Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๔. มหามาลุกฺยสุตฺตวณฺณนา

    4. Mahāmālukyasuttavaṇṇanā

    ๑๒๙. เอวํ เม สุตนฺติ มหามาลุกฺยสุตฺตํฯ ตตฺถ โอรมฺภาคิยานีติ เหฎฺฐา โกฎฺฐาสิกานิ กามภเว นิพฺพตฺติสํวตฺตนิกานิฯ สํโยชนานีติ พนฺธนานิฯ กสฺส โข นามาติ กสฺส เทวสฺส วา มนุสฺสสฺส วา เทสิตานิ ธาเรสิ, กิํ ตฺวเมเวโก อโสฺสสิ, น อโญฺญ โกจีติ? อนุเสตีติ อปฺปหีนตาย อนุเสติฯ อนุสยมาโน สํโยชนํ นาม โหติฯ

    129.Evaṃme sutanti mahāmālukyasuttaṃ. Tattha orambhāgiyānīti heṭṭhā koṭṭhāsikāni kāmabhave nibbattisaṃvattanikāni. Saṃyojanānīti bandhanāni. Kassakho nāmāti kassa devassa vā manussassa vā desitāni dhāresi, kiṃ tvameveko assosi, na añño kocīti? Anusetīti appahīnatāya anuseti. Anusayamāno saṃyojanaṃ nāma hoti.

    เอตฺถ จ ภควตา สํโยชนํ ปุจฺฉิตํ, เถเรนปิ สํโยชนเมว พฺยากตํฯ เอวํ สเนฺตปิ ตสฺส วาเท ภควตา โทโส อาโรปิโตฯ โส กสฺมาติ เจ? เถรสฺส ตถาลทฺธิกตฺตาฯ อยญฺหิ ตสฺส ลทฺธิ ‘‘สมุทาจารกฺขเณเยว กิเลเสหิ สํยุโตฺต นาม โหติ, อิตรสฺมิํ ขเณ อสํยุโตฺต’’ติฯ เตนสฺส ภควตา โทโส อาโรปิโตฯ อถายสฺมา อานโนฺท จิเนฺตสิ – ‘‘ภควตา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ อตฺตโน ธมฺมตาเยว อยํ ธมฺมเทสนา อารทฺธา, สา อิมินา อปณฺฑิเตน ภิกฺขุนา วิสํวาทิตาฯ หนฺทาหํ ภควนฺตํ ยาจิตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติฯ โส เอวมกาสิฯ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ วุเตฺต อายสฺมา อานโนฺท’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Ettha ca bhagavatā saṃyojanaṃ pucchitaṃ, therenapi saṃyojanameva byākataṃ. Evaṃ santepi tassa vāde bhagavatā doso āropito. So kasmāti ce? Therassa tathāladdhikattā. Ayañhi tassa laddhi ‘‘samudācārakkhaṇeyeva kilesehi saṃyutto nāma hoti, itarasmiṃ khaṇe asaṃyutto’’ti. Tenassa bhagavatā doso āropito. Athāyasmā ānando cintesi – ‘‘bhagavatā bhikkhusaṅghassa dhammaṃ desessāmīti attano dhammatāyeva ayaṃ dhammadesanā āraddhā, sā iminā apaṇḍitena bhikkhunā visaṃvāditā. Handāhaṃ bhagavantaṃ yācitvā bhikkhūnaṃ dhammaṃ desessāmī’’ti. So evamakāsi. Taṃ dassetuṃ ‘‘evaṃ vutte āyasmā ānando’’tiādi vuttaṃ.

    ตตฺถ สกฺกายทิฎฺฐิปริยุฎฺฐิเตนาติ สกฺกายทิฎฺฐิยา คหิเตน อภิภูเตนฯ สกฺกายทิฎฺฐิปเรเตนาติ สกฺกายทิฎฺฐิยา อนุคเตนฯ นิสฺสรณนฺติ ทิฎฺฐินิสฺสรณํ นาม นิพฺพานํ, ตํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ อปฺปฎิวินีตาติ อวิโนทิตา อนีหฎาฯ โอรมฺภาคิยํ สํโยชนนฺติ เหฎฺฐาภาคิยสํโยชนํ นาม โหติฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ สุกฺกปโกฺข อุตฺตานโตฺถเยวฯ ‘‘สานุสยา ปหียตี’’ติ วจนโต ปเนตฺถ เอกเจฺจ ‘‘อญฺญํ สํโยชนํ อโญฺญ อนุสโย’’ติ วทนฺติฯ ‘‘ยถา หิ สพฺยญฺชนํ ภตฺต’’นฺติ วุเตฺต ภตฺตโต อญฺญํ พฺยญฺชนํ โหติ, เอวํ ‘‘สานุสยา’’ติ วจนโต ปริยุฎฺฐานสกฺกายทิฎฺฐิโต อเญฺญน อนุสเยน ภวิตพฺพนฺติ เตสํ ลทฺธิฯ เต ‘‘สสีสํ ปารุปิตฺวา’’ติอาทีหิ ปฎิกฺขิปิตพฺพาฯ น หิ สีสโต อโญฺญ ปุริโส อตฺถิฯ อถาปิ สิยา – ‘‘ยทิ ตเทว สํโยชนํ โส อนุสโย, เอวํ สเนฺต ภควตา เถรสฺส ตรุณูปโม อุปารโมฺภ ทุอาโรปิโต โหตี’’ติฯ น ทุอาโรปิโต, กสฺมา? เอวํลทฺธิกตฺตาติ วิตฺถาริตเมตํฯ ตสฺมา โสเยว กิเลโส พนฺธนเฎฺฐน สํโยชนํ, อปฺปหีนเฎฺฐน อนุสโยติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ภควตา ‘‘สานุสยา ปหียตี’’ติ เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Tattha sakkāyadiṭṭhipariyuṭṭhitenāti sakkāyadiṭṭhiyā gahitena abhibhūtena. Sakkāyadiṭṭhiparetenāti sakkāyadiṭṭhiyā anugatena. Nissaraṇanti diṭṭhinissaraṇaṃ nāma nibbānaṃ, taṃ yathābhūtaṃ nappajānāti. Appaṭivinītāti avinoditā anīhaṭā. Orambhāgiyaṃ saṃyojananti heṭṭhābhāgiyasaṃyojanaṃ nāma hoti. Sesapadesupi eseva nayo. Sukkapakkho uttānatthoyeva. ‘‘Sānusayā pahīyatī’’ti vacanato panettha ekacce ‘‘aññaṃ saṃyojanaṃ añño anusayo’’ti vadanti. ‘‘Yathā hi sabyañjanaṃ bhatta’’nti vutte bhattato aññaṃ byañjanaṃ hoti, evaṃ ‘‘sānusayā’’ti vacanato pariyuṭṭhānasakkāyadiṭṭhito aññena anusayena bhavitabbanti tesaṃ laddhi. Te ‘‘sasīsaṃ pārupitvā’’tiādīhi paṭikkhipitabbā. Na hi sīsato añño puriso atthi. Athāpi siyā – ‘‘yadi tadeva saṃyojanaṃ so anusayo, evaṃ sante bhagavatā therassa taruṇūpamo upārambho duāropito hotī’’ti. Na duāropito, kasmā? Evaṃladdhikattāti vitthāritametaṃ. Tasmā soyeva kileso bandhanaṭṭhena saṃyojanaṃ, appahīnaṭṭhena anusayoti imamatthaṃ sandhāya bhagavatā ‘‘sānusayā pahīyatī’’ti evaṃ vuttanti veditabbaṃ.

    ๑๓๒. ตจํ เฉตฺวาติอาทีสุ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ตจเจฺฉโท วิย หิ สมาปตฺติ ทฎฺฐพฺพา, เผคฺคุเจฺฉโท วิย วิปสฺสนา, สารเจฺฉโท วิย มโคฺคฯ ปฎิปทา ปน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาว วฎฺฎติฯ เอวเมเต ทฎฺฐพฺพาติ เอวรูปา ปุคฺคลา เอวํ ทฎฺฐพฺพาฯ

    132.Tacaṃ chetvātiādīsu idaṃ opammasaṃsandanaṃ – tacacchedo viya hi samāpatti daṭṭhabbā, pheggucchedo viya vipassanā, sāracchedo viya maggo. Paṭipadā pana lokiyalokuttaramissakāva vaṭṭati. Evamete daṭṭhabbāti evarūpā puggalā evaṃ daṭṭhabbā.

    ๑๓๓. อุปธิวิเวกาติ อุปธิวิเวเกนฯ อิมินา ปญฺจกามคุณวิเวโก กถิโตฯ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาติ อิมินา นีวรณปฺปหานํ กถิตํฯ กายทุฎฺฐุลฺลานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยาติ อิมินา กายาลสิยปฎิปฺปสฺสทฺธิ กถิตาฯ วิวิเจฺจว กาเมหีติ อุปธิวิเวเกน กาเมหิ วินา หุตฺวาฯ วิวิจฺจ อกุสเลหีติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหาเนน กายทุฎฺฐุลฺลานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา จ อกุสเลหิ วินา หุตฺวาฯ ยเทว ตตฺถ โหตีติ ยํ ตตฺถ อโนฺตสมาปตฺติกฺขเณเยว สมาปตฺติสมุฎฺฐิตญฺจ รูปาทิธมฺมชาตํ โหติฯ เต ธเมฺมติ เต รูปคตนฺติอาทินา นเยน วุเตฺต รูปาทโย ธเมฺมฯ อนิจฺจโตติ น นิจฺจโตฯ ทุกฺขโตติ น สุขโตฯ โรคโตติอาทีสุ อาพาธเฎฺฐน โรคโต, อโนฺตโทสเฎฺฐน คณฺฑโต, อนุปวิทฺธเฎฺฐน ทุกฺขชนนเฎฺฐน จ สลฺลโต, ทุกฺขเฎฺฐน อฆโต, โรคเฎฺฐน อาพาธโต, อสกเฎฺฐน ปรโต, ปลุชฺชนเฎฺฐน ปโลกโต, นิสฺสตฺตเฎฺฐน สุญฺญโต, น อตฺตเฎฺฐน อนตฺตโตฯ ตตฺถ อนิจฺจโต, ปโลกโตติ ทฺวีหิ ปเทหิ อนิจฺจลกฺขณํ กถิตํ, ทุกฺขโตติอาทีหิ ฉหิ ทุกฺขลกฺขณํ, ปรโต สุญฺญโต อนตฺตโตติ ตีหิ อนตฺตลกฺขณํฯ

    133.Upadhivivekāti upadhivivekena. Iminā pañcakāmaguṇaviveko kathito. Akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāti iminā nīvaraṇappahānaṃ kathitaṃ. Kāyaduṭṭhullānaṃ paṭippassaddhiyāti iminā kāyālasiyapaṭippassaddhi kathitā. Vivicceva kāmehīti upadhivivekena kāmehi vinā hutvā. Vivicca akusalehīti akusalānaṃ dhammānaṃ pahānena kāyaduṭṭhullānaṃ paṭippassaddhiyā ca akusalehi vinā hutvā. Yadeva tattha hotīti yaṃ tattha antosamāpattikkhaṇeyeva samāpattisamuṭṭhitañca rūpādidhammajātaṃ hoti. Tedhammeti te rūpagatantiādinā nayena vutte rūpādayo dhamme. Aniccatoti na niccato. Dukkhatoti na sukhato. Rogatotiādīsu ābādhaṭṭhena rogato, antodosaṭṭhena gaṇḍato, anupaviddhaṭṭhena dukkhajananaṭṭhena ca sallato, dukkhaṭṭhena aghato, rogaṭṭhena ābādhato, asakaṭṭhena parato, palujjanaṭṭhena palokato, nissattaṭṭhena suññato, na attaṭṭhena anattato. Tattha aniccato, palokatoti dvīhi padehi aniccalakkhaṇaṃ kathitaṃ, dukkhatotiādīhi chahi dukkhalakkhaṇaṃ, parato suññato anattatoti tīhi anattalakkhaṇaṃ.

    โส เตหิ ธเมฺมหีติ โส เตหิ เอวํ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ทิเฎฺฐหิ อโนฺตสมาปตฺติยํ ปญฺจกฺขนฺธธเมฺมหิฯ จิตฺตํ ปฎิวาเปตีติ จิตฺตํ ปฎิสํหรติ โมเจติ อปเนติฯ อุปสํหรตีติ วิปสฺสนาจิตฺตํ ตาว สวนวเสน ถุติวเสน ปริยตฺติวเสน ปญฺญตฺติวเสน จ เอตํ สนฺตํ นิพฺพานนฺติ เอวํ อสงฺขตาย อมตาย ธาตุยา อุปสํหรติฯ มคฺคจิตฺตํ นิพฺพานํ อารมฺมณกรณวเสเนว เอตํ สนฺตเมตํ ปณีตนฺติ น เอวํ วทติ, อิมินา ปน อากาเรน ตํ ปฎิวิชฺฌโนฺต ตตฺถ จิตฺตํ อุปสํหรตีติ อโตฺถฯ โส ตตฺถ ฐิโตติ ตาย ติลกฺขณารมฺมณาย วิปสฺสนาย ฐิโตฯ อาสวานํ ขยํ ปาปุณาตีติ อนุกฺกเมน จตฺตาโร มเคฺค ภาเวตฺวา ปาปุณาติ ฯ เตเนว ธมฺมราเคนาติ สมถวิปสฺสนาธเมฺม ฉนฺทราเคนฯ สมถวิปสฺสนาสุ หิ สพฺพโส ฉนฺทราคํ ปริยาทาตุํ สโกฺกโนฺต อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อสโกฺกโนฺต อนาคามี โหติฯ

    So tehi dhammehīti so tehi evaṃ tilakkhaṇaṃ āropetvā diṭṭhehi antosamāpattiyaṃ pañcakkhandhadhammehi. Cittaṃ paṭivāpetīti cittaṃ paṭisaṃharati moceti apaneti. Upasaṃharatīti vipassanācittaṃ tāva savanavasena thutivasena pariyattivasena paññattivasena ca etaṃ santaṃ nibbānanti evaṃ asaṅkhatāya amatāya dhātuyā upasaṃharati. Maggacittaṃ nibbānaṃ ārammaṇakaraṇavaseneva etaṃ santametaṃ paṇītanti na evaṃ vadati, iminā pana ākārena taṃ paṭivijjhanto tattha cittaṃ upasaṃharatīti attho. So tattha ṭhitoti tāya tilakkhaṇārammaṇāya vipassanāya ṭhito. Āsavānaṃ khayaṃ pāpuṇātīti anukkamena cattāro magge bhāvetvā pāpuṇāti . Teneva dhammarāgenāti samathavipassanādhamme chandarāgena. Samathavipassanāsu hi sabbaso chandarāgaṃ pariyādātuṃ sakkonto arahattaṃ pāpuṇāti, asakkonto anāgāmī hoti.

    ยเทว ตตฺถ โหติ เวทนาคตนฺติ อิธ ปน รูปํ น คหิตํฯ กสฺมา? สมติกฺกนฺตตฺตาฯ อยญฺหิ เหฎฺฐา รูปาวจรชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา รูปํ อติกฺกมิตฺวา อรูปาวจรสมาปตฺติํ สมาปโนฺนติ สมถวเสนปิเนน รูปํ อติกฺกนฺตํ, เหฎฺฐา รูปํ สมฺมเทว สมฺมสิตฺวา ตํ อติกฺกมฺม อิทานิ อรูปํ สมฺมสตีติ วิปสฺสนาวเสนปิเนน รูปํ อติกฺกนฺตํฯ อรูเป ปน สพฺพโสปิ รูปํ นตฺถีติ ตํ สนฺธายปิ อิธ รูปํ น คหิตํฯ

    Yadevatattha hoti vedanāgatanti idha pana rūpaṃ na gahitaṃ. Kasmā? Samatikkantattā. Ayañhi heṭṭhā rūpāvacarajjhānaṃ samāpajjitvā rūpaṃ atikkamitvā arūpāvacarasamāpattiṃ samāpannoti samathavasenapinena rūpaṃ atikkantaṃ, heṭṭhā rūpaṃ sammadeva sammasitvā taṃ atikkamma idāni arūpaṃ sammasatīti vipassanāvasenapinena rūpaṃ atikkantaṃ. Arūpe pana sabbasopi rūpaṃ natthīti taṃ sandhāyapi idha rūpaṃ na gahitaṃ.

    อถ กิญฺจรหีติ กิํ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติ? สมถวเสน คจฺฉโต จิเตฺตกคฺคตา ธุรํ โหติ, โส เจโตวิมุโตฺต นามฯ วิปสฺสนาวเสน คจฺฉโต ปญฺญา ธุรํ โหติ, โส ปญฺญาวิมุโตฺต นามาติ เอตฺถ เถรสฺส กงฺขา นตฺถิฯ อยํ สภาวธโมฺมเยว, สมถวเสเนว ปน คจฺฉเนฺตสุ เอโก เจโตวิมุโตฺต นาม โหติ, เอโก ปญฺญาวิมุโตฺตฯ วิปสฺสนาวเสน คจฺฉเนฺตสุปิ เอโก ปญฺญาวิมุโตฺต นาม โหติ, เอโก เจโตวิมุโตฺตติ เอตฺถ กิํ การณนฺติ ปุจฺฉติฯ

    Atha kiñcarahīti kiṃ pucchāmīti pucchati? Samathavasena gacchato cittekaggatā dhuraṃ hoti, so cetovimutto nāma. Vipassanāvasena gacchato paññā dhuraṃ hoti, so paññāvimutto nāmāti ettha therassa kaṅkhā natthi. Ayaṃ sabhāvadhammoyeva, samathavaseneva pana gacchantesu eko cetovimutto nāma hoti, eko paññāvimutto. Vipassanāvasena gacchantesupi eko paññāvimutto nāma hoti, eko cetovimuttoti ettha kiṃ kāraṇanti pucchati.

    อินฺทฺริยเวมตฺตตํ วทามีติ อินฺทฺริยนานตฺตตํ วทามิฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ, น ตฺวํ, อานนฺท, ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปฎิวิชฺฌิ, เตน เต เอตํ อปากฎํฯ อหํ ปน ปฎิวิชฺฌิํ, เตน เม เอตํ ปากฎํฯ เอตฺถ หิ อินฺทฺริยนานตฺตตา การณํฯ สมถวเสเนว หิ คจฺฉเนฺตสุ เอกสฺส ภิกฺขุโน จิเตฺตกคฺคตา ธุรํ โหติ, โส เจโตวิมุโตฺต นาม โหติฯ เอกสฺส ปญฺญา ธุรํ โหติ, โส ปญฺญาวิมุโตฺต นาม โหติฯ วิปสฺสนาวเสเนว จ คจฺฉเนฺตสุ เอกสฺส ปญฺญา ธุรํ โหติ, โส ปญฺญาวิมุโตฺต นาม โหติฯ เอกสฺส จิเตฺตกคฺคตา ธุรํ โหติ, โส เจโตวิมุโตฺต นาม โหติฯ เทฺว อคฺคสาวกา สมถวิปสฺสนาธุเรน อรหตฺตํ ปตฺตาฯ เตสุ ธมฺมเสนาปติ ปญฺญาวิมุโตฺต ชาโต, มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร เจโตวิมุโตฺตฯ อิติ อินฺทฺริยเวมตฺตเมตฺถ การณนฺติ เวทิตพฺพํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    Indriyavemattataṃ vadāmīti indriyanānattataṃ vadāmi. Idaṃ vuttaṃ hoti, na tvaṃ, ānanda, dasa pāramiyo pūretvā sabbaññutaṃ paṭivijjhi, tena te etaṃ apākaṭaṃ. Ahaṃ pana paṭivijjhiṃ, tena me etaṃ pākaṭaṃ. Ettha hi indriyanānattatā kāraṇaṃ. Samathavaseneva hi gacchantesu ekassa bhikkhuno cittekaggatā dhuraṃ hoti, so cetovimutto nāma hoti. Ekassa paññā dhuraṃ hoti, so paññāvimutto nāma hoti. Vipassanāvaseneva ca gacchantesu ekassa paññā dhuraṃ hoti, so paññāvimutto nāma hoti. Ekassa cittekaggatā dhuraṃ hoti, so cetovimutto nāma hoti. Dve aggasāvakā samathavipassanādhurena arahattaṃ pattā. Tesu dhammasenāpati paññāvimutto jāto, mahāmoggallānatthero cetovimutto. Iti indriyavemattamettha kāraṇanti veditabbaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    มหามาลุกฺยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahāmālukyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๔. มหามาลุกฺยสุตฺตํ • 4. Mahāmālukyasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. มหามาลุกฺยสุตฺตวณฺณนา • 4. Mahāmālukyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact