Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๕๔๕] ๘. มหานารทกสฺสปชาตกวณฺณนา

    [545] 8. Mahānāradakassapajātakavaṇṇanā

    อหุ ราชา วิเทหานนฺติ อิทํ สตฺถา ลฎฺฐิวนุยฺยาเน วิหรโนฺต อุรุเวลกสฺสปทมนํ อารพฺภ กเถสิฯ ยทา หิ สตฺถา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก อุรุเวลกสฺสปาทโย ชฎิเล ทเมตฺวา มคธราชสฺส ปฎิสฺสวํ โลเจตุํ ปุราณชฎิลสหสฺสปริวุโต ลฎฺฐิวนุยฺยานํ อคมาสิฯ ตทา ทฺวาทสนหุตาย ปริสาย สทฺธิํ อาคนฺตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนสฺส มคธรโญฺญ ปริสนฺตเร พฺราหฺมณคหปติกานํ วิตโกฺก อุปฺปชฺชิ ‘‘กิํ นุ โข อุรุเวลกสฺสโป มหาสมเณ พฺรหฺมจริยํ จรติ, อุทาหุ มหาสมโณ อุรุเวลกสฺสเป’’ติฯ อถ โข ภควา เตสํ ทฺวาทสนหุตานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย ‘‘กสฺสปสฺส มม สนฺติเก ปพฺพชิตภาวํ ชานาเปสฺสามี’’ติ อิมํ คาถมาห –

    Ahurājā videhānanti idaṃ satthā laṭṭhivanuyyāne viharanto uruvelakassapadamanaṃ ārabbha kathesi. Yadā hi satthā pavattitavaradhammacakko uruvelakassapādayo jaṭile dametvā magadharājassa paṭissavaṃ locetuṃ purāṇajaṭilasahassaparivuto laṭṭhivanuyyānaṃ agamāsi. Tadā dvādasanahutāya parisāya saddhiṃ āgantvā dasabalaṃ vanditvā nisinnassa magadharañño parisantare brāhmaṇagahapatikānaṃ vitakko uppajji ‘‘kiṃ nu kho uruvelakassapo mahāsamaṇe brahmacariyaṃ carati, udāhu mahāsamaṇo uruvelakassape’’ti. Atha kho bhagavā tesaṃ dvādasanahutānaṃ cetasā cetoparivitakkamaññāya ‘‘kassapassa mama santike pabbajitabhāvaṃ jānāpessāmī’’ti imaṃ gāthamāha –

    ‘‘กิเมว ทิสฺวา อุรุเวลวาสิ, ปหาสิ อคฺคิํ กิสโกวทาโน;

    ‘‘Kimeva disvā uruvelavāsi, pahāsi aggiṃ kisakovadāno;

    ปุจฺฉามิ ตํ กสฺสป เอตมตฺถํ, กถํ ปหีนํ ตว อคฺคิหุตฺต’’นฺติฯ (มหาว. ๕๕);

    Pucchāmi taṃ kassapa etamatthaṃ, kathaṃ pahīnaṃ tava aggihutta’’nti. (mahāva. 55);

    เถโรปิ ภควโต อธิปฺปายํ วิทิตฺวา –

    Theropi bhagavato adhippāyaṃ viditvā –

    ‘‘รูเป จ สเทฺท จ อโถ รเส จ, กามิตฺถิโย จาภิวทนฺติ ยญฺญา;

    ‘‘Rūpe ca sadde ca atho rase ca, kāmitthiyo cābhivadanti yaññā;

    เอตํ มลนฺติ อุปธีสุ ญตฺวา, ตสฺมา น ยิเฎฺฐ น หุเต อรญฺชิ’’นฺติฯ (มหาว. ๕๕); –

    Etaṃ malanti upadhīsu ñatvā, tasmā na yiṭṭhe na hute arañji’’nti. (mahāva. 55); –

    อิมํ คาถํ วตฺวา อตฺตโน สาวกภาวํ ปกาสนตฺถํ ตถาคตสฺส ปาทปิเฎฺฐ สีสํ ฐเปตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภเนฺต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา เอกตาลํ ทฺวิตาลํ ติตาลนฺติ ยาว สตฺตตาลปฺปมาณํ สตฺตกฺขตฺตุํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โอรุยฺห ตถาคตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ ตํ ปาฎิหาริยํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘อโห มหานุภาโว พุโทฺธ, เอวํ ถามคตทิฎฺฐิโก นาม อตฺตานํ ‘อรหา’ติ มญฺญมาโน อุรุเวลกสฺสโปปิ ทิฎฺฐิชาลํ ภินฺทิตฺวา ตถาคเตน ทมิโต’’ติ สตฺถุ คุณกถเญฺญว กเถสิฯ ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘อนจฺฉริยํ อิทานิ สพฺพญฺญุตปฺปเตฺตน มยา อิมสฺส ทมนํ, สฺวาหํ ปุเพฺพ สราคกาเลปิ นารโท นาม พฺรหฺมา หุตฺวา อิมสฺส ทิฎฺฐิชาลํ ภินฺทิตฺวา อิมํ นิพฺพิเสวนมกาสิ’’นฺติ วตฺวา ตาย ปริสาย ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Imaṃ gāthaṃ vatvā attano sāvakabhāvaṃ pakāsanatthaṃ tathāgatassa pādapiṭṭhe sīsaṃ ṭhapetvā ‘‘satthā me, bhante, bhagavā, sāvakohamasmī’’ti vatvā ekatālaṃ dvitālaṃ titālanti yāva sattatālappamāṇaṃ sattakkhattuṃ vehāsaṃ abbhuggantvā oruyha tathāgataṃ vanditvā ekamantaṃ nisīdi. Taṃ pāṭihāriyaṃ disvā mahājano ‘‘aho mahānubhāvo buddho, evaṃ thāmagatadiṭṭhiko nāma attānaṃ ‘arahā’ti maññamāno uruvelakassapopi diṭṭhijālaṃ bhinditvā tathāgatena damito’’ti satthu guṇakathaññeva kathesi. Taṃ sutvā satthā ‘‘anacchariyaṃ idāni sabbaññutappattena mayā imassa damanaṃ, svāhaṃ pubbe sarāgakālepi nārado nāma brahmā hutvā imassa diṭṭhijālaṃ bhinditvā imaṃ nibbisevanamakāsi’’nti vatvā tāya parisāya yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต วิเทหรเฎฺฐ มิถิลายํ องฺคติ นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ ธมฺมิโก ธมฺมราชาฯ ตสฺส รุจา นาม ธีตา อโหสิ อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา กปฺปสตสหสฺสํ ปตฺถิตปตฺถนา มหาปุญฺญา อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพตฺตาฯ เสสา ปนสฺส โสฬสสหสฺสา อิตฺถิโย วญฺฌา อเหสุํฯ ตสฺส สา ธีตา ปิยา อโหสิ มนาปาฯ โส ตสฺสา นานาปุปฺผปูเร ปญฺจวีสติปุปฺผสมุเคฺค อนคฺฆานิ สุขุมานิ วตฺถานิ จ ‘‘อิเมหิ อตฺตานํ อลงฺกโรตู’’ติ เทวสิกํ ปหิณิฯ ขาทนียโภชนียสฺส ปน ปมาณํ นตฺถิฯ อนฺวฑฺฒมาสํ ‘‘ทานํ เทตู’’ติ สหสฺสํ สหสฺสํ เปเสสิฯ ตสฺส โข ปน วิชโย จ สุนาโม จ อลาโต จาติ ตโย อมจฺจา อเหสุํฯ โส โกมุทิยา จาตุมาสินิยา ฉเณ ปวตฺตมาเน เทวนครํ วิย นคเร จ อเนฺตปุเร จ อลงฺกเต สุนฺหาโต สุวิลิโตฺต สพฺพาลงฺการปฺปฎิมณฺฑิโต ภุตฺตสายมาโส วิวฎสีหปญฺชเร มหาตเล อมจฺจคณปริวุโต วิสุทฺธํ คคนตลํ อภิลงฺฆมานํ จนฺทมณฺฑลํ ทิสฺวา ‘‘รมณียา วต โภ โทสินา รตฺติ, กาย นุ โข อชฺช รติยา อภิรเมยฺยามา’’ติ อมเจฺจ ปุจฺฉิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Atīte videharaṭṭhe mithilāyaṃ aṅgati nāma rājā rajjaṃ kāresi dhammiko dhammarājā. Tassa rucā nāma dhītā ahosi abhirūpā dassanīyā pāsādikā kappasatasahassaṃ patthitapatthanā mahāpuññā aggamahesiyā kucchismiṃ nibbattā. Sesā panassa soḷasasahassā itthiyo vañjhā ahesuṃ. Tassa sā dhītā piyā ahosi manāpā. So tassā nānāpupphapūre pañcavīsatipupphasamugge anagghāni sukhumāni vatthāni ca ‘‘imehi attānaṃ alaṅkarotū’’ti devasikaṃ pahiṇi. Khādanīyabhojanīyassa pana pamāṇaṃ natthi. Anvaḍḍhamāsaṃ ‘‘dānaṃ detū’’ti sahassaṃ sahassaṃ pesesi. Tassa kho pana vijayo ca sunāmo ca alāto cāti tayo amaccā ahesuṃ. So komudiyā cātumāsiniyā chaṇe pavattamāne devanagaraṃ viya nagare ca antepure ca alaṅkate sunhāto suvilitto sabbālaṅkārappaṭimaṇḍito bhuttasāyamāso vivaṭasīhapañjare mahātale amaccagaṇaparivuto visuddhaṃ gaganatalaṃ abhilaṅghamānaṃ candamaṇḍalaṃ disvā ‘‘ramaṇīyā vata bho dosinā ratti, kāya nu kho ajja ratiyā abhirameyyāmā’’ti amacce pucchi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๑๑๕๓.

    1153.

    ‘‘อหุ ราชา วิเทหานํ, องฺคติ นาม ขตฺติโย;

    ‘‘Ahu rājā videhānaṃ, aṅgati nāma khattiyo;

    ปหูตโยโคฺค ธนิมา, อนนฺตพลโปริโสฯ

    Pahūtayoggo dhanimā, anantabalaporiso.

    ๑๑๕๔.

    1154.

    ‘‘โส จ ปนฺนรสิํ รตฺติํ, ปุริมยาเม อนาคเต;

    ‘‘So ca pannarasiṃ rattiṃ, purimayāme anāgate;

    จาตุมาสา โกมุทิยา, อมเจฺจ สนฺนิปาตยิฯ

    Cātumāsā komudiyā, amacce sannipātayi.

    ๑๑๕๕.

    1155.

    ‘‘ปณฺฑิเต สุตสมฺปเนฺน, มฺหิตปุเพฺพ วิจกฺขเณ;

    ‘‘Paṇḍite sutasampanne, mhitapubbe vicakkhaṇe;

    วิชยญฺจ สุนามญฺจ, เสนาปติํ อลาตกํฯ

    Vijayañca sunāmañca, senāpatiṃ alātakaṃ.

    ๑๑๕๖.

    1156.

    ‘‘ตมนุปุจฺฉิ เวเทโห, ปเจฺจกํ พฺรูถ สํ รุจิํ;

    ‘‘Tamanupucchi vedeho, paccekaṃ brūtha saṃ ruciṃ;

    จาตุมาสา โกมุทชฺช, ชุณฺหํ พฺยปหตํ ตมํ;

    Cātumāsā komudajja, juṇhaṃ byapahataṃ tamaṃ;

    กายชฺช รติยา รตฺติํ, วิหเรมุ อิมํ อุตุ’’นฺติฯ

    Kāyajja ratiyā rattiṃ, viharemu imaṃ utu’’nti.

    ตตฺถ ปหูตโยโคฺคติ พหุเกน หตฺถิโยคฺคาทินา สมนฺนาคโตฯ อนนฺตพลโปริโสติ อนนฺตพลกาโยฯ อนาคเตติ ปริโยสานํ อปฺปเตฺต, อนติกฺกเนฺตติ อโตฺถฯ จาตุมาสาติ จตุนฺนํ วสฺสิกมาสานํ ปจฺฉิมทิวสภูตาย รตฺติยาฯ โกมุทิยาติ ผุลฺลกุมุทายฯ มฺหิตปุเพฺพติ ปฐมํ สิตํ กตฺวา ปจฺฉา กถนสีเลฯ ตมนุปุจฺฉีติ ตํ เตสุ อมเจฺจสุ เอเกกํ อมจฺจํ อนุปุจฺฉิฯ ปเจฺจกํ พฺรูถ สํ รุจินฺติ สเพฺพปิ ตุเมฺห อตฺตโน อตฺตโน อชฺฌาสยานุรูปํ รุจิํ ปเจฺจกํ มยฺหํ กเถถฯ โกมุทชฺชาติ โกมุที อชฺชฯ ชุณฺหนฺติ ชุณฺหาย นิสฺสยภูตํ จนฺทมณฺฑลํ อพฺภุคฺคจฺฉติฯ พฺยปหตํ ตมนฺติ เตน สพฺพํ อนฺธการํ วิหตํฯ อุตุนฺติ อชฺช รตฺติํ อิมํ เอวรูปํ อุตุํ กายรติยา วิหเรยฺยามาติฯ

    Tattha pahūtayoggoti bahukena hatthiyoggādinā samannāgato. Anantabalaporisoti anantabalakāyo. Anāgateti pariyosānaṃ appatte, anatikkanteti attho. Cātumāsāti catunnaṃ vassikamāsānaṃ pacchimadivasabhūtāya rattiyā. Komudiyāti phullakumudāya. Mhitapubbeti paṭhamaṃ sitaṃ katvā pacchā kathanasīle. Tamanupucchīti taṃ tesu amaccesu ekekaṃ amaccaṃ anupucchi. Paccekaṃ brūtha saṃ rucinti sabbepi tumhe attano attano ajjhāsayānurūpaṃ ruciṃ paccekaṃ mayhaṃ kathetha. Komudajjāti komudī ajja. Juṇhanti juṇhāya nissayabhūtaṃ candamaṇḍalaṃ abbhuggacchati. Byapahataṃ tamanti tena sabbaṃ andhakāraṃ vihataṃ. Utunti ajja rattiṃ imaṃ evarūpaṃ utuṃ kāyaratiyā vihareyyāmāti.

    อิติ ราชา อมเจฺจ ปุจฺฉิฯ เตน เต ปุจฺฉิตา อตฺตโน อตฺตโน อชฺฌาสยานุรูปํ กถํ กถยิํสุฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Iti rājā amacce pucchi. Tena te pucchitā attano attano ajjhāsayānurūpaṃ kathaṃ kathayiṃsu. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๑๑๕๗.

    1157.

    ‘‘ตโต เสนาปติ รโญฺญ, อลาโต เอตทพฺรวิ;

    ‘‘Tato senāpati rañño, alāto etadabravi;

    ‘หฎฺฐํ โยคฺคํ พลํ สพฺพํ, เสนํ สนฺนาหยามเสฯ

    ‘Haṭṭhaṃ yoggaṃ balaṃ sabbaṃ, senaṃ sannāhayāmase.

    ๑๑๕๘.

    1158.

    ‘นิยฺยาม เทว ยุทฺธาย, อนนฺตพลโปริสา;

    ‘Niyyāma deva yuddhāya, anantabalaporisā;

    เย เต วสํ น อายนฺติ, วสํ อุปนยามเส;

    Ye te vasaṃ na āyanti, vasaṃ upanayāmase;

    เอสา มยฺหํ สกา ทิฎฺฐิ, อชิตํ โอชินามเส’ฯ

    Esā mayhaṃ sakā diṭṭhi, ajitaṃ ojināmase’.

    ๑๑๕๙.

    1159.

    อลาตสฺส วโจ สุตฺวา, สุนาโม เอตทพฺรวิ;

    Alātassa vaco sutvā, sunāmo etadabravi;

    ‘สเพฺพ ตุยฺหํ มหาราช, อมิตฺตา วสมาคตาฯ

    ‘Sabbe tuyhaṃ mahārāja, amittā vasamāgatā.

    ๑๑๖๐.

    1160.

    ‘นิกฺขิตฺตสตฺถา ปจฺจตฺถา, นิวาตมนุวตฺตเร;

    ‘Nikkhittasatthā paccatthā, nivātamanuvattare;

    อุตฺตโม อุสฺสโว อชฺช, น ยุทฺธํ มม รุจฺจติฯ

    Uttamo ussavo ajja, na yuddhaṃ mama ruccati.

    ๑๑๖๑.

    1161.

    ‘อนฺนปานญฺจ ขชฺชญฺจ, ขิปฺปํ อภิหรนฺตุ เต;

    ‘Annapānañca khajjañca, khippaṃ abhiharantu te;

    รมสฺสุ เทว กาเมหิ, นจฺจคีเต สุวาทิเต’ฯ

    Ramassu deva kāmehi, naccagīte suvādite’.

    ๑๑๖๒.

    1162.

    สุนามสฺส วโจ สุตฺวา, วิชโย เอตทพฺรวิ;

    Sunāmassa vaco sutvā, vijayo etadabravi;

    ‘สเพฺพ กามา มหาราช, นิจฺจํ ตว มุปฎฺฐิตาฯ

    ‘Sabbe kāmā mahārāja, niccaṃ tava mupaṭṭhitā.

    ๑๑๖๓.

    1163.

    ‘น เหเต ทุลฺลภา เทว, ตว กาเมหิ โมทิตุํ;

    ‘Na hete dullabhā deva, tava kāmehi modituṃ;

    สทาปิ กามา สุลภา, เนตํ จิตฺตมตํ มมฯ

    Sadāpi kāmā sulabhā, netaṃ cittamataṃ mama.

    ๑๑๖๔.

    1164.

    ‘สมณํ พฺราหฺมณํ วาปิ, อุปาเสมุ พหุสฺสุตํ;

    ‘Samaṇaṃ brāhmaṇaṃ vāpi, upāsemu bahussutaṃ;

    โย นชฺช วินเย กงฺขํ, อตฺถธมฺมวิทู อิเส’ฯ

    Yo najja vinaye kaṅkhaṃ, atthadhammavidū ise’.

    ๑๑๖๕.

    1165.

    วิชยสฺส วโจ สุตฺวา, ราชา องฺคติ มพฺรวิ;

    Vijayassa vaco sutvā, rājā aṅgati mabravi;

    ‘ยถา วิชโย ภณติ, มยฺหเมฺปตํว รุจฺจติ;

    ‘Yathā vijayo bhaṇati, mayhampetaṃva ruccati;

    ๑๑๖๖.

    1166.

    ‘สมณํ พฺราหฺมณํ วาปิ, อุปาเสมุ พหุสฺสุตํ;

    ‘Samaṇaṃ brāhmaṇaṃ vāpi, upāsemu bahussutaṃ;

    โย นชฺช วินเย กงฺขํ, อตฺถธมฺมวิทู อิเสฯ

    Yo najja vinaye kaṅkhaṃ, atthadhammavidū ise.

    ๑๑๖๗.

    1167.

    ‘สเพฺพว สนฺตา กโรถ มติํ, กํ อุปาเสมุ ปณฺฑิตํ;

    ‘Sabbeva santā karotha matiṃ, kaṃ upāsemu paṇḍitaṃ;

    โย นชฺช วินเย กงฺขํ, อตฺถธมฺมวิทู อิเส’ฯ

    Yo najja vinaye kaṅkhaṃ, atthadhammavidū ise’.

    ๑๑๖๘.

    1168.

    เวเทหสฺส วโจ สุตฺวา, อลาโต เอตทพฺรวิ;

    Vedehassa vaco sutvā, alāto etadabravi;

    ‘อตฺถายํ มิคทายสฺมิํ, อเจโล ธีรสมฺมโตฯ

    ‘Atthāyaṃ migadāyasmiṃ, acelo dhīrasammato.

    ๑๑๖๙.

    1169.

    ‘คุโณ กสฺสปโคตฺตายํ, สุโต จิตฺรกถี คณี;

    ‘Guṇo kassapagottāyaṃ, suto citrakathī gaṇī;

    ตํ เทว ปยิรุปาเสมุ, โส โน กงฺขํ วิเนสฺสติ’ฯ

    Taṃ deva payirupāsemu, so no kaṅkhaṃ vinessati’.

    ๑๑๗๐.

    1170.

    ‘‘อลาตสฺส วโจ สุตฺวา, ราชา โจเทสิ สารถิํ;

    ‘‘Alātassa vaco sutvā, rājā codesi sārathiṃ;

    มิคทายํ คมิสฺสาม, ยุตฺตํ ยานํ อิธา นยา’’ติฯ

    Migadāyaṃ gamissāma, yuttaṃ yānaṃ idhā nayā’’ti.

    ตตฺถ หฎฺฐนฺติ ตุฎฺฐปหฎฺฐํฯ โอชินามเสติ ยํ โน อชิตํ, ตํ ชินามฯ เอโส มม อชฺฌาสโยติฯ ราชา ตสฺส กถํ เนว ปฎิโกฺกสิ, นาภินนฺทิฯ เอตทพฺรวีติ ราชานํ อลาตสฺส วจนํ อนภินนฺทนฺตํ อปฺปฎิโกฺกสนฺตํ ทิสฺวา ‘‘นายํ ยุทฺธชฺฌาสโย, อหมสฺส จิตฺตํ คณฺหโนฺต กามคุณาภิรติํ วณฺณยิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา เอตํ ‘‘สเพฺพ ตุยฺห’’นฺติอาทิวจนํ อพฺรวิฯ

    Tattha haṭṭhanti tuṭṭhapahaṭṭhaṃ. Ojināmaseti yaṃ no ajitaṃ, taṃ jināma. Eso mama ajjhāsayoti. Rājā tassa kathaṃ neva paṭikkosi, nābhinandi. Etadabravīti rājānaṃ alātassa vacanaṃ anabhinandantaṃ appaṭikkosantaṃ disvā ‘‘nāyaṃ yuddhajjhāsayo, ahamassa cittaṃ gaṇhanto kāmaguṇābhiratiṃ vaṇṇayissāmī’’ti cintetvā etaṃ ‘‘sabbe tuyha’’ntiādivacanaṃ abravi.

    วิชโย เอตทพฺรวีติ ราชา สุนามสฺสปิ วจนํ นาภินนฺทิ, น ปฎิโกฺกสิฯ ตโต วิชโย ‘‘อยํ ราชา อิเมสํ ทฺวินฺนมฺปิ วจนํ สุตฺวา ตุณฺหีเยว ฐิโต, ปณฺฑิตา นาม ธมฺมสฺสวนโสณฺฑา โหนฺติ, ธมฺมสฺสวนมสฺส วณฺณยิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา เอตํ ‘‘สเพฺพ กามา’’ติอาทิวจนํ อพฺรวิฯ ตตฺถ ตว มุปฎฺฐิตาติ ตว อุปฎฺฐิตาฯ โมทิตุนฺติ ตว กาเมหิ โมทิตุํ อภิรมิตุํ อิจฺฉาย สติ น หิ เอเต กามา ทุลฺลภาฯ เนตํ จิตฺตมตํ มมาติ เอตํ ตว กาเมหิ อภิรมณํ มม จิตฺตมตํ น โหติ, น เม เอตฺถ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติฯ โย นชฺชาติ โย โน อชฺชฯ อตฺถธมฺมวิทูติ ปาฬิอตฺถเญฺจว ปาฬิธมฺมญฺจ ชานโนฺตฯ อิเสติ อิสิ เอสิตคุโณฯ

    Vijayoetadabravīti rājā sunāmassapi vacanaṃ nābhinandi, na paṭikkosi. Tato vijayo ‘‘ayaṃ rājā imesaṃ dvinnampi vacanaṃ sutvā tuṇhīyeva ṭhito, paṇḍitā nāma dhammassavanasoṇḍā honti, dhammassavanamassa vaṇṇayissāmī’’ti cintetvā etaṃ ‘‘sabbe kāmā’’tiādivacanaṃ abravi. Tattha tavamupaṭṭhitāti tava upaṭṭhitā. Moditunti tava kāmehi modituṃ abhiramituṃ icchāya sati na hi ete kāmā dullabhā. Netaṃ cittamataṃ mamāti etaṃ tava kāmehi abhiramaṇaṃ mama cittamataṃ na hoti, na me ettha cittaṃ pakkhandati. Yo najjāti yo no ajja. Atthadhammavidūti pāḷiatthañceva pāḷidhammañca jānanto. Iseti isi esitaguṇo.

    องฺคติ มพฺรวีติ องฺคติ อพฺรวิฯ มยฺหเมฺปตํว รุจฺจตีติ มยฺหมฺปิ เอตเญฺญว รุจฺจติฯ สเพฺพว สนฺตาติ สเพฺพว ตุเมฺห อิธ วิชฺชมานา มติํ กโรถ จิเนฺตถฯ อลาโต เอตทพฺรวีติ รโญฺญ กถํ สุตฺวา อลาโต ‘‘อยํ มม กุลูปโก คุโณ นาม อาชีวโก ราชุยฺยาเน วสติ, ตํ ปสํสิตฺวา ราชกุลูปกํ กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา เอตํ ‘‘อตฺถาย’’นฺติอาทิวจนํ อพฺรวิฯ ตตฺถ ธีรสมฺมโตติ ปณฺฑิโตติ สมฺมโตฯ กสฺสปโคตฺตายนฺติ กสฺสปโคโตฺต อยํฯ สุโตติ พหุสฺสุโตฯ คณีติ คณสตฺถาฯ โจเทสีติ อาณาเปสิฯ

    Aṅgati mabravīti aṅgati abravi. Mayhampetaṃva ruccatīti mayhampi etaññeva ruccati. Sabbeva santāti sabbeva tumhe idha vijjamānā matiṃ karotha cintetha. Alāto etadabravīti rañño kathaṃ sutvā alāto ‘‘ayaṃ mama kulūpako guṇo nāma ājīvako rājuyyāne vasati, taṃ pasaṃsitvā rājakulūpakaṃ karissāmī’’ti cintetvā etaṃ ‘‘atthāya’’ntiādivacanaṃ abravi. Tattha dhīrasammatoti paṇḍitoti sammato. Kassapagottāyanti kassapagotto ayaṃ. Sutoti bahussuto. Gaṇīti gaṇasatthā. Codesīti āṇāpesi.

    รโญฺญ ตํ กถํ สุตฺวา สารถิโน ตถา กริํสุฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Rañño taṃ kathaṃ sutvā sārathino tathā kariṃsu. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๑๑๗๑.

    1171.

    ‘‘ตสฺส ยานํ อโยเชสุํ, ทนฺตํ รูปิยปกฺขรํ;

    ‘‘Tassa yānaṃ ayojesuṃ, dantaṃ rūpiyapakkharaṃ;

    สุกฺกมฎฺฐปริวารํ, ปณฺฑรํ โทสินา มุขํฯ

    Sukkamaṭṭhaparivāraṃ, paṇḍaraṃ dosinā mukhaṃ.

    ๑๑๗๒.

    1172.

    ‘‘ตตฺราสุํ กุมุทายุตฺตา, จตฺตาโร สินฺธวา หยา;

    ‘‘Tatrāsuṃ kumudāyuttā, cattāro sindhavā hayā;

    อนิลูปมสมุปฺปาตา, สุทนฺตา โสณฺณมาลิโนฯ

    Anilūpamasamuppātā, sudantā soṇṇamālino.

    ๑๑๗๓.

    1173.

    ‘‘เสตจฺฉตฺตํ เสตรโถ, เสตสฺสา เสตพีชนี;

    ‘‘Setacchattaṃ setaratho, setassā setabījanī;

    เวเทโห สหมเจฺจหิ, นิยฺยํ จโนฺทว โสภติฯ

    Vedeho sahamaccehi, niyyaṃ candova sobhati.

    ๑๑๗๔.

    1174.

    ‘‘ตมนุยายิํสุ พหโว, อินฺทิขคฺคธรา พลี;

    ‘‘Tamanuyāyiṃsu bahavo, indikhaggadharā balī;

    อสฺสปิฎฺฐิคตา วีรา, นรา นรวราธิปํฯ

    Assapiṭṭhigatā vīrā, narā naravarādhipaṃ.

    ๑๑๗๕.

    1175.

    ‘‘โส มุหุตฺตํว ยายิตฺวา, ยานา โอรุยฺห ขตฺติโย;

    ‘‘So muhuttaṃva yāyitvā, yānā oruyha khattiyo;

    เวเทโห สหมเจฺจหิ, ปตฺตี คุณมุปาคมิฯ

    Vedeho sahamaccehi, pattī guṇamupāgami.

    ๑๑๗๖.

    1176.

    ‘‘เยปิ ตตฺถ ตทา อาสุํ, พฺราหฺมณิพฺภา สมาคตา;

    ‘‘Yepi tattha tadā āsuṃ, brāhmaṇibbhā samāgatā;

    น เต อปนยี ราชา, อกตํ ภูมิมาคเต’’ติฯ

    Na te apanayī rājā, akataṃ bhūmimāgate’’ti.

    ตตฺถ ตสฺส ยานนฺติ ตสฺส รโญฺญ รถํ โยชยิํสุฯ ทนฺตนฺติ ทนฺตมยํฯ รูปิยปกฺขรนฺติ รชตมยอุปกฺขรํฯ สุกฺกมฎฺฐปริวารนฺติ ปริสุทฺธาผรุสปริวารํฯ โทสินา มุขนฺติ วิคตโทสาย รตฺติยา มุขํ วิย, จนฺทสทิสนฺติ อโตฺถฯ ตตฺราสุนฺติ ตตฺร อเหสุํฯ กุมุทาติ กุมุทวณฺณาฯ สินฺธวาติ สินฺธวชาติกาฯ อนิลูปมสมุปฺปาตาติ วาตสทิสเวคาฯ เสตจฺฉตฺตนฺติ ตสฺมิํ รเถ สมุสฺสาปิตํ ฉตฺตมฺปิ เสตํ อโหสิฯ เสตรโถติ โสปิ รโถ เสโตเยวฯ เสตสฺสาติ อสฺสาปิ เสตาฯ เสตพีชนีติ พีชนีปิ เสตาฯ นิยฺยนฺติ เตน รเถน นิคฺคจฺฉโนฺต อมจฺจคณปริวุโต เวเทหราชา จโนฺท วิย โสภติฯ

    Tattha tassa yānanti tassa rañño rathaṃ yojayiṃsu. Dantanti dantamayaṃ. Rūpiyapakkharanti rajatamayaupakkharaṃ. Sukkamaṭṭhaparivāranti parisuddhāpharusaparivāraṃ. Dosinā mukhanti vigatadosāya rattiyā mukhaṃ viya, candasadisanti attho. Tatrāsunti tatra ahesuṃ. Kumudāti kumudavaṇṇā. Sindhavāti sindhavajātikā. Anilūpamasamuppātāti vātasadisavegā. Setacchattanti tasmiṃ rathe samussāpitaṃ chattampi setaṃ ahosi. Setarathoti sopi ratho setoyeva. Setassāti assāpi setā. Setabījanīti bījanīpi setā. Niyyanti tena rathena niggacchanto amaccagaṇaparivuto vedeharājā cando viya sobhati.

    นรวราธิปนฺติ นรวรานํ อธิปติํ ราชาธิราชานํฯ โส มุหุตฺตํว ยายิตฺวาติ โส ราชา มุหุเตฺตเนว อุยฺยานํ คนฺตฺวาฯ ปตฺตี คุณมุปาคมีติ ปตฺติโกว คุณํ อาชีวกํ อุปาคมิฯ เยปิ ตตฺถ ตทา อาสุนฺติ เยปิ ตสฺมิํ อุยฺยาเน ตทา ปุเรตรํ คนฺตฺวา ตํ อาชีวกํ ปยิรุปาสมานา นิสินฺนา อเหสุํฯ น เต อปนยีติ อมฺหากเมว โทโส, เย มยํ ปจฺฉา อคมิมฺหา, ตุเมฺห มา จินฺตยิตฺถาติ เต พฺราหฺมเณ จ อิเพฺภ จ รโญฺญเยว อตฺถาย อกตํ อกโตกาสํ ภูมิํ สมาคเต น อุสฺสารณํ กาเรตฺวา อปนยีติฯ

    Naravarādhipanti naravarānaṃ adhipatiṃ rājādhirājānaṃ. So muhuttaṃva yāyitvāti so rājā muhutteneva uyyānaṃ gantvā. Pattī guṇamupāgamīti pattikova guṇaṃ ājīvakaṃ upāgami. Yepi tattha tadā āsunti yepi tasmiṃ uyyāne tadā puretaraṃ gantvā taṃ ājīvakaṃ payirupāsamānā nisinnā ahesuṃ. Na te apanayīti amhākameva doso, ye mayaṃ pacchā agamimhā, tumhe mā cintayitthāti te brāhmaṇe ca ibbhe ca raññoyeva atthāya akataṃ akatokāsaṃ bhūmiṃ samāgate na ussāraṇaṃ kāretvā apanayīti.

    ตาย ปน โอมิสฺสกปริสาย ปริวุโตว เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ปฎิสนฺถารมกาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Tāya pana omissakaparisāya parivutova ekamantaṃ nisīditvā paṭisanthāramakāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๑๑๗๗.

    1177.

    ‘‘ตโต โส มุทุกา ภิสิยา, มุทุจิตฺตกสนฺถเต;

    ‘‘Tato so mudukā bhisiyā, muducittakasanthate;

    มุทุปจฺจตฺถเต ราชา, เอกมนฺตํ อุปาวิสิฯ

    Mudupaccatthate rājā, ekamantaṃ upāvisi.

    ๑๑๗๘.

    1178.

    ‘‘นิสชฺช ราชา สโมฺมทิ, กถํ สารณิยํ ตโต;

    ‘‘Nisajja rājā sammodi, kathaṃ sāraṇiyaṃ tato;

    ‘กจฺจิ ยาปนิยํ ภเนฺต, วาตานมวิยคฺคตาฯ

    ‘Kacci yāpaniyaṃ bhante, vātānamaviyaggatā.

    ๑๑๗๙.

    1179.

    ‘กจฺจิ อกสิรา วุตฺติ, ลภสิ ปิณฺฑยาปนํ;

    ‘Kacci akasirā vutti, labhasi piṇḍayāpanaṃ;

    อปฺปาพาโธ จสิ กจฺจิ, จกฺขุํ น ปริหายติ’ฯ

    Appābādho casi kacci, cakkhuṃ na parihāyati’.

    ๑๑๘๐.

    1180.

    ตํ คุโณ ปฎิสโมฺมทิ, เวเทหํ วินเย รตํ;

    Taṃ guṇo paṭisammodi, vedehaṃ vinaye rataṃ;

    ‘ยาปนียํ มหาราช, สพฺพเมตํ ตทูภยํฯ

    ‘Yāpanīyaṃ mahārāja, sabbametaṃ tadūbhayaṃ.

    ๑๑๘๑.

    1181.

    ‘กจฺจิ ตุยฺหมฺปิ เวเทห, ปจฺจนฺตา น พลียเร;

    ‘Kacci tuyhampi vedeha, paccantā na balīyare;

    กจฺจิ อโรคํ โยคฺคํ เต, กจฺจิ วหติ วาหนํ;

    Kacci arogaṃ yoggaṃ te, kacci vahati vāhanaṃ;

    กจฺจิ เต พฺยาธโย นตฺถิ, สรีรสฺสุปตาปิยา’ฯ

    Kacci te byādhayo natthi, sarīrassupatāpiyā’.

    ๑๑๘๒.

    1182.

    ‘‘ปฎิสโมฺมทิโต ราชา, ตโต ปุจฺฉิ อนนฺตรา;

    ‘‘Paṭisammodito rājā, tato pucchi anantarā;

    อตฺถํ ธมฺมญฺจ ญายญฺจ, ธมฺมกาโม รเถสโภฯ

    Atthaṃ dhammañca ñāyañca, dhammakāmo rathesabho.

    ๑๑๘๓.

    1183.

    ‘กถํ ธมฺมํ จเร มโจฺจ, มาตาปิตูสุ กสฺสป;

    ‘Kathaṃ dhammaṃ care macco, mātāpitūsu kassapa;

    กถํ จเร อาจริเย, ปุตฺตทาเร กถํ จเรฯ

    Kathaṃ care ācariye, puttadāre kathaṃ care.

    ๑๑๘๔.

    1184.

    ‘กถํ จเรยฺย วุเฑฺฒสุ, กถํ สมณพฺราหฺมเณ;

    ‘Kathaṃ careyya vuḍḍhesu, kathaṃ samaṇabrāhmaṇe;

    กถญฺจ พลกายสฺมิํ, กถํ ชนปเท จเรฯ

    Kathañca balakāyasmiṃ, kathaṃ janapade care.

    ๑๑๘๕.

    1185.

    ‘กถํ ธมฺมํ จริตฺวาน, มจฺจา คจฺฉนฺติ สุคฺคติํ;

    ‘Kathaṃ dhammaṃ caritvāna, maccā gacchanti suggatiṃ;

    กถเญฺจเก อธมฺมฎฺฐา, ปตนฺติ นิรยํ อโถ’’’ติฯ

    Kathañceke adhammaṭṭhā, patanti nirayaṃ atho’’’ti.

    ตตฺถ มุทุกา ภิสิยาติ มุทุกาย สุขสมฺผสฺสาย ภิสิยาฯ มุทุจิตฺตกสนฺถเตติ สุขสมฺผเสฺส จิตฺตตฺถรเณฯ มุทุปจฺจตฺถเตติ มุทุนา ปจฺจตฺถรเณน ปจฺจตฺถเตฯ สโมฺมทีติ อาชีวเกน สทฺธิํ สโมฺมทนียํ กถํ กเถสิฯ ตโตติ ตโต นิสชฺชนโต อนนฺตรเมว สารณียํ กถํ กเถสีติ อโตฺถฯ ตตฺถ กจฺจิ ยาปนิยนฺติ กจฺจิ เต, ภเนฺต, สรีรํ ปจฺจเยหิ ยาเปตุํ สกฺกาฯ วาตานมวิยคฺคตาติ กจฺจิ เต สรีเร ธาตุโย สมปฺปวตฺตา, วาตานํ พฺยคฺคตา นตฺถิ, ตตฺถ ตตฺถ วคฺควคฺคา หุตฺวา วาตา น พาธยนฺตีติ อโตฺถฯ

    Tattha mudukā bhisiyāti mudukāya sukhasamphassāya bhisiyā. Muducittakasanthateti sukhasamphasse cittattharaṇe. Mudupaccatthateti mudunā paccattharaṇena paccatthate. Sammodīti ājīvakena saddhiṃ sammodanīyaṃ kathaṃ kathesi. Tatoti tato nisajjanato anantarameva sāraṇīyaṃ kathaṃ kathesīti attho. Tattha kacci yāpaniyanti kacci te, bhante, sarīraṃ paccayehi yāpetuṃ sakkā. Vātānamaviyaggatāti kacci te sarīre dhātuyo samappavattā, vātānaṃ byaggatā natthi, tattha tattha vaggavaggā hutvā vātā na bādhayantīti attho.

    อกสิราติ นิทฺทุกฺขาฯ วุตฺตีติ ชีวิตวุตฺติฯ อปฺปาพาโธติ อิริยาปถภญฺชเกนาพาเธน วิรหิโต ฯ จกฺขุนฺติ กจฺจิ เต จกฺขุอาทีนิ อินฺทฺริยานิ น ปริหายนฺตีติ ปุจฺฉติฯ ปฎิสโมฺมทีติ สโมฺมทนียกถาย ปฎิกเถสิฯ ตตฺถ สพฺพเมตนฺติ ยํ ตยา วุตฺตํ วาตานมวิยคฺคตาทิ, ตํ สพฺพํ ตเถวฯ ตทุภยนฺติ ยมฺปิ ตยา ‘‘อปฺปาพาโธ จสิ กจฺจิ, จกฺขุํ น ปริหายตี’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ อุภยํ ตเถวฯ

    Akasirāti niddukkhā. Vuttīti jīvitavutti. Appābādhoti iriyāpathabhañjakenābādhena virahito . Cakkhunti kacci te cakkhuādīni indriyāni na parihāyantīti pucchati. Paṭisammodīti sammodanīyakathāya paṭikathesi. Tattha sabbametanti yaṃ tayā vuttaṃ vātānamaviyaggatādi, taṃ sabbaṃ tatheva. Tadubhayanti yampi tayā ‘‘appābādho casi kacci, cakkhuṃ na parihāyatī’’ti vuttaṃ, tampi ubhayaṃ tatheva.

    น พลียเรติ นาภิภวนฺติ น กุปฺปนฺติฯ อนนฺตราติ ปฎิสนฺถารโต อนนฺตรา ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ ตตฺถ อตฺถํ ธมฺมญฺจ ญายญฺจาติ ปาฬิอตฺถญฺจ ปาฬิญฺจ การณยุตฺติญฺจ ฯ โส หิ ‘‘กถํ ธมฺมํ จเร’’ติ ปุจฺฉโนฺต มาตาปิตุอาทีสุ ปฎิปตฺติทีปกํ ปาฬิญฺจ ปาฬิอตฺถญฺจ การณยุตฺติญฺจ เม กเถถาติ อิมํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ ญายญฺจ ปุจฺฉติฯ ตตฺถ กถเญฺจเก อธมฺมฎฺฐาติ เอกเจฺจ อธเมฺม ฐิตา กถํ นิรยเญฺจว อโถ เสสอปาเย จ ปตนฺตีติ สพฺพญฺญุพุทฺธปเจฺจกพุทฺธพุทฺธสาวกมหาโพธิสเตฺตสุ ปุริมสฺส ปุริมสฺส อลาเภน ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ ปุจฺฉิตพฺพกํ มเหสกฺขปญฺหํ ราชา กิญฺจิ อชานนฺตํ นคฺคโภคฺคํ นิสฺสิริกํ อนฺธพาลํ อาชีวกํ ปุจฺฉิฯ

    Na balīyareti nābhibhavanti na kuppanti. Anantarāti paṭisanthārato anantarā pañhaṃ pucchi. Tattha atthaṃ dhammañca ñāyañcāti pāḷiatthañca pāḷiñca kāraṇayuttiñca . So hi ‘‘kathaṃ dhammaṃ care’’ti pucchanto mātāpituādīsu paṭipattidīpakaṃ pāḷiñca pāḷiatthañca kāraṇayuttiñca me kathethāti imaṃ atthañca dhammañca ñāyañca pucchati. Tattha kathañceke adhammaṭṭhāti ekacce adhamme ṭhitā kathaṃ nirayañceva atho sesaapāye ca patantīti sabbaññubuddhapaccekabuddhabuddhasāvakamahābodhisattesu purimassa purimassa alābhena pacchimaṃ pacchimaṃ pucchitabbakaṃ mahesakkhapañhaṃ rājā kiñci ajānantaṃ naggabhoggaṃ nissirikaṃ andhabālaṃ ājīvakaṃ pucchi.

    โสปิ เอวํ ปุจฺฉิโต ปุจฺฉานุรูปํ พฺยากรณํ อทิสฺวา จรนฺตํ โคณํ ทเณฺฑน ปหรโนฺต วิย ภตฺตปาติยํ กจวรํ ขิปโนฺต วิย จ ‘‘สุณ, มหาราชา’’ติ โอกาสํ กาเรตฺวา อตฺตโน มิจฺฉาวาทํ ปฎฺฐเปสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Sopi evaṃ pucchito pucchānurūpaṃ byākaraṇaṃ adisvā carantaṃ goṇaṃ daṇḍena paharanto viya bhattapātiyaṃ kacavaraṃ khipanto viya ca ‘‘suṇa, mahārājā’’ti okāsaṃ kāretvā attano micchāvādaṃ paṭṭhapesi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๑๑๘๖.

    1186.

    ‘‘เวเทหสฺส วโจ สุตฺวา, กสฺสโป เอตทพฺรวิ;

    ‘‘Vedehassa vaco sutvā, kassapo etadabravi;

    ‘สุโณหิ เม มหาราช, สจฺจํ อวิตถํ ปทํฯ

    ‘Suṇohi me mahārāja, saccaṃ avitathaṃ padaṃ.

    ๑๑๘๗.

    1187.

    ‘นตฺถิ ธมฺมจริตสฺส, ผลํ กลฺยาณปาปกํ;

    ‘Natthi dhammacaritassa, phalaṃ kalyāṇapāpakaṃ;

    นตฺถิ เทว ปโร โลโก, โก ตโต หิ อิธาคโตฯ

    Natthi deva paro loko, ko tato hi idhāgato.

    ๑๑๘๘.

    1188.

    ‘นตฺถิ เทว ปิตโร วา, กุโต มาตา กุโต ปิตา;

    ‘Natthi deva pitaro vā, kuto mātā kuto pitā;

    นตฺถิ อาจริโย นาม, อทนฺตํ โก ทเมสฺสติฯ

    Natthi ācariyo nāma, adantaṃ ko damessati.

    ๑๑๘๙.

    1189.

    ‘สมตุลฺยานิ ภูตานิ, นตฺถิ เชฎฺฐาปจายิกา;

    ‘Samatulyāni bhūtāni, natthi jeṭṭhāpacāyikā;

    นตฺถิ พลํ วีริยํ วา, กุโต อุฎฺฐานโปริสํ;

    Natthi balaṃ vīriyaṃ vā, kuto uṭṭhānaporisaṃ;

    นิยตานิ หิ ภูตานิ, ยถา โคฎวิโส ตถาฯ

    Niyatāni hi bhūtāni, yathā goṭaviso tathā.

    ๑๑๙๐.

    1190.

    ‘ลเทฺธยฺยํ ลภเต มโจฺจ, ตตฺถ ทานผลํ กุโต;

    ‘Laddheyyaṃ labhate macco, tattha dānaphalaṃ kuto;

    นตฺถิ ทานผลํ เทว, อวโส เทววีริโยฯ

    Natthi dānaphalaṃ deva, avaso devavīriyo.

    ๑๑๙๑.

    1191.

    ‘พาเลหิ ทานํ ปญฺญตฺตํ, ปณฺฑิเตหิ ปฎิจฺฉิตํ;

    ‘Bālehi dānaṃ paññattaṃ, paṇḍitehi paṭicchitaṃ;

    อวสา เทนฺติ ธีรานํ, พาลา ปณฺฑิตมานิโน’’’ติฯ

    Avasā denti dhīrānaṃ, bālā paṇḍitamānino’’’ti.

    ตตฺถ อิธาคโตติ ตโต ปรโลกโต อิธาคโต นาม นตฺถิฯ นตฺถิ เทว ปิตโร วาติ เทว, อยฺยกเปยฺยกาทโย วา นตฺถิ, เตสุ อสเนฺตสุ กุโต มาตา กุโต ปิตาฯ ยถา โคฎวิโส ตถาติ โคฎวิโส วุจฺจติ ปจฺฉาพโนฺธ, ยถา นาวาย ปจฺฉาพโนฺธ นาวเมว อนุคจฺฉติ, ตถา อิเม สตฺตา นิยตเมว อนุคจฺฉนฺตีติ วทติฯ อวโส เทววีริโยติ เอวํ ทานผเล อสติ โย โกจิ พาโล ทานํ เทติ, โส อวโส อวีริโย น อตฺตโน วเสน พเลน เทติ, ทานผลํ ปน อตฺถีติ สญฺญาย อเญฺญสํ อนฺธพาลานํ สทฺทหิตฺวา เทตีติ ทีเปติฯ พาเลหิ ทานํ ปญฺญตฺตนฺติ ‘‘ทานํ ทาตพฺพ’’นฺติ อนฺธพาเลหิ ปญฺญตฺตํ อนุญฺญาตํ, ตํ ทานํ พาลาเยว เทนฺติ, ปณฺฑิตา ปฎิคฺคณฺหนฺติฯ

    Tattha idhāgatoti tato paralokato idhāgato nāma natthi. Natthi deva pitaro vāti deva, ayyakapeyyakādayo vā natthi, tesu asantesu kuto mātā kuto pitā. Yathā goṭavisotathāti goṭaviso vuccati pacchābandho, yathā nāvāya pacchābandho nāvameva anugacchati, tathā ime sattā niyatameva anugacchantīti vadati. Avaso devavīriyoti evaṃ dānaphale asati yo koci bālo dānaṃ deti, so avaso avīriyo na attano vasena balena deti, dānaphalaṃ pana atthīti saññāya aññesaṃ andhabālānaṃ saddahitvā detīti dīpeti. Bālehi dānaṃ paññattanti ‘‘dānaṃ dātabba’’nti andhabālehi paññattaṃ anuññātaṃ, taṃ dānaṃ bālāyeva denti, paṇḍitā paṭiggaṇhanti.

    เอวํ ทานสฺส นิปฺผลตํ วเณฺณตฺวา อิทานิ ปาปสฺส นิปฺผลภาวํ วเณฺณตุํ อาห –

    Evaṃ dānassa nipphalataṃ vaṇṇetvā idāni pāpassa nipphalabhāvaṃ vaṇṇetuṃ āha –

    ๑๑๙๒.

    1192.

    ‘‘สตฺติเม สสฺสตา กายา, อเจฺฉชฺชา อวิโกปิโน;

    ‘‘Sattime sassatā kāyā, acchejjā avikopino;

    เตโช ปถวี อาโป จ, วาโย สุขํ ทุขญฺจิเม;

    Tejo pathavī āpo ca, vāyo sukhaṃ dukhañcime;

    ชีเว จ สตฺติเม กายา, เยสํ เฉตฺตา น วิชฺชติฯ

    Jīve ca sattime kāyā, yesaṃ chettā na vijjati.

    ๑๑๙๓.

    1193.

    ‘‘นตฺถิ หนฺตา ว เฉตฺตา วา, หเญฺญ เยวาปิ โกจิ นํ;

    ‘‘Natthi hantā va chettā vā, haññe yevāpi koci naṃ;

    อนฺตเรเนว กายานํ, สตฺถานิ วีติวตฺตเรฯ

    Antareneva kāyānaṃ, satthāni vītivattare.

    ๑๑๙๔.

    1194.

    ‘‘โย จาปิ สิรมาทาย, ปเรสํ นิสิตาสินา;

    ‘‘Yo cāpi siramādāya, paresaṃ nisitāsinā;

    น โส ฉินฺทติ เต กาเย, ตตฺถ ปาปผลํ กุโตฯ

    Na so chindati te kāye, tattha pāpaphalaṃ kuto.

    ๑๑๙๕.

    1195.

    ‘‘จุลฺลาสีติมหากเปฺป, สเพฺพ สุชฺฌนฺติ สํสรํ;

    ‘‘Cullāsītimahākappe, sabbe sujjhanti saṃsaraṃ;

    อนาคเต ตมฺหิ กาเล, สญฺญโตปิ น สุชฺฌติฯ

    Anāgate tamhi kāle, saññatopi na sujjhati.

    ๑๑๙๖.

    1196.

    ‘‘จริตฺวาปิ พหุํ ภทฺรํ, เนว สุชฺฌนฺตินาคเต;

    ‘‘Caritvāpi bahuṃ bhadraṃ, neva sujjhantināgate;

    ปาปเญฺจปิ พหุํ กตฺวา, ตํ ขณํ นาติวตฺตเรฯ

    Pāpañcepi bahuṃ katvā, taṃ khaṇaṃ nātivattare.

    ๑๑๙๗.

    1197.

    ‘‘อนุปุเพฺพน โน สุทฺธิ, กปฺปานํ จุลฺลสีติยา;

    ‘‘Anupubbena no suddhi, kappānaṃ cullasītiyā;

    นิยติํ นาติวตฺตาม, เวลนฺตมิว สาคโร’’ติฯ

    Niyatiṃ nātivattāma, velantamiva sāgaro’’ti.

    ตตฺถ กายาติ สมูหาฯ อวิโกปิโนติ วิโกเปตุํ น สกฺกาฯ ชีเวติ ชีโวฯ ‘‘ชีโว’’ติปิ ปาโฐ, อยเมว อโตฺถฯ สตฺติเม กายาติ อิเม สตฺต กายาฯ หเญฺญ เยวาปิ โกจิ นนฺติ โย หเญฺญยฺย, โสปิ นเตฺถวฯ วีติวตฺตเรติ อิเมสํ สตฺตนฺนํ กายานํ อนฺตเรเยว จรนฺติ , ฉินฺทิตุํ น สโกฺกนฺติฯ สิรมาทายาติ ปเรสํ สีสํ คเหตฺวาฯ นิสิตาสินาติ นิสิเตน อสินา ฉินฺทติ, น โส ฉินฺทตีติ โสปิ เต กาเย น ฉินฺทติ, ปถวี ปถวิเมว อุเปติ, อาปาทโย อาปาทิเก, สุขทุกฺขชีวา อากาสํ ปกฺขนฺทนฺตีติ ทเสฺสติฯ

    Tattha kāyāti samūhā. Avikopinoti vikopetuṃ na sakkā. Jīveti jīvo. ‘‘Jīvo’’tipi pāṭho, ayameva attho. Sattime kāyāti ime satta kāyā. Haññe yevāpi koci nanti yo haññeyya, sopi nattheva. Vītivattareti imesaṃ sattannaṃ kāyānaṃ antareyeva caranti , chindituṃ na sakkonti. Siramādāyāti paresaṃ sīsaṃ gahetvā. Nisitāsināti nisitena asinā chindati, na so chindatīti sopi te kāye na chindati, pathavī pathavimeva upeti, āpādayo āpādike, sukhadukkhajīvā ākāsaṃ pakkhandantīti dasseti.

    สํสรนฺติ มหาราช, อิเม สตฺตา อิมํ ปถวิํ เอกมํสขลํ กตฺวาปิ เอตฺตเก กเปฺป สํสรนฺตา สุชฺฌนฺติฯ อญฺญตฺร หิ สํสารา สเตฺต โสเธตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิ, สเพฺพ สํสาเรเนว สุชฺฌนฺติฯ อนาคเต ตมฺหิ กาเลติ ยถาวุเตฺต ปน เอตสฺมิํ กาเล อนาคเต อปฺปเตฺต อนฺตรา สญฺญโตปิ ปริสุทฺธสีโลปิ น สุชฺฌติฯ ตํ ขณนฺติ ตํ วุตฺตปฺปการํ กาลํฯ อนุปุเพฺพน โน สุทฺธีติ อมฺหากํ วาเท อนุปุเพฺพน สุทฺธิ, สเพฺพสํ อมฺหากํ อนุปุเพฺพน สุทฺธิ ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ อิติ โส อุเจฺฉทวาโท อตฺตโน ถาเมน สกวาทํ นิปฺปเทสโต กเถสีติฯ

    Saṃsaranti mahārāja, ime sattā imaṃ pathaviṃ ekamaṃsakhalaṃ katvāpi ettake kappe saṃsarantā sujjhanti. Aññatra hi saṃsārā satte sodhetuṃ samattho nāma natthi, sabbe saṃsāreneva sujjhanti. Anāgate tamhi kāleti yathāvutte pana etasmiṃ kāle anāgate appatte antarā saññatopi parisuddhasīlopi na sujjhati. Taṃkhaṇanti taṃ vuttappakāraṃ kālaṃ. Anupubbena no suddhīti amhākaṃ vāde anupubbena suddhi, sabbesaṃ amhākaṃ anupubbena suddhi bhavissatīti attho. Iti so ucchedavādo attano thāmena sakavādaṃ nippadesato kathesīti.

    ๑๑๙๘.

    1198.

    ‘‘กสฺสปสฺส วโจ สุตฺวา, อลาโต เอตทพฺรวิ;

    ‘‘Kassapassa vaco sutvā, alāto etadabravi;

    ‘‘ยถา ภทโนฺต ภณติ, มยฺหเมฺปตํว รุจฺจติฯ

    ‘‘Yathā bhadanto bhaṇati, mayhampetaṃva ruccati.

    ๑๑๙๙.

    1199.

    ‘อหมฺปิ ปุริมํ ชาติํ, สเร สํสริตตฺตโน;

    ‘Ahampi purimaṃ jātiṃ, sare saṃsaritattano;

    ปิงฺคโล นามหํ อาสิํ, ลุโทฺท โคฆาตโก ปุเรฯ

    Piṅgalo nāmahaṃ āsiṃ, luddo goghātako pure.

    ๑๒๐๐.

    1200.

    ‘พาราณสิยํ ผีตายํ, พหุํ ปาปํ มยา กตํ;

    ‘Bārāṇasiyaṃ phītāyaṃ, bahuṃ pāpaṃ mayā kataṃ;

    พหู มยา หตา ปาณา, มหิํสา สูกรา อชาฯ

    Bahū mayā hatā pāṇā, mahiṃsā sūkarā ajā.

    ๑๒๐๑.

    1201.

    ‘ตโต จุโต อิธ ชาโต, อิเทฺธ เสนาปตีกุเล;

    ‘Tato cuto idha jāto, iddhe senāpatīkule;

    นตฺถิ นูน ผลํ ปาปํ, โยหํ น นิรยํ คโต’’’ติฯ

    Natthi nūna phalaṃ pāpaṃ, yohaṃ na nirayaṃ gato’’’ti.

    ตตฺถ อลาโต เอตทพฺรวีติ โส กิร กสฺสปทสพลสฺส เจติเย อโนชปุปฺผทาเมน ปูชํ กตฺวา มรณสมเย อเญฺญน กเมฺมน ยถานุภาวํ ขิโตฺต สํสาเร สํสรโนฺต เอกสฺส ปาปกมฺมสฺส นิสฺสเนฺทน โคฆาตกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พหุํ ปาปมกาสิฯ อถสฺส มรณกาเล ภสฺมปฎิจฺฉโนฺน วิย อคฺคิ เอตฺตกํ กาลํ ฐิตํ ตํ ปุญฺญกมฺมํ โอกาสมกาสิฯ โส ตสฺสานุภาเวน อิธ นิพฺพตฺติตฺวา ตํ วิภูติํ ปโตฺต, ชาติํ สรโนฺต ปน อตีตานนฺตรโต ปรํ ปริสริตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘โคฆาตกกมฺมํ กตฺวา อิธ นิพฺพโตฺตสฺมี’’ติ สญฺญาย ตสฺส วาทํ อุปตฺถเมฺภโนฺต อิทํ ‘‘ยถา ภทโนฺต ภณตี’’ติอาทิวจนํ อพฺรวิฯ ตตฺถ สเร สํสริตตฺตโนติ อตฺตโน สํสริตํ สรามิฯ เสนาปตีกุเลติ เสนาปติกุลมฺหิฯ

    Tattha alāto etadabravīti so kira kassapadasabalassa cetiye anojapupphadāmena pūjaṃ katvā maraṇasamaye aññena kammena yathānubhāvaṃ khitto saṃsāre saṃsaranto ekassa pāpakammassa nissandena goghātakakule nibbattitvā bahuṃ pāpamakāsi. Athassa maraṇakāle bhasmapaṭicchanno viya aggi ettakaṃ kālaṃ ṭhitaṃ taṃ puññakammaṃ okāsamakāsi. So tassānubhāvena idha nibbattitvā taṃ vibhūtiṃ patto, jātiṃ saranto pana atītānantarato paraṃ parisarituṃ asakkonto ‘‘goghātakakammaṃ katvā idha nibbattosmī’’ti saññāya tassa vādaṃ upatthambhento idaṃ ‘‘yathā bhadanto bhaṇatī’’tiādivacanaṃ abravi. Tattha sare saṃsaritattanoti attano saṃsaritaṃ sarāmi. Senāpatīkuleti senāpatikulamhi.

    ๑๒๐๒.

    1202.

    ‘‘อเถตฺถ พีชโก นาม, ทาโส อาสิ ปฎจฺจรี;

    ‘‘Athettha bījako nāma, dāso āsi paṭaccarī;

    อุโปสถํ อุปวสโนฺต, คุณสนฺติกุปาคมิฯ

    Uposathaṃ upavasanto, guṇasantikupāgami.

    ๑๒๐๓.

    1203.

    ‘‘กสฺสปสฺส วโจ สุตฺวา, อลาตสฺส จ ภาสิตํ;

    ‘‘Kassapassa vaco sutvā, alātassa ca bhāsitaṃ;

    ปสฺสสโนฺต มุหุํ อุณฺหํ, รุทํ อสฺสูนิ วตฺตยี’’ติฯ

    Passasanto muhuṃ uṇhaṃ, rudaṃ assūni vattayī’’ti.

    ตตฺถ อเถตฺถาติ อถ เอตฺถ เอติสฺสํ มิถิลายํฯ ปฎจฺจรีติ ทลิโทฺท กปโณ อโหสิฯ คุณสนฺติกุปาคมีติ คุณสฺส สนฺติกํ กิญฺจิเทว การณํ โสสฺสามีติ อุปคโตติ เวทิตโพฺพฯ

    Tattha athetthāti atha ettha etissaṃ mithilāyaṃ. Paṭaccarīti daliddo kapaṇo ahosi. Guṇasantikupāgamīti guṇassa santikaṃ kiñcideva kāraṇaṃ sossāmīti upagatoti veditabbo.

    ๑๒๐๔.

    1204.

    ‘‘ตมนุปุจฺฉิ เวเทโห, ‘กิมตฺถํ สมฺม โรทสิ;

    ‘‘Tamanupucchi vedeho, ‘kimatthaṃ samma rodasi;

    กิํ เต สุตํ วา ทิฎฺฐํ วา, กิํ มํ เวเทสิ เวทน’’’นฺติฯ

    Kiṃ te sutaṃ vā diṭṭhaṃ vā, kiṃ maṃ vedesi vedana’’’nti.

    ตตฺถ กิํ มํ เวเทสิ เวทนนฺติ กิํ นาม ตฺวํ กายิกํ วา เจตสิกํ วา เวทนํ ปโตฺตยํ, เอวํ โรทโนฺต มํ เวเทสิ ชานาเปสิ, อุตฺตานเมว นํ กตฺวา มยฺหํ อาจิกฺขาหีติฯ

    Tattha kiṃ maṃ vedesi vedananti kiṃ nāma tvaṃ kāyikaṃ vā cetasikaṃ vā vedanaṃ pattoyaṃ, evaṃ rodanto maṃ vedesi jānāpesi, uttānameva naṃ katvā mayhaṃ ācikkhāhīti.

    ๑๒๐๕.

    1205.

    ‘‘เวเทหสฺส วโจ สุตฺวา, พีชโก เอตทพฺรวิ;

    ‘‘Vedehassa vaco sutvā, bījako etadabravi;

    ‘นตฺถิ เม เวทนา ทุกฺขา, มหาราช สุโณหิ เมฯ

    ‘Natthi me vedanā dukkhā, mahārāja suṇohi me.

    ๑๒๐๖.

    1206.

    ‘อหมฺปิ ปุริมํ ชาติํ, สรามิ สุขมตฺตโน;

    ‘Ahampi purimaṃ jātiṃ, sarāmi sukhamattano;

    สาเกตาหํ ปุเร อาสิํ, ภาวเสฎฺฐิ คุเณ รโตฯ

    Sāketāhaṃ pure āsiṃ, bhāvaseṭṭhi guṇe rato.

    ๑๒๐๗.

    1207.

    ‘สมฺมโต พฺราหฺมณิพฺภานํ, สํวิภาครโต สุจิ;

    ‘Sammato brāhmaṇibbhānaṃ, saṃvibhāgarato suci;

    น จาปิ ปาปกํ กมฺมํ, สรามิ กตมตฺตโนฯ

    Na cāpi pāpakaṃ kammaṃ, sarāmi katamattano.

    ๑๒๐๘.

    1208.

    ‘ตโต จุตาหํ เวเทห, อิธ ชาโต ทุริตฺถิยา;

    ‘Tato cutāhaṃ vedeha, idha jāto duritthiyā;

    คพฺภมฺหิ กุมฺภทาสิยา, ยโต ชาโต สุทุคฺคโตฯ

    Gabbhamhi kumbhadāsiyā, yato jāto suduggato.

    ๑๒๐๙.

    1209.

    ‘เอวมฺปิ ทุคฺคโต สโนฺต, สมจริยํ อธิฎฺฐิโต;

    ‘Evampi duggato santo, samacariyaṃ adhiṭṭhito;

    อุปฑฺฒภาคํ ภตฺตสฺส, ททามิ โย เม อิจฺฉติฯ

    Upaḍḍhabhāgaṃ bhattassa, dadāmi yo me icchati.

    ๑๒๑๐.

    1210.

    ‘จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสิํ, สทา อุปวสามหํ;

    ‘Cātuddasiṃ pañcadasiṃ, sadā upavasāmahaṃ;

    น จาปิ ภูเต หิํสามิ, เถยฺยํ จาปิ วิวชฺชยิํฯ

    Na cāpi bhūte hiṃsāmi, theyyaṃ cāpi vivajjayiṃ.

    ๑๒๑๑.

    1211.

    ‘สพฺพเมว หิ นูเนตํ, สุจิณฺณํ ภวติ นิปฺผลํ;

    ‘Sabbameva hi nūnetaṃ, suciṇṇaṃ bhavati nipphalaṃ;

    นิรตฺถํ มญฺญิทํ สีลํ, อลาโต ภาสตี ยถาฯ

    Niratthaṃ maññidaṃ sīlaṃ, alāto bhāsatī yathā.

    ๑๒๑๒.

    1212.

    ‘กลิเมว นูน คณฺหามิ, อสิโปฺป ธุตฺตโก ยถา;

    ‘Kalimeva nūna gaṇhāmi, asippo dhuttako yathā;

    กฎํ อลาโต คณฺหาติ, กิตโวสิกฺขิโต ยถาฯ

    Kaṭaṃ alāto gaṇhāti, kitavosikkhito yathā.

    ๑๒๑๓.

    1213.

    ‘ทฺวารํ นปฺปฎิปสฺสามิ, เยน คจฺฉามิ สุคฺคติํ;

    ‘Dvāraṃ nappaṭipassāmi, yena gacchāmi suggatiṃ;

    ตสฺมา ราช ปโรทามิ, สุตฺวา กสฺสปภาสิต’’’นฺติฯ

    Tasmā rāja parodāmi, sutvā kassapabhāsita’’’nti.

    ตตฺถ ภาวเสฎฺฐีติ เอวํนามโก อสีติโกฎิวิภโว เสฎฺฐิฯ คุเณ รโตติ คุณมฺหิ รโตฯ สมฺมโตติ สมฺภาวิโต สํวณฺณิโตฯ สุจีติ สุจิกโมฺมฯ อิธ ชาโต ทุริตฺถิยาติ อิมสฺมิํ มิถิลนคเร ทลิทฺทิยา กปณาย กุมฺภทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ ชาโตสฺมีติฯ โส กิร ปุเพฺพ กสฺสปพุทฺธกาเล อรเญฺญ นฎฺฐํ พลิพทฺทํ คเวสมาโน เอเกน มคฺคมูเฬฺหน ภิกฺขุนา มคฺคํ ปุโฎฺฐ ตุณฺหี หุตฺวา ปุน เตน ปุจฺฉิโต กุชฺฌิตฺวา ‘‘สมณ, ทาสา นาม มุขรา โหนฺติ, ทาเสน ตยา ภวิตพฺพํ, อติมุขโรสี’’ติ อาหฯ ตํ กมฺมํ ตทา วิปากํ อทตฺวา ภสฺมจฺฉโนฺน วิย ปาวโก ฐิตํฯ มรณสมเย อญฺญํ กมฺมํ อุปฎฺฐาสิฯ โส ยถากมฺมํ สํสาเร สํสรโนฺต เอกสฺส กุสลกมฺมสฺส พเลน สาเกเต วุตฺตปฺปกาโร เสฎฺฐิ หุตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ อกาสิฯ ตํ ปนสฺส กมฺมํ ปถวิยํ นิหิตนิธิ วิย ฐิตํ โอกาสํ ลภิตฺวา วิปากํ ทสฺสติฯ ยํ ปน เตน ตํ ภิกฺขุํ อโกฺกสเนฺตน กตํ ปาปกมฺมํ, ตมสฺส ตสฺมิํ อตฺตภาเว วิปากํ อทาสิฯ โส อชานโนฺต ‘‘อิตรสฺส กลฺยาณกมฺมสฺส พเลน กุมฺภทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพโตฺตสฺมี’’ติ สญฺญาย เอวมาหฯ ยโต ชาโต สุทุคฺคโตติ โสหํ ชาตกาลโต ปฎฺฐาย อติทุคฺคโตติ ทีเปติฯ

    Tattha bhāvaseṭṭhīti evaṃnāmako asītikoṭivibhavo seṭṭhi. Guṇe ratoti guṇamhi rato. Sammatoti sambhāvito saṃvaṇṇito. Sucīti sucikammo. Idha jāto duritthiyāti imasmiṃ mithilanagare daliddiyā kapaṇāya kumbhadāsiyā kucchimhi jātosmīti. So kira pubbe kassapabuddhakāle araññe naṭṭhaṃ balibaddaṃ gavesamāno ekena maggamūḷhena bhikkhunā maggaṃ puṭṭho tuṇhī hutvā puna tena pucchito kujjhitvā ‘‘samaṇa, dāsā nāma mukharā honti, dāsena tayā bhavitabbaṃ, atimukharosī’’ti āha. Taṃ kammaṃ tadā vipākaṃ adatvā bhasmacchanno viya pāvako ṭhitaṃ. Maraṇasamaye aññaṃ kammaṃ upaṭṭhāsi. So yathākammaṃ saṃsāre saṃsaranto ekassa kusalakammassa balena sākete vuttappakāro seṭṭhi hutvā dānādīni puññāni akāsi. Taṃ panassa kammaṃ pathaviyaṃ nihitanidhi viya ṭhitaṃ okāsaṃ labhitvā vipākaṃ dassati. Yaṃ pana tena taṃ bhikkhuṃ akkosantena kataṃ pāpakammaṃ, tamassa tasmiṃ attabhāve vipākaṃ adāsi. So ajānanto ‘‘itarassa kalyāṇakammassa balena kumbhadāsiyā kucchimhi nibbattosmī’’ti saññāya evamāha. Yato jāto suduggatoti sohaṃ jātakālato paṭṭhāya atiduggatoti dīpeti.

    สมจริยมธิฎฺฐิโตติ สมจริยายเมว ปติฎฺฐิโตมฺหิฯ นูเนตนฺติ เอกํเสน เอตํฯ มญฺญิทํ สีลนฺติ เทว, อิทํ สีลํ นาม นิรตฺถกํ มเญฺญฯ อลาโตติ ยถา อยํ อลาตเสนาปติ ‘‘มยา ปุริมภเว พหุํ ปาณาติปาตกมฺมํ กตฺวา เสนาปติฎฺฐานํ ลทฺธ’’นฺติ ภาสติ, เตน การเณนาหํ นิรตฺถกํ สีลนฺติ มญฺญามิฯ กลิเมวาติ ยถา อสิโปฺป อสิกฺขิโต อกฺขธุโตฺต ปราชยคฺคาหํ คณฺหาติ, ตถา นูน คณฺหามิ, ปุริมภเว อตฺตโน สาปเตยฺยํ นาเสตฺวา อิทานิ ทุกฺขํ อนุภวามิฯ กสฺสปภาสิตนฺติ กสฺสปโคตฺตสฺส อเจลกสฺส ภาสิตํ สุตฺวาติ วทติฯ

    Samacariyamadhiṭṭhitoti samacariyāyameva patiṭṭhitomhi. Nūnetanti ekaṃsena etaṃ. Maññidaṃ sīlanti deva, idaṃ sīlaṃ nāma niratthakaṃ maññe. Alātoti yathā ayaṃ alātasenāpati ‘‘mayā purimabhave bahuṃ pāṇātipātakammaṃ katvā senāpatiṭṭhānaṃ laddha’’nti bhāsati, tena kāraṇenāhaṃ niratthakaṃ sīlanti maññāmi. Kalimevāti yathā asippo asikkhito akkhadhutto parājayaggāhaṃ gaṇhāti, tathā nūna gaṇhāmi, purimabhave attano sāpateyyaṃ nāsetvā idāni dukkhaṃ anubhavāmi. Kassapabhāsitanti kassapagottassa acelakassa bhāsitaṃ sutvāti vadati.

    ๑๒๑๔.

    1214.

    ‘‘พีชกสฺส วโจ สุตฺวา, ราชา องฺคติ มพฺรวิ;

    ‘‘Bījakassa vaco sutvā, rājā aṅgati mabravi;

    ‘นตฺถิ ทฺวารํ สุคติยา, นิยติํ กงฺข พีชกฯ

    ‘Natthi dvāraṃ sugatiyā, niyatiṃ kaṅkha bījaka.

    ๑๒๑๕.

    1215.

    ‘สุขํ วา ยทิ วา ทุกฺขํ, นิยติยา กิร ลพฺภติ;

    ‘Sukhaṃ vā yadi vā dukkhaṃ, niyatiyā kira labbhati;

    สํสารสุทฺธิ สเพฺพสํ, มา ตุริโตฺถ อนาคเตฯ

    Saṃsārasuddhi sabbesaṃ, mā turittho anāgate.

    ๑๒๑๖.

    1216.

    ‘อหมฺปิ ปุเพฺพ กลฺยาโณ, พฺราหฺมณิเพฺภสุ พฺยาวโฎ;

    ‘Ahampi pubbe kalyāṇo, brāhmaṇibbhesu byāvaṭo;

    โวหารมนุสาสโนฺต, รติหีโน ตทนฺตรา’’’ติฯ

    Vohāramanusāsanto, ratihīno tadantarā’’’ti.

    ตตฺถ องฺคติ มพฺรวีติ ปฐมเมว อิตเรสํ ทฺวินฺนํ, ปจฺฉา พีชกสฺสาติ ติณฺณํ วจนํ สุตฺวา ทฬฺหํ มิจฺฉาทิฎฺฐิํ คเหตฺวา เอตํ ‘‘นตฺถิ ทฺวาร’’นฺติอาทิวจนมพฺรวิฯ นิยติํ กงฺขาติ สมฺม พีชก, นิยติเมว โอโลเกหิฯ จุลฺลาสีติมหากปฺปปฺปมาโณ กาโลเยว หิ สเตฺต โสเธติ, ตฺวํ อติตุริโตติ อธิปฺปาเยเนวมาหฯ อนาคเตติ ตสฺมิํ กาเล อสมฺปเตฺต อนฺตราว เทวโลกํ คจฺฉามีติ มา ตุริโตฺถฯ พฺยาวโฎติ พฺราหฺมเณสุ จ คหปติเกสุ จ เตสํเยว กายเวยฺยาวจฺจทานาทิกมฺมกรเณน พฺยาวโฎ อโหสิํฯ โวหารนฺติ วินิจฺฉยฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา ราชกิจฺจํ โวหารํ อนุสาสโนฺตวฯ รติหีโน ตทนฺตราติ เอตฺตกํ กาลํ กามคุณรติยา ปริหีโนติฯ

    Tattha aṅgati mabravīti paṭhamameva itaresaṃ dvinnaṃ, pacchā bījakassāti tiṇṇaṃ vacanaṃ sutvā daḷhaṃ micchādiṭṭhiṃ gahetvā etaṃ ‘‘natthi dvāra’’ntiādivacanamabravi. Niyatiṃ kaṅkhāti samma bījaka, niyatimeva olokehi. Cullāsītimahākappappamāṇo kāloyeva hi satte sodheti, tvaṃ atituritoti adhippāyenevamāha. Anāgateti tasmiṃ kāle asampatte antarāva devalokaṃ gacchāmīti mā turittho. Byāvaṭoti brāhmaṇesu ca gahapatikesu ca tesaṃyeva kāyaveyyāvaccadānādikammakaraṇena byāvaṭo ahosiṃ. Vohāranti vinicchayaṭṭhāne nisīditvā rājakiccaṃ vohāraṃ anusāsantova. Ratihīno tadantarāti ettakaṃ kālaṃ kāmaguṇaratiyā parihīnoti.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา ‘‘ภเนฺต กสฺสป, มยํ เอตฺตกํ กาลํ ปมชฺชิมฺหา, อิทานิ ปน อเมฺหหิ อาจริโย ลโทฺธ, อิโต ปฎฺฐาย กามรติเมว อนุภวิสฺสาม, ตุมฺหากํ สนฺติเก อิโต อุตฺตริ ธมฺมสฺสวนมฺปิ โน ปปโญฺจ ภวิสฺสติ, ติฎฺฐถ ตุเมฺห, มยํ คมิสฺสามา’’ติ อาปุจฺฉโนฺต อาห –

    Evañca pana vatvā ‘‘bhante kassapa, mayaṃ ettakaṃ kālaṃ pamajjimhā, idāni pana amhehi ācariyo laddho, ito paṭṭhāya kāmaratimeva anubhavissāma, tumhākaṃ santike ito uttari dhammassavanampi no papañco bhavissati, tiṭṭhatha tumhe, mayaṃ gamissāmā’’ti āpucchanto āha –

    ๑๒๑๗.

    1217.

    ‘‘ปุนปิ ภเนฺต ทเกฺขมุ, สงฺคติ เจ ภวิสฺสตี’’ติฯ

    ‘‘Punapi bhante dakkhemu, saṅgati ce bhavissatī’’ti.

    ตตฺถ สงฺคติ เจติ เอกสฺมิํ ฐาเน เจ โน สมาคโม ภวิสฺสติ,โน เจ, อสติ ปุญฺญผเล กิํ ตยา ทิเฎฺฐนาติฯ

    Tattha saṅgati ceti ekasmiṃ ṭhāne ce no samāgamo bhavissati,no ce, asati puññaphale kiṃ tayā diṭṭhenāti.

    ‘‘อิทํ วตฺวาน เวเทโห, ปจฺจคา สนิเวสน’’นฺติ;

    ‘‘Idaṃ vatvāna vedeho, paccagā sanivesana’’nti;

    ตตฺถ สนิเวสนนฺติ ภิกฺขเว, อิทํ วจนํ เวเทหราชา วตฺวา รถํ อภิรุยฺห อตฺตโน นิเวสนํ จนฺทกปาสาทตลเมว ปฎิคโตฯ

    Tattha sanivesananti bhikkhave, idaṃ vacanaṃ vedeharājā vatvā rathaṃ abhiruyha attano nivesanaṃ candakapāsādatalameva paṭigato.

    ราชา ปฐมํ คุณสนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ อาคจฺฉโนฺต ปน อวนฺทิตฺวาว อาคโตฯ คุโณ อตฺตโน อคุณตาย วนฺทนมฺปิ นาลตฺถ, ปิณฺฑาทิกํ สกฺการํ กิเมว ลจฺฉติฯ ราชาปิ ตํ รตฺติํ วีตินาเมตฺวา ปุนทิวเส อมเจฺจ สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘กามคุเณ เม อุปฎฺฐาเปถ, อหํ อิโต ปฎฺฐาย กามคุณสุขเมว อนุภวิสฺสามิ, น เม อญฺญานิ กิจฺจานิ อาโรเจตพฺพานิ, วินิจฺฉยกิจฺจํ อสุโก จ อสุโก จ กโรตู’’ติ วตฺวา กามรติมโตฺต อโหสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Rājā paṭhamaṃ guṇasantikaṃ gantvā taṃ vanditvā pañhaṃ pucchi. Āgacchanto pana avanditvāva āgato. Guṇo attano aguṇatāya vandanampi nālattha, piṇḍādikaṃ sakkāraṃ kimeva lacchati. Rājāpi taṃ rattiṃ vītināmetvā punadivase amacce sannipātetvā ‘‘kāmaguṇe me upaṭṭhāpetha, ahaṃ ito paṭṭhāya kāmaguṇasukhameva anubhavissāmi, na me aññāni kiccāni ārocetabbāni, vinicchayakiccaṃ asuko ca asuko ca karotū’’ti vatvā kāmaratimatto ahosi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๑๒๑๘.

    1218.

    ‘‘ตโต รตฺยา วิวสาเน, อุปฎฺฐานมฺหิ องฺคติ;

    ‘‘Tato ratyā vivasāne, upaṭṭhānamhi aṅgati;

    อมเจฺจ สนฺนิปาเตตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิฯ

    Amacce sannipātetvā, idaṃ vacanamabravi.

    ๑๒๑๙.

    1219.

    ‘จนฺทเก เม วิมานสฺมิํ, สทา กาเม วิเธนฺตุ เม;

    ‘Candake me vimānasmiṃ, sadā kāme vidhentu me;

    มา อุปคจฺฉุํ อเตฺถสุ, คุยฺหปฺปกาสิเยสุ จฯ

    Mā upagacchuṃ atthesu, guyhappakāsiyesu ca.

    ๑๒๒๐.

    1220.

    ‘วิชโย จ สุนาโม จ, เสนาปติ อลาตโก;

    ‘Vijayo ca sunāmo ca, senāpati alātako;

    เอเต อเตฺถ นิสีทนฺตุ, โวหารกุสลา ตโย’ฯ

    Ete atthe nisīdantu, vohārakusalā tayo’.

    ๑๒๒๑.

    1221.

    ‘‘อิทํ วตฺวาน เวเทโห, กาเมว พหุมญฺญถ;

    ‘‘Idaṃ vatvāna vedeho, kāmeva bahumaññatha;

    น จาปิ พฺราหฺมณิเพฺภสุ, อเตฺถ กิสฺมิญฺจิ พฺยาวโฎ’’ติฯ

    Na cāpi brāhmaṇibbhesu, atthe kismiñci byāvaṭo’’ti.

    ตตฺถ อุปฎฺฐานมฺหีติ อตฺตโน อุปฎฺฐานฎฺฐาเนฯ จนฺทเก เมติ มม สนฺตเก จนฺทกปาสาเทฯ วิเธนฺตุ เมติ นิจฺจํ มยฺหํ กาเม สํวิทหนฺตุ อุปฎฺฐเปนฺตุฯ คุยฺหปฺปกาสิเยสูติ คุเยฺหสุปิ ปกาสิเยสุปิ อเตฺถสุ อุปฺปเนฺนสุ มํ เกจิ มา อุปคจฺฉุํฯ อเตฺถติ อตฺถกรเณ วินิจฺฉยฎฺฐาเนฯ นิสีทนฺตูติ มยา กตฺตพฺพกิจฺจสฺส กรณตฺถํ เสสอมเจฺจหิ สทฺธิํ นิสีทนฺตูติฯ

    Tattha upaṭṭhānamhīti attano upaṭṭhānaṭṭhāne. Candake meti mama santake candakapāsāde. Vidhentu meti niccaṃ mayhaṃ kāme saṃvidahantu upaṭṭhapentu. Guyhappakāsiyesūti guyhesupi pakāsiyesupi atthesu uppannesu maṃ keci mā upagacchuṃ. Attheti atthakaraṇe vinicchayaṭṭhāne. Nisīdantūti mayā kattabbakiccassa karaṇatthaṃ sesaamaccehi saddhiṃ nisīdantūti.

    ๑๒๒๒.

    1222.

    ‘‘ตโต เทฺวสตฺตรตฺตสฺส, เวเทหสฺสตฺรชา ปิยา;

    ‘‘Tato dvesattarattassa, vedehassatrajā piyā;

    ราชธีตา รุจา นาม, ธาติมาตรมพฺรวิฯ

    Rājadhītā rucā nāma, dhātimātaramabravi.

    ๑๒๒๓.

    1223.

    ‘‘อลงฺกโรถ มํ ขิปฺปํ, สขิโย จาลงฺกโรนฺตุ เม;

    ‘‘Alaṅkarotha maṃ khippaṃ, sakhiyo cālaṅkarontu me;

    สุเว ปนฺนรโส ทิโพฺย, คจฺฉํ อิสฺสรสนฺติเกฯ

    Suve pannaraso dibyo, gacchaṃ issarasantike.

    ๑๒๒๔.

    1224.

    ‘‘ตสฺสา มาลฺยํ อภิหริํสุ, จนฺทนญฺจ มหารหํ;

    ‘‘Tassā mālyaṃ abhihariṃsu, candanañca mahārahaṃ;

    มณิสงฺขมุตฺตารตนํ, นานารเตฺต จ อมฺพเรฯ

    Maṇisaṅkhamuttāratanaṃ, nānāratte ca ambare.

    ๑๒๒๕.

    1225.

    ‘‘ตญฺจ โสณฺณมเย ปีเฐ, นิสินฺนํ พหุกิตฺถิโย;

    ‘‘Tañca soṇṇamaye pīṭhe, nisinnaṃ bahukitthiyo;

    ปริกิริย อโสภิํสุ, รุจํ รุจิรวณฺณินิ’’นฺติฯ

    Parikiriya asobhiṃsu, rucaṃ ruciravaṇṇini’’nti.

    ตตฺถ ตโตติ ตโต รโญฺญ กามปเงฺก ลคฺคิตทิวสโต ปฎฺฐายฯ เทฺวสตฺตรตฺตสฺสาติ จุทฺทสเม ทิวเสฯ ธาติมาตรมพฺรวีติ ปิตุ สนฺติกํ คนฺตุกามา หุตฺวา ธาติมาตรมาหฯ สา กิร จาตุทฺทเส จาตุทฺทเส ปญฺจสตกุมาริกาหิ ปริวุตา ธาติคณํ อาทาย มหเนฺตน สิริวิลาเสน อตฺตโน สตฺตภูมิกา รติวฑฺฒนปาสาทา โอรุยฺห ปิตุ ทสฺสนตฺถํ จนฺทกปาสาทํ คจฺฉติฯ อถ นํ ปิตา ทิสฺวา ตุฎฺฐมานโส หุตฺวา มหาสกฺการํ กาเรตฺวา อุโยฺยเชโนฺต ‘‘อมฺม, ทานํ เทหี’’ติ สหสฺสํ ทตฺวา อุโยฺยเชติฯ สา อตฺตโน นิเวสนํ อาคนฺตฺวา ปุนทิวเส อุโปสถิกา หุตฺวา กปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานํ มหาทานํ เทติฯ รญฺญา กิรสฺสา เอโก ชนปโทปิ ทิโนฺนฯ ตโต อาเยน สพฺพกิจฺจานิ กโรติฯ ตทา ปน ‘‘รญฺญา กิร คุณํ อาชีวกํ นิสฺสาย มิจฺฉาทสฺสนํ คหิต’’นฺติ สกลนคเร เอกโกลาหลํ อโหสิฯ ตํ ปวตฺติํ รุจาย ธาติโย สุตฺวา ราชธีตาย อาโรจยิํสุ ‘‘อเยฺย, ปิตรา กิร เต อาชีวกสฺส กถํ สุตฺวา มิจฺฉาทสฺสนํ คหิตํ, โส กิร จตูสุ นครทฺวาเรสุ ทานสาลาโย วิทฺธํสาเปตฺวา ปรปริคฺคหิตา อิตฺถิโย จ กุมาริกาโย จ ปสยฺหกาเรน คณฺหิตุํ อาณาเปติ, รชฺชํ น วิจาเรติ, กามมโตฺตเยว กิร ชาโต’’ติฯ สา ตํ กถํ สุตฺวา อนตฺตมนา หุตฺวา ‘‘กถญฺหิ นาม เม ตาโต อปคตสุกฺกธมฺมํ นิลฺลชฺชํ นคฺคโภคฺคํ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, นนุ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณ กมฺมวาทิโน อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิตโพฺพ สิยา, ฐเปตฺวา โข ปน มํ อโญฺญ มยฺหํ ปิตรํ มิจฺฉาทสฺสนา อปเนตฺวา สมฺมาทสฺสเน ปติฎฺฐาเปตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิฯ อหญฺหิ อตีตา สตฺต, อนาคตา สตฺตาติ จุทฺทส ชาติโย อนุสฺสรามิ, ตสฺมา ปุเพฺพ มยา กตํ ปาปกมฺมํ กเถตฺวา ปาปกมฺมสฺส ผลํ ทเสฺสนฺตี มม ปิตรํ มิจฺฉาทสฺสนา โมเจสฺสามิฯ สเจ ปน อเชฺชว คมิสฺสามิ, อถ มํ ปิตา ‘อมฺม, ตฺวํ ปุเพฺพ อฑฺฒมาเส อาคจฺฉสิ, อชฺช กสฺมา เอวํ ลหุ อาคตาสี’ติ วกฺขติฯ ตตฺร สเจ อหํ ‘ตุเมฺหหิ กิร มิจฺฉาทสฺสนํ คหิต’นฺติ สุตฺวา ‘อาคตมฺหี’ติ วกฺขามิ, น เม วจนํ ครุํ กตฺวา คณฺหิสฺสติ, ตสฺมา อชฺช อคนฺตฺวา อิโต จุทฺทสเม ทิวเส กาฬปเกฺขเยว กิญฺจิ อชานนฺตี วิย ปุเพฺพ คมนากาเรเนฺตว คนฺตฺวา อาคมนกาเล ทานวตฺตตฺถาย สหสฺสํ ยาจิสฺสามิ, ตทา เม ปิตา ทิฎฺฐิยา คหิตภาวํ กเถสฺสติฯ อถ นํ อหํ อตฺตโน พเลน มิจฺฉาทิฎฺฐิํ ฉฑฺฑาเปสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ ตสฺมา จุทฺทสเม ทิวเส ปิตุ สนฺติกํ คนฺตุกามา หุตฺวา เอวมาหฯ

    Tattha tatoti tato rañño kāmapaṅke laggitadivasato paṭṭhāya. Dvesattarattassāti cuddasame divase. Dhātimātaramabravīti pitu santikaṃ gantukāmā hutvā dhātimātaramāha. Sā kira cātuddase cātuddase pañcasatakumārikāhi parivutā dhātigaṇaṃ ādāya mahantena sirivilāsena attano sattabhūmikā rativaḍḍhanapāsādā oruyha pitu dassanatthaṃ candakapāsādaṃ gacchati. Atha naṃ pitā disvā tuṭṭhamānaso hutvā mahāsakkāraṃ kāretvā uyyojento ‘‘amma, dānaṃ dehī’’ti sahassaṃ datvā uyyojeti. Sā attano nivesanaṃ āgantvā punadivase uposathikā hutvā kapaṇaddhikavaṇibbakayācakānaṃ mahādānaṃ deti. Raññā kirassā eko janapadopi dinno. Tato āyena sabbakiccāni karoti. Tadā pana ‘‘raññā kira guṇaṃ ājīvakaṃ nissāya micchādassanaṃ gahita’’nti sakalanagare ekakolāhalaṃ ahosi. Taṃ pavattiṃ rucāya dhātiyo sutvā rājadhītāya ārocayiṃsu ‘‘ayye, pitarā kira te ājīvakassa kathaṃ sutvā micchādassanaṃ gahitaṃ, so kira catūsu nagaradvāresu dānasālāyo viddhaṃsāpetvā parapariggahitā itthiyo ca kumārikāyo ca pasayhakārena gaṇhituṃ āṇāpeti, rajjaṃ na vicāreti, kāmamattoyeva kira jāto’’ti. Sā taṃ kathaṃ sutvā anattamanā hutvā ‘‘kathañhi nāma me tāto apagatasukkadhammaṃ nillajjaṃ naggabhoggaṃ upasaṅkamitvā pañhaṃ pucchissati, nanu dhammikasamaṇabrāhmaṇe kammavādino upasaṅkamitvā pucchitabbo siyā, ṭhapetvā kho pana maṃ añño mayhaṃ pitaraṃ micchādassanā apanetvā sammādassane patiṭṭhāpetuṃ samattho nāma natthi. Ahañhi atītā satta, anāgatā sattāti cuddasa jātiyo anussarāmi, tasmā pubbe mayā kataṃ pāpakammaṃ kathetvā pāpakammassa phalaṃ dassentī mama pitaraṃ micchādassanā mocessāmi. Sace pana ajjeva gamissāmi, atha maṃ pitā ‘amma, tvaṃ pubbe aḍḍhamāse āgacchasi, ajja kasmā evaṃ lahu āgatāsī’ti vakkhati. Tatra sace ahaṃ ‘tumhehi kira micchādassanaṃ gahita’nti sutvā ‘āgatamhī’ti vakkhāmi, na me vacanaṃ garuṃ katvā gaṇhissati, tasmā ajja agantvā ito cuddasame divase kāḷapakkheyeva kiñci ajānantī viya pubbe gamanākārenteva gantvā āgamanakāle dānavattatthāya sahassaṃ yācissāmi, tadā me pitā diṭṭhiyā gahitabhāvaṃ kathessati. Atha naṃ ahaṃ attano balena micchādiṭṭhiṃ chaḍḍāpessāmī’’ti cintesi. Tasmā cuddasame divase pitu santikaṃ gantukāmā hutvā evamāha.

    ตตฺถ สขิโย จาติ สหายิกาโยปิ เม ปญฺจสตา กุมาริกาโย เอกาเยกํ อสทิสํ กตฺวา นานาลงฺกาเรหิ นานาวเณฺณหิ ปุปฺผคนฺธวิเลปเนหิ อลงฺกโรนฺตูติฯ ทิโพฺยติ ทิพฺพสทิโส, เทวตาสนฺนิปาตปฎิมณฺฑิโตติปิ ทิโพฺพฯ คจฺฉนฺติ มม ทานวตฺตํ อาหราเปตุํ วิเทหิสฺสรสฺส ปิตุ สนฺติกํ คมิสฺสามีติฯ อภิหริํสูติ โสฬสหิ คโนฺธทกฆเฎหิ นฺหาเปตฺวา มณฺฑนตฺถาย อภิหริํสุฯ ปริกิริยาติ ปริวาเรตฺวาฯ อโสภิํสูติ สุชํ ปริวาเรตฺวา ฐิตา เทวกญฺญา วิย ตํ ทิวสํ อติวิย อโสภิํสูติฯ

    Tattha sakhiyo cāti sahāyikāyopi me pañcasatā kumārikāyo ekāyekaṃ asadisaṃ katvā nānālaṅkārehi nānāvaṇṇehi pupphagandhavilepanehi alaṅkarontūti. Dibyoti dibbasadiso, devatāsannipātapaṭimaṇḍitotipi dibbo. Gacchanti mama dānavattaṃ āharāpetuṃ videhissarassa pitu santikaṃ gamissāmīti. Abhihariṃsūti soḷasahi gandhodakaghaṭehi nhāpetvā maṇḍanatthāya abhihariṃsu. Parikiriyāti parivāretvā. Asobhiṃsūti sujaṃ parivāretvā ṭhitā devakaññā viya taṃ divasaṃ ativiya asobhiṃsūti.

    ๑๒๒๖.

    1226.

    ‘‘สา จ สขิมชฺฌคตา, สพฺพาภรณภูสิตา;

    ‘‘Sā ca sakhimajjhagatā, sabbābharaṇabhūsitā;

    สเตรตา อพฺภมิว, จนฺทกํ ปาวิสี รุจาฯ

    Sateratā abbhamiva, candakaṃ pāvisī rucā.

    ๑๒๒๗.

    1227.

    ‘‘อุปสงฺกมิตฺวา เวเทหํ, วนฺทิตฺวา วินเย รตํ;

    ‘‘Upasaṅkamitvā vedehaṃ, vanditvā vinaye rataṃ;

    สุวณฺณขจิเต ปีเฐ, เอกมนฺตํ อุปาวิสี’’ติฯ

    Suvaṇṇakhacite pīṭhe, ekamantaṃ upāvisī’’ti.

    ตตฺถ อุปาวิสีติ ปิตุ วสนฎฺฐานํ จนฺทกปาสาทํ ปาวิสิฯ สุวณฺณขจิเตติ สตฺตรตนขจิเต สุวณฺณมเย ปีเฐฯ

    Tattha upāvisīti pitu vasanaṭṭhānaṃ candakapāsādaṃ pāvisi. Suvaṇṇakhaciteti sattaratanakhacite suvaṇṇamaye pīṭhe.

    ๑๒๒๘.

    1228.

    ‘‘ตญฺจ ทิสฺวาน เวเทโห, อจฺฉรานํว สงฺคมํ;

    ‘‘Tañca disvāna vedeho, accharānaṃva saṅgamaṃ;

    รุจํ สขิมชฺฌคตํ, อิทํ วจนมพฺรวิฯ

    Rucaṃ sakhimajjhagataṃ, idaṃ vacanamabravi.

    ๑๒๒๙.

    1229.

    ‘‘‘กจฺจิ รมสิ ปาสาเท, อโนฺตโปกฺขรณิํ ปติ;

    ‘‘‘Kacci ramasi pāsāde, antopokkharaṇiṃ pati;

    กจฺจิ พหุวิธํ ขชฺชํ, สทา อภิหรนฺติ เตฯ

    Kacci bahuvidhaṃ khajjaṃ, sadā abhiharanti te.

    ๑๒๓๐.

    1230.

    ‘กจฺจิ พหุวิธํ มาลฺยํ, โอจินิตฺวา กุมาริโย;

    ‘Kacci bahuvidhaṃ mālyaṃ, ocinitvā kumāriyo;

    ฆรเก กโรถ ปเจฺจกํ, ขิฑฺฑารติรตา มุหุํฯ

    Gharake karotha paccekaṃ, khiḍḍāratiratā muhuṃ.

    ๑๒๓๑.

    1231.

    ‘เกน วา วิกลํ ตุยฺหํ, กิํ ขิปฺปํ อาหรนฺติ เต;

    ‘Kena vā vikalaṃ tuyhaṃ, kiṃ khippaṃ āharanti te;

    มโน กรสฺสุ กุฑฺฑมุขี, อปิ จนฺทสมมฺหิปี’’’ติฯ

    Mano karassu kuḍḍamukhī, api candasamamhipī’’’ti.

    ตตฺถ สงฺคมนฺติ อจฺฉรานํ สงฺคมํ วิย สมาคมํ ทิสฺวาฯ ปาสาเทติ อมฺม มยา ตุยฺหํ เวชยนฺตสทิโส รติวฑฺฒนปาสาโท การิโต, กจฺจิ ตตฺถ รมสิฯ อโนฺตโปกฺขรณิํ ปตีติ อโนฺตวตฺถุสฺมิเญฺญว เต มยา นนฺทาโปกฺขรณีปฎิภาคาโปกฺขรณี การิตา, กจฺจิ ตํ โปกฺขรณิํ ปฎิจฺจ อุทกกีฬํ กีฬนฺตี รมสิฯ มาลฺยนฺติ อมฺม, อหํ ตุยฺหํ เทวสิกํ ปญฺจวีสติ ปุปฺผสมุเคฺค ปหิณามิ, กจฺจิ ตุเมฺห สพฺพาปิ กุมาริกาโย ตํ มาลฺยํ โอจินิตฺวา คนฺถิตฺวา อภิณฺหํ ขิฑฺฑารติรตา หุตฺวา ปเจฺจกํ ฆรเก กโรถ, ‘‘อิทํ สุนฺทรํ, อิทํ สุนฺทรตร’’นฺติ ปาฎิเยกฺกํ สารเมฺภน วายปุปฺผฆรกานิ ปุปฺผคเพฺภ จ ปุปฺผาสนปุปฺผสยนานิ จ กจฺจิ กโรถาติ ปุจฺฉติฯ

    Tattha saṅgamanti accharānaṃ saṅgamaṃ viya samāgamaṃ disvā. Pāsādeti amma mayā tuyhaṃ vejayantasadiso rativaḍḍhanapāsādo kārito, kacci tattha ramasi. Antopokkharaṇiṃ patīti antovatthusmiññeva te mayā nandāpokkharaṇīpaṭibhāgāpokkharaṇī kāritā, kacci taṃ pokkharaṇiṃ paṭicca udakakīḷaṃ kīḷantī ramasi. Mālyanti amma, ahaṃ tuyhaṃ devasikaṃ pañcavīsati pupphasamugge pahiṇāmi, kacci tumhe sabbāpi kumārikāyo taṃ mālyaṃ ocinitvā ganthitvā abhiṇhaṃ khiḍḍāratiratā hutvā paccekaṃ gharake karotha, ‘‘idaṃ sundaraṃ, idaṃ sundaratara’’nti pāṭiyekkaṃ sārambhena vāyapupphagharakāni pupphagabbhe ca pupphāsanapupphasayanāni ca kacci karothāti pucchati.

    วิกลนฺติ เวกลฺลํฯ มโน กรสฺสูติ จิตฺตํ อุปฺปาเทหิฯ กุฑฺฑมุขีติ สาสปกเกฺกหิ ปสาทิตมุขตาย ตํ เอวมาหฯ อิตฺถิโย หิ มุขวณฺณํ ปสาเทนฺติโย ทุฎฺฐโลหิตมุขทูสิตปีฬกาหรณตฺถํ ปฐมํ สาสปกเกฺกน มุขํ วิลิมฺปนฺติ, ตโต โลหิตสฺส สมกรณตฺถํ มตฺติกากเกฺกน, ตโต ฉวิปสาทนตฺถํ ติลกเกฺกนฯ จนฺทสมมฺหิปีติ จนฺทโต ทุลฺลภตโร นาม นตฺถิ, ตาทิเสปิ รุจิํ กตฺวา มมาจิกฺข, สมฺปาเทสฺสามิ เตติฯ

    Vikalanti vekallaṃ. Mano karassūti cittaṃ uppādehi. Kuḍḍamukhīti sāsapakakkehi pasāditamukhatāya taṃ evamāha. Itthiyo hi mukhavaṇṇaṃ pasādentiyo duṭṭhalohitamukhadūsitapīḷakāharaṇatthaṃ paṭhamaṃ sāsapakakkena mukhaṃ vilimpanti, tato lohitassa samakaraṇatthaṃ mattikākakkena, tato chavipasādanatthaṃ tilakakkena. Candasamamhipīti candato dullabhataro nāma natthi, tādisepi ruciṃ katvā mamācikkha, sampādessāmi teti.

    ๑๒๓๒.

    1232.

    ‘‘เวเทหสฺส วโจ สุตฺวา, รุจา ปิตร มพฺรวิ;

    ‘‘Vedehassa vaco sutvā, rucā pitara mabravi;

    ‘สพฺพเมตํ มหาราช, ลพฺภติสฺสรสนฺติเกฯ

    ‘Sabbametaṃ mahārāja, labbhatissarasantike.

    ๑๒๓๓.

    1233.

    ‘สุเว ปนฺนรโส ทิโพฺย, สหสฺสํ อาหรนฺตุ เม;

    ‘Suve pannaraso dibyo, sahassaṃ āharantu me;

    ยถาทินฺนญฺจ ทสฺสามิ, ทานํ สพฺพวณีสฺวห’’’นฺติฯ

    Yathādinnañca dassāmi, dānaṃ sabbavaṇīsvaha’’’nti.

    ตตฺถ สพฺพวณีสฺวหนฺติ สพฺพวณิพฺพเกสุ อหํ ทสฺสามิฯ

    Tattha sabbavaṇīsvahanti sabbavaṇibbakesu ahaṃ dassāmi.

    ๑๒๓๔.

    1234.

    ‘‘รุจาย วจนํ สุตฺวา, ราชา องฺคติ มพฺรวิ;

    ‘‘Rucāya vacanaṃ sutvā, rājā aṅgati mabravi;

    ‘พหุํ วินาสิตํ วิตฺตํ, นิรตฺถํ อผลํ ตยาฯ

    ‘Bahuṃ vināsitaṃ vittaṃ, niratthaṃ aphalaṃ tayā.

    ๑๒๓๕.

    1235.

    ‘อุโปสเถ วสํ นิจฺจํ, อนฺนปานํ น ภุญฺชสิ;

    ‘Uposathe vasaṃ niccaṃ, annapānaṃ na bhuñjasi;

    นิยเตตํ อภุตฺตพฺพํ, นตฺถิ ปุญฺญํ อภุญฺชโต’’’ติฯ

    Niyatetaṃ abhuttabbaṃ, natthi puññaṃ abhuñjato’’’ti.

    ตตฺถ องฺคติ มพฺรวีติ ภิกฺขเว, โส องฺคติราชา ปุเพฺพ อยาจิโตปิ ‘‘อมฺม, ทานํ เทหี’’ติ สหสฺสํ ทตฺวา ตํ ทิวสํ ยาจิโตปิ มิจฺฉาทสฺสนสฺส คหิตตฺตา อทตฺวา อิทํ ‘‘พหุํ วินาสิต’’นฺติอาทิวจนํ อพฺรวิฯ นิยเตตํ อภุตฺตพฺพนฺติ เอตํ นิยติวเสน ตยา อภุญฺชิตพฺพํ ภวิสฺสติ, ภุญฺชนฺตานมฺปิ อภุญฺชนฺตานมฺปิ ปุญฺญํ นตฺถิฯ สเพฺพ หิ จุลฺลาสีติมหากเปฺป อติกฺกมิตฺวาว สุชฺฌนฺติฯ

    Tattha aṅgati mabravīti bhikkhave, so aṅgatirājā pubbe ayācitopi ‘‘amma, dānaṃ dehī’’ti sahassaṃ datvā taṃ divasaṃ yācitopi micchādassanassa gahitattā adatvā idaṃ ‘‘bahuṃ vināsita’’ntiādivacanaṃ abravi. Niyatetaṃ abhuttabbanti etaṃ niyativasena tayā abhuñjitabbaṃ bhavissati, bhuñjantānampi abhuñjantānampi puññaṃ natthi. Sabbe hi cullāsītimahākappe atikkamitvāva sujjhanti.

    ๑๒๓๖.

    1236.

    ‘‘พีชโกปิ หิ สุตฺวาน, ตทา กสฺสปภาสิตํ;

    ‘‘Bījakopi hi sutvāna, tadā kassapabhāsitaṃ;

    ‘ปสฺสสโนฺต มุหุํ อุณฺหํ, รุทํ อสฺสูนิ วตฺตยิฯ

    ‘Passasanto muhuṃ uṇhaṃ, rudaṃ assūni vattayi.

    ๑๒๓๗.

    1237.

    ‘ยาว รุเจ ชีวมานา, มา ภตฺตมปนามยิ;

    ‘Yāva ruce jīvamānā, mā bhattamapanāmayi;

    นตฺถิ ภเทฺท ปโร โลโก, กิํ นิรตฺถํ วิหญฺญสี’’’ติฯ

    Natthi bhadde paro loko, kiṃ niratthaṃ vihaññasī’’’ti.

    ตตฺถ พีชโกปีติ พีชโกปิ ปุเพฺพ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตสฺส นิสฺสเนฺทน ทาสิกุจฺฉิยํ นิพฺพโตฺตติ พีชกวตฺถุมฺปิสฺสา อุทาหรณตฺถํ อาหริฯ นตฺถิ ภเทฺทติ ภเทฺท, คุณาจริโย เอวมาห ‘‘นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฎิปนฺนา’’ติฯ ปรโลเก หิ สติ อิธโลโกปิ นาม ภเวยฺย, โสเยว จ นตฺถิฯ มาตาปิตูสุ สเนฺตสุ ปุตฺตธีตโร นาม ภเวยฺยูอุํ, เตเยว จ นตฺถิฯ ธเมฺม สติ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา ภเวยฺยูํ, เตเยว จ นตฺถิฯ กิํ ทานํ เทนฺตี สีลํ รกฺขนฺตี นิรตฺถํ วิหญฺญสีติฯ

    Tattha bījakopīti bījakopi pubbe kalyāṇakammaṃ katvā tassa nissandena dāsikucchiyaṃ nibbattoti bījakavatthumpissā udāharaṇatthaṃ āhari. Natthi bhaddeti bhadde, guṇācariyo evamāha ‘‘natthi ayaṃ loko, natthi paro loko, natthi mātā, natthi pitā, natthi sattā opapātikā, natthi loke samaṇabrāhmaṇā sammaggatā sammāpaṭipannā’’ti. Paraloke hi sati idhalokopi nāma bhaveyya, soyeva ca natthi. Mātāpitūsu santesu puttadhītaro nāma bhaveyyūuṃ, teyeva ca natthi. Dhamme sati dhammikasamaṇabrāhmaṇā bhaveyyūṃ, teyeva ca natthi. Kiṃ dānaṃ dentī sīlaṃ rakkhantī niratthaṃ vihaññasīti.

    ๑๒๓๘.

    1238.

    ‘‘เวเทหสฺส วโจ สุตฺวา, รุจา รุจิรวณฺณินี;

    ‘‘Vedehassa vaco sutvā, rucā ruciravaṇṇinī;

    ชานํ ปุพฺพาปรํ ธมฺมํ, ปิตรํ เอตทพฺรวิฯ

    Jānaṃ pubbāparaṃ dhammaṃ, pitaraṃ etadabravi.

    ๑๒๓๙.

    1239.

    ‘สุตเมว ปุเร อาสิ, สกฺขิ ทิฎฺฐมิทํ มยา;

    ‘Sutameva pure āsi, sakkhi diṭṭhamidaṃ mayā;

    พาลูปเสวี โย โหติ, พาโลว สมปชฺชถฯ

    Bālūpasevī yo hoti, bālova samapajjatha.

    ๑๒๔๐.

    1240.

    ‘มูโฬฺห หิ มูฬฺหมาคมฺม, ภิโยฺย โมหํ นิคจฺฉติ;

    ‘Mūḷho hi mūḷhamāgamma, bhiyyo mohaṃ nigacchati;

    ปติรูปํ อลาเตน, พีชเกน จ มุยฺหิตุ’’’นฺติฯ

    Patirūpaṃ alātena, bījakena ca muyhitu’’’nti.

    ตตฺถ ปุพฺพาปรํ ธมฺมนฺติ ภิกฺขเว, ปิตุ วจนํ สุตฺวา รุจา ราชธีตา อตีเต สตฺตชาติวเสน ปุพฺพธมฺมํ, อนาคเต สตฺตชาติวเสน อนาคตธมฺมญฺจ ชานนฺตี ปิตรํ มิจฺฉาทิฎฺฐิโต โมเจตุกามา เอตํ ‘‘สุตเมวา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สมปชฺชถาติ โย ปุคฺคโล พาลูปเสวี โหติ, โส พาโลว สมปชฺชตีติ เอตํ มยา ปุเพฺพ สุตเมว, อชฺช ปน ปจฺจกฺขโต ทิฎฺฐํฯ มูโฬฺหติ มคฺคมูฬฺหํ อาคมฺม มคฺคมูโฬฺห วิย ทิฎฺฐิมูฬฺหํ อาคมฺม ทิฎฺฐิมูโฬฺหปิ อุตฺตริ โมหํ นิคจฺฉติ, มูฬฺหตโร โหติฯ อลาเตนาติ เทว, ตุเมฺหหิ ชาติโคตฺตกุลปเทสอิสฺสริยปุญฺญปญฺญาหีเนน อลาตเสนาปตินา อจฺจนฺตหีเนน ทุปฺปเญฺญน พีชกทาเสน จ คามทารกสทิสํ อหิริกํ พาลํ คุณํ อาชีวกํ อาคมฺม มุยฺหิตุํ ปติรูปํ อนุจฺฉวิกํฯ กิํ เต น มุยฺหิสฺสนฺตีติ?

    Tattha pubbāparaṃ dhammanti bhikkhave, pitu vacanaṃ sutvā rucā rājadhītā atīte sattajātivasena pubbadhammaṃ, anāgate sattajātivasena anāgatadhammañca jānantī pitaraṃ micchādiṭṭhito mocetukāmā etaṃ ‘‘sutamevā’’tiādimāha. Tattha samapajjathāti yo puggalo bālūpasevī hoti, so bālova samapajjatīti etaṃ mayā pubbe sutameva, ajja pana paccakkhato diṭṭhaṃ. Mūḷhoti maggamūḷhaṃ āgamma maggamūḷho viya diṭṭhimūḷhaṃ āgamma diṭṭhimūḷhopi uttari mohaṃ nigacchati, mūḷhataro hoti. Alātenāti deva, tumhehi jātigottakulapadesaissariyapuññapaññāhīnena alātasenāpatinā accantahīnena duppaññena bījakadāsena ca gāmadārakasadisaṃ ahirikaṃ bālaṃ guṇaṃ ājīvakaṃ āgamma muyhituṃ patirūpaṃ anucchavikaṃ. Kiṃ te na muyhissantīti?

    เอวํ เต อุโภปิ ครหิตฺวา ทิฎฺฐิโต โมเจตุกามตาย ปิตรํ วเณฺณนฺตี อาห –

    Evaṃ te ubhopi garahitvā diṭṭhito mocetukāmatāya pitaraṃ vaṇṇentī āha –

    ๑๒๔๑.

    1241.

    ‘‘ตฺวญฺจ เทวาสิ สปฺปโญฺญ, ธีโร อตฺถสฺส โกวิโท;

    ‘‘Tvañca devāsi sappañño, dhīro atthassa kovido;

    กถํ พาเลภิ สทิสํ, หีนทิฎฺฐิํ อุปาคมิฯ

    Kathaṃ bālebhi sadisaṃ, hīnadiṭṭhiṃ upāgami.

    ๑๒๔๒.

    1242.

    ‘‘สเจปิ สํสารปเถน สุชฺฌติ, นิรตฺถิยา ปพฺพชฺชา คุณสฺส;

    ‘‘Sacepi saṃsārapathena sujjhati, niratthiyā pabbajjā guṇassa;

    กีโฎว อคฺคิํ ชลิตํ อปาปตํ, อุปปชฺชติ โมหมูโฬฺห นคฺคภาวํฯ

    Kīṭova aggiṃ jalitaṃ apāpataṃ, upapajjati mohamūḷho naggabhāvaṃ.

    ๑๒๔๓.

    1243.

    ‘‘สํสารสุทฺธีติ ปุเร นิวิฎฺฐา, กมฺมํ วิทูเสนฺติ พหู อชานํ;

    ‘‘Saṃsārasuddhīti pure niviṭṭhā, kammaṃ vidūsenti bahū ajānaṃ;

    ปุเพฺพ กลี ทุคฺคหิโตวนตฺถา, ทุโมฺมจยา พลิสา อมฺพุโชวา’’ติฯ

    Pubbe kalī duggahitovanatthā, dummocayā balisā ambujovā’’ti.

    ตตฺถ สปฺปโญฺญติ ยสวยปุญฺญติตฺถาวาสโยนิโสมนสิการสากจฺฉาวเสน ลทฺธาย ปญฺญาย สปฺปโญฺญ, เตเนว การเณน ธีโร, ธีรตาย อตฺถานตฺถสฺส การณาการณสฺส โกวิโทฯ พาเลภิ สทิสนฺติ ยถา เต พาลา อุปคตา, ตถา กถํ ตฺวํ หีนทิฎฺฐิํ อุปคโตฯ อปาปตนฺติ อปิ อาปตํ, ปตโนฺตติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, สํสาเรน สุทฺธีติ ลทฺธิยา สติ ยถา ปฎงฺคกีโฎ รตฺติภาเค ชลิตํ อคฺคิํ ทิสฺวา ตปฺปจฺจยํ ทุกฺขํ อชานิตฺวา โมเหน ตตฺถ ปตโนฺต มหาทุกฺขํ อาปชฺชติ, ตถา คุโณปิ ปญฺจ กามคุเณ ปหาย โมหมูโฬฺห นิรสฺสาทํ นคฺคภาวํ อุปปชฺชติฯ

    Tattha sappaññoti yasavayapuññatitthāvāsayonisomanasikārasākacchāvasena laddhāya paññāya sappañño, teneva kāraṇena dhīro, dhīratāya atthānatthassa kāraṇākāraṇassa kovido. Bālebhi sadisanti yathā te bālā upagatā, tathā kathaṃ tvaṃ hīnadiṭṭhiṃ upagato. Apāpatanti api āpataṃ, patantoti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – tāta, saṃsārena suddhīti laddhiyā sati yathā paṭaṅgakīṭo rattibhāge jalitaṃ aggiṃ disvā tappaccayaṃ dukkhaṃ ajānitvā mohena tattha patanto mahādukkhaṃ āpajjati, tathā guṇopi pañca kāmaguṇe pahāya mohamūḷho nirassādaṃ naggabhāvaṃ upapajjati.

    ปุเร นิวิฎฺฐาติ ตาต, สํสาเรน สุทฺธีติ กสฺสจิ วจนํ อสุตฺวา ปฐมเมว นิวิโฎฺฐ นตฺถิ, สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลนฺติ คหิตตฺตา พหู ชนา อชานนฺตา กมฺมํ วิทูเสนฺตา กมฺมผลมฺปิ วิทูเสนฺติเยว, เอวํ เตสํ ปุเพฺพ คหิโต กลิ ปราชยคาโห ทุคฺคหิโตว โหตีติ อโตฺถฯ ทุโมฺมจยา พลิสา อมฺพุโชวาติ เต ปน เอวํ อชานนฺตา มิจฺฉาทสฺสเนน อนตฺถํ คเหตฺวา ฐิตา พาลา ยถา นาม พลิสํ คิลิตฺวา ฐิโต มโจฺฉ พลิสา ทุโมฺมจโย โหติ, เอวํ ตมฺหา อนตฺถา ทุโมฺมจยา โหนฺติฯ

    Pure niviṭṭhāti tāta, saṃsārena suddhīti kassaci vacanaṃ asutvā paṭhamameva niviṭṭho natthi, sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalanti gahitattā bahū janā ajānantā kammaṃ vidūsentā kammaphalampi vidūsentiyeva, evaṃ tesaṃ pubbe gahito kali parājayagāho duggahitova hotīti attho. Dummocayā balisā ambujovāti te pana evaṃ ajānantā micchādassanena anatthaṃ gahetvā ṭhitā bālā yathā nāma balisaṃ gilitvā ṭhito maccho balisā dummocayo hoti, evaṃ tamhā anatthā dummocayā honti.

    อุตฺตริปิ อุทาหรณํ อาหรนฺตี อาห –

    Uttaripi udāharaṇaṃ āharantī āha –

    ๑๒๔๔.

    1244.

    ‘‘อุปมํ เต กริสฺสามิ, มหาราช ตวตฺถิยา;

    ‘‘Upamaṃ te karissāmi, mahārāja tavatthiyā;

    อุปมาย มิเธกเจฺจ, อตฺถํ ชานนฺติ ปณฺฑิตาฯ

    Upamāya midhekacce, atthaṃ jānanti paṇḍitā.

    ๑๒๔๕.

    1245.

    ‘‘วาณิชานํ ยถา นาวา, อปฺปมาณภรา ครุ;

    ‘‘Vāṇijānaṃ yathā nāvā, appamāṇabharā garu;

    อติภารํ สมาทาย, อณฺณเว อวสีทติฯ

    Atibhāraṃ samādāya, aṇṇave avasīdati.

    ๑๒๔๖.

    1246.

    ‘‘เอวเมว นโร ปาปํ, โถกํ โถกมฺปิ อาจินํ;

    ‘‘Evameva naro pāpaṃ, thokaṃ thokampi ācinaṃ;

    อติภารํ สมาทาย, นิรเย อวสีทติฯ

    Atibhāraṃ samādāya, niraye avasīdati.

    ๑๒๔๗.

    1247.

    ‘‘น ตาว ภาโร ปริปูโร, อลาตสฺส มหีปติ;

    ‘‘Na tāva bhāro paripūro, alātassa mahīpati;

    อาจินาติ จ ตํ ปาปํ, เยน คจฺฉติ ทุคฺคติํฯ

    Ācināti ca taṃ pāpaṃ, yena gacchati duggatiṃ.

    ๑๒๔๘.

    1248.

    ‘‘ปุเพฺพวสฺส กตํ ปุญฺญํ, อลาตสฺส มหีปติ;

    ‘‘Pubbevassa kataṃ puññaṃ, alātassa mahīpati;

    ตเสฺสว เทว นิสฺสโนฺท, ยเญฺจโส ลภเต สุขํฯ

    Tasseva deva nissando, yañceso labhate sukhaṃ.

    ๑๒๔๙.

    1249.

    ‘‘ขียเต จสฺส ตํ ปุญฺญํ, ตถา หิ อคุเณ รโต;

    ‘‘Khīyate cassa taṃ puññaṃ, tathā hi aguṇe rato;

    อุชุมคฺคํ อวหาย, กุมฺมคฺคมนุธาวติฯ

    Ujumaggaṃ avahāya, kummaggamanudhāvati.

    ๑๒๕๐.

    1250.

    ‘‘ตุลา ยถา ปคฺคหิตา, โอหิเต ตุลมณฺฑเล;

    ‘‘Tulā yathā paggahitā, ohite tulamaṇḍale;

    อุนฺนเมติ ตุลาสีสํ, ภาเร โอโรปิเต สติฯ

    Unnameti tulāsīsaṃ, bhāre oropite sati.

    ๑๒๕๑.

    1251.

    ‘‘เอวเมว นโร ปุญฺญํ, โถกํ โถกมฺปิ อาจินํ;

    ‘‘Evameva naro puññaṃ, thokaṃ thokampi ācinaṃ;

    สคฺคาติมาโน ทาโสว, พีชโก สาตเว รโต’’ติฯ

    Saggātimāno dāsova, bījako sātave rato’’ti.

    ตตฺถ นิรเยติ อฎฺฐวิเธ มหานิรเย, โสฬสวิเธ อุสฺสทนิรเย, โลกนฺตรนิรเย จฯ ภาโรติ ตาต, น ตาว อลาตสฺส อกุสลภาโร ปูรติฯ ตเสฺสวาติ ตสฺส ปุเพฺพ กตสฺส ปุญฺญเสฺสว นิสฺสโนฺท, ยํ โส อลาตเสนาปติ อชฺช สุขํ ลภติฯ น หิ ตาต, เอตํ โคฆาตกกมฺมสฺส ผลํฯ ปาปกมฺมสฺส หิ นาม วิปาโก อิโฎฺฐ กโนฺต ภวิสฺสตีติ อฎฺฐานเมตํฯ อคุเณ รโตติ ตถาเหส อิทานิ อกุสลกเมฺม รโตฯ อุชุมคฺคนฺติ ทสกุสลกมฺมปถมคฺคํฯ กุมฺมคฺคนฺติ นิรยคามิอกุสลมคฺคํฯ

    Tattha nirayeti aṭṭhavidhe mahāniraye, soḷasavidhe ussadaniraye, lokantaraniraye ca. Bhāroti tāta, na tāva alātassa akusalabhāro pūrati. Tassevāti tassa pubbe katassa puññasseva nissando, yaṃ so alātasenāpati ajja sukhaṃ labhati. Na hi tāta, etaṃ goghātakakammassa phalaṃ. Pāpakammassa hi nāma vipāko iṭṭho kanto bhavissatīti aṭṭhānametaṃ. Aguṇe ratoti tathāhesa idāni akusalakamme rato. Ujumagganti dasakusalakammapathamaggaṃ. Kummagganti nirayagāmiakusalamaggaṃ.

    โอหิเต ตุลมณฺฑเลติ ภณฺฑปฎิจฺฉนตฺถาย ตุลมณฺฑเล ลเคฺคตฺวา ฐปิเตฯ อุนฺนเมตีติ อุทฺธํ อุกฺขิปติฯ อาจินนฺติ โถกํ โถกมฺปิ ปุญฺญํ อาจินโนฺต ปาปภารํ โอตาเรตฺวา นโร กลฺยาณกมฺมสฺส สีสํ อุกฺขิปิตฺวา เทวโลกํ คจฺฉติฯ สคฺคาติมาโนติ สเคฺค อติมาโน สคฺคสมฺปาปเก สาตผเล กลฺยาณกเมฺม อภิรโตฯ ‘‘สคฺคาธิมาโน’’ติปิ ปาโฐ, สคฺคํ อธิการํ กตฺวา ฐิตจิโตฺตติ อโตฺถฯ สาตเว รโตติ เอส พีชกทาโส สาตเว มธุรวิปาเก กุสลธเมฺมเยว รโตฯ โส อิมสฺส ปาปกมฺมสฺส ขีณกาเล, กลฺยาณกมฺมสฺส ผเลน เทวโลเก นิพฺพตฺติสฺสติฯ

    Ohite tulamaṇḍaleti bhaṇḍapaṭicchanatthāya tulamaṇḍale laggetvā ṭhapite. Unnametīti uddhaṃ ukkhipati. Ācinanti thokaṃ thokampi puññaṃ ācinanto pāpabhāraṃ otāretvā naro kalyāṇakammassa sīsaṃ ukkhipitvā devalokaṃ gacchati. Saggātimānoti sagge atimāno saggasampāpake sātaphale kalyāṇakamme abhirato. ‘‘Saggādhimāno’’tipi pāṭho, saggaṃ adhikāraṃ katvā ṭhitacittoti attho. Sātave ratoti esa bījakadāso sātave madhuravipāke kusaladhammeyeva rato. So imassa pāpakammassa khīṇakāle, kalyāṇakammassa phalena devaloke nibbattissati.

    ยเญฺจส อิทานิ ทาสตฺตํ อุปคโต, น ตํ กลฺยาณกมฺมสฺส ผเลนฯ ทาสตฺตสํวตฺตนิกญฺหิสฺส ปุเพฺพ กตํ ปาปํ ภวิสฺสตีติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺตี อาห –

    Yañcesa idāni dāsattaṃ upagato, na taṃ kalyāṇakammassa phalena. Dāsattasaṃvattanikañhissa pubbe kataṃ pāpaṃ bhavissatīti niṭṭhamettha gantabbanti imamatthaṃ pakāsentī āha –

    ๑๒๕๒.

    1252.

    ‘‘ยมชฺช พีชโก ทาโส, ทุกฺขํ ปสฺสติ อตฺตนิ;

    ‘‘Yamajja bījako dāso, dukkhaṃ passati attani;

    ปุเพฺพวสฺส กตํ ปาปํ, ตเมโส ปฎิเสวติฯ

    Pubbevassa kataṃ pāpaṃ, tameso paṭisevati.

    ๑๒๕๓.

    1253.

    ‘‘ขียเต จสฺส ตํ ปาปํ, ตถา หิ วินเย รโต;

    ‘‘Khīyate cassa taṃ pāpaṃ, tathā hi vinaye rato;

    กสฺสปญฺจ สมาปชฺช, มา เหวุปฺปถมาคมา’’ติฯ

    Kassapañca samāpajja, mā hevuppathamāgamā’’ti.

    ตตฺถ มา เหวุปฺปถมาคมาติ ตาต, ตฺวํ อิมํ นคฺคํ กสฺสปาชีวกํ อุปคนฺตฺวา มา เหว นิรยคามิํ อุปฺปถํ อคมา, มา ปาปมกาสีติ ปิตรํ โอวทติฯ

    Tattha mā hevuppathamāgamāti tāta, tvaṃ imaṃ naggaṃ kassapājīvakaṃ upagantvā mā heva nirayagāmiṃ uppathaṃ agamā, mā pāpamakāsīti pitaraṃ ovadati.

    อิทานิสฺส ปาปูปเสวนาย โทสํ กลฺยาณมิตฺตูปเสวนาย จ คุณํ ทเสฺสนฺตี อาห –

    Idānissa pāpūpasevanāya dosaṃ kalyāṇamittūpasevanāya ca guṇaṃ dassentī āha –

    ๑๒๕๔.

    1254.

    ‘‘ยํ ยญฺหิ ราช ภชติ, สนฺตํ วา ยทิ วา อสํ;

    ‘‘Yaṃ yañhi rāja bhajati, santaṃ vā yadi vā asaṃ;

    สีลวนฺตํ วิสีลํ วา, วสํ ตเสฺสว คจฺฉติฯ

    Sīlavantaṃ visīlaṃ vā, vasaṃ tasseva gacchati.

    ๑๒๕๕.

    1255.

    ‘‘ยาทิสํ กุรุเต มิตฺตํ, ยาทิสํ จูปเสวติ;

    ‘‘Yādisaṃ kurute mittaṃ, yādisaṃ cūpasevati;

    โสปิ ตาทิสโก โหติ, สหวาโส หิ ตาทิโสฯ

    Sopi tādisako hoti, sahavāso hi tādiso.

    ๑๒๕๖.

    1256.

    ‘‘เสวมาโน เสวมานํ, สมฺผุโฎฺฐ สมฺผุสํ ปรํ;

    ‘‘Sevamāno sevamānaṃ, samphuṭṭho samphusaṃ paraṃ;

    สโร ทิโทฺธ กลาปํว, อลิตฺตมุปลิมฺปติ;

    Saro diddho kalāpaṃva, alittamupalimpati;

    อุปเลปภยา ธีโร, เนว ปาปสขา สิยาฯ

    Upalepabhayā dhīro, neva pāpasakhā siyā.

    ๑๒๕๗.

    1257.

    ‘‘ปูติมจฺฉํ กุสเคฺคน, โย นโร อุปนยฺหติ;

    ‘‘Pūtimacchaṃ kusaggena, yo naro upanayhati;

    กุสาปิ ปูติ วายนฺติ, เอวํ พาลูปเสวนาฯ

    Kusāpi pūti vāyanti, evaṃ bālūpasevanā.

    ๑๒๕๘.

    1258.

    ‘‘ตครญฺจ ปลาเสน, โย นโร อุปนยฺหติ;

    ‘‘Tagarañca palāsena, yo naro upanayhati;

    ปตฺตาปิ สุรภิ วายนฺติ, เอวํ ธีรูปเสวนาฯ

    Pattāpi surabhi vāyanti, evaṃ dhīrūpasevanā.

    ๑๒๕๙.

    1259.

    ‘‘ตสฺมา ปตฺตปุฎเสฺสว, ญตฺวา สมฺปากมตฺตโน

    ‘‘Tasmā pattapuṭasseva, ñatvā sampākamattano

    อสเนฺต โนปเสเวยฺย, สเนฺต เสเวยฺย ปณฺฑิโต;

    Asante nopaseveyya, sante seveyya paṇḍito;

    อสโนฺต นิรยํ เนนฺติ, สโนฺต ปาเปนฺติ สุคฺคติ’’นฺติฯ

    Asanto nirayaṃ nenti, santo pāpenti suggati’’nti.

    ตตฺถ สนฺตํ วาติ สปฺปุริสํ วาฯ ยทิ วา อสนฺติ อสปฺปุริสํ วาฯ สโร ทิโทฺธ กลาปํวาติ มหาราช, ยถา นาม หลาหลวิสลิโตฺต สโร สรกลาเป ขิโตฺต สพฺพํ ตํ วิเสน อลิตฺตมฺปิ สรกลาปํ ลิมฺปติ, วิสทิทฺธเมว กโรติ, เอวเมว ปาปมิโตฺต ปาปํ เสวมาโน อตฺตานํ เสวมานํ ปรํ, เตน สมฺผุโฎฺฐ ตํ สมฺผุสํ อลิตฺตํ ปาเปน ปุริสํ อตฺตนา เอกชฺฌาสยํ กโรโนฺต อุปลิมฺปติฯ ปูติ วายนฺตีติ ตสฺส เต กุสาปิ ทุคฺคนฺธา วายนฺติฯ ตครญฺจาติ ตครญฺจ อญฺญญฺจ คนฺธสมฺปนฺนํ คนฺธชาตํฯ เอวนฺติ เอวรูปา ธีรูปเสวนาฯ ธีโร หิ อตฺตานํ เสวมานํ ธีรเมว กโรติฯ

    Tattha santaṃ vāti sappurisaṃ vā. Yadi vā asanti asappurisaṃ vā. Saro diddho kalāpaṃvāti mahārāja, yathā nāma halāhalavisalitto saro sarakalāpe khitto sabbaṃ taṃ visena alittampi sarakalāpaṃ limpati, visadiddhameva karoti, evameva pāpamitto pāpaṃ sevamāno attānaṃ sevamānaṃ paraṃ, tena samphuṭṭho taṃ samphusaṃ alittaṃ pāpena purisaṃ attanā ekajjhāsayaṃ karonto upalimpati. Pūti vāyantīti tassa te kusāpi duggandhā vāyanti. Tagarañcāti tagarañca aññañca gandhasampannaṃ gandhajātaṃ. Evanti evarūpā dhīrūpasevanā. Dhīro hi attānaṃ sevamānaṃ dhīrameva karoti.

    ตสฺมา ปตฺตปุฎเสฺสวาติ ยสฺมา ตคราทิปลิเวฐมานานิ ปณฺณานิปิ สุคนฺธานิ โหนฺติ, ตสฺมา ปลาสปตฺตปุฎเสฺสว ปณฺฑิตูปเสวเนน อหมฺปิ ปณฺฑิโต ภวิสฺสามีติ เอวํฯ ญตฺวา สมฺปากมตฺตโนติ อตฺตโน ปริปากํ ปณฺฑิตภาวํ ปริมาณํ ญตฺวา อสเนฺต ปหาย ปณฺฑิเต สเนฺต เสเวยฺยฯ ‘‘นิรยํ เนนฺตี’’ติ เอตฺถ เทวทตฺตาทีหิ นิรยํ, ‘‘ปาเปนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ เอตฺถ สาริปุตฺตเตฺถราทีหิ สุคติํ นีตานํ วเสน อุทาหรณานิ อาหริตพฺพานิฯ

    Tasmāpattapuṭassevāti yasmā tagarādipaliveṭhamānāni paṇṇānipi sugandhāni honti, tasmā palāsapattapuṭasseva paṇḍitūpasevanena ahampi paṇḍito bhavissāmīti evaṃ. Ñatvā sampākamattanoti attano paripākaṃ paṇḍitabhāvaṃ parimāṇaṃ ñatvā asante pahāya paṇḍite sante seveyya. ‘‘Nirayaṃ nentī’’ti ettha devadattādīhi nirayaṃ, ‘‘pāpenti suggati’’nti ettha sāriputtattherādīhi sugatiṃ nītānaṃ vasena udāharaṇāni āharitabbāni.

    เอวํ ราชธีตา ฉหิ คาถาหิ ปิตุ ธมฺมํ กเถตฺวา อิทานิ อตีเต อตฺตนา อนุภูตํ ทุกฺขํ ทเสฺสนฺตี อาห –

    Evaṃ rājadhītā chahi gāthāhi pitu dhammaṃ kathetvā idāni atīte attanā anubhūtaṃ dukkhaṃ dassentī āha –

    ๑๒๖๐.

    1260.

    ‘‘อหมฺปิ ชาติโย สตฺต, สเร สํสริตตฺตโน;

    ‘‘Ahampi jātiyo satta, sare saṃsaritattano;

    อนาคตาปิ สเตฺตว, ยา คมิสฺสํ อิโต จุตาฯ

    Anāgatāpi satteva, yā gamissaṃ ito cutā.

    ๑๒๖๑.

    1261.

    ‘‘ยา เม สา สตฺตมี ชาติ, อหุ ปุเพฺพ ชนาธิป;

    ‘‘Yā me sā sattamī jāti, ahu pubbe janādhipa;

    กมฺมารปุโตฺต มคเธสุ, อหุํ ราชคเห ปุเรฯ

    Kammāraputto magadhesu, ahuṃ rājagahe pure.

    ๑๒๖๒.

    1262.

    ‘‘ปาปํ สหายมาคมฺม, พหุํ ปาปํ กตํ มยา;

    ‘‘Pāpaṃ sahāyamāgamma, bahuṃ pāpaṃ kataṃ mayā;

    ปรทารสฺส เหเฐโนฺต, จริมฺหา อมรา วิยฯ

    Paradārassa heṭhento, carimhā amarā viya.

    ๑๒๖๓.

    1263.

    ‘‘ตํ กมฺมํ นิหิตํ อฎฺฐา, ภสฺมจฺฉโนฺนว ปาวโก;

    ‘‘Taṃ kammaṃ nihitaṃ aṭṭhā, bhasmacchannova pāvako;

    อถ อเญฺญหิ กเมฺมหิ, อชายิํ วํสภูมิยํฯ

    Atha aññehi kammehi, ajāyiṃ vaṃsabhūmiyaṃ.

    ๑๒๖๔.

    1264.

    ‘‘โกสมฺพิยํ เสฎฺฐิกุเล, อิเทฺธ ผีเต มหทฺธเน;

    ‘‘Kosambiyaṃ seṭṭhikule, iddhe phīte mahaddhane;

    เอกปุโตฺต มหาราช, นิจฺจํ สกฺกตปูชิโตฯ

    Ekaputto mahārāja, niccaṃ sakkatapūjito.

    ๑๒๖๕.

    1265.

    ‘‘ตตฺถ มิตฺตํ อเสวิสฺสํ, สหายํ สาตเว รตํ;

    ‘‘Tattha mittaṃ asevissaṃ, sahāyaṃ sātave rataṃ;

    ปณฺฑิตํ สุตสมฺปนฺนํ, โส มํ อเตฺถ นิเวสยิฯ

    Paṇḍitaṃ sutasampannaṃ, so maṃ atthe nivesayi.

    ๑๒๖๖.

    1266.

    ‘‘จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสิํ, พหุํ รตฺติํ อุปาวสิํ;

    ‘‘Cātuddasiṃ pañcadasiṃ, bahuṃ rattiṃ upāvasiṃ;

    ตํ กมฺมํ นิหิตํ อฎฺฐา, นิธีว อุทกนฺติเกฯ

    Taṃ kammaṃ nihitaṃ aṭṭhā, nidhīva udakantike.

    ๑๒๖๗.

    1267.

    ‘‘อถ ปาปาน กมฺมานํ, ยเมตํ มคเธ กตํ;

    ‘‘Atha pāpāna kammānaṃ, yametaṃ magadhe kataṃ;

    ผลํ ปริยาค มํ ปจฺฉา, ภุตฺวา ทุฎฺฐวิสํ ยถาฯ

    Phalaṃ pariyāga maṃ pacchā, bhutvā duṭṭhavisaṃ yathā.

    ๑๒๖๘.

    1268.

    ‘‘ตโต จุตาหํ เวเทห, โรรุเว นิรเย จิรํ;

    ‘‘Tato cutāhaṃ vedeha, roruve niraye ciraṃ;

    สกมฺมุนา อปจฺจิสฺสํ, ตํ สรํ น สุขํ ลเภฯ

    Sakammunā apaccissaṃ, taṃ saraṃ na sukhaṃ labhe.

    ๑๒๖๙.

    1269.

    ‘‘พหุวสฺสคเณ ตตฺถ, เขปยิตฺวา พหุํ ทุขํ;

    ‘‘Bahuvassagaṇe tattha, khepayitvā bahuṃ dukhaṃ;

    ภินฺนาคเต อหุํ ราช, ฉคโล อุทฺธตปฺผโล’’ติฯ

    Bhinnāgate ahuṃ rāja, chagalo uddhatapphalo’’ti.

    ตตฺถ สตฺตาติ มหาราช, อิธโลกปรโลกา นาม สุกตทุกฺกฎานญฺจ ผลํ นาม อตฺถิฯ น หิ สํสาโร สเตฺต โสเธตุํ สโกฺกติ, สกมฺมุนา เอว สตฺตา สุชฺฌนฺติฯ อลาตเสนาปติ จ พีชกทาโส จ เอกเมว ชาติํ อนุสฺสรนฺติฯ น เกวลํ เอเตว ชาติํ สรนฺติ, อหมฺปิ อตีเต สตฺต ชาติโย อตฺตโน สํสริตํ สรามิ, อนาคเตปิ อิโต คนฺตพฺพา สเตฺตว ชานามิฯ ยา เม สาติ ยา สา มม อตีเต สตฺตมี ชาติ อาสิฯ กมฺมารปุโตฺตติ ตาย ชาติยา อหํ มคเธสุ ราชคหนคเร สุวณฺณการปุโตฺต อโหสิํฯ

    Tattha sattāti mahārāja, idhalokaparalokā nāma sukatadukkaṭānañca phalaṃ nāma atthi. Na hi saṃsāro satte sodhetuṃ sakkoti, sakammunā eva sattā sujjhanti. Alātasenāpati ca bījakadāso ca ekameva jātiṃ anussaranti. Na kevalaṃ eteva jātiṃ saranti, ahampi atīte satta jātiyo attano saṃsaritaṃ sarāmi, anāgatepi ito gantabbā satteva jānāmi. Yā me sāti yā sā mama atīte sattamī jāti āsi. Kammāraputtoti tāya jātiyā ahaṃ magadhesu rājagahanagare suvaṇṇakāraputto ahosiṃ.

    ปรทารสฺส เหเฐโนฺตติ ปรทารํ เหเฐนฺตา ปเรสํ รกฺขิตโคปิเต วรภเณฺฑ อปรชฺฌนฺตาฯ อฎฺฐาติ ตํ ตทา มยา กตํ ปาปกมฺมํ โอกาสํ อลภิตฺวา โอกาเส สติ วิปากทายกํ หุตฺวา ภสฺมปฎิจฺฉโนฺน อคฺคิ วิย นิหิตํ อฎฺฐาสิฯ วํสภูมิยนฺติ วํสรเฎฺฐฯ เอกปุโตฺตติ อสีติโกฎิวิภเว เสฎฺฐิกุเล อหํ เอกปุตฺตโกว อโหสิํฯ สาตเว รตนฺติ กลฺยาณกเมฺม อภิรตํฯ โส มนฺติ โส สหายโก มํ อเตฺถ กุสลกเมฺม ปติฎฺฐาเปสิฯ

    Paradārassaheṭhentoti paradāraṃ heṭhentā paresaṃ rakkhitagopite varabhaṇḍe aparajjhantā. Aṭṭhāti taṃ tadā mayā kataṃ pāpakammaṃ okāsaṃ alabhitvā okāse sati vipākadāyakaṃ hutvā bhasmapaṭicchanno aggi viya nihitaṃ aṭṭhāsi. Vaṃsabhūmiyanti vaṃsaraṭṭhe. Ekaputtoti asītikoṭivibhave seṭṭhikule ahaṃ ekaputtakova ahosiṃ. Sātave ratanti kalyāṇakamme abhirataṃ. So manti so sahāyako maṃ atthe kusalakamme patiṭṭhāpesi.

    ตํ กมฺมนฺติ ตมฺปิ เม กตํ กลฺยาณกมฺมํ ตทา โอกาสํ อลภิตฺวา โอกาเส สติ วิปากทายกํ หุตฺวา อุทกนฺติเก นิธิ วิย นิหิตํ อฎฺฐาสิฯ ยเมตนฺติ อถ มม สนฺตเกสุ ปาปกเมฺมสุ ยํ เอตํ มยา มคเธสุ ปรทาริกกมฺมํ กตํ, ตสฺส ผลํ ปจฺฉา มํ ปริยาคํ อุปคตนฺติ อโตฺถฯ ยถา กิํ? ภุตฺวา ทุฎฺฐวิสํ ยถา, ยถา สวิสํ โภชนํ ภุญฺชิตฺวา ฐิตสฺส ตํ ทุฎฺฐํ กกฺขฬํ หลาหลํ วิสํ กุปฺปติ, ตถา มํ ปริยาคตนฺติ อโตฺถฯ ตโตติ ตโต โกสมฺพิยํ เสฎฺฐิกุลโตฯ ตํ สรนฺติ ตํ ตสฺมิํ นิรเย อนุภูตทุกฺขํ สรนฺตี จิตฺตสุขํ นาม น ลภามิ, ภยเมว เม อุปฺปชฺชติฯ ภินฺนาคเตติ ภินฺนาคเต นาม รเฎฺฐฯ อุทฺธตปฺผโลติ อุทฺธตพีโชฯ

    Taṃ kammanti tampi me kataṃ kalyāṇakammaṃ tadā okāsaṃ alabhitvā okāse sati vipākadāyakaṃ hutvā udakantike nidhi viya nihitaṃ aṭṭhāsi. Yametanti atha mama santakesu pāpakammesu yaṃ etaṃ mayā magadhesu paradārikakammaṃ kataṃ, tassa phalaṃ pacchā maṃ pariyāgaṃ upagatanti attho. Yathā kiṃ? Bhutvā duṭṭhavisaṃ yathā, yathā savisaṃ bhojanaṃ bhuñjitvā ṭhitassa taṃ duṭṭhaṃ kakkhaḷaṃ halāhalaṃ visaṃ kuppati, tathā maṃ pariyāgatanti attho. Tatoti tato kosambiyaṃ seṭṭhikulato. Taṃ saranti taṃ tasmiṃ niraye anubhūtadukkhaṃ sarantī cittasukhaṃ nāma na labhāmi, bhayameva me uppajjati. Bhinnāgateti bhinnāgate nāma raṭṭhe. Uddhatapphaloti uddhatabījo.

    โส ปน ฉคลโก พลสมฺปโนฺน อโหสิฯ ปิฎฺฐิยํ อภิรุยฺหปิ นํ วาหยิํสุ, ยานเกปิ โยชยิํสุฯ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺตี อาห –

    So pana chagalako balasampanno ahosi. Piṭṭhiyaṃ abhiruyhapi naṃ vāhayiṃsu, yānakepi yojayiṃsu. Imamatthaṃ pakāsentī āha –

    ๑๒๗๐.

    1270.

    ‘‘สาตปุตฺตา มยา วูฬฺหา, ปิฎฺฐิยา จ รเถน จ;

    ‘‘Sātaputtā mayā vūḷhā, piṭṭhiyā ca rathena ca;

    ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสโนฺท, ปรทารคมนสฺส เม’’ติฯ

    Tassa kammassa nissando, paradāragamanassa me’’ti.

    ตตฺถ สาตปุตฺตาติ อมจฺจปุตฺตาฯ ตสฺส กมฺมสฺสาติ เทว, โรรุเว มหานิรเย ปจฺจนญฺจ ฉคลกกาเล พีชุปฺปาฎนญฺจ ปิฎฺฐิวาหนยานกโยชนานิ จ สโพฺพเปส ตสฺส นิสฺสโนฺท ปรทารคมนสฺส เมติฯ

    Tattha sātaputtāti amaccaputtā. Tassa kammassāti deva, roruve mahāniraye paccanañca chagalakakāle bījuppāṭanañca piṭṭhivāhanayānakayojanāni ca sabbopesa tassa nissando paradāragamanassa meti.

    ตโต ปน จวิตฺวา อรเญฺญ กปิโยนิยํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ อถ นํ ชาตทิวเส ยูถปติโน ทเสฺสสุํฯ โส ‘‘อาเนถ เม, ปุตฺต’’นฺติ ทฬฺหํ คเหตฺวา ตสฺส วิรวนฺตสฺส ทเนฺตหิ ผลานิ อุปฺปาเฎสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสนฺตี อาห –

    Tato pana cavitvā araññe kapiyoniyaṃ paṭisandhiṃ gaṇhi. Atha naṃ jātadivase yūthapatino dassesuṃ. So ‘‘ānetha me, putta’’nti daḷhaṃ gahetvā tassa viravantassa dantehi phalāni uppāṭesi. Tamatthaṃ pakāsentī āha –

    ๑๒๗๑.

    1271.

    ‘‘ตโต จุตาหํ เวเทห, กปิ อาสิํ พฺรหาวเน;

    ‘‘Tato cutāhaṃ vedeha, kapi āsiṃ brahāvane;

    นิลุญฺจิตผโลเยว, ยูถเปน ปคพฺภินา;

    Niluñcitaphaloyeva, yūthapena pagabbhinā;

    ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสโนฺท, ปรทารคมนสฺส เม’’ติฯ

    Tassa kammassa nissando, paradāragamanassa me’’ti.

    ตตฺถ นิลุญฺจิตผโลเยวาติ ตตฺรปาหํ ปคเพฺภน ยูถปตินา ลุญฺจิตฺวา อุปฺปาฎิตผโลเยว อโหสินฺติ อโตฺถฯ

    Tattha niluñcitaphaloyevāti tatrapāhaṃ pagabbhena yūthapatinā luñcitvā uppāṭitaphaloyeva ahosinti attho.

    อถ อปราปิ ชาติโย ทเสฺสนฺตี อาห –

    Atha aparāpi jātiyo dassentī āha –

    ๑๒๗๒.

    1272.

    ‘‘ตโต จุตาหํ เวเทห, ทสฺสเนสุ ปสู อหุํ;

    ‘‘Tato cutāhaṃ vedeha, dassanesu pasū ahuṃ;

    นิลุญฺจิโต ชโว ภโทฺร, โยคฺคํ วูฬฺหํ จิรํ มยา;

    Niluñcito javo bhadro, yoggaṃ vūḷhaṃ ciraṃ mayā;

    ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสโนฺท, ปรทารคมนสฺส เมฯ

    Tassa kammassa nissando, paradāragamanassa me.

    ๑๒๗๓.

    1273.

    ‘‘ตโต จุตาหํ เวเทห, วชฺชีสุ กุลมาคมา;

    ‘‘Tato cutāhaṃ vedeha, vajjīsu kulamāgamā;

    เนวิตฺถี น ปุมา อาสิํ, มนุสฺสเตฺต สุทุลฺลเภ;

    Nevitthī na pumā āsiṃ, manussatte sudullabhe;

    ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสโนฺท, ปรทารคมนสฺส เมฯ

    Tassa kammassa nissando, paradāragamanassa me.

    ๑๒๗๔.

    1274.

    ‘‘ตโต จุตาหํ เวเทห, อชายิํ นนฺทเน วเน;

    ‘‘Tato cutāhaṃ vedeha, ajāyiṃ nandane vane;

    ภวเน ตาวติํสาหํ, อจฺฉรา กามวณฺณินีฯ

    Bhavane tāvatiṃsāhaṃ, accharā kāmavaṇṇinī.

    ๑๒๗๕.

    1275.

    ‘‘วิจิตฺรวตฺถาภรณา, อามุตฺตมณิกุณฺฑลา;

    ‘‘Vicitravatthābharaṇā, āmuttamaṇikuṇḍalā;

    กุสลา นจฺจคีตสฺส, สกฺกสฺส ปริจาริกาฯ

    Kusalā naccagītassa, sakkassa paricārikā.

    ๑๒๗๖.

    1276.

    ‘‘ตตฺถ ฐิตาหํ เวเทห, สรามิ ชาติโย อิมา;

    ‘‘Tattha ṭhitāhaṃ vedeha, sarāmi jātiyo imā;

    อนาคตาปิ สเตฺตว, ยา คมิสฺสํ อิโต จุตาฯ

    Anāgatāpi satteva, yā gamissaṃ ito cutā.

    ๑๒๗๗.

    1277.

    ‘‘ปริยาคตํ ตํ กุสลํ, ยํ เม โกสมฺพิยํ กตํ;

    ‘‘Pariyāgataṃ taṃ kusalaṃ, yaṃ me kosambiyaṃ kataṃ;

    เทเว เจว มนุเสฺส จ, สนฺธาวิสฺสํ อิโต จุตาฯ

    Deve ceva manusse ca, sandhāvissaṃ ito cutā.

    ๑๒๗๘.

    1278.

    ‘‘สตฺต ชโจฺจ มหาราช, นิจฺจํ สกฺกตปูชิตา;

    ‘‘Satta jacco mahārāja, niccaṃ sakkatapūjitā;

    ถีภาวาปิ น มุจฺจิสฺสํ, ฉฎฺฐา นิคติโย อิมาฯ

    Thībhāvāpi na muccissaṃ, chaṭṭhā nigatiyo imā.

    ๑๒๗๙.

    1279.

    ‘‘สตฺตมี จ คติ เทว, เทวปุโตฺต มหิทฺธิโก;

    ‘‘Sattamī ca gati deva, devaputto mahiddhiko;

    ปุมา เทโว ภวิสฺสามิ, เทวกายสฺมิมุตฺตโมฯ

    Pumā devo bhavissāmi, devakāyasmimuttamo.

    ๑๒๘๐.

    1280.

    ‘‘อชฺชาปิ สนฺตานมยํ, มาลํ คเนฺถนฺติ นนฺทเน;

    ‘‘Ajjāpi santānamayaṃ, mālaṃ ganthenti nandane;

    เทวปุโตฺต ชโว นาม, โย เม มาลํ ปฎิจฺฉติฯ

    Devaputto javo nāma, yo me mālaṃ paṭicchati.

    ๑๒๘๑.

    1281.

    ‘‘มุหุโตฺต วิย โส ทิโพฺย, อิธ วสฺสานิ โสฬส;

    ‘‘Muhutto viya so dibyo, idha vassāni soḷasa;

    รตฺตินฺทิโว จ โส ทิโพฺย, มานุสิํ สรโทสตํฯ

    Rattindivo ca so dibyo, mānusiṃ saradosataṃ.

    ๑๒๘๒.

    1282.

    ‘‘อิติ กมฺมานิ อเนฺวนฺติ, อสเงฺขยฺยาปิ ชาติโย;

    ‘‘Iti kammāni anventi, asaṅkheyyāpi jātiyo;

    กลฺยาณํ ยทิ วา ปาปํ, น หิ กมฺมํ วินสฺสตี’’ติฯ

    Kalyāṇaṃ yadi vā pāpaṃ, na hi kammaṃ vinassatī’’ti.

    ตตฺถ ทสฺสเนสูติ ทสฺสนรเฎฺฐสุฯ ปสูติ โคโณ อโหสิํฯ นิลุญฺจิโตติ วจฺฉกาเลเยว มํ เอวํ มนาโป ภวิสฺสตีติ นิพฺพีชกมกํสุฯ โสหํ นิลุญฺจิโต อุทฺธตพีโช ชโว ภโทฺร อโหสิํฯ วชฺชีสุ กุลมาคมาติ โคโยนิโต จวิตฺวา วชฺชิรเฎฺฐ เอกสฺมิํ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺตินฺติ ทเสฺสติฯ เนวิตฺถี น ปุมาติ นปุํสกตฺตํ สนฺธาย อาหฯ ภวเน ตาวติํสาหนฺติ ตาวติํสภวเน อหํฯ

    Tattha dassanesūti dassanaraṭṭhesu. Pasūti goṇo ahosiṃ. Niluñcitoti vacchakāleyeva maṃ evaṃ manāpo bhavissatīti nibbījakamakaṃsu. Sohaṃ niluñcito uddhatabījo javo bhadro ahosiṃ. Vajjīsu kulamāgamāti goyonito cavitvā vajjiraṭṭhe ekasmiṃ mahābhogakule nibbattinti dasseti. Nevitthī na pumāti napuṃsakattaṃ sandhāya āha. Bhavane tāvatiṃsāhanti tāvatiṃsabhavane ahaṃ.

    ตตฺถ ฐิตาหํ, เวเทห, สรามิ ชาติโย อิมาติ สา กิร ตสฺมิํ เทวโลเก ฐิตา ‘‘อหํ เอวรูปํ เทวโลกํ อาคจฺฉนฺตี กุโต นุ โข อาคตา’’ติ โอโลเกนฺตี วชฺชิรเฎฺฐ มหาโภคกุเล นปุํสกตฺตภาวโต จวิตฺวา ตตฺถ นิพฺพตฺตภาวํ ปสฺสิฯ ตโต ‘‘เกน นุ โข กเมฺมน เอวรูเป รมณีเย ฐาเน นิพฺพตฺตามฺหี’’ติ โอโลเกนฺตี โกสมฺพิยํ เสฎฺฐิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กตํ ทานาทิกุสลํ ทิสฺวา ‘‘เอตสฺส ผเลน นิพฺพตฺตามฺหี’’ติ ญตฺวา ‘‘อนนฺตราตีเต นปุํสกตฺตภาเว นิพฺพตฺตมานา กุโต อาคตามฺหี’’ติ โอโลเกนฺตี ทสฺสนรเฎฺฐสุ โคโยนิยํ มหาทุกฺขสฺส อนุภูตภาวํ อญฺญาสิฯ ตโต อนนฺตรํ ชาติํ อนุสฺสรมานา วานรโยนิยํ อุทฺธตผลภาวํ อทฺทสฯ ตโต อนนฺตรํ อนุสฺสรนฺตี ภินฺนาคเต ฉคลกโยนิยํ อุทฺธตพีชภาวํ อนุสฺสริฯ ตโต ปรํ อนุสฺสรมานา โรรุเว นิพฺพตฺตภาวํ อนุสฺสริฯ

    Tattha ṭhitāhaṃ, vedeha, sarāmi jātiyo imāti sā kira tasmiṃ devaloke ṭhitā ‘‘ahaṃ evarūpaṃ devalokaṃ āgacchantī kuto nu kho āgatā’’ti olokentī vajjiraṭṭhe mahābhogakule napuṃsakattabhāvato cavitvā tattha nibbattabhāvaṃ passi. Tato ‘‘kena nu kho kammena evarūpe ramaṇīye ṭhāne nibbattāmhī’’ti olokentī kosambiyaṃ seṭṭhikule nibbattitvā kataṃ dānādikusalaṃ disvā ‘‘etassa phalena nibbattāmhī’’ti ñatvā ‘‘anantarātīte napuṃsakattabhāve nibbattamānā kuto āgatāmhī’’ti olokentī dassanaraṭṭhesu goyoniyaṃ mahādukkhassa anubhūtabhāvaṃ aññāsi. Tato anantaraṃ jātiṃ anussaramānā vānarayoniyaṃ uddhataphalabhāvaṃ addasa. Tato anantaraṃ anussarantī bhinnāgate chagalakayoniyaṃ uddhatabījabhāvaṃ anussari. Tato paraṃ anussaramānā roruve nibbattabhāvaṃ anussari.

    อถสฺสา นิรเย ติรจฺฉานโยนิยญฺจ อนุภูตํ ทุกฺขํ อนุสฺสรนฺติยา ภยํ อุปฺปชฺชิฯ ตโต ‘‘เกน นุ โข กเมฺมน เอวรูปํ ทุกฺขํ อนุภูตํ มยา’’ติ ฉฎฺฐํ ชาติํ โอโลเกนฺตี ตาย ชาติยา โกสมฺพินคเร กตํ กลฺยาณกมฺมํ ทิสฺวา สตฺตมํ โอโลเกนฺตี มคธรเฎฺฐ ปาปสหายํ นิสฺสาย กตํ ปรทาริกกมฺมํ ทิสฺวา ‘‘เอตสฺส ผเลน เม ตํ มหาทุกฺขํ อนุภูต’’นฺติ อญฺญาสิฯ อถ ‘‘อิโต จวิตฺวา อนาคเต กุหิํ นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ โอโลเกนฺตี ‘‘ยาวตายุกํ ฐตฺวา ปุน สกฺกเสฺสว ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ อญฺญาสิฯ เอวํ ปุนปฺปุนํ โอโลกยมานา ‘‘ตติเยปิ อตฺตภาเว สกฺกเสฺสว ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสามิ, ตถา จตุเตฺถ, ปญฺจเม ปน ตสฺมิํเยว เทวโลเก ชวนเทวปุตฺตสฺส อคฺคมเหสี หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ ญตฺวา ตโต อนนฺตรํ โอโลเกนฺตี ‘‘ฉเฎฺฐ อตฺตภาเว อิโต ตาวติํสภวนโต จวิตฺวา องฺคติรโญฺญ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติสฺสามิ, ‘รุจา’ติ เม นามํ ภวิสฺสตี’’ติ ญตฺวา ‘‘ตโต อนนฺตรา กุหิํ นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ โอโลเกนฺตี ‘‘สตฺตมาย ชาติยา ตโต จวิตฺวา ตาวติํสภวเน มหิทฺธิโก เทวปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสามิ, อิตฺถิภาวโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ อญฺญาสิฯ ตสฺมา –

    Athassā niraye tiracchānayoniyañca anubhūtaṃ dukkhaṃ anussarantiyā bhayaṃ uppajji. Tato ‘‘kena nu kho kammena evarūpaṃ dukkhaṃ anubhūtaṃ mayā’’ti chaṭṭhaṃ jātiṃ olokentī tāya jātiyā kosambinagare kataṃ kalyāṇakammaṃ disvā sattamaṃ olokentī magadharaṭṭhe pāpasahāyaṃ nissāya kataṃ paradārikakammaṃ disvā ‘‘etassa phalena me taṃ mahādukkhaṃ anubhūta’’nti aññāsi. Atha ‘‘ito cavitvā anāgate kuhiṃ nibbattissāmī’’ti olokentī ‘‘yāvatāyukaṃ ṭhatvā puna sakkasseva paricārikā hutvā nibbattissāmī’’ti aññāsi. Evaṃ punappunaṃ olokayamānā ‘‘tatiyepi attabhāve sakkasseva paricārikā hutvā nibbattissāmi, tathā catutthe, pañcame pana tasmiṃyeva devaloke javanadevaputtassa aggamahesī hutvā nibbattissāmī’’ti ñatvā tato anantaraṃ olokentī ‘‘chaṭṭhe attabhāve ito tāvatiṃsabhavanato cavitvā aṅgatirañño aggamahesiyā kucchimhi nibbattissāmi, ‘rucā’ti me nāmaṃ bhavissatī’’ti ñatvā ‘‘tato anantarā kuhiṃ nibbattissāmī’’ti olokentī ‘‘sattamāya jātiyā tato cavitvā tāvatiṃsabhavane mahiddhiko devaputto hutvā nibbattissāmi, itthibhāvato muccissāmī’’ti aññāsi. Tasmā –

    ‘‘ตตฺถ ฐิตาหํ เวเทห, สรามิ สตฺต ชาติโย;

    ‘‘Tattha ṭhitāhaṃ vedeha, sarāmi satta jātiyo;

    อนาคตาปิ สเตฺตว, ยา คมิสฺสํ อิโต จุตา’’ติฯ – อาทิมาห;

    Anāgatāpi satteva, yā gamissaṃ ito cutā’’ti. – ādimāha;

    ตตฺถ ปริยาคตนฺติ ปริยาเยน อตฺตโน วาเรน อาคตํฯ สตฺต ชโจฺจติ วชฺชิรเฎฺฐ นปุํสกชาติยา สทฺธิํ เทวโลเก ปญฺจ, อยญฺจ ฉฎฺฐาติ สตฺต ชาติโยติ วุจฺจนฺติฯ เอตา สตฺต ชาติโย นิจฺจํ สกฺกตปูชิตา อโหสินฺติ ทเสฺสติฯ ฉฎฺฐา นิคติโยติ เทวโลเก ปน ปญฺจ, อยญฺจ เอกาติ อิมา ฉ คติโย อิตฺถิภาวาน มุจฺจิสฺสนฺติ วทติฯ สตฺตมี จาติ อิโต จวิตฺวา อนนฺตรํฯ สนฺตานมยนฺติ เอกโตวณฺฎกาทิวเสน กตสนฺตานํฯ คเนฺถนฺตีติ ยถา สนฺตานมยา โหนฺติ, เอวํ อชฺชปิ มม ปริจาริกา นนฺทนวเน มาลํ คเนฺถนฺติเยวฯ โย เม มาลํ ปฎิจฺฉตีติ มหาราช, อนนฺตรชาติยํ มม สามิโก ชโว นาม เทวปุโตฺต โย รุกฺขโต ปติตปติตํ มาลํ ปฎิจฺฉติฯ

    Tattha pariyāgatanti pariyāyena attano vārena āgataṃ. Satta jaccoti vajjiraṭṭhe napuṃsakajātiyā saddhiṃ devaloke pañca, ayañca chaṭṭhāti satta jātiyoti vuccanti. Etā satta jātiyo niccaṃ sakkatapūjitā ahosinti dasseti. Chaṭṭhā nigatiyoti devaloke pana pañca, ayañca ekāti imā cha gatiyo itthibhāvāna muccissanti vadati. Sattamī cāti ito cavitvā anantaraṃ. Santānamayanti ekatovaṇṭakādivasena katasantānaṃ. Ganthentīti yathā santānamayā honti, evaṃ ajjapi mama paricārikā nandanavane mālaṃ ganthentiyeva. Yo me mālaṃ paṭicchatīti mahārāja, anantarajātiyaṃ mama sāmiko javo nāma devaputto yo rukkhato patitapatitaṃ mālaṃ paṭicchati.

    โสฬสาติ มหาราช, มม ชาติยา อิมานิ โสฬส วสฺสานิ, เอตฺตโก ปน กาโล เทวานํ เอโก มุหุโตฺต, เตน ตา มม จุตภาวมฺปิ อชานนฺตา มมตฺถาย มาลํ คเนฺถนฺติเยวฯ มานุสินฺติ มนุสฺสานํ วสฺสคณนํ อาคมฺม เอส สรโทสตํ วสฺสสตํ โหติ, เอวํ ทีฆายุกา เทวา ฯ อิมินา ปน การเณน ปรโลกสฺส จ กลฺยาณปาปกานญฺจ กมฺมานํ อตฺถิตํ ชานาหิ, เทวาติฯ

    Soḷasāti mahārāja, mama jātiyā imāni soḷasa vassāni, ettako pana kālo devānaṃ eko muhutto, tena tā mama cutabhāvampi ajānantā mamatthāya mālaṃ ganthentiyeva. Mānusinti manussānaṃ vassagaṇanaṃ āgamma esa saradosataṃ vassasataṃ hoti, evaṃ dīghāyukā devā . Iminā pana kāraṇena paralokassa ca kalyāṇapāpakānañca kammānaṃ atthitaṃ jānāhi, devāti.

    อเนฺวนฺตีติ ยถา มํ อนุพนฺธิํสุ, เอวํ อนุพนฺธนฺติฯ น หิ กมฺมํ วินสฺสตีติ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ ตสฺมิํเยว อตฺตภาเว, อุปปชฺชเวทนียํ อนนฺตรภเว วิปากํ เทติ, อปราปริยเวทนียํ ปน วิปากํ อทตฺวา น นสฺสติฯ ตํ สนฺธาย ‘‘น หิ กมฺมํ วินสฺสตี’’ติ วตฺวา ‘‘เทว, อหํ ปรทาริกกมฺมสฺส นิสฺสเนฺทน นิรเย จ ติรจฺฉานโยนิยญฺจ มหนฺตํ ทุกฺขํ อนุภวิํฯ สเจ ปน ตุเมฺหปิ อิทานิ คุณสฺส กถํ คเหตฺวา เอวํ กริสฺสถ, มยา อนุภูตสทิสเมว ทุกฺขํ อนุภวิสฺสถ, ตสฺมา เอวํ มา กริตฺถา’’ติ อาหฯ

    Anventīti yathā maṃ anubandhiṃsu, evaṃ anubandhanti. Na hi kammaṃ vinassatīti diṭṭhadhammavedanīyaṃ tasmiṃyeva attabhāve, upapajjavedanīyaṃ anantarabhave vipākaṃ deti, aparāpariyavedanīyaṃ pana vipākaṃ adatvā na nassati. Taṃ sandhāya ‘‘na hi kammaṃ vinassatī’’ti vatvā ‘‘deva, ahaṃ paradārikakammassa nissandena niraye ca tiracchānayoniyañca mahantaṃ dukkhaṃ anubhaviṃ. Sace pana tumhepi idāni guṇassa kathaṃ gahetvā evaṃ karissatha, mayā anubhūtasadisameva dukkhaṃ anubhavissatha, tasmā evaṃ mā karitthā’’ti āha.

    อถสฺส อุตฺตริ ธมฺมํ เทเสนฺตี อาห –

    Athassa uttari dhammaṃ desentī āha –

    ๑๒๘๓.

    1283.

    ‘‘โย อิเจฺฉ ปุริโส โหตุํ, ชาติํ ชาติํ ปุนปฺปุนํ;

    ‘‘Yo icche puriso hotuṃ, jātiṃ jātiṃ punappunaṃ;

    ปรทารํ วิวเชฺชยฺย, โธตปาโทว กทฺทมํฯ

    Paradāraṃ vivajjeyya, dhotapādova kaddamaṃ.

    ๑๒๘๔.

    1284.

    ‘‘ยา อิเจฺฉ ปุริโส โหตุํ, ชาติํ ชาติํ ปุนปฺปุนํ;

    ‘‘Yā icche puriso hotuṃ, jātiṃ jātiṃ punappunaṃ;

    สามิกํ อปจาเยยฺย, อินฺทํว ปริจาริกาฯ

    Sāmikaṃ apacāyeyya, indaṃva paricārikā.

    ๑๒๘๕.

    1285.

    ‘‘โย อิเจฺฉ ทิพฺยโภคญฺจ, ทิพฺพมายุํ ยสํ สุขํ;

    ‘‘Yo icche dibyabhogañca, dibbamāyuṃ yasaṃ sukhaṃ;

    ปาปานิ ปริวเชฺชตฺวา, ติวิธํ ธมฺมมาจเรฯ

    Pāpāni parivajjetvā, tividhaṃ dhammamācare.

    ๑๒๘๖.

    1286.

    ‘‘กาเยน วาจา มนสา, อปฺปมโตฺต วิจกฺขโณ;

    ‘‘Kāyena vācā manasā, appamatto vicakkhaṇo;

    อตฺตโน โหติ อตฺถาย, อิตฺถี วา ยทิ วา ปุมาฯ

    Attano hoti atthāya, itthī vā yadi vā pumā.

    ๑๒๘๗.

    1287.

    ‘‘เย เกจิเม มานุชา ชีวโลเก, ยสสฺสิโน สพฺพสมนฺตโภคา;

    ‘‘Ye kecime mānujā jīvaloke, yasassino sabbasamantabhogā;

    อสํสยํ เตหิ ปุเร สุจิณฺณํ, กมฺมสฺสกาเส ปุถุ สพฺพสตฺตาฯ

    Asaṃsayaṃ tehi pure suciṇṇaṃ, kammassakāse puthu sabbasattā.

    ๑๒๘๘.

    1288.

    ‘‘อิงฺฆานุจิเนฺตสิ สยมฺปิ เทว, กุโตนิทานา เต อิมา ชนินฺท;

    ‘‘Iṅghānucintesi sayampi deva, kutonidānā te imā janinda;

    ยา เต อิมา อจฺฉราสนฺนิกาสา, อลงฺกตา กญฺจนชาลฉนฺนา’’ติฯ

    Yā te imā accharāsannikāsā, alaṅkatā kañcanajālachannā’’ti.

    ตตฺถ โหตุนฺติ ภวิตุํฯ สพฺพสมนฺตโภคาติ ปริปุณฺณสพฺพโภคาฯ สุจิณฺณนฺติ สุฎฺฐุ จิณฺณํ กลฺยาณกมฺมํ กตํฯ กมฺมสฺสกาเสติ กมฺมสฺสกา อตฺตนา กตกมฺมเสฺสว วิปากปฎิสํเวทิโนฯ น หิ มาตาปิตูหิ กตํ กมฺมํ ปุตฺตธีตานํ วิปากํ เทติ, น ตาหิ ปุตฺตธีตาหิ กตํ กมฺมํ มาตาปิตูนํ วิปากํ เทติฯ เสเสหิ กตํ เสสานํ กิเมว ทสฺสติ? อิงฺฆาติ โจทนเตฺถ นิปาโตฯ อนุจิเนฺตสีติ ปุนปฺปุนํ จิเนฺตยฺยาสิฯ ยา เต อิมาติ ยา อิมา โสฬสสหสฺสา อิตฺถิโย ตํ อุปฎฺฐหนฺติ, อิมา เต กุโตนิทานา, กิํ นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายเนฺตน ลทฺธา, อุทาหุ ปนฺถทูสนสนฺธิเจฺฉทาทีนิ ปาปานิ กตฺวา, อทุ กลฺยาณกมฺมํ นิสฺสาย ลทฺธาติ อิทํ ตาว อตฺตนาปิ จิเนฺตยฺยาสิ, เทวาติฯ

    Tattha hotunti bhavituṃ. Sabbasamantabhogāti paripuṇṇasabbabhogā. Suciṇṇanti suṭṭhu ciṇṇaṃ kalyāṇakammaṃ kataṃ. Kammassakāseti kammassakā attanā katakammasseva vipākapaṭisaṃvedino. Na hi mātāpitūhi kataṃ kammaṃ puttadhītānaṃ vipākaṃ deti, na tāhi puttadhītāhi kataṃ kammaṃ mātāpitūnaṃ vipākaṃ deti. Sesehi kataṃ sesānaṃ kimeva dassati? Iṅghāti codanatthe nipāto. Anucintesīti punappunaṃ cinteyyāsi. Yā te imāti yā imā soḷasasahassā itthiyo taṃ upaṭṭhahanti, imā te kutonidānā, kiṃ nipajjitvā niddāyantena laddhā, udāhu panthadūsanasandhicchedādīni pāpāni katvā, adu kalyāṇakammaṃ nissāya laddhāti idaṃ tāva attanāpi cinteyyāsi, devāti.

    เอวํ สา ปิตรํ อนุสาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Evaṃ sā pitaraṃ anusāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๑๒๘๙.

    1289.

    ‘‘อิเจฺจวํ ปิตรํ กญฺญา, รุจา โตเสสิ องฺคติํ;

    ‘‘Iccevaṃ pitaraṃ kaññā, rucā tosesi aṅgatiṃ;

    มูฬฺหสฺส มคฺคมาจิกฺขิ, ธมฺมมกฺขาสิ สุพฺพตา’’ติฯ

    Mūḷhassa maggamācikkhi, dhammamakkhāsi subbatā’’ti.

    ตตฺถ อิเจฺจวนฺติ ภิกฺขเว, อิติ อิเมหิ เอวรูเปหิ มธุเรหิ วจเนหิ รุจากญฺญา ปิตรํ โตเสสิ, มูฬฺหสฺส มคฺคํ วิย ตสฺส สุคติมคฺคํ อาจิกฺขิ, นานานเยหิ สุจริตธมฺมํ อกฺขาสิฯ ธมฺมํ กเถนฺตีเยว สา สุพฺพตา สุนฺทรวตา อตฺตโน อตีตชาติโยปิ กเถสิฯ

    Tattha iccevanti bhikkhave, iti imehi evarūpehi madhurehi vacanehi rucākaññā pitaraṃ tosesi, mūḷhassa maggaṃ viya tassa sugatimaggaṃ ācikkhi, nānānayehi sucaritadhammaṃ akkhāsi. Dhammaṃ kathentīyeva sā subbatā sundaravatā attano atītajātiyopi kathesi.

    เอวํ ปุพฺพณฺหโต ปฎฺฐาย สพฺพรตฺติํ ปิตุ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มา, เทว, นคฺคสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิกสฺส วจนํ คณฺหิ, ‘อตฺถิ อยํ โลโก, อตฺถิ ปรโลโก , อตฺถิ สุกฎทุกฺกฎกมฺมานํ ผล’นฺติ วทนฺตสฺส มาทิสสฺส กลฺยาณมิตฺตสฺส วจนํ คณฺห, มา อติเตฺถน ปกฺขนฺที’’ติ อาหฯ เอวํ สเนฺตปิ ปิตรํ มิจฺฉาทสฺสนา โมเจตุํ นาสกฺขิฯ โส หิ เกวลํ ตสฺสา มธุรวจนํ สุตฺวา ตุสฺสิฯ มาตาปิตโร หิ ปิยปุตฺตานํ วจนํ ปิยายนฺติ, น ปน ตํ มิจฺฉาทสฺสนํ วิสฺสเชฺชสิฯ นคเรปิ ‘‘รุจา กิร ราชธีตา ปิตุ ธมฺมํ เทเสตฺวา มิจฺฉาทสฺสนํ วิสฺสชฺชาเปสี’’ติ เอกโกลาหลํ อโหสิฯ ‘‘ปณฺฑิตา ราชธีตา อชฺช ปิตรํ มิจฺฉาทสฺสนา โมเจตฺวา นครวาสีนํ โสตฺถิภาวํ กริสฺสตี’’ติ มหาชโน ตุสฺสิฯ สา ปิตรํ โพเธตุํ อสโกฺกนฺตี วีริยํ อวิสฺสเชฺชตฺวาว ‘‘เยน เกนจิ อุปาเยน ปิตุ โสตฺถิภาวํ กริสฺสามี’’ติ สิรสฺมิํ อญฺชลิํ ปติฎฺฐเปตฺวา ทสทิสา นมสฺสิตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ โลเก โลกสนฺธารกา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา นาม โลกปาลเทวตา นาม มหาพฺรหฺมาโน นาม อตฺถิ, เต อิธาคนฺตฺวา อตฺตโน พเลน มม ปิตรํ มิจฺฉาทสฺสนํ วิสฺสชฺชาเปนฺตุ , เอตสฺส คุเณ อสติปิ มม คุเณน มม สีเลน มม สเจฺจน อิธาคนฺตฺวา อิมํ มิจฺฉาทสฺสนํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา สกลโลกสฺส โสตฺถิํ กโรนฺตู’’ติ อธิฎฺฐหิตฺวา นมสฺสิฯ

    Evaṃ pubbaṇhato paṭṭhāya sabbarattiṃ pitu dhammaṃ desetvā ‘‘mā, deva, naggassa micchādiṭṭhikassa vacanaṃ gaṇhi, ‘atthi ayaṃ loko, atthi paraloko , atthi sukaṭadukkaṭakammānaṃ phala’nti vadantassa mādisassa kalyāṇamittassa vacanaṃ gaṇha, mā atitthena pakkhandī’’ti āha. Evaṃ santepi pitaraṃ micchādassanā mocetuṃ nāsakkhi. So hi kevalaṃ tassā madhuravacanaṃ sutvā tussi. Mātāpitaro hi piyaputtānaṃ vacanaṃ piyāyanti, na pana taṃ micchādassanaṃ vissajjesi. Nagarepi ‘‘rucā kira rājadhītā pitu dhammaṃ desetvā micchādassanaṃ vissajjāpesī’’ti ekakolāhalaṃ ahosi. ‘‘Paṇḍitā rājadhītā ajja pitaraṃ micchādassanā mocetvā nagaravāsīnaṃ sotthibhāvaṃ karissatī’’ti mahājano tussi. Sā pitaraṃ bodhetuṃ asakkontī vīriyaṃ avissajjetvāva ‘‘yena kenaci upāyena pitu sotthibhāvaṃ karissāmī’’ti sirasmiṃ añjaliṃ patiṭṭhapetvā dasadisā namassitvā ‘‘imasmiṃ loke lokasandhārakā dhammikasamaṇabrāhmaṇā nāma lokapāladevatā nāma mahābrahmāno nāma atthi, te idhāgantvā attano balena mama pitaraṃ micchādassanaṃ vissajjāpentu , etassa guṇe asatipi mama guṇena mama sīlena mama saccena idhāgantvā imaṃ micchādassanaṃ vissajjāpetvā sakalalokassa sotthiṃ karontū’’ti adhiṭṭhahitvā namassi.

    ตทา โพธิสโตฺต นารโท นาม มหาพฺรหฺมา อโหสิฯ โพธิสตฺตา จ นาม อตฺตโน เมตฺตาภาวนาย อนุทฺทยาย มหนฺตภาเวน สุปฺปฎิปนฺนทุปฺปฎิปเนฺน สเตฺต ทสฺสนตฺถํ กาลานุกาลํ โลกํ โอโลเกนฺติฯ โส ตํ ทิวสํ โลกํ โอโลเกโนฺต ตํ ราชธีตรํ ปิตุ มิจฺฉาทิฎฺฐิโมจนตฺถํ โลกสนฺธารกเทวตาโย นมสฺสมานํ ทิสฺวา, ‘‘ฐเปตฺวา มํ อโญฺญ เอตํ ราชานํ มิจฺฉาทสฺสนํ วิสฺสชฺชาเปตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิ, อชฺช มยา ราชธีตุ สงฺคหํ, รโญฺญ จ สปริชนสฺส โสตฺถิภาวํ กตฺวา อาคนฺตุํ วฎฺฎติ, เกน นุ โข เวเสน คมิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘มนุสฺสานํ ปพฺพชิตา ปิยา เจว ครุโน จ อาเทยฺยวจนา จ, ตสฺมา ปพฺพชิตเวเสน คมิสฺสามี’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา ปาสาทิกํ สุวณฺณวณฺณํ มนุสฺสตฺตภาวํ มาเปตฺวา มนุญฺญํ ชฎามณฺฑลํ พนฺธิตฺวา ชฎนฺตเร กญฺจนสูจิํ โอทหิตฺวา อโนฺต รตฺตปฎํ อุปริ รตฺตวากจีรํ นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา สุวณฺณตาราขจิตํ รชตมยํ อชินจมฺมํ เอกํเส กตฺวา มุตฺตาสิกฺกาย ปกฺขิตฺตํ สุวณฺณมยํ ภิกฺขาภาชนํ อาทาย ตีสุ ฐาเนสุ โอนตํ สุวณฺณกาชํ ขเนฺธ กตฺวา มุตฺตาสิกฺกาย เอว ปวาฬกมณฺฑลุํ อาทาย อิมินา อิสิเวเสน คคนตเล จโนฺท วิย วิโรจมาโน อากาเสน อาคนฺตฺวา อลงฺกตจนฺทกปาสาทมหาตลํ ปวิสิตฺวา รโญฺญ ปุรโต อากาเส อฎฺฐาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Tadā bodhisatto nārado nāma mahābrahmā ahosi. Bodhisattā ca nāma attano mettābhāvanāya anuddayāya mahantabhāvena suppaṭipannaduppaṭipanne satte dassanatthaṃ kālānukālaṃ lokaṃ olokenti. So taṃ divasaṃ lokaṃ olokento taṃ rājadhītaraṃ pitu micchādiṭṭhimocanatthaṃ lokasandhārakadevatāyo namassamānaṃ disvā, ‘‘ṭhapetvā maṃ añño etaṃ rājānaṃ micchādassanaṃ vissajjāpetuṃ samattho nāma natthi, ajja mayā rājadhītu saṅgahaṃ, rañño ca saparijanassa sotthibhāvaṃ katvā āgantuṃ vaṭṭati, kena nu kho vesena gamissāmī’’ti cintetvā ‘‘manussānaṃ pabbajitā piyā ceva garuno ca ādeyyavacanā ca, tasmā pabbajitavesena gamissāmī’’ti sanniṭṭhānaṃ katvā pāsādikaṃ suvaṇṇavaṇṇaṃ manussattabhāvaṃ māpetvā manuññaṃ jaṭāmaṇḍalaṃ bandhitvā jaṭantare kañcanasūciṃ odahitvā anto rattapaṭaṃ upari rattavākacīraṃ nivāsetvā pārupitvā suvaṇṇatārākhacitaṃ rajatamayaṃ ajinacammaṃ ekaṃse katvā muttāsikkāya pakkhittaṃ suvaṇṇamayaṃ bhikkhābhājanaṃ ādāya tīsu ṭhānesu onataṃ suvaṇṇakājaṃ khandhe katvā muttāsikkāya eva pavāḷakamaṇḍaluṃ ādāya iminā isivesena gaganatale cando viya virocamāno ākāsena āgantvā alaṅkatacandakapāsādamahātalaṃ pavisitvā rañño purato ākāse aṭṭhāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๑๒๙๐.

    1290.

    ‘‘อถาคมา พฺรหฺมโลกา, นารโท มานุสิํ ปชํ;

    ‘‘Athāgamā brahmalokā, nārado mānusiṃ pajaṃ;

    ชมฺพุทีปํ อเวกฺขโนฺต, อทฺทา ราชานมงฺคติํฯ

    Jambudīpaṃ avekkhanto, addā rājānamaṅgatiṃ.

    ๑๒๙๑.

    1291.

    ‘‘ตโต ปติฎฺฐา ปาสาเท, เวเทหสฺส ปุรตฺถโต;

    ‘‘Tato patiṭṭhā pāsāde, vedehassa puratthato;

    ตญฺจ ทิสฺวานานุปฺปตฺตํ, รุจา อิสิมวนฺทถา’’ติฯ

    Tañca disvānānuppattaṃ, rucā isimavandathā’’ti.

    ตตฺถ อทฺทาติ พฺรหฺมโลเก ฐิโตว ชมฺพุทีปํ อเวกฺขโนฺต คุณาชีวกสฺส สนฺติเก คหิตมิจฺฉาทสฺสนํ ราชานํ องฺคติํ อทฺทส, ตสฺมา อาคโตติ อโตฺถฯ ตโต ปติฎฺฐาติ ตโต โส พฺรหฺมา ตสฺส รโญฺญ อมจฺจคณปริวุตสฺส นิสินฺนสฺส ปุรโต ตสฺมิํ ปาสาเท อปเท ปทํ ทเสฺสโนฺต อากาเส ปติฎฺฐหิฯ อนุปฺปตฺตนฺติ อาคตํฯ อิสินฺติ อิสิเวเสน อาคตตฺตา สตฺถา ‘‘อิสิ’’นฺติ อาหฯ อวนฺทถาติ ‘‘มมานุคฺคเหน มม ปิตริ การุญฺญํ กตฺวา เอโก เทวราชา อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ หฎฺฐปหฎฺฐา วาตาภิหฎา สุวณฺณกทลี วิย โอนมิตฺวา นารทพฺรหฺมานํ อวนฺทิฯ

    Tattha addāti brahmaloke ṭhitova jambudīpaṃ avekkhanto guṇājīvakassa santike gahitamicchādassanaṃ rājānaṃ aṅgatiṃ addasa, tasmā āgatoti attho. Tato patiṭṭhāti tato so brahmā tassa rañño amaccagaṇaparivutassa nisinnassa purato tasmiṃ pāsāde apade padaṃ dassento ākāse patiṭṭhahi. Anuppattanti āgataṃ. Isinti isivesena āgatattā satthā ‘‘isi’’nti āha. Avandathāti ‘‘mamānuggahena mama pitari kāruññaṃ katvā eko devarājā āgato bhavissatī’’ti haṭṭhapahaṭṭhā vātābhihaṭā suvaṇṇakadalī viya onamitvā nāradabrahmānaṃ avandi.

    ราชาปิ ตํ ทิสฺวาว พฺรหฺมเตเชน ตชฺชิโต อตฺตโน อาสเน สณฺฐาตุํ อสโกฺกโนฺต อาสนา โอรุยฺห ภูมิยํ ฐตฺวา อาคตฎฺฐานญฺจ นามโคตฺตญฺจ ปุจฺฉิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Rājāpi taṃ disvāva brahmatejena tajjito attano āsane saṇṭhātuṃ asakkonto āsanā oruyha bhūmiyaṃ ṭhatvā āgataṭṭhānañca nāmagottañca pucchi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๑๒๙๒.

    1292.

    ‘‘อถาสนมฺหา โอรุยฺห, ราชา พฺยถิตมานโส;

    ‘‘Athāsanamhā oruyha, rājā byathitamānaso;

    นารทํ ปริปุจฺฉโนฺต, อิทํ วจนมพฺรวิฯ

    Nāradaṃ paripucchanto, idaṃ vacanamabravi.

    ๑๒๙๓.

    1293.

    ‘กุโต นุ อาคจฺฉสิ เทววณฺณิ, โอภาสยํ สพฺพทิสา จนฺทิมาว;

    ‘Kuto nu āgacchasi devavaṇṇi, obhāsayaṃ sabbadisā candimāva;

    อกฺขาหิ เม ปุจฺฉิโต นามโคตฺตํ, กถํ ตํ ชานนฺติ มนุสฺสโลเก’’’ติฯ

    Akkhāhi me pucchito nāmagottaṃ, kathaṃ taṃ jānanti manussaloke’’’ti.

    ตตฺถ พฺยถิตมานโสติ ภีตจิโตฺตฯ กุโต นูติ กจฺจิ นุ โข วิชฺชาธโร ภเวยฺยาติ มญฺญมาโน อวนฺทิตฺวาว เอวํ ปุจฺฉิฯ

    Tattha byathitamānasoti bhītacitto. Kuto nūti kacci nu kho vijjādharo bhaveyyāti maññamāno avanditvāva evaṃ pucchi.

    อถ โส ‘‘อยํ ราชา ‘ปรโลโก นตฺถี’ติ มญฺญติ, ปรโลกเมวสฺส ตาว อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา คาถมาห –

    Atha so ‘‘ayaṃ rājā ‘paraloko natthī’ti maññati, paralokamevassa tāva ācikkhissāmī’’ti cintetvā gāthamāha –

    ๑๒๙๔.

    1294.

    ‘‘อหญฺหิ เทวโต อิทานิ เอมิ, โอภาสยํ สพฺพทิสา จนฺทิมาว;

    ‘‘Ahañhi devato idāni emi, obhāsayaṃ sabbadisā candimāva;

    อกฺขามิ เต ปุจฺฉิโต นามโคตฺตํ, ชานนฺติ มํ นารโท กสฺสโป จา’’ติฯ

    Akkhāmi te pucchito nāmagottaṃ, jānanti maṃ nārado kassapo cā’’ti.

    ตตฺถ เทวโตติ เทวโลกโตฯ นารโท กสฺสโป จาติ มํ นาเมน นารโท, โคเตฺตน กสฺสโปติ ชานนฺติฯ

    Tattha devatoti devalokato. Nārado kassapo cāti maṃ nāmena nārado, gottena kassapoti jānanti.

    อถ ราชา ‘‘อิมํ ปจฺฉาปิ ปรโลกํ ปุจฺฉิสฺสามิ, อิทฺธิยา ลทฺธการณํ ตาว ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา คาถมาห –

    Atha rājā ‘‘imaṃ pacchāpi paralokaṃ pucchissāmi, iddhiyā laddhakāraṇaṃ tāva pucchissāmī’’ti cintetvā gāthamāha –

    ๑๒๙๕.

    1295.

    ‘‘อเจฺฉรรูปํ ตว ยาทิสญฺจ, เวหายสํ คจฺฉสิ ติฎฺฐสี จ;

    ‘‘Accherarūpaṃ tava yādisañca, vehāyasaṃ gacchasi tiṭṭhasī ca;

    ปุจฺฉามิ ตํ นารท เอตมตฺถํ, อถ เกน วเณฺณน ตวายมิทฺธี’’ติฯ

    Pucchāmi taṃ nārada etamatthaṃ, atha kena vaṇṇena tavāyamiddhī’’ti.

    ตตฺถ ยาทิสญฺจาติ ยาทิสญฺจ ตว สณฺฐานํ, ยญฺจ ตฺวํ อากาเส คจฺฉสิ ติฎฺฐสิ จ, อิทํ อจฺฉริยชาตํฯ

    Tattha yādisañcāti yādisañca tava saṇṭhānaṃ, yañca tvaṃ ākāse gacchasi tiṭṭhasi ca, idaṃ acchariyajātaṃ.

    นารโท อาห –

    Nārado āha –

    ๑๒๙๖.

    1296.

    ‘‘สจฺจญฺจ ธโมฺม จ ทโม จ จาโค, คุณา มเมเต ปกตา ปุราณา;

    ‘‘Saccañca dhammo ca damo ca cāgo, guṇā mamete pakatā purāṇā;

    เตเหว ธเมฺมหิ สุเสวิเตหิ, มโนชโล เยน กามํ คโตสฺมี’’ติฯ

    Teheva dhammehi susevitehi, manojalo yena kāmaṃ gatosmī’’ti.

    ตตฺถ สจฺจนฺติ มุสาวาทวิรหิตํ วจีสจฺจํฯ ธโมฺมติ ติวิธสุจริตธโมฺม เจว กสิณปริกมฺมฌานธโมฺม จฯ ทโมติ อินฺทฺริยทมนํฯ จาโคติ กิเลสปริจฺจาโค จ เทยฺยธมฺมปริจฺจาโค จฯ มเมเต คุณาติ มม เอเต คุณสมฺปยุตฺตา คุณสหคตาฯ ปกตา ปุราณาติ มยา ปุริมภเว กตาติ ทเสฺสติฯ ‘‘เตเหว ธเมฺมหิ สุเสวิเตหี’’ติ เต สเพฺพ คุเณ สุเสวิเต ปริจาริเต ทเสฺสติฯ มโนชโวติ อิทฺธิยา การเณน ปฎิลโทฺธฯ เยน กามํ คโตสฺมีติ เยน เทวฎฺฐาเน จ มนุสฺสฎฺฐาเน จ คนฺตุํ อิจฺฉนํ, เตน คโตสฺมีติ อโตฺถฯ

    Tattha saccanti musāvādavirahitaṃ vacīsaccaṃ. Dhammoti tividhasucaritadhammo ceva kasiṇaparikammajhānadhammo ca. Damoti indriyadamanaṃ. Cāgoti kilesapariccāgo ca deyyadhammapariccāgo ca. Mamete guṇāti mama ete guṇasampayuttā guṇasahagatā. Pakatā purāṇāti mayā purimabhave katāti dasseti. ‘‘Teheva dhammehi susevitehī’’ti te sabbe guṇe susevite paricārite dasseti. Manojavoti iddhiyā kāraṇena paṭiladdho. Yena kāmaṃ gatosmīti yena devaṭṭhāne ca manussaṭṭhāne ca gantuṃ icchanaṃ, tena gatosmīti attho.

    ราชา เอวํ ตสฺมิํ กเถเนฺตปิ มิจฺฉาทสฺสนสฺส คหิตตฺตา ปรโลกํ อสทฺทหโนฺต ‘‘อตฺถิ นุ โข ปุญฺญวิปาโก’’ติ วตฺวา คาถมาห –

    Rājā evaṃ tasmiṃ kathentepi micchādassanassa gahitattā paralokaṃ asaddahanto ‘‘atthi nu kho puññavipāko’’ti vatvā gāthamāha –

    ๑๒๙๗.

    1297.

    ‘‘อเจฺฉรมาจิกฺขสิ ปุญฺญสิทฺธิํ, สเจ หิ เอเตหิ ยถา วเทสิ;

    ‘‘Accheramācikkhasi puññasiddhiṃ, sace hi etehi yathā vadesi;

    ปุจฺฉามิ ตํ นารท เอตมตฺถํ, ปุโฎฺฐ จ เม สาธุ วิยากโรหี’’ติฯ

    Pucchāmi taṃ nārada etamatthaṃ, puṭṭho ca me sādhu viyākarohī’’ti.

    ตตฺถ ปุญฺญสิทฺธินฺติ ปุญฺญานํ สิทฺธิํ ผลทายกตฺตํ อาจิกฺขโนฺต อจฺฉริยํ อาจิกฺขสิฯ

    Tattha puññasiddhinti puññānaṃ siddhiṃ phaladāyakattaṃ ācikkhanto acchariyaṃ ācikkhasi.

    นารโท อาห –

    Nārado āha –

    ๑๒๙๘.

    1298.

    ‘‘ปุจฺฉสฺสุ มํ ราช ตเวส อโตฺถ, ยํ สํสยํ กุรุเส ภูมิปาล;

    ‘‘Pucchassu maṃ rāja tavesa attho, yaṃ saṃsayaṃ kuruse bhūmipāla;

    อหํ ตํ นิสฺสํสยตํ คเมมิ, นเยหิ ญาเยหิ จ เหตุภี จา’’ติฯ

    Ahaṃ taṃ nissaṃsayataṃ gamemi, nayehi ñāyehi ca hetubhī cā’’ti.

    ตตฺถ ตเวส อโตฺถติ ปุจฺฉิตพฺพโก นาม ตว เอส อโตฺถฯ ยํ สํสยนฺติ ยํ กิสฺมิญฺจิเทว อเตฺถ สํสยํ กโรสิ, ตํ มํ ปุจฺฉฯ นิสฺสํสยตนฺติ อหํ ตํ นิสฺสํสยภาวํ คเมมิฯ นเยหีติ การณวจเนหิฯ ญาเยหีติ ญาเณหิฯ เหตุภีติ ปจฺจเยหิ, ปฎิญฺญามเตฺตเนว อวตฺวา ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา การณวจเนน จ เตสํ ธมฺมานํ สมุฎฺฐาปกปจฺจเยหิ จ ตํ นิสฺสํสยํ กริสฺสามีติ อโตฺถฯ

    Tattha tavesa atthoti pucchitabbako nāma tava esa attho. Yaṃ saṃsayanti yaṃ kismiñcideva atthe saṃsayaṃ karosi, taṃ maṃ puccha. Nissaṃsayatanti ahaṃ taṃ nissaṃsayabhāvaṃ gamemi. Nayehīti kāraṇavacanehi. Ñāyehīti ñāṇehi. Hetubhīti paccayehi, paṭiññāmatteneva avatvā ñāṇena paricchinditvā kāraṇavacanena ca tesaṃ dhammānaṃ samuṭṭhāpakapaccayehi ca taṃ nissaṃsayaṃ karissāmīti attho.

    ราชา อาห –

    Rājā āha –

    ๑๒๙๙.

    1299.

    ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ นารท เอตมตฺถํ, ปุโฎฺฐ จ เม นารท มา มุสา ภณิ;

    ‘‘Pucchāmi taṃ nārada etamatthaṃ, puṭṭho ca me nārada mā musā bhaṇi;

    อตฺถิ นุ เทวา ปิตโร นุ อตฺถิ, โลโก ปโร อตฺถิ ชโน ยมาหู’’ติฯ

    Atthi nu devā pitaro nu atthi, loko paro atthi jano yamāhū’’ti.

    ตตฺถ ชโน ยมาหูติ ยํ ชโน เอวมาห – ‘‘อตฺถิ เทวา, อตฺถิ ปิตโร, อตฺถิ ปโร โลโก’’ติ, ตํ สพฺพํ อตฺถิ นุ โขติ ปุจฺฉติฯ

    Tattha jano yamāhūti yaṃ jano evamāha – ‘‘atthi devā, atthi pitaro, atthi paro loko’’ti, taṃ sabbaṃ atthi nu khoti pucchati.

    นารโท อาห –

    Nārado āha –

    ๑๓๐๐.

    1300.

    ‘‘อเตฺถว เทวา ปิตโร จ อตฺถิ, โลโก ปโร อตฺถิ ชโน ยมาหุ;

    ‘‘Attheva devā pitaro ca atthi, loko paro atthi jano yamāhu;

    กาเมสุ คิทฺธา จ นรา ปมูฬฺหา, โลกํ ปรํ น วิทู โมหยุตฺตา’’ติฯ

    Kāmesu giddhā ca narā pamūḷhā, lokaṃ paraṃ na vidū mohayuttā’’ti.

    ตตฺถ อเตฺถว เทวาติ มหาราช, เทวา จ ปิตโร จ อตฺถิ, ยมฺปิ ชโน ปรโลกมาห, โสปิ อเตฺถวฯ น วิทูติ กามคิทฺธา ปน โมหมูฬฺหา ชนา ปรโลกํ น วิทนฺติ น ชานนฺตีติฯ

    Tattha attheva devāti mahārāja, devā ca pitaro ca atthi, yampi jano paralokamāha, sopi attheva. Na vidūti kāmagiddhā pana mohamūḷhā janā paralokaṃ na vidanti na jānantīti.

    ตํ สุตฺวา ราชา ปริหาสํ กโรโนฺต เอวมาห –

    Taṃ sutvā rājā parihāsaṃ karonto evamāha –

    ๑๓๐๑.

    1301.

    ‘‘อตฺถีติ เจ นารท สทฺทหาสิ, นิเวสนํ ปรโลเก มตานํ;

    ‘‘Atthīti ce nārada saddahāsi, nivesanaṃ paraloke matānaṃ;

    อิเธว เม ปญฺจ สตานิ เทหิ, ทสฺสามิ เต ปรโลเก สหสฺส’’นฺติฯ

    Idheva me pañca satāni dehi, dassāmi te paraloke sahassa’’nti.

    ตตฺถ นิเวสนนฺติ นิวาสฎฺฐานํฯ ปญฺจ สตานีติ ปญฺจ กหาปณสตานิฯ

    Tattha nivesananti nivāsaṭṭhānaṃ. Pañca satānīti pañca kahāpaṇasatāni.

    อถ นํ มหาสโตฺต ปริสมเชฺฌเยว ครหโนฺต อาห –

    Atha naṃ mahāsatto parisamajjheyeva garahanto āha –

    ๑๓๐๒.

    1302.

    ‘‘ทเชฺชมุ โข ปญฺจ สตานิ โภโต, ชญฺญามุ เจ สีลวนฺตํ วทญฺญุํ;

    ‘‘Dajjemu kho pañca satāni bhoto, jaññāmu ce sīlavantaṃ vadaññuṃ;

    ลุทฺทํ ตํ โภนฺตํ นิรเย วสนฺตํ, โก โจทเย ปรโลเก สหสฺสํฯ

    Luddaṃ taṃ bhontaṃ niraye vasantaṃ, ko codaye paraloke sahassaṃ.

    ๑๓๐๓.

    1303.

    ‘‘อิเธว โย โหติ อธมฺมสีโล, ปาปาจาโร อลโส ลุทฺทกโมฺม;

    ‘‘Idheva yo hoti adhammasīlo, pāpācāro alaso luddakammo;

    น ปณฺฑิตา ตสฺมิํ อิณํ ททนฺติ, น หิ อาคโม โหติ ตถาวิธมฺหาฯ

    Na paṇḍitā tasmiṃ iṇaṃ dadanti, na hi āgamo hoti tathāvidhamhā.

    ๑๓๐๔.

    1304.

    ‘‘ทกฺขญฺจ โปสํ มนุชา วิทิตฺวา, อุฎฺฐานกํ สีลวนฺตํ วทญฺญุํ;

    ‘‘Dakkhañca posaṃ manujā viditvā, uṭṭhānakaṃ sīlavantaṃ vadaññuṃ;

    สยเมว โภเคหิ นิมนฺตยนฺติ, กมฺมํ กริตฺวา ปุน มาหเรสี’’ติฯ

    Sayameva bhogehi nimantayanti, kammaṃ karitvā puna māharesī’’ti.

    ตตฺถ ชญฺญามุ เจติ ยทิ มยํ ภวนฺตํ ‘‘สีลวา เอส วทญฺญู, ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณานํ อิมสฺมิํ กาเล อิมินา นามโตฺถติ ชานิตฺวา ตสฺส ตสฺส กิจฺจสฺส การโก วทญฺญู’’ติ ชาเนยฺยามฯ อถ เต วฑฺฒิยา ปญฺจ สตานิ ทเทยฺยาม, ตฺวํ ปน ลุโทฺท สาหสิโก มิจฺฉาทสฺสนํ คเหตฺวา ทานสาลํ วิทฺธํเสตฺวา ปรทาเรสุ อปรชฺฌสิ, อิโต จุโต นิรเย อุปฺปชฺชิสฺสสิ, เอวํ ลุทฺทํ ตํ นิรเย วสนฺตํ โภนฺตํ ตตฺถ คนฺตฺวา โก ‘‘สหสฺสํ เม เทหี’’ติ โจเทสฺสติฯ ตถาวิธมฺหาติ ตาทิสา ปุริสา ทินฺนสฺส อิณสฺส ปุน อาคโม นาม น โหติฯ ทกฺขนฺติ ธนุปฺปาทนกุสลํฯ ปุน มาหเรสีติ อตฺตโน กมฺมํ กริตฺวา ธนํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน อมฺหากํ สนฺตกํ อาหเรยฺยาสิ, มา นิกฺกโมฺม วสีติ สยเมว โภเคหิ นิมนฺตยนฺตีติฯ

    Tattha jaññāmu ceti yadi mayaṃ bhavantaṃ ‘‘sīlavā esa vadaññū, dhammikasamaṇabrāhmaṇānaṃ imasmiṃ kāle iminā nāmatthoti jānitvā tassa tassa kiccassa kārako vadaññū’’ti jāneyyāma. Atha te vaḍḍhiyā pañca satāni dadeyyāma, tvaṃ pana luddo sāhasiko micchādassanaṃ gahetvā dānasālaṃ viddhaṃsetvā paradāresu aparajjhasi, ito cuto niraye uppajjissasi, evaṃ luddaṃ taṃ niraye vasantaṃ bhontaṃ tattha gantvā ko ‘‘sahassaṃ me dehī’’ti codessati. Tathāvidhamhāti tādisā purisā dinnassa iṇassa puna āgamo nāma na hoti. Dakkhanti dhanuppādanakusalaṃ. Puna māharesīti attano kammaṃ karitvā dhanaṃ uppādetvā puna amhākaṃ santakaṃ āhareyyāsi, mā nikkammo vasīti sayameva bhogehi nimantayantīti.

    อิติ ราชา เตน นิคฺคยฺหมาโน อปฺปฎิภาโน อโหสิฯ มหาชโน หฎฺฐตุโฎฺฐ หุตฺวา ‘‘มหิทฺธิโก เทโวปิ อชฺช ราชานํ มิจฺฉาทสฺสนํ วิสฺสชฺชาเปสฺสตี’’ติ สกลนครํ เอกโกลาหลํ อโหสิฯ มหาสตฺตสฺสานุภาเวน ตทา สตฺตโยชนิกาย มิถิลาย ตสฺส ธมฺมเทสนํ อสฺสุณโนฺต นาม นาโหสิฯ อถ มหาสโตฺต ‘‘อยํ ราชา อติวิย ทฬฺหํ มิจฺฉาทสฺสนํ คณฺหิ, นิรยภเยน นํ สนฺตเชฺชตฺวา มิจฺฉาทิฎฺฐิํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ปุน เทวโลเกน อสฺสาเสสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘มหาราช, สเจ ทิฎฺฐิํ น วิสฺสเชฺชสฺสสิ, เอวํ อนนฺตทุกฺขํ นิรยํ คมิสฺสสี’’ติ วตฺวา นิรยกถํ ปฎฺฐเปสิ –

    Iti rājā tena niggayhamāno appaṭibhāno ahosi. Mahājano haṭṭhatuṭṭho hutvā ‘‘mahiddhiko devopi ajja rājānaṃ micchādassanaṃ vissajjāpessatī’’ti sakalanagaraṃ ekakolāhalaṃ ahosi. Mahāsattassānubhāvena tadā sattayojanikāya mithilāya tassa dhammadesanaṃ assuṇanto nāma nāhosi. Atha mahāsatto ‘‘ayaṃ rājā ativiya daḷhaṃ micchādassanaṃ gaṇhi, nirayabhayena naṃ santajjetvā micchādiṭṭhiṃ vissajjāpetvā puna devalokena assāsessāmī’’ti cintetvā ‘‘mahārāja, sace diṭṭhiṃ na vissajjessasi, evaṃ anantadukkhaṃ nirayaṃ gamissasī’’ti vatvā nirayakathaṃ paṭṭhapesi –

    ๑๓๐๕.

    1305.

    ‘‘อิโต จุโต ทกฺขสิ ตตฺถ ราช, กาโกลสเงฺฆหิ วิกสฺสมานํ;

    ‘‘Ito cuto dakkhasi tattha rāja, kākolasaṅghehi vikassamānaṃ;

    ตํ ขชฺชมานํ นิรเย วสนฺตํ, กาเกหิ คิเชฺฌหิ จ เสนเกหิ;

    Taṃ khajjamānaṃ niraye vasantaṃ, kākehi gijjhehi ca senakehi;

    สญฺฉินฺนคตฺตํ รุหิรํ สวนฺตํ, โก โจทเย ปรโลเก สหสฺส’’นฺติฯ

    Sañchinnagattaṃ ruhiraṃ savantaṃ, ko codaye paraloke sahassa’’nti.

    ตตฺถ กาโกลสเงฺฆหีติ โลหตุเณฺฑหิ กากสเงฺฆหิฯ วิกสฺสมานนฺติ อตฺตานํ อากฑฺฒิยมานํ ตตฺถ นิรเย ปสฺสิสฺสสิฯ นฺติ ตํ ภวนฺตํฯ

    Tattha kākolasaṅghehīti lohatuṇḍehi kākasaṅghehi. Vikassamānanti attānaṃ ākaḍḍhiyamānaṃ tattha niraye passissasi. Tanti taṃ bhavantaṃ.

    ตํ ปน กาโกลนิรยํ วเณฺณตฺวา ‘‘สเจปิ เอตฺถ น นิพฺพตฺติสฺสสิ, โลกนฺตรนิรเย นิพฺพตฺติสฺสสี’’ติ วตฺวา ตํ นิรยํ ทเสฺสตุํ คาถมาห –

    Taṃ pana kākolanirayaṃ vaṇṇetvā ‘‘sacepi ettha na nibbattissasi, lokantaraniraye nibbattissasī’’ti vatvā taṃ nirayaṃ dassetuṃ gāthamāha –

    ๑๓๐๖.

    1306.

    ‘‘อนฺธํตมํ ตตฺถ น จนฺทสูริยา, นิรโย สทา ตุมุโล โฆรรูโป;

    ‘‘Andhaṃtamaṃ tattha na candasūriyā, nirayo sadā tumulo ghorarūpo;

    สา เนว รตฺตี น ทิวา ปญฺญายติ, ตถาวิเธ โก วิจเร ธนตฺถิโก’’ติฯ

    Sā neva rattī na divā paññāyati, tathāvidhe ko vicare dhanatthiko’’ti.

    ตตฺถ อนฺธํ ตมนฺติ มหาราช, ยมฺหิ โลกนฺตรนิรเย มิจฺฉาทิฎฺฐิกา นิพฺพตฺตนฺติ, ตตฺถ จกฺขุวิญฺญาณสฺส อุปฺปตฺตินิวารณํ อนฺธตมํฯ สทา ตุมุโลติ โส นิรโย นิจฺจํ พหลนฺธกาโรฯ โฆรรูโปติ ภีสนกชาติโกฯ สา เนว รตฺตีติ ยา อิธ รตฺติ ทิวา จ, สา เนว ตตฺถ ปญฺญายติฯ โก วิจเรติ โก อุทฺธารํ โสเธโนฺต วิจริสฺสติฯ

    Tattha andhaṃ tamanti mahārāja, yamhi lokantaraniraye micchādiṭṭhikā nibbattanti, tattha cakkhuviññāṇassa uppattinivāraṇaṃ andhatamaṃ. Sadā tumuloti so nirayo niccaṃ bahalandhakāro. Ghorarūpoti bhīsanakajātiko. Sā neva rattīti yā idha ratti divā ca, sā neva tattha paññāyati. Ko vicareti ko uddhāraṃ sodhento vicarissati.

    ตมฺปิสฺส โลกนฺตรนิรยํ วิตฺถาเรน วเณฺณตฺวา ‘‘มหาราช, มิจฺฉาทิฎฺฐิํ อวิสฺสเชฺชโนฺต น เกวลํ เอตเทว, อญฺญมฺปิ ทุกฺขํ อนุภวิสฺสสี’’ติ ทเสฺสโนฺต คาถมาห –

    Tampissa lokantaranirayaṃ vitthārena vaṇṇetvā ‘‘mahārāja, micchādiṭṭhiṃ avissajjento na kevalaṃ etadeva, aññampi dukkhaṃ anubhavissasī’’ti dassento gāthamāha –

    ๑๓๐๗.

    1307.

    ‘‘สพโล จ สาโม จ ทุเว สุวานา, ปวทฺธกายา พลิโน มหนฺตา;

    ‘‘Sabalo ca sāmo ca duve suvānā, pavaddhakāyā balino mahantā;

    ขาทนฺติ ทเนฺตหิ อโยมเยหิ, อิโต ปณุนฺนํ ปรโลกปตฺต’’นฺติฯ

    Khādanti dantehi ayomayehi, ito paṇunnaṃ paralokapatta’’nti.

    ตตฺถ อิโต ปณุนฺนนฺติ อิมมฺหา มนุสฺสโลกา จุตํฯ ปรโต นิรเยสุปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมา สพฺพานิ ตานิ นิรยฎฺฐานานิ นิรยปาลานํ อุปกฺกเมหิ สทฺธิํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตฺวา ตาสํ ตาสํ คาถานํ อนุตฺตานานิ ปทานิ วเณฺณตพฺพานิฯ

    Tattha ito paṇunnanti imamhā manussalokā cutaṃ. Parato nirayesupi eseva nayo. Tasmā sabbāni tāni nirayaṭṭhānāni nirayapālānaṃ upakkamehi saddhiṃ heṭṭhā vuttanayeneva vitthāretvā tāsaṃ tāsaṃ gāthānaṃ anuttānāni padāni vaṇṇetabbāni.

    ๑๓๐๘.

    1308.

    ‘‘ตํ ขชฺชมานํ นิรเย วสนฺตํ, ลุเทฺทหิ วาเฬหิ อฆมฺมิเคหิ จ;

    ‘‘Taṃ khajjamānaṃ niraye vasantaṃ, luddehi vāḷehi aghammigehi ca;

    สญฺฉินฺนคตฺตํ รุหิรํ สวนฺตํ, โก โจทเย ปรโลเก สหสฺส’’นฺติฯ

    Sañchinnagattaṃ ruhiraṃ savantaṃ, ko codaye paraloke sahassa’’nti.

    ตตฺถ ลุเทฺทหีติ ทารุเณหิฯ วาเฬหีติ ทุเฎฺฐหิฯ อฆมฺมิเคหีติ อฆาวเหหิ มิเคหิ, ทุกฺขาวเหหิ สุนเขหีติ อโตฺถฯ

    Tattha luddehīti dāruṇehi. Vāḷehīti duṭṭhehi. Aghammigehīti aghāvahehi migehi, dukkhāvahehi sunakhehīti attho.

    ๑๓๐๙.

    1309.

    ‘‘อุสูหิ สตฺตีหิ จ สุนิสิตาหิ, หนนฺติ วิชฺฌนฺติ จ ปจฺจมิตฺตา;

    ‘‘Usūhi sattīhi ca sunisitāhi, hananti vijjhanti ca paccamittā;

    กาฬูปกาฬา นิรยมฺหิ โฆเร, ปุเพฺพ นรํ ทุกฺกฎกมฺมการิ’’นฺติฯ

    Kāḷūpakāḷā nirayamhi ghore, pubbe naraṃ dukkaṭakammakāri’’nti.

    ตตฺถ หนนฺติ วิชฺฌนฺติ จาติ ชลิตาย อยปถวิยํ ปาเตตฺวา สกลสรีรํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ กโรนฺตา ปหรนฺติ เจว วิชฺฌนฺติ จฯ กาฬูปกาฬาติ เอวํนามกา นิรยปาลาฯ นิรยมฺหีติ ตสฺมิํ เตสเญฺญว วเสน กาฬูปกาฬสงฺขาเต นิรเยฯ ทุกฺกฎกมฺมการินฺติ มิจฺฉาทิฎฺฐิวเสน ทุกฺกฎานํ กมฺมานํ การกํฯ

    Tattha hananti vijjhanti cāti jalitāya ayapathaviyaṃ pātetvā sakalasarīraṃ chiddāvachiddaṃ karontā paharanti ceva vijjhanti ca. Kāḷūpakāḷāti evaṃnāmakā nirayapālā. Nirayamhīti tasmiṃ tesaññeva vasena kāḷūpakāḷasaṅkhāte niraye. Dukkaṭakammakārinti micchādiṭṭhivasena dukkaṭānaṃ kammānaṃ kārakaṃ.

    ๑๓๑๐.

    1310.

    ‘‘ตํ หญฺญมานํ นิรเย วชนฺตํ, กุจฺฉิสฺมิํ ปสฺสสฺมิํ วิปฺผาลิตูทรํ;

    ‘‘Taṃ haññamānaṃ niraye vajantaṃ, kucchismiṃ passasmiṃ vipphālitūdaraṃ;

    สญฺฉินฺนคตฺตํ รุหิรํ สวนฺตํ, โก โจทเย ปรโลเก สหสฺส’’นฺติฯ

    Sañchinnagattaṃ ruhiraṃ savantaṃ, ko codaye paraloke sahassa’’nti.

    ตตฺถ นฺติ ตํ ภวนฺตํ ตตฺถ นิรเย ตถา หญฺญมานํฯ วชนฺตนฺติ อิโต จิโต จ ธาวนฺตํฯ กุจฺฉิสฺมินฺติ กุจฺฉิยญฺจ ปเสฺส จ หญฺญมานํ วิชฺฌิยมานนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha tanti taṃ bhavantaṃ tattha niraye tathā haññamānaṃ. Vajantanti ito cito ca dhāvantaṃ. Kucchisminti kucchiyañca passe ca haññamānaṃ vijjhiyamānanti attho.

    ๑๓๑๑.

    1311.

    ‘‘สตฺตี อุสู โตมรภิณฺฑิวาลา, วิวิธาวุธา วสฺสนฺติ ตตฺถ เทวา;

    ‘‘Sattī usū tomarabhiṇḍivālā, vividhāvudhā vassanti tattha devā;

    ปตนฺติ องฺคารมิวจฺจิมโนฺต, สิลาสนี วสฺสติ ลุทฺทกเมฺมติฯ

    Patanti aṅgāramivaccimanto, silāsanī vassati luddakammeti.

    ตตฺถ องฺคารมิวจฺจิมโนฺตติ ชลิตองฺคารา วิย อจฺจิมนฺตา อาวุธวิเสสา ปตนฺติฯ สิลาสนีติ ชลิตสิลาสนิฯ วสฺสติ ลุทฺทกเมฺมติ ยถา นาม เทเว วสฺสเนฺต อสนิ ปตติ, เอวเมว อากาเส สมุฎฺฐาย จิจฺจิฎายมานํ ชลิตสิลาวสฺสํ เตสํ ลุทฺทกมฺมานํ อุปริ ปตติฯ

    Tattha aṅgāramivaccimantoti jalitaaṅgārā viya accimantā āvudhavisesā patanti. Silāsanīti jalitasilāsani. Vassati luddakammeti yathā nāma deve vassante asani patati, evameva ākāse samuṭṭhāya cicciṭāyamānaṃ jalitasilāvassaṃ tesaṃ luddakammānaṃ upari patati.

    ๑๓๑๒.

    1312.

    ‘‘อุโณฺห จ วาโต นิรยมฺหิ ทุสฺสโห, น ตมฺหิ สุขํ ลพฺภติ อิตฺตรมฺปิ;

    ‘‘Uṇho ca vāto nirayamhi dussaho, na tamhi sukhaṃ labbhati ittarampi;

    ตํ ตํ วิธาวนฺตมเลนมาตุรํ, โก โจทเย ปรโลเก สหสฺส’’นฺติฯ

    Taṃ taṃ vidhāvantamalenamāturaṃ, ko codaye paraloke sahassa’’nti.

    ตตฺถ อิตฺตรมฺปีติ ปริตฺตกมฺปิฯ วิธาวนฺตนฺติ วิวิธา ธาวนฺตํฯ

    Tattha ittarampīti parittakampi. Vidhāvantanti vividhā dhāvantaṃ.

    ๑๓๑๓.

    1313.

    ‘‘สนฺธาวมานมฺปิ รเถสุ ยุตฺตํ, สโชติภูตํ ปถวิํ กมนฺตํ;

    ‘‘Sandhāvamānampi rathesu yuttaṃ, sajotibhūtaṃ pathaviṃ kamantaṃ;

    ปโตทลฎฺฐีหิ สุโจทยนฺตํ, โก โจทเย ปรโลเก สหสฺส’’นฺติฯ

    Patodalaṭṭhīhi sucodayantaṃ, ko codaye paraloke sahassa’’nti.

    ตตฺถ รเถสุ ยุตฺตนฺติ วาเรน วารํ เตสุ ชลิตโลหรเถสุ ยุตฺตํฯ กมนฺตนฺติ อกฺกมมานํฯ สุโจทยนฺตนฺติ สุฎฺฐุ โจทยนฺตํฯ

    Tattha rathesu yuttanti vārena vāraṃ tesu jalitaloharathesu yuttaṃ. Kamantanti akkamamānaṃ. Sucodayantanti suṭṭhu codayantaṃ.

    ๑๓๑๔.

    1314.

    ‘‘ตมารุหนฺตํ ขุรสญฺจิตํ คิริํ, วิภิํสนํ ปชฺชลิตํ ภยานกํ;

    ‘‘Tamāruhantaṃ khurasañcitaṃ giriṃ, vibhiṃsanaṃ pajjalitaṃ bhayānakaṃ;

    สญฺฉินฺนคตฺตํ รุหิรํ สวนฺตํ, โก โจทเย ปรโลเก สหสฺส’’นฺติฯ

    Sañchinnagattaṃ ruhiraṃ savantaṃ, ko codaye paraloke sahassa’’nti.

    ตตฺถ ตมารุหนฺตนฺติ ตํ ภวนฺตํ ชลิตาวุธปหาเร อสหิตฺวา ชลิตขุเรหิ สญฺจิตํ ชลิตโลหปพฺพตํ อารุหนฺตํฯ

    Tattha tamāruhantanti taṃ bhavantaṃ jalitāvudhapahāre asahitvā jalitakhurehi sañcitaṃ jalitalohapabbataṃ āruhantaṃ.

    ๑๓๑๕.

    1315.

    ‘‘ตมารุหนฺตํ ปพฺพตสนฺนิกาสํ, องฺคารราสิํ ชลิตํ ภยานกํ;

    ‘‘Tamāruhantaṃ pabbatasannikāsaṃ, aṅgārarāsiṃ jalitaṃ bhayānakaṃ;

    สุทฑฺฒคตฺตํ กปณํ รุทนฺตํ, โก โจทเย ปรโลเก สหสฺส’’นฺติฯ

    Sudaḍḍhagattaṃ kapaṇaṃ rudantaṃ, ko codaye paraloke sahassa’’nti.

    ตตฺถ สุทฑฺฒคตฺตนฺติ สุฎฺฐุ ทฑฺฒสรีรํฯ

    Tattha sudaḍḍhagattanti suṭṭhu daḍḍhasarīraṃ.

    ๑๓๑๖.

    1316.

    ‘‘อพฺภกูฎสมา อุจฺจา, กณฺฎกนิจิตา ทุมา;

    ‘‘Abbhakūṭasamā uccā, kaṇṭakanicitā dumā;

    อโยมเยหิ ติเกฺขหิ, นรโลหิตปายิภี’’ติฯ

    Ayomayehi tikkhehi, naralohitapāyibhī’’ti.

    ตตฺถ กณฺฎกนิจิตาติ ชลิตกณฺฎเกหิ จิตาฯ ‘‘อโยมเยหี’’ติ อิทํ เยหิ กณฺฎเกหิ อาจิตา, เต ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ

    Tattha kaṇṭakanicitāti jalitakaṇṭakehi citā. ‘‘Ayomayehī’’ti idaṃ yehi kaṇṭakehi ācitā, te dassetuṃ vuttaṃ.

    ๑๓๑๗.

    1317.

    ‘‘ตมารุหนฺติ นาริโย, นรา จ ปรทารคู;

    ‘‘Tamāruhanti nāriyo, narā ca paradāragū;

    โจทิตา สตฺติหเตฺถหิ, ยมนิเทฺทสการิภี’’ติฯ

    Coditā sattihatthehi, yamaniddesakāribhī’’ti.

    ตตฺถ ตมารุหนฺตีติ ตํ เอวรูปํ สิมฺพลิรุกฺขํ อารุหนฺติฯ ยมนิเทฺทสการิภีติ ยมสฺส วจนกเรหิ, นิรยปาเลหีติ อโตฺถฯ

    Tattha tamāruhantīti taṃ evarūpaṃ simbalirukkhaṃ āruhanti. Yamaniddesakāribhīti yamassa vacanakarehi, nirayapālehīti attho.

    ๑๓๑๘.

    1318.

    ‘‘ตมารุหนฺตํ นิรยํ, สิมฺพลิํ รุหิรมกฺขิตํ;

    ‘‘Tamāruhantaṃ nirayaṃ, simbaliṃ ruhiramakkhitaṃ;

    วิทฑฺฒกายํ วิตจํ, อาตุรํ คาฬฺหเวทนํฯ

    Vidaḍḍhakāyaṃ vitacaṃ, āturaṃ gāḷhavedanaṃ.

    ๑๓๑๙.

    1319.

    ‘‘ปสฺสสนฺตํ มุหุํ อุณฺหํ, ปุพฺพกมฺมาปราธิกํ;

    ‘‘Passasantaṃ muhuṃ uṇhaṃ, pubbakammāparādhikaṃ;

    ทุมเคฺค วิตจํ คตฺตํ, โก ตํ ยาเจยฺย ตํ ธน’’นฺติฯ

    Dumagge vitacaṃ gattaṃ, ko taṃ yāceyya taṃ dhana’’nti.

    ตตฺถ วิทฑฺฒกายนฺติ วิหิํสิตกายํฯ วิตจนฺติ จมฺมมํสานํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ ฉินฺนตาย โกวิฬารปุปฺผํ วิย กิํสุกปุปฺผํ วิย จฯ

    Tattha vidaḍḍhakāyanti vihiṃsitakāyaṃ. Vitacanti cammamaṃsānaṃ chiddāvachiddaṃ chinnatāya koviḷārapupphaṃ viya kiṃsukapupphaṃ viya ca.

    ๑๓๒๐.

    1320.

    ‘‘อพฺภกูฎสมา อุจฺจา, อสิปตฺตาจิตา ทุมา;

    ‘‘Abbhakūṭasamā uccā, asipattācitā dumā;

    อโยมเยหิ ติเกฺขหิ, นรโลหิตปายิภี’’ติฯ

    Ayomayehi tikkhehi, naralohitapāyibhī’’ti.

    ตตฺถ อสิปตฺตาจิตาติ อสิมเยหิ ปเตฺตหิ จิตาฯ

    Tattha asipattācitāti asimayehi pattehi citā.

    ๑๓๒๑.

    1321.

    ‘‘ตมารุหนฺตํ อสิปตฺตปาทปํ, อสีหิ ติเกฺขหิ จ ฉิชฺชมานํ;

    ‘‘Tamāruhantaṃ asipattapādapaṃ, asīhi tikkhehi ca chijjamānaṃ;

    สญฺฉินฺนคตฺตํ รุหิรํ สวนฺตํ, โก โจทเย ปรโลเก สหสฺส’’นฺติฯ

    Sañchinnagattaṃ ruhiraṃ savantaṃ, ko codaye paraloke sahassa’’nti.

    ตตฺถ ตมารุหนฺตนฺติ ตํ ภวนฺตํ นิรยปาลานํ อาวุธปหาเร อสหิตฺวา อารุหนฺตํฯ

    Tattha tamāruhantanti taṃ bhavantaṃ nirayapālānaṃ āvudhapahāre asahitvā āruhantaṃ.

    ๑๓๒๒.

    1322.

    ‘‘ตโต นิกฺขนฺตมตฺตํ ตํ, อสิปตฺตาจิตา ทุมา;

    ‘‘Tato nikkhantamattaṃ taṃ, asipattācitā dumā;

    สมฺปติตํ เวตรณิํ, โก ตํ ยาเจยฺย ตํ ธน’’นฺติฯ

    Sampatitaṃ vetaraṇiṃ, ko taṃ yāceyya taṃ dhana’’nti.

    ตตฺถ สมฺปติตนฺติ ปติตํฯ

    Tattha sampatitanti patitaṃ.

    ๑๓๒๓.

    1323.

    ‘‘ขรา ขาโรทิกา ตตฺตา, ทุคฺคา เวตรณี นที;

    ‘‘Kharā khārodikā tattā, duggā vetaraṇī nadī;

    อโยโปกฺขรสญฺฉนฺนา, ติกฺขา ปเตฺตหิ สนฺทติ’’ฯ

    Ayopokkharasañchannā, tikkhā pattehi sandati’’.

    ตตฺถ ขราติ ผรุสาฯ อโยโปกฺขรสญฺฉนฺนาติ อโยมเยหิ ติขิณปริยเนฺตหิ โปกฺขรปเตฺตหิ สญฺฉนฺนาฯ ปเตฺตหีติ เตหิ ปเตฺตหิ สา นที ติกฺขา หุตฺวา สนฺทติฯ

    Tattha kharāti pharusā. Ayopokkharasañchannāti ayomayehi tikhiṇapariyantehi pokkharapattehi sañchannā. Pattehīti tehi pattehi sā nadī tikkhā hutvā sandati.

    ๑๓๒๔.

    1324.

    ‘‘ตตฺถ สญฺฉินฺนคตฺตํ ตํ, วุยฺหนฺตํ รุหิรมกฺขิตํ;

    ‘‘Tattha sañchinnagattaṃ taṃ, vuyhantaṃ ruhiramakkhitaṃ;

    เวตรเญฺญ อนาลเมฺพ, โก ตํ ยาเจยฺย ตํ ธน’’นฺติฯ

    Vetaraññe anālambe, ko taṃ yāceyya taṃ dhana’’nti.

    ตตฺถ เวตรเญฺญติ เวตรณีอุทเกฯ

    Tattha vetaraññeti vetaraṇīudake.

    อิมํ ปน มหาสตฺตสฺส นิรยกถํ สุตฺวา ราชา สํวิคฺคหทโย มหาสตฺตเญฺญว ตาณคเวสี หุตฺวา อาห –

    Imaṃ pana mahāsattassa nirayakathaṃ sutvā rājā saṃviggahadayo mahāsattaññeva tāṇagavesī hutvā āha –

    ๑๓๒๕.

    1325.

    ‘‘เวธามิ รุโกฺข วิย ฉิชฺชมาโน, ทิสํ น ชานามิ ปมูฬฺหสโญฺญ;

    ‘‘Vedhāmi rukkho viya chijjamāno, disaṃ na jānāmi pamūḷhasañño;

    ภยานุตปฺปามิ มหา จ เม ภยา, สุตฺวาน กถา ตว ภาสิตา อิเสฯ

    Bhayānutappāmi mahā ca me bhayā, sutvāna kathā tava bhāsitā ise.

    ๑๓๒๖.

    1326.

    ‘‘อาทิเตฺต วาริมชฺฌํว, ทีปํโวเฆ มหณฺณเว;

    ‘‘Āditte vārimajjhaṃva, dīpaṃvoghe mahaṇṇave;

    อนฺธกาเรว ปโชฺชโต, ตฺวํ โนสิ สรณํ อิเสฯ

    Andhakāreva pajjoto, tvaṃ nosi saraṇaṃ ise.

    ๑๓๒๗.

    1327.

    ‘‘อตฺถญฺจ ธมฺมํ อนุสาส มํ อิเส, อตีตมทฺธา อปราธิตํ มยา;

    ‘‘Atthañca dhammaṃ anusāsa maṃ ise, atītamaddhā aparādhitaṃ mayā;

    อาจิกฺข เม นารท สุทฺธิมคฺคํ, ยถา อหํ โน นิรยํ ปเตยฺย’’นฺติฯ

    Ācikkha me nārada suddhimaggaṃ, yathā ahaṃ no nirayaṃ pateyya’’nti.

    ตตฺถ ภยานุตปฺปามีติ อตฺตนา กตสฺส ปาปสฺส ภเยน อนุตปฺปามิฯ มหา จ เม ภยาติ มหนฺตญฺจ เม นิรยภยํ อุปฺปนฺนํฯ ทิปํโวเฆติ ทีปํว โอเฆฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อาทิเตฺต กาเล วาริมชฺฌํ วิย ภินฺนนาวานํ โอเฆ อณฺณเว ปติฎฺฐํ อลภมานานํ ทีปํ วิย อนฺธการคตานํ ปโชฺชโต วิย จ ตฺวํ โน อิเส สรณํ ภวฯ อตีตมทฺธา อปราธิตํ มยาติ เอกํเสน มยา อตีตํ กมฺมํ อปราธิตํ วิราธิตํ, กุสลํ อติกฺกมิตฺวา อกุสลเมว กตนฺติฯ

    Tattha bhayānutappāmīti attanā katassa pāpassa bhayena anutappāmi. Mahā ca me bhayāti mahantañca me nirayabhayaṃ uppannaṃ. Dipaṃvogheti dīpaṃva oghe. Idaṃ vuttaṃ hoti – āditte kāle vārimajjhaṃ viya bhinnanāvānaṃ oghe aṇṇave patiṭṭhaṃ alabhamānānaṃ dīpaṃ viya andhakāragatānaṃ pajjoto viya ca tvaṃ no ise saraṇaṃ bhava. Atītamaddhā aparādhitaṃ mayāti ekaṃsena mayā atītaṃ kammaṃ aparādhitaṃ virādhitaṃ, kusalaṃ atikkamitvā akusalameva katanti.

    อถสฺส มหาสโตฺต วิสุทฺธิมคฺคํ อาจิกฺขิตุํ สมฺมาปฎิปเนฺน โปราณกราชาโน อุทาหรณวเสน ทเสฺสโนฺต อาห –

    Athassa mahāsatto visuddhimaggaṃ ācikkhituṃ sammāpaṭipanne porāṇakarājāno udāharaṇavasena dassento āha –

    ๑๓๒๘.

    1328.

    ‘‘ยถา อหู ธตรโฎฺฐ, เวสฺสามิโตฺต อฎฺฐโก ยามตคฺคิ;

    ‘‘Yathā ahū dhataraṭṭho, vessāmitto aṭṭhako yāmataggi;

    อุสินฺทโร จาปิ สิวี จ ราชา, ปริจารกา สมณพฺราหฺมณานํฯ

    Usindaro cāpi sivī ca rājā, paricārakā samaṇabrāhmaṇānaṃ.

    ๑๓๒๙.

    1329.

    ‘‘เอเต จเญฺญ จ ราชาโน, เย สคฺควิสยํ คตา;

    ‘‘Ete caññe ca rājāno, ye saggavisayaṃ gatā;

    อธมฺมํ ปริวเชฺชตฺวา, ธมฺมํ จร มหีปติฯ

    Adhammaṃ parivajjetvā, dhammaṃ cara mahīpati.

    ๑๓๓๐.

    1330.

    ‘‘อนฺนหตฺถา จ เต พฺยเมฺห, โฆสยนฺตุ ปุเร ตว;

    ‘‘Annahatthā ca te byamhe, ghosayantu pure tava;

    ‘โก ฉาโต โก จ ตสิโต, โก มาลํ โก วิเลปนํ;

    ‘Ko chāto ko ca tasito, ko mālaṃ ko vilepanaṃ;

    นานารตฺตานํ วตฺถานํ, โก นโคฺค ปริทหิสฺสติฯ

    Nānārattānaṃ vatthānaṃ, ko naggo paridahissati.

    ๑๓๓๑.

    1331.

    ‘โก ปเนฺถ ฉตฺตมาเนติ, ปาทุกา จ มุทู สุภา’;

    ‘Ko panthe chattamāneti, pādukā ca mudū subhā’;

    อิติ สายญฺจ ปาโต จ, โฆสยนฺตุ ปุเร ตวฯ

    Iti sāyañca pāto ca, ghosayantu pure tava.

    ๑๓๓๒.

    1332.

    ‘‘ชิณฺณํ โปสํ ควาสฺสญฺจ, มาสฺสุ ยุญฺช ยถา ปุเร;

    ‘‘Jiṇṇaṃ posaṃ gavāssañca, māssu yuñja yathā pure;

    ปริหารญฺจ ทชฺชาสิ, อธิการกโต พลี’’ติฯ

    Parihārañca dajjāsi, adhikārakato balī’’ti.

    ตตฺถ เอเต จาติ ยถา เอเต จ ธตรโฎฺฐ เวสฺสามิโตฺต อฎฺฐโก ยามตคฺคิ อุสินฺทโร สิวีติ ฉ ราชาโน อเญฺญ จ ธมฺมํ จริตฺวา สคฺควิสยํ คตา, เอวํ ตฺวมฺปิ อธมฺมํ ปริวเชฺชตฺวา ธมฺมํ จรฯ โก ฉาโตติ มหาราช, ตว พฺยเมฺห ปุเร ราชนิเวสเน เจว นคเร จ อนฺนหตฺถา ปุริสา ‘‘โก ฉาโต, โก ตสิโต’’ติ เตสํ ทาตุกามตาย โฆเสนฺตุฯ โก มาลนฺติ โก มาลํ อิจฺฉติ, โก วิเลปนํ อิจฺฉติ, นานารตฺตานํ วตฺถานํ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ โก นโคฺค ปริทหิสฺสตีติ โฆเสนฺตุฯ โก ปเนฺถ ฉตฺตมาเนตีติ โก ปเนฺถ ฉตฺตํ ธารยิสฺสติฯ ปาทุกา จาติ อุปาหนา จ มุทู สุภา โก อิจฺฉติฯ

    Tattha ete cāti yathā ete ca dhataraṭṭho vessāmitto aṭṭhako yāmataggi usindaro sivīti cha rājāno aññe ca dhammaṃ caritvā saggavisayaṃ gatā, evaṃ tvampi adhammaṃ parivajjetvā dhammaṃ cara. Ko chātoti mahārāja, tava byamhe pure rājanivesane ceva nagare ca annahatthā purisā ‘‘ko chāto, ko tasito’’ti tesaṃ dātukāmatāya ghosentu. Ko mālanti ko mālaṃ icchati, ko vilepanaṃ icchati, nānārattānaṃ vatthānaṃ yaṃ yaṃ icchati, taṃ taṃ ko naggo paridahissatīti ghosentu. Ko panthe chattamānetīti ko panthe chattaṃ dhārayissati. Pādukā cāti upāhanā ca mudū subhā ko icchati.

    ชิณฺณํ โปสนฺติ โย เต อุปฎฺฐาเกสุ อมโจฺจ วา อโญฺญ วา ปุเพฺพ กตูปกาโร ชราชิณฺณกาเล ยถา โปราณกาเล กมฺมํ กาตุํ น สโกฺกติ, เยปิ เต ควาสฺสาทโย ชิณฺณตาย กมฺมํ กาตุํ น สโกฺกนฺติ, เตสุ เอกมฺปิ ปุเพฺพ วิย กเมฺมสุ มา โยชยิฯ ชิณฺณกาลสฺมิญฺหิ เต ตานิ กมฺมานิ กาตุํ น สโกฺกนฺติฯ ปริหารญฺจาติ อิธ ปริวาโร ‘‘ปริหาโร’’ติ วุโตฺตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย จ เต พลี หุตฺวา อธิการกโต ปุเพฺพ กตูปกาโร โหติ, ตสฺส ชราชิณฺณกาเล ยถาโปราณปริวารํ ทเทยฺยาสิฯ อสปฺปุริสา หิ อตฺตโน อุปการกานํ อุปการํ กาตุํ สมตฺถกาเลเยว สมฺมานํ กโรนฺติ, สมตฺถกาเล ปน น โอโลเกนฺติฯ สปฺปุริสา ปน อสมตฺถกาเลปิ เตสํ ตเถว สกฺการํ กโรนฺติ, ตสฺมา ตุวมฺปิ เอวํ กเรยฺยาสีติฯ

    Jiṇṇaṃ posanti yo te upaṭṭhākesu amacco vā añño vā pubbe katūpakāro jarājiṇṇakāle yathā porāṇakāle kammaṃ kātuṃ na sakkoti, yepi te gavāssādayo jiṇṇatāya kammaṃ kātuṃ na sakkonti, tesu ekampi pubbe viya kammesu mā yojayi. Jiṇṇakālasmiñhi te tāni kammāni kātuṃ na sakkonti. Parihārañcāti idha parivāro ‘‘parihāro’’ti vutto. Idaṃ vuttaṃ hoti – yo ca te balī hutvā adhikārakato pubbe katūpakāro hoti, tassa jarājiṇṇakāle yathāporāṇaparivāraṃ dadeyyāsi. Asappurisā hi attano upakārakānaṃ upakāraṃ kātuṃ samatthakāleyeva sammānaṃ karonti, samatthakāle pana na olokenti. Sappurisā pana asamatthakālepi tesaṃ tatheva sakkāraṃ karonti, tasmā tuvampi evaṃ kareyyāsīti.

    อิติ มหาสโตฺต รโญฺญ ทานกถญฺจ สีลกถญฺจ กเถตฺวา อิทานิ ยสฺมา อยํ ราชา อตฺตโน อตฺตภาเว รเถน อุปเมตฺวา วณฺณิยมาเน ตุสฺสิสฺสติ, ตสฺมาสฺส สพฺพกามทุหรโถปมาย ธมฺมํ เทเสโนฺต อาห –

    Iti mahāsatto rañño dānakathañca sīlakathañca kathetvā idāni yasmā ayaṃ rājā attano attabhāve rathena upametvā vaṇṇiyamāne tussissati, tasmāssa sabbakāmaduharathopamāya dhammaṃ desento āha –

    ๑๓๓๓.

    1333.

    ‘‘กาโย เต รถสญฺญาโต, มโนสารถิโก ลหุ;

    ‘‘Kāyo te rathasaññāto, manosārathiko lahu;

    อวิหิํสาสาริตโกฺข, สํวิภาคปฎิจฺฉโทฯ

    Avihiṃsāsāritakkho, saṃvibhāgapaṭicchado.

    ๑๓๓๔.

    1334.

    ‘‘ปาทสญฺญมเนมิโย, หตฺถสญฺญมปกฺขโร;

    ‘‘Pādasaññamanemiyo, hatthasaññamapakkharo;

    กุจฺฉิสญฺญมนพฺภโนฺต, วาจาสญฺญมกูชโนฯ

    Kucchisaññamanabbhanto, vācāsaññamakūjano.

    ๑๓๓๕.

    1335.

    ‘‘สจฺจวากฺยสมตฺตโงฺค, อเปสุญฺญสุสญฺญโต;

    ‘‘Saccavākyasamattaṅgo, apesuññasusaññato;

    คิราสขิลเนลโงฺค, มิตภาณิสิเลสิโตฯ

    Girāsakhilanelaṅgo, mitabhāṇisilesito.

    ๑๓๓๖.

    1336.

    ‘‘สทฺธาโลภสุสงฺขาโร, นิวาตญฺชลิกุพฺพโร;

    ‘‘Saddhālobhasusaṅkhāro, nivātañjalikubbaro;

    อถทฺธตานตีสาโก, สีลสํวรนนฺธโนฯ

    Athaddhatānatīsāko, sīlasaṃvaranandhano.

    ๑๓๓๗.

    1337.

    ‘‘อโกฺกธนมนุคฺฆาตี, ธมฺมปณฺฑรฉตฺตโก;

    ‘‘Akkodhanamanugghātī, dhammapaṇḍarachattako;

    พาหุสจฺจมปาลโมฺพ, ฐิตจิตฺตมุปาธิโยฯ

    Bāhusaccamapālambo, ṭhitacittamupādhiyo.

    ๑๓๓๘.

    1338.

    ‘‘กาลญฺญุตาจิตฺตสาโร, เวสารชฺชติทณฺฑโก;

    ‘‘Kālaññutācittasāro, vesārajjatidaṇḍako;

    นิวาตวุตฺติโยตฺตโก, อนติมานยุโค ลหุฯ

    Nivātavuttiyottako, anatimānayugo lahu.

    ๑๓๓๙.

    1339.

    ‘‘อลีนจิตฺตสนฺถาโร, วุทฺธิเสวี รโชหโต;

    ‘‘Alīnacittasanthāro, vuddhisevī rajohato;

    สติปโตโท ธีรสฺส, ธิติ โยโค จ รสฺมิโยฯ

    Satipatodo dhīrassa, dhiti yogo ca rasmiyo.

    ๑๓๔๐.

    1340.

    ‘‘มโน ทนฺตํ ปถํ เนติ, สมทเนฺตหิ วาหิภิ;

    ‘‘Mano dantaṃ pathaṃ neti, samadantehi vāhibhi;

    อิจฺฉา โลโภ จ กุมฺมโคฺค, อุชุมโคฺค จ สํยโมฯ

    Icchā lobho ca kummaggo, ujumaggo ca saṃyamo.

    ๑๓๔๑.

    1341.

    ‘‘รูเป สเทฺท รเส คเนฺธ, วาหนสฺส ปธาวโต;

    ‘‘Rūpe sadde rase gandhe, vāhanassa padhāvato;

    ปญฺญา อาโกฎนี ราช, ตตฺถ อตฺตาว สารถิฯ

    Paññā ākoṭanī rāja, tattha attāva sārathi.

    ๑๓๔๒.

    1342.

    ‘‘สเจ เอเตน ยาเนน, สมจริยา ทฬฺหา ธิติ;

    ‘‘Sace etena yānena, samacariyā daḷhā dhiti;

    สพฺพกามทุโห ราช, น ชาตุ นิรยํ วเช’’ติฯ

    Sabbakāmaduho rāja, na jātu nirayaṃ vaje’’ti.

    ตตฺถ รถสญฺญาโตติ มหาราช, ตว กาโย รโถติ สญฺญาโต โหตุฯ มโนสารถิโกติ มนสงฺขาเตน กุสลจิเตฺตน สารถินา สมนฺนาคโตฯ ลหูติ วิคตถินมิทฺธตาย สลฺลหุโกฯ อวิหิํสาสาริตโกฺขติ อวิหิํสามเยน สาริเตน สุฎฺฐุ ปรินิฎฺฐิเตน อเกฺขน สมนฺนาคโตฯ สํวิภาคปฎิจฺฉโทติ ทานสํวิภาคมเยน ปฎิจฺฉเทน สมนฺนาคโตฯ ปาทสญฺญมเนมิโยติ ปาทสํยมมยาย เนมิยา สมนฺนาคโตฯ หตฺถสญฺญมปกฺขโรติ หตฺถสํยมมเยน ปกฺขเรน สมนฺนาคโตฯ กุจฺฉิสญฺญมนพฺภโนฺตติ กุจฺฉิสํยมสงฺขาเตน มิตโภชนมเยน เตเลน อพฺภโนฺตฯ ‘‘อพฺภญฺชิตโพฺพ นาภิ โหตู’’ติปิ ปาโฐฯ วาจาสญฺญมกูชโนติ วาจาสํยเมน อกูชโนฯ

    Tattha rathasaññātoti mahārāja, tava kāyo rathoti saññāto hotu. Manosārathikoti manasaṅkhātena kusalacittena sārathinā samannāgato. Lahūti vigatathinamiddhatāya sallahuko. Avihiṃsāsāritakkhoti avihiṃsāmayena sāritena suṭṭhu pariniṭṭhitena akkhena samannāgato. Saṃvibhāgapaṭicchadoti dānasaṃvibhāgamayena paṭicchadena samannāgato. Pādasaññamanemiyoti pādasaṃyamamayāya nemiyā samannāgato. Hatthasaññamapakkharoti hatthasaṃyamamayena pakkharena samannāgato. Kucchisaññamanabbhantoti kucchisaṃyamasaṅkhātena mitabhojanamayena telena abbhanto. ‘‘Abbhañjitabbo nābhi hotū’’tipi pāṭho. Vācāsaññamakūjanoti vācāsaṃyamena akūjano.

    สจฺจวากฺยสมตฺตโงฺคติ สจฺจวาเกฺยน ปริปุณฺณอโงฺค อขณฺฑรถโงฺคฯ อเปสุญฺญสุสญฺญโตติ อเปสุเญฺญน สุฎฺฐุ สญฺญโต สมุสฺสิโตฯ คิราสขิลเนลโงฺคติ สขิลาย สณฺหวาจาย นิโทฺทสโงฺค มฎฺฐรถโงฺคฯ มิตภาณิสิเลสิโต มิตภาณสงฺขาเตน สิเลเสน สุฎฺฐุ สมฺพโนฺธฯ สทฺธาโลภสุสงฺขาโรติ กมฺมผลสทฺทหนสทฺธามเยน จ อโลภมเยน จ สุนฺทเรน อลงฺกาเรน สมนฺนาคโตฯ นิวาตญฺชลิกุพฺพโรติ สีลวนฺตานํ นิวาตมเยน เจว อญฺชลิกมฺมมเยน จ กุพฺพเรน สมนฺนาคโตฯ อถทฺธตานตีสาโกติ สขิลสโมฺมทภาวสงฺขาตาย อถทฺธตาย อนตอีโส, โถกนตอีโสติ อโตฺถฯ สีลสํวรนนฺธโนติ อขณฺฑปญฺจสีลจกฺขุนฺทฺริยาทิสํวรสงฺขาตาย นนฺธนรชฺชุยา สมนฺนาคโตฯ

    Saccavākyasamattaṅgoti saccavākyena paripuṇṇaaṅgo akhaṇḍarathaṅgo. Apesuññasusaññatoti apesuññena suṭṭhu saññato samussito. Girāsakhilanelaṅgoti sakhilāya saṇhavācāya niddosaṅgo maṭṭharathaṅgo. Mitabhāṇisilesito mitabhāṇasaṅkhātena silesena suṭṭhu sambandho. Saddhālobhasusaṅkhāroti kammaphalasaddahanasaddhāmayena ca alobhamayena ca sundarena alaṅkārena samannāgato. Nivātañjalikubbaroti sīlavantānaṃ nivātamayena ceva añjalikammamayena ca kubbarena samannāgato. Athaddhatānatīsākoti sakhilasammodabhāvasaṅkhātāya athaddhatāya anataīso, thokanataīsoti attho. Sīlasaṃvaranandhanoti akhaṇḍapañcasīlacakkhundriyādisaṃvarasaṅkhātāya nandhanarajjuyā samannāgato.

    อโกฺกธนมนุคฺฆาตีติ อโกฺกธนภาวสงฺขาเตน อนุคฺฆาเตน สมนฺนาคโตฯ ธมฺมปณฺฑร-ฉตฺตโกติ ทสกุสลธมฺมสงฺขาเตน ปณฺฑรจฺฉเตฺตน สมนฺนาคโตฯ พาหุสจฺจมปาลโมฺพติ อตฺถสนฺนิสฺสิตพหุสฺสุตภาวมเยน อปาลเมฺพน สมนฺนาคโตฯ ฐิตจิตฺตมุปาธิโยติ โลกธเมฺมหิ อวิกมฺปนภาเวน สุฎฺฐุ ฐิตเอกคฺคภาวปฺปตฺตจิตฺตสงฺขาเตน อุปาธินา อุตฺตรตฺถรเณน วา ราชาสเนน สมนฺนาคโตฯ กาลญฺญุตาจิตฺตสาโรติ ‘‘อยํ ทานสฺส ทินฺนกาโล, อยํ สีลสฺส รกฺขนกาโล’’ติ เอวํ กาลญฺญุตาสงฺขาเตน กาลํ ชานิตฺวา กเตน จิเตฺตน กุสลสาเรน สมนฺนาคโตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา, มหาราช, รถสฺส นาม อาณิํ อาทิํ กตฺวา ทพฺพสมฺภารชาตํ ปริสุทฺธํ สารมยญฺจ อิจฺฉิตพฺพํ, เอวญฺหิ โส รโถ อทฺธานกฺขโม โหติ, เอวํ ตวปิ กายรโถ กาลํ ชานิตฺวา กเตน จิเตฺตน ปริสุเทฺธน ทานาทิกุสลสาเรน สมนฺนาคโต โหตูติฯ เวสารชฺชติทณฺฑโกติ ปริสมเชฺฌ กเถนฺตสฺสปิ วิสารทภาวสงฺขาเตน ติทเณฺฑน สมนฺนาคโตฯ นิวาตวุตฺติโยตฺตโกติ โอวาเท ปวตฺตนสงฺขาเตน มุทุนา ธุรโยเตฺตน สมนฺนาคโต ฯ มุทุนา หิ ธุรโยเตฺตน พทฺธรถํ สินฺธวา สุขํ วหนฺติ, เอวํ ตว กายรโถปิ ปณฺฑิตานํ โอวาทปฺปวตฺติตาย อาพโทฺธ สุขํ ยาตูติ อโตฺถฯ อนติมานยุโค ลหูติ อนติมานสงฺขาเตน ลหุเกน ยุเคน สมนฺนาคโตฯ

    Akkodhanamanugghātīti akkodhanabhāvasaṅkhātena anugghātena samannāgato. Dhammapaṇḍara-chattakoti dasakusaladhammasaṅkhātena paṇḍaracchattena samannāgato. Bāhusaccamapālamboti atthasannissitabahussutabhāvamayena apālambena samannāgato. Ṭhitacittamupādhiyoti lokadhammehi avikampanabhāvena suṭṭhu ṭhitaekaggabhāvappattacittasaṅkhātena upādhinā uttarattharaṇena vā rājāsanena samannāgato. Kālaññutācittasāroti ‘‘ayaṃ dānassa dinnakālo, ayaṃ sīlassa rakkhanakālo’’ti evaṃ kālaññutāsaṅkhātena kālaṃ jānitvā katena cittena kusalasārena samannāgato. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā, mahārāja, rathassa nāma āṇiṃ ādiṃ katvā dabbasambhārajātaṃ parisuddhaṃ sāramayañca icchitabbaṃ, evañhi so ratho addhānakkhamo hoti, evaṃ tavapi kāyaratho kālaṃ jānitvā katena cittena parisuddhena dānādikusalasārena samannāgato hotūti. Vesārajjatidaṇḍakoti parisamajjhe kathentassapi visāradabhāvasaṅkhātena tidaṇḍena samannāgato. Nivātavuttiyottakoti ovāde pavattanasaṅkhātena mudunā dhurayottena samannāgato . Mudunā hi dhurayottena baddharathaṃ sindhavā sukhaṃ vahanti, evaṃ tava kāyarathopi paṇḍitānaṃ ovādappavattitāya ābaddho sukhaṃ yātūti attho. Anatimānayugo lahūti anatimānasaṅkhātena lahukena yugena samannāgato.

    อลีนจิตฺตสนฺถาโรติ ยถา รโถ นาม ทนฺตมเยน อุฬาเรน สนฺถาเรน โสภติ, เอวํ ตว กายรโถปิ ทานาทินา อลีนอสงฺกุฎิตจิตฺตสนฺถาโร โหตุฯ วุทฺธิเสวี รโชหโตติ ยถา รโถ นาม วิสเมน รชุฎฺฐานมเคฺคน คจฺฉโนฺต รโชกิโณฺณ น โสภติ, สเมน วิรเชน มเคฺคน คจฺฉโนฺต โสภติ, เอวํ ตว กายรโถปิ ปญฺญาวุทฺธิเสวิตาย สมตลํ อุชุมคฺคํ ปฎิปชฺชิตฺวา หตรโช โหตุฯ สติปโตโท ธีรสฺสาติ ปณฺฑิตสฺส ตว ตสฺมิํ กายรเถ สุปติฎฺฐิตสติปโตโท โหตุฯ ธิติ โยโค จ รสฺมิโยติ อโพฺพจฺฉินฺนวีริยสงฺขาตา ธิติ จ หิตปฺปฎิปตฺติยํ ยุญฺชนภาวสงฺขาโต โยโค จ ตว ตสฺมิํ กายรเถ วฎฺฎิตา ถิรา รสฺมิโย โหนฺตุฯ มโน ทนฺตํ ปถํ เนติ, สมทเนฺตหิ วาหิภีติ ยถา รโถ นาม วิสมทเนฺตหิ สินฺธเวหิ อุปฺปถํ ยาติ, สมทเนฺตหิ สมสิกฺขิเตหิ ยุโตฺต อุชุปถเมว อเนฺวติ, เอวํ มโนปิ ทนฺตํ นิพฺพิเสวนํ กุมฺมคฺคํ ปหาย อุชุมคฺคํ คณฺหาติฯ ตสฺมา สุทนฺตํ อาจารสมฺปนฺนํ จิตฺตํ ตว กายรถสฺส สินฺธวกิจฺจํ สาเธตุฯ อิจฺฉาโลโภ จาติ อปฺปเตฺตสุ วตฺถูสุ อิจฺฉา, ปเตฺตสุ โลโภติ อยํ อิจฺฉา จ โลโภ จ กุมฺมโคฺค นามฯ กุฎิโล อนุชุมโคฺค อปายเมว เนติฯ ทสกุสลกมฺมปถวเสน ปน อฎฺฐงฺคิกมคฺควเสน วา ปวโตฺต สีลสํยโม อุชุมโคฺค นามฯ โส ตว กายรถสฺส มโคฺค โหตุฯ

    Alīnacittasanthāroti yathā ratho nāma dantamayena uḷārena santhārena sobhati, evaṃ tava kāyarathopi dānādinā alīnaasaṅkuṭitacittasanthāro hotu. Vuddhisevī rajohatoti yathā ratho nāma visamena rajuṭṭhānamaggena gacchanto rajokiṇṇo na sobhati, samena virajena maggena gacchanto sobhati, evaṃ tava kāyarathopi paññāvuddhisevitāya samatalaṃ ujumaggaṃ paṭipajjitvā hatarajo hotu. Satipatodo dhīrassāti paṇḍitassa tava tasmiṃ kāyarathe supatiṭṭhitasatipatodo hotu. Dhiti yogo ca rasmiyoti abbocchinnavīriyasaṅkhātā dhiti ca hitappaṭipattiyaṃ yuñjanabhāvasaṅkhāto yogo ca tava tasmiṃ kāyarathe vaṭṭitā thirā rasmiyo hontu. Mano dantaṃ pathaṃ neti, samadantehi vāhibhīti yathā ratho nāma visamadantehi sindhavehi uppathaṃ yāti, samadantehi samasikkhitehi yutto ujupathameva anveti, evaṃ manopi dantaṃ nibbisevanaṃ kummaggaṃ pahāya ujumaggaṃ gaṇhāti. Tasmā sudantaṃ ācārasampannaṃ cittaṃ tava kāyarathassa sindhavakiccaṃ sādhetu. Icchālobho cāti appattesu vatthūsu icchā, pattesu lobhoti ayaṃ icchā ca lobho ca kummaggo nāma. Kuṭilo anujumaggo apāyameva neti. Dasakusalakammapathavasena pana aṭṭhaṅgikamaggavasena vā pavatto sīlasaṃyamo ujumaggo nāma. So tava kāyarathassa maggo hotu.

    รูเปติ เอเตสุ มนาปิเยสุ รูปาทีสุ กามคุเณสุ นิมิตฺตํ คเหตฺวา ธาวนฺตสฺส ตว กายรถสฺส อุปฺปถํ ปฎิปนฺนสฺส ราชรถสฺส สินฺธเว อาโกเฎตฺวา นิวารณปโตทยฎฺฐิ วิย ปญฺญา อาโกฎนี โหตุฯ สา หิ ตํ อุปฺปถคมนโต นิวาเรตฺวา อุชุํ สุจริตมคฺคํ อาโรเปสฺสติฯ ตตฺถ อตฺตาว สารถีติ ตสฺมิํ ปน เต กายรเถ อโญฺญ สารถิ นาม นตฺถิ, ตว อตฺตาว สารถิ โหตุฯ สเจ เอเตน ยาเนนาติ มหาราช, ยเสฺสตํ เอวรูปํ ยานํ สเจ อตฺถิ, เอเตน ยาเนนฯ สมจริยา ทฬฺหา ธิตีติ ยสฺส สมจริยา จ ธิติ จ ทฬฺหา โหติ ถิรา, โส เอเตน ยาเนน ยสฺมา เอส รโถ สพฺพกามทุโห ราช, ยถาธิเปฺปเต สพฺพกาเม เทติ, ตสฺมา น ชาตุ นิรยํ วเช, เอกํเสเนตํ ธาเรหิ, เอวรูเปน ยาเนน นิรยํ น คจฺฉสีติ อโตฺถฯ อิติ โข, มหาราช, ยํ มํ อวจ ‘‘อาจิกฺข เม, นารท, สุทฺธิมคฺคํ, ยถา อหํ โน นิรเย ปเตยฺย’’นฺติ, อยํ เต โส มยา อเนกปริยาเยน อกฺขาโตติฯ

    Rūpeti etesu manāpiyesu rūpādīsu kāmaguṇesu nimittaṃ gahetvā dhāvantassa tava kāyarathassa uppathaṃ paṭipannassa rājarathassa sindhave ākoṭetvā nivāraṇapatodayaṭṭhi viya paññā ākoṭanī hotu. Sā hi taṃ uppathagamanato nivāretvā ujuṃ sucaritamaggaṃ āropessati. Tattha attāva sārathīti tasmiṃ pana te kāyarathe añño sārathi nāma natthi, tava attāva sārathi hotu. Sace etena yānenāti mahārāja, yassetaṃ evarūpaṃ yānaṃ sace atthi, etena yānena. Samacariyā daḷhā dhitīti yassa samacariyā ca dhiti ca daḷhā hoti thirā, so etena yānena yasmā esa ratho sabbakāmaduho rāja, yathādhippete sabbakāme deti, tasmā na jātu nirayaṃ vaje, ekaṃsenetaṃ dhārehi, evarūpena yānena nirayaṃ na gacchasīti attho. Iti kho, mahārāja, yaṃ maṃ avaca ‘‘ācikkha me, nārada, suddhimaggaṃ, yathā ahaṃ no niraye pateyya’’nti, ayaṃ te so mayā anekapariyāyena akkhātoti.

    เอวมสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา มิจฺฉาทิฎฺฐิํ ชหาเปตฺวา สีเล ปติฎฺฐาเปตฺวา ‘‘อิโต ปฎฺฐาย ปาปมิเตฺต ปหาย กลฺยาณมิเตฺต อุปสงฺกม, นิจฺจํ อปฺปมโตฺต โหหี’’ติ โอวาทํ ทตฺวา ราชธีตุ คุณํ วเณฺณตฺวา ราชปริสาย จ ราโชโรธานญฺจ โอวาทํ ทตฺวา มหเนฺตนานุภาเวน เตสํ ปสฺสนฺตานเญฺญว พฺรหฺมโลกํ คโตฯ

    Evamassa dhammaṃ desetvā micchādiṭṭhiṃ jahāpetvā sīle patiṭṭhāpetvā ‘‘ito paṭṭhāya pāpamitte pahāya kalyāṇamitte upasaṅkama, niccaṃ appamatto hohī’’ti ovādaṃ datvā rājadhītu guṇaṃ vaṇṇetvā rājaparisāya ca rājorodhānañca ovādaṃ datvā mahantenānubhāvena tesaṃ passantānaññeva brahmalokaṃ gato.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ มยา ทิฎฺฐิชาลํ ภินฺทิตฺวา อุรุเวลกสฺสโป ทมิโตเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนโนฺต อิมา คาถา อภาสิ –

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi mayā diṭṭhijālaṃ bhinditvā uruvelakassapo damitoyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānento imā gāthā abhāsi –

    ๑๓๔๓.

    1343.

    ‘‘อลาโต เทวทโตฺตสิ, สุนาโม อาสิ ภทฺทชิ;

    ‘‘Alāto devadattosi, sunāmo āsi bhaddaji;

    วิชโย สาริปุโตฺตสิ, โมคฺคลฺลาโนสิ พีชโกฯ

    Vijayo sāriputtosi, moggallānosi bījako.

    ๑๓๔๔.

    1344.

    ‘‘สุนกฺขโตฺต ลิจฺฉวิปุโตฺต, คุโณ อาสิ อเจลโก;

    ‘‘Sunakkhatto licchaviputto, guṇo āsi acelako;

    อานโนฺท สา รุจา อาสิ, ยา ราชานํ ปสาทยิฯ

    Ānando sā rucā āsi, yā rājānaṃ pasādayi.

    ๑๓๔๕.

    1345.

    ‘‘อุรุเวลกสฺสโป ราชา, ปาปทิฎฺฐิ ตทา อหุ;

    ‘‘Uruvelakassapo rājā, pāpadiṭṭhi tadā ahu;

    มหาพฺรหฺมา โพธิสโตฺต, เอวํ ธาเรถ ชาตก’’นฺติฯ

    Mahābrahmā bodhisatto, evaṃ dhāretha jātaka’’nti.

    มหานารทกสฺสปชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ

    Mahānāradakassapajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๔๕. มหานารทกสฺสปชาตกํ • 545. Mahānāradakassapajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact