Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    ๗๑. มหากรุณาญาณนิเทฺทสวณฺณนา

    71. Mahākaruṇāñāṇaniddesavaṇṇanā

    ๑๑๗. มหากรุณาญาณนิเทฺทเส พหุเกหิ อากาเรหีติ อิทานิ วุจฺจมาเนหิ เอกูนนวุติยา ปกาเรหิฯ ปสฺสนฺตานนฺติ ญาณจกฺขุนา จ พุทฺธจกฺขุนา จ โอโลเกนฺตานํฯ โอกฺกมตีติ โอตรติ ปวิสติฯ อาทิโตฺตติ ทุกฺขลกฺขณวเสน ปีฬาโยคโต สนฺตาปนเฎฺฐน อาทีปิโตฯ ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺข’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) วุตฺตตฺตา สพฺพสงฺขตสฺส เจว ทุกฺขลกฺขณวเสน ปีฬิตตฺตา ทุกฺขสฺส จ กรุณาย มูลภูตตฺตา ปฐมํ ทุกฺขลกฺขณวเสน ‘‘อาทิโตฺต’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ราคาทีหิ อาทิตฺตตํ ปน อุปริ วกฺขติฯ อถ วา อาทิโตฺตติ ราคาทีหิเยว อาทิโตฺตฯ อุปริ ปน ‘‘ตสฺส นตฺถโญฺญ โกจิ นิพฺพาเปตา’’ติ อตฺถาเปกฺขนวเสน ปุน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ฯ โลกสนฺนิวาโสติ ปญฺจกฺขนฺธา ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโก, ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน สนฺนิวสนฺติ เอตฺถ สตฺตาติ สนฺนิวาโส, โลโกว สนฺนิวาโส โลกสนฺนิวาโสฯ ทุกฺขิตํ ขนฺธสนฺตานํ อุปาทาย สตฺตโวหารสพฺภาวโต โลกสนฺนิวาสโยคโต สตฺตสมูโหปิ โลกสนฺนิวาโสฯ โสปิ จ สหขนฺธโกเยวฯ อุยฺยุโตฺตติ อเนเกสุ กิเจฺจสุ นิจฺจพฺยาปารตาย กตโยโค กตอุสฺสาโห, สตตกิเจฺจสุ สอุสฺสุโกฺกติ อโตฺถฯ ฆฎฺฎนยุโตฺตติ วา อุยฺยุโตฺตฯ ปยาโตติ ปพฺพเตยฺยา นที วิย อนวฎฺฐิตคมเนน มรณาย ยาตุํ อารโทฺธฯ กุมฺมคฺคปฺปฎิปโนฺนติ กุจฺฉิตํ มิจฺฉามคฺคํ ปฎิปโนฺนฯ อุปริ ปน ‘‘วิปถปกฺขโนฺท’’ติ นานาปเทหิ วิเสเสตฺวา วุตฺตํฯ

    117. Mahākaruṇāñāṇaniddese bahukehi ākārehīti idāni vuccamānehi ekūnanavutiyā pakārehi. Passantānanti ñāṇacakkhunā ca buddhacakkhunā ca olokentānaṃ. Okkamatīti otarati pavisati. Ādittoti dukkhalakkhaṇavasena pīḷāyogato santāpanaṭṭhena ādīpito. ‘‘Yadaniccaṃ, taṃ dukkha’’nti (saṃ. ni. 3.15) vuttattā sabbasaṅkhatassa ceva dukkhalakkhaṇavasena pīḷitattā dukkhassa ca karuṇāya mūlabhūtattā paṭhamaṃ dukkhalakkhaṇavasena ‘‘āditto’’ti vuttanti veditabbaṃ. Rāgādīhi ādittataṃ pana upari vakkhati. Atha vā ādittoti rāgādīhiyeva āditto. Upari pana ‘‘tassa natthañño koci nibbāpetā’’ti atthāpekkhanavasena puna vuttanti veditabbaṃ . Lokasannivāsoti pañcakkhandhā lujjanapalujjanaṭṭhena loko, taṇhādiṭṭhivasena sannivasanti ettha sattāti sannivāso, lokova sannivāso lokasannivāso. Dukkhitaṃ khandhasantānaṃ upādāya sattavohārasabbhāvato lokasannivāsayogato sattasamūhopi lokasannivāso. Sopi ca sahakhandhakoyeva. Uyyuttoti anekesu kiccesu niccabyāpāratāya katayogo kataussāho, satatakiccesu saussukkoti attho. Ghaṭṭanayuttoti vā uyyutto. Payātoti pabbateyyā nadī viya anavaṭṭhitagamanena maraṇāya yātuṃ āraddho. Kummaggappaṭipannoti kucchitaṃ micchāmaggaṃ paṭipanno. Upari pana ‘‘vipathapakkhando’’ti nānāpadehi visesetvā vuttaṃ.

    อุปนียตีติ ชราวเสน มรณาย อุปนียติ หรียติฯ ชรา หิ ‘‘อายุโน สํหานี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒) วุตฺตาฯ อทฺธุโวติ น ถิโร, สทา ตเถว น โหติฯ ยสฺมา อทฺธุโว, ตสฺมา อุปนียตีติ ปุริมสฺส การณวจนเมตํฯ เอเตน สการณํ ชราทุกฺขํ วุตฺตํฯ ตํ ชราทุกฺขํ ทิสฺวา ชราปาริชุญฺญรหิตาปิ วิญฺญู ปพฺพชนฺติฯ อตาโณติ ตายิตุํ รกฺขิตุํ สมเตฺถน รหิโต, อนารโกฺขติ วุตฺตํ โหติฯ อนภิสฺสโรติ อภิสริตฺวา อภิคนฺตฺวา พฺยาหรเณน อสฺสาเสตุํ สมเตฺถน รหิโต, อสหาโยติ วา อโตฺถฯ ยสฺมา อนภิสฺสโร, ตสฺมา อตาโณติ ปุริมสฺส การณวจนเมตํฯ เอเตน สการณํ ปิยวิปฺปโยคทุกฺขํ วุตฺตํฯ ตํ ปิยวิปฺปโยคทุกฺขํ ทิสฺวา ญาติปาริชุญฺญรหิตาปิ วิญฺญู ปพฺพชนฺติฯ อสฺสโกติ สกภณฺฑรหิโตฯ สพฺพํ ปหาย คมนียนฺติ สกภณฺฑนฺติ สลฺลกฺขิตํ สพฺพํ ปหาย โลเกน คนฺตพฺพํฯ ยสฺมา สพฺพํ ปหาย คมนียํ, ตสฺมา อสฺสโกติ ปุริมสฺส การณวจนเมตํฯ เอเตน สการณํ มรณทุกฺขํ วุตฺตํฯ ตํ ทิสฺวา โภคปาริชุญฺญรหิตาปิ วิญฺญู ปพฺพชนฺติฯ อญฺญตฺถ ‘‘กมฺมสฺสกา มาณวสตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๙) วุตฺตํ, อิธ จ รฎฺฐปาลสุเตฺต จ ‘‘อสฺสโก โลโก’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๐๕) วุตฺตํ, ตํ กถํ ยุชฺชตีติ เจ? ปหาย คมนียํ สนฺธาย ‘‘อสฺสโก’’ติ วุตฺตํ, กมฺมํ ปน น ปหาย คมนียํฯ ตสฺมา ‘‘กมฺมสฺสกา’’ติ วุตฺตํฯ รฎฺฐปาลสุเตฺตเยว จ เอวเมตํ วุตฺตํ ‘‘ตฺวํ ปน ยถากมฺมํ คมิสฺสสี’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๐๖)ฯ อูโนติ ปาริปูริรหิโตฯ อติโตฺตติ ภิโยฺย ภิโยฺย ปตฺถนายปิ น สุหิโต ฯ อิทํ อูนภาวสฺส การณวจนํฯ ตณฺหาทาโสติ ตณฺหาย วเส วตฺตนโต ตณฺหาย ทาสภูโตฯ อิทํ อติตฺตภาวสฺส การณวจนํฯ เอเตน อิจฺฉาโรคาปเทเสน สการณํ พฺยาธิทุกฺขํ วุตฺตํฯ ตํ พฺยาธิทุกฺขํ ทิสฺวา พฺยาธิปาริชุญฺญรหิตาปิ วิญฺญู ปพฺพชนฺติฯ อตายโนติ ปุตฺตาทีหิปิ ตายนสฺส อภาวโต อตายโน อนารโกฺข, อลพฺภเนยฺยเขโม วาฯ อเลโณติ อลฺลียิตุํ นิสฺสิตุํ อนรโห อลฺลีนานมฺปิ จ เลณกิจฺจาการโกฯ อสรโณติ นิสฺสิตานํ น ภยสารโก น ภยวินาสโกฯ อสรณีภูโตติ ปุเร อุปฺปตฺติยา อตฺตโน อภาเวเนว อสรโณ, อุปฺปตฺติสมกาลเมว อสรณีภูโตติ อโตฺถฯ

    Upanīyatīti jarāvasena maraṇāya upanīyati harīyati. Jarā hi ‘‘āyuno saṃhānī’’ti (saṃ. ni. 2.2) vuttā. Addhuvoti na thiro, sadā tatheva na hoti. Yasmā addhuvo, tasmā upanīyatīti purimassa kāraṇavacanametaṃ. Etena sakāraṇaṃ jarādukkhaṃ vuttaṃ. Taṃ jarādukkhaṃ disvā jarāpārijuññarahitāpi viññū pabbajanti. Atāṇoti tāyituṃ rakkhituṃ samatthena rahito, anārakkhoti vuttaṃ hoti. Anabhissaroti abhisaritvā abhigantvā byāharaṇena assāsetuṃ samatthena rahito, asahāyoti vā attho. Yasmā anabhissaro, tasmā atāṇoti purimassa kāraṇavacanametaṃ. Etena sakāraṇaṃ piyavippayogadukkhaṃ vuttaṃ. Taṃ piyavippayogadukkhaṃ disvā ñātipārijuññarahitāpi viññū pabbajanti. Assakoti sakabhaṇḍarahito. Sabbaṃ pahāya gamanīyanti sakabhaṇḍanti sallakkhitaṃ sabbaṃ pahāya lokena gantabbaṃ. Yasmā sabbaṃ pahāya gamanīyaṃ, tasmā assakoti purimassa kāraṇavacanametaṃ. Etena sakāraṇaṃ maraṇadukkhaṃ vuttaṃ. Taṃ disvā bhogapārijuññarahitāpi viññū pabbajanti. Aññattha ‘‘kammassakā māṇavasattā’’ti (ma. ni. 3.289) vuttaṃ, idha ca raṭṭhapālasutte ca ‘‘assako loko’’ti (ma. ni. 2.305) vuttaṃ, taṃ kathaṃ yujjatīti ce? Pahāya gamanīyaṃ sandhāya ‘‘assako’’ti vuttaṃ, kammaṃ pana na pahāya gamanīyaṃ. Tasmā ‘‘kammassakā’’ti vuttaṃ. Raṭṭhapālasutteyeva ca evametaṃ vuttaṃ ‘‘tvaṃ pana yathākammaṃ gamissasī’’ti (ma. ni. 2.306). Ūnoti pāripūrirahito. Atittoti bhiyyo bhiyyo patthanāyapi na suhito . Idaṃ ūnabhāvassa kāraṇavacanaṃ. Taṇhādāsoti taṇhāya vase vattanato taṇhāya dāsabhūto. Idaṃ atittabhāvassa kāraṇavacanaṃ. Etena icchārogāpadesena sakāraṇaṃ byādhidukkhaṃ vuttaṃ. Taṃ byādhidukkhaṃ disvā byādhipārijuññarahitāpi viññū pabbajanti. Atāyanoti puttādīhipi tāyanassa abhāvato atāyano anārakkho, alabbhaneyyakhemo vā. Aleṇoti allīyituṃ nissituṃ anaraho allīnānampi ca leṇakiccākārako. Asaraṇoti nissitānaṃ na bhayasārako na bhayavināsako. Asaraṇībhūtoti pure uppattiyā attano abhāveneva asaraṇo, uppattisamakālameva asaraṇībhūtoti attho.

    อุทฺธโตติ สพฺพากุสเลสุ อุทฺธจฺจสฺส อุปฺปชฺชนโต สตฺตสนฺตาเน จ อกุสลุปฺปตฺติพาหุลฺลโต อกุสลสมงฺคีโลโก เตน อุทฺธเจฺจน อุทฺธโตฯ อวูปสโนฺตติ อวูปสมนลกฺขณสฺส อุทฺธจฺจเสฺสว โยเคน อวูปสโนฺต ภนฺตมิคปฎิภาโคฯ ‘‘อุปนียติ โลโก’’ติอาทีสุ จตูสุ จ ‘‘อุทฺธโต โลโก’’ติ จ ปญฺจสุ ฐาเนสุ โลโกติ อาคตํ, เสเสสุ โลกสนฺนิวาโสติฯ อุภยถาปิ โลโกเยวฯ สสโลฺลติ ปีฬาชนกตาย อโนฺตตุทนตาย ทุนฺนีหรณียตาย จ สลฺลาติ สงฺขํ คเตหิ ราคาทีหิ สเลฺลหิ สหวตฺตนโกฯ วิโทฺธติ มิคาทโย กทาจิ ปเรหิ วิทฺธา โหนฺติ, อยํ ปน โลโก นิจฺจํ อตฺตนาว วิโทฺธฯ ปุถุสเลฺลหีติ ‘‘สตฺต สลฺลานิ – ราคสลฺลํ, โทสสลฺลํ, โมหสลฺลํ, มานสลฺลํ, ทิฎฺฐิสลฺลํ, กิเลสสลฺลํ, ทุจฺจริตสลฺล’’นฺติ (มหานิ. ๑๗๔) วุเตฺตหิ สตฺตหิ สเลฺลหิฯ ตสฺสาติ ตสฺส โลกสนฺนิวาสสฺสฯ สลฺลานํ อุทฺธตาติ เตสํ สลฺลานํ สตฺตสนฺตานโต อุทฺธริตา ปุคฺคโลฯ อญฺญตฺร มยาติ มํ ฐเปตฺวาฯ เยปิ ภควโต สาวกา สลฺลานิ อุทฺธรนฺติ, เตสํ ภควโต วจเนเนว อุทฺธรณโต ภควาว อุทฺธรติ นามฯ อวิชฺชนฺธการาวรโณติ อวิชฺชา เอว สภาวทสฺสนจฺฉาทเนน อนฺธํ วิย กโรตีติ อวิชฺชนฺธกาโร, โสว สภาวาวคมนนิวารเณน อาวรณํ เอตสฺสาติ อวิชฺชนฺธการาวรโณฯ กิเลสปญฺชรปกฺขิโตฺตติ กิเลสา เอว กุสลคมนสนฺนิรุชฺฌนเฎฺฐน ปญฺชโรติ กิเลสปญฺชโร, อวิชฺชาปภเว กิเลสปญฺชเร ปกฺขิโตฺต ปาติโตฯ อาโลกํ ทเสฺสตาติ ปญฺญาโลกํ ทสฺสนสีโล, ปญฺญาโลกสฺส ทเสฺสตาติ วา อโตฺถฯ อวิชฺชาคโตติ อวิชฺชํ คโต ปวิโฎฺฐฯ น เกวลํ อวิชฺชาย อาวรณมตฺตเมว, อถ โข คหนคโต วิย อวิชฺชาโกสสฺส อโนฺต ปวิโฎฺฐติ ปุริมโต วิเสโสฯ อณฺฑภูโตติอาทโย จ วิเสสาเยวฯ อณฺฑภูโตติ อเณฺฑ ภูโต นิพฺพโตฺตฯ ยถา หิ อเณฺฑ นิพฺพตฺตา เอกเจฺจ สตฺตา ‘‘อณฺฑภูตา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวมยํ โลโก อวิชฺชณฺฑโกเส นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘อณฺฑภูโต’’ติ วุจฺจติฯ ปริโยนโทฺธติ เตน อวิชฺชณฺฑโกเสน สมนฺตโต โอนโทฺธ พโทฺธ เวฐิโตฯ

    Uddhatoti sabbākusalesu uddhaccassa uppajjanato sattasantāne ca akusaluppattibāhullato akusalasamaṅgīloko tena uddhaccena uddhato. Avūpasantoti avūpasamanalakkhaṇassa uddhaccasseva yogena avūpasanto bhantamigapaṭibhāgo. ‘‘Upanīyati loko’’tiādīsu catūsu ca ‘‘uddhato loko’’ti ca pañcasu ṭhānesu lokoti āgataṃ, sesesu lokasannivāsoti. Ubhayathāpi lokoyeva. Sasalloti pīḷājanakatāya antotudanatāya dunnīharaṇīyatāya ca sallāti saṅkhaṃ gatehi rāgādīhi sallehi sahavattanako. Viddhoti migādayo kadāci parehi viddhā honti, ayaṃ pana loko niccaṃ attanāva viddho. Puthusallehīti ‘‘satta sallāni – rāgasallaṃ, dosasallaṃ, mohasallaṃ, mānasallaṃ, diṭṭhisallaṃ, kilesasallaṃ, duccaritasalla’’nti (mahāni. 174) vuttehi sattahi sallehi. Tassāti tassa lokasannivāsassa. Sallānaṃ uddhatāti tesaṃ sallānaṃ sattasantānato uddharitā puggalo. Aññatra mayāti maṃ ṭhapetvā. Yepi bhagavato sāvakā sallāni uddharanti, tesaṃ bhagavato vacaneneva uddharaṇato bhagavāva uddharati nāma. Avijjandhakārāvaraṇoti avijjā eva sabhāvadassanacchādanena andhaṃ viya karotīti avijjandhakāro, sova sabhāvāvagamananivāraṇena āvaraṇaṃ etassāti avijjandhakārāvaraṇo. Kilesapañjarapakkhittoti kilesā eva kusalagamanasannirujjhanaṭṭhena pañjaroti kilesapañjaro, avijjāpabhave kilesapañjare pakkhitto pātito. Ālokaṃ dassetāti paññālokaṃ dassanasīlo, paññālokassa dassetāti vā attho. Avijjāgatoti avijjaṃ gato paviṭṭho. Na kevalaṃ avijjāya āvaraṇamattameva, atha kho gahanagato viya avijjākosassa anto paviṭṭhoti purimato viseso. Aṇḍabhūtotiādayo ca visesāyeva. Aṇḍabhūtoti aṇḍe bhūto nibbatto. Yathā hi aṇḍe nibbattā ekacce sattā ‘‘aṇḍabhūtā’’ti vuccanti, evamayaṃ loko avijjaṇḍakose nibbattattā ‘‘aṇḍabhūto’’ti vuccati. Pariyonaddhoti tena avijjaṇḍakosena samantato onaddho baddho veṭhito.

    ตนฺตากุลกชาโตติ ตนฺตํ วิย อากุลภูโตฯ ยถา นาม ทุนฺนิกฺขิตฺตํ มูสิกจฺฉินฺนํ เปสการานํ ตนฺตํ ตหิํ ตหิํ อากุลํ โหติ, อิทํ อคฺคํ อิทํ มูลนฺติ อเคฺคน วา อคฺคํ, มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรํ โหติ, เอวเมว สตฺตา ปจฺจยากาเร ขลิตา อากุลา พฺยากุลา โหนฺติ, น สโกฺกนฺติ ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํฯ ตตฺถ ตนฺตํ ปจฺจตฺตปุริสกาเร ฐตฺวา สกฺกาปิ ภเวยฺย อุชุํ กาตุํ, ฐเปตฺวา ปน เทฺว โพธิสเตฺต อโญฺญ สโตฺต อตฺตโน ธมฺมตาย ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิฯ ยถา ปน อากุลํ ตนฺตํ กญฺชิกํ ทตฺวา โกเจฺฉน ปหฎํ ตตฺถ ตตฺถ กุลกชาตํ โหติ คณฺฐิพทฺธํ, เอวมยํ โลโก ปจฺจเยสุ ปกฺขลิตฺวา ปจฺจเย อุชุํ กาตุํ อสโกฺกโนฺต ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตวเสน กุลกชาโต โหติ คณฺฐิพโทฺธฯ เย หิ เกจิ ทิฎฺฐิโย นิสฺสิตา, สเพฺพ เต ปจฺจยํ อุชุํ กาตุํ น สโกฺกนฺติเยวฯ กุลาคณฺฐิกชาโตติ กุลาคณฺฐิกํ วิย ภูโตฯ กุลาคณฺฐิกํ วุจฺจติ เปสการกญฺชิกสุตฺตํฯ ‘‘กุลา นาม สกุณิกา, ตสฺสา กุลาวโก’’ติปิ เอเกฯ ยถา ตทุภยมฺปิ อากุลํ อเคฺคน วา อคฺคํ, มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรนฺติ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ มุญฺชปพฺพชภูโตติ มุญฺชติณํ วิย ปพฺพชติณํ วิย จ ภูโต มุญฺชติณปพฺพชติณสทิโส ชาโตฯ ยถา ตานิ ติณานิ โกเฎฺฎตฺวา โกเฎฺฎตฺวา กตรชฺชุ ชิณฺณกาเล กตฺถจิ ปติตํ คเหตฺวา เตสํ ติณานํ ‘‘อิทํ อคฺคํ อิทํ มูล’’นฺติ อเคฺคน วา อคฺคํ, มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรํ, ตมฺปิ ปจฺจตฺตปุริสกาเร ฐตฺวา สกฺกา ภเวยฺย อุชุํ กาตุํ, ฐเปตฺวา ปน เทฺว โพธิสเตฺต อโญฺญ สโตฺต อตฺตโน ธมฺมตาย ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิฯ เอวมยํ โลโก ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ อสโกฺกโนฺต ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตวเสน คณฺฐิชาโต หุตฺวา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตติฯ

    Tantākulakajātoti tantaṃ viya ākulabhūto. Yathā nāma dunnikkhittaṃ mūsikacchinnaṃ pesakārānaṃ tantaṃ tahiṃ tahiṃ ākulaṃ hoti, idaṃ aggaṃ idaṃ mūlanti aggena vā aggaṃ, mūlena vā mūlaṃ samānetuṃ dukkaraṃ hoti, evameva sattā paccayākāre khalitā ākulā byākulā honti, na sakkonti paccayākāraṃ ujuṃ kātuṃ. Tattha tantaṃ paccattapurisakāre ṭhatvā sakkāpi bhaveyya ujuṃ kātuṃ, ṭhapetvā pana dve bodhisatte añño satto attano dhammatāya paccayākāraṃ ujuṃ kātuṃ samattho nāma natthi. Yathā pana ākulaṃ tantaṃ kañjikaṃ datvā kocchena pahaṭaṃ tattha tattha kulakajātaṃ hoti gaṇṭhibaddhaṃ, evamayaṃ loko paccayesu pakkhalitvā paccaye ujuṃ kātuṃ asakkonto dvāsaṭṭhidiṭṭhigatavasena kulakajāto hoti gaṇṭhibaddho. Ye hi keci diṭṭhiyo nissitā, sabbe te paccayaṃ ujuṃ kātuṃ na sakkontiyeva. Kulāgaṇṭhikajātoti kulāgaṇṭhikaṃ viya bhūto. Kulāgaṇṭhikaṃ vuccati pesakārakañjikasuttaṃ. ‘‘Kulā nāma sakuṇikā, tassā kulāvako’’tipi eke. Yathā tadubhayampi ākulaṃ aggena vā aggaṃ, mūlena vā mūlaṃ samānetuṃ dukkaranti purimanayeneva yojetabbaṃ. Muñjapabbajabhūtoti muñjatiṇaṃ viya pabbajatiṇaṃ viya ca bhūto muñjatiṇapabbajatiṇasadiso jāto. Yathā tāni tiṇāni koṭṭetvā koṭṭetvā katarajju jiṇṇakāle katthaci patitaṃ gahetvā tesaṃ tiṇānaṃ ‘‘idaṃ aggaṃ idaṃ mūla’’nti aggena vā aggaṃ, mūlena vā mūlaṃ samānetuṃ dukkaraṃ, tampi paccattapurisakāre ṭhatvā sakkā bhaveyya ujuṃ kātuṃ, ṭhapetvā pana dve bodhisatte añño satto attano dhammatāya paccayākāraṃ ujuṃ kātuṃ samattho nāma natthi. Evamayaṃ loko paccayākāraṃ ujuṃ kātuṃ asakkonto dvāsaṭṭhidiṭṭhigatavasena gaṇṭhijāto hutvā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ saṃsāraṃ nātivattati.

    ตตฺถ อปาโยติ นิรโย ติรจฺฉานโยนิ เปตฺติวิสโย อสุรกาโยฯ สเพฺพปิ หิ เต วฑฺฒิสงฺขาตสฺส อายสฺส อภาวโต ‘‘อปาโย’’ติ วุจฺจนฺติฯ ตถา ทุกฺขสฺส คติภาวโต ทุคฺคติฯ สุขสมุสฺสยโต วินิปติตตฺตา วินิปาโตฯ อิตโร ปน –

    Tattha apāyoti nirayo tiracchānayoni pettivisayo asurakāyo. Sabbepi hi te vaḍḍhisaṅkhātassa āyassa abhāvato ‘‘apāyo’’ti vuccanti. Tathā dukkhassa gatibhāvato duggati. Sukhasamussayato vinipatitattā vinipāto. Itaro pana –

    ‘‘ขนฺธานญฺจ ปฎิปาฎิ, ธาตุอายตนาน จ;

    ‘‘Khandhānañca paṭipāṭi, dhātuāyatanāna ca;

    อโพฺพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจติ’’ฯ

    Abbocchinnaṃ vattamānā, saṃsāroti pavuccati’’.

    ตํ สพฺพมฺปิ นาติวตฺตติ นาติกฺกมติฯ อถ โข จุติโต ปฎิสนฺธิํ, ปฎิสนฺธิโต จุตินฺติ เอวํ ปุนปฺปุนํ จุติปฎิสนฺธิโย คณฺหมาโน ตีสุ ภเวสุ จตูสุ โยนีสุ ปญฺจสุ คตีสุ สตฺตสุ วิญฺญาณฎฺฐิตีสุ นวสุ สตฺตาวาเสสุ มหาสมุเทฺท วาตุกฺขิตฺตนาวา วิย ยนฺตโคโณ วิย จ ปริพฺภมติเยวฯ อวิชฺชาวิสโทสสลฺลิโตฺตติ อวิชฺชาเยว อกุสลุปฺปาทเนน กุสลชีวิตนาสนโต วิสนฺติ อวิชฺชาวิสํ, ตเทว สนฺตานทูสนโต อวิชฺชาวิสโทโส, เตน อนุสยปริยุฎฺฐานทุจฺจริตภูเตน ภุสํ ลิโตฺต มกฺขิโตติ อวิชฺชาวิสโทสสลฺลิโตฺตฯ กิเลสกลลีภูโตติ อวิชฺชาทิมูลกา กิเลสา เอว โอสีทนเฎฺฐน กลลํ กทฺทโมติ กิเลสกลลํ, ตทสฺส อตฺถีติ กิเลสกลลี, เอวํภูโตฯ ราคโทสโมหชฎาชฎิโตติ โลภปฎิฆาวิชฺชาสงฺขาตา ราคโทสโมหา เอว รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ เหฎฺฐุปริยวเสน ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต สํสิพฺพนเฎฺฐน เวฬุคุมฺพาทีนํ สาขาชาลสงฺขาตา ชฎา วิยาติ ชฎา, ตาย ราคโทสโมหชฎาย ชฎิโตฯ ยถา นาม เวฬุชฎาทีหิ เวฬุอาทโย, เอวํ ตาย ชฎาย อยํ โลโก ชฎิโต วินโทฺธ สํสิพฺพิโตติ อโตฺถฯ ชฎํ วิชเฎตาติ อิมํ เอวํ เตธาตุกํ โลกํ ชเฎตฺวา ฐิตํ ชฎํ วิชเฎตา สํฉินฺทิตา สมฺปทาลยิตาฯ

    Taṃ sabbampi nātivattati nātikkamati. Atha kho cutito paṭisandhiṃ, paṭisandhito cutinti evaṃ punappunaṃ cutipaṭisandhiyo gaṇhamāno tīsu bhavesu catūsu yonīsu pañcasu gatīsu sattasu viññāṇaṭṭhitīsu navasu sattāvāsesu mahāsamudde vātukkhittanāvā viya yantagoṇo viya ca paribbhamatiyeva. Avijjāvisadosasallittoti avijjāyeva akusaluppādanena kusalajīvitanāsanato visanti avijjāvisaṃ, tadeva santānadūsanato avijjāvisadoso, tena anusayapariyuṭṭhānaduccaritabhūtena bhusaṃ litto makkhitoti avijjāvisadosasallitto. Kilesakalalībhūtoti avijjādimūlakā kilesā eva osīdanaṭṭhena kalalaṃ kaddamoti kilesakalalaṃ, tadassa atthīti kilesakalalī, evaṃbhūto. Rāgadosamohajaṭājaṭitoti lobhapaṭighāvijjāsaṅkhātā rāgadosamohā eva rūpādīsu ārammaṇesu heṭṭhupariyavasena punappunaṃ uppajjanato saṃsibbanaṭṭhena veḷugumbādīnaṃ sākhājālasaṅkhātā jaṭā viyāti jaṭā, tāya rāgadosamohajaṭāya jaṭito. Yathā nāma veḷujaṭādīhi veḷuādayo, evaṃ tāya jaṭāya ayaṃ loko jaṭito vinaddho saṃsibbitoti attho. Jaṭaṃ vijaṭetāti imaṃ evaṃ tedhātukaṃ lokaṃ jaṭetvā ṭhitaṃ jaṭaṃ vijaṭetā saṃchinditā sampadālayitā.

    ตณฺหาสงฺฆาฎปฎิมุโกฺกติ ตณฺหา เอว อโพฺพจฺฉินฺนํ ปวตฺติโต สงฺฆฎิตเฎฺฐน สงฺฆาโฎติ ตณฺหาสงฺฆาโฎ, ตสฺมิํ ตณฺหาสงฺฆาเฎ ปฎิมุโกฺก อนุปวิโฎฺฐ อโนฺตคโตติ ตณฺหาสงฺฆาฎปฎิมุโกฺกฯ ตณฺหาชาเลน โอตฺถโฎติ ตณฺหา เอว ปุเพฺพ วุตฺตนเยน สํสิพฺพนเฎฺฐน ชาลนฺติ ตณฺหาชาลํ, เตน ตณฺหาชาเลน โอตฺถโฎ สมนฺตโต ฉาทิโต ปลิเวฐิโตฯ ตณฺหาโสเตน วุยฺหตีติ ตณฺหา เอว สํสาเร อากฑฺฒนเฎฺฐน โสโตติ ตณฺหาโสโต, เตน ตณฺหาโสเตน วุยฺหติ อากฑฺฒียติฯ ตณฺหาสโญฺญชเนน สญฺญุโตฺตติ ตณฺหา เอว โลกํ วฎฺฎสฺมิํ สํโยชนโต พนฺธนโต สํโยชนนฺติ ตณฺหาสํโยชนํ, เตน ตณฺหาสํโยชเนน สญฺญุโตฺต พโทฺธฯ ตณฺหานุสเยน อนุสโฎติ ตณฺหา เอว อนุสยนเฎฺฐน อนุสโยติ ตณฺหานุสโย, เตน ตณฺหานุสเยน อนุสโฎ อนุคโต ถามคโตฯ ตณฺหาสนฺตาเปน สนฺตปฺปตีติ ตณฺหา เอว ปวตฺติกาเล ผลกาเล จ โลกํ สนฺตาเปตีติ สนฺตาโป, เตน ตณฺหาสนฺตาเปน สนฺตปฺปติ สนฺตาปียติฯ ตณฺหาปริฬาเหน ปริฑยฺหตีติ ตณฺหา เอว พลวภูตา ปวตฺติกาเล ผลกาเล จ สมนฺตโต ทหนเฎฺฐน มหาปริฬาโหติ ตณฺหาปริฬาโห, เตน ตณฺหาปริฬาเหน ปริฑยฺหติ สมนฺตโต ฑหียติฯ ทิฎฺฐิสงฺฆาฎาทโย อิมินาว นเยน โยเชตพฺพาฯ

    Taṇhāsaṅghāṭapaṭimukkoti taṇhā eva abbocchinnaṃ pavattito saṅghaṭitaṭṭhena saṅghāṭoti taṇhāsaṅghāṭo, tasmiṃ taṇhāsaṅghāṭe paṭimukko anupaviṭṭho antogatoti taṇhāsaṅghāṭapaṭimukko. Taṇhājālena otthaṭoti taṇhā eva pubbe vuttanayena saṃsibbanaṭṭhena jālanti taṇhājālaṃ, tena taṇhājālena otthaṭo samantato chādito paliveṭhito. Taṇhāsotena vuyhatīti taṇhā eva saṃsāre ākaḍḍhanaṭṭhena sototi taṇhāsoto, tena taṇhāsotena vuyhati ākaḍḍhīyati. Taṇhāsaññojanena saññuttoti taṇhā eva lokaṃ vaṭṭasmiṃ saṃyojanato bandhanato saṃyojananti taṇhāsaṃyojanaṃ, tena taṇhāsaṃyojanena saññutto baddho. Taṇhānusayena anusaṭoti taṇhā eva anusayanaṭṭhena anusayoti taṇhānusayo, tena taṇhānusayena anusaṭo anugato thāmagato. Taṇhāsantāpena santappatīti taṇhā eva pavattikāle phalakāle ca lokaṃ santāpetīti santāpo, tena taṇhāsantāpena santappati santāpīyati. Taṇhāpariḷāhena pariḍayhatīti taṇhā eva balavabhūtā pavattikāle phalakāle ca samantato dahanaṭṭhena mahāpariḷāhoti taṇhāpariḷāho, tena taṇhāpariḷāhena pariḍayhati samantato ḍahīyati. Diṭṭhisaṅghāṭādayo imināva nayena yojetabbā.

    อนุคโตติ อนุปวิโฎฺฐฯ อนุสโฎติ อนุธาวิโตฯ อภิภูโตติ ปีฬิโตฯ อพฺภาหโตติ อภิอาหโต อภิมุขํ ภุสํ ปหโตฯ ทุเกฺข ปติฎฺฐิโตติ ทุเกฺข ขนฺธปญฺจเก สุขวิปลฺลาเสน ปติฎฺฐิโต อภินิวิโฎฺฐฯ

    Anugatoti anupaviṭṭho. Anusaṭoti anudhāvito. Abhibhūtoti pīḷito. Abbhāhatoti abhiāhato abhimukhaṃ bhusaṃ pahato. Dukkhe patiṭṭhitoti dukkhe khandhapañcake sukhavipallāsena patiṭṭhito abhiniviṭṭho.

    ตณฺหาย อุฑฺฑิโตติ ตณฺหาย อุลฺลงฺฆิโตฯ จกฺขุ หิ ตณฺหารชฺชุนา อาวุนิตฺวา รูปนาคทเนฺต อุฑฺฑิตํ, โสตาทีนิ ตณฺหารชฺชุนา อาวุนิตฺวา สทฺทาทินาคทเนฺตสุ อุฑฺฑิตานิฯ ตํสมงฺคีโลโกปิ อุฑฺฑิโตเยว นามฯ ชราปาการปริกฺขิโตฺตติ อนติกฺกมนียเฎฺฐน ปาการภูตาย ชราย ปริวาริโตฯ มจฺจุปาเสน ปริกฺขิโตฺตติ ทุโมฺมจนียเฎฺฐน ปาสภูเตน มรเณน พโทฺธฯ มหาพนฺธนพโทฺธติ ทฬฺหตฺตา ทุเจฺฉทตฺตา จ มหเนฺตหิ พนฺธเนหิ พโทฺธฯ ราคพนฺธเนนาติ ราโค เอว พนฺธติ สํสารโต จลิตุํ น เทตีติ ราคพนฺธนํฯ เตน ราคพนฺธเนนฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ กิเลสพนฺธเนนาติ วุตฺตาวเสเสน กิเลสพนฺธเนนฯ ทุจฺจริตพนฺธเนนาติ ติวิเธนฯ สุจริตํ ปน พนฺธนโมกฺขสฺส เหตุภูตํ พนฺธนโมกฺขภูตญฺจ อตฺถิฯ ตสฺมา ตํ น คเหตพฺพํฯ

    Taṇhāya uḍḍitoti taṇhāya ullaṅghito. Cakkhu hi taṇhārajjunā āvunitvā rūpanāgadante uḍḍitaṃ, sotādīni taṇhārajjunā āvunitvā saddādināgadantesu uḍḍitāni. Taṃsamaṅgīlokopi uḍḍitoyeva nāma. Jarāpākāraparikkhittoti anatikkamanīyaṭṭhena pākārabhūtāya jarāya parivārito. Maccupāsena parikkhittoti dummocanīyaṭṭhena pāsabhūtena maraṇena baddho. Mahābandhanabaddhoti daḷhattā ducchedattā ca mahantehi bandhanehi baddho. Rāgabandhanenāti rāgo eva bandhati saṃsārato calituṃ na detīti rāgabandhanaṃ. Tena rāgabandhanena. Sesesupi eseva nayo. Kilesabandhanenāti vuttāvasesena kilesabandhanena. Duccaritabandhanenāti tividhena. Sucaritaṃ pana bandhanamokkhassa hetubhūtaṃ bandhanamokkhabhūtañca atthi. Tasmā taṃ na gahetabbaṃ.

    พนฺธนํ โมเจตาติ ตสฺส พนฺธนํ โมเจตาฯ พนฺธนา โมเจตาติปิ ปาโฐ, พนฺธนโต ตํ โมเจตาติ อโตฺถฯ มหาสมฺพาธปฺปฎิปโนฺนติ กุสลสญฺจารปีฬเนน มหาสมฺพาธสงฺขาตํ ราคโทสโมหมานทิฎฺฐิกิเลสทุจฺจริตคหนํ ปฎิปโนฺนฯ โอกาสํ ทเสฺสตาติ โลกิยโลกุตฺตรสมาธิปญฺญาโอกาสํ ทเสฺสตาฯ มหาปลิโพเธน ปลิพุโทฺธติ มหานิวารเณน นิวุโตฯ มหาเลเปน วา ลิโตฺตฯ ปลิโพโธติ จ ราคาทิสตฺตวิโธ เอวฯ ‘‘ตณฺหาทิฎฺฐิปลิโพโธ’’ติ เอเกฯ ปลิโพธํ เฉตาติ ตํ ปลิโพธํ ฉินฺทิตาฯ มหาปปาเตติ ปญฺจคติปปาเต, ชาติชรามรณปปาเต วาฯ ตํ สพฺพมฺปิ ทุรุตฺตรณเฎฺฐน ปปาโตฯ ปปาตา อุทฺธตาติ ตมฺหา ปปาตโต อุทฺธริตาฯ มหากนฺตารปฺปฎิปโนฺนติ ชาติชราพฺยาธิมรณโสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสกนฺตารํ ปฎิปโนฺนฯ สพฺพมฺปิ ตํ ทุรติกฺกมนเฎฺฐน กนฺตาโร, ตํ กนฺตารํ ตาเรตาฯ กนฺตารา ตาเรตาติ วา ปาโฐฯ มหาสํสารปฺปฎิปโนฺนติ อโพฺพจฺฉินฺนํ ขนฺธสนฺตานํ ปฎิปโนฺนฯ สํสารา โมเจตาติ สํสารโต โมเจตาฯ สํสารํ โมเจตาติ วา ปาโฐฯ มหาวิทุเคฺคติ สํสารวิทุเคฺคฯ สํสาโรเยว หิ ทุคฺคมนเฎฺฐน วิทุโคฺคฯ สมฺปริวตฺตตีติ ภุสํ นิวตฺติตฺวา จรติฯ มหาปลิเปติ มหเนฺต กามกทฺทเมฯ กาโม หิ โอสีทนเฎฺฐน ปลิโปฯ ปลิปโนฺนติ ลโคฺคฯ มหาปลิปปลิปโนฺนติปิ ปาโฐฯ

    Bandhanaṃmocetāti tassa bandhanaṃ mocetā. Bandhanā mocetātipi pāṭho, bandhanato taṃ mocetāti attho. Mahāsambādhappaṭipannoti kusalasañcārapīḷanena mahāsambādhasaṅkhātaṃ rāgadosamohamānadiṭṭhikilesaduccaritagahanaṃ paṭipanno. Okāsaṃ dassetāti lokiyalokuttarasamādhipaññāokāsaṃ dassetā. Mahāpalibodhena palibuddhoti mahānivāraṇena nivuto. Mahālepena vā litto. Palibodhoti ca rāgādisattavidho eva. ‘‘Taṇhādiṭṭhipalibodho’’ti eke. Palibodhaṃ chetāti taṃ palibodhaṃ chinditā. Mahāpapāteti pañcagatipapāte, jātijarāmaraṇapapāte vā. Taṃ sabbampi duruttaraṇaṭṭhena papāto. Papātā uddhatāti tamhā papātato uddharitā. Mahākantārappaṭipannoti jātijarābyādhimaraṇasokaparidevadukkhadomanassupāyāsakantāraṃ paṭipanno. Sabbampi taṃ duratikkamanaṭṭhena kantāro, taṃ kantāraṃ tāretā. Kantārā tāretāti vā pāṭho. Mahāsaṃsārappaṭipannoti abbocchinnaṃ khandhasantānaṃ paṭipanno. Saṃsārā mocetāti saṃsārato mocetā. Saṃsāraṃ mocetāti vā pāṭho. Mahāviduggeti saṃsāravidugge. Saṃsāroyeva hi duggamanaṭṭhena viduggo. Samparivattatīti bhusaṃ nivattitvā carati. Mahāpalipeti mahante kāmakaddame. Kāmo hi osīdanaṭṭhena palipo. Palipannoti laggo. Mahāpalipapalipannotipi pāṭho.

    อพฺภาหโตติ สโพฺพปทฺทเวหิ อพฺภาหโตฯ ราคคฺคินาติ ราคาทโยเยว อนุทหนเฎฺฐน อคฺคิ, เตน ราคคฺคินาฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ อุนฺนีตโกติ อุคฺคเหตฺวา นีโต, ชาติยา อุคฺคเหตฺวา ชราทิอุปทฺทวาย นีโตติ อโตฺถฯ ก-กาโร ปเนตฺถ อนุกมฺปาย ทฎฺฐโพฺพฯ หญฺญติ นิจฺจมตาโณติ ปริตฺตายเกน รหิโต สตตํ ปีฬียติฯ ปตฺตทโณฺฑติ ราชาทีหิ ลทฺธอาโณฯ ตกฺกโรติ โจโรฯ วชฺชพนฺธนพโทฺธติ ราคาทิวชฺชพนฺธเนหิ พโทฺธฯ อาฆาตนปจฺจุปฎฺฐิโตติ มรณธมฺมคณฺฐิกฎฺฐานํ อุเปจฺจ ฐิโตฯ โกจิ พนฺธนา โมเจตาฯ โกจิ พนฺธนํ โมเจตาติปิ ปาโฐฯ อนาโถติ นตฺถิ เอตสฺส นาโถ อิสฺสโร, สยํ วา น นาโถ น อิสฺสโรติ อนาโถ, อสรโณติ วา อโตฺถฯ ปรมกาปญฺญปฺปโตฺตติ ชราทิปฎิพาหเน อปฺปหุตาย อตีว กปณภาวํ ปโตฺตฯ ตาเยตาติ รกฺขิตาฯ ตายิตาติ วา ปาโฐ สุนฺทโร ฯ ทุกฺขาภิตุโนฺนติ ชาติทุกฺขาทีหิ อเนเกหิ ทุเกฺขหิ อภิตุโนฺน อติพฺยาธิโต อติกมฺปิโต จฯ จิรรตฺตํ ปีฬิโตติ ทุเกฺขเหว ทีฆมทฺธานํ ปีฬิโต ฆฎฺฎิโตฯ คธิโตติ เคเธน คิโทฺธ, อภิชฺฌากายคเนฺถน วา คนฺถิโตฯ นิจฺจํ ปิปาสิโตติ ปาตุํ ภุญฺชิตุํ อิจฺฉา ปิปาสา, สา ตณฺหา เอว, ตณฺหาปิปาสาย นิรนฺตรํ ปิปาสิโตฯ

    Abbhāhatoti sabbopaddavehi abbhāhato. Rāgaggināti rāgādayoyeva anudahanaṭṭhena aggi, tena rāgagginā. Sesesupi eseva nayo. Unnītakoti uggahetvā nīto, jātiyā uggahetvā jarādiupaddavāya nītoti attho. Ka-kāro panettha anukampāya daṭṭhabbo. Haññati niccamatāṇoti parittāyakena rahito satataṃ pīḷīyati. Pattadaṇḍoti rājādīhi laddhaāṇo. Takkaroti coro. Vajjabandhanabaddhoti rāgādivajjabandhanehi baddho. Āghātanapaccupaṭṭhitoti maraṇadhammagaṇṭhikaṭṭhānaṃ upecca ṭhito. Koci bandhanā mocetā. Koci bandhanaṃ mocetātipi pāṭho. Anāthoti natthi etassa nātho issaro, sayaṃ vā na nātho na issaroti anātho, asaraṇoti vā attho. Paramakāpaññappattoti jarādipaṭibāhane appahutāya atīva kapaṇabhāvaṃ patto. Tāyetāti rakkhitā. Tāyitāti vā pāṭho sundaro . Dukkhābhitunnoti jātidukkhādīhi anekehi dukkhehi abhitunno atibyādhito atikampito ca. Cirarattaṃ pīḷitoti dukkheheva dīghamaddhānaṃ pīḷito ghaṭṭito. Gadhitoti gedhena giddho, abhijjhākāyaganthena vā ganthito. Niccaṃ pipāsitoti pātuṃ bhuñjituṃ icchā pipāsā, sā taṇhā eva, taṇhāpipāsāya nirantaraṃ pipāsito.

    อโนฺธติ ทสฺสนเฎฺฐน จกฺขูติ สงฺขํ คตาย ปญฺญาย อภาวโต กาโณฯ ปญฺญา หิ ธมฺมสภาวํ ปสฺสติฯ อจกฺขุโกติ ตํ ปน อนฺธตฺตํ น ปจฺฉา สมฺภูตํ, ปกติยา เอว อวิชฺชมานจกฺขุโกติ ตเมว อนฺธตฺตํ วิเสเสติฯ หตเนโตฺตติ นยนเฎฺฐน เนตฺตนฺติ สงฺขํ คตาย ปญฺญาย อภาวโตเยว วินฎฺฐเนตฺตโกฯ สมวิสมํ ทเสฺสนฺตํ อตฺตภาวํ เนตีติ เนตฺตนฺติ หิ วุตฺตํฯ ปญฺญาย สุคติญฺจ อคติญฺจ นยติฯ หตเนตฺตตฺตาเยวสฺส เนตุอภาวํ ทเสฺสโนฺต อปริณายโกติ อาห, อวิชฺชมานเนตฺตโกติ อโตฺถฯ อโญฺญปิสฺส เนตา น วิชฺชตีติ วุตฺตํ โหติฯ วิปถปกฺขโนฺทติ วิปรีโต, วิสโม วา ปโถ วิปโถ, ตํ วิปถํ ปกฺขโนฺท ปวิโฎฺฐ ปฎิปโนฺนติ วิปถปกฺขโนฺท, มิจฺฉาปถสงฺขาตํ มิจฺฉาทิฎฺฐิํ ปฎิปโนฺนติ อโตฺถฯ อญฺชสาปรโทฺธติ อญฺชเส อุชุมคฺคสฺมิํ มชฺฌิมปฎิปทาย อปรโทฺธ วิรโทฺธฯ อริยปถํ อาเนตาติ อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ อุปเนตา ปฎิปาทยิตาฯ มโหฆปกฺขโนฺทติ ยสฺส สํวิชฺชนฺติ, ตํ วฎฺฎสฺมิํ โอหนนฺติ โอสีทาเปนฺตีติ โอฆา, ปกติโอฆโต มหนฺตา โอฆาติ มโหฆาฯ เต กาโมโฆ ภโวโฆ ทิโฎฺฐโฆ อวิโชฺชโฆติ จตุปฺปเภทาฯ เต มโหเฆ ปกฺขโนฺท ปวิโฎฺฐติ มโหฆปกฺขโนฺท, สํสารสงฺขาตํ มโหฆํ วา ปกฺขโนฺทติฯ

    Andhoti dassanaṭṭhena cakkhūti saṅkhaṃ gatāya paññāya abhāvato kāṇo. Paññā hi dhammasabhāvaṃ passati. Acakkhukoti taṃ pana andhattaṃ na pacchā sambhūtaṃ, pakatiyā eva avijjamānacakkhukoti tameva andhattaṃ viseseti. Hatanettoti nayanaṭṭhena nettanti saṅkhaṃ gatāya paññāya abhāvatoyeva vinaṭṭhanettako. Samavisamaṃ dassentaṃ attabhāvaṃ netīti nettanti hi vuttaṃ. Paññāya sugatiñca agatiñca nayati. Hatanettattāyevassa netuabhāvaṃ dassento apariṇāyakoti āha, avijjamānanettakoti attho. Aññopissa netā na vijjatīti vuttaṃ hoti. Vipathapakkhandoti viparīto, visamo vā patho vipatho, taṃ vipathaṃ pakkhando paviṭṭho paṭipannoti vipathapakkhando, micchāpathasaṅkhātaṃ micchādiṭṭhiṃ paṭipannoti attho. Añjasāparaddhoti añjase ujumaggasmiṃ majjhimapaṭipadāya aparaddho viraddho. Ariyapathaṃ ānetāti ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ upanetā paṭipādayitā. Mahoghapakkhandoti yassa saṃvijjanti, taṃ vaṭṭasmiṃ ohananti osīdāpentīti oghā, pakatioghato mahantā oghāti mahoghā. Te kāmogho bhavogho diṭṭhogho avijjoghoti catuppabhedā. Te mahoghe pakkhando paviṭṭhoti mahoghapakkhando, saṃsārasaṅkhātaṃ mahoghaṃ vā pakkhandoti.

    ๑๑๘. อิทานิ เอกุตฺตริกนโยฯ ตตฺถ ทฺวีหิ ทิฎฺฐิคเตหีติ สสฺสตุเจฺฉททิฎฺฐีหิฯ ตตฺถ ทิฎฺฐิเยว ทิฎฺฐิคตํ ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติอาทีนิ (อ. นิ. ๙.๑๑) วิยฯ คนฺตพฺพาภาวโต วา ทิฎฺฐิยา คตมตฺตเมเวตนฺติ ทิฎฺฐิคตํ, ทิฎฺฐีสุ คตํ อิทํ ทสฺสนํ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิอโนฺตคธตฺตาติปิ ทิฎฺฐิคตํฯ ทฺวาสฎฺฐิเตสฎฺฐิทิฎฺฐิโยปิ หิ สสฺสตทิฎฺฐิ อุเจฺฉททิฎฺฐีติ เทฺวว ทิฎฺฐิโย โหนฺติฯ ตสฺมา สเงฺขเปน สพฺพา ทิฎฺฐิโย อโนฺต กโรโนฺต ‘‘ทฺวีหิ ทิฎฺฐิคเตหี’’ติ วุตฺตํ ฯ ปริยุฎฺฐิโตติ ปริยุฎฺฐานํ ปโตฺต สมุทาจารํ ปโตฺต, อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทาเนน กุสลจารสฺส คหณํ ปโตฺตติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา – ‘‘ทฺวีหิ, ภิกฺขเว, ทิฎฺฐิคเตหิ ปริยุฎฺฐิตา เทวมนุสฺสา โอลียนฺติ เอเก, อติธาวนฺติ เอเก, จกฺขุมโนฺต จ ปสฺสนฺตี’’ติอาทิ (อิติวุ. ๔๙)ฯ

    118. Idāni ekuttarikanayo. Tattha dvīhi diṭṭhigatehīti sassatucchedadiṭṭhīhi. Tattha diṭṭhiyeva diṭṭhigataṃ ‘‘gūthagataṃ muttagata’’ntiādīni (a. ni. 9.11) viya. Gantabbābhāvato vā diṭṭhiyā gatamattamevetanti diṭṭhigataṃ, diṭṭhīsu gataṃ idaṃ dassanaṃ dvāsaṭṭhidiṭṭhiantogadhattātipi diṭṭhigataṃ. Dvāsaṭṭhitesaṭṭhidiṭṭhiyopi hi sassatadiṭṭhi ucchedadiṭṭhīti dveva diṭṭhiyo honti. Tasmā saṅkhepena sabbā diṭṭhiyo anto karonto ‘‘dvīhi diṭṭhigatehī’’ti vuttaṃ . Pariyuṭṭhitoti pariyuṭṭhānaṃ patto samudācāraṃ patto, uppajjituṃ appadānena kusalacārassa gahaṇaṃ pattoti attho. Vuttañhetaṃ bhagavatā – ‘‘dvīhi, bhikkhave, diṭṭhigatehi pariyuṭṭhitā devamanussā olīyanti eke, atidhāvanti eke, cakkhumanto ca passantī’’tiādi (itivu. 49).

    ตีหิ ทุจฺจริเตหีติ ติวิธกายทุจฺจริเตน จตุพฺพิธวจีทุจฺจริเตน ติวิธมโนทุจฺจริเตนฯ วิปฺปฎิปโนฺนติ วิรูปํ ปฎิปโนฺน, มิจฺฉาปฎิปโนฺนติ อโตฺถฯ โยเคหิ ยุโตฺตติ วฎฺฎสฺมิํ โยเชนฺตีติ โยคา, อีติอเตฺถน วา โยคา, เตหิ โยเคหิ ยุโตฺต สมปฺปิโตฯ จตุโยคโยชิโตติ กามโยโค, ภวโยโค, ทิฎฺฐิโยโค, อวิชฺชาโยโคติ อิเมหิ จตูหิ โยเคหิ สกฎสฺมิํ โยโค วิย วฎฺฎสฺมิํ โยชิโตฯ ปญฺจกามคุณิโก ราโค กามโยโคฯ รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค, ฌานนิกนฺติ จ, สสฺสตทิฎฺฐิสหชาโต ราโค ภววเสน ปตฺถนา ภวโยโคฯ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย ทิฎฺฐิโยโคฯ อฎฺฐสุ ฐาเนสุ อญฺญาณํ อวิชฺชาโยโคฯ เต เอว จตฺตาโร พลวภูตา โอฆา, ทุพฺพลภูตา โยคาฯ

    Tīhi duccaritehīti tividhakāyaduccaritena catubbidhavacīduccaritena tividhamanoduccaritena. Vippaṭipannoti virūpaṃ paṭipanno, micchāpaṭipannoti attho. Yogehi yuttoti vaṭṭasmiṃ yojentīti yogā, ītiatthena vā yogā, tehi yogehi yutto samappito. Catuyogayojitoti kāmayogo, bhavayogo, diṭṭhiyogo, avijjāyogoti imehi catūhi yogehi sakaṭasmiṃ yogo viya vaṭṭasmiṃ yojito. Pañcakāmaguṇiko rāgo kāmayogo. Rūpārūpabhavesu chandarāgo, jhānanikanti ca, sassatadiṭṭhisahajāto rāgo bhavavasena patthanā bhavayogo. Dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo diṭṭhiyogo. Aṭṭhasu ṭhānesu aññāṇaṃ avijjāyogo. Te eva cattāro balavabhūtā oghā, dubbalabhūtā yogā.

    จตูหิ คเนฺถหีติ ยสฺส สํวิชฺชนฺติ, ตํ จุติปฎิสนฺธิวเสน วฎฺฎสฺมิํ คเนฺถนฺติ ฆเฎนฺตีติ คนฺถาฯ เต อภิชฺฌา กายคโนฺถ, พฺยาปาโท กายคโนฺถ, สีลพฺพตปรามาโส กายคโนฺถ, อิทํสจฺจาภินิเวโส กายคโนฺถติ จตุปฺปเภทาฯ อภิชฺฌายนฺติ เอตาย, สยํ วา อภิชฺฌายติ, อภิชฺฌายนมตฺตเมว วา เอสาติ อภิชฺฌา, โลโภเยวฯ นามกายํ คเนฺถติ จุติปฎิสนฺธิวเสน วฎฺฎสฺมิํ ฆเฎตีติ กายคโนฺถฯ พฺยาปชฺชติ เตน จิตฺตํ ปูติภาวํ คจฺฉติ, พฺยาปาทยติ วา วินยาจารรูปสมฺปตฺติหิตสุขาทีนีติ พฺยาปาโทฯ อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธิ สีลวเตน สุทฺธีติ ปรามสนํ สีลพฺพตปรามาโสฯ สพฺพญฺญุภาสิตมฺปิ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘สสฺสโต โลโก , อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติอาทินา อากาเรน อภินิวิสตีติ อิทํสจฺจาภินิเวโสฯ เตหิ จตูหิ คเนฺถหิ คนฺถิโต, พโทฺธติ อโตฺถฯ

    Catūhi ganthehīti yassa saṃvijjanti, taṃ cutipaṭisandhivasena vaṭṭasmiṃ ganthenti ghaṭentīti ganthā. Te abhijjhā kāyagantho, byāpādo kāyagantho, sīlabbataparāmāso kāyagantho, idaṃsaccābhiniveso kāyaganthoti catuppabhedā. Abhijjhāyanti etāya, sayaṃ vā abhijjhāyati, abhijjhāyanamattameva vā esāti abhijjhā, lobhoyeva. Nāmakāyaṃ gantheti cutipaṭisandhivasena vaṭṭasmiṃ ghaṭetīti kāyagantho. Byāpajjati tena cittaṃ pūtibhāvaṃ gacchati, byāpādayati vā vinayācārarūpasampattihitasukhādīnīti byāpādo. Ito bahiddhā samaṇabrāhmaṇānaṃ sīlena suddhi vatena suddhi sīlavatena suddhīti parāmasanaṃ sīlabbataparāmāso. Sabbaññubhāsitampi paṭikkhipitvā ‘‘sassato loko , idameva saccaṃ moghamañña’’ntiādinā ākārena abhinivisatīti idaṃsaccābhiniveso. Tehi catūhi ganthehi ganthito, baddhoti attho.

    จตูหิ อุปาทาเนหีติ ภุสํ อาทิยนฺติ ทฬฺหคฺคาหํ คณฺหนฺตีติ อุปาทานาฯ เต กามุปาทานํ ทิฎฺฐุปาทานํ สีลพฺพตุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานนฺติ จตุปฺปเภทาฯ วตฺถุสงฺขาตํ กามํ อุปาทิยตีติ กามุปาทานํ, กาโม จ โส อุปาทานญฺจาติปิ กามุปาทานํฯ ทิฎฺฐิ จ สา อุปาทานญฺจาติ ทิฎฺฐุปาทานํ, ทิฎฺฐิํ อุปาทิยตีติปิ ทิฎฺฐุปาทานํฯ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทีสุ (ปฎิ. ม. ๑.๑๔๗) หิ ปุริมทิฎฺฐิํ อุตฺตรทิฎฺฐิ อุปาทิยติฯ สีลพฺพตํ อุปาทิยตีติ สีลพฺพตุปาทานํ, สีลพฺพตญฺจ ตํ อุปาทานญฺจาติปิ สีลพฺพตุปาทานํฯ โคสีลโควตาทีนิ หิ เอวํ วิสุทฺธีติ อภินิเวสโต สยเมว อุปาทานานิฯ วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, อุปาทิยนฺติ เอเตนาติ อุปาทานํฯ กิํ วทนฺติ, อุปาทิยนฺติ วา? อตฺตานํฯ อตฺตโน วาทุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานํ, อตฺตวาทมตฺตเมว วา อตฺตาติ อุปาทิยนฺติ เอเตนาติ อตฺตวาทุปาทานํฯ ฐเปตฺวา อิมา เทฺว ทิฎฺฐิโย สพฺพาปิ ทิฎฺฐี ทิฎฺฐุปาทานํฯ เตหิ จตูหิ อุปาทาเนหิฯ อุปาทียตีติ ภุสํ คณฺหียติฯ อุปาทิยตีติ วา ปาโฐ, โลโก อุปาทาเนหิ ตํ ตํ อารมฺมณํ ภุสํ คณฺหาตีติ อโตฺถฯ

    Catūhi upādānehīti bhusaṃ ādiyanti daḷhaggāhaṃ gaṇhantīti upādānā. Te kāmupādānaṃ diṭṭhupādānaṃ sīlabbatupādānaṃ attavādupādānanti catuppabhedā. Vatthusaṅkhātaṃ kāmaṃ upādiyatīti kāmupādānaṃ, kāmo ca so upādānañcātipi kāmupādānaṃ. Diṭṭhi ca sā upādānañcāti diṭṭhupādānaṃ, diṭṭhiṃ upādiyatītipi diṭṭhupādānaṃ. ‘‘Sassato attā ca loko cā’’tiādīsu (paṭi. ma. 1.147) hi purimadiṭṭhiṃ uttaradiṭṭhi upādiyati. Sīlabbataṃ upādiyatīti sīlabbatupādānaṃ, sīlabbatañca taṃ upādānañcātipi sīlabbatupādānaṃ. Gosīlagovatādīni hi evaṃ visuddhīti abhinivesato sayameva upādānāni. Vadanti etenāti vādo, upādiyanti etenāti upādānaṃ. Kiṃ vadanti, upādiyanti vā? Attānaṃ. Attano vādupādānaṃ attavādupādānaṃ, attavādamattameva vā attāti upādiyanti etenāti attavādupādānaṃ. Ṭhapetvā imā dve diṭṭhiyo sabbāpi diṭṭhī diṭṭhupādānaṃ. Tehi catūhi upādānehi. Upādīyatīti bhusaṃ gaṇhīyati. Upādiyatīti vā pāṭho, loko upādānehi taṃ taṃ ārammaṇaṃ bhusaṃ gaṇhātīti attho.

    ปญฺจคติสมารุโฬฺหติ สุกตทุกฺกฎการเณหิ คมฺมติ อุปสงฺกมียตีติ คติ, สโหกาสกา ขนฺธาฯ นิรโย ติรจฺฉานโยนิ เปตฺติวิสโย มนุสฺสา เทวาติ อิมา ปญฺจ คติโย โวกฺกมนภาเวน ภุสํ อารุโฬฺหฯ ปญฺจหิ กามคุเณหีติ รูปสทฺทคนฺธรสโผฎฺฐพฺพสงฺขาเตหิ ปญฺจหิ วตฺถุกามโกฎฺฐาเสหิฯ รชฺชตีติ อโยนิโสมนสิการํ ปฎิจฺจ ราคุปฺปาทเนน เตหิ รญฺชียติ, สารโตฺต กรียตีติ อโตฺถฯ ปญฺจหิ นีวรเณหีติ จิตฺตํ นีวรนฺติ ปริโยนนฺธนฺตีติ นีวรณาฯ กามจฺฉนฺทพฺยาปาทถินมิทฺธอุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิจิกิจฺฉาสงฺขาเตหิ ปญฺจหิ นีวรเณหิฯ โอตฺถโฎติ อุปริโต ปิหิโตฯ

    Pañcagatisamāruḷhoti sukatadukkaṭakāraṇehi gammati upasaṅkamīyatīti gati, sahokāsakā khandhā. Nirayo tiracchānayoni pettivisayo manussā devāti imā pañca gatiyo vokkamanabhāvena bhusaṃ āruḷho. Pañcahi kāmaguṇehīti rūpasaddagandharasaphoṭṭhabbasaṅkhātehi pañcahi vatthukāmakoṭṭhāsehi. Rajjatīti ayonisomanasikāraṃ paṭicca rāguppādanena tehi rañjīyati, sāratto karīyatīti attho. Pañcahi nīvaraṇehīti cittaṃ nīvaranti pariyonandhantīti nīvaraṇā. Kāmacchandabyāpādathinamiddhauddhaccakukkuccavicikicchāsaṅkhātehi pañcahi nīvaraṇehi. Otthaṭoti uparito pihito.

    ฉหิ วิวาทมูเลหีติ ฉหิ วิวาทสฺส มูเลหิฯ ยถาห –

    Chahi vivādamūlehīti chahi vivādassa mūlehi. Yathāha –

    ‘‘ฉยิมานิ, ภิกฺขเว, วิวาทมูลานิฯ กตมานิ ฉ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โกธโน โหติ อุปนาหีฯ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โกธโน โหติ อุปนาหีฯ โส สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺมปิ, สเงฺฆปิ, สิกฺขายปิ น ปริปูรการีฯ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺมปิ, สเงฺฆปิ, สิกฺขายปิ น ปริปูรการี, โส สเงฺฆ วิวาทํ ชเนติฯ โย โหติ วิวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวรูปํ เจ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา สมนุปเสฺสยฺยาถ, ตตฺร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานาย วายเมยฺยาถฯ เอวรูปํ เจ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา น สมนุปเสฺสยฺยาถฯ ตตฺร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสวาย ปฎิปเชฺชยฺยาถฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานํ โหติฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสโว โหติฯ

    ‘‘Chayimāni, bhikkhave, vivādamūlāni. Katamāni cha? Idha, bhikkhave, bhikkhu kodhano hoti upanāhī. Yo so, bhikkhave, bhikkhu kodhano hoti upanāhī. So sattharipi agāravo viharati appatisso, dhammepi, saṅghepi, sikkhāyapi na paripūrakārī. Yo so, bhikkhave, bhikkhu satthari agāravo viharati appatisso, dhammepi, saṅghepi, sikkhāyapi na paripūrakārī, so saṅghe vivādaṃ janeti. Yo hoti vivādo bahujanāhitāya bahujanāsukhāya bahuno janassa anatthāya ahitāya dukkhāya devamanussānaṃ. Evarūpaṃ ce tumhe, bhikkhave, vivādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā samanupasseyyātha, tatra tumhe, bhikkhave, tasseva pāpakassa vivādamūlassa pahānāya vāyameyyātha. Evarūpaṃ ce tumhe, bhikkhave, vivādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā na samanupasseyyātha. Tatra tumhe, bhikkhave, tasseva pāpakassa vivādamūlassa āyatiṃ anavassavāya paṭipajjeyyātha. Evametassa pāpakassa vivādamūlassa pahānaṃ hoti. Evametassa pāpakassa vivādamūlassa āyatiṃ anavassavo hoti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสีฯ อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรีฯ สโฐ โหติ มายาวีฯ ปาปิโจฺฉ โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคีฯ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี, โส สตฺถริปิ…เป.… อายติํ อนวสฺสโว โหตี’’ติ (ปริ. ๒๗๒; อ. นิ. ๖.๓๖)ฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu makkhī hoti paḷāsī. Issukī hoti maccharī. Saṭho hoti māyāvī. Pāpiccho hoti micchādiṭṭhi. Sandiṭṭhiparāmāsī hoti ādhānaggāhī duppaṭinissaggī. Yo so, bhikkhave, bhikkhu sandiṭṭhiparāmāsī hoti ādhānaggāhī duppaṭinissaggī, so sattharipi…pe… āyatiṃ anavassavo hotī’’ti (pari. 272; a. ni. 6.36).

    ตตฺถ โกธโนติ กุชฺฌนลกฺขเณน โกเธน สมนฺนาคโตฯ อุปนาหีติ เวรอปฺปฎินิสฺสชฺชนลกฺขเณน อุปนาเหน สมนฺนาคโตฯ อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานนฺติ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ วิวาโท กถํ เทวมนุสฺสานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตตีติ? โกสมฺพกกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๕๑ อาทโย) วิย ทฺวีสุ ภิกฺขูสุ วิวาทํ อาปเนฺนสุ ตสฺมิํ วิหาเร เตสํ อเนฺตวาสิกา วิวทนฺติ, เตสํ โอวาทํ คณฺหโนฺต ภิกฺขุนิสโงฺฆ วิวทติ, ตโต เตสํ อุปฎฺฐากาปิ วิวทนฺติฯ อถ มนุสฺสานํ อารกฺขเทวตา เทฺว โกฎฺฐาสา โหนฺติฯ ธมฺมวาทีนํ อารกฺขเทวตา ธมฺมวาทินิโย โหนฺติ อธมฺมวาทีนํ อธมฺมวาทินิโยฯ ตโต อารกฺขเทวตานํ มิตฺตา ภุมฺมฎฺฐเทวตา ภิชฺชนฺติฯ เอวํ ปรมฺปราย ยาว พฺรหฺมโลกา ฐเปตฺวา อริยสาวเก สเพฺพ เทวมนุสฺสา เทฺว โกฎฺฐาสา โหนฺติฯ ธมฺมวาทีหิ ปน อธมฺมวาทิโนว พหุตรา โหนฺติฯ ตโต ยํ พหุเกหิ คหิตํ, สพฺพํ ตํ สจฺจนฺติ ธมฺมํ วิสฺสเชฺชตฺวา พหุตราว อธมฺมํ คณฺหนฺติฯ เต อธมฺมํ ปุรกฺขตฺวา วิหรนฺตา อปาเยสุ นิพฺพตฺตนฺติฯ เอวํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ วิวาโท เทวมนุสฺสานํ อหิตาย ทุกฺขาย โหติฯ อชฺฌตฺตํ วาติ ตุมฺหากํ อพฺภนฺตรปริสาย วาฯ พหิทฺธา วาติ ปเรสํ ปริสาย วาฯ มกฺขีติ ปเรสํ คุณมกฺขณลกฺขเณน มเกฺขน สมนฺนาคโตฯ ปฬาสีติ ยุคคฺคาหลกฺขเณน ปฬาเสน สมนฺนาคโตฯ อิสฺสุกีติ ปเรสํ สกฺการาทิอิสฺสายนลกฺขณาย อิสฺสาย สมนฺนาคโตฯ มจฺฉรีติ อาวาสมจฺฉริยาทีหิ ปญฺจหิ มจฺฉริเยหิ สมนฺนาคโตฯ สโฐติ เกราฎิโกฯ มายาวีติ กตปาปปฎิจฺฉาทโกฯ ปาปิโจฺฉติ อสนฺตสมฺภาวนิจฺฉโก ทุสฺสีโลฯ มิจฺฉาทิฎฺฐีติ นตฺถิกวาที อเหตุกวาที อกิริยวาทีฯ สนฺทิฎฺฐิปรามาสีติ สยํ ทิฎฺฐิเมว ปรามสติฯ อาธานคฺคาหีติ ทฬฺหคฺคาหีฯ ทุปฺปฎินิสฺสคฺคีติ น สกฺกา โหติ คหิตํ วิสฺสชฺชาเปตุํฯ ขุทฺทกวตฺถุวิภเงฺค ปน ‘‘ตตฺถ กตมานิ ฉ วิวาทมูลานิ? โกโธ มโกฺข อิสฺสา สาเฐยฺยํ ปาปิจฺฉตา สนฺทิฎฺฐิปรามาสิตา, อิมานิ ฉ วิวาทมูลานี’’ติ (วิภ. ๙๔๔) ปธานวเสน เอเกโกเยว ธโมฺม วุโตฺตฯ

    Tattha kodhanoti kujjhanalakkhaṇena kodhena samannāgato. Upanāhīti veraappaṭinissajjanalakkhaṇena upanāhena samannāgato. Ahitāya dukkhāya devamanussānanti dvinnaṃ bhikkhūnaṃ vivādo kathaṃ devamanussānaṃ ahitāya dukkhāya saṃvattatīti? Kosambakakkhandhake (mahāva. 451 ādayo) viya dvīsu bhikkhūsu vivādaṃ āpannesu tasmiṃ vihāre tesaṃ antevāsikā vivadanti, tesaṃ ovādaṃ gaṇhanto bhikkhunisaṅgho vivadati, tato tesaṃ upaṭṭhākāpi vivadanti. Atha manussānaṃ ārakkhadevatā dve koṭṭhāsā honti. Dhammavādīnaṃ ārakkhadevatā dhammavādiniyo honti adhammavādīnaṃ adhammavādiniyo. Tato ārakkhadevatānaṃ mittā bhummaṭṭhadevatā bhijjanti. Evaṃ paramparāya yāva brahmalokā ṭhapetvā ariyasāvake sabbe devamanussā dve koṭṭhāsā honti. Dhammavādīhi pana adhammavādinova bahutarā honti. Tato yaṃ bahukehi gahitaṃ, sabbaṃ taṃ saccanti dhammaṃ vissajjetvā bahutarāva adhammaṃ gaṇhanti. Te adhammaṃ purakkhatvā viharantā apāyesu nibbattanti. Evaṃ dvinnaṃ bhikkhūnaṃ vivādo devamanussānaṃ ahitāya dukkhāya hoti. Ajjhattaṃ vāti tumhākaṃ abbhantaraparisāya vā. Bahiddhā vāti paresaṃ parisāya vā. Makkhīti paresaṃ guṇamakkhaṇalakkhaṇena makkhena samannāgato. Paḷāsīti yugaggāhalakkhaṇena paḷāsena samannāgato. Issukīti paresaṃ sakkārādiissāyanalakkhaṇāya issāya samannāgato. Maccharīti āvāsamacchariyādīhi pañcahi macchariyehi samannāgato. Saṭhoti kerāṭiko. Māyāvīti katapāpapaṭicchādako. Pāpicchoti asantasambhāvanicchako dussīlo. Micchādiṭṭhīti natthikavādī ahetukavādī akiriyavādī. Sandiṭṭhiparāmāsīti sayaṃ diṭṭhimeva parāmasati. Ādhānaggāhīti daḷhaggāhī. Duppaṭinissaggīti na sakkā hoti gahitaṃ vissajjāpetuṃ. Khuddakavatthuvibhaṅge pana ‘‘tattha katamāni cha vivādamūlāni? Kodho makkho issā sāṭheyyaṃ pāpicchatā sandiṭṭhiparāmāsitā, imāni cha vivādamūlānī’’ti (vibha. 944) padhānavasena ekekoyeva dhammo vutto.

    ฉหิ ตณฺหากาเยหีติ ‘‘รูปตณฺหา, สทฺทตณฺหา, คนฺธตณฺหา, รสตณฺหา, โผฎฺฐพฺพตณฺหา, ธมฺมตณฺหา’’ติ (วิภ. ๙๔๔) วุตฺตาหิ ฉหิ ตณฺหาหิฯ ตตฺถ ยสฺมา เอเกกาเยว ตณฺหา อเนกวิสยตฺตา เอเกกสฺมิมฺปิ วิสเย ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติโต อเนกา โหนฺติ, ตสฺมา สมูหเฎฺฐน กายสเทฺทน โยเชตฺวา ตณฺหากายาติ วุตฺตํฯ ตณฺหากายาติ วุเตฺตปิ ตณฺหา เอวฯ รชฺชตีติ สยํ อารมฺมเณ รชฺชติ, สารโตฺต โหติฯ

    Chahi taṇhākāyehīti ‘‘rūpataṇhā, saddataṇhā, gandhataṇhā, rasataṇhā, phoṭṭhabbataṇhā, dhammataṇhā’’ti (vibha. 944) vuttāhi chahi taṇhāhi. Tattha yasmā ekekāyeva taṇhā anekavisayattā ekekasmimpi visaye punappunaṃ uppattito anekā honti, tasmā samūhaṭṭhena kāyasaddena yojetvā taṇhākāyāti vuttaṃ. Taṇhākāyāti vuttepi taṇhā eva. Rajjatīti sayaṃ ārammaṇe rajjati, sāratto hoti.

    ฉหิ ทิฎฺฐิคเตหีติ สพฺพาสวสุเตฺต วุเตฺตหิฯ วุตฺตญฺหิ ตตฺถ –

    Chahi diṭṭhigatehīti sabbāsavasutte vuttehi. Vuttañhi tattha –

    ‘‘ตสฺส เอวํ อโยนิโส มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฎฺฐีนํ อญฺญตรา ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติฯ ‘อตฺถิ เม อตฺตา’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ, ‘นตฺถิ เม อตฺตา’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ, ‘อตฺตนาว อตฺตานํ สญฺชานามี’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ, ‘อตฺตนาว อนตฺตานํ สญฺชานามี’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ, ‘อนตฺตนาว อตฺตานํ สญฺชานามี’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติฯ อถ วา ปนสฺส เอวํ ทิฎฺฐิ โหติ ‘โย เม อยํ อตฺตา วโท เวเทโยฺย ตตฺร ตตฺร กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ปฎิสํเวเทติ, โส จ โข ปน เม อยํ อตฺตา นิโจฺจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธโมฺม สสฺสติสมํ ตเถว ฐสฺสตี’’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๙)ฯ

    ‘‘Tassa evaṃ ayoniso manasikaroto channaṃ diṭṭhīnaṃ aññatarā diṭṭhi uppajjati. ‘Atthi me attā’ti vā assa saccato thetato diṭṭhi uppajjati, ‘natthi me attā’ti vā assa saccato thetato diṭṭhi uppajjati, ‘attanāva attānaṃ sañjānāmī’ti vā assa saccato thetato diṭṭhi uppajjati, ‘attanāva anattānaṃ sañjānāmī’ti vā assa saccato thetato diṭṭhi uppajjati, ‘anattanāva attānaṃ sañjānāmī’ti vā assa saccato thetato diṭṭhi uppajjati. Atha vā panassa evaṃ diṭṭhi hoti ‘yo me ayaṃ attā vado vedeyyo tatra tatra kalyāṇapāpakānaṃ kammānaṃ vipākaṃ paṭisaṃvedeti, so ca kho pana me ayaṃ attā nicco dhuvo sassato avipariṇāmadhammo sassatisamaṃ tatheva ṭhassatī’’’ti (ma. ni. 1.19).

    ตตฺถ อตฺถิ เม อตฺตาติ สสฺสตทิฎฺฐิ สพฺพกาเลสุ อตฺตโน อตฺถิตํ คณฺหาติฯ สจฺจโต เถตโตติ ภูตโต จ ถิรโต จ, ‘‘อิทํ สจฺจ’’นฺติ สุฎฺฐุ ทฬฺหภาเวนาติ วุตฺตํ โหติฯ นตฺถิ เม อตฺตาติ อุเจฺฉททิฎฺฐิ สโต สตฺตสฺส ตตฺถ ตตฺถ วิภวคฺคหณโตฯ อถ วา ปุริมาปิ ตีสุ กาเลสุ อตฺถีติ คหณโต สสฺสตทิฎฺฐิ, ปจฺจุปฺปนฺนเมว อตฺถีติ คณฺหนฺตี อุเจฺฉททิฎฺฐิ, ปจฺฉิมาปิ อตีตานาคเตสุ นตฺถีติ คหณโต ‘‘ภสฺสนฺตา อาหุติโย’’ติ คหิตทิฎฺฐิคติกานํ วิย อุเจฺฉททิฎฺฐิฯ อตีเต เอว นตฺถีติ คณฺหนฺตี อธิจฺจสมุปฺปนฺนกสฺส วิย สสฺสตทิฎฺฐิฯ อตฺตนาว อตฺตานํ สญฺชานามีติ สญฺญากฺขนฺธสีเสน ขเนฺธ อตฺตาติ คเหตฺวา สญฺญาย อวเสสกฺขเนฺธ สญฺชานโต อิมินา อตฺตนา อิมํ อตฺตานํ สญฺชานามีติ โหติฯ อตฺตนาว อนตฺตานนฺติ สญฺญากฺขนฺธํเยว อตฺตาติ คเหตฺวา, อิตเร จตฺตาโรปิ อนตฺตาติ คเหตฺวา สญฺญาย เต สญฺชานโต เอวํ โหติฯ อนตฺตนาว อตฺตานนฺติ สญฺญากฺขนฺธํ อนตฺตาติ คเหตฺวา, อิตเร จตฺตาโรปิ อตฺตาติ คเหตฺวา สญฺญาย เต สญฺชานโต เอวํ โหติฯ สพฺพาปิ สสฺสตุเจฺฉททิฎฺฐิโยวฯ วโท เวเทโยฺยติอาทโย ปน สสฺสตทิฎฺฐิยา เอว อภินิเวสาการาฯ ตตฺถ วทตีติ วโท, วจีกมฺมสฺส การโกติ วุตฺตํ โหติฯ เวทยตีติ เวเทโยฺย, ชานาติ อนุภวติ จาติ วุตฺตํ โหติฯ กิํ เวเทตีติ? ตตฺร ตตฺร กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ปฎิสํเวเทติ ฯ ตตฺร ตตฺราติ เตสุ เตสุ โยนิคติฐิตินิวาสนิกาเยสุ อารมฺมเณสุ วาฯ นิโจฺจติ อุปฺปาทวยรหิโตฯ ธุโวติ ถิโร สารภูโตฯ สสฺสโตติ สพฺพกาลิโกฯ อวิปริณามธโมฺมติ อตฺตโน ปกติภาวํ อวิชหนธโมฺม, กกณฺฎโก วิย นานปฺปการตํ นาปชฺชติฯ สสฺสติสมนฺติ จนฺทสูริยสมุทฺทมหาปถวีปพฺพตา โลกโวหาเรน สสฺสติโยติ วุจฺจนฺติฯ สสฺสตีหิ สมํ สสฺสติสมํฯ ยาว สสฺสติโย ติฎฺฐนฺติ, ตาว ตเถว ฐสฺสตีติ คณฺหโต เอวํ ทิฎฺฐิ โหติฯ

    Tattha atthi me attāti sassatadiṭṭhi sabbakālesu attano atthitaṃ gaṇhāti. Saccato thetatoti bhūtato ca thirato ca, ‘‘idaṃ sacca’’nti suṭṭhu daḷhabhāvenāti vuttaṃ hoti. Natthi me attāti ucchedadiṭṭhi sato sattassa tattha tattha vibhavaggahaṇato. Atha vā purimāpi tīsu kālesu atthīti gahaṇato sassatadiṭṭhi, paccuppannameva atthīti gaṇhantī ucchedadiṭṭhi, pacchimāpi atītānāgatesu natthīti gahaṇato ‘‘bhassantā āhutiyo’’ti gahitadiṭṭhigatikānaṃ viya ucchedadiṭṭhi. Atīte eva natthīti gaṇhantī adhiccasamuppannakassa viya sassatadiṭṭhi. Attanāva attānaṃ sañjānāmīti saññākkhandhasīsena khandhe attāti gahetvā saññāya avasesakkhandhe sañjānato iminā attanā imaṃ attānaṃ sañjānāmīti hoti. Attanāva anattānanti saññākkhandhaṃyeva attāti gahetvā, itare cattāropi anattāti gahetvā saññāya te sañjānato evaṃ hoti. Anattanāva attānanti saññākkhandhaṃ anattāti gahetvā, itare cattāropi attāti gahetvā saññāya te sañjānato evaṃ hoti. Sabbāpi sassatucchedadiṭṭhiyova. Vado vedeyyotiādayo pana sassatadiṭṭhiyā eva abhinivesākārā. Tattha vadatīti vado, vacīkammassa kārakoti vuttaṃ hoti. Vedayatīti vedeyyo, jānāti anubhavati cāti vuttaṃ hoti. Kiṃ vedetīti? Tatra tatra kalyāṇapāpakānaṃ kammānaṃ vipākaṃ paṭisaṃvedeti . Tatra tatrāti tesu tesu yonigatiṭhitinivāsanikāyesu ārammaṇesu vā. Niccoti uppādavayarahito. Dhuvoti thiro sārabhūto. Sassatoti sabbakāliko. Avipariṇāmadhammoti attano pakatibhāvaṃ avijahanadhammo, kakaṇṭako viya nānappakārataṃ nāpajjati. Sassatisamanti candasūriyasamuddamahāpathavīpabbatā lokavohārena sassatiyoti vuccanti. Sassatīhi samaṃ sassatisamaṃ. Yāva sassatiyo tiṭṭhanti, tāva tatheva ṭhassatīti gaṇhato evaṃ diṭṭhi hoti.

    ขุทฺทกวตฺถุวิภเงฺค ปน ‘‘ตตฺร ตตฺร ทีฆรตฺตํ กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ปจฺจนุโภติ, น โส ชาโต นาโหสิ, น โส ชาโต น ภวิสฺสติ, นิโจฺจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธโมฺมติ วา ปนสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชตี’’ติ (วิภ. ๙๔๘) ฉ ทิฎฺฐี เอวํ วิเสเสตฺวา วุตฺตาฯ

    Khuddakavatthuvibhaṅge pana ‘‘tatra tatra dīgharattaṃ kalyāṇapāpakānaṃ kammānaṃ vipākaṃ paccanubhoti, na so jāto nāhosi, na so jāto na bhavissati, nicco dhuvo sassato avipariṇāmadhammoti vā panassa saccato thetato diṭṭhi uppajjatī’’ti (vibha. 948) cha diṭṭhī evaṃ visesetvā vuttā.

    ตตฺถ น โส ชาโต นาโหสีติ โส อตฺตา อชาติธมฺมโต น ชาโต นาม, สทา วิชฺชมาโนเยวาติ อโตฺถฯ เตเนว อตีเต นาโหสิ, อนาคเต น ภวิสฺสติฯ โย หิ ชาโต, โส อโหสิฯ โย จ ชายิสฺสติ, โส ภวิสฺสตีติ วุจฺจติฯ อถ วา น โส ชาโต นาโหสีติ โส สทา วิชฺชมานตฺตา อตีเตปิ น ชาตุ น อโหสิ, อนาคเตปิ น ชาตุ น ภวิสฺสติฯ อนุสยา วุตฺตตฺถาฯ

    Tattha na so jāto nāhosīti so attā ajātidhammato na jāto nāma, sadā vijjamānoyevāti attho. Teneva atīte nāhosi, anāgate na bhavissati. Yo hi jāto, so ahosi. Yo ca jāyissati, so bhavissatīti vuccati. Atha vā na so jāto nāhosīti so sadā vijjamānattā atītepi na jātu na ahosi, anāgatepi na jātu na bhavissati. Anusayā vuttatthā.

    สตฺตหิ สโญฺญชเนหีติ สตฺตกนิปาเต วุเตฺตหิฯ วุตฺตญฺหิ ตตฺถ –

    Sattahi saññojanehīti sattakanipāte vuttehi. Vuttañhi tattha –

    ‘‘สตฺติมานิ, ภิกฺขเว, สํโยชนานิฯ กตมานิ สตฺต? อนุนยสํโยชนํ, ปฎิฆสํโยชนํ, ทิฎฺฐิสํโยชนํ, วิจิกิจฺฉาสํโยชนํ, มานสํโยชนํ, ภวราคสํโยชนํ, อวิชฺชาสํโยชนํฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, สตฺต สํโยชนานี’’ติ (อ. นิ. ๗.๘)ฯ

    ‘‘Sattimāni, bhikkhave, saṃyojanāni. Katamāni satta? Anunayasaṃyojanaṃ, paṭighasaṃyojanaṃ, diṭṭhisaṃyojanaṃ, vicikicchāsaṃyojanaṃ, mānasaṃyojanaṃ, bhavarāgasaṃyojanaṃ, avijjāsaṃyojanaṃ. Imāni kho, bhikkhave, satta saṃyojanānī’’ti (a. ni. 7.8).

    ตตฺถ อนุนยสํโยชนนฺติ กามราคสํโยชนํฯ สพฺพาเนเวตานิ พนฺธนเฎฺฐน สํโยชนานิฯ

    Tattha anunayasaṃyojananti kāmarāgasaṃyojanaṃ. Sabbānevetāni bandhanaṭṭhena saṃyojanāni.

    สตฺตหิ มาเนหีติ ขุทฺทกวตฺถุวิภเงฺค วุเตฺตหิฯ วุตฺตญฺหิ ตตฺถ –

    Sattahi mānehīti khuddakavatthuvibhaṅge vuttehi. Vuttañhi tattha –

    ‘‘มาโน , อติมาโน, มานาติมาโน, โอมาโน, อธิมาโน, อสฺมิมาโน, มิจฺฉามาโน’’ติ (วิภ. ๙๕๐)ฯ

    ‘‘Māno , atimāno, mānātimāno, omāno, adhimāno, asmimāno, micchāmāno’’ti (vibha. 950).

    ตตฺถ มาโนติ เสยฺยาทิวเสน ปุคฺคลํ อนามสิตฺวา ชาติอาทีสุ วตฺถุวเสเนว อุนฺนติฯ อติมาโนติ ชาติอาทีหิ ‘‘มยา สทิโส นตฺถี’’ติ อติกฺกมิตฺวา อุนฺนติฯ มานาติมาโนติ ‘‘อยํ ปุเพฺพ มยา สทิโส, อิทานิ อหํ เสโฎฺฐ, อยํ หีนตโร’’ติ อุปฺปนฺนมาโนฯ โอมาโนติ ชาติอาทีหิ อตฺตานํ เหฎฺฐา กตฺวา ปวตฺตมาโน, หีโนหมสฺมีติ มาโนเยวฯ อธิมาโนติ อนธิคเตเยว จตุสจฺจธเมฺม อธิคโตติ มาโนฯ อยํ ปน อธิมาโน ปริสุทฺธสีลสฺส กมฺมฎฺฐาเน อปฺปมตฺตสฺส นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา ปจฺจยปริคฺคเหน วิติณฺณกงฺขสฺส ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส ปุถุชฺชนสฺส อุปฺปชฺชติ, น อเญฺญสํฯ อสฺมิมาโนติ รูปาทีสุ ขเนฺธสุ อสฺมีติ มาโน, ‘‘อหํ รูป’’นฺติอาทิวเสน อุปฺปนฺนมาโนติ วุตฺตํ โหติฯ มิจฺฉามาโนติ ปาปเกน กมฺมายตนาทินา อุปฺปนฺนมาโนฯ

    Tattha mānoti seyyādivasena puggalaṃ anāmasitvā jātiādīsu vatthuvaseneva unnati. Atimānoti jātiādīhi ‘‘mayā sadiso natthī’’ti atikkamitvā unnati. Mānātimānoti ‘‘ayaṃ pubbe mayā sadiso, idāni ahaṃ seṭṭho, ayaṃ hīnataro’’ti uppannamāno. Omānoti jātiādīhi attānaṃ heṭṭhā katvā pavattamāno, hīnohamasmīti mānoyeva. Adhimānoti anadhigateyeva catusaccadhamme adhigatoti māno. Ayaṃ pana adhimāno parisuddhasīlassa kammaṭṭhāne appamattassa nāmarūpaṃ vavatthapetvā paccayapariggahena vitiṇṇakaṅkhassa tilakkhaṇaṃ āropetvā saṅkhāre sammasantassa āraddhavipassakassa puthujjanassa uppajjati, na aññesaṃ. Asmimānoti rūpādīsu khandhesu asmīti māno, ‘‘ahaṃ rūpa’’ntiādivasena uppannamānoti vuttaṃ hoti. Micchāmānoti pāpakena kammāyatanādinā uppannamāno.

    โลกธมฺมา วุตฺตตฺถาฯ สมฺปริวตฺตตีติ โลกธเมฺมหิ เหตุภูเตหิ ลาภาทีสุ จตูสุ อนุโรธวเสน, อลาภาทีสุ จตูสุ ปฎิวิโรธวเสน ภุสํ นิวตฺตติ, ปกติภาวํ ชหาตีติ อโตฺถฯ มิจฺฉตฺตาปิ วุตฺตตฺถาฯ นิยฺยาโตติ คโต ปกฺขโนฺท, อภิภูโตติ อโตฺถฯ

    Lokadhammā vuttatthā. Samparivattatīti lokadhammehi hetubhūtehi lābhādīsu catūsu anurodhavasena, alābhādīsu catūsu paṭivirodhavasena bhusaṃ nivattati, pakatibhāvaṃ jahātīti attho. Micchattāpi vuttatthā. Niyyātoti gato pakkhando, abhibhūtoti attho.

    อฎฺฐหิ ปุริสโทเสหีติ อฎฺฐกนิปาเต อุปมาหิ สห, ขุทฺทกวตฺถุวิภเงฺค อุปมํ วินา วุเตฺตหิฯ วุตฺตญฺหิ ตตฺถ –

    Aṭṭhahi purisadosehīti aṭṭhakanipāte upamāhi saha, khuddakavatthuvibhaṅge upamaṃ vinā vuttehi. Vuttañhi tattha –

    ‘‘กตเม อฎฺฐ ปุริสโทสา? อิธ ภิกฺขู ภิกฺขุํ อาปตฺติยา โจเทนฺติฯ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ อาปตฺติยา โจทิยมาโน ‘น สรามิ น สรามี’ติ อสฺสติยาว นิเพฺพเฐติฯ อยํ ปฐโม ปุริสโทโสฯ

    ‘‘Katame aṭṭha purisadosā? Idha bhikkhū bhikkhuṃ āpattiyā codenti. So bhikkhu bhikkhūhi āpattiyā codiyamāno ‘na sarāmi na sarāmī’ti assatiyāva nibbeṭheti. Ayaṃ paṭhamo purisadoso.

    ‘‘ปุน จปรํ ภิกฺขู ภิกฺขุํ อาปตฺติยา โจเทนฺติฯ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ อาปตฺติยา โจทิยมาโน โจทกํเยว ปฎิปฺผรติ ‘กิํ นุ โข ตุยฺหํ พาลสฺส อพฺยตฺตสฺส ภณิเตน, ตฺวมฺปิ นาม มํ ภณิตพฺพํ มญฺญสี’ติ? อยํ ทุติโย ปุริสโทโสฯ

    ‘‘Puna caparaṃ bhikkhū bhikkhuṃ āpattiyā codenti. So bhikkhu bhikkhūhi āpattiyā codiyamāno codakaṃyeva paṭippharati ‘kiṃ nu kho tuyhaṃ bālassa abyattassa bhaṇitena, tvampi nāma maṃ bhaṇitabbaṃ maññasī’ti? Ayaṃ dutiyo purisadoso.

    ‘‘ปุน จปรํ ภิกฺขู ภิกฺขุํ อาปตฺติยา โจเทนฺติฯ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ อาปตฺติยา โจทิยมาโน โจทกํเยว ปจฺจาโรเปติ ‘ตฺวมฺปิ โขสิ อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปโนฺน, ตฺวํ ตาว ปฐมํ ปฎิกโรหี’ติฯ อยํ ตติโย ปุริสโทโสฯ

    ‘‘Puna caparaṃ bhikkhū bhikkhuṃ āpattiyā codenti. So bhikkhu bhikkhūhi āpattiyā codiyamāno codakaṃyeva paccāropeti ‘tvampi khosi itthannāmaṃ āpattiṃ āpanno, tvaṃ tāva paṭhamaṃ paṭikarohī’ti. Ayaṃ tatiyo purisadoso.

    ‘‘ปุน จปรํ ภิกฺขู ภิกฺขุํ อาปตฺติยา โจเทนฺติฯ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ อาปตฺติยา โจทิยมาโน อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติฯ อยํ จตุโตฺถ ปุริสโทโสฯ

    ‘‘Puna caparaṃ bhikkhū bhikkhuṃ āpattiyā codenti. So bhikkhu bhikkhūhi āpattiyā codiyamāno aññenaññaṃ paṭicarati, bahiddhā kathaṃ apanāmeti, kopañca dosañca appaccayañca pātukaroti. Ayaṃ catuttho purisadoso.

    ‘‘ปุน จปรํ ภิกฺขู ภิกฺขุํ อาปตฺติยา โจเทนฺติฯ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ อาปตฺติยา โจทิยมาโน สงฺฆมเชฺฌ พาหาวิเกฺขปกํ ภณติฯ อยํ ปญฺจโม ปุริสโทโสฯ

    ‘‘Puna caparaṃ bhikkhū bhikkhuṃ āpattiyā codenti. So bhikkhu bhikkhūhi āpattiyā codiyamāno saṅghamajjhe bāhāvikkhepakaṃ bhaṇati. Ayaṃ pañcamo purisadoso.

    ‘‘ปุน จปรํ ภิกฺขู ภิกฺขุํ อาปตฺติยา โจเทนฺติฯ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ อาปตฺติยา โจทิยมาโน อนาทิยิตฺวา สงฺฆํ อนาทิยิตฺวา โจทกํ สาปตฺติโกว เยน กามํ ปกฺกมติฯ อยํ ฉโฎฺฐ ปุริสโทโสฯ

    ‘‘Puna caparaṃ bhikkhū bhikkhuṃ āpattiyā codenti. So bhikkhu bhikkhūhi āpattiyā codiyamāno anādiyitvā saṅghaṃ anādiyitvā codakaṃ sāpattikova yena kāmaṃ pakkamati. Ayaṃ chaṭṭho purisadoso.

    ‘‘ปุน จปรํ ภิกฺขู ภิกฺขุํ อาปตฺติยา โจเทนฺติฯ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ อาปตฺติยา โจทิยมาโน ‘เนวาหํ อาปโนฺนมฺหิ, น ปนาหํ อนาปโนฺนมฺหี’ติ โส ตุณฺหีภูโต สงฺฆํ วิเหเสติฯ อยํ สตฺตโม ปุริสโทโสฯ

    ‘‘Puna caparaṃ bhikkhū bhikkhuṃ āpattiyā codenti. So bhikkhu bhikkhūhi āpattiyā codiyamāno ‘nevāhaṃ āpannomhi, na panāhaṃ anāpannomhī’ti so tuṇhībhūto saṅghaṃ viheseti. Ayaṃ sattamo purisadoso.

    ‘‘ปุน จปรํ ภิกฺขู ภิกฺขุํ อาปตฺติยา โจเทนฺติฯ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ อาปตฺติยา โจทิยมาโน เอวมาห – ‘กิํ นุ โข ตุเมฺห อายสฺมโนฺต อติพาฬฺหํ มยิ พฺยาวฎา? อิทานาหํ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’ติฯ โส สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติตฺวา เอวมาห ‘อิทานิ โข ตุเมฺห อายสฺมโนฺต อตฺตมนา โหถา’ติฯ อยํ อฎฺฐโม ปุริสโทโสฯ อิเม อฎฺฐ ปุริสโทสา’’ติ (วิภ. ๙๕๗; อ. นิ. ๘.๑๔)ฯ

    ‘‘Puna caparaṃ bhikkhū bhikkhuṃ āpattiyā codenti. So bhikkhu bhikkhūhi āpattiyā codiyamāno evamāha – ‘kiṃ nu kho tumhe āyasmanto atibāḷhaṃ mayi byāvaṭā? Idānāhaṃ sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattissāmī’ti. So sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattitvā evamāha ‘idāni kho tumhe āyasmanto attamanā hothā’ti. Ayaṃ aṭṭhamo purisadoso. Ime aṭṭha purisadosā’’ti (vibha. 957; a. ni. 8.14).

    ตตฺถ ปุริสโทสาติ ปุริสานํ โทสา, เต ปน ปุริสสนฺตานํ ทูเสนฺตีติ โทสาฯ น สรามิ น สรามีติ ‘‘มยา เอตสฺส กมฺมสฺส กตฎฺฐานํ นสฺสรามิ น สลฺลเกฺขมี’’ติ เอวํ อสฺสติภาเวน นิเพฺพเฐติ โมเจติฯ โจทกํเยว ปฎิปฺผรตีติ ปฎิวิรุโทฺธ หุตฺวา ผรติ, ปฎิอาณิภาเวน ติฎฺฐติฯ กิํ นุ โข ตุยฺหนฺติ ตุยฺหํ พาลสฺส อพฺยตฺตสฺส ภณิเตน นาม กิํ, โย ตฺวํ เนว วตฺถุํ, น อาปตฺติํ, น โจทนํ ชานาสีติ ทีเปติฯ ตฺวมฺปิ นาม เอวํ กิญฺจิ อชานโนฺต ภณิตพฺพํ มญฺญสีติ อโชฺฌตฺถรติฯ ปจฺจาโรเปตีติ ‘‘ตฺวมฺปิ โขสี’’ติอาทีนิ วทโนฺต ปติอาโรเปติฯ ปฎิกโรหีติ เทสนาคามินิํ เทเสหิ, วุฎฺฐานคามินิโต วุฎฺฐาหิ, ตโต สุทฺธเนฺต ปติฎฺฐิโต อญฺญํ โจเทสฺสสีติ ทีเปติฯ อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรตีติ อเญฺญน การเณน, วจเนน วา อญฺญํ การณํ, วจนํ วา ปฎิจฺฉาเทติฯ ‘‘อาปตฺติํ อาปโนฺนสี’’ติ วุโตฺต ‘‘โก อาปโนฺน, กิํ อาปโนฺน, กิสฺมิํ อาปโนฺน, กถํ อาปโนฺน, กํ ภณถ, กิํ ภณถา’’ติ ภณติฯ ‘‘เอวรูปํ กิญฺจิ ตยา ทิฎฺฐ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘น สุณามี’’ติ โสตํ อุปเนติฯ พหิทฺธา กถํ อปนาเมตีติ ‘‘อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปโนฺนสี’’ติ ปุโฎฺฐ ‘‘ปาฎลิปุตฺตํ คโตมฺหี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘น ตว ปาฎลิปุตฺตคมนํ ปุจฺฉามา’’ติ วุเตฺต ตโต ราชคหํ คโตมฺหีติฯ ‘‘ราชคหํ วา ยาหิ พฺราหฺมณเคหํ วา, อาปตฺติํ อาปโนฺนสี’’ติฯ ‘‘ตตฺถ เม สูกรมํสํ ลทฺธ’’นฺติอาทีนิ วทโนฺต กถํ พหิทฺธา วิกฺขิปติฯ โกปนฺติ กุปิตภาวํ, โทสนฺติ ทุฎฺฐภาวํฯ อุภยเมฺปตํ โกธเสฺสว นามํฯ อปฺปจฺจยนฺติ อสนฺตุฎฺฐาการํ, โทมนสฺสเสฺสตํ นามํฯ ปาตุกโรตีติ ทเสฺสติ ปกาเสติฯ พาหาวิเกฺขปกํ ภณตีติ พาหํ วิกฺขิปิตฺวา วิกฺขิปิตฺวา อลชฺชิวจนํ วทติฯ อนาทิยิตฺวาติ จิตฺตีกาเรน อคฺคเหตฺวา อวชานิตฺวา, อนาทโร หุตฺวาติ อโตฺถฯ วิเหเสตีติ วิเหเฐติ พาธติฯ อติพาฬฺหนฺติ อติทฬฺหํ อติปฺปมาณํฯ มยิ พฺยาวฎาติ มยิ พฺยาปารํ อาปนฺนาฯ หีนายาวตฺติตฺวาติ หีนสฺส คิหิภาวสฺส อตฺถาย อาวตฺติตฺวา, คิหี หุตฺวาติ อโตฺถฯ อตฺตมนา โหถาติ ตุฎฺฐจิตฺตา โหถ, ‘‘มยา ลภิตพฺพํ ลภถ, มยา วสิตพฺพฎฺฐาเน วสถ, ผาสุวิหาโร โว มยา กโต’’ติ อธิปฺปาเยน วทติฯ ทุสฺสตีติ ทุโฎฺฐ โหติฯ

    Tattha purisadosāti purisānaṃ dosā, te pana purisasantānaṃ dūsentīti dosā. Na sarāmi na sarāmīti ‘‘mayā etassa kammassa kataṭṭhānaṃ nassarāmi na sallakkhemī’’ti evaṃ assatibhāvena nibbeṭheti moceti. Codakaṃyeva paṭippharatīti paṭiviruddho hutvā pharati, paṭiāṇibhāvena tiṭṭhati. Kiṃ nu kho tuyhanti tuyhaṃ bālassa abyattassa bhaṇitena nāma kiṃ, yo tvaṃ neva vatthuṃ, na āpattiṃ, na codanaṃ jānāsīti dīpeti. Tvampi nāma evaṃ kiñci ajānanto bhaṇitabbaṃ maññasīti ajjhottharati. Paccāropetīti ‘‘tvampi khosī’’tiādīni vadanto patiāropeti. Paṭikarohīti desanāgāminiṃ desehi, vuṭṭhānagāminito vuṭṭhāhi, tato suddhante patiṭṭhito aññaṃ codessasīti dīpeti. Aññenaññaṃ paṭicaratīti aññena kāraṇena, vacanena vā aññaṃ kāraṇaṃ, vacanaṃ vā paṭicchādeti. ‘‘Āpattiṃ āpannosī’’ti vutto ‘‘ko āpanno, kiṃ āpanno, kismiṃ āpanno, kathaṃ āpanno, kaṃ bhaṇatha, kiṃ bhaṇathā’’ti bhaṇati. ‘‘Evarūpaṃ kiñci tayā diṭṭha’’nti vutte ‘‘na suṇāmī’’ti sotaṃ upaneti. Bahiddhā kathaṃ apanāmetīti ‘‘itthannāmaṃ āpattiṃ āpannosī’’ti puṭṭho ‘‘pāṭaliputtaṃ gatomhī’’ti vatvā puna ‘‘na tava pāṭaliputtagamanaṃ pucchāmā’’ti vutte tato rājagahaṃ gatomhīti. ‘‘Rājagahaṃ vā yāhi brāhmaṇagehaṃ vā, āpattiṃ āpannosī’’ti. ‘‘Tattha me sūkaramaṃsaṃ laddha’’ntiādīni vadanto kathaṃ bahiddhā vikkhipati. Kopanti kupitabhāvaṃ, dosanti duṭṭhabhāvaṃ. Ubhayampetaṃ kodhasseva nāmaṃ. Appaccayanti asantuṭṭhākāraṃ, domanassassetaṃ nāmaṃ. Pātukarotīti dasseti pakāseti. Bāhāvikkhepakaṃ bhaṇatīti bāhaṃ vikkhipitvā vikkhipitvā alajjivacanaṃ vadati. Anādiyitvāti cittīkārena aggahetvā avajānitvā, anādaro hutvāti attho. Vihesetīti viheṭheti bādhati. Atibāḷhanti atidaḷhaṃ atippamāṇaṃ. Mayi byāvaṭāti mayi byāpāraṃ āpannā. Hīnāyāvattitvāti hīnassa gihibhāvassa atthāya āvattitvā, gihī hutvāti attho. Attamanā hothāti tuṭṭhacittā hotha, ‘‘mayā labhitabbaṃ labhatha, mayā vasitabbaṭṭhāne vasatha, phāsuvihāro vo mayā kato’’ti adhippāyena vadati. Dussatīti duṭṭho hoti.

    นวหิ อาฆาตวตฺถูหีติ สเตฺตสุ อุปฺปตฺติวเสเนว กถิตานิฯ ยถาห –

    Navahi āghātavatthūhīti sattesu uppattivaseneva kathitāni. Yathāha –

    ‘‘นวยิมานิ, ภิกฺขเว, อาฆาตวตฺถูนิฯ กตมานิ นว? ‘อนตฺถํ เม อจรี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ, ‘อนตฺถํ เม จรตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ, ‘อนตฺถํ เม จริสฺสตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ, ‘ปิยสฺส เม มนาปสฺส อนตฺถํ อจริ, อนตฺถํ จรติ, อนตฺถํ จริสฺสตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติ, ‘อปฺปิยสฺส เม อมนาปสฺส อตฺถํ อจริ, อตฺถํ จรติ, อตฺถํ จริสฺสตี’ติ อาฆาตํ พนฺธติฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, นว อาฆาตวตฺถูนี’’ติ (อ. นิ. ๙.๒๙)ฯ

    ‘‘Navayimāni, bhikkhave, āghātavatthūni. Katamāni nava? ‘Anatthaṃ me acarī’ti āghātaṃ bandhati, ‘anatthaṃ me caratī’ti āghātaṃ bandhati, ‘anatthaṃ me carissatī’ti āghātaṃ bandhati, ‘piyassa me manāpassa anatthaṃ acari, anatthaṃ carati, anatthaṃ carissatī’ti āghātaṃ bandhati, ‘appiyassa me amanāpassa atthaṃ acari, atthaṃ carati, atthaṃ carissatī’ti āghātaṃ bandhati. Imāni kho, bhikkhave, nava āghātavatthūnī’’ti (a. ni. 9.29).

    ตตฺถ อาฆาตวตฺถูนีติ อาฆาตการณานิฯ อาฆาตนฺติ เจตฺถ โกโป, โสเยว อุปรูปริ โกปสฺส วตฺถุตฺตา อาฆาตวตฺถุฯ อาฆาตํ พนฺธตีติ โกปํ พนฺธติ กโรติ อุปฺปาเทติฯ ‘‘อตฺถํ เม นาจริ, น จรติ, น จริสฺสติฯ ปิยสฺส เม มนาปสฺส อตฺถํ นาจริ, น จรติ, น จริสฺสติฯ อปฺปิยสฺส เม อมนาปสฺส อนตฺถํ นาจริ, น จรติ, น จริสฺสตี’’ติ (มหานิ. ๘๕; วิภ. ๙๖๐; ธ. ส. ๑๐๖๖) นิเทฺทเส วุตฺตานิ อปรานิปิ นว อาฆาตวตฺถูนิ อิเมเหว นวหิ สงฺคหิตานิฯ อาฆาติโตติ ฆฎฺฎิโตฯ

    Tattha āghātavatthūnīti āghātakāraṇāni. Āghātanti cettha kopo, soyeva uparūpari kopassa vatthuttā āghātavatthu. Āghātaṃ bandhatīti kopaṃ bandhati karoti uppādeti. ‘‘Atthaṃ me nācari, na carati, na carissati. Piyassa me manāpassa atthaṃ nācari, na carati, na carissati. Appiyassa me amanāpassa anatthaṃ nācari, na carati, na carissatī’’ti (mahāni. 85; vibha. 960; dha. sa. 1066) niddese vuttāni aparānipi nava āghātavatthūni imeheva navahi saṅgahitāni. Āghātitoti ghaṭṭito.

    นววิธมาเนหีติ กตเม นววิธมานา? เสยฺยสฺส เสโยฺยหมสฺมีติ มาโน, เสยฺยสฺส สทิโสหมสฺมีติ มาโน, เสยฺยสฺส หีโนหมสฺมีติ มาโนฯ สทิสสฺส เสโยฺยหมสฺมีติ มาโน, สทิสสฺส สทิโสหมสฺมีติ มาโน, สทิสสฺส หีโนหมสฺมีติ มาโนฯ หีนสฺส เสโยฺยหมสฺมีติ มาโน, หีนสฺส สทิโสหมสฺมีติ มาโน, หีนสฺส หีโนหมสฺมีติ มาโนฯ อิเม นววิธมานา (วิภ. ๙๖๒)ฯ

    Navavidhamānehīti katame navavidhamānā? Seyyassa seyyohamasmīti māno, seyyassa sadisohamasmīti māno, seyyassa hīnohamasmīti māno. Sadisassa seyyohamasmīti māno, sadisassa sadisohamasmīti māno, sadisassa hīnohamasmīti māno. Hīnassa seyyohamasmīti māno, hīnassa sadisohamasmīti māno, hīnassa hīnohamasmīti māno. Ime navavidhamānā (vibha. 962).

    เอตฺถ ปน เสยฺยสฺส เสโยฺยหมสฺมีติ มาโน ราชูนเญฺจว ปพฺพชิตานญฺจ อุปฺปชฺชติฯ ราชา หิ ‘‘รเฎฺฐน วา ธเนน วา วาหเนหิ วา โก มยา สทิโส อตฺถี’’ติ เอตํ มานํ กโรติ, ปพฺพชิโตปิ ‘‘สีลธุตงฺคาทีหิ โก มยา สทิโส อตฺถี’’ติ เอตํ มานํ กโรติฯ

    Ettha pana seyyassa seyyohamasmīti māno rājūnañceva pabbajitānañca uppajjati. Rājā hi ‘‘raṭṭhena vā dhanena vā vāhanehi vā ko mayā sadiso atthī’’ti etaṃ mānaṃ karoti, pabbajitopi ‘‘sīladhutaṅgādīhi ko mayā sadiso atthī’’ti etaṃ mānaṃ karoti.

    เสยฺยสฺส สทิโสหมสฺมีติ มาโนปิ เอเตสํเยว อุปฺปชฺชติฯ ราชา หิ ‘‘รเฎฺฐน วา ธเนน วา วาหเนหิ วา อญฺญราชูหิ สทฺธิํ มยฺหํ กิํ นานากรณ’’นฺติ เอตํ มานํ กโรติ, ปพฺพชิโตปิ ‘‘สีลธุตงฺคาทีหิ อเญฺญน ภิกฺขุนา มยฺหํ กิํ นานากรณ’’นฺติ เอตํ มานํ กโรติฯ

    Seyyassa sadisohamasmīti mānopi etesaṃyeva uppajjati. Rājā hi ‘‘raṭṭhena vā dhanena vā vāhanehi vā aññarājūhi saddhiṃ mayhaṃ kiṃ nānākaraṇa’’nti etaṃ mānaṃ karoti, pabbajitopi ‘‘sīladhutaṅgādīhi aññena bhikkhunā mayhaṃ kiṃ nānākaraṇa’’nti etaṃ mānaṃ karoti.

    เสยฺยสฺส หีโนหมสฺมีติ มาโนปิ เอเตสํเยว อุปฺปชฺชติฯ ยสฺส หิ รโญฺญ รฎฺฐํ วา ธนํ วา วาหนาทีนิ วา นาติสมฺปนฺนานิ โหนฺติ, โส ‘‘มยฺหํ ราชาติ โวหารสุขมตฺตกเมว, กิํ ราชา นาม อห’’นฺติ เอตํ มานํ กโรติ, ปพฺพชิโตปิ อปฺปลาภสกฺกาโร ‘‘อหํ ธมฺมกถิโก พหุสฺสุโต มหาเถโรติ กถามตฺตเมว, กิํ ธมฺมกถิโก นามาหํ, กิํ พหุสฺสุโต นามาหํ, กิํ มหาเถโร นามาหํ, ยสฺส เม ลาภสกฺกาโร นตฺถี’’ติ เอตํ มานํ กโรติฯ

    Seyyassa hīnohamasmīti mānopi etesaṃyeva uppajjati. Yassa hi rañño raṭṭhaṃ vā dhanaṃ vā vāhanādīni vā nātisampannāni honti, so ‘‘mayhaṃ rājāti vohārasukhamattakameva, kiṃ rājā nāma aha’’nti etaṃ mānaṃ karoti, pabbajitopi appalābhasakkāro ‘‘ahaṃ dhammakathiko bahussuto mahātheroti kathāmattameva, kiṃ dhammakathiko nāmāhaṃ, kiṃ bahussuto nāmāhaṃ, kiṃ mahāthero nāmāhaṃ, yassa me lābhasakkāro natthī’’ti etaṃ mānaṃ karoti.

    สทิสสฺส เสโยฺยหมสฺมีติ มานาทโย อมจฺจาทีนํ อุปฺปชฺชนฺติฯ อมโจฺจ วา หิ รฎฺฐิโย วา ‘‘โภคยานวาหนาทีหิ โก มยา สทิโส อโญฺญ ราชปุริโส อตฺถี’’ติ วา, ‘‘มยฺหํ อเญฺญหิ สทฺธิํ กิํ นานากรณ’’นฺติ วา, ‘‘อมโจฺจติ นามเมว มยฺหํ, ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ เม นตฺถิ, กิํ อมโจฺจ นามาห’’นฺติ วา เอตํ มานํ กโรติฯ

    Sadisassaseyyohamasmīti mānādayo amaccādīnaṃ uppajjanti. Amacco vā hi raṭṭhiyo vā ‘‘bhogayānavāhanādīhi ko mayā sadiso añño rājapuriso atthī’’ti vā, ‘‘mayhaṃ aññehi saddhiṃ kiṃ nānākaraṇa’’nti vā, ‘‘amaccoti nāmameva mayhaṃ, ghāsacchādanamattampi me natthi, kiṃ amacco nāmāha’’nti vā etaṃ mānaṃ karoti.

    หีนสฺส เสโยฺยหมสฺมีติ มานาทโย ทาสาทีนํ อุปฺปชฺชนฺติฯ ทาโส หิ ‘‘มาติโต วา ปิติโต วา โก มยา สทิโส อโญฺญ ทาโส นาม อตฺถิ, อเญฺญ ชีวิตุํ อสโกฺกนฺตา กุจฺฉิเหตุ ทาสา นาม ชาตา, อหํ ปน ปเวณิอาคตตฺตา เสโยฺย’’ติ วา, ‘‘ปเวณิอาคตภาเวน อุภโตสุทฺธิกทาสเตฺตน อสุกทาเสน นาม สทฺธิํ มยฺหํ กิํ นานากรณ’’นฺติ วา, ‘‘กุจฺฉิวเสนาหํ ทาสพฺยํ อุปคโต, มาตาปิตุโกฎิยา ปน เม ทาสฎฺฐานํ นตฺถิ, กิํ ทาโส นาม อห’’นฺติ วา เอตํ มานํ กโรติฯ ยถา จ ทาโส, เอวํ ปุกฺกุสจณฺฑาลาทโยปิ เอตํ มานํ กโรนฺติเยวฯ เอตฺถ จ เสยฺยสฺส เสโยฺยหมสฺมีติ อุปฺปนฺนมาโนว ยาถาวมาโน, อิตเร เทฺว อยาถาวมานาฯ ตถา สทิสสฺส สทิโสหมสฺมีติ หีนสฺส หีโนหมสฺมีติ อุปฺปนฺนมาโนว ยาถาวมาโน, อิตเร เทฺว อยาถาวมานาฯ ตตฺถ ยาถาวมานา อรหตฺตมคฺควชฺฌา, อยาถาวมานา โสตาปตฺติมคฺควชฺฌาติฯ

    Hīnassaseyyohamasmīti mānādayo dāsādīnaṃ uppajjanti. Dāso hi ‘‘mātito vā pitito vā ko mayā sadiso añño dāso nāma atthi, aññe jīvituṃ asakkontā kucchihetu dāsā nāma jātā, ahaṃ pana paveṇiāgatattā seyyo’’ti vā, ‘‘paveṇiāgatabhāvena ubhatosuddhikadāsattena asukadāsena nāma saddhiṃ mayhaṃ kiṃ nānākaraṇa’’nti vā, ‘‘kucchivasenāhaṃ dāsabyaṃ upagato, mātāpitukoṭiyā pana me dāsaṭṭhānaṃ natthi, kiṃ dāso nāma aha’’nti vā etaṃ mānaṃ karoti. Yathā ca dāso, evaṃ pukkusacaṇḍālādayopi etaṃ mānaṃ karontiyeva. Ettha ca seyyassa seyyohamasmīti uppannamānova yāthāvamāno, itare dve ayāthāvamānā. Tathā sadisassa sadisohamasmīti hīnassa hīnohamasmīti uppannamānova yāthāvamāno, itare dve ayāthāvamānā. Tattha yāthāvamānā arahattamaggavajjhā, ayāthāvamānā sotāpattimaggavajjhāti.

    ตณฺหามูลกา วุตฺตาเยวฯ รชฺชตีติ น เกวลํ ราเคเนว รชฺชติ, อถ โข ตณฺหามูลกานํ ปริเยสนาทีนมฺปิ สมฺภวโต ตณฺหามูลเกหิ สเพฺพหิ อกุสลธเมฺมหิ รชฺชติ, ยุชฺชติ พชฺฌตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Taṇhāmūlakā vuttāyeva. Rajjatīti na kevalaṃ rāgeneva rajjati, atha kho taṇhāmūlakānaṃ pariyesanādīnampi sambhavato taṇhāmūlakehi sabbehi akusaladhammehi rajjati, yujjati bajjhatīti adhippāyo.

    ทสหิ กิเลสวตฺถูหีติ กตมานิ ทส กิเลสวตฺถูนิ? โลโภ, โทโส, โมโห, มาโน, ทิฎฺฐิ, วิจิกิจฺฉา, ถินํ, อุทฺธจฺจํ, อหิริกํ, อโนตฺตปฺปนฺติ อิมานิ ทส กิเลสวตฺถูนิ (วิภ. ๙๖๖)ฯ

    Dasahikilesavatthūhīti katamāni dasa kilesavatthūni? Lobho, doso, moho, māno, diṭṭhi, vicikicchā, thinaṃ, uddhaccaṃ, ahirikaṃ, anottappanti imāni dasa kilesavatthūni (vibha. 966).

    ตตฺถ กิเลสา เอว กิเลสวตฺถูนิ, วสนฺติ วา เอตฺถ อขีณาสวา สตฺตา โลภาทีสุ ปติฎฺฐิตตฺตาติ วตฺถูนิ, กิเลสา จ เต ตปฺปติฎฺฐานํ สตฺตานํ วตฺถูนิ จาติ กิเลสวตฺถูนิฯ ยสฺมา เจตฺถ อนนฺตรปจฺจยาทิภาเวน อุปฺปชฺชมานาปิ กิเลสา วสนฺติ เอว นาม, ตสฺมา กิเลสานํ วตฺถูนีติปิ กิเลสวตฺถูนิฯ ลุพฺภนฺติ เตน, สยํ วา ลุพฺภติ, ลุพฺภนมตฺตเมว วา ตนฺติ โลโภฯ ทุสฺสนฺติ เตน, สยํ วา ทุสฺสติ, ทุสฺสนมตฺตเมว วา ตนฺติ โทโสฯ มุยฺหนฺติ เตน, สยํ วา มุยฺหติ, มุยฺหนมตฺตเมว วา ตนฺติ โมโหฯ มญฺญตีติ มาโนฯ ทิฎฺฐิอาทโย วุตฺตตฺถาว ฯ น หิรียตีติ อหิริโก, ตสฺส ภาโว อหิริกํฯ น โอตฺตปฺปตีติ อโนตฺตปฺปี, ตสฺส ภาโว อโนตฺตปฺปํฯ เตสุ อหิริกํ กายทุจฺจริตาทีหิ อชิคุจฺฉนลกฺขณํ, อโนตฺตปฺปํ เตเหว อสารชฺชนลกฺขณํ, กิลิสฺสตีติ อุปตาปียติ วิพาธียติฯ

    Tattha kilesā eva kilesavatthūni, vasanti vā ettha akhīṇāsavā sattā lobhādīsu patiṭṭhitattāti vatthūni, kilesā ca te tappatiṭṭhānaṃ sattānaṃ vatthūni cāti kilesavatthūni. Yasmā cettha anantarapaccayādibhāvena uppajjamānāpi kilesā vasanti eva nāma, tasmā kilesānaṃ vatthūnītipi kilesavatthūni. Lubbhanti tena, sayaṃ vā lubbhati, lubbhanamattameva vā tanti lobho. Dussanti tena, sayaṃ vā dussati, dussanamattameva vā tanti doso. Muyhanti tena, sayaṃ vā muyhati, muyhanamattameva vā tanti moho. Maññatīti māno. Diṭṭhiādayo vuttatthāva . Na hirīyatīti ahiriko, tassa bhāvo ahirikaṃ. Na ottappatīti anottappī, tassa bhāvo anottappaṃ. Tesu ahirikaṃ kāyaduccaritādīhi ajigucchanalakkhaṇaṃ, anottappaṃ teheva asārajjanalakkhaṇaṃ, kilissatīti upatāpīyati vibādhīyati.

    ทสหิ อาฆาตวตฺถูหีติ ปุเพฺพ วุเตฺตหิ นวหิ จ ‘‘อฎฺฐาเน วา ปนาฆาโต ชายตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๖๖) วุเตฺตน จาติ ทสหิฯ อนตฺถํ เม อจรีติอาทีนิปิ หิ อวิกเปฺปตฺวา ขาณุกณฺฎกาทิมฺหิปิ อฎฺฐาเน อาฆาโต อุปฺปชฺชติฯ

    Dasahi āghātavatthūhīti pubbe vuttehi navahi ca ‘‘aṭṭhāne vā panāghāto jāyatī’’ti (dha. sa. 1066) vuttena cāti dasahi. Anatthaṃ me acarītiādīnipi hi avikappetvā khāṇukaṇṭakādimhipi aṭṭhāne āghāto uppajjati.

    ทสหิ อกุสลกมฺมปเถหีติ กตเม ทส อกุสลกมฺมปถา (ที. นิ. ๓.๓๖๐)? ปาณาติปาโต, อทินฺนาทานํ, กาเมสุมิจฺฉาจาโร, มุสาวาโท, ปิสุณา วาจา, ผรุสา วาจา, สมฺผปฺปลาโป, อภิชฺฌา, พฺยาปาโท, มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ อิเม ทส อกุสลกมฺมปถาฯ ตตฺถ อกุสลกมฺมานิ จ ตานิ ปถา จ ทุคฺคติยาติ อกุสลกมฺมปถาฯ สมนฺนาคโตติ สมงฺคีภูโตฯ

    Dasahi akusalakammapathehīti katame dasa akusalakammapathā (dī. ni. 3.360)? Pāṇātipāto, adinnādānaṃ, kāmesumicchācāro, musāvādo, pisuṇā vācā, pharusā vācā, samphappalāpo, abhijjhā, byāpādo, micchādiṭṭhi. Ime dasa akusalakammapathā. Tattha akusalakammāni ca tāni pathā ca duggatiyāti akusalakammapathā. Samannāgatoti samaṅgībhūto.

    ทสหิ สโญฺญชเนหีติ กตมานิ ทส สํโยชนานิ (ธ. ส. ๑๑๑๘)? กามราคสํโยชนํ, ปฎิฆสํโยชนํ, มานสํโยชนํ, ทิฎฺฐิสํโยชนํ, วิจิกิจฺฉาสํโยชนํ, สีลพฺพตปรามาสสํโยชนํ, ภวราคสํโยชนํ, อิสฺสาสํโยชนํ, มจฺฉริยสํโยชนํ, อวิชฺชาสํโยชนํ, อิมานิ ทส สํโยชนานิฯ มิจฺฉตฺตา วุตฺตาเยวฯ

    Dasahi saññojanehīti katamāni dasa saṃyojanāni (dha. sa. 1118)? Kāmarāgasaṃyojanaṃ, paṭighasaṃyojanaṃ, mānasaṃyojanaṃ, diṭṭhisaṃyojanaṃ, vicikicchāsaṃyojanaṃ, sīlabbataparāmāsasaṃyojanaṃ, bhavarāgasaṃyojanaṃ, issāsaṃyojanaṃ, macchariyasaṃyojanaṃ, avijjāsaṃyojanaṃ, imāni dasa saṃyojanāni. Micchattā vuttāyeva.

    ทสวตฺถุกาย มิจฺฉาทิฎฺฐิยาติ กตมา ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฎฺฐิ (วิภ. ๙๗๑)? นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฎฺฐํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฎิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺติฯ อยํ ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ

    Dasavatthukāya micchādiṭṭhiyāti katamā dasavatthukā micchādiṭṭhi (vibha. 971)? Natthi dinnaṃ, natthi yiṭṭhaṃ, natthi hutaṃ, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko, natthi ayaṃ loko, natthi paro loko, natthi mātā, natthi pitā, natthi sattā opapātikā, natthi loke samaṇabrāhmaṇā sammaggatā sammāpaṭipannā ye imañca lokaṃ parañca lokaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedenti. Ayaṃ dasavatthukā micchādiṭṭhi.

    ตตฺถ ทสวตฺถุกาติ ทส วตฺถูนิ เอติสฺสาติ ทสวตฺถุกาฯ นตฺถิ ทินฺนนฺติ ทินฺนํ นาม อตฺถิ, สกฺกา กสฺสจิ กิญฺจิ ทาตุนฺติ ชานาติฯ ทินฺนสฺส ปน ผลํ วิปาโก นตฺถีติ คณฺหาติฯ นตฺถิ ยิฎฺฐนฺติ ยิฎฺฐํ วุจฺจติ มหายาโค, ตํ ยชิตุํ สกฺกาติ ชานาติฯ ยิฎฺฐสฺส ปน ผลํ วิปาโก นตฺถีติ คณฺหาติฯ หุตนฺติ อาหุนปาหุนมงฺคลกิริยา, ตํ กาตุํ สกฺกาติ ชานาติฯ ตสฺส ปน ผลํ วิปาโก นตฺถีติ คณฺหาติฯ สุกตทุกฺกฎานนฺติ เอตฺถ ทส กุสลกมฺมปถา สุกตกมฺมานิ นาม, ทส อกุสลกมฺมปถา ทุกฺกฎกมฺมานิ นามฯ เตสํ อตฺถิภาวํ ชานาติฯ ผลํ วิปาโก ปน นตฺถีติ คณฺหาติฯ นตฺถิ อยํ โลโกติ ปรโลเก ฐิโต อิมํ โลกํ นตฺถีติ คณฺหาติฯ นตฺถิ ปโร โลโกติ อิธโลเก ฐิโต ปรโลกํ นตฺถีติ คณฺหาติฯ นตฺถิ มาตา นตฺถิ ปิตาติ มาตาปิตูนํ อตฺถิภาวํ ชานาติฯ เตสุ กตปฺปจฺจเยน โกจิ ผลํ วิปาโก นตฺถีติ คณฺหาติฯ นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกาติ จวนกอุปปชฺชนกสตฺตา นตฺถีติ คณฺหาติฯ สมฺมคฺคตา สมฺมาปฎิปนฺนาติ อนุโลมปฎิปทํ ปฎิปนฺนา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา โลกสฺมิํ นตฺถีติ คณฺหาติฯ เย อิมญฺจ โลกํ…เป.… ปเวเทนฺตีติ อิมญฺจ ปรญฺจ โลกํ อตฺตนาว อภิวิสิเฎฺฐน ญาเณน ญตฺวา ปเวทนสมโตฺถ สพฺพญฺญู พุโทฺธ นตฺถีติ คณฺหาติฯ

    Tattha dasavatthukāti dasa vatthūni etissāti dasavatthukā. Natthi dinnanti dinnaṃ nāma atthi, sakkā kassaci kiñci dātunti jānāti. Dinnassa pana phalaṃ vipāko natthīti gaṇhāti. Natthi yiṭṭhanti yiṭṭhaṃ vuccati mahāyāgo, taṃ yajituṃ sakkāti jānāti. Yiṭṭhassa pana phalaṃ vipāko natthīti gaṇhāti. Hutanti āhunapāhunamaṅgalakiriyā, taṃ kātuṃ sakkāti jānāti. Tassa pana phalaṃ vipāko natthīti gaṇhāti. Sukatadukkaṭānanti ettha dasa kusalakammapathā sukatakammāni nāma, dasa akusalakammapathā dukkaṭakammāni nāma. Tesaṃ atthibhāvaṃ jānāti. Phalaṃ vipāko pana natthīti gaṇhāti. Natthi ayaṃ lokoti paraloke ṭhito imaṃ lokaṃ natthīti gaṇhāti. Natthi paro lokoti idhaloke ṭhito paralokaṃ natthīti gaṇhāti. Natthi mātā natthi pitāti mātāpitūnaṃ atthibhāvaṃ jānāti. Tesu katappaccayena koci phalaṃ vipāko natthīti gaṇhāti. Natthi sattā opapātikāti cavanakaupapajjanakasattā natthīti gaṇhāti. Sammaggatā sammāpaṭipannāti anulomapaṭipadaṃ paṭipannā dhammikasamaṇabrāhmaṇā lokasmiṃ natthīti gaṇhāti. Ye imañca lokaṃ…pe… pavedentīti imañca parañca lokaṃ attanāva abhivisiṭṭhena ñāṇena ñatvā pavedanasamattho sabbaññū buddho natthīti gaṇhāti.

    อนฺตคฺคาหิกาย ทิฎฺฐิยาติ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทิกํ เอเกกํ อนฺตํ ภาคํ คณฺหาตีติ อนฺตคฺคาหิกาฯ อถ วา อนฺตสฺส คาโห อนฺตคฺคาโห, อนฺตคฺคาโห อสฺสา อตฺถีติ อนฺตคฺคาหิกาฯ ตาย อนฺตคฺคาหิกายฯ สา ปน วุตฺตาเยวฯ

    Antaggāhikāya diṭṭhiyāti ‘‘sassato loko’’tiādikaṃ ekekaṃ antaṃ bhāgaṃ gaṇhātīti antaggāhikā. Atha vā antassa gāho antaggāho, antaggāho assā atthīti antaggāhikā. Tāya antaggāhikāya. Sā pana vuttāyeva.

    อฎฺฐสตตณฺหาปปญฺจสเตหีติ อฎฺฐุตฺตรํ สตํ อฎฺฐสตํฯ สํสาเร ปปเญฺจติ จิรํ วสาเปตีติ ปปโญฺจ, ตณฺหา เอว ปปโญฺจ ตณฺหาปปโญฺจ, อารมฺมณเภเทน ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติวเสน จ ตณฺหานํ พหุกตฺตา พหุวจนํ กตฺวา ตณฺหาปปญฺจานํ สตํ ตณฺหาปปญฺจสตํฯ เตน ‘‘ตณฺหาปปญฺจสเตนา’’ติ วตฺตเพฺพ วจนวิปลฺลาสวเสน ‘‘ตณฺหาปปญฺจสเตหี’’ติ พหุวจนนิเทฺทโส กโตฯ อฎฺฐสตนฺติ สงฺขาเตน ตณฺหาปปญฺจสเตนาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อฎฺฐ อโพฺพหาริกานิ กตฺวา สตเมว คหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ขุทฺทกวตฺถุวิภเงฺค ปน ตณฺหาวิจริตานีติ อาคตํฯ ยถาห –

    Aṭṭhasatataṇhāpapañcasatehīti aṭṭhuttaraṃ sataṃ aṭṭhasataṃ. Saṃsāre papañceti ciraṃ vasāpetīti papañco, taṇhā eva papañco taṇhāpapañco, ārammaṇabhedena punappunaṃ uppattivasena ca taṇhānaṃ bahukattā bahuvacanaṃ katvā taṇhāpapañcānaṃ sataṃ taṇhāpapañcasataṃ. Tena ‘‘taṇhāpapañcasatenā’’ti vattabbe vacanavipallāsavasena ‘‘taṇhāpapañcasatehī’’ti bahuvacananiddeso kato. Aṭṭhasatanti saṅkhātena taṇhāpapañcasatenāti attho daṭṭhabbo. Aṭṭha abbohārikāni katvā satameva gahitanti veditabbaṃ. Khuddakavatthuvibhaṅge pana taṇhāvicaritānīti āgataṃ. Yathāha –

    ‘‘อฎฺฐารส ตณฺหาวิจริตานิ อชฺฌตฺติกสฺส อุปาทาย, อฎฺฐารส ตณฺหาวิจริตานิ พาหิรสฺส อุปาทาย, ตเทกชฺฌํ อภิสญฺญุหิตฺวา อภิสงฺขิปิตฺวา ฉตฺติํส ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติฯ อิติ อตีตานิ ฉตฺติํส ตณฺหาวิจริตานิ, อนาคตานิ ฉตฺติํส ตณฺหาวิจริตานิ, ปจฺจุปฺปนฺนานิ ฉตฺติํส ตณฺหาวิจริตานิ ตเทกชฺฌํ อภิสญฺญุหิตฺวา อภิสงฺขิปิตฺวา อฎฺฐตณฺหาวิจริตสตํ โหตี’’ติ (วิภ. ๘๔๒)ฯ

    ‘‘Aṭṭhārasa taṇhāvicaritāni ajjhattikassa upādāya, aṭṭhārasa taṇhāvicaritāni bāhirassa upādāya, tadekajjhaṃ abhisaññuhitvā abhisaṅkhipitvā chattiṃsa taṇhāvicaritāni honti. Iti atītāni chattiṃsa taṇhāvicaritāni, anāgatāni chattiṃsa taṇhāvicaritāni, paccuppannāni chattiṃsa taṇhāvicaritāni tadekajjhaṃ abhisaññuhitvā abhisaṅkhipitvā aṭṭhataṇhāvicaritasataṃ hotī’’ti (vibha. 842).

    ตณฺหาปปญฺจาเยว ปเนตฺถ ตณฺหาวิจริตานีติ วุตฺตาฯ ตณฺหาสมุทาจารา ตณฺหาปวตฺติโยติ อโตฺถฯ อชฺฌตฺติกสฺส อุปาทายาติ อชฺฌตฺติกํ ขนฺธปญฺจกํ อุปาทายฯ อิทญฺหิ อุปโยคเตฺถ สามิวจนํฯ วิตฺถาโร ปนสฺส ตสฺส นิเทฺทเส (วิภ. ๙๗๓) วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน อปโร นโย – รูปารมฺมณาเยว กามตณฺหา, ภวตณฺหา, วิภวตณฺหาติ ติโสฺส ตณฺหา โหนฺติ, ตถา สทฺทาทิอารมฺมณาติ ฉสุ อารมฺมเณสุ อฎฺฐารส ตณฺหา โหนฺติ, อชฺฌตฺตารมฺมณา อฎฺฐารส, พหิทฺธารมฺมณา อฎฺฐารสาติ ฉตฺติํส โหนฺติฯ ตา เอว อตีตารมฺมณา ฉตฺติํส, อนาคตารมฺมณา ฉตฺติํส, ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ฉตฺติํสาติ อฎฺฐตณฺหาวิจริตสตํ โหติฯ ปปญฺจิโตติ อารมฺมเณ, สํสาเร วา ปปญฺจิโต จิรวาสิโตฯ

    Taṇhāpapañcāyeva panettha taṇhāvicaritānīti vuttā. Taṇhāsamudācārā taṇhāpavattiyoti attho. Ajjhattikassa upādāyāti ajjhattikaṃ khandhapañcakaṃ upādāya. Idañhi upayogatthe sāmivacanaṃ. Vitthāro panassa tassa niddese (vibha. 973) vuttanayeneva veditabbo. Ayaṃ pana aparo nayo – rūpārammaṇāyeva kāmataṇhā, bhavataṇhā, vibhavataṇhāti tisso taṇhā honti, tathā saddādiārammaṇāti chasu ārammaṇesu aṭṭhārasa taṇhā honti, ajjhattārammaṇā aṭṭhārasa, bahiddhārammaṇā aṭṭhārasāti chattiṃsa honti. Tā eva atītārammaṇā chattiṃsa, anāgatārammaṇā chattiṃsa, paccuppannārammaṇā chattiṃsāti aṭṭhataṇhāvicaritasataṃ hoti. Papañcitoti ārammaṇe, saṃsāre vā papañcito ciravāsito.

    ทฺวาสฎฺฐิยา ทิฎฺฐิคเตหีติ ‘‘กตมานิ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตานิ พฺรหฺมชาเล เวยฺยากรเณ วุตฺตานิ ภควตา? จตฺตาโร สสฺสตวาทา, จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสตวาทา, จตฺตาโร อนฺตานนฺติกา , จตฺตาโร อมราวิเกฺขปิกา, เทฺว อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา, โสฬส สญฺญีวาทา, อฎฺฐ อสญฺญีวาทา, อฎฺฐ เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา, สตฺต อุเจฺฉทวาทา, ปญฺจ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทาติ อิมานิ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตานิ พฺรหฺมชาเล เวยฺยากรเณ วุตฺตานิ ภควตา’’ติ (วิภ. ๙๗๗)ฯ วิตฺถาโร ปเนตฺถ พฺรหฺมชาลสุเตฺต วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ

    Dvāsaṭṭhiyā diṭṭhigatehīti ‘‘katamāni dvāsaṭṭhi diṭṭhigatāni brahmajāle veyyākaraṇe vuttāni bhagavatā? Cattāro sassatavādā, cattāro ekaccasassatavādā, cattāro antānantikā , cattāro amarāvikkhepikā, dve adhiccasamuppannikā, soḷasa saññīvādā, aṭṭha asaññīvādā, aṭṭha nevasaññīnāsaññīvādā, satta ucchedavādā, pañca diṭṭhadhammanibbānavādāti imāni dvāsaṭṭhi diṭṭhigatāni brahmajāle veyyākaraṇe vuttāni bhagavatā’’ti (vibha. 977). Vitthāro panettha brahmajālasutte vuttanayeneva veditabbo.

    อหญฺจมฺหิ ติโณฺณติ อหญฺจ จตุโรฆํ, สํสารสมุทฺทํ วา ติโณฺณ อมฺหิ ภวามิฯ มุโตฺตติ ราคาทิพนฺธเนหิ มุโตฺตฯ ทโนฺตติ นิพฺพิเสวโน นิปฺปริปฺผโนฺทฯ สโนฺตติ สีตีภูโตฯ อสฺสโตฺถติ นิพฺพานทสฺสเน ลทฺธสฺสาโสฯ ปรินิพฺพุโตติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโตฯ ปโหมีติ สมโตฺถมฺหิฯ โขอิติ เอกํสเตฺถ นิปาโตฯ ปเร จ ปรินิพฺพาเปตุนฺติ เอตฺถ ปเร จ-สโทฺท ‘‘ปเร จ ตาเรตุ’’นฺติอาทีหิปิ โยเชตโพฺพติฯ

    Ahañcamhi tiṇṇoti ahañca caturoghaṃ, saṃsārasamuddaṃ vā tiṇṇo amhi bhavāmi. Muttoti rāgādibandhanehi mutto. Dantoti nibbisevano nipparipphando. Santoti sītībhūto. Assatthoti nibbānadassane laddhassāso. Parinibbutoti kilesaparinibbānena parinibbuto. Pahomīti samatthomhi. Khoiti ekaṃsatthe nipāto. Pare ca parinibbāpetunti ettha pare ca-saddo ‘‘pare ca tāretu’’ntiādīhipi yojetabboti.

    มหากรุณาญาณนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahākaruṇāñāṇaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๗๑. มหากรุณาญาณนิเทฺทโส • 71. Mahākaruṇāñāṇaniddeso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact