Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā)

    ๖. มหาลิสุตฺตวณฺณนา

    6. Mahālisuttavaṇṇanā

    พฺราหฺมณทูตวตฺถุวณฺณนา

    Brāhmaṇadūtavatthuvaṇṇanā

    ๓๕๙. ปุนปฺปุนํ วิสาลีภาวูปคมนโตติ ปุเพฺพ กิร ปุตฺตธีตุวเสน เทฺว เทฺว หุตฺวา โสฬสกฺขตฺตุํ ชาตานํ ลิจฺฉวีราชกุมารานํ สปริวารานํ อนุกฺกเมเนว วฑฺฒนฺตานํ นิวาสนฎฺฐานารามุยฺยานโปกฺขรณีอาทีนํ ปติฎฺฐานสฺส อปฺปโหนกตาย นครํ ติกฺขตฺตุํ คาวุตนฺตเรน คาวุตนฺตเรน ปริกฺขิปิํสุ, เตนสฺส ปุนปฺปุนํ วิสาลีภาวํ คตตฺตา ‘‘เวสาลี’’ เตฺวว นามํ ชาตํ, เตน วุตฺตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ วิสาลีภาวูปคมนโต เวสาลีติ ลทฺธนามเก นคเร’’ติฯ สยํชาตนฺติ สยเมว ชาตํ อโรปิมํฯ มหนฺตภาเวเนวาติ รุกฺขคจฺฉานํ, ฐิโตกาสสฺส จ มหนฺตภาเวน, เตนาห ‘‘หิมวเนฺตน สทฺธิํ เอกาพทฺธํ หุตฺวา’’ติฯ กูฎาคารสาลาสเงฺขเปนาติ หํสวฎฺฎกจฺฉเนฺนน กูฎาคารสาลานิยาเมนฯ โกสเลสุ ชาตา, ภวา วา, ตํ วา รฎฺฐํ นิวาโส เอเตสนฺติ โกสลกาฯ เอวํ มาคธกา เวทิตพฺพาฯ ยสฺส อกรเณ ปุคฺคโล มหาชานิโย โหติ, ตํ กรณํ อรหตีติ กรณียํ เตน กรณีเยน, เตนาห ‘‘อวสฺสํ กตฺตพฺพกเมฺมนา’’ติฯ ตํ กิจฺจนฺติ วุจฺจติ สติ สมวาเย กาตพฺพโตฯ

    359.Punappunaṃvisālībhāvūpagamanatoti pubbe kira puttadhītuvasena dve dve hutvā soḷasakkhattuṃ jātānaṃ licchavīrājakumārānaṃ saparivārānaṃ anukkameneva vaḍḍhantānaṃ nivāsanaṭṭhānārāmuyyānapokkharaṇīādīnaṃ patiṭṭhānassa appahonakatāya nagaraṃ tikkhattuṃ gāvutantarena gāvutantarena parikkhipiṃsu, tenassa punappunaṃ visālībhāvaṃ gatattā ‘‘vesālī’’ tveva nāmaṃ jātaṃ, tena vuttaṃ ‘‘punappunaṃ visālībhāvūpagamanato vesālīti laddhanāmake nagare’’ti. Sayaṃjātanti sayameva jātaṃ aropimaṃ. Mahantabhāvenevāti rukkhagacchānaṃ, ṭhitokāsassa ca mahantabhāvena, tenāha ‘‘himavantena saddhiṃ ekābaddhaṃ hutvā’’ti. Kūṭāgārasālāsaṅkhepenāti haṃsavaṭṭakacchannena kūṭāgārasālāniyāmena. Kosalesu jātā, bhavā vā, taṃ vā raṭṭhaṃ nivāso etesanti kosalakā. Evaṃ māgadhakā veditabbā. Yassa akaraṇe puggalo mahājāniyo hoti, taṃ karaṇaṃ arahatīti karaṇīyaṃ tena karaṇīyena, tenāha ‘‘avassaṃ kattabbakammenā’’ti. Taṃ kiccanti vuccati sati samavāye kātabbato.

    ๓๖๐. ยา พุทฺธานํ อุปฺปชฺชนารหา นานตฺตสญฺญา, ตาสํ วเสน นานารมฺมณาจารโตฯ สมฺภวนฺตเสฺสว ปฎิเสโธฯ ปฎิกฺกมฺมาติ นิวตฺติตฺวา ตถา จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวาฯ สลฺลีโนติ ฌานสมาปตฺติยา เอกตฺตารมฺมณํ อลฺลีโนฯ

    360. Yā buddhānaṃ uppajjanārahā nānattasaññā, tāsaṃ vasena nānārammaṇācārato. Sambhavantasseva paṭisedho. Paṭikkammāti nivattitvā tathā cittaṃ anuppādetvā. Sallīnoti jhānasamāpattiyā ekattārammaṇaṃ allīno.

    โอฎฺฐทฺธลิจฺฉวีวตฺถุวณฺณนา

    Oṭṭhaddhalicchavīvatthuvaṇṇanā

    ๓๖๑. อโทฺธฎฺฐตายาติ ตสฺส กิร อุตฺตโรฎฺฐํ อปฺปกตาย ติริยํ ผาเลตฺวา อปนีตทฺธํ วิย ขายติ จตฺตาโร ทเนฺต, เทฺว จ ทาฐา น ฉาเทติ, เตน นํ ‘‘โอฎฺฐโทฺธ’’ติ โวหรนฺติฯ อยํ กิร อุปาสโก สโทฺธ ปสโนฺน ทายโก ทานปติ พุทฺธมามโก ธมฺมมามโก สงฺฆมามโก, เตนาห ปุเรภตฺตนฺติอาทิฯ

    361.Addhoṭṭhatāyāti tassa kira uttaroṭṭhaṃ appakatāya tiriyaṃ phāletvā apanītaddhaṃ viya khāyati cattāro dante, dve ca dāṭhā na chādeti, tena naṃ ‘‘oṭṭhaddho’’ti voharanti. Ayaṃ kira upāsako saddho pasanno dāyako dānapati buddhamāmako dhammamāmako saṅghamāmako, tenāha purebhattantiādi.

    ๓๖๒. สาสเน ยุตฺตปยุโตฺตติ ภาวนํ อนุยุโตฺตฯ สพฺพตฺถ สีหสมานวุตฺติโนปิ ภควโต ปริสาย มหเนฺต สติ ตทชฺฌาสยานุรูปํ ปวตฺติยมานาย ธมฺมเทสนาย วิเสโส โหตีติ อาห ‘‘มหเนฺตน อุสฺสาเหน ธมฺมํ เทเสสฺสตี’’ติฯ

    362.Sāsaneyuttapayuttoti bhāvanaṃ anuyutto. Sabbattha sīhasamānavuttinopi bhagavato parisāya mahante sati tadajjhāsayānurūpaṃ pavattiyamānāya dhammadesanāya viseso hotīti āha ‘‘mahantena ussāhena dhammaṃ desessatī’’ti.

    ‘‘วิสฺสาสิโก’’ติ วตฺวา ตมสฺส วิสฺสาสิกภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘อยญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เถรสฺส ขีณา สวสฺสสโต อาลสิยภาโว ‘‘อปฺปหีโน’’ติ น วตฺตโพฺพ, วาสนาเลสํ ปน อุปาทายาห ‘‘อีสกํ อปฺปหีโน วิย โหตี’’ติฯ น หิ สาวกานํ สวาสนา กิเลสา ปหียนฺติฯ

    ‘‘Vissāsiko’’ti vatvā tamassa vissāsikabhāvaṃ vibhāvetuṃ ‘‘ayañhī’’tiādi vuttaṃ. Therassa khīṇā savassasato ālasiyabhāvo ‘‘appahīno’’ti na vattabbo, vāsanālesaṃ pana upādāyāha ‘‘īsakaṃ appahīno viya hotī’’ti. Na hi sāvakānaṃ savāsanā kilesā pahīyanti.

    ๓๖๓. วิเนยฺยชนานุโรเธน พุทฺธานํ ปาฎิหาริยวิชมฺภนํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ, เตเนวาห ‘‘สํสูจิตนิกฺขมโน’’ติฯ คนฺธกุฎิโต นิกฺขมนเวลายญฺหิ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย อาเวฬาเวฬายมลายมลา หุตฺวา สวิเสสา ปภสฺสรา วินิจฺฉริํสุฯ

    363. Vineyyajanānurodhena buddhānaṃ pāṭihāriyavijambhanaṃ hotīti vuttaṃ ‘‘atha kho bhagavā’’tiādi, tenevāha ‘‘saṃsūcitanikkhamano’’ti. Gandhakuṭito nikkhamanavelāyañhi chabbaṇṇā buddharasmiyo āveḷāveḷāyamalāyamalā hutvā savisesā pabhassarā vinicchariṃsu.

    ๓๖๔. ตโต ปรนฺติ ‘‘หิโยฺย’’ติ วุตฺตทิวสโต อนนฺตรํ ปรํ ปุริมตรํ อติสเยน ปุริมตฺตาฯ อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ ววตฺถิโต ยถากฺกมํ ปุริมปุริมตรภาโวฯ เอวํ สเนฺตปิ ยเทตฺถ ‘‘ปุริมตร’’นฺติ วุตฺตํ, ตโต ปภุติ ยํ ยํ โอรํ, ตํ ตํ ปุริมํ, ยํ ยํ ปรํ, ตํ ตํ ปุริมตรํ, โอรปารภาวสฺส วิย ปุริมปุริมตรภาวสฺส จ อเปกฺขาสิทฺธิโต, เตนาห ‘‘ตโต ปฎฺฐายา’’ติอาทิฯ มูลทิวสโต ปฎฺฐายาติอาทิทิวสโต ปฎฺฐายฯ อคฺคนฺติ ปฐมํฯ ตํ ปเนตฺถ ปรา อตีตา โกฎิ โหตีติ อาห ‘‘ปรโกฎิํ กตฺวา’’ติฯ ยํ-สทฺทโยเคน จายํ ‘‘วิหรามี’’ติ วตฺตมานปฺปโยโค, อโตฺถ ปน อตีตกาลวเสเนว เวทิตโพฺพ, เตนาห ‘‘วิหาสินฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ ปฐมวิกเปฺป ‘‘วิหรามี’’ติ ปทสฺส ‘‘ยทเคฺค’’ติ อิมินา อุชุกํ สมฺพโนฺธ ทสฺสิโต, ทุติยวิกเปฺป ปน ‘‘ตีณิ วสฺสานี’’ติ อิมินาปิฯ

    364.Tato paranti ‘‘hiyyo’’ti vuttadivasato anantaraṃ paraṃ purimataraṃ atisayena purimattā. Iti imesu dvīsu vavatthito yathākkamaṃ purimapurimatarabhāvo. Evaṃ santepi yadettha ‘‘purimatara’’nti vuttaṃ, tato pabhuti yaṃ yaṃ oraṃ, taṃ taṃ purimaṃ, yaṃ yaṃ paraṃ, taṃ taṃ purimataraṃ, orapārabhāvassa viya purimapurimatarabhāvassa ca apekkhāsiddhito, tenāha ‘‘tato paṭṭhāyā’’tiādi. Mūladivasato paṭṭhāyātiādidivasato paṭṭhāya. Agganti paṭhamaṃ. Taṃ panettha parā atītā koṭi hotīti āha ‘‘parakoṭiṃ katvā’’ti. Yaṃ-saddayogena cāyaṃ ‘‘viharāmī’’ti vattamānappayogo, attho pana atītakālavaseneva veditabbo, tenāha ‘‘vihāsinti vuttaṃ hotī’’ti. Paṭhamavikappe ‘‘viharāmī’’ti padassa ‘‘yadagge’’ti iminā ujukaṃ sambandho dassito, dutiyavikappe pana ‘‘tīṇi vassānī’’ti imināpi.

    ปิยชาติกานีติ อิฎฺฐสภาวานิฯ สาตชาติกานีติ มธุรสภาวานิฯ มธุรํ วิยาติ หิ ‘‘มธุร’’นฺติ วุจฺจติ มโนรมํ ยํ กิญฺจิฯ กามูปสญฺหิตานีติ อารมฺมณํ กโรเนฺตน กาเมน อุปสํหิตานิ, กามนียานีติ อโตฺถ, เตนาห ‘‘กามสฺสาทยุตฺตานี’’ติ, กามสฺสาทสฺส ยุตฺตานิ โยคฺยานีติ อโตฺถฯ สรีรสณฺฐาเนติ สรีรพิเมฺพ, อาธาเร เจตํ ภุมฺมํฯ ตสฺมา สเทฺทนาติ ตํ นิสฺสาย ตโต อุปฺปเนฺนน สเทฺทนาติ อโตฺถฯ มธุเรนาติ อิเฎฺฐนฯ เอตฺตาวตาติ ทิพฺพโสตญาณสฺส ปริกมฺมากถนมเตฺตนฯ ‘‘อตฺตนา ญาตมฺปิ น กเถติ, กิมสฺส สาสเน อธิฎฺฐาเนนา’’ติ กุชฺฌโนฺต อาฆาตํ พนฺธิตฺวา สห กุชฺฌเนเนว ฌานาภิญฺญาหิ ปริหายิฯ จิเนฺตสีติ ‘‘กสฺมา นุ โข มยฺหํ ตํ ปริกมฺมํ น กเถสี’’ติ ปริวิตเกฺกโนฺต อโยนิโส อุมฺมุชฺชนวเสน จิเนฺตสิฯ อนุกฺกเมนาติ ปาถิกสุเตฺต อาคตนเยน ตํ ตํ อยุตฺตเมว จิเนฺตโนฺต, ภาสโนฺต, กโรโนฺต จ อนุกฺกเมนฯ ภควติ พทฺธาฆาตตาย สาสเน ปติฎฺฐํ อลภโนฺต คิหิภาวํ ปตฺวาฯ

    Piyajātikānīti iṭṭhasabhāvāni. Sātajātikānīti madhurasabhāvāni. Madhuraṃ viyāti hi ‘‘madhura’’nti vuccati manoramaṃ yaṃ kiñci. Kāmūpasañhitānīti ārammaṇaṃ karontena kāmena upasaṃhitāni, kāmanīyānīti attho, tenāha ‘‘kāmassādayuttānī’’ti, kāmassādassa yuttāni yogyānīti attho. Sarīrasaṇṭhāneti sarīrabimbe, ādhāre cetaṃ bhummaṃ. Tasmā saddenāti taṃ nissāya tato uppannena saddenāti attho. Madhurenāti iṭṭhena. Ettāvatāti dibbasotañāṇassa parikammākathanamattena. ‘‘Attanā ñātampi na katheti, kimassa sāsane adhiṭṭhānenā’’ti kujjhanto āghātaṃ bandhitvā saha kujjhaneneva jhānābhiññāhi parihāyi. Cintesīti ‘‘kasmā nu kho mayhaṃ taṃ parikammaṃ na kathesī’’ti parivitakkento ayoniso ummujjanavasena cintesi. Anukkamenāti pāthikasutte āgatanayena taṃ taṃ ayuttameva cintento, bhāsanto, karonto ca anukkamena. Bhagavati baddhāghātatāya sāsane patiṭṭhaṃ alabhanto gihibhāvaṃ patvā.

    เอกํสภาวิตสมาธิวณฺณนา

    Ekaṃsabhāvitasamādhivaṇṇanā

    ๓๖๖-๓๗๑. เอกํสายาติ ตทเตฺถเยว จตุตฺถี, ตสฺมา เอกํสตฺถนฺติ อโตฺถฯ อํส-สโทฺท เจตฺถ โกฎฺฐาสปริยาโย, โส จ อธิการโต ทิพฺพรูปทสฺสนทิพฺพสทฺทสฺสวนวเสน เวทิตโพฺพติ อาห ‘‘เอกโกฎฺฐาสายา’’ติอาทิฯ อนุทิสายาติ ปุรตฺถิมทกฺขิณาทิเภทาย จตุพฺพิธาย อนุทิสายฯ อุภยโกฎฺฐาสายาติ ทิพฺพรูปทสฺสนตฺถาย, ทิพฺพสทฺทสฺสวนตฺถาย จฯ ภาวิโตติ ยถา ทิพฺพจกฺขุญาณํ, ทิพฺพโสตญาณญฺจ สมธิคตํ โหติ, เอวํ ภาวิโตฯ ตยิทํ วิสุํ วิสุํ ปริกมฺมกรเณน อิชฺฌนฺตีสุ วตฺตพฺพํ นตฺถิ, เอกชฺฌํ อิชฺฌนฺตีสุปิ กเมเนว กิจฺจสิทฺธิ เอกชฺฌํ กิจฺจสิทฺธิยา อสมฺภวโตฯ ปาฬิยมฺปิ เอกสฺส อุภยสมตฺถตาสนฺทสฺสนตฺถเมว ‘‘ทิพฺพานญฺจ รูปานํ ทสฺสนาย, ทิพฺพานญฺจ สทฺทานํ สวนายา’’ติ วุตฺตํ, น เอกชฺฌํ กิจฺจสิทฺธิสมฺภวโตฯ ‘‘เอกํสภาวิโต สมาธิเหตู’’ติ อิมินา สุนกฺขโตฺต ทิพฺพจกฺขุญาณาย เอว ปริกมฺมสฺส กตตฺตา วิชฺชมานมฺปิ ทิพฺพสทฺทํ นาโสฺสสฺสีติ ทเสฺสติฯ อปณฺณกนฺติ อวิรชฺฌนกํ, อนวชฺชนฺติ วา อโตฺถฯ

    366-371.Ekaṃsāyāti tadattheyeva catutthī, tasmā ekaṃsatthanti attho. Aṃsa-saddo cettha koṭṭhāsapariyāyo, so ca adhikārato dibbarūpadassanadibbasaddassavanavasena veditabboti āha ‘‘ekakoṭṭhāsāyā’’tiādi. Anudisāyāti puratthimadakkhiṇādibhedāya catubbidhāya anudisāya. Ubhayakoṭṭhāsāyāti dibbarūpadassanatthāya, dibbasaddassavanatthāya ca. Bhāvitoti yathā dibbacakkhuñāṇaṃ, dibbasotañāṇañca samadhigataṃ hoti, evaṃ bhāvito. Tayidaṃ visuṃ visuṃ parikammakaraṇena ijjhantīsu vattabbaṃ natthi, ekajjhaṃ ijjhantīsupi kameneva kiccasiddhi ekajjhaṃ kiccasiddhiyā asambhavato. Pāḷiyampi ekassa ubhayasamatthatāsandassanatthameva ‘‘dibbānañca rūpānaṃ dassanāya, dibbānañca saddānaṃ savanāyā’’ti vuttaṃ, na ekajjhaṃ kiccasiddhisambhavato. ‘‘Ekaṃsabhāvito samādhihetū’’ti iminā sunakkhatto dibbacakkhuñāṇāya eva parikammassa katattā vijjamānampi dibbasaddaṃ nāssossīti dasseti. Apaṇṇakanti avirajjhanakaṃ, anavajjanti vā attho.

    ๓๗๒. ‘‘สมาธิ เอว’’ ภาเวตพฺพเฎฺฐน สมาธิภาวนาฯ ‘‘ทิพฺพโสตญาณํ เสฎฺฐ’’นฺติ มญฺญมาเนนาปิ มหาลินา ทิพฺพจกฺขุญาณมฺปิ เตน สห คเหตฺวา ‘‘เอตาสํ นูน ภเนฺต’’ติอาทินา ปุจฺฉิตนฺติ ‘‘อุภยํสภาวิตานํ สมาธีนนฺติ อโตฺถ’’ติ วุตฺตํฯ พาหิรา เอตา สมาธิภาวนา อนิยฺยานิกตฺตาฯ ตา หิ อิโต พาหิรกานมฺปิ อิชฺฌนฺติฯ น อชฺฌตฺติกา ภควโต สามุกฺกํสิกภาเวน อปฺปเวทิตตฺตาฯ ยทตฺถนฺติ เยสํ อตฺถายฯ เตติ เต อริยผลธเมฺมฯ เต หิ สจฺฉิกาตพฺพาติฯ

    372. ‘‘Samādhi eva’’ bhāvetabbaṭṭhena samādhibhāvanā. ‘‘Dibbasotañāṇaṃ seṭṭha’’nti maññamānenāpi mahālinā dibbacakkhuñāṇampi tena saha gahetvā ‘‘etāsaṃ nūna bhante’’tiādinā pucchitanti ‘‘ubhayaṃsabhāvitānaṃ samādhīnanti attho’’ti vuttaṃ. Bāhirāetā samādhibhāvanā aniyyānikattā. Tā hi ito bāhirakānampi ijjhanti. Na ajjhattikā bhagavato sāmukkaṃsikabhāvena appaveditattā. Yadatthanti yesaṃ atthāya. Teti te ariyaphaladhamme. Te hi sacchikātabbāti.

    จตุอริยผลวณฺณนา

    Catuariyaphalavaṇṇanā

    ๓๗๓. ตสฺมาติ วฎฺฎทุเกฺข สํโยชนโตฯ ‘‘มคฺคโสตํ อาปโนฺน’’ติ ผลฎฺฐสฺส วเสน วุตฺตํฯ มคฺคโฎฺฐ หิ มคฺคโสตํ อาปชฺชติฯ เตเนวาห ‘‘โสตาปเนฺน’’ติ, ‘‘โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปเนฺน’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) จฯ อปตนธโมฺมติ อนุปฺปชฺชน- (ม. นิ. ๓.๓๗๙) สภาโวฯ ธมฺมนิยาเมนาติ มคฺคธมฺมนิยาเมนฯ เหฎฺฐิมนฺตโต สตฺตมภวโต อุปริ อนุปฺปชฺชนธมฺมตาย วา นิยโตฯ ปรํ อยนํ ปราคติฯ

    373.Tasmāti vaṭṭadukkhe saṃyojanato. ‘‘Maggasotaṃ āpanno’’ti phalaṭṭhassa vasena vuttaṃ. Maggaṭṭho hi maggasotaṃ āpajjati. Tenevāha ‘‘sotāpanne’’ti, ‘‘sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanne’’ti (ma. ni. 3.379) ca. Apatanadhammoti anuppajjana- (ma. ni. 3.379) sabhāvo. Dhammaniyāmenāti maggadhammaniyāmena. Heṭṭhimantato sattamabhavato upari anuppajjanadhammatāya vā niyato. Paraṃ ayanaṃ parāgati.

    ตนุตฺตํ นาม ปวตฺติยา มนฺทตา, วิรฬตา จาติ อาห ‘‘ตนุตฺตา’’ติอาทิฯ เหฎฺฐาภาคิยานนฺติ เหฎฺฐาภาคสฺส กามภวสฺสปจฺจยภาเวน หิตานํฯ โอปปาติโกติ อุปปาติโก อุปปตเน สาธุการีติ กตฺวาฯ วิมุจฺจตีติ วิมุตฺติ, จิตฺตเมว วิมุตฺติ เจโตวิมุตฺตีติ อาห ‘‘สพฺพกิเลส…เป.… อธิวจน’’นฺติฯ จิตฺตสีเสน เจตฺถ สมาธิ คหิโต ‘‘จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวย’’นฺติฯ อาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓; เปฎโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๙) วิยฯ ปญฺญาวิมุตฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย, เตนาห ‘‘ปญฺญาว ปญฺญาวิมุตฺตี’’ติฯ สามนฺติ อตฺตนาว, อปรปฺปจฺจเยนาติ อโตฺถฯ อภิญฺญาติ ย-การโลเปน นิเทฺทโสติ อาห ‘‘อภิชานิตฺวา’’ติฯ

    Tanuttaṃ nāma pavattiyā mandatā, viraḷatā cāti āha ‘‘tanuttā’’tiādi. Heṭṭhābhāgiyānanti heṭṭhābhāgassa kāmabhavassapaccayabhāvena hitānaṃ. Opapātikoti upapātiko upapatane sādhukārīti katvā. Vimuccatīti vimutti, cittameva vimutti cetovimuttīti āha ‘‘sabbakilesa…pe… adhivacana’’nti. Cittasīsena cettha samādhi gahito ‘‘cittaṃ paññañca bhāvaya’’nti. Ādīsu (saṃ. ni. 1.23; peṭako. 22; mi. pa. 2.9) viya. Paññāvimuttīti etthāpi eseva nayo, tenāha ‘‘paññāva paññāvimuttī’’ti. Sāmanti attanāva, aparappaccayenāti attho. Abhiññāti ya-kāralopena niddesoti āha ‘‘abhijānitvā’’ti.

    อริยอฎฺฐงฺคิกมคฺควณฺณนา

    Ariyaaṭṭhaṅgikamaggavaṇṇanā

    ๓๗๔-๕. อริยสาวโก นิพฺพานํ, อริยผลญฺจ ปฎิปชฺชติ เอตายาติ ปฎิปทา, สา จ ตสฺส ปุพฺพภาโค เอวาติ อิธ ‘‘ปุพฺพภาคปฎิปทายา’’ติ อริยมคฺคมาหฯ ‘‘อฎฺฐ องฺคานิ อสฺสา’’ติ อญฺญปทตฺถสมาสํ อกตฺวา อฎฺฐงฺคานิ อสฺส สนฺตีติ อฎฺฐงฺคิโกติ ปทสิทฺธิ ทฎฺฐพฺพาฯ

    374-5. Ariyasāvako nibbānaṃ, ariyaphalañca paṭipajjati etāyāti paṭipadā, sā ca tassa pubbabhāgo evāti idha ‘‘pubbabhāgapaṭipadāyā’’ti ariyamaggamāha. ‘‘Aṭṭha aṅgāni assā’’ti aññapadatthasamāsaṃ akatvā aṭṭhaṅgāni assa santīti aṭṭhaṅgikoti padasiddhi daṭṭhabbā.

    สมฺมา อวิปรีตํ ยาถาวโต จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนสภาวา สมฺมา ทสฺสนลกฺขณาฯ สมฺมเทว นิพฺพานารมฺมเณ จิตฺตสฺส อภินิโรปนสภาโว สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณฯ จตุรงฺคสมนฺนาคตา วาจา ชนํ สงฺคณฺหาตีติ ตพฺพิปกฺขวิรติสภาวา สมฺมาวาจา เภทกรมิจฺฉาวาจาปหาเนน ชเน สมฺปยุเตฺต จ ปริคฺคณฺหนกิจฺจวตี โหตีติ สมฺมา ปริคฺคหณลกฺขณาฯ ยถา จีวรกมฺมาทิโก กมฺมโนฺต เอกํ กาตพฺพํ สมุฎฺฐาเปติ, ตํ ตํ กิริยานิปฺผาทโก วา เจตนาสงฺขาโต กมฺมโนฺต หตฺถปาทจลนาทิกํ กิริยํ สมุฎฺฐาเปติ, เอวํ สาวชฺชกตฺตพฺพกิริยาสมุฎฺฐาปกมิจฺฉากมฺมนฺตปฺปหาเนน สมฺมากมฺมโนฺต นิรวชฺชสมุฎฺฐาปนกิจฺจวา โหติ, สมฺปยุเตฺต จ สมุฎฺฐาเปโนฺต เอว ปวตฺตตีติ สมฺมา สมุฎฺฐาปนลกฺขโณ สมฺมากมฺมโนฺตฯ กายวาจานํ, ขนฺธสนฺตานสฺส จ สํกิเลสภูตมิจฺฉาชีวปฺปหาเนน สมฺมา โวทาปนลกฺขโณ สมฺมาอาชีโวฯ โกสชฺชปกฺขโต ปติตุํ อทตฺวา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปคฺคณฺหนสภาโวติ สมฺมา ปคฺคาหลกฺขโณ สมฺมาวายาโมฯ สมฺมเทว อุปฎฺฐานสภาวาติ สมฺมา อุปฎฺฐานลกฺขณา สมฺมาสติฯ วิเกฺขปวิทฺธํสเนน สมฺมเทว จิตฺตสฺส สมาทหนสภาโวติ สมฺมา สมาธานลกฺขโณ สมฺมาสมาธิฯ

    Sammā aviparītaṃ yāthāvato catunnaṃ ariyasaccānaṃ paccakkhato dassanasabhāvā sammā dassanalakkhaṇā. Sammadeva nibbānārammaṇe cittassa abhiniropanasabhāvo sammā abhiniropanalakkhaṇo. Caturaṅgasamannāgatā vācā janaṃ saṅgaṇhātīti tabbipakkhaviratisabhāvā sammāvācā bhedakaramicchāvācāpahānena jane sampayutte ca pariggaṇhanakiccavatī hotīti sammā pariggahaṇalakkhaṇā. Yathā cīvarakammādiko kammanto ekaṃ kātabbaṃ samuṭṭhāpeti, taṃ taṃ kiriyānipphādako vā cetanāsaṅkhāto kammanto hatthapādacalanādikaṃ kiriyaṃ samuṭṭhāpeti, evaṃ sāvajjakattabbakiriyāsamuṭṭhāpakamicchākammantappahānena sammākammanto niravajjasamuṭṭhāpanakiccavā hoti, sampayutte ca samuṭṭhāpento eva pavattatīti sammā samuṭṭhāpanalakkhaṇo sammākammanto. Kāyavācānaṃ, khandhasantānassa ca saṃkilesabhūtamicchājīvappahānena sammā vodāpanalakkhaṇo sammāājīvo. Kosajjapakkhato patituṃ adatvā sampayuttadhammānaṃ paggaṇhanasabhāvoti sammā paggāhalakkhaṇo sammāvāyāmo. Sammadeva upaṭṭhānasabhāvāti sammā upaṭṭhānalakkhaṇā sammāsati. Vikkhepaviddhaṃsanena sammadeva cittassa samādahanasabhāvoti sammā samādhānalakkhaṇo sammāsamādhi.

    อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลสา ทิเฎฺฐกฎฺฐา อวิชฺชาทโยฯ ปสฺสตีติ ปกาเสติ กิจฺจปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌติ, เตนาห ‘‘ตปฺปฎิจฺฉาทก…เป.… อสโมฺมหโต’’ติฯ เตเนว หิ สมฺมาทิฎฺฐิสงฺขาเตน อเงฺคน ตตฺถ ปจฺจเวกฺขณา ปวตฺตตีติ ตเถวาติ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธินฺติ อโตฺถฯ

    Attano paccanīkakilesā diṭṭhekaṭṭhā avijjādayo. Passatīti pakāseti kiccapaṭivedhena paṭivijjhati, tenāha ‘‘tappaṭicchādaka…pe… asammohato’’ti. Teneva hi sammādiṭṭhisaṅkhātena aṅgena tattha paccavekkhaṇā pavattatīti tathevāti attano paccanīkakilesehi saddhinti attho.

    กิจฺจโตติ ปุพฺพภาเคหิ ทุกฺขาทิญาเณหิ กาตพฺพสฺส กิจฺจสฺส อิธ สาติสยํ นิปฺผตฺติโต อิมเสฺสว วา ญาณสฺส ทุกฺขาทิปฺปกาสนกิจฺจโตฯ จตฺตาริ นามานิ ลภติ จตูสุ สเจฺจสุ กาตพฺพกิจฺจนิปฺผตฺติโตฯ ตีณิ นามานิ ลภติ กามสงฺกปฺปาทิปฺปหานกิจฺจนิปฺผตฺติโตฯ สิกฺขาปทวิภเงฺค (วิภ. ๗๐๓) ‘‘วิรติเจตนา, สเพฺพ สมฺปยุตฺตธมฺมา จ สิกฺขาปทานี’’ติ วุจฺจนฺตีติ ตตฺถ ปธานานํ วิรติเจตนานํ วเสน ‘‘วิรติโยปิ โหนฺติ เจตนาโยปี’’ติ อาหฯ มุสาวาทาทีหิ วิรมณกาเล วา วิรติโย, สุภาสิตาทิวาจาภาสนาทิกาเล จ เจตนาโย โยเชตพฺพาฯ มคฺคกฺขเณ วิรติโยว เจตนานํ อมคฺคงฺคตฺตา เอกสฺส ญาณสฺส ทุกฺขาทิญาณตา วิย, เอกาย วิรติยา มุสาวาทาทิวิรติภาโว วิย จ เอกาย เจตนาย สมฺมาวาจาทิกิจฺจตฺตยสาธนสภาวาภาวา สมฺมาวาจาทิภาวาสิทฺธิโต, ตํสิทฺธิยญฺจ องฺคตฺตยตฺตาสิทฺธิโต จฯ สมฺมปฺปธานสติปฎฺฐานวเสนาติ จตุสมฺมปฺปธานจตุสติปฎฺฐานภาววเสนฯ

    Kiccatoti pubbabhāgehi dukkhādiñāṇehi kātabbassa kiccassa idha sātisayaṃ nipphattito imasseva vā ñāṇassa dukkhādippakāsanakiccato. Cattāri nāmāni labhati catūsu saccesu kātabbakiccanipphattito. Tīṇi nāmāni labhati kāmasaṅkappādippahānakiccanipphattito. Sikkhāpadavibhaṅge (vibha. 703) ‘‘viraticetanā, sabbe sampayuttadhammā ca sikkhāpadānī’’ti vuccantīti tattha padhānānaṃ viraticetanānaṃ vasena ‘‘viratiyopihonti cetanāyopī’’ti āha. Musāvādādīhi viramaṇakāle vā viratiyo, subhāsitādivācābhāsanādikāle ca cetanāyo yojetabbā. Maggakkhaṇe viratiyova cetanānaṃ amaggaṅgattā ekassa ñāṇassa dukkhādiñāṇatā viya, ekāya viratiyā musāvādādiviratibhāvo viya ca ekāya cetanāya sammāvācādikiccattayasādhanasabhāvābhāvā sammāvācādibhāvāsiddhito, taṃsiddhiyañca aṅgattayattāsiddhito ca. Sammappadhānasatipaṭṭhānavasenāti catusammappadhānacatusatipaṭṭhānabhāvavasena.

    ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ สมฺมาสมาธิเยวาติฯ ยทิปิ สมาธิอุปการกานํ อภินิโรปนานุมชฺชนสมฺปิยายนพฺรูหนสนฺตสุขานํ วิตกฺกาทีนํ วเสน จตูหิ ฌาเนหิ สมฺมาสมาธิ วิภโตฺต, ตถาปิ วายาโม วิย อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทิจตุวายามกิจฺจํ, สติ วิย จ อสุภาสุขานิจฺจานเตฺตสุ กายาทีสุ สุภาทิสญฺญาปหานจตุสติกิจฺจํ เอโก สมาธิ จตุกฺกชฺฌานสมาธิกิจฺจํ น สาเธตีติ ปุพฺพภาเคปิ ปฐมชฺฌานสมาธิ ปฐมชฺฌานสมาธิ เอว มคฺคกฺขเณปิ, ตถา ปุพฺพภาเคปิ จตุตฺถชฺฌานสมาธิ จตุตฺถชฺฌานสมาธิ เอว มคฺคกฺขเณปีติ อโตฺถฯ

    Pubbabhāgepi maggakkhaṇepi sammāsamādhiyevāti. Yadipi samādhiupakārakānaṃ abhiniropanānumajjanasampiyāyanabrūhanasantasukhānaṃ vitakkādīnaṃ vasena catūhi jhānehi sammāsamādhi vibhatto, tathāpi vāyāmo viya anuppannākusalānuppādanādicatuvāyāmakiccaṃ, sati viya ca asubhāsukhāniccānattesu kāyādīsu subhādisaññāpahānacatusatikiccaṃ eko samādhi catukkajjhānasamādhikiccaṃ na sādhetīti pubbabhāgepi paṭhamajjhānasamādhi paṭhamajjhānasamādhi eva maggakkhaṇepi, tathā pubbabhāgepi catutthajjhānasamādhi catutthajjhānasamādhi eva maggakkhaṇepīti attho.

    ตสฺมาติ ปญฺญาปโชฺชตตฺตา อวิชฺชนฺธการํ วิธมิตฺวา ปญฺญาสตฺถตฺตา กิเลสโจเร ฆาเตโนฺตฯ พหุการตฺตาติ ยฺวายํ อนาทิมติ สํสาเร อิมินา กทาจิปิ อสมุคฺฆาฎิตปุโพฺพ กิเลสคโณ ตสฺส สมุคฺฆาฎโก อริยมโคฺค ฯ ตตฺถ จายํ สมฺมาทิฎฺฐิ ปริญฺญาภิสมยาทิวเสน ปวตฺติยา ปุพฺพงฺคมา โหตีติ พหุการา, ตสฺมา พหุการตฺตาฯ

    Tasmāti paññāpajjotattā avijjandhakāraṃ vidhamitvā paññāsatthattā kilesacore ghātento. Bahukārattāti yvāyaṃ anādimati saṃsāre iminā kadācipi asamugghāṭitapubbo kilesagaṇo tassa samugghāṭako ariyamaggo . Tattha cāyaṃ sammādiṭṭhi pariññābhisamayādivasena pavattiyā pubbaṅgamā hotīti bahukārā, tasmā bahukārattā.

    ตสฺสาติ สมฺมาทิฎฺฐิยาฯ ‘‘พหุกาโร’’ติ วตฺวา ตํ พหุการตํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘อยํ’’ ตมฺพกํสาทิมยตฺตา กูโฎฯ อยํ สมสารตาย มหาสารตาย เฉโกฯ เอวนฺติ ยถา เหรญฺญิกสฺส จกฺขุนา ทิสฺวา กหาปณวิภาคชานเน กรณนฺตรํ พหุการํ ยทิทํ หโตฺถ, เอวํ โยคาวจรสฺส ปญฺญาย โอโลเกตฺวา ธมฺมวิภาคชานเน ธมฺมนฺตรํ พหุการํ ยทิทํ วิตโกฺก วิตเกฺกตฺวา ตทวโพธโต, ตสฺมา สมฺมาสงฺกโปฺป สมฺมาทิฎฺฐิยา พหุกาโรติ อธิปฺปาโยฯ ทุติยอุปมายํ เอวนฺติ ยถา ตจฺฉโก ปเรน ปริวเตฺตตฺวา ปริวเตฺตตฺวา ทินฺนํ ทพฺพสมฺภารํ วาสิยา ตเจฺฉตฺวา เคหกรณกเมฺม อุปเนติ, เอวํ โยคาวจโร วิตเกฺกน ลกฺขณาทิโต วิตเกฺกตฺวา ทินฺนธเมฺม ยาถาวโต ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริญฺญาภิสมยาทิกเมฺม อุปเนตีติ โยชนาฯ วจีเภทสฺส อุปการโก วิตโกฺก สาวชฺชานวชฺชวจีเภทนิวตฺตนปวตฺตนกราย สมฺมาวาจายปิ อุปการโก เอวาติ ‘‘สฺวาย’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ

    Tassāti sammādiṭṭhiyā. ‘‘Bahukāro’’ti vatvā taṃ bahukārataṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Ayaṃ’’ tambakaṃsādimayattā kūṭo. Ayaṃ samasāratāya mahāsāratāya cheko. Evanti yathā heraññikassa cakkhunā disvā kahāpaṇavibhāgajānane karaṇantaraṃ bahukāraṃ yadidaṃ hattho, evaṃ yogāvacarassa paññāya oloketvā dhammavibhāgajānane dhammantaraṃ bahukāraṃ yadidaṃ vitakko vitakketvā tadavabodhato, tasmā sammāsaṅkappo sammādiṭṭhiyā bahukāroti adhippāyo. Dutiyaupamāyaṃ evanti yathā tacchako parena parivattetvā parivattetvā dinnaṃ dabbasambhāraṃ vāsiyā tacchetvā gehakaraṇakamme upaneti, evaṃ yogāvacaro vitakkena lakkhaṇādito vitakketvā dinnadhamme yāthāvato paricchinditvā pariññābhisamayādikamme upanetīti yojanā. Vacībhedassa upakārako vitakko sāvajjānavajjavacībhedanivattanapavattanakarāya sammāvācāyapi upakārako evāti ‘‘svāya’’ntiādi vuttaṃ.

    วจีเภทสฺส นิยามิกา วาจา กายิกกิริยานิยามกสฺส กมฺมนฺตสฺส อุปการิกาฯ ตทุภยานนฺตรนฺติ ทุจฺจริตทฺวยปหายกสฺส สุจริตทฺวยปาริปูริเหตุภูตสฺส สมฺมาวาจาสมฺมากมฺมนฺตทฺวยสฺส อนนฺตรํฯ อิทํ วีริยนฺติ จตุพฺพิธํ สมฺมปฺปธานวีริยํฯ อินฺทฺริยสมตาทโย สมาธิสฺส อุปการธมฺมาฯ ตพฺพิปริยายโต อปการธมฺมา เวทิตพฺพาฯ คติโยติ นิปฺผตฺติโย, กิจฺจาทิสภาเว วาฯ สมเนฺนสิตฺวาติ อุปธาเรตฺวาฯ

    Vacībhedassa niyāmikā vācā kāyikakiriyāniyāmakassa kammantassa upakārikā. Tadubhayānantaranti duccaritadvayapahāyakassa sucaritadvayapāripūrihetubhūtassa sammāvācāsammākammantadvayassa anantaraṃ. Idaṃ vīriyanti catubbidhaṃ sammappadhānavīriyaṃ. Indriyasamatādayo samādhissa upakāradhammā. Tabbipariyāyato apakāradhammā veditabbā. Gatiyoti nipphattiyo, kiccādisabhāve vā. Samannesitvāti upadhāretvā.

    เทฺวปพฺพชิตวตฺถุวณฺณนา

    Dvepabbajitavatthuvaṇṇanā

    ๓๗๖-๗. ‘‘กสฺมา อารทฺธ’’นฺติ อนุสนฺธิการณํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ วิภาเวตุํ ‘‘อยํ กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ, เตน อชฺฌาสยานุสนฺธิวเสน อุปริ เทสนา ปวตฺตาติ ทเสฺสติฯ เตนาติ ตถาลทฺธิกตฺตาฯ อสฺสาติ ลิจฺฉวีรโญฺญฯ เทสนายาติ สณฺหสุขุมายํ สุญฺญตปฎิสํยุตฺตายํ ยถาเทสิตเทสนายํฯ นาธิมุจฺจตีติ น สทฺทหติ น ปสีทติฯ ตนฺติธมฺมํ นาม กเถโนฺตติ เยสํ อตฺถาย ธโมฺม กถียติ, ตสฺมิํ เตสํ อสติปิ มคฺคปฎิเวเธ เกวลํ สาสเน ตนฺติธมฺมํ กตฺวา กเถโนฺตฯ เอวรูปสฺสาติ สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา อวิปรีตธมฺมเทสนตาย เอวํปากฎธมฺมกายสฺส สตฺถุฯ ยุตฺตํ นุ โข เอตํ อสฺสาติ อสฺส ปฐมชฺฌานาทิสมธิคเมน สมาหิตจิตฺตสฺส กุลปุตฺตสฺส เอตํ ‘‘ตํ ชีว’’นฺติอาทินา อุเจฺฉทาทิคาหคหณํ อปิ นุ ยุตฺตนฺติ ปุจฺฉติฯ ลทฺธิยา ปน ฌานาธิคมมเตฺตน น ตาว วิเวจิตตฺตา ‘‘เตหิ ยุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ ตํ วาทํ ปฎิกฺขิปิตฺวาติ ฌานลาภิโนปิ ตํ คหณํ ‘‘อยุตฺตเมวา’’ติ ตํ อุเจฺฉทวาทํ สสฺสตวาทํ วา ปฎิกฺขิปิตฺวาฯ อตฺตมนา อเหสุนฺติ ยสฺมา ขีณาสโว วิคตสโมฺมโห ติณฺณวิจิกิโจฺฉ, ‘‘ตสฺมา ตสฺส ตถา วตฺตุํ น ยุตฺต’’นฺติ อุปฺปนฺนนิจฺฉยตาย ตํ มม วจนํ สุตฺวา อตฺตมนา อเหสุนฺติ อโตฺถฯ โสปิ ลิจฺฉวี ราชา เต วิย สญฺชาตนิจฺฉยตฺตา อตฺตมโน อโหสิฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    376-7.‘‘Kasmā āraddha’’nti anusandhikāraṇaṃ pucchitvā taṃ vibhāvetuṃ ‘‘ayaṃ kirā’’tiādi vuttaṃ, tena ajjhāsayānusandhivasena upari desanā pavattāti dasseti. Tenāti tathāladdhikattā. Assāti licchavīrañño. Desanāyāti saṇhasukhumāyaṃ suññatapaṭisaṃyuttāyaṃ yathādesitadesanāyaṃ. Nādhimuccatīti na saddahati na pasīdati. Tantidhammaṃ nāma kathentoti yesaṃ atthāya dhammo kathīyati, tasmiṃ tesaṃ asatipi maggapaṭivedhe kevalaṃ sāsane tantidhammaṃ katvā kathento. Evarūpassāti sammāsambuddhattā aviparītadhammadesanatāya evaṃpākaṭadhammakāyassa satthu. Yuttaṃnu kho etaṃ assāti assa paṭhamajjhānādisamadhigamena samāhitacittassa kulaputtassa etaṃ ‘‘taṃ jīva’’ntiādinā ucchedādigāhagahaṇaṃ api nu yuttanti pucchati. Laddhiyā pana jhānādhigamamattena na tāva vivecitattā ‘‘tehi yutta’’nti vuttaṃ taṃ vādaṃ paṭikkhipitvāti jhānalābhinopi taṃ gahaṇaṃ ‘‘ayuttamevā’’ti taṃ ucchedavādaṃ sassatavādaṃ vā paṭikkhipitvā. Attamanā ahesunti yasmā khīṇāsavo vigatasammoho tiṇṇavicikiccho, ‘‘tasmā tassa tathā vattuṃ na yutta’’nti uppannanicchayatāya taṃ mama vacanaṃ sutvā attamanā ahesunti attho. Sopi licchavī rājā te viya sañjātanicchayattā attamano ahosi. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ suviññeyyameva.

    มหาลิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ

    Mahālisuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๖. มหาลิสุตฺตํ • 6. Mahālisuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๖. มหาลิสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahālisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact