Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๓. มหานาคเตฺถรคาถาวณฺณนา
3. Mahānāgattheragāthāvaṇṇanā
ยสฺส สพฺรหฺมจารีสูติอาทิกา อายสฺมโต มหานาคเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินโนฺต กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ กกุสนฺธํ ภควนฺตํ อรญฺญํ อโชฺฌคาเหตฺวา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ฌานสุเขน นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ตสฺส ทาฬิมผลํ อทาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาเกเต มธุวาเสฎฺฐสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, มหานาโคติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วิญฺญุตํ ปโตฺต ภควติ สาเกเต อญฺชนวเน วิหรเนฺต อายสฺมโต ควมฺปติเตฺถรสฺส ปาฎิหาริยํ ทิสฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ เถรเสฺสว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตโสฺสวาเท ฐตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๕.๑-๗) –
Yassa sabrahmacārīsūtiādikā āyasmato mahānāgattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinanto kakusandhassa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto ekadivasaṃ kakusandhaṃ bhagavantaṃ araññaṃ ajjhogāhetvā aññatarasmiṃ rukkhamūle jhānasukhena nisinnaṃ disvā pasannamānaso tassa dāḷimaphalaṃ adāsi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sākete madhuvāseṭṭhassa nāma brāhmaṇassa putto hutvā nibbatti, mahānāgotissa nāmaṃ ahosi. So viññutaṃ patto bhagavati sākete añjanavane viharante āyasmato gavampatittherassa pāṭihāriyaṃ disvā paṭiladdhasaddho therasseva santike pabbajitvā tassovāde ṭhatvā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.45.1-7) –
‘‘กกุสโนฺธ มหาวีโร, สพฺพธมฺมาน ปารคู;
‘‘Kakusandho mahāvīro, sabbadhammāna pāragū;
คณมฺหา วูปกโฎฺฐ โส, อคมาสิ วนนฺตรํฯ
Gaṇamhā vūpakaṭṭho so, agamāsi vanantaraṃ.
‘‘พีชมิญฺชํ คเหตฺวาน, ลตาย อาวุณิํ อหํ;
‘‘Bījamiñjaṃ gahetvāna, latāya āvuṇiṃ ahaṃ;
ภควา ตมฺหิ สมเย, ฌายเต ปพฺพตนฺตเรฯ
Bhagavā tamhi samaye, jhāyate pabbatantare.
‘‘ทิสฺวานหํ เทวเทวํ, วิปฺปสเนฺนน เจตสา;
‘‘Disvānahaṃ devadevaṃ, vippasannena cetasā;
ทกฺขิเณยฺยสฺส วีรสฺส, พีชมิญฺชมทาสหํฯ
Dakkhiṇeyyassa vīrassa, bījamiñjamadāsahaṃ.
‘‘อิมสฺมิํเยว กปฺปมฺหิ, ยํ มิญฺชมททิํ ตทา;
‘‘Imasmiṃyeva kappamhi, yaṃ miñjamadadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พีชมิญฺชสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, bījamiñjassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรโนฺต เถโร ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู สพฺรหฺมจารีสุ คารวํ อกตฺวา วิหรเนฺต ทิสฺวา เตสํ โอวาททานวเสน –
Arahattaṃ pana patvā vimuttisukhena viharanto thero chabbaggiye bhikkhū sabrahmacārīsu gāravaṃ akatvā viharante disvā tesaṃ ovādadānavasena –
๓๘๗.
387.
‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว นูปลพฺภติ;
‘‘Yassa sabrahmacārīsu, gāravo nūpalabbhati;
ปริหายติ สทฺธมฺมา, มโจฺฉ อโปฺปทเก ยถาฯ
Parihāyati saddhammā, maccho appodake yathā.
๓๘๘.
388.
‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว นูปลพฺภติ;
‘‘Yassa sabrahmacārīsu, gāravo nūpalabbhati;
น วิรูหติ สทฺธเมฺม, เขเตฺต พีชํว ปูติกํฯ
Na virūhati saddhamme, khette bījaṃva pūtikaṃ.
๓๘๙.
389.
‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว นูปลพฺภติ;
‘‘Yassa sabrahmacārīsu, gāravo nūpalabbhati;
อารกา โหติ นิพฺพานา, ธมฺมราชสฺส สาสเนฯ
Ārakā hoti nibbānā, dhammarājassa sāsane.
๓๙๐.
390.
‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว อุปลพฺภติ;
‘‘Yassa sabrahmacārīsu, gāravo upalabbhati;
น วิหายติ สทฺธมฺมา, มโจฺฉ พโวฺหทเก ยถาฯ
Na vihāyati saddhammā, maccho bavhodake yathā.
๓๙๑.
391.
‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว อุปลพฺภติ;
‘‘Yassa sabrahmacārīsu, gāravo upalabbhati;
โส วิรูหติ สทฺธเมฺม, เขเตฺต พีชํว ภทฺทกํฯ
So virūhati saddhamme, khette bījaṃva bhaddakaṃ.
๓๙๒.
392.
‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว อุปลพฺภติ;
‘‘Yassa sabrahmacārīsu, gāravo upalabbhati;
สนฺติเก โหติ นิพฺพานํ, ธมฺมราชสฺส สาสเน’’ติฯ –
Santike hoti nibbānaṃ, dhammarājassa sāsane’’ti. –
อิมา ฉ คาถา อภาสิฯ
Imā cha gāthā abhāsi.
ตตฺถ สพฺรหฺมจารีสูติ สมานํ พฺรหฺมํ สีลาทิธมฺมํ จรนฺตีติ สพฺรหฺมจาริโน, สีลทิฎฺฐิสามญฺญคตา สหธมฺมิกา, เตสุฯ คารโวติ ครุภาโว สีลาทิคุณนิมิตฺตํ ครุกรณํฯ นูปลพฺภตีติ น วิชฺชติ น ปวตฺตติ, น อุปติฎฺฐตีติ อโตฺถฯ นิพฺพานาติ กิเลสานํ นิพฺพาปนโต กิเลสกฺขยาติ อโตฺถฯ ธมฺมราชสฺสาติ สตฺถุโนฯ สตฺถา หิ สเทวกํ โลกํ ยถารหํ โลกิยโลกุตฺตเรน ธเมฺมน รเญฺชติ โตเสตีติ ธมฺมราชาฯ เอตฺถ จ ‘‘ธมฺมราชสฺส สาสเน’’ติ อิมินา นิพฺพานํ นาม ธมฺมราชเสฺสว สาสเน , น อญฺญตฺถฯ ตตฺถ โย สพฺรหฺมจารีสุ คารวรหิโต, โส ยถา นิพฺพานา อารกา โหติ, ตถา ธมฺมราชสฺส สาสนโตปิ อารกา โหตีติ ทเสฺสติฯ พโวฺหทเกติ พหุอุทเกฯ สนฺติเก โหติ นิพฺพานนฺติ นิพฺพานํ ตสฺส สนฺติเก สมีเป เอว โหติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ อิมา เอว จ เถรสฺส อญฺญาพฺยากรณคาถา อเหสุํฯ
Tattha sabrahmacārīsūti samānaṃ brahmaṃ sīlādidhammaṃ carantīti sabrahmacārino, sīladiṭṭhisāmaññagatā sahadhammikā, tesu. Gāravoti garubhāvo sīlādiguṇanimittaṃ garukaraṇaṃ. Nūpalabbhatīti na vijjati na pavattati, na upatiṭṭhatīti attho. Nibbānāti kilesānaṃ nibbāpanato kilesakkhayāti attho. Dhammarājassāti satthuno. Satthā hi sadevakaṃ lokaṃ yathārahaṃ lokiyalokuttarena dhammena rañjeti tosetīti dhammarājā. Ettha ca ‘‘dhammarājassa sāsane’’ti iminā nibbānaṃ nāma dhammarājasseva sāsane , na aññattha. Tattha yo sabrahmacārīsu gāravarahito, so yathā nibbānā ārakā hoti, tathā dhammarājassa sāsanatopi ārakā hotīti dasseti. Bavhodaketi bahuudake. Santike hoti nibbānanti nibbānaṃ tassa santike samīpe eva hoti. Sesaṃ vuttanayameva. Imā eva ca therassa aññābyākaraṇagāthā ahesuṃ.
มหานาคเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahānāgattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. มหานาคเตฺถรคาถา • 3. Mahānāgattheragāthā