ตสฺส มรณจิตฺตสฺส อาสเนฺนฯ พลวกมฺมนฺติ ครุสมาเสวิตตาทิวเสน พลวํ กุสลกมฺมํฯ ทุพฺพลกมฺมสฺสาติ อตฺตโน ทุพฺพลสฺสฯ อาสเนฺน กุสลํ กตนฺติ อิธาปิ อาสนฺนตา ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ
Bhavati vaḍḍhati etenāti bhabbaṃ, vaḍḍhinimittaṃ. Na bhabbaṃ abhabbanti āha ‘‘bhūtavirahita’’nti. Attano phale bhāsanaṃ dibbanaṃ ābhāsananti āha – ‘‘ābhāsati abhibhavati paṭibāhatī’’ti. Balavakammanti mahāsāvajjaṃ kammaṃ garusamāsevitādibhedaṃ. Āsanneti maraṇe, abhiṇhaṃ upaṭṭhānena vā tassa maraṇacittassa āsanne. Balavakammanti garusamāsevitatādivasena balavaṃ kusalakammaṃ. Dubbalakammassāti attano dubbalassa. Āsanne kusalaṃ katanti idhāpi āsannatā pubbe vuttanayeneva veditabbā.
อุปฎฺฐานากาเรนาติ มรณสฺส อาสนฺนกาเล กมฺมสฺส อุปฎฺฐานากาเรนฯ ตสฺสาติ ตสฺส ปุคฺคลสฺสฯ นิพฺพตฺติการณภูตํ หุตฺวา อุปฎฺฐาติ อกุสลนฺติ โยชนาฯ ติตฺถิยา กมฺมนฺตรวิปากนฺตเรสุ อกุสลตาย ยํ กิญฺจิ กมฺมํ ยสฺส กสฺสจิ วิปากสฺส การณํ กตฺวา คณฺหนฺติ หตฺถิทสฺสกอนฺธาทโย วิย ทิฎฺฐมตฺตาภินิเวสิโนติ, ‘‘อญฺญติตฺถิยา…เป.… อุปฎฺฐาตี’’ติ วุตฺตํฯ อิตรสฺมินฺติ ภพฺพเญฺจว ภพฺพาภาสญฺจ, ภพฺพํ อภพฺพาภาสนฺติ อิมสฺมิํ ทฺวเย ฯ เอเสว นโย ปฐมทุติยปุคฺคลวเสน ปุริมานํ ทฺวินฺนํ กมฺมานํ โยชนานโย วุโตฺต อุปฎฺฐานาการวเสนฯ อยเมว ตติยจตุตฺถปุคฺคลวเสน ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนํ กมฺมานํ โยชนานโยฯ ตติยสฺส หิ กมฺมสฺส กุสลตฺตา ตสฺส จ สเคฺค นิพฺพตฺตตฺตา ตตฺถ การณภูตํ กุสลํ หุตฺวา อุปฎฺฐาติ; ตถา จตุตฺถสฺสปิ กมฺมสฺส กุสลตฺตา, ตสฺส ปน นิรเย นิพฺพตฺตตฺตา ตตฺถ นิพฺพตฺติการณภูตํ อญฺญติตฺถิยานํ อกุสลํ หุตฺวา อุปฎฺฐาตีติฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Upaṭṭhānākārenāti maraṇassa āsannakāle kammassa upaṭṭhānākārena. Tassāti tassa puggalassa. Nibbattikāraṇabhūtaṃ hutvā upaṭṭhāti akusalanti yojanā. Titthiyā kammantaravipākantaresu akusalatāya yaṃ kiñci kammaṃ yassa kassaci vipākassa kāraṇaṃ katvā gaṇhanti hatthidassakaandhādayo viya diṭṭhamattābhinivesinoti, ‘‘aññatitthiyā…pe… upaṭṭhātī’’ti vuttaṃ. Itarasminti bhabbañceva bhabbābhāsañca, bhabbaṃ abhabbābhāsanti imasmiṃ dvaye . Eseva nayo paṭhamadutiyapuggalavasena purimānaṃ dvinnaṃ kammānaṃ yojanānayo vutto upaṭṭhānākāravasena. Ayameva tatiyacatutthapuggalavasena pacchimānaṃ dvinnaṃ kammānaṃ yojanānayo. Tatiyassa hi kammassa kusalattā tassa ca sagge nibbattattā tattha kāraṇabhūtaṃ kusalaṃ hutvā upaṭṭhāti; tathā catutthassapi kammassa kusalattā, tassa pana niraye nibbattattā tattha nibbattikāraṇabhūtaṃ aññatitthiyānaṃ akusalaṃ hutvā upaṭṭhātīti. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ suviññeyyameva.
มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Mahākammavibhaṅgasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตํ • 6. Mahākammavibhaṅgasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahākammavibhaṅgasuttavaṇṇanā