Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๒๐. สฎฺฐินิปาโต

    20. Saṭṭhinipāto

    ๑. มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรคาถาวณฺณนา

    1. Mahāmoggallānattheragāthāvaṇṇanā

    สฎฺฐินิปาเต อารญฺญิกาติอาทิกา อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? ตสฺส วตฺถุ ธมฺมเสนาปติวตฺถุมฺหิ วุตฺตเมวฯ เถโร หิ ปพฺพชิตทิวสโต สตฺตเม ทิวเส มคธรเฎฺฐ กลฺลวาลคามกํ อุปนิสฺสาย สมณธมฺมํ กโรโนฺต ถินมิเทฺธ โอกฺกเนฺต สตฺถารา – ‘‘โมคฺคลฺลาน, โมคฺคลฺลาน, มา, พฺราหฺมณ, อริยํ ตุณฺหีภาวํ ปมาโท’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒๓๕) สํเวชิโต ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ภควตา วุจฺจมานํ ธาตุกมฺมฎฺฐานํ สุณโนฺต เอว วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา ปฎิปาฎิยา อุปริมคฺคตฺตยํ อุปคนฺตฺวา อคฺคผลกฺขเณ สาวกปารมีญาณสฺส มตฺถกํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๓๗๕-๓๙๗) –

    Saṭṭhinipāte āraññikātiādikā āyasmato mahāmoggallānattherassa gāthā. Kā uppatti? Tassa vatthu dhammasenāpativatthumhi vuttameva. Thero hi pabbajitadivasato sattame divase magadharaṭṭhe kallavālagāmakaṃ upanissāya samaṇadhammaṃ karonto thinamiddhe okkante satthārā – ‘‘moggallāna, moggallāna, mā, brāhmaṇa, ariyaṃ tuṇhībhāvaṃ pamādo’’tiādinā (saṃ. ni. 2.235) saṃvejito thinamiddhaṃ vinodetvā bhagavatā vuccamānaṃ dhātukammaṭṭhānaṃ suṇanto eva vipassanaṃ vaḍḍhetvā paṭipāṭiyā uparimaggattayaṃ upagantvā aggaphalakkhaṇe sāvakapāramīñāṇassa matthakaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.1.375-397) –

    ‘‘อโนมทสฺสี ภควา, โลกเชโฎฺฐ นราสโภ;

    ‘‘Anomadassī bhagavā, lokajeṭṭho narāsabho;

    วิหาสิ หิมวนฺตมฺหิ, เทวสงฺฆปุรกฺขโตฯ

    Vihāsi himavantamhi, devasaṅghapurakkhato.

    ‘‘วรุโณ นาม นาเมน, นาคราชา อหํ ตทา;

    ‘‘Varuṇo nāma nāmena, nāgarājā ahaṃ tadā;

    กามรูปี วิกุพฺพามิ, มโหทธินิวาสหํฯ

    Kāmarūpī vikubbāmi, mahodadhinivāsahaṃ.

    ‘‘สงฺคณิยํ คณํ หิตฺวา, ตูริยํ ปฎฺฐเปสหํ;

    ‘‘Saṅgaṇiyaṃ gaṇaṃ hitvā, tūriyaṃ paṭṭhapesahaṃ;

    สมฺพุทฺธํ ปริวาเรตฺวา, วาเทสุํ อจฺฉรา ตทาฯ

    Sambuddhaṃ parivāretvā, vādesuṃ accharā tadā.

    ‘‘วชฺชมาเนสุ ตูเรสุ, เทวา ตูรานิ วชฺชยุํ;

    ‘‘Vajjamānesu tūresu, devā tūrāni vajjayuṃ;

    อุภินฺนํ สทฺทํ สุตฺวาน, พุโทฺธปิ สมฺปพุชฺฌถฯ

    Ubhinnaṃ saddaṃ sutvāna, buddhopi sampabujjhatha.

    ‘‘นิมเนฺตตฺวาน สมฺพุทฺธํ, สกํ ภวนุปาคมิํ;

    ‘‘Nimantetvāna sambuddhaṃ, sakaṃ bhavanupāgamiṃ;

    อาสนํ ปญฺญเปตฺวาน, กาลมาโรจยิํ อหํฯ

    Āsanaṃ paññapetvāna, kālamārocayiṃ ahaṃ.

    ‘‘ขีณาสวสหเสฺสหิ, ปริวุโต โลกนายโก;

    ‘‘Khīṇāsavasahassehi, parivuto lokanāyako;

    โอภาเสโนฺต ทิสา สพฺพา, ภวนํ เม อุปาคมิฯ

    Obhāsento disā sabbā, bhavanaṃ me upāgami.

    ‘‘อุปวิฎฺฐํ มหาวีรํ, เทวเทวํ นราสภํ;

    ‘‘Upaviṭṭhaṃ mahāvīraṃ, devadevaṃ narāsabhaṃ;

    สภิกฺขุสงฺฆํ ตเปฺปสิํ, อนฺนปาเนนหํ ตทาฯ

    Sabhikkhusaṅghaṃ tappesiṃ, annapānenahaṃ tadā.

    ‘‘อนุโมทิ มหาวีโร, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;

    ‘‘Anumodi mahāvīro, sayambhū aggapuggalo;

    ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถฯ

    Bhikkhusaṅghe nisīditvā, imā gāthā abhāsatha.

    ‘‘โย โส สงฺฆํ อปูเชสิ, พุทฺธญฺจ โลกนายกํ;

    ‘‘Yo so saṅghaṃ apūjesi, buddhañca lokanāyakaṃ;

    เตน จิตฺตปฺปสาเทน, เทวโลกํ คมิสฺสติฯ

    Tena cittappasādena, devalokaṃ gamissati.

    ‘‘สตฺตสตฺตติกฺขตฺตุญฺจ, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

    ‘‘Sattasattatikkhattuñca, devarajjaṃ karissati;

    ปถพฺยา รชฺชํ อฎฺฐสตํ, วสุธํ อาวสิสฺสติฯ

    Pathabyā rajjaṃ aṭṭhasataṃ, vasudhaṃ āvasissati.

    ‘‘ปญฺจปญฺญาสกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

    ‘‘Pañcapaññāsakkhattuñca, cakkavattī bhavissati;

    โภคา อสงฺขิยา ตสฺส, อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ ตาวเทฯ

    Bhogā asaṅkhiyā tassa, uppajjissanti tāvade.

    ‘‘อปริเมเยฺย อิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Aparimeyye ito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘นิรยา โส จวิตฺวาน, มนุสฺสตฺตํ คมิสฺสติ;

    ‘‘Nirayā so cavitvāna, manussattaṃ gamissati;

    โกลิโต นาม นาเมน, พฺรหฺมพนฺธุ ภวิสฺสติฯ

    Kolito nāma nāmena, brahmabandhu bhavissati.

    ‘‘โส ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวาน, กุสลมูเลน โจทิโต;

    ‘‘So pacchā pabbajitvāna, kusalamūlena codito;

    โคตมสฺส ภควโต, ทุติโย เหสฺสติ สาวโกฯ

    Gotamassa bhagavato, dutiyo hessati sāvako.

    ‘‘อารทฺธวีริโย ปหิตโตฺต, อิทฺธิยา ปารมิํ คโต;

    ‘‘Āraddhavīriyo pahitatto, iddhiyā pāramiṃ gato;

    สพฺพาสเว ปริญฺญาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโวฯ

    Sabbāsave pariññāya, nibbāyissatināsavo.

    ‘‘ปาปมิโตฺตปนิสฺสาย, กามราควสํ คโต;

    ‘‘Pāpamittopanissāya, kāmarāgavasaṃ gato;

    มาตรํ ปิตรญฺจาปิ, ฆาตยิํ ทุฎฺฐมานโสฯ

    Mātaraṃ pitarañcāpi, ghātayiṃ duṭṭhamānaso.

    ‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, นิรยํ อถ มานุสํ;

    ‘‘Yaṃ yaṃ yonupapajjāmi, nirayaṃ atha mānusaṃ;

    ปาปกมฺมสมงฺคิตา, ภินฺนสีโส มรามหํฯ

    Pāpakammasamaṅgitā, bhinnasīso marāmahaṃ.

    ‘‘อิทํ ปจฺฉิมกํ มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;

    ‘‘Idaṃ pacchimakaṃ mayhaṃ, carimo vattate bhavo;

    อิธาปิ เอทิโส มยฺหํ, มรณกาเล ภวิสฺสติฯ

    Idhāpi ediso mayhaṃ, maraṇakāle bhavissati.

    ‘‘ปวิเวกมนุยุโตฺต, สมาธิภาวนารโต;

    ‘‘Pavivekamanuyutto, samādhibhāvanārato;

    สพฺพาสเว ปริญฺญาย, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Sabbāsave pariññāya, viharāmi anāsavo.

    ‘‘ธรณิมฺปิ สุคมฺภีรํ, พหลํ ทุปฺปธํสิยํ;

    ‘‘Dharaṇimpi sugambhīraṃ, bahalaṃ duppadhaṃsiyaṃ;

    วามงฺคุเฎฺฐน โขเภยฺยํ, อิทฺธิยา ปารมิํ คโตฯ

    Vāmaṅguṭṭhena khobheyyaṃ, iddhiyā pāramiṃ gato.

    ‘‘อสฺมิมานํ น ปสฺสามิ, มาโน มยฺหํ น วิชฺชติ;

    ‘‘Asmimānaṃ na passāmi, māno mayhaṃ na vijjati;

    สามเณเร อุปาทาย, ครุจิตฺตํ กโรมหํฯ

    Sāmaṇere upādāya, garucittaṃ karomahaṃ.

    ‘‘อปริเมเยฺย อิโต กเปฺป, ยํ กมฺมมภินีหริํ;

    ‘‘Aparimeyye ito kappe, yaṃ kammamabhinīhariṃ;

    ตาหํ ภูมิมนุปฺปโตฺต, ปโตฺตมฺหิ อาสวกฺขยํฯ

    Tāhaṃ bhūmimanuppatto, pattomhi āsavakkhayaṃ.

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Paṭisambhidā catasso…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อถ นํ สตฺถา อปรภาเค เชตวนมหาวิหาเร อริยคณมเชฺฌ นิสิโนฺน เตน เตน คุเณน อตฺตโน สาวเก เอตทเคฺค ฐเปโนฺต ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๐) อิทฺธิมนฺตตาย เอตทเคฺค ฐเปสิฯ เตน เอวํ สตฺถารา เอตทเคฺค ฐปิเตน สาวกปารมิยา มตฺถกํ ปเตฺตน มหาเถเรน ตํ ตํ นิมิตฺตํ อาคมฺม ตตฺถ ตตฺถ ภาสิตา คาถา, ตา สงฺคีติกาเล ธมฺมสงฺคาหเกหิ –

    Atha naṃ satthā aparabhāge jetavanamahāvihāre ariyagaṇamajjhe nisinno tena tena guṇena attano sāvake etadagge ṭhapento ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ iddhimantānaṃ yadidaṃ mahāmoggallāno’’ti (a. ni. 1.188, 190) iddhimantatāya etadagge ṭhapesi. Tena evaṃ satthārā etadagge ṭhapitena sāvakapāramiyā matthakaṃ pattena mahātherena taṃ taṃ nimittaṃ āgamma tattha tattha bhāsitā gāthā, tā saṅgītikāle dhammasaṅgāhakehi –

    ๑๑๔๙.

    1149.

    ‘‘อารญฺญิกา ปิณฺฑปาติกา, อุญฺฉาปตฺตาคเต รตา;

    ‘‘Āraññikā piṇḍapātikā, uñchāpattāgate ratā;

    ทาเลมุ มจฺจุโน เสนํ, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิตาฯ

    Dālemu maccuno senaṃ, ajjhattaṃ susamāhitā.

    ๑๑๕๐.

    1150.

    ‘‘อารญฺญิกา ปิณฺฑปาติกา, อุญฺฉาปตฺตาคเต รตา;

    ‘‘Āraññikā piṇḍapātikā, uñchāpattāgate ratā;

    ธุนาม มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กุญฺชโรฯ

    Dhunāma maccuno senaṃ, naḷāgāraṃva kuñjaro.

    ๑๑๕๑.

    1151.

    ‘‘รุกฺขมูลิกา สาตติกา, อุญฺฉาปตฺตาคเต รตา;

    ‘‘Rukkhamūlikā sātatikā, uñchāpattāgate ratā;

    ทาเลมุ มจฺจุโน เสนํ, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิตาฯ

    Dālemu maccuno senaṃ, ajjhattaṃ susamāhitā.

    ๑๑๕๒.

    1152.

    ‘‘รุกฺขมูลิกา สาตติกา, อุญฺฉาปตฺตาคเต รตา;

    ‘‘Rukkhamūlikā sātatikā, uñchāpattāgate ratā;

    ธุนาม มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กุญฺชโรฯ

    Dhunāma maccuno senaṃ, naḷāgāraṃva kuñjaro.

    ๑๑๕๓.

    1153.

    ‘‘อฎฺฐิกงฺกลกุฎิเก, มํสนฺหารุปสิพฺพิเต;

    ‘‘Aṭṭhikaṅkalakuṭike, maṃsanhārupasibbite;

    ธิรตฺถุ ปุเร ทุคฺคเนฺธ, ปรคเตฺต มมายเสฯ

    Dhiratthu pure duggandhe, paragatte mamāyase.

    ๑๑๕๔..

    1154..

    ‘‘ตว สรีรํ นวโสตํ, ทุคฺคนฺธกรํ ปริพนฺธํ;

    ‘‘Tava sarīraṃ navasotaṃ, duggandhakaraṃ paribandhaṃ;

    ภิกฺขุ ปริวชฺชยเต ตํ, มีฬฺหญฺจ ยถา สุจิกาโมฯ

    Bhikkhu parivajjayate taṃ, mīḷhañca yathā sucikāmo.

    ๑๑๕๖.

    1156.

    ‘‘เอวเญฺจ ตํ ชโน ชญฺญา, ยถา ชานามิ ตํ อหํ;

    ‘‘Evañce taṃ jano jaññā, yathā jānāmi taṃ ahaṃ;

    อารกา ปริวเชฺชยฺย, คูถฎฺฐานํว ปาวุเสฯ

    Ārakā parivajjeyya, gūthaṭṭhānaṃva pāvuse.

    ๑๑๕๗.

    1157.

    ‘‘เอวเมตํ มหาวีร, ยถา สมณ ภาสสิ;

    ‘‘Evametaṃ mahāvīra, yathā samaṇa bhāsasi;

    เอตฺถ เจเก วิสีทนฺติ, ปงฺกมฺหิว ชรคฺคโวฯ

    Ettha ceke visīdanti, paṅkamhiva jaraggavo.

    ๑๑๕๘.

    1158.

    ‘‘อากาสมฺหิ หลิทฺทิยา, โย มเญฺญถ รเชตเว;

    ‘‘Ākāsamhi haliddiyā, yo maññetha rajetave;

    อเญฺญน วาปิ รเงฺคน, วิฆาตุทยเมว ตํฯ

    Aññena vāpi raṅgena, vighātudayameva taṃ.

    ๑๑๕๙.

    1159.

    ‘‘ตทากาสสมํ จิตฺตํ, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิตํ;

    ‘‘Tadākāsasamaṃ cittaṃ, ajjhattaṃ susamāhitaṃ;

    มา ปาปจิเตฺต อาสาทิ, อคฺคิขนฺธํว ปกฺขิมาฯ

    Mā pāpacitte āsādi, aggikhandhaṃva pakkhimā.

    ๑๑๖๐.

    1160.

    ‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ;

    ‘‘Passa cittakataṃ bimbaṃ, arukāyaṃ samussitaṃ;

    อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ฐิติฯ

    Āturaṃ bahusaṅkappaṃ, yassa natthi dhuvaṃ ṭhiti.

    ๑๑๖๑.

    1161.

    ‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ รูปํ, มณินา กุณฺฑเลน จ;

    ‘‘Passa cittakataṃ rūpaṃ, maṇinā kuṇḍalena ca;

    อฎฺฐิํ ตเจน โอนทฺธํ, สห วเตฺถหิ โสภติฯ

    Aṭṭhiṃ tacena onaddhaṃ, saha vatthehi sobhati.

    ๑๑๖๒.

    1162.

    ‘‘อลตฺตกกตา ปาทา, มุขํ จุณฺณกมกฺขิตํ;

    ‘‘Alattakakatā pādā, mukhaṃ cuṇṇakamakkhitaṃ;

    อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ

    Alaṃ bālassa mohāya, no ca pāragavesino.

    ๑๑๖๓.

    1163.

    ‘‘อฎฺฐาปทกตา เกสา, เนตฺตา อญฺชนมกฺขิตา;

    ‘‘Aṭṭhāpadakatā kesā, nettā añjanamakkhitā;

    อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ

    Alaṃ bālassa mohāya, no ca pāragavesino.

    ๑๑๖๔.

    1164.

    ‘‘อญฺชนีว นวา จิตฺตา, ปูติกาโย อลงฺกโต;

    ‘‘Añjanīva navā cittā, pūtikāyo alaṅkato;

    อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ

    Alaṃ bālassa mohāya, no ca pāragavesino.

    ๑๑๖๕.

    1165.

    ‘‘โอทหิ มิคโว ปาสํ, นาสทา วาคุรํ มิโค;

    ‘‘Odahi migavo pāsaṃ, nāsadā vāguraṃ migo;

    ภุตฺวา นิวาปํ คจฺฉาม, กทฺทเนฺต มิคพนฺธเกฯ

    Bhutvā nivāpaṃ gacchāma, kaddante migabandhake.

    ๑๑๖๖.

    1166.

    ‘‘ฉิโนฺน ปาโส มิควสฺส, นาสทา วาคุรํ มิโค;

    ‘‘Chinno pāso migavassa, nāsadā vāguraṃ migo;

    ภุตฺวา นิวาปํ คจฺฉาม, โสจเนฺต มิคลุทฺทเกฯ

    Bhutvā nivāpaṃ gacchāma, socante migaluddake.

    ๑๑๖๗.

    1167.

    ‘‘ตทาสิ ยํ ภิํสนกํ, ตทาสิ โลมหํสนํ;

    ‘‘Tadāsi yaṃ bhiṃsanakaṃ, tadāsi lomahaṃsanaṃ;

    อเนกาการสมฺปเนฺน, สาริปุตฺตมฺหิ นิพฺพุเตฯ

    Anekākārasampanne, sāriputtamhi nibbute.

    ๑๑๖๘.

    1168.

    ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;

    ‘‘Aniccā vata saṅkhārā, uppādavayadhammino;

    อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโขฯ

    Uppajjitvā nirujjhanti, tesaṃ vūpasamo sukho.

    ๑๑๖๙.

    1169.

    ‘‘สุขุมํ เต ปฎิวิชฺฌนฺติ, วาลคฺคํ อุสุนา ยถา;

    ‘‘Sukhumaṃ te paṭivijjhanti, vālaggaṃ usunā yathā;

    เย ปญฺจกฺขเนฺธ ปสฺสนฺติ, ปรโต โน จ อตฺตโตฯ

    Ye pañcakkhandhe passanti, parato no ca attato.

    ๑๑๗๐.

    1170.

    ‘‘เย จ ปสฺสนฺติ สงฺขาเร, ปรโต โน จ อตฺตโต;

    ‘‘Ye ca passanti saṅkhāre, parato no ca attato;

    ปจฺจพฺยาธิํสุ นิปุณํ, วาลคฺคํ อุสุนา ยถาฯ

    Paccabyādhiṃsu nipuṇaṃ, vālaggaṃ usunā yathā.

    ๑๑๗๑.

    1171.

    ‘‘สตฺติยา วิย โอมโฎฺฐ, ฑยฺหมาโนว มตฺถเก;

    ‘‘Sattiyā viya omaṭṭho, ḍayhamānova matthake;

    กามราคปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเชฯ

    Kāmarāgappahānāya, sato bhikkhu paribbaje.

    ๑๑๗๒.

    1172.

    ‘‘สตฺติยา วิย โอมโฎฺฐ, ฑยฺหมาโนว มตฺถเก;

    ‘‘Sattiyā viya omaṭṭho, ḍayhamānova matthake;

    ภวราคปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเชฯ

    Bhavarāgappahānāya, sato bhikkhu paribbaje.

    ๑๑๗๓.

    1173.

    ‘‘โจทิโต ภาวิตเตฺตน, สรีรนฺติมธารินา;

    ‘‘Codito bhāvitattena, sarīrantimadhārinā;

    มิคารมาตุปาสาทํ, ปาทงฺคุเฎฺฐน กมฺปยิํฯ

    Migāramātupāsādaṃ, pādaṅguṭṭhena kampayiṃ.

    ๑๑๗๔.

    1174.

    ‘‘นยิทํ สิถิลมารพฺภ, นยิทํ อเปฺปน ถามสา;

    ‘‘Nayidaṃ sithilamārabbha, nayidaṃ appena thāmasā;

    นิพฺพานมธิคนฺตพฺพํ, สพฺพคนฺถปโมจนํฯ

    Nibbānamadhigantabbaṃ, sabbaganthapamocanaṃ.

    ๑๑๗๕.

    1175.

    ‘‘อยญฺจ ทหโร ภิกฺขุ, อยมุตฺตมโปริโส;

    ‘‘Ayañca daharo bhikkhu, ayamuttamaporiso;

    ธาเรติ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหนํฯ

    Dhāreti antimaṃ dehaṃ, jetvā māraṃ savāhanaṃ.

    ๑๑๗๖.

    1176.

    ‘‘วิวรมนุปภนฺติ วิชฺชุตา, เวภารสฺส จ ปณฺฑวสฺส จ;

    ‘‘Vivaramanupabhanti vijjutā, vebhārassa ca paṇḍavassa ca;

    นควิวรคโต ฌายติ, ปุโตฺต อปฺปฎิมสฺส ตาทิโนฯ

    Nagavivaragato jhāyati, putto appaṭimassa tādino.

    ๑๑๗๗.

    1177.

    ‘‘อุปสโนฺต อุปรโต, ปนฺตเสนาสโน มุนิ;

    ‘‘Upasanto uparato, pantasenāsano muni;

    ทายาโท พุทฺธเสฎฺฐสฺส, พฺรหฺมุนา อภิวนฺทิโตฯ

    Dāyādo buddhaseṭṭhassa, brahmunā abhivandito.

    ๑๑๗๘.

    1178.

    ‘‘อุปสนฺตํ อุปรตํ, ปนฺตเสนาสนํ มุนิํ;

    ‘‘Upasantaṃ uparataṃ, pantasenāsanaṃ muniṃ;

    ทายาทํ พุทฺธเสฎฺฐสฺส, วนฺท พฺราหฺมณ กสฺสปํฯ

    Dāyādaṃ buddhaseṭṭhassa, vanda brāhmaṇa kassapaṃ.

    ๑๑๗๙.

    1179.

    ‘‘โย จ ชาติสตํ คเจฺฉ, สพฺพา พฺราหฺมณชาติโย;

    ‘‘Yo ca jātisataṃ gacche, sabbā brāhmaṇajātiyo;

    โสตฺติโย เวทสมฺปโนฺน, มนุเสฺสสุ ปุนปฺปุนํฯ

    Sottiyo vedasampanno, manussesu punappunaṃ.

    ๑๑๘๐.

    1180.

    ‘‘อชฺฌายโกปิ เจ อสฺส, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

    ‘‘Ajjhāyakopi ce assa, tiṇṇaṃ vedāna pāragū;

    เอตสฺส วนฺทนาเยตํ, กลํ นาคฺฆติ โสฬสิํฯ

    Etassa vandanāyetaṃ, kalaṃ nāgghati soḷasiṃ.

    ๑๑๘๑.

    1181.

    ‘‘โย โส อฎฺฐ วิโมกฺขานิ, ปุเรภตฺตํ อผสฺสยิ;

    ‘‘Yo so aṭṭha vimokkhāni, purebhattaṃ aphassayi;

    อนุโลมํ ปฎิโลมํ, ตโต ปิณฺฑาย คจฺฉติฯ

    Anulomaṃ paṭilomaṃ, tato piṇḍāya gacchati.

    ๑๑๘๒.

    1182.

    ‘‘ตาทิสํ ภิกฺขุํ มาสาทิ, มาตฺตานํ ขณิ พฺราหฺมณ;

    ‘‘Tādisaṃ bhikkhuṃ māsādi, māttānaṃ khaṇi brāhmaṇa;

    อภิปฺปสาเทหิ มนํ, อรหนฺตมฺหิ ตาทิเน;

    Abhippasādehi manaṃ, arahantamhi tādine;

    ขิปฺปํ ปญฺชลิโก วนฺท, มา เต วิชฎิ มตฺถกํฯ

    Khippaṃ pañjaliko vanda, mā te vijaṭi matthakaṃ.

    ๑๑๘๓.

    1183.

    ‘‘เนโส ปสฺสติ สทฺธมฺมํ, สํสาเรน ปุรกฺขโต;

    ‘‘Neso passati saddhammaṃ, saṃsārena purakkhato;

    อโธคมํ ชิมฺหปถํ, กุมฺมคฺคมนุธาวติฯ

    Adhogamaṃ jimhapathaṃ, kummaggamanudhāvati.

    ๑๑๘๔.

    1184.

    ‘‘กิมีว มีฬฺหสลฺลิโตฺต, สงฺขาเร อธิมุจฺฉิโต;

    ‘‘Kimīva mīḷhasallitto, saṅkhāre adhimucchito;

    ปคาโฬฺห ลาภสกฺกาเร, ตุโจฺฉ คจฺฉติ โปฎฺฐิโลฯ

    Pagāḷho lābhasakkāre, tuccho gacchati poṭṭhilo.

    ๑๑๘๕.

    1185.

    ‘‘อิมญฺจ ปสฺส อายนฺตํ, สาริปุตฺตํ สุทสฺสนํ;

    ‘‘Imañca passa āyantaṃ, sāriputtaṃ sudassanaṃ;

    วิมุตฺตํ อุภโตภาเค, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิตํฯ

    Vimuttaṃ ubhatobhāge, ajjhattaṃ susamāhitaṃ.

    ๑๑๘๖.

    1186.

    ‘‘วิสลฺลํ ขีณสํโยคํ, เตวิชฺชํ มจฺจุหายินํ;

    ‘‘Visallaṃ khīṇasaṃyogaṃ, tevijjaṃ maccuhāyinaṃ;

    ทกฺขิเณยฺยํ มนุสฺสานํ, ปุญฺญเกฺขตฺตํ อนุตฺตรํฯ

    Dakkhiṇeyyaṃ manussānaṃ, puññakkhettaṃ anuttaraṃ.

    ๑๑๘๗. ‘‘เอเต สมฺพหุลา เทวา, อิทฺธิมโนฺต ยสสฺสิโนฯ

    1187. ‘‘Ete sambahulā devā, iddhimanto yasassino.

    ทส เทวสหสฺสานิ, สเพฺพ พฺรหฺมปุโรหิตา;

    Dasa devasahassāni, sabbe brahmapurohitā;

    โมคฺคลฺลานํ นมสฺสนฺตา, ติฎฺฐนฺติ ปญฺชลีกตาฯ

    Moggallānaṃ namassantā, tiṭṭhanti pañjalīkatā.

    ๑๑๘๘.

    1188.

    ‘‘นโม เต ปุริสาชญฺญ, นโม เต ปุริสุตฺตม;

    ‘‘Namo te purisājañña, namo te purisuttama;

    ยสฺส เต อาสวา ขีณา, ทกฺขิเณโยฺยสิ มาริสฯ

    Yassa te āsavā khīṇā, dakkhiṇeyyosi mārisa.

    ๑๑๘๙.

    1189.

    ‘‘ปูชิโต นรเทเวน, อุปฺปโนฺน มรณาภิภู;

    ‘‘Pūjito naradevena, uppanno maraṇābhibhū;

    ปุณฺฑรีกํว โตเยน, สงฺขาเรนุปลิมฺปติฯ

    Puṇḍarīkaṃva toyena, saṅkhārenupalimpati.

    ๑๑๙๐.

    1190.

    ‘‘ยสฺส มุหุเตฺตน สหสฺสธา โลโก, สํวิทิโต สพฺรหฺมกโปฺป วสิ;

    ‘‘Yassa muhuttena sahassadhā loko, saṃvidito sabrahmakappo vasi;

    อิทฺธิคุเณ จุตุปปาเต กาเล, ปสฺสติ เทวตา ส ภิกฺขุฯ

    Iddhiguṇe cutupapāte kāle, passati devatā sa bhikkhu.

    ๑๑๙๑.

    1191.

    ‘‘สาริปุโตฺตว ปญฺญาย, สีเลน อุปสเมน จ;

    ‘‘Sāriputtova paññāya, sīlena upasamena ca;

    โยปิ ปารงฺคโต ภิกฺขุ, เอตาวปรโม สิยาฯ

    Yopi pāraṅgato bhikkhu, etāvaparamo siyā.

    ๑๑๙๒.

    1192.

    ‘‘โกฎิสตสหสฺสสฺส, อตฺตภาวํ ขเณน นิมฺมิเน;

    ‘‘Koṭisatasahassassa, attabhāvaṃ khaṇena nimmine;

    อหํ วิกุพฺพนาสุ กุสโล, วสีภูโตมฺหิ อิทฺธิยาฯ

    Ahaṃ vikubbanāsu kusalo, vasībhūtomhi iddhiyā.

    ๑๑๙๓.

    1193.

    ‘‘สมาธิวิชฺชาวสิปารมีคโต, โมคฺคลฺลานโคโตฺต อสิตสฺส สาสเน;

    ‘‘Samādhivijjāvasipāramīgato, moggallānagotto asitassa sāsane;

    ธีโร สมุจฺฉินฺทิ สมาหิตินฺทฺริโย, นาโค ยถา ปูติลตํว พนฺธนํฯ

    Dhīro samucchindi samāhitindriyo, nāgo yathā pūtilataṃva bandhanaṃ.

    ๑๑๙๔.

    1194.

    ‘‘ปริจิโณฺณ มยา สตฺถา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ;

    ‘‘Pariciṇṇo mayā satthā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ;

    โอหิโต ครุโก ภาโร, ภวเนตฺติ สมูหตาฯ

    Ohito garuko bhāro, bhavanetti samūhatā.

    ๑๑๙๕.

    1195.

    ‘‘ยสฺส จตฺถาย ปพฺพชิโต, อคารสฺมานคาริยํ;

    ‘‘Yassa catthāya pabbajito, agārasmānagāriyaṃ;

    โส เม อโตฺถ อนุปฺปโตฺต, สพฺพสํโยชนกฺขโยฯ

    So me attho anuppatto, sabbasaṃyojanakkhayo.

    ๑๑๙๖.

    1196.

    ‘‘กีทิโส นิรโย อาสิ, ยตฺถ ทุสฺสี อปจฺจถ;

    ‘‘Kīdiso nirayo āsi, yattha dussī apaccatha;

    วิธุรํ สาวกมาสชฺช, กกุสนฺธญฺจ พฺราหฺมณํฯ

    Vidhuraṃ sāvakamāsajja, kakusandhañca brāhmaṇaṃ.

    ๑๑๙๗.

    1197.

    ‘‘สตํ อาสิ อโยสงฺกู, สเพฺพ ปจฺจตฺตเวทนา;

    ‘‘Sataṃ āsi ayosaṅkū, sabbe paccattavedanā;

    อีทิโส นิรโย อาสิ, ยตฺถ ทุสฺสี อปจฺจถ;

    Īdiso nirayo āsi, yattha dussī apaccatha;

    วิธุรํ สาวกมาสชฺช, กกุสนฺธญฺจ พฺราหฺมณํฯ

    Vidhuraṃ sāvakamāsajja, kakusandhañca brāhmaṇaṃ.

    ๑๑๙๘.

    1198.

    ‘‘โย เอตมภิชานาติ, ภิกฺขุ พุทฺธสฺส สาวโก;

    ‘‘Yo etamabhijānāti, bhikkhu buddhassa sāvako;

    ตาทิสํ ภิกฺขุมาสชฺช, กณฺห ทุกฺขํ นิคจฺฉสิฯ

    Tādisaṃ bhikkhumāsajja, kaṇha dukkhaṃ nigacchasi.

    ๑๑๙๙.

    1199.

    ‘‘มเชฺฌสรสฺมิํ ติฎฺฐนฺติ, วิมานา กปฺปฐายิโน;

    ‘‘Majjhesarasmiṃ tiṭṭhanti, vimānā kappaṭhāyino;

    เวฬุริยวณฺณา รุจิรา, อจฺจิมโนฺต ปภสฺสรา;

    Veḷuriyavaṇṇā rucirā, accimanto pabhassarā;

    อจฺฉรา ตตฺถ นจฺจนฺติ, ปุถุ นานตฺตวณฺณิโยฯ

    Accharā tattha naccanti, puthu nānattavaṇṇiyo.

    ๑๒๐๐.

    1200.

    ‘‘โย เอตมภิชานาติ…เป.… กณฺห ทุกฺขํ นิคจฺฉสิฯ

    ‘‘Yo etamabhijānāti…pe… kaṇha dukkhaṃ nigacchasi.

    ๑๒๐๑.

    1201.

    ‘‘โย เว พุเทฺธน โจทิโต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส เปกฺขโต;

    ‘‘Yo ve buddhena codito, bhikkhusaṅghassa pekkhato;

    มิคารมาตุปาสาทํ, ปาทงฺคุเฎฺฐน กมฺปยิฯ

    Migāramātupāsādaṃ, pādaṅguṭṭhena kampayi.

    ๑๒๐๒.

    1202.

    ‘‘โย เอตมภิชานาติ…เป.… กณฺห ทุกฺขํ นิคจฺฉสิฯ

    ‘‘Yo etamabhijānāti…pe… kaṇha dukkhaṃ nigacchasi.

    ๑๒๐๓.

    1203.

    ‘‘โย เวชยนฺตปาสาทํ, ปาทงฺคุเฎฺฐน กมฺปยิ;

    ‘‘Yo vejayantapāsādaṃ, pādaṅguṭṭhena kampayi;

    อิทฺธิพเลนุปตฺถโทฺธ, สํเวเชสิ จ เทวตาฯ

    Iddhibalenupatthaddho, saṃvejesi ca devatā.

    ๑๒๐๔.

    1204.

    ‘‘โย เอตมภิชานาติ…เป.… กณฺห ทุกฺขํ นิคจฺฉสิฯ

    ‘‘Yo etamabhijānāti…pe… kaṇha dukkhaṃ nigacchasi.

    ๑๒๐๕.

    1205.

    ‘‘โย เวชยนฺตปาสาเท, สกฺกํ โส ปริปุจฺฉติ;

    ‘‘Yo vejayantapāsāde, sakkaṃ so paripucchati;

    อปิ อาวุโส ชานาสิ, ตณฺหกฺขยวิมุตฺติโย;

    Api āvuso jānāsi, taṇhakkhayavimuttiyo;

    ตสฺส สโกฺก วิยากาสิ, ปญฺหํ ปุโฎฺฐ ยถาตถํฯ

    Tassa sakko viyākāsi, pañhaṃ puṭṭho yathātathaṃ.

    ๑๒๐๖.

    1206.

    ‘‘โย เอตมภิชานาติ…เป.… กณฺห ทุกฺขํ นิคจฺฉสิฯ

    ‘‘Yo etamabhijānāti…pe… kaṇha dukkhaṃ nigacchasi.

    ๑๒๐๗.

    1207.

    ‘‘โย พฺรหฺมานํ ปริปุจฺฉติ, สุธมฺมายํ ฐิโต สภํ;

    ‘‘Yo brahmānaṃ paripucchati, sudhammāyaṃ ṭhito sabhaṃ;

    อชฺชาปิ ตฺยาวุโส สา ทิฎฺฐิ, ยา เต ทิฎฺฐิ ปุเร อหุ;

    Ajjāpi tyāvuso sā diṭṭhi, yā te diṭṭhi pure ahu;

    ปสฺสสิ วีติวตฺตนฺตํ, พฺรหฺมโลเก ปภสฺสรํฯ

    Passasi vītivattantaṃ, brahmaloke pabhassaraṃ.

    ๑๒๐๘.

    1208.

    ‘‘ตสฺส พฺรหฺมา วิยากาสิ, ปญฺหํ ปุโฎฺฐ ยถาตถํ;

    ‘‘Tassa brahmā viyākāsi, pañhaṃ puṭṭho yathātathaṃ;

    น เม มาริส สา ทิฎฺฐิ, ยา เม ทิฎฺฐิ ปุเร อหุฯ

    Na me mārisa sā diṭṭhi, yā me diṭṭhi pure ahu.

    ๑๒๐๙.

    1209.

    ‘‘ปสฺสามิ วีติวตฺตนฺตํ, พฺรหฺมโลเก ปภสฺสรํ;

    ‘‘Passāmi vītivattantaṃ, brahmaloke pabhassaraṃ;

    โสหํ อชฺช กถํ วชฺชํ, อหํ นิโจฺจมฺหิ สสฺสโตฯ

    Sohaṃ ajja kathaṃ vajjaṃ, ahaṃ niccomhi sassato.

    ๑๒๑๐.

    1210.

    ‘‘โย เอตมภิชานาติ…เป.… กณฺห ทุกฺขํ นิคจฺฉสิฯ

    ‘‘Yo etamabhijānāti…pe… kaṇha dukkhaṃ nigacchasi.

    ๑๒๑๑.

    1211.

    ‘‘โย มหาเนรุโน กูฎํ, วิโมเกฺขน อผสฺสยิ;

    ‘‘Yo mahāneruno kūṭaṃ, vimokkhena aphassayi;

    วนํ ปุพฺพวิเทหานํ, เย จ ภูมิสยา นราฯ

    Vanaṃ pubbavidehānaṃ, ye ca bhūmisayā narā.

    ๑๒๑๒.

    1212.

    ‘‘โย เอตมภิชานาติ, ภิกฺขุ พุทฺธสฺส สาวโก;

    ‘‘Yo etamabhijānāti, bhikkhu buddhassa sāvako;

    ตาทิสํ ภิกฺขุมาสชฺช, กณฺห ทุกฺขํ นิคจฺฉสิฯ

    Tādisaṃ bhikkhumāsajja, kaṇha dukkhaṃ nigacchasi.

    ๑๒๑๓.

    1213.

    ‘‘น เว อคฺคิ เจตยติ, อหํ พาลํ ฑหามิติ;

    ‘‘Na ve aggi cetayati, ahaṃ bālaṃ ḍahāmiti;

    พาโลว ชลิตํ อคฺคิํ, อาสชฺช นํ ปฑยฺหติฯ

    Bālova jalitaṃ aggiṃ, āsajja naṃ paḍayhati.

    ๑๒๑๔.

    1214.

    ‘‘เอวเมว ตุวํ มาร, อาสชฺช นํ ตถาคตํ;

    ‘‘Evameva tuvaṃ māra, āsajja naṃ tathāgataṃ;

    สยํ ฑหิสฺสสิ อตฺตานํ, พาโล อคฺคิํว สมฺผุสํฯ

    Sayaṃ ḍahissasi attānaṃ, bālo aggiṃva samphusaṃ.

    ๑๒๑๕.

    1215.

    ‘‘อปุญฺญํ ปสวี มาโร, อาสชฺช นํ ตถาคตํ;

    ‘‘Apuññaṃ pasavī māro, āsajja naṃ tathāgataṃ;

    กินฺนุ มญฺญสิ ปาปิม, น เม ปาปํ วิปจฺจติฯ

    Kinnu maññasi pāpima, na me pāpaṃ vipaccati.

    ๑๒๑๖.

    1216.

    ‘‘กรโต เต จียเต ปาปํ, จิรรตฺตาย อนฺตก;

    ‘‘Karato te cīyate pāpaṃ, cirarattāya antaka;

    มาร นิพฺพินฺท พุทฺธมฺหา, อาสํ มากาสิ ภิกฺขุสุฯ

    Māra nibbinda buddhamhā, āsaṃ mākāsi bhikkhusu.

    ๑๒๑๗.

    1217.

    ‘‘อิติ มารํ อตเชฺชสิ, ภิกฺขุ เภสกฬาวเน;

    ‘‘Iti māraṃ atajjesi, bhikkhu bhesakaḷāvane;

    ตโต โส ทุมฺมโน ยโกฺข, ตเตฺถวนฺตรธายถา’’ติฯ –

    Tato so dummano yakkho, tatthevantaradhāyathā’’ti. –

    อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เถโร คาถาโย อภาสิตฺถาติฯ

    Itthaṃ sudaṃ āyasmā mahāmoggallāno thero gāthāyo abhāsitthāti.

    อิมินา อนุกฺกเมน เอกจฺจํ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา ฐปิตาฯ

    Iminā anukkamena ekaccaṃ saṅgahaṃ āropetvā ṭhapitā.

    ตตฺถ ‘‘อารญฺญิกา’’ติอาทิกา จตโสฺส คาถา ภิกฺขูนํ โอวาททานวเสน ภาสิตาฯ อารญฺญิกาติ คามนฺตเสนาสนํ ปฎิกฺขิปิตฺวา อารญฺญกธุตงฺคสมาทาเนน อารญฺญิกาฯ สงฺฆภตฺตํ ปฎิกฺขิปิตฺวา ปิณฺฑปาติกงฺคสมาทาเนน ปิณฺฑปาติกา, ฆเร ฆเร ลทฺธปิณฺฑปาเตน ยาปนกาฯ อุญฺฉาปตฺตาคเต รตาติ อุญฺฉาจริยาย ปเตฺต อาคเต ปตฺตปริยาปเนฺน รตา, เตเนว อภิรตา สนฺตุฎฺฐาฯ ทาเลมุ มจฺจุโน เสนนฺติ อตฺตานํ อนตฺถชนเน สหายภาวูปคมนโต มจฺจุราชสฺส เสนาภูตํ กิเลสวาหินิํ สมุจฺฉิเนฺทมฯ อชฺฌตฺตํ สุสมาหิตาติ โคจรชฺฌเตฺตสุ สุฎฺฐุ สมาหิตา หุตฺวา, เอเตนสฺส ปทาลนุปายมาหฯ

    Tattha ‘‘āraññikā’’tiādikā catasso gāthā bhikkhūnaṃ ovādadānavasena bhāsitā. Āraññikāti gāmantasenāsanaṃ paṭikkhipitvā āraññakadhutaṅgasamādānena āraññikā. Saṅghabhattaṃ paṭikkhipitvā piṇḍapātikaṅgasamādānena piṇḍapātikā, ghare ghare laddhapiṇḍapātena yāpanakā. Uñchāpattāgateratāti uñchācariyāya patte āgate pattapariyāpanne ratā, teneva abhiratā santuṭṭhā. Dālemu maccuno senanti attānaṃ anatthajanane sahāyabhāvūpagamanato maccurājassa senābhūtaṃ kilesavāhiniṃ samucchindema. Ajjhattaṃ susamāhitāti gocarajjhattesu suṭṭhu samāhitā hutvā, etenassa padālanupāyamāha.

    ธุนามาติ นิทฺธุนาม วิทฺธํเสมฯ

    Dhunāmāti niddhunāma viddhaṃsema.

    สาตติกาติ สาตจฺจการิโน ภาวนาย สตตปวตฺตวีริยาฯ

    Sātatikāti sātaccakārino bhāvanāya satatapavattavīriyā.

    ‘‘อฎฺฐิกงฺกลกุฎิเก’’ติอาทิกา จตโสฺส คาถา อตฺตานํ ปโลเภตุํ อุปคตาย คณิกาย โอวาทวเสน อภาสิฯ ตตฺถ อฎฺฐิกงฺกลกุฎิเกติ อฎฺฐิสงฺขลิกามยกุฎิเกฯ นฺหารุปสิพฺพิเตติ นวหิ นฺหารุสเตหิ สมนฺตโต สิพฺพิเตฯ อรเญฺญ กุฎิโย ทารุทเณฺฑ อุสฺสาเปตฺวา วลฺลิอาทีหิ พนฺธิตฺวา กริยนฺติ, ตฺวํ ปน ปรมเชคุเจฺฉน อฎฺฐิกงฺกเลน ปรมเชคุเจฺฉเหว นฺหารูหิ พนฺธิตฺวา กตา, อติวิย เชคุจฺฉา ปฎิกฺกูลา จาติ ทเสฺสติฯ ธิรตฺถุ ปูเร ทุคฺคเนฺธติ เกสโลมาทิโน นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปูเร ปริปุเณฺณ, ตโต เอว ทุคฺคเนฺธ ธิรตฺถุ ตว ธีกาโร โหตุฯ ปรคเตฺต มมายเสติ อิทญฺจ เต ทุคฺคนฺธสฺส อุปริ โผฎสมุฎฺฐานํ ปริสฺสยํ เอวํ อสุจิทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉํ ปฎิกฺกูลสมาทานํ ตาทิเส เอว อญฺญสฺมิํ ปเทเส โสณสิงฺคาลกิมิกุลาทีนํ คตฺตภูเต กเฬวเร มมตฺตํ กโรสิฯ

    ‘‘Aṭṭhikaṅkalakuṭike’’tiādikā catasso gāthā attānaṃ palobhetuṃ upagatāya gaṇikāya ovādavasena abhāsi. Tattha aṭṭhikaṅkalakuṭiketi aṭṭhisaṅkhalikāmayakuṭike. Nhārupasibbiteti navahi nhārusatehi samantato sibbite. Araññe kuṭiyo dārudaṇḍe ussāpetvā valliādīhi bandhitvā kariyanti, tvaṃ pana paramajegucchena aṭṭhikaṅkalena paramajeguccheheva nhārūhi bandhitvā katā, ativiya jegucchā paṭikkūlā cāti dasseti. Dhiratthu pūre duggandheti kesalomādino nānappakārassa asucino pūre paripuṇṇe, tato eva duggandhe dhiratthu tava dhīkāro hotu. Paragatte mamāyaseti idañca te duggandhassa upari phoṭasamuṭṭhānaṃ parissayaṃ evaṃ asuciduggandhaṃ jegucchaṃ paṭikkūlasamādānaṃ tādise eva aññasmiṃ padese soṇasiṅgālakimikulādīnaṃ gattabhūte kaḷevare mamattaṃ karosi.

    คูถภเสฺตติ คูถภริตภสฺตสทิเสฯ ตโจนเทฺธติ ตเจน โอนเทฺธ ฉวิมตฺตปฎิจฺฉาทิตกิพฺพิเสฯ อุรคณฺฑิปิสาจินีติ อุเร ฐิตคณฺฑทฺวยวตี ภยานกภาวโต อนตฺถาวหโต จ ปิสาจสทิสีฯ ยานิ สนฺทนฺติ สพฺพทาติ ยานิ นว โสตานิ, นว วณมุขานิ สพฺพทา รตฺตินฺทิวํ สนฺทนฺติ, สวนฺติ, อสุจิํ ปคฺฆรนฺติฯ

    Gūthabhasteti gūthabharitabhastasadise. Taconaddheti tacena onaddhe chavimattapaṭicchāditakibbise. Uragaṇḍipisācinīti ure ṭhitagaṇḍadvayavatī bhayānakabhāvato anatthāvahato ca pisācasadisī. Yāni sandanti sabbadāti yāni nava sotāni, nava vaṇamukhāni sabbadā rattindivaṃ sandanti, savanti, asuciṃ paggharanti.

    ปริพนฺธนฺติ สมฺมาปฎิปตฺติปริพนฺธภูตํฯ ภิกฺขูติ สํสาเร ภยํ อิกฺขโนฺต ภินฺนกิเลโส วา ทูรโต ปริวชฺชยเตติ มมตฺตํ น กโรติฯ มีฬฺหญฺจ ยถา สุจิกาโมติ -อิติ นิปาตมตฺตํฯ ยถา สุจิชาติโก สุจิเมว อิจฺฉโนฺต สสีสํ นฺหาโต มีฬฺหํ ทิสฺวา ทูรโตว ปริวเชฺชสิ, เอวเมวํ ภิกฺขูติ อโตฺถฯ

    Paribandhanti sammāpaṭipattiparibandhabhūtaṃ. Bhikkhūti saṃsāre bhayaṃ ikkhanto bhinnakileso vā dūrato parivajjayateti mamattaṃ na karoti. Mīḷhañca yathā sucikāmoti ca-iti nipātamattaṃ. Yathā sucijātiko sucimeva icchanto sasīsaṃ nhāto mīḷhaṃ disvā dūratova parivajjesi, evamevaṃ bhikkhūti attho.

    เอวเญฺจ ตํ ชโน ชญฺญา, ยถา ชานามิ ตํ อหนฺติ เอวํ สรีรสญฺญิตํ อสุจิปุญฺชํ ยถา อหํ ยถาภูตํ ชานามิ, เอวเมว มหาชโน ชาเนยฺย, ตํ อารกา ทูรโตว ปริวเชฺชยฺยฯ คูถฎฺฐานํว ปาวุเสติ ปาวุสกาเล กิลินฺนาสุจิํ นิรนฺตรํ คูถฎฺฐานํ วิย สุจิชาติโกฯ ยสฺมา ปน ตํ ยถาภูตํ น ชานาติ, ตสฺมา ตตฺถ นิมุโคฺค สีสํ น อุกฺขิปตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Evañce taṃ jano jaññā, yathā jānāmi taṃ ahanti evaṃ sarīrasaññitaṃ asucipuñjaṃ yathā ahaṃ yathābhūtaṃ jānāmi, evameva mahājano jāneyya, taṃ ārakā dūratova parivajjeyya. Gūthaṭṭhānaṃvapāvuseti pāvusakāle kilinnāsuciṃ nirantaraṃ gūthaṭṭhānaṃ viya sucijātiko. Yasmā pana taṃ yathābhūtaṃ na jānāti, tasmā tattha nimuggo sīsaṃ na ukkhipatīti adhippāyo.

    เอวํ เถเรน สรีเร โทเส วิภาวิเต สา คณิกา ลชฺชาวนตมุขา เถเร คารวํ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา ‘‘เอวเมตํ มหาวีรา’’ติ คาถํ วตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ ตตฺถ เอตฺถ เจเกติ เอวํ ปากฎปฎิกฺกูลสภาเวปิ เอตสฺมิํ กาเย เอกเจฺจ สตฺตา อาสตฺติพลวตาย วิสีทนฺติ วิสาทํ อาปชฺชนฺติฯ ปงฺกมฺหิว ชรคฺคโว มหากทฺทมกุจฺฉิยํ สมฺปติตทุพฺพลพลิพโทฺท วิย พฺยสนเมว ปาปุณนฺตีติ อโตฺถฯ

    Evaṃ therena sarīre dose vibhāvite sā gaṇikā lajjāvanatamukhā there gāravaṃ paccupaṭṭhapetvā ‘‘evametaṃ mahāvīrā’’ti gāthaṃ vatvā theraṃ vanditvā aṭṭhāsi. Tattha ettha ceketi evaṃ pākaṭapaṭikkūlasabhāvepi etasmiṃ kāye ekacce sattā āsattibalavatāya visīdanti visādaṃ āpajjanti. Paṅkamhiva jaraggavo mahākaddamakucchiyaṃ sampatitadubbalabalibaddo viya byasanameva pāpuṇantīti attho.

    ปุน ตํ เถโร มาทิเส เอวรูปา ปฎิปตฺติ นิรตฺถกา วิฆาตาวหา เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อากาสมฺหี’’ติอาทินา คาถาทฺวยมาหฯ ตสฺสโตฺถ – โย ปุคฺคโล หลิทฺทิยา อเญฺญน วา รงฺคชาเตน อากาสํ รญฺชิตุํ มเญฺญยฺย, ตสฺส ตํ กมฺมํ วิฆาตุทยํ จิตฺตวิฆาตาวหเมว สิยา, ยถา ตํ อวิสเย โยโคฯ

    Puna taṃ thero mādise evarūpā paṭipatti niratthakā vighātāvahā evāti dassento ‘‘ākāsamhī’’tiādinā gāthādvayamāha. Tassattho – yo puggalo haliddiyā aññena vā raṅgajātena ākāsaṃ rañjituṃ maññeyya, tassa taṃ kammaṃ vighātudayaṃ cittavighātāvahameva siyā, yathā taṃ avisaye yogo.

    ตทากาสสมํ จิตฺตนฺติ ตยิทํ มม จิตฺตํ อากาสสมํ กตฺถจิ อลคฺคภาเวน อชฺฌตฺตํ สุฎฺฐุ สมาหิตํ, ตสฺมา มา ปาปจิเตฺต อาสาทีติ กาเมสุ นิมุคฺคตาย ลามกจิเตฺต นิหีนจิเตฺต มาทิเส มา อาสาเทหิฯ อคฺคิขนฺธํว ปกฺขิมาติ ปกฺขิมา สลโภ อคฺคิกฺขนฺธํ อาสาเทโนฺต อนตฺถเมว ปาปุณาติ, เอวํ สมฺปทมิทํ ตุยฺหนฺติ ทเสฺสติฯ

    Tadākāsasamaṃ cittanti tayidaṃ mama cittaṃ ākāsasamaṃ katthaci alaggabhāvena ajjhattaṃ suṭṭhu samāhitaṃ, tasmā mā pāpacitte āsādīti kāmesu nimuggatāya lāmakacitte nihīnacitte mādise mā āsādehi. Aggikhandhaṃva pakkhimāti pakkhimā salabho aggikkhandhaṃ āsādento anatthameva pāpuṇāti, evaṃ sampadamidaṃ tuyhanti dasseti.

    ปสฺส จิตฺตกตนฺติอาทิกา สตฺต คาถา ตเมว คณิกํ ทิสฺวา วิปลฺลตฺตจิตฺตานํ ภิกฺขูนํ โอวาททานวเสน วุตฺตาฯ ตํ สุตฺวา สา คณิกา มงฺกุภูตา อาคตมเคฺคเนว ปลาตาฯ

    Passa cittakatantiādikā satta gāthā tameva gaṇikaṃ disvā vipallattacittānaṃ bhikkhūnaṃ ovādadānavasena vuttā. Taṃ sutvā sā gaṇikā maṅkubhūtā āgatamaggeneva palātā.

    ตทาสีติอาทิกา จตโสฺส คาถา อายสฺมโต สาริปุตฺตเตฺถรสฺส ปรินิพฺพานํ อารพฺภ วุตฺตาฯ ตตฺถ อเนกาการสมฺปเนฺนติ อเนเกหิ สีลสํวราทิปฺปกาเรหิ ปริปุเณฺณฯ

    Tadāsītiādikā catasso gāthā āyasmato sāriputtattherassa parinibbānaṃ ārabbha vuttā. Tattha anekākārasampanneti anekehi sīlasaṃvarādippakārehi paripuṇṇe.

    สุขุมํ เต ปฎิวิชฺฌนฺตีติ เต โยคิโน อติสุขุมํ ปฎิวิชฺฌนฺติ นามฯ ยถา กิํ? วาลคฺคํ อุสุนา ยถา ยถา สตธาภินฺนสฺส วาลสฺส เอกํ อํสุ อคฺคํ รตฺตนฺธการติมิสาย วิชฺชุลฺลโตภาเสน วิชฺฌนฺตา วิยาติ อโตฺถฯ เก ปน เตติ อาห ‘‘เย ปญฺจกฺขเนฺธ ปสฺสนฺติ, ปรโต โน จ อตฺตโต’’ติฯ ตตฺถ ปรโตติ อนตฺตโตฯ ตสฺส อตฺตคฺคาหปฎิเกฺขปทสฺสนเญฺหตํฯ เตนาห ‘‘โน จ อตฺตโต’’ติฯ เอเตน อนตฺตโต อภิวุฎฺฐิตสฺส อริยมคฺคสฺส วเสน ทุกฺขสเจฺจ ปริญฺญาภิสมยํ อาห, ตทวินาภาวโต ปน อิตเรสมฺปิ อภิสมยานํ สุปฺปฎิวิชฺฌตา วุตฺตา เอว โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ เกจิ ปน ‘‘อนตฺถการกโต ปเร นาม ปญฺจุปาทานกฺขนฺธาติ ‘ปรโต ปสฺสนฺตี’ติ อิมินา วิเสสโต สโพฺพปิ สมฺมเทว วุโตฺต’’ติ วทนฺติฯ ปจฺจพฺยาธิํสูติ ปฎิวิชฺฌิํสุฯ

    Sukhumaṃ te paṭivijjhantīti te yogino atisukhumaṃ paṭivijjhanti nāma. Yathā kiṃ? Vālaggaṃ usunā yathā yathā satadhābhinnassa vālassa ekaṃ aṃsu aggaṃ rattandhakāratimisāya vijjullatobhāsena vijjhantā viyāti attho. Ke pana teti āha ‘‘ye pañcakkhandhe passanti, parato no ca attato’’ti. Tattha paratoti anattato. Tassa attaggāhapaṭikkhepadassanañhetaṃ. Tenāha ‘‘no ca attato’’ti. Etena anattato abhivuṭṭhitassa ariyamaggassa vasena dukkhasacce pariññābhisamayaṃ āha, tadavinābhāvato pana itaresampi abhisamayānaṃ suppaṭivijjhatā vuttā eva hotīti daṭṭhabbaṃ. Keci pana ‘‘anatthakārakato pare nāma pañcupādānakkhandhāti ‘parato passantī’ti iminā visesato sabbopi sammadeva vutto’’ti vadanti. Paccabyādhiṃsūti paṭivijjhiṃsu.

    สตฺติยา วิย โอมโฎฺฐติ ปฐมคาถา ติสฺสเตฺถรํ อารพฺภ วุตฺตา, ทุติยา วฑฺฒมานเตฺถรํฯ ตา เหฎฺฐา วุตฺตตฺถาวฯ

    Sattiyāviya omaṭṭhoti paṭhamagāthā tissattheraṃ ārabbha vuttā, dutiyā vaḍḍhamānattheraṃ. Tā heṭṭhā vuttatthāva.

    โจทิโต ภาวิตเตฺตนาติ คาถา ปาสาทกมฺปนสุตฺตนฺตํ อารพฺภ วุตฺตาฯ ตตฺถ ภาวิตเตฺตน สรีรนฺติมธารินาติ ภควนฺตํ สนฺธาย วทติฯ

    Coditobhāvitattenāti gāthā pāsādakampanasuttantaṃ ārabbha vuttā. Tattha bhāvitattena sarīrantimadhārināti bhagavantaṃ sandhāya vadati.

    นยิทํ สิถิลมารพฺภาติอาทิกา เทฺว คาถา หีนวีริยํ เวทนามกํ ทหรภิกฺขุํ อารพฺภ วุตฺตาฯ ตตฺถ สิถิลมารพฺภาติ สิถิลํ กตฺวา วีริยํ อกตฺวาฯ อเปฺปน ถามสาติ อปฺปเกน วีริยพเลน นยิทํ นิพฺพานํ อธิคนฺตพฺพํ, มหเนฺตเนว ปน จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริเยน ปตฺตพฺพนฺติ อโตฺถฯ

    Nayidaṃ sithilamārabbhātiādikā dve gāthā hīnavīriyaṃ vedanāmakaṃ daharabhikkhuṃ ārabbha vuttā. Tattha sithilamārabbhāti sithilaṃ katvā vīriyaṃ akatvā. Appena thāmasāti appakena vīriyabalena nayidaṃ nibbānaṃ adhigantabbaṃ, mahanteneva pana catubbidhasammappadhānavīriyena pattabbanti attho.

    วิวรมนุปภนฺตีติอาทิกา เทฺว คาถา อตฺตโน วิเวกภาวํ อารพฺภ วุตฺตาฯ ตตฺถ พฺรหฺมุนา อภิวนฺทิโตติ มหาพฺรหฺมุนา สเทวเกน โลเกน จ อภิมุเขน หุตฺวา โถมิโต นมสฺสิโต จฯ

    Vivaramanupabhantītiādikā dve gāthā attano vivekabhāvaṃ ārabbha vuttā. Tattha brahmunā abhivanditoti mahābrahmunā sadevakena lokena ca abhimukhena hutvā thomito namassito ca.

    อุปสนฺตํ อุปรตนฺติอาทิกา ปญฺจ คาถา ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ มหากสฺสปเตฺถรํ ทิสฺวา ‘‘กาฬกณฺณี มยา ทิฎฺฐา’’ติ โอโลเกตฺวา ฐิตํ สาริปุตฺตเตฺถรสฺส ภาคิเนยฺยํ มิจฺฉาทิฎฺฐิพฺราหฺมณํ ทิสฺวา ตสฺส อนุกมฺปาย ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ มา นสฺสี’’ติ อริยูปวาทปฎิฆาตตฺถํ ‘‘เถรํ วนฺทาหี’’ติ ตํ อุโยฺยเชเนฺตน วุตฺตาฯ ตตฺถ ชาติสตํ คเจฺฉติ ชาตีนํ สตํ อุปคเจฺฉยฺยฯ โสตฺติโยติ โสตฺติยชาติโกฯ เวทสมฺปโนฺนติ ญาณสมฺปโนฺนฯ เอตสฺสาติ เถรสฺสฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – โย ปุคฺคโล อุทิโตทิตา อสมฺภินฺนา สตพฺราหฺมณชาติโย อนุปฎิปาฎิยา อุปฺปชฺชนวเสน อุปคเจฺฉยฺย, ตตฺถ จ พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสุ นิปฺผตฺติํ คโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สิยา พฺราหฺมณวตฺตญฺจ ปูเรโนฺต, ตเสฺสตํ วิชฺชาทิอนุฎฺฐานํ เอตสฺส มหากสฺสปเตฺถรสฺส วนฺทนาย วนฺทนามยปุญฺญสฺส โสฬสิํ กลํ นาคฺฆติ, วนฺทนามยปุญฺญเมว ตโต มหนฺตตรนฺติฯ

    Upasantaṃ uparatantiādikā pañca gāthā rājagahaṃ piṇḍāya pavisantaṃ mahākassapattheraṃ disvā ‘‘kāḷakaṇṇī mayā diṭṭhā’’ti oloketvā ṭhitaṃ sāriputtattherassa bhāgineyyaṃ micchādiṭṭhibrāhmaṇaṃ disvā tassa anukampāya ‘‘ayaṃ brāhmaṇo mā nassī’’ti ariyūpavādapaṭighātatthaṃ ‘‘theraṃ vandāhī’’ti taṃ uyyojentena vuttā. Tattha jātisataṃ gaccheti jātīnaṃ sataṃ upagaccheyya. Sottiyoti sottiyajātiko. Vedasampannoti ñāṇasampanno. Etassāti therassa. Ayañhettha saṅkhepattho – yo puggalo uditoditā asambhinnā satabrāhmaṇajātiyo anupaṭipāṭiyā uppajjanavasena upagaccheyya, tattha ca brāhmaṇānaṃ vijjāsu nipphattiṃ gato tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū siyā brāhmaṇavattañca pūrento, tassetaṃ vijjādianuṭṭhānaṃ etassa mahākassapattherassa vandanāya vandanāmayapuññassa soḷasiṃ kalaṃ nāgghati, vandanāmayapuññameva tato mahantataranti.

    อฎฺฐ วิโมกฺขานีติ รูปชฺฌานาทิเก อฎฺฐ วิโมเกฺขฯ ภาวนาวเสน หิ ลทฺธานิ รูปชฺฌานานิ ปจฺจนีกธเมฺมหิ สุฎฺฐุ วิมุตฺตตํ อภิรติวเสน อารมฺมเณ นิราสงฺคญฺจ ปวตฺติํ อุปาทาย ‘‘วิโมกฺขานี’’ติ วุจฺจนฺติฯ นิโรธสมาปตฺติ ปน ปจฺจนีกธเมฺมหิ วิมุตฺตตฺตา เอวฯ อิธ ปน ฌานเมว เวทิตพฺพํฯ อนุโลมํ ปฎิโลมนฺติ ปฐมชฺฌานโต ปฎฺฐาย ยาว เนวสญฺญานาสญฺญายตนา อนุโลมํ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนโต ปฎฺฐาย ยาว ปฐมชฺฌานา ปฎิโลมํฯ ปุเรภตฺตนฺติ ภตฺตกิจฺจโต ปุเรเยวฯ อผสฺสยีติ อเนกาการโวการา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิฯ ตโต ปิณฺฑาย คจฺฉตีติ ตโต สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย, ตโต วา สมาปตฺติสมาปชฺชิตโต ปจฺฉา อิทานิ ปิณฺฑาย คจฺฉตีติ ตทหุ ปวตฺตํ เถรสฺส ปฎิปตฺติํ สนฺธาย วทติฯ เถโร ปน ทิวเส ทิวเส ตเถว ปฎิปชฺชติฯ

    Aṭṭhavimokkhānīti rūpajjhānādike aṭṭha vimokkhe. Bhāvanāvasena hi laddhāni rūpajjhānāni paccanīkadhammehi suṭṭhu vimuttataṃ abhirativasena ārammaṇe nirāsaṅgañca pavattiṃ upādāya ‘‘vimokkhānī’’ti vuccanti. Nirodhasamāpatti pana paccanīkadhammehi vimuttattā eva. Idha pana jhānameva veditabbaṃ. Anulomaṃpaṭilomanti paṭhamajjhānato paṭṭhāya yāva nevasaññānāsaññāyatanā anulomaṃ, nevasaññānāsaññāyatanato paṭṭhāya yāva paṭhamajjhānā paṭilomaṃ. Purebhattanti bhattakiccato pureyeva. Aphassayīti anekākāravokārā samāpattiyo samāpajji. Tato piṇḍāya gacchatīti tato samāpattito vuṭṭhāya, tato vā samāpattisamāpajjitato pacchā idāni piṇḍāya gacchatīti tadahu pavattaṃ therassa paṭipattiṃ sandhāya vadati. Thero pana divase divase tatheva paṭipajjati.

    ตาทิสํ ภิกฺขุํ มาสาทีติ ยาทิสสฺส คุณา เอกเทเสน วุตฺตา, ตาทิสํ ตถารูปํ พุทฺธานุพุทฺธํ มหาขีณาสวํ ภิกฺขุํ มา อาสาเทหิฯ มาตฺตานํ ขณิ พฺราหฺมณาติ อาสาทเนน จ, พฺราหฺมณ, มา อตฺตานํ ขณิ, อริยูปวาเทน อตฺตโน กุสลธมฺมํ วา อุมฺมุเลหิฯ อภิปฺปสาเทหิ มนนฺติ ‘‘สาธุรูโป วต อยํ สมโณ’’ติ อตฺตโน จิตฺตํ ปสาเทหิฯ มา เต วิชฎิ มตฺถกนฺติ ตว มตฺถกํ ตสฺมิํ กเตน อปราเธน สตฺตธา มา ผลิฯ ตสฺมา ตสฺส ปฎิการตฺถํ ขิปฺปเมว ปญฺชลิโก วนฺทาติฯ พฺราหฺมโณ ตํ สุตฺวา ภีโต สํวิโคฺค โลมหฎฺฐชาโต ตาวเทว เถรํ ขมาเปสิฯ

    Tādisaṃbhikkhuṃ māsādīti yādisassa guṇā ekadesena vuttā, tādisaṃ tathārūpaṃ buddhānubuddhaṃ mahākhīṇāsavaṃ bhikkhuṃ mā āsādehi. Māttānaṃ khaṇi brāhmaṇāti āsādanena ca, brāhmaṇa, mā attānaṃ khaṇi, ariyūpavādena attano kusaladhammaṃ vā ummulehi. Abhippasādehi mananti ‘‘sādhurūpo vata ayaṃ samaṇo’’ti attano cittaṃ pasādehi. Mā te vijaṭi matthakanti tava matthakaṃ tasmiṃ katena aparādhena sattadhā mā phali. Tasmā tassa paṭikāratthaṃ khippameva pañjaliko vandāti. Brāhmaṇo taṃ sutvā bhīto saṃviggo lomahaṭṭhajāto tāvadeva theraṃ khamāpesi.

    เนโส ปสฺสตีติอาทิกา เทฺว คาถา โปฎฺฐิลํ นาม ภิกฺขุํ สมฺมา อปฎิปชฺชนฺตํ มิจฺฉาชีวกตํ ทิสฺวา โจทนาวเสน วุตฺตาฯ ตตฺถ เนโส ปสฺสติ สทฺธมฺมนฺติ เอโส โปฎฺฐิโล ภิกฺขุ สตํ พุทฺธาทีนํ ธมฺมํ มคฺคผลนิพฺพานํ น ปสฺสติฯ กสฺมา? สํสาเรน ปุรกฺขโต สํสารพนฺธนอวิชฺชาทินา ปุรกฺขโต อปาเยสุ นิพฺพตฺตนโต อโธคมํ เหฎฺฐาคามิํ มายาสาเฐยฺยานุคตตฺตา ชิมฺหปถํ มิจฺฉามคฺคภาวโต กุมฺมคฺคภูตํ มิจฺฉาชีวํ อนุธาวติ อนุปริวตฺตติฯ

    Neso passatītiādikā dve gāthā poṭṭhilaṃ nāma bhikkhuṃ sammā apaṭipajjantaṃ micchājīvakataṃ disvā codanāvasena vuttā. Tattha neso passati saddhammanti eso poṭṭhilo bhikkhu sataṃ buddhādīnaṃ dhammaṃ maggaphalanibbānaṃ na passati. Kasmā? Saṃsārena purakkhato saṃsārabandhanaavijjādinā purakkhato apāyesu nibbattanato adhogamaṃ heṭṭhāgāmiṃ māyāsāṭheyyānugatattā jimhapathaṃ micchāmaggabhāvato kummaggabhūtaṃ micchājīvaṃ anudhāvati anuparivattati.

    กิมีว มีฬฺหสลฺลิโตฺตติ คูถกิมี วิย มีเฬฺหน สมนฺตโต ลิโตฺต กิเลสาสุจิวิมิสฺสิเต สงฺขาเร อธิมุจฺฉิโต อชฺฌาปโนฺนฯ ปคาโฬฺห ลาภสกฺกาเรติ ลาเภ จ สกฺกาเร จ ตณฺหาวเสน ปการโต คาโฬฺห โอคาโฬฺหฯ ตุโจฺฉ คจฺฉติ โปฎฺฐิโลติ อธิสีลสิกฺขาภาวโต ตุโจฺฉ อสาโร หุตฺวา โปฎฺฐิโล ภิกฺขุ คจฺฉติ ปวตฺตติฯ

    Kimīva mīḷhasallittoti gūthakimī viya mīḷhena samantato litto kilesāsucivimissite saṅkhāre adhimucchito ajjhāpanno. Pagāḷho lābhasakkāreti lābhe ca sakkāre ca taṇhāvasena pakārato gāḷho ogāḷho. Tuccho gacchati poṭṭhiloti adhisīlasikkhābhāvato tuccho asāro hutvā poṭṭhilo bhikkhu gacchati pavattati.

    อิมญฺจ ปสฺสาติอาทิกา เทฺว คาถา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ปสํสเนฺตน วุตฺตาฯ ตตฺถ อิมญฺจ ปสฺสาติ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตเตฺถรํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อตฺตโน จิตฺตํ อาลปติฯ สุทสฺสนนฺติ อเสกฺขานํ สีลกฺขนฺธานเญฺจว ปาริปูริยา สาวกปารมีญาณสฺส จ ปาริปูริยา สุนฺทรทสฺสนํฯ วิมุตฺตํ อุภโตภาเคติ อุภโตภาคโต วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺตํ อุภโตภาเคติ อรูปสมาปตฺติยา รูปกายโต, มเคฺคน นามกายโต, ยถารหํ เตหิเยว วิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทภาเคหิ วิมุตฺตนฺติ อโตฺถฯ สพฺพโส ราคสลฺลาทีนํ อภาเวน วิสลฺลํ กามาทิโยคานํ สมฺมเทว ขีณตฺตา ขีณสํโยคํ สุปริสุทฺธสฺส วิชฺชาตฺตยสฺส อธิคตตฺตา เตวิชฺชํ มจฺจุราชสฺส ภญฺชิตตฺตา มจฺจุหายินํ ปสฺสาติ โยชนาฯ

    Imañcapassātiādikā dve gāthā āyasmantaṃ sāriputtaṃ pasaṃsantena vuttā. Tattha imañca passāti āyasmantaṃ sāriputtattheraṃ disvā pasannamānaso attano cittaṃ ālapati. Sudassananti asekkhānaṃ sīlakkhandhānañceva pāripūriyā sāvakapāramīñāṇassa ca pāripūriyā sundaradassanaṃ. Vimuttaṃ ubhatobhāgeti ubhatobhāgato vimuttattā ubhatobhāgavimuttaṃ ubhatobhāgeti arūpasamāpattiyā rūpakāyato, maggena nāmakāyato, yathārahaṃ tehiyeva vikkhambhanasamucchedabhāgehi vimuttanti attho. Sabbaso rāgasallādīnaṃ abhāvena visallaṃ kāmādiyogānaṃ sammadeva khīṇattā khīṇasaṃyogaṃ suparisuddhassa vijjāttayassa adhigatattā tevijjaṃ maccurājassa bhañjitattā maccuhāyinaṃ passāti yojanā.

    เอเต สมฺพหุลาติอาทิกา คาถา อายสฺมตา สาริปุตฺตเตฺถเรน มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรํ ปสํสเนฺตน วุตฺตาฯ ตตฺถ ปูชิโต นรเทเวนาติ นเรหิ จ เทเวหิ จ ปรมาย ปูชาย ปูชิโตฯ อุปฺปโนฺน มรณาภิภูติ โลเก อุปฺปโนฺน หุตฺวา มรณํ อภิภวิตฺวา ฐิโตฯ อถ วา ปูชิโต นรเทเวน สมฺมาสมฺพุเทฺธน การณภูเตน อริยาย ชาติยา อุปฺปโนฺนฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธ หิ ปฐมํ กมฺมุนา นโร มนุโสฺส หุตฺวา ปจฺฉาปิ อริยาย ชาติยา อุตฺตโม เทโว เทวาติเทโว อโหสิ, ตสฺมา ‘‘นรเทโว’’ติ วุจฺจติฯ ปูชิโต นรเทเวน ภควตา ปสํสาวเสน อุปฺปโนฺน มรณาภิภูเต โลเก อุปฺปโนฺน หุตฺวา มรณาภิภู มจฺจุหายีฯ ปุณฺฑรีกํว โตเยน อุทเกน ปุณฺฑรีกํ วิย สงฺขารคเต ตณฺหาทิฎฺฐิเลเปน น อุปลิมฺปติ, กตฺถจิปิ อนิสฺสิโตติ อโตฺถฯ

    Ete sambahulātiādikā gāthā āyasmatā sāriputtattherena mahāmoggallānattheraṃ pasaṃsantena vuttā. Tattha pūjito naradevenāti narehi ca devehi ca paramāya pūjāya pūjito. Uppanno maraṇābhibhūti loke uppanno hutvā maraṇaṃ abhibhavitvā ṭhito. Atha vā pūjito naradevena sammāsambuddhena kāraṇabhūtena ariyāya jātiyā uppanno. Sammāsambuddho hi paṭhamaṃ kammunā naro manusso hutvā pacchāpi ariyāya jātiyā uttamo devo devātidevo ahosi, tasmā ‘‘naradevo’’ti vuccati. Pūjito naradevena bhagavatā pasaṃsāvasena uppanno maraṇābhibhūte loke uppanno hutvā maraṇābhibhū maccuhāyī. Puṇḍarīkaṃva toyena udakena puṇḍarīkaṃ viya saṅkhāragate taṇhādiṭṭhilepena na upalimpati, katthacipi anissitoti attho.

    ยสฺสาติ เยนฯ มุหุเตฺตติ ขณมเตฺต กาเลฯ สหสฺสธาติ สหสฺสปกาโรฯ โลโกติ โอกาสโลโกฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – เยน มหิทฺธิเกน อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน สหสฺสิโลกธาตุ ขเณเนว สมฺมเทว วิทิโต, ปจฺจกฺขโต ญาโต สพฺรหฺมกโปฺป มหาพฺรหฺมสทิโส อาวชฺชนาทิวสีภาวปฺปตฺติยา อิทฺธิสมฺปทาย จุตูปปาเต จ วสีฯ กาเล ปสฺสตีติ ตทนุรูเป กาเล ทิเพฺพน จกฺขุนา เทวตา ปสฺสตีติฯ

    Yassāti yena. Muhutteti khaṇamatte kāle. Sahassadhāti sahassapakāro. Lokoti okāsaloko. Ayañhettha attho – yena mahiddhikena āyasmatā mahāmoggallānena sahassilokadhātu khaṇeneva sammadeva vidito, paccakkhato ñāto sabrahmakappo mahābrahmasadiso āvajjanādivasībhāvappattiyā iddhisampadāya cutūpapāte ca vasī. Kāle passatīti tadanurūpe kāle dibbena cakkhunā devatā passatīti.

    สาริปุโตฺตวาติอาทิกา คาถา อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน อตฺตโน คุเณ ปกาเสเนฺตน วุตฺตาฯ ตตฺถ สาริปุโตฺตวาติ คาถาย อยํ สเงฺขปโตฺถ – ปญฺญาย ปญฺญาสมฺปทาย, สีเลน สีลสมฺปตฺติยา, อุปสเมน กิเลสวูปสเมน, โย ภิกฺขุ ปารงฺคโต ปารํ ปริยนฺตํ อุกฺกํสํ คโต โส สาริปุโตฺต สาวเกหิ ปญฺญาทีหิ คุเณหิ ปรมุกฺกํสคโตฯ ปญฺญาย สีเลน หิ ปรมุกฺกํสคโตฯ เอตาวปรโม สิยา เอตปรโม เอว, นตฺถิ ตโต อุตฺตรีติฯ อิมํ ปน เถโร ยถา สาริปุโตฺต ปญฺญาย อุตฺตโม, ตถา อหํ สมาธินา อุตฺตโมติ ทีเปตุํ อโวจฯ เตเนวาห ‘‘โกฎิสตสหสฺสสฺสา’’ติอาทิฯ

    Sāriputtovātiādikā gāthā āyasmatā mahāmoggallānena attano guṇe pakāsentena vuttā. Tattha sāriputtovāti gāthāya ayaṃ saṅkhepattho – paññāya paññāsampadāya, sīlena sīlasampattiyā, upasamena kilesavūpasamena, yo bhikkhu pāraṅgato pāraṃ pariyantaṃ ukkaṃsaṃ gato so sāriputto sāvakehi paññādīhi guṇehi paramukkaṃsagato. Paññāya sīlena hi paramukkaṃsagato. Etāvaparamo siyā etaparamo eva, natthi tato uttarīti. Imaṃ pana thero yathā sāriputto paññāya uttamo, tathā ahaṃ samādhinā uttamoti dīpetuṃ avoca. Tenevāha ‘‘koṭisatasahassassā’’tiādi.

    ตตฺถ ขเณน นิมฺมิเนติ ขเณเนว โกฎิสตสหสฺสอตฺตภาวํ นิมฺมิเนยฺย นิมฺมิตุํ สมโตฺถฯ ตสฺส นิมฺมินเน น มยฺหํ ภาโร อตฺถิฯ วิกุพฺพนาสุ กุสโล, วสีภูโตมฺหิ อิทฺธิยาติ น เกวลํ มโนมยวิกุพฺพนาสุ เอว, สพฺพายปิ อิทฺธิยา วสีภาวปฺปโตฺต อมฺหิฯ

    Tattha khaṇena nimmineti khaṇeneva koṭisatasahassaattabhāvaṃ nimmineyya nimmituṃ samattho. Tassa nimminane na mayhaṃ bhāro atthi. Vikubbanāsu kusalo, vasībhūtomhi iddhiyāti na kevalaṃ manomayavikubbanāsu eva, sabbāyapi iddhiyā vasībhāvappatto amhi.

    สมาธิวิชฺชาวสิปารมีคโตติ สวิตกฺกสวิจาราทิสมาธีสุ เจว ปุเพฺพนิวาสญาณาทิวิชฺชาสุ จ วสีภาเวน ปารมิํ โกฎิํ ปโตฺต อสิฯ ตสฺส ตณฺหานิสฺสยาทิรหิตสฺส สตฺถุ สาสเน ยถาวุเตฺตหิ คุเณหิ อุกฺกํสคโตฯ ธิติสมฺปนฺนตาย ธีโร, โมคฺคลฺลานโคโตฺต โมคฺคลฺลาโน, สุฎฺฐุ ฐปิตอินฺทฺริยตาย สมาหิตินฺทฺริโย, ยถา หตฺถินาโค ปูติลตาพนฺธนํ สุเขเนว ฉินฺทติ, เอวํ สกลํ กิเลสพนฺธนํ สมุจฺฉินฺทิ เอวาติฯ

    Samādhivijjāvasipāramīgatoti savitakkasavicārādisamādhīsu ceva pubbenivāsañāṇādivijjāsu ca vasībhāvena pāramiṃ koṭiṃ patto asi. Tassa taṇhānissayādirahitassa satthu sāsane yathāvuttehi guṇehi ukkaṃsagato. Dhitisampannatāya dhīro, moggallānagotto moggallāno, suṭṭhu ṭhapitaindriyatāya samāhitindriyo, yathā hatthināgo pūtilatābandhanaṃ sukheneva chindati, evaṃ sakalaṃ kilesabandhanaṃ samucchindi evāti.

    กีทิโส นิรโย อาสีติอาทโย คาถา โกฎฺฐํ อนุปวิสิตฺวา นิกฺขมิตฺวา ฐิตมารํ ตเชฺชเนฺตน เถเรน วุตฺตาฯ ตตฺถ กีทิโสติ กิํปกาโรฯ ยตฺถ ทุสฺสีติ ยสฺมิํ นิรเย ‘‘ทุสฺสี’’ติ เอวํนาโม มาโรฯ อปจฺจถาติ นิรยคฺคินา อปจฺจิฯ วิธุรํ สาวกนฺติ วิธุรํ นาม กกุสนฺธสฺส ภควโต อคฺคสาวกํฯ อาสชฺชาติ ฆฎฺฎยิตฺวา พาธิตฺวาฯ กกุสนฺธญฺจ พฺราหฺมณนฺติ กกุสนฺธญฺจ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อาสชฺชาติ อโตฺถฯ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส กุมารํ อาวิสิตฺวา มาเรน ขิตฺตา สกฺขรา เถรสฺส สีเส ปติฯ

    Kīdisonirayo āsītiādayo gāthā koṭṭhaṃ anupavisitvā nikkhamitvā ṭhitamāraṃ tajjentena therena vuttā. Tattha kīdisoti kiṃpakāro. Yattha dussīti yasmiṃ niraye ‘‘dussī’’ti evaṃnāmo māro. Apaccathāti nirayagginā apacci. Vidhuraṃ sāvakanti vidhuraṃ nāma kakusandhassa bhagavato aggasāvakaṃ. Āsajjāti ghaṭṭayitvā bādhitvā. Kakusandhañca brāhmaṇanti kakusandhañca sammāsambuddhaṃ āsajjāti attho. Bhagavantaṃ uddissa kumāraṃ āvisitvā mārena khittā sakkharā therassa sīse pati.

    สตํ อาสิ อโยสงฺกูติ ตสฺมิํ กิร นิรเย อุปปนฺนานํ ติคาวุโต อตฺตภาโว โหติ, ทุสฺสีมารสฺสาปิ ตาทิโสว อโหสิฯ อถ นิรยปาลา ตาลกฺขนฺธปฺปมาณานํ อโยสูลานํ อาทิตฺตานํ สมฺปชฺชลิตานํ สโชติภูตานํ สตเมว คเหตฺวา ‘‘อิมสฺมิํว เต ฐาเน ฐิเตน หทเยน จิเนฺตตฺวา ปาปํ กต’’นฺติ สุธาโทณิยํ สุธํ โกเฎฺฎนฺตา วิย หทยมชฺฌํ โกเฎฺฎตฺวา ปณฺณาส ชนา ปาทาภิมุขา, ปณฺณาส ชนา สีสาภิมุขา โกเฎฺฎนฺตา คจฺฉนฺติ, เอวํ คจฺฉนฺตา จ ปญฺจหิ วสฺสสเตหิ อุโภ อเนฺต ปตฺวา ปุน นิวตฺตมานา ปญฺจหิ วสฺสสเตหิ หทยมชฺฌํ อุปคจฺฉนฺติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สตํ อาสิ อโยสงฺกู’’ติฯ สเพฺพ ปจฺจตฺตเวทนาติ สยเมว ปาฎิเยกฺกเวทนาชนกาฯ สา กิร เวทนา มหานิรยเวทนาโต ทุกฺขตรา โหติ, ยถา หิ สิเนหปานสตฺตาหโต ปริหารสตฺตาหํ ทุกฺขตรํ, เอวํ มหานิรยทุกฺขโต อุสฺสเท วุฎฺฐานเวทนา ทุกฺขตราฯ อีทิโส นิรโย อาสีติ อิมสฺมิํ ฐาเน เทวทูตสุเตฺตน (อ. นิ. ๓.๓๖; ม. นิ. ๓.๒๖๑) นิรโย ทีเปตโพฺพฯ

    Sataṃ āsi ayosaṅkūti tasmiṃ kira niraye upapannānaṃ tigāvuto attabhāvo hoti, dussīmārassāpi tādisova ahosi. Atha nirayapālā tālakkhandhappamāṇānaṃ ayosūlānaṃ ādittānaṃ sampajjalitānaṃ sajotibhūtānaṃ satameva gahetvā ‘‘imasmiṃva te ṭhāne ṭhitena hadayena cintetvā pāpaṃ kata’’nti sudhādoṇiyaṃ sudhaṃ koṭṭentā viya hadayamajjhaṃ koṭṭetvā paṇṇāsa janā pādābhimukhā, paṇṇāsa janā sīsābhimukhā koṭṭentā gacchanti, evaṃ gacchantā ca pañcahi vassasatehi ubho ante patvā puna nivattamānā pañcahi vassasatehi hadayamajjhaṃ upagacchanti, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘sataṃ āsi ayosaṅkū’’ti. Sabbe paccattavedanāti sayameva pāṭiyekkavedanājanakā. Sā kira vedanā mahānirayavedanāto dukkhatarā hoti, yathā hi sinehapānasattāhato parihārasattāhaṃ dukkhataraṃ, evaṃ mahānirayadukkhato ussade vuṭṭhānavedanā dukkhatarā. Īdiso nirayo āsīti imasmiṃ ṭhāne devadūtasuttena (a. ni. 3.36; ma. ni. 3.261) nirayo dīpetabbo.

    โย เอตมภิชานาตีติ โย มหาภิโญฺญ เอตํ กมฺมผลญฺจ หตฺถตเล ฐปิตอามลกํ วิย อภิมุขํ กตฺวา ปจฺจกฺขโต ชานาติฯ ภิกฺขุ พุทฺธสฺส สาวโกติ ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวโกฯ กณฺห, ทุกฺขํ นิคจฺฉสีติ เอกนฺตกาฬเกหิ ปาปธเมฺมหิ สมนฺนาคตตฺตา, กณฺห มาร, ทุกฺขํ วินฺทิสฺสสิฯ

    Yo etamabhijānātīti yo mahābhiñño etaṃ kammaphalañca hatthatale ṭhapitaāmalakaṃ viya abhimukhaṃ katvā paccakkhato jānāti. Bhikkhu buddhassa sāvakoti bhinnakileso bhikkhu sammāsambuddhassa sāvako. Kaṇha, dukkhaṃ nigacchasīti ekantakāḷakehi pāpadhammehi samannāgatattā, kaṇha māra, dukkhaṃ vindissasi.

    มเชฺฌสรสฺมินฺติ มหาสมุทฺทสฺส มเชฺฌ กิร อุทกํ วตฺถุํ กตฺวา นิพฺพตฺตวิมานานิ กปฺปฎฺฐิติกานิ โหนฺติฯ เตนาห ‘‘วิมานา กปฺปฐายิโน’’ติฯ เตสํ เวฬุริยสฺส วิย วโณฺณ โหติ, ปพฺพตมตฺถเก ชลิตนฬคฺคิขโนฺธ วิย จ เอเตสํ อจฺจิโย โชตนฺติ, เตน เต อติวิย ปภสฺสรา ปภาสมฺปนฺนา โหนฺติฯ เตนาห ‘‘เวฬุริยวณฺณา รุจิรา, อจฺจิมโนฺต ปภสฺสรา’’ติฯ ปุถุ นานตฺตวณฺณิโยติ นีลาทิวเสน นานตฺตวณฺณา พหู อจฺฉรา ตตฺถ เตสุ วิมาเนสุ นจฺจนฺติฯ

    Majjhesarasminti mahāsamuddassa majjhe kira udakaṃ vatthuṃ katvā nibbattavimānāni kappaṭṭhitikāni honti. Tenāha ‘‘vimānā kappaṭhāyino’’ti. Tesaṃ veḷuriyassa viya vaṇṇo hoti, pabbatamatthake jalitanaḷaggikhandho viya ca etesaṃ acciyo jotanti, tena te ativiya pabhassarā pabhāsampannā honti. Tenāha ‘‘veḷuriyavaṇṇā rucirā, accimanto pabhassarā’’ti. Puthunānattavaṇṇiyoti nīlādivasena nānattavaṇṇā bahū accharā tattha tesu vimānesu naccanti.

    โย เอตมภิชานาตีติ โย เอตํ วิมานํ วตฺถุํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ชานาติฯ อยญฺหิ อโตฺถ วิมานเปตวตฺถูหิ ทีเปตโพฺพฯ

    Yo etamabhijānātīti yo etaṃ vimānaṃ vatthuṃ paccakkhaṃ katvā jānāti. Ayañhi attho vimānapetavatthūhi dīpetabbo.

    พุเทฺธน โจทิโตติ สมฺมาสมฺพุเทฺธน โจทิโต อุโยฺยชิโตฯ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เปกฺขโตติ มหโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปสฺสนฺตสฺสฯ มิคารมาตุปาสาทํ ปาทงฺคุเฎฺฐน กมฺปยีติ (ม. นิ. ๑.๕๑๓) ปุพฺพาราเม วิสาขาย มหาอุปาสิกาย การิตํ สหสฺสคพฺภปฎิมณฺฑิตํ มหาปาสาทํ อตฺตโน ปาทงฺคุเฎฺฐน กเมฺปสิํฯ เอกสฺมิญฺหิ สมเย ปุพฺพาราเม ยถาวุตฺตปาสาเท ภควติ วิหรเนฺต สมฺพหุลา นวกตรา ภิกฺขู อุปริปาสาเท นิสินฺนา สตฺถารมฺปิ อจิเนฺตตฺวา ติรจฺฉานกถํ กเถตุมารทฺธา, ตํ สุตฺวา ภควา เต สํเวเชตฺวา อตฺตโน ธมฺมเทสนาย ภาชนภูเต กาตุกาโม อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรํ อามเนฺตสิ – ‘‘ปสฺสสิ ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, นเว ภิกฺขู ติรจฺฉานกถมนุยุเตฺต’’ติฯ ตํ สุตฺวา เถโร สตฺถุ อชฺฌาสยํ ญตฺวา อภิญฺญาปาทกํ อาโปกสิณารมฺมณํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ‘‘ปาสาทสฺส ปติฎฺฐิโตกาสํ อุทกํ โหตู’’ติ อธิฎฺฐาย ปาสาทมตฺถเก ถูปิกํ ปาทงฺคุเฎฺฐน ปหริ, ปาสาโท โอนมิตฺวา เอเกน ปเสฺสน อฎฺฐาสิฯ ปุนปิ ปหริ, อปเรน ปเสฺสน อฎฺฐาสิฯ เต ภิกฺขู ภีตา สํวิคฺคา ปาสาทสฺส ปตนภเยน ตโต นิกฺขมิตฺวา ภควโต สมีเป อฎฺฐํสุฯ สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ธมฺมํ เทเสติฯ ตํ สุตฺวา เตสุ เกจิ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิํสุ, เกจิ สกทาคามิผเล, เกจิ อนาคามิผเล, เกจิ อรหตฺตผเล ปติฎฺฐหิํสุฯ สฺวายมโตฺถ ปาสาทกมฺปนสุเตฺตน ทีเปตโพฺพฯ

    Buddhena coditoti sammāsambuddhena codito uyyojito. Bhikkhusaṅghassa pekkhatoti mahato bhikkhusaṅghassa passantassa. Migāramātupāsādaṃ pādaṅguṭṭhena kampayīti (ma. ni. 1.513) pubbārāme visākhāya mahāupāsikāya kāritaṃ sahassagabbhapaṭimaṇḍitaṃ mahāpāsādaṃ attano pādaṅguṭṭhena kampesiṃ. Ekasmiñhi samaye pubbārāme yathāvuttapāsāde bhagavati viharante sambahulā navakatarā bhikkhū uparipāsāde nisinnā satthārampi acintetvā tiracchānakathaṃ kathetumāraddhā, taṃ sutvā bhagavā te saṃvejetvā attano dhammadesanāya bhājanabhūte kātukāmo āyasmantaṃ mahāmoggallānattheraṃ āmantesi – ‘‘passasi tvaṃ, moggallāna, nave bhikkhū tiracchānakathamanuyutte’’ti. Taṃ sutvā thero satthu ajjhāsayaṃ ñatvā abhiññāpādakaṃ āpokasiṇārammaṇaṃ catutthajjhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya ‘‘pāsādassa patiṭṭhitokāsaṃ udakaṃ hotū’’ti adhiṭṭhāya pāsādamatthake thūpikaṃ pādaṅguṭṭhena pahari, pāsādo onamitvā ekena passena aṭṭhāsi. Punapi pahari, aparena passena aṭṭhāsi. Te bhikkhū bhītā saṃviggā pāsādassa patanabhayena tato nikkhamitvā bhagavato samīpe aṭṭhaṃsu. Satthā tesaṃ ajjhāsayaṃ oloketvā dhammaṃ deseti. Taṃ sutvā tesu keci sotāpattiphale patiṭṭhahiṃsu, keci sakadāgāmiphale, keci anāgāmiphale, keci arahattaphale patiṭṭhahiṃsu. Svāyamattho pāsādakampanasuttena dīpetabbo.

    เวชยนฺตปาสาทนฺติ โส เวชยนฺตปาสาโท ตาวติํสภวเน โยชนสหสฺสุเพฺพโธ อเนกสหสฺสนิยฺยูหกูฎาคารปฎิมณฺฑิโต เทวาสุรสงฺคาเม อสุเร ชินิตฺวา สเกฺก เทวานมิเนฺท นครมเชฺฌ ฐิเต อุฎฺฐิโต วิชยเนฺตน นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘เวชยโนฺต’’ติ ลทฺธนาโม ปาสาโท, ตํ สนฺธายาห ‘‘เวชยนฺตปาสาท’’นฺติฯ ตมฺปิ หิ อยํ เถโร ปาทงฺคุเฎฺฐน กเมฺปสิฯ เอกสฺมิญฺหิ สมเย ภควนฺตํ ปุพฺพาราเม วิหรนฺตํ สโกฺก เทวราชา อุปสงฺกมิตฺวา ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติํ ปุจฺฉิฯ ตสฺส ภควา วิสฺสเชฺชติฯ โส ตํ สุตฺวา อตฺตมโน ปมุทิโต อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา อตฺตโน เทวโลกเมว คโตฯ อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ สโกฺก ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวรูปํ คมฺภีรํ นิพฺพานปฎิสํยุตฺตํ ปญฺหํ ปุจฺฉิ, ภควตา จ ปโญฺห วิสฺสชฺชิโต, กินฺนุ โข ชานิตฺวา คโต, อุทาหุ อชานิตฺวา? ยํนูนาหํ เทวโลกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ ชาเนยฺย’’นฺติฯ โส ตาวเทว ตาวติํสภวนํ คนฺตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ตมตฺถํ ปุจฺฉิฯ สโกฺก ทิพฺพสมฺปตฺติยา ปมโตฺต หุตฺวา วิเกฺขปํ อกาสิฯ เถโร ตสฺส สํเวคชนนตฺถํ เวชยนฺตปาสาทํ ปาทงฺคุเฎฺฐน กเมฺปสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Vejayantapāsādanti so vejayantapāsādo tāvatiṃsabhavane yojanasahassubbedho anekasahassaniyyūhakūṭāgārapaṭimaṇḍito devāsurasaṅgāme asure jinitvā sakke devānaminde nagaramajjhe ṭhite uṭṭhito vijayantena nibbattattā ‘‘vejayanto’’ti laddhanāmo pāsādo, taṃ sandhāyāha ‘‘vejayantapāsāda’’nti. Tampi hi ayaṃ thero pādaṅguṭṭhena kampesi. Ekasmiñhi samaye bhagavantaṃ pubbārāme viharantaṃ sakko devarājā upasaṅkamitvā taṇhāsaṅkhayavimuttiṃ pucchi. Tassa bhagavā vissajjeti. So taṃ sutvā attamano pamudito abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā attano devalokameva gato. Athāyasmā mahāmoggallāno evaṃ cintesi – ‘‘ayaṃ sakko bhagavantaṃ upasaṅkamitvā evarūpaṃ gambhīraṃ nibbānapaṭisaṃyuttaṃ pañhaṃ pucchi, bhagavatā ca pañho vissajjito, kinnu kho jānitvā gato, udāhu ajānitvā? Yaṃnūnāhaṃ devalokaṃ gantvā tamatthaṃ jāneyya’’nti. So tāvadeva tāvatiṃsabhavanaṃ gantvā sakkaṃ devānamindaṃ tamatthaṃ pucchi. Sakko dibbasampattiyā pamatto hutvā vikkhepaṃ akāsi. Thero tassa saṃvegajananatthaṃ vejayantapāsādaṃ pādaṅguṭṭhena kampesi. Tena vuttaṃ –

    ‘‘โย เวชยนฺตปาสาทํ, ปาทงฺคุเฎฺฐน กมฺปยิ;

    ‘‘Yo vejayantapāsādaṃ, pādaṅguṭṭhena kampayi;

    อิทฺธิพเลนุปตฺถโทฺธ, สํเวเชสิ จ เทวตา’’ติฯ (ม. นิ. ๑.๕๑๓)

    Iddhibalenupatthaddho, saṃvejesi ca devatā’’ti. (ma. ni. 1.513)

    อยํ ปนโตฺถ จูฬตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติสุเตฺตน (ม. นิ. ๑.๓๙๐ อาทโย) ทีเปตโพฺพฯ กมฺปิตากาโร เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ

    Ayaṃ panattho cūḷataṇhāsaṅkhayavimuttisuttena (ma. ni. 1.390 ādayo) dīpetabbo. Kampitākāro heṭṭhā vuttoyeva.

    สกฺกํ โส ปริปุจฺฉตีติ ยถาวุตฺตเมว เถรสฺส ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติปุจฺฉํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘อปิ, อาวุโส, ชานาสิ, ตณฺหกฺขยวิมุตฺติโย’’ติฯ ตสฺส สโกฺก วิยากาสีติ อิทํ เถเรน ปาสาทกมฺปเน กเต สํวิคฺคหทเยน ปมาทํ ปหาย โยนิโส มนสิ กริตฺวา ปญฺหสฺส พฺยากตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ สตฺถารา เทสิตนิยาเมเนว หิ โส ตทา กเถสิฯ เตนาห ‘‘ปญฺหํ ปุโฎฺฐ ยถาตถ’’นฺติฯ ตตฺถ สกฺกํ โส ปริปุจฺฉตีติ สกฺกํ เทวราชํ โส โมคฺคลฺลานเตฺถโร สตฺถารา เทสิตาย ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติยา สมฺมเทว คหิตภาวํ ปุจฺฉิฯ อตีตเตฺถ หิ อิทํ วตฺตมานวจนํฯ อปิ, อาวุโส, ชานาสีติ, อาวุโส, อปิ ชานาสิ, กิํ ชานาสิ? ตณฺหกฺขยวิมุตฺติโยติ ยถา ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติโย สตฺถารา ตุยฺหํ เทสิตา, ตถา กิํ ชานาสีติ ปุจฺฉิฯ ตณฺหกฺขยวิมุตฺติโยติ วา ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติสุตฺตสฺส เทสนํ ปุจฺฉติฯ

    Sakkaṃ so paripucchatīti yathāvuttameva therassa taṇhāsaṅkhayavimuttipucchaṃ sandhāya vuttaṃ. Tenāha ‘‘api, āvuso, jānāsi, taṇhakkhayavimuttiyo’’ti. Tassa sakko viyākāsīti idaṃ therena pāsādakampane kate saṃviggahadayena pamādaṃ pahāya yoniso manasi karitvā pañhassa byākatabhāvaṃ sandhāya vuttaṃ. Satthārā desitaniyāmeneva hi so tadā kathesi. Tenāha ‘‘pañhaṃ puṭṭho yathātatha’’nti. Tattha sakkaṃ so paripucchatīti sakkaṃ devarājaṃ so moggallānatthero satthārā desitāya taṇhāsaṅkhayavimuttiyā sammadeva gahitabhāvaṃ pucchi. Atītatthe hi idaṃ vattamānavacanaṃ. Api, āvuso, jānāsīti, āvuso, api jānāsi, kiṃ jānāsi? Taṇhakkhayavimuttiyoti yathā taṇhāsaṅkhayavimuttiyo satthārā tuyhaṃ desitā, tathā kiṃ jānāsīti pucchi. Taṇhakkhayavimuttiyoti vā taṇhāsaṅkhayavimuttisuttassa desanaṃ pucchati.

    พฺรหฺมานนฺติ มหาพฺรหฺมานํฯ สุธมฺมายํ ฐิโต สภนฺติ สุธมฺมาย สภายฯ อยํ ปน พฺรหฺมโลเก สุธมฺมสภาว, น ตาวติํสภวเน, สุธมฺมสภาวิรหิโต เทวโลโก นาม นตฺถิฯ อชฺชาปิ ตฺยาวุโส, สา ทิฎฺฐิ, ยา เต ทิฎฺฐิ ปุเร อหูติ อิมํ พฺรหฺมโลกํ อุปคนฺตุํ สมโตฺถ นตฺถิ โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา, สตฺถุ อิธาคมนโต ปุเพฺพ ยา ตุยฺหํ ทิฎฺฐิ อโหสิ, กิํ อชฺชาปิ อิทานิปิ สา ทิฎฺฐิ น วิคตาติ? ปสฺสสิ วีติวตฺตนฺตํ, พฺรหฺมโลเก ปภสฺสรนฺติ พฺรหฺมโลเก วีติปตนฺตํ มหากปฺปินมหากสฺสปาทีหิ สาวเกหิ ปริวาริตสฺส เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺนสฺส สสาวกสฺส ภควโต โอภาสํ ปสฺสสีติ อโตฺถฯ เอกสฺมิญฺหิ สมเย ภควา พฺรหฺมโลเก สุธมฺมาย สภาย สนฺนิปติตฺวา สนฺนิสินฺนสฺส – ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํมหิทฺธิโก, โย อิธ อาคนฺตุํ สกฺกุเณยฺยา’’ติ จิเนฺตนฺตสฺส พฺรหฺมุโน จิตฺตมญฺญาย ตตฺถ คนฺตฺวา พฺรหฺมุโน มตฺถเก อากาเส นิสิโนฺน เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา โอภาสํ มุญฺจโนฺต มหาโมคฺคลฺลานาทีนํ อาคมนํ จิเนฺตสิฯ สห จินฺตเนน เตปิ ตตฺถ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สตฺถุ อชฺฌาสยํ ญตฺวา เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปเจฺจกทิสาสุ นิสีทิตฺวา โอภาสํ วิสฺสชฺชิตฺวา สกลพฺรหฺมโลโก เอโกภาโส อโหสิฯ สตฺถา พฺรหฺมุโน กลฺลจิตฺตตํ ญตฺวา จตุสจฺจปกาสนํ ธมฺมํ เทเสสิฯ เทสนาปริโยสาเน อเนกานิ พฺรหฺมสหสฺสานิ มคฺคผเลสุ ปติฎฺฐหิํสุ, ตํ สนฺธาย โจเทโนฺต ‘‘อชฺชาปิ ตฺยาวุโส, สา ทิฎฺฐี’’ติ คาถมาหฯ อยํ ปนโตฺถ พกพฺรหฺมสุเตฺตน ทีเปตโพฺพฯ วุตฺตเญฺหตํ (สํ. นิ. ๑.๑๗๖) –

    Brahmānanti mahābrahmānaṃ. Sudhammāyaṃ ṭhito sabhanti sudhammāya sabhāya. Ayaṃ pana brahmaloke sudhammasabhāva, na tāvatiṃsabhavane, sudhammasabhāvirahito devaloko nāma natthi. Ajjāpi tyāvuso, sā diṭṭhi, yā te diṭṭhi pure ahūti imaṃ brahmalokaṃ upagantuṃ samattho natthi koci samaṇo vā brāhmaṇo vā, satthu idhāgamanato pubbe yā tuyhaṃ diṭṭhi ahosi, kiṃ ajjāpi idānipi sā diṭṭhi na vigatāti? Passasi vītivattantaṃ, brahmaloke pabhassaranti brahmaloke vītipatantaṃ mahākappinamahākassapādīhi sāvakehi parivāritassa tejodhātuṃ samāpajjitvā nisinnassa sasāvakassa bhagavato obhāsaṃ passasīti attho. Ekasmiñhi samaye bhagavā brahmaloke sudhammāya sabhāya sannipatitvā sannisinnassa – ‘‘atthi nu kho koci samaṇo vā brāhmaṇo vā evaṃmahiddhiko, yo idha āgantuṃ sakkuṇeyyā’’ti cintentassa brahmuno cittamaññāya tattha gantvā brahmuno matthake ākāse nisinno tejodhātuṃ samāpajjitvā obhāsaṃ muñcanto mahāmoggallānādīnaṃ āgamanaṃ cintesi. Saha cintanena tepi tattha gantvā satthāraṃ vanditvā satthu ajjhāsayaṃ ñatvā tejodhātuṃ samāpajjitvā paccekadisāsu nisīditvā obhāsaṃ vissajjitvā sakalabrahmaloko ekobhāso ahosi. Satthā brahmuno kallacittataṃ ñatvā catusaccapakāsanaṃ dhammaṃ desesi. Desanāpariyosāne anekāni brahmasahassāni maggaphalesu patiṭṭhahiṃsu, taṃ sandhāya codento ‘‘ajjāpi tyāvuso, sā diṭṭhī’’ti gāthamāha. Ayaṃ panattho bakabrahmasuttena dīpetabbo. Vuttañhetaṃ (saṃ. ni. 1.176) –

    ‘‘เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส พฺรหฺมุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา, โย อิธ อาคเจฺฉยฺยา’ติฯ อถ โข ภควา ตสฺส พฺรหฺมุโน เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมว เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมิํ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิฯ อถ โข ภควา ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลเงฺกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวาฯ

    ‘‘Ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena aññatarassa brahmuno evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ hoti – ‘natthi so samaṇo vā brāhmaṇo vā, yo idha āgaccheyyā’ti. Atha kho bhagavā tassa brahmuno cetasā cetoparivitakkamaññāya seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evameva jetavane antarahito tasmiṃ brahmaloke pāturahosi. Atha kho bhagavā tassa brahmuno upari vehāsaṃ pallaṅkena nisīdi tejodhātuṃ samāpajjitvā.

    ‘‘อถ โข อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส เอตทโหสิ – ‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’ติ? อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควนฺตํ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลเงฺกน นิสินฺนํ เตโชธาตุํ สมาปนฺนํฯ ทิสฺวาน เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมว เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมิํ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิฯ อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปุรตฺถิมํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลเงฺกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโตฯ

    ‘‘Atha kho āyasmato mahāmoggallānassa etadahosi – ‘kahaṃ nu kho bhagavā etarahi viharatī’ti? Addasā kho āyasmā mahāmoggallāno bhagavantaṃ dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena tassa brahmuno uparivehāsaṃ pallaṅkena nisinnaṃ tejodhātuṃ samāpannaṃ. Disvāna seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evameva jetavane antarahito tasmiṃ brahmaloke pāturahosi. Atha kho āyasmā mahāmoggallāno puratthimaṃ disaṃ nissāya tassa brahmuno uparivehāsaṃ pallaṅkena nisīdi tejodhātuṃ samāpajjitvā nīcataraṃ bhagavato.

    ‘‘อถ โข อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส เอตทโหสิ – ‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’ติ? อทฺทสา โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภควนฺตํ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลเงฺกน นิสินฺนํ เตโชธาตุํ สมาปนฺนํฯ ทิสฺวาน เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป.… เอวเมว เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมิํ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ทกฺขิณํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลเงฺกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโตฯ

    ‘‘Atha kho āyasmato mahākassapassa etadahosi – ‘kahaṃ nu kho bhagavā etarahi viharatī’ti? Addasā kho āyasmā mahākassapo bhagavantaṃ dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena tassa brahmuno uparivehāsaṃ pallaṅkena nisinnaṃ tejodhātuṃ samāpannaṃ. Disvāna seyyathāpi nāma balavā puriso…pe… evameva jetavane antarahito tasmiṃ brahmaloke pāturahosi. Atha kho āyasmā mahākassapo dakkhiṇaṃ disaṃ nissāya tassa brahmuno uparivehāsaṃ pallaṅkena nisīdi tejodhātuṃ samāpajjitvā nīcataraṃ bhagavato.

    ‘‘อถ โข อายสฺมโต มหากปฺปินสฺส เอตทโหสิ – ‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’ติ? อทฺทสา โข อายสฺมา มหากปฺปิโน ภควนฺตํ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลเงฺกน นิสินฺนํ เตโชธาตุํ สมาปนฺนํฯ ทิสฺวาน เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป.… เอวเมว เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมิํ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิฯ อถ โข อายสฺมา มหากปฺปิโน ปจฺฉิมํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโนฯ อุปริเวหาสํ ปลฺลเงฺกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโตฯ

    ‘‘Atha kho āyasmato mahākappinassa etadahosi – ‘kahaṃ nu kho bhagavā etarahi viharatī’ti? Addasā kho āyasmā mahākappino bhagavantaṃ dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena tassa brahmuno uparivehāsaṃ pallaṅkena nisinnaṃ tejodhātuṃ samāpannaṃ. Disvāna seyyathāpi nāma balavā puriso…pe… evameva jetavane antarahito tasmiṃ brahmaloke pāturahosi. Atha kho āyasmā mahākappino pacchimaṃ disaṃ nissāya tassa brahmuno. Uparivehāsaṃ pallaṅkena nisīdi tejodhātuṃ samāpajjitvā nīcataraṃ bhagavato.

    ‘‘อถ โข อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส เอตทโหสิ – ‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’ติ? อทฺทสา โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ ภควนฺตํ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลเงฺกน นิสินฺนํ เตโชธาตุํ สมาปนฺนํฯ ทิสฺวาน เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป.… เอวเมว เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมิํ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ ฯ อถ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ อุตฺตรํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลเงฺกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโตฯ อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ พฺรหฺมานํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

    ‘‘Atha kho āyasmato anuruddhassa etadahosi – ‘kahaṃ nu kho bhagavā etarahi viharatī’ti? Addasā kho āyasmā anuruddho bhagavantaṃ dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena tassa brahmuno uparivehāsaṃ pallaṅkena nisinnaṃ tejodhātuṃ samāpannaṃ. Disvāna seyyathāpi nāma balavā puriso…pe… evameva jetavane antarahito tasmiṃ brahmaloke pāturahosi . Atha kho āyasmā anuruddho uttaraṃ disaṃ nissāya tassa brahmuno uparivehāsaṃ pallaṅkena nisīdi tejodhātuṃ samāpajjitvā nīcataraṃ bhagavato. Atha kho āyasmā mahāmoggallāno taṃ brahmānaṃ gāthāya ajjhabhāsi –

    ‘‘อชฺชาปิ เต อาวุโส สา ทิฎฺฐิ, ยา เต ทิฎฺฐิ ปุเร อหุ;

    ‘‘Ajjāpi te āvuso sā diṭṭhi, yā te diṭṭhi pure ahu;

    ปสฺสสิ วีติวตฺตนฺตํ, พฺรหฺมโลเก ปภสฺสรนฺติฯ

    Passasi vītivattantaṃ, brahmaloke pabhassaranti.

    ‘‘น เม มาริส สา ทิฎฺฐิ, ยา เม ทิฎฺฐิ ปุเร อหุ;

    ‘‘Na me mārisa sā diṭṭhi, yā me diṭṭhi pure ahu;

    ปสฺสามิ วีติวตฺตนฺตํ, พฺรหฺมโลเก ปภสฺสรํ;

    Passāmi vītivattantaṃ, brahmaloke pabhassaraṃ;

    สฺวาหํ อชฺช กถํ วชฺชํ, อหํ นิโจฺจมฺหิ สสฺสโต’’ติฯ

    Svāhaṃ ajja kathaṃ vajjaṃ, ahaṃ niccomhi sassato’’ti.

    ‘‘อถ โข ภควา ตํ พฺรหฺมานํ สํเวเชตฺวา เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป.… เอวเมว ตสฺมิํ พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต เชตวเน ปาตุรโหสิฯ อถ โข โส พฺรหฺมา อญฺญตรํ พฺรหฺมปาริสชฺชํ อามเนฺตสิ – ‘เอหิ ตฺวํ, มาริส, เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกม, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอวํ วเทหิ ‘อตฺถิ นุ โข มาริส โมคฺคลฺลาน, อเญฺญปิ ตสฺส ภควโต สาวกา เอวํมหิทฺธิกา เอวํมหานุภาวา เสยฺยถาปิ ภวํ โมคฺคลฺลาโน, กสฺสโป, กปฺปิโน, อนุรุโทฺธ’’’ติฯ ‘‘เอวํ, มาริสา’’ติ โข โส พฺรหฺมปาริสโชฺช ตสฺส พฺรหฺมุโน ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, อเญฺญปิ ตสฺส ภควโต สาวกา เอวํมหิทฺธิกา เอวํมหานุภาวา เสยฺยถาปิ ภวํ โมคฺคลฺลาโน, กสฺสโป, กปฺปิโน, อนุรุโทฺธ’’ติฯ อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ พฺรหฺมปาริสชฺชํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

    ‘‘Atha kho bhagavā taṃ brahmānaṃ saṃvejetvā seyyathāpi nāma balavā puriso…pe… evameva tasmiṃ brahmaloke antarahito jetavane pāturahosi. Atha kho so brahmā aññataraṃ brahmapārisajjaṃ āmantesi – ‘ehi tvaṃ, mārisa, yenāyasmā mahāmoggallāno tenupasaṅkama, upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ evaṃ vadehi ‘atthi nu kho mārisa moggallāna, aññepi tassa bhagavato sāvakā evaṃmahiddhikā evaṃmahānubhāvā seyyathāpi bhavaṃ moggallāno, kassapo, kappino, anuruddho’’’ti. ‘‘Evaṃ, mārisā’’ti kho so brahmapārisajjo tassa brahmuno paṭissutvā yenāyasmā mahāmoggallāno tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ etadavoca – ‘‘atthi nu kho, mārisa moggallāna, aññepi tassa bhagavato sāvakā evaṃmahiddhikā evaṃmahānubhāvā seyyathāpi bhavaṃ moggallāno, kassapo, kappino, anuruddho’’ti. Atha kho āyasmā mahāmoggallāno taṃ brahmapārisajjaṃ gāthāya ajjhabhāsi –

    ‘‘เตวิชฺชา อิทฺธิปตฺตา จ, เจโตปริยายโกวิทา;

    ‘‘Tevijjā iddhipattā ca, cetopariyāyakovidā;

    ขีณาสวา อรหโนฺต, พหู พุทฺธสฺส สาวกา’’ติฯ

    Khīṇāsavā arahanto, bahū buddhassa sāvakā’’ti.

    ‘‘อถ โข โส พฺรหฺมปาริสโชฺช อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา เยน โส พฺรหฺมา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ตํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจ – อายสฺมา, มาริส มหาโมคฺคลฺลาโน เอวมาห –

    ‘‘Atha kho so brahmapārisajjo āyasmato mahāmoggallānassa bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā yena so brahmā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā taṃ brahmānaṃ etadavoca – āyasmā, mārisa mahāmoggallāno evamāha –

    ‘‘เตวิชฺชา อิทฺธิปตฺตา จ, เจโตปริยายโกวิทา;

    ‘‘Tevijjā iddhipattā ca, cetopariyāyakovidā;

    ขีณาสวา อรหโนฺต, พหู พุทฺธสฺส สาวกา’’ติฯ

    Khīṇāsavā arahanto, bahū buddhassa sāvakā’’ti.

    ‘‘อิทมโวจ โส พฺรหฺมปาริสโชฺชฯ อตฺตมโน จ โส พฺรหฺมา ตสฺส พฺรหฺมปาริสชฺชสฺส ภาสิตํ อภินนฺที’’ติฯ

    ‘‘Idamavoca so brahmapārisajjo. Attamano ca so brahmā tassa brahmapārisajjassa bhāsitaṃ abhinandī’’ti.

    อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อยํ ปนโตฺถ พกพฺรหฺมสุเตฺตน ทีเปตโพฺพ’’ติฯ

    Idaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘ayaṃ panattho bakabrahmasuttena dīpetabbo’’ti.

    มหาเนรุโน กูฎนฺติ กูฎสีเสน สกลเมว สิเนรุปพฺพตราชํ วทติฯ วิโมเกฺขน อผสฺสยีติ ฌานวิโมกฺขนิสฺสเยน อภิญฺญาเณน ผสฺสยีติ อธิปฺปาโยฯ วนนฺติ ชมฺพุทีปํฯ โส หิ วนพหุลตาย ‘‘วน’’นฺติ วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘ชมฺพุสณฺฑสฺส อิสฺสโร’’ติฯ ปุพฺพวิเทหานนฺติ ปุพฺพวิเทหฎฺฐานํ, ปุพฺพวิเทหนฺติ อโตฺถฯ เย จ ภูมิสยา นราติ ภูมิสยา นรา นาม อปรโคยานกา จ อุตฺตรกุรุกา จ มนุสฺสาฯ เต หิ เคหาภาวโต ‘‘ภูมิสยา’’ติ วุตฺตาฯ เตปิ สเพฺพ อผสฺสยีติ สมฺพโนฺธฯ อยํ ปนโตฺถ นโนฺทปนนฺททมเนน (วิสุทฺธิ. ๒.๓๙๖ นโนฺทปนนฺทนาคทมนกถา) ทีเปตโพฺพ –

    Mahāneruno kūṭanti kūṭasīsena sakalameva sinerupabbatarājaṃ vadati. Vimokkhena aphassayīti jhānavimokkhanissayena abhiññāṇena phassayīti adhippāyo. Vananti jambudīpaṃ. So hi vanabahulatāya ‘‘vana’’nti vutto. Tenāha ‘‘jambusaṇḍassa issaro’’ti. Pubbavidehānanti pubbavidehaṭṭhānaṃ, pubbavidehanti attho. Ye ca bhūmisayā narāti bhūmisayā narā nāma aparagoyānakā ca uttarakurukā ca manussā. Te hi gehābhāvato ‘‘bhūmisayā’’ti vuttā. Tepi sabbe aphassayīti sambandho. Ayaṃ panattho nandopanandadamanena (visuddhi. 2.396 nandopanandanāgadamanakathā) dīpetabbo –

    ‘‘เอกสฺมิํ กิร สมเย อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘เสฺว, ภเนฺต, ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ มยฺหํ เคเห ภิกฺขํ คณฺหถา’ติ นิมเนฺตตฺวา ปกฺกามิฯ ตํทิวสญฺจ ภควโต ปจฺจูสสมเย ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกนฺตสฺส นโนฺทปนโนฺท นาม นาคราชา ญาณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉิฯ ภควา ‘อยํ นาคราชา มยฺหํ ญาณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉติ, กิํ นุ โข ภวิสฺสตี’ติ อาวเชฺชโนฺต สรณคมนสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘อยํ มิจฺฉาทิฎฺฐิโก ตีสุ รตเนสุ อปฺปสโนฺน, โก นุ โข อิมํ มิจฺฉาทิฎฺฐิโต วิโมเจยฺยา’ติ อาวเชฺชโนฺต มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรํ อทฺทสฯ

    ‘‘Ekasmiṃ kira samaye anāthapiṇḍiko gahapati bhagavato dhammadesanaṃ sutvā ‘sve, bhante, pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ mayhaṃ gehe bhikkhaṃ gaṇhathā’ti nimantetvā pakkāmi. Taṃdivasañca bhagavato paccūsasamaye dasasahassilokadhātuṃ olokentassa nandopanando nāma nāgarājā ñāṇamukhe āpāthaṃ āgacchi. Bhagavā ‘ayaṃ nāgarājā mayhaṃ ñāṇamukhe āpāthaṃ āgacchati, kiṃ nu kho bhavissatī’ti āvajjento saraṇagamanassa upanissayaṃ disvā ‘ayaṃ micchādiṭṭhiko tīsu ratanesu appasanno, ko nu kho imaṃ micchādiṭṭhito vimoceyyā’ti āvajjento mahāmoggallānattheraṃ addasa.

    ‘‘ตโต ปภาตาย รตฺติยา สรีรปฎิชคฺคนํ กตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘อานนฺท, ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อาโรเจหิ ตถาคโต เทวจาริกํ คจฺฉตี’ติฯ ตํทิวสญฺจ นโนฺทปนนฺทสฺส อาปานภูมิํ สชฺชยิํสุฯ โส ทิพฺพรตนปลฺลเงฺก ทิเพฺพน เสตจฺฉเตฺตน ธาริยมาโน ติวิธนาฎเกหิ เจว นาคปริสาย จ ปริวุโต ทิพฺพภาชเนสุ อุปฎฺฐาปิตํ อนฺนปานวิธิํ โอโลกยมาโน นิสิโนฺน โหติฯ อถ โข ภควา ยถา นาคราชา ปสฺสติ, ตถา กตฺวา ตสฺส วิมานมตฺถเกเนว ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ ตาวติํสเทวโลกาภิมุโข ปายาสิฯ

    ‘‘Tato pabhātāya rattiyā sarīrapaṭijagganaṃ katvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘ānanda, pañcannaṃ bhikkhusatānaṃ ārocehi tathāgato devacārikaṃ gacchatī’ti. Taṃdivasañca nandopanandassa āpānabhūmiṃ sajjayiṃsu. So dibbaratanapallaṅke dibbena setacchattena dhāriyamāno tividhanāṭakehi ceva nāgaparisāya ca parivuto dibbabhājanesu upaṭṭhāpitaṃ annapānavidhiṃ olokayamāno nisinno hoti. Atha kho bhagavā yathā nāgarājā passati, tathā katvā tassa vimānamatthakeneva pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ tāvatiṃsadevalokābhimukho pāyāsi.

    ‘‘เตน โข ปน สมเยน นโนฺทปนนฺทสฺส นาคราชสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘อิเม หิ นาม มุณฺฑกา สมณกา อมฺหากํ อุปริภวเนน เทวานํ ตาวติํสานํ ภวนํ ปวิสนฺติปิ นิกฺขมนฺติปิ, น อิทานิ อิโต ปฎฺฐาย อิเมสํ อมฺหากํ มตฺถเก ปาทปํสุํ โอกิรนฺตานํ คนฺตุํ ทสฺสามี’ติ อุฎฺฐาย สิเนรุปาทํ คนฺตฺวา ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา สิเนรุํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผณํ กตฺวา ตาวติํสภวนํ อวกุเชฺชน ผเณน ปฎิคฺคเหตฺวา อทสฺสนํ คเมสิฯ

    ‘‘Tena kho pana samayena nandopanandassa nāgarājassa evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ hoti – ‘ime hi nāma muṇḍakā samaṇakā amhākaṃ uparibhavanena devānaṃ tāvatiṃsānaṃ bhavanaṃ pavisantipi nikkhamantipi, na idāni ito paṭṭhāya imesaṃ amhākaṃ matthake pādapaṃsuṃ okirantānaṃ gantuṃ dassāmī’ti uṭṭhāya sinerupādaṃ gantvā taṃ attabhāvaṃ vijahitvā sineruṃ sattakkhattuṃ bhogehi parikkhipitvā upari phaṇaṃ katvā tāvatiṃsabhavanaṃ avakujjena phaṇena paṭiggahetvā adassanaṃ gamesi.

    ‘‘อถ โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘ปุเพฺพ, ภเนฺต, อิมสฺมิํ ปเทเส ฐิโต สิเนรุํ ปสฺสามิ, สิเนรุปริภณฺฑํ ปสฺสามิ, ตาวติํสํ ปสฺสามิ, เวชยนฺตํ ปสฺสามิ, เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส อุปริ ธชํ ปสฺสามิฯ โก นุ โข, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย, ยํ เอตรหิ เนว สิเนรุํ ปสฺสามิ…เป.… น เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส อุปริ ธชํ ปสฺสามี’ติ? อยํ, รฎฺฐปาล, นโนฺทปนโนฺท นาม นาคราชา ตุมฺหากํ กุปิโต สิเนรุํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผเณน ปฎิจฺฉาเทตฺวา อนฺธการํ กตฺวา ฐิโตติฯ ‘ทเมมิ นํ, ภเนฺต’ติฯ น ภควา นํ อนุชานิฯ อถ โข อายสฺมา ภทฺทิโย อายสฺมา ราหุโลติ อนุกฺกเมน สเพฺพปิ ภิกฺขู อุฎฺฐหิํสุฯ น ภควา อนุชานิฯ

    ‘‘Atha kho āyasmā raṭṭhapālo bhagavantaṃ etadavoca – ‘pubbe, bhante, imasmiṃ padese ṭhito sineruṃ passāmi, sineruparibhaṇḍaṃ passāmi, tāvatiṃsaṃ passāmi, vejayantaṃ passāmi, vejayantassa pāsādassa upari dhajaṃ passāmi. Ko nu kho, bhante, hetu ko paccayo, yaṃ etarahi neva sineruṃ passāmi…pe… na vejayantassa pāsādassa upari dhajaṃ passāmī’ti? Ayaṃ, raṭṭhapāla, nandopanando nāma nāgarājā tumhākaṃ kupito sineruṃ sattakkhattuṃ bhogehi parikkhipitvā upari phaṇena paṭicchādetvā andhakāraṃ katvā ṭhitoti. ‘Damemi naṃ, bhante’ti. Na bhagavā naṃ anujāni. Atha kho āyasmā bhaddiyo āyasmā rāhuloti anukkamena sabbepi bhikkhū uṭṭhahiṃsu. Na bhagavā anujāni.

    ‘‘อวสาเน มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร ‘อหํ, ภเนฺต, ทเมมิ น’นฺติ อาหฯ ‘ทเมหิ, โมคฺคลฺลานา’ติ ภควา อนุชานิฯ เถโร อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา มหนฺตํ นาคราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา นโนฺทปนนฺทํ จุทฺทสกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา ตสฺส ผณสฺส มตฺถเก อตฺตโน ผณํ ฐเปตฺวา สิเนรุนา สทฺธิํ อภินิปฺปีเฬสิฯ นาคราชา ธูมายิฯ เถโร ‘น ตุยฺหํเยว สรีเร ธูโม อตฺถิ, มยฺหมฺปิ อตฺถี’ติ ธูมายิฯ นาคราชสฺส ธูโม เถรํ น พาธติฯ เถรสฺส ปน ธูโม นาคราชํ พาธติฯ ตโต นาคราชา ปชฺชลิฯ เถโรปิ ‘น ตุยฺหํเยว สรีเร อคฺคิ อตฺถิ, มยฺหมฺปิ อตฺถี’ติ ปชฺชลิฯ นาคราชสฺส เตโช เถรํ น พาธติ, เถรสฺส ปน เตโช นาคราชํ พาธติฯ นาคราชา ‘อยํ มํ สิเนรุนา อภินิปฺปีเฬตฺวา ธูมายติ เจว ปชฺชลติ จา’ติ จิเนฺตตฺวา, ‘โภ, ตุวํ โกสี’ติ ปฎิปุจฺฉิฯ อหํ โข, นนฺท, โมคฺคลฺลาโนติฯ ภเนฺต, อตฺตโน ภิกฺขุภาเวน ติฎฺฐาหี’’ติฯ

    ‘‘Avasāne mahāmoggallānatthero ‘ahaṃ, bhante, damemi na’nti āha. ‘Damehi, moggallānā’ti bhagavā anujāni. Thero attabhāvaṃ vijahitvā mahantaṃ nāgarājavaṇṇaṃ abhinimminitvā nandopanandaṃ cuddasakkhattuṃ bhogehi parikkhipitvā tassa phaṇassa matthake attano phaṇaṃ ṭhapetvā sinerunā saddhiṃ abhinippīḷesi. Nāgarājā dhūmāyi. Thero ‘na tuyhaṃyeva sarīre dhūmo atthi, mayhampi atthī’ti dhūmāyi. Nāgarājassa dhūmo theraṃ na bādhati. Therassa pana dhūmo nāgarājaṃ bādhati. Tato nāgarājā pajjali. Theropi ‘na tuyhaṃyeva sarīre aggi atthi, mayhampi atthī’ti pajjali. Nāgarājassa tejo theraṃ na bādhati, therassa pana tejo nāgarājaṃ bādhati. Nāgarājā ‘ayaṃ maṃ sinerunā abhinippīḷetvā dhūmāyati ceva pajjalati cā’ti cintetvā, ‘bho, tuvaṃ kosī’ti paṭipucchi. Ahaṃ kho, nanda, moggallānoti. Bhante, attano bhikkhubhāvena tiṭṭhāhī’’ti.

    ‘‘เถโร ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา ตสฺส ทกฺขิณกณฺณโสเตน ปวิสิตฺวา วามกณฺณโสเตน นิกฺขมิ, วามกณฺณโสเตน ปวิสิตฺวา ทกฺขิณกณฺณโสเตน นิกฺขมิฯ ตถา ทกฺขิณนาสโสเตน ปวิสิตฺวา วามนาสโสเตน นิกฺขมิ, วามนาสโสเตน ปวิสิตฺวา ทกฺขิณนาสโสเตน นิกฺขมิฯ ตโต นาคราชา มุขํ วิวริฯ เถโร มุเขน ปวิสิตฺวา อโนฺตกุจฺฉิยํ ปาจีเนน จ ปจฺฉิเมน จ จงฺกมติฯ ภควา ‘โมคฺคลฺลาน, มนสิ กโรหิ มหิทฺธิโก นาโค’ติ อาหฯ เถโร ‘มยฺหํ โข, ภเนฺต, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, ติฎฺฐตุ, ภเนฺต, นโนฺทปนโนฺท, อหํ นโนฺทปนนฺทสทิสานํ นาคราชานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ สตสหสฺสมฺปิ ทเมยฺย’นฺติ อาหฯ

    ‘‘Thero taṃ attabhāvaṃ vijahitvā tassa dakkhiṇakaṇṇasotena pavisitvā vāmakaṇṇasotena nikkhami, vāmakaṇṇasotena pavisitvā dakkhiṇakaṇṇasotena nikkhami. Tathā dakkhiṇanāsasotena pavisitvā vāmanāsasotena nikkhami, vāmanāsasotena pavisitvā dakkhiṇanāsasotena nikkhami. Tato nāgarājā mukhaṃ vivari. Thero mukhena pavisitvā antokucchiyaṃ pācīnena ca pacchimena ca caṅkamati. Bhagavā ‘moggallāna, manasi karohi mahiddhiko nāgo’ti āha. Thero ‘mayhaṃ kho, bhante, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, tiṭṭhatu, bhante, nandopanando, ahaṃ nandopanandasadisānaṃ nāgarājānaṃ satampi sahassampi satasahassampi dameyya’nti āha.

    ‘‘นาคราชา จิเนฺตสิ – ‘ปวิสโนฺต ตาว เม น ทิโฎฺฐ, นิกฺขมนกาเล ทานิ นํ ทาฐานฺตเร ปกฺขิปิตฺวา สงฺขาทิสฺสามี’ติ จิเนฺตตฺวา ‘นิกฺขมถ, ภเนฺต, มา มํ อโนฺตกุจฺฉิยํ อปราปรํ จงฺกมโนฺต พาธยิตฺถา’ติ อาหฯ เถโร นิกฺขมิตฺวา พหิ อฎฺฐาสิฯ นาคราชา ‘อยํ โส’ติ ทิสฺวา นาสวาตํ วิสฺสชฺชิฯ เถโร จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิ, โลมกูปมฺปิสฺส วาโต จาเลตุํ นาสกฺขิฯ ‘อวเสสา ภิกฺขู กิร อาทิโต ปฎฺฐาย สพฺพปาฎิหาริยานิ กาตุํ สกฺกุเณยฺยุํ, อิมํ ปน ฐานํ ปตฺวา เอวํ ขิปฺปนิสนฺติโน หุตฺวา สมาปชฺชิตุํ นาสกฺขิสฺสนฺตี’ติ เนสํ ภควา นาคราชทมนํ นานุชานิฯ

    ‘‘Nāgarājā cintesi – ‘pavisanto tāva me na diṭṭho, nikkhamanakāle dāni naṃ dāṭhāntare pakkhipitvā saṅkhādissāmī’ti cintetvā ‘nikkhamatha, bhante, mā maṃ antokucchiyaṃ aparāparaṃ caṅkamanto bādhayitthā’ti āha. Thero nikkhamitvā bahi aṭṭhāsi. Nāgarājā ‘ayaṃ so’ti disvā nāsavātaṃ vissajji. Thero catutthajjhānaṃ samāpajji, lomakūpampissa vāto cāletuṃ nāsakkhi. ‘Avasesā bhikkhū kira ādito paṭṭhāya sabbapāṭihāriyāni kātuṃ sakkuṇeyyuṃ, imaṃ pana ṭhānaṃ patvā evaṃ khippanisantino hutvā samāpajjituṃ nāsakkhissantī’ti nesaṃ bhagavā nāgarājadamanaṃ nānujāni.

    ‘‘นาคราชา ‘อหํ อิมสฺส สมณสฺส นาสวาเตน โลมกูปมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขิํ, มหิทฺธิโก โส สมโณ’ติ จิเนฺตสิฯ เถโร อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา สุปณฺณรูปํ นิมฺมินิตฺวา สุปณฺณวาตํ ทเสฺสโนฺต นาคราชานํ อนุพนฺธิ, นาคราชา ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา, ‘ภเนฺต, ตุมฺหากํ สรณํ คจฺฉามี’ติ วทโนฺต เถรสฺส ปาเท วนฺทิฯ เถโร ‘สตฺถา, นโนฺท อาคโต, เอหิ ตฺวํ, คมิสฺสามา’ติ นาคราชานํ ทเมตฺวา นิพฺพิสํ กตฺวา, คเหตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิฯ นาคราชา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘ภเนฺต, ตุมฺหากํ สรณํ คจฺฉามี’ติ อาหฯ ภควา ‘สุขี โหหิ, นาคราชา’ติ วตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อนาถปิณฺฑิกสฺส นิเวสนํ อคมาสิฯ

    ‘‘Nāgarājā ‘ahaṃ imassa samaṇassa nāsavātena lomakūpampi cāletuṃ nāsakkhiṃ, mahiddhiko so samaṇo’ti cintesi. Thero attabhāvaṃ vijahitvā supaṇṇarūpaṃ nimminitvā supaṇṇavātaṃ dassento nāgarājānaṃ anubandhi, nāgarājā taṃ attabhāvaṃ vijahitvā māṇavakavaṇṇaṃ abhinimminitvā, ‘bhante, tumhākaṃ saraṇaṃ gacchāmī’ti vadanto therassa pāde vandi. Thero ‘satthā, nando āgato, ehi tvaṃ, gamissāmā’ti nāgarājānaṃ dametvā nibbisaṃ katvā, gahetvā bhagavato santikaṃ agamāsi. Nāgarājā bhagavantaṃ vanditvā ‘bhante, tumhākaṃ saraṇaṃ gacchāmī’ti āha. Bhagavā ‘sukhī hohi, nāgarājā’ti vatvā bhikkhusaṅghaparivuto anāthapiṇḍikassa nivesanaṃ agamāsi.

    ‘‘อนาถปิณฺฑิโก ‘กิํ, ภเนฺต, อติทิวา อาคตตฺถา’ติ อาหฯ โมคฺคลฺลานสฺส จ นโนฺทปนนฺทสฺส จ สงฺคาโม อโหสีติฯ กสฺส ปน, ภเนฺต, ชโย, กสฺส ปราชโยติ? โมคฺคลฺลานสฺส ชโย, นนฺทสฺส ปราชโยติฯ อนาถปิณฺฑิโก ‘อธิวาเสตุ เม, ภเนฺต, ภควา สตฺตาหํ เอกปฎิปาฎิยา ภตฺตํ, สตฺตาหํ เถรสฺส สกฺการํ กริสฺสามี’ติ วตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขานํ ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ มหาสกฺการํ อกาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘นโนฺทปนนฺททมเนน ทีเปตโพฺพ’’’ติฯ

    ‘‘Anāthapiṇḍiko ‘kiṃ, bhante, atidivā āgatatthā’ti āha. Moggallānassa ca nandopanandassa ca saṅgāmo ahosīti. Kassa pana, bhante, jayo, kassa parājayoti? Moggallānassa jayo, nandassa parājayoti. Anāthapiṇḍiko ‘adhivāsetu me, bhante, bhagavā sattāhaṃ ekapaṭipāṭiyā bhattaṃ, sattāhaṃ therassa sakkāraṃ karissāmī’ti vatvā sattāhaṃ buddhappamukhānaṃ pañcannaṃ bhikkhusatānaṃ mahāsakkāraṃ akāsi. Tena vuttaṃ – ‘nandopanandadamanena dīpetabbo’’’ti.

    โย เอตมภิชานาตีติ เอตํ ยถาวุตฺตํ วิโมกฺขํ ผุสนกรณวเสน ชานาติฯ

    Yo etamabhijānātīti etaṃ yathāvuttaṃ vimokkhaṃ phusanakaraṇavasena jānāti.

    น เว อคฺคิ เจตยติ, อหํ พาลํ ฑหามีติ เอวํ น อคฺคิ อภิสํเจเตติ, นาปิ ฑหนาย ปโยคํ ปรกฺกมํ กโรติ, พาโล เอว ปน ‘‘อยํ มนฺทาคตี’’ติ อนิชลนฺตํ วิย ชลิตํ อคฺคิํ อาสชฺช นํ ปฑยฺหติ, เอวเมว, มาร, น มยํ ฑหิตุกามา, พาเธตุกามา, ตฺวเญฺญว ปน ตถา อาคมนาทิอเตฺถน ตถาคตํ อคฺคิขนฺธสทิสํ อริยสาวกํ อาสชฺช อตฺตานํ ฑหิสฺสสิ, ฑหทุกฺขโต น มุญฺจิสฺสสิฯ

    Na ve aggi cetayati, ahaṃ bālaṃ ḍahāmīti evaṃ na aggi abhisaṃceteti, nāpi ḍahanāya payogaṃ parakkamaṃ karoti, bālo eva pana ‘‘ayaṃ mandāgatī’’ti anijalantaṃ viya jalitaṃ aggiṃ āsajja naṃ paḍayhati, evameva, māra, na mayaṃ ḍahitukāmā, bādhetukāmā, tvaññeva pana tathā āgamanādiatthena tathāgataṃ aggikhandhasadisaṃ ariyasāvakaṃ āsajja attānaṃ ḍahissasi, ḍahadukkhato na muñcissasi.

    อปุญฺญํ ปสวีติ อปุญฺญํ ปฎิลภติฯ น เม ปาปํ วิปจฺจตีติ มม ปาปํ น วิปจฺจติ, กิํ นุ, มาร, เอวํ มญฺญสิ นยิทมตฺถิฯ

    Apuññaṃ pasavīti apuññaṃ paṭilabhati. Na me pāpaṃ vipaccatīti mama pāpaṃ na vipaccati, kiṃ nu, māra, evaṃ maññasi nayidamatthi.

    กโรโต เต จียเต ปาปนฺติ เอกํเสน กโรนฺตสฺส เต ปาปํ จิรรตฺตาย จิรกาลํ อนตฺถาย ทุกฺขาย อุปจียติฯ มาร, นิพฺพินฺท พุทฺธมฺหาติ จตุสจฺจพุทฺธโต พุทฺธสาวกโต นิพฺพินฺท นิพฺพิชฺช ปรโต กมฺมํฯ อาสํ มากาสิ ภิกฺขุสูติ ‘‘ภิกฺขู วิโรเธมิ วิเหเสมี’’ติ เอตํ อาสํ มากาสิฯ

    Karoto te cīyate pāpanti ekaṃsena karontassa te pāpaṃ cirarattāya cirakālaṃ anatthāya dukkhāya upacīyati. Māra, nibbinda buddhamhāti catusaccabuddhato buddhasāvakato nibbinda nibbijja parato kammaṃ. Āsaṃ mākāsi bhikkhusūti ‘‘bhikkhū virodhemi vihesemī’’ti etaṃ āsaṃ mākāsi.

    อิตีติ เอวํฯ มารํ อตเชฺชสีติ, ‘‘มาร, นิพฺพินฺท…เป.… ภิกฺขุสู’’ติ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโนฯ เภสกฬาวเนติ เอวํนามเก อรเญฺญฯ ตโตติ ตชฺชนเหตุฯ โส ทุมฺมโน ยโกฺขติ โส มาโร โทมนสฺสิโก หุตฺวา ตเตฺถว ตสฺมิํเยว ฐาเน อนฺตรธายิ, อทสฺสนํ อคมาสิฯ อยญฺจ คาถา ธมฺมสงฺคายนกาเล ฐปิตาฯ ยํ ปเนตฺถ อนฺตรนฺตรา อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมวฯ

    Itīti evaṃ. Māraṃ atajjesīti, ‘‘māra, nibbinda…pe… bhikkhusū’’ti āyasmā mahāmoggallāno. Bhesakaḷāvaneti evaṃnāmake araññe. Tatoti tajjanahetu. So dummano yakkhoti so māro domanassiko hutvā tattheva tasmiṃyeva ṭhāne antaradhāyi, adassanaṃ agamāsi. Ayañca gāthā dhammasaṅgāyanakāle ṭhapitā. Yaṃ panettha antarantarā atthato na vibhattaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayattā uttānameva.

    เอวมยํ มหาเถโร มารํ ตเชฺชตฺวา เทวจาริกานรกจาริกาทิวเสน อเญฺญหิ สาวเกหิ อสาธารณํ สตฺตูปการํ กตฺวา อายุปริโยสาเน ปรินิพฺพายิฯ ปรินิพฺพายโนฺต จ อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ปาทมูเล ปณิธานํ กตฺวา ตโต ปฎฺฐาย ตตฺถ ตตฺถ ภเว อุฬารานิ ปุญฺญานิ กตฺวา สาวกปารมิยา มตฺถเก ฐิโตปิ อนฺตรา กตสฺส ปาปกมฺมสฺส วเสน อุฎฺฐิตาย กมฺมปิโลติกาย ติตฺถิเยหิ อุโยฺยชิเตหิ โจเรหิ พาธิโต อนปฺปกํ สรีรเขทํ กตฺวา ปรินิพฺพายิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๓๗๕, ๓๘๐-๓๙๗) –

    Evamayaṃ mahāthero māraṃ tajjetvā devacārikānarakacārikādivasena aññehi sāvakehi asādhāraṇaṃ sattūpakāraṃ katvā āyupariyosāne parinibbāyi. Parinibbāyanto ca anomadassissa bhagavato pādamūle paṇidhānaṃ katvā tato paṭṭhāya tattha tattha bhave uḷārāni puññāni katvā sāvakapāramiyā matthake ṭhitopi antarā katassa pāpakammassa vasena uṭṭhitāya kammapilotikāya titthiyehi uyyojitehi corehi bādhito anappakaṃ sarīrakhedaṃ katvā parinibbāyi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.1.375, 380-397) –

    ‘‘อโนมทสฺสี ภควา, โลกเชโฎฺฐ นราสโภ;

    ‘‘Anomadassī bhagavā, lokajeṭṭho narāsabho;

    วิหาสิ หิมวนฺตมฺหิ, เทวสงฺฆปุรกฺขโตฯ

    Vihāsi himavantamhi, devasaṅghapurakkhato.

    ‘‘ภควา ตโต โอตริตฺวา, วิจริ จาริกํ ชิโน;

    ‘‘Bhagavā tato otaritvā, vicari cārikaṃ jino;

    สตฺตกายํ อนุคฺคณฺหโนฺต, พาราณสิํ อุปาคมิฯ

    Sattakāyaṃ anuggaṇhanto, bārāṇasiṃ upāgami.

    ‘‘ขีณาสวสหเสฺสหิ, ปริวุโต โลกนายโก;

    ‘‘Khīṇāsavasahassehi, parivuto lokanāyako;

    โอภาเสโนฺต ทิสา สพฺพา, วิโรจิตฺถ มหามุนิฯ

    Obhāsento disā sabbā, virocittha mahāmuni.

    ‘‘ตทาหํ คหปติ หุตฺวา, สรเทน มหิทฺธินา;

    ‘‘Tadāhaṃ gahapati hutvā, saradena mahiddhinā;

    อุโยฺยชิโต สหาเยน, สตฺถารํ อุปสงฺกมิํฯ

    Uyyojito sahāyena, satthāraṃ upasaṅkamiṃ.

    ‘‘อุปสงฺกมิตฺวาน สมฺพุทฺธํ, นิมเนฺตตฺวา ตถาคตํ;

    ‘‘Upasaṅkamitvāna sambuddhaṃ, nimantetvā tathāgataṃ;

    อตฺตโน ภวนํ เนสิ, มานยโนฺต มหามุนิํฯ

    Attano bhavanaṃ nesi, mānayanto mahāmuniṃ.

    ‘‘อุปฎฺฐิตํ มหาวีรํ, เทวเทวํ นราสภํ;

    ‘‘Upaṭṭhitaṃ mahāvīraṃ, devadevaṃ narāsabhaṃ;

    สภิกฺขุสงฺฆํ ตเปฺปมิ, อนฺนปาเนนหํ ตทาฯ

    Sabhikkhusaṅghaṃ tappemi, annapānenahaṃ tadā.

    ‘‘อนุโมทิ มหาวีโร, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;

    ‘‘Anumodi mahāvīro, sayambhū aggapuggalo;

    ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถฯ

    Bhikkhusaṅghe nisīditvā, imā gāthā abhāsatha.

    ‘‘ยํ โส สงฺฆมปูเชสิ, พุทฺธญฺจ โลกนายกํ;

    ‘‘Yaṃ so saṅghamapūjesi, buddhañca lokanāyakaṃ;

    เตน จิตฺตปฺปสาเทน, เทวโลกํ คมิสฺสติฯ

    Tena cittappasādena, devalokaṃ gamissati.

    ‘‘สตฺตสตฺตติกฺขตฺตุญฺจ, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

    ‘‘Sattasattatikkhattuñca, devarajjaṃ karissati;

    ปถพฺยา รชฺชํ อฎฺฐสตํ, วสุธํ อาวสิสฺสติฯ

    Pathabyā rajjaṃ aṭṭhasataṃ, vasudhaṃ āvasissati.

    ‘‘ปญฺจปญฺญาสกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

    ‘‘Pañcapaññāsakkhattuñca, cakkavattī bhavissati;

    โภคา อสงฺขิยา ตสฺส, อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ ตาวเทฯ

    Bhogā asaṅkhiyā tassa, uppajjissanti tāvade.

    ‘‘อปริเมเยฺย อิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Aparimeyye ito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘นิรยา โส จวิตฺวาน, มนุสฺสตฺตํ คมิสฺสติ;

    ‘‘Nirayā so cavitvāna, manussattaṃ gamissati;

    โกลิโต นาม นาเมน, พฺรหฺมพนฺธุ ภวิสฺสติฯ

    Kolito nāma nāmena, brahmabandhu bhavissati.

    ‘‘โส ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวาน, กุสลมูเลน โจทิโต;

    ‘‘So pacchā pabbajitvāna, kusalamūlena codito;

    โคตมสฺส ภควโต, ทุติโย เหสฺสติ สาวโกฯ

    Gotamassa bhagavato, dutiyo hessati sāvako.

    ‘‘อารทฺธวีริโย ปหิตโตฺต, อิทฺธิยา ปารมิํ คโต;

    ‘‘Āraddhavīriyo pahitatto, iddhiyā pāramiṃ gato;

    สพฺพาสเว ปริญฺญาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโวฯ

    Sabbāsave pariññāya, nibbāyissatināsavo.

    ‘‘ปาปมิโตฺตปนิสฺสาย, กามราควสํ คโต;

    ‘‘Pāpamittopanissāya, kāmarāgavasaṃ gato;

    มาตรํ ปิตรญฺจาปิ, ฆาตยิํ ทุฎฺฐมานโสฯ

    Mātaraṃ pitarañcāpi, ghātayiṃ duṭṭhamānaso.

    ‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, นิรยํ อถ มานุสํ;

    ‘‘Yaṃ yaṃ yonupapajjāmi, nirayaṃ atha mānusaṃ;

    ปาปกมฺมสมงฺคิตา, ภินฺนสีโส มรามหํฯ

    Pāpakammasamaṅgitā, bhinnasīso marāmahaṃ.

    ‘‘อิทํ ปจฺฉิมกํ มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;

    ‘‘Idaṃ pacchimakaṃ mayhaṃ, carimo vattate bhavo;

    อิธาปิ เอทิโส มยฺหํ, มรณกาเล ภวิสฺสติฯ

    Idhāpi ediso mayhaṃ, maraṇakāle bhavissati.

    ‘‘ปวิเวกมนุยุโตฺต, สมาธิภาวนารโต;

    ‘‘Pavivekamanuyutto, samādhibhāvanārato;

    สพฺพาสเว ปริญฺญาย, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Sabbāsave pariññāya, viharāmi anāsavo.

    ‘‘ธรณิมฺปิ สุคมฺภีรํ, พหลํ ทุปฺปธํสิยํ;

    ‘‘Dharaṇimpi sugambhīraṃ, bahalaṃ duppadhaṃsiyaṃ;

    วามงฺคุเฎฺฐน โขเภยฺยํ, อิทฺธิยา ปารมิํ คโตฯ

    Vāmaṅguṭṭhena khobheyyaṃ, iddhiyā pāramiṃ gato.

    ‘‘อสฺมิมานํ น ปสฺสามิ, มาโน มยฺหํ น วิชฺชติ;

    ‘‘Asmimānaṃ na passāmi, māno mayhaṃ na vijjati;

    สามเณเร อุปาทาย, ครุจิตฺตํ กโรมหํฯ

    Sāmaṇere upādāya, garucittaṃ karomahaṃ.

    ‘‘อปริเมเยฺย อิโต กเปฺป, ยํ กมฺมมภินีหริํ;

    ‘‘Aparimeyye ito kappe, yaṃ kammamabhinīhariṃ;

    ตาหํ ภูมิมนุปฺปโตฺต, ปโตฺตมฺหิ อาสวกฺขยํฯ

    Tāhaṃ bhūmimanuppatto, pattomhi āsavakkhayaṃ.

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Paṭisambhidā catasso…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahāmoggallānattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    สฎฺฐินิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saṭṭhinipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรคาถา • 1. Mahāmoggallānattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact