Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๓. มหากปฺปินเตฺถรคาถาวณฺณนา

    3. Mahākappinattheragāthāvaṇṇanā

    อนาคตํ โย ปฎิกจฺจ ปสฺสตีติอาทิกา อายสฺมโต มหากปฺปินเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ภิกฺขุโอวาทกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา ตชฺชํ อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถสิฯ

    Anāgataṃyo paṭikacca passatītiādikā āyasmato mahākappinattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarabuddhakāle haṃsavatīnagare kulaghare nibbattitvā viññutaṃ patto satthu santike dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ bhikkhuovādakānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā tajjaṃ adhikārakammaṃ katvā taṃ ṭhānantaraṃ patthesi.

    โส ตตฺถ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต ปุริสสหสฺสคณเชฎฺฐโก หุตฺวา คพฺภสหสฺสปฎิมณฺฑิตํ มหนฺตํ ปริเวณํ การาเปสิฯ เต สเพฺพปิ ชนา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา ตํ อุปาสกํ เชฎฺฐกํ กตฺวา สปุตฺตทารา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุเสฺสสุ สํสริํสุฯ เตสุ คณเชฎฺฐโก อมฺหากํ สตฺถุ นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว ปจฺจนฺตเทเส กุกฺกุฎนามเก นคเร ราชเคเห นิพฺพตฺติ, ตสฺส กปฺปิโนติ นามํ อโหสิฯ เสสปุริสา ตสฺมิํเยว นคเร อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติํสุฯ กปฺปินกุมาโร ปิตุ อจฺจเยน ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา มหากปฺปินราชา นาม ชาโตฯ โส สุตวิตฺตกตาย ปาโตว จตูหิ ทฺวาเรหิ สีฆํ ทูเต เปเสสิ – ‘‘ยตฺถ พหุสฺสุเต ปสฺสถ, ตโต นิวตฺติตฺวา มยฺหํ อาโรเจถา’’ติฯ

    So tattha yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto kassapasammāsambuddhakāle bārāṇasiyaṃ kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto purisasahassagaṇajeṭṭhako hutvā gabbhasahassapaṭimaṇḍitaṃ mahantaṃ pariveṇaṃ kārāpesi. Te sabbepi janā yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā taṃ upāsakaṃ jeṭṭhakaṃ katvā saputtadārā devaloke nibbattitvā ekaṃ buddhantaraṃ devamanussesu saṃsariṃsu. Tesu gaṇajeṭṭhako amhākaṃ satthu nibbattito puretarameva paccantadese kukkuṭanāmake nagare rājagehe nibbatti, tassa kappinoti nāmaṃ ahosi. Sesapurisā tasmiṃyeva nagare amaccakule nibbattiṃsu. Kappinakumāro pitu accayena chattaṃ ussāpetvā mahākappinarājā nāma jāto. So sutavittakatāya pātova catūhi dvārehi sīghaṃ dūte pesesi – ‘‘yattha bahussute passatha, tato nivattitvā mayhaṃ ārocethā’’ti.

    เตน จ สมเยน อมฺหากํ สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา สาวตฺถิํ อุปนิสฺสาย วิหรติฯ ตสฺมิํ กาเล สาวตฺถิวาสิโน วาณิชา สาวตฺถิยํ อุฎฺฐานกภณฺฑํ คเหตฺวา ตํ นครํ คนฺตฺวา ภณฺฑํ ปฎิสาเมตฺวา ‘‘ราชานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ปณฺณาการหตฺถา รโญฺญ อาโรจาเปสุํฯ เต ราชา ปโกฺกสาเปตฺวา นิยฺยาทิตปณฺณากาเร วนฺทิตฺวา ฐิเต ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘สาวตฺถิโต, เทวา’’ติฯ ‘‘กจฺจิ โว รฎฺฐํ สุภิกฺขํ, ธมฺมิโก ราชา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติฯ ‘‘กีทิโส ธโมฺม ตุมฺหากํ เทเส อิทานิ ปวตฺตตี’’ติ? ‘‘ตํ, เทว, น สกฺกา อุจฺฉิฎฺฐมุเขหิ กเถตุ’’นฺติฯ ราชา สุวณฺณภิงฺคาเรน อุทกํ ทาเปสิฯ เต มุขํ วิกฺขาเลตฺวา ทสพลาภิมุขา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา, ‘‘เทว, อมฺหากํ เทเส พุทฺธรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ อาหํสุฯ รโญฺญ ‘‘พุโทฺธ’’ติ วจเน สุตมเตฺตเยว สกลสรีรํ ผรมานา ปีติ อุปฺปชฺชิฯ ตโต ‘‘พุโทฺธติ, ตาตา, วเทถา’’ติ อาหฯ ‘‘พุโทฺธติ, เทว, วทามา’’ติฯ เอวํ ติกฺขตฺตุํ วทาเปตฺวา ‘‘พุโทฺธติ ปทํ อปริมาณ’’นฺติ ตสฺมิํเยว ปเท ปสโนฺน สตสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อปรํ วเทถา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘เทว, โลเก ธมฺมรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติฯ ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว สตสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อปรํ วเทถา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘เทว, สงฺฆรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติฯ ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว สตสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ตโตว นิกฺขมิฯ อมจฺจาปิ ตเถว นิกฺขมิํสุฯ โส อมจฺจสหเสฺสน สทฺธิํ คงฺคาตีรํ ปตฺวา ‘‘สเจ สตฺถา สมฺมาสมฺพุโทฺธ, อิเมสํ อสฺสานํ ขุรมตฺตมฺปิ มา เตเมตู’’ติ สจฺจาธิฎฺฐานํ กตฺวา อุทกปิเฎฺฐเนว ปูรํ คงฺคานทิํ อติกฺกมิตฺวา อปรมฺปิ อฑฺฒโยชนวิตฺถารํ นทิํ ตเถว อติกฺกมิตฺวา ตติยํ จนฺทภาคํ นาม มหานทิํ ปตฺวา ตมฺปิ ตาย เอว สจฺจกิริยาย อติกฺกมิฯ

    Tena ca samayena amhākaṃ satthā loke uppajjitvā sāvatthiṃ upanissāya viharati. Tasmiṃ kāle sāvatthivāsino vāṇijā sāvatthiyaṃ uṭṭhānakabhaṇḍaṃ gahetvā taṃ nagaraṃ gantvā bhaṇḍaṃ paṭisāmetvā ‘‘rājānaṃ passissāmā’’ti paṇṇākārahatthā rañño ārocāpesuṃ. Te rājā pakkosāpetvā niyyāditapaṇṇākāre vanditvā ṭhite ‘‘kuto āgatatthā’’ti pucchi. ‘‘Sāvatthito, devā’’ti. ‘‘Kacci vo raṭṭhaṃ subhikkhaṃ, dhammiko rājā’’ti? ‘‘Āma, devā’’ti. ‘‘Kīdiso dhammo tumhākaṃ dese idāni pavattatī’’ti? ‘‘Taṃ, deva, na sakkā ucchiṭṭhamukhehi kathetu’’nti. Rājā suvaṇṇabhiṅgārena udakaṃ dāpesi. Te mukhaṃ vikkhāletvā dasabalābhimukhā añjaliṃ paggahetvā, ‘‘deva, amhākaṃ dese buddharatanaṃ nāma uppanna’’nti āhaṃsu. Rañño ‘‘buddho’’ti vacane sutamatteyeva sakalasarīraṃ pharamānā pīti uppajji. Tato ‘‘buddhoti, tātā, vadethā’’ti āha. ‘‘Buddhoti, deva, vadāmā’’ti. Evaṃ tikkhattuṃ vadāpetvā ‘‘buddhoti padaṃ aparimāṇa’’nti tasmiṃyeva pade pasanno satasahassaṃ datvā ‘‘aparaṃ vadethā’’ti pucchi. ‘‘Deva, loke dhammaratanaṃ nāma uppanna’’nti. Tampi sutvā tatheva satasahassaṃ datvā ‘‘aparaṃ vadethā’’ti pucchi. ‘‘Deva, saṅgharatanaṃ nāma uppanna’’nti. Tampi sutvā tatheva satasahassaṃ datvā ‘‘buddhassa bhagavato santike pabbajissāmī’’ti tatova nikkhami. Amaccāpi tatheva nikkhamiṃsu. So amaccasahassena saddhiṃ gaṅgātīraṃ patvā ‘‘sace satthā sammāsambuddho, imesaṃ assānaṃ khuramattampi mā temetū’’ti saccādhiṭṭhānaṃ katvā udakapiṭṭheneva pūraṃ gaṅgānadiṃ atikkamitvā aparampi aḍḍhayojanavitthāraṃ nadiṃ tatheva atikkamitvā tatiyaṃ candabhāgaṃ nāma mahānadiṃ patvā tampi tāya eva saccakiriyāya atikkami.

    สตฺถาปิ ตํทิวสํ ปจฺจูสสมยํเยว มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย โลกํ โวโลเกโนฺต ‘‘อชฺช มหากปฺปิโน ติโยชนสติกํ รชฺชํ ปหาย อมจฺจสหสฺสปริวาโร มม สนฺติเก ปพฺพชิตุํ อาคมิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ‘‘มยา เตสํ ปจฺจุคฺคมนํ กาตุํ ยุตฺต’’นฺติ ปาโตว สรีรปฎิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต สยเมว อากาเสน คนฺตฺวา จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร เตสํ อุตฺตรณติตฺถสฺสาภิมุขฎฺฐาเน มหานิโคฺรธมูเล ปลฺลเงฺกน นิสิโนฺน ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสเชฺชสิฯ เต เตน ติเตฺถน อุตฺตรนฺตา พุทฺธรสฺมิโย อิโต จิโต จ วิธาวนฺติโย โอโลเกโนฺต ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ยํ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส มยํ อาคตา, อทฺธา โส เอโส’’ติ ทสฺสเนเนว นิฎฺฐํ คนฺตฺวา ทิฎฺฐฎฺฐานโต ปฎฺฐาย โอนมิตฺวา ปรมนิปจฺจาการํ กโรนฺตา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิํสุฯ ราชา ภควโต โคปฺผเกสุ คเหตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธิํ อมจฺจสหเสฺสนฯ สตฺถา เตสํ ธมฺมํ เทเสสิฯ เทสนาปริโยสาเน สทฺธิํ ปริสาย อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๖๖-๑๐๗) –

    Satthāpi taṃdivasaṃ paccūsasamayaṃyeva mahākaruṇāsamāpattito vuṭṭhāya lokaṃ volokento ‘‘ajja mahākappino tiyojanasatikaṃ rajjaṃ pahāya amaccasahassaparivāro mama santike pabbajituṃ āgamissatī’’ti disvā ‘‘mayā tesaṃ paccuggamanaṃ kātuṃ yutta’’nti pātova sarīrapaṭijagganaṃ katvā bhikkhusaṅghaparivuto sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto sayameva ākāsena gantvā candabhāgāya nadiyā tīre tesaṃ uttaraṇatitthassābhimukhaṭṭhāne mahānigrodhamūle pallaṅkena nisinno chabbaṇṇabuddharasmiyo vissajjesi. Te tena titthena uttarantā buddharasmiyo ito cito ca vidhāvantiyo olokento bhagavantaṃ disvā ‘‘yaṃ satthāraṃ uddissa mayaṃ āgatā, addhā so eso’’ti dassaneneva niṭṭhaṃ gantvā diṭṭhaṭṭhānato paṭṭhāya onamitvā paramanipaccākāraṃ karontā bhagavantaṃ upasaṅkamiṃsu. Rājā bhagavato gopphakesu gahetvā satthāraṃ vanditvā ekamantaṃ nisīdi saddhiṃ amaccasahassena. Satthā tesaṃ dhammaṃ desesi. Desanāpariyosāne saddhiṃ parisāya arahatte patiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.54.66-107) –

    ‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

    ‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammāna pāragū;

    อุทิโต อชฎากาเส, รวีว สรทมฺพเรฯ

    Udito ajaṭākāse, ravīva saradambare.

    ‘‘วจนาภาย โพเธติ, เวเนยฺยปทุมานิ โส;

    ‘‘Vacanābhāya bodheti, veneyyapadumāni so;

    กิเลสปงฺกํ โสเสติ, มติรํสีหิ นายโกฯ

    Kilesapaṅkaṃ soseti, matiraṃsīhi nāyako.

    ‘‘ติตฺถิยานํ ยเส หนฺติ, ขโชฺชตาภา ยถา รวิ;

    ‘‘Titthiyānaṃ yase hanti, khajjotābhā yathā ravi;

    สจฺจตฺถาภํ ปกาเสติ, รตนํว ทิวากโรฯ

    Saccatthābhaṃ pakāseti, ratanaṃva divākaro.

    ‘‘คุณานํ อายติภูโต, รตนานํว สาคโร;

    ‘‘Guṇānaṃ āyatibhūto, ratanānaṃva sāgaro;

    ปชฺชุโนฺนริว ภูตานิ, ธมฺมเมเฆน วสฺสติฯ

    Pajjunnoriva bhūtāni, dhammameghena vassati.

    ‘‘อกฺขทโสฺส ตทา อาสิํ, นคเร หํสสวฺหเย;

    ‘‘Akkhadasso tadā āsiṃ, nagare haṃsasavhaye;

    อุเปจฺจ ธมฺมมโสฺสสิํ, ชลชุตฺตมนามิโนฯ

    Upecca dhammamassosiṃ, jalajuttamanāmino.

    ‘‘โอวาทกสฺส ภิกฺขูนํ, สาวกสฺส กตาวิโน;

    ‘‘Ovādakassa bhikkhūnaṃ, sāvakassa katāvino;

    คุณํ ปกาสยนฺตสฺส, ตปฺปยนฺตสฺส เม มนํฯ

    Guṇaṃ pakāsayantassa, tappayantassa me manaṃ.

    ‘‘สุตฺวา ปตีโต สุมโน, นิมเนฺตตฺวา ตถาคตํ;

    ‘‘Sutvā patīto sumano, nimantetvā tathāgataṃ;

    สสิสฺสํ โภชยิตฺวาน, ตํ ฐานมภิปตฺถยิํฯ

    Sasissaṃ bhojayitvāna, taṃ ṭhānamabhipatthayiṃ.

    ‘‘ตทา หํสสมภาโค, หํสทุนฺทุภินิสฺสโน;

    ‘‘Tadā haṃsasamabhāgo, haṃsadundubhinissano;

    ปสฺสเถตํ มหามตฺตํ, วินิจฺฉยวิสารทํฯ

    Passathetaṃ mahāmattaṃ, vinicchayavisāradaṃ.

    ‘‘ปติตํ ปาทมูเล เม, สมุคฺคตตนูรุหํ;

    ‘‘Patitaṃ pādamūle me, samuggatatanūruhaṃ;

    ชีมูตวณฺณํ ปีณํสํ, ปสนฺนนยนานนํฯ

    Jīmūtavaṇṇaṃ pīṇaṃsaṃ, pasannanayanānanaṃ.

    ‘‘ปริวาเรน มหตา, ราชยุตฺตํ มหายสํ;

    ‘‘Parivārena mahatā, rājayuttaṃ mahāyasaṃ;

    เอโส กตาวิโน ฐานํ, ปเตฺถติ มุทิตาสโยฯ

    Eso katāvino ṭhānaṃ, pattheti muditāsayo.

    ‘‘อิมินา ปณิปาเตน, จาเคน ปณิธีหิ จ;

    ‘‘Iminā paṇipātena, cāgena paṇidhīhi ca;

    กปฺปสตสหสฺสานิ, นุปปชฺชติ ทุคฺคติํฯ

    Kappasatasahassāni, nupapajjati duggatiṃ.

    ‘‘เทเวสุ เทวโสภคฺคํ, มนุเสฺสสุ มหนฺตตํ;

    ‘‘Devesu devasobhaggaṃ, manussesu mahantataṃ;

    อนุโภตฺวาน เสเสน, นิพฺพานํ ปาปุณิสฺสติฯ

    Anubhotvāna sesena, nibbānaṃ pāpuṇissati.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

    ‘‘Tassa dhammesu dāyādo, oraso dhammanimmito;

    กปฺปิโน นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโกฯ

    Kappino nāma nāmena, hessati satthu sāvako.

    ‘‘ตโตหํ สุกตํ การํ, กตฺวาน ชินสาสเน;

    ‘‘Tatohaṃ sukataṃ kāraṃ, katvāna jinasāsane;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตุสิตํ อคมาสหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tusitaṃ agamāsahaṃ.

    ‘‘เทวมานุสรชฺชานิ, สตโส อนุสาสิย;

    ‘‘Devamānusarajjāni, sataso anusāsiya;

    พาราณสิยมาสเนฺน, ชาโต เกณิยชาติยํฯ

    Bārāṇasiyamāsanne, jāto keṇiyajātiyaṃ.

    ‘‘สหสฺสปริวาเรน, สปชาปติโก อหํ;

    ‘‘Sahassaparivārena, sapajāpatiko ahaṃ;

    ปญฺจปเจฺจกพุทฺธานํ, สตานิ สมุปฎฺฐหิํฯ

    Pañcapaccekabuddhānaṃ, satāni samupaṭṭhahiṃ.

    ‘‘เตมาสํ โภชยิตฺวาน, ปจฺฉาทมฺห ติจีวรํ;

    ‘‘Temāsaṃ bhojayitvāna, pacchādamha ticīvaraṃ;

    ตโต จุตา มยํ สเพฺพ, อหุมฺห ติทสูปคาฯ

    Tato cutā mayaṃ sabbe, ahumha tidasūpagā.

    ‘‘ปุโน สเพฺพ มนุสฺสตฺตํ, อคมิมฺห ตโต จุตา;

    ‘‘Puno sabbe manussattaṃ, agamimha tato cutā;

    กุกฺกุฎมฺหิ ปุเร ชาตา, หิมวนฺตสฺส ปสฺสโตฯ

    Kukkuṭamhi pure jātā, himavantassa passato.

    ‘‘กปฺปิโน นามหํ อาสิํ, ราชปุโตฺต มหายโส;

    ‘‘Kappino nāmahaṃ āsiṃ, rājaputto mahāyaso;

    เสสามจฺจกุเล ชาตา, มเมว ปริวารยุํฯ

    Sesāmaccakule jātā, mameva parivārayuṃ.

    ‘‘มหารชฺชสุขํ ปโตฺต, สพฺพกามสมิทฺธิมา;

    ‘‘Mahārajjasukhaṃ patto, sabbakāmasamiddhimā;

    วาณิเชหิ สมกฺขาตํ, พุทฺธุปฺปาทมหํ สุณิํฯ

    Vāṇijehi samakkhātaṃ, buddhuppādamahaṃ suṇiṃ.

    ‘‘พุโทฺธ โลเก สมุปฺปโนฺน, อสโม เอกปุคฺคโล;

    ‘‘Buddho loke samuppanno, asamo ekapuggalo;

    โส ปกาเสติ สทฺธมฺมํ, อมตํ สุขมุตฺตมํฯ

    So pakāseti saddhammaṃ, amataṃ sukhamuttamaṃ.

    ‘‘สุยุตฺตา ตสฺส สิสฺสา จ, สุมุตฺตา จ อนาสวา;

    ‘‘Suyuttā tassa sissā ca, sumuttā ca anāsavā;

    สุตฺวา เนสํ สุวจนํ, สกฺกริตฺวาน วาณิเชฯ

    Sutvā nesaṃ suvacanaṃ, sakkaritvāna vāṇije.

    ‘‘ปหาย รชฺชํ สามโจฺจ, นิกฺขมิํ พุทฺธมามโก;

    ‘‘Pahāya rajjaṃ sāmacco, nikkhamiṃ buddhamāmako;

    นทิํ ทิสฺวา มหาจนฺทํ, ปูริตํ สมติตฺติกํฯ

    Nadiṃ disvā mahācandaṃ, pūritaṃ samatittikaṃ.

    ‘‘อปฺปติฎฺฐํ อนาลมฺพํ, ทุตฺตรํ สีฆวาหินิํ;

    ‘‘Appatiṭṭhaṃ anālambaṃ, duttaraṃ sīghavāhiniṃ;

    คุณํ สริตฺวา พุทฺธสฺส, โสตฺถินา สมติกฺกมิํฯ

    Guṇaṃ saritvā buddhassa, sotthinā samatikkamiṃ.

    ‘‘ภวโสตํ สเจ พุโทฺธ, ติโณฺณ โลกนฺตคู วิทู;

    ‘‘Bhavasotaṃ sace buddho, tiṇṇo lokantagū vidū;

    เอเตน สจฺจวเชฺชน, คมนํ เม สมิชฺฌตุฯ

    Etena saccavajjena, gamanaṃ me samijjhatu.

    ‘‘ยทิ สนฺติคโม มโคฺค, โมโกฺข จจฺจนฺติกํ สุขํ;

    ‘‘Yadi santigamo maggo, mokkho caccantikaṃ sukhaṃ;

    เอเตน สจฺจวเชฺชน, คมนํ เม สมิชฺฌตุฯ

    Etena saccavajjena, gamanaṃ me samijjhatu.

    ‘‘สโงฺฆ เจ ติณฺณกนฺตาโร, ปุญฺญเกฺขโตฺต อนุตฺตโร;

    ‘‘Saṅgho ce tiṇṇakantāro, puññakkhetto anuttaro;

    เอเตน สจฺจวเชฺชน, คมนํ เม สมิชฺฌตุฯ

    Etena saccavajjena, gamanaṃ me samijjhatu.

    ‘‘สห กเต สจฺจวเร, มคฺคา อปคตํ ชลํ;

    ‘‘Saha kate saccavare, maggā apagataṃ jalaṃ;

    ตโต สุเขน อุตฺติโณฺณ, นทีตีเร มโนรเมฯ

    Tato sukhena uttiṇṇo, nadītīre manorame.

    ‘‘นิสินฺนํ อทฺทสํ พุทฺธํ, อุเทนฺตํว ปภงฺกรํ;

    ‘‘Nisinnaṃ addasaṃ buddhaṃ, udentaṃva pabhaṅkaraṃ;

    ชลนฺตํ เหมเสลํว, ทีปรุกฺขํว โชติตํฯ

    Jalantaṃ hemaselaṃva, dīparukkhaṃva jotitaṃ.

    ‘‘สสิํว ตาราสหิตํ, สาวเกหิ ปุรกฺขตํ;

    ‘‘Sasiṃva tārāsahitaṃ, sāvakehi purakkhataṃ;

    วาสวํ วิย วสฺสนฺตํ, เทสนาชลทนฺตรํฯ

    Vāsavaṃ viya vassantaṃ, desanājaladantaraṃ.

    ‘‘วนฺทิตฺวาน สหามโจฺจ, เอกมนฺตมุปาวิสิํ;

    ‘‘Vanditvāna sahāmacco, ekamantamupāvisiṃ;

    ตโต โน อาสยํ ญตฺวา, พุโทฺธ ธมฺมมเทสยิฯ

    Tato no āsayaṃ ñatvā, buddho dhammamadesayi.

    ‘‘สุตฺวาน ธมฺมํ วิมลํ, อโวจุมฺห มยํ ชินํ;

    ‘‘Sutvāna dhammaṃ vimalaṃ, avocumha mayaṃ jinaṃ;

    ปพฺพาเชหิ มหาวีร, นิพฺพินฺทามฺห มยํ ภเวฯ

    Pabbājehi mahāvīra, nibbindāmha mayaṃ bhave.

    ‘‘สฺวกฺขาโต ภิกฺขเว ธโมฺม, ทุกฺขนฺตกรณาย โว;

    ‘‘Svakkhāto bhikkhave dhammo, dukkhantakaraṇāya vo;

    จรถ พฺรหฺมจริยํ, อิจฺจาห มุนิสตฺตโมฯ

    Caratha brahmacariyaṃ, iccāha munisattamo.

    ‘‘สห วาจาย สเพฺพปิ, ภิกฺขุเวสธรา มยํ;

    ‘‘Saha vācāya sabbepi, bhikkhuvesadharā mayaṃ;

    อหุมฺห อุปสมฺปนฺนา, โสตาปนฺนา จ สาสเนฯ

    Ahumha upasampannā, sotāpannā ca sāsane.

    ‘‘ตโต เชตวนํ คนฺตฺวา, อนุสาสิ วินายโก;

    ‘‘Tato jetavanaṃ gantvā, anusāsi vināyako;

    อนุสิโฎฺฐ ชิเนนาหํ, อรหตฺตมปาปุณิํฯ

    Anusiṭṭho jinenāhaṃ, arahattamapāpuṇiṃ.

    ‘‘ตโต ภิกฺขุสหสฺสานิ, อนุสาสิมหํ ตทา;

    ‘‘Tato bhikkhusahassāni, anusāsimahaṃ tadā;

    มมานุสาสนกรา, เตปิ อาสุํ อนาสวาฯ

    Mamānusāsanakarā, tepi āsuṃ anāsavā.

    ‘‘ชิโน ตสฺมิํ คุเณ ตุโฎฺฐ, เอตทเคฺค ฐเปสิ มํ;

    ‘‘Jino tasmiṃ guṇe tuṭṭho, etadagge ṭhapesi maṃ;

    ภิกฺขุโอวาทกานโคฺค, กปฺปิโนติ มหาชเนฯ

    Bhikkhuovādakānaggo, kappinoti mahājane.

    ‘‘สตสหเสฺส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทเสฺสสิ เม อิธ;

    ‘‘Satasahasse kataṃ kammaṃ, phalaṃ dassesi me idha;

    ปมุโตฺต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยิํ มมฯ

    Pamutto saravegova, kilese jhāpayiṃ mama.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปตฺวา ปน เต สเพฺพว สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิํสุฯ สตฺถา เต ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ อาหฯ สา เอว เตสํ ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ อโหสิฯ สตฺถา ตํ ภิกฺขุสหสฺสํ อาทาย อากาเสน เชตวนํ อคมาสิฯ อเถกทิวสํ ภควา ตสฺสเนฺตวาสิเก ภิกฺขู อาห – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, กปฺปิโน ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสตี’’ติ? ‘‘น, ภควา, เทเสติ ฯ อโปฺปสฺสุโกฺก ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารมนุยุโตฺต วิหรติ, โอวาทมตฺตมฺปิ น เทตี’’ติฯ สตฺถา เถรํ ปโกฺกสาเปตฺวา – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, กปฺปิน, อเนฺตวาสิกานํ โอวาทมตฺตมฺปิ น เทสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ ‘‘พฺราหฺมณ, มา เอวํ กริ, อชฺช ปฎฺฐาย อุปคตานํ ธมฺมํ เทเสหี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ เถโร สตฺถุ วจนํ สิรสา สมฺปฎิจฺฉิตฺวา เอโกวาเทเนว สมณสหสฺสํ อรหเตฺต ปติฎฺฐาเปสิฯ เตน นํ สตฺถา ปฎิปาฎิยา อตฺตโน สาวเก เถเร ฐานนฺตเร ฐเปโนฺต ภิกฺขุโอวาทกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ อเถกทิวสํ เถโร ภิกฺขุนิโย โอวทโนฺต –

    Arahattaṃ patvā pana te sabbeva satthāraṃ pabbajjaṃ yāciṃsu. Satthā te ‘‘etha, bhikkhavo’’ti āha. Sā eva tesaṃ pabbajjā upasampadā ca ahosi. Satthā taṃ bhikkhusahassaṃ ādāya ākāsena jetavanaṃ agamāsi. Athekadivasaṃ bhagavā tassantevāsike bhikkhū āha – ‘‘kacci, bhikkhave, kappino bhikkhūnaṃ dhammaṃ desetī’’ti? ‘‘Na, bhagavā, deseti . Appossukko diṭṭhadhammasukhavihāramanuyutto viharati, ovādamattampi na detī’’ti. Satthā theraṃ pakkosāpetvā – ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, kappina, antevāsikānaṃ ovādamattampi na desī’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. ‘‘Brāhmaṇa, mā evaṃ kari, ajja paṭṭhāya upagatānaṃ dhammaṃ desehī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti thero satthu vacanaṃ sirasā sampaṭicchitvā ekovādeneva samaṇasahassaṃ arahatte patiṭṭhāpesi. Tena naṃ satthā paṭipāṭiyā attano sāvake there ṭhānantare ṭhapento bhikkhuovādakānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. Athekadivasaṃ thero bhikkhuniyo ovadanto –

    ๕๔๗.

    547.

    ‘‘อนาคตํ โย ปฎิกจฺจ ปสฺสติ, หิตญฺจ อตฺถํ อหิตญฺจ ตํ ทฺวยํ;

    ‘‘Anāgataṃ yo paṭikacca passati, hitañca atthaṃ ahitañca taṃ dvayaṃ;

    วิเทฺทสิโน ตสฺส หิเตสิโน วา, รนฺธํ น ปสฺสนฺติ สเมกฺขมานาฯ

    Viddesino tassa hitesino vā, randhaṃ na passanti samekkhamānā.

    ๕๔๘.

    548.

    ‘‘อานาปานสตี ยสฺส, ปริปุณฺณา สุภาวิตา;

    ‘‘Ānāpānasatī yassa, paripuṇṇā subhāvitā;

    อนุปุพฺพํ ปริจิตา, ยถา พุเทฺธน เทสิตา;

    Anupubbaṃ paricitā, yathā buddhena desitā;

    โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุโตฺตว จนฺทิมาฯ

    Somaṃ lokaṃ pabhāseti, abbhā muttova candimā.

    ๕๔๙.

    549.

    ‘‘โอทาตํ วต เม จิตฺตํ, อปฺปมาณํ สุภาวิตํ;

    ‘‘Odātaṃ vata me cittaṃ, appamāṇaṃ subhāvitaṃ;

    นิพฺพิทฺธํ ปคฺคหีตญฺจ, สพฺพา โอภาสเต ทิสาฯ

    Nibbiddhaṃ paggahītañca, sabbā obhāsate disā.

    ๕๕๐.

    550.

    ‘‘ชีวเต วาปิ สปฺปโญฺญ, อปิ วิตฺตปริกฺขโย;

    ‘‘Jīvate vāpi sappañño, api vittaparikkhayo;

    ปญฺญาย จ อลาเภน, วิตฺตวาปิ น ชีวติฯ

    Paññāya ca alābhena, vittavāpi na jīvati.

    ๕๕๑.

    551.

    ‘‘ปญฺญา สุตวินิจฺฉินี, ปญฺญา กิตฺติสิโลกวทฺธนี;

    ‘‘Paññā sutavinicchinī, paññā kittisilokavaddhanī;

    ปญฺญาสหิโต นโร อิธ, อปิ ทุเกฺขสุ สุขานิ วินฺทติฯ

    Paññāsahito naro idha, api dukkhesu sukhāni vindati.

    ๕๕๒.

    552.

    ‘‘นายํ อชฺชตโน ธโมฺม, นเจฺฉโร นปิ อพฺภุโต;

    ‘‘Nāyaṃ ajjatano dhammo, nacchero napi abbhuto;

    ยตฺถ ชาเยถ มีเยถ, ตตฺถ กิํ วิย อพฺภุตํฯ

    Yattha jāyetha mīyetha, tattha kiṃ viya abbhutaṃ.

    ๕๕๓.

    553.

    ‘‘อนนฺตรญฺหิ ชาตสฺส, ชีวิตา มรณํ ธุวํ;

    ‘‘Anantarañhi jātassa, jīvitā maraṇaṃ dhuvaṃ;

    ชาตา ชาตา มรนฺตีธ, เอวํ ธมฺมา หิ ปาณิโนฯ

    Jātā jātā marantīdha, evaṃ dhammā hi pāṇino.

    ๕๕๔.

    554.

    ‘‘น เหตทตฺถาย มตสฺส โหติ, ยํ ชีวิตตฺถํ ปรโปริสานํ;

    ‘‘Na hetadatthāya matassa hoti, yaṃ jīvitatthaṃ paraporisānaṃ;

    มตมฺหิ รุณฺณํ น ยโส น โลกฺยํ, น วณฺณิตํ สมณพฺราหฺมเณหิฯ

    Matamhi ruṇṇaṃ na yaso na lokyaṃ, na vaṇṇitaṃ samaṇabrāhmaṇehi.

    ๕๕๕.

    555.

    ‘‘จกฺขุํ สรีรํ อุปหนฺติ เตน, นิหียติ วณฺณพลํ มตี จ;

    ‘‘Cakkhuṃ sarīraṃ upahanti tena, nihīyati vaṇṇabalaṃ matī ca;

    อานนฺทิโน ตสฺส ทิสา ภวนฺติ, หิเตสิโน นาสฺส สุขี ภวนฺติฯ

    Ānandino tassa disā bhavanti, hitesino nāssa sukhī bhavanti.

    ๕๕๖.

    556.

    ‘‘ตสฺมา หิ อิเจฺฉยฺย กุเล วสเนฺต, เมธาวิโน เจว พหุสฺสุเต จ;

    ‘‘Tasmā hi iccheyya kule vasante, medhāvino ceva bahussute ca;

    เยสญฺหิ ปญฺญาวิภเวน กิจฺจํ, ตรนฺติ นาวาย นทิํว ปุณฺณ’’นฺติฯ –

    Yesañhi paññāvibhavena kiccaṃ, taranti nāvāya nadiṃva puṇṇa’’nti. –

    อิมา คาถา อภาสิฯ

    Imā gāthā abhāsi.

    ตตฺถ อนาคตนฺติ น อาคตํ, อวินฺทนฺติ, อโตฺถฯ ปฎิกจฺจาติ ปุเตตรํเยวฯ ปสฺสตีติ โอโลเกติฯ อตฺถนฺติ กิจฺจํฯ ตํ ทฺวยนฺติ หิตาหิตํฯ วิเทฺทสิโนติ อมิตฺตาฯ หิเตสิโนติ มิตฺตาฯ รนฺธนฺติ ฉิทฺทํฯ สเมกฺขมานาติ คเวสนฺตาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ปุคฺคโล อตฺตโน หิตาวหํ อหิตาวหํ ตทุภยญฺจ อตฺถํ กิจฺจํ อนาคตํ อสมฺปตฺตํ ปุเรตรํเยว ปญฺญาจกฺขุนา อหํ วิย ปสฺสติ วีมํสติ วิจาเรติ, ตสฺส อมิตฺตา วา อหิตชฺฌาสเยน มิตฺตา วา หิตชฺฌาสเยน รนฺธํ คเวสนฺตา น ปสฺสนฺติ, ตาทิโส ปญฺญวา ปุคฺคโล อจฺฉิทฺทวุตฺติ, ตสฺมา ตุเมฺหหิ ตถารูเปหิ ภวิตพฺพนฺติฯ

    Tattha anāgatanti na āgataṃ, avindanti, attho. Paṭikaccāti putetaraṃyeva. Passatīti oloketi. Atthanti kiccaṃ. Taṃ dvayanti hitāhitaṃ. Viddesinoti amittā. Hitesinoti mittā. Randhanti chiddaṃ. Samekkhamānāti gavesantā. Idaṃ vuttaṃ hoti – yo puggalo attano hitāvahaṃ ahitāvahaṃ tadubhayañca atthaṃ kiccaṃ anāgataṃ asampattaṃ puretaraṃyeva paññācakkhunā ahaṃ viya passati vīmaṃsati vicāreti, tassa amittā vā ahitajjhāsayena mittā vā hitajjhāsayena randhaṃ gavesantā na passanti, tādiso paññavā puggalo acchiddavutti, tasmā tumhehi tathārūpehi bhavitabbanti.

    อิทานิ อานาปานสติภาวนาย คุณํ ทเสฺสโนฺต ตตฺถ ตานิ โยเชตุํ ‘‘อานาปานสตี ยสฺสา’’ติ ทุติยํ คาถมาหฯ ตตฺถ อานนฺติ อสฺสาโสฯ อปานนฺติ ปสฺสาโสฯ อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตารมฺมณา สติ อานาปานสติฯ สติสีเสน เจตฺถ ตํสมฺปยุตฺตสมาธิภาวนา อธิเปฺปตาฯ ยสฺสาติ, ยสฺส โยคิโนฯ ปริปุณฺณา สุภาวิตาติ จตุนฺนํ สติปฎฺฐานานํ โสฬสนฺนญฺจ อาการานํ ปาริปูริยา สพฺพโส ปุณฺณา สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ วิชฺชาวิมุตฺตีนญฺจ ปาริปูริยา สุฎฺฐุ ภาวิตา วฑฺฒิตาฯ อนุปุพฺพํ ปริจิตา, ยถา พุเทฺธน เทสิตาติ ‘‘โส สโตว อสฺสสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๐๗) ยถา ภควตา เทสิตา, ตถา อนุปุพฺพํ อนุกฺกเมน ปริจิตา อาเสวิตา ภาวิตาฯ โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุโตฺตว จนฺทิมาติ โส โยคาวจโร ยถา อพฺภาทิอุปกฺกิเลสา วิมุโตฺต จโนฺท จนฺทาโลเกน อิมํ โอกาสโลกํ ปภาเสติ, เอวํ อวิชฺชาทิอุปกฺกิเลสวิมุโตฺต ญาณาโลเกน อตฺตสนฺตานปติตํ ปรสนฺตานปติตญฺจ สงฺขารโลกํ ปภาเสติ ปกาเสติฯ ตสฺมา ตุเมฺหหิ อานาปานสติภาวนา ภาเวตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ

    Idāni ānāpānasatibhāvanāya guṇaṃ dassento tattha tāni yojetuṃ ‘‘ānāpānasatī yassā’’ti dutiyaṃ gāthamāha. Tattha ānanti assāso. Apānanti passāso. Assāsapassāsanimittārammaṇā sati ānāpānasati. Satisīsena cettha taṃsampayuttasamādhibhāvanā adhippetā. Yassāti, yassa yogino. Paripuṇṇā subhāvitāti catunnaṃ satipaṭṭhānānaṃ soḷasannañca ākārānaṃ pāripūriyā sabbaso puṇṇā sattannaṃ bojjhaṅgānaṃ vijjāvimuttīnañca pāripūriyā suṭṭhu bhāvitā vaḍḍhitā. Anupubbaṃ paricitā, yathā buddhena desitāti ‘‘so satova assasatī’’tiādinā (dī. ni. 2.374; ma. ni. 1.107) yathā bhagavatā desitā, tathā anupubbaṃ anukkamena paricitā āsevitā bhāvitā. Somaṃ lokaṃ pabhāseti, abbhā muttova candimāti so yogāvacaro yathā abbhādiupakkilesā vimutto cando candālokena imaṃ okāsalokaṃ pabhāseti, evaṃ avijjādiupakkilesavimutto ñāṇālokena attasantānapatitaṃ parasantānapatitañca saṅkhāralokaṃ pabhāseti pakāseti. Tasmā tumhehi ānāpānasatibhāvanā bhāvetabbāti adhippāyo.

    อิทานิ อตฺตานํ นิทสฺสนํ กตฺวา ภาวนาภิโยคสฺส สผลตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โอทาตํ วต เม จิตฺต’’นฺติ ตติยํ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – นีวรณมลวิคมโต โอทาตํ สุทฺธํ วต มม จิตฺตํฯ ยถา ปมาณกรา ราคาทโย ปหีนา, อปฺปมาณญฺจ นิพฺพานํ ปจฺจกฺขํ กตํ อโหสิ, ตถา ภาวิตตฺตา อปฺปมาณํ สุภาวิตํ, ตโต เอว จตุสจฺจํ นิพฺพิทฺธํ ปฎิวิชฺฌิตํ, สกลสํกิเลสปกฺขโต ปคฺคหิตญฺจ หุตฺวา ทุกฺขาทิกา ปุพฺพนฺตาทิกา จ ทิสา โอภาสเต ตตฺถ วิติณฺณกงฺขตฺตา สพฺพธเมฺมสุ วิคตสโมฺมหตฺตา จฯ ตสฺมา ตุเมฺหหิปิ เอวํ จิตฺตํ ภาเวตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ

    Idāni attānaṃ nidassanaṃ katvā bhāvanābhiyogassa saphalataṃ dassento ‘‘odātaṃ vata me citta’’nti tatiyaṃ gāthamāha. Tassattho – nīvaraṇamalavigamato odātaṃ suddhaṃ vata mama cittaṃ. Yathā pamāṇakarā rāgādayo pahīnā, appamāṇañca nibbānaṃ paccakkhaṃ kataṃ ahosi, tathā bhāvitattā appamāṇaṃ subhāvitaṃ, tato eva catusaccaṃ nibbiddhaṃ paṭivijjhitaṃ, sakalasaṃkilesapakkhato paggahitañca hutvā dukkhādikā pubbantādikā ca disā obhāsate tattha vitiṇṇakaṅkhattā sabbadhammesu vigatasammohattā ca. Tasmā tumhehipi evaṃ cittaṃ bhāvetabbanti dasseti.

    ยถา ภาวนามยา ปญฺญา จิตฺตมลวิโสธนาทินา ปุริสสฺส พหุปการา, เอวํ อิตราปีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ชีวเต วาปิ สปฺปโญฺญ’’ติ จตุตฺถคาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ปริกฺขีณธโนปิ สปฺปญฺญชาติโก อิตรีตรสโนฺตเสน สนฺตุโฎฺฐ อนวชฺชาย ชีวิกาย ชีวติเยวฯ ตสฺส หิ ชีวิตํ ชีวิตํ นามฯ เตนาห ภควา – ‘‘ปญฺญาชีวิํ ชีวิตมาหุ เสฎฺฐ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๓, ๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔)ฯ ทุเมฺมธปุคฺคโล ปน ปญฺญาย อลาเภน ทิฎฺฐธมฺมิกํ สมฺปรายิกญฺจ อตฺถํ วิราเธโนฺต วิตฺตวาปิ น ชีวติ, ครหาทิปฺปตฺติยา ชีวโนฺต นาม น ตสฺส โหติ, อนุปายญฺญุตาย วา ยถาธิคตํ ธนํ นาเสโนฺต ชีวิตมฺปิ สนฺธาเรตุํ น สโกฺกติเยว, ตสฺมา ปาริหาริยปญฺญาปิ ตุเมฺหหิ อปฺปมเตฺตหิ สมฺปาเทตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ

    Yathā bhāvanāmayā paññā cittamalavisodhanādinā purisassa bahupakārā, evaṃ itarāpīti dassento ‘‘jīvate vāpi sappañño’’ti catutthagāthamāha. Tassattho – parikkhīṇadhanopi sappaññajātiko itarītarasantosena santuṭṭho anavajjāya jīvikāya jīvatiyeva. Tassa hi jīvitaṃ jīvitaṃ nāma. Tenāha bhagavā – ‘‘paññājīviṃ jīvitamāhu seṭṭha’’nti (saṃ. ni. 1.73, 246; su. ni. 184). Dummedhapuggalo pana paññāya alābhena diṭṭhadhammikaṃ samparāyikañca atthaṃ virādhento vittavāpi na jīvati, garahādippattiyā jīvanto nāma na tassa hoti, anupāyaññutāya vā yathādhigataṃ dhanaṃ nāsento jīvitampi sandhāretuṃ na sakkotiyeva, tasmā pārihāriyapaññāpi tumhehi appamattehi sampādetabbāti adhippāyo.

    อิทานิ ปญฺญาย อานิสํเส ทเสฺสตุํ ‘‘ปญฺญา สุตวินิจฺฉินี’’ติ ปญฺจมํ คาถมาหฯ ตตฺถ ปญฺญา สุตวินิจฺฉินีติ ปญฺญา นาเมสา สุตสฺส วินิจฺฉยินี, ยถาสุเต โสตปถมาคเต อเตฺถ ‘‘อยํ อกุสโล, อยํ กุสโล, อยํ สาวโชฺช, อยํ อนวโชฺช’’ติอาทินา วินิจฺฉยชนนีฯ กิตฺติสิโลกวทฺธนีติ กิตฺติยา สมฺมุขา ปสํสาย สิโลกสฺส ปตฺถฎยสภาวสฺส วทฺธนี, ปญฺญวโตเยว หิ กิตฺติอาทโย วิญฺญูนํ ปาสํสภาวโตฯ ปญฺญาสหิโตติ ปาริหาริยปญฺญาย, วิปสฺสนาปญฺญาย จ ยุโตฺตฯ อปิ ทุเกฺขสุ สุขานิ วินฺทตีติ เอกนฺตทุกฺขสภาเวสุ ขนฺธายตนาทีสุ สมฺมาปฎิปตฺติยา ยถาภูตสภาวาวโพเธน นิรามิสานิปิ สุขานิ ปฎิลภติฯ

    Idāni paññāya ānisaṃse dassetuṃ ‘‘paññā sutavinicchinī’’ti pañcamaṃ gāthamāha. Tattha paññā sutavinicchinīti paññā nāmesā sutassa vinicchayinī, yathāsute sotapathamāgate atthe ‘‘ayaṃ akusalo, ayaṃ kusalo, ayaṃ sāvajjo, ayaṃ anavajjo’’tiādinā vinicchayajananī. Kittisilokavaddhanīti kittiyā sammukhā pasaṃsāya silokassa patthaṭayasabhāvassa vaddhanī, paññavatoyeva hi kittiādayo viññūnaṃ pāsaṃsabhāvato. Paññāsahitoti pārihāriyapaññāya, vipassanāpaññāya ca yutto. Api dukkhesu sukhāni vindatīti ekantadukkhasabhāvesu khandhāyatanādīsu sammāpaṭipattiyā yathābhūtasabhāvāvabodhena nirāmisānipi sukhāni paṭilabhati.

    อิทานิ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อนิจฺจตาปฎิสํยุตฺตํ ธีรภาวาวหํ ธมฺมํ กเถโนฺต ‘‘นายํ อชฺชตโน ธโมฺม’’ติอาทินา เสสคาถา อภาสิฯ ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – ยฺวายํ สตฺตานํ ชายนมียนสภาโว, อยํ ธโมฺม อชฺชตโน อธุนาคโต น โหติ, อภิณฺหปวตฺติกตาย น อจฺฉริโย, อพฺภุตปุพฺพตาภาวโต นาปิ อพฺภุโตฯ ตสฺมา ยตฺถ ชาเยถ มีเยถ, ยสฺมิํ โลเก สโตฺต ชาเยยฺย, โส เอกํเสน มีเยถ, ตตฺถ กิํ วิย? กิํ นาม อพฺภุตํ สิยา? สภาวิกตฺตา มรณสฺส – น หิ ขณิกมรณสฺส กิญฺจิ การณํ อตฺถิฯ ยโต อนนฺตรญฺหิ ชาตสฺส, ชีวิตา มรณํ ธุวํ ชาตสฺส ชาติสมนนฺตรํ ชีวิตโต มรณํ เอกนฺติกํ อุปฺปนฺนานํ ขนฺธานํ เอกํเสน ภิชฺชนโตฯ โย ปเนตฺถ ชีวตีติ โลกโวหาโร, โส ตทุปาทานสฺส อเนกปจฺจยายตฺตตาย อเนกนฺติโก, ยสฺมา เอตเทวํ, ตสฺมา ชาตา มรนฺตีธ, เอวํธมฺมา หิ ปาณิโนติ อยํ สตฺตานํ ปกติ, ยทิทํ ชาตานํ มรณนฺติ ชาติยา มรณานุพนฺธนตํ อาหฯ

    Idāni tāsaṃ bhikkhunīnaṃ aniccatāpaṭisaṃyuttaṃ dhīrabhāvāvahaṃ dhammaṃ kathento ‘‘nāyaṃ ajjatano dhammo’’tiādinā sesagāthā abhāsi. Tatrāyaṃ saṅkhepattho – yvāyaṃ sattānaṃ jāyanamīyanasabhāvo, ayaṃ dhammo ajjatano adhunāgato na hoti, abhiṇhapavattikatāya na acchariyo, abbhutapubbatābhāvato nāpi abbhuto. Tasmā yattha jāyetha mīyetha, yasmiṃ loke satto jāyeyya, so ekaṃsena mīyetha, tattha kiṃ viya? Kiṃ nāma abbhutaṃ siyā? Sabhāvikattā maraṇassa – na hi khaṇikamaraṇassa kiñci kāraṇaṃ atthi. Yato anantarañhi jātassa, jīvitā maraṇaṃ dhuvaṃ jātassa jātisamanantaraṃ jīvitato maraṇaṃ ekantikaṃ uppannānaṃ khandhānaṃ ekaṃsena bhijjanato. Yo panettha jīvatīti lokavohāro, so tadupādānassa anekapaccayāyattatāya anekantiko, yasmā etadevaṃ, tasmā jātā marantīdha, evaṃdhammā hi pāṇinoti ayaṃ sattānaṃ pakati, yadidaṃ jātānaṃ maraṇanti jātiyā maraṇānubandhanataṃ āha.

    อิทานิ ยสฺมา ตาสุ ภิกฺขุนีสุ กาจิ โสกพนฺธิตจิตฺตาปิ อตฺถิ, ตสฺมา ตาสํ โสกวิโนทนํ กาตุํ ‘‘น เหตทตฺถายาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ น เหตทตฺถาย มตสฺส โหตีติ ยํ มตสฺส ชีวิตตฺถํ ชีวิตนิมิตฺตํ ปรโปริสานํ ปรปุคฺคลานํ รุณฺณํ, เอตํ ตสฺส มตสฺส สตฺตสฺส ชีวิตตฺถํ ตาว ติฎฺฐตุ, กสฺสจิปิ อตฺถาย น โหติ, เย ปน รุทนฺติ, เตสมฺปิ มตมฺหิ มตปุคฺคลนิมิตฺตํ รุณฺณํ, น ยโส น โลกฺยํ ยสาวหํ วิสุทฺธาวหญฺจ น โหติ ฯ น วณฺณิตํ สมณพฺราหฺมเณหีติ วิญฺญุปฺปสฎฺฐมฺปิ น โหติ, อถ โข วิญฺญุครหิตเมวาติ อโตฺถฯ

    Idāni yasmā tāsu bhikkhunīsu kāci sokabandhitacittāpi atthi, tasmā tāsaṃ sokavinodanaṃ kātuṃ ‘‘na hetadatthāyātiādi vuttaṃ. Tattha na hetadatthāya matassa hotīti yaṃ matassa jīvitatthaṃ jīvitanimittaṃ paraporisānaṃ parapuggalānaṃ ruṇṇaṃ, etaṃ tassa matassa sattassa jīvitatthaṃ tāva tiṭṭhatu, kassacipi atthāya na hoti, ye pana rudanti, tesampi matamhi matapuggalanimittaṃ ruṇṇaṃ, na yaso na lokyaṃ yasāvahaṃ visuddhāvahañca na hoti . Na vaṇṇitaṃ samaṇabrāhmaṇehīti viññuppasaṭṭhampi na hoti, atha kho viññugarahitamevāti attho.

    น เกวลเมเตว เย รุทโต อาทีนวา, อถ โข อิเมปีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘จกฺขุํ สรีรํ อุปหนฺตี’’ติ คาถํ วตฺวา ตโต ปรํ โสกาทิอนตฺถปฎิพาหนตฺถํ กลฺยาณมิตฺตปยิรุปาสนายํ ตา นิโยเชโนฺต ‘‘ตสฺมา’’ติอาทินา โอสานคาถมาหฯ ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา รุณฺณํ รุทนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส จกฺขุํ สรีรญฺจ อุปหนฺติ วิพาธติ, เตน รุเณฺณน วโณฺณ พลํ มติ จ นิหียติ ปริหายติ, ตสฺส รุทนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส ทิสา สปตฺตา อานนฺทิโน ปโมทวโนฺต ปีติวโนฺต ภวนฺติฯ หิเตสิโน มิตฺตา ทุกฺขี ทุกฺขิตา ภวนฺติ ตสฺมา ธโมฺมชปญฺญาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวิโน ทิฎฺฐธมฺมิกาทิอตฺถสนฺนิสฺสิตสฺส พาหุสจฺจสฺส ปาริปูริยา พหุสฺสุเต, อตฺตโน กุเล วสเนฺต อิเจฺฉยฺย ปาฎิกเงฺขยฺย กุลูปเก กเรยฺยฯ เยสนฺติ เยสํ เมธาวีนํ พหุสฺสุตานํ ปณฺฑิตานํ ปญฺญาวิภเวน ปญฺญาพเลน ยถา มโหฆสฺส ปุณฺณํ นทิํ นาวาย ตรนฺติ, เอวํ กุลปุตฺตา อตฺตโน อตฺถกิจฺจํ ตรนฺติ ปารํ ปาปุณนฺติฯ เต อิเจฺฉยฺย กุเล วสเนฺตติ โยชนาฯ

    Na kevalameteva ye rudato ādīnavā, atha kho imepīti dassento ‘‘cakkhuṃ sarīraṃ upahantī’’ti gāthaṃ vatvā tato paraṃ sokādianatthapaṭibāhanatthaṃ kalyāṇamittapayirupāsanāyaṃ tā niyojento ‘‘tasmā’’tiādinā osānagāthamāha. Tattha tasmāti yasmā ruṇṇaṃ rudantassa puggalassa cakkhuṃ sarīrañca upahanti vibādhati, tena ruṇṇena vaṇṇo balaṃ mati ca nihīyati parihāyati, tassa rudantassa puggalassa disā sapattā ānandino pamodavanto pītivanto bhavanti. Hitesino mittā dukkhī dukkhitā bhavanti tasmā dhammojapaññāya samannāgatattā medhāvino diṭṭhadhammikādiatthasannissitassa bāhusaccassa pāripūriyā bahussute, attano kule vasante iccheyya pāṭikaṅkheyya kulūpake kareyya. Yesanti yesaṃ medhāvīnaṃ bahussutānaṃ paṇḍitānaṃ paññāvibhavena paññābalena yathā mahoghassa puṇṇaṃ nadiṃ nāvāya taranti, evaṃ kulaputtā attano atthakiccaṃ taranti pāraṃ pāpuṇanti. Te iccheyya kule vasanteti yojanā.

    เอวํ เถโร ตาสํ ภิกฺขุนีนํ ธมฺมํ กเถตฺวา วิสฺสเชฺชสิฯ ตา เถรสฺส โอวาเท ฐตฺวา โสกํ วิโนเทตฺวา โยนิโส ปฎิปชฺชนฺติโย สทตฺถํ ปริปูเรสุํฯ

    Evaṃ thero tāsaṃ bhikkhunīnaṃ dhammaṃ kathetvā vissajjesi. Tā therassa ovāde ṭhatvā sokaṃ vinodetvā yoniso paṭipajjantiyo sadatthaṃ paripūresuṃ.

    มหากปฺปินเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahākappinattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. มหากปฺปินเตฺถรคาถา • 3. Mahākappinattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact