Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Dīgha Nikāya, English translation |
ทีฆ นิกาย ๖
Long Discourses 6
มหาลิสุตฺต
With Mahāli
๑ฯ พฺราหฺมณทูตวตฺถุ
1. On the Brahmin Emissaries
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา โกสลกา จ พฺราหฺมณทูตา มาคธกา จ พฺราหฺมณทูตา เวสาลิยํ ปฏิวสนฺติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อโสฺสสุํ โข เต โกสลกา จ พฺราหฺมณทูตา มาคธกา จ พฺราหฺมณทูตา:
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Vesālī, at the Great Wood, in the hall with the peaked roof. Now at that time several brahmin emissaries from Kosala and Magadha were residing in Vesālī on some business. They heard:
“สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา'ฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี”ติฯ
“It seems the ascetic Gotama—a Sakyan, gone forth from a Sakyan family—is staying near Vesālī, at the Great Wood, in the hall with the peaked roof. He has this good reputation: ‘That Blessed One is perfected, a fully awakened Buddha, accomplished in knowledge and conduct, holy, knower of the world, supreme guide for those who wish to train, teacher of gods and humans, awakened, blessed.’ He has realized with his own insight this world—with its gods, Māras and Brahmās, this population with its ascetics and brahmins, gods and humans—and he makes it known to others. He teaches Dhamma that’s good in the beginning, good in the middle, and good in the end, meaningful and well-phrased. And he reveals a spiritual practice that’s entirely full and pure. It’s good to see such perfected ones.”
อถ โข เต โกสลกา จ พฺราหฺมณทูตา มาคธกา จ พฺราหฺมณทูตา เยน มหาวนํ กูฏาคารสาลา เตนุปสงฺกมึสุฯ
Then they went to the hall with the peaked roof in the Great Wood to see the Buddha.
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นาคิโต ภควโต อุปฏฺฐาโก โหติฯ อถ โข เต โกสลกา จ พฺราหฺมณทูตา มาคธกา จ พฺราหฺมณทูตา เยนายสฺมา นาคิโต เตนุปสงฺกมึสุฯ อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคิตํ เอตทโวจุํ: “กหํ นุ โข, โภ นาคิต, เอตรหิ โส ภวํ โคตโม วิหรติ? ทสฺสนกามา หิ มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตมนฺ”ติฯ
Now, at that time Venerable Nāgita was the Buddha’s attendant. The brahmin emissaries went up to him and said, “Master Nāgita, where is Master Gotama at present? For we want to see him.”
“อกาโล โข, อาวุโส, ภควนฺตํ ทสฺสนาย, ปฏิสลฺลีโน ภควา”ติฯ
“It’s the wrong time to see the Buddha; he is on retreat.”
อถ โข เต โกสลกา จ พฺราหฺมณทูตา มาคธกา จ พฺราหฺมณทูตา ตตฺเถว เอกมนฺตํ นิสีทึสุ: “ทิสฺวาว มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ คมิสฺสามา”ติฯ
So right there the brahmin emissaries sat down to one side, thinking, “We’ll go only after we’ve seen Master Gotama.”
๒ฯ โอฏฺฐทฺธลิจฺฉวีวตฺถุ
2. On Oṭṭhaddha the Licchavi
โอฏฺฐทฺโธปิ ลิจฺฉวี มหติยา ลิจฺฉวีปริสาย สทฺธึ เยน มหาวนํ กูฏาคารสาลา เยนายสฺมา นาคิโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคิตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข โอฏฺฐทฺโธปิ ลิจฺฉวี อายสฺมนฺตํ นาคิตํ เอตทโวจ: “กหํ นุ โข, ภนฺเต นาคิต, เอตรหิ โส ภควา วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ทสฺสนกามา หิ มยํ ตํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธนฺ”ติฯ
Oṭṭhaddha the Licchavi together with a large assembly of Licchavis also approached Nāgita at the hall with the peaked roof. He bowed, stood to one side, and said to Nāgita, “Master Nāgita, where is the Blessed One at present, the perfected one, the fully awakened Buddha? For we want to see him.”
“อกาโล โข, มหาลิ, ภควนฺตํ ทสฺสนาย, ปฏิสลฺลีโน ภควา”ติฯ
“It’s the wrong time to see the Buddha; he is on retreat.”
โอฏฺฐทฺโธปิ ลิจฺฉวี ตตฺเถว เอกมนฺตํ นิสีทิ: “ทิสฺวาว อหํ ตํ ภควนฺตํ คมิสฺสามิ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธนฺ”ติฯ
So right there Oṭṭhaddha also sat down to one side, thinking, “I’ll go only after I’ve seen the Blessed One, the perfected one, the fully awakened Buddha.”
อถ โข สีโห สมณุทฺเทโส เยนายสฺมา นาคิโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคิตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข สีโห สมณุทฺเทโส อายสฺมนฺตํ นาคิตํ เอตทโวจ: “เอเต, ภนฺเต กสฺสป, สมฺพหุลา โกสลกา จ พฺราหฺมณทูตา มาคธกา จ พฺราหฺมณทูตา อิธูปสงฺกนฺตา ภควนฺตํ ทสฺสนาย; โอฏฺฐทฺโธปิ ลิจฺฉวี มหติยา ลิจฺฉวีปริสาย สทฺธึ อิธูปสงฺกนฺโต ภควนฺตํ ทสฺสนาย, สาธุ, ภนฺเต กสฺสป, ลภตํ เอสา ชนตา ภควนฺตํ ทสฺสนายา”ติฯ
Then the novice Sīha approached Nāgita. He bowed, stood to one side, and said to Nāgita, “Honorable Kassapa, these several brahmin emissaries from Kosala and Magadha, and also Oṭṭhaddha the Licchavi together with a large assembly of Licchavis, have come here to see the Buddha. It’d be good if these people got to see the Buddha.”
“เตน หิ, สีห, ตฺวญฺเญว ภควโต อาโรเจหี”ติฯ
“Well then, Sīha, tell the Buddha yourself.”
“เอวํ, ภนฺเต”ติ โข สีโห สมณุทฺเทโส อายสฺมโต นาคิตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข สีโห สมณุทฺเทโส ภควนฺตํ เอตทโวจ: “เอเต, ภนฺเต, สมฺพหุลา โกสลกา จ พฺราหฺมณทูตา มาคธกา จ พฺราหฺมณทูตา อิธูปสงฺกนฺตา ภควนฺตํ ทสฺสนาย, โอฏฺฐทฺโธปิ ลิจฺฉวี มหติยา ลิจฺฉวีปริสาย สทฺธึ อิธูปสงฺกนฺโต ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ สาธุ, ภนฺเต, ลภตํ เอสา ชนตา ภควนฺตํ ทสฺสนายา”ติฯ
“Yes, sir,” replied Sīha. He went to the Buddha, bowed, stood to one side, and told him of the people waiting to see him, adding: “Sir, it’d be good if these people got to see the Buddha.”
“เตน หิ, สีห, วิหารปจฺฉายายํ อาสนํ ปญฺญเปหี”ติฯ
“Well then, Sīha, spread out a seat in the shade of the dwelling.”
“เอวํ, ภนฺเต”ติ โข สีโห สมณุทฺเทโส ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา วิหารปจฺฉายายํ อาสนํ ปญฺญเปสิฯ
“Yes, sir,” replied Sīha, and he did so.
อถ โข ภควา วิหารา นิกฺขมฺม วิหารปจฺฉายายํ ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข เต โกสลกา จ พฺราหฺมณทูตา มาคธกา จ พฺราหฺมณทูตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ
Then the Buddha came out of his dwelling and sat in the shade of the dwelling on the seat spread out. Then the brahmin emissaries went up to the Buddha, and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, they sat down to one side.
โอฏฺฐทฺโธปิ ลิจฺฉวี มหติยา ลิจฺฉวีปริสาย สทฺธึ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โอฏฺฐทฺโธ ลิจฺฉวี ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ปุริมานิ, ภนฺเต, ทิวสานิ ปุริมตรานิ สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ เอตทโวจ: ‘ยทคฺเค อหํ, มหาลิ, ภควนฺตํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ, น จิรํ ตีณิ วสฺสานิ, ทิพฺพานิ หิ โข รูปานิ ปสฺสามิ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิ, โน จ โข ทิพฺพานิ สทฺทานิ สุณามิ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานี'ติฯ สนฺตาเนว นุ โข, ภนฺเต, สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต ทิพฺพานิ สทฺทานิ นาโสฺสสิ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิ, อุทาหุ อสนฺตานี”ติ?
Oṭṭhaddha the Licchavi together with a large assembly of Licchavis also went up to the Buddha, bowed, and sat down to one side. Oṭṭhaddha said to the Buddha, “Sir, a few days ago Sunakkhatta the Licchavi came to me and said: ‘Mahāli, soon I will have been living in dependence on the Buddha for three years. I see divine sights that are pleasant, sensual, and arousing, but I don’t hear divine sounds that are pleasant, sensual, and arousing.’ The divine sounds that Sunakkhatta cannot hear: do such sounds really exist or not?”
๒ฯ๑ฯ เอกํสภาวิตสมาธิ
2.1. One-Sided Immersion
“สนฺตาเนว โข, มหาลิ, สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต ทิพฺพานิ สทฺทานิ นาโสฺสสิ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิ, โน อสนฺตานี”ติฯ
“Such sounds really do exist, but Sunakkhatta cannot hear them.”
“โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย, เยน สนฺตาเนว สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต ทิพฺพานิ สทฺทานิ นาโสฺสสิ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิ, โน อสนฺตานี”ติ?
“What is the cause, sir, what is the reason why Sunakkhatta cannot hear them, even though they really do exist?”
“อิธ, มหาลิ, ภิกฺขุโน ปุรตฺถิมาย ทิสาย เอกํสภาวิโต สมาธิ โหติ ทิพฺพานํ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โน จ โข ทิพฺพานํ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ โส ปุรตฺถิมาย ทิสาย เอกํสภาวิเต สมาธิมฺหิ ทิพฺพานํ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โน จ โข ทิพฺพานํ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ ปุรตฺถิมาย ทิสาย ทิพฺพานิ รูปานิ ปสฺสติ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิ, โน จ โข ทิพฺพานิ สทฺทานิ สุณาติ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, มหาลิ, โหติ ภิกฺขุโน ปุรตฺถิมาย ทิสาย เอกํสภาวิเต สมาธิมฺหิ ทิพฺพานํ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โน จ โข ทิพฺพานํ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ
“Mahāli, take a bhikkhu who has developed immersion to the eastern quarter in one aspect: so as to see divine sights but not to hear divine sounds. When they have developed immersion for that purpose, they see divine sights but don’t hear divine sounds. Why is that? Because that is how it is for a bhikkhu who develops immersion in that way.
ปุน จปรํ, มหาลิ, ภิกฺขุโน ทกฺขิณาย ทิสาย …เป… ปจฺฉิมาย ทิสาย … อุตฺตราย ทิสาย … อุทฺธมโธ ติริยํ เอกํสภาวิโต สมาธิ โหติ ทิพฺพานํ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โน จ โข ทิพฺพานํ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ โส อุทฺธมโธ ติริยํ เอกํสภาวิเต สมาธิมฺหิ ทิพฺพานํ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โน จ โข ทิพฺพานํ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ อุทฺธมโธ ติริยํ ทิพฺพานิ รูปานิ ปสฺสติ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิ, โน จ โข ทิพฺพานิ สทฺทานิ สุณาติ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, มหาลิ, โหติ ภิกฺขุโน อุทฺธมโธ ติริยํ เอกํสภาวิเต สมาธิมฺหิ ทิพฺพานํ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โน จ โข ทิพฺพานํ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ
Furthermore, take a bhikkhu who has developed immersion to the southern quarter in one aspect … western quarter … northern quarter … above, below, across … That is how it is for a bhikkhu who develops immersion in that way.
อิธ, มหาลิ, ภิกฺขุโน ปุรตฺถิมาย ทิสาย เอกํสภาวิโต สมาธิ โหติ ทิพฺพานํ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โน จ โข ทิพฺพานํ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ โส ปุรตฺถิมาย ทิสาย เอกํสภาวิเต สมาธิมฺหิ ทิพฺพานํ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โน จ โข ทิพฺพานํ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ ปุรตฺถิมาย ทิสาย ทิพฺพานิ สทฺทานิ สุณาติ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิ, โน จ โข ทิพฺพานิ รูปานิ ปสฺสติ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, มหาลิ, โหติ ภิกฺขุโน ปุรตฺถิมาย ทิสาย เอกํสภาวิเต สมาธิมฺหิ ทิพฺพานํ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โน จ โข ทิพฺพานํ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ
Take a bhikkhu who has developed immersion to the eastern quarter in one aspect: so as to hear divine sounds but not to see divine sights. When they have developed immersion for that purpose, they hear divine sounds but don’t see divine sights. Why is that? Because that is how it is for a bhikkhu who develops immersion in that way.
ปุน จปรํ, มหาลิ, ภิกฺขุโน ทกฺขิณาย ทิสาย …เป… ปจฺฉิมาย ทิสาย … อุตฺตราย ทิสาย … อุทฺธมโธ ติริยํ เอกํสภาวิโต สมาธิ โหติ ทิพฺพานํ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โน จ โข ทิพฺพานํ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ โส อุทฺธมโธ ติริยํ เอกํสภาวิเต สมาธิมฺหิ ทิพฺพานํ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โน จ โข ทิพฺพานํ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ อุทฺธมโธ ติริยํ ทิพฺพานิ สทฺทานิ สุณาติ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิ, โน จ โข ทิพฺพานิ รูปานิ ปสฺสติ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, มหาลิ, โหติ ภิกฺขุโน อุทฺธมโธ ติริยํ เอกํสภาวิเต สมาธิมฺหิ ทิพฺพานํ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โน จ โข ทิพฺพานํ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ
Furthermore, take a bhikkhu who has developed immersion to the southern quarter in one aspect … western quarter … northern quarter … above, below, across … That is how it is for a bhikkhu who develops immersion in that way.
อิธ, มหาลิ, ภิกฺขุโน ปุรตฺถิมาย ทิสาย อุภยํสภาวิโต สมาธิ โหติ ทิพฺพานญฺจ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ ทิพฺพานญฺจ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ โส ปุรตฺถิมาย ทิสาย อุภยํสภาวิเต สมาธิมฺหิ ทิพฺพานญฺจ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, ทิพฺพานญฺจ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ ปุรตฺถิมาย ทิสาย ทิพฺพานิ จ รูปานิ ปสฺสติ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิ, ทิพฺพานิ จ สทฺทานิ สุณาติ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, มหาลิ, โหติ ภิกฺขุโน ปุรตฺถิมาย ทิสาย อุภยํสภาวิเต สมาธิมฺหิ ทิพฺพานญฺจ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ ทิพฺพานญฺจ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ
Take a bhikkhu who has developed immersion to the eastern quarter in both aspects: so as to hear divine sounds and see divine sights. When they have developed immersion for that purpose, they see divine sights and hear divine sounds. Why is that? Because that is how it is for a bhikkhu who develops immersion in that way.
ปุน จปรํ, มหาลิ, ภิกฺขุโน ทกฺขิณาย ทิสาย …เป… ปจฺฉิมาย ทิสาย … อุตฺตราย ทิสาย … อุทฺธมโธ ติริยํ อุภยํสภาวิโต สมาธิ โหติ ทิพฺพานญฺจ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, ทิพฺพานญฺจ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ โส อุทฺธมโธ ติริยํ อุภยํสภาวิเต สมาธิมฺหิ ทิพฺพานญฺจ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ ทิพฺพานญฺจ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ อุทฺธมโธ ติริยํ ทิพฺพานิ จ รูปานิ ปสฺสติ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิ, ทิพฺพานิ จ สทฺทานิ สุณาติ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอวเญฺหตํ, มหาลิ, โหติ ภิกฺขุโน อุทฺธมโธ ติริยํ อุภยํสภาวิเต สมาธิมฺหิ ทิพฺพานญฺจ รูปานํ ทสฺสนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, ทิพฺพานญฺจ สทฺทานํ สวนาย ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํฯ อยํ โข, มหาลิ, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน สนฺตาเนว สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต ทิพฺพานิ สทฺทานิ นาโสฺสสิ ปิยรูปานิ กามูปสํหิตานิ รชนียานิ, โน อสนฺตานี”ติฯ
Furthermore, take a bhikkhu who has developed immersion to the southern quarter in both aspects … western quarter … northern quarter … above, below, across … That is how it is for a bhikkhu who develops immersion in that way. This is the cause, Mahāli, this is the reason why Sunakkhatta cannot hear divine sounds that are pleasant, sensual, and arousing, even though they really do exist.”
“เอตาสํ นูน, ภนฺเต, สมาธิภาวนานํ สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู ภควติ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี”ติฯ
“Surely the bhikkhus must lead the spiritual life under the Buddha for the sake of realizing such a development of immersion?”
“น โข, มหาลิ, เอตาสํ สมาธิภาวนานํ สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติฯ อตฺถิ โข, มหาลิ, อญฺเญว ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ, เยสํ สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี”ติฯ
“No, Mahāli, the bhikkhus don’t lead the spiritual life under me for the sake of realizing such a development of immersion. There are other things that are finer, for the sake of which the bhikkhus lead the spiritual life under me.”
๒ฯ๒ฯ จตุอริยผล
2.2. The Four Noble Fruits
“กตเม ปน เต, ภนฺเต, ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ, เยสํ สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู ภควติ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี”ติ?
“But sir, what are those finer things?”
“อิธ, มหาลิ, ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหติ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณฯ อยมฺปิ โข, มหาลิ, ธมฺโม อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ, ยสฺส สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติฯ
“Firstly, Mahāli, with the ending of three fetters a bhikkhu is a stream-enterer, not liable to be reborn in the underworld, bound for awakening. This is one of the finer things for the sake of which the bhikkhus lead the spiritual life under me.
ปุน จปรํ, มหาลิ, ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติฯ อยมฺปิ โข, มหาลิ, ธมฺโม อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ, ยสฺส สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติฯ
Furthermore, a bhikkhu—with the ending of three fetters, and the weakening of greed, hate, and delusion—is a once-returner. They come back to this world once only, then make an end of suffering. This too is one of the finer things.
ปุน จปรํ, มหาลิ, ภิกฺขุ ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ, ตตฺถ ปรินิพฺพายี, อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, มหาลิ, ธมฺโม อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ, ยสฺส สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติฯ
Furthermore, with the ending of the five lower fetters, a bhikkhu is reborn spontaneously and will become extinguished there, not liable to return from that world. This too is one of the finer things.
ปุน จปรํ, มหาลิ, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปญฺญาวิมุตฺตึ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยมฺปิ โข, มหาลิ, ธมฺโม อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ, ยสฺส สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติฯ
Furthermore, a bhikkhu has realized the undefiled freedom of heart and freedom by wisdom in this very life, and lives having realized it with their own insight due to the ending of defilements. This too is one of the finer things.
อิเม โข เต, มหาลิ, ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ, เยสํ สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี”ติฯ
These are the finer things, for the sake of which the bhikkhus lead the spiritual life under me.”
๒ฯ๓ฯ อริยอฏฺฐงฺคิกมคฺค
2.3. The Noble Eightfold Path
“อตฺถิ ปน, ภนฺเต, มคฺโค อตฺถิ ปฏิปทา เอเตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยายา”ติ?
“But, sir, is there a path and a practice for realizing these things?”
“อตฺถิ โข, มหาลิ, มคฺโค อตฺถิ ปฏิปทา เอเตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยายา”ติฯ
“There is, Mahāli.”
“กตโม ปน, ภนฺเต, มคฺโค กตมา ปฏิปทา เอเตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยายา”ติ?
“Well, what is it?”
“อยเมว อริโย อฏฺฐงฺคิโก มคฺโคฯ เสยฺยถิทํ—สมฺมาทิฏฺฐิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิฯ อยํ โข, มหาลิ, มคฺโค อยํ ปฏิปทา เอเตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยายฯ
“It is simply this noble eightfold path, that is: right view, right thought, right speech, right action, right livelihood, right effort, right mindfulness, and right immersion. This is the path and the practice for realizing these things.
๒ฯ๔ฯ เทฺวปพฺพชิตวตฺถุ
2.4. On the Two Renunciates
เอกมิทาหํ, มหาลิ, สมยํ โกสมฺพิยํ วิหรามิ โฆสิตาราเมฯ อถ โข เทฺว ปพฺพชิตา—มุณฺฑิโย จ ปริพฺพาชโก ชาลิโย จ ทารุปตฺติกนฺเตวาสี เยนาหํ เตนุปสงฺกมึสุฯ อุปสงฺกมิตฺวา มยา สทฺธึ สมฺโมทึสุฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข เต เทฺว ปพฺพชิตา มํ เอตทโวจุํ: ‘กึ นุ โข, อาวุโส โคตม, ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อุทาหุ อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ?
This one time, Mahāli, I was staying near Kosambī, in Ghosita’s Monastery. Then two renunciates—the wanderer Muṇḍiya and Jāliya, the pupil of the wood-bowl ascetic—came and exchanged greetings with me. When the greetings and polite conversation were over, they stood to one side and said to me: ‘Friend Gotama, are the soul and the body the same thing, or they are different things?’
‘เตน หาวุโส, สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถ ภาสิสฺสามี'ติฯ
‘Well then, friends, listen and apply your mind well, I will speak.’
‘เอวมาวุโส'ติ โข เต เทฺว ปพฺพชิตา มม ปจฺจโสฺสสุํฯ
‘Yes, friend,’ they replied.
อหํ เอตทโวจํ: ‘อิธาวุโส ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ …เป… เอวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน โหติฯ
I said this: ‘Take the case when a Realized One arises in the world, perfected, a fully awakened Buddha … That’s how a bhikkhu is accomplished in ethics. …
…เป… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โย โข, อาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ ชานาติ เอวํ ปสฺสติ, กลฺลํ นุ โข ตเสฺสตํ วจนาย: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วาติ?
They enter and remain in the first jhāna. When a bhikkhu knows and sees like this, would it be appropriate to say of them: “The soul and the body are the same thing” or “The soul and the body are different things”?’
โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ ชานาติ เอวํ ปสฺสติ, กลฺลํ ตเสฺสตํ วจนาย: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา, ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วาติฯ
‘It would, friend.’
อหํ โข ปเนตํ, อาวุโส, เอวํ ชานามิ เอวํ ปสฺสามิฯ อถ จ ปนาหํ น วทามิ: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วา …เป…
‘But friends, I know and see like this. Nevertheless, I do not say: “The soul and the body are the same thing” or “The soul and the body are different things”. …
ทุติยํ ฌานํ … ตติยํ ฌานํ … จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โย โข, อาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ ชานาติ เอวํ ปสฺสติ, กลฺลํ นุ โข ตเสฺสตํ วจนาย: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วาติ?
They enter and remain in the second jhāna … third jhāna … fourth jhāna. When a bhikkhu knows and sees like this, would it be appropriate to say of them: “The soul and the body are the same thing” or “The soul and the body are different things”?’
โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ ชานาติ เอวํ ปสฺสติ, กลฺลํ ตเสฺสตํ วจนาย: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วาติฯ
‘It would, friend.’
อหํ โข ปเนตํ, อาวุโส, เอวํ ชานามิ เอวํ ปสฺสามิฯ อถ จ ปนาหํ น วทามิ: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วา …เป…
‘But friends, I know and see like this. Nevertheless, I do not say: “The soul and the body are the same thing” or “The soul and the body are different things”. …
ญาณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ … โย โข, อาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ ชานาติ เอวํ ปสฺสติ, กลฺลํ นุ โข ตเสฺสตํ วจนาย: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วาติ? …เป…
They extend and project the mind toward knowledge and vision … When a bhikkhu knows and sees like this, would it be appropriate to say of them: “The soul and the body are the same thing” or “The soul and the body are different things”?’
โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ ชานาติ เอวํ ปสฺสติ, กลฺลํ ตเสฺสตํ วจนาย: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วาติฯ
‘It would, friend.’
อหํ โข ปเนตํ, อาวุโส, เอวํ ชานามิ เอวํ ปสฺสามิฯ อถ จ ปนาหํ น วทามิ: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วาฯ …เป…
‘But friends, I know and see like this. Nevertheless, I do not say: “The soul and the body are the same thing” or “The soul and the body are different things”. …
นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติฯ โย โข, อาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ ชานาติ เอวํ ปสฺสติ, กลฺลํ นุ โข ตเสฺสตํ วจนาย: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วาติ?
They understand: “… there is no return to any state of existence.” When a bhikkhu knows and sees like this, would it be appropriate to say of them: “The soul and the body are the same thing” or “The soul and the body are different things”?’
โย โส, อาวุโส, ภิกฺขุ เอวํ ชานาติ เอวํ ปสฺสติ น กลฺลํ ตเสฺสตํ วจนาย: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วาติฯ
‘It would not, friend.’
อหํ โข ปเนตํ, อาวุโส, เอวํ ชานามิ เอวํ ปสฺสามิฯ อถ จ ปนาหํ น วทามิ: ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺ'ติ วา ‘อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺ'ติ วา”ติฯ
‘But friends, I know and see like this. Nevertheless, I do not say: “The soul and the body are the same thing” or “The soul and the body are different things”.’”
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน โอฏฺฐทฺโธ ลิจฺฉวี ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
That is what the Buddha said. Satisfied, Oṭṭhaddha the Licchavi was happy with what the Buddha said.
มหาลิสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ฉฏฺฐํฯ
The authoritative text of the Dīgha Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]