Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๖. มหากสฺสปสุตฺตวณฺณนา

    6. Mahākassapasuttavaṇṇanā

    . ฉเฎฺฐ ราชคเหติ เอวํนามเก นคเรฯ ตญฺหิ มหามนฺธาตุมหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ วุจฺจติฯ ‘‘ทุรภิภวนียตฺตา ปฎิราชูนํ คหภูตนฺติ ราชคห’’นฺติอาทินา อเญฺญเนตฺถ ปกาเรน วณฺณยนฺติฯ กิเนฺตหิ? นามเมตํ ตสฺส นครสฺสฯ ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สุญฺญํ ยกฺขปริคฺคหิตํ เตสํ วสนฎฺฐานํ หุตฺวา ติฎฺฐติฯ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปติ เวฬุวนนฺติ ตสฺส วิหารสฺส นามํฯ ตํ กิร อฎฺฐารสหตฺถุเพฺพเธน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตํ พุทฺธสฺส ภควโต วสนานุจฺฉวิกาย มหติยา คนฺธกุฎิยา อเญฺญหิ จ ปาสาทกุฎิเลณมณฺฑปจงฺกมทฺวารโกฎฺฐกาทีหิ ปฎิมณฺฑิตํ พหิ เวฬูหิ ปริกฺขิตฺตํ อโหสิ นีโลภาสํ มโนรมํ, เตน ‘‘เวฬุวน’’นฺติ วุจฺจติฯ กลนฺทกานเญฺจตฺถ นิวาปํ อทํสุ, ตสฺมา ‘‘กลนฺทกนิวาโป’’ติ วุจฺจติฯ ปุเพฺพ กิร อญฺญตโร ราชา ตํ อุยฺยานํ กีฬนตฺถํ ปวิโฎฺฐ สุรามทมโตฺต ทิวาเสยฺยํ อุปคโต สุปิ, ปริชโนปิสฺส ‘‘สุโตฺต ราชา’’ติ ปุปฺผผลาทีหิ ปโลภิยมาโน อิโต จิโต จ ปกฺกามิฯ อถ สุราคเนฺธน อญฺญตรสฺมา รุกฺขสุสิรา กณฺหสโปฺป นิกฺขมิตฺวา รโญฺญ อภิมุโข อาคจฺฉติฯ ตํ ทิสฺวา รุกฺขเทวตา ‘‘รโญฺญ ชีวิตํ ทสฺสามี’’ติ กลนฺทกเวเสน คนฺตฺวา กณฺณมูเล สทฺทมกาสิฯ ราชา ปฎิพุชฺฌิ, กณฺหสโปฺป นิวโตฺตฯ โส ตํ ทิสฺวา ‘‘อิมาย กาฬกาย มม ชีวิตํ ทินฺน’’นฺติ กาฬกานํ นิวาปํ ตตฺถ ปฎฺฐเปสิ, อภยโฆสญฺจ โฆสาเปสิฯ ตสฺมา ตโต ปฎฺฐาย ตํ ‘‘กลนฺทกนิวาป’’นฺติ สงฺขํ คตํฯ กลนฺทกาติ หิ กาฬกานํ นามํ, ตสฺมิํ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป

    6. Chaṭṭhe rājagaheti evaṃnāmake nagare. Tañhi mahāmandhātumahāgovindādīhi pariggahitattā ‘‘rājagaha’’nti vuccati. ‘‘Durabhibhavanīyattā paṭirājūnaṃ gahabhūtanti rājagaha’’ntiādinā aññenettha pakārena vaṇṇayanti. Kintehi? Nāmametaṃ tassa nagarassa. Taṃ panetaṃ buddhakāle cakkavattikāle ca nagaraṃ hoti, sesakāle suññaṃ yakkhapariggahitaṃ tesaṃ vasanaṭṭhānaṃ hutvā tiṭṭhati. Veḷuvane kalandakanivāpeti veḷuvananti tassa vihārassa nāmaṃ. Taṃ kira aṭṭhārasahatthubbedhena pākārena parikkhittaṃ buddhassa bhagavato vasanānucchavikāya mahatiyā gandhakuṭiyā aññehi ca pāsādakuṭileṇamaṇḍapacaṅkamadvārakoṭṭhakādīhi paṭimaṇḍitaṃ bahi veḷūhi parikkhittaṃ ahosi nīlobhāsaṃ manoramaṃ, tena ‘‘veḷuvana’’nti vuccati. Kalandakānañcettha nivāpaṃ adaṃsu, tasmā ‘‘kalandakanivāpo’’ti vuccati. Pubbe kira aññataro rājā taṃ uyyānaṃ kīḷanatthaṃ paviṭṭho surāmadamatto divāseyyaṃ upagato supi, parijanopissa ‘‘sutto rājā’’ti pupphaphalādīhi palobhiyamāno ito cito ca pakkāmi. Atha surāgandhena aññatarasmā rukkhasusirā kaṇhasappo nikkhamitvā rañño abhimukho āgacchati. Taṃ disvā rukkhadevatā ‘‘rañño jīvitaṃ dassāmī’’ti kalandakavesena gantvā kaṇṇamūle saddamakāsi. Rājā paṭibujjhi, kaṇhasappo nivatto. So taṃ disvā ‘‘imāya kāḷakāya mama jīvitaṃ dinna’’nti kāḷakānaṃ nivāpaṃ tattha paṭṭhapesi, abhayaghosañca ghosāpesi. Tasmā tato paṭṭhāya taṃ ‘‘kalandakanivāpa’’nti saṅkhaṃ gataṃ. Kalandakāti hi kāḷakānaṃ nāmaṃ, tasmiṃ veḷuvane kalandakanivāpe.

    มหากสฺสโปติ มหเนฺตหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา มหโนฺต กสฺสโปติ มหากสฺสโป, อปิจ กุมารกสฺสปเตฺถรํ อุปาทาย อยํ มหาเถโร ‘‘มหากสฺสโป’’ติ วุจฺจติฯ ปิปฺปลิคุหายนฺติ ตสฺสา กิร คุหาย ทฺวารสมีเป เอโก ปิปฺปลิรุโกฺข อโหสิ, เตน สา ‘‘ปิปฺปลิคุหา’’ติ ปญฺญายิตฺถฯ ตสฺสํ ปิปฺปลิคุหายํฯ อาพาธิโกติ อาพาโธ อสฺส อตฺถีติ อาพาธิโก, พฺยาธิโกติ อโตฺถฯ ทุกฺขิโตติ กายสนฺนิสฺสิตํ ทุกฺขํ สญฺชาตํ อสฺสาติ ทุกฺขิโต, ทุกฺขปฺปโตฺตติ อโตฺถฯ พาฬฺหคิลาโนติ อธิมตฺตเคลโญฺญ, ตํ ปน เคลญฺญํ สโต สมฺปชาโน หุตฺวา อธิวาเสสิฯ อถสฺส ภควา ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา โพชฺฌงฺคปริตฺตํ อภาสิ, เตเนว เถรสฺส โส อาพาโธ วูปสมิฯ วุตฺตเญฺหตํ โพชฺฌงฺคสํยุเตฺต –

    Mahākassapoti mahantehi sīlakkhandhādīhi samannāgatattā mahanto kassapoti mahākassapo, apica kumārakassapattheraṃ upādāya ayaṃ mahāthero ‘‘mahākassapo’’ti vuccati. Pippaliguhāyanti tassā kira guhāya dvārasamīpe eko pippalirukkho ahosi, tena sā ‘‘pippaliguhā’’ti paññāyittha. Tassaṃ pippaliguhāyaṃ. Ābādhikoti ābādho assa atthīti ābādhiko, byādhikoti attho. Dukkhitoti kāyasannissitaṃ dukkhaṃ sañjātaṃ assāti dukkhito, dukkhappattoti attho. Bāḷhagilānoti adhimattagelañño, taṃ pana gelaññaṃ sato sampajāno hutvā adhivāsesi. Athassa bhagavā taṃ pavattiṃ ñatvā tattha gantvā bojjhaṅgaparittaṃ abhāsi, teneva therassa so ābādho vūpasami. Vuttañhetaṃ bojjhaṅgasaṃyutte –

    ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหากสฺสโป ปิปฺปลิคุหายํ วิหรติ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยนายสฺมา มหากสฺสโป เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา…เป.… เอตทโวจ – ‘กจฺจิ เต, กสฺสป, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ ทุกฺขา เวทนา ปฎิกฺกมนฺติ, โน อภิกฺกมนฺติ, ปฎิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ โน อภิกฺกโม’ติ? ‘น เม, ภเนฺต, ขมนียํ, น ยาปนียํ, พาฬฺหา เม ภเนฺต, ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ โน ปฎิกฺกมนฺติ, อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ โน ปฎิกฺกโม’ติฯ

    ‘‘Tena kho pana samayena āyasmā mahākassapo pippaliguhāyaṃ viharati ābādhiko dukkhito bāḷhagilāno. Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yenāyasmā mahākassapo tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā…pe… etadavoca – ‘kacci te, kassapa, khamanīyaṃ, kacci yāpanīyaṃ, kacci dukkhā vedanā paṭikkamanti, no abhikkamanti, paṭikkamosānaṃ paññāyati no abhikkamo’ti? ‘Na me, bhante, khamanīyaṃ, na yāpanīyaṃ, bāḷhā me bhante, dukkhā vedanā abhikkamanti no paṭikkamanti, abhikkamosānaṃ paññāyati no paṭikkamo’ti.

    ‘‘‘สตฺติเม, กสฺสป, โพชฺฌงฺคา มยา สมฺมทกฺขาตา ภาวิตา พหุลีกตา อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติฯ กตเม สตฺต? สติสโมฺพชฺฌโงฺค โข, กสฺสป, มยา สมฺมทกฺขาโต ภาวิโต พหุลีกโต อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ…เป.… อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺค โข, กสฺสป, มยา สมฺมทกฺขาโต ภาวิโต พหุลีกโต อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ อิเม โข, กสฺสป, สตฺต โพชฺฌงฺคา มยา สมฺมทกฺขาตา ภาวิตา พหูลีกตา อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺตี’ติฯ ‘ตคฺฆ ภควา โพชฺฌงฺคา, ตคฺฆ, สุคต, โพชฺฌงฺคา’’’ติฯ

    ‘‘‘Sattime, kassapa, bojjhaṅgā mayā sammadakkhātā bhāvitā bahulīkatā abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattanti. Katame satta? Satisambojjhaṅgo kho, kassapa, mayā sammadakkhāto bhāvito bahulīkato abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati…pe… upekkhāsambojjhaṅgo kho, kassapa, mayā sammadakkhāto bhāvito bahulīkato abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati. Ime kho, kassapa, satta bojjhaṅgā mayā sammadakkhātā bhāvitā bahūlīkatā abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattantī’ti. ‘Taggha bhagavā bojjhaṅgā, taggha, sugata, bojjhaṅgā’’’ti.

    ‘‘อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา มหากสฺสโป ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิฯ วุฎฺฐหิ จายสฺมา มหากสฺสโป ตมฺหา อาพาธา, ตถา ปหีโน จายสฺมโต มหากสฺสปสฺส โส อาพาโธ อโหสี’’ติฯ

    ‘‘Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā mahākassapo bhagavato bhāsitaṃ abhinandi. Vuṭṭhahi cāyasmā mahākassapo tamhā ābādhā, tathā pahīno cāyasmato mahākassapassa so ābādho ahosī’’ti.

    เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อปเรน สมเยน ตมฺหา อาพาธา วุฎฺฐาสี’’ติฯ

    Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho āyasmā mahākassapo aparena samayena tamhā ābādhā vuṭṭhāsī’’ti.

    เอตทโหสีติ ปุเพฺพ เคลญฺญทิวเสสุ สทฺธิวิหาริเกหิ อุปนีตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา วิหาเร เอว อโหสิฯ อถสฺส ตมฺหา อาพาธา วุฎฺฐิตสฺส เอตํ ‘‘ยํนูนาหํ ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิเสยฺย’’นฺติ ปริวิตโกฺก อโหสิฯ ปญฺจมตฺตานิ เทวตาสตานีติ สกฺกสฺส เทวรโญฺญ ปริจาริกา ปญฺจสตา กกุฎปาทินิโย อจฺฉราโยฯ อุสฺสุกฺกํ อาปนฺนานิ โหนฺตีติ เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามาติ ปญฺจปิณฺฑปาตสตานิ สเชฺชตฺวา สุวณฺณภาชเนหิ อาทาย อนฺตรามเคฺค ฐตฺวา, ‘‘ภเนฺต, อิมํ ปิณฺฑปาตํ คณฺหถ, สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ วทมานา ปิณฺฑปาตทาเน ยุตฺตปฺปยุตฺตานิ โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปิณฺฑปาตปฺปฎิลาภายา’’ติฯ

    Etadahosīti pubbe gelaññadivasesu saddhivihārikehi upanītaṃ piṇḍapātaṃ paribhuñjitvā vihāre eva ahosi. Athassa tamhā ābādhā vuṭṭhitassa etaṃ ‘‘yaṃnūnāhaṃ rājagahaṃ piṇḍāya paviseyya’’nti parivitakko ahosi. Pañcamattāni devatāsatānīti sakkassa devarañño paricārikā pañcasatā kakuṭapādiniyo accharāyo. Ussukkaṃ āpannāni hontīti therassa piṇḍapātaṃ dassāmāti pañcapiṇḍapātasatāni sajjetvā suvaṇṇabhājanehi ādāya antarāmagge ṭhatvā, ‘‘bhante, imaṃ piṇḍapātaṃ gaṇhatha, saṅgahaṃ no karothā’’ti vadamānā piṇḍapātadāne yuttappayuttāni honti. Tena vuttaṃ ‘‘āyasmato mahākassapassa piṇḍapātappaṭilābhāyā’’ti.

    สโกฺก กิร เทวราชา เถรสฺส จิตฺตปฺปวตฺติํ ญตฺวา ตา อจฺฉราโย อุโยฺยเชสิ ‘‘คจฺฉถ ตุเมฺห อยฺยสฺส มหากสฺสปเตฺถรสฺส ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา อตฺตโน ปติฎฺฐํ กโรถา’’ติฯ เอวํ หิสฺส อโหสิ ‘‘อิมาสุ สพฺพาสุ คตาสุ กทาจิ เอกิสฺสาปิ หตฺถโต ปิณฺฑปาตํ เถโร ปฎิคฺคเณฺหยฺย, ตํ ตสฺสา ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ ปฎิกฺขิปิ เถโร, ‘‘ภเนฺต , มยฺหํ ปิณฺฑปาตํ คณฺหถ, มยฺหํ ปิณฺฑปาตํ คณฺหถา’’ติ วทนฺติโย ‘‘คจฺฉถ ตุเมฺห กตปุญฺญา มหาโภคา, อหํ ทุคฺคตานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา, ‘‘ภเนฺต, มา โน นาเสถ, สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ วทนฺติโย ปุนปิ ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุนปิ อปคนฺตุํ อนิจฺฉมานา ยาจนฺติโย ‘‘น อตฺตโน ปมาณํ ชานาถ, อปคจฺฉถา’’ติ วตฺวา อจฺฉรํ ปหริฯ ตา เถรสฺส อจฺฉราสทฺทํ สุตฺวา สนฺตชฺชิตา ฐาตุํ อสโกฺกนฺติโย ปลายิตฺวา เทวโลกเมว คตาฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ปญฺจมตฺตานิ เทวตาสตานิ ปฎิกฺขิปิตฺวา’’ติฯ

    Sakko kira devarājā therassa cittappavattiṃ ñatvā tā accharāyo uyyojesi ‘‘gacchatha tumhe ayyassa mahākassapattherassa piṇḍapātaṃ datvā attano patiṭṭhaṃ karothā’’ti. Evaṃ hissa ahosi ‘‘imāsu sabbāsu gatāsu kadāci ekissāpi hatthato piṇḍapātaṃ thero paṭiggaṇheyya, taṃ tassā bhavissati dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti. Paṭikkhipi thero, ‘‘bhante , mayhaṃ piṇḍapātaṃ gaṇhatha, mayhaṃ piṇḍapātaṃ gaṇhathā’’ti vadantiyo ‘‘gacchatha tumhe katapuññā mahābhogā, ahaṃ duggatānaṃ saṅgahaṃ karissāmī’’ti vatvā, ‘‘bhante, mā no nāsetha, saṅgahaṃ no karothā’’ti vadantiyo punapi paṭikkhipitvā punapi apagantuṃ anicchamānā yācantiyo ‘‘na attano pamāṇaṃ jānātha, apagacchathā’’ti vatvā accharaṃ pahari. Tā therassa accharāsaddaṃ sutvā santajjitā ṭhātuṃ asakkontiyo palāyitvā devalokameva gatā. Tena vuttaṃ – ‘‘pañcamattāni devatāsatāni paṭikkhipitvā’’ti.

    ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ปุพฺพเณฺห เอกํ สมยํ, เอกสฺมิํ กาเลฯ นิวาเสตฺวาติ วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสน นิวาสนํ ทฬฺหํ นิวาเสตฺวาฯ ปตฺตจีวรมาทายาติ จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ หเตฺถน คเหตฺวาฯ ปิณฺฑาย ปาวิสีติ ปิณฺฑปาตตฺถาย ปาวิสิฯ ทลิทฺทวิสิขาติ ทุคฺคตมนุสฺสานํ วสโนกาโสฯ กปณวิสิขาติ โภคปาริชุญฺญปฺปตฺติยา ทีนมนุสฺสานํ วาโสฯ เปสการวิสิขาติ ตนฺตวายวาโสฯ อทฺทสา โข ภควาติ กถํ อทฺทส? ‘‘อาพาธา วุฎฺฐิโต มม ปุโตฺต กสฺสโป กินฺนุ โข กโรตี’’ติ อาวเชฺชโนฺต เวฬุวเน นิสิโนฺน เอว ภควา ทิพฺพจกฺขุนา อทฺทสฯ

    Pubbaṇhasamayanti pubbaṇhe ekaṃ samayaṃ, ekasmiṃ kāle. Nivāsetvāti vihāranivāsanaparivattanavasena nivāsanaṃ daḷhaṃ nivāsetvā. Pattacīvaramādāyāti cīvaraṃ pārupitvā pattaṃ hatthena gahetvā. Piṇḍāya pāvisīti piṇḍapātatthāya pāvisi. Daliddavisikhāti duggatamanussānaṃ vasanokāso. Kapaṇavisikhāti bhogapārijuññappattiyā dīnamanussānaṃ vāso. Pesakāravisikhāti tantavāyavāso. Addasā kho bhagavāti kathaṃ addasa? ‘‘Ābādhā vuṭṭhito mama putto kassapo kinnu kho karotī’’ti āvajjento veḷuvane nisinno eva bhagavā dibbacakkhunā addasa.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ยายํ อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปญฺจหิ อจฺฉราสเตหิ อุปนีตํ อเนกสูปํ อเนกพฺยญฺชนํ ทิพฺพปิณฺฑปาตํ ปฎิกฺขิปิตฺวา กปณชนานุคฺคหปฺปฎิปตฺติ วุตฺตา, เอตมตฺถํ ชานิตฺวาฯ อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปรมปฺปิจฺฉตาทสฺสนมุเขน ขีณาสวสฺส ตาทีภาวานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Etamatthaṃviditvāti yāyaṃ āyasmato mahākassapassa pañcahi accharāsatehi upanītaṃ anekasūpaṃ anekabyañjanaṃ dibbapiṇḍapātaṃ paṭikkhipitvā kapaṇajanānuggahappaṭipatti vuttā, etamatthaṃ jānitvā. Imaṃ udānanti imaṃ paramappicchatādassanamukhena khīṇāsavassa tādībhāvānubhāvadīpakaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ อนญฺญโปสินฺติ อญฺญํ โปเสตีติ อญฺญโปสี, น อญฺญโปสี อนญฺญโปสี, อตฺตนา โปเสตพฺพสฺส อญฺญสฺส อภาเวน อทุติโย, เอกโกติ อโตฺถฯ เตน เถรสฺส สุภรตํ ทเสฺสติฯ เถโร หิ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน จ ปิณฺฑปาเตน อตฺตานเมว โปเสโนฺต ปรมปฺปิโจฺฉ หุตฺวา วิหรติ, อญฺญํ ญาติมิตฺตาทีสุ กญฺจิ น โปเสติ กตฺถจิ อลคฺคภาวโตฯ อถ วา อเญฺญน อญฺญตเรน โปเสตพฺพตาย อภาวโต อนญฺญโปสีฯ โย หิ เอกสฺมิํเยว ปจฺจยทายเก ปฎิพทฺธจตุปจฺจโย โส อนญฺญโปสี นาม น โหติ เอกายตฺตวุตฺติโต ฯ เถโร ปน ‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผ’’นฺติ (ธ. ป. ๔๙) คาถาย วุตฺตนเยน ชงฺฆาพลํ นิสฺสาย ปิณฺฑาย จรโนฺต กุเลสุ นิจฺจนโว หุตฺวา มิสฺสกภเตฺตน ยาเปติฯ ตถา หิ นํ ภควา จนฺทูปมปฺปฎิปทาย โถเมสิฯ อญฺญาตนฺติ อภิญฺญาตํ, ยถาภุจฺจคุเณหิ ปตฺถฎยสํ, เตเนว วา อนญฺญโปสิภาเวน อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฎฺฐิตาหิ ญาตํฯ อถ วา อญฺญาตนฺติ สพฺพโส ปหีนตณฺหตาย ลาภสกฺการสิโลกนิกามนเหตุ อตฺตานํ ชานาปนวเสน น ญาตํฯ อวีตตโณฺห หิ ปาปิโจฺฉ กุหกตาย สมฺภาวนาธิปฺปาเยน อตฺตานํ ชานาเปติฯ ทนฺตนฺติ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อินฺทฺริเยสุ อุตฺตมทมเนน ทนฺตํฯ สาเร ปติฎฺฐิตนฺติ วิมุตฺติสาเร อวฎฺฐิตํ, อเสกฺขสีลกฺขนฺธาทิเก วา สีลาทิสาเร ปติฎฺฐิตํฯ ขีณาสวํ วนฺตโทสนฺติ กามาสวาทีนํ จตุนฺนํ อาสวานํ อนวเสสํ ปหีนตฺตา ขีณาสวํฯ ตโต เอว ราคาทิโทสานํ สพฺพโส วนฺตตฺตา วนฺตโทสํฯ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณนฺติ ตํ ยถาวุตฺตคุณํ ปรมตฺถพฺราหฺมณํ อหํ พฺราหฺมณนฺติ วทามีติฯ อิธาปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เทสนานานตฺตํ เวทิตพฺพํฯ

    Tattha anaññaposinti aññaṃ posetīti aññaposī, na aññaposī anaññaposī, attanā posetabbassa aññassa abhāvena adutiyo, ekakoti attho. Tena therassa subharataṃ dasseti. Thero hi kāyaparihārikena cīvarena kucchiparihārikena ca piṇḍapātena attānameva posento paramappiccho hutvā viharati, aññaṃ ñātimittādīsu kañci na poseti katthaci alaggabhāvato. Atha vā aññena aññatarena posetabbatāya abhāvato anaññaposī. Yo hi ekasmiṃyeva paccayadāyake paṭibaddhacatupaccayo so anaññaposī nāma na hoti ekāyattavuttito . Thero pana ‘‘yathāpi bhamaro puppha’’nti (dha. pa. 49) gāthāya vuttanayena jaṅghābalaṃ nissāya piṇḍāya caranto kulesu niccanavo hutvā missakabhattena yāpeti. Tathā hi naṃ bhagavā candūpamappaṭipadāya thomesi. Aññātanti abhiññātaṃ, yathābhuccaguṇehi patthaṭayasaṃ, teneva vā anaññaposibhāvena appicchatāsantuṭṭhitāhi ñātaṃ. Atha vā aññātanti sabbaso pahīnataṇhatāya lābhasakkārasilokanikāmanahetu attānaṃ jānāpanavasena na ñātaṃ. Avītataṇho hi pāpiccho kuhakatāya sambhāvanādhippāyena attānaṃ jānāpeti. Dantanti chaḷaṅgupekkhāvasena indriyesu uttamadamanena dantaṃ. Sāre patiṭṭhitanti vimuttisāre avaṭṭhitaṃ, asekkhasīlakkhandhādike vā sīlādisāre patiṭṭhitaṃ. Khīṇāsavaṃ vantadosanti kāmāsavādīnaṃ catunnaṃ āsavānaṃ anavasesaṃ pahīnattā khīṇāsavaṃ. Tato eva rāgādidosānaṃ sabbaso vantattā vantadosaṃ. Tamahaṃ brūmi brāhmaṇanti taṃ yathāvuttaguṇaṃ paramatthabrāhmaṇaṃ ahaṃ brāhmaṇanti vadāmīti. Idhāpi heṭṭhā vuttanayeneva desanānānattaṃ veditabbaṃ.

    ฉฎฺฐสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Chaṭṭhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๖. มหากสฺสปสุตฺตํ • 6. Mahākassapasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact