Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๔. มหกปาฎิหาริยสุตฺตํ

    4. Mahakapāṭihāriyasuttaṃ

    ๓๔๖. เอกํ สมยํ สมฺพหุลา เถรา ภิกฺขู มจฺฉิกาสเณฺฑ วิหรนฺติ อมฺพาฎกวเนฯ อถ โข จิโตฺต คหปติ เยน เถรา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เถเร ภิกฺขู อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข จิโตฺต คหปติ เถเร ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสนฺตุ เม, ภเนฺต เถรา, สฺวาตนาย โคกุเล ภตฺต’’นฺติฯ อธิวาเสสุํ โข เถรา ภิกฺขู ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข จิโตฺต คหปติ เถรานํ ภิกฺขูนํ อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา เถเร ภิกฺขู อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข เถรา ภิกฺขู ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน จิตฺตสฺส คหปติโน โคกุลํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิํสุฯ

    346. Ekaṃ samayaṃ sambahulā therā bhikkhū macchikāsaṇḍe viharanti ambāṭakavane. Atha kho citto gahapati yena therā bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā there bhikkhū abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho citto gahapati there bhikkhū etadavoca – ‘‘adhivāsentu me, bhante therā, svātanāya gokule bhatta’’nti. Adhivāsesuṃ kho therā bhikkhū tuṇhībhāvena. Atha kho citto gahapati therānaṃ bhikkhūnaṃ adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā there bhikkhū abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha kho therā bhikkhū tassā rattiyā accayena pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena cittassa gahapatino gokulaṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdiṃsu.

    อถ โข จิโตฺต คหปติ เถเร ภิกฺขู ปณีเตน สปฺปิปายาเสน สหตฺถา สนฺตเปฺปสิ สมฺปวาเรสิฯ อถ โข เถรา ภิกฺขู ภุตฺตาวิโน โอนีตปตฺตปาณิโน อุฎฺฐายาสนา ปกฺกมิํสุฯ จิโตฺตปิ โข คหปติ ‘เสสกํ วิสฺสเชฺชถา’ติ วตฺวา เถเร ภิกฺขู ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธิฯ เตน โข ปน สมเยน อุณฺหํ โหติ กุถิตํ 1; เต จ เถรา ภิกฺขู ปเวลิยมาเนน มเญฺญ กาเยน คจฺฉนฺติ, ยถา ตํ โภชนํ ภุตฺตาวิโนฯ

    Atha kho citto gahapati there bhikkhū paṇītena sappipāyāsena sahatthā santappesi sampavāresi. Atha kho therā bhikkhū bhuttāvino onītapattapāṇino uṭṭhāyāsanā pakkamiṃsu. Cittopi kho gahapati ‘sesakaṃ vissajjethā’ti vatvā there bhikkhū piṭṭhito piṭṭhito anubandhi. Tena kho pana samayena uṇhaṃ hoti kuthitaṃ 2; te ca therā bhikkhū paveliyamānena maññe kāyena gacchanti, yathā taṃ bhojanaṃ bhuttāvino.

    เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหโก ตสฺมิํ ภิกฺขุสเงฺฆ สพฺพนวโก โหติฯ อถ โข อายสฺมา มหโก อายสฺมนฺตํ เถรํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ ขฺวสฺส, ภเนฺต เถร, สีตโก จ วาโต วาเยยฺย, อพฺภสมฺปิลาโป 3 จ อสฺส, เทโว จ เอกเมกํ ผุสาเยยฺยา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āyasmā mahako tasmiṃ bhikkhusaṅghe sabbanavako hoti. Atha kho āyasmā mahako āyasmantaṃ theraṃ etadavoca – ‘‘sādhu khvassa, bhante thera, sītako ca vāto vāyeyya, abbhasampilāpo 4 ca assa, devo ca ekamekaṃ phusāyeyyā’’ti.

    ‘‘สาธุ ขฺวสฺส, อาวุโส มหก, ยํ สีตโก จ วาโต วาเยยฺย, อพฺภสมฺปิลาโป จ อสฺส, เทโว จ เอกเมกํ ผุสาเยยฺยา’’ติฯ อถ โข อายสฺมา มหโก ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขริ 5 ยถา สีตโก จ วาโต วายิ, อพฺภสมฺปิลาโป จ อสฺส 6, เทโว จ เอกเมกํ ผุสิฯ อถ โข จิตฺตสฺส คหปติโน เอตทโหสิ – ‘‘โย โข อิมสฺมิํ ภิกฺขุสเงฺฆ สพฺพนวโก ภิกฺขุ ตสฺสายํ เอวรูโป อิทฺธานุภาโว’’ติ ฯ อถ โข อายสฺมา มหโก อารามํ สมฺปาปุณิตฺวา อายสฺมนฺตํ เถรํ เอตทโวจ – ‘‘อลเมตฺตาวตา, ภเนฺต เถรา’’ติ? ‘‘อลเมตฺตาวตา, อาวุโส มหก! กตเมตฺตาวตา, อาวุโส มหก! ปูชิตเมตฺตาวตา, อาวุโส มหโก’’ติ ฯ อถ โข เถรา ภิกฺขู ยถาวิหารํ อคมํสุฯ อายสฺมาปิ มหโก สกํ วิหารํ อคมาสิฯ

    ‘‘Sādhu khvassa, āvuso mahaka, yaṃ sītako ca vāto vāyeyya, abbhasampilāpo ca assa, devo ca ekamekaṃ phusāyeyyā’’ti. Atha kho āyasmā mahako tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkhari 7 yathā sītako ca vāto vāyi, abbhasampilāpo ca assa 8, devo ca ekamekaṃ phusi. Atha kho cittassa gahapatino etadahosi – ‘‘yo kho imasmiṃ bhikkhusaṅghe sabbanavako bhikkhu tassāyaṃ evarūpo iddhānubhāvo’’ti . Atha kho āyasmā mahako ārāmaṃ sampāpuṇitvā āyasmantaṃ theraṃ etadavoca – ‘‘alamettāvatā, bhante therā’’ti? ‘‘Alamettāvatā, āvuso mahaka! Katamettāvatā, āvuso mahaka! Pūjitamettāvatā, āvuso mahako’’ti . Atha kho therā bhikkhū yathāvihāraṃ agamaṃsu. Āyasmāpi mahako sakaṃ vihāraṃ agamāsi.

    อถ โข จิโตฺต คหปติ เยนายสฺมา มหโก เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหกํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข จิโตฺต คหปติ อายสฺมนฺตํ มหกํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ เม, ภเนฺต, อโยฺย มหโก อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อิทฺธิปาฎิหาริยํ ทเสฺสตู’’ติฯ ‘‘เตน หิ ตฺวํ, คหปติ, อาลิเนฺท อุตฺตราสงฺคํ ปญฺญเปตฺวา ติณกลาปํ โอกาเสหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข จิโตฺต คหปติ อายสฺมโต มหกสฺส ปฎิสฺสุตฺวา อาลิเนฺท อุตฺตราสงฺคํ ปญฺญเปตฺวา ติณกลาปํ โอกาเสสิฯ อถ โข อายสฺมา มหโก วิหารํ ปวิสิตฺวา สูจิฆฎิกํ ทตฺวา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขริ ยถา ตาลจฺฉิคฺคเฬน จ อคฺคฬนฺตริกาย จ อจฺจิ นิกฺขมิตฺวา ติณานิ ฌาเปสิ, อุตฺตราสงฺคํ น ฌาเปสิฯ อถ โข จิโตฺต คหปติ อุตฺตราสงฺคํ ปโปฺผเฎตฺวา สํวิโคฺค โลมหฎฺฐชาโต เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ อถ โข อายสฺมา มหโก วิหารา นิกฺขมิตฺวา จิตฺตํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘อลเมตฺตาวตา, คหปตี’’ติ?

    Atha kho citto gahapati yenāyasmā mahako tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahakaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho citto gahapati āyasmantaṃ mahakaṃ etadavoca – ‘‘sādhu me, bhante, ayyo mahako uttarimanussadhammaṃ iddhipāṭihāriyaṃ dassetū’’ti. ‘‘Tena hi tvaṃ, gahapati, ālinde uttarāsaṅgaṃ paññapetvā tiṇakalāpaṃ okāsehī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho citto gahapati āyasmato mahakassa paṭissutvā ālinde uttarāsaṅgaṃ paññapetvā tiṇakalāpaṃ okāsesi. Atha kho āyasmā mahako vihāraṃ pavisitvā sūcighaṭikaṃ datvā tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkhari yathā tālacchiggaḷena ca aggaḷantarikāya ca acci nikkhamitvā tiṇāni jhāpesi, uttarāsaṅgaṃ na jhāpesi. Atha kho citto gahapati uttarāsaṅgaṃ papphoṭetvā saṃviggo lomahaṭṭhajāto ekamantaṃ aṭṭhāsi. Atha kho āyasmā mahako vihārā nikkhamitvā cittaṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘alamettāvatā, gahapatī’’ti?

    ‘‘อลเมตฺตาวตา , ภเนฺต มหก! กตเมตฺตาวตา, ภเนฺต, มหก! ปูชิตเมตฺตาวตา, ภเนฺต มหก! อภิรมตุ, ภเนฺต, อโยฺย มหโก มจฺฉิกาสเณฺฑฯ รมณียํ อมฺพาฎกวนํฯ อหํ อยฺยสฺส มหกสฺส อุสฺสุกฺกํ กริสฺสามิ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติฯ ‘‘กลฺยาณํ วุจฺจติ, คหปตี’’ติฯ อถ โข อายสฺมา มหโก เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย มจฺฉิกาสณฺฑมฺหา ปกฺกามิฯ ยํ มจฺฉิกาสณฺฑมฺหา ปกฺกามิ, ตถา ปกฺกโนฺตว อโหสิ; น ปุน ปจฺจาคจฺฉีติฯ จตุตฺถํฯ

    ‘‘Alamettāvatā , bhante mahaka! Katamettāvatā, bhante, mahaka! Pūjitamettāvatā, bhante mahaka! Abhiramatu, bhante, ayyo mahako macchikāsaṇḍe. Ramaṇīyaṃ ambāṭakavanaṃ. Ahaṃ ayyassa mahakassa ussukkaṃ karissāmi cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārāna’’nti. ‘‘Kalyāṇaṃ vuccati, gahapatī’’ti. Atha kho āyasmā mahako senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya macchikāsaṇḍamhā pakkāmi. Yaṃ macchikāsaṇḍamhā pakkāmi, tathā pakkantova ahosi; na puna paccāgacchīti. Catutthaṃ.







    Footnotes:
    1. กุฎฺฐิตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    2. kuṭṭhitaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    3. อพฺภสํพิลาโป (สี.), อพฺภสํวิลาโป (ปี.)
    4. abbhasaṃbilāpo (sī.), abbhasaṃvilāpo (pī.)
    5. อภิสงฺขาสิ (สี.)
    6. อาสิ (?)
    7. abhisaṅkhāsi (sī.)
    8. āsi (?)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. มหกปาฎิหาริยสุตฺตวณฺณนา • 4. Mahakapāṭihāriyasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๔. มหกปาฎิหาริยสุตฺตวณฺณนา • 4. Mahakapāṭihāriyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact