Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā

    ๙. มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา

    9. Mahallakavihārasikkhāpadavaṇṇanā

    ๑๓๕. นวมสิกฺขาปเท – ยาว ทฺวารโกสาติ เอตฺถ ทฺวารโกโส นาม ปิฎฺฐสงฺฆาฎสฺส สมนฺตา กวาฎวิตฺถารปฺปมาโณ โอกาโสฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘ทฺวารพาหโต ปฎฺฐาย ทิยโฑฺฒ หโตฺถ’’ติ วุตฺตํฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘ทฺวารสฺส อุโภสุ ปเสฺสสุ กวาฎปฺปมาณ’’นฺติฯ มหาอฎฺฐกถายํ ‘‘กวาฎํ นาม ทิยฑฺฒหตฺถมฺปิ โหติ ทฺวิหตฺถมฺปิ อฑฺฒเตยฺยหตฺถมฺปี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สุวุตฺตํฯ ตเทว หิ สนฺธาย ภควตาปิ ‘‘ปิฎฺฐสงฺฆาฎสฺส สมนฺตา หตฺถปาสา’’ติ อยํ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทโส กโตฯ อคฺคฬฎฺฐปนายาติ สกวาฎกทฺวารพนฺธฎฺฐปนาย; สกวาฎกสฺส ทฺวารพนฺธสฺส นิจฺจลภาวตฺถายาติ อโตฺถฯ ทฺวารฎฺฐปนายาติ อิทมฺปิ หิ ปทภาชนํ อิมเมวตฺถํ สนฺธาย ภาสิตํฯ อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – กวาฎญฺหิ ลหุปริวฎฺฎกํ วิวรณกาเล ภิตฺติํ อาหนติ, ปิทหนกาเล ทฺวารพนฺธํฯ เตน อาหนเนน ภิตฺติ กมฺปติ, ตโต มตฺติกา จลติ, จลิตฺวา สิถิลา วา โหติ ปตติ วาฯ เตนาห ภควา ‘‘ยาว ทฺวารโกสา อคฺคฬฎฺฐปนายา’’ติฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ ‘‘อิทํ นาม กตฺตพฺพ’’นฺติ เนว มาติกายํ น ปทภาชเน วุตฺตํ, อฎฺฐุปฺปตฺติยํ ปน ‘‘ปุนปฺปุนํ ฉาทาเปสิ ปุนปฺปุนํ เลปาเปสี’’ติ อธิการโต ยาว ทฺวารโกสา อคฺคฬฎฺฐปนาย ปุนปฺปุนํ ลิมฺปิตโพฺพ วา เลปาเปตโพฺพ วาติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    135. Navamasikkhāpade – yāva dvārakosāti ettha dvārakoso nāma piṭṭhasaṅghāṭassa samantā kavāṭavitthārappamāṇo okāso. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘dvārabāhato paṭṭhāya diyaḍḍho hattho’’ti vuttaṃ. Kurundiyaṃ pana ‘‘dvārassa ubhosu passesu kavāṭappamāṇa’’nti. Mahāaṭṭhakathāyaṃ ‘‘kavāṭaṃ nāma diyaḍḍhahatthampi hoti dvihatthampi aḍḍhateyyahatthampī’’ti vuttaṃ, taṃ suvuttaṃ. Tadeva hi sandhāya bhagavatāpi ‘‘piṭṭhasaṅghāṭassa samantā hatthapāsā’’ti ayaṃ ukkaṭṭhaniddeso kato. Aggaḷaṭṭhapanāyāti sakavāṭakadvārabandhaṭṭhapanāya; sakavāṭakassa dvārabandhassa niccalabhāvatthāyāti attho. Dvāraṭṭhapanāyāti idampi hi padabhājanaṃ imamevatthaṃ sandhāya bhāsitaṃ. Ayaṃ panettha adhippāyo – kavāṭañhi lahuparivaṭṭakaṃ vivaraṇakāle bhittiṃ āhanati, pidahanakāle dvārabandhaṃ. Tena āhananena bhitti kampati, tato mattikā calati, calitvā sithilā vā hoti patati vā. Tenāha bhagavā ‘‘yāva dvārakosā aggaḷaṭṭhapanāyā’’ti. Tattha kiñcāpi ‘‘idaṃ nāma kattabba’’nti neva mātikāyaṃ na padabhājane vuttaṃ, aṭṭhuppattiyaṃ pana ‘‘punappunaṃ chādāpesi punappunaṃ lepāpesī’’ti adhikārato yāva dvārakosā aggaḷaṭṭhapanāya punappunaṃ limpitabbo vā lepāpetabbo vāti evamattho daṭṭhabbo.

    ยํ ปน ปทภาชเน ‘‘ปิฎฺฐสงฺฆาฎสฺส สมนฺตา หตฺถปาสา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺส เวมเชฺฌ ทฺวารํ โหติ, อุปริภาเค อุจฺจา ภิตฺติ, ตสฺส ตีสุ ทิสาสุ สมนฺตา หตฺถปาสา อุปจาโร โหติ, ขุทฺทกสฺส วิหารสฺส ทฺวีสุ ทิสาสุ อุปจาโร โหติฯ ตตฺราปิ ยํ ภิตฺติํ วิวริยมานํ กวาฎํ อาหนติ, สา อปริปูรอุปจาราปิ โหติฯ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉเทน ปน ตีสุ ทิสาสุ สมนฺตา หตฺถปาสา ทฺวารสฺส นิจฺจลภาวตฺถาย เลโป อนุญฺญาโตฯ สเจ ปนสฺส ทฺวารสฺส อโธภาเคปิ เลโปกาโส อตฺถิ, ตมฺปิ ลิมฺปิตุํ วฎฺฎติฯ อาโลกสนฺธิปริกมฺมายาติ เอตฺถ อาโลกสนฺธีติ วาตปานกวาฎกา วุจฺจนฺติ, เตปิ วิวรณกาเล วิทตฺถิมตฺตมฺปิ อติเรกมฺปิ ภิตฺติปฺปเทสํ ปหรนฺติฯ อุปจาโร ปเนตฺถ สพฺพทิสาสุ ลพฺภติ, ตสฺมา สพฺพทิสาสุ กวาฎวิตฺถารปฺปมาโณ โอกาโส อาโลกสนฺธิปริกมฺมตฺถาย ลิมฺปิตโพฺพ วา เลปาเปตโพฺพ วาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ

    Yaṃ pana padabhājane ‘‘piṭṭhasaṅghāṭassa samantā hatthapāsā’’ti vuttaṃ. Tattha yassa vemajjhe dvāraṃ hoti, uparibhāge uccā bhitti, tassa tīsu disāsu samantā hatthapāsā upacāro hoti, khuddakassa vihārassa dvīsu disāsu upacāro hoti. Tatrāpi yaṃ bhittiṃ vivariyamānaṃ kavāṭaṃ āhanati, sā aparipūraupacārāpi hoti. Ukkaṭṭhaparicchedena pana tīsu disāsu samantā hatthapāsā dvārassa niccalabhāvatthāya lepo anuññāto. Sace panassa dvārassa adhobhāgepi lepokāso atthi, tampi limpituṃ vaṭṭati. Ālokasandhiparikammāyāti ettha ālokasandhīti vātapānakavāṭakā vuccanti, tepi vivaraṇakāle vidatthimattampi atirekampi bhittippadesaṃ paharanti. Upacāro panettha sabbadisāsu labbhati, tasmā sabbadisāsu kavāṭavitthārappamāṇo okāso ālokasandhiparikammatthāya limpitabbo vā lepāpetabbo vāti ayamettha adhippāyo.

    เสตวณฺณนฺติอาทิกํ น มาติกาย ปทภาชนํฯ อิมินา หิ วิหารสฺส ภาริกตฺตํ นาม นตฺถีติ ปทภาชเนเยว อนุญฺญาตํ, ตสฺมา สพฺพเมตํ ยถาสุขํ กตฺตพฺพํฯ

    Setavaṇṇantiādikaṃ na mātikāya padabhājanaṃ. Iminā hi vihārassa bhārikattaṃ nāma natthīti padabhājaneyeva anuññātaṃ, tasmā sabbametaṃ yathāsukhaṃ kattabbaṃ.

    เอวํ เลปกเมฺม ยํ กตฺตพฺพํ, ตํ ทเสฺสตฺวา ปุน ฉทเน กตฺตพฺพํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทฺวตฺติจฺฉทนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทฺวตฺติจฺฉทนสฺส ปริยายนฺติ ฉทนสฺส ทฺวตฺติปริยายํ; ปริยาโย วุจฺจติ ปริเกฺขโป, ปริเกฺขปทฺวยํ วา ปริเกฺขปตฺตยํ วา อธิฎฺฐาตพฺพนฺติ อโตฺถฯ อปฺปหริเต ฐิเตนาติ อหริเต ฐิเตนฯ หริตนฺติ เจตฺถ สตฺตธญฺญเภทํ ปุพฺพณฺณํ มุคฺคมาสติลกุลตฺถอลาพุกุมฺภณฺฑาทิเภทญฺจ อปรณฺณํ อธิเปฺปตํฯ เตเนวาห – ‘‘หริตํ นาม ปุพฺพณฺณํ อปรณฺณ’’นฺติฯ

    Evaṃ lepakamme yaṃ kattabbaṃ, taṃ dassetvā puna chadane kattabbaṃ dassetuṃ ‘‘dvatticchadanassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha dvatticchadanassa pariyāyanti chadanassa dvattipariyāyaṃ; pariyāyo vuccati parikkhepo, parikkhepadvayaṃ vā parikkhepattayaṃ vā adhiṭṭhātabbanti attho. Appaharite ṭhitenāti aharite ṭhitena. Haritanti cettha sattadhaññabhedaṃ pubbaṇṇaṃ muggamāsatilakulatthaalābukumbhaṇḍādibhedañca aparaṇṇaṃ adhippetaṃ. Tenevāha – ‘‘haritaṃ nāma pubbaṇṇaṃ aparaṇṇa’’nti.

    สเจ หริเต ฐิโต อธิฎฺฐาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ เอตฺถ ปน ยสฺมิมฺปิ เขเตฺต วุตฺตํ พีชํ น ตาว สมฺปชฺชติ, วเสฺส วา ปน ปติเต สมฺปชฺชิสฺสติ, ตมฺปิ หริตสงฺขฺยเมว คจฺฉติฯ ตสฺมา เอวรูเป เขเตฺตปิ ฐิเตน น อธิฎฺฐาตพฺพํ, อหริเตเยว ฐิเตน อธิฎฺฐาตพฺพํฯ ตตฺราปิ อยํ ปริเจฺฉโท, ปิฎฺฐิวํสสฺส วา กูฎาคารกณฺณิกาย วา อุปริ ถุปิกาย วา ปเสฺส นิสิโนฺน ฉทนมุขวฎฺฎิอเนฺตน โอโลเกโนฺต ยสฺมิํ ภูมิภาเค ฐิตํ ปสฺสติ, ยสฺมิญฺจ ภูมิภาเค ฐิโต, ตํ อุปริ นิสินฺนกํ ปสฺสติ, ตสฺมิํ ฐาเน อธิฎฺฐาตพฺพํฯ ตสฺส อโนฺต อหริเตปิ ฐตฺวา อธิฎฺฐาตุํ น ลพฺภติฯ กสฺมา? วิหารสฺส หิ ปตนฺตสฺส อยํ ปตโนกาโสติฯ

    Sace harite ṭhitoadhiṭṭhāti, āpatti dukkaṭassāti ettha pana yasmimpi khette vuttaṃ bījaṃ na tāva sampajjati, vasse vā pana patite sampajjissati, tampi haritasaṅkhyameva gacchati. Tasmā evarūpe khettepi ṭhitena na adhiṭṭhātabbaṃ, ahariteyeva ṭhitena adhiṭṭhātabbaṃ. Tatrāpi ayaṃ paricchedo, piṭṭhivaṃsassa vā kūṭāgārakaṇṇikāya vā upari thupikāya vā passe nisinno chadanamukhavaṭṭiantena olokento yasmiṃ bhūmibhāge ṭhitaṃ passati, yasmiñca bhūmibhāge ṭhito, taṃ upari nisinnakaṃ passati, tasmiṃ ṭhāne adhiṭṭhātabbaṃ. Tassa anto aharitepi ṭhatvā adhiṭṭhātuṃ na labbhati. Kasmā? Vihārassa hi patantassa ayaṃ patanokāsoti.

    ๑๓๖. มเคฺคน ฉาเทนฺตสฺสาติ เอตฺถ มเคฺคน ฉาทนํ นาม อปริกฺขิปิตฺวา อุชุกเมว ฉาทนํ; ตํ อิฎฺฐกสิลาสุธาหิ ลพฺภติฯ เทฺว มเคฺค อธิฎฺฐหิตฺวาติ เทฺว มคฺคา สเจ ทุจฺฉนฺนา โหนฺติ, อปเนตฺวาปิ ปุนปฺปุนํ ฉาเทตุํ ลพฺภติ, ตสฺมา ยถา อิจฺฉติ; ตถา เทฺว มเคฺค อธิฎฺฐหิตฺวา ตติยํมคฺคํ ‘‘อิทานิ เอวํ ฉาเทหี’’ติ อาณาเปตฺวา ปกฺกมิตพฺพํฯ ปริยาเยนาติ ปริเกฺขเปนฯ เอวํฉทนํ ปน ติณปเณฺณหิ ลพฺภติฯ ตสฺมา อิธาปิ ยถา อิจฺฉติ ตถา เทฺว ปริยาเย อธิฎฺฐหิตฺวา ตติยํ ปริยายํ ‘‘อิทานิ เอวํ ฉาเทหี’’ติ อาณาเปตฺวา ปกฺกมิตพฺพํฯ สเจ น ปกฺกมติ, ตุณฺหีภูเตน ฐาตพฺพํฯ สพฺพมฺปิ เจตํ ฉทนํ ฉทนูปริ เวทิตพฺพํฯ อุปรูปริจฺฉโนฺน หิ วิหาโร จิรํ อโนวสฺสโก โหตีติ มญฺญมานา เอวํ ฉาเทนฺติฯ ตโต เจ อุตฺตรินฺติ ติณฺณํ มคฺคานํ วา ปริยายานํ วา อุปริ จตุเตฺถ มเคฺค วา ปริยาเย วาฯ

    136.Maggena chādentassāti ettha maggena chādanaṃ nāma aparikkhipitvā ujukameva chādanaṃ; taṃ iṭṭhakasilāsudhāhi labbhati. Dve magge adhiṭṭhahitvāti dve maggā sace ducchannā honti, apanetvāpi punappunaṃ chādetuṃ labbhati, tasmā yathā icchati; tathā dve magge adhiṭṭhahitvā tatiyaṃmaggaṃ ‘‘idāni evaṃ chādehī’’ti āṇāpetvā pakkamitabbaṃ. Pariyāyenāti parikkhepena. Evaṃchadanaṃ pana tiṇapaṇṇehi labbhati. Tasmā idhāpi yathā icchati tathā dve pariyāye adhiṭṭhahitvā tatiyaṃ pariyāyaṃ ‘‘idāni evaṃ chādehī’’ti āṇāpetvā pakkamitabbaṃ. Sace na pakkamati, tuṇhībhūtena ṭhātabbaṃ. Sabbampi cetaṃ chadanaṃ chadanūpari veditabbaṃ. Uparūparicchanno hi vihāro ciraṃ anovassako hotīti maññamānā evaṃ chādenti. Tato ce uttarinti tiṇṇaṃ maggānaṃ vā pariyāyānaṃ vā upari catutthe magge vā pariyāye vā.

    ๑๓๗. กรเฬ กรเฬติ ติณมุฎฺฐิยํ ติณมุฎฺฐิยํฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ ฉสมุฎฺฐานํ – กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ

    137.Karaḷe karaḷeti tiṇamuṭṭhiyaṃ tiṇamuṭṭhiyaṃ. Sesamettha uttānamevāti. Chasamuṭṭhānaṃ – kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.

    มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทํ นวมํฯ

    Mahallakavihārasikkhāpadaṃ navamaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ภูตคามวโคฺค • 2. Bhūtagāmavaggo

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๙. มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Mahallakavihārasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๙. มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Mahallakavihārasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๙. มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Mahallakavihārasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๙. มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทํ • 9. Mahallakavihārasikkhāpadaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact