Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) |
๒. มหานิทานสุตฺตวณฺณนา
2. Mahānidānasuttavaṇṇanā
นิทานวณฺณนา
Nidānavaṇṇanā
๙๕. ชนปทิโนติ ชนปทวโนฺต, ชนปทสฺส วา อิสฺสรสามิโน ราชกุมารา โคตฺตวเสน กุรู นามฯ เตสํ นิวาโส ยทิ เอโก ชนปโท, กถํ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘รุฬฺหิสเทฺทนา’’ติฯ อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ ฐาเนสุ ยุเตฺต วิย อีทิสลิงฺควจนานิ อิจฺฉนฺติฯ อยเมตฺถ รุฬฺหิ ยถา อญฺญตฺถาปิ ‘‘อเงฺคสุ วิหรติ, มเลฺลสุ วิหรตี’’ติ จฯ ตพฺพิเสสเนปิ ชนปทสเทฺท ชาติสเทฺท เอกวจนเมวฯ อฎฺฐกถาจริยา ปนาติ ปน-สโทฺท วิเสสตฺถโชตโน, เตน ‘‘ปุถุอตฺถวิสยตาย เอเวตํ ปุถุวจน’’นฺติ ‘‘พหุเก ปนา’’ติอาทินา วกฺขมานํ วิเสสํ โชเตติฯ สุตฺวาติ มนฺธาตุมหาราชสฺส อานุภาวทสฺสนานุสาเรน ปรมฺปรานุคตํ กถํ สุตฺวาฯ อนุสํยายเนฺตนาติ อนุวิจรเนฺตนฯ เอเตสํ ฐานนฺติ จนฺทิมสูริยมุเขน จาตุมหาราชิกภวนมาหฯ เตนาห ‘‘ตตฺถ อคมาสี’’ติอาทิฯ โสติ มนฺธาตุมหาราชาฯ ตนฺติ จาตุมหาราชิกรชฺชํฯ คเหตฺวาติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวาฯ ปุน ปุจฺฉิ ปริณายกรตนํฯ
95.Janapadinoti janapadavanto, janapadassa vā issarasāmino rājakumārā gottavasena kurū nāma. Tesaṃ nivāso yadi eko janapado, kathaṃ bahuvacananti āha ‘‘ruḷhisaddenā’’ti. Akkharacintakā hi īdisesu ṭhānesu yutte viya īdisaliṅgavacanāni icchanti. Ayamettha ruḷhi yathā aññatthāpi ‘‘aṅgesu viharati, mallesu viharatī’’ti ca. Tabbisesanepi janapadasadde jātisadde ekavacanameva. Aṭṭhakathācariyā panāti pana-saddo visesatthajotano, tena ‘‘puthuatthavisayatāya evetaṃ puthuvacana’’nti ‘‘bahuke panā’’tiādinā vakkhamānaṃ visesaṃ joteti. Sutvāti mandhātumahārājassa ānubhāvadassanānusārena paramparānugataṃ kathaṃ sutvā. Anusaṃyāyantenāti anuvicarantena. Etesaṃ ṭhānanti candimasūriyamukhena cātumahārājikabhavanamāha. Tenāha ‘‘tattha agamāsī’’tiādi. Soti mandhātumahārājā. Tanti cātumahārājikarajjaṃ. Gahetvāti sampaṭicchitvā. Puna pucchi pariṇāyakaratanaṃ.
โทวาริกภูมิยํ ติฎฺฐนฺติ สุธมฺมาย เทวสภาย, เทวปุรสฺส จ จตูสุ ทฺวาเรสุ อารกฺขาย อธิคตตฺตาฯ ‘‘ทิพฺพรุกฺขสหสฺสปฎิมณฺฑิต’’นฺติ อิทํ ‘‘จิตฺตลตาวน’’นฺติอาทีสุปิ โยเชตพฺพํฯ
Dovārikabhūmiyaṃ tiṭṭhanti sudhammāya devasabhāya, devapurassa ca catūsu dvāresu ārakkhāya adhigatattā. ‘‘Dibbarukkhasahassapaṭimaṇḍita’’nti idaṃ ‘‘cittalatāvana’’ntiādīsupi yojetabbaṃ.
ปถวิยํ ปติฎฺฐาสีติ ภสฺสิตฺวา ปถวิยา อาสนฺนฎฺฐาเน อฎฺฐาสิฯ น หิ จกฺกรตนํ ภูมิยํ ปตติ, ตถาฐิตญฺจ นจิรเสฺสว อนฺตรธายิ เตนตฺตภาเวน จกฺกวตฺติอิสฺสริยสฺส อภาวโตฯ ‘‘จิรตรํ กาลํ ฐตฺวา’’ติ อปเรฯ ราชา เอกโกว อคมาสิ อตฺตโน อานุภาเวนฯ มนุสฺสภาโวติ มนุสฺสคนฺธสรีรนิสฺสนฺทาทิมนุสฺสภาโวฯ ปาตุรโหสีติ เทวโลเก ปวตฺติวิปากทายิโน อปราปริยาย เวทนียสฺส กมฺมสฺส กโตกาสตฺตา สพฺพทา โสฬสวสฺสุเทฺทสิกตา มาลามิลายนาทิ ทิพฺพภาโว ปาตุรโหสิฯ ตทา มนุสฺสานํ อสเงฺขยฺยายุกตาย สกฺกรชฺชํ กาเรตฺวาฯ ‘‘กิํ เม อิมินา อุปทฺธรเชฺชนา’’ติ อตฺริจฺฉตาย อติโตฺตวฯ มนุสฺสโลเก อุตุโน กกฺขฬตาย วาตาตเปน ผุฎฺฐคโตฺต กาลมกาสิฯ
Pathaviyaṃ patiṭṭhāsīti bhassitvā pathaviyā āsannaṭṭhāne aṭṭhāsi. Na hi cakkaratanaṃ bhūmiyaṃ patati, tathāṭhitañca nacirasseva antaradhāyi tenattabhāvena cakkavattiissariyassa abhāvato. ‘‘Cirataraṃ kālaṃ ṭhatvā’’ti apare. Rājā ekakova agamāsi attano ānubhāvena. Manussabhāvoti manussagandhasarīranissandādimanussabhāvo. Pāturahosīti devaloke pavattivipākadāyino aparāpariyāya vedanīyassa kammassa katokāsattā sabbadā soḷasavassuddesikatā mālāmilāyanādi dibbabhāvo pāturahosi. Tadā manussānaṃ asaṅkheyyāyukatāya sakkarajjaṃ kāretvā. ‘‘Kiṃ me iminā upaddharajjenā’’ti atricchatāya atittova. Manussaloke utuno kakkhaḷatāya vātātapena phuṭṭhagatto kālamakāsi.
อวยเวสุ สิโทฺธ วิเสโส สมุทายสฺส วิเสสโก โหตีติ เอกมฺปิ รฎฺฐํ พหุวจเนน โวหริยติฯ
Avayavesu siddho viseso samudāyassa visesako hotīti ekampi raṭṭhaṃ bahuvacanena vohariyati.
ท-กาเรน อตฺถํ วณฺณยนฺติ นิรุตฺตินเยนฯ กมฺมาโสติ กมฺมาสปาโท วุจฺจติ อุตฺตรปทโลเปน ยถา ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติฯ กถํ ปน โส ‘‘กมฺมาสปาโท’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิฯ ทมิโตติ เอตฺถ กีทิสํ ทมนํ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘โปริสาทภาวโต ปฎิเสธิโต’’ติฯ ‘‘อิเม ปน เถราติ มชฺฌิมภาณกา’’ติ เกจิฯ อปเร ปน ‘‘อฎฺฐกถาจริยา’’ติ, ‘‘ทีฆภาณกา’’ติ วทนฺติฯ อุภยถาปิ จูฬกมฺมาสทมฺมํ สนฺธาย ตถา วทนฺติฯ ยกฺขินิปุโตฺต หิ กมฺมาสปาโท อลีนสตฺตุกุมารกาเล (จริยา. ๒.๗๕) โพธิสเตฺตน ตตฺถ ทมิโตฯ สุตโสมกาเล (ชา. ๒.๒๑.๓๗๑) ปน พาราณสิราชา โปริสาทภาวปฎิเสธเนน ยตฺถ ทมิโต, ตํ มหากมฺมาสทมฺมํ นามฯ ‘‘ปุโตฺต’’ติ วตฺวา ‘‘อตฺรโช’’ติ วจนํ โอรสปุตฺตภาวทสฺสนตฺถํฯ
Da-kārena atthaṃ vaṇṇayanti niruttinayena. Kammāsoti kammāsapādo vuccati uttarapadalopena yathā ‘‘rūpabhavo rūpa’’nti. Kathaṃ pana so ‘‘kammāsapādo’’ti vuccatīti āha ‘‘tassa kirā’’tiādi. Damitoti ettha kīdisaṃ damanaṃ adhippetanti āha ‘‘porisādabhāvato paṭisedhito’’ti. ‘‘Ime pana therāti majjhimabhāṇakā’’ti keci. Apare pana ‘‘aṭṭhakathācariyā’’ti, ‘‘dīghabhāṇakā’’ti vadanti. Ubhayathāpi cūḷakammāsadammaṃ sandhāya tathā vadanti. Yakkhiniputto hi kammāsapādo alīnasattukumārakāle (cariyā. 2.75) bodhisattena tattha damito. Sutasomakāle (jā. 2.21.371) pana bārāṇasirājā porisādabhāvapaṭisedhanena yattha damito, taṃ mahākammāsadammaṃ nāma. ‘‘Putto’’ti vatvā ‘‘atrajo’’ti vacanaṃ orasaputtabhāvadassanatthaṃ.
เยหิ อาวสิตปฺปเทโส ‘‘กุรุรฎฺฐ’’นฺติ นามํ ลภิ, เต อุตฺตรกุรุโต อาคตมนุสฺสา ตตฺถ รกฺขิตนิยาเมเนว ปญฺจ สีลานิ รกฺขิํสุฯ เตสํ ทิฎฺฐานุคติยา ปจฺฉิมชนตาติ โส เทสธมฺมวเสน อวิเจฺฉทโต ปวตฺตมาโน กุรุวตฺตธโมฺมติ ปญฺญายิตฺถฯ อยญฺจ อโตฺถ กุรุธมฺมชาตเกน ทีเปตโพฺพฯ โส อปรภาเค ปฐมํ ยตฺถ สํกิลิโฎฺฐ ชาโต, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘กุรุรฎฺฐวาสีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ยตฺถ ภควโต วสโนกาสภูโต โกจิ วิหาโร น โหติ, ตตฺถ เกวลํ โคจรคามกิตฺตนํ นิทานกถาย ปกติ ยถา ตํ สเกฺกสุ วิหรติ เทวทหํ นาม สกฺยานํ นิคโมติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อวสโนกาสโต’’ติอาทิมาหฯ
Yehi āvasitappadeso ‘‘kururaṭṭha’’nti nāmaṃ labhi, te uttarakuruto āgatamanussā tattha rakkhitaniyāmeneva pañca sīlāni rakkhiṃsu. Tesaṃ diṭṭhānugatiyā pacchimajanatāti so desadhammavasena avicchedato pavattamāno kuruvattadhammoti paññāyittha. Ayañca attho kurudhammajātakena dīpetabbo. So aparabhāge paṭhamaṃ yattha saṃkiliṭṭho jāto, taṃ dassetuṃ ‘‘kururaṭṭhavāsīna’’ntiādi vuttaṃ. Yattha bhagavato vasanokāsabhūto koci vihāro na hoti, tattha kevalaṃ gocaragāmakittanaṃ nidānakathāya pakati yathā taṃ sakkesu viharati devadahaṃ nāma sakyānaṃ nigamoti imamatthaṃ dassento ‘‘avasanokāsato’’tiādimāha.
‘‘อายสฺมา’’ติ วา ‘‘เทวานํ ปิยา’’ติ วา ‘‘ตตฺร ภว’’นฺติ วา ปิยสมุทาหาโร เอโสติ อาห ‘‘อายสฺมาติ ปิยวจนเมต’’นฺติฯ ตยิทํ ปิยวจนํ ครุคารววเสน วุจฺจตีติ อาห ‘‘คารววจนเมต’’นฺติฯ
‘‘Āyasmā’’ti vā ‘‘devānaṃ piyā’’ti vā ‘‘tatra bhava’’nti vā piyasamudāhāro esoti āha ‘‘āyasmāti piyavacanameta’’nti. Tayidaṃ piyavacanaṃ garugāravavasena vuccatīti āha ‘‘gāravavacanameta’’nti.
อติทูรอจฺจาสนฺนวชฺชเนน นาติทูรนาจฺจาสนฺนํ นาม คหิตํ, ตํ ปน อวกํสโต อุภินฺนํ ปสาริตหตฺถานํ สงฺฆฎฺฎเนน เวทิตพฺพํฯ จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฎฺฐพฺพํ โหติ, เตนาปิ อคารวเมว กตํ โหติฯ คีวํ ปริวเตฺตตฺวาติ ปริวตฺตนวเสน คีวํ ปสาเรตฺวาฯ
Atidūraaccāsannavajjanena nātidūranāccāsannaṃ nāma gahitaṃ, taṃ pana avakaṃsato ubhinnaṃ pasāritahatthānaṃ saṅghaṭṭanena veditabbaṃ. Cakkhunā cakkhuṃ āhacca daṭṭhabbaṃ hoti, tenāpi agāravameva kataṃ hoti. Gīvaṃ parivattetvāti parivattanavasena gīvaṃ pasāretvā.
กุลสงฺคหตฺถายาติ กุลานุทฺทยตาวเสน กุลานํ อนุคฺคณฺหนตฺถาย สหสฺสภณฺฑิกํ นิกฺขิปโนฺต วิย ภิกฺขปฎิคฺคณฺหเนน เตสํ มหโต ปุญฺญาภิสนฺทสฺส ชนเนนฯ ปฎิสมฺมชฺชิตฺวาติ อเนฺตวาสิเกหิ สมฺมชฺชนฎฺฐานํ สกฺกจฺจการิตาย ปุน สมฺมชฺชิตฺวาฯ ติกฺขตฺตุนฺติ ‘‘อาทิโต ปฎฺฐาย อนฺต’’นฺติอาทินา วุตฺตจตุราการูปสญฺหิเต ตโย วาเร, เตนสฺส ทฺวาทสกฺขตฺตุํ สมฺมสิตภาวมาหฯ
Kulasaṅgahatthāyāti kulānuddayatāvasena kulānaṃ anuggaṇhanatthāya sahassabhaṇḍikaṃ nikkhipanto viya bhikkhapaṭiggaṇhanena tesaṃ mahato puññābhisandassa jananena. Paṭisammajjitvāti antevāsikehi sammajjanaṭṭhānaṃ sakkaccakāritāya puna sammajjitvā. Tikkhattunti ‘‘ādito paṭṭhāya anta’’ntiādinā vuttacaturākārūpasañhite tayo vāre, tenassa dvādasakkhattuṃ sammasitabhāvamāha.
อมฺหากํ ภควโต คมฺภีรภาเวเนว กถิตตฺตา เสสพุเทฺธหิปิ เอวเมว กถิโตติ ธมฺมนฺวเย ฐตฺวา วุตฺตํ ‘‘สพฺพพุเทฺธหิ…เป.… กถิโต’’ติฯ สาลินฺทนฺติ สปริภณฺฑํฯ ‘‘สิเนรุํ อุกฺขิปโนฺต วิยา’’ติ อิมินา ตาทิสาย เทสนาย สุทุกฺกรภาวมาหฯ สุตฺตเมว ‘‘สุตฺตนฺตกถ’’นฺติ อาห ธมฺมกฺขนฺธภาวโตฯ ยถา วินยปณฺณตฺติภูมนฺตรสมยนฺตรานํ วิชานนํ อนญฺญสาธารณํ สพฺพญฺญุตญาณเสฺสว วิสโย, เอวํ อนฺตทฺวยวินิมุตฺตสฺส การกเวทกรหิตสฺส ปจฺจยาการสฺส วิภชนํ ปีติ ทเสฺสตุํ ‘‘พุทฺธานญฺหี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ฐานานีติ การณานิฯ คชฺชิตํ มหนฺตํ โหตีติ ตํ เทเสตพฺพเสฺสว อเนกวิธตาย, ทุวิเญฺญยฺยตาย จ นานานเยหิ ปวตฺตมานํ เทสนาคชฺชิตํ มหนฺตํ วิปุลํ, พหุเภทญฺจ โหติฯ ญาณํ อนุปวิสตีติ ตโต เอว เทสนาญาณํ เทเสตพฺพธเมฺม วิภาคโส กุรุมานํ อนุ อนุ ปวิสติ, เตน อนุปวิสฺส ฐิตํ วิย โหตีติ อโตฺถฯ พุทฺธญาณสฺส มหนฺตภาโว ปญฺญายตีติ เอวํวิธสฺส นาม ธมฺมสฺส เทสกํ, ปฎิเวธกญฺจาติ พุทฺธานํ เทสนาญาณสฺส, ปฎิเวธญาณสฺส จ อุฬารภาโว ปากโฎ โหติฯ เอตฺถ จ กิญฺจาปิ ‘‘สพฺพํ วจีกมฺมํ พุทฺธสฺส ภควโต ญาณปุพฺพงฺคมํ ญาณานุปริวตฺต’’นฺติ (มหานิ. ๖๙, ๑๖๙; จูฬนิ. ๘๕; ปฎิ. ม. ๓.๕; เนตฺติ. ๑๔) วจนโต สพฺพาปิ ภควโต เทสนา ญาณรหิตา นตฺถิ, สีหสมานวุตฺติตาย สพฺพตฺถ สมานปฺปวตฺติฯ เทเสตพฺพวเสน ปน เทสนา วิเสสโต ญาเณน อนุปวิฎฺฐา, คมฺภีรตรา จ โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ กถํ ปน วินยปญฺญตฺติํ ปตฺวา เทสนา ติลกฺขณพฺภาหตา สุญฺญตปฎิสํยุตฺตา โหตีติ? ตตฺถาปิ สนฺนิสินฺนปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ ปวตฺตมานา เทสนา สงฺขารานํ อนิจฺจตาทิวิภาวนํ, สพฺพธมฺมานํ อตฺตตฺตนิยตาภาวปฺปกาสนญฺจ โหติฯ เตเนวาห ‘‘อเนกปริยาเยน ธมฺมิํ กถํ กตฺวา’’ติอาทิฯ
Amhākaṃ bhagavato gambhīrabhāveneva kathitattā sesabuddhehipi evameva kathitoti dhammanvaye ṭhatvā vuttaṃ ‘‘sabbabuddhehi…pe… kathito’’ti. Sālindanti saparibhaṇḍaṃ. ‘‘Sineruṃ ukkhipantoviyā’’ti iminā tādisāya desanāya sudukkarabhāvamāha. Suttameva ‘‘suttantakatha’’nti āha dhammakkhandhabhāvato. Yathā vinayapaṇṇattibhūmantarasamayantarānaṃ vijānanaṃ anaññasādhāraṇaṃ sabbaññutañāṇasseva visayo, evaṃ antadvayavinimuttassa kārakavedakarahitassa paccayākārassa vibhajanaṃ pīti dassetuṃ ‘‘buddhānañhī’’tiādi āraddhaṃ. Tattha ṭhānānīti kāraṇāni. Gajjitaṃ mahantaṃ hotīti taṃ desetabbasseva anekavidhatāya, duviññeyyatāya ca nānānayehi pavattamānaṃ desanāgajjitaṃ mahantaṃ vipulaṃ, bahubhedañca hoti. Ñāṇaṃ anupavisatīti tato eva desanāñāṇaṃ desetabbadhamme vibhāgaso kurumānaṃ anu anu pavisati, tena anupavissa ṭhitaṃ viya hotīti attho. Buddhañāṇassa mahantabhāvo paññāyatīti evaṃvidhassa nāma dhammassa desakaṃ, paṭivedhakañcāti buddhānaṃ desanāñāṇassa, paṭivedhañāṇassa ca uḷārabhāvo pākaṭo hoti. Ettha ca kiñcāpi ‘‘sabbaṃ vacīkammaṃ buddhassa bhagavato ñāṇapubbaṅgamaṃ ñāṇānuparivatta’’nti (mahāni. 69, 169; cūḷani. 85; paṭi. ma. 3.5; netti. 14) vacanato sabbāpi bhagavato desanā ñāṇarahitā natthi, sīhasamānavuttitāya sabbattha samānappavatti. Desetabbavasena pana desanā visesato ñāṇena anupaviṭṭhā, gambhīratarā ca hotīti daṭṭhabbaṃ. Kathaṃ pana vinayapaññattiṃ patvā desanā tilakkhaṇabbhāhatā suññatapaṭisaṃyuttā hotīti? Tatthāpi sannisinnaparisāya ajjhāsayānurūpaṃ pavattamānā desanā saṅkhārānaṃ aniccatādivibhāvanaṃ, sabbadhammānaṃ attattaniyatābhāvappakāsanañca hoti. Tenevāha ‘‘anekapariyāyena dhammiṃ kathaṃ katvā’’tiādi.
อาปชฺชาติ ปตฺวา ยถา ญาณโกญฺจนาทํ วิสฺสเชฺชติ, เอวํ ปาปุณิตฺวาฯ
Āpajjāti patvā yathā ñāṇakoñcanādaṃ vissajjeti, evaṃ pāpuṇitvā.
ปมาณาติกฺกเมติ อปริมาณเตฺถ ‘‘ยาวญฺจิทํ เตน ภควตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔) วิยฯ อปริเมยฺยภาวโชตโน หิ อยํ ยาว-สโทฺทฯ เตนาห ‘‘อติคมฺภีโร อโตฺถ’’ติฯ อวภาสตีติ ญายติ อุปฎฺฐาติฯ ญาณสฺส ตถา อุปฎฺฐานญฺหิ สนฺธาย ‘‘ทิสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ นนุ เอส ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เอกนฺตคมฺภีโรว, ตตฺถ กสฺมา คมฺภีราวภาสตา โชติตาติ? สจฺจเมตํ, เอกนฺตคมฺภีรตาทสฺสนตฺถเมว ปนสฺส คมฺภีราวภาสคฺคหณํฯ ตสฺมา อญฺญตฺถ ลพฺภมานํ จตุโกฎิกํ พฺยติเรกมุเขน นิทเสฺสตฺวา ตํ เอวสฺส เอกนฺตคมฺภีรตํ วิภาเวตุํ ‘‘เอกญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอตํ นตฺถีติ อคมฺภีโร, อคมฺภีราวภาโส จาติ เอตํ ทฺวยํ นตฺถิ, เตน ยถาทสฺสิเต จตุโกฎิเก ปจฺฉิมา เอก โกฎิ ลพฺภตีติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘อยญฺหี’’ติอาทิฯ
Pamāṇātikkameti aparimāṇatthe ‘‘yāvañcidaṃ tena bhagavatā’’tiādīsu (dī. ni. 1.4) viya. Aparimeyyabhāvajotano hi ayaṃ yāva-saddo. Tenāha ‘‘atigambhīro attho’’ti. Avabhāsatīti ñāyati upaṭṭhāti. Ñāṇassa tathā upaṭṭhānañhi sandhāya ‘‘dissatī’’ti vuttaṃ. Nanu esa paṭiccasamuppādo ekantagambhīrova, tattha kasmā gambhīrāvabhāsatā jotitāti? Saccametaṃ, ekantagambhīratādassanatthameva panassa gambhīrāvabhāsaggahaṇaṃ. Tasmā aññattha labbhamānaṃ catukoṭikaṃ byatirekamukhena nidassetvā taṃ evassa ekantagambhīrataṃ vibhāvetuṃ ‘‘ekañhī’’tiādi vuttaṃ. Etaṃ natthīti agambhīro, agambhīrāvabhāso cāti etaṃ dvayaṃ natthi, tena yathādassite catukoṭike pacchimā eka koṭi labbhatīti dasseti. Tenāha ‘‘ayañhī’’tiādi.
เยหิ คมฺภีรภาเวหิ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท ‘‘คมฺภีโร’’ติ วุจฺจติ, เต จตูหิ อุปมาหิ อุลฺลิเงฺคโนฺต ‘‘ภวคฺคคฺคหณายา’’ติอาทิมาหฯ ยถา ภวคฺคํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา คเหตุํ น สกฺกา ทูรภาวโต, เอวํ สงฺขาราทีนํ อวิชฺชาทิปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตโฎฺฐ ปากติกญาเณน คเหตุํ น สกฺกาฯ ยถา สิเนรุํ ภินฺทิตฺวา มิญฺชํ ปพฺพตรสํ ปากติกปุริเสน นีหริตุํ น สกฺกา, เอวํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทคเต ธมฺมตฺถาทิเก ปากติกญาเณน ภินฺทิตฺวา วิภชฺช ปฎิวิชฺฌนวเสน ชานิตุํ น สกฺกาฯ ยถา มหาสมุทฺทํ ปากติกปุริสสฺส พาหุทฺวเยน ปธาริตุํ น สกฺกา, เอวํ เวปุลฺลเฎฺฐน มหาสมุทฺทสทิสํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ ปากติกญาเณน เทสนาวเสน ปธาริตุํ น สกฺกาฯ ยถา มหาปถวิํ ปริวเตฺตตฺวา ปากติกปุริสสฺส ปถโวชํ คเหตุํ น สกฺกา, เอวํ ‘‘อิตฺถํ อวิชฺชาทโย สงฺขาราทีนํ ปจฺจยา โหนฺตี’’ติ เตสํ ปจฺจยภาโว ปากติกญาเณน นีหริตฺวา คเหตุํ น สกฺกาติฯ เอวํ จตุพฺพิธคมฺภีรตาวเสน จตโสฺส อุปมา โยเชตพฺพาฯ ปากติกญาณวเสน จายมตฺถโยชนา กตา ทิฎฺฐสจฺจานํ ตตฺถ ปฎิเวธสภาวโต, ตถาปิ ยสฺมา สาวกานํ, ปเจฺจกพุทฺธานญฺจ ตตฺถ สปฺปเทสเมว ญาณํ, พุทฺธานํเยว นิปฺปเทสํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘พุทฺธวิสยํ ปญฺห’’นฺติอาทิฯ
Yehi gambhīrabhāvehi paṭiccasamuppādo ‘‘gambhīro’’ti vuccati, te catūhi upamāhi ulliṅgento ‘‘bhavaggaggahaṇāyā’’tiādimāha. Yathā bhavaggaṃ hatthaṃ pasāretvā gahetuṃ na sakkā dūrabhāvato, evaṃ saṅkhārādīnaṃ avijjādipaccayasambhūtasamudāgataṭṭho pākatikañāṇena gahetuṃ na sakkā. Yathā sineruṃ bhinditvā miñjaṃ pabbatarasaṃ pākatikapurisena nīharituṃ na sakkā, evaṃ paṭiccasamuppādagate dhammatthādike pākatikañāṇena bhinditvā vibhajja paṭivijjhanavasena jānituṃ na sakkā. Yathā mahāsamuddaṃ pākatikapurisassa bāhudvayena padhārituṃ na sakkā, evaṃ vepullaṭṭhena mahāsamuddasadisaṃ paṭiccasamuppādaṃ pākatikañāṇena desanāvasena padhārituṃ na sakkā. Yathā mahāpathaviṃ parivattetvā pākatikapurisassa pathavojaṃ gahetuṃ na sakkā, evaṃ ‘‘itthaṃ avijjādayo saṅkhārādīnaṃ paccayā hontī’’ti tesaṃ paccayabhāvo pākatikañāṇena nīharitvā gahetuṃ na sakkāti. Evaṃ catubbidhagambhīratāvasena catasso upamā yojetabbā. Pākatikañāṇavasena cāyamatthayojanā katā diṭṭhasaccānaṃ tattha paṭivedhasabhāvato, tathāpi yasmā sāvakānaṃ, paccekabuddhānañca tattha sappadesameva ñāṇaṃ, buddhānaṃyeva nippadesaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘buddhavisayaṃ pañha’’ntiādi.
อุสฺสาเทโนฺตติ ปญฺญาย อุกฺกํเสโนฺต, อุคฺคณฺหโนฺตติ อโตฺถฯ อปสาเทโนฺตติ นิพฺภจฺฉโนฺต, นิคฺคณฺหโนฺตติ อโตฺถฯ
Ussādentoti paññāya ukkaṃsento, uggaṇhantoti attho. Apasādentoti nibbhacchanto, niggaṇhantoti attho.
อุสฺสาทนาวณฺณนา
Ussādanāvaṇṇanā
เตนาติ มหาปญฺญาภาเวนฯ ตตฺถาติ เถรสฺส สติปิ อุตฺตานภาเว, ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺสอเญฺญสํ คมฺภีรภาเวฯ สุโภชนรสปุฎฺฐสฺสาติ สุนฺทเรน โภชนรเสน โปสิตสฺสฯ กตโยคสฺสาติ นิพทฺธปโยเคน กตปริจยสฺสฯ มลฺลปาสาณนฺติ มเลฺลหิ มหพฺพเลเหว อุกฺขิปิตพฺพปาสาณํฯ กุหิํ อิมสฺส ภาริยฎฺฐานนฺติ กสฺมิํ ปเสฺส อิมสฺส ปาสาณสฺส ครุตรปฺปเทโสติ ตสฺส สลฺลหุกภาวํ ทีเปโนฺต วทติฯ
Tenāti mahāpaññābhāvena. Tatthāti therassa satipi uttānabhāve, paṭiccasamuppādassaaññesaṃ gambhīrabhāve. Subhojanarasapuṭṭhassāti sundarena bhojanarasena positassa. Katayogassāti nibaddhapayogena kataparicayassa. Mallapāsāṇanti mallehi mahabbaleheva ukkhipitabbapāsāṇaṃ. Kuhiṃ imassa bhāriyaṭṭhānanti kasmiṃ passe imassa pāsāṇassa garutarappadesoti tassa sallahukabhāvaṃ dīpento vadati.
ติมิรปิงฺคเลเนว ทีเปนฺติ ตสฺส มหาวิปฺผารภาวโตฯ เตนาห ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิฯ ปกฺกุถตีติ ปกฺกุถนฺตํ วิย ปริวตฺตติ ปริโต วิวตฺตติฯ ลกฺขณวจนเญฺหตํฯ ปิฎฺฐิยํ สกลินปทกาปิฎฺฐํฯ กายูปปนฺนสฺสาติ มหตา กาเยน อุเปตสฺส, มหากายสฺสาติ อโตฺถฯ
Timirapiṅgaleneva dīpenti tassa mahāvipphārabhāvato. Tenāha ‘‘tassa kirā’’tiādi. Pakkuthatīti pakkuthantaṃ viya parivattati parito vivattati. Lakkhaṇavacanañhetaṃ. Piṭṭhiyaṃ sakalinapadakāpiṭṭhaṃ. Kāyūpapannassāti mahatā kāyena upetassa, mahākāyassāti attho.
ปิญฺฉวฎฺฎีติ ปิญฺฉกลาโปฯ สุปณฺณวาตนฺติ นาคคฺคหณาทีสุ ปกฺขปโปฺผฎนวเสน อุปฺปชฺชนกวาตํฯ
Piñchavaṭṭīti piñchakalāpo. Supaṇṇavātanti nāgaggahaṇādīsu pakkhapapphoṭanavasena uppajjanakavātaṃ.
ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติกถาวณฺณนา
Pubbūpanissayasampattikathāvaṇṇanā
‘‘ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา’’ติอาทินา อุทฺทิฎฺฐการณานิ วิตฺถารโต วิวริตุํ ‘‘อิโต กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิโตติ อิโต กปฺปโต ฯ สตสหสฺสิเมติ สตสหสฺสเมฯ หํสาวตี นาม นครํ อโหสิ ชาตนครํฯ ธุรปตฺตานีติ พาหิรปตฺตานิ, ยานิ ทีฆตมานิฯ
‘‘Pubbūpanissayasampattiyā’’tiādinā uddiṭṭhakāraṇāni vitthārato vivarituṃ ‘‘ito kirā’’tiādi vuttaṃ. Tattha itoti ito kappato . Satasahassimeti satasahassame. Haṃsāvatī nāma nagaraṃ ahosi jātanagaraṃ. Dhurapattānīti bāhirapattāni, yāni dīghatamāni.
กนิฎฺฐภาตาติ เวมาติกภาตา กนิโฎฺฐ ยถา อมฺหากํ ภควโต นนฺทเตฺถโรฯ พุทฺธานญฺหิ สโหทรา ภาตโร นาม น โหนฺติฯ กถํ เชฎฺฐา ตาว น อุปฺปชฺชนฺติ, กนิฎฺฐานํ ปน อสมฺภโว เอวฯ โภคนฺติ วิภวํฯ อุปสโนฺตติ โจรชนิตสโงฺขภวูปสเมน อุปสโนฺต ชนปโทฯ
Kaniṭṭhabhātāti vemātikabhātā kaniṭṭho yathā amhākaṃ bhagavato nandatthero. Buddhānañhi sahodarā bhātaro nāma na honti. Kathaṃ jeṭṭhā tāva na uppajjanti, kaniṭṭhānaṃ pana asambhavo eva. Bhoganti vibhavaṃ. Upasantoti corajanitasaṅkhobhavūpasamena upasanto janapado.
เทฺว สาฎเก นิวาเสตฺวาติ สาฎกทฺวยเมว อตฺตโน กายปริหาริกํ กตฺวา อิตรํ สพฺพสมฺภารํ อตฺตโต โมเจตฺวาฯ
Dve sāṭake nivāsetvāti sāṭakadvayameva attano kāyaparihārikaṃ katvā itaraṃ sabbasambhāraṃ attato mocetvā.
ปตฺตคฺคหณตฺถนฺติ อโนฺตปกฺขิตฺตอุณฺหโภชนตฺตา อปราปรํ หเตฺถ ปริวเตฺตนฺตสฺส ปตฺตคฺคหณตฺถํฯ อุตฺตริสาฎกนฺติ อตฺตโน อุตฺตริสาฎกํฯ เอตานิ ปากฎฎฺฐานานีติ เอตานิ ยถาวุตฺตานิ ภควโต เทสนาย ปากฎานิ เถรสฺส ปุญฺญกรณฎฺฐานานิฯ
Pattaggahaṇatthanti antopakkhittauṇhabhojanattā aparāparaṃ hatthe parivattentassa pattaggahaṇatthaṃ. Uttarisāṭakanti attano uttarisāṭakaṃ. Etānipākaṭaṭṭhānānīti etāni yathāvuttāni bhagavato desanāya pākaṭāni therassa puññakaraṇaṭṭhānāni.
ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวาติ อมฺหากํ มหาโพธิสตฺตสฺส ปฎิสนฺธิคฺคหณทิวเส เอว ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวาฯ
Paṭisandhiṃgahetvāti amhākaṃ mahābodhisattassa paṭisandhiggahaṇadivase eva paṭisandhiṃ gahetvā.
ติตฺถวาสาทิวณฺณนา
Titthavāsādivaṇṇanā
อุคฺคหณํ ปาฬิยา อุคฺคณฺหนํฯ สวนํ อตฺถสวนํฯ ปริปุจฺฉนํ คณฺฐิฎฺฐาเนสุ อตฺถปริปุจฺฉนํฯ ธารณํ ปาฬิยาปิ ปาฬิอตฺถสฺสปิ จิเตฺต ฐปนํฯ สพฺพเญฺจตํ อิธ ปฎิจฺจสมุปฺปาทวเสน เวทิตพฺพํฯ
Uggahaṇaṃ pāḷiyā uggaṇhanaṃ. Savanaṃ atthasavanaṃ. Paripucchanaṃ gaṇṭhiṭṭhānesu atthaparipucchanaṃ. Dhāraṇaṃ pāḷiyāpi pāḷiatthassapi citte ṭhapanaṃ. Sabbañcetaṃ idha paṭiccasamuppādavasena veditabbaṃ.
โสตาปนฺนานญฺจ…เป... อุปฎฺฐาติตตฺถ สโมฺมหวิทฺธํสเนน ‘‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๙๘; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖; จูฬนิ. ๔, ๗, ๘) อตฺตปจฺจกฺขวเสน อุปฎฺฐานโตฯ นามรูปปริเจฺฉโทติ สห ปจฺจเยน นามรูปสฺส ปริจฺฉิชฺช อวโพโธฯ
Sotāpannānañca…pe... upaṭṭhātitattha sammohaviddhaṃsanena ‘‘yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti (dī. ni. 1.298; saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 16; cūḷani. 4, 7, 8) attapaccakkhavasena upaṭṭhānato. Nāmarūpaparicchedoti saha paccayena nāmarūpassa paricchijja avabodho.
ปฎิจฺจสมุปฺปาทคมฺภีรตาวณฺณนา
Paṭiccasamuppādagambhīratāvaṇṇanā
‘‘อตฺถคมฺภีรตายา’’ติอาทินา สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตโฎฺฐติ ชาติปจฺจยโต สมฺภูตํ หุตฺวา สหิตสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส ชรามรณสฺส อุทฺธํ อุทฺธํ อาคตภาโว, อนุปวตฺตโตฺถติ อโตฺถฯ อถ วา สมฺภูตโฎฺฐ จ สมุทาคตโฎฺฐ จ สมฺภูตสมุทาคตโฎฺฐฯ ‘‘น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ,’’ น จ ชาติํ วินา ‘‘อญฺญโต โหตี’’ติ หิ ชาติปจฺจยสมฺภูตโฎฺฐ วุโตฺต, อิตฺถญฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ ชาติปจฺจยสมุทาคตโฎฺฐ, ยา ยา ชาติ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, ตทนุรูปปาตุภาโวติ อโตฺถฯ โส อนุปจิตกุสลสมฺภารานํ ญาณสฺส ตตฺถ อปฺปติฎฺฐตาย อคาธเฎฺฐน คมฺภีโรฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ
‘‘Atthagambhīratāyā’’tiādinā saṅkhepato vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘tatthā’’tiādi āraddhaṃ. Jātipaccayasambhūtasamudāgataṭṭhoti jātipaccayato sambhūtaṃ hutvā sahitassa attano paccayānurūpassa jarāmaraṇassa uddhaṃ uddhaṃ āgatabhāvo, anupavattatthoti attho. Atha vā sambhūtaṭṭho ca samudāgataṭṭho ca sambhūtasamudāgataṭṭho. ‘‘Na jātito jarāmaraṇaṃ na hoti,’’ na ca jātiṃ vinā ‘‘aññato hotī’’ti hi jātipaccayasambhūtaṭṭho vutto, itthañca jātito samudāgacchatīti jātipaccayasamudāgataṭṭho, yā yā jāti yathā yathā paccayo hoti, tadanurūpapātubhāvoti attho. So anupacitakusalasambhārānaṃ ñāṇassa tattha appatiṭṭhatāya agādhaṭṭhena gambhīro. Sesapadesupi eseva nayo.
อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยโฎฺฐติ เยนากาเรน ยทวตฺถา อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติฯ เยน หิ ปวตฺติอากาเรน, ยาย จ อวตฺถาย อวตฺถิตา อวิชฺชา เตสํ เตสํ สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ, ตทุภยสฺสปิ ทุรวโพธนียโต อวิชฺชา สงฺขารานํ นวหิ อากาเรหิ ปจฺจยโฎฺฐ อนุปจิตกุสลสมฺภารานํ ญาณสฺส ตตฺถ อปฺปติฎฺฐตาย อคาธเฎฺฐน คมฺภีโรฯ เอส นโย เสสปเทสุปิฯ
Avijjāya saṅkhārānaṃ paccayaṭṭhoti yenākārena yadavatthā avijjā saṅkhārānaṃ paccayo hoti. Yena hi pavattiākārena, yāya ca avatthāya avatthitā avijjā tesaṃ tesaṃ saṅkhārānaṃ paccayo hoti, tadubhayassapi duravabodhanīyato avijjā saṅkhārānaṃ navahi ākārehi paccayaṭṭho anupacitakusalasambhārānaṃ ñāṇassa tattha appatiṭṭhatāya agādhaṭṭhena gambhīro. Esa nayo sesapadesupi.
กตฺถจิ อนุโลมโต เทสียติ, กตฺถจิ ปฎิโลมโตติ อิธ ปน ปจฺจยุปฺปาทา ปจฺจยุปฺปนฺนุปฺปาทสงฺขาโต อนุโลโม, ปจฺจยนิโรธา ปจฺจยุปฺปนฺนนิโรธสงฺขาโต จ ปฎิโลโม อธิเปฺปโตฯ อาทิโต ปน ปฎฺฐาย อนฺตคมนํ อนุโลโม, อนฺตโต จ อาทิคมนํ ปฎิโลโมติ อธิเปฺปโตฯ อาทิโต ปฎฺฐาย อนุโลมเทสนาย, อนฺตโต ปฎฺฐาย ปฎิโลมเทสนาย จ ติสนฺธิ จตุสเงฺขโปฯ ‘‘อิเม ภิกฺขเว จตฺตาโร อาหารา กิํ นิทานา’’ติอาทิกาย (สํ. นิ. ๒.๑๑) จ เวมชฺฌโต ปฎฺฐาย ปฎิโลมเทสนาย, ‘‘จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทิกาย (สํ. นิ. ๒.๔๓, ๔๕) อนุโลมเทสนาย จ ทฺวิสนฺธิ ติสเงฺขโปฯ ‘‘สํโยชนิเยสุ ภิกฺขเว ธเมฺมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๓, ๕๗) เอกสนฺธิ ทฺวิสเงฺขโปฯ เอกโงฺค หิ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เทสิโตฯ ลพฺภเตว หิ โส ‘‘ตตฺร ภิกฺขเว สุตวา อริยสาวโก ปฎิจฺจสมุปฺปาทํเยว สาธุกํ โยนิโส มนสิ กโรติ ‘อิติ อิมสฺมิํ สติ อิทํ โหติ…เป.… นิรุชฺฌตี’ติฯ สุขเวทนิยํ ภิกฺขเว ผสฺสํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขเวทนา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๒) อิมสฺส สุตฺตสฺส วเสน เวทิตโพฺพฯ อิติ เตน เตน การเณน ตถา ตถา ปวเตฺตตพฺพตฺตา ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เทสนาย คมฺภีโรฯ เตนาห ‘‘อยํ เทสนาคมฺภีรตา’’ติฯ น หิ ตตฺถ สพฺพญฺญุตญาณโต อญฺญํ ญาณํ ปติฎฺฐํ ลภติฯ
Katthacianulomato desīyati, katthaci paṭilomatoti idha pana paccayuppādā paccayuppannuppādasaṅkhāto anulomo, paccayanirodhā paccayuppannanirodhasaṅkhāto ca paṭilomo adhippeto. Ādito pana paṭṭhāya antagamanaṃ anulomo, antato ca ādigamanaṃ paṭilomoti adhippeto. Ādito paṭṭhāya anulomadesanāya, antato paṭṭhāya paṭilomadesanāya ca tisandhi catusaṅkhepo. ‘‘Ime bhikkhave cattāro āhārā kiṃ nidānā’’tiādikāya (saṃ. ni. 2.11) ca vemajjhato paṭṭhāya paṭilomadesanāya, ‘‘cakkhuñca paṭicca rūpe ca uppajjati cakkhuviññāṇaṃ, tiṇṇaṃ saṅgati phasso, phassapaccayā vedanā’’tiādikāya (saṃ. ni. 2.43, 45) anulomadesanāya ca dvisandhi tisaṅkhepo. ‘‘Saṃyojaniyesu bhikkhave dhammesu assādānupassino viharato taṇhā pavaḍḍhati, taṇhāpaccayā upādāna’’ntiādīsu (saṃ. ni. 2.53, 57) ekasandhi dvisaṅkhepo. Ekaṅgo hi paṭiccasamuppādo desito. Labbhateva hi so ‘‘tatra bhikkhave sutavā ariyasāvako paṭiccasamuppādaṃyeva sādhukaṃ yoniso manasi karoti ‘iti imasmiṃ sati idaṃ hoti…pe… nirujjhatī’ti. Sukhavedaniyaṃ bhikkhave phassaṃ paṭicca uppajjati sukhavedanā’’ti (saṃ. ni. 2.62) imassa suttassa vasena veditabbo. Iti tena tena kāraṇena tathā tathā pavattetabbattā paṭiccasamuppādo desanāya gambhīro. Tenāha ‘‘ayaṃ desanāgambhīratā’’ti. Na hi tattha sabbaññutañāṇato aññaṃ ñāṇaṃ patiṭṭhaṃ labhati.
‘‘อวิชฺชาย ปนา’’ติอาทีสุ ชานนลกฺขณสฺส ญาณสฺส ปฎิปกฺขภูโต อวิชฺชาย อญฺญาณโฎฺฐฯ อารมฺมณสฺส ปจฺจกฺขกรเณน ทสฺสนภูตสฺส ปฎิปกฺขภูโต อทสฺสนโฎฺฐฯ เยเนสา อตฺตโน สภาเวน ทุกฺขาทีนํ ยาถาวสรสํ ปฎิวิชฺฌิตุํ น เทติ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฎฺฐติ, โส ตสฺสา สจฺจาสมฺปฎิเวธโฎฺฐฯ อภิสงฺขรณํ สํวิธานํ, ปกปฺปนนฺติ อโตฺถฯ อายูหนํ สมฺปิณฺฑนํ, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อตฺตโน กิจฺจานุรูปตาย ราสีกรณนฺติ อโตฺถฯ อปุญฺญาภิสงฺขาเรกเทโส สราโคฯ อโญฺญ วิราโคฯ ราคสฺส วา อปฺปฎิปกฺขภาวโต ราคปฺปวฑฺฒโก, ราคุปฺปตฺติปจฺจโย จ สโพฺพปิ อปุญฺญาภิสงฺขาโร สราโคฯ อิตโร ตพฺพิทูรภาวโต วิราโคฯ ‘‘ทีฆรตฺตํ เหตํ ภิกฺขเว อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อโชฺฌสิตํ มมายิตํ ปรามฎฺฐํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ’’ (สํ. นิ. ๒.๖๑) อตฺตปรามาสสฺส วิญฺญาณํ วิเสสโต วตฺถุ วุตฺตนฺติ วิญฺญาณสฺส สุญฺญตโฎฺฐ คมฺภีโรฯ อตฺตา วิชานาติ สํสรตีติ สพฺยาปารตาสงฺกนฺติอภินิเวสพลวตาย อพฺยาปารอสงฺกนฺติปฎิสนฺธิปาตุภาวฎฺฐา จ คมฺภีราฯ นามรูปสฺส ปฎิสนฺธิกฺขเณ เอกโตว อุปฺปาโท เอกุปฺปาโท, ปวตฺติยํ วิสุํ วิสุํ ยถารหํ เอกุปฺปาโทฯ นามสฺส รูเปน, รูปสฺส จ นาเมน อสมฺปโยคโต วินิโพฺภโค นามสฺส นาเมน , รูปสฺส จ รูเปน เอกจฺจสฺส เอกเจฺจน อวินิโพฺภโค (นามสฺส นาเมน อวินิโพฺภโค วิภ. มูลฎี. ๒๔๒) โยเชตโพฺพฯ เอกุปฺปาเทกนิโรเธหิ อวินิโพฺภเค อธิเปฺปเต โส รูปสฺส จ เอกกลาปปวตฺติโน รูเปน ลพฺภตีติฯ อถ วา เอกจตุโวการภเวสุ นามรูปานํ อสหวตฺตนโต อญฺญมญฺญํ วินิโพฺภโค, ปญฺจโวการภเว สหวตฺตนโต อวินิโพฺภโค จ เวทิตโพฺพฯ
‘‘Avijjāya panā’’tiādīsu jānanalakkhaṇassa ñāṇassa paṭipakkhabhūto avijjāya aññāṇaṭṭho. Ārammaṇassa paccakkhakaraṇena dassanabhūtassa paṭipakkhabhūto adassanaṭṭho. Yenesā attano sabhāvena dukkhādīnaṃ yāthāvasarasaṃ paṭivijjhituṃ na deti chādetvā pariyonandhitvā tiṭṭhati, so tassā saccāsampaṭivedhaṭṭho. Abhisaṅkharaṇaṃ saṃvidhānaṃ, pakappananti attho. Āyūhanaṃ sampiṇḍanaṃ, sampayuttadhammānaṃ attano kiccānurūpatāya rāsīkaraṇanti attho. Apuññābhisaṅkhārekadeso sarāgo. Añño virāgo. Rāgassa vā appaṭipakkhabhāvato rāgappavaḍḍhako, rāguppattipaccayo ca sabbopi apuññābhisaṅkhāro sarāgo. Itaro tabbidūrabhāvato virāgo. ‘‘Dīgharattaṃ hetaṃ bhikkhave assutavato puthujjanassa ajjhositaṃ mamāyitaṃ parāmaṭṭhaṃ ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’ti’’ (saṃ. ni. 2.61) attaparāmāsassa viññāṇaṃ visesato vatthu vuttanti viññāṇassa suññataṭṭho gambhīro. Attā vijānāti saṃsaratīti sabyāpāratāsaṅkantiabhinivesabalavatāya abyāpāraasaṅkantipaṭisandhipātubhāvaṭṭhā ca gambhīrā. Nāmarūpassa paṭisandhikkhaṇe ekatova uppādo ekuppādo, pavattiyaṃ visuṃ visuṃ yathārahaṃ ekuppādo. Nāmassa rūpena, rūpassa ca nāmena asampayogato vinibbhogo nāmassa nāmena , rūpassa ca rūpena ekaccassa ekaccena avinibbhogo (nāmassa nāmena avinibbhogo vibha. mūlaṭī. 242) yojetabbo. Ekuppādekanirodhehi avinibbhoge adhippete so rūpassa ca ekakalāpapavattino rūpena labbhatīti. Atha vā ekacatuvokārabhavesu nāmarūpānaṃ asahavattanato aññamaññaṃ vinibbhogo, pañcavokārabhave sahavattanato avinibbhogo ca veditabbo.
นามสฺส อารมฺมณาภิมุขํ นมนํ นมนโฎฺฐฯ รูปสฺส วิโรธิปจฺจยสมวาเย วิสทิสุปฺปตฺติ รุปฺปนโฎฺฐฯ อินฺทฺริยปจฺจยภาโว อธิปติยโฎฺฐฯ ‘‘โลโกเปโส, ทฺวาราเปสา, เขตฺตํ เปต’’นฺติ วุตฺตโลกาทิอโตฺถ จกฺขาทีสุ ปญฺจสุ โยเชตโพฺพฯ มนายตนสฺส ปน ลุชฺชนโต, มโนสมฺผสฺสาทีนํ ทฺวารเขตฺตภาวโต จ เอเต อตฺถา เวทิตพฺพาฯ อาปาถคตานํ รูปาทีนํ ปกาสนโยคฺยตาลกฺขณํ โอภาสนํ จกฺขาทีนํ วิสยิภาโว, มนายตนสฺส วิชานนํฯ สงฺฆฎฺฎนโฎฺฐ วิเสสโต จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ ปญฺจนฺนํ, อิตเร ฉนฺนมฺปิ โยเชตพฺพาฯ ผุสนญฺจ ผสฺสสฺส สภาโวฯ สงฺฆฎฺฎนํ รโส, อิตเร อุปฎฺฐานาการาฯ อารมฺมณรสานุภวนโฎฺฐ รสวเสน วุโตฺต, เวทยิตโฎฺฐ ลกฺขณวเสนฯ สุขทุกฺขม อชฺฌตฺตภาโว ยถากฺกมํ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ สภาววเสน วุโตฺตฯ ‘‘อตฺตา เวทยตี’’ติ อภินิเวสสฺส พลวภาวโต นิชฺชีวโฎฺฐ เวทนาย คมฺภีโรฯ นิชฺชีวาย วา เวทนาย เวทยิตํ นิชฺชีวเวทยิตํ, โส เอว อโตฺถติ นิชฺชีวเวทยิตโฎฺฐฯ
Nāmassa ārammaṇābhimukhaṃ namanaṃ namanaṭṭho. Rūpassa virodhipaccayasamavāye visadisuppatti ruppanaṭṭho. Indriyapaccayabhāvo adhipatiyaṭṭho. ‘‘Lokopeso, dvārāpesā, khettaṃ peta’’nti vuttalokādiattho cakkhādīsu pañcasu yojetabbo. Manāyatanassa pana lujjanato, manosamphassādīnaṃ dvārakhettabhāvato ca ete atthā veditabbā. Āpāthagatānaṃ rūpādīnaṃ pakāsanayogyatālakkhaṇaṃ obhāsanaṃ cakkhādīnaṃ visayibhāvo, manāyatanassa vijānanaṃ. Saṅghaṭṭanaṭṭho visesato cakkhusamphassādīnaṃ pañcannaṃ, itare channampi yojetabbā. Phusanañca phassassa sabhāvo. Saṅghaṭṭanaṃ raso, itare upaṭṭhānākārā. Ārammaṇarasānubhavanaṭṭho rasavasena vutto, vedayitaṭṭho lakkhaṇavasena. Sukhadukkhama ajjhattabhāvo yathākkamaṃ tissannaṃ vedanānaṃ sabhāvavasena vutto. ‘‘Attā vedayatī’’ti abhinivesassa balavabhāvato nijjīvaṭṭho vedanāya gambhīro. Nijjīvāya vā vedanāya vedayitaṃ nijjīvavedayitaṃ, so eva atthoti nijjīvavedayitaṭṭho.
สปฺปีติกตณฺหาย อภินนฺทิตโฎฺฐฯ พลวตรตณฺหาย คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐาปนํ อโชฺฌสานโฎฺฐฯ อิตเร ปน เชฎฺฐภาวโอสารณสมุทฺททุรติกฺกมอปาริปูริวเสน เวทิตพฺพาฯ อาทานคฺคหณาภินิเวสฎฺฐา จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ สมานา, ปรามาสโฎฺฐ ทิฎฺฐุปาทานาทีนเมว, ตถา ทุรติกฺกมโฎฺฐฯ ‘‘ทิฎฺฐิกนฺตาโร’’ติ (ธ. ส. ๓๙๒) หิ วจนโต ทิฎฺฐีนํ ทุรติกฺกมตาฯ ทฬฺหคฺคหณตฺตา วา จตุนฺนมฺปิ ทุรติกฺกมโฎฺฐ โยเชตโพฺพฯ โยนิคติฐิตินิวาเสสุขิปนนฺติ สมาเส ภุมฺมวจนสฺส อโลโป ทฎฺฐโพฺพฯ เอวญฺหิ เตน อายูหนาภิสงฺขรณปทานํ สมาโส โหติฯ ยถา ตถา ชายนํ ชาติอโตฺถฯ ตสฺสา ปน สนฺนิปาตโต ชายนํ สญฺชาติอโตฺถฯ มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมิตฺวา วิย ชายนํ โอกฺกนฺติอโตฺถฯ โส ชาติโต นิพฺพตฺตนํ นิพฺพตฺติอโตฺถฯ เกวลํ ปาตุภวนํ ปาตุภาวโฎฺฐฯ
Sappītikataṇhāya abhinanditaṭṭho. Balavatarataṇhāya gilitvā pariniṭṭhāpanaṃ ajjhosānaṭṭho. Itare pana jeṭṭhabhāvaosāraṇasamuddaduratikkamaapāripūrivasena veditabbā. Ādānaggahaṇābhinivesaṭṭhā catunnampi upādānānaṃ samānā, parāmāsaṭṭho diṭṭhupādānādīnameva, tathā duratikkamaṭṭho. ‘‘Diṭṭhikantāro’’ti (dha. sa. 392) hi vacanato diṭṭhīnaṃ duratikkamatā. Daḷhaggahaṇattā vā catunnampi duratikkamaṭṭho yojetabbo. Yonigatiṭhitinivāsesukhipananti samāse bhummavacanassa alopo daṭṭhabbo. Evañhi tena āyūhanābhisaṅkharaṇapadānaṃ samāso hoti. Yathā tathā jāyanaṃ jātiattho. Tassā pana sannipātato jāyanaṃ sañjātiattho. Mātukucchiṃ okkamitvā viya jāyanaṃ okkantiattho. So jātito nibbattanaṃ nibbattiattho. Kevalaṃ pātubhavanaṃ pātubhāvaṭṭho.
ชรามรณงฺคํ มรณปฺปธานนฺติ ตสฺส มรณฎฺฐา เอว ขยาทโย คมฺภีราติ ทสฺสิตาฯ อุปฺปนฺนอุปฺปนฺนานญฺหิ นวนวานํ ขเยน กเมน ขณฺฑิจฺจาทิปริปกฺกปวตฺติยํ โลเก ชราโวหาโรติ ฯ ขยโฎฺฐ วา ชราย วุโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ นวภาวาปคโม หิ ‘‘ขโย’’ติ วตฺตุํ ยุโตฺตติ วิปริณามโฎฺฐ ทฺวินฺนมฺปิ วเสน โยเชตโพฺพ, สนฺตติวเสน วา ชราย ขยวยภาวา, สมฺมุติขณิกวเสน มรณสฺส เภทวิปริณามฎฺฐา โยเชตพฺพาฯ อวิชฺชาทีนํ สภาโว ปฎิวิชฺฌียตีติ ปฎิเวโธฯ วุตฺตเญฺหตํ นิทานกถายํ ‘‘เตสํ เตสํ วา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตธมฺมานํ ปฎิวิชฺฌิตโพฺพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว ปฎิเวโธ’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ปฐมมหาสงฺคีติกถา; อภิ. อฎฺฐ. นิทานกถา) โส หิ อวิชฺชาทีนํ สภาโว มคฺคญาเณเนว อสโมฺมหปฎิเวธวเสน ปฎิวิชฺฌิตพฺพโต อญฺญาณสฺส อลพฺภเนยฺยปติฎฺฐตาย อคาธเฎฺฐน คมฺภีโรฯ สา สพฺพาปีติ สา ยถาวุตฺตา สเงฺขปโต จตุพฺพิธา วิตฺถารโต อเนกปฺปเภทา สพฺพาปิ ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส คมฺภีรตา เถรสฺส อุตฺตานกา วิย อุปฎฺฐาสิ จตูหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตตฺตาฯ อุทาหุ อเญฺญสมฺปีติ ‘‘มยฺหํ ตาว เอส ปฎิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฎฺฐาติ, กิํ นุ โข อเญฺญสมฺปิ เอวํ อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฎฺฐาตี’’ติ มา เอวํ อวจ มยาว ทินฺนนเย จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานวิธิมฺหิ ฐตฺวาฯ
Jarāmaraṇaṅgaṃ maraṇappadhānanti tassa maraṇaṭṭhā eva khayādayo gambhīrāti dassitā. Uppannauppannānañhi navanavānaṃ khayena kamena khaṇḍiccādiparipakkapavattiyaṃ loke jarāvohāroti . Khayaṭṭho vā jarāya vuttoti daṭṭhabbo. Navabhāvāpagamo hi ‘‘khayo’’ti vattuṃ yuttoti vipariṇāmaṭṭho dvinnampi vasena yojetabbo, santativasena vā jarāya khayavayabhāvā, sammutikhaṇikavasena maraṇassa bhedavipariṇāmaṭṭhā yojetabbā. Avijjādīnaṃ sabhāvo paṭivijjhīyatīti paṭivedho. Vuttañhetaṃ nidānakathāyaṃ ‘‘tesaṃ tesaṃ vā tattha tattha vuttadhammānaṃ paṭivijjhitabbo salakkhaṇasaṅkhāto aviparītasabhāvo paṭivedho’’ti. (Dī. ni. aṭṭha. paṭhamamahāsaṅgītikathā; abhi. aṭṭha. nidānakathā) so hi avijjādīnaṃ sabhāvo maggañāṇeneva asammohapaṭivedhavasena paṭivijjhitabbato aññāṇassa alabbhaneyyapatiṭṭhatāya agādhaṭṭhena gambhīro. Sā sabbāpīti sā yathāvuttā saṅkhepato catubbidhā vitthārato anekappabhedā sabbāpi paṭiccasamuppādassa gambhīratā therassa uttānakā viya upaṭṭhāsi catūhi aṅgehi samannāgatattā. Udāhu aññesampīti ‘‘mayhaṃ tāva esa paṭiccasamuppādo uttānako hutvā upaṭṭhāti, kiṃ nu kho aññesampi evaṃ uttānako hutvā upaṭṭhātī’’ti mā evaṃ avaca mayāva dinnanaye catusaccakammaṭṭhānavidhimhi ṭhatvā.
อปสาทนาวณฺณนา
Apasādanāvaṇṇanā
โอฬาริกนฺติ วตฺถุวีติกฺกมสมตฺถตาวเสน ถูลํฯ กามํ กามราคปฎิฆาเยว อตฺถโต กามราคปฎิฆสํโยชนานิ, กามราคปฎิฆานุสยา จ, ตถาปิ อโญฺญเยว สํโยชนโฎฺฐ พนฺธนภาวโต, อโญฺญ อนุสยนโฎฺฐ อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน ถามคมนนฺติ กตฺวา, อิติ กิจฺจวิเสสวิสิฎฺฐเภเท คเหตฺวา ‘‘จตฺตาโร กิเลเส’’ติ จ วุตฺตํฯ เอเสว นโย อิตเรสุปิฯ อณุสหคเตติ อณุสภาวํ อุปคเตฯ ตพฺภาวโตฺถ หิ อยํ สหคต-สโทฺท ‘‘นนฺทิราคสหคตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๙๑, ๑๓๓, ๔๖๐; ๓.๓๗๔; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๔; วิภ. ๒๐๓; ปฎิ. ม. ๑.๓๔; ๒.๓๐) วิยฯ
Oḷārikanti vatthuvītikkamasamatthatāvasena thūlaṃ. Kāmaṃ kāmarāgapaṭighāyeva atthato kāmarāgapaṭighasaṃyojanāni, kāmarāgapaṭighānusayā ca, tathāpi aññoyeva saṃyojanaṭṭho bandhanabhāvato, añño anusayanaṭṭho appahīnabhāvena santāne thāmagamananti katvā, iti kiccavisesavisiṭṭhabhede gahetvā ‘‘cattāro kilese’’ti ca vuttaṃ. Eseva nayo itaresupi. Aṇusahagateti aṇusabhāvaṃ upagate. Tabbhāvattho hi ayaṃ sahagata-saddo ‘‘nandirāgasahagatā’’tiādīsu (dī. ni. 2.400; ma. ni. 1.91, 133, 460; 3.374; saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 14; vibha. 203; paṭi. ma. 1.34; 2.30) viya.
ยถา อุปริมคฺคาธิคมนวเสน สจฺจสมฺปฎิเวโธ ปจฺจยาการปฎิเวธวเสน, เอวํ สาวกโพธิปเจฺจกโพธิสมฺมาสโมฺพธิอธิคมนวเสนปิ สจฺจสมฺปฎิเวโธ ปจฺจยาการปฎิเวธวเสเนวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘กสฺมา จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สพฺพถาวาติ สพฺพปฺปกาเรเนว กิญฺจิปิ ปการํ อเสเสตฺวาติ อโตฺถฯ เย กตาภินีหารานํ มหาโพธิสตฺตานํ วีริยสฺส อุกฺกฎฺฐมชฺฌิมมุทุตาวเสน โพธิสมฺภารสมฺภรเณ กาลเภทา อิจฺฉิตา, เต ทเสฺสโนฺต ‘‘จตฺตาริ, อฎฺฐ, โสฬส วา อสเงฺขฺยยฺยานี’’ติ อาห, สฺวายมโตฺถ จริยาปิฎกวณฺณนาย คเหตโพฺพฯ สาวโก ปเทสญาเณ ฐิโตติ สาวโก หุตฺวา เสกฺขภาวโต ตตฺถาปิ ปเทสญาเณ ฐิโตฯ พุทฺธานํ กถาย ‘‘ตํ ตถาคโต อภิสเมตี’’ติอาทิกาย ปจฺจนีกํ โหติฯ อนญฺญสาธารณสฺส หิ วเสน พุทฺธานํ สีหนาโท, น อญฺญสาธารณสฺสฯ
Yathā uparimaggādhigamanavasena saccasampaṭivedho paccayākārapaṭivedhavasena, evaṃ sāvakabodhipaccekabodhisammāsambodhiadhigamanavasenapi saccasampaṭivedho paccayākārapaṭivedhavasenevāti dassetuṃ ‘‘kasmā cā’’tiādi vuttaṃ. Sabbathāvāti sabbappakāreneva kiñcipi pakāraṃ asesetvāti attho. Ye katābhinīhārānaṃ mahābodhisattānaṃ vīriyassa ukkaṭṭhamajjhimamudutāvasena bodhisambhārasambharaṇe kālabhedā icchitā, te dassento ‘‘cattāri, aṭṭha, soḷasa vā asaṅkhyeyyānī’’ti āha, svāyamattho cariyāpiṭakavaṇṇanāya gahetabbo. Sāvako padesañāṇeṭhitoti sāvako hutvā sekkhabhāvato tatthāpi padesañāṇe ṭhito. Buddhānaṃ kathāya ‘‘taṃ tathāgato abhisametī’’tiādikāya paccanīkaṃ hoti. Anaññasādhāraṇassa hi vasena buddhānaṃ sīhanādo, na aññasādhāraṇassa.
‘‘วายมนฺตเสฺสวา’’ติ อิมินา วิเสสโต ญาณสมฺภารสมฺภรณํ ปญฺญาปารมิตาปูรณํ วทติฯ ตสฺส จ สพฺพมฺปิ ปุญฺญํ อุปนิสฺสโยฯ
‘‘Vāyamantassevā’’ti iminā visesato ñāṇasambhārasambharaṇaṃ paññāpāramitāpūraṇaṃ vadati. Tassa ca sabbampi puññaṃ upanissayo.
‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธิ;
‘‘Esa devamanussānaṃ, sabbakāmadado nidhi;
ยํ ยเทวาภิปเตฺถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติฯ (ขุ. ปา. ๘.๑๐) –
Yaṃ yadevābhipatthenti, sabbametena labbhatī’’ti. (khu. pā. 8.10) –
หิ วุตฺตํฯ ตสฺมา มหาโพธิสตฺตานํ สเพฺพสมฺปิ ปุญฺญสมฺภาโร ยาวเทว ญาณสมฺภารโตฺถ สมฺมาสโมฺพธิสมธิคมสมตฺถตฺตาติ อาห ‘‘ปจฺจยาการํ …เป.… นตฺถี’’ติฯ อิทานิ ปจฺจยาการปฎิเวธเสฺสว วา มหานุภาวตาทสฺสนมุเขน ปฎิจฺจสมุปฺปาทเสฺสว ปรมคมฺภีรตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อวิชฺชา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นวหิ อากาเรหีติ อุปฺปาทาทีหิ นวหิ อากาเรหิฯ อวิชฺชา หิ สงฺขารานํ อุปฺปาโท หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, ปวตฺตํ หุตฺวา นิมิตฺตํ, อายูหนํ, สํโยโค, ปลิโพโธ, สมุทโย, เหตุ, ปจฺจโย หุตฺวา ปจฺจโย โหติฯ เอวํ สงฺขาราทโย วิญฺญาณาทีนํฯ วุตฺตเญฺหตํ ปฎิสมฺภิทามเคฺค ‘‘กถํ ปจฺจยปริคฺคเห ปญฺญา ธมฺมฎฺฐิติญาณํ? อวิชฺชา สงฺขารานํ อุปฺปาทฎฺฐิติ จ ปวตฺตฎฺฐิติ จ นิมิตฺตฎฺฐิติ จ อายูหนฎฺฐิติ จ สโญฺญคฎฺฐิติ จ ปลิโพธฎฺฐิติ จ สมุทยฎฺฐิติ จ เหตุฎฺฐิติ จ ปจฺจยฎฺฐิติ จ อิเมหิ นวหากาเรหิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา ปจฺจยสมุปฺปนฺนา’’ติอาทิ (ปฎิ. ม. ๑.๔๕)ฯ
Hi vuttaṃ. Tasmā mahābodhisattānaṃ sabbesampi puññasambhāro yāvadeva ñāṇasambhārattho sammāsambodhisamadhigamasamatthattāti āha ‘‘paccayākāraṃ…pe… natthī’’ti. Idāni paccayākārapaṭivedhasseva vā mahānubhāvatādassanamukhena paṭiccasamuppādasseva paramagambhīrataṃ dassetuṃ ‘‘avijjā’’tiādi vuttaṃ. Navahi ākārehīti uppādādīhi navahi ākārehi. Avijjā hi saṅkhārānaṃ uppādo hutvā paccayo hoti, pavattaṃ hutvā nimittaṃ, āyūhanaṃ, saṃyogo, palibodho, samudayo, hetu, paccayo hutvā paccayo hoti. Evaṃ saṅkhārādayo viññāṇādīnaṃ. Vuttañhetaṃ paṭisambhidāmagge ‘‘kathaṃ paccayapariggahe paññā dhammaṭṭhitiñāṇaṃ? Avijjā saṅkhārānaṃ uppādaṭṭhiti ca pavattaṭṭhiti ca nimittaṭṭhiti ca āyūhanaṭṭhiti ca saññogaṭṭhiti ca palibodhaṭṭhiti ca samudayaṭṭhiti ca hetuṭṭhiti ca paccayaṭṭhiti ca imehi navahākārehi avijjāpaccayā saṅkhārā paccayasamuppannā’’tiādi (paṭi. ma. 1.45).
ตตฺถ นวหากาเรหีติ นวหิ ปจฺจยภาวูปคมนากาเรหิฯ อุปฺปชฺชติ เอตสฺมา ผลนฺติ อุปฺปาโท, ผลุปฺปตฺติยา การณภาโวฯ สติ จ อวิชฺชาย สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ, นาสติ, ตสฺมา อวิชฺชา สงฺขารานํ อุปฺปาโท หุตฺวา ปจฺจโย โหติฯ ตถา อวิชฺชาย สติ สงฺขารา ปวตฺตนฺติ, นียนฺติ จฯ ยถา จ ภวาทีสุ ขิปนฺติ, เอวํ เตสํ อวิชฺชา ปจฺจโย โหติฯ ตถา อายูหนฺติ ผลุปฺปตฺติยา ฆเฎนฺติ, สํยุชฺชนฺติ อตฺตโน ผเลนฯ ยสฺมิํ สนฺตาเน สยํ อุปฺปนฺนา, ตํ ปลิพุนฺธนฺติฯ ปจฺจยนฺตรสมวาเย อุทยนฺติ อุปฺปชฺชนฺติฯ หิโนติ จ สงฺขารานํ การณภาวํ คจฺฉติฯ ปฎิจฺจ อวิชฺชํ สงฺขารา อยนฺติ ปวตฺตนฺตีติ เอวํ อวิชฺชาย สงฺขารานํ การณภาวูปคมนวิเสสา อุปฺปาทาทโย เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ ตถา สงฺขาราทีนํ วิญฺญาณาทีสุ อุปฺปาทฎฺฐิติอาทีสุปิฯ ติฎฺฐติ เอเตนาติ ฐิติ, การณํฯ อุปฺปาโท เอว ฐิติ อุปฺปาทฎฺฐิติ ฯ เอเสว นโย เสเสสุปิฯ ‘‘ปจฺจโย โหตี’’ติ อิทํ อิธ โลกนาเถน ตทา ปจฺจยปริคฺคหสฺส อารทฺธภาวทสฺสนํฯ โส จ อารโมฺภ ญายารุโฬฺห ‘‘ยถา จ ปุริเมหิ มหาโพธิสเตฺตหิ โพธิมูเล ปวตฺติโต, ตเถว จ ปวตฺติโต’’ติฯ อจฺฉริยเวคาภิหตา ทสสหสฺสิโลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทิฎฺฐมเตฺตวา’’ติอาทิมาหฯ
Tattha navahākārehīti navahi paccayabhāvūpagamanākārehi. Uppajjati etasmā phalanti uppādo, phaluppattiyā kāraṇabhāvo. Sati ca avijjāya saṅkhārā uppajjanti, nāsati, tasmā avijjā saṅkhārānaṃ uppādo hutvā paccayo hoti. Tathā avijjāya sati saṅkhārā pavattanti, nīyanti ca. Yathā ca bhavādīsu khipanti, evaṃ tesaṃ avijjā paccayo hoti. Tathā āyūhanti phaluppattiyā ghaṭenti, saṃyujjanti attano phalena. Yasmiṃ santāne sayaṃ uppannā, taṃ palibundhanti. Paccayantarasamavāye udayanti uppajjanti. Hinoti ca saṅkhārānaṃ kāraṇabhāvaṃ gacchati. Paṭicca avijjaṃ saṅkhārā ayanti pavattantīti evaṃ avijjāya saṅkhārānaṃ kāraṇabhāvūpagamanavisesā uppādādayo veditabbā. Tattha tathā saṅkhārādīnaṃ viññāṇādīsu uppādaṭṭhitiādīsupi. Tiṭṭhati etenāti ṭhiti, kāraṇaṃ. Uppādo eva ṭhiti uppādaṭṭhiti. Eseva nayo sesesupi. ‘‘Paccayo hotī’’ti idaṃ idha lokanāthena tadā paccayapariggahassa āraddhabhāvadassanaṃ. So ca ārambho ñāyāruḷho ‘‘yathā ca purimehi mahābodhisattehi bodhimūle pavattito, tatheva ca pavattito’’ti. Acchariyavegābhihatā dasasahassilokadhātu saṅkampi sampakampīti dassento ‘‘diṭṭhamattevā’’tiādimāha.
เอตสฺส ธมฺมสฺสาติ เอตสฺส ปฎิจฺจสมุปฺปาทสญฺญิตสฺส ธมฺมสฺสฯ โส ปน ยสฺมา อตฺถโต เหตุปภวานํ เหตุฯ เตนาห ‘‘เอตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺสา’’ติ, ชาติอาทีนํ ชรามรณาทิปจฺจยตายาติ อโตฺถฯ นามรูปปริเจฺฉโท, ตสฺส จ ปจฺจยปริคฺคโห น ปฐมาภินิเวสมเตฺตน โหติ , อถ โข ตตฺถ อปราปรํ ญาณุปฺปตฺติสญฺญิเตน อนุ อนุ พุชฺฌเนน, ตทุภยาภาวํ ปน ทเสฺสโนฺต ‘‘ญาตปริญฺญาวเสน อนนุพุชฺฌนา’’ติ อาหฯ นิจฺจสญฺญาทีนํ ปชหนวเสน วตฺตมานา วิปสฺสนา ธเมฺม จ ปฎิวิชฺฌนฺตี เอว นาม โหติ ปฎิปกฺขวิกฺขมฺภเนน ติกฺขวิสทภาวาปตฺติโต, ตทธิฎฺฐานภูตา จ ตีรณปริญฺญา, อริยมโคฺค จ ปริญฺญาปหานาภิสมยวเสน ปวตฺติยา ตีรณปหานปริญฺญาสงฺคโห จาติ ตทุภยปฎิเวธาภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตีรณ…เป.… อปฺปฎิวิชฺฌนา’’ติ อาหฯ ตนฺตํ วุจฺจติ วตฺถวีนนตฺถํ ตนฺตวาเยหิ ทณฺฑเก อาสญฺชิตฺวา ปสาริตสุตฺตปฎฺฎี ตนียตีติ กตฺวาฯ ตํ ปน สุตฺตสนฺตานากุลตาย นิทสฺสนภาเวน อากุลเมว คหิตนฺติ อาห ‘‘ตนฺตํ วิย อากุลกชาตา’’ติฯ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สมาเนตุนฺติ ปุเพฺพน ปรํ สมํ กตฺวา อาเนตุํ, อวิสมํ อุชุํ กาตุนฺติ อโตฺถฯ ตนฺตเมว วา อากุลํ ตนฺตากุลํ, ตนฺตากุลํ วิย ชาตา ภูตาติ ตนฺตากุลชาตาฯ มชฺฌิมํ ปฎิปทํ อนุปคนฺตฺวา อนฺตทฺวยปตเนน ปจฺจยากาเร ขลิตา อากุลา พฺยากุลา โหนฺติฯ เตเนว อนฺตทฺวยปตเนน ตํตํทิฎฺฐิคาหวเสน ปริพฺภมนฺตา อุชุกํ ธมฺมฎฺฐิติ กถํ ปฎิปชฺชิตุํ น ชานนฺติฯ เตนาห ‘‘น สโกฺกนฺติ ตํ ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุ’’นฺติฯ เทฺว โพธิสเตฺตติ ปเจฺจกโพธิสตฺตมหาโพธิสเตฺตฯ อตฺตโน ธมฺมตายาติ อตฺตโน สภาเวน, ปโรปเทเสน วินาติ อโตฺถฯ ตตฺถ ตตฺถ คุฬกชาตนฺติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน ชาตคุฬกมฺปิ คณฺฐีติ สุตฺตคณฺฐิฯ ตโต เอว คณฺฐิพทฺธํ พทฺธคณฺฐิกํฯ ปจฺจเยสุ ปกฺขลิตฺวาติ อนิจฺจทุกฺขานตฺตาทิสภาเวสุ ปจฺจยธเมฺมสุ นิจฺจาทิคฺคาหวเสน ปกฺขลิตฺวาฯ ปจฺจเย อุชุํ กาตุํ อสโกฺกนฺตาติ ตเสฺสว นิจฺจาทิคฺคาหสฺส อวิสฺสชฺชนโต ปจฺจยธมฺมนิมิตฺตํ อตฺตโน ทสฺสนํ อุชุํ กาตุํ อสโกฺกนฺตา อิทํสจฺจาภินิเวสกายคนฺถวเสน คณฺฐิกชาตา โหนฺตีติ อาห ‘‘ทฺวาสฎฺฐิ…เป.… คณฺฐิพทฺธา’’ติฯ เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา สสฺสตทิฎฺฐิอาทิทิฎฺฐิโย นิสฺสิตา อลฺลีนาฯ
Etassa dhammassāti etassa paṭiccasamuppādasaññitassa dhammassa. So pana yasmā atthato hetupabhavānaṃ hetu. Tenāha ‘‘etassa paccayadhammassā’’ti, jātiādīnaṃ jarāmaraṇādipaccayatāyāti attho. Nāmarūpaparicchedo, tassa ca paccayapariggaho na paṭhamābhinivesamattena hoti , atha kho tattha aparāparaṃ ñāṇuppattisaññitena anu anu bujjhanena, tadubhayābhāvaṃ pana dassento ‘‘ñātapariññāvasena ananubujjhanā’’ti āha. Niccasaññādīnaṃ pajahanavasena vattamānā vipassanā dhamme ca paṭivijjhantī eva nāma hoti paṭipakkhavikkhambhanena tikkhavisadabhāvāpattito, tadadhiṭṭhānabhūtā ca tīraṇapariññā, ariyamaggo ca pariññāpahānābhisamayavasena pavattiyā tīraṇapahānapariññāsaṅgaho cāti tadubhayapaṭivedhābhāvaṃ dassento ‘‘tīraṇa…pe… appaṭivijjhanā’’ti āha. Tantaṃ vuccati vatthavīnanatthaṃ tantavāyehi daṇḍake āsañjitvā pasāritasuttapaṭṭī tanīyatīti katvā. Taṃ pana suttasantānākulatāya nidassanabhāvena ākulameva gahitanti āha ‘‘tantaṃ viya ākulakajātā’’ti. Saṅkhepato vuttamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘yathā nāmā’’tiādi vuttaṃ. Samānetunti pubbena paraṃ samaṃ katvā ānetuṃ, avisamaṃ ujuṃ kātunti attho. Tantameva vā ākulaṃ tantākulaṃ, tantākulaṃ viya jātā bhūtāti tantākulajātā. Majjhimaṃ paṭipadaṃ anupagantvā antadvayapatanena paccayākāre khalitā ākulā byākulā honti. Teneva antadvayapatanena taṃtaṃdiṭṭhigāhavasena paribbhamantā ujukaṃ dhammaṭṭhiti kathaṃ paṭipajjituṃ na jānanti. Tenāha ‘‘na sakkonti taṃ paccayākāraṃ ujuṃ kātu’’nti. Dve bodhisatteti paccekabodhisattamahābodhisatte. Attano dhammatāyāti attano sabhāvena, paropadesena vināti attho. Tattha tattha guḷakajātanti tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne jātaguḷakampi gaṇṭhīti suttagaṇṭhi. Tato eva gaṇṭhibaddhaṃ baddhagaṇṭhikaṃ. Paccayesu pakkhalitvāti aniccadukkhānattādisabhāvesu paccayadhammesu niccādiggāhavasena pakkhalitvā. Paccaye ujuṃ kātuṃ asakkontāti tasseva niccādiggāhassa avissajjanato paccayadhammanimittaṃ attano dassanaṃ ujuṃ kātuṃ asakkontā idaṃsaccābhinivesakāyaganthavasena gaṇṭhikajātā hontīti āha ‘‘dvāsaṭṭhi…pe… gaṇṭhibaddhā’’ti. Ye hi keci samaṇā vā brāhmaṇā vā sassatadiṭṭhiādidiṭṭhiyo nissitā allīnā.
วินนโต ‘‘กุลา’’ติ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามสฺส ตนฺตวายสฺส คณฺฐิกํ นาม อากุลภาเวน อคฺคโต วา มูลโต วา ทุวิเญฺญยฺยาเยว ขลิตตนฺตสุตฺตนฺติ อาห ‘‘กุลาคณฺฐิกํ วุจฺจติ เปสการกญฺชิยสุตฺต’’นฺติฯ สกุณิกาติ กุลาวกสกุณิกาฯ สา หิ รุกฺขสาขาสุ โอลมฺพนกุลาวกา โหติฯ ตญฺหิ สา กุลาวกํ ตโต ตโต ติณหีราทิเก อาเนตฺวา ตถา วินนฺธติ, ยถา เตสํ เปสการกญฺชิยสุตฺตํ วิย อเคฺคน วา อคฺคํ มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ วิเวเจตุํ วา น สกฺกาฯ เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิฯ ตทุภยมฺปีติ ‘‘กุลาคณฺฐิก’’นฺติ วุตฺตํ กญฺชิยสุตฺตํ, กุลาวกญฺจฯ ปุริมนเยเนวาติ ‘‘เอวเมว สตฺตา’’ติอาทินา ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนวฯ
Vinanato ‘‘kulā’’ti itthiliṅgavasena laddhanāmassa tantavāyassa gaṇṭhikaṃ nāma ākulabhāvena aggato vā mūlato vā duviññeyyāyeva khalitatantasuttanti āha ‘‘kulāgaṇṭhikaṃ vuccati pesakārakañjiyasutta’’nti. Sakuṇikāti kulāvakasakuṇikā. Sā hi rukkhasākhāsu olambanakulāvakā hoti. Tañhi sā kulāvakaṃ tato tato tiṇahīrādike ānetvā tathā vinandhati, yathā tesaṃ pesakārakañjiyasuttaṃ viya aggena vā aggaṃ mūlena vā mūlaṃ samānetuṃ vivecetuṃ vā na sakkā. Tenāha ‘‘yathā hī’’tiādi. Tadubhayampīti ‘‘kulāgaṇṭhika’’nti vuttaṃ kañjiyasuttaṃ, kulāvakañca. Purimanayenevāti ‘‘evameva sattā’’tiādinā pubbe vuttanayeneva.
กามํ มุญฺชปพฺพชติณานิ ยถาชาตานิปิ ทีฆภาเวน ปติตฺวา อรญฺญฎฺฐาเน อญฺญมญฺญํ วินนฺธิตฺวา อากุลพฺยากุลานิ หุตฺวา ติฎฺฐนฺติ, ตานิ ปน น ตถา ทุพฺพิเวจิยานิ, ยถา รชฺชุภูตานีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา ตานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เสสเมตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ
Kāmaṃ muñjapabbajatiṇāni yathājātānipi dīghabhāvena patitvā araññaṭṭhāne aññamaññaṃ vinandhitvā ākulabyākulāni hutvā tiṭṭhanti, tāni pana na tathā dubbiveciyāni, yathā rajjubhūtānīti dassetuṃ ‘‘yathā tānī’’tiādi vuttaṃ. Sesamettha heṭṭhā vuttanayameva.
อปายาติ อวฑฺฒิตา, สุเขน, สุขเหตุนา วา วิรหิตาติ อโตฺถฯ ทุกฺขสฺส คติภาวโตติ อาปายิกสฺส ทุกฺขสฺส ปวตฺติฎฺฐานภาวโตฯ สุขสมุสฺสยโตติ อพฺภุทยโตฯ วินิปติตตฺตาติ วิรูปํ นิปติตตฺตา ยถา เตนตฺตภาเวน สุขสมุสฺสโย น โหติ, เอวํ นิปติตตฺตาฯ อิตโรติ สํสาโรฯ นนุ ‘‘อปาย’’นฺติอาทินา วุโตฺตปิ สํสาโร เอวาติ? สจฺจเมตํ, นิรยาทีนํ ปน อธิมตฺตทุกฺขภาวทสฺสนตฺถํ อปายาทิคฺคหณํฯ โคพลีพทฺทญาเยนายมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ขนฺธานญฺจ ปฎิปาฎีติ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ เหตุผลภาเวน อปราปรํ ปวตฺติฯ อโพฺพจฺฉินฺนํ วตฺตมานาติ อวิเจฺฉเทน ปวตฺตมานาฯ ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ ‘‘อปาย’’นฺติอาทินา วุตฺตํ สพฺพํ อปายทุกฺขเญฺจว วฎฺฎทุกฺขญฺจฯ ‘‘มหาสมุเทฺท วาตุกฺขิตฺตนาวา วิยา’’ติ อิทํ ปริพฺภมฎฺฐานสฺส มหนฺตทสฺสนตฺถเญฺจว ปริพฺภมนสฺส อนวฎฺฐิตตาทสฺสนตฺถญฺจ ‘‘อุปมายฯ ยเนฺตสุ ยุตฺตโคโณ วิยา’’ติ อิทํ ปน อวสภาวทสฺสนตฺถเญฺจว ทุปฺปโมกฺขภาวทสฺสนตฺถญฺจาติ เวทิตพฺพํฯ
Apāyāti avaḍḍhitā, sukhena, sukhahetunā vā virahitāti attho. Dukkhassa gatibhāvatoti āpāyikassa dukkhassa pavattiṭṭhānabhāvato. Sukhasamussayatoti abbhudayato. Vinipatitattāti virūpaṃ nipatitattā yathā tenattabhāvena sukhasamussayo na hoti, evaṃ nipatitattā. Itaroti saṃsāro. Nanu ‘‘apāya’’ntiādinā vuttopi saṃsāro evāti? Saccametaṃ, nirayādīnaṃ pana adhimattadukkhabhāvadassanatthaṃ apāyādiggahaṇaṃ. Gobalībaddañāyenāyamattho veditabbo. Khandhānañca paṭipāṭīti pañcannaṃ khandhānaṃ hetuphalabhāvena aparāparaṃ pavatti. Abbocchinnaṃ vattamānāti avicchedena pavattamānā. Taṃ sabbampīti taṃ ‘‘apāya’’ntiādinā vuttaṃ sabbaṃ apāyadukkhañceva vaṭṭadukkhañca. ‘‘Mahāsamudde vātukkhittanāvā viyā’’ti idaṃ paribbhamaṭṭhānassa mahantadassanatthañceva paribbhamanassa anavaṭṭhitatādassanatthañca ‘‘upamāya. Yantesu yuttagoṇo viyā’’ti idaṃ pana avasabhāvadassanatthañceva duppamokkhabhāvadassanatthañcāti veditabbaṃ.
ปฎิจฺจสมุปฺปาทวณฺณนา
Paṭiccasamuppādavaṇṇanā
อิมินา ตาวาติ เอตฺถ ตาว-สโทฺท กมโตฺถ, เตน ‘‘ตนฺตากุลกชาตา’’ติ ปทสฺส อนุสนฺธิ ปรโต อาวิภวิสฺสตีติ ทีเปติฯ อตฺถิ อิทปฺปจฺจยาติ เอตฺถ อยํ ปจฺจโยติ อิทปฺปจฺจโย, ตสฺมา อิทปฺปจฺจยา, อิมสฺมา ปจฺจยาติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อิมสฺมา นาม ปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ เอวํ วตฺตโพฺพ อตฺถิ นุ โข ชรามรณสฺส ปจฺจโยติฯ เตนาห ‘‘อตฺถิ นุ โข…เป.… ภเวยฺยา’’ติฯ เอตฺถ หิ ‘‘กิํ ปจฺจยา ชรามรณํ? ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ อุปริ ชาติสทฺทปจฺจยสทฺทสมานาธิกรเณน กิํ-สเทฺทน อิทํ-สทฺทสฺส สมานาธิกรณตาทสฺสนโต กมฺมธารยสมาสตา อิทปฺปจฺจยสทฺทสฺส ยุชฺชติฯ น เหตฺถ ‘‘อิมสฺส ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา’’ติ ชรามรณสฺส, อญฺญสฺส วา ปจฺจยโต ชรามรณสมฺภวปุจฺฉา สมฺภวติ วิญฺญาตภาวโต, อสมฺภวโต จ, ชรามรณสฺส ปน ปจฺจยปุจฺฉา สมฺภวติฯ ปจฺจยสทฺทสมานาธิกรณตายญฺจ อิทํ-สทฺทสฺส ‘‘อิมสฺมา ปจฺจยา’’ติ ปจฺจยปุจฺฉา ยุชฺชติฯ
Iminā tāvāti ettha tāva-saddo kamattho, tena ‘‘tantākulakajātā’’ti padassa anusandhi parato āvibhavissatīti dīpeti. Atthi idappaccayāti ettha ayaṃ paccayoti idappaccayo, tasmā idappaccayā, imasmā paccayāti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘imasmā nāma paccayā jarāmaraṇa’’nti evaṃ vattabbo atthi nu kho jarāmaraṇassa paccayoti. Tenāha ‘‘atthi nu kho…pe… bhaveyyā’’ti. Ettha hi ‘‘kiṃ paccayā jarāmaraṇaṃ? Jātipaccayā jarāmaraṇa’’nti upari jātisaddapaccayasaddasamānādhikaraṇena kiṃ-saddena idaṃ-saddassa samānādhikaraṇatādassanato kammadhārayasamāsatā idappaccayasaddassa yujjati. Na hettha ‘‘imassa paccayā idappaccayā’’ti jarāmaraṇassa, aññassa vā paccayato jarāmaraṇasambhavapucchā sambhavati viññātabhāvato, asambhavato ca, jarāmaraṇassa pana paccayapucchā sambhavati. Paccayasaddasamānādhikaraṇatāyañca idaṃ-saddassa ‘‘imasmā paccayā’’ti paccayapucchā yujjati.
สา ปน สมานาธิกรณตา ยทิปิ อญฺญปทตฺถสมาเสปิ ลพฺภติ, อญฺญปทตฺถวจนิจฺฉาภาวโต ปเนตฺถ กมฺมธารยสมาโส เวทิตโพฺพฯ สามิวจนสมาสปเกฺข ปน นเตฺถว สมานาธิกรณตาสมฺภโวติฯ นนุ จ ‘‘อิทปฺปจฺจยตา ปฎิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ เอตฺถ อิทปฺปจฺจย-สโทฺท สามิวจนสมาโส อิจฺฉิโตติ? สจฺจํ อิจฺฉิโต อุชุกเมว ตตฺถ ปฎิจฺจสมุปฺปาทวจนิจฺฉาติ กตฺวา, อิธ ปน เกวลํ ชรามรณสฺส ปจฺจยปริปุจฺฉา อธิเปฺปตา, ตสฺมา ยถา ตตฺถ อิทํ-สทฺทสฺส ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิเสสนตา, อิธ จ ‘‘ปุจฺฉิตพฺพปจฺจยตฺถตา สมฺภวติ, ตถา ตตฺถ, อิธ จ สมาสกปฺปนา เวทิตพฺพาฯ กสฺมา ปน ตตฺถ กมฺมธารยสมาโส น อิจฺฉิโตติ? เหตุปฺปภวานํ เหตุ ปฎิจฺจสมุปฺปาโทติ อิมสฺส อตฺถสฺส กมฺมธารยสมาเส อสมฺภวโตติ อิมสฺส, อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อนุรูโป ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโยติ เอตสฺส จ อตฺถสฺส อิจฺฉิตตฺตาฯ โย ปเนตฺถ อิทํ-สเทฺทน คหิโต อโตฺถ, โส ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ชรามรณคฺคหเณเนว คหิโตติ อิทํ-สโทฺท ปฎิจฺจสมุปฺปาทโต ปริจฺจชนโต อญฺญสฺส อสมฺภวโต ปจฺจเย อวติฎฺฐติ, เตเนตฺถ กมฺมธารยสมาโสฯ ตตฺถ ปน อิทํ-สทฺทสฺส ตโต ปริจฺจชนการณํ นตฺถีติ สามิวจนสมาโส เอว อิจฺฉิโตฯ อฎฺฐกถายํปน ยสฺมา ชรามรณาทีนํ ปจฺจยปุจฺฉามุเขนายํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเทสนา อารทฺธา, ปฎิจฺจสมุปฺปาโท จ นาม อตฺถโต เหตุปฺปภวานํ เหตูติ วุโตฺต วายมโตฺถ, ตสฺมา ‘‘อิมสฺส ชรามรณสฺส ปจฺจโย’’ติ เอวมตฺถวณฺณนา กตาฯ
Sā pana samānādhikaraṇatā yadipi aññapadatthasamāsepi labbhati, aññapadatthavacanicchābhāvato panettha kammadhārayasamāso veditabbo. Sāmivacanasamāsapakkhe pana nattheva samānādhikaraṇatāsambhavoti. Nanu ca ‘‘idappaccayatā paṭiccasamuppādo’’ti ettha idappaccaya-saddo sāmivacanasamāso icchitoti? Saccaṃ icchito ujukameva tattha paṭiccasamuppādavacanicchāti katvā, idha pana kevalaṃ jarāmaraṇassa paccayaparipucchā adhippetā, tasmā yathā tattha idaṃ-saddassa paṭiccasamuppādavisesanatā, idha ca ‘‘pucchitabbapaccayatthatā sambhavati, tathā tattha, idha ca samāsakappanā veditabbā. Kasmā pana tattha kammadhārayasamāso na icchitoti? Hetuppabhavānaṃ hetu paṭiccasamuppādoti imassa atthassa kammadhārayasamāse asambhavatoti imassa, attano paccayānurūpassa anurūpo paccayo idappaccayoti etassa ca atthassa icchitattā. Yo panettha idaṃ-saddena gahito attho, so ‘‘atthi idappaccayā jarāmaraṇa’’nti jarāmaraṇaggahaṇeneva gahitoti idaṃ-saddo paṭiccasamuppādato pariccajanato aññassa asambhavato paccaye avatiṭṭhati, tenettha kammadhārayasamāso. Tattha pana idaṃ-saddassa tato pariccajanakāraṇaṃ natthīti sāmivacanasamāso eva icchito. Aṭṭhakathāyaṃpana yasmā jarāmaraṇādīnaṃ paccayapucchāmukhenāyaṃ paṭiccasamuppādadesanā āraddhā, paṭiccasamuppādo ca nāma atthato hetuppabhavānaṃ hetūti vutto vāyamattho, tasmā ‘‘imassa jarāmaraṇassa paccayo’’ti evamatthavaṇṇanā katā.
ปณฺฑิเตนาติ เอกํสพฺยากรณียาทิปญฺหาวิเสสชานนสมตฺถาย ปญฺญาย สมนฺนาคเตนฯ ตเมว หิสฺส ปณฺฑิจฺจํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ ฯ ยาทิสสฺส ชีวสฺส ทิฎฺฐิคติโก สรีรโต อนญฺญตฺตํ ปุจฺฉติ ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติ, โส เอวํ ปรมตฺถโต นุปลพฺภติ, กถํ ตสฺส วญฺฌาตนยสฺส วิย ทีฆรสฺสตา สรีรโต อญฺญตา วา อนญฺญตา วา พฺยากาตพฺพา สิยา, ตสฺมาสฺส ปญฺหสฺส ฐปนียตา เวทิตพฺพาฯ ตุณฺหีภาโว นาเมส ปุจฺฉโต อนาทโร วิเหสา วิย โหตีติ ‘‘อพฺยากตเมต’’นฺติ ปการนฺตรมาหฯ เอวํ อพฺยากรณการณํ ญาตุกามสฺส กเถตพฺพํ โหติ, กถิเต จ ชานนฺตสฺส ปมาโทปิ เอวํ สิยา, กถนวิธิ ปน ‘‘ยาทิสสฺสา’’ติอาทินา ทสฺสิโต เอวฯ เอวํ อปฺปฎิปชฺชิตฺวาติ เอวํ ฐปนียปเญฺห วิย ตุณฺหีภาวาทิํ อนาปชฺชิตฺวา เอวฯ ‘‘อปฺปฎิปชฺชิตฺวา’’ติ วจนํ นิทสฺสนมตฺตเมตํฯ ‘‘กิํ สพฺพํ อนิจฺจ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘กิํ สงฺขตํ สนฺธาย ปุจฺฉสิ, อุทาหุ อสงฺขต’’นฺติ ปฎิปุจฺฉิตฺวา พฺยากาตพฺพํ โหติ ‘‘กิํ ขนฺธปญฺจกํ ปริเญฺญยฺย’’นฺติ ปุเฎฺฐ ‘‘อตฺถิ ตตฺถ ปริเญฺญยฺยํ, อตฺถิ น ปริเญฺญยฺย’’นฺติ วิภชฺช พฺยากาตพฺพํ โหติ, เอวํ อปฺปฎิปชฺชิตฺวาติ จ อยเมตฺถ อโตฺถ อิจฺฉิโตติฯ ปุเพฺพ ยสฺส ปจฺจยสฺส อตฺถิตามตฺตํ โจทิตนฺติ อตฺถิตามตฺตํ วิสฺสชฺชิตํฯ ปุจฺฉาสภาเคน หิ วิสฺสชฺชนนฺติฯ อิทานิ ตเสฺสว สรูปปุจฺฉา กรียตีติ ‘‘ปุน กิ’’นฺติ วุตฺตํฯ อิธาปิ ‘‘ยถา’’ติอาทิ สพฺพํ อาเนตฺวา วตฺตพฺพํฯ
Paṇḍitenāti ekaṃsabyākaraṇīyādipañhāvisesajānanasamatthāya paññāya samannāgatena. Tameva hissa paṇḍiccaṃ dassetuṃ ‘‘yathā’’tiādi vuttaṃ . Yādisassa jīvassa diṭṭhigatiko sarīrato anaññattaṃ pucchati ‘‘taṃ jīvaṃ taṃ sarīra’’nti, so evaṃ paramatthato nupalabbhati, kathaṃ tassa vañjhātanayassa viya dīgharassatā sarīrato aññatā vā anaññatā vā byākātabbā siyā, tasmāssa pañhassa ṭhapanīyatā veditabbā. Tuṇhībhāvo nāmesa pucchato anādaro vihesā viya hotīti ‘‘abyākatameta’’nti pakārantaramāha. Evaṃ abyākaraṇakāraṇaṃ ñātukāmassa kathetabbaṃ hoti, kathite ca jānantassa pamādopi evaṃ siyā, kathanavidhi pana ‘‘yādisassā’’tiādinā dassito eva. Evaṃ appaṭipajjitvāti evaṃ ṭhapanīyapañhe viya tuṇhībhāvādiṃ anāpajjitvā eva. ‘‘Appaṭipajjitvā’’ti vacanaṃ nidassanamattametaṃ. ‘‘Kiṃ sabbaṃ anicca’’nti vutte ‘‘kiṃ saṅkhataṃ sandhāya pucchasi, udāhu asaṅkhata’’nti paṭipucchitvā byākātabbaṃ hoti ‘‘kiṃ khandhapañcakaṃ pariññeyya’’nti puṭṭhe ‘‘atthi tattha pariññeyyaṃ, atthi na pariññeyya’’nti vibhajja byākātabbaṃ hoti, evaṃ appaṭipajjitvāti ca ayamettha attho icchitoti. Pubbe yassa paccayassa atthitāmattaṃ coditanti atthitāmattaṃ vissajjitaṃ. Pucchāsabhāgena hi vissajjananti. Idāni tasseva sarūpapucchā karīyatīti ‘‘puna ki’’nti vuttaṃ. Idhāpi ‘‘yathā’’tiādi sabbaṃ ānetvā vattabbaṃ.
‘‘เอส นโย สพฺพปเทสู’’ติ อติเทสวเสน อุสฺสุกฺกํ กตฺวา ‘‘นามรูปปจฺจยา’’ติอาทินา ตตฺถ อปวาโท อารโทฺธฯ ยสฺมา ทเสฺสตุกาโม, ตสฺมา อิทํ วุตฺตนฺติ โยชนาฯ ฉนฺนํ วิปากสมฺผสฺสานํเยว คหณํ โหติ วิญฺญาณาทิ เวทนาปริโยสานา วิปากวิธีติ กตฺวา อเนเกสุ สุตฺตปเทสุ, (ม. นิ. ๓.๑๒๖; อุทา. ๑) อภิธเมฺม (วิภ. ๒๒๕) จ เยภุเยฺยน เตสํเยว คหณสฺส นิรุฬฺหตฺตาฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สุเตฺตฯ จ-สโทฺท พฺยติเรกโตฺถ, เตเนตฺถ ‘‘คหิตมฺปี’’ติอาทินา วุจฺจมานํเยว วิเสสํ โชเตติฯ ปจฺจยภาโว นาม ปจฺจยุปฺปนฺนาเปโกฺข เตน วินา ตสฺส อสมฺภวโตฯ ตสฺมา สฬายตนปฺปจฺจยาติ ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส’’ติ อิมินา ปเทนาติ โยชนาฯ อวยเวน วา สมุทาโยปลกฺขณเมตํ ‘‘สฬายตนปจฺจยา’’ติ, ตสฺมา ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส’’ติ อิมินา ปเทนาติ วุตฺตํ โหติฯ คหิตมฺปีติ ฉพฺพิธํ วิปากผสฺสมฺปิฯ อคฺคหิตมฺปีติ อวิปากผสฺสมฺปิ กุสลากุสลกิริยาผสฺสมฺปิฯ ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสํ ทเสฺสตุกาโมติ โยชนาฯ น เจตฺถ ปจฺจยุปฺปโนฺนว อุปาทิโนฺน อิจฺฉิโต, อถ โข ปจฺจโยปิ อุปาทิโนฺน อิจฺฉิโตติ อชฺฌตฺติกายตนเสฺสว สฬายตนคฺคหเณน คหณนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สฬายตนโต…เป.… ทเสฺสตุกาโม’’ติฯ น หิ ผสฺสสฺส จกฺขาทิสฬายตนเมว ปจฺจโย, อถ โข ‘‘จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผโสฺส’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๔, ๔๕; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) วจนโต รูปายตนาทิรูปญฺจ จกฺขุวิญฺญาณาทินามญฺจ ปจฺจโย, ตสฺมา อิมํ จกฺขาทิสฬายตนโต อติริตฺตํ อาวชฺชนาทิ วิย สาธารณํ อหุตฺวา, ตสฺส ตสฺส ผสฺสสฺส สาธารณตาย อญฺญํ วิเสสปจฺจยํ ปิ-สเทฺทน อวิสิฎฺฐํ สาธารณปจฺจยํ ปิทเสฺสตุกาโม ภควา, ‘‘นามรูปปจฺจยา ผโสฺส’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ โยชนาฯ อภิธมฺมภาชนีเยปิ อิมเมว ปจฺจยํ สนฺธาย ‘‘นามรูปปจฺจยา ผโสฺส’’ติ วุตฺตนฺติ ตทฎฺฐกถายํ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๔๓) ‘‘ปจฺจยวิเสสทสฺสนตฺถเญฺจว มหานิทานเทสนาสงฺคหตฺถญฺจา’’ติ อตฺถวณฺณนา กตาฯ ปจฺจยานนฺติ ชาติอาทีนํ ปจฺจยธมฺมานํฯ นิทานํ กถิตนฺติ ชรามรณาทิกสฺส นิทานตฺตํ กถิตํ เอกํสิโก ปจฺจยภาโว กถิโตฯ ตญฺหิ เตสํ ปจฺจยภาเว อพฺยภิจารีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อิติ โข ปเนต’’นฺติอาทินา อุปริ เทสนา ปวตฺตาฯ นิชฺชเฎติ นิชฺชาลเกฯ นิคฺคุเมฺพติ นิเกฺขเปฯ ปททฺวเยนาปิ อากุลาภาวเมว ทเสฺสติ, ตสฺมา อนากุลํ อพฺยากุลํ มหนฺตํ ปจฺจยนิทานเมตฺถ กถิตนฺติ มหานิทานํ สุตฺตํ อญฺญถาภาวสฺส อภาวโตฯ
‘‘Esa nayo sabbapadesū’’ti atidesavasena ussukkaṃ katvā ‘‘nāmarūpapaccayā’’tiādinā tattha apavādo āraddho. Yasmā dassetukāmo, tasmā idaṃ vuttanti yojanā. Channaṃ vipākasamphassānaṃyeva gahaṇaṃ hoti viññāṇādi vedanāpariyosānā vipākavidhīti katvā anekesu suttapadesu, (ma. ni. 3.126; udā. 1) abhidhamme (vibha. 225) ca yebhuyyena tesaṃyeva gahaṇassa niruḷhattā. Idhāti imasmiṃ sutte. Ca-saddo byatirekattho, tenettha ‘‘gahitampī’’tiādinā vuccamānaṃyeva visesaṃ joteti. Paccayabhāvo nāma paccayuppannāpekkho tena vinā tassa asambhavato. Tasmā saḷāyatanappaccayāti ‘‘saḷāyatanapaccayā phasso’’ti iminā padenāti yojanā. Avayavena vā samudāyopalakkhaṇametaṃ ‘‘saḷāyatanapaccayā’’ti, tasmā ‘‘saḷāyatanapaccayā phasso’’ti iminā padenāti vuttaṃ hoti. Gahitampīti chabbidhaṃ vipākaphassampi. Aggahitampīti avipākaphassampi kusalākusalakiriyāphassampi. Paccayuppannavisesaṃ dassetukāmoti yojanā. Na cettha paccayuppannova upādinno icchito, atha kho paccayopi upādinno icchitoti ajjhattikāyatanasseva saḷāyatanaggahaṇena gahaṇanti katvā vuttaṃ ‘‘saḷāyatanato…pe… dassetukāmo’’ti. Na hi phassassa cakkhādisaḷāyatanameva paccayo, atha kho ‘‘cakkhuñca paṭicca rūpe ca uppajjati cakkhuviññāṇaṃ, tiṇṇaṃ saṅgati phasso’’tiādi (ma. ni. 3.421, 425, 426; saṃ. ni. 2.44, 45; 2.4.60; kathā. 465, 467) vacanato rūpāyatanādirūpañca cakkhuviññāṇādināmañca paccayo, tasmā imaṃ cakkhādisaḷāyatanato atirittaṃ āvajjanādi viya sādhāraṇaṃ ahutvā, tassa tassa phassassa sādhāraṇatāya aññaṃ visesapaccayaṃ pi-saddena avisiṭṭhaṃ sādhāraṇapaccayaṃ pidassetukāmo bhagavā, ‘‘nāmarūpapaccayā phasso’’ti idaṃ vuttanti yojanā. Abhidhammabhājanīyepi imameva paccayaṃ sandhāya ‘‘nāmarūpapaccayā phasso’’ti vuttanti tadaṭṭhakathāyaṃ (vibha. aṭṭha. 243) ‘‘paccayavisesadassanatthañceva mahānidānadesanāsaṅgahatthañcā’’ti atthavaṇṇanā katā. Paccayānanti jātiādīnaṃ paccayadhammānaṃ. Nidānaṃ kathitanti jarāmaraṇādikassa nidānattaṃ kathitaṃ ekaṃsiko paccayabhāvo kathito. Tañhi tesaṃ paccayabhāve abyabhicārīti dassetuṃ ‘‘iti kho paneta’’ntiādinā upari desanā pavattā. Nijjaṭeti nijjālake. Niggumbeti nikkhepe. Padadvayenāpi ākulābhāvameva dasseti, tasmā anākulaṃ abyākulaṃ mahantaṃ paccayanidānamettha kathitanti mahānidānaṃ suttaṃ aññathābhāvassa abhāvato.
๙๘. เตสํ เตสํ ปจฺจยานนฺติ เตสํ เตสํ ชาติอาทีนํ ปจฺจยานํฯ ยสฺมา ปจฺจยภาโว นาม เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ อนูนาธิเกเหว ตสฺส ตสฺส ผลสฺส สมฺภวโต ตโถ ตโจฺฉ, ตปฺปกาโร วา สามคฺคิอุปคเตสุ ปจฺจเยสุ มุหุตฺตมฺปิ ตโถ นิพฺพตฺตนธมฺมานํ อสมฺภวาภาวโตฯ อวิตโถ อวิสํวาทนโก วิสํวาทนาการวิรหิโต อญฺญธมฺมปจฺจเยหิ อญฺญธมฺมานุปฺปตฺติโตฯ ‘‘อนญฺญถา’’ติ วุจฺจติ อญฺญถาภาวสฺส อภาวโตฯ ตสฺมา ‘‘ตถํ อวิตถํ อนญฺญถํ ปจฺจยภาวํ ทเสฺสตุ’’นฺติ วุตฺตํฯ ปริยายติ อตฺตโน ผลํ ปริคฺคเหตฺวา วตฺตตีติ ปริยาโย, เหตูติ อาห ‘‘ปริยาเยนาติ การเณนา’’ติฯ สเพฺพน สพฺพนฺติ เทวตฺตาทินา สพฺพภาเวน สพฺพา ชาติฯ สพฺพถา สพฺพนฺติ ตตฺถาปิ จาตุมหาราชิกาทิสพฺพากาเรน สพฺพา, นิปาตทฺวยเมตํ, นิปาตญฺจ อพฺยยํ, ตญฺจ สพฺพลิงฺควิภตฺติวจเนสุ เอกาการเมว โหตีติ ปาฬิยํ ‘‘สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ อตฺถวจเน ปน ตสฺส ตสฺส ชาติสทฺทาเปกฺขาย อิตฺถิอตฺถวุตฺติตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สพฺพากาเรน สพฺพา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิมินาว นเยนาติ อิมินา ชาติวาเร วุเตฺตเนว นเยนฯ เทวาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน คนฺธพฺพยกฺขาทิเก ปาฬิยํ (ที. นิ. ๒.๙๘) อาคเต, ตทนฺตรเภเท จ สงฺคณฺหาติฯ
98.Tesaṃ tesaṃ paccayānanti tesaṃ tesaṃ jātiādīnaṃ paccayānaṃ. Yasmā paccayabhāvo nāma tehi tehi paccayehi anūnādhikeheva tassa tassa phalassa sambhavato tatho taccho, tappakāro vā sāmaggiupagatesu paccayesu muhuttampi tatho nibbattanadhammānaṃ asambhavābhāvato. Avitatho avisaṃvādanako visaṃvādanākāravirahito aññadhammapaccayehi aññadhammānuppattito. ‘‘Anaññathā’’ti vuccati aññathābhāvassa abhāvato. Tasmā ‘‘tathaṃ avitathaṃ anaññathaṃ paccayabhāvaṃ dassetu’’nti vuttaṃ. Pariyāyati attano phalaṃ pariggahetvā vattatīti pariyāyo, hetūti āha ‘‘pariyāyenāti kāraṇenā’’ti. Sabbena sabbanti devattādinā sabbabhāvena sabbā jāti. Sabbathā sabbanti tatthāpi cātumahārājikādisabbākārena sabbā, nipātadvayametaṃ, nipātañca abyayaṃ, tañca sabbaliṅgavibhattivacanesu ekākārameva hotīti pāḷiyaṃ ‘‘sabbena sabbaṃ sabbathā sabba’’nti vuttaṃ. Atthavacane pana tassa tassa jātisaddāpekkhāya itthiatthavuttitaṃ dassetuṃ ‘‘sabbākārena sabbā’’tiādi vuttaṃ. Imināva nayenāti iminā jātivāre vutteneva nayena. Devādīsūti ādi-saddena gandhabbayakkhādike pāḷiyaṃ (dī. ni. 2.98) āgate, tadantarabhede ca saṅgaṇhāti.
อิธ นิกฺขิตฺตอตฺถวิภชนเตฺถติ อิมสฺมิํ ‘‘กสฺสจิ กิมฺหิจี’’ติ อนิยมโต อุเทฺทสวเสน วุตฺตตฺถสฺส นิทฺทิสนเตฺถ โชเตตเพฺพ นิปาโต, ตทตฺถโชตนํ นิปาตปทนฺติ อโตฺถฯ ตสฺสาติ ตสฺส ปทสฺสฯ เตติ ธมฺมเทสนาย สมฺปทานภูตํ เถรํ วทติฯ เสยฺยถิทนฺติ วา เต กตเมติ เจติ อโตฺถฯ เย หิ ‘‘กสฺสจี’’ติ, ‘‘กิมฺหิจี’’ติ จ อนิยมโต วุโตฺต อโตฺถ, เต กตเมติฯ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา เหสาฯ เทวภาวายาติ เทวภาวตฺถํฯ ขนฺธชาตีติ ขนฺธปาตุภาโว, ยถา ขเนฺธสุ อุปฺปเนฺนสุ ‘‘เทวา’’ติ สมญฺญา โหติ, ตถา เตสํ อุปฺปาโทติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ยายา’’ติ อาหฯ สพฺพปเทสูติ ‘‘คนฺธพฺพานํ คนฺธพฺพตฺถายา’’ติอาทีสุ สเพฺพสุ ชาตินิเทฺทสปเทสุ , ภวาทิปเทสุ จฯ เยน หิ นเยน สเจ หิ ชาตีติ อยมตฺถโยชนา กตา, ชาตินิเทฺทสปเทโสว ‘‘ภโว’’ติอาทินา ภวาทิปเทสุปิ โส กาตโพฺพติฯ เทวาติ อุปปตฺติเทวา จาตุมหาราชิกโต ปฎฺฐาย ยาว ภวคฺคา ทิพฺพนฺติ กามคุณาทีหิ กีฬนฺติ ลฬนฺติ วิหรนฺติ โชตนฺตีติ กตฺวาฯ คนฺธํ อพฺพนฺติ ปริภุญฺชนฺตีติ คนฺธพฺพา, ธตรฎฺฐสฺส มหาราชสฺส ปริวารภูตาฯ ยชนฺติ เวสฺสวณสกฺกาทิเก ปูเชนฺตีติ ยกฺขา, เตน เตน วา ปณิธิกมฺมาทินา ยชิตพฺพา ปูเชตพฺพาติ ยกฺขา, เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส ปริวารภูตาฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อมนุสฺสา’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํฯ ภูตาติ กุมฺภณฺฑา, วิรูฬฺหกสฺส มหาราชสฺส ปริวารภูตาฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เย เกจิ นิพฺพตฺตสตฺตา’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํฯ อฎฺฐิปกฺขา ภมรตุปฺปฬาทโยฯ จมฺมปกฺขา ชตุสิงฺคาลาทโยฯ โลมปกฺขา หํสโมราทโยฯ สรีสปา อหิวิจฺฉิกสตปทิอาทโยฯ
Idha nikkhittaatthavibhajanattheti imasmiṃ ‘‘kassaci kimhicī’’ti aniyamato uddesavasena vuttatthassa niddisanatthe jotetabbe nipāto, tadatthajotanaṃ nipātapadanti attho. Tassāti tassa padassa. Teti dhammadesanāya sampadānabhūtaṃ theraṃ vadati. Seyyathidanti vā te katameti ceti attho. Ye hi ‘‘kassacī’’ti, ‘‘kimhicī’’ti ca aniyamato vutto attho, te katameti. Kathetukamyatāpucchā hesā. Devabhāvāyāti devabhāvatthaṃ. Khandhajātīti khandhapātubhāvo, yathā khandhesu uppannesu ‘‘devā’’ti samaññā hoti, tathā tesaṃ uppādoti attho. Tenāha ‘‘yāyā’’ti āha. Sabbapadesūti ‘‘gandhabbānaṃ gandhabbatthāyā’’tiādīsu sabbesu jātiniddesapadesu , bhavādipadesu ca. Yena hi nayena sace hi jātīti ayamatthayojanā katā, jātiniddesapadesova ‘‘bhavo’’tiādinā bhavādipadesupi so kātabboti. Devāti upapattidevā cātumahārājikato paṭṭhāya yāva bhavaggā dibbanti kāmaguṇādīhi kīḷanti laḷanti viharanti jotantīti katvā. Gandhaṃ abbanti paribhuñjantīti gandhabbā, dhataraṭṭhassa mahārājassa parivārabhūtā. Yajanti vessavaṇasakkādike pūjentīti yakkhā, tena tena vā paṇidhikammādinā yajitabbā pūjetabbāti yakkhā, vessavaṇassa mahārājassa parivārabhūtā. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘amanussā’’ti avisesena vuttaṃ. Bhūtāti kumbhaṇḍā, virūḷhakassa mahārājassa parivārabhūtā. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘ye keci nibbattasattā’’ti avisesena vuttaṃ. Aṭṭhipakkhā bhamaratuppaḷādayo. Cammapakkhā jatusiṅgālādayo. Lomapakkhā haṃsamorādayo. Sarīsapā ahivicchikasatapadiādayo.
‘‘เตสํ เตส’’นฺติ อิทํ น เยวาปนกนิเทฺทโส วิย อวุตฺตสงฺคหตฺถํ วจนํ, อถ โข อเยวาปนกนิเทฺทโส วิย วุตฺตสงฺคหตฺถนฺติฯ อาทิ-สเทฺทเนว จ อาเมฑิตโตฺถ สงฺคยฺหตีติ อาห ‘‘เตสํ เตสํ เทวคนฺธพฺพาทีน’’นฺติฯ ตทตฺตายาติ ตํภาวาย, ยถารูเปสุ ขเนฺธสุ ปวตฺตมาเนสุ ‘‘เทวา คนฺธพฺพา’’ติ โลกสมญฺญา โหติ, ตถารูปตายาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘เทวคนฺธพฺพาทิภาวายา’’ติฯ ‘‘นิโรโธ, วิคโม’’ติ จ ปฎิลทฺธตฺตาลาภสฺส ภาโว วุจฺจติ, อิธ ปน อจฺจนฺตาภาโว อธิเปฺปโต ‘‘สพฺพโส ชาติยา อสตี’’ติ อวตฺวา ‘‘ชาตินิโรธา’’ติ วุตฺตตฺตาติ อาห ‘‘อภาวาติ อโตฺถ’’ติฯ
‘‘Tesaṃtesa’’nti idaṃ na yevāpanakaniddeso viya avuttasaṅgahatthaṃ vacanaṃ, atha kho ayevāpanakaniddeso viya vuttasaṅgahatthanti. Ādi-saddeneva ca āmeḍitattho saṅgayhatīti āha ‘‘tesaṃ tesaṃ devagandhabbādīna’’nti. Tadattāyāti taṃbhāvāya, yathārūpesu khandhesu pavattamānesu ‘‘devā gandhabbā’’ti lokasamaññā hoti, tathārūpatāyāti attho. Tenāha ‘‘devagandhabbādibhāvāyā’’ti. ‘‘Nirodho, vigamo’’ti ca paṭiladdhattālābhassa bhāvo vuccati, idha pana accantābhāvo adhippeto ‘‘sabbaso jātiyā asatī’’ti avatvā ‘‘jātinirodhā’’ti vuttattāti āha ‘‘abhāvāti attho’’ti.
ผลตฺถาย หิโนตีติ ยถา ผลํ ตโต นิพฺพตฺตติ, เอวํ หิโนติ ปวตฺตติ, ตสฺส เหตุภาวํ อุปคจฺฉตีติ อโตฺถฯ อิทํ คณฺหถ นนฺติ ‘‘อิทํ เม ผลํ, คณฺหถ น’’นฺติ เอวํ อเปฺปติ วิย นิยฺยาเตติ วิยฯ ‘‘เอส นโย’’ติ อวิเสสํ อติทิสิตฺวา วิเสสมตฺตสฺส อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นนุ จายํ ชาติ ปรินิปฺผนฺนา, สงฺขตภาวา จ น โหติ วิการภาวโต, ตถา ชรามรณํ, ตสฺส กถํ สา เหตุ โหตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ชรามรณสฺส หี’’ติอาทิฯ ตพฺภาเว ภาโว, ตทภาเว จ อภาโว ชรามรณสฺส ชาติยา อุปนิสฺสยตาฯ
Phalatthāya hinotīti yathā phalaṃ tato nibbattati, evaṃ hinoti pavattati, tassa hetubhāvaṃ upagacchatīti attho. Idaṃ gaṇhatha nanti ‘‘idaṃ me phalaṃ, gaṇhatha na’’nti evaṃ appeti viya niyyāteti viya. ‘‘Esa nayo’’ti avisesaṃ atidisitvā visesamattassa atthaṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Nanu cāyaṃ jāti parinipphannā, saṅkhatabhāvā ca na hoti vikārabhāvato, tathā jarāmaraṇaṃ, tassa kathaṃ sā hetu hotīti codanaṃ sandhāyāha ‘‘jarāmaraṇassa hī’’tiādi. Tabbhāve bhāvo, tadabhāve ca abhāvo jarāmaraṇassa jātiyā upanissayatā.
๙๙. โอกาสปริคฺคโหติ ปวตฺติฎฺฐานปริคฺคโหฯ อุปปตฺติภเว ยุชฺชติ อุปปตฺติกฺขนฺธานํ ยถาวุตฺตฎฺฐานโต อญฺญตฺถ อนุปฺปชฺชนโตฯ อิธ ปนาติ อิมสฺมิํ สุเตฺต ‘‘กามภโว’’ติอาทินา อาคเต อิมสฺมิํ ฐาเนฯ กมฺมภเว ยุชฺชติ กามภวาทิโชตนา วิเสสโต ตสฺส ชาติยา ปจฺจยภาวโตติฯ เตนาห ‘‘โส หิ ชาติยา อุปนิสฺสยโกฎิยาว ปจฺจโย’’ติฯ นนุ จ อุปปตฺติภโวปิ ชาติยา อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจโย โหตีติ? สจฺจํ โหติ, โส ปน น ตถา ปธานภูโต, กมฺมภโว ปน ปธานภูโต ปจฺจโย ชนกภาวโตติฯ ‘‘โส หิ ชาติยา’’ติอาทิ วุตฺตํ กามภวูปคํ กมฺมํ กามภโวฯ เอส นโย รูปารูปภเวสุปิฯ โอกาสปริคฺคโหว กโต‘‘กิมฺหิจี’’ติ อิมินา สตฺตปริคฺคหสฺส กตตฺตาฯ
99.Okāsapariggahoti pavattiṭṭhānapariggaho. Upapattibhave yujjati upapattikkhandhānaṃ yathāvuttaṭṭhānato aññattha anuppajjanato. Idha panāti imasmiṃ sutte ‘‘kāmabhavo’’tiādinā āgate imasmiṃ ṭhāne. Kammabhave yujjati kāmabhavādijotanā visesato tassa jātiyā paccayabhāvatoti. Tenāha ‘‘so hi jātiyā upanissayakoṭiyāva paccayo’’ti. Nanu ca upapattibhavopi jātiyā upanissayavasena paccayo hotīti? Saccaṃ hoti, so pana na tathā padhānabhūto, kammabhavo pana padhānabhūto paccayo janakabhāvatoti. ‘‘So hi jātiyā’’tiādi vuttaṃ kāmabhavūpagaṃ kammaṃ kāmabhavo. Esa nayo rūpārūpabhavesupi. Okāsapariggahova kato‘‘kimhicī’’ti iminā sattapariggahassa katattā.
๑๐๐. ติณฺณมฺปิ กมฺมภวานนฺติ กามกมฺมภวาทีนํ ติณฺณมฺปิ กมฺมภวานํฯ ติณฺณญฺจ อุปปตฺติภวานนฺติ กามุปปตฺติภวาทีนํ ติณฺณญฺจ อุปปตฺติภวานํฯ ตถา เสสานิปีติ ทิฎฺฐุปาทานาทีนิ เสสุปาทานานิปิ ติณฺณมฺปิ กมฺมภวานํ, ติณฺณญฺจ อุปปตฺติภวานํ ปจฺจโยติ อโตฺถฯ อิตีติ เอวํ วุตฺตนเยนฯ ทฺวาทส กมฺมภวา ทฺวาทส อุปปตฺติภวาติ จตุวีสติภวา เวทิตพฺพาฯ ยสฺมา กมฺมภวสฺส ปจฺจยภาวมุเขเนว อุปาทานํ อุปปตฺติภวสฺส ปจฺจโย นาม โหติ, น อญฺญถา, ตสฺมา อุปาทานํ กมฺมภวสฺส อุชุกเมว ปจฺจยภาโวติ อาห ‘‘นิปฺปริยาเยเนตฺถ ทฺวาทส กมฺมภวา ลพฺภนฺตี’’ติฯ เตสนฺติ กมฺมภวานํฯ สหชาตโกฎิยาติ อกุสลสฺส กมฺมภวสฺส สหชาตํ อุปาทานํ สหชาตโกฎิยา, อิตรํ อนนฺตรูปนิสฺสยาทิวเสน อุปนิสฺสยโกฎิยา, กุสลสฺส กมฺมภวสฺส ปน อุปนิสฺสยโกฎิยาว ปจฺจโยฯ เอตฺถ จ ยถา อญฺญมญฺญนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตาทิปจฺจยานํ สหชาตปจฺจเยน เอกสงฺคหตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สหชาตโกฎิยา’’ติ วุตฺตํ, เอวํ อารมฺมณูปนิสฺสยอนนฺตรูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสยานํ เอกชฺฌํ คหณวเสน ‘‘อุปนิสฺสยโกฎิยา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
100.Tiṇṇampi kammabhavānanti kāmakammabhavādīnaṃ tiṇṇampi kammabhavānaṃ. Tiṇṇañca upapattibhavānanti kāmupapattibhavādīnaṃ tiṇṇañca upapattibhavānaṃ. Tathāsesānipīti diṭṭhupādānādīni sesupādānānipi tiṇṇampi kammabhavānaṃ, tiṇṇañca upapattibhavānaṃ paccayoti attho. Itīti evaṃ vuttanayena. Dvādasa kammabhavā dvādasa upapattibhavāti catuvīsatibhavā veditabbā. Yasmā kammabhavassa paccayabhāvamukheneva upādānaṃ upapattibhavassa paccayo nāma hoti, na aññathā, tasmā upādānaṃ kammabhavassa ujukameva paccayabhāvoti āha ‘‘nippariyāyenettha dvādasa kammabhavā labbhantī’’ti. Tesanti kammabhavānaṃ. Sahajātakoṭiyāti akusalassa kammabhavassa sahajātaṃ upādānaṃ sahajātakoṭiyā, itaraṃ anantarūpanissayādivasena upanissayakoṭiyā, kusalassa kammabhavassa pana upanissayakoṭiyāva paccayo. Ettha ca yathā aññamaññanissayasampayuttaatthiavigatādipaccayānaṃ sahajātapaccayena ekasaṅgahataṃ dassetuṃ ‘‘sahajātakoṭiyā’’ti vuttaṃ, evaṃ ārammaṇūpanissayaanantarūpanissayapakatūpanissayānaṃ ekajjhaṃ gahaṇavasena ‘‘upanissayakoṭiyā’’ti vuttanti daṭṭhabbaṃ.
๑๐๑. อุปาทานสฺสาติ เอตฺถ กามุปาทานสฺส ตณฺหา อุปนิสฺสยโกฎิยาว ปจฺจโย, เสสุปาทานานํ สหชาตโกฎิยาปิ อุปนิสฺสยโกฎิยาปิ วิญฺญาณาทิ จ เวทนาปริโยสานา วิปากวิธีติ กตฺวาฯ
101.Upādānassāti ettha kāmupādānassa taṇhā upanissayakoṭiyāva paccayo, sesupādānānaṃ sahajātakoṭiyāpi upanissayakoṭiyāpi viññāṇādi ca vedanāpariyosānā vipākavidhīti katvā.
๑๐๒. ยทิทํ เวทนาติ เอตฺถ วิปากเวทนาติ ตเมว ตาว อุปนิสฺสยโกฎิยา ปจฺจโย อิตรโกฎิยา อสมฺภวโตฯ อญฺญาติ กุสลากุสลกิริยเวทนาฯ อญฺญถาปีติ สหชาตโกฎิยาปิฯ
102.Yadidaṃ vedanāti ettha vipākavedanāti tameva tāva upanissayakoṭiyā paccayo itarakoṭiyā asambhavato. Aññāti kusalākusalakiriyavedanā. Aññathāpīti sahajātakoṭiyāpi.
๑๐๓. เอตฺตาวตาติ ชรามรณาทีนํ ปจฺจยปรมฺปราทสฺสนวเสน ปวตฺตาย เอตฺตกาย เทสนายฯ ปุริมตณฺหนฺติ ปุริมภวสิทฺธํ ตณฺหํฯ ‘‘เอส ปจฺจโย ตณฺหาย, ยทิทํ เวทนา’’ติ วตฺวา ตทนนฺตรํ ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนาติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺต’’นฺติอาทินา เวทนาย ปจฺจยภูตสฺส ผสฺสสฺส อุทฺธรณํ อเญฺญสุ สุเตฺตสุ อาคตนเยน ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส เทสนามโคฺค , ตํ ปน อโนตริตฺวา สมุทาจารตณฺหาทสฺสนมุเขเนว ตณฺหามูลกธเมฺม เทเสโนฺต อาจิณฺณเทสนามคฺคโต โอกฺกมโนฺต วิย, ตญฺจ เทสนํ ปสฺสโต อปฺปวตฺตนฺติ ปสยฺห พลกฺกาเรน เทเสโนฺต วิย จ โหตีติ อาห ‘‘อิทานี’’ติอาทิฯ เทฺว ตณฺหาติ อิธาธิเปฺปตตณฺหา เอว ทฺวิธา ภินฺทโนฺต อาหฯ เอสนตณฺหาติ โภคานํ ปริเยสนวเสน ปวตฺตตณฺหาฯ เอสิตตณฺหาติ ปริยิเฎฺฐสุ โภเคสุ อุปฺปชฺชมานตณฺหาฯ สมุทาจารตณฺหายาติ ปริยุฎฺฐานวเสน ปวตฺตตณฺหายฯ ทุวิธาเปสา เวทนํ ปฎิจฺจ ตณฺหา นาม เวทนาปจฺจยา จ อปฺปฎิลทฺธานํ โภคานํ ปฎิลาภาย ปริเยสนา, ลเทฺธสุ จ เตสุปาตพฺยตาปตฺติอาทิ โหตีติฯ
103.Ettāvatāti jarāmaraṇādīnaṃ paccayaparamparādassanavasena pavattāya ettakāya desanāya. Purimataṇhanti purimabhavasiddhaṃ taṇhaṃ. ‘‘Esa paccayo taṇhāya, yadidaṃ vedanā’’ti vatvā tadanantaraṃ ‘‘phassapaccayā vedanāti iti kho panetaṃ vutta’’ntiādinā vedanāya paccayabhūtassa phassassa uddharaṇaṃ aññesu suttesu āgatanayena paṭiccasamuppādassa desanāmaggo , taṃ pana anotaritvā samudācārataṇhādassanamukheneva taṇhāmūlakadhamme desento āciṇṇadesanāmaggato okkamanto viya, tañca desanaṃ passato appavattanti pasayha balakkārena desento viya ca hotīti āha ‘‘idānī’’tiādi. Dve taṇhāti idhādhippetataṇhā eva dvidhā bhindanto āha. Esanataṇhāti bhogānaṃ pariyesanavasena pavattataṇhā. Esitataṇhāti pariyiṭṭhesu bhogesu uppajjamānataṇhā. Samudācārataṇhāyāti pariyuṭṭhānavasena pavattataṇhāya. Duvidhāpesā vedanaṃ paṭicca taṇhānāma vedanāpaccayā ca appaṭiladdhānaṃ bhogānaṃ paṭilābhāya pariyesanā, laddhesu ca tesupātabyatāpattiādi hotīti.
ปริตสฺสนวเสน ปริเยสติ เอตายาติ ปริเยสนาฯ อาสยโต, ปโยคโต จ ปริเยสนา ตถาปวโตฺต จิตฺตุปฺปาโทฯ เตนาห ‘‘ตณฺหาย สติ โหตี’’ติฯ รูปาทิอารมฺมณปฎิลาโภติ สวตฺถุกานํ รูปาทิอารมฺมณานํ คเวสนวเสน, ปวตฺติยํ ปน อปริยิฎฺฐํเยว ลพฺภติ, ตมฺปิ อตฺถโต ปริเยสนาย ลทฺธเมว นาม ตถารูปสฺส กมฺมสฺส ปุเพฺพกตตฺตา เอว ลพฺภนโตฯ เตนาห ‘‘โส หิ ปริเยสนาย สติ โหตี’’ติฯ สุขวินิจฺฉยนฺติ สุขํ วิเสสโต นิจฺฉิโนตีติ สุขวินิจฺฉโย, สุขํ สภาวโต, สมุทยโต, อตฺถงฺคมนโต, นิสฺสรณโต จ ยาถาวโต ชานิตฺวา ปวตฺตญาณํ, ตํ สุขวินิจฺฉยํฯ ชญฺญาติ ชาเนยฺยฯ ‘‘สุภสุข’’นฺติอาทิกํ อารมฺมเณ อภูตาการํ วิวิธํ นินฺนภาเวน นิจฺฉิโนติ อาโรเปตีติ วินิจฺฉโยฯ อสฺสาทานุปสฺสนตณฺหาทิฎฺฐิยาปิ เอวเมว วินิจฺฉยภาโว เวทิตโพฺพฯ อิมสฺมิํ ปน สุเตฺต วิตโกฺกเยว อาคโตติ โยชนาฯ อิมสฺมิํ ปน สุเตฺตติ สกฺกปญฺหสุเตฺตฯ (ที. นิ. ๒.๓๕๘) ตตฺถ หิ ‘‘ฉโนฺท โข, เทวานํ อินฺท, วิตกฺกนิทาโน’’ติ อาคตํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ มหานิทานสุเตฺตฯ ‘‘วิตเกฺกเนว วินิจฺฉินาตี’’ติ เอเตน ‘‘วินิจฺฉียติ เอเตนาติ วินิจฺฉโย’’ติ วินิจฺฉย-สทฺทสฺส กรณสาธนมาหฯ ‘‘เอตฺตก’’นฺติอาทิ วินิจฺฉยนาการทสฺสนํฯ
Paritassanavasena pariyesati etāyāti pariyesanā. Āsayato, payogato ca pariyesanā tathāpavatto cittuppādo. Tenāha ‘‘taṇhāya sati hotī’’ti. Rūpādiārammaṇapaṭilābhoti savatthukānaṃ rūpādiārammaṇānaṃ gavesanavasena, pavattiyaṃ pana apariyiṭṭhaṃyeva labbhati, tampi atthato pariyesanāya laddhameva nāma tathārūpassa kammassa pubbekatattā eva labbhanato. Tenāha ‘‘so hi pariyesanāya sati hotī’’ti. Sukhavinicchayanti sukhaṃ visesato nicchinotīti sukhavinicchayo, sukhaṃ sabhāvato, samudayato, atthaṅgamanato, nissaraṇato ca yāthāvato jānitvā pavattañāṇaṃ, taṃ sukhavinicchayaṃ. Jaññāti jāneyya. ‘‘Subhasukha’’ntiādikaṃ ārammaṇe abhūtākāraṃ vividhaṃ ninnabhāvena nicchinoti āropetīti vinicchayo. Assādānupassanataṇhādiṭṭhiyāpi evameva vinicchayabhāvo veditabbo. Imasmiṃ pana sutte vitakkoyeva āgatoti yojanā. Imasmiṃ pana sutteti sakkapañhasutte. (Dī. ni. 2.358) tattha hi ‘‘chando kho, devānaṃ inda, vitakkanidāno’’ti āgataṃ. Idhāti imasmiṃ mahānidānasutte.‘‘Vitakkeneva vinicchinātī’’ti etena ‘‘vinicchīyati etenāti vinicchayo’’ti vinicchaya-saddassa karaṇasādhanamāha. ‘‘Ettaka’’ntiādi vinicchayanākāradassanaṃ.
ฉนฺทนเฎฺฐน ฉโนฺท, เอวํ รญฺชนเฎฺฐน ราโค, สฺวายํ อนาเสวนตาย มโนฺท หุตฺวา ปวโตฺต อิธาธิเปฺปโตติ อาห ‘‘ทุพฺพลราคสฺสาธิวจน’’นฺติฯ อโชฺฌสานนฺติ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน อภินิวิสนํฯ ‘‘มยฺหํ อิท’’นฺติ หิ ตณฺหาคาโห เยภุเยฺยน อตฺตคฺคาหสนฺนิสฺสโยว โหติฯ เตนาห ‘‘อหํ มม’’นฺติ, ‘‘พลวสนฺนิฎฺฐาน’’นฺติ จ เตสํ คาหานํ ถิรภาวปฺปตฺติมาหฯ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน ปริคฺคหกรณนฺติ ‘‘อหํ มม’’นฺติ พลวสนฺนิฎฺฐานวเสน อภินิวิฎฺฐสฺส อตฺตตฺตนิยคฺคาหวตฺถุโน อญฺญาสาธารณํ วิย กตฺวา ปริคฺคเหตฺวา ฐานํ, ตถาปวโตฺต โลภสหคตจิตฺตุปฺปาโทฯ อตฺตนา ปริคฺคหิตสฺส วตฺถุโน ยสฺส วเสน ปเรหิ สาธารณภาวสฺส อสหมาโน โหติ ปุคฺคโล, โส ธโมฺม อสหนตาฯ เอวํ วจนตฺถํ วทนฺติ นิรุตฺตินเยนฯ สทฺทลกฺขเณ ปน ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน มจฺฉริยโยคโต ปุคฺคโล มจฺฉโร, ตสฺส ภาโว, กมฺมํ วา มจฺฉริยํ, มเจฺฉโร ธโมฺมฯ มจฺฉริยสฺส พลวภาวโต อาทเรน รกฺขณํ อารโกฺขติ อาห ‘‘ทฺวาร…เป.… สุฎฺฐุ รกฺขณ’’นฺติฯ อตฺตโน ผลํ กโรตีติ กรณํ, ยํ กิญฺจิ การณํ, อธิกํ กรณนฺติ อธิกรณํ, วิเสสการณํฯ วิเสสการณญฺจ โภคานํ อารกฺขทณฺฑาทานาทิอนตฺถสมฺภวสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘อารกฺขาธิกรณ’’นฺติอาทิฯ ปรนิเสธนตฺถนฺติ มารณาทินา ปเรสํ วิพาธนตฺถํฯ อาทียติ เอเตนาติ อาทานํ, ทณฺฑสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํ, อภิภวิตฺวา ปรวิเหฐนจิตฺตุปฺปาโทฯ สตฺถาทาเนปิ เอเสว นโยฯ หตฺถปรามาสาทิวเสน กาเยน กาตพฺพกลโห กายกลโหฯ มมฺมฆฎฺฎนาทิวเสน วาจาย กาตพฺพกลโห วาจากลโหฯ วิรุชฺฌนวเสน วิรูปํ คณฺหาติ เอเตนาติ วิคฺคโหฯ วิรุทฺธํ วทติ เอเตนาติ วิวาโทฯ ตุวํ ตุวนฺติ อคารววจนสหจรณโต ตุวํ ตุวํ, สเพฺพเต ตถาปวตฺตา โทสสหคตจิตฺตุปฺปาทา เวทิตพฺพาฯ เตนาห ภควา ‘‘อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๔)ฯ
Chandanaṭṭhena chando, evaṃ rañjanaṭṭhena rāgo, svāyaṃ anāsevanatāya mando hutvā pavatto idhādhippetoti āha ‘‘dubbalarāgassādhivacana’’nti. Ajjhosānanti taṇhādiṭṭhivasena abhinivisanaṃ. ‘‘Mayhaṃ ida’’nti hi taṇhāgāho yebhuyyena attaggāhasannissayova hoti. Tenāha ‘‘ahaṃ mama’’nti, ‘‘balavasanniṭṭhāna’’nti ca tesaṃ gāhānaṃ thirabhāvappattimāha. Taṇhādiṭṭhivasena pariggahakaraṇanti ‘‘ahaṃ mama’’nti balavasanniṭṭhānavasena abhiniviṭṭhassa attattaniyaggāhavatthuno aññāsādhāraṇaṃ viya katvā pariggahetvā ṭhānaṃ, tathāpavatto lobhasahagatacittuppādo. Attanā pariggahitassa vatthuno yassa vasena parehi sādhāraṇabhāvassa asahamāno hoti puggalo, so dhammo asahanatā. Evaṃ vacanatthaṃ vadanti niruttinayena. Saddalakkhaṇe pana yassa dhammassa vasena macchariyayogato puggalo maccharo, tassa bhāvo, kammaṃ vā macchariyaṃ, macchero dhammo. Macchariyassa balavabhāvato ādarena rakkhaṇaṃ ārakkhoti āha ‘‘dvāra…pe… suṭṭhu rakkhaṇa’’nti. Attano phalaṃ karotīti karaṇaṃ, yaṃ kiñci kāraṇaṃ, adhikaṃ karaṇanti adhikaraṇaṃ, visesakāraṇaṃ. Visesakāraṇañca bhogānaṃ ārakkhadaṇḍādānādianatthasambhavassāti vuttaṃ ‘‘ārakkhādhikaraṇa’’ntiādi. Paranisedhanatthanti māraṇādinā paresaṃ vibādhanatthaṃ. Ādīyati etenāti ādānaṃ, daṇḍassa ādānaṃ daṇḍādānaṃ, abhibhavitvā paraviheṭhanacittuppādo. Satthādānepi eseva nayo. Hatthaparāmāsādivasena kāyena kātabbakalaho kāyakalaho. Mammaghaṭṭanādivasena vācāya kātabbakalaho vācākalaho. Virujjhanavasena virūpaṃ gaṇhāti etenāti viggaho. Viruddhaṃ vadati etenāti vivādo. Tuvaṃ tuvanti agāravavacanasahacaraṇato tuvaṃ tuvaṃ, sabbete tathāpavattā dosasahagatacittuppādā veditabbā. Tenāha bhagavā ‘‘aneke pāpakā akusalā dhammā sambhavantī’’ti (dī. ni. 2.104).
๑๑๒. เทสนํ นิวเตฺตสีติ ‘‘ตณฺหํ ปฎิจฺจ ปริเยสนา’’ติอาทินา อนุโลมนเยน ปวตฺติตํ เทสนํ ปฎิโลมนเยน ปุน ‘‘อารกฺขาธิกรณ’’นฺติ อารภโนฺต นิวเตฺตสิฯ ปญฺจกามคุณิกราควเสนาติ อารมฺมณภูตา ปญฺจ กามคุณา เอตสฺส อตฺถีติ ปญฺจกามคุณิโก, ตตฺถ รญฺชนวเสน อภิรมณวเสน ปวตฺตราโค, ตสฺส วเสน อุปฺปนฺนา รญฺชนวเสน ตณฺหายนวเสน ปวตฺตา รูปาทิตณฺหาว กาเมสุ ตณฺหาติ กามตณฺหาฯ ภวติ อตฺถิ สพฺพกาลํ ติฎฺฐตีติ ปวตฺตา ภวทิฎฺฐิ อุตฺตรปทโลเปน ภโว, ตํสหคตา ตณฺหา ภวตณฺหาฯ วิภวติ วินสฺสติ อุจฺฉิชฺชตีติ ปวตฺตา วิภวทิฎฺฐิ วิภโว อุตฺตรปทโลเปน, ตํสหคตา ตณฺหา วิภวตณฺหาติ อาห ‘‘สสฺสตทิฎฺฐี’’ติอาทิฯ อิเม เทฺว ธมฺมาติ ‘‘เอส ปจฺจโย อุปาทานสฺส, ยทิทํ ตณฺหา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๑) เอวํ วุตฺตา วฎฺฎมูลตณฺหา จ ‘‘ตณฺหํ ปฎิจฺจ ปริเยสนา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๓) เอวํ วุตฺตา สมุทาจารตณฺหา จาติ อิเม เทฺว ธมฺมาฯ วฎฺฎมูลสมุทาจารวเสนาติ วฎฺฎมูลวเสน เจว สมุทาจารวเสน จฯ ทฺวีหิ โกฎฺฐาเสหีติ ทฺวีหิ ภาเคหิฯ ทฺวีหิ อวยเวหิ สโมสรนฺติ นิพฺพตฺตนวเสน สมํ วตฺตนฺติ อิโตติ สโมสรณํ, ปจฺจโย, เอกํ สโมสรณํ เอตาสนฺติ เอกสโมสรณาฯ เกน ปน เอกสโมสรณาติ อาห ‘‘เวทนายา’’ติฯ เทฺวปิ หิ ตณฺหา เวทนาปจฺจยา เอวาติฯ เตนาห ‘‘เวทนาปจฺจเยน เอกปจฺจยา’’ติฯ ตโต ตโต โอสริตฺวา อาคนฺตฺวา สมวสนฎฺฐานํ โอสรณ สโมสรณํฯ เวทนาย สมํ สห เอกสฺมิํ อารมฺมเณ โอสรณกปวตฺตนกา เวทนา สโมสรณาติ อาห ‘‘อิทํ สหชาตสโมสรณํ นามา’’ติฯ
112.Desanaṃ nivattesīti ‘‘taṇhaṃ paṭicca pariyesanā’’tiādinā anulomanayena pavattitaṃ desanaṃ paṭilomanayena puna ‘‘ārakkhādhikaraṇa’’nti ārabhanto nivattesi. Pañcakāmaguṇikarāgavasenāti ārammaṇabhūtā pañca kāmaguṇā etassa atthīti pañcakāmaguṇiko, tattha rañjanavasena abhiramaṇavasena pavattarāgo, tassa vasena uppannā rañjanavasena taṇhāyanavasena pavattā rūpāditaṇhāva kāmesu taṇhāti kāmataṇhā. Bhavati atthi sabbakālaṃ tiṭṭhatīti pavattā bhavadiṭṭhi uttarapadalopena bhavo, taṃsahagatā taṇhā bhavataṇhā. Vibhavati vinassati ucchijjatīti pavattā vibhavadiṭṭhi vibhavo uttarapadalopena, taṃsahagatā taṇhā vibhavataṇhāti āha ‘‘sassatadiṭṭhī’’tiādi. Ime dve dhammāti ‘‘esa paccayo upādānassa, yadidaṃ taṇhā’’ti (dī. ni. 2.101) evaṃ vuttā vaṭṭamūlataṇhā ca ‘‘taṇhaṃ paṭicca pariyesanā’’ti (dī. ni. 2.103) evaṃ vuttā samudācārataṇhā cāti ime dve dhammā. Vaṭṭamūlasamudācāravasenāti vaṭṭamūlavasena ceva samudācāravasena ca. Dvīhi koṭṭhāsehīti dvīhi bhāgehi. Dvīhi avayavehi samosaranti nibbattanavasena samaṃ vattanti itoti samosaraṇaṃ, paccayo, ekaṃ samosaraṇaṃ etāsanti ekasamosaraṇā. Kena pana ekasamosaraṇāti āha ‘‘vedanāyā’’ti. Dvepi hi taṇhā vedanāpaccayā evāti. Tenāha ‘‘vedanāpaccayena ekapaccayā’’ti. Tato tato osaritvā āgantvā samavasanaṭṭhānaṃ osaraṇa samosaraṇaṃ. Vedanāya samaṃ saha ekasmiṃ ārammaṇe osaraṇakapavattanakā vedanā samosaraṇāti āha ‘‘idaṃ sahajātasamosaraṇaṃ nāmā’’ti.
๑๑๓. สเพฺพติ อุปฺปตฺติทฺวารวเสน ภินฺทิตฺวา วุตฺตา สวิปากผสฺสา เอว วิญฺญาณาทิ เวทนาปริโยสานา วิปากวิถีติ กตฺวาฯ ปฎิจฺจสมุปฺปาทกถา นาม วฎฺฎกถาติ อาห ‘‘ฐเปตฺวา จตฺตาโร โลกุตฺตรวิปากผเสฺส’’ติฯ พหุธาติ พหุปฺปกาเรนฯ อยญฺหิ ปญฺจทฺวาเร จกฺขุปสาทาทิวตฺถุกานํ ปญฺจนฺนํ เวทนานํ จกฺขุสมฺผสฺสาทิโก ผโสฺส สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยวิปากอาหารสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน อฎฺฐธา ปจฺจโย โหติฯ เสสานํ ปน เอเกกสฺมิํ ทฺวาเร สมฺปฎิจฺฉนสนฺตีรณตทารมฺมณวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรวิปากเวทนานํ จกฺขุสมฺผสฺสาทิโก ผโสฺส อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติฯ มโนทฺวาเรปิ ตทารมฺมณวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรวิปากเวทนานํ สหชาตมโนสมฺผโสฺส ตเถว อฎฺฐธา ปจฺจโย โหติ, ตถา ปฎิสนฺธิภวงฺคจุติวเสน ปวตฺตานํ เตภูมกวิปากเวทนานํฯ ยา ปน ตา มโนทฺวาเร ตทารมฺมณวเสน ปวตฺตา กามาวจรเวทนา, ตาสํ มโนทฺวาราวชฺชนสมฺปยุโตฺต มโนสมฺผโสฺส อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหตีติ เอวํ ผโสฺส พหุธา เวทนาย ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํฯ
113.Sabbeti uppattidvāravasena bhinditvā vuttā savipākaphassā eva viññāṇādi vedanāpariyosānā vipākavithīti katvā. Paṭiccasamuppādakathā nāma vaṭṭakathāti āha ‘‘ṭhapetvā cattāro lokuttaravipākaphasse’’ti. Bahudhāti bahuppakārena. Ayañhi pañcadvāre cakkhupasādādivatthukānaṃ pañcannaṃ vedanānaṃ cakkhusamphassādiko phasso sahajātaaññamaññanissayavipākaāhārasampayuttaatthiavigatavasena aṭṭhadhā paccayo hoti. Sesānaṃ pana ekekasmiṃ dvāre sampaṭicchanasantīraṇatadārammaṇavasena pavattānaṃ kāmāvacaravipākavedanānaṃ cakkhusamphassādiko phasso upanissayavasena ekadhāva paccayo hoti. Manodvārepi tadārammaṇavasena pavattānaṃ kāmāvacaravipākavedanānaṃ sahajātamanosamphasso tatheva aṭṭhadhā paccayo hoti, tathā paṭisandhibhavaṅgacutivasena pavattānaṃ tebhūmakavipākavedanānaṃ. Yā pana tā manodvāre tadārammaṇavasena pavattā kāmāvacaravedanā, tāsaṃ manodvārāvajjanasampayutto manosamphasso upanissayavasena ekadhāva paccayo hotīti evaṃ phasso bahudhā vedanāya paccayo hotīti veditabbaṃ.
๑๑๔. เวทนาทีนนฺติ เวทนาสญฺญาสงฺขารวิญฺญาณานํฯ อสทิสภาวาติ อนุภวนสญฺชานนาภิสงฺขรณวิชานนภาวาฯ เต หิ อญฺญมญฺญวิธุเรน เวทยิตาทิรูเปน อากิริยนฺติ ปญฺญายนฺตีติ อาการาติ วุจฺจนฺติฯ เตเยวาติ เวทนาทีนํ เต เอว เวทยิตาทิอาการาฯ สาธุกํ ทสฺสิยมานาติ สกฺกจฺจํ ปจฺจกฺขโต วิย ปกาสิยมานาฯ ตํ ตํ ลีนมตฺถํ คเมนฺตีติ ‘‘อรูปโฎฺฐ อารมฺมณาภิมุขนมนโฎฺฐ’’ติ เอวมาทิกํ ตํ ตํ ลีนํ อปากฎมตฺถํ คเมนฺติ ญาเปนฺตีติ ลิงฺคานิฯ ตสฺส ตสฺส สญฺชานนเหตุโตติ ตสฺส ตสฺส อรูปฎฺฐาทิกสฺส สลฺลกฺขณสฺส การณตฺตาฯ นิมียนฺติ อนุมียนฺติ เอเตหีติ นิมิตฺตานิฯ ตถา ตถา อรูปภาวาทิปฺปกาเรน, เวทยิตาทิปฺปกาเรน จ อุทฺทิสิตพฺพโต กเถตพฺพโต อุเทฺทสาฯ ตสฺมาติ ‘‘อสทิสภาวา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติฯ ยสฺมา เวทนาทีนํ อญฺญมญฺญอสทิสภาวา ยถาวุเตฺตนเตฺถน อาการาทโย, ตสฺมา อยํ อิทานิ วุจฺจมาโน เอตฺถ ปาฬิปเท อโตฺถฯ
114.Vedanādīnanti vedanāsaññāsaṅkhāraviññāṇānaṃ. Asadisabhāvāti anubhavanasañjānanābhisaṅkharaṇavijānanabhāvā. Te hi aññamaññavidhurena vedayitādirūpena ākiriyanti paññāyantīti ākārāti vuccanti. Teyevāti vedanādīnaṃ te eva vedayitādiākārā. Sādhukaṃ dassiyamānāti sakkaccaṃ paccakkhato viya pakāsiyamānā. Taṃ taṃ līnamatthaṃ gamentīti ‘‘arūpaṭṭho ārammaṇābhimukhanamanaṭṭho’’ti evamādikaṃ taṃ taṃ līnaṃ apākaṭamatthaṃ gamenti ñāpentīti liṅgāni. Tassa tassa sañjānanahetutoti tassa tassa arūpaṭṭhādikassa sallakkhaṇassa kāraṇattā. Nimīyanti anumīyanti etehīti nimittāni. Tathā tathā arūpabhāvādippakārena, vedayitādippakārena ca uddisitabbato kathetabbato uddesā. Tasmāti ‘‘asadisabhāvā’’tiādinā vuttamevatthaṃ kāraṇabhāvena paccāmasati. Yasmā vedanādīnaṃ aññamaññaasadisabhāvā yathāvuttenatthena ākārādayo, tasmā ayaṃ idāni vuccamāno ettha pāḷipade attho.
นามสมูหสฺสาติ อารมฺมณาภิมุขํ นมนเฎฺฐน ‘‘นาม’’นฺติ ลทฺธสมญฺญสฺส เวทนาทิจตุกฺขนฺธสงฺขาตสฺส อรูปธมฺมปุญฺชสฺสฯ ปญฺญตฺตีติ ‘‘นามกาโย อรูปกลาโป อรูปิโน ขนฺธา’’ติอาทิกา ปญฺญาปนา โหติฯ เจตนาปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธธมฺมานํ ‘‘สงฺขารานํ เจตนากาเร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธวิภชเน ‘‘ยา เจตนา สเญฺจตนา สเญฺจตยิตตฺต’’นฺติ (วิภ. ๒๔๙ อภิธมฺมภาชนีเย) เจตนาว นิทฺทิฎฺฐาฯ อสตีติ อสเนฺตสุฯ วจนวิปลฺลาเสน หิ เอวํ วุตฺตํฯ จตฺตาโร ขเนฺธ วตฺถุํ กตฺวาติ เวทนา สญฺญา จิตฺตํ เจตนาทโยติ อิเม จตุกฺขนฺธสญฺญิเต นิสฺสยปจฺจยภูเต ธเมฺม วตฺถุํ กตฺวาฯ อยญฺจ นโย ปญฺจทฺวาเรปิ สมฺภวตีติ ‘‘มโนทฺวาเร’’ติ วิเสสิตํฯ อธิวจนสมฺผสฺสเววจโนติ อธิวจนมุเขน ปญฺญตฺติมุเขน คเหตพฺพตฺตา ‘‘อธิวจนสมฺผโสฺส’’ติ ลทฺธนาโมฯ โสติ มโนสมฺผโสฺสฯ ปญฺจโวกาเร จ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย ลพฺภนโต รูปกาเย ปญฺญายเตว, อยํ ปน นโย อิธ น อิจฺฉิโต เวทนาทิปฎิเกฺขปวเสน อสมฺภวปริยายสฺส โชติตตฺตาติ ‘‘ปญฺจปสาเท วตฺถุํ กตฺวา อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ อโตฺถ วุโตฺตฯ น หิ เวทนาสนฺนิสฺสเยน วินา ปญฺจปสาเท วตฺถุํ กตฺวา มโนสมฺผสฺสสฺส สมฺภโว อตฺถิฯ อุปฺปตฺติฎฺฐาเน อสติ อนุปฺปตฺติฎฺฐานโต ผลสฺส อุปฺปตฺติ นาม กทาจิปิ นตฺถีติ อิมมตฺถํ ยถาธิคตสฺส อตฺถสฺส นิทสฺสนวเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘อมฺพรุเกฺข’’ติอาทิมาห ฯ รูปกายโตติ เกวลํ รูปกายโตฯ ตสฺสาติ มโนสมฺผสฺสสฺสฯ
Nāmasamūhassāti ārammaṇābhimukhaṃ namanaṭṭhena ‘‘nāma’’nti laddhasamaññassa vedanādicatukkhandhasaṅkhātassa arūpadhammapuñjassa. Paññattīti ‘‘nāmakāyo arūpakalāpo arūpino khandhā’’tiādikā paññāpanā hoti. Cetanāpadhānattā saṅkhārakkhandhadhammānaṃ ‘‘saṅkhārānaṃ cetanākāre’’tiādi vuttaṃ. Tathā hi suttantabhājanīye saṅkhārakkhandhavibhajane ‘‘yā cetanā sañcetanā sañcetayitatta’’nti (vibha. 249 abhidhammabhājanīye) cetanāva niddiṭṭhā. Asatīti asantesu. Vacanavipallāsena hi evaṃ vuttaṃ. Cattāro khandhe vatthuṃ katvāti vedanā saññā cittaṃ cetanādayoti ime catukkhandhasaññite nissayapaccayabhūte dhamme vatthuṃ katvā. Ayañca nayo pañcadvārepi sambhavatīti ‘‘manodvāre’’ti visesitaṃ. Adhivacanasamphassavevacanoti adhivacanamukhena paññattimukhena gahetabbattā ‘‘adhivacanasamphasso’’ti laddhanāmo. Soti manosamphasso. Pañcavokāre ca hadayavatthuṃ nissāya labbhanato rūpakāye paññāyateva, ayaṃ pana nayo idha na icchito vedanādipaṭikkhepavasena asambhavapariyāyassa jotitattāti ‘‘pañcapasāde vatthuṃ katvā uppajjeyyā’’ti attho vutto. Na hi vedanāsannissayena vinā pañcapasāde vatthuṃ katvā manosamphassassa sambhavo atthi. Uppattiṭṭhāne asati anuppattiṭṭhānato phalassa uppatti nāma kadācipi natthīti imamatthaṃ yathādhigatassa atthassa nidassanavasena dassento ‘‘ambarukkhe’’tiādimāha . Rūpakāyatoti kevalaṃ rūpakāyato. Tassāti manosamphassassa.
วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิภูตตรา วิสทิสุปฺปตฺติ, ตสฺมิํ วา สติ อตฺตโน สนฺตาเน วิชฺชมานเสฺสว วิสทิสุปฺปตฺติเหตุภาโว รุปฺปนากาโรฯ โส เอว รุปฺปนากาโร วตฺถุสปฺปฎิฆาทิกํ ตํ ตํ ลีนมตฺถํ คเมตีติ ลิงฺคํฯ ตสฺส ตสฺส สญฺชานนเหตุโต นิมิตฺตํฯ ตถา ตถา อุทฺทิสิตพฺพโต อุเทฺทโสติ เอวเมตฺถ อาการาทโย อตฺถโต เวทิตพฺพาฯ วตฺถารมฺมณานํ อญฺญมญฺญปฎิหนนํ ปฎิโฆ, ตโต ปฎิฆโต ชาโต ปฎิฆสมฺผโสฺสฯ เตนาห ‘‘สปฺปฎิฆ’’นฺติอาทิฯ นามกายโตติ เกวลํ นามกายโตฯ ตสฺสาติ ปฎิฆสมฺผสฺสสฺสฯ เสสํ ปฐมปเญฺห วุตฺตนยเมวฯ
Virodhipaccayasannipāte vibhūtatarā visadisuppatti, tasmiṃ vā sati attano santāne vijjamānasseva visadisuppattihetubhāvo ruppanākāro. So eva ruppanākāro vatthusappaṭighādikaṃ taṃ taṃ līnamatthaṃ gametīti liṅgaṃ. Tassa tassa sañjānanahetuto nimittaṃ. Tathā tathā uddisitabbato uddesoti evamettha ākārādayo atthato veditabbā. Vatthārammaṇānaṃ aññamaññapaṭihananaṃ paṭigho, tato paṭighato jāto paṭighasamphasso. Tenāha ‘‘sappaṭigha’’ntiādi. Nāmakāyatoti kevalaṃ nāmakāyato. Tassāti paṭighasamphassassa. Sesaṃ paṭhamapañhe vuttanayameva.
อุภยวเสนาติ นามกาโย รูปกาโยติ อุภยสนฺนิสฺสยสฺส อธิวจนสมฺผโสฺส ปฎิฆสมฺผโสฺสติ อุภยสมฺผสฺสสฺส วเสนฯ
Ubhayavasenāti nāmakāyo rūpakāyoti ubhayasannissayassa adhivacanasamphasso paṭighasamphassoti ubhayasamphassassa vasena.
วิสุํ วิสุํ ปจฺจยํ ทเสฺสตฺวาติ พฺยติเรกมุเขน ปเจฺจกํ นามกายรูปกายสญฺญิตํ ปจฺจยํ ทเสฺสตฺวาฯ เตสนฺติ ผสฺสานํฯ อวิเสสโตติ วิเสสํ อกตฺวา สามญฺญโตฯ ทเสฺสตุนฺติ พฺยติเรกมุเขเนว ทเสฺสตุํฯ เอเสว เหตูติ เอส ฉสุปิ ทฺวาเรสุ ปวโตฺต นามรูปสงฺขาโต เหตุ ยถารหํ ทฺวินฺนมฺปิ ผสฺสานํฯ อิทานิ ตํ ยถารหํ ปวตฺติํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘จกฺขุทฺวาราทีสุ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Visuṃ visuṃ paccayaṃ dassetvāti byatirekamukhena paccekaṃ nāmakāyarūpakāyasaññitaṃ paccayaṃ dassetvā. Tesanti phassānaṃ. Avisesatoti visesaṃ akatvā sāmaññato. Dassetunti byatirekamukheneva dassetuṃ. Eseva hetūti esa chasupi dvāresu pavatto nāmarūpasaṅkhāto hetu yathārahaṃ dvinnampi phassānaṃ. Idāni taṃ yathārahaṃ pavattiṃ vibhajitvā dassetuṃ ‘‘cakkhudvārādīsu hī’’tiādi vuttaṃ.
สมฺปยุตฺตกา ขนฺธาติ ผเสฺสน สมฺปยุตฺตา เวทนาทโย ขนฺธาฯ อาวชฺชนสฺสาปิ สมฺปยุตฺตกฺขนฺธคฺคหเณเนเวตฺถ คหณํ ทฎฺฐพฺพํ ตทวินาภาวโตฯ ปรโต มโนสมฺผเสฺสปิ เอเสว นโยฯ ปญฺจวิโธปีติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิวเสน ปญฺจวิโธปิฯ โส ผโสฺสติ ปฎิฆสมฺผโสฺสฯ พหุธาติ พหุปฺปกาเรนฯ ตถา หิ วิปากนามํ วิปากสฺส อเนกเภทสฺส มโนสมฺผสฺสสฺส สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยวิปากสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน สตฺตธา ปจฺจโย โหติฯ ยํ ปเนตฺถ อาหารกิจฺจํ, ตํ อาหารปจฺจยวเสนฯ ยํ อินฺทฺริยกิจฺจํ, ตํ อินฺทฺริยปจฺจยวเสน ปจฺจโย โหติฯ อวิปากํ ปน นามํ อวิปากสฺส มโนสมฺผสฺสสฺส ฐเปตฺวา วิปากปจฺจยํ อิตเรสํ วเสน ปจฺจโย โหติฯ รูปํ ปน จกฺขายตนาทิเภทํ จกฺขุสมฺผสฺสาทิกสฺส ปญฺจวิธสฺส ผสฺสสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ฉธา ปจฺจโย โหติฯ รูปายตนาทิเภทํ ตสฺส ปญฺจวิธสฺส อารมฺมณปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสน จตุธา ปจฺจโย โหติฯ มโนสมฺผสฺสสฺส ปน ตานิ รูปายตนาทีนิ, ธมฺมารมฺมณญฺจ ตถา จ อารมฺมณปจฺจยมเตฺตเนว ปจฺจโย โหติฯ วตฺถุรูปํ ปน มโนสมฺผสฺสสฺส นิสฺสยปุเรชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ปญฺจธา ปจฺจโย โหติฯ เอวํ นามรูปํ อสฺส ผสฺสสฺส พหุธา ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํฯ
Sampayuttakākhandhāti phassena sampayuttā vedanādayo khandhā. Āvajjanassāpi sampayuttakkhandhaggahaṇenevettha gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ tadavinābhāvato. Parato manosamphassepi eseva nayo. Pañcavidhopīti cakkhusamphassādivasena pañcavidhopi. So phassoti paṭighasamphasso. Bahudhāti bahuppakārena. Tathā hi vipākanāmaṃ vipākassa anekabhedassa manosamphassassa sahajātaaññamaññanissayavipākasampayuttaatthiavigatavasena sattadhā paccayo hoti. Yaṃ panettha āhārakiccaṃ, taṃ āhārapaccayavasena. Yaṃ indriyakiccaṃ, taṃ indriyapaccayavasena paccayo hoti. Avipākaṃ pana nāmaṃ avipākassa manosamphassassa ṭhapetvā vipākapaccayaṃ itaresaṃ vasena paccayo hoti. Rūpaṃ pana cakkhāyatanādibhedaṃ cakkhusamphassādikassa pañcavidhassa phassassa nissayapurejātaindriyavippayuttaatthiavigatavasena chadhā paccayo hoti. Rūpāyatanādibhedaṃ tassa pañcavidhassa ārammaṇapurejātaatthiavigatavasena catudhā paccayo hoti. Manosamphassassa pana tāni rūpāyatanādīni, dhammārammaṇañca tathā ca ārammaṇapaccayamatteneva paccayo hoti. Vatthurūpaṃ pana manosamphassassa nissayapurejātavippayuttaatthiavigatavasena pañcadhā paccayo hoti. Evaṃ nāmarūpaṃ assa phassassa bahudhā paccayo hotīti veditabbaṃ.
๑๑๕. ปฐมุปฺปตฺติยํ วิญฺญาณํ นามรูปสฺส วิเสสปจฺจโยติ อิมมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน ทเสฺสตุํ ปาฬิยํ ‘‘มาตุกุจฺฉิมฺหิ น โอกฺกมิสฺสถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ คพฺภเสยฺยกปฎิสนฺธิ หิ พาหิรโต มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมนฺตสฺส วิย โหนฺตีปิ อตฺถโต ยถาปจฺจยํ ขนฺธานํ ตตฺถ ปฐมุปฺปตฺติเยวฯ เตนาห ‘‘ปวิสิตฺวา…เป.… น วตฺติสฺสถา’’ติฯ สุทฺธนฺติ เกวลํ วิญฺญาเณน อมิสฺสิตํ วิรหิตํฯ ‘‘อวเสส’’นฺติ อิทํ นามาเปกฺขํ, ตสฺมา อวเสสํ นามรูปนฺติ อิมํ วิญฺญาณํ ฐเปตฺวา อวเสสํ นามรูปํ วาติ อโตฺถฯ ปฎิสนฺธิวเสน โอกฺกนฺตนฺติ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน, มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมนฺตสฺส วา ปฐมาวยวภาเวน โอติณฺณํฯ โวกฺกมิสฺสถาติ สนฺตติวิเจฺฉทํ วินาสํ อุปคมิสฺสถ, ตํ ปน มรณํ นาม โหตีติ อาห ‘‘จุติวเสนา’’ติฯ อสฺสาติ วิญฺญาณสฺส, ตญฺจ โข วิญฺญาณสามญฺญวเสน วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘ตเสฺสว จิตฺตสฺส นิโรเธนา’’ติ, ปฎิสนฺธิจิตฺตเสฺสว นิโรเธนาติ อโตฺถฯ ตโตติ ปฎิสนฺธิจิตฺตโตฯ ปฎิสนฺธิจิตฺตสฺส, ตโต ทุติยตติยจิตฺตานํ วา นิโรเธน จุติ น โหตีติ วุตฺตมตฺถํ ยุตฺติโต วิภาเวตุํ ‘‘ปฎิสนฺธิจิเตฺตน หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอตสฺมิํ อนฺตเรติ เอตสฺมิํ โสฬสจิตฺตกฺขเณ กาเลฯ อนฺตราโย นตฺถีติ เอตฺถ ทารกสฺส ตาว มรณนฺตราโย มา โหตุ ตทา จุติจิตฺตสฺส อสมฺภวโต, มาตุ ปน กถํ ตทา มรณนฺตรายาภาโวติ? ตํ ตํ กาลํ อนติกฺกมิตฺวา ตทนฺตเรเยว จวนธมฺมาย คพฺภคฺคหณเสฺสว อสมฺภวโตฯ เตนาห ‘‘อยญฺหิ อโนกาโส นามา’’ติ, จุติยาติ อธิปฺปาโยฯ
115. Paṭhamuppattiyaṃ viññāṇaṃ nāmarūpassa visesapaccayoti imamatthaṃ byatirekamukhena dassetuṃ pāḷiyaṃ ‘‘mātukucchimhi na okkamissathā’’tiādi vuttaṃ. Gabbhaseyyakapaṭisandhi hi bāhirato mātukucchiṃ okkamantassa viya hontīpi atthato yathāpaccayaṃ khandhānaṃ tattha paṭhamuppattiyeva. Tenāha ‘‘pavisitvā…pe… na vattissathā’’ti. Suddhanti kevalaṃ viññāṇena amissitaṃ virahitaṃ. ‘‘Avasesa’’nti idaṃ nāmāpekkhaṃ, tasmā avasesaṃ nāmarūpanti imaṃ viññāṇaṃ ṭhapetvā avasesaṃ nāmarūpaṃ vāti attho. Paṭisandhivasena okkantanti paṭisandhiggahaṇavasena, mātukucchiṃ okkamantassa vā paṭhamāvayavabhāvena otiṇṇaṃ. Vokkamissathāti santativicchedaṃ vināsaṃ upagamissatha, taṃ pana maraṇaṃ nāma hotīti āha ‘‘cutivasenā’’ti. Assāti viññāṇassa, tañca kho viññāṇasāmaññavasena vuttaṃ. Tenāha ‘‘tasseva cittassa nirodhenā’’ti, paṭisandhicittasseva nirodhenāti attho. Tatoti paṭisandhicittato. Paṭisandhicittassa, tato dutiyatatiyacittānaṃ vā nirodhena cuti na hotīti vuttamatthaṃ yuttito vibhāvetuṃ ‘‘paṭisandhicittena hī’’tiādi vuttaṃ. Etasmiṃ antareti etasmiṃ soḷasacittakkhaṇe kāle. Antarāyo natthīti ettha dārakassa tāva maraṇantarāyo mā hotu tadā cuticittassa asambhavato, mātu pana kathaṃ tadā maraṇantarāyābhāvoti? Taṃ taṃ kālaṃ anatikkamitvā tadantareyeva cavanadhammāya gabbhaggahaṇasseva asambhavato. Tenāha ‘‘ayañhi anokāso nāmā’’ti, cutiyāti adhippāyo.
ปฎิสนฺธิจิเตฺตน สทฺธิํ สมุฎฺฐิตรูปานีติ โอกฺกนฺติกฺขเณ อุปฺปนฺนกมฺมชรูปานิ วทติฯ ตานิ หิ นิปฺปริยายโต ปฎิสนฺธิจิเตฺตน สทฺธิํ สมุฎฺฐิตรูปานิ นาม, น อุตุสมุฎฺฐานานิ ปฎิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทโต ปจฺฉา สมุฎฺฐิตตฺตาฯ จิตฺตชาหารชานํ ปน ตทา อสมฺภโว เอวฯ ยานิ ปฎิสนฺธิจิเตฺตน สทฺธิํ สมุฎฺฐิตรูปานิ, ตานิ ติวิธานิ ตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ สมุฎฺฐิตานิ, ฐิติกฺขเณ สมุฎฺฐิตานิ, ภงฺคกฺขเณ สมุฎฺฐิตานีติฯ เตสุ อุปฺปาทกฺขเณ สมุฎฺฐิตานิ สตฺตรสมสฺส ภวงฺคสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิรุชฺฌนฺติ, ฐิติกฺขเณ สมุฎฺฐิตานิ ฐิติกฺขเณ นิรุชฺฌนฺติ, ภงฺคกฺขเณ สมุฎฺฐิตานิ ภงฺคกฺขเณ นิรุชฺฌนฺติฯ ตตฺถ ‘‘ภญฺชมาโน ธโมฺม ภญฺชมานสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโย โหตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, อุปฺปาเท, ปน ฐิติยญฺจ น น สกฺกาติ ‘‘สตฺตรสมสฺส ภวงฺคสฺส อุปฺปาทกฺขเณ, ฐิติกฺขเณ จ ธรนฺตานํ วเสน ตสฺส ปจฺจยมฺปิ ทาตุํ น สโกฺกนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ รูปกายูปตฺถมฺภิตเสฺสว หิ นามกายสฺส ปญฺจโวกาเร ปวตฺตีติฯ เตหิ รูปธเมฺมหิ ตสฺส จิตฺตสฺส พลวตรํ สนฺธายาห ‘‘สตฺตรสมสฺส…เป.… ปวตฺติ ปวตฺตตี’’ติฯ ปเวณี ฆฎิยตีติ อฎฺฐจตฺตาลีสกมฺมชสฺส รูปปเวณี สมฺพนฺธา หุตฺวา ปวตฺตติฯ ปฐมญฺหิ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ, ตโต ยาว โสฬสมํ ภวงฺคจิตฺตํ, เตสุ เอเกกสฺส อุปฺปาทฐิติภงฺควเสน ตโย ตโย ขณาฯ ตตฺถ เอเกกสฺส จิตฺตสฺส ตีสุ ตีสุ ขเณสุ สมติํส สมติํส กมฺมชรูปานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ อิติ โสฬสติกา อฎฺฐจตฺตาลีสํ โหนฺติฯ เอส นโย ตโต ปเรสุปิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อฎฺฐจตฺตาลีสกมฺมชสฺส รูปปเวณี สมฺพนฺธา หุตฺวา ปวตฺตตี’’ติฯ สเจ ปน น สโกฺกนฺตีติ ปฎิสนฺธิจิเตฺตน สทฺธิํ สมุฎฺฐิตรูปานิ สตฺตรสมสฺส ภวงฺคสฺส ปจฺจยํ ทาตุํ สเจ น สโกฺกนฺติฯ ยทิ หิ ปฎิสนฺธิจิตฺตโต สตฺตรสมํ จุติจิตฺตํ สิยา, ปฎิสนฺธิจิตฺตสฺส ฐิติภงฺคกฺขเณสุปิ กมฺมชรูปํ น อุปฺปเชฺชยฺย, ปเคว ภวงฺคจิตฺตกฺขเณสุฯ ตถา สติ นเตฺถว ตสฺส จิตฺตสฺส ปจฺจยลาโภติ ปวตฺติ นปฺปวตฺตติ, ปเวณี น ฆฎิยเตว, อญฺญทตฺถุ วิจฺฉิชฺชติฯ เตนาห ‘‘โวกฺกมติติ นาม โหตี’’ติอาทิฯ
Paṭisandhicittena saddhiṃ samuṭṭhitarūpānīti okkantikkhaṇe uppannakammajarūpāni vadati. Tāni hi nippariyāyato paṭisandhicittena saddhiṃ samuṭṭhitarūpāni nāma, na utusamuṭṭhānāni paṭisandhicittassa uppādato pacchā samuṭṭhitattā. Cittajāhārajānaṃ pana tadā asambhavo eva. Yāni paṭisandhicittena saddhiṃ samuṭṭhitarūpāni, tāni tividhāni tassa uppādakkhaṇe samuṭṭhitāni, ṭhitikkhaṇe samuṭṭhitāni, bhaṅgakkhaṇe samuṭṭhitānīti. Tesu uppādakkhaṇe samuṭṭhitāni sattarasamassa bhavaṅgassa uppādakkhaṇe nirujjhanti, ṭhitikkhaṇe samuṭṭhitāni ṭhitikkhaṇe nirujjhanti, bhaṅgakkhaṇe samuṭṭhitāni bhaṅgakkhaṇe nirujjhanti. Tattha ‘‘bhañjamāno dhammo bhañjamānassa dhammassa paccayo hotī’’ti na sakkā vattuṃ, uppāde, pana ṭhitiyañca na na sakkāti ‘‘sattarasamassa bhavaṅgassa uppādakkhaṇe, ṭhitikkhaṇe ca dharantānaṃ vasena tassa paccayampi dātuṃ na sakkontī’’ti vuttaṃ. Rūpakāyūpatthambhitasseva hi nāmakāyassa pañcavokāre pavattīti. Tehi rūpadhammehi tassa cittassa balavataraṃ sandhāyāha ‘‘sattarasamassa…pe… pavatti pavattatī’’ti. Paveṇī ghaṭiyatīti aṭṭhacattālīsakammajassa rūpapaveṇī sambandhā hutvā pavattati. Paṭhamañhi paṭisandhicittaṃ, tato yāva soḷasamaṃ bhavaṅgacittaṃ, tesu ekekassa uppādaṭhitibhaṅgavasena tayo tayo khaṇā. Tattha ekekassa cittassa tīsu tīsu khaṇesu samatiṃsa samatiṃsa kammajarūpāni uppajjanti. Iti soḷasatikā aṭṭhacattālīsaṃ honti. Esa nayo tato paresupi. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘aṭṭhacattālīsakammajassa rūpapaveṇī sambandhā hutvā pavattatī’’ti. Sace pana na sakkontīti paṭisandhicittena saddhiṃ samuṭṭhitarūpāni sattarasamassa bhavaṅgassa paccayaṃ dātuṃ sace na sakkonti. Yadi hi paṭisandhicittato sattarasamaṃ cuticittaṃ siyā, paṭisandhicittassa ṭhitibhaṅgakkhaṇesupi kammajarūpaṃ na uppajjeyya, pageva bhavaṅgacittakkhaṇesu. Tathā sati nattheva tassa cittassa paccayalābhoti pavatti nappavattati, paveṇī na ghaṭiyateva, aññadatthu vicchijjati. Tenāha ‘‘vokkamatitināma hotī’’tiādi.
อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถํปการตายฯ ยาทิโส คพฺภเสยฺยกสฺส อตฺตภาโว, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ตสฺส จ ปญฺจกฺขนฺธา อนูนา เอว โหนฺตีติ อาห ‘‘เอวํ ปริปุณฺณปญฺจกฺขนฺธภาวายา’’ติฯ อุปจฺฉิชฺชิสฺสถาติ สนฺตานวิเจฺฉเทน วิจฺฉิเนฺทยฺยฯ สุทฺธํ นามรูปเมวาติ วิญฺญาณวิรหิตํ เกวลํ นามรูปเมวฯ อวยวานํ ปาริปูริ วุฑฺฒิฯ ถิรภาวปฺปตฺติ วิรูฬฺหิฯ มหลฺลกภาวปฺปตฺติ เวปุลฺลํฯ ตานิ จ ยถากฺกมํ ปฐมาทิวยวเสน โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘ปฐมวยวเสนา’’ติอาทิฯ วา-สโทฺท อนิยมโตฺถ, เตน วสฺสสหสฺสทฺวยาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ
Itthattāyāti itthaṃpakāratāya. Yādiso gabbhaseyyakassa attabhāvo, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Tassa ca pañcakkhandhā anūnā eva hontīti āha ‘‘evaṃ paripuṇṇapañcakkhandhabhāvāyā’’ti. Upacchijjissathāti santānavicchedena vicchindeyya. Suddhaṃ nāmarūpamevāti viññāṇavirahitaṃ kevalaṃ nāmarūpameva. Avayavānaṃ pāripūri vuḍḍhi. Thirabhāvappatti virūḷhi. Mahallakabhāvappatti vepullaṃ. Tāni ca yathākkamaṃ paṭhamādivayavasena hontīti vuttaṃ ‘‘paṭhamavayavasenā’’tiādi. Vā-saddo aniyamattho, tena vassasahassadvayādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo.
วิญฺญาณเมวาติ นิยมวจนํ, อิโต พาหิรกปฺปิตสฺส อตฺตโน, อิสฺสราทีนญฺจ ปฎิเกฺขปปทํ, น อวิชฺชาทิผสฺสาทิปฎิเกฺขปปทํ ปฎิโยคีนิวตฺตนปทตฺตา อวธารณสฺสฯ เตนาห ‘‘เอเสว เหตู’’ติอาทิฯ อยญฺจ นโย เหฎฺฐาปิ สพฺพปเทสุ ยถารหํ วตฺตโพฺพฯ อิทานิ วิญฺญาณเมว นามรูปสฺส ปธานการณนฺติ อิมมตฺถํ โอปมฺมวเสน วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปเจฺจกํ วิย สมุทิตสฺสาปิ นามรูปสฺส วิญฺญาเณน วินา อตฺตกิจฺจาสมตฺถตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตฺวํ นามรูปํ นามา’’ติ เอกชฺฌํ คหณํฯ ปุเรจาริเกติ ปุพฺพงฺคเมวฯ วิญฺญาณญฺหิ สหชาตธมฺมานํ ปุพฺพงฺคมํฯ เตนาห ภควา ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติฯ (ธ. ป. ๑; เนตฺติ. ๙๐, ๙๒; เปฎโก. ๑๓, ๘๓) พหุธาติ อเนกปฺปกาเรน ปจฺจโย โหติฯ
Viññāṇamevāti niyamavacanaṃ, ito bāhirakappitassa attano, issarādīnañca paṭikkhepapadaṃ, na avijjādiphassādipaṭikkhepapadaṃ paṭiyogīnivattanapadattā avadhāraṇassa. Tenāha ‘‘eseva hetū’’tiādi. Ayañca nayo heṭṭhāpi sabbapadesu yathārahaṃ vattabbo. Idāni viññāṇameva nāmarūpassa padhānakāraṇanti imamatthaṃ opammavasena vibhāvetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Paccekaṃ viya samuditassāpi nāmarūpassa viññāṇena vinā attakiccāsamatthataṃ dassetuṃ ‘‘tvaṃ nāmarūpaṃ nāmā’’ti ekajjhaṃ gahaṇaṃ. Purecāriketi pubbaṅgameva. Viññāṇañhi sahajātadhammānaṃ pubbaṅgamaṃ. Tenāha bhagavā ‘‘manopubbaṅgamā dhammā’’ti. (Dha. pa. 1; netti. 90, 92; peṭako. 13, 83) bahudhāti anekappakārena paccayo hoti.
กถํ? วิปากนามสฺส หิ ปฎิสนฺธิยํ อญฺญํ วา วิญฺญาณํ สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยวิปากอาหารอินฺทฺริยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ นวธา ปจฺจโย โหติฯ วตฺถุรูปสฺส ปฎิสนฺธิยํ สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยวิปากอาหารอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ นวธา ปจฺจโย โหติฯ ฐเปตฺวา ปน วตฺถุรูปํ เสสรูปสฺส อิเมสุ นวสุ อญฺญมญฺญปจฺจยํ อปเนตฺวา เสเสหิ อฎฺฐหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติฯ อภิสงฺขารวิญฺญาณํ ปน อสญฺญสตฺตรูปสฺส, ปญฺจโวกาเร วา กมฺมชสฺส สุตฺตนฺติกปริยายโต อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติฯ อวเสสญฺหิ ปฐมภวงฺคโต ปภุติ สพฺพมฺปิ วิญฺญาณํ ตสฺส นามรูปสฺส ยถารหํ ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปน ปจฺจยนเย ทสฺสิยมาเน สพฺพาปิ มหาปกรณกถา อาเนตพฺพา โหตีติ น วิตฺถาริตาฯ กถํ ปเนตํ ปเจฺจตพฺพํ ‘‘ปฎิสนฺธินามรูปํ วิญฺญาณปจฺจยา โหตี’’ติ? สุตฺตโต, ยุตฺติโต จฯ ปาฬิยญฺหิ ‘‘จิตฺตานุปริวตฺติโน ธมฺมา’’ติอาทินา (ธ. ส. มาติกา ๖๒) นเยน พหุธา เวทนาทีนํ วิญฺญาณปจฺจยตา อาคตาฯ ยุตฺติโต ปน อิธ จิตฺตเชน รูเปน ทิเฎฺฐน อทิฎฺฐสฺสาปิ รูปสฺส วิญฺญาณํ ปจฺจโย โหตีติ วิญฺญายติฯ จิเตฺตหิ ปสเนฺน, อปฺปสเนฺน วา ตทนุรูปานิ รูปานิ อุปฺปชฺชมานานิ ทิฎฺฐานิ, ทิเฎฺฐน จ อทิฎฺฐสฺส อนุมานํ โหตีติฯ อิมินา อิธ ‘‘ทิเฎฺฐน จิตฺตชรูเปน อทิฎฺฐสฺสาปิ ปฎิสนฺธิรูปสฺส วิญฺญาณํ ปจฺจโย โหตี’’ติ ปเจฺจตพฺพเมตํ ฯ กมฺมสมุฎฺฐานสฺสาปิ หิ รูปสฺส จิตฺตสมุฎฺฐานสฺส วิย วิญฺญาณปจฺจยตา ปฎฺฐาเน อาคตาติฯ
Kathaṃ? Vipākanāmassa hi paṭisandhiyaṃ aññaṃ vā viññāṇaṃ sahajātaaññamaññanissayavipākaāhāraindriyasampayuttaatthiavigatapaccayehi navadhā paccayo hoti. Vatthurūpassa paṭisandhiyaṃ sahajātaaññamaññanissayavipākaāhāraindriyavippayuttaatthiavigatapaccayehi navadhā paccayo hoti. Ṭhapetvā pana vatthurūpaṃ sesarūpassa imesu navasu aññamaññapaccayaṃ apanetvā sesehi aṭṭhahi paccayehi paccayo hoti. Abhisaṅkhāraviññāṇaṃ pana asaññasattarūpassa, pañcavokāre vā kammajassa suttantikapariyāyato upanissayavasena ekadhāva paccayo hoti. Avasesañhi paṭhamabhavaṅgato pabhuti sabbampi viññāṇaṃ tassa nāmarūpassa yathārahaṃ paccayo hotīti veditabbaṃ. Ayamettha saṅkhepo, vitthārato pana paccayanaye dassiyamāne sabbāpi mahāpakaraṇakathā ānetabbā hotīti na vitthāritā. Kathaṃ panetaṃ paccetabbaṃ ‘‘paṭisandhināmarūpaṃ viññāṇapaccayā hotī’’ti? Suttato, yuttito ca. Pāḷiyañhi ‘‘cittānuparivattino dhammā’’tiādinā (dha. sa. mātikā 62) nayena bahudhā vedanādīnaṃ viññāṇapaccayatā āgatā. Yuttito pana idha cittajena rūpena diṭṭhena adiṭṭhassāpi rūpassa viññāṇaṃ paccayo hotīti viññāyati. Cittehi pasanne, appasanne vā tadanurūpāni rūpāni uppajjamānāni diṭṭhāni, diṭṭhena ca adiṭṭhassa anumānaṃ hotīti. Iminā idha ‘‘diṭṭhena cittajarūpena adiṭṭhassāpi paṭisandhirūpassa viññāṇaṃ paccayo hotī’’ti paccetabbametaṃ . Kammasamuṭṭhānassāpi hi rūpassa cittasamuṭṭhānassa viya viññāṇapaccayatā paṭṭhāne āgatāti.
๑๑๖. อิธ สมุทย-สโทฺท สมุทาย-สโทฺท วิย สมูหปริยาโยติ อาห ‘‘ทุกฺขราสิสมฺภโว’’ติฯ เอกโกติ อสหาโย ราชปริสารหิโตฯ ปเสฺสยฺยาม เต ราชภาวํ อเมฺหหิ วินาติ อธิปฺปาโยฯ ยถารหํ ปริสํ รเญฺชตีติ หิ ราชาฯ อตฺถโตติ อตฺถสิทฺธิโต อวทนฺตมฺปิ วทติ วิยฯ ‘‘หทยวตฺถุ’’นฺติ อิมินาว ตนฺนิสฺสโยปิ คหิโต วาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อานนฺตริยภาวโต นิสฺสยนิสฺสโยปิ ‘‘นิสฺสโย’’ เตฺวว วุจฺจตีติฯ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํ นาม ภเวยฺยาสิ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ปเสฺสยฺยามา’’ติอาทิฯ พหุธาติ อเนกธา ปจฺจโย โหติฯ กถํ? นามํ ตาว ปฎิสนฺธิยํ สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยวิปากสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ สตฺตธา วิญฺญาณสฺส ปจฺจโย โหตีติฯ กิญฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน, กิญฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ เอวํ อญฺญถาปิ ปจฺจโย โหติฯ อวิปากํ ปน นามํ ยถาวุเตฺตสุ ปจฺจเยสุ ฐเปตฺวา วิปากปจฺจยํ อิตเรหิ ฉหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติฯ กิญฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน, กิญฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ อญฺญถาปิ ปจฺจโย โหติ, ตญฺจ โข ปวตฺติยํเยว, น ปฎิสนฺธิยํฯ รูปโต ปน หทยวตฺถุ ปฎิสนฺธิยํ วิญฺญาณสฺส สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยวิปฺปยุตฺตอตฺถิ อวิคตปจฺจเยหิ ฉธาว ปจฺจโย โหติฯ ปวตฺติยํ ปน สหชาตอญฺญมญฺญปจฺจยวชฺชิเตหิ ปญฺจหิ ปุเรชาตปจฺจเยน สห เตเหว ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติฯ จกฺขายตนาทิเภทํ ปน ปญฺจวิธมฺปิ รูปํ ยถากฺกมํ จกฺขุวิญฺญาณาทิเภทสฺส วิญฺญาณสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหตีติ เอวํ นามรูปํ วิญฺญาณสฺส พหุธา ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํฯ
116. Idha samudaya-saddo samudāya-saddo viya samūhapariyāyoti āha ‘‘dukkharāsisambhavo’’ti. Ekakoti asahāyo rājaparisārahito. Passeyyāma te rājabhāvaṃ amhehi vināti adhippāyo. Yathārahaṃ parisaṃ rañjetīti hi rājā. Atthatoti atthasiddhito avadantampi vadati viya. ‘‘Hadayavatthu’’nti imināva tannissayopi gahito vāti daṭṭhabbaṃ. Ānantariyabhāvato nissayanissayopi ‘‘nissayo’’ tveva vuccatīti. Paṭisandhiviññāṇaṃ nāma bhaveyyāsi, netaṃ ṭhānaṃ vijjatīti attho. Tenāha ‘‘passeyyāmā’’tiādi. Bahudhāti anekadhā paccayo hoti. Kathaṃ? Nāmaṃ tāva paṭisandhiyaṃ sahajātaaññamaññanissayavipākasampayuttaatthiavigatapaccayehi sattadhā viññāṇassa paccayo hotīti. Kiñci panettha hetupaccayena, kiñci āhārapaccayenāti evaṃ aññathāpi paccayo hoti. Avipākaṃ pana nāmaṃ yathāvuttesu paccayesu ṭhapetvā vipākapaccayaṃ itarehi chahi paccayehi paccayo hoti. Kiñci panettha hetupaccayena, kiñci āhārapaccayenāti aññathāpi paccayo hoti, tañca kho pavattiyaṃyeva, na paṭisandhiyaṃ. Rūpato pana hadayavatthu paṭisandhiyaṃ viññāṇassa sahajātaaññamaññanissayavippayuttaatthi avigatapaccayehi chadhāva paccayo hoti. Pavattiyaṃ pana sahajātaaññamaññapaccayavajjitehi pañcahi purejātapaccayena saha teheva paccayehi paccayo hoti. Cakkhāyatanādibhedaṃ pana pañcavidhampi rūpaṃ yathākkamaṃ cakkhuviññāṇādibhedassa viññāṇassa nissayapurejātaindriyavippayuttaatthiavigatapaccayehi paccayo hotīti evaṃ nāmarūpaṃ viññāṇassa bahudhā paccayo hotīti veditabbaṃ.
ยฺวายมนุกฺกเมน วิญฺญาณสฺส นามรูปํ, ปฎิสนฺธินามรูปสฺส , จ วิญฺญาณํ ปติ ปจฺจยภาโว, โส กทาจิ วิญฺญาณสฺส สาติสโย, กทาจิ นามรูปสฺส, กทาจิ อุภินฺนํ สทิโสติ ติวิโธปิ โส ‘‘เอตฺตาวตา’’ติ ปเทน เอกชฺฌํ คหิโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิญฺญาเณ…เป.… ปวเตฺตสู’’ติ วตฺวา ปุน ยมิทมฺปิ วิญฺญาณํ นามรูปสญฺญิตานํ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ อญฺญมญฺญนิสฺสเยน ปวตฺตานํ เอตฺตเกน สพฺพา สํสารวฎฺฎปฺปวตฺตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอตฺตเกน…เป.… ปฎิสนฺธิโย’’ติ อาหฯ ตตฺถ เอตฺตเกนาติ เอตฺตเกเนว, น อิโต อเญฺญน เกนจิ การกเวทกสภาเวน อตฺตนา, อิสฺสราทินา วาติ อโตฺถฯ อโนฺตคธาวธารณเญฺหตํ ปทํฯ
Yvāyamanukkamena viññāṇassa nāmarūpaṃ, paṭisandhināmarūpassa , ca viññāṇaṃ pati paccayabhāvo, so kadāci viññāṇassa sātisayo, kadāci nāmarūpassa, kadāci ubhinnaṃ sadisoti tividhopi so ‘‘ettāvatā’’ti padena ekajjhaṃ gahitoti dassento ‘‘viññāṇe…pe… pavattesū’’ti vatvā puna yamidampi viññāṇaṃ nāmarūpasaññitānaṃ pañcannaṃ khandhānaṃ aññamaññanissayena pavattānaṃ ettakena sabbā saṃsāravaṭṭappavattīti imamatthaṃ dassento ‘‘ettakena…pe… paṭisandhiyo’’ti āha. Tattha ettakenāti ettakeneva, na ito aññena kenaci kārakavedakasabhāvena attanā, issarādinā vāti attho. Antogadhāvadhāraṇañhetaṃ padaṃ.
วจนมตฺตเมว อธิกิจฺจาติ ทาสาทีสุ สิริวฑฺฒกาทิ-สทฺทา วิย อตถตฺตา วจนมตฺตเมว อธิการํ กตฺวา ปวตฺตสฺสฯ เตนาห ‘‘อตฺถํ อทิสฺวา’’ติฯ โวหารสฺสาติ โวหรณมตฺตสฺสฯ ปโถติ ปวตฺติมโคฺค ปวตฺติยา วิสโยฯ ยสฺมา สรณกิริยาวเสน ปุคฺคโล ‘‘สโต’’ติ วุจฺจติ, สมฺปชานนกิริยาวเสน ‘‘สมฺปชาโน’’ติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘การณาปเทสวเสนา’’ติฯ การณํ นิทฺธาเรตฺวา อุตฺติ นิรุตฺตีติฯ เอกเมว อตฺถํ ‘‘ปณฺฑิโต’’ติอาทินา ปการโต ญาปนโต ‘‘ปญฺญตฺตี’’ติ วทนฺติฯ โส เอว หิ ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ จ ‘‘พฺยโตฺต’’ติ จ ‘‘เมธาวี’’ติ จ ปญฺญาปียตีติฯ ปณฺฑิจฺจปฺปการโต ปน ปณฺฑิโต, เวยฺยตฺติยปฺปการโต พฺยโตฺตติ ปญฺญาปียตีติ เอวํ ปการโต ปญฺญาปนโต ปญฺญตฺติฯ ยสฺมา อิธ อธิวจนนิรุตฺติปญฺญตฺติปทานิ สมานตฺถานิฯ สพฺพญฺจ วจนํ อธิวจนาทิภาวํ ภชติ, ตสฺมา เกสุจิ วจนวิเสเสสุ วิเสเสน ปวเตฺตหิ อธิวจนาทิสเทฺทหิ สพฺพานิ วจนานิ ปญฺญตฺติอตฺถปฺปกาสนสามเญฺญน วุตฺตานีติ อิมินา อธิปฺปาเยน อยมตฺถโยชนา กตาติ เวทิตพฺพาฯ
Vacanamattamevaadhikiccāti dāsādīsu sirivaḍḍhakādi-saddā viya atathattā vacanamattameva adhikāraṃ katvā pavattassa. Tenāha ‘‘atthaṃ adisvā’’ti. Vohārassāti voharaṇamattassa. Pathoti pavattimaggo pavattiyā visayo. Yasmā saraṇakiriyāvasena puggalo ‘‘sato’’ti vuccati, sampajānanakiriyāvasena ‘‘sampajāno’’ti, tasmā vuttaṃ ‘‘kāraṇāpadesavasenā’’ti. Kāraṇaṃ niddhāretvā utti niruttīti. Ekameva atthaṃ ‘‘paṇḍito’’tiādinā pakārato ñāpanato ‘‘paññattī’’ti vadanti. So eva hi ‘‘paṇḍito’’ti ca ‘‘byatto’’ti ca ‘‘medhāvī’’ti ca paññāpīyatīti. Paṇḍiccappakārato pana paṇḍito, veyyattiyappakārato byattoti paññāpīyatīti evaṃ pakārato paññāpanato paññatti. Yasmā idha adhivacananiruttipaññattipadāni samānatthāni. Sabbañca vacanaṃ adhivacanādibhāvaṃ bhajati, tasmā kesuci vacanavisesesu visesena pavattehi adhivacanādisaddehi sabbāni vacanāni paññattiatthappakāsanasāmaññena vuttānīti iminā adhippāyena ayamatthayojanā katāti veditabbā.
อถ วา อธิ-สโทฺท อุปริภาเว, อุปริ วจนํ อธิวจนํฯ กสฺส อุปริ? ปกาเสตพฺพสฺส อตฺถสฺสาติ ปากโฎ ยมโตฺถฯ อธีนํ วา วจนํ อธิวจนํฯ เกน อธีนํ? อเตฺถนฯ ตถา ตํตํอตฺถปฺปกาเสน นิจฺฉิตํ, นิยตํ วา วจนํ นิรุตฺติฯ ปถวีธาตุปุริสาทิตํตํปกาเรน ญาปนโต ปญฺญตฺตีติ เอวํ อธิวจนาทิปทานํ สพฺพวจเนสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา, อญฺญถา สิริวฑฺฒกธนวฑฺฒกปฺปการานเมว นิรุตฺติตา, ‘‘ปณฺฑิโต วิยโตฺต’’ติ เอวํ ปการานเมว เอกเมว อตฺถํ เตน เตน ปกาเรน ญาเปนฺตานํ ปญฺญตฺติตา จ อาปเชฺชยฺยาติฯ เอวํ ตีหิปิ นาเมหิ วุตฺตสฺส โวหารสฺส ปวตฺติมโคฺคปิ สห วิญฺญาเณน นามรูปนฺติ เอตฺตาวตาว อิจฺฉิตโพฺพฯ เตนาห ‘‘อิตี’’ติอาทิฯ ปญฺญาย อวจริตพฺพนฺติ ปญฺญาย ปวตฺติตพฺพํ, เญยฺยนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ชานิตพฺพ’’นฺติฯ วฎฺฎนฺติ กิเลสวฎฺฎํ, กมฺมวฎฺฎํ, วิปากวฎฺฎนฺติ ติวิธมฺปิ วฎฺฎํฯ วตฺตตีติ ปวตฺตติฯ ตยิทํ ‘‘ชาเยถา’’ติอาทินา ปญฺจหิ ปเทหิ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํฯ อาทิ-สเทฺทน อิตฺถีติปุริสาติอาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ นามปญฺญตฺตตฺถายาติ ขนฺธาทิผสฺสาทิสตฺตาทิอิตฺถาทินามสฺส ปญฺญาปนตฺถายฯ วตฺถุปิ เอตฺตาวตาวฯ เตนาห ‘‘ขนฺธปญฺจกมฺปิ เอตฺตาวตาว ปญฺญายตี’’ติฯ เอตฺตาวตา เอตฺตเกน, สห วิญฺญาเณน นามรูปปฺปวตฺติยาติ อโตฺถฯ
Atha vā adhi-saddo uparibhāve, upari vacanaṃ adhivacanaṃ. Kassa upari? Pakāsetabbassa atthassāti pākaṭo yamattho. Adhīnaṃ vā vacanaṃ adhivacanaṃ. Kena adhīnaṃ? Atthena. Tathā taṃtaṃatthappakāsena nicchitaṃ, niyataṃ vā vacanaṃ nirutti. Pathavīdhātupurisāditaṃtaṃpakārena ñāpanato paññattīti evaṃ adhivacanādipadānaṃ sabbavacanesu pavatti veditabbā, aññathā sirivaḍḍhakadhanavaḍḍhakappakārānameva niruttitā, ‘‘paṇḍito viyatto’’ti evaṃ pakārānameva ekameva atthaṃ tena tena pakārena ñāpentānaṃ paññattitā ca āpajjeyyāti. Evaṃ tīhipi nāmehi vuttassa vohārassa pavattimaggopi saha viññāṇena nāmarūpanti ettāvatāva icchitabbo. Tenāha ‘‘itī’’tiādi. Paññāya avacaritabbanti paññāya pavattitabbaṃ, ñeyyanti attho. Tenāha ‘‘jānitabba’’nti. Vaṭṭanti kilesavaṭṭaṃ, kammavaṭṭaṃ, vipākavaṭṭanti tividhampi vaṭṭaṃ. Vattatīti pavattati. Tayidaṃ ‘‘jāyethā’’tiādinā pañcahi padehi vuttassa atthassa nigamanavasena vuttaṃ. Ādi-saddena itthītipurisātiādīnampi saṅgaho daṭṭhabbo. Nāmapaññattatthāyāti khandhādiphassādisattādiitthādināmassa paññāpanatthāya. Vatthupi ettāvatāva. Tenāha ‘‘khandhapañcakampi ettāvatāva paññāyatī’’ti. Ettāvatā ettakena, saha viññāṇena nāmarūpappavattiyāti attho.
อตฺตปญฺญตฺติวณฺณนา
Attapaññattivaṇṇanā
๑๑๗. อนุสนฺธิยติ เอเตนาติ อนุสนฺธิ, เหฎฺฐา อาคตเทสนาย อนุสนฺธานวเสน ปวตฺตา อุปริเทสนา, สา ปฐมปทสฺส ทสฺสิตา, อิทานิ ทุติยปทสฺส ทเสฺสตพฺพาติ ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิติ ภควา’’ติอาทิมาหฯ รูปินฺติ รูปวนฺตํฯ ปริตฺตนฺติ น วิปุลํ, อปฺปกนฺติ อโตฺถฯ ยสฺมา อตฺตา นาม โกจิ ปรมตฺถโต นตฺถิฯ เกวลํ ปน ทิฎฺฐิคติกานํ ปริกปฺปิตมตฺตํ , ตสฺมา ยตฺถ เนสํ อตฺตสญฺญา, ยถา จสฺส รูปิภาวาทิปริกปฺปนา โหติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โย’’ติอาทิมาหฯ รูปิํ ปริตฺตนฺติ อตฺตโน อุปฎฺฐิตกสิณรูปวเสน รูปิํ, ตสฺส อวฑฺฒิตภาเวน ปริตฺตํฯ ปญฺญเปติ นีลกสิณาทิวเสน นานากสิณลาภีฯ ตนฺติ อตฺตานํ ฯ อนนฺตนฺติ กสิณนิมิตฺตสฺส อปฺปมาณตาย ปริเจฺฉทสฺส อนุปฎฺฐานโต อนฺตรหิตํฯ อุคฺฆาเฎตฺวาติ ภาวนาย อปเนตฺวาฯ นิมิตฺตผุโฎฺฐกาสนฺติ เตน กสิณนิมิเตฺตน ผุฎฺฐปฺปเทสํฯ เตสูติ จตูสุ อรูปกฺขเนฺธสุฯ วิญฺญาณมตฺตเมวาติ ‘‘วิญฺญาณมโย อตฺตา’’ติ เอวํวาทีฯ
117. Anusandhiyati etenāti anusandhi, heṭṭhā āgatadesanāya anusandhānavasena pavattā uparidesanā, sā paṭhamapadassa dassitā, idāni dutiyapadassa dassetabbāti tamatthaṃ dassento ‘‘iti bhagavā’’tiādimāha. Rūpinti rūpavantaṃ. Parittanti na vipulaṃ, appakanti attho. Yasmā attā nāma koci paramatthato natthi. Kevalaṃ pana diṭṭhigatikānaṃ parikappitamattaṃ , tasmā yattha nesaṃ attasaññā, yathā cassa rūpibhāvādiparikappanā hoti, taṃ dassento ‘‘yo’’tiādimāha. Rūpiṃ parittanti attano upaṭṭhitakasiṇarūpavasena rūpiṃ, tassa avaḍḍhitabhāvena parittaṃ. Paññapeti nīlakasiṇādivasena nānākasiṇalābhī. Tanti attānaṃ . Anantanti kasiṇanimittassa appamāṇatāya paricchedassa anupaṭṭhānato antarahitaṃ. Ugghāṭetvāti bhāvanāya apanetvā. Nimittaphuṭṭhokāsanti tena kasiṇanimittena phuṭṭhappadesaṃ. Tesūti catūsu arūpakkhandhesu. Viññāṇamattamevāti ‘‘viññāṇamayo attā’’ti evaṃvādī.
๑๑๘. ‘‘เอตรหี’’ติ สาวธารณมิทํ ปทนฺติ ตทตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิทาเนวา’’ติ วตฺวา อวธารเณน นิวตฺติตมตฺถํ อาห ‘‘น อิโต ปร’’นฺติฯ ตตฺถ ตเตฺถว สตฺตา อุจฺฉิชฺชนฺตีติ อุเจฺฉทวาที, เตนาห ‘‘อุเจฺฉทวเสเนตํ วุตฺต’’นฺติฯ ภาวินฺติ สพฺพํ สทา ภาวิํ อวินสฺสนกํฯ เตนาห ‘‘สสฺสตวเสเนตํ วุตฺต’’นฺติฯ อตถาสภาวนฺติ ยถา ปรวาที วทนฺติ, น ตถา สภาวํฯ ตถภาวายาติ อุเจฺฉทภาวาย วา สสฺสตภาวาย วาฯ อนิยมวจนเญฺหตํ วุตฺตํ สามญฺญโชตนาวเสนฯ สมฺปาเทสฺสามีติ ตถภาวํ อสฺส สมฺปนฺนํ กตฺวา ทสฺสยิสฺสามิ, ปติฎฺฐาเปสฺสามีติ อโตฺถฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สสฺสตวาทญฺจ ชานาเปตฺวา’’ติอาทิฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๑๑๘) อิมินาติ ‘‘อตถํ วา ปนา’’ติอาทิ วจเนน, อนุเจฺฉทสภาวมฺปิ สมานํ สสฺสตวาทิโน มติวเสนาติ อธิปฺปาโยฯ อุปกเปฺปสฺสามีติ อุเปจฺจ สมตฺถยิสฺสามิฯ
118.‘‘Etarahī’’ti sāvadhāraṇamidaṃ padanti tadatthaṃ dassento ‘‘idānevā’’ti vatvā avadhāraṇena nivattitamatthaṃ āha ‘‘na ito para’’nti. Tattha tattheva sattā ucchijjantīti ucchedavādī, tenāha ‘‘ucchedavasenetaṃ vutta’’nti. Bhāvinti sabbaṃ sadā bhāviṃ avinassanakaṃ. Tenāha ‘‘sassatavasenetaṃ vutta’’nti. Atathāsabhāvanti yathā paravādī vadanti, na tathā sabhāvaṃ. Tathabhāvāyāti ucchedabhāvāya vā sassatabhāvāya vā. Aniyamavacanañhetaṃ vuttaṃ sāmaññajotanāvasena. Sampādessāmīti tathabhāvaṃ assa sampannaṃ katvā dassayissāmi, patiṭṭhāpessāmīti attho. Tathā hi vakkhati ‘‘sassatavādañca jānāpetvā’’tiādi. (Dī. ni. aṭṭha. 2.118) imināti ‘‘atathaṃ vā panā’’tiādi vacanena, anucchedasabhāvampi samānaṃ sassatavādino mativasenāti adhippāyo. Upakappessāmīti upecca samatthayissāmi.
เอวํ สมานนฺติ เอวํ ภูตํ สมานํฯ รูปกสิณชฺฌานํ รูปํ อุตฺตรปทโลเปน, อธิคมนวเสน ตํ เอตสฺส อตฺถีติ รูปีติ อาห ‘‘รูปินฺติ รูปกสิณลาภิ’’นฺติฯ ปริตฺตตฺตานุทิฎฺฐีติ เอตฺถ รูปี-สโทฺทปิอาวุตฺติอาทินเยน อาเนตฺวา วตฺตโพฺพ, รูปีภาวมฺปิ หิ โส ทิฎฺฐิคติโก ปริตฺตภาวํ วิย อตฺตโน อภินิวิสฺส ฐิโตติฯ อรูปินฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ‘‘ปตฺตปลาสพหุลคจฺฉสเงฺขเปน ฆนคหนชฎาวิตานา นาติทีฆสนฺตานา วลฺลิ, ตพฺพิปรีตา ลตา’’ติ วทนฺติฯ อปฺปหีนเฎฺฐนาติ มเคฺคน อสมุจฺฉินฺนภาเวนฯ การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนารหตา อนุสยนโฎฺฐฯ
Evaṃ samānanti evaṃ bhūtaṃ samānaṃ. Rūpakasiṇajjhānaṃ rūpaṃ uttarapadalopena, adhigamanavasena taṃ etassa atthīti rūpīti āha ‘‘rūpinti rūpakasiṇalābhi’’nti. Parittattānudiṭṭhīti ettha rūpī-saddopiāvuttiādinayena ānetvā vattabbo, rūpībhāvampi hi so diṭṭhigatiko parittabhāvaṃ viya attano abhinivissa ṭhitoti. Arūpinti etthāpi eseva nayo. ‘‘Pattapalāsabahulagacchasaṅkhepena ghanagahanajaṭāvitānā nātidīghasantānā valli, tabbiparītā latā’’ti vadanti. Appahīnaṭṭhenāti maggena asamucchinnabhāvena. Kāraṇalābhe sati uppajjanārahatā anusayanaṭṭho.
อรูปกสิณํ นาม กสิณุคฺฆาฎิํ อากาสํ, น ปริจฺฉินฺนากาสกสิณํฯ ‘‘อุภยมฺปิ อรูปกสิณเมวา’’ติ เกจิฯ อรูปกฺขนฺธโคจรํ วาติ เวทนาทโย อรูปกฺขนฺธา ‘‘อตฺตา’’ติ อภินิเวสสฺส โคจโร เอตสฺสาติ อรูปกฺขนฺธโคจโร, ทิฎฺฐิคติโก, ตํ อรูปกฺขนฺธโคจรํฯ วา-สโทฺท วุตฺตวิกปฺปโตฺถฯ สทฺทโยชนา ปน อรูปํ อรูปกฺขนฺธา โคจรภูตา เอตสฺส อตฺถีติ อรูปี, ตํ อรูปิํฯ ลาภิโน จตฺตาโรติ รูปกสิณาทิลาภวเสน ตํ ตํ ทิฎฺฐิวาทํ สยเมว ปริกเปฺปตฺวา ตํ อาทาย ปคฺคยฺห ปญฺญาปนกา จตฺตาโร ทิฎฺฐิคติกาฯ เตสํ อเนฺตวาสิกาติ เตสํ ลาภีนํ วาทํ ปจฺจกฺขโต, ปรมฺปราย จ อุคฺคเหตฺวา ตเถว นํ ขมิตฺวา โรเจตฺวา ปญฺญาปนกา จตฺตาโรฯ ตกฺกิกา จตฺตาโรติ กสิณชฺฌานสฺส อลาภิโน เกวลํ ตกฺกนวเสเนว ยถาวุเตฺต จตฺตาโร ทิฎฺฐิวาเท สยเมว อภินิวิสฺส ปคฺคยฺห ฐิตา จตฺตาโรฯ เตสํ อเนฺตวาสิกา ปุเพฺพ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพาฯ
Arūpakasiṇaṃ nāma kasiṇugghāṭiṃ ākāsaṃ, na paricchinnākāsakasiṇaṃ. ‘‘Ubhayampi arūpakasiṇamevā’’ti keci. Arūpakkhandhagocaraṃ vāti vedanādayo arūpakkhandhā ‘‘attā’’ti abhinivesassa gocaro etassāti arūpakkhandhagocaro, diṭṭhigatiko, taṃ arūpakkhandhagocaraṃ. Vā-saddo vuttavikappattho. Saddayojanā pana arūpaṃ arūpakkhandhā gocarabhūtā etassa atthīti arūpī, taṃ arūpiṃ. Lābhino cattāroti rūpakasiṇādilābhavasena taṃ taṃ diṭṭhivādaṃ sayameva parikappetvā taṃ ādāya paggayha paññāpanakā cattāro diṭṭhigatikā. Tesaṃ antevāsikāti tesaṃ lābhīnaṃ vādaṃ paccakkhato, paramparāya ca uggahetvā tatheva naṃ khamitvā rocetvā paññāpanakā cattāro. Takkikā cattāroti kasiṇajjhānassa alābhino kevalaṃ takkanavaseneva yathāvutte cattāro diṭṭhivāde sayameva abhinivissa paggayha ṭhitā cattāro. Tesaṃ antevāsikā pubbe vuttanayena veditabbā.
นอตฺตปญฺญตฺติวณฺณนา
Naattapaññattivaṇṇanā
๑๑๙. อารทฺธวิปสฺสโกปีติ สมฺปรายิกวิปสฺสโกปิ, เตน พลววิปสฺสนาย ฐิตํ ปุคฺคลํ ทเสฺสติฯ น ปญฺญเปติ เอว อพหุสฺสุโต ปีติ อธิปฺปาโยฯ ตาทิโส หิ วิปสฺสนาย อานุภาโวฯ สาสนิโกปิ ฌานาภิญฺญาลาภี ‘‘น ปญฺญเปตี’’ติ น วตฺตโพฺพติ โส อิธ น อุทฺธโฎฯ อิทานิ เนสํ อปญฺญาปเน การณํ ทเสฺสติ ‘‘เอเตสญฺหี’’ติอาทินาฯ อิเจฺจว ญาณํ โหติ, น วิปรีตคฺคาโห ตสฺส การณสฺส ทูรสมุสฺสาริตตฺตาฯ อรูปกฺขนฺธา อิเจฺจว ญาณํ โหตีติ โยชนาฯ
119.Āraddhavipassakopīti samparāyikavipassakopi, tena balavavipassanāya ṭhitaṃ puggalaṃ dasseti. Na paññapeti eva abahussuto pīti adhippāyo. Tādiso hi vipassanāya ānubhāvo. Sāsanikopi jhānābhiññālābhī ‘‘na paññapetī’’ti na vattabboti so idha na uddhaṭo. Idāni nesaṃ apaññāpane kāraṇaṃ dasseti ‘‘etesañhī’’tiādinā. Icceva ñāṇaṃ hoti, na viparītaggāho tassa kāraṇassa dūrasamussāritattā. Arūpakkhandhā icceva ñāṇaṃ hotīti yojanā.
อตฺตสมนุปสฺสนาวณฺณนา
Attasamanupassanāvaṇṇanā
๑๒๑. ทิฎฺฐิวเสน สมนุปสฺสิตฺวา, น ญาณวเสนฯ สา จ สมนุปสฺสนา อตฺถโต ทิฎฺฐิทสฺสนวเสนฯ
121.Diṭṭhivasena samanupassitvā, na ñāṇavasena. Sā ca samanupassanā atthato diṭṭhidassanavasena.
‘‘เวทนํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ เอวํ อาคตา เวทนากฺขนฺธวตฺถุกา สกฺกายทิฎฺฐิฯ อิฎฺฐาทิเภทํ อารมฺมณํ น ปฎิสํเวเทตีติ อปฺปฎิสํเวทโนติ เวทกภาวปฎิเกฺขปมุเขน สญฺชานนาทิภาโวปิ ปฎิกฺขิโตฺต โหติ ตทวินาภาวโตติ อาห ‘‘อิมินา รูปกฺขนฺธวตฺถุกา สกฺกายทิฎฺฐิ กถิตา’’ติฯ ‘‘อตฺตา เม เวทิยตี’’ติ อิมินา อปฺปฎิสํเวทนตฺตํ ปฎิกฺขิปติฯ เตนาห ‘‘โนปิ อปฺปฎิสํเวทโน’’ติฯ ‘‘เวทนาธโมฺม’’ติ ปน อิมินา ‘‘เวทนา เม อตฺตา’’ติ อิมํ วาทํ ปฎิกฺขิปติฯ เวทนาสงฺขาโต ธโมฺม เอตสฺส อตฺถีติ หิ เวทนาธโมฺมติ เวทนาย สมนฺนาคตภาวํ ตสฺส ปฎิชานาติฯ เตนาห ‘‘เอตสฺส จ เวทนาธโมฺม อวิปฺปยุตฺตสภาโว’’ติฯ สญฺญาสงฺขารวิญฺญาณกฺขนฺธวตฺถุกา สกฺกายทิฎฺฐิ กถิตาติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ ‘‘เวทนาสมฺปยุตฺตตฺตา เวทิยตี’’ติ ตํสมฺปโยคโต ตํกิจฺจกตมาห ยถา เจตนาโยคโต เจตโน ปุริโสติฯ สเพฺพสมฺปิ ตํ สารมฺมณธมฺมานํ อารมฺมณานุภวนํ ลพฺภเตว, ตญฺจ โข เอกเทสโต ผุฎฺฐตามตฺตโต , เวทนาย ปน วิสฺสวิตาย สามิภาเวน อารมฺมณรสานุภวนนฺติฯ ตสฺสา วเสน สญฺญาทโยปิ ตํสมฺปยุตฺตตฺตา ‘‘เวทิยตี’’ติ วุจฺจนฺติฯ ตถา หิ วุตฺตํ อฎฺฐสาลินิยํ ‘‘อารมฺมณรสานุภวนฎฺฐานํ ปตฺวา เสสสมฺปยุตฺตธมฺมา เอกเทสมตฺตกเมว อนุภวนฺตี’’ติ, (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑ ธมฺมุเทฺทสกถา) ราชสูทนิทสฺสเนน วายมโตฺถ ตตฺถ วิภาวิโต เอวฯ เอตสฺสาติ สญฺญาทิกฺขนฺธตฺตยสฺสฯ ‘‘อวิปฺปยุตฺตสภาโว’’ติ อิมินา อวิสํโยคชนิตํ กญฺจิ วิเสสํ ฐานํ ทีเปติฯ
‘‘Vedanaṃ attato samanupassatī’’ti evaṃ āgatā vedanākkhandhavatthukā sakkāyadiṭṭhi. Iṭṭhādibhedaṃ ārammaṇaṃ na paṭisaṃvedetīti appaṭisaṃvedanoti vedakabhāvapaṭikkhepamukhena sañjānanādibhāvopi paṭikkhitto hoti tadavinābhāvatoti āha ‘‘iminā rūpakkhandhavatthukā sakkāyadiṭṭhi kathitā’’ti. ‘‘Attā me vediyatī’’ti iminā appaṭisaṃvedanattaṃ paṭikkhipati. Tenāha ‘‘nopi appaṭisaṃvedano’’ti. ‘‘Vedanādhammo’’ti pana iminā ‘‘vedanā me attā’’ti imaṃ vādaṃ paṭikkhipati. Vedanāsaṅkhāto dhammo etassa atthīti hi vedanādhammoti vedanāya samannāgatabhāvaṃ tassa paṭijānāti. Tenāha ‘‘etassa ca vedanādhammo avippayuttasabhāvo’’ti. Saññāsaṅkhāraviññāṇakkhandhavatthukā sakkāyadiṭṭhi kathitāti ānetvā sambandho. ‘‘Vedanāsampayuttattā vediyatī’’ti taṃsampayogato taṃkiccakatamāha yathā cetanāyogato cetano purisoti. Sabbesampi taṃ sārammaṇadhammānaṃ ārammaṇānubhavanaṃ labbhateva, tañca kho ekadesato phuṭṭhatāmattato , vedanāya pana vissavitāya sāmibhāvena ārammaṇarasānubhavananti. Tassā vasena saññādayopi taṃsampayuttattā ‘‘vediyatī’’ti vuccanti. Tathā hi vuttaṃ aṭṭhasāliniyaṃ ‘‘ārammaṇarasānubhavanaṭṭhānaṃ patvā sesasampayuttadhammā ekadesamattakameva anubhavantī’’ti, (dha. sa. aṭṭha. 1 dhammuddesakathā) rājasūdanidassanena vāyamattho tattha vibhāvito eva. Etassāti saññādikkhandhattayassa. ‘‘Avippayuttasabhāvo’’ti iminā avisaṃyogajanitaṃ kañci visesaṃ ṭhānaṃ dīpeti.
๑๒๒. ตตฺถาติ เตสุ วาเรสุฯ ตีสุ ทิฎฺฐิคติเกสูติ ‘‘เวทนา เม อตฺตา’’ติ, ‘‘อปฺปฎิสํเวทโน เม อตฺตา’’ติ, ‘‘เวทนาธโมฺม เม อตฺตา’’ติ จ เอวํวาเทสุ ตีสุ ทิฎฺฐิคติเกสุฯ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ ภินฺนสภาวตฺตา สุขํ เวทนํ ‘‘อตฺตา’’ติ สมนุปสฺสโต ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขํ วา เวทนํ ‘‘อตฺตา’’ติ สมนุปสฺสนา น ยุตฺตาฯ เอวํ เสสทฺวเย ปีติ อาห ‘‘โย โย ยํ ยํ เวทนํ อตฺตาติ สมนุปสฺสตี’’ติฯ
122.Tatthāti tesu vāresu. Tīsu diṭṭhigatikesūti ‘‘vedanā me attā’’ti, ‘‘appaṭisaṃvedano me attā’’ti, ‘‘vedanādhammo me attā’’ti ca evaṃvādesu tīsu diṭṭhigatikesu. Tissannaṃ vedanānaṃ bhinnasabhāvattā sukhaṃ vedanaṃ ‘‘attā’’ti samanupassato dukkhaṃ, adukkhamasukhaṃ vā vedanaṃ ‘‘attā’’ti samanupassanā na yuttā. Evaṃ sesadvaye pīti āha ‘‘yo yo yaṃ yaṃ vedanaṃ attāti samanupassatī’’ti.
๑๒๓. ‘‘หุตฺวา อภาวโต’’ติ อิมินา อุทยพฺพยวนฺตตาย อนิจฺจาติ ทเสฺสติ, ‘‘เตหิ เตหี’’ติอาทินา อเนกการณสงฺขตตฺตา สงฺขตาติฯ ตํ ตํ ปจฺจยนฺติ ‘‘อินฺทฺริยํ, อารมฺมณํ, วิญฺญาณํ, สุข, เวทนีโย ผโสฺส’’ติ เอวํ อาทิกํ ตํ ตํ อตฺตโน การณํ ปฎิจฺจ นิสฺสาย สมฺมา สสฺสตาทิภาวสฺส, อุเจฺฉทาทิภาวสฺส จ อภาเวน ญาเยน สมการเณน สทิสการเณน อนุรูปการเณน อุปฺปนฺนาฯ ขยสภาวาติ ขยธมฺมา, วยสภาวาติ วยธมฺมา วิรชฺชนสภาวาติ วิราคธมฺมา, นิรุชฺฌนสภาวาติ นิโรธธมฺมา, จตูหิปิ ปเทหิ เวทนาย ภงฺคภาวเมว ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘ขโยติ…เป.… ขยธมฺมาติอาทิ วุตฺต’’นฺติฯ
123.‘‘Hutvā abhāvato’’ti iminā udayabbayavantatāya aniccāti dasseti, ‘‘tehi tehī’’tiādinā anekakāraṇasaṅkhatattā saṅkhatāti. Taṃ taṃ paccayanti ‘‘indriyaṃ, ārammaṇaṃ, viññāṇaṃ, sukha, vedanīyo phasso’’ti evaṃ ādikaṃ taṃ taṃ attano kāraṇaṃ paṭicca nissāya sammā sassatādibhāvassa, ucchedādibhāvassa ca abhāvena ñāyena samakāraṇena sadisakāraṇena anurūpakāraṇena uppannā. Khayasabhāvāti khayadhammā, vayasabhāvāti vayadhammā virajjanasabhāvāti virāgadhammā, nirujjhanasabhāvāti nirodhadhammā, catūhipi padehi vedanāya bhaṅgabhāvameva dasseti. Tenāha ‘‘khayoti…pe… khayadhammātiādi vutta’’nti.
วิคโตติ สภาววิคเมน วิคโตฯ เอกเสฺสวาติ เอกเสฺสว ทิฎฺฐิคติกสฺสฯ ตีสุปิ กาเลสูติ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ ปวตฺติกาเลสุฯ เอโส เม อตฺตาติ ‘‘เอโส สุขเวทนาสภาโว, ทุกฺขอทุกฺขมสุขเวทนาสภาโว เม อตฺตา’’ติ กิํ ปน โหตี, เอกเสฺสว ภินฺนสภาวตํ อนุมฺมตฺตโก กถํ ปเจฺจตีติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติฯ อิตโร เอวมฺปิ ตสฺส น โหติ เยวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘กิํ ปน น ภวิสฺสตี’’ติอาทิมาหฯ วิเสเสนาติ สุขาทิวิภาเคนฯ สุขญฺจ ทุกฺขญฺจาติ เอตฺถ จ-สเทฺทน อทุกฺขมสุขํ สงฺคณฺหาติ, สุขสงฺคหเมว วา เตน กตํ สนฺตสุขุมภาวโตฯ อวิเสเสนาติ อวิภาเคน เวทนาสามเญฺญนฯ โวกิณฺณนฺติ สุขาทิเภเทน โวมิสฺสกํฯ ตํ ติวิธมฺปิ เวทนํ เอส ทิฎฺฐิคติโก เอกชฺฌํ คเหตฺวา อตฺตาติ สมนุปสฺสติฯ เอกกฺขเณ จ พหูนํ เวทนานํ อุปฺปาโท อาปชฺชติ อวิเสเสน เวทนาสภาวตฺตาฯ อตฺตโน หิ ตสฺมิํ สติ สทา สพฺพเวทนาปวตฺติปฺปสงฺคโต ทิฎฺฐิคติโก อคติยา เอกกฺขเณปิ พหูนมฺปิ เวทนานํ อุปฺปตฺติํ ปฎิชาเนยฺยาติ ตสฺส อวสรํ อเทโนฺต ‘‘น เอกกฺขเณ พหูนํ เวทนานํ อุปฺปตฺติ อตฺถี’’ติ อาห, ปจฺจกฺขวิรุทฺธเมตนฺติ อธิปฺปาโยฯ เอเตน เปตํ นกฺขมตีติ เอเตน วิรุทฺธตฺตสาธเนนปิ สเพฺพน สพฺพํ อตฺตโน อภาเวนปิ ปณฺฑิตานํ น รุจฺจติ, เอตํ ทสฺสนํ ธีรา นกฺขมนฺตีติ อโตฺถฯ
Vigatoti sabhāvavigamena vigato. Ekassevāti ekasseva diṭṭhigatikassa. Tīsupi kālesūti tissannaṃ vedanānaṃ pavattikālesu. Eso me attāti ‘‘eso sukhavedanāsabhāvo, dukkhaadukkhamasukhavedanāsabhāvo me attā’’ti kiṃ pana hotī, ekasseva bhinnasabhāvataṃ anummattako kathaṃ paccetīti adhippāyena pucchati. Itaro evampi tassa na hoti yevāti dassento ‘‘kiṃ pana na bhavissatī’’tiādimāha. Visesenāti sukhādivibhāgena. Sukhañca dukkhañcāti ettha ca-saddena adukkhamasukhaṃ saṅgaṇhāti, sukhasaṅgahameva vā tena kataṃ santasukhumabhāvato. Avisesenāti avibhāgena vedanāsāmaññena. Vokiṇṇanti sukhādibhedena vomissakaṃ. Taṃ tividhampi vedanaṃ esa diṭṭhigatiko ekajjhaṃ gahetvā attāti samanupassati. Ekakkhaṇe ca bahūnaṃ vedanānaṃ uppādo āpajjati avisesena vedanāsabhāvattā. Attano hi tasmiṃ sati sadā sabbavedanāpavattippasaṅgato diṭṭhigatiko agatiyā ekakkhaṇepi bahūnampi vedanānaṃ uppattiṃ paṭijāneyyāti tassa avasaraṃ adento ‘‘na ekakkhaṇe bahūnaṃ vedanānaṃ uppatti atthī’’ti āha, paccakkhaviruddhametanti adhippāyo. Etena petaṃ nakkhamatīti etena viruddhattasādhanenapi sabbena sabbaṃ attano abhāvenapi paṇḍitānaṃ na ruccati, etaṃ dassanaṃ dhīrā nakkhamantīti attho.
๑๒๔. อินฺทฺริยพเทฺธปิ รูปปฺปพเนฺธ วาโยธาตุวิปฺผารวเสน กาจิ กิริยา นาม ลพฺภตีติ สุทฺธรูปกฺขเนฺธปิ ยตฺถ กทาจิ วาโยธาตุวิปฺผาโร ลพฺภติ, ตเมว นิทสฺสนภาเวน คณฺหโนฺต ‘‘ตาลวเณฺฎ วา วาตปาเน วา’’ติ อาหฯ เวทนาธเมฺมสูติ เวทนาธมฺมวเนฺตสุฯ ‘‘อหมสฺมี’’ติ อิมินา ตโยปิ ขเนฺธ เอกชฺฌํ คเหตฺวา อหํการสฺส อุปฺปชฺชนากาโร วุโตฺตติฯ ‘‘อยมหมสฺมี’’ติ ปน อิมินา ตตฺถ เอกํ เอกํ คเหตฺวา อหํการสฺส อุปฺปชฺชนากาโร วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘เอกธโมฺมปี’’ติอาทิ ฯ ตนฺติ ‘‘อหมสฺมี’’ติ อหํการุปฺปตฺติํฯ สา หิ จตุกฺขนฺธนิโรเธน อนุปลพฺภมานสนฺนิสฺสยา สสวิสาณติขิณตา วิย น ภเวยฺยาวาติฯ
124. Indriyabaddhepi rūpappabandhe vāyodhātuvipphāravasena kāci kiriyā nāma labbhatīti suddharūpakkhandhepi yattha kadāci vāyodhātuvipphāro labbhati, tameva nidassanabhāvena gaṇhanto ‘‘tālavaṇṭe vā vātapāne vā’’ti āha. Vedanādhammesūti vedanādhammavantesu. ‘‘Ahamasmī’’ti iminā tayopi khandhe ekajjhaṃ gahetvā ahaṃkārassa uppajjanākāro vuttoti. ‘‘Ayamahamasmī’’ti pana iminā tattha ekaṃ ekaṃ gahetvā ahaṃkārassa uppajjanākāro vutto. Tenāha ‘‘ekadhammopī’’tiādi . Tanti ‘‘ahamasmī’’ti ahaṃkāruppattiṃ. Sā hi catukkhandhanirodhena anupalabbhamānasannissayā sasavisāṇatikhiṇatā viya na bhaveyyāvāti.
เอตฺตาวตาติ ‘‘กิตฺตาวตา จ อานนฺทา’’ติอาทินา ‘‘ตนฺตากุลกชาตา’’ติ ปทสฺส อนุสนฺธิทสฺสนวเสน ปวเตฺตน เอตฺตเกน เทสนาธเมฺมนฯ กามํ เหฎฺฐาปิ วฎฺฎกถาว กถิตา, อิธ ปน ทิฎฺฐิคติกสฺส วฎฺฎโต สีสุกฺขิปนาสมตฺถตาวิภาวนวเสน มิจฺฉาทิฎฺฐิยา มหาสาวชฺชภาวทีปนิยกถา ปกาสิตาติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วฎฺฎกถา กถิตา’’ติ อาหฯ นนุ วฎฺฎมูลํ อวิชฺชา ตณฺหา, ตา อนามสิตฺวา ตโต อญฺญถา กสฺมา อิธ วฎฺฎกถา กถิตาติ อาห ‘‘ภควา หี’’ติอาทิฯ อวิชฺชาสีเสนาติ อวิชฺชํ อุตฺตมงฺคํ กตฺวา, อวิชฺชามุเขนาติ อโตฺถฯ โกฎิ น ปญฺญายตีติ ‘‘อสุกสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, จกฺกวตฺติโน วา กาเล อวิชฺชา อุปฺปนฺนา, น ตโต ปุเพฺพ อตฺถี’’ติ อวิชฺชาย อาทิ มริยาทา อปฺปฎิหตสฺส มม สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺสาปิ น ปญฺญายติ อวิชฺชมานตฺตา เอวาติ อโตฺถฯ อยํ ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโย, ตสฺมา อิทปฺปจฺจยา, อิมสฺมา อาสวาทิการณาติ อโตฺถฯ ภวตณฺหายาติ ภวสํโยชนภูตาย ตณฺหายฯ ภวทิฎฺฐิยาติ สสฺสตทิฎฺฐิยาฯ ‘‘ตตฺถ ตตฺถ อุปปชฺชโนฺต’’ติ อิมินา ‘‘อิโต เอตฺถ เอโตฺต อิธา’’ติ เอวํ อปริยนฺตํ อปราปรุปฺปตฺติํ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘มหาสมุเทฺท’’ติอาทิฯ
Ettāvatāti ‘‘kittāvatā ca ānandā’’tiādinā ‘‘tantākulakajātā’’ti padassa anusandhidassanavasena pavattena ettakena desanādhammena. Kāmaṃ heṭṭhāpi vaṭṭakathāva kathitā, idha pana diṭṭhigatikassa vaṭṭato sīsukkhipanāsamatthatāvibhāvanavasena micchādiṭṭhiyā mahāsāvajjabhāvadīpaniyakathā pakāsitāti taṃ dassento ‘‘vaṭṭakathā kathitā’’ti āha. Nanu vaṭṭamūlaṃ avijjā taṇhā, tā anāmasitvā tato aññathā kasmā idha vaṭṭakathā kathitāti āha ‘‘bhagavāhī’’tiādi. Avijjāsīsenāti avijjaṃ uttamaṅgaṃ katvā, avijjāmukhenāti attho. Koṭi na paññāyatīti ‘‘asukassa nāma sammāsambuddhassa, cakkavattino vā kāle avijjā uppannā, na tato pubbe atthī’’ti avijjāya ādi mariyādā appaṭihatassa mama sabbaññutaññāṇassāpi na paññāyati avijjamānattā evāti attho. Ayaṃ paccayo idappaccayo, tasmā idappaccayā, imasmā āsavādikāraṇāti attho. Bhavataṇhāyāti bhavasaṃyojanabhūtāya taṇhāya. Bhavadiṭṭhiyāti sassatadiṭṭhiyā. ‘‘Tattha tattha upapajjanto’’ti iminā ‘‘ito ettha etto idhā’’ti evaṃ apariyantaṃ aparāparuppattiṃ dasseti. Tenāha ‘‘mahāsamudde’’tiādi.
๑๒๖. ปจฺจยาการมูฬฺหสฺสาติ ภูตกถนเมตํ, น วิเสสนํฯ สโพฺพปิ หิ ทิฎฺฐิคติโก ปจฺจยาการมูโฬฺห เอวาติฯ วิวฎฺฎํ กเถโนฺตติ วฎฺฎโต วินิมุตฺตตฺตา วิวฎฺฎํ, วิโมโกฺข, ตํ กเถโนฺต ฯ การกสฺสาติ สตฺถุโอวาทการกสฺส, สมฺมาปฎิปชฺชนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘สติปฎฺฐานวิหาริโน’’ติฯ โส หิ เวทนานุปสฺสนาย, ธมฺมานุปสฺสนาย จ สมฺมาปฎิปตฺติยา ‘‘เนว เวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพตํ อรหติฯ เตนาห ‘‘เอวรูโป หี’’ติอาทิฯ สพฺพธเมฺมสูติ สเพฺพสุ เตภูมกธเมฺมสุฯ เต หิ สมฺมสนียาฯ น อญฺญนฺติ เวทนาย อญฺญํ สญฺญาทิธมฺมํ อตฺตานํ น สมนุปสฺสตีติฯ ‘‘ขนฺธโลกาทโย’’ติ รูปาทิธมฺมา เอว วุจฺจนฺติ, เตสํ สมูโหติ ทเสฺสตุํ ‘‘รูปาทีสุ ธเมฺมสู’’ติ วุตฺตํฯ น อุปาทิยติ ทิฎฺฐิตณฺหาคาหวเสนฯ ‘‘เสโยฺยหมสฺมี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๑๐๘; มหานิ. ๒๑, ๑๗๘; ธ. ส. ๑๑๒๑; วิภ. ๘๓๒, ๘๖๖) ปวตฺตมานมญฺญนาปิ ตณฺหาทิฎฺฐิมญฺญนา วิย ปริตสฺสนรูปา เอวาติ อาห ‘‘ตณฺหาทิฎฺฐิมานปริตสฺสนายปี’’ติฯ
126.Paccayākāramūḷhassāti bhūtakathanametaṃ, na visesanaṃ. Sabbopi hi diṭṭhigatiko paccayākāramūḷho evāti. Vivaṭṭaṃ kathentoti vaṭṭato vinimuttattā vivaṭṭaṃ, vimokkho, taṃ kathento . Kārakassāti satthuovādakārakassa, sammāpaṭipajjantassāti attho. Tenāha ‘‘satipaṭṭhānavihārino’’ti. So hi vedanānupassanāya, dhammānupassanāya ca sammāpaṭipattiyā ‘‘neva vedanaṃ attānaṃ samanupassatī’’tiādinā vattabbataṃ arahati. Tenāha ‘‘evarūpo hī’’tiādi. Sabbadhammesūti sabbesu tebhūmakadhammesu. Te hi sammasanīyā. Na aññanti vedanāya aññaṃ saññādidhammaṃ attānaṃ na samanupassatīti. ‘‘Khandhalokādayo’’ti rūpādidhammā eva vuccanti, tesaṃ samūhoti dassetuṃ ‘‘rūpādīsu dhammesū’’ti vuttaṃ. Na upādiyati diṭṭhitaṇhāgāhavasena. ‘‘Seyyohamasmī’’tiādinā (saṃ. ni. 4.108; mahāni. 21, 178; dha. sa. 1121; vibha. 832, 866) pavattamānamaññanāpi taṇhādiṭṭhimaññanā viya paritassanarūpā evāti āha ‘‘taṇhādiṭṭhimānaparitassanāyapī’’ti.
สา เอวํ ทิฎฺฐีติ สา อรหโต เอวํปการา ทิฎฺฐีติ โย วเทยฺย , ตทกลฺลํ, ตํ น ยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ เอวมสฺส ทิฎฺฐีติ เอตฺถาปิ เอวํปการา อสฺส อรหโต ทิฎฺฐีติอาทินา โยเชตพฺพํฯ เอวญฺหิ สตีติ โย วเทยฺย ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติสฺส ทิฎฺฐี’’ติ, ตสฺส เจ วจนํ ตเถวาติ อโตฺถฯ ‘‘อรหา น กิญฺจิ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ ภเวยฺย ชานโต ตถา ทิฎฺฐิยา อภาวโตฯ เตเนวาติ ตถา วตฺตุมยุตฺตตฺตา เอวฯ จตุนฺนมฺปิ นยานนฺติ ‘‘โหติ ตถาคโต’’ติอาทินา อาคตานํ จตุนฺนํ วารานํฯ อาทิโต ตีสุ วาเรสุ สงฺขิปิตฺวา ปริโยสานวาเร วิตฺถาริตตฺตา ‘‘อวสาเน ‘ตํ กิสฺส เหตู’ติอาทิมาหา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อาทิโต ตีสุ วาเรสุ ตเถว เทสนา ปวตฺตา, ยถา ปริโยสานวาเร, ปาฬิ ปน สงฺขิตฺตา’’ติ เกจิฯ
Sā evaṃ diṭṭhīti sā arahato evaṃpakārā diṭṭhīti yo vadeyya , tadakallaṃ, taṃ na yuttanti attho. Evamassa diṭṭhīti etthāpi evaṃpakārā assa arahato diṭṭhītiādinā yojetabbaṃ. Evañhi satīti yo vadeyya ‘‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā itissa diṭṭhī’’ti, tassa ce vacanaṃ tathevāti attho. ‘‘Arahā na kiñci jānātī’’ti vuttaṃ bhaveyya jānato tathā diṭṭhiyā abhāvato. Tenevāti tathā vattumayuttattā eva. Catunnampi nayānanti ‘‘hoti tathāgato’’tiādinā āgatānaṃ catunnaṃ vārānaṃ. Ādito tīsu vāresu saṅkhipitvā pariyosānavāre vitthāritattā ‘‘avasāne ‘taṃ kissa hetū’tiādimāhā’’ti vuttaṃ. ‘‘Ādito tīsu vāresu tatheva desanā pavattā, yathā pariyosānavāre, pāḷi pana saṅkhittā’’ti keci.
โวหาโรติ ‘‘สโตฺต อิตฺถี ปุริโส’’ติอาทินา, ‘‘ขนฺธาอายตนานี’’ติอาทินา, ‘‘ผโสฺส เวทนา’’ติอาทินา จ โวหาริตพฺพโวหาโรฯ ตสฺส ปน โวหารสฺส ปวตฺติฎฺฐานํ นาม สเงฺขปโต อิเม เอวาติ อาห ‘‘ขนฺธา อายตนานิ ธาตุโย’’ติฯ ยสฺมา นิพฺพานํ ปุพฺพภาเค สงฺขารานํ นิโรธภาเวเนว ปญฺญาปิยติ จ, ตสฺมา ตสฺสาปิ ขนฺธมุเขน อวจริตพฺพตา ลพฺภตีติ ‘‘ปญฺญาย อวจริตพฺพํ ขนฺธปญฺจก’’นฺติ วุตฺตํฯ เตนาห ภควา ‘‘อิมสฺมิํเยว พฺยามมเตฺต กเฬวเร สสญฺญิมฺหิ สมนเก โลกญฺจ ปญฺญเปมิ โลกสมุทยญฺจ โลกนิโรธญฺจ โลกนิโรธคามินิญฺจ ปฎิปท’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๕) ปญฺญาวจรนฺติ วา เตภูมกธมฺมานเมตํ คหณนฺติ ‘‘ขนฺธปญฺจก’’เนฺตฺวว วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ยาวตา ปญฺญา’’ติ เอตฺถาปิ โลกิยปญฺญาย เอว คหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ วฎฺฎกถา เหสาติฯ ตถา หิ ‘‘ยาวตา วฎฺฎํ วฎฺฎติ’’ อิเจฺจว วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘ตนฺตากุลกปทเสฺสว อนุสนฺธิ ทสฺสิโต’’ติฯ ยสฺมา ภควา ทิฎฺฐิสีเสเนตฺถ วฎฺฎกถํ กเถตฺวา ยถานุสนฺธินาปิ วฎฺฎกถํ กเถสิ, ตสฺมา ‘‘ตนฺตากุลกปทเสฺสว อนุสนฺธิ ทสฺสิโต’’ติ สาวธารณํ กตฺวา วุตฺตํฯ ปฎิจฺจสมุปฺปาทกถา ปเนตฺถ ยาวเทว ตสฺส คมฺภีรภาววิภาวนตฺถาย วิตฺถาริตา, วิวฎฺฎกถาปิ สมานา อิธ ปจฺจามฎฺฐาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Vohāroti ‘‘satto itthī puriso’’tiādinā, ‘‘khandhāāyatanānī’’tiādinā, ‘‘phasso vedanā’’tiādinā ca vohāritabbavohāro. Tassa pana vohārassa pavattiṭṭhānaṃ nāma saṅkhepato ime evāti āha ‘‘khandhā āyatanāni dhātuyo’’ti. Yasmā nibbānaṃ pubbabhāge saṅkhārānaṃ nirodhabhāveneva paññāpiyati ca, tasmā tassāpi khandhamukhena avacaritabbatā labbhatīti ‘‘paññāya avacaritabbaṃ khandhapañcaka’’nti vuttaṃ. Tenāha bhagavā ‘‘imasmiṃyeva byāmamatte kaḷevare sasaññimhi samanake lokañca paññapemi lokasamudayañca lokanirodhañca lokanirodhagāminiñca paṭipada’’nti. (Saṃ. ni. 1.107; a. ni. 4.45) paññāvacaranti vā tebhūmakadhammānametaṃ gahaṇanti ‘‘khandhapañcaka’’ntveva vuttaṃ, tasmā ‘‘yāvatā paññā’’ti etthāpi lokiyapaññāya eva gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Vaṭṭakathā hesāti. Tathā hi ‘‘yāvatā vaṭṭaṃ vaṭṭati’’ icceva vuttaṃ. Tenevāha ‘‘tantākulakapadasseva anusandhi dassito’’ti. Yasmā bhagavā diṭṭhisīsenettha vaṭṭakathaṃ kathetvā yathānusandhināpi vaṭṭakathaṃ kathesi, tasmā ‘‘tantākulakapadassevaanusandhi dassito’’ti sāvadhāraṇaṃ katvā vuttaṃ. Paṭiccasamuppādakathā panettha yāvadeva tassa gambhīrabhāvavibhāvanatthāya vitthāritā, vivaṭṭakathāpi samānā idha paccāmaṭṭhāti daṭṭhabbaṃ.
สตฺตวิญฺญาณฎฺฐิติวณฺณนา
Sattaviññāṇaṭṭhitivaṇṇanā
๑๒๗. คจฺฉโนฺต คจฺฉโนฺตติ สมถปฎิปตฺติยํ สุปฺปติฎฺฐิโต หุตฺวา วิปสฺสนาคมเนน, มคฺคคมเนน จ คจฺฉโนฺต คจฺฉโนฺตฯ อุโภหิ ภาเคหิ มุจฺจนโต อุภโตภาควิมุโตฺต นาม โหติฯ โส ‘‘เอวํ อสมนุปสฺสโนฺต’’ติ วุโตฺต วิปสฺสนายานิโกติ กตฺวา ‘‘โย จ น สมนุปสฺสตีติ วุโตฺต โส ยสฺมา คจฺฉโนฺต คจฺฉโนฺต ปญฺญาวิมุโตฺต นาม โหตี’’ติ วุตฺตํฯ เหฎฺฐา วุตฺตานนฺติ ‘‘กิตฺตาวตา จ, อานนฺท, อตฺตานํ น ปญฺญเปโนฺต น ปญฺญาเปตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๑๑๙), ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ เนว เวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๑๒๕ อาทโย) จ เหฎฺฐา ปาฬิยํ อาคตานํ ทฺวินฺนํ ปุถุชฺชนภิกฺขูนํฯ นิคมนนฺติ นิสฺสรณํฯ นามนฺติ ปญฺญาวิมุตฺตาทินามํฯ
127.Gacchantogacchantoti samathapaṭipattiyaṃ suppatiṭṭhito hutvā vipassanāgamanena, maggagamanena ca gacchanto gacchanto. Ubhohi bhāgehi muccanato ubhatobhāgavimutto nāma hoti. So ‘‘evaṃ asamanupassanto’’ti vutto vipassanāyānikoti katvā ‘‘yo ca na samanupassatīti vutto so yasmā gacchanto gacchanto paññāvimutto nāma hotī’’ti vuttaṃ. Heṭṭhā vuttānanti ‘‘kittāvatā ca, ānanda, attānaṃ na paññapento na paññāpetī’’tiādinā (dī. ni. 2.119), ‘‘yato kho, ānanda, bhikkhu neva vedanaṃ attānaṃ samanupassatī’’tiādinā (dī. ni. 2.125 ādayo) ca heṭṭhā pāḷiyaṃ āgatānaṃ dvinnaṃ puthujjanabhikkhūnaṃ. Nigamananti nissaraṇaṃ. Nāmanti paññāvimuttādināmaṃ.
ปฎิสนฺธิวเสน วุตฺตาติ นานตฺตกายนานตฺตสญฺญิตาวิเสสวิสิฎฺฐปฎิสนฺธิวเสน วุตฺตา สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติโยฯ ตํตํสตฺตนิกายํ ปติ นิสฺสยโต หิ นานตฺตกายาทิตา ตํปริยาปนฺนปฎิสนฺธิสมุทาคตาติ ทฎฺฐพฺพา ตทภินิพฺพตฺตกกมฺมภวสฺส ตถา อายูหิตตฺตาฯ จตโสฺส อาคมิสฺสนฺตีติ รูปเวทนาสญฺญาสงฺขารกฺขนฺธวเสน จตโสฺส วิญฺญาณฎฺฐิติโย อาคมิสฺสนฺติ ‘‘รูปุปายํ วา อาวุโส วิญฺญาณํ ติฎฺฐมานํ ติฎฺฐตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๑๑)ฯ วิญฺญาณปติฎฺฐานสฺสาติ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส เอตรหิ ปติฎฺฐานการณสฺสฯ อตฺถโต วุตฺตวิเสสวิสิฎฺฐา ปญฺจโวกาเร รูปเวทนาสญฺญาสงฺขารกฺขนฺธา, จตุโวกาเร เวทนาทโย ตโย ขนฺธา เวทิตพฺพาฯ สตฺตาวาสภาวํ อุปาทาย ‘‘เทฺว จ อายตนานีติ เทฺว นิวาสฎฺฐานานี’’ติ วุตฺตํฯ นิวาสฎฺฐานปริยาโยปิ อายตนสโทฺท โหติ ยถา ‘‘เทวายตนทฺวย’’นฺติฯ สพฺพนฺติ วิญฺญาณฎฺฐิติ อายตนทฺวยนฺติ สกลํฯ ตสฺมา คหิตํ ตตฺถ เอกเมว อคฺคเหตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ ปริยาทานํ อนวเสสคฺคหณํ น คจฺฉติ วฎฺฎํ วิญฺญาณฎฺฐิติอายตนทฺวยานํ อญฺญมญฺญอโนฺตคธตฺตาฯ
Paṭisandhivasena vuttāti nānattakāyanānattasaññitāvisesavisiṭṭhapaṭisandhivasena vuttā satta viññāṇaṭṭhitiyo. Taṃtaṃsattanikāyaṃ pati nissayato hi nānattakāyāditā taṃpariyāpannapaṭisandhisamudāgatāti daṭṭhabbā tadabhinibbattakakammabhavassa tathā āyūhitattā. Catasso āgamissantīti rūpavedanāsaññāsaṅkhārakkhandhavasena catasso viññāṇaṭṭhitiyo āgamissanti ‘‘rūpupāyaṃ vā āvuso viññāṇaṃ tiṭṭhamānaṃ tiṭṭhatī’’tiādinā (dī. ni. 3.311). Viññāṇapatiṭṭhānassāti paṭisandhiviññāṇassa etarahi patiṭṭhānakāraṇassa. Atthato vuttavisesavisiṭṭhā pañcavokāre rūpavedanāsaññāsaṅkhārakkhandhā, catuvokāre vedanādayo tayo khandhā veditabbā. Sattāvāsabhāvaṃ upādāya ‘‘dve ca āyatanānīti dve nivāsaṭṭhānānī’’ti vuttaṃ. Nivāsaṭṭhānapariyāyopi āyatanasaddo hoti yathā ‘‘devāyatanadvaya’’nti. Sabbanti viññāṇaṭṭhiti āyatanadvayanti sakalaṃ. Tasmā gahitaṃ tattha ekameva aggahetvāti adhippāyo. Pariyādānaṃ anavasesaggahaṇaṃ na gacchati vaṭṭaṃ viññāṇaṭṭhitiāyatanadvayānaṃ aññamaññaantogadhattā.
นิทสฺสนเตฺถ นิปาโต, ตสฺมา เสยฺยถาปิ มนุสฺสาติ ยถา มนุสฺสาติ วุตฺตํ โหติฯ วิเสโส โหติเยว สติปิ พาหิรสฺส การกสฺส อเภเท อชฺฌตฺติกสฺส ภินฺนตฺตาฯ นานตฺตํ กาเย เอเตสํ, นานโตฺต วา กาโย เอเตสนฺติ นานตฺตกายา, อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เนสนฺติ มนุสฺสานํฯ นานตฺตา สญฺญา เอเตสํ อตฺถีติ นานตฺตสญฺญิโนฯ สุขสมุสฺสยโต วินิปาโต เอเตสํ อตฺถีติ วินิปาติกา สติปิ เทวภาเว ทิพฺพสมฺปตฺติยา อภาวโต, อปาเยสุ วา คโต นตฺถิ นิปาโต เอเตสนฺติ วินิปาติกาฯ เตนาห ‘‘จตุอปายวินิมุตฺตา’’ติฯ ธมฺมปทนฺติ สติปฎฺฐานาทิธมฺมโกฎฺฐาสํฯ วิชานิยาติ สุตมเยน ตาว ญาเณน วิชานิตฺวาฯ ตทนุสาเรน โยนิโสมนสิการํ ปริพฺรูหโนฺต สีลวิสุทฺธิอาทิกํ สมฺมาปฎิปตฺติํ อปิ ปฎิปเชฺชมฯ สา จ ปฎิปตฺติ หิตาย ทิฎฺฐธมฺมิกาทิสกลหิตาย อมฺหากํ สิยาฯ อิทานิ ตตฺถ สีลปฎิปตฺติํ ตาว วิภาเคน ทเสฺสโนฺต ‘‘ปาเณสุ จา’’ติ คาถมาหฯ
Nidassanatthe nipāto, tasmā seyyathāpi manussāti yathā manussāti vuttaṃ hoti. Viseso hotiyeva satipi bāhirassa kārakassa abhede ajjhattikassa bhinnattā. Nānattaṃ kāye etesaṃ, nānatto vā kāyo etesanti nānattakāyā, iminā nayena sesapadesupi attho veditabbo. Nesanti manussānaṃ. Nānattā saññā etesaṃ atthīti nānattasaññino. Sukhasamussayato vinipāto etesaṃ atthīti vinipātikā satipi devabhāve dibbasampattiyā abhāvato, apāyesu vā gato natthi nipāto etesanti vinipātikā. Tenāha ‘‘catuapāyavinimuttā’’ti. Dhammapadanti satipaṭṭhānādidhammakoṭṭhāsaṃ. Vijāniyāti sutamayena tāva ñāṇena vijānitvā. Tadanusārena yonisomanasikāraṃ paribrūhanto sīlavisuddhiādikaṃ sammāpaṭipattiṃ api paṭipajjema. Sā ca paṭipatti hitāya diṭṭhadhammikādisakalahitāya amhākaṃ siyā. Idāni tattha sīlapaṭipattiṃ tāva vibhāgena dassento ‘‘pāṇesu cā’’ti gāthamāha.
พฺรหฺมกาเย ปฐมชฺฌานนิพฺพเตฺต พฺรหฺมสมูเห, พฺรหฺมนิกาเย วา ภวาติ พฺรหฺมกายิกาฯ มหาพฺรหฺมุโน ปริสาย ภวาติ พฺรหฺมปาริสชฺชา ตสฺส ปริจารกฎฺฐาเน ฐิตตฺตาฯ มหาพฺรหฺมุโน ปุโรหิตฎฺฐาเน ฐิตาติ พฺรหฺมปุโรหิตา ฯ อายุวณฺณาทีหิ มหโนฺต พฺรหฺมาโนติ มหาพฺรหฺมุโนฯ สติปิ เตสํ ติวิธานมฺปิ ปฐเมน ฌาเนน อภินิพฺพตฺตภาเว ฌานสฺส ปน ปวตฺติเภเทน อยํ วิเสโสติ ทเสฺสตุํ ‘‘พฺรหฺมปาริสชฺชา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปริเตฺตนาติ หีเนน, สา จสฺส หีนตา ฉนฺทาทีนํ หีนตาย เวทิตพฺพา, ปฎิลทฺธมตฺตํ วา หีนํฯ กปฺปสฺสาติ อสเงฺขฺยยฺยกปฺปสฺสฯ หีนปณีตานํ มเชฺฌ ภวตฺตา มชฺฌิเมน, สา จสฺส มชฺฌิมตา ฉนฺทาทีนํ มชฺฌิมตาย เวทิตพฺพา, ปฎิลภิตฺวา นาติสุภาวิตํ วา มชฺฌิมํฯ อุปฑฺฒกโปฺปติ อสเงฺขฺยยฺยกปฺปสฺส อุปฑฺฒกโปฺปฯ วิปฺผาริกตโรติ พฺรหฺมปาริสเชฺชหิ ปมาณโต วิปุลตโร, สภาวโต อุฬารตโร จ โหติฯ สภาเวนปิ หิ อุฬารตโรว, ตํ ปเนตฺถ อปฺปมาณํฯ ตถา หิ ปริตฺตาภาทีนํ, ปริตฺตสุภาทีนญฺจ กาเย สติปิ สภาวเวมเตฺต เอกตฺตวเสเนว ววตฺถาปียตีติ ‘‘เอกตฺตกายา’’ เตฺวว วุจฺจนฺติฯ ปณีเตนาติ อุกฺกเฎฺฐน, สา จสฺส อุกฺกฎฺฐตา ฉนฺทาทีนํ อุกฺกฎฺฐตาย เวทิตพฺพา, สุภาวิตํ วา สมฺมเทว วสิภาวํ ปาปิตํ ปณีตํ ปธานภาวํ นีตนฺติ กตฺวา, อิธาปิ กโปฺป อสเงฺขฺยยฺยกปฺปวเสเนว เวทิตโพฺพ ปริปุณฺณสฺส มหากปฺปสฺส อสมฺภวโตฯ อิตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรนฯ เตติ ‘‘พฺรหฺมกายิกา’’ติ วุตฺตา ติวิธาปิ พฺรหฺมาโนฯ สญฺญาย เอกตฺตาติ ติเหตุกภาเวน สญฺญาย เอกตฺตสภาวตฺตา ฯ น หิ ตสฺสา สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน อโญฺญปิ โกจิ เภโท อตฺถิฯ
Brahmakāye paṭhamajjhānanibbatte brahmasamūhe, brahmanikāye vā bhavāti brahmakāyikā. Mahābrahmuno parisāya bhavāti brahmapārisajjā tassa paricārakaṭṭhāne ṭhitattā. Mahābrahmuno purohitaṭṭhāne ṭhitāti brahmapurohitā. Āyuvaṇṇādīhi mahanto brahmānoti mahābrahmuno. Satipi tesaṃ tividhānampi paṭhamena jhānena abhinibbattabhāve jhānassa pana pavattibhedena ayaṃ visesoti dassetuṃ ‘‘brahmapārisajjā panā’’tiādi vuttaṃ. Parittenāti hīnena, sā cassa hīnatā chandādīnaṃ hīnatāya veditabbā, paṭiladdhamattaṃ vā hīnaṃ. Kappassāti asaṅkhyeyyakappassa. Hīnapaṇītānaṃ majjhe bhavattā majjhimena, sā cassa majjhimatā chandādīnaṃ majjhimatāya veditabbā, paṭilabhitvā nātisubhāvitaṃ vā majjhimaṃ. Upaḍḍhakappoti asaṅkhyeyyakappassa upaḍḍhakappo. Vipphārikataroti brahmapārisajjehi pamāṇato vipulataro, sabhāvato uḷārataro ca hoti. Sabhāvenapi hi uḷāratarova, taṃ panettha appamāṇaṃ. Tathā hi parittābhādīnaṃ, parittasubhādīnañca kāye satipi sabhāvavematte ekattavaseneva vavatthāpīyatīti ‘‘ekattakāyā’’ tveva vuccanti. Paṇītenāti ukkaṭṭhena, sā cassa ukkaṭṭhatā chandādīnaṃ ukkaṭṭhatāya veditabbā, subhāvitaṃ vā sammadeva vasibhāvaṃ pāpitaṃ paṇītaṃ padhānabhāvaṃ nītanti katvā, idhāpi kappo asaṅkhyeyyakappavaseneva veditabbo paripuṇṇassa mahākappassa asambhavato. Itīti evaṃ vuttappakārena. Teti ‘‘brahmakāyikā’’ti vuttā tividhāpi brahmāno. Saññāya ekattāti tihetukabhāvena saññāya ekattasabhāvattā . Na hi tassā sampayuttadhammavasena aññopi koci bhedo atthi.
เอวนฺติ อิมินา นานตฺตกายเอกตฺตสญฺญิโนติ ทเสฺสติฯ
Evanti iminā nānattakāyaekattasaññinoti dasseti.
ทณฺฑอุกฺกายาติ ทณฺฑทีปิกายฯ สรตีติ ธาวติ วิยฯ วิสฺสรตีติ วิปฺปกิณฺณา วิย ธาวติ ฯ เทฺว กปฺปาติ เทฺว มหากปฺปาฯ อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโยฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สุเตฺตฯ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉทวเสน อาภสฺสรคฺคหเณเนว สเพฺพปิ เต ปริตฺตาภา, อปฺปมาณาภาปิ คหิตาฯ
Daṇḍaukkāyāti daṇḍadīpikāya. Saratīti dhāvati viya. Vissaratīti vippakiṇṇā viya dhāvati . Dve kappāti dve mahākappā. Ito paresupi eseva nayo. Idhāti imasmiṃ sutte. Ukkaṭṭhaparicchedavasena ābhassaraggahaṇeneva sabbepi te parittābhā, appamāṇābhāpi gahitā.
โสภนา ปภา สุภา, สุภาย กิณฺณา สุภากิณฺณาติ วตฺตเพฺพ อา-การสฺส รสฺสตฺตํ, อนฺติม-ณ-การสฺส ห-การญฺจ กตฺวา ‘‘สุภกิณฺหา’’ติ วุตฺตา, อฎฺฐกถายํปน นิจฺจลาย เอกคฺฆนาย ปภาย สุโภติ ปริยายวจนนฺติ ‘‘สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา’’ติ อโตฺถ วุโตฺต, เอตฺถาปิ อนฺติม-ณ-การสฺส ห-การกรณํ อิจฺฉิตพฺพเมวฯ น ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปภา คจฺฉติ เอกคฺฆนตฺตาฯ จตุตฺถวิญฺญาณฎฺฐิติเมว ภชนฺติ กายสฺส, สญฺญาย จ เอกรูปตฺตาฯ วิปุลสนฺตสุขายุวณฺณาทิผลตฺตา เวหปฺผลาฯ เอตฺถาติ วิญฺญาณฎฺฐิติยํฯ
Sobhanā pabhā subhā, subhāya kiṇṇā subhākiṇṇāti vattabbe ā-kārassa rassattaṃ, antima-ṇa-kārassa ha-kārañca katvā ‘‘subhakiṇhā’’ti vuttā, aṭṭhakathāyaṃpana niccalāya ekagghanāya pabhāya subhoti pariyāyavacananti ‘‘subhena okiṇṇā vikiṇṇā’’ti attho vutto, etthāpi antima-ṇa-kārassa ha-kārakaraṇaṃ icchitabbameva. Na chijjitvā chijjitvā pabhā gacchati ekagghanattā. Catutthaviññāṇaṭṭhitimeva bhajanti kāyassa, saññāya ca ekarūpattā. Vipulasantasukhāyuvaṇṇādiphalattā vehapphalā. Etthāti viññāṇaṭṭhitiyaṃ.
วิวฎฺฎปเกฺข ฐิตา นปุนราวตฺตนโตฯ ‘‘น สพฺพกาลิกา’’ติ วตฺวา ตเมว อสพฺพกาลิกตฺตํ วิภาเวตุํ ‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โสฬสกปฺปสหสฺสจฺจเยน อุปฺปนฺนานํ สุทฺธาวาสพฺรหฺมานํ ปรินิพฺพายนโต, อเญฺญสญฺจ ตตฺถ อนุปฺปชฺชนโต พุทฺธสุเญฺญ โลเก สุญฺญํ ตํ ฐานํ โหติ, ตสฺมา สุทฺธาวาสา น สพฺพกาลิกา, ขนฺธาวารฎฺฐานสทิสา โหนฺติ สุทฺธาวาสภูมิโยฯ อิมินา สุเตฺตน สุทฺธาวาสานํ สตฺตาวาสภาวทีปเนเนว วิญฺญาณฎฺฐิติภาโว ทีปิโต, ตสฺมา สุทฺธาวาสาปิ สตฺตสุ วิญฺญาณฎฺฐิตีสุ จตุตฺถวิญฺญาณฎฺฐิติํ นวสุ สตฺตาวาเสสุ จตุตฺถสตฺตาวาสํเยว ภชนฺติฯ
Vivaṭṭapakkhe ṭhitā napunarāvattanato. ‘‘Na sabbakālikā’’ti vatvā tameva asabbakālikattaṃ vibhāvetuṃ ‘‘kappasatasahassampī’’tiādi vuttaṃ. Soḷasakappasahassaccayena uppannānaṃ suddhāvāsabrahmānaṃ parinibbāyanato, aññesañca tattha anuppajjanato buddhasuññeloke suññaṃ taṃ ṭhānaṃ hoti, tasmā suddhāvāsā na sabbakālikā, khandhāvāraṭṭhānasadisā honti suddhāvāsabhūmiyo. Iminā suttena suddhāvāsānaṃ sattāvāsabhāvadīpaneneva viññāṇaṭṭhitibhāvo dīpito, tasmā suddhāvāsāpi sattasu viññāṇaṭṭhitīsu catutthaviññāṇaṭṭhitiṃ navasu sattāvāsesu catutthasattāvāsaṃyeva bhajanti.
สุขุมตฺตาติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺตตฺตาฯ ปริพฺยตฺตวิญฺญาณกิจฺจาภาวโต เนว วิญฺญาณํ, สพฺพโส อวิญฺญาณํ น โหตีติ นาวิญฺญาณํ, ตสฺมา ปริปฺผุฎวิญฺญาณกิจฺจวนฺตีสุ วิญฺญาณฎฺฐิตีสุ อวตฺวาฯ
Sukhumattāti saṅkhārāvasesasukhumabhāvappattattā. Paribyattaviññāṇakiccābhāvato neva viññāṇaṃ, sabbaso aviññāṇaṃ na hotīti nāviññāṇaṃ, tasmā paripphuṭaviññāṇakiccavantīsu viññāṇaṭṭhitīsu avatvā.
๑๒๘. ตญฺจ วิญฺญาณฎฺฐิตินฺติ ปฐมํ วิญฺญาณฎฺฐิติํฯ เหฎฺฐา วุตฺตนเยน สรูปโต, มนุสฺสาทิวิภาคโต, สเงฺขปโต, ‘‘นามญฺจ รูปญฺจา’’ติ เภทโต จ ปชานาติฯ ตสฺสา สมุทยญฺจาติ ตสฺสา ปฐมาย วิญฺญาณฎฺฐิติยา ปญฺจวีสติวิธํ สมุทยญฺจ ปชานาติฯ อตฺถงฺคเมปิ เอเสว นโยฯ อสฺสาเทตพฺพโต, อสฺสาทโต จ อสฺสาทํฯ อยํ อนิจฺจาทิภาโว อาทีนโวฯ ฉนฺทราโค วินียติ เอเตน, เอตฺถ วาติ ฉนฺทราควินโย, สห มเคฺคน นิพฺพานํฯ ฉนฺทราคปฺปหานนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ มานทิฎฺฐีนํ วเสนาหนฺติ วา, ตณฺหาวเสน มมนฺติ วา อภินนฺทนาปิ มานสฺส ปริตสฺสนา วิย ทฎฺฐพฺพาฯ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ เสเสสุ อฎฺฐสุปิ วาเรสุ ฯ ตตฺถาติ อุปริ ตีสุ วิญฺญาณฎฺฐิตีสุ ทุติยายตเนสุฯ ตตฺถ หิ รูปํ นตฺถิฯ ปุน ตตฺถาติ ปฐมายตเนฯ ตตฺถ หิ เอโก รูปกฺขโนฺธวฯ เอตฺถาติ จ ตเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ ตตฺถ หิ รูปสฺส กมฺมสมุฎฺฐานตฺตา อาหารวเสน โยชนา น สมฺภวติฯ
128.Tañca viññāṇaṭṭhitinti paṭhamaṃ viññāṇaṭṭhitiṃ. Heṭṭhā vuttanayena sarūpato, manussādivibhāgato, saṅkhepato, ‘‘nāmañca rūpañcā’’ti bhedato ca pajānāti. Tassā samudayañcāti tassā paṭhamāya viññāṇaṭṭhitiyā pañcavīsatividhaṃ samudayañca pajānāti. Atthaṅgamepi eseva nayo. Assādetabbato, assādato ca assādaṃ. Ayaṃ aniccādibhāvo ādīnavo. Chandarāgo vinīyati etena, ettha vāti chandarāgavinayo, saha maggena nibbānaṃ. Chandarāgappahānanti etthāpi eseva nayo. Mānadiṭṭhīnaṃ vasenāhanti vā, taṇhāvasena mamanti vā abhinandanāpi mānassa paritassanā viya daṭṭhabbā. Sabbatthāti sabbesu sesesu aṭṭhasupi vāresu . Tatthāti upari tīsu viññāṇaṭṭhitīsu dutiyāyatanesu. Tattha hi rūpaṃ natthi. Puna tatthāti paṭhamāyatane. Tattha hi eko rūpakkhandhova. Etthāti ca tameva sandhāya vuttaṃ. Tattha hi rūpassa kammasamuṭṭhānattā āhāravasena yojanā na sambhavati.
ยโต โขติ เอตฺถ โต-สโทฺท ทา-สโทฺท วิย กาลวจโน ‘‘ยโต โข, สาริปุตฺต, ภิกฺขุสโงฺฆ’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๑) วิยาติ วุตฺตํ ‘‘ยทา โข’’ติฯ อคฺคเหตฺวาติ กญฺจิปิ สงฺขารํ ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา อคฺคเหตฺวาฯ ปญฺญาวิมุโตฺตติ อฎฺฐนฺนํ วิโมกฺขานํ อนธิคตตฺตา สาติสยสฺส สมาธิพลสฺส อภาวโต ปญฺญาพเลเนว วิมุโตฺตฯ เตนาห ‘‘อฎฺฐ วิโมเกฺข อสจฺฉิกตฺวา ปญฺญาพเลเนวา’’ติอาทิฯ อปฺปวตฺตินฺติ อายติํ อปฺปวตฺติํ กตฺวาฯ ปชานโนฺต วิมุโตฺตติ วา ปญฺญาวิมุโตฺต, ปฐมชฺฌานผเสฺสน วินา ปริชานนาทิปฺปกาเรหิ จตฺตาริ สจฺจานิ ชานโนฺต ปฎิวิชฺฌโนฺต เตสํ กิจฺจานํ มตฺถกปฺปตฺติยา นิฎฺฐิตกิจฺจตาย วิเสเสน มุโตฺตติ วิมุโตฺตฯ โส ปญฺญาวิมุโตฺตฯ สุกฺขวิปสฺสโกติ สมถภาวนาสิเนหาภาเวน สุกฺขา ลูขา, อสินิทฺธา วา วิปสฺสนา เอตสฺสาติ สุกฺขวิปสฺสโกฯ ฐตฺวาติ ปาทกกรณวเสน ฐตฺวาฯ อญฺญตรสฺมินฺติ จ อญฺญตรอญฺญตรสฺมิํ, เอเกกสฺมินฺติ อโตฺถฯ เอวญฺหิสฺส ปญฺจวิธตา สิยาฯ ‘‘น เหว โข อฎฺฐ วิโมเกฺข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตี’’ติ อิมินา สาติสยสฺส สมาธิพลสฺส อภาโว ทีปิโตฯ ‘‘ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา’’ติอาทินา สาติสยสฺส ปญฺญาพลสฺส ภาโวฯ ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ น อาสวา ปญฺญาย ปสฺสนฺติ, ทสฺสนการณา ปน ปริกฺขีณา ‘‘ทิสฺวา ปริกฺขีณา’’ติ วุตฺตาฯ ทสฺสนายตฺตปริกฺขยตฺตา เอว หิ ทสฺสนํ อาสวานํ ขยสฺส ปุริมกิริยา โหติฯ
Yato khoti ettha to-saddo dā-saddo viya kālavacano ‘‘yato kho, sāriputta, bhikkhusaṅgho’’tiādīsu (pārā. 21) viyāti vuttaṃ ‘‘yadā kho’’ti. Aggahetvāti kañcipi saṅkhāraṃ ‘‘etaṃ mamā’’tiādinā aggahetvā. Paññāvimuttoti aṭṭhannaṃ vimokkhānaṃ anadhigatattā sātisayassa samādhibalassa abhāvato paññābaleneva vimutto. Tenāha ‘‘aṭṭha vimokkhe asacchikatvā paññābalenevā’’tiādi. Appavattinti āyatiṃ appavattiṃ katvā. Pajānanto vimuttoti vā paññāvimutto, paṭhamajjhānaphassena vinā parijānanādippakārehi cattāri saccāni jānanto paṭivijjhanto tesaṃ kiccānaṃ matthakappattiyā niṭṭhitakiccatāya visesena muttoti vimutto. So paññāvimutto. Sukkhavipassakoti samathabhāvanāsinehābhāvena sukkhā lūkhā, asiniddhā vā vipassanā etassāti sukkhavipassako. Ṭhatvāti pādakakaraṇavasena ṭhatvā. Aññatarasminti ca aññataraaññatarasmiṃ, ekekasminti attho. Evañhissa pañcavidhatā siyā. ‘‘Na heva kho aṭṭha vimokkhe kāyena phusitvā viharatī’’ti iminā sātisayassa samādhibalassa abhāvo dīpito. ‘‘Paññāya cassa disvā’’tiādinā sātisayassa paññābalassa bhāvo. Paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā hontīti na āsavā paññāya passanti, dassanakāraṇā pana parikkhīṇā ‘‘disvā parikkhīṇā’’ti vuttā. Dassanāyattaparikkhayattā eva hi dassanaṃ āsavānaṃ khayassa purimakiriyā hoti.
อฎฺฐวิโมกฺขวณฺณนา
Aṭṭhavimokkhavaṇṇanā
๑๒๙. เอกสฺส ภิกฺขุโนติ สตฺตสุ อริยปุคฺคเลสุ เอกสฺส ภิกฺขุโนฯ วิญฺญาณฎฺฐิติอาทินา ปริชานนาทิวสปฺป วตฺตนิคฺคมนญฺจ ปญฺญาวิมุตฺตนามญฺจฯ อิตรสฺสาติ อุภโตภาควิมุตฺตสฺสฯ อิเม สนฺธาย หิ ปุเพฺพ ‘‘ทฺวินฺนํ ภิกฺขูน’’นฺติ วุตฺตํฯ เกนเฎฺฐนาติ เกน สภาเวนฯ สภาโว หิ ญาเณน ยาถาวโต อรณียโต ญาตพฺพโต ‘‘อโตฺถ’’ติ วุจฺจติ, โส เอว ตฺถ-การสฺส ฎฺฐ-การํ กตฺวา ‘‘อโฎฺฐ’’ติ วุโตฺตฯ อธิมุจฺจนเฎฺฐนาติ อธิกํ สวิเสสํ มุจฺจนเฎฺฐน, เอเตน สติปิ สพฺพสฺสาปิ รูปาวจรชฺฌานสฺส วิกฺขมฺภนวเสน ปฎิปกฺขโต วิมุตฺตภาเว เยน ภาวนาวิเสเสน ตํ ฌานํ สาติสยํ ปฎิปกฺขโต วิมุจฺจิตฺวา ปวตฺตติ, โส ภาวนาวิเสโส ทีปิโตฯ ภวติ หิ สมานชาติยุโตฺตปิ ภาวนาวิเสเสน ปวตฺติอาการวิเสโส, ยถา ตํ สทฺธาวิมุตฺตตา ทิฎฺฐิปฺปตฺตสฺสฯ ตถา ปจฺจนีกธเมฺมหิ สุฎฺฐุ วิมุตฺตตาย , เอวํ อนิคฺคหิตภาเวน นิราสงฺกตาย อภิรติวเสน สุฎฺฐุ อธิมุจฺจนเฎฺฐนปิ วิโมโกฺขฯ เตนาห ‘‘อารมฺมเณ จา’’ติอาทิฯ อยํ ปนโตฺถติ อยํ อธิมุจฺจนโฎฺฐ ปจฺฉิเม วิโมเกฺข นิโรเธ นตฺถิ, เกวโล วิมุตฺตโฎฺฐ เอว ตตฺถ ลพฺภติ, ตํ สยเมว ปรโต วกฺขติฯ
129.Ekassabhikkhunoti sattasu ariyapuggalesu ekassa bhikkhuno. Viññāṇaṭṭhitiādinā parijānanādivasappa vattaniggamanañca paññāvimuttanāmañca. Itarassāti ubhatobhāgavimuttassa. Ime sandhāya hi pubbe ‘‘dvinnaṃ bhikkhūna’’nti vuttaṃ. Kenaṭṭhenāti kena sabhāvena. Sabhāvo hi ñāṇena yāthāvato araṇīyato ñātabbato ‘‘attho’’ti vuccati, so eva ttha-kārassa ṭṭha-kāraṃ katvā ‘‘aṭṭho’’ti vutto. Adhimuccanaṭṭhenāti adhikaṃ savisesaṃ muccanaṭṭhena, etena satipi sabbassāpi rūpāvacarajjhānassa vikkhambhanavasena paṭipakkhato vimuttabhāve yena bhāvanāvisesena taṃ jhānaṃ sātisayaṃ paṭipakkhato vimuccitvā pavattati, so bhāvanāviseso dīpito. Bhavati hi samānajātiyuttopi bhāvanāvisesena pavattiākāraviseso, yathā taṃ saddhāvimuttatā diṭṭhippattassa. Tathā paccanīkadhammehi suṭṭhu vimuttatāya , evaṃ aniggahitabhāvena nirāsaṅkatāya abhirativasena suṭṭhu adhimuccanaṭṭhenapi vimokkho. Tenāha ‘‘ārammaṇe cā’’tiādi. Ayaṃ panatthoti ayaṃ adhimuccanaṭṭho pacchime vimokkhe nirodhe natthi, kevalo vimuttaṭṭho eva tattha labbhati, taṃ sayameva parato vakkhati.
รูปีติ เยนายํ สสนฺตติปริยาปเนฺนน รูเปน สมนฺนาคโต, ตํ ยสฺส ฌานสฺส เหตุภาเวน วิสิฎฺฐํ รูปํ โหติ, เยน วิสิเฎฺฐน รูเปน ‘‘รูปี’’ติ วุเจฺจยฺย รูปี-สทฺทสฺส อติสยตฺถทีปนโต, ตเทว สสนฺตติปริยาปนฺนรูปวเสน ปฎิลทฺธํ ฌานํ อิธ ปรมตฺถโต รูปีภาวสาธกนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิฯ รูปชฺฌานํ รูปํ อุตฺตรปทโลเปนฯ รูปานีติ ปเนตฺถ ปุริมปทโลโป ทฎฺฐโพฺพฯ เตน วุตฺตํ ‘‘นีลกสิณาทิรูปานี’’ติฯ รูเป กสิณรูเป สญฺญา รูปสญฺญา, สา เอตสฺส อตฺถีติ รูปสญฺญี, สญฺญาสีเสน ฌานํ วทติฯ ตปฺปฎิเกฺขเปน อรูปสญฺญีฯ เตนาห ‘‘อชฺฌตฺตํ น รูปสญฺญี’’ติอาทิฯ
Rūpīti yenāyaṃ sasantatipariyāpannena rūpena samannāgato, taṃ yassa jhānassa hetubhāvena visiṭṭhaṃ rūpaṃ hoti, yena visiṭṭhena rūpena ‘‘rūpī’’ti vucceyya rūpī-saddassa atisayatthadīpanato, tadeva sasantatipariyāpannarūpavasena paṭiladdhaṃ jhānaṃ idha paramatthato rūpībhāvasādhakanti daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘ajjhatta’’ntiādi. Rūpajjhānaṃ rūpaṃ uttarapadalopena. Rūpānīti panettha purimapadalopo daṭṭhabbo. Tena vuttaṃ ‘‘nīlakasiṇādirūpānī’’ti. Rūpe kasiṇarūpe saññā rūpasaññā, sā etassa atthīti rūpasaññī, saññāsīsena jhānaṃ vadati. Tappaṭikkhepena arūpasaññī. Tenāha ‘‘ajjhattaṃ na rūpasaññī’’tiādi.
‘‘อโนฺต อปฺปนายํ สุภนฺติ อาโภโค นตฺถี’’ติ อิมินา ปุพฺพาโภควเสน ตถา อธิมุตฺติ สิยาติ ทเสฺสติฯ เอวเญฺหตฺถ ตถาวตฺตพฺพตาปตฺติโจทนา สมตฺถิตา โหติฯ ยสฺมา สุวิสุเทฺธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ตตฺถ กตาธิการานํ อภิรติวเสน สุฎฺฐุ อธิมุจฺจนโฎฺฐ สมฺภวติ , ตสฺมา อฎฺฐกถายํ ตถา ตติโย วิโมโกฺข สํวณฺณิโต, ยสฺมา ปน เมตฺตาวเสน ปวตฺตมานา ภาวนา สเตฺต อปฺปฎิกูลโต ทหนฺติ เตสุ ตโต อธิมุจฺจิตฺวาว ปวตฺตติ, ตสฺมา ปฎิสมฺภิทามเคฺค (ปฎิ. ม. ๒๑๒) ‘‘พฺรหฺมวิหารภาวนา สุภวิโมโกฺข’’ติ วุตฺตา, ตยิทํ อุภยมฺปิ เตน เตน ปริยาเยน วุตฺตตฺตา น วิรุชฺฌตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ
‘‘Anto appanāyaṃ subhanti ābhogo natthī’’ti iminā pubbābhogavasena tathā adhimutti siyāti dasseti. Evañhettha tathāvattabbatāpatticodanā samatthitā hoti. Yasmā suvisuddhesu nīlādīsu vaṇṇakasiṇesu tattha katādhikārānaṃ abhirativasena suṭṭhu adhimuccanaṭṭho sambhavati , tasmā aṭṭhakathāyaṃ tathā tatiyo vimokkho saṃvaṇṇito, yasmā pana mettāvasena pavattamānā bhāvanā satte appaṭikūlato dahanti tesu tato adhimuccitvāva pavattati, tasmā paṭisambhidāmagge (paṭi. ma. 212) ‘‘brahmavihārabhāvanā subhavimokkho’’ti vuttā, tayidaṃ ubhayampi tena tena pariyāyena vuttattā na virujjhatīti daṭṭhabbaṃ.
สพฺพโสติ อนวเสสโตฯ น หิ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ เอกเทโสปิ ตตฺถ อวสฺสิสฺสติฯ วิสุทฺธตฺตาติ ยถาปริจฺฉินฺนกาเล นิโรธิตตฺตาฯ อุตฺตโม วิโมโกฺข นาม อริเยเหว สมาปชฺชิตพฺพโต, อริยผลปริโยสานตฺตา ทิเฎฺฐว ธเมฺม นิพฺพานปฺปตฺติภาวโต จฯ
Sabbasoti anavasesato. Na hi catunnaṃ arūpakkhandhānaṃ ekadesopi tattha avassissati. Visuddhattāti yathāparicchinnakāle nirodhitattā. Uttamo vimokkho nāma ariyeheva samāpajjitabbato, ariyaphalapariyosānattā diṭṭheva dhamme nibbānappattibhāvato ca.
๑๓๐. อาทิโต ปฎฺฐายาติ ปฐมสมาปตฺติโต ปฎฺฐายฯ ยาว ปริโยสานา สมาปตฺติ, ตาวฯ อฎฺฐตฺวาติ กตฺถจิ สมาปตฺติยํ อฎฺฐิโต เอว, นิรนฺตรเมว ปฎิปาฎิยา, อุปฺปฎิปาฎิยา จ สมาปชฺชเตวาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อิโต จิโต จ สญฺจรณวเสน วุตฺต’’นฺติฯ อิจฺฉติ สมาปชฺชิตุํฯ ตตฺถ ‘‘สมาปชฺชติ ปวิสตี’’ติ สมาปตฺติสมงฺคีปุคฺคโล ตํ ตํ ปวิโฎฺฐ วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ
130.Ādito paṭṭhāyāti paṭhamasamāpattito paṭṭhāya. Yāva pariyosānā samāpatti, tāva. Aṭṭhatvāti katthaci samāpattiyaṃ aṭṭhito eva, nirantarameva paṭipāṭiyā, uppaṭipāṭiyā ca samāpajjatevāti attho. Tenāha ‘‘ito cito ca sañcaraṇavasena vutta’’nti. Icchati samāpajjituṃ. Tattha ‘‘samāpajjati pavisatī’’ti samāpattisamaṅgīpuggalo taṃ taṃ paviṭṭho viya hotīti katvā vuttaṃ.
ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุโตฺตติ อรูปชฺฌาเนน วิกฺขมฺภนวิโมเกฺขน, มเคฺคน สมุเจฺฉทวิโมเกฺขนาติ ทฺวีหิ วิมุจฺจนภาเคหิ, อรูปสมาปตฺติยา รูปกายโต, มเคฺคน นามกายโตติ ทฺวีหิ วิมุจฺจิตพฺพภาเคหิ จ วิมุโตฺตฯ เตนาห ‘‘อรูปสมาปตฺติยา’’ติอาทิ ฯ วิมุโตฺตติ หิ กิเลเสหิ วิมุโตฺต, วิมุจฺจโนฺต จ กิเลสานํ วิกฺขมฺภนสมุจฺฉินฺทเนหิ กายทฺวยโต วิมุโตฺตติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ คาถาย จ อากิญฺจญฺญายตนลาภิโน อุปสิวพฺราหฺมณสฺส ภควตา ‘‘นามกายา วิมุโตฺต’’ติ อุภโตภาควิมุโตฺต มุนิ อกฺขาโตฯ ตตฺถ อตฺถํ ปเลตีติ อตฺถํ คจฺฉติฯ น อุเปติ สงฺขนฺติ ‘‘อสุกํ นาม ทิสํ คโต’’ติ โวหารํ น คจฺฉติฯ เอวํ มุนิ นามกายา วิมุโตฺตติ เอวํ อรูปํ อุปปโนฺน เสกฺขมุนิ ปกติยา ปุเพฺพว รูปกายา วิมุโตฺต, ตตฺถ จ จตุตฺถมคฺคํ นิพฺพเตฺตตฺวา นามกายสฺส ปริญฺญาตตฺตา ปุน นามกายาปิ วิมุโตฺตฯ อุภโตภาควิมุโตฺต ขีณาสโว หุตฺวา อนุปาทาย ปรินิพฺพานสงฺขาตํ อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺขํ, ‘‘ขตฺติโย พฺราหฺมโณ’’ติ เอวํ อาทิกํ สมญฺญํ น คจฺฉตีติ อโตฺถฯ
Dvīhibhāgehi vimuttoti arūpajjhānena vikkhambhanavimokkhena, maggena samucchedavimokkhenāti dvīhi vimuccanabhāgehi, arūpasamāpattiyā rūpakāyato, maggena nāmakāyatoti dvīhi vimuccitabbabhāgehi ca vimutto. Tenāha ‘‘arūpasamāpattiyā’’tiādi . Vimuttoti hi kilesehi vimutto, vimuccanto ca kilesānaṃ vikkhambhanasamucchindanehi kāyadvayato vimuttoti ayamettha attho. Gāthāya ca ākiñcaññāyatanalābhino upasivabrāhmaṇassa bhagavatā ‘‘nāmakāyā vimutto’’ti ubhatobhāgavimutto muni akkhāto. Tattha atthaṃ paletīti atthaṃ gacchati. Na upeti saṅkhanti ‘‘asukaṃ nāma disaṃ gato’’ti vohāraṃ na gacchati. Evaṃ muni nāmakāyā vimuttoti evaṃ arūpaṃ upapanno sekkhamuni pakatiyā pubbeva rūpakāyā vimutto, tattha ca catutthamaggaṃ nibbattetvā nāmakāyassa pariññātattā puna nāmakāyāpi vimutto. Ubhatobhāgavimutto khīṇāsavo hutvā anupādāya parinibbānasaṅkhātaṃ atthaṃ paleti na upeti saṅkhaṃ, ‘‘khattiyo brāhmaṇo’’ti evaṃ ādikaṃ samaññaṃ na gacchatīti attho.
‘‘อญฺญตรโต วุฎฺฐายา’’ติ อิทํ กิํ อากาสานญฺจายตนาทีสุ อญฺญตรลาภีวเสน วุตฺตํ, อุทาหุ สพฺพารุปฺปลาภีวเสนาติ ยถิจฺฉสิ, ตถา โหตุ, ยทิ สพฺพารุปฺปลาภีวเสน วุตฺตํ, น โกจิ วิโรโธฯ อถ ตตฺถ อญฺญตรลาภีวเสน วุตฺตํ, ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิเม อฎฺฐ วิโมเกฺข อนุโลมมฺปิ สมาปชฺชตี’’ติอาทิวจเนน วิรุเชฺฌยฺยาติ? ยสฺมา อรูปาวจรชฺฌาเนสุ เอกสฺสาปิ ลาภี ‘‘อฎฺฐวิโมกฺขลาภี’’ เตฺวว วุจฺจติ อฎฺฐวิโมเกฺข เอกเทสสฺสาปิ ตํนามทานสมตฺถตาสมฺภวโตฯ อยญฺหิ อฎฺฐวิโมกฺขสมญฺญา สมุทาเย วิย ตเทกเทเสปิ นิรุฬฺหาปตฺติสมญฺญา วิยาติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อากาสานญฺจายตนาทีสุ อญฺญตรโต วุฎฺฐายา’’ติฯ ‘‘ปญฺจวิโธ โหตี’’ติ วตฺวา ฉพฺพิธตํปิสฺส เกจิ ปริกเปฺปนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, นิจฺฉิโตวายํ ปโญฺห ปุพฺพาจริเยหีติ ทเสฺสตุํ ‘‘เกจิ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เกจีติ อุตฺตรวิหารวาสิโน, สารสมาสาจริยา จฯ เต หิ ‘‘อุภโตภาควิมุโตฺตติ อุภยภาควิมุโตฺต สมาธิวิปสฺสนาโต’’ติ วตฺวา รูปาวจรสมาธินาปิ สมาธิปริปนฺถโต วิมุตฺติํ มญฺญนฺติฯ เอวํ รูปชฺฌานภาเคน, อรูปชฺฌานภาเคน จ อุภโต วิมุโตฺตติ ปายสมาโนฯ ‘‘ตาทิสเมวา’’ติ อิมินา ยาทิสํ อรูปาวจรชฺฌานํ กิเลสวิกฺขมฺภเน, ตาทิสํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ ปีติ อิมมตฺถํ อุลฺลเงฺคติฯ เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ
‘‘Aññatarato vuṭṭhāyā’’ti idaṃ kiṃ ākāsānañcāyatanādīsu aññataralābhīvasena vuttaṃ, udāhu sabbāruppalābhīvasenāti yathicchasi, tathā hotu, yadi sabbāruppalābhīvasena vuttaṃ, na koci virodho. Atha tattha aññataralābhīvasena vuttaṃ, ‘‘yato kho, ānanda, bhikkhu ime aṭṭha vimokkhe anulomampi samāpajjatī’’tiādivacanena virujjheyyāti? Yasmā arūpāvacarajjhānesu ekassāpi lābhī ‘‘aṭṭhavimokkhalābhī’’ tveva vuccati aṭṭhavimokkhe ekadesassāpi taṃnāmadānasamatthatāsambhavato. Ayañhi aṭṭhavimokkhasamaññā samudāye viya tadekadesepi niruḷhāpattisamaññā viyāti. Tena vuttaṃ ‘‘ākāsānañcāyatanādīsu aññatarato vuṭṭhāyā’’ti. ‘‘Pañcavidho hotī’’ti vatvā chabbidhataṃpissa keci parikappenti, taṃ tesaṃ matimattaṃ, nicchitovāyaṃ pañho pubbācariyehīti dassetuṃ ‘‘keci panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha kecīti uttaravihāravāsino, sārasamāsācariyā ca. Te hi ‘‘ubhatobhāgavimuttoti ubhayabhāgavimutto samādhivipassanāto’’ti vatvā rūpāvacarasamādhināpi samādhiparipanthato vimuttiṃ maññanti. Evaṃ rūpajjhānabhāgena, arūpajjhānabhāgena ca ubhato vimuttoti pāyasamāno. ‘‘Tādisamevā’’ti iminā yādisaṃ arūpāvacarajjhānaṃ kilesavikkhambhane, tādisaṃ rūpāvacaracatutthajjhānaṃ pīti imamatthaṃ ullaṅgeti. Tenāha ‘‘tasmā’’tiādi.
อุภโตภาควิมุตฺตปโญฺหติ อุภโตภาควิมุตฺตสฺส ฉพฺพิธตํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนปโญฺหฯ วณฺณนํ นิสฺสายาติ ตสฺส ปทสฺส อตฺถวจนํ นิสฺสายฯ จิเรนาติ เถรสฺส อปรภาเค จิเรน กาเลนฯ วินิจฺฉยนฺติ สํสยเฉทกํ สนฺนิฎฺฐานํ ปโตฺตฯ ตํ ปญฺหนฺติ ตมตฺถํฯ ญาตุํ อิจฺฉิโต หิ อโตฺถ ปโญฺหฯ น เกนจิ สุตปุพฺพนฺติ เกนจิ กิญฺจิ น สุตปุพฺพํ, อิทํ อตฺถชาตนฺติ อธิปฺปาโยฯ กิญฺจาปิ อุเปกฺขาสหคตํ, กิญฺจาปิ กิเลเส วิกฺขเมฺภตีติ ปเจฺจกํ กิญฺจาปิ-สโทฺท โยเชตโพฺพฯ สมุทาจรตีติ ปวตฺตติฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘อิเม หี’’ติอาทินา, เตน รูปาวจรภาวนโต อารุปฺปภาวนา สวิเสสํ กิเลเส วิกฺขเมฺภติ รูปวิราคภาวนาภาวโต , อุปริภาวนาภาวโต จาติ ทเสฺสตีติฯ เอวญฺจ กตฺวา อฎฺฐกถายํ อารุปฺปภาวนานิเทฺทเส ยํ วุตฺตํ ‘‘ตเสฺสวํ ตสฺมิํ นิมิเตฺต ปุนปฺปุนํ จิตฺตํ จาเรนฺตสฺส นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺติ สติ สนฺติฎฺฐตี’’ติอาทิ, (วิสุทฺธิ. ๑.๒๘๑) ตํ สมตฺถตํ โหตีติฯ อิทํ สุตฺตนฺติ ปุคฺคลปญฺญตฺติปาฐมาห (ปุ. ป. นิเทฺทส ๒๗)ฯ สพฺพญฺหิ พุทฺธวจนํ อตฺถสูจนาทิอเตฺถน สุตฺตนฺติ วุโตฺต วายมโตฺถฯ ยํ ปน ตตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ อฎฺฐนฺนํ วิโมกฺขานํ อนุโลมาทิโต สมาปชฺชเนน สาติสยํ สนฺตานสฺส อภิสงฺขตตฺตา, อฎฺฐมญฺจ อุตฺตมํ วิโมกฺขํ ปทฎฺฐานํ กตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อุภโตภาควิมุจฺจนโต จ อิมาย อุภโตภาควิมุตฺติยา สพฺพเสฎฺฐตา เวทิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Ubhatobhāgavimuttapañhoti ubhatobhāgavimuttassa chabbidhataṃ nissāya uppannapañho. Vaṇṇanaṃ nissāyāti tassa padassa atthavacanaṃ nissāya. Cirenāti therassa aparabhāge cirena kālena. Vinicchayanti saṃsayachedakaṃ sanniṭṭhānaṃ patto.Taṃ pañhanti tamatthaṃ. Ñātuṃ icchito hi attho pañho. Na kenaci sutapubbanti kenaci kiñci na sutapubbaṃ, idaṃ atthajātanti adhippāyo. Kiñcāpi upekkhāsahagataṃ, kiñcāpi kilese vikkhambhetīti paccekaṃ kiñcāpi-saddo yojetabbo. Samudācaratīti pavattati. Tattha kāraṇamāha ‘‘ime hī’’tiādinā, tena rūpāvacarabhāvanato āruppabhāvanā savisesaṃ kilese vikkhambheti rūpavirāgabhāvanābhāvato , uparibhāvanābhāvato cāti dassetīti. Evañca katvā aṭṭhakathāyaṃ āruppabhāvanāniddese yaṃ vuttaṃ ‘‘tassevaṃ tasmiṃ nimitte punappunaṃ cittaṃ cārentassa nīvaraṇāni vikkhambhanti sati santiṭṭhatī’’tiādi, (visuddhi. 1.281) taṃ samatthataṃ hotīti. Idaṃ suttanti puggalapaññattipāṭhamāha (pu. pa. niddesa 27). Sabbañhi buddhavacanaṃ atthasūcanādiatthena suttanti vutto vāyamattho. Yaṃ pana tattha vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Aṭṭhannaṃ vimokkhānaṃ anulomādito samāpajjanena sātisayaṃ santānassa abhisaṅkhatattā, aṭṭhamañca uttamaṃ vimokkhaṃ padaṭṭhānaṃ katvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā aggamaggādhigamena ubhatobhāgavimuccanato ca imāya ubhatobhāgavimuttiyā sabbaseṭṭhatā veditāti daṭṭhabbā.
มหานิทานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ
Mahānidānasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๒. มหานิทานสุตฺตํ • 2. Mahānidānasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๒. มหานิทานสุตฺตวณฺณนา • 2. Mahānidānasuttavaṇṇanā