Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๔. มหามาลุกฺยสุตฺตํ

    4. Mahāmālukyasuttaṃ

    ๑๒๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘ธาเรถ โน ตุเมฺห, ภิกฺขเว, มยา เทสิตานิ ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี’’ติ?

    129. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘dhāretha no tumhe, bhikkhave, mayā desitāni pañcorambhāgiyāni saṃyojanānī’’ti?

    เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา มาลุกฺยปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข, ภเนฺต, ธาเรมิ ภควตา เทสิตานิ ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี’’ติฯ ‘‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, ธาเรสิ มยา เทสิตานิ ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี’’ติ? ‘‘สกฺกายทิฎฺฐิํ โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ; วิจิกิจฺฉํ โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ; สีลพฺพตปรามาสํ โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ; กามจฺฉนฺทํ โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ; พฺยาปาทํ โข อหํ, ภเนฺต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิฯ เอวํ โข อหํ, ภเนฺต, ธาเรมิ ภควตา เทสิตานิ ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี’’ติฯ

    Evaṃ vutte, āyasmā mālukyaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ahaṃ kho, bhante, dhāremi bhagavatā desitāni pañcorambhāgiyāni saṃyojanānī’’ti. ‘‘Yathā kathaṃ pana tvaṃ, mālukyaputta, dhāresi mayā desitāni pañcorambhāgiyāni saṃyojanānī’’ti? ‘‘Sakkāyadiṭṭhiṃ kho ahaṃ, bhante, bhagavatā orambhāgiyaṃ saṃyojanaṃ desitaṃ dhāremi; vicikicchaṃ kho ahaṃ, bhante, bhagavatā orambhāgiyaṃ saṃyojanaṃ desitaṃ dhāremi; sīlabbataparāmāsaṃ kho ahaṃ, bhante, bhagavatā orambhāgiyaṃ saṃyojanaṃ desitaṃ dhāremi; kāmacchandaṃ kho ahaṃ, bhante, bhagavatā orambhāgiyaṃ saṃyojanaṃ desitaṃ dhāremi; byāpādaṃ kho ahaṃ, bhante, bhagavatā orambhāgiyaṃ saṃyojanaṃ desitaṃ dhāremi. Evaṃ kho ahaṃ, bhante, dhāremi bhagavatā desitāni pañcorambhāgiyāni saṃyojanānī’’ti.

    ‘‘กสฺส โข นาม ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, อิมานิ เอวํ ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ เทสิตานิ ธาเรสิ? นนุ, มาลุกฺยปุตฺต , อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อิมินา ตรุณูปเมน อุปารเมฺภน อุปารมฺภิสฺสนฺติ? ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส สกฺกาโยติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ สกฺกายทิฎฺฐิ? อนุเสเตฺววสฺส 1 สกฺกายทิฎฺฐานุสโยฯ ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส ธมฺมาติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ ธเมฺมสุ วิจิกิจฺฉา? อนุเสเตฺววสฺส วิจิกิจฺฉานุสโยฯ ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส สีลาติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ สีเลสุ สีลพฺพตปรามาโส? อนุเสเตฺววสฺส สีลพฺพตปรามาสานุสโย ฯ ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส กามาติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ กาเมสุ กามจฺฉโนฺท? อนุเสเตฺววสฺส กามราคานุสโยฯ ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส สตฺตาติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ สเตฺตสุ พฺยาปาโท? อนุเสเตฺววสฺส พฺยาปาทานุสโยฯ นนุ, มาลุกฺยปุตฺต, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อิมินา ตรุณูปเมน อุปารเมฺภน อุปารมฺภิสฺสนฺตี’’ติ? เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล, เอตสฺส, สุคต, กาโล ยํ ภควา ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ เทเสยฺยฯ ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หานนฺท, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –

    ‘‘Kassa kho nāma tvaṃ, mālukyaputta, imāni evaṃ pañcorambhāgiyāni saṃyojanāni desitāni dhāresi? Nanu, mālukyaputta , aññatitthiyā paribbājakā iminā taruṇūpamena upārambhena upārambhissanti? Daharassa hi, mālukyaputta, kumārassa mandassa uttānaseyyakassa sakkāyotipi na hoti, kuto panassa uppajjissati sakkāyadiṭṭhi? Anusetvevassa 2 sakkāyadiṭṭhānusayo. Daharassa hi, mālukyaputta, kumārassa mandassa uttānaseyyakassa dhammātipi na hoti, kuto panassa uppajjissati dhammesu vicikicchā? Anusetvevassa vicikicchānusayo. Daharassa hi, mālukyaputta, kumārassa mandassa uttānaseyyakassa sīlātipi na hoti, kuto panassa uppajjissati sīlesu sīlabbataparāmāso? Anusetvevassa sīlabbataparāmāsānusayo . Daharassa hi, mālukyaputta, kumārassa mandassa uttānaseyyakassa kāmātipi na hoti, kuto panassa uppajjissati kāmesu kāmacchando? Anusetvevassa kāmarāgānusayo. Daharassa hi, mālukyaputta, kumārassa mandassa uttānaseyyakassa sattātipi na hoti, kuto panassa uppajjissati sattesu byāpādo? Anusetvevassa byāpādānusayo. Nanu, mālukyaputta, aññatitthiyā paribbājakā iminā taruṇūpamena upārambhena upārambhissantī’’ti? Evaṃ vutte, āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘etassa, bhagavā, kālo, etassa, sugata, kālo yaṃ bhagavā pañcorambhāgiyāni saṃyojanāni deseyya. Bhagavato sutvā bhikkhū dhāressantī’’ti. ‘‘Tena hānanda, suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –

    ๑๓๐. ‘‘อิธานนฺท , อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธเมฺม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธเมฺม อวินีโต สกฺกายทิฎฺฐิปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ สกฺกายทิฎฺฐิปเรเตน; อุปฺปนฺนาย จ สกฺกายทิฎฺฐิยา นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส สา สกฺกายทิฎฺฐิ ถามคตา อปฺปฎิวินีตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํฯ วิจิกิจฺฉาปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ วิจิกิจฺฉาปเรเตน; อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส สา วิจิกิจฺฉา ถามคตา อปฺปฎิวินีตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํฯ สีลพฺพตปรามาสปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ สีลพฺพตปรามาสปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ สีลพฺพตปรามาสสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส โส สีลพฺพตปรามาโส ถามคโต อปฺปฎิวินีโต โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํฯ กามราคปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ กามราคปเรเตน ; อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส โส กามราโค ถามคโต อปฺปฎิวินีโต โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํฯ พฺยาปาทปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ พฺยาปาทปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส โส พฺยาปาโท ถามคโต อปฺปฎิวินีโต โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํฯ

    130. ‘‘Idhānanda , assutavā puthujjano ariyānaṃ adassāvī ariyadhammassa akovido ariyadhamme avinīto, sappurisānaṃ adassāvī sappurisadhammassa akovido sappurisadhamme avinīto sakkāyadiṭṭhipariyuṭṭhitena cetasā viharati sakkāyadiṭṭhiparetena; uppannāya ca sakkāyadiṭṭhiyā nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti. Tassa sā sakkāyadiṭṭhi thāmagatā appaṭivinītā orambhāgiyaṃ saṃyojanaṃ. Vicikicchāpariyuṭṭhitena cetasā viharati vicikicchāparetena; uppannāya ca vicikicchāya nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti. Tassa sā vicikicchā thāmagatā appaṭivinītā orambhāgiyaṃ saṃyojanaṃ. Sīlabbataparāmāsapariyuṭṭhitena cetasā viharati sīlabbataparāmāsaparetena; uppannassa ca sīlabbataparāmāsassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti. Tassa so sīlabbataparāmāso thāmagato appaṭivinīto orambhāgiyaṃ saṃyojanaṃ. Kāmarāgapariyuṭṭhitena cetasā viharati kāmarāgaparetena ; uppannassa ca kāmarāgassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti. Tassa so kāmarāgo thāmagato appaṭivinīto orambhāgiyaṃ saṃyojanaṃ. Byāpādapariyuṭṭhitena cetasā viharati byāpādaparetena; uppannassa ca byāpādassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ nappajānāti. Tassa so byāpādo thāmagato appaṭivinīto orambhāgiyaṃ saṃyojanaṃ.

    ๑๓๑. ‘‘สุตวา จ โข, อานนฺท, อริยสาวโก อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธเมฺม สุวินีโต, สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธเมฺม สุวินีโต น สกฺกายทิฎฺฐิปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น สกฺกายทิฎฺฐิปเรเตน; อุปฺปนฺนาย จ สกฺกายทิฎฺฐิยา นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส สา สกฺกายทิฎฺฐิ สานุสยา ปหียติฯ น วิจิกิจฺฉาปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น วิจิกิจฺฉาปเรเตน; อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส สา วิจิกิจฺฉา สานุสยา ปหียติฯ น สีลพฺพตปรามาสปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น สีลพฺพตปรามาสปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ สีลพฺพตปรามาสสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส โส สีลพฺพตปรามาโส สานุสโย ปหียติฯ น กามราคปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น กามราคปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส โส กามราโค สานุสโย ปหียติ ฯ น พฺยาปาทปริยุฎฺฐิเตน เจตสา วิหรติ น พฺยาปาทปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส โส พฺยาปาโท สานุสโย ปหียติฯ

    131. ‘‘Sutavā ca kho, ānanda, ariyasāvako ariyānaṃ dassāvī ariyadhammassa kovido ariyadhamme suvinīto, sappurisānaṃ dassāvī sappurisadhammassa kovido sappurisadhamme suvinīto na sakkāyadiṭṭhipariyuṭṭhitena cetasā viharati na sakkāyadiṭṭhiparetena; uppannāya ca sakkāyadiṭṭhiyā nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ pajānāti. Tassa sā sakkāyadiṭṭhi sānusayā pahīyati. Na vicikicchāpariyuṭṭhitena cetasā viharati na vicikicchāparetena; uppannāya ca vicikicchāya nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ pajānāti. Tassa sā vicikicchā sānusayā pahīyati. Na sīlabbataparāmāsapariyuṭṭhitena cetasā viharati na sīlabbataparāmāsaparetena; uppannassa ca sīlabbataparāmāsassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ pajānāti. Tassa so sīlabbataparāmāso sānusayo pahīyati. Na kāmarāgapariyuṭṭhitena cetasā viharati na kāmarāgaparetena; uppannassa ca kāmarāgassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ pajānāti. Tassa so kāmarāgo sānusayo pahīyati . Na byāpādapariyuṭṭhitena cetasā viharati na byāpādaparetena; uppannassa ca byāpādassa nissaraṇaṃ yathābhūtaṃ pajānāti. Tassa so byāpādo sānusayo pahīyati.

    ๑๓๒. ‘‘โย, อานนฺท, มโคฺค ยา ปฎิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย ตํ มคฺคํ ตํ ปฎิปทํ อนาคมฺม ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา ปชหิสฺสติ วาติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, มหโต รุกฺขสฺส ติฎฺฐโต สารวโต ตจํ อเจฺฉตฺวา เผคฺคุํ อเจฺฉตฺวา สารเจฺฉโท ภวิสฺสตีติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติ; เอวเมว โข, อานนฺท, โย มโคฺค ยา ปฎิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย ตํ มคฺคํ ตํ ปฎิปทํ อนาคมฺม ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา ปชหิสฺสติ วาติ – เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    132. ‘‘Yo, ānanda, maggo yā paṭipadā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya taṃ maggaṃ taṃ paṭipadaṃ anāgamma pañcorambhāgiyāni saṃyojanāni ñassati vā dakkhati vā pajahissati vāti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Seyyathāpi, ānanda, mahato rukkhassa tiṭṭhato sāravato tacaṃ acchetvā phegguṃ acchetvā sāracchedo bhavissatīti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati; evameva kho, ānanda, yo maggo yā paṭipadā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya taṃ maggaṃ taṃ paṭipadaṃ anāgamma pañcorambhāgiyāni saṃyojanāni ñassati vā dakkhati vā pajahissati vāti – netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ‘‘โย จ โข, อานนฺท, มโคฺค ยา ปฎิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย ตํ มคฺคํ ตํ ปฎิปทํ อาคมฺม ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา ปชหิสฺสติ วาติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, มหโต รุกฺขสฺส ติฎฺฐโต สารวโต ตจํ เฉตฺวา เผคฺคุํ เฉตฺวา สารเจฺฉโท ภวิสฺสตีติ – ฐานเมตํ วิชฺชติ; เอวเมว โข, อานนฺท, โย มโคฺค ยา ปฎิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย ตํ มคฺคํ ตํ ปฎิปทํ อาคมฺม ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา ปชหิสฺสติ วาติ – ฐานเมตํ วิชฺชติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, คงฺคา นที ปูรา อุทกสฺส สมติตฺติกา กากเปยฺยาฯ อถ ทุพฺพลโก ปุริโส อาคเจฺฉยฺย – ‘อหํ อิมิสฺสา คงฺคาย นทิยา ติริยํ พาหาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คจฺฉิสฺสามี’ติ 3; โส น สกฺกุเณยฺย คงฺคาย นทิยา ติริยํ พาหาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คนฺตุํฯ เอวเมว โข, อานนฺท, เยสํ เกสญฺจิ 4 สกฺกายนิโรธาย ธเมฺม เทสิยมาเน จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฎฺฐติ น วิมุจฺจติ; เสยฺยถาปิ โส ทุพฺพลโก ปุริโส เอวเมเต ทฎฺฐพฺพาฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, คงฺคา นที ปูรา อุทกสฺส สมติตฺติกา กากเปยฺยาฯ อถ พลวา ปุริโส อาคเจฺฉยฺย – ‘อหํ อิมิสฺสา คงฺคาย นทิยา ติริยํ พาหาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คจฺฉิสฺสามี’ติ; โส สกฺกุเณยฺย คงฺคาย นทิยา ติริยํ พาหาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คนฺตุํฯ เอวเมว โข, อานนฺท, เยสํ เกสญฺจิ สกฺกายนิโรธาย ธเมฺม เทสิยมาเน จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฎฺฐติ วิมุจฺจติ; เสยฺยถาปิ โส พลวา ปุริโส เอวเมเต ทฎฺฐพฺพาฯ

    ‘‘Yo ca kho, ānanda, maggo yā paṭipadā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya taṃ maggaṃ taṃ paṭipadaṃ āgamma pañcorambhāgiyāni saṃyojanāni ñassati vā dakkhati vā pajahissati vāti – ṭhānametaṃ vijjati. Seyyathāpi, ānanda, mahato rukkhassa tiṭṭhato sāravato tacaṃ chetvā phegguṃ chetvā sāracchedo bhavissatīti – ṭhānametaṃ vijjati; evameva kho, ānanda, yo maggo yā paṭipadā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya taṃ maggaṃ taṃ paṭipadaṃ āgamma pañcorambhāgiyāni saṃyojanāni ñassati vā dakkhati vā pajahissati vāti – ṭhānametaṃ vijjati. Seyyathāpi, ānanda, gaṅgā nadī pūrā udakassa samatittikā kākapeyyā. Atha dubbalako puriso āgaccheyya – ‘ahaṃ imissā gaṅgāya nadiyā tiriyaṃ bāhāya sotaṃ chetvā sotthinā pāraṃ gacchissāmī’ti 5; so na sakkuṇeyya gaṅgāya nadiyā tiriyaṃ bāhāya sotaṃ chetvā sotthinā pāraṃ gantuṃ. Evameva kho, ānanda, yesaṃ kesañci 6 sakkāyanirodhāya dhamme desiyamāne cittaṃ na pakkhandati nappasīdati na santiṭṭhati na vimuccati; seyyathāpi so dubbalako puriso evamete daṭṭhabbā. Seyyathāpi, ānanda, gaṅgā nadī pūrā udakassa samatittikā kākapeyyā. Atha balavā puriso āgaccheyya – ‘ahaṃ imissā gaṅgāya nadiyā tiriyaṃ bāhāya sotaṃ chetvā sotthinā pāraṃ gacchissāmī’ti; so sakkuṇeyya gaṅgāya nadiyā tiriyaṃ bāhāya sotaṃ chetvā sotthinā pāraṃ gantuṃ. Evameva kho, ānanda, yesaṃ kesañci sakkāyanirodhāya dhamme desiyamāne cittaṃ pakkhandati pasīdati santiṭṭhati vimuccati; seyyathāpi so balavā puriso evamete daṭṭhabbā.

    ๑๓๓. ‘‘กตโม จานนฺท, มโคฺค, กตมา ปฎิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย? อิธานนฺท, ภิกฺขุ อุปธิวิเวกา อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานา สพฺพโส กายทุฎฺฐุลฺลานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ยเทว ตตฺถ โหติ รูปคตํ เวทนาคตํ สญฺญาคตํ สงฺขารคตํ วิญฺญาณคตํ เต ธเมฺม อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโต คณฺฑโต สลฺลโต อฆโต อาพาธโต ปรโต ปโลกโต สุญฺญโต อนตฺตโต สมนุปสฺสติฯ โส เตหิ ธเมฺมหิ จิตฺตํ ปฎิวาเปติ 7ฯ โส เตหิ ธเมฺมหิ จิตฺตํ ปฎิวาเปตฺวา อมตาย ธาตุยา จิตฺตํ อุปสํหรติ – ‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพาน’นฺติฯ โส ตตฺถ ฐิโต อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ; โน เจ อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ เตเนว ธมฺมราเคน ตาย ธมฺมนนฺทิยา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ, ตตฺถ ปรินิพฺพายี, อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, อานนฺท, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานายฯ

    133. ‘‘Katamo cānanda, maggo, katamā paṭipadā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya? Idhānanda, bhikkhu upadhivivekā akusalānaṃ dhammānaṃ pahānā sabbaso kāyaduṭṭhullānaṃ paṭippassaddhiyā vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So yadeva tattha hoti rūpagataṃ vedanāgataṃ saññāgataṃ saṅkhāragataṃ viññāṇagataṃ te dhamme aniccato dukkhato rogato gaṇḍato sallato aghato ābādhato parato palokato suññato anattato samanupassati. So tehi dhammehi cittaṃ paṭivāpeti 8. So tehi dhammehi cittaṃ paṭivāpetvā amatāya dhātuyā cittaṃ upasaṃharati – ‘etaṃ santaṃ etaṃ paṇītaṃ yadidaṃ sabbasaṅkhārasamatho sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhākkhayo virāgo nirodho nibbāna’nti. So tattha ṭhito āsavānaṃ khayaṃ pāpuṇāti; no ce āsavānaṃ khayaṃ pāpuṇāti teneva dhammarāgena tāya dhammanandiyā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātiko hoti, tattha parinibbāyī, anāvattidhammo tasmā lokā. Ayampi kho, ānanda, maggo ayaṃ paṭipadā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ยเทว ตตฺถ โหติ รูปคตํ เวทนาคตํ สญฺญาคตํ สงฺขารคตํ วิญฺญาณคตํ… อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, อานนฺท, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhu vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati… tatiyaṃ jhānaṃ… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So yadeva tattha hoti rūpagataṃ vedanāgataṃ saññāgataṃ saṅkhāragataṃ viññāṇagataṃ… anāvattidhammo tasmā lokā. Ayampi kho, ānanda, maggo ayaṃ paṭipadā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ยเทว ตตฺถ โหติ เวทนาคตํ สญฺญาคตํ สงฺขารคตํ วิญฺญาณคตํ…เป.… อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, อานนฺท, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhu sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati. So yadeva tattha hoti vedanāgataṃ saññāgataṃ saṅkhāragataṃ viññāṇagataṃ…pe… anāvattidhammo tasmā lokā. Ayampi kho, ānanda, maggo ayaṃ paṭipadā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ยเทว ตตฺถ โหติ เวทนาคตํ สญฺญาคตํ สงฺขารคตํ วิญฺญาณคตํ…เป.… อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, อานนฺท, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhu sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati. So yadeva tattha hoti vedanāgataṃ saññāgataṃ saṅkhāragataṃ viññāṇagataṃ…pe… anāvattidhammo tasmā lokā. Ayampi kho, ānanda, maggo ayaṃ paṭipadā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส ยเทว ตตฺถ โหติ เวทนาคตํ สญฺญาคตํ สงฺขารคตํ วิญฺญาณคตํ…เป.… อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, อานนฺท, มโคฺค อยํ ปฎิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานายา’’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhu sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja viharati. So yadeva tattha hoti vedanāgataṃ saññāgataṃ saṅkhāragataṃ viññāṇagataṃ…pe… anāvattidhammo tasmā lokā. Ayampi kho, ānanda, maggo ayaṃ paṭipadā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ pahānāyā’’ti.

    ‘‘เอโส เจ, ภเนฺต, มโคฺค เอสา ปฎิปทา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย, อถ กิญฺจรหิ อิเธกเจฺจ ภิกฺขู เจโตวิมุตฺติโน เอกเจฺจ ภิกฺขู ปญฺญาวิมุตฺติโน’’ติ? ‘‘เอตฺถ โข ปเนสาหํ 9, อานนฺท, อินฺทฺริยเวมตฺตตํ วทามี’’ติฯ

    ‘‘Eso ce, bhante, maggo esā paṭipadā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ pahānāya, atha kiñcarahi idhekacce bhikkhū cetovimuttino ekacce bhikkhū paññāvimuttino’’ti? ‘‘Ettha kho panesāhaṃ 10, ānanda, indriyavemattataṃ vadāmī’’ti.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā ānando bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.

    มหามาลุกฺยสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ

    Mahāmālukyasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.







    Footnotes:
    1. อนุเสติ เตฺววสฺส (สี. ปี.)
    2. anuseti tvevassa (sī. pī.)
    3. คจฺฉามีติ (สี. ปี.)
    4. ยสฺส กสฺสจิ (สพฺพตฺถ)
    5. gacchāmīti (sī. pī.)
    6. yassa kassaci (sabbattha)
    7. ปฎิปาเปติ (สฺยา.), ปติฎฺฐาเปติ (ก.)
    8. paṭipāpeti (syā.), patiṭṭhāpeti (ka.)
    9. เอตฺถ โข เตสาหํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    10. ettha kho tesāhaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. มหามาลุกฺยสุตฺตวณฺณนา • 4. Mahāmālukyasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. มหามาลุกฺยสุตฺตวณฺณนา • 4. Mahāmālukyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact