Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๑. มหากปฺปินสุตฺตวณฺณนา
11. Mahākappinasuttavaṇṇanā
๒๔๕. เอกาทสเม มหากปฺปิโนติ เอวํนามโก อภิญฺญาพลปฺปโตฺต อสีติมหาสาวกานํ อพฺภนฺตโร มหาเถโรฯ โส กิร คิหิกาเล กุกฺกุฎวตีนคเร ติโยชนสติกํ รชฺชํ อกาสิฯ ปจฺฉิมภวิกตฺตา ปน ตถารูปํ สาสนํ โสตุํ โอหิตโสโต วิจรติฯ อเถกทิวสํ อมจฺจสหสฺสปริวุโต อุยฺยานกีฬิกํ อคมาสิฯ ตทา จ มชฺฌิมเทสโต ชงฺฆวาณิชา ตํ นครํ คนฺตฺวา, ภณฺฑํ ปฎิสาเมตฺวา, ‘‘ราชานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ปณฺณาการหตฺถา ราชกุลทฺวารํ คนฺตฺวา, ‘‘ราชา อุยฺยานํ คโต’’ติ สุตฺวา, อุยฺยานํ คนฺตฺวา, ทฺวาเร ฐิตา, ปฎิหารสฺส อาโรจยิํสุฯ อถ รโญฺญ นิเวทิเต ราชา ปโกฺกสาเปตฺวา นิยฺยาติตปณฺณากาเร วนฺทิตฺวา ฐิเต, ‘‘ตาตา, กุโต อาคตตฺถา’’ติ? ปุจฺฉิฯ ‘‘สาวตฺถิโต เทวา’’ติฯ ‘‘กจฺจิ โว รฎฺฐํ สุภิกฺขํ, ธมฺมิโก ราชา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติฯ ‘‘อตฺถิ ปน ตุมฺหากํ เทเส กิญฺจิ สาสน’’นฺติ? ‘‘อตฺถิ, เทว, น ปน สกฺกา อุจฺฉิฎฺฐมุเขหิ กเถตุ’’นฺติฯ ราชา สุวณฺณภิงฺคาเรน อุทกํ ทาเปสิฯ เต มุขํ วิกฺขาเลตฺวา ทสพลาภิมุขา อญฺชลิํ ปคฺคณฺหิตฺวา, ‘‘เทว, อมฺหากํ เทเส พุทฺธรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ อาหํสุฯ รโญฺญ ‘‘พุโทฺธ’’ติ วจเน สุตมเตฺต สกลสรีรํ ผรมานา ปีติ อุปฺปชฺชิฯ ตโต ‘‘พุโทฺธติ, ตาตา, วทถา’’ติ? อาหฯ ‘‘พุโทฺธติ เทว วทามา’’ติฯ เอวํ ติกฺขตฺตุํ วทาเปตฺวา, ‘‘พุโทฺธติ ปทํ อปริมาณํ, นาสฺส สกฺกา ปริมาณํ กาตุ’’นฺติ ตสฺมิํเยว ปสโนฺน สตสหสฺสํ ทตฺวา ปุน ‘‘อญฺญํ กิํ สาสน’’นฺติ? ปุจฺฉิฯ ‘‘เทว ธมฺมรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติฯ ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว ติกฺขตฺตุํ ปฎิญฺญํ คเหตฺวา อปรมฺปิ สตสหสฺสํ ทตฺวา ปุน ‘‘อญฺญํ กิํ สาสน’’นฺติ? ปุจฺฉิฯ ‘‘สงฺฆรตนํ เทว อุปฺปนฺน’’นฺติฯ ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว ติกฺขตฺตุํ ปฎิญฺญํ คเหตฺวา อปรมฺปิ สตสหสฺสํ ทตฺวา ทินฺนภาวํ ปเณฺณ ลิขิตฺวา, ‘‘ตาตา, เทวิยา สนฺติกํ คจฺฉถา’’ติ เปเสสิฯ เตสุ คเตสุ อมเจฺจ ปุจฺฉิ, ‘‘ตาตา, พุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺน, ตุเมฺห กิํ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘เทว ตุเมฺห กิํ กตฺตุกามา’’ติ? ‘‘อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติฯ ‘‘มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสามา’’ติฯ เต สเพฺพปิ ฆรํ วา กุฎุมฺพํ วา อนปโลเกตฺวา เย อเสฺส อารุยฺห คตา, เตเหว นิกฺขมิํสุฯ
245. Ekādasame mahākappinoti evaṃnāmako abhiññābalappatto asītimahāsāvakānaṃ abbhantaro mahāthero. So kira gihikāle kukkuṭavatīnagare tiyojanasatikaṃ rajjaṃ akāsi. Pacchimabhavikattā pana tathārūpaṃ sāsanaṃ sotuṃ ohitasoto vicarati. Athekadivasaṃ amaccasahassaparivuto uyyānakīḷikaṃ agamāsi. Tadā ca majjhimadesato jaṅghavāṇijā taṃ nagaraṃ gantvā, bhaṇḍaṃ paṭisāmetvā, ‘‘rājānaṃ passissāmā’’ti paṇṇākārahatthā rājakuladvāraṃ gantvā, ‘‘rājā uyyānaṃ gato’’ti sutvā, uyyānaṃ gantvā, dvāre ṭhitā, paṭihārassa ārocayiṃsu. Atha rañño nivedite rājā pakkosāpetvā niyyātitapaṇṇākāre vanditvā ṭhite, ‘‘tātā, kuto āgatatthā’’ti? Pucchi. ‘‘Sāvatthito devā’’ti. ‘‘Kacci vo raṭṭhaṃ subhikkhaṃ, dhammiko rājā’’ti? ‘‘Āma, devā’’ti. ‘‘Atthi pana tumhākaṃ dese kiñci sāsana’’nti? ‘‘Atthi, deva, na pana sakkā ucchiṭṭhamukhehi kathetu’’nti. Rājā suvaṇṇabhiṅgārena udakaṃ dāpesi. Te mukhaṃ vikkhāletvā dasabalābhimukhā añjaliṃ paggaṇhitvā, ‘‘deva, amhākaṃ dese buddharatanaṃ nāma uppanna’’nti āhaṃsu. Rañño ‘‘buddho’’ti vacane sutamatte sakalasarīraṃ pharamānā pīti uppajji. Tato ‘‘buddhoti, tātā, vadathā’’ti? Āha. ‘‘Buddhoti deva vadāmā’’ti. Evaṃ tikkhattuṃ vadāpetvā, ‘‘buddhoti padaṃ aparimāṇaṃ, nāssa sakkā parimāṇaṃ kātu’’nti tasmiṃyeva pasanno satasahassaṃ datvā puna ‘‘aññaṃ kiṃ sāsana’’nti? Pucchi. ‘‘Deva dhammaratanaṃ nāma uppanna’’nti. Tampi sutvā tatheva tikkhattuṃ paṭiññaṃ gahetvā aparampi satasahassaṃ datvā puna ‘‘aññaṃ kiṃ sāsana’’nti? Pucchi. ‘‘Saṅgharatanaṃ deva uppanna’’nti. Tampi sutvā tatheva tikkhattuṃ paṭiññaṃ gahetvā aparampi satasahassaṃ datvā dinnabhāvaṃ paṇṇe likhitvā, ‘‘tātā, deviyā santikaṃ gacchathā’’ti pesesi. Tesu gatesu amacce pucchi, ‘‘tātā, buddho loke uppanno, tumhe kiṃ karissathā’’ti? ‘‘Deva tumhe kiṃ kattukāmā’’ti? ‘‘Ahaṃ pabbajissāmī’’ti. ‘‘Mayampi pabbajissāmā’’ti. Te sabbepi gharaṃ vā kuṭumbaṃ vā anapaloketvā ye asse āruyha gatā, teheva nikkhamiṃsu.
วาณิชา อโนชาเทวิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ปณฺณํ ทเสฺสสุํฯ สา วาเจตฺวา ‘‘รญฺญา ตุมฺหากํ พหู กหาปณา ทินฺนา, กิํ ตุเมฺหหิ กตํ, ตาตา’’ติ? ปุจฺฉิฯ ‘‘ปิยสาสนํ เทวิ อานีต’’นฺติฯ ‘‘อเมฺหปิ สกฺกา, ตาตา, สุณาเปตุ’’นฺติฯ ‘‘สกฺกา เทวิ, อุจฺฉิฎฺฐมุเขหิ ปน วตฺตุํ น สกฺกา’’ติฯ สา สุวณฺณภิงฺคาเรน อุทกํ ทาเปสิฯ เต มุขํ วิกฺขาเลตฺวา รโญฺญ อาโรจิตนเยเนว อาโรเจสุํฯ สาปิ สุตฺวา อุปฺปนฺนปาโมชฺชา เตเนว นเยน เอเกกสฺมิํ ปเท ติกฺขตฺตุํ ปฎิญฺญํ คเหตฺวา ปฎิญฺญาคณนาย ตีณิ ตีณิ กตฺวา นวสตสหสฺสานิ อทาสิฯ วาณิชา สพฺพานิปิ ทฺวาทสสตสหสฺสานิ ลภิํสุฯ อถ เน ‘‘ราชา กหํ, ตาตา’’ติ, ปุจฺฉิฯ ‘‘ปพฺพชิสฺสามีติ นิกฺขโนฺต เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ตาตา, ตุเมฺห คจฺฉถา’’ติ เต อุโยฺยเชตฺวา รญฺญา สทฺธิํ คตานํ อมจฺจานํ มาตุคาเม ปโกฺกสาเปตฺวา, ‘‘ตุเมฺห อตฺตโน สามิกานํ คตฎฺฐานํ ชานาถ อมฺมา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ชานาม อเยฺย, รญฺญา สทฺธิํ อุยฺยานกีฬิกํ คตา’’ติฯ อาม คตา, ตตฺถ ปน คนฺตฺวา, ‘‘พุโทฺธ อุปฺปโนฺน, ธโมฺม อุปฺปโนฺน, สโงฺฆ อุปฺปโนฺน’’ติ สุตฺวา, ‘‘ทสพลสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ คตาฯ ‘‘ตุเมฺห กิํ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ตุเมฺห ปน อเยฺย กิํ กตฺตุกามา’’ติ? ‘‘อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, น เตหิ วนฺตวมนํ ชิวฺหเคฺค ฐเปยฺย’’นฺติฯ ‘‘ยทิ เอวํ, มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ สพฺพา รเถ โยชาเปตฺวา นิกฺขมิํสุฯ
Vāṇijā anojādeviyā santikaṃ gantvā paṇṇaṃ dassesuṃ. Sā vācetvā ‘‘raññā tumhākaṃ bahū kahāpaṇā dinnā, kiṃ tumhehi kataṃ, tātā’’ti? Pucchi. ‘‘Piyasāsanaṃ devi ānīta’’nti. ‘‘Amhepi sakkā, tātā, suṇāpetu’’nti. ‘‘Sakkā devi, ucchiṭṭhamukhehi pana vattuṃ na sakkā’’ti. Sā suvaṇṇabhiṅgārena udakaṃ dāpesi. Te mukhaṃ vikkhāletvā rañño ārocitanayeneva ārocesuṃ. Sāpi sutvā uppannapāmojjā teneva nayena ekekasmiṃ pade tikkhattuṃ paṭiññaṃ gahetvā paṭiññāgaṇanāya tīṇi tīṇi katvā navasatasahassāni adāsi. Vāṇijā sabbānipi dvādasasatasahassāni labhiṃsu. Atha ne ‘‘rājā kahaṃ, tātā’’ti, pucchi. ‘‘Pabbajissāmīti nikkhanto devī’’ti. ‘‘Tena hi, tātā, tumhe gacchathā’’ti te uyyojetvā raññā saddhiṃ gatānaṃ amaccānaṃ mātugāme pakkosāpetvā, ‘‘tumhe attano sāmikānaṃ gataṭṭhānaṃ jānātha ammā’’ti pucchi. ‘‘Jānāma ayye, raññā saddhiṃ uyyānakīḷikaṃ gatā’’ti. Āma gatā, tattha pana gantvā, ‘‘buddho uppanno, dhammo uppanno, saṅgho uppanno’’ti sutvā, ‘‘dasabalassa santike pabbajissāmā’’ti gatā. ‘‘Tumhe kiṃ karissathā’’ti? ‘‘Tumhe pana ayye kiṃ kattukāmā’’ti? ‘‘Ahaṃ pabbajissāmi, na tehi vantavamanaṃ jivhagge ṭhapeyya’’nti. ‘‘Yadi evaṃ, mayampi pabbajissāmā’’ti sabbā rathe yojāpetvā nikkhamiṃsu.
ราชาปิ อมจฺจสหเสฺสน สทฺธิํ คงฺคาย ตีรํ ปาปุณิฯ ตสฺมิญฺจ สมเย คงฺคา ปูรา โหติฯ อถ นํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ คงฺคา ปูรา จณฺฑมจฺฉากิณฺณา, อเมฺหหิ สทฺธิํ อาคตา ทาสา วา มนุสฺสา วา นตฺถิ, เย โน นาวํ วา อุฬุมฺปํ วา กตฺวา ทเทยฺยุํ, เอตสฺส ปน สตฺถุ คุณา นาม เหฎฺฐา อวีจิโต อุปริ ยาว ภวคฺคา ปตฺถฎา, สเจ เอส สตฺถา สมฺมาสมฺพุโทฺธ, อิเมสํ อสฺสานํ ขุรปิฎฺฐานิ มา เตเมนฺตู’’ติ อุทกปิเฎฺฐน อเสฺส ปกฺขนฺทาเปสุํ ฯ เอกอสฺสสฺสาปิ ขุรปิฎฺฐมตฺตํ น เตมิ, ราชมเคฺคน คจฺฉนฺตา วิย ปรตีรํ ปตฺวา ปุรโต อญฺญํ มหานทิํ ปาปุณิํสุฯ ตตฺถ อญฺญา สจฺจกิริยา นตฺถิ, ตาย เอว สจฺจกิริยาย ตมฺปิ อฑฺฒโยชนวิตฺถารํ นทิํ อติกฺกมิํสุฯ อถ ตติยํ จนฺทภาคํ นาม มหานทิํ ปตฺวา ตมฺปิ ตาย เอว สจฺจกิริยาย อติกฺกมิํสุฯ
Rājāpi amaccasahassena saddhiṃ gaṅgāya tīraṃ pāpuṇi. Tasmiñca samaye gaṅgā pūrā hoti. Atha naṃ disvā, ‘‘ayaṃ gaṅgā pūrā caṇḍamacchākiṇṇā, amhehi saddhiṃ āgatā dāsā vā manussā vā natthi, ye no nāvaṃ vā uḷumpaṃ vā katvā dadeyyuṃ, etassa pana satthu guṇā nāma heṭṭhā avīcito upari yāva bhavaggā patthaṭā, sace esa satthā sammāsambuddho, imesaṃ assānaṃ khurapiṭṭhāni mā tementū’’ti udakapiṭṭhena asse pakkhandāpesuṃ . Ekaassassāpi khurapiṭṭhamattaṃ na temi, rājamaggena gacchantā viya paratīraṃ patvā purato aññaṃ mahānadiṃ pāpuṇiṃsu. Tattha aññā saccakiriyā natthi, tāya eva saccakiriyāya tampi aḍḍhayojanavitthāraṃ nadiṃ atikkamiṃsu. Atha tatiyaṃ candabhāgaṃ nāma mahānadiṃ patvā tampi tāya eva saccakiriyāya atikkamiṃsu.
สตฺถาปิ ตํทิวสํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย โลกํ โอโลเกโนฺต ‘‘อชฺช มหากปฺปิโน ติโยชนสติกํ รชฺชํ ปหาย อมจฺจสหสฺสปริวาโร มม สนฺติเก ปพฺพชิตุํ อาคจฺฉตี’’ติ ทิสฺวา, ‘‘มยา เตสํ ปจฺจุคฺคมนํ กาตุํ ยุตฺต’’นฺติ ปาโตว สรีรปฎิชคฺคนํ กตฺวา, ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา, ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต สยเมว ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา, อากาเส อุปฺปติตฺวา จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร เตสํ อุตฺตรณติตฺถสฺส อภิมุเข ฐาเน มหานิโคฺรธรุโกฺข อตฺถิ, ตตฺถ ปลฺลเงฺกน นิสีทิตฺวา ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสเชฺชสิฯ เต เตน ติเตฺถน อุตฺตรนฺตา จ ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย อิโต จิโต จ วิธาวนฺติโย โอโลเกนฺตา ทสพลสฺส ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ มุขํ ทิสฺวา, ‘‘ยํ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส มยํ ปพฺพชิตา, อทฺธา โส เอโส’’ติ ทสฺสเนเนว นิฎฺฐํ คนฺตฺวา ทิฎฺฐฎฺฐานโต ปฎฺฐาย โอนตา วนฺทมานา อาคมฺม สตฺถารํ วนฺทิํสุฯ ราชา โคปฺผเกสุ คเหตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธิํ อมจฺจสหเสฺสนฯ สตฺถา เตสํ ธมฺมํ กเถสิฯ เทสนาปริโยสาเน สเพฺพ อรหเตฺต ปติฎฺฐาย สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิํสุฯ สตฺถา ‘‘ปุเพฺพ อิเม จีวรทานสฺส ทินฺนตฺตา อตฺตโน จีวรานิ คเหตฺวาว อาคตา’’ติ สุวณฺณวณฺณํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา, ‘‘เอถ ภิกฺขโว สฺวากฺขาโต ธโมฺม, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ อาหฯ สาว เตสํ อายสฺมนฺตานํ ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ อโหสิ, วสฺสสฎฺฐิกเตฺถรา วิย สตฺถารํ ปริวารยิํสุฯ
Satthāpi taṃdivasaṃ paccūsasamaye mahākaruṇāsamāpattito vuṭṭhāya lokaṃ olokento ‘‘ajja mahākappino tiyojanasatikaṃ rajjaṃ pahāya amaccasahassaparivāro mama santike pabbajituṃ āgacchatī’’ti disvā, ‘‘mayā tesaṃ paccuggamanaṃ kātuṃ yutta’’nti pātova sarīrapaṭijagganaṃ katvā, bhikkhusaṅghaparivāro sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā, pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto sayameva pattacīvaraṃ gahetvā, ākāse uppatitvā candabhāgāya nadiyā tīre tesaṃ uttaraṇatitthassa abhimukhe ṭhāne mahānigrodharukkho atthi, tattha pallaṅkena nisīditvā parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā chabbaṇṇabuddharasmiyo vissajjesi. Te tena titthena uttarantā ca chabbaṇṇabuddharasmiyo ito cito ca vidhāvantiyo olokentā dasabalassa puṇṇacandasassirikaṃ mukhaṃ disvā, ‘‘yaṃ satthāraṃ uddissa mayaṃ pabbajitā, addhā so eso’’ti dassaneneva niṭṭhaṃ gantvā diṭṭhaṭṭhānato paṭṭhāya onatā vandamānā āgamma satthāraṃ vandiṃsu. Rājā gopphakesu gahetvā satthāraṃ vanditvā ekamantaṃ nisīdi saddhiṃ amaccasahassena. Satthā tesaṃ dhammaṃ kathesi. Desanāpariyosāne sabbe arahatte patiṭṭhāya satthāraṃ pabbajjaṃ yāciṃsu. Satthā ‘‘pubbe ime cīvaradānassa dinnattā attano cīvarāni gahetvāva āgatā’’ti suvaṇṇavaṇṇaṃ hatthaṃ pasāretvā, ‘‘etha bhikkhavo svākkhāto dhammo, caratha brahmacariyaṃ sammā dukkhassa antakiriyāyā’’ti āha. Sāva tesaṃ āyasmantānaṃ pabbajjā ca upasampadā ca ahosi, vassasaṭṭhikattherā viya satthāraṃ parivārayiṃsu.
อโนชาปิ เทวี รถสหสฺสปริวารา คงฺคาตีรํ ปตฺวา รโญฺญ อตฺถาย อาภตํ นาวํ วา อุฬุมฺปํ วา อทิสฺวา อตฺตโน พฺยตฺตตาย จิเนฺตสิ – ‘‘ราชา สจฺจกิริยํ กตฺวา คโต ภวิสฺสติ, โส ปน สตฺถา น เกวลํ เตสํเยว อตฺถาย นิพฺพโตฺต, สเจ โส สตฺถา สมฺมาสมฺพุโทฺธ, อมฺหากํ รถา มา อุทเก นิมุชฺชิํสู’’ติ อุทกปิเฎฺฐ รเถ ปกฺขนฺทาเปสิฯ รถานํ เนมิวฎฺฎิมตฺตมฺปิ น เตมิฯ ทุติยตติยนทีปิ เตเนว สจฺจกาเรน อุตฺตรมานาเยว นิโคฺรธรุกฺขมูเล สตฺถารํ อทฺทสฯ สตฺถา ‘‘อิมาสํ อตฺตโน สามิเก ปสฺสนฺตีนํ ฉนฺทราโค อุปฺปชฺชิตฺวา มคฺคผลานํ อนฺตรายํ กเรยฺย, โส เอวํ กาตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ยถา อญฺญมเญฺญ น ปสฺสนฺติ, ตถา อกาสิฯ ตา สพฺพาปิ ติตฺถโต อุตฺตริตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา นิสีทิํสุฯ สตฺถา ตาสํ ธมฺมํ กเถสิ, เทสนาปริโยสาเน สพฺพาปิ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาย อญฺญมเญฺญ ปสฺสิํสุฯ สตฺถา ‘‘อุปฺปลวณฺณา อาคจฺฉตู’’ติ จิเนฺตสิฯ เถรี อาคนฺตฺวา สพฺพา ปพฺพาเชตฺวา อาทาย ภิกฺขุนีนํ อุปสฺสยํ คตาฯ สตฺถา ภิกฺขุสหสฺสํ คเหตฺวา อากาเสน เชตวนํ อคมาสิฯ อิมํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘มหากปฺปิโนติ เอวํ นามโก อภิญฺญาพลปฺปโตฺต อสีติมหาสาวกานํ อพฺภนฺตโร มหาเถโร’’ติฯ
Anojāpi devī rathasahassaparivārā gaṅgātīraṃ patvā rañño atthāya ābhataṃ nāvaṃ vā uḷumpaṃ vā adisvā attano byattatāya cintesi – ‘‘rājā saccakiriyaṃ katvā gato bhavissati, so pana satthā na kevalaṃ tesaṃyeva atthāya nibbatto, sace so satthā sammāsambuddho, amhākaṃ rathā mā udake nimujjiṃsū’’ti udakapiṭṭhe rathe pakkhandāpesi. Rathānaṃ nemivaṭṭimattampi na temi. Dutiyatatiyanadīpi teneva saccakārena uttaramānāyeva nigrodharukkhamūle satthāraṃ addasa. Satthā ‘‘imāsaṃ attano sāmike passantīnaṃ chandarāgo uppajjitvā maggaphalānaṃ antarāyaṃ kareyya, so evaṃ kātuṃ na sakkhissatī’’ti yathā aññamaññe na passanti, tathā akāsi. Tā sabbāpi titthato uttaritvā dasabalaṃ vanditvā nisīdiṃsu. Satthā tāsaṃ dhammaṃ kathesi, desanāpariyosāne sabbāpi sotāpattiphale patiṭṭhāya aññamaññe passiṃsu. Satthā ‘‘uppalavaṇṇā āgacchatū’’ti cintesi. Therī āgantvā sabbā pabbājetvā ādāya bhikkhunīnaṃ upassayaṃ gatā. Satthā bhikkhusahassaṃ gahetvā ākāsena jetavanaṃ agamāsi. Imaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ – ‘‘mahākappinoti evaṃ nāmako abhiññābalappatto asītimahāsāvakānaṃ abbhantaro mahāthero’’ti.
ชเนตสฺมินฺติ ชนิเต ปชายาติ อโตฺถฯ เย โคตฺตปฎิสาริโนติ เย ‘‘มยํ วาเสฎฺฐา โคตมา’’ติ โคตฺตํ ปฎิสรนฺติ ปฎิชานนฺติ, เตสํ ขตฺติโย เสโฎฺฐติ อโตฺถฯ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺนติ อฎฺฐหิ วิชฺชาหิ เจว ปนฺนรสธมฺมเภเทน จรเณน จ สมนฺนาคโตฯ ตปตีติ วิโรจติฯ ฌายี ตปติ พฺราหฺมโณติ ขีณาสวพฺราหฺมโณ ทุวิเธน ฌาเนน ฌายมาโน ตปติ วิโรจติฯ ตสฺมิํ ปน ขเณ กาลุทายิเตฺถโร ทุวิเธน ฌาเนน ฌายมาโน อวิทูเร นิสิโนฺน โหติฯ พุโทฺธ ตปตีติ สพฺพญฺญุพุโทฺธ วิโรจติฯ สพฺพมงฺคลคาถา กิเรสาฯ ภาติกราชา กิร เอกํ ปูชํ กาเรตฺวา อาจริยกํ อาห – ‘‘ตีหิ รตเนหิ อมุตฺตํ เอกํ ชยมงฺคลํ วทถา’’ติฯ โส เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา อิมํ คาถํ วทโนฺต ‘‘ทิวา ตปติ อาทิโจฺจ’’ติ วตฺวา อตฺถงฺคเมนฺตสฺส สูริยสฺส อญฺชลิํ ปคฺคณฺหิฯ ‘‘รตฺติมาภาติ จนฺทิมา’’ติ, อุฎฺฐหนฺตสฺส จนฺทสฺส อญฺชลิํ ปคฺคณฺหิฯ ‘‘สนฺนโทฺธ ขตฺติโย ตปตี’’ติ รโญฺญ อญฺชลิํ ปคฺคณฺหิฯ ‘‘ฌายี ตปติ พฺราหฺมโณ’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อญฺชลิํ ปคฺคณฺหิฯ ‘‘พุโทฺธ ตปติ เตชสา’’ติ วตฺวา ปน มหาเจติยสฺส อญฺชลิํ ปคฺคณฺหิฯ อถ นํ ราชา ‘‘มา หตฺถํ โอตาเรหี’’ติ อุกฺขิตฺตสฺมิํเยว หเตฺถ สหสฺสํ ฐเปสิฯ เอกาทสมํฯ
Janetasminti janite pajāyāti attho. Ye gottapaṭisārinoti ye ‘‘mayaṃ vāseṭṭhā gotamā’’ti gottaṃ paṭisaranti paṭijānanti, tesaṃ khattiyo seṭṭhoti attho. Vijjācaraṇasampannoti aṭṭhahi vijjāhi ceva pannarasadhammabhedena caraṇena ca samannāgato. Tapatīti virocati. Jhāyī tapati brāhmaṇoti khīṇāsavabrāhmaṇo duvidhena jhānena jhāyamāno tapati virocati. Tasmiṃ pana khaṇe kāludāyitthero duvidhena jhānena jhāyamāno avidūre nisinno hoti. Buddho tapatīti sabbaññubuddho virocati. Sabbamaṅgalagāthā kiresā. Bhātikarājā kira ekaṃ pūjaṃ kāretvā ācariyakaṃ āha – ‘‘tīhi ratanehi amuttaṃ ekaṃ jayamaṅgalaṃ vadathā’’ti. So tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ sammasitvā imaṃ gāthaṃ vadanto ‘‘divā tapati ādicco’’ti vatvā atthaṅgamentassa sūriyassa añjaliṃ paggaṇhi. ‘‘Rattimābhāti candimā’’ti, uṭṭhahantassa candassa añjaliṃ paggaṇhi. ‘‘Sannaddho khattiyo tapatī’’ti rañño añjaliṃ paggaṇhi. ‘‘Jhāyī tapati brāhmaṇo’’ti bhikkhusaṅghassa añjaliṃ paggaṇhi. ‘‘Buddho tapati tejasā’’ti vatvā pana mahācetiyassa añjaliṃ paggaṇhi. Atha naṃ rājā ‘‘mā hatthaṃ otārehī’’ti ukkhittasmiṃyeva hatthe sahassaṃ ṭhapesi. Ekādasamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๑. มหากปฺปินสุตฺตํ • 11. Mahākappinasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๑. มหากปฺปินสุตฺตวณฺณนา • 11. Mahākappinasuttavaṇṇanā