English Edition
    Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation

    มชฺฌิม นิกาย ๖๔

    The Middle-Length Suttas Collection 64

    มหามาลุกฺยสุตฺต

    The Longer Discourse With Māluṅkya

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “ภิกฺขโว”ติฯ

    So I have heard. At one time the Buddha was staying near Sāvatthī in Jeta’s Grove, Anāthapiṇḍika’s monastery. There the Buddha addressed the bhikkhus, “Bhikkhus!”

    “ภทนฺเต”ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ:

    “Venerable sir,” they replied. The Buddha said this:

    “ธาเรถ โน ตุเมฺห, ภิกฺขเว, มยา เทสิตานิ ปญฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี”ติ?

    “Bhikkhus, do you remember the five lower fetters that I taught?”

    เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา มาลุกฺยปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อหํ โข, ภนฺเต, ธาเรมิ ภควตา เทสิตานิ ปญฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี”ติฯ

    When he said this, Venerable Māluṅkyaputta said to him, “Sir, I remember them.”

    “ยถา กถํ ปน ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, ธาเรสิ มยา เทสิตานิ ปญฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี”ติ?

    “But how do you remember them?”

    “สกฺกายทิฏฺฐึ โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ; วิจิกิจฺฉํ โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ; สีลพฺพตปรามาสํ โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ; กามจฺฉนฺทํ โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ; พฺยาปาทํ โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิฯ เอวํ โข อหํ, ภนฺเต, ธาเรมิ ภควตา เทสิตานิ ปญฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี”ติฯ

    “I remember the lower fetters taught by the Buddha as follows: identity view, doubt, misapprehension of precepts and observances, sensual desire, and ill will. That’s how I remember the five lower fetters taught by the Buddha.”

    “กสฺส โข นาม ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, อิมานิ เอวํ ปญฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ เทสิตานิ ธาเรสิ? นนุ, มาลุกฺยปุตฺต, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อิมินา ตรุณูปเมน อุปารมฺเภน อุปารมฺภิสฺสนฺติ? ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส สกฺกาโยติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ สกฺกายทิฏฺฐิ? อนุเสเตฺววสฺส สกฺกายทิฏฺฐานุสโยฯ ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส ธมฺมาติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา? อนุเสเตฺววสฺส วิจิกิจฺฉานุสโยฯ ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส สีลาติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ สีเลสุ สีลพฺพตปรามาโส? อนุเสเตฺววสฺส สีลพฺพตปรามาสานุสโยฯ ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส กามาติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท? อนุเสเตฺววสฺส กามราคานุสโยฯ ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส สตฺตาติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ สตฺเตสุ พฺยาปาโท? อนุเสเตฺววสฺส พฺยาปาทานุสโยฯ นนุ, มาลุกฺยปุตฺต, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อิมินา ตรุณูปเมน อุปารมฺเภน อุปารมฺภิสฺสนฺตี”ติ?

    “Who on earth do you remember being taught the five lower fetters in that way? Wouldn’t the wanderers of other religions fault you using the simile of the infant? For a little baby doesn’t even have a concept of ‘identity’, so how could identity view possibly arise in them? Yet the underlying tendency to identity view still lies within them. A little baby doesn’t even have a concept of ‘teachings’, so how could doubt about the teachings possibly arise in them? Yet the underlying tendency to doubt still lies within them. A little baby doesn’t even have a concept of ‘precepts’, so how could misapprehension of precepts and observances possibly arise in them? Yet the underlying tendency to misapprehension of precepts and observances still lies within them. A little baby doesn’t even have a concept of ‘sensual pleasures’, so how could desire for sensual pleasures possibly arise in them? Yet the underlying tendency to sensual desire still lies within them. A little baby doesn’t even have a concept of ‘sentient beings’, so how could ill will for sentient beings possibly arise in them? Yet the underlying tendency to ill will still lies within them. Wouldn’t the wanderers of other religions fault you using the simile of the infant?”

    เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ: “เอตสฺส, ภควา, กาโล, เอตสฺส, สุคต, กาโล ยํ ภควา ปญฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ เทเสยฺยฯ ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี”ติฯ

    When he said this, Venerable Ānanda said to the Buddha, “Now is the time, Blessed One! Now is the time, Holy One! May the Buddha teach the five lower fetters. The bhikkhus will listen and remember it.”

    “เตน หานนฺท, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี”ติฯ

    “Well then, Ānanda, listen and apply your mind well, I will speak.”

    “เอวํ, ภนฺเต”ติ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ:

    “Yes, sir,” Ānanda replied. The Buddha said this:

    “อิธานนฺท, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธมฺเม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต สกฺกายทิฏฺฐิปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ สกฺกายทิฏฺฐิปเรเตน; อุปฺปนฺนาย จ สกฺกายทิฏฺฐิยา นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส สา สกฺกายทิฏฺฐิ ถามคตา อปฺปฏิวินีตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํฯ

    “Ānanda, take an unlearned ordinary person who has not seen the noble ones, and is neither skilled nor trained in the teaching of the noble ones. They’ve not seen good persons, and are neither skilled nor trained in the teaching of the good persons. Their heart is overcome and mired in identity view, and they don’t truly understand the escape from identity view that has arisen. That identity view is reinforced in them, not eliminated: it is a lower fetter.

    วิจิกิจฺฉาปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ วิจิกิจฺฉาปเรเตน; อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส สา วิจิกิจฺฉา ถามคตา อปฺปฏิวินีตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํฯ

    Their heart is overcome and mired in doubt, and they don’t truly understand the escape from doubt that has arisen. That doubt is reinforced in them, not eliminated: it is a lower fetter.

    สีลพฺพตปรามาสปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ สีลพฺพตปรามาสปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ สีลพฺพตปรามาสสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส โส สีลพฺพตปรามาโส ถามคโต อปฺปฏิวินีโต โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํฯ

    Their heart is overcome and mired in misapprehension of precepts and observances, and they don’t truly understand the escape from misapprehension of precepts and observances that has arisen. That misapprehension of precepts and observances is reinforced in them, not eliminated: it is a lower fetter.

    กามราคปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ กามราคปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส โส กามราโค ถามคโต อปฺปฏิวินีโต โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํฯ

    Their heart is overcome and mired in sensual desire, and they don’t truly understand the escape from sensual desire that has arisen. That sensual desire is reinforced in them, not eliminated: it is a lower fetter.

    พฺยาปาทปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ พฺยาปาทปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส โส พฺยาปาโท ถามคโต อปฺปฏิวินีโต โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํฯ

    Their heart is overcome and mired in ill will, and they don’t truly understand the escape from ill will that has arisen. That ill will is reinforced in them, not eliminated: it is a lower fetter.

    สุตวา จ โข, อานนฺท, อริยสาวโก อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธมฺเม สุวินีโต, สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธมฺเม สุวินีโต น สกฺกายทิฏฺฐิปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น สกฺกายทิฏฺฐิปเรเตน; อุปฺปนฺนาย จ สกฺกายทิฏฺฐิยา นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส สา สกฺกายทิฏฺฐิ สานุสยา ปหียติฯ

    But a learned noble disciple has seen the noble ones, and is skilled and trained in the teaching of the noble ones. They’ve seen good persons, and are skilled and trained in the teaching of the good persons. Their heart is not overcome and mired in identity view, and they truly understand the escape from identity view that has arisen. That identity view, along with any underlying tendency to it, is given up in them.

    น วิจิกิจฺฉาปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น วิจิกิจฺฉาปเรเตน; อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส สา วิจิกิจฺฉา สานุสยา ปหียติฯ

    Their heart is not overcome and mired in doubt, and they truly understand the escape from doubt that has arisen. That doubt, along with any underlying tendency to it, is given up in them.

    น สีลพฺพตปรามาสปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น สีลพฺพตปรามาสปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ สีลพฺพตปรามาสสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส โส สีลพฺพตปรามาโส สานุสโย ปหียติฯ

    Their heart is not overcome and mired in misapprehension of precepts and observances, and they truly understand the escape from misapprehension of precepts and observances that has arisen. That misapprehension of precepts and observances, along with any underlying tendency to it, is given up in them.

    น กามราคปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น กามราคปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส โส กามราโค สานุสโย ปหียติฯ

    Their heart is not overcome and mired in sensual desire, and they truly understand the escape from sensual desire that has arisen. That sensual desire, along with any underlying tendency to it, is given up in them.

    น พฺยาปาทปริยุฏฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น พฺยาปาทปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส โส พฺยาปาโท สานุสโย ปหียติฯ

    Their heart is not overcome and mired in ill will, and they truly understand the escape from ill will that has arisen. That ill will, along with any underlying tendency to it, is given up in them.

    โย, อานนฺท, มคฺโค ยา ปฏิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย ตํ มคฺคํ ตํ ปฏิปทํ อนาคมฺม ปญฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา ปชหิสฺสติ วาติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต ตจํ อจฺเฉตฺวา เผคฺคุํ อจฺเฉตฺวา สารจฺเฉโท ภวิสฺสตีติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติ; เอวเมว โข, อานนฺท, โย มคฺโค ยา ปฏิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย ตํ มคฺคํ ตํ ปฏิปทํ อนาคมฺม ปญฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา ปชหิสฺสติ วาติ—เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    There is a path and a practice for giving up the five lower fetters. It’s not possible to know or see or give up the five lower fetters without relying on that path and that practice. Suppose there was a large tree standing with heartwood. It’s not possible to cut out the heartwood without having cut through the bark and the softwood. In the same way, there is a path and a practice for giving up the five lower fetters. It’s not possible to know or see or give up the five lower fetters without relying on that path and that practice.

    โย จ โข, อานนฺท, มคฺโค ยา ปฏิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย ตํ มคฺคํ ตํ ปฏิปทํ อาคมฺม ปญฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา ปชหิสฺสติ วาติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ

    There is a path and a practice for giving up the five lower fetters. It is possible to know and see and give up the five lower fetters by relying on that path and that practice.

    เสยฺยถาปิ, อานนฺท, มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต ตจํ เฉตฺวา เผคฺคุํ เฉตฺวา สารจฺเฉโท ภวิสฺสตีติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ เอวเมว โข, อานนฺท, โย มคฺโค ยา ปฏิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย ตํ มคฺคํ ตํ ปฏิปทํ อาคมฺม ปญฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา ปชหิสฺสติ วาติ—ฐานเมตํ วิชฺชติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, คงฺคา นที ปูรา อุทกสฺส สมติตฺติกา กากเปยฺยาฯ อถ ทุพฺพลโก ปุริโส อาคจฺเฉยฺย: ‘อหํ อิมิสฺสา คงฺคาย นทิยา ติริยํ พาหาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คจฺฉิสฺสามี'ติ; โส น สกฺกุเณยฺย คงฺคาย นทิยา ติริยํ พาหาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คนฺตุํฯ เอวเมว โข, อานนฺท, เยสํ เกสญฺจิ สกฺกายนิโรธาย ธมฺเม เทสิยมาเน จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺฐติ น วิมุจฺจติ; เสยฺยถาปิ โส ทุพฺพลโก ปุริโส เอวเมเต ทฏฺฐพฺพาฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, คงฺคา นที ปูรา อุทกสฺส สมติตฺติกา กากเปยฺยาฯ อถ พลวา ปุริโส อาคจฺเฉยฺย: ‘อหํ อิมิสฺสา คงฺคาย นทิยา ติริยํ พาหาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คจฺฉิสฺสามี'ติ; โส สกฺกุเณยฺย คงฺคาย นทิยา ติริยํ พาหาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คนฺตุํฯ

    Suppose there was a large tree standing with heartwood. It is possible to cut out the heartwood after having cut through the bark and the softwood. In the same way, there is a path and a practice for giving up the five lower fetters. It is possible to know and see and give up the five lower fetters by relying on that path and that practice. Suppose the river Ganges was full to the brim so a crow could drink from it. Then along comes a feeble person, who thinks: ‘By swimming with my arms I’ll safely cross over to the far shore of the Ganges.’ But they’re not able to do so. In the same way, when the Dhamma is being taught for the cessation of identity view, someone whose mind isn’t eager, confident, settled, and decided should be regarded as being like that feeble person. Suppose the river Ganges was full to the brim so a crow could drink from it. Then along comes a strong person, who thinks: ‘By swimming with my arms I’ll safely cross over to the far shore of the Ganges.’ And they are able to do so.

    เอวเมว โข, อานนฺท, เยสํ เกสญฺจิ สกฺกายนิโรธาย ธมฺเม เทสิยมาเน จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺฐติ วิมุจฺจติ; เสยฺยถาปิ โส พลวา ปุริโส เอวเมเต ทฏฺฐพฺพาฯ

    In the same way, when the Dhamma is being taught for the cessation of identity view, someone whose mind is eager, confident, settled, and decided should be regarded as being like that strong person.

    กตโม จานนฺท, มคฺโค, กตมา ปฏิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย? อิธานนฺท, ภิกฺขุ อุปธิวิเวกา อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานา สพฺพโส กายทุฏฺฐุลฺลานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ยเทว ตตฺถ โหติ รูปคตํ เวทนาคตํ สญฺญาคตํ สงฺขารคตํ วิญฺญาณคตํ เต ธมฺเม อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโต คณฺฑโต สลฺลโต อฆโต อาพาธโต ปรโต ปโลกโต สุญฺญโต อนตฺตโต สมนุปสฺสติฯ โส เตหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปฏิวาเปติฯ โส เตหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปฏิวาเปตฺวา อมตาย ธาตุยา จิตฺตํ อุปสํหรติ: ‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานนฺ'ติฯ โส ตตฺถ ฐิโต อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ; โน เจ อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ เตเนว ธมฺมราเคน ตาย ธมฺมนนฺทิยา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ, ตตฺถ ปรินิพฺพายี, อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, อานนฺท, มคฺโค อยํ ปฏิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานายฯ

    And what, Ānanda, is the path and the practice for giving up the five lower fetters? It’s when a bhikkhu—due to the seclusion from attachments, the giving up of unskillful qualities, and the complete settling of physical discomfort—quite secluded from sensual pleasures, secluded from unskillful qualities, enters and remains in the first jhāna, which has the rapture and bliss born of seclusion, while placing the mind and keeping it connected. They contemplate the phenomena there—included in form, feeling, perception, choices, and consciousness—as impermanent, as suffering, as diseased, as a boil, as a dart, as misery, as an affliction, as alien, as falling apart, as empty, as not-self. They turn their mind away from those things, and apply it to the deathless element: ‘This is peaceful; this is sublime—that is, the stilling of all activities, the letting go of all attachments, the ending of craving, fading away, cessation, Nibbana.’ Abiding in that they attain the ending of defilements. If they don’t attain the ending of defilements, with the ending of the five lower fetters they’re reborn spontaneously, because of their passion and love for that meditation. They are extinguished there, and are not liable to return from that world. This is the path and the practice for giving up the five lower fetters.

    ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา …เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ …เป… ตติยํ ฌานํ …เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ยเทว ตตฺถ โหติ รูปคตํ เวทนาคตํ สญฺญาคตํ สงฺขารคตํ วิญฺญาณคตํ … เป… อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, อานนฺท, มคฺโค อยํ ปฏิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานายฯ

    Furthermore, as the placing of the mind and keeping it connected are stilled, a bhikkhu enters and remains in the second jhāna … third jhāna … fourth jhāna. They contemplate the phenomena there as impermanent … They turn their mind away from those things … If they don’t attain the ending of defilements, they’re reborn spontaneously … and are not liable to return from that world. This too is the path and the practice for giving up the five lower fetters.

    ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส'ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ยเทว ตตฺถ โหติ เวทนาคตํ สญฺญาคตํ สงฺขารคตํ วิญฺญาณคตํ … เป… อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, อานนฺท, มคฺโค อยํ ปฏิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานายฯ

    Furthermore, a bhikkhu, going totally beyond perceptions of form, with the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity, aware that ‘space is infinite’, enters and remains in the dimension of infinite space. They contemplate the phenomena there as impermanent … They turn their mind away from those things … If they don’t attain the ending of defilements, they’re reborn spontaneously … and are not liable to return from that world. This too is the path and the practice for giving up the five lower fetters.

    ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺ'ติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ยเทว ตตฺถ โหติ เวทนาคตํ สญฺญาคตํ สงฺขารคตํ วิญฺญาณคตํ … เป… อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, อานนฺท, มคฺโค อยํ ปฏิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานายฯ

    Furthermore, a bhikkhu, going totally beyond the dimension of infinite space, aware that ‘consciousness is infinite’, enters and remains in the dimension of infinite consciousness. They contemplate the phenomena there as impermanent … They turn their mind away from those things … If they don’t attain the ending of defilements, they’re reborn spontaneously … and are not liable to return from that world. This too is the path and the practice for giving up the five lower fetters.

    ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี'ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ยเทว ตตฺถ โหติ เวทนาคตํ สญฺญาคตํ สงฺขารคตํ วิญฺญาณคตํ … เป… อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, อานนฺท, มคฺโค อยํ ปฏิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานายา”ติฯ

    Furthermore, a bhikkhu, going totally beyond the dimension of infinite consciousness, aware that ‘there is nothing at all’, enters and remains in the dimension of nothingness. They contemplate the phenomena there as impermanent … They turn their mind away from those things … If they don’t attain the ending of defilements, they’re reborn spontaneously … and are not liable to return from that world. This too is the path and the practice for giving up the five lower fetters.”

    “เอโส เจ, ภนฺเต, มคฺโค เอสา ปฏิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย, อถ กิญฺจรหิ อิเธกจฺเจ ภิกฺขู เจโตวิมุตฺติโน เอกจฺเจ ภิกฺขู ปญฺญาวิมุตฺติโน”ติ?

    “Sir, if this is the path and the practice for giving up the five lower fetters, how come some bhikkhus here are released in heart while others are released by wisdom?”

    “เอตฺถ โข ปเนสาหํ, อานนฺท, อินฺทฺริยเวมตฺตตํ วทามี”ติฯ

    “In that case, I say it is the diversity of their faculties.”

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ

    That is what the Buddha said. Satisfied, Venerable Ānanda was happy with what the Buddha said.

    มหามาลุกฺยสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ จตุตฺถํฯ





    The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact