Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๒. มหานิทานสุตฺตํ
2. Mahānidānasuttaṃ
ปฎิจฺจสมุปฺปาโท
Paṭiccasamuppādo
๙๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุรูสุ วิหรติ กมฺมาสธมฺมํ นาม 1 กุรูนํ นิคโมฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต! ยาว คมฺภีโร จายํ, ภเนฺต, ปฎิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีราวภาโส จ, อถ จ ปน เม อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายตี’’ติฯ ‘‘มา เหวํ, อานนฺท, อวจ, มา เหวํ, อานนฺท, อวจฯ คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฎิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีราวภาโส จฯ เอตสฺส, อานนฺท, ธมฺมสฺส อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา เอวมยํ ปชา ตนฺตากุลกชาตา กุลคณฺฐิกชาตา 2 มุญฺชปพฺพชภูตา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตติฯ
95. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kurūsu viharati kammāsadhammaṃ nāma 3 kurūnaṃ nigamo. Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante! Yāva gambhīro cāyaṃ, bhante, paṭiccasamuppādo gambhīrāvabhāso ca, atha ca pana me uttānakuttānako viya khāyatī’’ti. ‘‘Mā hevaṃ, ānanda, avaca, mā hevaṃ, ānanda, avaca. Gambhīro cāyaṃ, ānanda, paṭiccasamuppādo gambhīrāvabhāso ca. Etassa, ānanda, dhammassa ananubodhā appaṭivedhā evamayaṃ pajā tantākulakajātā kulagaṇṭhikajātā 4 muñjapabbajabhūtā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ saṃsāraṃ nātivattati.
๙๖. ‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณ’นฺติ อิติ ปุเฎฺฐน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํฯ ‘กิํปจฺจยา ชรามรณ’นฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’นฺติ อิจฺจสฺส วจนียํฯ
96. ‘‘‘Atthi idappaccayā jarāmaraṇa’nti iti puṭṭhena satā, ānanda, atthītissa vacanīyaṃ. ‘Kiṃpaccayā jarāmaraṇa’nti iti ce vadeyya, ‘jātipaccayā jarāmaraṇa’nti iccassa vacanīyaṃ.
‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชาตี’ติ อิติ ปุเฎฺฐน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํฯ ‘กิํปจฺจยา ชาตี’ติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘ภวปจฺจยา ชาตี’ติ อิจฺจสฺส วจนียํฯ
‘‘‘Atthi idappaccayā jātī’ti iti puṭṭhena satā, ānanda, atthītissa vacanīyaṃ. ‘Kiṃpaccayā jātī’ti iti ce vadeyya, ‘bhavapaccayā jātī’ti iccassa vacanīyaṃ.
‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ภโว’ติ อิติ ปุเฎฺฐน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ ฯ ‘กิํปจฺจยา ภโว’ติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’ติ อิจฺจสฺส วจนียํฯ
‘‘‘Atthi idappaccayā bhavo’ti iti puṭṭhena satā, ānanda, atthītissa vacanīyaṃ . ‘Kiṃpaccayā bhavo’ti iti ce vadeyya, ‘upādānapaccayā bhavo’ti iccassa vacanīyaṃ.
‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา อุปาทาน’นฺติ อิติ ปุเฎฺฐน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํฯ ‘กิํปจฺจยา อุปาทาน’นฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’นฺติ อิจฺจสฺส วจนียํฯ
‘‘‘Atthi idappaccayā upādāna’nti iti puṭṭhena satā, ānanda, atthītissa vacanīyaṃ. ‘Kiṃpaccayā upādāna’nti iti ce vadeyya, ‘taṇhāpaccayā upādāna’nti iccassa vacanīyaṃ.
‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ตณฺหา’ติ อิติ ปุเฎฺฐน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํฯ ‘กิํปจฺจยา ตณฺหา’ติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’ติ อิจฺจสฺส วจนียํฯ
‘‘‘Atthi idappaccayā taṇhā’ti iti puṭṭhena satā, ānanda, atthītissa vacanīyaṃ. ‘Kiṃpaccayā taṇhā’ti iti ce vadeyya, ‘vedanāpaccayā taṇhā’ti iccassa vacanīyaṃ.
‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา เวทนา’ติ อิติ ปุเฎฺฐน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํฯ ‘กิํปจฺจยา เวทนา’ติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’ติ อิจฺจสฺส วจนียํฯ
‘‘‘Atthi idappaccayā vedanā’ti iti puṭṭhena satā, ānanda, atthītissa vacanīyaṃ. ‘Kiṃpaccayā vedanā’ti iti ce vadeyya, ‘phassapaccayā vedanā’ti iccassa vacanīyaṃ.
‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ผโสฺส’ติ อิติ ปุเฎฺฐน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํฯ ‘กิํปจฺจยา ผโสฺส’ติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘นามรูปปจฺจยา ผโสฺส’ติ อิจฺจสฺส วจนียํฯ
‘‘‘Atthi idappaccayā phasso’ti iti puṭṭhena satā, ānanda, atthītissa vacanīyaṃ. ‘Kiṃpaccayā phasso’ti iti ce vadeyya, ‘nāmarūpapaccayā phasso’ti iccassa vacanīyaṃ.
‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา นามรูป’นฺติ อิติ ปุเฎฺฐน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํฯ ‘กิํปจฺจยา นามรูป’นฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’นฺติ อิจฺจสฺส วจนียํฯ
‘‘‘Atthi idappaccayā nāmarūpa’nti iti puṭṭhena satā, ānanda, atthītissa vacanīyaṃ. ‘Kiṃpaccayā nāmarūpa’nti iti ce vadeyya, ‘viññāṇapaccayā nāmarūpa’nti iccassa vacanīyaṃ.
‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา วิญฺญาณ’นฺติ อิติ ปุเฎฺฐน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํฯ ‘กิํปจฺจยา วิญฺญาณ’นฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณ’นฺติ อิจฺจสฺส วจนียํฯ
‘‘‘Atthi idappaccayā viññāṇa’nti iti puṭṭhena satā, ānanda, atthītissa vacanīyaṃ. ‘Kiṃpaccayā viññāṇa’nti iti ce vadeyya, ‘nāmarūpapaccayā viññāṇa’nti iccassa vacanīyaṃ.
๙๗. ‘‘อิติ โข, อานนฺท, นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ , ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติฯ
97. ‘‘Iti kho, ānanda, nāmarūpapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpaṃ, nāmarūpapaccayā phasso, phassapaccayā vedanā, vedanāpaccayā taṇhā, taṇhāpaccayā upādānaṃ, upādānapaccayā bhavo, bhavapaccayā jāti , jātipaccayā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā sambhavanti. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hoti.
๙๘. ‘‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ชาติปจฺจยา ชรามรณํฯ ชาติ จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, เสยฺยถิทํ – เทวานํ วา เทวตฺตาย, คนฺธพฺพานํ วา คนฺธพฺพตฺตาย, ยกฺขานํ วา ยกฺขตฺตาย, ภูตานํ วา ภูตตฺตาย, มนุสฺสานํ วา มนุสฺสตฺตาย, จตุปฺปทานํ วา จตุปฺปทตฺตาย, ปกฺขีนํ วา ปกฺขิตฺตาย, สรีสปานํ วา สรีสปตฺตาย 5, เตสํ เตสญฺจ หิ, อานนฺท, สตฺตานํ ตทตฺตาย ชาติ นาภวิสฺสฯ สพฺพโส ชาติยา อสติ ชาตินิโรธา อปิ นุ โข ชรามรณํ ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ชรามรณสฺส, ยทิทํ ชาติ’’ฯ
98. ‘‘‘Jātipaccayā jarāmaraṇa’nti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā jātipaccayā jarāmaraṇaṃ. Jāti ca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, seyyathidaṃ – devānaṃ vā devattāya, gandhabbānaṃ vā gandhabbattāya, yakkhānaṃ vā yakkhattāya, bhūtānaṃ vā bhūtattāya, manussānaṃ vā manussattāya, catuppadānaṃ vā catuppadattāya, pakkhīnaṃ vā pakkhittāya, sarīsapānaṃ vā sarīsapattāya 6, tesaṃ tesañca hi, ānanda, sattānaṃ tadattāya jāti nābhavissa. Sabbaso jātiyā asati jātinirodhā api nu kho jarāmaraṇaṃ paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo jarāmaraṇassa, yadidaṃ jāti’’.
๙๙. ‘‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ภวปจฺจยา ชาติฯ ภโว จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, เสยฺยถิทํ – กามภโว วา รูปภโว วา อรูปภโว วา, สพฺพโส ภเว อสติ ภวนิโรธา อปิ นุ โข ชาติ ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ชาติยา, ยทิทํ ภโว’’ฯ
99. ‘‘‘Bhavapaccayā jātī’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā bhavapaccayā jāti. Bhavo ca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, seyyathidaṃ – kāmabhavo vā rūpabhavo vā arūpabhavo vā, sabbaso bhave asati bhavanirodhā api nu kho jāti paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo jātiyā, yadidaṃ bhavo’’.
๑๐๐. ‘‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา อุปาทานปจฺจยา ภโวฯ อุปาทานญฺจ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ , เสยฺยถิทํ – กามุปาทานํ วา ทิฎฺฐุปาทานํ วา สีลพฺพตุปาทานํ วา อตฺตวาทุปาทานํ วา, สพฺพโส อุปาทาเน อสติ อุปาทานนิโรธา อปิ นุ โข ภโว ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ภวสฺส, ยทิทํ อุปาทานํ’’ฯ
100. ‘‘‘Upādānapaccayā bhavo’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā upādānapaccayā bhavo. Upādānañca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici , seyyathidaṃ – kāmupādānaṃ vā diṭṭhupādānaṃ vā sīlabbatupādānaṃ vā attavādupādānaṃ vā, sabbaso upādāne asati upādānanirodhā api nu kho bhavo paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo bhavassa, yadidaṃ upādānaṃ’’.
๑๐๑. ‘‘‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํฯ ตณฺหา จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, เสยฺยถิทํ – รูปตณฺหา สทฺทตณฺหา คนฺธตณฺหา รสตณฺหา โผฎฺฐพฺพตณฺหา ธมฺมตณฺหา, สพฺพโส ตณฺหาย อสติ ตณฺหานิโรธา อปิ นุ โข อุปาทานํ ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย อุปาทานสฺส, ยทิทํ ตณฺหา’’ฯ
101. ‘‘‘Taṇhāpaccayā upādāna’nti iti kho panetaṃ vuttaṃ tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā taṇhāpaccayā upādānaṃ. Taṇhā ca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, seyyathidaṃ – rūpataṇhā saddataṇhā gandhataṇhā rasataṇhā phoṭṭhabbataṇhā dhammataṇhā, sabbaso taṇhāya asati taṇhānirodhā api nu kho upādānaṃ paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo upādānassa, yadidaṃ taṇhā’’.
๑๐๒. ‘‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา เวทนาปจฺจยา ตณฺหาฯ เวทนา จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, เสยฺยถิทํ – จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา โสตสมฺผสฺสชา เวทนา ฆานสมฺผสฺสชา เวทนา ชิวฺหาสมฺผสฺสชา เวทนา กายสมฺผสฺสชา เวทนา มโนสมฺผสฺสชา เวทนา, สพฺพโส เวทนาย อสติ เวทนานิโรธา อปิ นุ โข ตณฺหา ปญฺญาเยถา’’ติ ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ตณฺหาย, ยทิทํ เวทนา’’ฯ
102. ‘‘‘Vedanāpaccayā taṇhā’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā vedanāpaccayā taṇhā. Vedanā ca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, seyyathidaṃ – cakkhusamphassajā vedanā sotasamphassajā vedanā ghānasamphassajā vedanā jivhāsamphassajā vedanā kāyasamphassajā vedanā manosamphassajā vedanā, sabbaso vedanāya asati vedanānirodhā api nu kho taṇhā paññāyethā’’ti ? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo taṇhāya, yadidaṃ vedanā’’.
๑๐๓. ‘‘อิติ โข ปเนตํ, อานนฺท, เวทนํ ปฎิจฺจ ตณฺหา, ตณฺหํ ปฎิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฎิจฺจ ลาโภ, ลาภํ ปฎิจฺจ วินิจฺฉโย, วินิจฺฉยํ ปฎิจฺจ ฉนฺทราโค, ฉนฺทราคํ ปฎิจฺจ อโชฺฌสานํ, อโชฺฌสานํ ปฎิจฺจ ปริคฺคโห, ปริคฺคหํ ปฎิจฺจ มจฺฉริยํ, มจฺฉริยํ ปฎิจฺจ อารโกฺขฯ อารกฺขาธิกรณํ ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุญฺญมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติฯ
103. ‘‘Iti kho panetaṃ, ānanda, vedanaṃ paṭicca taṇhā, taṇhaṃ paṭicca pariyesanā, pariyesanaṃ paṭicca lābho, lābhaṃ paṭicca vinicchayo, vinicchayaṃ paṭicca chandarāgo, chandarāgaṃ paṭicca ajjhosānaṃ, ajjhosānaṃ paṭicca pariggaho, pariggahaṃ paṭicca macchariyaṃ, macchariyaṃ paṭicca ārakkho. Ārakkhādhikaraṇaṃ daṇḍādānasatthādānakalahaviggahavivādatuvaṃtuvaṃpesuññamusāvādā aneke pāpakā akusalā dhammā sambhavanti.
๑๐๔. ‘‘‘อารกฺขาธิกรณํ 7 ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุญฺญมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตี’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา อารกฺขาธิกรณํ ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุญฺญมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติฯ อารโกฺข จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส อารเกฺข อสติ อารกฺขนิโรธา อปิ นุ โข ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุญฺญมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภเวยฺยุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุญฺญมุสาวาทานํ อเนเกสํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมฺภวาย ยทิทํ อารโกฺขฯ
104. ‘‘‘Ārakkhādhikaraṇaṃ 8 daṇḍādānasatthādānakalahaviggahavivādatuvaṃtuvaṃpesuññamusāvādā aneke pāpakā akusalā dhammā sambhavantī’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā ārakkhādhikaraṇaṃ daṇḍādānasatthādānakalahaviggahavivādatuvaṃtuvaṃpesuññamusāvādā aneke pāpakā akusalā dhammā sambhavanti. Ārakkho ca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, sabbaso ārakkhe asati ārakkhanirodhā api nu kho daṇḍādānasatthādānakalahaviggahavivādatuvaṃtuvaṃpesuññamusāvādā aneke pāpakā akusalā dhammā sambhaveyyu’’nti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo daṇḍādānasatthādānakalahaviggahavivādatuvaṃtuvaṃpesuññamusāvādānaṃ anekesaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ sambhavāya yadidaṃ ārakkho.
๑๐๕. ‘‘‘มจฺฉริยํ ปฎิจฺจ อารโกฺข’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา มจฺฉริยํ ปฎิจฺจ อารโกฺขฯ มจฺฉริยญฺจ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ , สพฺพโส มจฺฉริเย อสติ มจฺฉริยนิโรธา อปิ นุ โข อารโกฺข ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย อารกฺขสฺส, ยทิทํ มจฺฉริยํ’’ฯ
105. ‘‘‘Macchariyaṃ paṭicca ārakkho’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā macchariyaṃ paṭicca ārakkho. Macchariyañca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici , sabbaso macchariye asati macchariyanirodhā api nu kho ārakkho paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo ārakkhassa, yadidaṃ macchariyaṃ’’.
๑๐๖. ‘‘‘ปริคฺคหํ ปฎิจฺจ มจฺฉริย’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ปริคฺคหํ ปฎิจฺจ มจฺฉริยํฯ ปริคฺคโห จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส ปริคฺคเห อสติ ปริคฺคหนิโรธา อปิ นุ โข มจฺฉริยํ ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย มจฺฉริยสฺส, ยทิทํ ปริคฺคโห’’ฯ
106. ‘‘‘Pariggahaṃ paṭicca macchariya’nti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā pariggahaṃ paṭicca macchariyaṃ. Pariggaho ca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, sabbaso pariggahe asati pariggahanirodhā api nu kho macchariyaṃ paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo macchariyassa, yadidaṃ pariggaho’’.
๑๐๗. ‘‘‘อโชฺฌสานํ ปฎิจฺจ ปริคฺคโห’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา อโชฺฌสานํ ปฎิจฺจ ปริคฺคโหฯ อโชฺฌสานญฺจ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส อโชฺฌสาเน อสติ อโชฺฌสานนิโรธา อปิ นุ โข ปริคฺคโห ปญฺญาเยถา’’ติ ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ปริคฺคหสฺส – ยทิทํ อโชฺฌสานํ’’ฯ
107. ‘‘‘Ajjhosānaṃ paṭicca pariggaho’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā ajjhosānaṃ paṭicca pariggaho. Ajjhosānañca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, sabbaso ajjhosāne asati ajjhosānanirodhā api nu kho pariggaho paññāyethā’’ti ? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo pariggahassa – yadidaṃ ajjhosānaṃ’’.
๑๐๘. ‘‘‘ฉนฺทราคํ ปฎิจฺจ อโชฺฌสาน’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ฉนฺทราคํ ปฎิจฺจ อโชฺฌสานํฯ ฉนฺทราโค จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส ฉนฺทราเค อสติ ฉนฺทราคนิโรธา อปิ นุ โข อโชฺฌสานํ ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย อโชฺฌสานสฺส, ยทิทํ ฉนฺทราโค’’ฯ
108. ‘‘‘Chandarāgaṃ paṭicca ajjhosāna’nti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā chandarāgaṃ paṭicca ajjhosānaṃ. Chandarāgo ca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, sabbaso chandarāge asati chandarāganirodhā api nu kho ajjhosānaṃ paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo ajjhosānassa, yadidaṃ chandarāgo’’.
๑๐๙. ‘‘‘วินิจฺฉยํ ปฎิจฺจ ฉนฺทราโค’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา วินิจฺฉยํ ปฎิจฺจ ฉนฺทราโคฯ วินิจฺฉโย จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส วินิจฺฉเย อสติ วินิจฺฉยนิโรธา อปิ นุ โข ฉนฺทราโค ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ , ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ฉนฺทราคสฺส, ยทิทํ วินิจฺฉโย’’ฯ
109. ‘‘‘Vinicchayaṃ paṭicca chandarāgo’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā vinicchayaṃ paṭicca chandarāgo. Vinicchayo ca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, sabbaso vinicchaye asati vinicchayanirodhā api nu kho chandarāgo paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ , bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo chandarāgassa, yadidaṃ vinicchayo’’.
๑๑๐. ‘‘‘ลาภํ ปฎิจฺจ วินิจฺฉโย’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ลาภํ ปฎิจฺจ วินิจฺฉโยฯ ลาโภ จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส ลาเภ อสติ ลาภนิโรธา อปิ นุ โข วินิจฺฉโย ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย วินิจฺฉยสฺส, ยทิทํ ลาโภ’’ฯ
110. ‘‘‘Lābhaṃ paṭicca vinicchayo’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā lābhaṃ paṭicca vinicchayo. Lābho ca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, sabbaso lābhe asati lābhanirodhā api nu kho vinicchayo paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo vinicchayassa, yadidaṃ lābho’’.
๑๑๑. ‘‘‘ปริเยสนํ ปฎิจฺจ ลาโภ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ปริเยสนํ ปฎิจฺจ ลาโภฯ ปริเยสนา จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส ปริเยสนาย อสติ ปริเยสนานิโรธา อปิ นุ โข ลาโภ ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ลาภสฺส, ยทิทํ ปริเยสนา’’ฯ
111. ‘‘‘Pariyesanaṃ paṭicca lābho’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā pariyesanaṃ paṭicca lābho. Pariyesanā ca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, sabbaso pariyesanāya asati pariyesanānirodhā api nu kho lābho paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo lābhassa, yadidaṃ pariyesanā’’.
๑๑๒. ‘‘‘ตณฺหํ ปฎิจฺจ ปริเยสนา’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ตณฺหํ ปฎิจฺจ ปริเยสนาฯ ตณฺหา จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, เสยฺยถิทํ – กามตณฺหา ภวตณฺหา วิภวตณฺหา, สพฺพโส ตณฺหาย อสติ ตณฺหานิโรธา อปิ นุ โข ปริเยสนา ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ปริเยสนาย, ยทิทํ ตณฺหาฯ อิติ โข, อานนฺท, อิเม เทฺว ธมฺมา 9 ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ’’ฯ
112. ‘‘‘Taṇhaṃ paṭicca pariyesanā’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā taṇhaṃ paṭicca pariyesanā. Taṇhā ca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, seyyathidaṃ – kāmataṇhā bhavataṇhā vibhavataṇhā, sabbaso taṇhāya asati taṇhānirodhā api nu kho pariyesanā paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo pariyesanāya, yadidaṃ taṇhā. Iti kho, ānanda, ime dve dhammā 10 dvayena vedanāya ekasamosaraṇā bhavanti’’.
๑๑๓. ‘‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ‘ผสฺสปจฺจยา เวทนาฯ ผโสฺส จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, เสยฺยถิทํ – จกฺขุสมฺผโสฺส โสตสมฺผโสฺส ฆานสมฺผโสฺส ชิวฺหาสมฺผโสฺส กายสมฺผโสฺส มโนสมฺผโสฺส, สพฺพโส ผเสฺส อสติ ผสฺสนิโรธา อปิ นุ โข เวทนา ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท , เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย เวทนาย, ยทิทํ ผโสฺส’’ฯ
113. ‘‘‘Phassapaccayā vedanā’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā ‘phassapaccayā vedanā. Phasso ca hi, ānanda, nābhavissa sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ kassaci kimhici, seyyathidaṃ – cakkhusamphasso sotasamphasso ghānasamphasso jivhāsamphasso kāyasamphasso manosamphasso, sabbaso phasse asati phassanirodhā api nu kho vedanā paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda , eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo vedanāya, yadidaṃ phasso’’.
๑๑๔. ‘‘‘นามรูปปจฺจยา ผโสฺส’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา นามรูปปจฺจยา ผโสฺสฯ เยหิ, อานนฺท, อากาเรหิ เยหิ ลิเงฺคหิ เยหิ นิมิเตฺตหิ เยหิ อุเทฺทเสหิ นามกายสฺส ปญฺญตฺติ โหติ, เตสุ อากาเรสุ เตสุ ลิเงฺคสุ เตสุ นิมิเตฺตสุ เตสุ อุเทฺทเสสุ อสติ อปิ นุ โข รูปกาเย อธิวจนสมฺผโสฺส ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เยหิ, อานนฺท, อากาเรหิ เยหิ ลิเงฺคหิ เยหิ นิมิเตฺตหิ เยหิ อุเทฺทเสหิ รูปกายสฺส ปญฺญตฺติ โหติ, เตสุ อากาเรสุ…เป.… เตสุ อุเทฺทเสสุ อสติ อปิ นุ โข นามกาเย ปฎิฆสมฺผโสฺส ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เยหิ, อานนฺท, อากาเรหิ…เป.… เยหิ อุเทฺทเสหิ นามกายสฺส จ รูปกายสฺส จ ปญฺญตฺติ โหติ , เตสุ อากาเรสุ…เป.… เตสุ อุเทฺทเสสุ อสติ อปิ นุ โข อธิวจนสมฺผโสฺส วา ปฎิฆสมฺผโสฺส วา ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เยหิ, อานนฺท, อากาเรหิ…เป.… เยหิ อุเทฺทเสหิ นามรูปสฺส ปญฺญตฺติ โหติ, เตสุ อากาเรสุ …เป.… เตสุ อุเทฺทเสสุ อสติ อปิ นุ โข ผโสฺส ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ผสฺสสฺส, ยทิทํ นามรูปํ’’ฯ
114. ‘‘‘Nāmarūpapaccayā phasso’ti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā nāmarūpapaccayā phasso. Yehi, ānanda, ākārehi yehi liṅgehi yehi nimittehi yehi uddesehi nāmakāyassa paññatti hoti, tesu ākāresu tesu liṅgesu tesu nimittesu tesu uddesesu asati api nu kho rūpakāye adhivacanasamphasso paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Yehi, ānanda, ākārehi yehi liṅgehi yehi nimittehi yehi uddesehi rūpakāyassa paññatti hoti, tesu ākāresu…pe… tesu uddesesu asati api nu kho nāmakāye paṭighasamphasso paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Yehi, ānanda, ākārehi…pe… yehi uddesehi nāmakāyassa ca rūpakāyassa ca paññatti hoti , tesu ākāresu…pe… tesu uddesesu asati api nu kho adhivacanasamphasso vā paṭighasamphasso vā paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Yehi, ānanda, ākārehi…pe… yehi uddesehi nāmarūpassa paññatti hoti, tesu ākāresu …pe… tesu uddesesu asati api nu kho phasso paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo phassassa, yadidaṃ nāmarūpaṃ’’.
๑๑๕. ‘‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํฯ วิญฺญาณญฺจ หิ, อานนฺท, มาตุกุจฺฉิสฺมิํ น โอกฺกมิสฺสถ, อปิ นุ โข นามรูปํ มาตุกุจฺฉิสฺมิํ สมุจฺจิสฺสถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘วิญฺญาณญฺจ หิ, อานนฺท, มาตุกุจฺฉิสฺมิํ โอกฺกมิตฺวา โวกฺกมิสฺสถ, อปิ นุ โข นามรูปํ อิตฺถตฺตาย อภินิพฺพตฺติสฺสถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘วิญฺญาณญฺจ หิ, อานนฺท, ทหรเสฺสว สโต โวจฺฉิชฺชิสฺสถ กุมารกสฺส วา กุมาริกาย วา, อปิ นุ โข นามรูปํ วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย นามรูปสฺส – ยทิทํ วิญฺญาณํ’’ฯ
115. ‘‘‘Viññāṇapaccayā nāmarūpa’nti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā viññāṇapaccayā nāmarūpaṃ. Viññāṇañca hi, ānanda, mātukucchismiṃ na okkamissatha, api nu kho nāmarūpaṃ mātukucchismiṃ samuccissathā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Viññāṇañca hi, ānanda, mātukucchismiṃ okkamitvā vokkamissatha, api nu kho nāmarūpaṃ itthattāya abhinibbattissathā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Viññāṇañca hi, ānanda, daharasseva sato vocchijjissatha kumārakassa vā kumārikāya vā, api nu kho nāmarūpaṃ vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjissathā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo nāmarūpassa – yadidaṃ viññāṇaṃ’’.
๑๑๖. ‘‘‘นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณ’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณํฯ วิญฺญาณญฺจ หิ, อานนฺท, นามรูเป ปติฎฺฐํ น ลภิสฺสถ, อปิ นุ โข อายติํ ชาติชรามรณํ ทุกฺขสมุทยสมฺภโว 11 ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย วิญฺญาณสฺส ยทิทํ นามรูปํฯ เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, ชาเยถ วา ชีเยถ 12 วา มีเยถ 13 วา จเวถ วา อุปปเชฺชถ วาฯ เอตฺตาวตา อธิวจนปโถ, เอตฺตาวตา นิรุตฺติปโถ, เอตฺตาวตา ปญฺญตฺติปโถ, เอตฺตาวตา ปญฺญาวจรํ, เอตฺตาวตา วฎฺฎํ วตฺตติ อิตฺถตฺตํ ปญฺญาปนาย ยทิทํ นามรูปํ สห วิญฺญาเณน อญฺญมญฺญปจฺจยตา ปวตฺตติฯ
116. ‘‘‘Nāmarūpapaccayā viññāṇa’nti iti kho panetaṃ vuttaṃ, tadānanda, imināpetaṃ pariyāyena veditabbaṃ, yathā nāmarūpapaccayā viññāṇaṃ. Viññāṇañca hi, ānanda, nāmarūpe patiṭṭhaṃ na labhissatha, api nu kho āyatiṃ jātijarāmaraṇaṃ dukkhasamudayasambhavo 14 paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, eseva hetu etaṃ nidānaṃ esa samudayo esa paccayo viññāṇassa yadidaṃ nāmarūpaṃ. Ettāvatā kho, ānanda, jāyetha vā jīyetha 15 vā mīyetha 16 vā cavetha vā upapajjetha vā. Ettāvatā adhivacanapatho, ettāvatā niruttipatho, ettāvatā paññattipatho, ettāvatā paññāvacaraṃ, ettāvatā vaṭṭaṃ vattati itthattaṃ paññāpanāya yadidaṃ nāmarūpaṃ saha viññāṇena aññamaññapaccayatā pavattati.
อตฺตปญฺญตฺติ
Attapaññatti
๑๑๗. ‘‘กิตฺตาวตา จ, อานนฺท, อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ? รูปิํ วา หิ, อานนฺท, ปริตฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ – ‘‘รูปี เม ปริโตฺต อตฺตา’’ติฯ รูปิํ วา หิ , อานนฺท, อนนฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ – ‘รูปี เม อนโนฺต อตฺตา’ติฯ อรูปิํ วา หิ, อานนฺท, ปริตฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ – ‘อรูปี เม ปริโตฺต อตฺตา’ติฯ อรูปิํ วา หิ, อานนฺท, อนนฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ – ‘อรูปี เม อนโนฺต อตฺตา’ติฯ
117. ‘‘Kittāvatā ca, ānanda, attānaṃ paññapento paññapeti? Rūpiṃ vā hi, ānanda, parittaṃ attānaṃ paññapento paññapeti – ‘‘rūpī me paritto attā’’ti. Rūpiṃ vā hi , ānanda, anantaṃ attānaṃ paññapento paññapeti – ‘rūpī me ananto attā’ti. Arūpiṃ vā hi, ānanda, parittaṃ attānaṃ paññapento paññapeti – ‘arūpī me paritto attā’ti. Arūpiṃ vā hi, ānanda, anantaṃ attānaṃ paññapento paññapeti – ‘arūpī me ananto attā’ti.
๑๑๘. ‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส รูปิํ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติฯ เอตรหิ วา โส รูปิํ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ, ตตฺถ ภาวิํ วา โส รูปิํ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกเปฺปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส โหติฯ เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, รูปิํ 17 ปริตฺตตฺตานุทิฎฺฐิ อนุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนายฯ
118. ‘‘Tatrānanda, yo so rūpiṃ parittaṃ attānaṃ paññapento paññapeti. Etarahi vā so rūpiṃ parittaṃ attānaṃ paññapento paññapeti, tattha bhāviṃ vā so rūpiṃ parittaṃ attānaṃ paññapento paññapeti, ‘atathaṃ vā pana santaṃ tathattāya upakappessāmī’ti iti vā panassa hoti. Evaṃ santaṃ kho, ānanda, rūpiṃ 18 parittattānudiṭṭhi anusetīti iccālaṃ vacanāya.
‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส รูปิํ อนนฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติฯ เอตรหิ วา โส รูปิํ อนนฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ, ตตฺถ ภาวิํ วา โส รูปิํ อนนฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกเปฺปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส โหติฯ เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, รูปิํ 19 อนนฺตตฺตานุทิฎฺฐิ อนุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนายฯ
‘‘Tatrānanda, yo so rūpiṃ anantaṃ attānaṃ paññapento paññapeti. Etarahi vā so rūpiṃ anantaṃ attānaṃ paññapento paññapeti, tattha bhāviṃ vā so rūpiṃ anantaṃ attānaṃ paññapento paññapeti, ‘atathaṃ vā pana santaṃ tathattāya upakappessāmī’ti iti vā panassa hoti. Evaṃ santaṃ kho, ānanda, rūpiṃ 20 anantattānudiṭṭhi anusetīti iccālaṃ vacanāya.
‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส อรูปิํ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติฯ เอตรหิ วา โส อรูปิํ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ, ตตฺถ ภาวิํ วา โส อรูปิํ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกเปฺปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส โหติฯ เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, อรูปิํ 21 ปริตฺตตฺตานุทิฎฺฐิ อนุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนายฯ
‘‘Tatrānanda, yo so arūpiṃ parittaṃ attānaṃ paññapento paññapeti. Etarahi vā so arūpiṃ parittaṃ attānaṃ paññapento paññapeti, tattha bhāviṃ vā so arūpiṃ parittaṃ attānaṃ paññapento paññapeti, ‘atathaṃ vā pana santaṃ tathattāya upakappessāmī’ti iti vā panassa hoti. Evaṃ santaṃ kho, ānanda, arūpiṃ 22 parittattānudiṭṭhi anusetīti iccālaṃ vacanāya.
‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส อรูปิํ อนนฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติฯ เอตรหิ วา โส อรูปิํ อนนฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ, ตตฺถ ภาวิํ วา โส อรูปิํ อนนฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกเปฺปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส โหติฯ เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, อรูปิํ 23 อนนฺตตฺตานุทิฎฺฐิ อนุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนายฯ เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, อตฺตานํ ปญฺญเปโนฺต ปญฺญเปติฯ
‘‘Tatrānanda, yo so arūpiṃ anantaṃ attānaṃ paññapento paññapeti. Etarahi vā so arūpiṃ anantaṃ attānaṃ paññapento paññapeti, tattha bhāviṃ vā so arūpiṃ anantaṃ attānaṃ paññapento paññapeti, ‘atathaṃ vā pana santaṃ tathattāya upakappessāmī’ti iti vā panassa hoti. Evaṃ santaṃ kho, ānanda, arūpiṃ 24 anantattānudiṭṭhi anusetīti iccālaṃ vacanāya. Ettāvatā kho, ānanda, attānaṃ paññapento paññapeti.
นอตฺตปญฺญตฺติ
Naattapaññatti
๑๑๙. ‘‘กิตฺตาวตา จ, อานนฺท, อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ? รูปิํ วา หิ, อานนฺท, ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ – ‘รูปี เม ปริโตฺต อตฺตา’ติฯ รูปิํ วา หิ, อานนฺท, อนนฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ – ‘รูปี เม อนโนฺต อตฺตา’ติฯ อรูปิํ วา หิ, อานนฺท, ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ – ‘อรูปี เม ปริโตฺต อตฺตา’ติฯ อรูปิํ วา หิ, อานนฺท, อนนฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ – ‘อรูปี เม อนโนฺต อตฺตา’ติฯ
119. ‘‘Kittāvatā ca, ānanda, attānaṃ na paññapento na paññapeti? Rūpiṃ vā hi, ānanda, parittaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti – ‘rūpī me paritto attā’ti. Rūpiṃ vā hi, ānanda, anantaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti – ‘rūpī me ananto attā’ti. Arūpiṃ vā hi, ānanda, parittaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti – ‘arūpī me paritto attā’ti. Arūpiṃ vā hi, ānanda, anantaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti – ‘arūpī me ananto attā’ti.
๑๒๐. ‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส รูปิํ ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติฯ เอตรหิ วา โส รูปิํ ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ, ตตฺถ ภาวิํ วา โส รูปิํ ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกเปฺปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส น โหติฯ เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, รูปิํ ปริตฺตตฺตานุทิฎฺฐิ นานุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนายฯ
120. ‘‘Tatrānanda, yo so rūpiṃ parittaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti. Etarahi vā so rūpiṃ parittaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti, tattha bhāviṃ vā so rūpiṃ parittaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti, ‘atathaṃ vā pana santaṃ tathattāya upakappessāmī’ti iti vā panassa na hoti. Evaṃ santaṃ kho, ānanda, rūpiṃ parittattānudiṭṭhi nānusetīti iccālaṃ vacanāya.
‘‘ตตฺรานนฺท , โย โส รูปิํ อนนฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติฯ เอตรหิ วา โส รูปิํ อนนฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ, ตตฺถ ภาวิํ วา โส รูปิํ อนนฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกเปฺปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส น โหติฯ เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, รูปิํ อนนฺตตฺตานุทิฎฺฐิ นานุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนายฯ
‘‘Tatrānanda , yo so rūpiṃ anantaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti. Etarahi vā so rūpiṃ anantaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti, tattha bhāviṃ vā so rūpiṃ anantaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti, ‘atathaṃ vā pana santaṃ tathattāya upakappessāmī’ti iti vā panassa na hoti. Evaṃ santaṃ kho, ānanda, rūpiṃ anantattānudiṭṭhi nānusetīti iccālaṃ vacanāya.
‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส อรูปิํ ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติฯ เอตรหิ วา โส อรูปิํ ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ, ตตฺถ ภาวิํ วา โส อรูปิํ ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกเปฺปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส น โหติฯ เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, อรูปิํ ปริตฺตตฺตานุทิฎฺฐิ นานุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนายฯ
‘‘Tatrānanda, yo so arūpiṃ parittaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti. Etarahi vā so arūpiṃ parittaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti, tattha bhāviṃ vā so arūpiṃ parittaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti, ‘atathaṃ vā pana santaṃ tathattāya upakappessāmī’ti iti vā panassa na hoti. Evaṃ santaṃ kho, ānanda, arūpiṃ parittattānudiṭṭhi nānusetīti iccālaṃ vacanāya.
‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส อรูปิํ อนนฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติฯ เอตรหิ วา โส อรูปิํ อนนฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ, ตตฺถ ภาวิํ วา โส อรูปิํ อนนฺตํ อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกเปฺปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส น โหติฯ เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, อรูปิํ อนนฺตตฺตานุทิฎฺฐิ นานุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนายฯ เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญเปติฯ
‘‘Tatrānanda, yo so arūpiṃ anantaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti. Etarahi vā so arūpiṃ anantaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti, tattha bhāviṃ vā so arūpiṃ anantaṃ attānaṃ na paññapento na paññapeti, ‘atathaṃ vā pana santaṃ tathattāya upakappessāmī’ti iti vā panassa na hoti. Evaṃ santaṃ kho, ānanda, arūpiṃ anantattānudiṭṭhi nānusetīti iccālaṃ vacanāya. Ettāvatā kho, ānanda, attānaṃ na paññapento na paññapeti.
อตฺตสมนุปสฺสนา
Attasamanupassanā
๑๒๑. ‘‘กิตฺตาวตา จ, อานนฺท, อตฺตานํ สมนุปสฺสมาโน สมนุปสฺสติ? เวทนํ วา หิ, อานนฺท, อตฺตานํ สมนุปสฺสมาโน สมนุปสฺสติ – ‘เวทนา เม อตฺตา’ติฯ ‘น เหว โข เม เวทนา อตฺตา, อปฺปฎิสํเวทโน เม อตฺตา’ติ อิติ วา หิ, อานนฺท, อตฺตานํ สมนุปสฺสมาโน สมนุปสฺสติฯ ‘น เหว โข เม เวทนา อตฺตา, โนปิ อปฺปฎิสํเวทโน เม อตฺตา, อตฺตา เม เวทิยติ, เวทนาธโมฺม หิ เม อตฺตา’ติ อิติ วา หิ, อานนฺท, อตฺตานํ สมนุปสฺสมาโน สมนุปสฺสติฯ
121. ‘‘Kittāvatā ca, ānanda, attānaṃ samanupassamāno samanupassati? Vedanaṃ vā hi, ānanda, attānaṃ samanupassamāno samanupassati – ‘vedanā me attā’ti. ‘Na heva kho me vedanā attā, appaṭisaṃvedano me attā’ti iti vā hi, ānanda, attānaṃ samanupassamāno samanupassati. ‘Na heva kho me vedanā attā, nopi appaṭisaṃvedano me attā, attā me vediyati, vedanādhammo hi me attā’ti iti vā hi, ānanda, attānaṃ samanupassamāno samanupassati.
๑๒๒. ‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส เอวมาห – ‘เวทนา เม อตฺตา’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘ติโสฺส โข อิมา, อาวุโส, เวทนา – สุขา เวทนา ทุกฺขา เวทนา อทุกฺขมสุขา เวทนาฯ อิมาสํ โข ตฺวํ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ กตมํ อตฺตโต สมนุปสฺสสี’ติ? ยสฺมิํ, อานนฺท, สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมิํ สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, น อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ; สุขํเยว ตสฺมิํ สมเย เวทนํ เวเทติฯ ยสฺมิํ, อานนฺท, สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมิํ สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, น อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ; ทุกฺขํเยว ตสฺมิํ สมเย เวทนํ เวเทติฯ ยสฺมิํ, อานนฺท, สมเย อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมิํ สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, น ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ; อทุกฺขมสุขํเยว ตสฺมิํ สมเย เวทนํ เวเทติฯ
122. ‘‘Tatrānanda, yo so evamāha – ‘vedanā me attā’ti, so evamassa vacanīyo – ‘tisso kho imā, āvuso, vedanā – sukhā vedanā dukkhā vedanā adukkhamasukhā vedanā. Imāsaṃ kho tvaṃ tissannaṃ vedanānaṃ katamaṃ attato samanupassasī’ti? Yasmiṃ, ānanda, samaye sukhaṃ vedanaṃ vedeti, neva tasmiṃ samaye dukkhaṃ vedanaṃ vedeti, na adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedeti; sukhaṃyeva tasmiṃ samaye vedanaṃ vedeti. Yasmiṃ, ānanda, samaye dukkhaṃ vedanaṃ vedeti, neva tasmiṃ samaye sukhaṃ vedanaṃ vedeti, na adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedeti; dukkhaṃyeva tasmiṃ samaye vedanaṃ vedeti. Yasmiṃ, ānanda, samaye adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedeti, neva tasmiṃ samaye sukhaṃ vedanaṃ vedeti, na dukkhaṃ vedanaṃ vedeti; adukkhamasukhaṃyeva tasmiṃ samaye vedanaṃ vedeti.
๑๒๓. ‘‘สุขาปิ โข, อานนฺท, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมาฯ ทุกฺขาปิ โข, อานนฺท, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมาฯ อทุกฺขมสุขาปิ โข, อานนฺท, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมาฯ ตสฺส สุขํ เวทนํ เวทิยมานสฺส ‘เอโส เม อตฺตา’ติ โหติฯ ตสฺสาเยว สุขาย เวทนาย นิโรธา ‘พฺยคา 25 เม อตฺตา’ติ โหติฯ ทุกฺขํ เวทนํ เวทิยมานสฺส ‘เอโส เม อตฺตา’ติ โหติฯ ตสฺสาเยว ทุกฺขาย เวทนาย นิโรธา ‘พฺยคา เม อตฺตา’ติ โหติฯ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทิยมานสฺส ‘เอโส เม อตฺตา’ติ โหติฯ ตสฺสาเยว อทุกฺขมสุขาย เวทนาย นิโรธา ‘พฺยคา เม อตฺตา’ติ โหติฯ อิติ โส ทิเฎฺฐว ธเมฺม อนิจฺจสุขทุกฺขโวกิณฺณํ อุปฺปาทวยธมฺมํ อตฺตานํ สมนุปสฺสมาโน สมนุปสฺสติ, โย โส เอวมาห – ‘เวทนา เม อตฺตา’ติฯ ตสฺมาติหานนฺท, เอเตน เปตํ นกฺขมติ – ‘เวทนา เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสิตุํฯ
123. ‘‘Sukhāpi kho, ānanda, vedanā aniccā saṅkhatā paṭiccasamuppannā khayadhammā vayadhammā virāgadhammā nirodhadhammā. Dukkhāpi kho, ānanda, vedanā aniccā saṅkhatā paṭiccasamuppannā khayadhammā vayadhammā virāgadhammā nirodhadhammā. Adukkhamasukhāpi kho, ānanda, vedanā aniccā saṅkhatā paṭiccasamuppannā khayadhammā vayadhammā virāgadhammā nirodhadhammā. Tassa sukhaṃ vedanaṃ vediyamānassa ‘eso me attā’ti hoti. Tassāyeva sukhāya vedanāya nirodhā ‘byagā 26 me attā’ti hoti. Dukkhaṃ vedanaṃ vediyamānassa ‘eso me attā’ti hoti. Tassāyeva dukkhāya vedanāya nirodhā ‘byagā me attā’ti hoti. Adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vediyamānassa ‘eso me attā’ti hoti. Tassāyeva adukkhamasukhāya vedanāya nirodhā ‘byagā me attā’ti hoti. Iti so diṭṭheva dhamme aniccasukhadukkhavokiṇṇaṃ uppādavayadhammaṃ attānaṃ samanupassamāno samanupassati, yo so evamāha – ‘vedanā me attā’ti. Tasmātihānanda, etena petaṃ nakkhamati – ‘vedanā me attā’ti samanupassituṃ.
๑๒๔. ‘‘ตตฺรานนฺท , โย โส เอวมาห – ‘น เหว โข เม เวทนา อตฺตา, อปฺปฎิสํเวทโน เม อตฺตา’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘ยตฺถ ปนาวุโส, สพฺพโส เวทยิตํ นตฺถิ อปิ นุ โข, ตตฺถ ‘‘อยมหมสฺมี’’ติ สิยา’’’ติ ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเตน เปตํ นกฺขมติ – ‘น เหว โข เม เวทนา อตฺตา, อปฺปฎิสํเวทโน เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสิตุํฯ
124. ‘‘Tatrānanda , yo so evamāha – ‘na heva kho me vedanā attā, appaṭisaṃvedano me attā’ti, so evamassa vacanīyo – ‘yattha panāvuso, sabbaso vedayitaṃ natthi api nu kho, tattha ‘‘ayamahamasmī’’ti siyā’’’ti ? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, etena petaṃ nakkhamati – ‘na heva kho me vedanā attā, appaṭisaṃvedano me attā’ti samanupassituṃ.
๑๒๕. ‘‘ตตฺรานนฺท , โย โส เอวมาห – ‘น เหว โข เม เวทนา อตฺตา, โนปิ อปฺปฎิสํเวทโน เม อตฺตา, อตฺตา เม เวทิยติ, เวทนาธโมฺม หิ เม อตฺตา’ติฯ โส เอวมสฺส วจนีโย – เวทนา จ หิ, อาวุโส, สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อปริเสสา นิรุเชฺฌยฺยุํฯ สพฺพโส เวทนาย อสติ เวทนานิโรธา อปิ นุ โข ตตฺถ ‘อยมหมสฺมี’ติ สิยา’’ติ? ‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเตน เปตํ นกฺขมติ – ‘‘น เหว โข เม เวทนา อตฺตา, โนปิ อปฺปฎิสํเวทโน เม อตฺตา, อตฺตา เม เวทิยติ, เวทนาธโมฺม หิ เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสิตุํฯ
125. ‘‘Tatrānanda , yo so evamāha – ‘na heva kho me vedanā attā, nopi appaṭisaṃvedano me attā, attā me vediyati, vedanādhammo hi me attā’ti. So evamassa vacanīyo – vedanā ca hi, āvuso, sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ aparisesā nirujjheyyuṃ. Sabbaso vedanāya asati vedanānirodhā api nu kho tattha ‘ayamahamasmī’ti siyā’’ti? ‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, etena petaṃ nakkhamati – ‘‘na heva kho me vedanā attā, nopi appaṭisaṃvedano me attā, attā me vediyati, vedanādhammo hi me attā’ti samanupassituṃ.
๑๒๖. ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ เนว เวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ, โนปิ อปฺปฎิสํเวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ, โนปิ ‘อตฺตา เม เวทิยติ, เวทนาธโมฺม หิ เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติฯ โส เอวํ น สมนุปสฺสโนฺต น จ กิญฺจิ โลเก อุปาทิยติ, อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติ, อปริตสฺสํ 27 ปจฺจตฺตเญฺญว ปรินิพฺพายติ, ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติฯ เอวํ วิมุตฺตจิตฺตํ โข, อานนฺท, ภิกฺขุํ โย เอวํ วเทยฺย – ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติสฺส 28 ทิฎฺฐี’ติ, ตทกลฺลํฯ ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติสฺส ทิฎฺฐี’ติ, ตทกลฺลํฯ ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติสฺส ทิฎฺฐี’ติ, ตทกลฺลํฯ ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติสฺส ทิฎฺฐี’ติ, ตทกลฺลํฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยาวตา, อานนฺท, อธิวจนํ ยาวตา อธิวจนปโถ, ยาวตา นิรุตฺติ ยาวตา นิรุตฺติปโถ, ยาวตา ปญฺญตฺติ ยาวตา ปญฺญตฺติปโถ, ยาวตา ปญฺญา ยาวตา ปญฺญาวจรํ, ยาวตา วฎฺฎํ 29, ยาวตา วฎฺฎติ 30, ตทภิญฺญาวิมุโตฺต ภิกฺขุ, ตทภิญฺญาวิมุตฺตํ ภิกฺขุํ ‘น ชานาติ น ปสฺสติ อิติสฺส ทิฎฺฐี’ติ, ตทกลฺลํฯ
126. ‘‘Yato kho, ānanda, bhikkhu neva vedanaṃ attānaṃ samanupassati, nopi appaṭisaṃvedanaṃ attānaṃ samanupassati, nopi ‘attā me vediyati, vedanādhammo hi me attā’ti samanupassati. So evaṃ na samanupassanto na ca kiñci loke upādiyati, anupādiyaṃ na paritassati, aparitassaṃ 31 paccattaññeva parinibbāyati, ‘khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti pajānāti. Evaṃ vimuttacittaṃ kho, ānanda, bhikkhuṃ yo evaṃ vadeyya – ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā itissa 32 diṭṭhī’ti, tadakallaṃ. ‘Na hoti tathāgato paraṃ maraṇā itissa diṭṭhī’ti, tadakallaṃ. ‘Hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā itissa diṭṭhī’ti, tadakallaṃ. ‘Neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā itissa diṭṭhī’ti, tadakallaṃ. Taṃ kissa hetu? Yāvatā, ānanda, adhivacanaṃ yāvatā adhivacanapatho, yāvatā nirutti yāvatā niruttipatho, yāvatā paññatti yāvatā paññattipatho, yāvatā paññā yāvatā paññāvacaraṃ, yāvatā vaṭṭaṃ 33, yāvatā vaṭṭati 34, tadabhiññāvimutto bhikkhu, tadabhiññāvimuttaṃ bhikkhuṃ ‘na jānāti na passati itissa diṭṭhī’ti, tadakallaṃ.
สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติ
Satta viññāṇaṭṭhiti
๑๒๗. ‘‘สตฺต โข, อานนฺท 35, วิญฺญาณฎฺฐิติโย, เทฺว อายตนานิฯ กตมา สตฺต? สนฺตานนฺท, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา , เอกเจฺจ จ เทวา, เอกเจฺจ จ วินิปาติกาฯ อยํ ปฐมา วิญฺญาณฎฺฐิติฯ สนฺตานนฺท, สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกา ปฐมาภินิพฺพตฺตาฯ อยํ ทุติยา วิญฺญาณฎฺฐิติฯ สนฺตานนฺท, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสราฯ อยํ ตติยา วิญฺญาณฎฺฐิติฯ สนฺตานนฺท, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหาฯ อยํ จตุตฺถี วิญฺญาณฎฺฐิติฯ สนฺตานนฺท, สตฺตา สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนูปคาฯ อยํ ปญฺจมี วิญฺญาณฎฺฐิติ ฯ สนฺตานนฺท, สตฺตา สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนูปคาฯ อยํ ฉฎฺฐี วิญฺญาณฎฺฐิติฯ สนฺตานนฺท, สตฺตา สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนูปคาฯ อยํ สตฺตมี วิญฺญาณฎฺฐิติฯ อสญฺญสตฺตายตนํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนเมว ทุติยํฯ
127. ‘‘Satta kho, ānanda 36, viññāṇaṭṭhitiyo, dve āyatanāni. Katamā satta? Santānanda, sattā nānattakāyā nānattasaññino, seyyathāpi manussā , ekacce ca devā, ekacce ca vinipātikā. Ayaṃ paṭhamā viññāṇaṭṭhiti. Santānanda, sattā nānattakāyā ekattasaññino, seyyathāpi devā brahmakāyikā paṭhamābhinibbattā. Ayaṃ dutiyā viññāṇaṭṭhiti. Santānanda, sattā ekattakāyā nānattasaññino, seyyathāpi devā ābhassarā. Ayaṃ tatiyā viññāṇaṭṭhiti. Santānanda, sattā ekattakāyā ekattasaññino, seyyathāpi devā subhakiṇhā. Ayaṃ catutthī viññāṇaṭṭhiti. Santānanda, sattā sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanūpagā. Ayaṃ pañcamī viññāṇaṭṭhiti . Santānanda, sattā sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanūpagā. Ayaṃ chaṭṭhī viññāṇaṭṭhiti. Santānanda, sattā sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanūpagā. Ayaṃ sattamī viññāṇaṭṭhiti. Asaññasattāyatanaṃ nevasaññānāsaññāyatanameva dutiyaṃ.
๑๒๘. ‘‘ตตฺรานนฺท, ยายํ ปฐมา วิญฺญาณฎฺฐิติ นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา, เอกเจฺจ จ เทวา, เอกเจฺจ จ วินิปาติกาฯ โย นุ โข, อานนฺท, ตญฺจ ปชานาติ, ตสฺสา จ สมุทยํ ปชานาติ, ตสฺสา จ อตฺถงฺคมํ ปชานาติ, ตสฺสา จ อสฺสาทํ ปชานาติ, ตสฺสา จ อาทีนวํ ปชานาติ, ตสฺสา จ นิสฺสรณํ ปชานาติ, กลฺลํ นุ เตน ตทภินนฺทิตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’…เป.… ‘‘ตตฺรานนฺท, ยมิทํ อสญฺญสตฺตายตนํฯ โย นุ โข, อานนฺท, ตญฺจ ปชานาติ, ตสฺส จ สมุทยํ ปชานาติ, ตสฺส จ อตฺถงฺคมํ ปชานาติ, ตสฺส จ อสฺสาทํ ปชานาติ, ตสฺส จ อาทีนวํ ปชานาติ, ตสฺส จ นิสฺสรณํ ปชานาติ, กลฺลํ นุ เตน ตทภินนฺทิตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตตฺรานนฺท, ยมิทํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํฯ โย นุ โข, อานนฺท, ตญฺจ ปชานาติ, ตสฺส จ สมุทยํ ปชานาติ, ตสฺส จ อตฺถงฺคมํ ปชานาติ, ตสฺส จ อสฺสาทํ ปชานาติ, ตสฺส จ อาทีนวํ ปชานาติ, ตสฺส จ นิสฺสรณํ ปชานาติ, กลฺลํ นุ เตน ตทภินนฺทิตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิมาสญฺจ สตฺตนฺนํ วิญฺญาณฎฺฐิตีนํ อิเมสญฺจ ทฺวินฺนํ อายตนานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา อนุปาทา วิมุโตฺต โหติ, อยํ วุจฺจตานนฺท, ภิกฺขุ ปญฺญาวิมุโตฺตฯ
128. ‘‘Tatrānanda, yāyaṃ paṭhamā viññāṇaṭṭhiti nānattakāyā nānattasaññino, seyyathāpi manussā, ekacce ca devā, ekacce ca vinipātikā. Yo nu kho, ānanda, tañca pajānāti, tassā ca samudayaṃ pajānāti, tassā ca atthaṅgamaṃ pajānāti, tassā ca assādaṃ pajānāti, tassā ca ādīnavaṃ pajānāti, tassā ca nissaraṇaṃ pajānāti, kallaṃ nu tena tadabhinanditu’’nti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’…pe… ‘‘tatrānanda, yamidaṃ asaññasattāyatanaṃ. Yo nu kho, ānanda, tañca pajānāti, tassa ca samudayaṃ pajānāti, tassa ca atthaṅgamaṃ pajānāti, tassa ca assādaṃ pajānāti, tassa ca ādīnavaṃ pajānāti, tassa ca nissaraṇaṃ pajānāti, kallaṃ nu tena tadabhinanditu’’nti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tatrānanda, yamidaṃ nevasaññānāsaññāyatanaṃ. Yo nu kho, ānanda, tañca pajānāti, tassa ca samudayaṃ pajānāti, tassa ca atthaṅgamaṃ pajānāti, tassa ca assādaṃ pajānāti, tassa ca ādīnavaṃ pajānāti, tassa ca nissaraṇaṃ pajānāti, kallaṃ nu tena tadabhinanditu’’nti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. Yato kho, ānanda, bhikkhu imāsañca sattannaṃ viññāṇaṭṭhitīnaṃ imesañca dvinnaṃ āyatanānaṃ samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ viditvā anupādā vimutto hoti, ayaṃ vuccatānanda, bhikkhu paññāvimutto.
อฎฺฐ วิโมกฺขา
Aṭṭha vimokkhā
๑๒๙. ‘‘อฎฺฐ โข อิเม, อานนฺท, วิโมกฺขาฯ กตเม อฎฺฐ? รูปี รูปานิ ปสฺสติ อยํ ปฐโม วิโมโกฺขฯ อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ, อยํ ทุติโย วิโมโกฺขฯ สุภเนฺตว อธิมุโตฺต โหติ, อยํ ตติโย วิโมโกฺขฯ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ จตุโตฺถ วิโมโกฺขฯ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ปญฺจโม วิโมโกฺขฯ สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ฉโฎฺฐ วิโมโกฺขฯ สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม ‘เนวสญฺญานาสญฺญา’ยตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ สตฺตโม วิโมโกฺขฯ สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ อฎฺฐโม วิโมโกฺขฯ อิเม โข, อานนฺท, อฎฺฐ วิโมกฺขาฯ
129. ‘‘Aṭṭha kho ime, ānanda, vimokkhā. Katame aṭṭha? Rūpī rūpāni passati ayaṃ paṭhamo vimokkho. Ajjhattaṃ arūpasaññī bahiddhā rūpāni passati, ayaṃ dutiyo vimokkho. Subhanteva adhimutto hoti, ayaṃ tatiyo vimokkho. Sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati, ayaṃ catuttho vimokkho. Sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati, ayaṃ pañcamo vimokkho. Sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja viharati, ayaṃ chaṭṭho vimokkho. Sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma ‘nevasaññānāsaññā’yatanaṃ upasampajja viharati, ayaṃ sattamo vimokkho. Sabbaso nevasaññānāsaññāyatanaṃ samatikkamma saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharati, ayaṃ aṭṭhamo vimokkho. Ime kho, ānanda, aṭṭha vimokkhā.
๑๓๐. ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิเม อฎฺฐ วิโมเกฺข อนุโลมมฺปิ สมาปชฺชติ, ปฎิโลมมฺปิ สมาปชฺชติ, อนุโลมปฎิโลมมฺปิ สมาปชฺชติ, ยตฺถิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ ยาวติจฺฉกํ สมาปชฺชติปิ วุฎฺฐาติปิฯ อาสวานญฺจ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ วุจฺจตานนฺท, ภิกฺขุ อุภโตภาควิมุโตฺตฯ อิมาย จ อานนฺท อุภโตภาควิมุตฺติยา อญฺญา อุภโตภาควิมุตฺติ อุตฺตริตรา วา ปณีตตรา วา นตฺถี’’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
130. ‘‘Yato kho, ānanda, bhikkhu ime aṭṭha vimokkhe anulomampi samāpajjati, paṭilomampi samāpajjati, anulomapaṭilomampi samāpajjati, yatthicchakaṃ yadicchakaṃ yāvaticchakaṃ samāpajjatipi vuṭṭhātipi. Āsavānañca khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati, ayaṃ vuccatānanda, bhikkhu ubhatobhāgavimutto. Imāya ca ānanda ubhatobhāgavimuttiyā aññā ubhatobhāgavimutti uttaritarā vā paṇītatarā vā natthī’’ti. Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā ānando bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.
มหานิทานสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ
Mahānidānasuttaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๒. มหานิทานสุตฺตวณฺณนา • 2. Mahānidānasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๒. มหานิทานสุตฺตวณฺณนา • 2. Mahānidānasuttavaṇṇanā