Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๕๑๖] ๖. มหากปิชาตกวณฺณนา
[516] 6. Mahākapijātakavaṇṇanā
พาราณสฺยํ อหู ราชาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตสฺส สิลาปวิชฺฌนํ อารพฺภ กเถสิฯ เตน หิ ธนุคฺคเห ปโยเชตฺวา อปรภาเค สิลาย ปวิทฺธาย ภิกฺขูหิ เทวทตฺตสฺส อวเณฺณ กถิเต สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ เทวทโตฺต มยฺหํ สิลํ ปวิชฺฌิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Bārāṇasyaṃ ahū rājāti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattassa silāpavijjhanaṃ ārabbha kathesi. Tena hi dhanuggahe payojetvā aparabhāge silāya paviddhāya bhikkhūhi devadattassa avaṇṇe kathite satthā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi devadatto mayhaṃ silaṃ pavijjhiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต กาสิกคามเก เอโก กสฺสกพฺราหฺมโณ เขตฺตํ กสิตฺวา โคเณ วิสฺสเชฺชตฺวา กุทฺทาลกมฺมํ กาตุํ อารภิฯ โคณา เอกสฺมิํ คเจฺฉ ปณฺณานิ ขาทนฺตา อนุกฺกเมน อฎวิํ ปวิสิตฺวา ปลายิํสุฯ โส เวลํ สลฺลเกฺขตฺวา กุทฺทาลํ ฐเปตฺวา โคเณ โอโลเกโนฺต อทิสฺวา โทมนสฺสปฺปโตฺต เต ปริเยสโนฺต อโนฺตอฎวิํ ปวิสิตฺวา อาหิณฺฑโนฺต หิมวนฺตํ ปาวิสิฯ โส ตตฺถ ทิสามูโฬฺห หุตฺวา สตฺตาหํ นิราหาโร วิจรโนฺต เอกํ ตินฺทุกรุกฺขํ ทิสฺวา อภิรุยฺห ผลานิ ขาทโนฺต ตินฺทุกรุกฺขโต ปริคฬิตฺวา สฎฺฐิหเตฺถ นรกปปาเต ปติฯ ตตฺรสฺส ทส ทิวสา วีติวตฺตาฯ ตทา โพธิสโตฺต กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ผลาผลานิ ขาทโนฺต ตํ ปุริสํ ทิสฺวา สิลาย โยคฺคํ กตฺวา ตํ ปุริสํ อุทฺธริตฺวา สิลาย มตฺถเก นิสีทาเปตฺวา เอวมาห – ‘‘โภ พฺราหฺมณ, อหํ กิลมามิ, มุหุตฺตํ นิทฺทายิสฺสามิ, มํ รกฺขาหี’’ติฯ โส ตสฺส นิทฺทายนฺตสฺส สิลาย มตฺถกํ ปทาเลสิฯ มหาสโตฺต ตสฺส ตํ กมฺมํ ญตฺวา อุปฺปติตฺวา สาขาย นิสีทิตฺวา ‘‘โภ ปุริส, ตฺวํ ภูมิยา คจฺฉ, อหํ สาขเคฺคน ตุยฺหํ มคฺคํ อาจิกฺขโนฺต คมิสฺสามี’’ติ ตํ ปุริสํ อรญฺญโต นีหริตฺวา มเคฺค ฐเปตฺวา ปพฺพตปาทเมว ปาวิสิฯ โส ปุริโส มหาสเตฺต อปรชฺฌิตฺวา กุฎฺฐี หุตฺวา ทิฎฺฐธเมฺมเยว มนุสฺสเปโต อโหสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente kāsikagāmake eko kassakabrāhmaṇo khettaṃ kasitvā goṇe vissajjetvā kuddālakammaṃ kātuṃ ārabhi. Goṇā ekasmiṃ gacche paṇṇāni khādantā anukkamena aṭaviṃ pavisitvā palāyiṃsu. So velaṃ sallakkhetvā kuddālaṃ ṭhapetvā goṇe olokento adisvā domanassappatto te pariyesanto antoaṭaviṃ pavisitvā āhiṇḍanto himavantaṃ pāvisi. So tattha disāmūḷho hutvā sattāhaṃ nirāhāro vicaranto ekaṃ tindukarukkhaṃ disvā abhiruyha phalāni khādanto tindukarukkhato parigaḷitvā saṭṭhihatthe narakapapāte pati. Tatrassa dasa divasā vītivattā. Tadā bodhisatto kapiyoniyaṃ nibbattitvā phalāphalāni khādanto taṃ purisaṃ disvā silāya yoggaṃ katvā taṃ purisaṃ uddharitvā silāya matthake nisīdāpetvā evamāha – ‘‘bho brāhmaṇa, ahaṃ kilamāmi, muhuttaṃ niddāyissāmi, maṃ rakkhāhī’’ti. So tassa niddāyantassa silāya matthakaṃ padālesi. Mahāsatto tassa taṃ kammaṃ ñatvā uppatitvā sākhāya nisīditvā ‘‘bho purisa, tvaṃ bhūmiyā gaccha, ahaṃ sākhaggena tuyhaṃ maggaṃ ācikkhanto gamissāmī’’ti taṃ purisaṃ araññato nīharitvā magge ṭhapetvā pabbatapādameva pāvisi. So puriso mahāsatte aparajjhitvā kuṭṭhī hutvā diṭṭhadhammeyeva manussapeto ahosi.
โส สตฺต วสฺสานิ ทุกฺขปีฬิโต วิจรโนฺต พาราณสิยํ มิคาชินํ นาม อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา ปาการนฺตเร กทลิปณฺณํ อตฺถริตฺวา เวทนาปฺปโตฺต นิปชฺชิฯ ตทา พาราณสิราชา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ วิจรโนฺต ตํ ทิสฺวา ‘‘โกสิ ตฺวํ, กิํ วา กตฺวา อิมํ ทุกฺขํ ปโตฺต’’ติ ปุจฺฉิฯ โสปิสฺส สพฺพํ วิตฺถารโต อาจิกฺขิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
So satta vassāni dukkhapīḷito vicaranto bārāṇasiyaṃ migājinaṃ nāma uyyānaṃ pavisitvā pākārantare kadalipaṇṇaṃ attharitvā vedanāppatto nipajji. Tadā bārāṇasirājā uyyānaṃ gantvā tattha vicaranto taṃ disvā ‘‘kosi tvaṃ, kiṃ vā katvā imaṃ dukkhaṃ patto’’ti pucchi. Sopissa sabbaṃ vitthārato ācikkhi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๑๗๘.
178.
‘‘พาราณสฺยํ อหู ราชา, กาสีนํ รฎฺฐวฑฺฒโน;
‘‘Bārāṇasyaṃ ahū rājā, kāsīnaṃ raṭṭhavaḍḍhano;
มิตฺตามจฺจปริพฺยูโฬฺห, อคมาสิ มิคาชินํฯ
Mittāmaccaparibyūḷho, agamāsi migājinaṃ.
๑๗๙.
179.
‘‘ตตฺถ พฺราหฺมณมทฺทกฺขิ, เสตํ จิตฺรํ กิลาสินํ;
‘‘Tattha brāhmaṇamaddakkhi, setaṃ citraṃ kilāsinaṃ;
วิทฺธสฺตํ โกวิฬารํว, กิสํ ธมนิสนฺถตํฯ
Viddhastaṃ koviḷāraṃva, kisaṃ dhamanisanthataṃ.
๑๘๐.
180.
‘‘ปรมการุญฺญตํ ปตฺตํ, ทิสฺวา กิจฺฉคตํ นรํ;
‘‘Paramakāruññataṃ pattaṃ, disvā kicchagataṃ naraṃ;
อวจ พฺยมฺหิโต ราชา, ยกฺขานํ กตโม นุสิฯ
Avaca byamhito rājā, yakkhānaṃ katamo nusi.
๑๘๑.
181.
‘‘หตฺถปาทา จ เต เสตา, ตโต เสตตรํ สิโร;
‘‘Hatthapādā ca te setā, tato setataraṃ siro;
คตฺตํ กมฺมาสวณฺณํ เต, กิลาสพหุโล จสิฯ
Gattaṃ kammāsavaṇṇaṃ te, kilāsabahulo casi.
๑๘๒.
182.
‘‘วฎฺฎนาวฬิสงฺกาสา , ปิฎฺฐิ เต นินฺนตุนฺนตา;
‘‘Vaṭṭanāvaḷisaṅkāsā , piṭṭhi te ninnatunnatā;
กาฬปพฺพาว เต องฺคา, นาญฺญํ ปสฺสามิ เอทิสํฯ
Kāḷapabbāva te aṅgā, nāññaṃ passāmi edisaṃ.
๑๘๓.
183.
‘‘อุคฺฆฎฺฎปาโท ตสิโต, กิโส ธมนิสนฺถโต;
‘‘Ugghaṭṭapādo tasito, kiso dhamanisanthato;
ฉาโต อาตตฺตรูโปสิ, กุโตสิ กตฺถ คจฺฉติฯ
Chāto ātattarūposi, kutosi kattha gacchati.
๑๘๔.
184.
‘‘ทุทฺทสี อปฺปกาโรสิ, ทุพฺพโณฺณ ภีมทสฺสโน;
‘‘Duddasī appakārosi, dubbaṇṇo bhīmadassano;
ชเนตฺติ ยาปิ เต มาตา, น ตํ อิเจฺฉยฺย ปสฺสิตุํฯ
Janetti yāpi te mātā, na taṃ iccheyya passituṃ.
๑๘๕.
185.
‘‘กิํ กมฺมมกรํ ปุเพฺพ, กํ อวชฺฌํ อฆาตยิ;
‘‘Kiṃ kammamakaraṃ pubbe, kaṃ avajjhaṃ aghātayi;
กิพฺพิสํ ยํ กริตฺวาน, อิทํ ทุกฺขํ อุปาคมี’’ติฯ
Kibbisaṃ yaṃ karitvāna, idaṃ dukkhaṃ upāgamī’’ti.
ตตฺถ พาราณสฺยนฺติ พาราณสิยํฯ มิตฺตามจฺจปริพฺยูโฬฺหติ มิเตฺตหิ จ ทฬฺหภตฺตีหิ อมเจฺจหิ จ ปริวุโตฯ มิคาชินนฺติ เอวํนามกํ อุยฺยานํฯ เสตนฺติ เสตกุเฎฺฐน เสตํ กพรกุเฎฺฐน วิจิตฺรํ ปริภิเนฺนน กณฺฑูยนกิลาสกุเฎฺฐน กิลาสินํ เวทนาปฺปตฺตํ กทลิปเณฺณ นิปนฺนํ อทฺทสฯ วิทฺธสฺตํ โกวิฬารํวาติ วณมุเขหิ ปคฺฆรเนฺตน มํเสน วิทฺธสฺตํ ปุปฺผิตโกวิฬารสทิสํฯ กิสนฺติ เอกเจฺจสุ ปเทเสสุ อฎฺฐิจมฺมมตฺตสรีรํ สิราชาลสนฺถตํฯ พฺยมฺหิโตติ ภีโต วิมฺหยมาปโนฺน วาฯ ยกฺขานนฺติ ยกฺขานํ อนฺตเร ตฺวํ กตรยโกฺข นามาสิฯ วฎฺฎนาวฬิสงฺกาสาติ ปิฎฺฐิกณฺฎกฎฺฐาเน อาวุนิตฺวา ฐปิตาวฎฺฎนาวฬิสทิสาฯ องฺคาติ กาฬปพฺพวลฺลิสทิสานิ เต องฺคานิฯ นาญฺญนฺติ อญฺญํ ปุริสํ เอทิสํ น ปสฺสามิฯ อุคฺฆฎฺฎปาโทติ รโชกิณฺณปาโทฯ อาตตฺตรูโปติ สุกฺขสรีโรฯ ทุทฺทสีติ ทุเกฺขน ปสฺสิตโพฺพฯ อปฺปกาโรสีติ สรีรปฺปการรหิโตสิ, ทุสฺสณฺฐาโนสีติ อโตฺถฯ กิํ กมฺมมกรนฺติ อิโต ปุเพฺพ กิํ กมฺมํ อกรํ, อกาสีติ อโตฺถฯ กิพฺพิสนฺติ ทารุณกมฺมํฯ
Tattha bārāṇasyanti bārāṇasiyaṃ. Mittāmaccaparibyūḷhoti mittehi ca daḷhabhattīhi amaccehi ca parivuto. Migājinanti evaṃnāmakaṃ uyyānaṃ. Setanti setakuṭṭhena setaṃ kabarakuṭṭhena vicitraṃ paribhinnena kaṇḍūyanakilāsakuṭṭhena kilāsinaṃ vedanāppattaṃ kadalipaṇṇe nipannaṃ addasa. Viddhastaṃ koviḷāraṃvāti vaṇamukhehi paggharantena maṃsena viddhastaṃ pupphitakoviḷārasadisaṃ. Kisanti ekaccesu padesesu aṭṭhicammamattasarīraṃ sirājālasanthataṃ. Byamhitoti bhīto vimhayamāpanno vā. Yakkhānanti yakkhānaṃ antare tvaṃ katarayakkho nāmāsi. Vaṭṭanāvaḷisaṅkāsāti piṭṭhikaṇṭakaṭṭhāne āvunitvā ṭhapitāvaṭṭanāvaḷisadisā. Aṅgāti kāḷapabbavallisadisāni te aṅgāni. Nāññanti aññaṃ purisaṃ edisaṃ na passāmi. Ugghaṭṭapādoti rajokiṇṇapādo. Ātattarūpoti sukkhasarīro. Duddasīti dukkhena passitabbo. Appakārosīti sarīrappakārarahitosi, dussaṇṭhānosīti attho. Kiṃ kammamakaranti ito pubbe kiṃ kammaṃ akaraṃ, akāsīti attho. Kibbisanti dāruṇakammaṃ.
ตโต ปรํ พฺราหฺมโณ อาห –
Tato paraṃ brāhmaṇo āha –
๑๘๖.
186.
‘‘ตคฺฆ เต อหมกฺขิสฺสํ, ยถาปิ กุสโล ตถา;
‘‘Taggha te ahamakkhissaṃ, yathāpi kusalo tathā;
สจฺจวาทิญฺหิ โลกสฺมิํ, ปสํสนฺตีธ ปณฺฑิตาฯ
Saccavādiñhi lokasmiṃ, pasaṃsantīdha paṇḍitā.
๑๘๗.
187.
‘‘เอโก จรํ โคคเวโส, มูโฬฺห อจฺจสริํ วเน;
‘‘Eko caraṃ gogaveso, mūḷho accasariṃ vane;
อรเญฺญ อิรีเณ วิวเน, นานากุญฺชรเสวิเตฯ
Araññe irīṇe vivane, nānākuñjarasevite.
๑๘๘.
188.
‘‘วาฬมิคานุจริเต, วิปฺปนโฎฺฐสฺมิ กานเน;
‘‘Vāḷamigānucarite, vippanaṭṭhosmi kānane;
อจริํ ตตฺถ สตฺตาหํ, ขุปฺปิปาสสมปฺปิโตฯ
Acariṃ tattha sattāhaṃ, khuppipāsasamappito.
๑๘๙.
189.
‘‘ตตฺถ ตินฺทุกมทฺทกฺขิํ, วิสมฎฺฐํ พุภุกฺขิโต;
‘‘Tattha tindukamaddakkhiṃ, visamaṭṭhaṃ bubhukkhito;
ปปาตมภิลมฺพนฺตํ, สมฺปนฺนผลธารินํฯ
Papātamabhilambantaṃ, sampannaphaladhārinaṃ.
๑๙๐.
190.
‘‘วาตสฺสิตานิ ภเกฺขสิํ, ตานิ รุจฺจิํสุ เม ภุสํ;
‘‘Vātassitāni bhakkhesiṃ, tāni rucciṃsu me bhusaṃ;
อติโตฺต รุกฺขมารูหิํ, ตตฺถ เหสฺสามิ อาสิโตฯ
Atitto rukkhamārūhiṃ, tattha hessāmi āsito.
๑๙๑.
191.
‘‘เอกํ เม ภกฺขิตํ อาสิ, ทุติยํ อภิปตฺถิตํ;
‘‘Ekaṃ me bhakkhitaṃ āsi, dutiyaṃ abhipatthitaṃ;
ตโต สา ภญฺชถ สาขา, ฉินฺนา ผรสุนา วิยฯ
Tato sā bhañjatha sākhā, chinnā pharasunā viya.
๑๙๒.
192.
‘‘โสหํ สหาว สาขาหิ, อุทฺธํปาโท อวํสิโร;
‘‘Sohaṃ sahāva sākhāhi, uddhaṃpādo avaṃsiro;
อปฺปติเฎฺฐ อนาลเมฺพ, คิริทุคฺคสฺมิ ปาปตํฯ
Appatiṭṭhe anālambe, giriduggasmi pāpataṃ.
๑๙๓.
193.
‘‘ยสฺมา จ วาริ คมฺภีรํ, ตสฺมา น สมปชฺชิสํ;
‘‘Yasmā ca vāri gambhīraṃ, tasmā na samapajjisaṃ;
ตตฺถ เสสิํ นิรานโนฺท, อนูนา ทส รตฺติโยฯ
Tattha sesiṃ nirānando, anūnā dasa rattiyo.
๑๙๔.
194.
‘‘อเถตฺถ กปิ มาคญฺฉิ, โคนงฺคุโล ทรีจโร;
‘‘Athettha kapi māgañchi, gonaṅgulo darīcaro;
สาขาหิ สาขํ วิจรโนฺต, ขาทมาโน ทุมปฺผลํฯ
Sākhāhi sākhaṃ vicaranto, khādamāno dumapphalaṃ.
๑๙๕.
195.
‘‘โส มํ ทิสฺวา กิสํ ปณฺฑุํ, การุญฺญมกรํ มยิ;
‘‘So maṃ disvā kisaṃ paṇḍuṃ, kāruññamakaraṃ mayi;
อโมฺภ โก นาม โส เอตฺถ, เอวํ ทุเกฺขน อฎฺฎิโตฯ
Ambho ko nāma so ettha, evaṃ dukkhena aṭṭito.
๑๙๖.
196.
‘‘มนุโสฺส อมนุโสฺส วา, อตฺตานํ เม ปเวทย;
‘‘Manusso amanusso vā, attānaṃ me pavedaya;
ตสฺสญฺชลิํ ปณาเมตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ
Tassañjaliṃ paṇāmetvā, idaṃ vacanamabraviṃ.
๑๙๗.
197.
‘‘มนุโสฺสหํ พฺยสมฺปโตฺต, สา เม นตฺถิ อิโต คติ;
‘‘Manussohaṃ byasampatto, sā me natthi ito gati;
ตํ โว วทามิ ภทฺทํ โว, ตฺวญฺจ เม สรณํ ภวฯ
Taṃ vo vadāmi bhaddaṃ vo, tvañca me saraṇaṃ bhava.
๑๙๘.
198.
‘‘ครุํ สิลํ คเหตฺวาน, วิจรี ปพฺพเต กปิ;
‘‘Garuṃ silaṃ gahetvāna, vicarī pabbate kapi;
สิลาย โยคฺคํ กตฺวาน, นิสโภ เอตทพฺรวิฯ
Silāya yoggaṃ katvāna, nisabho etadabravi.
๑๙๙.
199.
‘‘เอหิ เม ปิฎฺฐิมารุยฺห, คีวํ คณฺหาหิ พาหุภิ;
‘‘Ehi me piṭṭhimāruyha, gīvaṃ gaṇhāhi bāhubhi;
อหํ ตํ อุทฺธริสฺสามิ, คิริทุคฺคต เวคสาฯ
Ahaṃ taṃ uddharissāmi, giriduggata vegasā.
๒๐๐.
200.
‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, วานรินฺทสฺส สิรีมโต;
‘‘Tassa taṃ vacanaṃ sutvā, vānarindassa sirīmato;
ปิฎฺฐิมารุยฺห ธีรสฺส, คีวํ พาหาหิ อคฺคหิํฯ
Piṭṭhimāruyha dhīrassa, gīvaṃ bāhāhi aggahiṃ.
๒๐๑.
201.
‘‘โส มํ ตโต สมุฎฺฐาสิ, เตชสฺสี พลวา กปิ;
‘‘So maṃ tato samuṭṭhāsi, tejassī balavā kapi;
วิหญฺญมาโน กิเจฺฉน, คิริทุคฺคต เวคสาฯ
Vihaññamāno kicchena, giriduggata vegasā.
๒๐๒.
202.
‘‘อุทฺธริตฺวาน มํ สโนฺต, นิสโภ เอตทพฺรวิ;
‘‘Uddharitvāna maṃ santo, nisabho etadabravi;
อิงฺฆ มํ สมฺม รกฺขสฺสุ, ปสุปิสฺสํ มุหุตฺตกํฯ
Iṅgha maṃ samma rakkhassu, pasupissaṃ muhuttakaṃ.
๒๐๓.
203.
‘‘สีหา พฺยคฺฆา จ ทีปี จ, อจฺฉโกกตรจฺฉโย;
‘‘Sīhā byagghā ca dīpī ca, acchakokataracchayo;
เต มํ ปมตฺตํ หิํเสยฺยุํ, เต ตฺวํ ทิสฺวา นิวารยฯ
Te maṃ pamattaṃ hiṃseyyuṃ, te tvaṃ disvā nivāraya.
๒๐๔.
204.
‘‘เอวํ เม ปริตฺตาตูน, ปสุปี โส มุหุตฺตกํ;
‘‘Evaṃ me parittātūna, pasupī so muhuttakaṃ;
ตทาหํ ปาปิกํ ทิฎฺฐิํ, ปฎิลจฺฉิํ อโยนิโสฯ
Tadāhaṃ pāpikaṃ diṭṭhiṃ, paṭilacchiṃ ayoniso.
๒๐๕.
205.
‘‘ภโกฺข อยํ มนุสฺสานํ, ยถา จเญฺญ วเน มิคา;
‘‘Bhakkho ayaṃ manussānaṃ, yathā caññe vane migā;
ยํ นูนิมํ วธิตฺวาน, ฉาโต ขาเทยฺย วานรํฯ
Yaṃ nūnimaṃ vadhitvāna, chāto khādeyya vānaraṃ.
๒๐๖.
206.
‘‘อสิโต จ คมิสฺสามิ, มํสมาทาย สมฺพลํ;
‘‘Asito ca gamissāmi, maṃsamādāya sambalaṃ;
กนฺตารํ นิตฺถริสฺสามิ, ปาเถยฺยํ เม ภวิสฺสติฯ
Kantāraṃ nittharissāmi, pātheyyaṃ me bhavissati.
๒๐๗.
207.
‘‘ตโต สิลํ คเหตฺวาน, มตฺถกํ สนฺนิตาฬยิํ;
‘‘Tato silaṃ gahetvāna, matthakaṃ sannitāḷayiṃ;
มม คตฺตกิลนฺตสฺส, ปหาโร ทุพฺพโล อหุฯ
Mama gattakilantassa, pahāro dubbalo ahu.
๒๐๘.
208.
‘‘โส จ เวเคนุทปฺปโตฺต, กปิ รุหิรมกฺขิโต;
‘‘So ca vegenudappatto, kapi ruhiramakkhito;
อสฺสุปุเณฺณหิ เนเตฺตหิ, โรทโนฺต มํ อุทิกฺขติฯ
Assupuṇṇehi nettehi, rodanto maṃ udikkhati.
๒๐๙.
209.
‘‘มาโยฺย มํ กริ ภทฺทเนฺต, ตฺวญฺจ นาเมทิสํ กริ;
‘‘Māyyo maṃ kari bhaddante, tvañca nāmedisaṃ kari;
ตฺวญฺจ โข นาม ทีฆาวุ, อเญฺญ วาเรตุมรหสิฯ
Tvañca kho nāma dīghāvu, aññe vāretumarahasi.
๒๑๐.
210.
‘‘อโห วต เร ปุริส, ตาวทุกฺกรการก;
‘‘Aho vata re purisa, tāvadukkarakāraka;
เอทิสา วิสมา ทุคฺคา, ปปาตา อุทฺธโต มยาฯ
Edisā visamā duggā, papātā uddhato mayā.
๒๑๑.
211.
‘‘อานีโต ปรโลกาว, ทุเพฺภยฺยํ มํ อมญฺญถ;
‘‘Ānīto paralokāva, dubbheyyaṃ maṃ amaññatha;
ตํ เตน ปาปกเมฺมน, ปาปํ ปาเปน จินฺติตํฯ
Taṃ tena pāpakammena, pāpaṃ pāpena cintitaṃ.
๒๑๒.
212.
‘‘มา เหว ตฺวํ อธมฺมฎฺฐ, เวทนํ กฎุกํ ผุสิ;
‘‘Mā heva tvaṃ adhammaṭṭha, vedanaṃ kaṭukaṃ phusi;
มา เหว ปาปกมฺมํ ตํ, ผลํ เวฬุํว ตํ วธิฯ
Mā heva pāpakammaṃ taṃ, phalaṃ veḷuṃva taṃ vadhi.
๒๑๓.
213.
‘‘ตยิ เม นตฺถิ วิสฺสาโส, ปาปธมฺม อสญฺญต;
‘‘Tayi me natthi vissāso, pāpadhamma asaññata;
เอหิ เม ปิฎฺฐิโต คจฺฉ, ทิสฺสมาโนว สนฺติเกฯ
Ehi me piṭṭhito gaccha, dissamānova santike.
๒๑๔.
214.
‘‘มุโตฺตสิ หตฺถา วาฬานํ, ปโตฺตสิ มานุสิํ ปทํ;
‘‘Muttosi hatthā vāḷānaṃ, pattosi mānusiṃ padaṃ;
เอส มโคฺค อธมฺมฎฺฐ, เตน คจฺฉ ยถาสุขํฯ
Esa maggo adhammaṭṭha, tena gaccha yathāsukhaṃ.
๒๑๕.
215.
‘‘อิทํ วตฺวา คิริจโร, รหเท ปกฺขลฺย มตฺถกํ;
‘‘Idaṃ vatvā giricaro, rahade pakkhalya matthakaṃ;
อสฺสูนิ สมฺปมชฺชิตฺวา, ตโต ปพฺพตมารุหิฯ
Assūni sampamajjitvā, tato pabbatamāruhi.
๒๑๖.
216.
‘‘โสหํ เตนาภิสโตฺตสฺมิ, ปริฬาเหน อฎฺฎิโต;
‘‘Sohaṃ tenābhisattosmi, pariḷāhena aṭṭito;
ฑยฺหมาเนน คเตฺตน, วาริํ ปาตุํ อุปาคมิํฯ
Ḍayhamānena gattena, vāriṃ pātuṃ upāgamiṃ.
๒๑๗.
217.
‘‘อคฺคินา วิย สนฺตโตฺต, รหโท รุหิรมกฺขิโต;
‘‘Agginā viya santatto, rahado ruhiramakkhito;
ปุพฺพโลหิตสงฺกาโส, สโพฺพ เม สมปชฺชถฯ
Pubbalohitasaṅkāso, sabbo me samapajjatha.
๒๑๘.
218.
‘‘ยาวโนฺต อุทพินฺทูนิ, กายสฺมิํ นิปติํสุ เม;
‘‘Yāvanto udabindūni, kāyasmiṃ nipatiṃsu me;
ตาวโนฺต คณฺฑ ชาเยถ, อทฺธเพลุวสาทิสาฯ
Tāvanto gaṇḍa jāyetha, addhabeluvasādisā.
๒๑๙.
219.
‘‘ปภินฺนา ปคฺฆริํสุ เม, กุณปา ปุพฺพโลหิตา;
‘‘Pabhinnā pagghariṃsu me, kuṇapā pubbalohitā;
เยน เยเนว คจฺฉามิ, คาเมสุ นิคเมสุ จฯ
Yena yeneva gacchāmi, gāmesu nigamesu ca.
๒๒๐.
220.
‘‘ทณฺฑหตฺถา นิวาเรนฺติ, อิตฺถิโย ปุริสา จ มํ;
‘‘Daṇḍahatthā nivārenti, itthiyo purisā ca maṃ;
โอกฺกิตา ปูติคเนฺธน, มาสฺสุ โอเรน อาคมาฯ
Okkitā pūtigandhena, māssu orena āgamā.
๒๒๑.
221.
‘‘เอตาทิสํ อิทํ ทุกฺขํ, สตฺต วสฺสานิ ทานิ เม;
‘‘Etādisaṃ idaṃ dukkhaṃ, satta vassāni dāni me;
อนุโภมิ สกํ กมฺมํ, ปุเพฺพ ทุกฺกฎมตฺตโนฯ
Anubhomi sakaṃ kammaṃ, pubbe dukkaṭamattano.
๒๒๒.
222.
‘‘ตํ โว วทามิ ภทฺทเนฺต, ยาวเนฺตตฺถ สมาคตา;
‘‘Taṃ vo vadāmi bhaddante, yāvantettha samāgatā;
มาสฺสุ มิตฺตาน ทุพฺภิโตฺถ, มิตฺตทุโพฺภ หิ ปาปโกฯ
Māssu mittāna dubbhittho, mittadubbho hi pāpako.
๒๒๓.
223.
‘‘กุฎฺฐี กิลาสี ภวติ, โย มิตฺตานิธ ทุพฺภติ;
‘‘Kuṭṭhī kilāsī bhavati, yo mittānidha dubbhati;
กายสฺส เภทา มิตฺตทฺทุ, นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติฯ
Kāyassa bhedā mittaddu, nirayaṃ sopapajjatī’’ti.
ตตฺถ กุสโลติ ยถา เฉโก กุสโล กเถติ, ตถา โว กเถสฺสามิฯ โคคเวโสติ นเฎฺฐ โคเณ คเวสโนฺตฯ อจฺจสรินฺติ มนุสฺสปถํ อติกฺกมิตฺวา หิมวนฺตํ ปาวิสิํฯ อรเญฺญติ อราชเก สุเญฺญฯ อิรีเณติ สุกฺขกนฺตาเรฯ วิวเนติ วิวิเตฺตฯ วิปฺปนโฎฺฐติ มคฺคมูโฬฺหฯ พุภุกฺขิโตติ สญฺชาตพุภุโกฺข ฉาตชฺฌโตฺตฯ ปปาตมภิลมฺพนฺตนฺติ ปปาตาภิมุขํ โอลมฺพนฺตํฯ สมฺปนฺนผลธารินนฺติ มธุรผลธารินํฯ วาตสฺสิตานีติ ปฐมํ ตาว วาตปติตานิ ขาทิํฯ ตตฺถ เหสฺสามีติ ตสฺมิํ รุเกฺข สุหิโต ภวิสฺสามีติ อารุโฬฺหมฺหิฯ ตโต สา ภญฺชถ สาขาติ ตสฺส อภิปตฺถิตสฺส อตฺถาย หเตฺถ ปสาริเต สา มยา อภิรุฬฺหา สาขา ผรสุนา ฉินฺนา วิย อภญฺชถฯ อนาลเมฺพติ อาลมฺพิตพฺพฎฺฐานรหิเตฯ คิริทุคฺคสฺมินฺติ คิริวิสเมฯ เสสินฺติ สยิโตมฺหิฯ
Tattha kusaloti yathā cheko kusalo katheti, tathā vo kathessāmi. Gogavesoti naṭṭhe goṇe gavesanto. Accasarinti manussapathaṃ atikkamitvā himavantaṃ pāvisiṃ. Araññeti arājake suññe. Irīṇeti sukkhakantāre. Vivaneti vivitte. Vippanaṭṭhoti maggamūḷho. Bubhukkhitoti sañjātabubhukkho chātajjhatto. Papātamabhilambantanti papātābhimukhaṃ olambantaṃ. Sampannaphaladhārinanti madhuraphaladhārinaṃ. Vātassitānīti paṭhamaṃ tāva vātapatitāni khādiṃ. Tattha hessāmīti tasmiṃ rukkhe suhito bhavissāmīti āruḷhomhi. Tato sā bhañjatha sākhāti tassa abhipatthitassa atthāya hatthe pasārite sā mayā abhiruḷhā sākhā pharasunā chinnā viya abhañjatha. Anālambeti ālambitabbaṭṭhānarahite. Giriduggasminti girivisame. Sesinti sayitomhi.
กปิ มาคญฺฉีติ กปิ อาคญฺฉิฯ โคนงฺคุโลติ คุนฺนํ นงฺคุฎฺฐสทิสนงฺคุโฎฺฐฯ ‘‘โคนงฺคุโฎฺฐ’’ติปิ ปาโฐฯ ‘‘โคนงฺคุลี’’ติปิ ปฐนฺติฯ อกรํ มยีติ อกรา มยิฯ อโมฺภติ, มหาราช, โส กปิราชา ตสฺมิํ นรกปปาเต มม อุทกโปถนสทฺทํ สุตฺวา มํ ‘‘อโมฺภ’’ติ อาลปิตฺวา ‘‘โก นาเมโส’’ติ ปุจฺฉิฯ พฺยสมฺปโตฺตติ พฺยสนํ ปโตฺต, ปปาตสฺส วสํ ปโตฺตติ วา อโตฺถฯ ภทฺทํ โวติ ตสฺมา ตุเมฺห วทามิ – ‘‘ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตู’’ติฯ ครุํ สิลนฺติ, มหาราช, โส กปิราชา มยา เอวํ วุเตฺต ‘‘มา ภายี’’ติ มํ อสฺสาเสตฺวา ปฐมํ ตาว ครุํ สิลํ คเหตฺวา โยคฺคํ กโรโนฺต ปพฺพเต วิจริ ฯ นิสโภติ ปุริสนิสโภ อุตฺตมวานริโนฺท ปพฺพตปปาเต ฐตฺวา มํ เอตทพฺรวีติฯ
Kapi māgañchīti kapi āgañchi. Gonaṅguloti gunnaṃ naṅguṭṭhasadisanaṅguṭṭho. ‘‘Gonaṅguṭṭho’’tipi pāṭho. ‘‘Gonaṅgulī’’tipi paṭhanti. Akaraṃ mayīti akarā mayi. Ambhoti, mahārāja, so kapirājā tasmiṃ narakapapāte mama udakapothanasaddaṃ sutvā maṃ ‘‘ambho’’ti ālapitvā ‘‘ko nāmeso’’ti pucchi. Byasampattoti byasanaṃ patto, papātassa vasaṃ pattoti vā attho. Bhaddaṃ voti tasmā tumhe vadāmi – ‘‘bhaddaṃ tumhākaṃ hotū’’ti. Garuṃ silanti, mahārāja, so kapirājā mayā evaṃ vutte ‘‘mā bhāyī’’ti maṃ assāsetvā paṭhamaṃ tāva garuṃ silaṃ gahetvā yoggaṃ karonto pabbate vicari . Nisabhoti purisanisabho uttamavānarindo pabbatapapāte ṭhatvā maṃ etadabravīti.
พาหุภีติ ทฺวีหิ พาหาหิ มม คีวํ สุคฺคหิตํ คณฺหฯ เวคสาติ เวเคนฯ สิรีมโตติ ปุญฺญวนฺตสฺสฯ อคฺคหินฺติ สฎฺฐิหตฺถํ นรกปปาตํ วาตเวเคน โอตริตฺวา อุทกปิเฎฺฐ ฐิตสฺส อหํ เวเคน ปิฎฺฐิมภิรุหิตฺวา อุโภหิ พาหาหิ คีวํ อคฺคเหสิํฯ วิหญฺญมาโนติ กิลมโนฺตฯ กิเจฺฉนาติ ทุเกฺขนฯ สโนฺตติ ปณฺฑิโต, อถ วา ปริสโนฺต กิลโนฺตฯ รกฺขสฺสูติ อหํ ตํ อุทฺธรโนฺต กิลโนฺต มุหุตฺตํ วิสฺสมโนฺต ปสุปิสฺสํ, ตสฺมา มํ รกฺขาหิฯ ยถา จเญฺญ วเน มิคาติ สีหาทีหิ อเญฺญปิ เย อิมสฺมิํ วเน วาฬมิคาฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘อจฺฉโกกตรจฺฉโย’’ติ ลิขนฺติฯ ปริตฺตาตูนาติ, มหาราช, เอวํ โส กปิราชา มํ อตฺตโน ปริตฺตาณํ กตฺวา มุหุตฺตํ ปสุปิฯ อโยนิโสติ อโยนิโสมนสิกาเรนฯ ภโกฺขติ ขาทิตพฺพยุตฺตโกฯ อสิโต ธาโต สุหิโตฯ สมฺพลนฺติ ปาเถยฺยํฯ มตฺถกํ สนฺนิตาฬยินฺติ ตสฺส วานรินฺทสฺส มตฺถกํ ปหริํฯ ‘‘สนฺนิตาฬย’’นฺติปิ ปาโฐฯ ทุพฺพโล อหูติ น พลวา อาสิ, ยถาธิปฺปายํ น อคมาสีติฯ
Bāhubhīti dvīhi bāhāhi mama gīvaṃ suggahitaṃ gaṇha. Vegasāti vegena. Sirīmatoti puññavantassa. Aggahinti saṭṭhihatthaṃ narakapapātaṃ vātavegena otaritvā udakapiṭṭhe ṭhitassa ahaṃ vegena piṭṭhimabhiruhitvā ubhohi bāhāhi gīvaṃ aggahesiṃ. Vihaññamānoti kilamanto. Kicchenāti dukkhena. Santoti paṇḍito, atha vā parisanto kilanto. Rakkhassūti ahaṃ taṃ uddharanto kilanto muhuttaṃ vissamanto pasupissaṃ, tasmā maṃ rakkhāhi. Yathā caññe vane migāti sīhādīhi aññepi ye imasmiṃ vane vāḷamigā. Pāḷiyaṃ pana ‘‘acchakokataracchayo’’ti likhanti. Parittātūnāti, mahārāja, evaṃ so kapirājā maṃ attano parittāṇaṃ katvā muhuttaṃ pasupi. Ayonisoti ayonisomanasikārena. Bhakkhoti khāditabbayuttako. Asito dhāto suhito. Sambalanti pātheyyaṃ. Matthakaṃ sannitāḷayinti tassa vānarindassa matthakaṃ pahariṃ. ‘‘Sannitāḷaya’’ntipi pāṭho. Dubbalo ahūti na balavā āsi, yathādhippāyaṃ na agamāsīti.
เวเคนาติ มยา ปหฎปาสาณเวเคนฯ อุทปฺปโตฺตติ อุฎฺฐิโตฯ มาโยฺยติ เตน มิตฺตทุพฺภิปุริเสน สิลาย ปวิทฺธาย มหาจมฺมํ ฉินฺทิตฺวา โอลมฺพิ, รุหิรํ ปคฺฆริฯ มหาสโตฺต เวทนาปฺปโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน อโญฺญ นตฺถิ, อิทํ ภยํ อิมํ ปุริสํ นิสฺสาย อุปฺปนฺน’’นฺติฯ โส มรณภยภีโต โอลมฺพนฺตํ จมฺมพนฺธํ หเตฺถน คเหตฺวา อุปฺปติตฺวา สาขํ อภิรุยฺห เตน ปาปปุริเสน สทฺธิํ สลฺลปโนฺต ‘‘มาโยฺย ม’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ มาโยฺย มํ กริ ภทฺทเนฺตติ มา อกริ อโยฺย มํ ภทฺทเนฺตติ ตํ นิวาเรติฯ ตฺวญฺจ โข นามาติ ตฺวํ นาม เอวํ มยา ปปาตา อุทฺธโฎ เอทิสํ ผรุสกมฺมํ มยิ กริ, อโห เต อยุตฺตํ กตนฺติฯ อโห วตาติ ตํ ครหโนฺต เอวมาหฯ ตาวทุกฺกรการกาติ มยิ อปรชฺฌเนน อติทุกฺกรกมฺมการกฯ ปรโลกาวาติ ปรโลกโต วิย อานีโตฯ ทุเพฺภยฺยนฺติ ทุพฺภิตพฺพํ วธิตพฺพํฯ เวทนํ กฎุกนฺติ เอวํ สเนฺตปิ ตฺวํ อธมฺมฎฺฐ ยาทิสํ เวทนํ อหํ ผุสามิ, เอทิสํ เวทนํ กฎุกํ มา ผุสิ, ตํ ปาปกมฺมํ ผลํ เวฬุํว ตํ มา วธิฯ อิติ มํ, มหาราช, โส ปิยปุตฺตกํ วิย อนุกมฺปิฯ
Vegenāti mayā pahaṭapāsāṇavegena. Udappattoti uṭṭhito. Māyyoti tena mittadubbhipurisena silāya paviddhāya mahācammaṃ chinditvā olambi, ruhiraṃ pagghari. Mahāsatto vedanāppatto cintesi – ‘‘imasmiṃ ṭhāne añño natthi, idaṃ bhayaṃ imaṃ purisaṃ nissāya uppanna’’nti. So maraṇabhayabhīto olambantaṃ cammabandhaṃ hatthena gahetvā uppatitvā sākhaṃ abhiruyha tena pāpapurisena saddhiṃ sallapanto ‘‘māyyo ma’’ntiādimāha. Tattha māyyo maṃ kari bhaddanteti mā akari ayyo maṃ bhaddanteti taṃ nivāreti. Tvañca kho nāmāti tvaṃ nāma evaṃ mayā papātā uddhaṭo edisaṃ pharusakammaṃ mayi kari, aho te ayuttaṃ katanti. Aho vatāti taṃ garahanto evamāha. Tāvadukkarakārakāti mayi aparajjhanena atidukkarakammakāraka. Paralokāvāti paralokato viya ānīto. Dubbheyyanti dubbhitabbaṃ vadhitabbaṃ. Vedanaṃ kaṭukanti evaṃ santepi tvaṃ adhammaṭṭha yādisaṃ vedanaṃ ahaṃ phusāmi, edisaṃ vedanaṃ kaṭukaṃ mā phusi, taṃ pāpakammaṃ phalaṃ veḷuṃva taṃ mā vadhi. Iti maṃ, mahārāja, so piyaputtakaṃ viya anukampi.
อถ นํ อหํ เอตทโวจํ – ‘‘อยฺย, มยา กตํ โทสํ หทเย มา กริ, มา มํ อสปฺปุริสํ เอวรูเป อรเญฺญ นาสย, อหํ ทิสามูโฬฺห มคฺคํ น ชานามิ, อตฺตนา กตํ กมฺมํ มา นาเสถ, ชีวิตทานํ เม เทถ, อรญฺญา นีหริตฺวา มนุสฺสปเถ ฐเปถา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต โส มยา สทฺธิํ สลฺลปโนฺต ‘‘ตยิ เม นตฺถิ วิสฺสาโส’’ติ อาทิมาหฯ ตตฺถ ตยีติ อิโต ปฎฺฐาย มยฺหํ ตยิ วิสฺสาโส นตฺถิฯ เอหีติ, โภ ปุริส, อหํ ตยา สทฺธิํ มเคฺคน น คมิสฺสามิ, ตฺวํ ปน เอหิ มม ปิฎฺฐิโต อวิทูเร ทิสฺสมานสรีโรว คจฺฉ, อหํ รุกฺขเคฺคเหว คมิสฺสามีติฯ มุโตฺตสีติ อถ โส มํ, มหาราช, อรญฺญา นีหริตฺวา, โภ ปุริส, วาฬมิคานํ หตฺถา มุโตฺตสิฯ ปโตฺตสิ มานุสิํ ปทนฺติ มนุสฺสูปจารํ ปโตฺต อาคโตสิ, เอส เต มโคฺค, เอเตน คจฺฉาติ อาหฯ
Atha naṃ ahaṃ etadavocaṃ – ‘‘ayya, mayā kataṃ dosaṃ hadaye mā kari, mā maṃ asappurisaṃ evarūpe araññe nāsaya, ahaṃ disāmūḷho maggaṃ na jānāmi, attanā kataṃ kammaṃ mā nāsetha, jīvitadānaṃ me detha, araññā nīharitvā manussapathe ṭhapethā’’ti. Evaṃ vutte so mayā saddhiṃ sallapanto ‘‘tayi me natthi vissāso’’ti ādimāha. Tattha tayīti ito paṭṭhāya mayhaṃ tayi vissāso natthi. Ehīti, bho purisa, ahaṃ tayā saddhiṃ maggena na gamissāmi, tvaṃ pana ehi mama piṭṭhito avidūre dissamānasarīrova gaccha, ahaṃ rukkhaggeheva gamissāmīti. Muttosīti atha so maṃ, mahārāja, araññā nīharitvā, bho purisa, vāḷamigānaṃ hatthā muttosi. Pattosi mānusiṃ padanti manussūpacāraṃ patto āgatosi, esa te maggo, etena gacchāti āha.
คิริจโรติ คิริจารี วานโรฯ ปกฺขลฺยาติ โธวิตฺวาฯ เตนาภิสโตฺตสฺมีติ โส อหํ, มหาราช , เตน วานเรน อภิสโตฺต, ปาปกเมฺม ปริณเต เตนาภิสโตฺตสฺมีติ มญฺญมาโน เอวมาหฯ อฎฺฎิโตติ อุปทฺทุโตฯ อุปาคมินฺติ เอกํ รหทํ อุปคโตสฺมิฯ สมปชฺชถาติ ชาโต, เอวรูโป หุตฺวา อุปฎฺฐาสิฯ ยาวโนฺตติ ยตฺตกานิฯ คณฺฑ ชาเยถาติ คณฺฑา ชายิํสุฯ โส กิร ปิปาสํ สนฺธาเรตุํ อสโกฺกโนฺต อุทกญฺชลิํ อุกฺขิปิตฺวา โถกํ ปิวิตฺวา เสสํ สรีเร สิญฺจิฯ อถสฺส ตาวเทว อุทกพินฺทุคณนาย อฑฺฒเพลุวปกฺกปฺปมาณา คณฺฑา อุฎฺฐหิํสุ, ตสฺมา เอวมาหฯ ปภินฺนาติ เต คณฺฑา ตํ ทิวสเมว ภิชฺชิตฺวา กุณปา ปูติคนฺธิกา หุตฺวา ปุพฺพโลหิตานิ ปคฺฆริํสุฯ เยน เยนาติ เยน เยน มเคฺคนฯ โอกฺกิตาติ ปูติคเนฺธน โอกิณฺณา ปริกฺขิตฺตา ปริวาริตาฯ มาสฺสุ โอเรน อาคมาติ ทุฎฺฐสตฺต โอเรน มาสฺสุ อาคมา, อมฺหากํ สนฺติกํ มา อาคมีติ เอวํ วทนฺตา มํ นิวาเรนฺตีติ อโตฺถฯ สตฺต วสฺสานิ ทานิ เมติ, มหาราช, ตโต ปฎฺฐาย อิทานิ สตฺต วสฺสานิ มม เอตฺตกํ กาลํ สกํ กมฺมํ อนุโภมิฯ
Giricaroti giricārī vānaro. Pakkhalyāti dhovitvā. Tenābhisattosmīti so ahaṃ, mahārāja , tena vānarena abhisatto, pāpakamme pariṇate tenābhisattosmīti maññamāno evamāha. Aṭṭitoti upadduto. Upāgaminti ekaṃ rahadaṃ upagatosmi. Samapajjathāti jāto, evarūpo hutvā upaṭṭhāsi. Yāvantoti yattakāni. Gaṇḍa jāyethāti gaṇḍā jāyiṃsu. So kira pipāsaṃ sandhāretuṃ asakkonto udakañjaliṃ ukkhipitvā thokaṃ pivitvā sesaṃ sarīre siñci. Athassa tāvadeva udakabindugaṇanāya aḍḍhabeluvapakkappamāṇā gaṇḍā uṭṭhahiṃsu, tasmā evamāha. Pabhinnāti te gaṇḍā taṃ divasameva bhijjitvā kuṇapā pūtigandhikā hutvā pubbalohitāni pagghariṃsu. Yena yenāti yena yena maggena. Okkitāti pūtigandhena okiṇṇā parikkhittā parivāritā. Māssu orena āgamāti duṭṭhasatta orena māssu āgamā, amhākaṃ santikaṃ mā āgamīti evaṃ vadantā maṃ nivārentīti attho. Satta vassāni dāni meti, mahārāja, tato paṭṭhāya idāni satta vassāni mama ettakaṃ kālaṃ sakaṃ kammaṃ anubhomi.
อิติ โส อตฺตโน มิตฺตทุพฺภิกมฺมํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘มหาราช, มเญฺญว โอโลเกตฺวา เอวรูปํ กมฺมํ น เกนจิ กตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตํ โว’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตนฺติ ตสฺมาฯ ยสฺมา เอวรูปํ กมฺมํ เอวํ ทุกฺขวิปากํ, ตสฺมาติ อโตฺถฯ
Iti so attano mittadubbhikammaṃ vitthāretvā, ‘‘mahārāja, maññeva oloketvā evarūpaṃ kammaṃ na kenaci kattabba’’nti vatvā ‘‘taṃ vo’’tiādimāha. Tattha tanti tasmā. Yasmā evarūpaṃ kammaṃ evaṃ dukkhavipākaṃ, tasmāti attho.
๒๒๓.
223.
‘‘กุฎฺฐี กิลาสี ภวติ, โย มิตฺตานิธ ทุพฺภติ;
‘‘Kuṭṭhī kilāsī bhavati, yo mittānidha dubbhati;
กายสฺส เภทา มิตฺตทฺทุ, นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติฯ –
Kāyassa bhedā mittaddu, nirayaṃ sopapajjatī’’ti. –
อยํ อภิสมฺพุทฺธคาถาฯ ภิกฺขเว, โย อิธ โลเก มิตฺตานิ ทุพฺภติ หิํสติ, โส เอวรูโป โหตีติ อโตฺถฯ
Ayaṃ abhisambuddhagāthā. Bhikkhave, yo idha loke mittāni dubbhati hiṃsati, so evarūpo hotīti attho.
ตสฺสปิ ปุริสสฺส รญฺญา สทฺธิํ กเถนฺตเสฺสว ปถวี วิวรํ อทาสิฯ ตงฺขณเญฺญว จวิตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพโตฺตฯ ราชา ตสฺมิํ ปถวิํ ปวิเฎฺฐ อุยฺยานา นิกฺขมิตฺวา นครํ ปวิโฎฺฐฯ
Tassapi purisassa raññā saddhiṃ kathentasseva pathavī vivaraṃ adāsi. Taṅkhaṇaññeva cavitvā avīcimhi nibbatto. Rājā tasmiṃ pathaviṃ paviṭṭhe uyyānā nikkhamitvā nagaraṃ paviṭṭho.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ เทวทโตฺต มยฺหํ สิลํ ปฎิวิชฺฌิเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มิตฺตทุพฺภี ปุริโส เทวทโตฺต อโหสิ, กปิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi devadatto mayhaṃ silaṃ paṭivijjhiyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā mittadubbhī puriso devadatto ahosi, kapirājā pana ahameva ahosi’’nti.
มหากปิชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ
Mahākapijātakavaṇṇanā chaṭṭhā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๑๖. มหากปิชาตกํ • 516. Mahākapijātakaṃ