Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
ทีฆนิกาโย
Dīghanikāyo
มหาวคฺคปาฬิ
Mahāvaggapāḷi
๑. มหาปทานสุตฺตํ
1. Mahāpadānasuttaṃ
ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตกถา
Pubbenivāsapaṭisaṃyuttakathā
๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม กเรริกุฎิกายํฯ อถ โข สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตานํ กเรริมณฺฑลมาเฬ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตา ธมฺมี กถา อุทปาทิ – ‘‘อิติปิ ปุเพฺพนิวาโส, อิติปิ ปุเพฺพนิวาโส’’ติฯ
1. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme karerikuṭikāyaṃ. Atha kho sambahulānaṃ bhikkhūnaṃ pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantānaṃ karerimaṇḍalamāḷe sannisinnānaṃ sannipatitānaṃ pubbenivāsapaṭisaṃyuttā dhammī kathā udapādi – ‘‘itipi pubbenivāso, itipi pubbenivāso’’ti.
๒. อโสฺสสิ โข ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย เตสํ ภิกฺขูนํ อิมํ กถาสลฺลาปํฯ อถ โข ภควา อุฎฺฐายาสนา เยน กเรริมณฺฑลมาโฬ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิ, นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘กายนุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา; กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ?
2. Assosi kho bhagavā dibbāya sotadhātuyā visuddhāya atikkantamānusikāya tesaṃ bhikkhūnaṃ imaṃ kathāsallāpaṃ. Atha kho bhagavā uṭṭhāyāsanā yena karerimaṇḍalamāḷo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi, nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘kāyanuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā; kā ca pana vo antarākathā vippakatā’’ti?
เอวํ วุเตฺต เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ, ภเนฺต, อมฺหากํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตานํ กเรริมณฺฑลมาเฬ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตา ธมฺมี กถา อุทปาทิ – ‘อิติปิ ปุเพฺพนิวาโส อิติปิ ปุเพฺพนิวาโส’ติฯ อยํ โข โน, ภเนฺต, อนฺตรากถา วิปฺปกตาฯ อถ ภควา อนุปฺปโตฺต’’ติฯ
Evaṃ vutte te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘idha, bhante, amhākaṃ pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantānaṃ karerimaṇḍalamāḷe sannisinnānaṃ sannipatitānaṃ pubbenivāsapaṭisaṃyuttā dhammī kathā udapādi – ‘itipi pubbenivāso itipi pubbenivāso’ti. Ayaṃ kho no, bhante, antarākathā vippakatā. Atha bhagavā anuppatto’’ti.
๓. ‘‘อิเจฺฉยฺยาถ โน ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมิํ กถํ โสตุ’’นฺติ? ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล; เอตสฺส, สุคต, กาโล; ยํ ภควา ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมิํ กถํ กเรยฺย, ภควโต สุตฺวา 1 ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ,สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
3. ‘‘Iccheyyātha no tumhe, bhikkhave, pubbenivāsapaṭisaṃyuttaṃ dhammiṃ kathaṃ sotu’’nti? ‘‘Etassa, bhagavā, kālo; etassa, sugata, kālo; yaṃ bhagavā pubbenivāsapaṭisaṃyuttaṃ dhammiṃ kathaṃ kareyya, bhagavato sutvā 2 bhikkhū dhāressantī’’ti. ‘‘Tena hi, bhikkhave, suṇātha,sādhukaṃ manasi karotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
๔. ‘‘อิโต โส, ภิกฺขเว, เอกนวุติกเปฺป ยํ 3 วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุทปาทิฯ อิโต โส, ภิกฺขเว, เอกติํเส กเปฺป 4 ยํ สิขี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุทปาทิฯ ตสฺมิเญฺญว โข, ภิกฺขเว, เอกติํเส กเปฺป เวสฺสภู ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุทปาทิฯ อิมสฺมิเญฺญว 5 โข, ภิกฺขเว, ภทฺทกเปฺป กกุสโนฺธ ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุทปาทิฯ อิมสฺมิเญฺญว โข, ภิกฺขเว, ภทฺทกเปฺป โกณาคมโน ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุทปาทิฯ อิมสฺมิเญฺญว โข, ภิกฺขเว, ภทฺทกเปฺป กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุทปาทิฯ อิมสฺมิเญฺญว โข, ภิกฺขเว, ภทฺทกเปฺป อหํ เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺนฯ
4. ‘‘Ito so, bhikkhave, ekanavutikappe yaṃ 6 vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Ito so, bhikkhave, ekatiṃse kappe 7 yaṃ sikhī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Tasmiññeva kho, bhikkhave, ekatiṃse kappe vessabhū bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Imasmiññeva 8 kho, bhikkhave, bhaddakappe kakusandho bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Imasmiññeva kho, bhikkhave, bhaddakappe koṇāgamano bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Imasmiññeva kho, bhikkhave, bhaddakappe kassapo bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Imasmiññeva kho, bhikkhave, bhaddakappe ahaṃ etarahi arahaṃ sammāsambuddho loke uppanno.
๕. ‘‘วิปสฺสี, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ขตฺติโย ชาติยา อโหสิ, ขตฺติยกุเล อุทปาทิฯ สิขี, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ขตฺติโย ชาติยา อโหสิ, ขตฺติยกุเล อุทปาทิฯ เวสฺสภู, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ขตฺติโย ชาติยา อโหสิ, ขตฺติยกุเล อุทปาทิฯ กกุสโนฺธ, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ พฺราหฺมโณ ชาติยา อโหสิ, พฺราหฺมณกุเล อุทปาทิฯ โกณาคมโน, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ พฺราหฺมโณ ชาติยา อโหสิ, พฺราหฺมณกุเล อุทปาทิฯ กสฺสโป, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ พฺราหฺมโณ ชาติยา อโหสิ, พฺราหฺมณกุเล อุทปาทิฯ อหํ, ภิกฺขเว, เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ขตฺติโย ชาติยา อโหสิํ, ขตฺติยกุเล อุปฺปโนฺนฯ
5. ‘‘Vipassī, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho khattiyo jātiyā ahosi, khattiyakule udapādi. Sikhī, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho khattiyo jātiyā ahosi, khattiyakule udapādi. Vessabhū, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho khattiyo jātiyā ahosi, khattiyakule udapādi. Kakusandho, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho brāhmaṇo jātiyā ahosi, brāhmaṇakule udapādi. Koṇāgamano, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho brāhmaṇo jātiyā ahosi, brāhmaṇakule udapādi. Kassapo, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho brāhmaṇo jātiyā ahosi, brāhmaṇakule udapādi. Ahaṃ, bhikkhave, etarahi arahaṃ sammāsambuddho khattiyo jātiyā ahosiṃ, khattiyakule uppanno.
๖. ‘‘วิปสฺสี , ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โกณฺฑโญฺญ โคเตฺตน อโหสิฯ สิขี, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โกณฺฑโญฺญ โคเตฺตน อโหสิฯ เวสฺสภู, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โกณฺฑโญฺญ โคเตฺตน อโหสิฯ กกุสโนฺธ, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ กสฺสโป โคเตฺตน อโหสิฯ โกณาคมโน, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ กสฺสโป โคเตฺตน อโหสิฯ กสฺสโป, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ กสฺสโป โคเตฺตน อโหสิฯ อหํ, ภิกฺขเว, เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โคตโม โคเตฺตน อโหสิํฯ
6. ‘‘Vipassī , bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho koṇḍañño gottena ahosi. Sikhī, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho koṇḍañño gottena ahosi. Vessabhū, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho koṇḍañño gottena ahosi. Kakusandho, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho kassapo gottena ahosi. Koṇāgamano, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho kassapo gottena ahosi. Kassapo, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho kassapo gottena ahosi. Ahaṃ, bhikkhave, etarahi arahaṃ sammāsambuddho gotamo gottena ahosiṃ.
๗. ‘‘วิปสฺสิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อสีติวสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิฯ สิขิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สตฺตติวสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิฯ เวสฺสภุสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สฎฺฐิวสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิฯ กกุสนฺธสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิฯ โกณาคมนสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ติํสวสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิฯ กสฺสปสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วีสติวสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิฯ มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตรหิ อปฺปกํ อายุปฺปมาณํ ปริตฺตํ ลหุกํ; โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิโยฺยฯ
7. ‘‘Vipassissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa asītivassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Sikhissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa sattativassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Vessabhussa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa saṭṭhivassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Kakusandhassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa cattālīsavassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Koṇāgamanassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tiṃsavassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Kassapassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa vīsativassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Mayhaṃ, bhikkhave, etarahi appakaṃ āyuppamāṇaṃ parittaṃ lahukaṃ; yo ciraṃ jīvati, so vassasataṃ appaṃ vā bhiyyo.
๘. ‘‘วิปสฺสี, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปาฎลิยา มูเล อภิสมฺพุโทฺธฯ สิขี, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปุณฺฑรีกสฺส มูเล อภิสมฺพุโทฺธฯ เวสฺสภู, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ สาลสฺส มูเล อภิสมฺพุโทฺธฯ กกุสโนฺธ, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ สิรีสสฺส มูเล อภิสมฺพุโทฺธฯ โกณาคมโน, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อุทุมฺพรสฺส มูเล อภิสมฺพุโทฺธฯ กสฺสโป, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ นิโคฺรธสฺส มูเล อภิสมฺพุโทฺธฯ อหํ, ภิกฺขเว, เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อสฺสตฺถสฺส มูเล อภิสมฺพุโทฺธฯ
8. ‘‘Vipassī, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho pāṭaliyā mūle abhisambuddho. Sikhī, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho puṇḍarīkassa mūle abhisambuddho. Vessabhū, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho sālassa mūle abhisambuddho. Kakusandho, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho sirīsassa mūle abhisambuddho. Koṇāgamano, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho udumbarassa mūle abhisambuddho. Kassapo, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho nigrodhassa mūle abhisambuddho. Ahaṃ, bhikkhave, etarahi arahaṃ sammāsambuddho assatthassa mūle abhisambuddho.
๙. ‘‘วิปสฺสิสฺส , ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ขณฺฑติสฺสํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ สิขิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อภิภูสมฺภวํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ เวสฺสภุสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โสณุตฺตรํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ กกุสนฺธสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วิธุรสญฺชีวํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ โกณาคมนสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ภิโยฺยสุตฺตรํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ กสฺสปสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ติสฺสภารทฺวาชํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตรหิ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ
9. ‘‘Vipassissa , bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa khaṇḍatissaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Sikhissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa abhibhūsambhavaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Vessabhussa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa soṇuttaraṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Kakusandhassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa vidhurasañjīvaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Koṇāgamanassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa bhiyyosuttaraṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Kassapassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tissabhāradvājaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Mayhaṃ, bhikkhave, etarahi sāriputtamoggallānaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ.
๑๐. ‘‘วิปสฺสิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ตโย สาวกานํ สนฺนิปาตา อเหสุํฯ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อฎฺฐสฎฺฐิภิกฺขุสตสหสฺสํ, เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ, เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อสีติภิกฺขุสหสฺสานิฯ วิปสฺสิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อิเม ตโย สาวกานํ สนฺนิปาตา อเหสุํ สเพฺพสํเยว ขีณาสวานํฯ
10. ‘‘Vipassissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassaṃ, eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi bhikkhusatasahassaṃ, eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi asītibhikkhusahassāni. Vipassissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa ime tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ sabbesaṃyeva khīṇāsavānaṃ.
‘‘สิขิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ตโย สาวกานํ สนฺนิปาตา อเหสุํฯ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ, เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อสีติภิกฺขุสหสฺสานิ, เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ สตฺตติภิกฺขุสหสฺสานิฯ สิขิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อิเม ตโย สาวกานํ สนฺนิปาตา อเหสุํ สเพฺพสํเยว ขีณาสวานํฯ
‘‘Sikhissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi bhikkhusatasahassaṃ, eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi asītibhikkhusahassāni, eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sattatibhikkhusahassāni. Sikhissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa ime tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ sabbesaṃyeva khīṇāsavānaṃ.
‘‘เวสฺสภุสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ตโย สาวกานํ สนฺนิปาตา อเหสุํฯ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อสีติภิกฺขุสหสฺสานิ, เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ สตฺตติภิกฺขุสหสฺสานิ, เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ สฎฺฐิภิกฺขุสหสฺสานิฯ เวสฺสภุสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อิเม ตโย สาวกานํ สนฺนิปาตา อเหสุํ สเพฺพสํเยว ขีณาสวานํฯ
‘‘Vessabhussa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi asītibhikkhusahassāni, eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sattatibhikkhusahassāni, eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi saṭṭhibhikkhusahassāni. Vessabhussa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa ime tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ sabbesaṃyeva khīṇāsavānaṃ.
‘‘กกุสนฺธสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ จตฺตาลีสภิกฺขุสหสฺสานิฯ กกุสนฺธสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อยํ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ สเพฺพสํเยว ขีณาสวานํฯ
‘‘Kakusandhassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi cattālīsabhikkhusahassāni. Kakusandhassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa ayaṃ eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sabbesaṃyeva khīṇāsavānaṃ.
‘‘โกณาคมนสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ ติํสภิกฺขุสหสฺสานิฯ โกณาคมนสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อยํ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ สเพฺพสํเยว ขีณาสวานํฯ
‘‘Koṇāgamanassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi tiṃsabhikkhusahassāni. Koṇāgamanassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa ayaṃ eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sabbesaṃyeva khīṇāsavānaṃ.
‘‘กสฺสปสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ วีสติภิกฺขุสหสฺสานิฯ กสฺสปสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อยํ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ สเพฺพสํเยว ขีณาสวานํฯ
‘‘Kassapassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi vīsatibhikkhusahassāni. Kassapassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa ayaṃ eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sabbesaṃyeva khīṇāsavānaṃ.
‘‘มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตรหิ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิฯ มยฺหํ, ภิกฺขเว, อยํ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ สเพฺพสํเยว ขีณาสวานํฯ
‘‘Mayhaṃ, bhikkhave, etarahi eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi aḍḍhateḷasāni bhikkhusatāni. Mayhaṃ, bhikkhave, ayaṃ eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sabbesaṃyeva khīṇāsavānaṃ.
๑๑. ‘‘วิปสฺสิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อโสโก นาม ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อโหสิ อคฺคุปฎฺฐาโกฯ สิขิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เขมงฺกโร นาม ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อโหสิ อคฺคุปฎฺฐาโกฯ เวสฺสภุสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อุปสโนฺต นาม ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อโหสิ อคฺคุปฎฺฐาโกฯ กกุสนฺธสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส พุทฺธิโช นาม ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อโหสิ อคฺคุปฎฺฐาโกฯ โกณาคมนสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โสตฺถิโช นาม ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อโหสิ อคฺคุปฎฺฐาโกฯ กสฺสปสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สพฺพมิโตฺต นาม ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อโหสิ อคฺคุปฎฺฐาโกฯ มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตรหิ อานโนฺท นาม ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อโหสิ อคฺคุปฎฺฐาโกฯ
11. ‘‘Vipassissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa asoko nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Sikhissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa khemaṅkaro nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Vessabhussa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa upasanto nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Kakusandhassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa buddhijo nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Koṇāgamanassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa sotthijo nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Kassapassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa sabbamitto nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Mayhaṃ, bhikkhave, etarahi ānando nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko.
๑๒. ‘‘วิปสฺสิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส พนฺธุมา นาม ราชา ปิตา อโหสิฯ พนฺธุมตี นาม เทวี มาตา อโหสิ ชเนตฺติ 9ฯ พนฺธุมสฺส รโญฺญ พนฺธุมตี นาม นครํ ราชธานี อโหสิฯ
12. ‘‘Vipassissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa bandhumā nāma rājā pitā ahosi. Bandhumatī nāma devī mātā ahosi janetti 10. Bandhumassa rañño bandhumatī nāma nagaraṃ rājadhānī ahosi.
‘‘สิขิสฺส , ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อรุโณ นาม ราชา ปิตา อโหสิฯ ปภาวตี นาม เทวี มาตา อโหสิ ชเนตฺติฯ อรุณสฺส รโญฺญ อรุณวตี นาม นครํ ราชธานี อโหสิฯ
‘‘Sikhissa , bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa aruṇo nāma rājā pitā ahosi. Pabhāvatī nāma devī mātā ahosi janetti. Aruṇassa rañño aruṇavatī nāma nagaraṃ rājadhānī ahosi.
‘‘กกุสนฺธสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อคฺคิทโตฺต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา อโหสิฯ วิสาขา นาม พฺราหฺมณี มาตา อโหสิ ชเนตฺติฯ เตน โข ปน, ภิกฺขเว, สมเยน เขโม นาม ราชา อโหสิฯ เขมสฺส รโญฺญ เขมวตี นาม นครํ ราชธานี อโหสิฯ
‘‘Kakusandhassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa aggidatto nāma brāhmaṇo pitā ahosi. Visākhā nāma brāhmaṇī mātā ahosi janetti. Tena kho pana, bhikkhave, samayena khemo nāma rājā ahosi. Khemassa rañño khemavatī nāma nagaraṃ rājadhānī ahosi.
‘‘โกณาคมนสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ยญฺญทโตฺต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา อโหสิฯ อุตฺตรา นาม พฺราหฺมณี มาตา อโหสิ ชเนตฺติฯ เตน โข ปน, ภิกฺขเว, สมเยน โสโภ นาม ราชา อโหสิฯ โสภสฺส รโญฺญ โสภวตี นาม นครํ ราชธานี อโหสิฯ
‘‘Koṇāgamanassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa yaññadatto nāma brāhmaṇo pitā ahosi. Uttarā nāma brāhmaṇī mātā ahosi janetti. Tena kho pana, bhikkhave, samayena sobho nāma rājā ahosi. Sobhassa rañño sobhavatī nāma nagaraṃ rājadhānī ahosi.
‘‘กสฺสปสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส พฺรหฺมทโตฺต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา อโหสิฯ ธนวตี นาม พฺราหฺมณี มาตา อโหสิ ชเนตฺติฯ เตน โข ปน, ภิกฺขเว, สมเยน กิกี นาม 15 ราชา อโหสิฯ กิกิสฺส รโญฺญ พาราณสี นาม นครํ ราชธานี อโหสิฯ
‘‘Kassapassa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa brahmadatto nāma brāhmaṇo pitā ahosi. Dhanavatī nāma brāhmaṇī mātā ahosi janetti. Tena kho pana, bhikkhave, samayena kikī nāma 16 rājā ahosi. Kikissa rañño bārāṇasī nāma nagaraṃ rājadhānī ahosi.
‘‘มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตรหิ สุโทฺธทโน นาม ราชา ปิตา อโหสิฯ มายา นาม เทวี มาตา อโหสิ ชเนตฺติฯ กปิลวตฺถุ นาม นครํ ราชธานี อโหสี’’ติฯ อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ
‘‘Mayhaṃ, bhikkhave, etarahi suddhodano nāma rājā pitā ahosi. Māyā nāma devī mātā ahosi janetti. Kapilavatthu nāma nagaraṃ rājadhānī ahosī’’ti. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi.
๑๓. อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส, อพฺภุตํ, อาวุโส, ตถาคตสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตาฯ ยตฺร หิ นาม ตถาคโต อตีเต พุเทฺธ ปรินิพฺพุเต ฉินฺนปปเญฺจ ฉินฺนวฎุเม ปริยาทินฺนวเฎฺฎ สพฺพทุกฺขวีติวเตฺต ชาติโตปิ อนุสฺสริสฺสติ, นามโตปิ อนุสฺสริสฺสติ, โคตฺตโตปิ อนุสฺสริสฺสติ, อายุปฺปมาณโตปิ อนุสฺสริสฺสติ, สาวกยุคโตปิ อนุสฺสริสฺสติ, สาวกสนฺนิปาตโตปิ อนุสฺสริสฺสติ – ‘เอวํชจฺจา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ, เอวํนามา เอวํโคตฺตา เอวํสีลา เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา เอวํวิหารี เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปี’’’ติฯ
13. Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ acirapakkantassa bhagavato ayamantarākathā udapādi – ‘‘acchariyaṃ, āvuso, abbhutaṃ, āvuso, tathāgatassa mahiddhikatā mahānubhāvatā. Yatra hi nāma tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarissati, nāmatopi anussarissati, gottatopi anussarissati, āyuppamāṇatopi anussarissati, sāvakayugatopi anussarissati, sāvakasannipātatopi anussarissati – ‘evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipī’’’ti.
‘‘กิํ นุ โข, อาวุโส, ตถาคตเสฺสว นุ โข เอสา ธมฺมธาตุ สุปฺปฎิวิทฺธา, ยสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปฺปฎิวิทฺธตฺตา ตถาคโต อตีเต พุเทฺธ ปรินิพฺพุเต ฉินฺนปปเญฺจ ฉินฺนวฎุเม ปริยาทินฺนวเฎฺฎ สพฺพทุกฺขวีติวเตฺต ชาติโตปิ อนุสฺสรติ, นามโตปิ อนุสฺสรติ, โคตฺตโตปิ อนุสฺสรติ, อายุปฺปมาณโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกยุคโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกสนฺนิปาตโตปิ อนุสฺสรติ – ‘เอวํชจฺจา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ, เอวํนามา เอวํโคตฺตา เอวํสีลา เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา เอวํวิหารี เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปี’ติ, อุทาหุ เทวตา ตถาคตสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ, เยน ตถาคโต อตีเต พุเทฺธ ปรินิพฺพุเต ฉินฺนปปเญฺจ ฉินฺนวฎุเม ปริยาทินฺนวเฎฺฎ สพฺพทุกฺขวีติวเตฺต ชาติโตปิ อนุสฺสรติ, นามโตปิ อนุสฺสรติ, โคตฺตโตปิ อนุสฺสรติ, อายุปฺปมาณโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกยุคโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกสนฺนิปาตโตปิ อนุสฺสรติ – ‘เอวํชจฺจา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ, เอวํนามา เอวํโคตฺตา เอวํสีลา เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา เอวํวิหารี เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปี’’’ติฯ อยญฺจ หิทํ เตสํ ภิกฺขูนํ อนฺตรากถา วิปฺปกตา โหติฯ
‘‘Kiṃ nu kho, āvuso, tathāgatasseva nu kho esā dhammadhātu suppaṭividdhā, yassā dhammadhātuyā suppaṭividdhattā tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarati, nāmatopi anussarati, gottatopi anussarati, āyuppamāṇatopi anussarati, sāvakayugatopi anussarati, sāvakasannipātatopi anussarati – ‘evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipī’ti, udāhu devatā tathāgatassa etamatthaṃ ārocesuṃ, yena tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarati, nāmatopi anussarati, gottatopi anussarati, āyuppamāṇatopi anussarati, sāvakayugatopi anussarati, sāvakasannipātatopi anussarati – ‘evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipī’’’ti. Ayañca hidaṃ tesaṃ bhikkhūnaṃ antarākathā vippakatā hoti.
๑๔. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยน กเรริมณฺฑลมาโฬ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘กายนุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา; กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ?
14. Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yena karerimaṇḍalamāḷo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘kāyanuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā; kā ca pana vo antarākathā vippakatā’’ti?
เอวํ วุเตฺต เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ, ภเนฺต, อมฺหากํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต อยํ อนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘อจฺฉริยํ, อาวุโส, อพฺภุตํ, อาวุโส, ตถาคตสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตา, ยตฺร หิ นาม ตถาคโต อตีเต พุเทฺธ ปรินิพฺพุเต ฉินฺนปปเญฺจ ฉินฺนวฎุเม ปริยาทินฺนวเฎฺฎ สพฺพทุกฺขวีติวเตฺต ชาติโตปิ อนุสฺสริสฺสติ, นามโตปิ อนุสฺสริสฺสติ, โคตฺตโตปิ อนุสฺสริสฺสติ, อายุปฺปมาณโตปิ อนุสฺสริสฺสติ, สาวกยุคโตปิ อนุสฺสริสฺสติ, สาวกสนฺนิปาตโตปิ อนุสฺสริสฺสติ – ‘‘เอวํชจฺจา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ , เอวํนามา เอวํโคตฺตา เอวํสีลา เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา เอวํวิหารี เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปี’’ติฯ กิํ นุ โข, อาวุโส, ตถาคตเสฺสว นุ โข เอสา ธมฺมธาตุ สุปฺปฎิวิทฺธา, ยสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปฺปฎิวิทฺธตฺตา ตถาคโต อตีเต พุเทฺธ ปรินิพฺพุเต ฉินฺนปปเญฺจ ฉินฺนวฎุเม ปริยาทินฺนวเฎฺฎ สพฺพทุกฺขวีติวเตฺต ชาติโตปิ อนุสฺสรติ, นามโตปิ อนุสฺสรติ, โคตฺตโตปิ อนุสฺสรติ, อายุปฺปมาณโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกยุคโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกสนฺนิปาตโตปิ อนุสฺสรติ – ‘‘เอวํชจฺจา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ, เอวํนามา เอวํโคตฺตา เอวํสีลา เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา เอวํวิหารี เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปี’’ติฯ อุทาหุ เทวตา ตถาคตสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ, เยน ตถาคโต อตีเต พุเทฺธ ปรินิพฺพุเต ฉินฺนปปเญฺจ ฉินฺนวฎุเม ปริยาทินฺนวเฎฺฎ สพฺพทุกฺขวีติวเตฺต ชาติโตปิ อนุสฺสรติ, นามโตปิ อนุสฺสรติ, โคตฺตโตปิ อนุสฺสรติ, อายุปฺปมาณโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกยุคโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกสนฺนิปาตโตปิ อนุสฺสรติ – ‘เอวํชจฺจา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ, เอวํนามา เอวํโคตฺตา เอวํสีลา เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา เอวํวิหารี เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปี’ติ? อยํ โข โน, ภเนฺต, อนฺตรากถา วิปฺปกตา, อถ ภควา อนุปฺปโตฺต’’ติฯ
Evaṃ vutte te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘idha, bhante, amhākaṃ acirapakkantassa bhagavato ayaṃ antarākathā udapādi – ‘acchariyaṃ, āvuso, abbhutaṃ, āvuso, tathāgatassa mahiddhikatā mahānubhāvatā, yatra hi nāma tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarissati, nāmatopi anussarissati, gottatopi anussarissati, āyuppamāṇatopi anussarissati, sāvakayugatopi anussarissati, sāvakasannipātatopi anussarissati – ‘‘evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi , evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipī’’ti. Kiṃ nu kho, āvuso, tathāgatasseva nu kho esā dhammadhātu suppaṭividdhā, yassā dhammadhātuyā suppaṭividdhattā tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarati, nāmatopi anussarati, gottatopi anussarati, āyuppamāṇatopi anussarati, sāvakayugatopi anussarati, sāvakasannipātatopi anussarati – ‘‘evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipī’’ti. Udāhu devatā tathāgatassa etamatthaṃ ārocesuṃ, yena tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarati, nāmatopi anussarati, gottatopi anussarati, āyuppamāṇatopi anussarati, sāvakayugatopi anussarati, sāvakasannipātatopi anussarati – ‘evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipī’ti? Ayaṃ kho no, bhante, antarākathā vippakatā, atha bhagavā anuppatto’’ti.
๑๕. ‘‘ตถาคตเสฺสเวสา, ภิกฺขเว, ธมฺมธาตุ สุปฺปฎิวิทฺธา, ยสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปฺปฎิวิทฺธตฺตา ตถาคโต อตีเต พุเทฺธ ปรินิพฺพุเต ฉินฺนปปเญฺจ ฉินฺนวฎุเม ปริยาทินฺนวเฎฺฎ สพฺพทุกฺขวีติวเตฺต ชาติโตปิ อนุสฺสรติ, นามโตปิ อนุสฺสรติ, โคตฺตโตปิ อนุสฺสรติ, อายุปฺปมาณโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกยุคโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกสนฺนิปาตโตปิ อนุสฺสรติ – ‘เอวํชจฺจา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ, เอวํนามา เอวํโคตฺตา เอวํสีลา เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา เอวํวิหารี เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปี’ติฯ เทวตาปิ ตถาคตสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ, เยน ตถาคโต อตีเต พุเทฺธ ปรินิพฺพุเต ฉินฺนปปเญฺจ ฉินฺนวฎุเม ปริยาทินฺนวเฎฺฎ สพฺพทุกฺขวีติวเตฺต ชาติโตปิ อนุสฺสรติ, นามโตปิ อนุสฺสรติ, โคตฺตโตปิ อนุสฺสรติ, อายุปฺปมาณโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกยุคโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกสนฺนิปาตโตปิ อนุสฺสรติ – ‘เอวํชจฺจา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ, เอวํนามา เอวํโคตฺตา เอวํสีลา เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา เอวํวิหารี เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปี’ติฯ
15. ‘‘Tathāgatassevesā, bhikkhave, dhammadhātu suppaṭividdhā, yassā dhammadhātuyā suppaṭividdhattā tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarati, nāmatopi anussarati, gottatopi anussarati, āyuppamāṇatopi anussarati, sāvakayugatopi anussarati, sāvakasannipātatopi anussarati – ‘evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipī’ti. Devatāpi tathāgatassa etamatthaṃ ārocesuṃ, yena tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarati, nāmatopi anussarati, gottatopi anussarati, āyuppamāṇatopi anussarati, sāvakayugatopi anussarati, sāvakasannipātatopi anussarati – ‘evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipī’ti.
‘‘อิเจฺฉยฺยาถ โน ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ภิโยฺยโสมตฺตาย ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมิํ กถํ โสตุ’’นฺติ? ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล; เอตสฺส, สุคต, กาโล; ยํ ภควา ภิโยฺยโสมตฺตาย ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมิํ กถํ กเรยฺย, ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว , สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
‘‘Iccheyyātha no tumhe, bhikkhave, bhiyyosomattāya pubbenivāsapaṭisaṃyuttaṃ dhammiṃ kathaṃ sotu’’nti? ‘‘Etassa, bhagavā, kālo; etassa, sugata, kālo; yaṃ bhagavā bhiyyosomattāya pubbenivāsapaṭisaṃyuttaṃ dhammiṃ kathaṃ kareyya, bhagavato sutvā bhikkhū dhāressantī’’ti. ‘‘Tena hi, bhikkhave , suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
๑๖. ‘‘อิโต โส, ภิกฺขเว, เอกนวุติกเปฺป ยํ วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุทปาทิฯ วิปสฺสี, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ขตฺติโย ชาติยา อโหสิ, ขตฺติยกุเล อุทปาทิฯ วิปสฺสี, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โกณฺฑโญฺญ โคเตฺตน อโหสิฯ วิปสฺสิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อสีติวสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิฯ วิปสฺสี, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปาฎลิยา มูเล อภิสมฺพุโทฺธฯ วิปสฺสิสฺส, ภิกฺขเว , ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ขณฺฑติสฺสํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ วิปสฺสิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ตโย สาวกานํ สนฺนิปาตา อเหสุํฯ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อฎฺฐสฎฺฐิภิกฺขุสตสหสฺสํ, เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ, เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อสีติภิกฺขุสหสฺสานิฯ วิปสฺสิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อิเม ตโย สาวกานํ สนฺนิปาตา อเหสุํ สเพฺพสํเยว ขีณาสวานํฯ วิปสฺสิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อโสโก นาม ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อโหสิ อคฺคุปฎฺฐาโกฯ วิปสฺสิสฺส, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส พนฺธุมา นาม ราชา ปิตา อโหสิฯ พนฺธุมตี นาม เทวี มาตา อโหสิ ชเนตฺติฯ พนฺธุมสฺส รโญฺญ พนฺธุมตี นาม นครํ ราชธานี อโหสิฯ
16. ‘‘Ito so, bhikkhave, ekanavutikappe yaṃ vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Vipassī, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho khattiyo jātiyā ahosi, khattiyakule udapādi. Vipassī, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho koṇḍañño gottena ahosi. Vipassissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa asītivassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Vipassī, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho pāṭaliyā mūle abhisambuddho. Vipassissa, bhikkhave , bhagavato arahato sammāsambuddhassa khaṇḍatissaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Vipassissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassaṃ, eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi bhikkhusatasahassaṃ, eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi asītibhikkhusahassāni. Vipassissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa ime tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ sabbesaṃyeva khīṇāsavānaṃ. Vipassissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa asoko nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Vipassissa, bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa bandhumā nāma rājā pitā ahosi. Bandhumatī nāma devī mātā ahosi janetti. Bandhumassa rañño bandhumatī nāma nagaraṃ rājadhānī ahosi.
โพธิสตฺตธมฺมตา
Bodhisattadhammatā
๑๗. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี โพธิสโตฺต ตุสิตา กายา จวิตฺวา สโต สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมิฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
17. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassī bodhisatto tusitā kāyā cavitvā sato sampajāno mātukucchiṃ okkami. Ayamettha dhammatā.
๑๘. ‘‘ธมฺมตา, เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต ตุสิตา กายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมติฯ อถ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อปฺปมาโณ อุฬาโร โอภาโส ปาตุภวติ อติกฺกเมฺมว เทวานํ เทวานุภาวํฯ ยาปิ ตา โลกนฺตริกา อฆา อสํวุตา อนฺธการา อนฺธการติมิสา , ยตฺถ ปิเม จนฺทิมสูริยา เอวํมหิทฺธิกา เอวํมหานุภาวา อาภาย นานุโภนฺติ, ตตฺถปิ อปฺปมาโณ อุฬาโร โอภาโส ปาตุภวติ อติกฺกเมฺมว เทวานํ เทวานุภาวํฯ เยปิ ตตฺถ สตฺตา อุปปนฺนา, เตปิ เตโนภาเสน อญฺญมญฺญํ สญฺชานนฺติ – ‘อเญฺญปิ กิร, โภ, สนฺติ สตฺตา อิธูปปนฺนา’ติฯ อยญฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติฯ อปฺปมาโณ จ อุฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุภวติ อติกฺกเมฺมว เทวานํ เทวานุภาวํฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
18. ‘‘Dhammatā, esā, bhikkhave, yadā bodhisatto tusitā kāyā cavitvā mātukucchiṃ okkamati. Atha sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya appamāṇo uḷāro obhāso pātubhavati atikkammeva devānaṃ devānubhāvaṃ. Yāpi tā lokantarikā aghā asaṃvutā andhakārā andhakāratimisā , yattha pime candimasūriyā evaṃmahiddhikā evaṃmahānubhāvā ābhāya nānubhonti, tatthapi appamāṇo uḷāro obhāso pātubhavati atikkammeva devānaṃ devānubhāvaṃ. Yepi tattha sattā upapannā, tepi tenobhāsena aññamaññaṃ sañjānanti – ‘aññepi kira, bho, santi sattā idhūpapannā’ti. Ayañca dasasahassī lokadhātu saṅkampati sampakampati sampavedhati. Appamāṇo ca uḷāro obhāso loke pātubhavati atikkammeva devānaṃ devānubhāvaṃ. Ayamettha dhammatā.
๑๙. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกโนฺต โหติ, จตฺตาโร นํ เทวปุตฺตา จตุทฺทิสํ 17 รกฺขาย อุปคจฺฉนฺติ – ‘มา นํ โพธิสตฺตํ วา โพธิสตฺตมาตรํ วา มนุโสฺส วา อมนุโสฺส วา โกจิ วา วิเหเฐสี’ติฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
19. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchiṃ okkanto hoti, cattāro naṃ devaputtā catuddisaṃ 18 rakkhāya upagacchanti – ‘mā naṃ bodhisattaṃ vā bodhisattamātaraṃ vā manusso vā amanusso vā koci vā viheṭhesī’ti. Ayamettha dhammatā.
๒๐. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกโนฺต โหติ, ปกติยา สีลวตี โพธิสตฺตมาตา โหติ, วิรตา ปาณาติปาตา, วิรตา อทินฺนาทานา, วิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา , วิรตา มุสาวาทา, วิรตา สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฎฺฐานาฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
20. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchiṃ okkanto hoti, pakatiyā sīlavatī bodhisattamātā hoti, viratā pāṇātipātā, viratā adinnādānā, viratā kāmesumicchācārā , viratā musāvādā, viratā surāmerayamajjappamādaṭṭhānā. Ayamettha dhammatā.
๒๑. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกโนฺต โหติ, น โพธิสตฺตมาตุ ปุริเสสุ มานสํ อุปฺปชฺชติ กามคุณูปสํหิตํ, อนติกฺกมนียา จ โพธิสตฺตมาตา โหติ เกนจิ ปุริเสน รตฺตจิเตฺตนฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
21. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchiṃ okkanto hoti, na bodhisattamātu purisesu mānasaṃ uppajjati kāmaguṇūpasaṃhitaṃ, anatikkamanīyā ca bodhisattamātā hoti kenaci purisena rattacittena. Ayamettha dhammatā.
๒๒. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกโนฺต โหติ, ลาภินี โพธิสตฺตมาตา โหติ ปญฺจนฺนํ กามคุณานํฯ สา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรติฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
22. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchiṃ okkanto hoti, lābhinī bodhisattamātā hoti pañcannaṃ kāmaguṇānaṃ. Sā pañcahi kāmaguṇehi samappitā samaṅgībhūtā paricāreti. Ayamettha dhammatā.
๒๓. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกโนฺต โหติ, น โพธิสตฺตมาตุ โกจิเทว อาพาโธ อุปฺปชฺชติฯ สุขินี โพธิสตฺตมาตา โหติ อกิลนฺตกายา, โพธิสตฺตญฺจ โพธิสตฺตมาตา ติโรกุจฺฉิคตํ ปสฺสติ สพฺพงฺคปจฺจงฺคิํ อหีนินฺทฺริยํฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฎฺฐํโส สุปริกมฺมกโต อโจฺฉ วิปฺปสโนฺน อนาวิโล สพฺพาการสมฺปโนฺนฯ ตตฺราสฺส 19 สุตฺตํ อาวุตํ นีลํ วา ปีตํ วา โลหิตํ วา โอทาตํ วา ปณฺฑุสุตฺตํ วาฯ ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส หเตฺถ กริตฺวา ปจฺจเวเกฺขยฺย – ‘อยํ โข มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฎฺฐํโส สุปริกมฺมกโต อโจฺฉ วิปฺปสโนฺน อนาวิโล สพฺพาการสมฺปโนฺนฯ ตตฺริทํ สุตฺตํ อาวุตํ นีลํ วา ปีตํ วา โลหิตํ วา โอทาตํ วา ปณฺฑุสุตฺตํ วา’ติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกโนฺต โหติ, น โพธิสตฺตมาตุ โกจิเทว อาพาโธ อุปฺปชฺชติ, สุขินี โพธิสตฺตมาตา โหติ อกิลนฺตกายา , โพธิสตฺตญฺจ โพธิสตฺตมาตา ติโรกุจฺฉิคตํ ปสฺสติ สพฺพงฺคปจฺจงฺคิํ อหีนินฺทฺริยํฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
23. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchiṃ okkanto hoti, na bodhisattamātu kocideva ābādho uppajjati. Sukhinī bodhisattamātā hoti akilantakāyā, bodhisattañca bodhisattamātā tirokucchigataṃ passati sabbaṅgapaccaṅgiṃ ahīnindriyaṃ. Seyyathāpi, bhikkhave, maṇi veḷuriyo subho jātimā aṭṭhaṃso suparikammakato accho vippasanno anāvilo sabbākārasampanno. Tatrāssa 20 suttaṃ āvutaṃ nīlaṃ vā pītaṃ vā lohitaṃ vā odātaṃ vā paṇḍusuttaṃ vā. Tamenaṃ cakkhumā puriso hatthe karitvā paccavekkheyya – ‘ayaṃ kho maṇi veḷuriyo subho jātimā aṭṭhaṃso suparikammakato accho vippasanno anāvilo sabbākārasampanno. Tatridaṃ suttaṃ āvutaṃ nīlaṃ vā pītaṃ vā lohitaṃ vā odātaṃ vā paṇḍusuttaṃ vā’ti. Evameva kho, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchiṃ okkanto hoti, na bodhisattamātu kocideva ābādho uppajjati, sukhinī bodhisattamātā hoti akilantakāyā , bodhisattañca bodhisattamātā tirokucchigataṃ passati sabbaṅgapaccaṅgiṃ ahīnindriyaṃ. Ayamettha dhammatā.
๒๔. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, สตฺตาหชาเต โพธิสเตฺต โพธิสตฺตมาตา กาลงฺกโรติ ตุสิตํ กายํ อุปปชฺชติฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
24. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, sattāhajāte bodhisatte bodhisattamātā kālaṅkaroti tusitaṃ kāyaṃ upapajjati. Ayamettha dhammatā.
๒๕. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยถา อญฺญา อิตฺถิกา นว วา ทส วา มาเส คพฺภํ กุจฺฉินา ปริหริตฺวา วิชายนฺติ, น เหวํ โพธิสตฺตํ โพธิสตฺตมาตา วิชายติฯ ทเสว มาสานิ โพธิสตฺตํ โพธิสตฺตมาตา กุจฺฉินา ปริหริตฺวา วิชายติฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
25. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yathā aññā itthikā nava vā dasa vā māse gabbhaṃ kucchinā pariharitvā vijāyanti, na hevaṃ bodhisattaṃ bodhisattamātā vijāyati. Daseva māsāni bodhisattaṃ bodhisattamātā kucchinā pariharitvā vijāyati. Ayamettha dhammatā.
๒๖. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยถา อญฺญา อิตฺถิกา นิสินฺนา วา นิปนฺนา วา วิชายนฺติ, น เหวํ โพธิสตฺตํ โพธิสตฺตมาตา วิชายติฯ ฐิตาว โพธิสตฺตํ โพธิสตฺตมาตา วิชายติฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
26. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yathā aññā itthikā nisinnā vā nipannā vā vijāyanti, na hevaṃ bodhisattaṃ bodhisattamātā vijāyati. Ṭhitāva bodhisattaṃ bodhisattamātā vijāyati. Ayamettha dhammatā.
๒๗. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, เทวา ปฐมํ ปฎิคฺคณฺหนฺติ, ปจฺฉา มนุสฺสาฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
27. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchimhā nikkhamati, devā paṭhamaṃ paṭiggaṇhanti, pacchā manussā. Ayamettha dhammatā.
๒๘. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, อปฺปโตฺตว โพธิสโตฺต ปถวิํ โหติ, จตฺตาโร นํ เทวปุตฺตา ปฎิคฺคเหตฺวา มาตุ ปุรโต ฐเปนฺติ – ‘อตฺตมนา, เทวิ, โหหิ; มเหสโกฺข เต ปุโตฺต อุปฺปโนฺน’ติฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
28. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchimhā nikkhamati, appattova bodhisatto pathaviṃ hoti, cattāro naṃ devaputtā paṭiggahetvā mātu purato ṭhapenti – ‘attamanā, devi, hohi; mahesakkho te putto uppanno’ti. Ayamettha dhammatā.
๒๙. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, วิสโทว นิกฺขมติ อมกฺขิโต อุเทน 21 อมกฺขิโต เสเมฺหน อมกฺขิโต รุหิเรน อมกฺขิโต เกนจิ อสุจินา สุโทฺธ 22 วิสโทฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มณิรตนํ กาสิเก วเตฺถ นิกฺขิตฺตํ เนว มณิรตนํ กาสิกํ วตฺถํ มเกฺขติ, นาปิ กาสิกํ วตฺถํ มณิรตนํ มเกฺขติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อุภินฺนํ สุทฺธตฺตาฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, วิสโทว นิกฺขมติ อมกฺขิโต, อุเทน อมกฺขิโต เสเมฺหน อมกฺขิโต รุหิเรน อมกฺขิโต เกนจิ อสุจินา สุโทฺธ วิสโทฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
29. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchimhā nikkhamati, visadova nikkhamati amakkhito udena 23 amakkhito semhena amakkhito ruhirena amakkhito kenaci asucinā suddho 24 visado. Seyyathāpi, bhikkhave, maṇiratanaṃ kāsike vatthe nikkhittaṃ neva maṇiratanaṃ kāsikaṃ vatthaṃ makkheti, nāpi kāsikaṃ vatthaṃ maṇiratanaṃ makkheti. Taṃ kissa hetu? Ubhinnaṃ suddhattā. Evameva kho, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchimhā nikkhamati, visadova nikkhamati amakkhito, udena amakkhito semhena amakkhito ruhirena amakkhito kenaci asucinā suddho visado. Ayamettha dhammatā.
๓๐. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, เทฺว อุทกสฺส ธารา อนฺตลิกฺขา ปาตุภวนฺติ – เอกา สีตสฺส เอกา อุณฺหสฺส เยน โพธิสตฺตสฺส อุทกกิจฺจํ กโรนฺติ มาตุ จฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
30. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchimhā nikkhamati, dve udakassa dhārā antalikkhā pātubhavanti – ekā sītassa ekā uṇhassa yena bodhisattassa udakakiccaṃ karonti mātu ca. Ayamettha dhammatā.
๓๑. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, สมฺปติชาโต โพธิสโตฺต สเมหิ ปาเทหิ ปติฎฺฐหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข 25 สตฺตปทวีติหาเรน คจฺฉติ เสตมฺหิ ฉเตฺต อนุธาริยมาเน, สพฺพา จ ทิสา อนุวิโลเกติ, อาสภิํ วาจํ ภาสติ ‘อโคฺคหมสฺมิ โลกสฺส, เชโฎฺฐหมสฺมิ โลกสฺส, เสโฎฺฐหมสฺมิ โลกสฺส, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว’ติฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
31. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, sampatijāto bodhisatto samehi pādehi patiṭṭhahitvā uttarābhimukho 26 sattapadavītihārena gacchati setamhi chatte anudhāriyamāne, sabbā ca disā anuviloketi, āsabhiṃ vācaṃ bhāsati ‘aggohamasmi lokassa, jeṭṭhohamasmi lokassa, seṭṭhohamasmi lokassa, ayamantimā jāti, natthidāni punabbhavo’ti. Ayamettha dhammatā.
๓๒. ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติ, อถ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อปฺปมาโณ อุฬาโร โอภาโส ปาตุภวติ, อติกฺกเมฺมว เทวานํ เทวานุภาวํฯ ยาปิ ตา โลกนฺตริกา อฆา อสํวุตา อนฺธการา อนฺธการติมิสา, ยตฺถ ปิเม จนฺทิมสูริยา เอวํมหิทฺธิกา เอวํมหานุภาวา อาภาย นานุโภนฺติ, ตตฺถปิ อปฺปมาโณ อุฬาโร โอภาโส ปาตุภวติ อติกฺกเมฺมว เทวานํ เทวานุภาวํฯ เยปิ ตตฺถ สตฺตา อุปปนฺนา, เตปิ เตโนภาเสน อญฺญมญฺญํ สญฺชานนฺติ – ‘อเญฺญปิ กิร, โภ, สนฺติ สตฺตา อิธูปปนฺนา’ติฯ อยญฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติ อปฺปมาโณ จ อุฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุภวติ อติกฺกเมฺมว เทวานํ เทวานุภาวํฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
32. ‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchimhā nikkhamati, atha sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya appamāṇo uḷāro obhāso pātubhavati, atikkammeva devānaṃ devānubhāvaṃ. Yāpi tā lokantarikā aghā asaṃvutā andhakārā andhakāratimisā, yattha pime candimasūriyā evaṃmahiddhikā evaṃmahānubhāvā ābhāya nānubhonti, tatthapi appamāṇo uḷāro obhāso pātubhavati atikkammeva devānaṃ devānubhāvaṃ. Yepi tattha sattā upapannā, tepi tenobhāsena aññamaññaṃ sañjānanti – ‘aññepi kira, bho, santi sattā idhūpapannā’ti. Ayañca dasasahassī lokadhātu saṅkampati sampakampati sampavedhati appamāṇo ca uḷāro obhāso loke pātubhavati atikkammeva devānaṃ devānubhāvaṃ. Ayamettha dhammatā.
ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณา
Dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇā
๓๓. ‘‘ชาเต โข ปน, ภิกฺขเว, วิปสฺสิมฺหิ กุมาเร พนฺธุมโต รโญฺญ ปฎิเวเทสุํ – ‘ปุโตฺต เต, เทว 27, ชาโต, ตํ เทโว ปสฺสตู’ติฯ อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมา ราชา วิปสฺสิํ กุมารํ, ทิสฺวา เนมิเตฺต พฺราหฺมเณ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘ปสฺสนฺตุ โภโนฺต เนมิตฺตา พฺราหฺมณา กุมาร’นฺติฯ อทฺทสํสุ โข, ภิกฺขเว, เนมิตฺตา พฺราหฺมณา วิปสฺสิํ กุมารํ, ทิสฺวา พนฺธุมนฺตํ ราชานํ เอตทโวจุํ – ‘อตฺตมโน, เทว, โหหิ, มเหสโกฺข เต ปุโตฺต อุปฺปโนฺน, ลาภา เต, มหาราช, สุลทฺธํ เต, มหาราช, ยสฺส เต กุเล เอวรูโป ปุโตฺต อุปฺปโนฺนฯ อยญฺหิ, เทว, กุมาโร ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต, เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส เทฺวว คติโย ภวนฺติ อนญฺญาฯ สเจ อคารํ อชฺฌาวสติ, ราชา โหติ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรโนฺต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺต สตฺตรตนสมนฺนาคโตฯ ตสฺสิมานิ สตฺตรตนานิ ภวนฺติฯ เสยฺยถิทํ – จกฺกรตนํ หตฺถิรตนํ อสฺสรตนํ มณิรตนํ อิตฺถิรตนํ คหปติรตนํ ปริณายกรตนเมว สตฺตมํฯ ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนาฯ โส อิมํ ปถวิํ สาครปริยนฺตํ อทเณฺฑน อสเตฺถน ธเมฺมน อภิวิชิย อชฺฌาวสติฯ สเจ โข ปน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก วิวฎจฺฉโทฯ
33. ‘‘Jāte kho pana, bhikkhave, vipassimhi kumāre bandhumato rañño paṭivedesuṃ – ‘putto te, deva 28, jāto, taṃ devo passatū’ti. Addasā kho, bhikkhave, bandhumā rājā vipassiṃ kumāraṃ, disvā nemitte brāhmaṇe āmantāpetvā etadavoca – ‘passantu bhonto nemittā brāhmaṇā kumāra’nti. Addasaṃsu kho, bhikkhave, nemittā brāhmaṇā vipassiṃ kumāraṃ, disvā bandhumantaṃ rājānaṃ etadavocuṃ – ‘attamano, deva, hohi, mahesakkho te putto uppanno, lābhā te, mahārāja, suladdhaṃ te, mahārāja, yassa te kule evarūpo putto uppanno. Ayañhi, deva, kumāro dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇehi samannāgato, yehi samannāgatassa mahāpurisassa dveva gatiyo bhavanti anaññā. Sace agāraṃ ajjhāvasati, rājā hoti cakkavattī dhammiko dhammarājā cāturanto vijitāvī janapadatthāvariyappatto sattaratanasamannāgato. Tassimāni sattaratanāni bhavanti. Seyyathidaṃ – cakkaratanaṃ hatthiratanaṃ assaratanaṃ maṇiratanaṃ itthiratanaṃ gahapatiratanaṃ pariṇāyakaratanameva sattamaṃ. Parosahassaṃ kho panassa puttā bhavanti sūrā vīraṅgarūpā parasenappamaddanā. So imaṃ pathaviṃ sāgarapariyantaṃ adaṇḍena asatthena dhammena abhivijiya ajjhāvasati. Sace kho pana agārasmā anagāriyaṃ pabbajati, arahaṃ hoti sammāsambuddho loke vivaṭacchado.
๓๔. ‘กตเมหิ จายํ, เทว, กุมาโร ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต, เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส เทฺวว คติโย ภวนฺติ อนญฺญาฯ สเจ อคารํ อชฺฌาวสติ, ราชา โหติ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรโนฺต วิชิตาปี ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺต สตฺตรตนสมนฺนาคโตฯ ตสฺสิมานิ สตฺตรตนานิ ภวนฺติ ฯ เสยฺยถิทํ – จกฺกรตนํ หตฺถิรตนํ อสฺสรตนํ มณิรตนํ อิตฺถิรตนํ คหปติรตนํ ปริณายกรตนเมว สตฺตมํฯ ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนาฯ โส อิมํ ปถวิํ สาครปริยนฺตํ อทเณฺฑน อสเตฺถน ธเมฺมน อภิวิชิย อชฺฌาวสติฯ สเจ โข ปน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก วิวฎจฺฉโทฯ
34. ‘Katamehi cāyaṃ, deva, kumāro dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇehi samannāgato, yehi samannāgatassa mahāpurisassa dveva gatiyo bhavanti anaññā. Sace agāraṃ ajjhāvasati, rājā hoti cakkavattī dhammiko dhammarājā cāturanto vijitāpī janapadatthāvariyappatto sattaratanasamannāgato. Tassimāni sattaratanāni bhavanti . Seyyathidaṃ – cakkaratanaṃ hatthiratanaṃ assaratanaṃ maṇiratanaṃ itthiratanaṃ gahapatiratanaṃ pariṇāyakaratanameva sattamaṃ. Parosahassaṃ kho panassa puttā bhavanti sūrā vīraṅgarūpā parasenappamaddanā. So imaṃ pathaviṃ sāgarapariyantaṃ adaṇḍena asatthena dhammena abhivijiya ajjhāvasati. Sace kho pana agārasmā anagāriyaṃ pabbajati, arahaṃ hoti sammāsambuddho loke vivaṭacchado.
๓๕. ‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร สุปฺปติฎฺฐิตปาโทฯ ยํ ปายํ, เทว, กุมาโร สุปฺปติฎฺฐิตปาโทฯ อิทมฺปิสฺส มหาปุริสสฺส มหาปุริสลกฺขณํ ภวติฯ
35. ‘Ayañhi, deva, kumāro suppatiṭṭhitapādo. Yaṃ pāyaṃ, deva, kumāro suppatiṭṭhitapādo. Idampissa mahāpurisassa mahāpurisalakkhaṇaṃ bhavati.
‘อิมสฺส, เทว 29, กุมารสฺส เหฎฺฐา ปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานิ สหสฺสารานิ สเนมิกานิ สนาภิกานิ สพฺพาการปริปูรานิฯ ยมฺปิ, อิมสฺส เทว, กุมารสฺส เหฎฺฐา ปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานิ สหสฺสารานิ สเนมิกานิ สนาภิกานิ สพฺพาการปริปูรานิ, อิทมฺปิสฺส มหาปุริสสฺส มหาปุริสลกฺขณํ ภวติฯ
‘Imassa, deva 30, kumārassa heṭṭhā pādatalesu cakkāni jātāni sahassārāni sanemikāni sanābhikāni sabbākāraparipūrāni. Yampi, imassa deva, kumārassa heṭṭhā pādatalesu cakkāni jātāni sahassārāni sanemikāni sanābhikāni sabbākāraparipūrāni, idampissa mahāpurisassa mahāpurisalakkhaṇaṃ bhavati.
‘อยญฺหิ เทว, กุมาโร อายตปณฺหี…เป.…
‘Ayañhi deva, kumāro āyatapaṇhī…pe…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร ทีฆงฺคุลี…
‘Ayañhi, deva, kumāro dīghaṅgulī…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร มุทุตลุนหตฺถปาโท…
‘Ayañhi, deva, kumāro mudutalunahatthapādo…
‘อยญฺหิ, เทว กุมาโร ชาลหตฺถปาโท…
‘Ayañhi, deva kumāro jālahatthapādo…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร อุสฺสงฺขปาโท…
‘Ayañhi, deva, kumāro ussaṅkhapādo…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร เอณิชโงฺฆ…
‘Ayañhi, deva, kumāro eṇijaṅgho…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร ฐิตโกว อโนนมโนฺต อุโภหิ ปาณิตเลหิ ชณฺณุกานิ ปริมสติ 31 ปริมชฺชติ…
‘Ayañhi, deva, kumāro ṭhitakova anonamanto ubhohi pāṇitalehi jaṇṇukāni parimasati 32 parimajjati…
‘อยญฺหิ , เทว, กุมาโร โกโสหิตวตฺถคุโยฺห…
‘Ayañhi , deva, kumāro kosohitavatthaguyho…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร สุวณฺณวโณฺณ กญฺจนสนฺนิภตฺตโจ…
‘Ayañhi, deva, kumāro suvaṇṇavaṇṇo kañcanasannibhattaco…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร สุขุมจฺฉวี; สุขุมตฺตา ฉวิยา รโชชลฺลํ กาเย น อุปลิมฺปติ 33 …
‘Ayañhi, deva, kumāro sukhumacchavī; sukhumattā chaviyā rajojallaṃ kāye na upalimpati 34 …
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร เอเกกโลโม; เอเกกานิ โลมานิ โลมกูเปสุ ชาตานิ…
‘Ayañhi, deva, kumāro ekekalomo; ekekāni lomāni lomakūpesu jātāni…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร อุทฺธคฺคโลโม; อุทฺธคฺคานิ โลมานิ ชาตานิ นีลานิ อญฺชนวณฺณานิ กุณฺฑลาวฎฺฎานิ ทกฺขิณาวฎฺฎกชาตานิ…
‘Ayañhi, deva, kumāro uddhaggalomo; uddhaggāni lomāni jātāni nīlāni añjanavaṇṇāni kuṇḍalāvaṭṭāni dakkhiṇāvaṭṭakajātāni…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร พฺรหฺมุชุคโตฺต…
‘Ayañhi, deva, kumāro brahmujugatto…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร สตฺตุสฺสโท…
‘Ayañhi, deva, kumāro sattussado…
‘อยญฺหิ , เทว, กุมาโร สีหปุพฺพทฺธกาโย…
‘Ayañhi , deva, kumāro sīhapubbaddhakāyo…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร นิโคฺรธปริมณฺฑโล ยาวตกฺวสฺส กาโย ตาวตกฺวสฺส พฺยาโม, ยาวตกฺวสฺส พฺยาโม, ตาวตกฺวสฺส กาโย…
‘Ayañhi, deva, kumāro nigrodhaparimaṇḍalo yāvatakvassa kāyo tāvatakvassa byāmo, yāvatakvassa byāmo, tāvatakvassa kāyo…
‘อยญฺหิ , เทว, กุมาโร สมวฎฺฎกฺขโนฺธ…
‘Ayañhi , deva, kumāro samavaṭṭakkhandho…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร รสคฺคสคฺคี…
‘Ayañhi, deva, kumāro rasaggasaggī…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร สีหหนุ…
‘Ayañhi, deva, kumāro sīhahanu…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร จตฺตาลีสทโนฺต…
‘Ayañhi, deva, kumāro cattālīsadanto…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร สมทโนฺต…
‘Ayañhi, deva, kumāro samadanto…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร อวิรฬทโนฺต…
‘Ayañhi, deva, kumāro aviraḷadanto…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร สุสุกฺกทาโฐ…
‘Ayañhi, deva, kumāro susukkadāṭho…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร ปหูตชิโวฺห…
‘Ayañhi, deva, kumāro pahūtajivho…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร พฺรหฺมสฺสโร กรวีกภาณี…
‘Ayañhi, deva, kumāro brahmassaro karavīkabhāṇī…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร อภินีลเนโตฺต…
‘Ayañhi, deva, kumāro abhinīlanetto…
‘อยญฺหิ, เทว, กุมาโร โคปขุโม…
‘Ayañhi, deva, kumāro gopakhumo…
อิมสฺส, เทว, กุมารสฺส อุณฺณา ภมุกนฺตเร ชาตา โอทาตา มุทุตูลสนฺนิภาฯ ยมฺปิ อิมสฺส เทว กุมารสฺส อุณฺณา ภมุกนฺตเร ชาตา โอทาตา มุทุตูลสนฺนิภา, อิทมฺปิมสฺส มหาปุริสสฺส มหาปุริสลกฺขณํ ภวติฯ
Imassa, deva, kumārassa uṇṇā bhamukantare jātā odātā mudutūlasannibhā. Yampi imassa deva kumārassa uṇṇā bhamukantare jātā odātā mudutūlasannibhā, idampimassa mahāpurisassa mahāpurisalakkhaṇaṃ bhavati.
‘อยญฺหิ , เทว, กุมาโร อุณฺหีสสีโสฯ ยํ ปายํ, เทว, กุมาโร อุณฺหีสสีโส, อิทมฺปิสฺส มหาปุริสสฺส มหาปุริสลกฺขณํ ภวติฯ
‘Ayañhi , deva, kumāro uṇhīsasīso. Yaṃ pāyaṃ, deva, kumāro uṇhīsasīso, idampissa mahāpurisassa mahāpurisalakkhaṇaṃ bhavati.
๓๖. ‘อิเมหิ โข อยํ, เทว, กุมาโร ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต, เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส เทฺวว คติโย ภวนฺติ อนญฺญาฯ สเจ อคารํ อชฺฌาวสติ, ราชา โหติ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรโนฺต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺต สตฺตรตนสมนฺนาคโตฯ ตสฺสิมานิ สตฺตรตนานิ ภวนฺติฯ เสยฺยถิทํ – จกฺกรตนํ หตฺถิรตนํ อสฺสรตนํ มณิรตนํ อิตฺถิรตนํ คหปติรตนํ ปริณายกรตนเมว สตฺตมํฯ ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนาฯ โส อิมํ ปถวิํ สาครปริยนฺตํ อทเณฺฑน อสเตฺถน ธเมฺมน 37 อภิวิชิย อชฺฌาวสติฯ สเจ โข ปน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก วิวฎจฺฉโท’ติฯ
36. ‘Imehi kho ayaṃ, deva, kumāro dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇehi samannāgato, yehi samannāgatassa mahāpurisassa dveva gatiyo bhavanti anaññā. Sace agāraṃ ajjhāvasati, rājā hoti cakkavattī dhammiko dhammarājā cāturanto vijitāvī janapadatthāvariyappatto sattaratanasamannāgato. Tassimāni sattaratanāni bhavanti. Seyyathidaṃ – cakkaratanaṃ hatthiratanaṃ assaratanaṃ maṇiratanaṃ itthiratanaṃ gahapatiratanaṃ pariṇāyakaratanameva sattamaṃ. Parosahassaṃ kho panassa puttā bhavanti sūrā vīraṅgarūpā parasenappamaddanā. So imaṃ pathaviṃ sāgarapariyantaṃ adaṇḍena asatthena dhammena 38 abhivijiya ajjhāvasati. Sace kho pana agārasmā anagāriyaṃ pabbajati, arahaṃ hoti sammāsambuddho loke vivaṭacchado’ti.
วิปสฺสีสมญฺญา
Vipassīsamaññā
๓๗. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมา ราชา เนมิเตฺต พฺราหฺมเณ อหเตหิ วเตฺถหิ อจฺฉาทาเปตฺวา 39 สพฺพกาเมหิ สนฺตเปฺปสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมา ราชา วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ธาติโย อุปฎฺฐาเปสิฯ อญฺญา ขีรํ ปาเยนฺติ, อญฺญา นฺหาเปนฺติ, อญฺญา ธาเรนฺติ, อญฺญา อเงฺกน ปริหรนฺติฯ ชาตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส เสตจฺฉตฺตํ ธารยิตฺถ ทิวา เจว รตฺติญฺจ – ‘มา นํ สีตํ วา อุณฺหํ วา ติณํ วา รโช วา อุสฺสาโว วา พาธยิตฺถา’ติฯ ชาโต โข ปน, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร พหุโน ชนสฺส ปิโย อโหสิ มนาโปฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุปฺปลํ วา ปทุมํ วา ปุณฺฑรีกํ วา พหุโน ชนสฺส ปิยํ มนาปํ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร พหุโน ชนสฺส ปิโย อโหสิ มนาโปฯ สฺวาสฺสุทํ อเงฺกเนว องฺกํ ปริหริยติฯ
37. ‘‘Atha kho, bhikkhave, bandhumā rājā nemitte brāhmaṇe ahatehi vatthehi acchādāpetvā 40 sabbakāmehi santappesi. Atha kho, bhikkhave, bandhumā rājā vipassissa kumārassa dhātiyo upaṭṭhāpesi. Aññā khīraṃ pāyenti, aññā nhāpenti, aññā dhārenti, aññā aṅkena pariharanti. Jātassa kho pana, bhikkhave, vipassissa kumārassa setacchattaṃ dhārayittha divā ceva rattiñca – ‘mā naṃ sītaṃ vā uṇhaṃ vā tiṇaṃ vā rajo vā ussāvo vā bādhayitthā’ti. Jāto kho pana, bhikkhave, vipassī kumāro bahuno janassa piyo ahosi manāpo. Seyyathāpi, bhikkhave, uppalaṃ vā padumaṃ vā puṇḍarīkaṃ vā bahuno janassa piyaṃ manāpaṃ; evameva kho, bhikkhave, vipassī kumāro bahuno janassa piyo ahosi manāpo. Svāssudaṃ aṅkeneva aṅkaṃ parihariyati.
๓๘. ‘‘ชาโต โข ปน, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร มญฺชุสฺสโร จ 41 อโหสิ วคฺคุสฺสโร จ มธุรสฺสโร จ เปมนิยสฺสโร จฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, หิมวเนฺต ปพฺพเต กรวีกา นาม สกุณชาติ มญฺชุสฺสรา จ วคฺคุสฺสรา จ มธุรสฺสรา จ เปมนิยสฺสรา จ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร มญฺชุสฺสโร จ อโหสิ วคฺคุสฺสโร จ มธุรสฺสโร จ เปมนิยสฺสโร จฯ
38. ‘‘Jāto kho pana, bhikkhave, vipassī kumāro mañjussaro ca 42 ahosi vaggussaro ca madhurassaro ca pemaniyassaro ca. Seyyathāpi, bhikkhave, himavante pabbate karavīkā nāma sakuṇajāti mañjussarā ca vaggussarā ca madhurassarā ca pemaniyassarā ca; evameva kho, bhikkhave, vipassī kumāro mañjussaro ca ahosi vaggussaro ca madhurassaro ca pemaniyassaro ca.
๓๙. ‘‘ชาตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส กมฺมวิปากชํ ทิพฺพจกฺขุ ปาตุรโหสิ เยน สุทํ 43 สมนฺตา โยชนํ ปสฺสติ ทิวา เจว รตฺติญฺจฯ
39. ‘‘Jātassa kho pana, bhikkhave, vipassissa kumārassa kammavipākajaṃ dibbacakkhu pāturahosi yena sudaṃ 44 samantā yojanaṃ passati divā ceva rattiñca.
๔๐. ‘‘ชาโต โข ปน, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร อนิมิสโนฺต เปกฺขติ เสยฺยถาปิ เทวา ตาวติํสาฯ ‘อนิมิสโนฺต กุมาโร เปกฺขตี’ติ โข, ภิกฺขเว 45, วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ‘วิปสฺสี วิปสฺสี’ เตฺวว สมญฺญา อุทปาทิฯ
40. ‘‘Jāto kho pana, bhikkhave, vipassī kumāro animisanto pekkhati seyyathāpi devā tāvatiṃsā. ‘Animisanto kumāro pekkhatī’ti kho, bhikkhave 46, vipassissa kumārassa ‘vipassī vipassī’ tveva samaññā udapādi.
๔๑. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมา ราชา อตฺถกรเณ 47 นิสิโนฺน วิปสฺสิํ กุมารํ อเงฺก นิสีทาเปตฺวา อเตฺถ อนุสาสติ ฯ ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร ปิตุอเงฺก นิสิโนฺน วิเจยฺย วิเจยฺย อเตฺถ ปนายติ ญาเยน 48ฯ วิเจยฺย วิเจยฺย กุมาโร อเตฺถ ปนายติ ญาเยนาติ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ภิโยฺยโสมตฺตาย ‘วิปสฺสี วิปสฺสี’ เตฺวว สมญฺญา อุทปาทิฯ
41. ‘‘Atha kho, bhikkhave, bandhumā rājā atthakaraṇe 49 nisinno vipassiṃ kumāraṃ aṅke nisīdāpetvā atthe anusāsati . Tatra sudaṃ, bhikkhave, vipassī kumāro pituaṅke nisinno viceyya viceyya atthe panāyati ñāyena 50. Viceyya viceyya kumāro atthe panāyati ñāyenāti kho, bhikkhave, vipassissa kumārassa bhiyyosomattāya ‘vipassī vipassī’ tveva samaññā udapādi.
๔๒. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมา ราชา วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ตโย ปาสาเท การาเปสิ, เอกํ วสฺสิกํ เอกํ เหมนฺติกํ เอกํ คิมฺหิกํ; ปญฺจ กามคุณานิ อุปฎฺฐาเปสิฯ ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร วสฺสิเก ปาสาเท จตฺตาโร มาเส 51 นิปฺปุริเสหิ ตูริเยหิ ปริจารยมาโน น เหฎฺฐาปาสาทํ โอโรหตี’’ติฯ
42. ‘‘Atha kho, bhikkhave, bandhumā rājā vipassissa kumārassa tayo pāsāde kārāpesi, ekaṃ vassikaṃ ekaṃ hemantikaṃ ekaṃ gimhikaṃ; pañca kāmaguṇāni upaṭṭhāpesi. Tatra sudaṃ, bhikkhave, vipassī kumāro vassike pāsāde cattāro māse 52 nippurisehi tūriyehi paricārayamāno na heṭṭhāpāsādaṃ orohatī’’ti.
ปฐมภาณวาโรฯ
Paṭhamabhāṇavāro.
ชิณฺณปุริโส
Jiṇṇapuriso
๔๓. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร พหูนํ วสฺสานํ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน สารถิํ อามเนฺตสิ – ‘โยเชหิ, สมฺม สารถิ, ภทฺทานิ ภทฺทานิ ยานานิ อุยฺยานภูมิํ คจฺฉาม สุภูมิทสฺสนายา’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, สารถิ วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ภทฺทานิ ภทฺทานิ ยานานิ โยเชตฺวา วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิเวเทสิ – ‘ยุตฺตานิ โข เต, เทว, ภทฺทานิ ภทฺทานิ ยานานิ, ยสฺส ทานิ กาลํ มญฺญสี’ติ ฯ อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร ภทฺทํ ภทฺทํ ยานํ 53 อภิรุหิตฺวา ภเทฺทหิ ภเทฺทหิ ยาเนหิ อุยฺยานภูมิํ นิยฺยาสิฯ
43. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassī kumāro bahūnaṃ vassānaṃ bahūnaṃ vassasatānaṃ bahūnaṃ vassasahassānaṃ accayena sārathiṃ āmantesi – ‘yojehi, samma sārathi, bhaddāni bhaddāni yānāni uyyānabhūmiṃ gacchāma subhūmidassanāyā’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, sārathi vipassissa kumārassa paṭissutvā bhaddāni bhaddāni yānāni yojetvā vipassissa kumārassa paṭivedesi – ‘yuttāni kho te, deva, bhaddāni bhaddāni yānāni, yassa dāni kālaṃ maññasī’ti . Atha kho, bhikkhave, vipassī kumāro bhaddaṃ bhaddaṃ yānaṃ 54 abhiruhitvā bhaddehi bhaddehi yānehi uyyānabhūmiṃ niyyāsi.
๔๔. ‘‘อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร อุยฺยานภูมิํ นิยฺยโนฺต ปุริสํ ชิณฺณํ โคปานสิวงฺกํ โภคฺคํ 55 ทณฺฑปรายนํ ปเวธมานํ คจฺฉนฺตํ อาตุรํ คตโยพฺพนํฯ ทิสฺวา สารถิํ อามเนฺตสิ – ‘อยํ ปน, สมฺม สารถิ, ปุริโส กิํกโต? เกสาปิสฺส น ยถา อเญฺญสํ, กาโยปิสฺส น ยถา อเญฺญส’นฺติฯ ‘เอโส โข, เทว, ชิโณฺณ นามา’ติฯ ‘กิํ ปเนโส, สมฺม สารถิ, ชิโณฺณ นามา’ติ? ‘เอโส โข, เทว, ชิโณฺณ นามฯ น ทานิ เตน จิรํ ชีวิตพฺพํ ภวิสฺสตี’ติฯ ‘กิํ ปน, สมฺม สารถิ, อหมฺปิ ชราธโมฺม, ชรํ อนตีโต’ติ? ‘ตฺวญฺจ, เทว, มยญฺจมฺห สเพฺพ ชราธมฺมา, ชรํ อนตีตา’ติฯ ‘เตน หิ, สมฺม สารถิ, อลํ ทานชฺช อุยฺยานภูมิยาฯ อิโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาหี’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, สารถิ วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ตโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาสิฯ ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร อเนฺตปุรํ คโต ทุกฺขี ทุมฺมโน ปชฺฌายติ – ‘ธิรตฺถุ กิร, โภ, ชาติ นาม, ยตฺร หิ นาม ชาตสฺส ชรา ปญฺญายิสฺสตี’ติ!
44. ‘‘Addasā kho, bhikkhave, vipassī kumāro uyyānabhūmiṃ niyyanto purisaṃ jiṇṇaṃ gopānasivaṅkaṃ bhoggaṃ 56 daṇḍaparāyanaṃ pavedhamānaṃ gacchantaṃ āturaṃ gatayobbanaṃ. Disvā sārathiṃ āmantesi – ‘ayaṃ pana, samma sārathi, puriso kiṃkato? Kesāpissa na yathā aññesaṃ, kāyopissa na yathā aññesa’nti. ‘Eso kho, deva, jiṇṇo nāmā’ti. ‘Kiṃ paneso, samma sārathi, jiṇṇo nāmā’ti? ‘Eso kho, deva, jiṇṇo nāma. Na dāni tena ciraṃ jīvitabbaṃ bhavissatī’ti. ‘Kiṃ pana, samma sārathi, ahampi jarādhammo, jaraṃ anatīto’ti? ‘Tvañca, deva, mayañcamha sabbe jarādhammā, jaraṃ anatītā’ti. ‘Tena hi, samma sārathi, alaṃ dānajja uyyānabhūmiyā. Itova antepuraṃ paccaniyyāhī’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, sārathi vipassissa kumārassa paṭissutvā tatova antepuraṃ paccaniyyāsi. Tatra sudaṃ, bhikkhave, vipassī kumāro antepuraṃ gato dukkhī dummano pajjhāyati – ‘dhiratthu kira, bho, jāti nāma, yatra hi nāma jātassa jarā paññāyissatī’ti!
๔๕. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมา ราชา สารถิํ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘กจฺจิ, สมฺม สารถิ, กุมาโร อุยฺยานภูมิยา อภิรมิตฺถ? กจฺจิ, สมฺม สารถิ, กุมาโร อุยฺยานภูมิยา อตฺตมโน อโหสี’ติ? ‘น โข, เทว, กุมาโร อุยฺยานภูมิยา อภิรมิตฺถ, น โข, เทว, กุมาโร อุยฺยานภูมิยา อตฺตมโน อโหสี’ติฯ ‘กิํ ปน, สมฺม สารถิ, อทฺทส กุมาโร อุยฺยานภูมิํ นิยฺยโนฺต’ติ? ‘อทฺทสา โข, เทว, กุมาโร อุยฺยานภูมิํ นิยฺยโนฺต ปุริสํ ชิณฺณํ โคปานสิวงฺกํ โภคฺคํ ทณฺฑปรายนํ ปเวธมานํ คจฺฉนฺตํ อาตุรํ คตโยพฺพนํฯ ทิสฺวา มํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ ปน, สมฺม สารถิ, ปุริโส กิํกโต, เกสาปิสฺส น ยถา อเญฺญสํ, กาโยปิสฺส น ยถา อเญฺญส’’นฺติ? ‘‘เอโส โข, เทว, ชิโณฺณ นามา’’ติฯ ‘‘กิํ ปเนโส, สมฺม สารถิ, ชิโณฺณ นามา’’ติ? ‘‘เอโส โข, เทว, ชิโณฺณ นาม น ทานิ เตน จิรํ ชีวิตพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติฯ ‘‘กิํ ปน, สมฺม สารถิ, อหมฺปิ ชราธโมฺม, ชรํ อนตีโต’’ติ? ‘‘ตฺวญฺจ, เทว, มยญฺจมฺห สเพฺพ ชราธมฺมา, ชรํ อนตีตา’’ติฯ
45. ‘‘Atha kho, bhikkhave, bandhumā rājā sārathiṃ āmantāpetvā etadavoca – ‘kacci, samma sārathi, kumāro uyyānabhūmiyā abhiramittha? Kacci, samma sārathi, kumāro uyyānabhūmiyā attamano ahosī’ti? ‘Na kho, deva, kumāro uyyānabhūmiyā abhiramittha, na kho, deva, kumāro uyyānabhūmiyā attamano ahosī’ti. ‘Kiṃ pana, samma sārathi, addasa kumāro uyyānabhūmiṃ niyyanto’ti? ‘Addasā kho, deva, kumāro uyyānabhūmiṃ niyyanto purisaṃ jiṇṇaṃ gopānasivaṅkaṃ bhoggaṃ daṇḍaparāyanaṃ pavedhamānaṃ gacchantaṃ āturaṃ gatayobbanaṃ. Disvā maṃ etadavoca – ‘‘ayaṃ pana, samma sārathi, puriso kiṃkato, kesāpissa na yathā aññesaṃ, kāyopissa na yathā aññesa’’nti? ‘‘Eso kho, deva, jiṇṇo nāmā’’ti. ‘‘Kiṃ paneso, samma sārathi, jiṇṇo nāmā’’ti? ‘‘Eso kho, deva, jiṇṇo nāma na dāni tena ciraṃ jīvitabbaṃ bhavissatī’’ti. ‘‘Kiṃ pana, samma sārathi, ahampi jarādhammo, jaraṃ anatīto’’ti? ‘‘Tvañca, deva, mayañcamha sabbe jarādhammā, jaraṃ anatītā’’ti.
‘‘‘เตน หิ, สมฺม สารถิ, อลํ ทานชฺช อุยฺยานภูมิยา, อิโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาหี’’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข อหํ, เทว, วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ตโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาสิํฯ โส โข, เทว, กุมาโร อเนฺตปุรํ คโต ทุกฺขี ทุมฺมโน ปชฺฌายติ – ‘‘ธิรตฺถุ กิร โภ ชาติ นาม, ยตฺร หิ นาม ชาตสฺส ชรา ปญฺญายิสฺสตี’’’ติฯ
‘‘‘Tena hi, samma sārathi, alaṃ dānajja uyyānabhūmiyā, itova antepuraṃ paccaniyyāhī’’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho ahaṃ, deva, vipassissa kumārassa paṭissutvā tatova antepuraṃ paccaniyyāsiṃ. So kho, deva, kumāro antepuraṃ gato dukkhī dummano pajjhāyati – ‘‘dhiratthu kira bho jāti nāma, yatra hi nāma jātassa jarā paññāyissatī’’’ti.
พฺยาธิตปุริโส
Byādhitapuriso
๔๖. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมสฺส รโญฺญ เอตทโหสิ –
46. ‘‘Atha kho, bhikkhave, bandhumassa rañño etadahosi –
‘มา เหว โข วิปสฺสี กุมาโร น รชฺชํ กาเรสิ, มา เหว วิปสฺสี กุมาโร อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิ, มา เหว เนมิตฺตานํ พฺราหฺมณานํ สจฺจํ อสฺส วจน’นฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมา ราชา วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ภิโยฺยโสมตฺตาย ปญฺจ กามคุณานิ อุปฎฺฐาเปสิ – ‘ยถา วิปสฺสี กุมาโร รชฺชํ กเรยฺย, ยถา วิปสฺสี กุมาโร น อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย, ยถา เนมิตฺตานํ พฺราหฺมณานํ มิจฺฉา อสฺส วจน’นฺติฯ
‘Mā heva kho vipassī kumāro na rajjaṃ kāresi, mā heva vipassī kumāro agārasmā anagāriyaṃ pabbaji, mā heva nemittānaṃ brāhmaṇānaṃ saccaṃ assa vacana’nti. Atha kho, bhikkhave, bandhumā rājā vipassissa kumārassa bhiyyosomattāya pañca kāmaguṇāni upaṭṭhāpesi – ‘yathā vipassī kumāro rajjaṃ kareyya, yathā vipassī kumāro na agārasmā anagāriyaṃ pabbajeyya, yathā nemittānaṃ brāhmaṇānaṃ micchā assa vacana’nti.
‘‘ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร พหูนํ วสฺสานํ…เป.…
‘‘Tatra sudaṃ, bhikkhave, vipassī kumāro pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāreti. Atha kho, bhikkhave, vipassī kumāro bahūnaṃ vassānaṃ…pe…
๔๗. ‘‘อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร อุยฺยานภูมิํ นิยฺยโนฺต ปุริสํ อาพาธิกํ ทุกฺขิตํ พาฬฺหคิลานํ สเก มุตฺตกรีเส ปลิปนฺนํ เสมานํ 57 อเญฺญหิ วุฎฺฐาปิยมานํ อเญฺญหิ สํเวสิยมานํฯ ทิสฺวา สารถิํ อามเนฺตสิ – ‘อยํ ปน, สมฺม สารถิ, ปุริโส กิํกโต? อกฺขีนิปิสฺส น ยถา อเญฺญสํ, สโรปิสฺส 58 น ยถา อเญฺญส’นฺติ? ‘เอโส โข, เทว, พฺยาธิโต นามา’ติฯ ‘กิํ ปเนโส, สมฺม สารถิ, พฺยาธิโต นามา’ติ? ‘เอโส โข, เทว, พฺยาธิโต นาม อเปฺปว นาม ตมฺหา อาพาธา วุฎฺฐเหยฺยา’ติฯ ‘กิํ ปน, สมฺม สารถิ, อหมฺปิ พฺยาธิธโมฺม, พฺยาธิํ อนตีโต’ติ? ‘ตฺวญฺจ, เทว, มยญฺจมฺห สเพฺพ พฺยาธิธมฺมา, พฺยาธิํ อนตีตา’ติฯ ‘เตน หิ, สมฺม สารถิ, อลํ ทานชฺช อุยฺยานภูมิยา, อิโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาหี’ติฯ ‘เอวํ เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, สารถิ วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ตโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาสิฯ ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร อเนฺตปุรํ คโต ทุกฺขี ทุมฺมโน ปชฺฌายติ – ‘ธิรตฺถุ กิร โภ ชาติ นาม, ยตฺร หิ นาม ชาตสฺส ชรา ปญฺญายิสฺสติ, พฺยาธิ ปญฺญายิสฺสตี’ติฯ
47. ‘‘Addasā kho, bhikkhave, vipassī kumāro uyyānabhūmiṃ niyyanto purisaṃ ābādhikaṃ dukkhitaṃ bāḷhagilānaṃ sake muttakarīse palipannaṃ semānaṃ 59 aññehi vuṭṭhāpiyamānaṃ aññehi saṃvesiyamānaṃ. Disvā sārathiṃ āmantesi – ‘ayaṃ pana, samma sārathi, puriso kiṃkato? Akkhīnipissa na yathā aññesaṃ, saropissa 60 na yathā aññesa’nti? ‘Eso kho, deva, byādhito nāmā’ti. ‘Kiṃ paneso, samma sārathi, byādhito nāmā’ti? ‘Eso kho, deva, byādhito nāma appeva nāma tamhā ābādhā vuṭṭhaheyyā’ti. ‘Kiṃ pana, samma sārathi, ahampi byādhidhammo, byādhiṃ anatīto’ti? ‘Tvañca, deva, mayañcamha sabbe byādhidhammā, byādhiṃ anatītā’ti. ‘Tena hi, samma sārathi, alaṃ dānajja uyyānabhūmiyā, itova antepuraṃ paccaniyyāhī’ti. ‘Evaṃ devā’ti kho, bhikkhave, sārathi vipassissa kumārassa paṭissutvā tatova antepuraṃ paccaniyyāsi. Tatra sudaṃ, bhikkhave, vipassī kumāro antepuraṃ gato dukkhī dummano pajjhāyati – ‘dhiratthu kira bho jāti nāma, yatra hi nāma jātassa jarā paññāyissati, byādhi paññāyissatī’ti.
๔๘. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมา ราชา สารถิํ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘กจฺจิ, สมฺม สารถิ, กุมาโร อุยฺยานภูมิยา อภิรมิตฺถ, กจฺจิ, สมฺม สารถิ, กุมาโร อุยฺยานภูมิยา อตฺตมโน อโหสี’ติ? ‘น โข, เทว, กุมาโร อุยฺยานภูมิยา อภิรมิตฺถ, น โข, เทว, กุมาโร อุยฺยานภูมิยา อตฺตมโน อโหสี’ติฯ ‘กิํ ปน, สมฺม สารถิ, อทฺทส กุมาโร อุยฺยานภูมิํ นิยฺยโนฺต’ติ? ‘อทฺทสา โข, เทว, กุมาโร อุยฺยานภูมิํ นิยฺยโนฺต ปุริสํ อาพาธิกํ ทุกฺขิตํ พาฬฺหคิลานํ สเก มุตฺตกรีเส ปลิปนฺนํ เสมานํ อเญฺญหิ วุฎฺฐาปิยมานํ อเญฺญหิ สํเวสิยมานํฯ ทิสฺวา มํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ ปน, สมฺม สารถิ, ปุริโส กิํกโต, อกฺขีนิปิสฺส น ยถา อเญฺญสํ, สโรปิสฺส น ยถา อเญฺญส’’นฺติ? ‘‘เอโส โข, เทว, พฺยาธิโต นามา’’ติฯ ‘‘กิํ ปเนโส, สมฺม สารถิ, พฺยาธิโต นามา’’ติ? ‘‘เอโส โข, เทว, พฺยาธิโต นาม อเปฺปว นาม ตมฺหา อาพาธา วุฎฺฐเหยฺยา’’ติฯ ‘‘กิํ ปน, สมฺม สารถิ, อหมฺปิ พฺยาธิธโมฺม, พฺยาธิํ อนตีโต’’ติ? ‘‘ตฺวญฺจ, เทว, มยญฺจมฺห สเพฺพ พฺยาธิธมฺมา, พฺยาธิํ อนตีตา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, สมฺม สารถิ, อลํ ทานชฺช อุยฺยานภูมิยา, อิโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข อหํ, เทว, วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ตโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาสิํฯ โส โข, เทว, กุมาโร อเนฺตปุรํ คโต ทุกฺขี ทุมฺมโน ปชฺฌายติ – ‘‘‘ธิรตฺถุ กิร โภ ชาติ นาม, ยตฺร หิ นาม ชาตสฺส ชรา ปญฺญายิสฺสติ, พฺยาธิ ปญฺญายิสฺสตี’’’ติฯ
48. ‘‘Atha kho, bhikkhave, bandhumā rājā sārathiṃ āmantāpetvā etadavoca – ‘kacci, samma sārathi, kumāro uyyānabhūmiyā abhiramittha, kacci, samma sārathi, kumāro uyyānabhūmiyā attamano ahosī’ti? ‘Na kho, deva, kumāro uyyānabhūmiyā abhiramittha, na kho, deva, kumāro uyyānabhūmiyā attamano ahosī’ti. ‘Kiṃ pana, samma sārathi, addasa kumāro uyyānabhūmiṃ niyyanto’ti? ‘Addasā kho, deva, kumāro uyyānabhūmiṃ niyyanto purisaṃ ābādhikaṃ dukkhitaṃ bāḷhagilānaṃ sake muttakarīse palipannaṃ semānaṃ aññehi vuṭṭhāpiyamānaṃ aññehi saṃvesiyamānaṃ. Disvā maṃ etadavoca – ‘‘ayaṃ pana, samma sārathi, puriso kiṃkato, akkhīnipissa na yathā aññesaṃ, saropissa na yathā aññesa’’nti? ‘‘Eso kho, deva, byādhito nāmā’’ti. ‘‘Kiṃ paneso, samma sārathi, byādhito nāmā’’ti? ‘‘Eso kho, deva, byādhito nāma appeva nāma tamhā ābādhā vuṭṭhaheyyā’’ti. ‘‘Kiṃ pana, samma sārathi, ahampi byādhidhammo, byādhiṃ anatīto’’ti? ‘‘Tvañca, deva, mayañcamha sabbe byādhidhammā, byādhiṃ anatītā’’ti. ‘‘Tena hi, samma sārathi, alaṃ dānajja uyyānabhūmiyā, itova antepuraṃ paccaniyyāhī’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho ahaṃ, deva, vipassissa kumārassa paṭissutvā tatova antepuraṃ paccaniyyāsiṃ. So kho, deva, kumāro antepuraṃ gato dukkhī dummano pajjhāyati – ‘‘‘dhiratthu kira bho jāti nāma, yatra hi nāma jātassa jarā paññāyissati, byādhi paññāyissatī’’’ti.
กาลงฺกตปุริโส
Kālaṅkatapuriso
๔๙. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมสฺส รโญฺญ เอตทโหสิ – ‘มา เหว โข วิปสฺสี กุมาโร น รชฺชํ กาเรสิ, มา เหว วิปสฺสี กุมาโร อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิ, มา เหว เนมิตฺตานํ พฺราหฺมณานํ สจฺจํ อสฺส วจน’นฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมา ราชา วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ภิโยฺยโสมตฺตาย ปญฺจ กามคุณานิ อุปฎฺฐาเปสิ – ‘ยถา วิปสฺสี กุมาโร รชฺชํ กเรยฺย, ยถา วิปสฺสี กุมาโร น อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย, ยถา เนมิตฺตานํ พฺราหฺมณานํ มิจฺฉา อสฺส วจน’นฺติฯ
49. ‘‘Atha kho, bhikkhave, bandhumassa rañño etadahosi – ‘mā heva kho vipassī kumāro na rajjaṃ kāresi, mā heva vipassī kumāro agārasmā anagāriyaṃ pabbaji, mā heva nemittānaṃ brāhmaṇānaṃ saccaṃ assa vacana’nti. Atha kho, bhikkhave, bandhumā rājā vipassissa kumārassa bhiyyosomattāya pañca kāmaguṇāni upaṭṭhāpesi – ‘yathā vipassī kumāro rajjaṃ kareyya, yathā vipassī kumāro na agārasmā anagāriyaṃ pabbajeyya, yathā nemittānaṃ brāhmaṇānaṃ micchā assa vacana’nti.
‘‘ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร พหูนํ วสฺสานํ…เป.…
‘‘Tatra sudaṃ, bhikkhave, vipassī kumāro pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāreti. Atha kho, bhikkhave, vipassī kumāro bahūnaṃ vassānaṃ…pe…
๕๐. ‘‘อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร อุยฺยานภูมิํ นิยฺยโนฺต มหาชนกายํ สนฺนิปติตํ นานารตฺตานญฺจ ทุสฺสานํ วิลาตํ กยิรมานํฯ ทิสฺวา สารถิํ อามเนฺตสิ – ‘กิํ นุ โข, โส, สมฺม สารถิ, มหาชนกาโย สนฺนิปติโต นานารตฺตานญฺจ ทุสฺสานํ วิลาตํ กยิรตี’ติ? ‘เอโส โข, เทว, กาลงฺกโต นามา’ติฯ ‘เตน หิ, สมฺม สารถิ, เยน โส กาลงฺกโต เตน รถํ เปเสหี’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, สารถิ วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน โส กาลงฺกโต เตน รถํ เปเสสิฯ อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร เปตํ กาลงฺกตํ, ทิสฺวา สารถิํ อามเนฺตสิ – ‘กิํ ปนายํ, สมฺม สารถิ, กาลงฺกโต นามา’ติ? ‘เอโส โข, เทว, กาลงฺกโต นามฯ น ทานิ ตํ ทกฺขนฺติ มาตา วา ปิตา วา อเญฺญ วา ญาติสาโลหิตา, โสปิ น ทกฺขิสฺสติ มาตรํ วา ปิตรํ วา อเญฺญ วา ญาติสาโลหิเต’ติฯ ‘กิํ ปน, สมฺม สารถิ, อหมฺปิ มรณธโมฺม มรณํ อนตีโต; มมฺปิ น ทกฺขนฺติ เทโว วา เทวี วา อเญฺญ วา ญาติสาโลหิตา; อหมฺปิ น ทกฺขิสฺสามิ เทวํ วา เทวิํ วา อเญฺญ วา ญาติสาโลหิเต’ติ? ‘ตฺวญฺจ, เทว, มยญฺจมฺห สเพฺพ มรณธมฺมา มรณํ อนตีตา; ตมฺปิ น ทกฺขนฺติ เทโว วา เทวี วา อเญฺญ วา ญาติสาโลหิตา; ตฺวมฺปิ น ทกฺขิสฺสสิ เทวํ วา เทวิํ วา อเญฺญ วา ญาติสาโลหิเต’ติฯ ‘เตน หิ, สมฺม สารถิ, อลํ ทานชฺช อุยฺยานภูมิยา, อิโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาหี’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, สารถิ วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ตโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาสิฯ ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร อเนฺตปุรํ คโต ทุกฺขี ทุมฺมโน ปชฺฌายติ – ‘ธิรตฺถุ กิร, โภ, ชาติ นาม, ยตฺร หิ นาม ชาตสฺส ชรา ปญฺญายิสฺสติ, พฺยาธิ ปญฺญายิสฺสติ, มรณํ ปญฺญายิสฺสตี’ติฯ
50. ‘‘Addasā kho, bhikkhave, vipassī kumāro uyyānabhūmiṃ niyyanto mahājanakāyaṃ sannipatitaṃ nānārattānañca dussānaṃ vilātaṃ kayiramānaṃ. Disvā sārathiṃ āmantesi – ‘kiṃ nu kho, so, samma sārathi, mahājanakāyo sannipatito nānārattānañca dussānaṃ vilātaṃ kayiratī’ti? ‘Eso kho, deva, kālaṅkato nāmā’ti. ‘Tena hi, samma sārathi, yena so kālaṅkato tena rathaṃ pesehī’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, sārathi vipassissa kumārassa paṭissutvā yena so kālaṅkato tena rathaṃ pesesi. Addasā kho, bhikkhave, vipassī kumāro petaṃ kālaṅkataṃ, disvā sārathiṃ āmantesi – ‘kiṃ panāyaṃ, samma sārathi, kālaṅkato nāmā’ti? ‘Eso kho, deva, kālaṅkato nāma. Na dāni taṃ dakkhanti mātā vā pitā vā aññe vā ñātisālohitā, sopi na dakkhissati mātaraṃ vā pitaraṃ vā aññe vā ñātisālohite’ti. ‘Kiṃ pana, samma sārathi, ahampi maraṇadhammo maraṇaṃ anatīto; mampi na dakkhanti devo vā devī vā aññe vā ñātisālohitā; ahampi na dakkhissāmi devaṃ vā deviṃ vā aññe vā ñātisālohite’ti? ‘Tvañca, deva, mayañcamha sabbe maraṇadhammā maraṇaṃ anatītā; tampi na dakkhanti devo vā devī vā aññe vā ñātisālohitā; tvampi na dakkhissasi devaṃ vā deviṃ vā aññe vā ñātisālohite’ti. ‘Tena hi, samma sārathi, alaṃ dānajja uyyānabhūmiyā, itova antepuraṃ paccaniyyāhī’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, sārathi vipassissa kumārassa paṭissutvā tatova antepuraṃ paccaniyyāsi. Tatra sudaṃ, bhikkhave, vipassī kumāro antepuraṃ gato dukkhī dummano pajjhāyati – ‘dhiratthu kira, bho, jāti nāma, yatra hi nāma jātassa jarā paññāyissati, byādhi paññāyissati, maraṇaṃ paññāyissatī’ti.
๕๑. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมา ราชา สารถิํ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘กจฺจิ, สมฺม สารถิ, กุมาโร อุยฺยานภูมิยา อภิรมิตฺถ, กจฺจิ, สมฺม สารถิ, กุมาโร อุยฺยานภูมิยา อตฺตมโน อโหสี’ติ? ‘น โข, เทว, กุมาโร อุยฺยานภูมิยา อภิรมิตฺถ, น โข, เทว, กุมาโร อุยฺยานภูมิยา อตฺตมโน อโหสี’ติฯ ‘กิํ ปน, สมฺม สารถิ, อทฺทส กุมาโร อุยฺยานภูมิํ นิยฺยโนฺต’ติ? ‘อทฺทสา โข, เทว, กุมาโร อุยฺยานภูมิํ นิยฺยโนฺต มหาชนกายํ สนฺนิปติตํ นานารตฺตานญฺจ ทุสฺสานํ วิลาตํ กยิรมานํฯ ทิสฺวา มํ เอตทโวจ – ‘‘กิํ นุ โข, โส , สมฺม สารถิ, มหาชนกาโย สนฺนิปติโต นานารตฺตานญฺจ ทุสฺสานํ วิลาตํ กยิรตี’’ติ? ‘‘เอโส โข, เทว, กาลงฺกโต นามา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, สมฺม สารถิ, เยน โส กาลงฺกโต เตน รถํ เปเสหี’’ติฯ ‘‘เอวํ เทวา’’ติ โข อหํ, เทว, วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน โส กาลงฺกโต เตน รถํ เปเสสิํฯ อทฺทสา โข, เทว, กุมาโร เปตํ กาลงฺกตํ, ทิสฺวา มํ เอตทโวจ – ‘‘กิํ ปนายํ, สมฺม สารถิ, กาลงฺกโต นามา’’ติ ? ‘‘เอโส โข, เทว, กาลงฺกโต นามฯ น ทานิ ตํ ทกฺขนฺติ มาตา วา ปิตา วา อเญฺญ วา ญาติสาโลหิตา, โสปิ น ทกฺขิสฺสติ มาตรํ วา ปิตรํ วา อเญฺญ วา ญาติสาโลหิเต’’ติฯ ‘‘กิํ ปน, สมฺม สารถิ, อหมฺปิ มรณธโมฺม มรณํ อนตีโต; มมฺปิ น ทกฺขนฺติ เทโว วา เทวี วา อเญฺญ วา ญาติสาโลหิตา; อหมฺปิ น ทกฺขิสฺสามิ เทวํ วา เทวิํ วา อเญฺญ วา ญาติสาโลหิเต’’ติ? ‘‘ตฺวญฺจ, เทว, มยญฺจมฺห สเพฺพ มรณธมฺมา มรณํ อนตีตา; ตมฺปิ น ทกฺขนฺติ เทโว วา เทวี วา อเญฺญ วา ญาติสาโลหิตา, ตฺวมฺปิ น ทกฺขิสฺสสิ เทวํ วา เทวิํ วา อเญฺญ วา ญาติสาโลหิเต’’ติฯ ‘‘เตน หิ, สมฺม สารถิ, อลํ ทานชฺช อุยฺยานภูมิยา, อิโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาหี’ติฯ ‘‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข อหํ, เทว, วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ตโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาสิํฯ โส โข, เทว, กุมาโร อเนฺตปุรํ คโต ทุกฺขี ทุมฺมโน ปชฺฌายติ – ‘‘ธิรตฺถุ กิร โภ ชาติ นาม, ยตฺร หิ นาม ชาตสฺส ชรา ปญฺญายิสฺสติ, พฺยาธิ ปญฺญายิสฺสติ, มรณํ ปญฺญายิสฺสตี’’’ติฯ
51. ‘‘Atha kho, bhikkhave, bandhumā rājā sārathiṃ āmantāpetvā etadavoca – ‘kacci, samma sārathi, kumāro uyyānabhūmiyā abhiramittha, kacci, samma sārathi, kumāro uyyānabhūmiyā attamano ahosī’ti? ‘Na kho, deva, kumāro uyyānabhūmiyā abhiramittha, na kho, deva, kumāro uyyānabhūmiyā attamano ahosī’ti. ‘Kiṃ pana, samma sārathi, addasa kumāro uyyānabhūmiṃ niyyanto’ti? ‘Addasā kho, deva, kumāro uyyānabhūmiṃ niyyanto mahājanakāyaṃ sannipatitaṃ nānārattānañca dussānaṃ vilātaṃ kayiramānaṃ. Disvā maṃ etadavoca – ‘‘kiṃ nu kho, so , samma sārathi, mahājanakāyo sannipatito nānārattānañca dussānaṃ vilātaṃ kayiratī’’ti? ‘‘Eso kho, deva, kālaṅkato nāmā’’ti. ‘‘Tena hi, samma sārathi, yena so kālaṅkato tena rathaṃ pesehī’’ti. ‘‘Evaṃ devā’’ti kho ahaṃ, deva, vipassissa kumārassa paṭissutvā yena so kālaṅkato tena rathaṃ pesesiṃ. Addasā kho, deva, kumāro petaṃ kālaṅkataṃ, disvā maṃ etadavoca – ‘‘kiṃ panāyaṃ, samma sārathi, kālaṅkato nāmā’’ti ? ‘‘Eso kho, deva, kālaṅkato nāma. Na dāni taṃ dakkhanti mātā vā pitā vā aññe vā ñātisālohitā, sopi na dakkhissati mātaraṃ vā pitaraṃ vā aññe vā ñātisālohite’’ti. ‘‘Kiṃ pana, samma sārathi, ahampi maraṇadhammo maraṇaṃ anatīto; mampi na dakkhanti devo vā devī vā aññe vā ñātisālohitā; ahampi na dakkhissāmi devaṃ vā deviṃ vā aññe vā ñātisālohite’’ti? ‘‘Tvañca, deva, mayañcamha sabbe maraṇadhammā maraṇaṃ anatītā; tampi na dakkhanti devo vā devī vā aññe vā ñātisālohitā, tvampi na dakkhissasi devaṃ vā deviṃ vā aññe vā ñātisālohite’’ti. ‘‘Tena hi, samma sārathi, alaṃ dānajja uyyānabhūmiyā, itova antepuraṃ paccaniyyāhī’ti. ‘‘‘Evaṃ, devā’’ti kho ahaṃ, deva, vipassissa kumārassa paṭissutvā tatova antepuraṃ paccaniyyāsiṃ. So kho, deva, kumāro antepuraṃ gato dukkhī dummano pajjhāyati – ‘‘dhiratthu kira bho jāti nāma, yatra hi nāma jātassa jarā paññāyissati, byādhi paññāyissati, maraṇaṃ paññāyissatī’’’ti.
ปพฺพชิโต
Pabbajito
๕๒. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมสฺส รโญฺญ เอตทโหสิ – ‘มา เหว โข วิปสฺสี กุมาโร น รชฺชํ กาเรสิ, มา เหว วิปสฺสี กุมาโร อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิ, มา เหว เนมิตฺตานํ พฺราหฺมณานํ สจฺจํ อสฺส วจน’นฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมา ราชา วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ภิโยฺยโสมตฺตาย ปญฺจ กามคุณานิ อุปฎฺฐาเปสิ – ‘ยถา วิปสฺสี กุมาโร รชฺชํ กเรยฺย, ยถา วิปสฺสี กุมาโร น อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย, ยถา เนมิตฺตานํ พฺราหฺมณานํ มิจฺฉา อสฺส วจน’นฺติฯ
52. ‘‘Atha kho, bhikkhave, bandhumassa rañño etadahosi – ‘mā heva kho vipassī kumāro na rajjaṃ kāresi, mā heva vipassī kumāro agārasmā anagāriyaṃ pabbaji, mā heva nemittānaṃ brāhmaṇānaṃ saccaṃ assa vacana’nti. Atha kho, bhikkhave, bandhumā rājā vipassissa kumārassa bhiyyosomattāya pañca kāmaguṇāni upaṭṭhāpesi – ‘yathā vipassī kumāro rajjaṃ kareyya, yathā vipassī kumāro na agārasmā anagāriyaṃ pabbajeyya, yathā nemittānaṃ brāhmaṇānaṃ micchā assa vacana’nti.
‘‘ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร พหูนํ วสฺสานํ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน สารถิํ อามเนฺตสิ – ‘โยเชหิ, สมฺม สารถิ, ภทฺทานิ ภทฺทานิ ยานานิ, อุยฺยานภูมิํ คจฺฉาม สุภูมิทสฺสนายา’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, สารถิ วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ภทฺทานิ ภทฺทานิ ยานานิ โยเชตฺวา วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิเวเทสิ – ‘ยุตฺตานิ โข เต, เทว, ภทฺทานิ ภทฺทานิ ยานานิ, ยสฺส ทานิ กาลํ มญฺญสี’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร ภทฺทํ ภทฺทํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภเทฺทหิ ภเทฺทหิ ยาเนหิ อุยฺยานภูมิํ นิยฺยาสิฯ
‘‘Tatra sudaṃ, bhikkhave, vipassī kumāro pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāreti. Atha kho, bhikkhave, vipassī kumāro bahūnaṃ vassānaṃ bahūnaṃ vassasatānaṃ bahūnaṃ vassasahassānaṃ accayena sārathiṃ āmantesi – ‘yojehi, samma sārathi, bhaddāni bhaddāni yānāni, uyyānabhūmiṃ gacchāma subhūmidassanāyā’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, sārathi vipassissa kumārassa paṭissutvā bhaddāni bhaddāni yānāni yojetvā vipassissa kumārassa paṭivedesi – ‘yuttāni kho te, deva, bhaddāni bhaddāni yānāni, yassa dāni kālaṃ maññasī’ti. Atha kho, bhikkhave, vipassī kumāro bhaddaṃ bhaddaṃ yānaṃ abhiruhitvā bhaddehi bhaddehi yānehi uyyānabhūmiṃ niyyāsi.
๕๓. ‘‘อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร อุยฺยานภูมิํ นิยฺยโนฺต ปุริสํ ภณฺฑุํ ปพฺพชิตํ กาสายวสนํฯ ทิสฺวา สารถิํ อามเนฺตสิ – ‘อยํ ปน, สมฺม สารถิ, ปุริโส กิํกโต? สีสํปิสฺส น ยถา อเญฺญสํ, วตฺถานิปิสฺส น ยถา อเญฺญส’นฺติ? ‘เอโส โข, เทว, ปพฺพชิโต นามา’ติฯ ‘กิํ ปเนโส, สมฺม สารถิ, ปพฺพชิโต นามา’ติ? ‘เอโส โข, เทว, ปพฺพชิโต นาม สาธุ ธมฺมจริยา สาธุ สมจริยา 61 สาธุ กุสลกิริยา 62 สาธุ ปุญฺญกิริยา สาธุ อวิหิํสา สาธุ ภูตานุกมฺปา’ติฯ ‘สาธุ โข โส, สมฺม สารถิ, ปพฺพชิโต นาม, สาธุ ธมฺมจริยา สาธุ สมจริยา สาธุ กุสลกิริยา สาธุ ปุญฺญกิริยา สาธุ อวิหิํสา สาธุ ภูตานุกมฺปาฯ เตน หิ, สมฺม สารถิ, เยน โส ปพฺพชิโต เตน รถํ เปเสหี’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, สารถิ วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน โส ปพฺพชิโต เตน รถํ เปเสสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร ตํ ปพฺพชิตํ เอตทโวจ – ‘ตฺวํ ปน, สมฺม, กิํกโต, สีสมฺปิ เต น ยถา อเญฺญสํ, วตฺถานิปิ เต น ยถา อเญฺญส’นฺติ? ‘อหํ โข, เทว, ปพฺพชิโต นามา’ติฯ ‘กิํ ปน ตฺวํ, สมฺม, ปพฺพชิโต นามา’ติ? ‘อหํ โข, เทว, ปพฺพชิโต นาม, สาธุ ธมฺมจริยา สาธุ สมจริยา สาธุ กุสลกิริยา สาธุ ปุญฺญกิริยา สาธุ อวิหิํสา สาธุ ภูตานุกมฺปา’ติฯ ‘สาธุ โข ตฺวํ, สมฺม, ปพฺพชิโต นาม สาธุ ธมฺมจริยา สาธุ สมจริยา สาธุ กุสลกิริยา สาธุ ปุญฺญกิริยา สาธุ อวิหิํสา สาธุ ภูตานุกมฺปา’ติฯ
53. ‘‘Addasā kho, bhikkhave, vipassī kumāro uyyānabhūmiṃ niyyanto purisaṃ bhaṇḍuṃ pabbajitaṃ kāsāyavasanaṃ. Disvā sārathiṃ āmantesi – ‘ayaṃ pana, samma sārathi, puriso kiṃkato? Sīsaṃpissa na yathā aññesaṃ, vatthānipissa na yathā aññesa’nti? ‘Eso kho, deva, pabbajito nāmā’ti. ‘Kiṃ paneso, samma sārathi, pabbajito nāmā’ti? ‘Eso kho, deva, pabbajito nāma sādhu dhammacariyā sādhu samacariyā 63 sādhu kusalakiriyā 64 sādhu puññakiriyā sādhu avihiṃsā sādhu bhūtānukampā’ti. ‘Sādhu kho so, samma sārathi, pabbajito nāma, sādhu dhammacariyā sādhu samacariyā sādhu kusalakiriyā sādhu puññakiriyā sādhu avihiṃsā sādhu bhūtānukampā. Tena hi, samma sārathi, yena so pabbajito tena rathaṃ pesehī’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, sārathi vipassissa kumārassa paṭissutvā yena so pabbajito tena rathaṃ pesesi. Atha kho, bhikkhave, vipassī kumāro taṃ pabbajitaṃ etadavoca – ‘tvaṃ pana, samma, kiṃkato, sīsampi te na yathā aññesaṃ, vatthānipi te na yathā aññesa’nti? ‘Ahaṃ kho, deva, pabbajito nāmā’ti. ‘Kiṃ pana tvaṃ, samma, pabbajito nāmā’ti? ‘Ahaṃ kho, deva, pabbajito nāma, sādhu dhammacariyā sādhu samacariyā sādhu kusalakiriyā sādhu puññakiriyā sādhu avihiṃsā sādhu bhūtānukampā’ti. ‘Sādhu kho tvaṃ, samma, pabbajito nāma sādhu dhammacariyā sādhu samacariyā sādhu kusalakiriyā sādhu puññakiriyā sādhu avihiṃsā sādhu bhūtānukampā’ti.
โพธิสตฺตปพฺพชฺชา
Bodhisattapabbajjā
๕๔. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร สารถิํ อามเนฺตสิ – ‘เตน หิ, สมฺม สารถิ, รถํ อาทาย อิโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาหิฯ อหํ ปน อิเธว เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามี’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, สารถิ วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา รถํ อาทาย ตโตว อเนฺตปุรํ ปจฺจนิยฺยาสิฯ วิปสฺสี ปน กุมาโร ตเตฺถว เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิฯ
54. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassī kumāro sārathiṃ āmantesi – ‘tena hi, samma sārathi, rathaṃ ādāya itova antepuraṃ paccaniyyāhi. Ahaṃ pana idheva kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāmī’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, sārathi vipassissa kumārassa paṭissutvā rathaṃ ādāya tatova antepuraṃ paccaniyyāsi. Vipassī pana kumāro tattheva kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbaji.
มหาชนกายอนุปพฺพชฺชา
Mahājanakāyaanupabbajjā
๕๕. ‘‘อโสฺสสิ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมติยา ราชธานิยา มหาชนกาโย จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ – ‘วิปสฺสี กิร กุมาโร เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’ติฯ สุตฺวาน เตสํ เอตทโหสิ – ‘น หิ นูน โส โอรโก ธมฺมวินโย, น สา โอรกา 65 ปพฺพชฺชา, ยตฺถ วิปสฺสี กุมาโร เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ วิปสฺสีปิ นาม กุมาโร เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติ, กิมงฺคํ 66 ปน มย’นฺติฯ
55. ‘‘Assosi kho, bhikkhave, bandhumatiyā rājadhāniyā mahājanakāyo caturāsīti pāṇasahassāni – ‘vipassī kira kumāro kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito’ti. Sutvāna tesaṃ etadahosi – ‘na hi nūna so orako dhammavinayo, na sā orakā 67 pabbajjā, yattha vipassī kumāro kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito. Vipassīpi nāma kumāro kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajissati, kimaṅgaṃ 68 pana maya’nti.
‘‘อถ โข, โส ภิกฺขเว, มหาชนกาโย 69 จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา วิปสฺสิํ โพธิสตฺตํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตํ อนุปพฺพชิํสุฯ ตาย สุทํ, ภิกฺขเว, ปริสาย ปริวุโต วิปสฺสี โพธิสโตฺต คามนิคมชนปทราชธานีสุ จาริกํ จรติฯ
‘‘Atha kho, so bhikkhave, mahājanakāyo 70 caturāsīti pāṇasahassāni kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā vipassiṃ bodhisattaṃ agārasmā anagāriyaṃ pabbajitaṃ anupabbajiṃsu. Tāya sudaṃ, bhikkhave, parisāya parivuto vipassī bodhisatto gāmanigamajanapadarājadhānīsu cārikaṃ carati.
๕๖. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘น โข เมตํ 71 ปติรูปํ โยหํ อากิโณฺณ วิหรามิ, ยํนูนาหํ เอโก คณมฺหา วูปกโฎฺฐ วิหเรยฺย’นฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี โพธิสโตฺต อปเรน สมเยน เอโก คณมฺหา วูปกโฎฺฐ วิหาสิ , อเญฺญเนว ตานิ จตุราสีติ ปพฺพชิตสหสฺสานิ อคมํสุ, อเญฺญน มเคฺคน วิปสฺสี โพธิสโตฺตฯ
56. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘na kho metaṃ 72 patirūpaṃ yohaṃ ākiṇṇo viharāmi, yaṃnūnāhaṃ eko gaṇamhā vūpakaṭṭho vihareyya’nti. Atha kho, bhikkhave, vipassī bodhisatto aparena samayena eko gaṇamhā vūpakaṭṭho vihāsi , aññeneva tāni caturāsīti pabbajitasahassāni agamaṃsu, aññena maggena vipassī bodhisatto.
โพธิสตฺตอภินิเวโส
Bodhisattaabhiniveso
๕๗. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส วาสูปคตสฺส รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปโนฺน, ชายติ จ ชียติ จ มียติ จ 73 จวติ จ อุปปชฺชติ จ, อถ จ ปนิมสฺส ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ นปฺปชานาติ ชรามรณสฺส, กุทาสฺสุ นาม อิมสฺส ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ ปญฺญายิสฺสติ ชรามรณสฺสา’ติ?
57. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa vāsūpagatassa rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘kicchaṃ vatāyaṃ loko āpanno, jāyati ca jīyati ca mīyati ca 74 cavati ca upapajjati ca, atha ca panimassa dukkhassa nissaraṇaṃ nappajānāti jarāmaraṇassa, kudāssu nāma imassa dukkhassa nissaraṇaṃ paññāyissati jarāmaraṇassā’ti?
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชรามรณํ โหติ, กิํปจฺจยา ชรามรณ’นฺติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘ชาติยา โข สติ ชรามรณํ โหติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณ’นฺติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho sati jarāmaraṇaṃ hoti, kiṃpaccayā jarāmaraṇa’nti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘jātiyā kho sati jarāmaraṇaṃ hoti, jātipaccayā jarāmaraṇa’nti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชาติ โหติ, กิํปจฺจยา ชาตี’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘ภเว โข สติ ชาติ โหติ, ภวปจฺจยา ชาตี’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho sati jāti hoti, kiṃpaccayā jātī’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘bhave kho sati jāti hoti, bhavapaccayā jātī’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ ภโว โหติ, กิํปจฺจยา ภโว’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘อุปาทาเน โข สติ ภโว โหติ, อุปาทานปจฺจยา ภโว’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho sati bhavo hoti, kiṃpaccayā bhavo’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘upādāne kho sati bhavo hoti, upādānapaccayā bhavo’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ อุปาทานํ โหติ, กิํปจฺจยา อุปาทาน’นฺติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘ตณฺหาย โข สติ อุปาทานํ โหติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’นฺติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho sati upādānaṃ hoti, kiṃpaccayā upādāna’nti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘taṇhāya kho sati upādānaṃ hoti, taṇhāpaccayā upādāna’nti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ ตณฺหา โหติ, กิํปจฺจยา ตณฺหา’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘เวทนาย โข สติ ตณฺหา โหติ, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho sati taṇhā hoti, kiṃpaccayā taṇhā’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘vedanāya kho sati taṇhā hoti, vedanāpaccayā taṇhā’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ เวทนา โหติ, กิํปจฺจยา เวทนา’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘ผเสฺส โข สติ เวทนา โหติ, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho sati vedanā hoti, kiṃpaccayā vedanā’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘phasse kho sati vedanā hoti, phassapaccayā vedanā’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ ผโสฺส โหติ, กิํปจฺจยา ผโสฺส’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘สฬายตเน โข สติ ผโสฺส โหติ, สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho sati phasso hoti, kiṃpaccayā phasso’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘saḷāyatane kho sati phasso hoti, saḷāyatanapaccayā phasso’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ สฬายตนํ โหติ, กิํปจฺจยา สฬายตน’นฺติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘นามรูเป โข สติ สฬายตนํ โหติ, นามรูปปจฺจยา สฬายตน’นฺติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho sati saḷāyatanaṃ hoti, kiṃpaccayā saḷāyatana’nti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘nāmarūpe kho sati saḷāyatanaṃ hoti, nāmarūpapaccayā saḷāyatana’nti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ นามรูปํ โหติ, กิํปจฺจยา นามรูป’นฺติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘วิญฺญาเณ โข สติ นามรูปํ โหติ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’นฺติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho sati nāmarūpaṃ hoti, kiṃpaccayā nāmarūpa’nti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘viññāṇe kho sati nāmarūpaṃ hoti, viññāṇapaccayā nāmarūpa’nti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ วิญฺญาณํ โหติ, กิํปจฺจยา วิญฺญาณ’นฺติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘นามรูเป โข สติ วิญฺญาณํ โหติ, นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณ’นฺติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho sati viññāṇaṃ hoti, kiṃpaccayā viññāṇa’nti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘nāmarūpe kho sati viññāṇaṃ hoti, nāmarūpapaccayā viññāṇa’nti.
๕๘. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘ปจฺจุทาวตฺตติ โข อิทํ วิญฺญาณํ นามรูปมฺหา, นาปรํ คจฺฉติฯ เอตฺตาวตา ชาเยถ วา ชิเยฺยถ วา มิเยฺยถ วา จเวถ วา อุปปเชฺชถ วา, ยทิทํ นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา , ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ’ฯ
58. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘paccudāvattati kho idaṃ viññāṇaṃ nāmarūpamhā, nāparaṃ gacchati. Ettāvatā jāyetha vā jiyyetha vā miyyetha vā cavetha vā upapajjetha vā, yadidaṃ nāmarūpapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpaṃ, nāmarūpapaccayā saḷāyatanaṃ, saḷāyatanapaccayā phasso, phassapaccayā vedanā, vedanāpaccayā taṇhā , taṇhāpaccayā upādānaṃ, upādānapaccayā bhavo, bhavapaccayā jāti, jātipaccayā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā sambhavanti. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hoti’.
๕๙. ‘‘‘สมุทโย สมุทโย’ติ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส ปุเพฺพ อนนุสฺสุเตสุ ธเมฺมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปญฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิฯ
59. ‘‘‘Samudayo samudayo’ti kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa pubbe ananussutesu dhammesu cakkhuṃ udapādi, ñāṇaṃ udapādi, paññā udapādi, vijjā udapādi, āloko udapādi.
๖๐. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ ชรามรณํ น โหติ, กิสฺส นิโรธา ชรามรณนิโรโธ’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘ชาติยา โข อสติ ชรามรณํ น โหติ, ชาตินิโรธา ชรามรณนิโรโธ’ติฯ
60. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho asati jarāmaraṇaṃ na hoti, kissa nirodhā jarāmaraṇanirodho’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘jātiyā kho asati jarāmaraṇaṃ na hoti, jātinirodhā jarāmaraṇanirodho’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ ชาติ น โหติ, กิสฺส นิโรธา ชาตินิโรโธ’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘ภเว โข อสติ ชาติ น โหติ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho asati jāti na hoti, kissa nirodhā jātinirodho’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘bhave kho asati jāti na hoti, bhavanirodhā jātinirodho’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ ภโว น โหติ, กิสฺส นิโรธา ภวนิโรโธ’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘อุปาทาเน โข อสติ ภโว น โหติ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho asati bhavo na hoti, kissa nirodhā bhavanirodho’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘upādāne kho asati bhavo na hoti, upādānanirodhā bhavanirodho’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ อุปาทานํ น โหติ, กิสฺส นิโรธา อุปาทานนิโรโธ’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘ตณฺหาย โข อสติ อุปาทานํ น โหติ, ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho asati upādānaṃ na hoti, kissa nirodhā upādānanirodho’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘taṇhāya kho asati upādānaṃ na hoti, taṇhānirodhā upādānanirodho’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ ตณฺหา น โหติ, กิสฺส นิโรธา ตณฺหานิโรโธ’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘เวทนาย โข อสติ ตณฺหา น โหติ, เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho asati taṇhā na hoti, kissa nirodhā taṇhānirodho’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘vedanāya kho asati taṇhā na hoti, vedanānirodhā taṇhānirodho’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ เวทนา น โหติ, กิสฺส นิโรธา เวทนานิโรโธ’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘ผเสฺส โข อสติ เวทนา น โหติ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho asati vedanā na hoti, kissa nirodhā vedanānirodho’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘phasse kho asati vedanā na hoti, phassanirodhā vedanānirodho’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ ผโสฺส น โหติ, กิสฺส นิโรธา ผสฺสนิโรโธ’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘สฬายตเน โข อสติ ผโสฺส น โหติ, สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho asati phasso na hoti, kissa nirodhā phassanirodho’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘saḷāyatane kho asati phasso na hoti, saḷāyatananirodhā phassanirodho’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ สฬายตนํ น โหติ, กิสฺส นิโรธา สฬายตนนิโรโธ’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘นามรูเป โข อสติ สฬายตนํ น โหติ, นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho asati saḷāyatanaṃ na hoti, kissa nirodhā saḷāyatananirodho’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘nāmarūpe kho asati saḷāyatanaṃ na hoti, nāmarūpanirodhā saḷāyatananirodho’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ นามรูปํ น โหติ, กิสฺส นิโรธา นามรูปนิโรโธ’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘วิญฺญาเณ โข อสติ นามรูปํ น โหติ, วิญฺญาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho asati nāmarūpaṃ na hoti, kissa nirodhā nāmarūpanirodho’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘viññāṇe kho asati nāmarūpaṃ na hoti, viññāṇanirodhā nāmarūpanirodho’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ วิญฺญาณํ น โหติ, กิสฺส นิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘นามรูเป โข อสติ วิญฺญาณํ น โหติ, นามรูปนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘kimhi nu kho asati viññāṇaṃ na hoti, kissa nirodhā viññāṇanirodho’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘nāmarūpe kho asati viññāṇaṃ na hoti, nāmarūpanirodhā viññāṇanirodho’ti.
๖๑. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘อธิคโต โข มฺยายํ มโคฺค สโมฺพธาย ยทิทํ – นามรูปนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ, วิญฺญาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ, นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ, สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ, เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ, ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ’ฯ
61. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi – ‘adhigato kho myāyaṃ maggo sambodhāya yadidaṃ – nāmarūpanirodhā viññāṇanirodho, viññāṇanirodhā nāmarūpanirodho, nāmarūpanirodhā saḷāyatananirodho, saḷāyatananirodhā phassanirodho, phassanirodhā vedanānirodho, vedanānirodhā taṇhānirodho, taṇhānirodhā upādānanirodho, upādānanirodhā bhavanirodho, bhavanirodhā jātinirodho, jātinirodhā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā nirujjhanti. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hoti’.
๖๒. ‘‘‘นิโรโธ นิโรโธ’ติ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส ปุเพฺพ อนนุสฺสุเตสุ ธเมฺมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปญฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาทิฯ
62. ‘‘‘Nirodho nirodho’ti kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa pubbe ananussutesu dhammesu cakkhuṃ udapādi, ñāṇaṃ udapādi, paññā udapādi, vijjā udapādi, āloko udapādi.
๖๓. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี โพธิสโตฺต อปเรน สมเยน ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสี วิหาสิ – ‘อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา, อิติ เวทนาย สมุทโย, อิติ เวทนาย อตฺถงฺคโม; อิติ สญฺญา, อิติ สญฺญาย สมุทโย, อิติ สญฺญาย อตฺถงฺคโม; อิติ สงฺขารา, อิติ สงฺขารานํ สมุทโย, อิติ สงฺขารานํ อตฺถงฺคโม; อิติ วิญฺญาณํ, อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย, อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติ, ตสฺส ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสิโน วิหรโต น จิรเสฺสว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจี’’ติฯ
63. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassī bodhisatto aparena samayena pañcasu upādānakkhandhesu udayabbayānupassī vihāsi – ‘iti rūpaṃ, iti rūpassa samudayo, iti rūpassa atthaṅgamo; iti vedanā, iti vedanāya samudayo, iti vedanāya atthaṅgamo; iti saññā, iti saññāya samudayo, iti saññāya atthaṅgamo; iti saṅkhārā, iti saṅkhārānaṃ samudayo, iti saṅkhārānaṃ atthaṅgamo; iti viññāṇaṃ, iti viññāṇassa samudayo, iti viññāṇassa atthaṅgamo’ti, tassa pañcasu upādānakkhandhesu udayabbayānupassino viharato na cirasseva anupādāya āsavehi cittaṃ vimuccī’’ti.
ทุติยภาณวาโรฯ
Dutiyabhāṇavāro.
พฺรหฺมยาจนกถา
Brahmayācanakathā
๖๔. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ธมฺมํ เทเสยฺย’นฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เอตทโหสิ – ‘อธิคโต โข มฺยายํ ธโมฺม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สโนฺต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโยฯ อาลยรามา โข ปนายํ ปชา อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตาฯ อาลยรามาย โข ปน ปชาย อาลยรตาย อาลยสมฺมุทิตาย ทุทฺทสํ อิทํ ฐานํ ยทิทํ อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ อิทมฺปิ โข ฐานํ ทุทฺทสํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํฯ อหเญฺจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุํ; โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’ติฯ
64. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ dhammaṃ deseyya’nti. Atha kho, bhikkhave, vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa etadahosi – ‘adhigato kho myāyaṃ dhammo gambhīro duddaso duranubodho santo paṇīto atakkāvacaro nipuṇo paṇḍitavedanīyo. Ālayarāmā kho panāyaṃ pajā ālayaratā ālayasammuditā. Ālayarāmāya kho pana pajāya ālayaratāya ālayasammuditāya duddasaṃ idaṃ ṭhānaṃ yadidaṃ idappaccayatāpaṭiccasamuppādo. Idampi kho ṭhānaṃ duddasaṃ yadidaṃ sabbasaṅkhārasamatho sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhākkhayo virāgo nirodho nibbānaṃ. Ahañceva kho pana dhammaṃ deseyyaṃ, pare ca me na ājāneyyuṃ; so mamassa kilamatho, sā mamassa vihesā’ti.
๖๕. ‘‘อปิสฺสุ, ภิกฺขเว, วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อิมา อนจฺฉริยา คาถาโย ปฎิภํสุ ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพา –
65. ‘‘Apissu, bhikkhave, vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ imā anacchariyā gāthāyo paṭibhaṃsu pubbe assutapubbā –
‘กิเจฺฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุํ;
‘Kicchena me adhigataṃ, halaṃ dāni pakāsituṃ;
ราคโทสปเรเตหิ, นายํ ธโมฺม สุสมฺพุโธฯ
Rāgadosaparetehi, nāyaṃ dhammo susambudho.
‘ปฎิโสตคามิํ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;
‘Paṭisotagāmiṃ nipuṇaṃ, gambhīraṃ duddasaṃ aṇuṃ;
ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขเนฺธน อาวุฎา’ติฯ
Rāgarattā na dakkhanti, tamokhandhena āvuṭā’ti.
‘‘อิติห , ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฎิสญฺจิกฺขโต อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนายฯ
‘‘Itiha , bhikkhave, vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa paṭisañcikkhato appossukkatāya cittaṃ nami, no dhammadesanāya.
๖๖. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, อญฺญตรสฺส มหาพฺรหฺมุโน วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย เอตทโหสิ – ‘นสฺสติ วต โภ โลโก, วินสฺสติ วต โภ โลโก, ยตฺร หิ นาม วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ 75, โน ธมฺมเทสนายา’ติฯ อถ โข โส, ภิกฺขเว, มหาพฺรหฺมา เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย; เอวเมว พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิฯ อถ โข โส, ภิกฺขเว, มหาพฺรหฺมา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทกฺขิณํ ชาณุมณฺฑลํ ปถวิยํ นิหนฺตฺวา 76 เยน วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘เทเสตุ, ภเนฺต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํ, สนฺติ 77 สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา; อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ, ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อญฺญาตาโร’ติฯ
66. ‘‘Atha kho, bhikkhave, aññatarassa mahābrahmuno vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa cetasā cetoparivitakkamaññāya etadahosi – ‘nassati vata bho loko, vinassati vata bho loko, yatra hi nāma vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa appossukkatāya cittaṃ namati 78, no dhammadesanāyā’ti. Atha kho so, bhikkhave, mahābrahmā seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya; evameva brahmaloke antarahito vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa purato pāturahosi. Atha kho so, bhikkhave, mahābrahmā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā dakkhiṇaṃ jāṇumaṇḍalaṃ pathaviyaṃ nihantvā 79 yena vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho tenañjaliṃ paṇāmetvā vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ etadavoca – ‘desetu, bhante, bhagavā dhammaṃ, desetu sugato dhammaṃ, santi 80 sattā apparajakkhajātikā; assavanatā dhammassa parihāyanti, bhavissanti dhammassa aññātāro’ti.
๖๗. ‘‘เอวํ วุเตฺต 81, ภิกฺขเว, วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ตํ มหาพฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘มยฺหมฺปิ โข, พฺรเหฺม, เอตทโหสิ – ‘‘ยํนูนาหํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติฯ ตสฺส มยฺหํ, พฺรเหฺม, เอตทโหสิ – ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธโมฺม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สโนฺต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโยฯ อาลยรามา โข ปนายํ ปชา อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตาฯ อาลยรามาย โข ปน ปชาย อาลยรตาย อาลยสมฺมุทิตาย ทุทฺทสํ อิทํ ฐานํ ยทิทํ อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ อิทมฺปิ โข ฐานํ ทุทฺทสํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํฯ อหเญฺจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุํ; โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’’ติฯ อปิสฺสุ มํ, พฺรเหฺม , อิมา อนจฺฉริยา คาถาโย ปฎิภํสุ ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพา –
67. ‘‘Evaṃ vutte 82, bhikkhave, vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho taṃ mahābrahmānaṃ etadavoca – ‘mayhampi kho, brahme, etadahosi – ‘‘yaṃnūnāhaṃ dhammaṃ deseyya’’nti. Tassa mayhaṃ, brahme, etadahosi – ‘‘adhigato kho myāyaṃ dhammo gambhīro duddaso duranubodho santo paṇīto atakkāvacaro nipuṇo paṇḍitavedanīyo. Ālayarāmā kho panāyaṃ pajā ālayaratā ālayasammuditā. Ālayarāmāya kho pana pajāya ālayaratāya ālayasammuditāya duddasaṃ idaṃ ṭhānaṃ yadidaṃ idappaccayatāpaṭiccasamuppādo. Idampi kho ṭhānaṃ duddasaṃ yadidaṃ sabbasaṅkhārasamatho sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhākkhayo virāgo nirodho nibbānaṃ. Ahañceva kho pana dhammaṃ deseyyaṃ, pare ca me na ājāneyyuṃ; so mamassa kilamatho, sā mamassa vihesā’’ti. Apissu maṃ, brahme , imā anacchariyā gāthāyo paṭibhaṃsu pubbe assutapubbā –
‘‘กิเจฺฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุํ;
‘‘Kicchena me adhigataṃ, halaṃ dāni pakāsituṃ;
ราคโทสปเรเตหิ, นายํ ธโมฺม สุสมฺพุโธฯ
Rāgadosaparetehi, nāyaṃ dhammo susambudho.
‘‘ปฎิโสตคามิํ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;
‘‘Paṭisotagāmiṃ nipuṇaṃ, gambhīraṃ duddasaṃ aṇuṃ;
ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขเนฺธน อาวุฎา’’ติฯ
Rāgarattā na dakkhanti, tamokhandhena āvuṭā’’ti.
‘อิติห เม, พฺรเหฺม, ปฎิสญฺจิกฺขโต อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนายา’ติฯ
‘Itiha me, brahme, paṭisañcikkhato appossukkatāya cittaṃ nami, no dhammadesanāyā’ti.
๖๘. ‘‘ทุติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, โส มหาพฺรหฺมา…เป.… ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, โส มหาพฺรหฺมา วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘เทเสตุ, ภเนฺต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํ, สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ, ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อญฺญาตาโร’ติฯ
68. ‘‘Dutiyampi kho, bhikkhave, so mahābrahmā…pe… tatiyampi kho, bhikkhave, so mahābrahmā vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ etadavoca – ‘desetu, bhante, bhagavā dhammaṃ, desetu sugato dhammaṃ, santi sattā apparajakkhajātikā, assavanatā dhammassa parihāyanti, bhavissanti dhammassa aññātāro’ti.
๖๙. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ พฺรหฺมุโน จ อเชฺฌสนํ วิทิตฺวา สเตฺตสุ จ การุญฺญตํ ปฎิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสิฯ อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกโนฺต สเตฺต อปฺปรชเกฺข มหารชเกฺข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิญฺญาปเย ทุวิญฺญาปเย 83 อเปฺปกเจฺจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน 84 วิหรเนฺต, อเปฺปกเจฺจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน 85 วิหรเนฺตฯ เสยฺยถาปิ นาม อุปฺปลินิยํ วา ปทุมินิยํ วา ปุณฺฑรีกินิยํ วา อเปฺปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อโนฺต นิมุคฺคโปสีนิฯ อเปฺปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ สโมทกํ ฐิตานิฯ อเปฺปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกา อจฺจุคฺคมฺม ฐิตานิ อนุปลิตฺตานิ อุทเกนฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกโนฺต อทฺทส สเตฺต อปฺปรชเกฺข มหารชเกฺข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิญฺญาปเย ทุวิญฺญาปเย อเปฺปกเจฺจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรเนฺต, อเปฺปกเจฺจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรเนฺตฯ
69. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho brahmuno ca ajjhesanaṃ viditvā sattesu ca kāruññataṃ paṭicca buddhacakkhunā lokaṃ volokesi. Addasā kho, bhikkhave, vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho buddhacakkhunā lokaṃ volokento satte apparajakkhe mahārajakkhe tikkhindriye mudindriye svākāre dvākāre suviññāpaye duviññāpaye 86 appekacce paralokavajjabhayadassāvine 87 viharante, appekacce na paralokavajjabhayadassāvine 88 viharante. Seyyathāpi nāma uppaliniyaṃ vā paduminiyaṃ vā puṇḍarīkiniyaṃ vā appekaccāni uppalāni vā padumāni vā puṇḍarīkāni vā udake jātāni udake saṃvaḍḍhāni udakānuggatāni anto nimuggaposīni. Appekaccāni uppalāni vā padumāni vā puṇḍarīkāni vā udake jātāni udake saṃvaḍḍhāni samodakaṃ ṭhitāni. Appekaccāni uppalāni vā padumāni vā puṇḍarīkāni vā udake jātāni udake saṃvaḍḍhāni udakā accuggamma ṭhitāni anupalittāni udakena. Evameva kho, bhikkhave, vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho buddhacakkhunā lokaṃ volokento addasa satte apparajakkhe mahārajakkhe tikkhindriye mudindriye svākāre dvākāre suviññāpaye duviññāpaye appekacce paralokavajjabhayadassāvine viharante, appekacce na paralokavajjabhayadassāvine viharante.
๗๐. ‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, มหาพฺรหฺมา วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
70. ‘‘Atha kho so, bhikkhave, mahābrahmā vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa cetasā cetoparivitakkamaññāya vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ gāthāhi ajjhabhāsi –
‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฎฺฐิโต, ยถาปิ ปเสฺส ชนตํ สมนฺตโต;
‘Sele yathā pabbatamuddhaniṭṭhito, yathāpi passe janataṃ samantato;
ตถูปมํ ธมฺมมยํ สุเมธ, ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขุฯ
Tathūpamaṃ dhammamayaṃ sumedha, pāsādamāruyha samantacakkhu.
อเวกฺขสฺสุ ชาติชราภิภูตํ;
Avekkhassu jātijarābhibhūtaṃ;
อุเฎฺฐหิ วีร วิชิตสงฺคาม,
Uṭṭhehi vīra vijitasaṅgāma,
สตฺถวาห อณณ วิจร โลเกฯ
Satthavāha aṇaṇa vicara loke.
อญฺญาตาโร ภวิสฺสนฺตี’ติฯ
Aññātāro bhavissantī’ti.
๗๑. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ตํ มหาพฺรหฺมานํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
71. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho taṃ mahābrahmānaṃ gāthāya ajjhabhāsi –
‘อปารุตา เตสํ อมตสฺส ทฺวารา,
‘Apārutā tesaṃ amatassa dvārā,
เย โสตวโนฺต ปมุญฺจนฺตุ สทฺธํ;
Ye sotavanto pamuñcantu saddhaṃ;
วิหิํสสญฺญี ปคุณํ น ภาสิํ,
Vihiṃsasaññī paguṇaṃ na bhāsiṃ,
ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรเหฺม’ติฯ
Dhammaṃ paṇītaṃ manujesu brahme’ti.
‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, มหาพฺรหฺมา ‘กตาวกาโส โขมฺหิ วิปสฺสินา ภควตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ธมฺมเทสนายา’ติ วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตเตฺถว อนฺตรธายิฯ
‘‘Atha kho so, bhikkhave, mahābrahmā ‘katāvakāso khomhi vipassinā bhagavatā arahatā sammāsambuddhena dhammadesanāyā’ti vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā tattheva antaradhāyi.
อคฺคสาวกยุคํ
Aggasāvakayugaṃ
๗๒. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เอตทโหสิ – ‘กสฺส นุ โข อหํ ปฐมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ, โก อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ? อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เอตทโหสิ – ‘อยํ โข ขโณฺฑ จ ราชปุโตฺต ติโสฺส จ ปุโรหิตปุโตฺต พนฺธุมติยา ราชธานิยา ปฎิวสนฺติ ปณฺฑิตา วิยตฺตา เมธาวิโน ทีฆรตฺตํ อปฺปรชกฺขชาติกาฯ ยํนูนาหํ ขณฺฑสฺส จ ราชปุตฺตสฺส, ติสฺสสฺส จ ปุโรหิตปุตฺตสฺส ปฐมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ , เต อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสนฺตี’ติฯ
72. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa etadahosi – ‘kassa nu kho ahaṃ paṭhamaṃ dhammaṃ deseyyaṃ, ko imaṃ dhammaṃ khippameva ājānissatī’ti? Atha kho, bhikkhave, vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa etadahosi – ‘ayaṃ kho khaṇḍo ca rājaputto tisso ca purohitaputto bandhumatiyā rājadhāniyā paṭivasanti paṇḍitā viyattā medhāvino dīgharattaṃ apparajakkhajātikā. Yaṃnūnāhaṃ khaṇḍassa ca rājaputtassa, tissassa ca purohitaputtassa paṭhamaṃ dhammaṃ deseyyaṃ , te imaṃ dhammaṃ khippameva ājānissantī’ti.
๗๓. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย; เอวเมว โพธิรุกฺขมูเล อนฺตรหิโต พนฺธุมติยา ราชธานิยา เขเม มิคทาเย ปาตุรโหสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ทายปาลํ 93 อามเนฺตสิ – ‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม ทายปาล, พนฺธุมติํ ราชธานิํ ปวิสิตฺวา ขณฺฑญฺจ ราชปุตฺตํ ติสฺสญฺจ ปุโรหิตปุตฺตํ เอวํ วเทหิ – วิปสฺสี, ภเนฺต, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ พนฺธุมติํ ราชธานิํ อนุปฺปโตฺต เขเม มิคทาเย วิหรติ, โส ตุมฺหากํ ทสฺสนกาโม’ติฯ ‘เอวํ, ภเนฺต’ติ โข, ภิกฺขเว, ทายปาโล วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฎิสฺสุตฺวา พนฺธุมติํ ราชธานิํ ปวิสิตฺวา ขณฺฑญฺจ ราชปุตฺตํ ติสฺสญฺจ ปุโรหิตปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘วิปสฺสี, ภเนฺต, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ พนฺธุมติํ ราชธานิํ อนุปฺปโตฺต เขเม มิคทาเย วิหรติ; โส ตุมฺหากํ ทสฺสนกาโม’ติฯ
73. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya; evameva bodhirukkhamūle antarahito bandhumatiyā rājadhāniyā kheme migadāye pāturahosi. Atha kho, bhikkhave, vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho dāyapālaṃ 94 āmantesi – ‘ehi tvaṃ, samma dāyapāla, bandhumatiṃ rājadhāniṃ pavisitvā khaṇḍañca rājaputtaṃ tissañca purohitaputtaṃ evaṃ vadehi – vipassī, bhante, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho bandhumatiṃ rājadhāniṃ anuppatto kheme migadāye viharati, so tumhākaṃ dassanakāmo’ti. ‘Evaṃ, bhante’ti kho, bhikkhave, dāyapālo vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa paṭissutvā bandhumatiṃ rājadhāniṃ pavisitvā khaṇḍañca rājaputtaṃ tissañca purohitaputtaṃ etadavoca – ‘vipassī, bhante, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho bandhumatiṃ rājadhāniṃ anuppatto kheme migadāye viharati; so tumhākaṃ dassanakāmo’ti.
๗๔. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, ขโณฺฑ จ ราชปุโตฺต ติโสฺส จ ปุโรหิตปุโตฺต ภทฺทานิ ภทฺทานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา ภทฺทํ ภทฺทํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภเทฺทหิ ภเทฺทหิ ยาเนหิ พนฺธุมติยา ราชธานิยา นิยฺยิํสุฯ เยน เขโม มิคทาโย เตน ปายิํสุฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ, ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติกาว 95 เยน วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ เตนุปสงฺกมิํสุฯ อุปสงฺกมิตฺวา วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ
74. ‘‘Atha kho, bhikkhave, khaṇḍo ca rājaputto tisso ca purohitaputto bhaddāni bhaddāni yānāni yojāpetvā bhaddaṃ bhaddaṃ yānaṃ abhiruhitvā bhaddehi bhaddehi yānehi bandhumatiyā rājadhāniyā niyyiṃsu. Yena khemo migadāyo tena pāyiṃsu. Yāvatikā yānassa bhūmi, yānena gantvā yānā paccorohitvā pattikāva 96 yena vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho tenupasaṅkamiṃsu. Upasaṅkamitvā vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu.
๗๕. ‘‘เตสํ วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อนุปุพฺพิํ กถํ 97 กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสสิฯ ยทา เต ภควา อญฺญาสิ กลฺลจิเตฺต มุทุจิเตฺต วินีวรณจิเตฺต อุทคฺคจิเตฺต ปสนฺนจิเตฺต, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา, ตํ ปกาเสสิ – ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺคํฯ เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย, เอวเมว ขณฺฑสฺส จ ราชปุตฺตสฺส ติสฺสสฺส จ ปุโรหิตปุตฺตสฺส ตสฺมิํเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’นฺติฯ
75. ‘‘Tesaṃ vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho anupubbiṃ kathaṃ 98 kathesi, seyyathidaṃ – dānakathaṃ sīlakathaṃ saggakathaṃ kāmānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāsesi. Yadā te bhagavā aññāsi kallacitte muducitte vinīvaraṇacitte udaggacitte pasannacitte, atha yā buddhānaṃ sāmukkaṃsikā dhammadesanā, taṃ pakāsesi – dukkhaṃ samudayaṃ nirodhaṃ maggaṃ. Seyyathāpi nāma suddhaṃ vatthaṃ apagatakāḷakaṃ sammadeva rajanaṃ paṭiggaṇheyya, evameva khaṇḍassa ca rājaputtassa tissassa ca purohitaputtassa tasmiṃyeva āsane virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādi – ‘yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’nti.
๗๖. ‘‘เต ทิฎฺฐธมฺมา ปตฺตธมฺมา วิทิตธมฺมา ปริโยคาฬฺหธมฺมา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถํกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจุํ – ‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺตฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย ‘‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’’ติฯ เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอเต มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมญฺจฯ ลเภยฺยาม มยํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’นฺติฯ
76. ‘‘Te diṭṭhadhammā pattadhammā viditadhammā pariyogāḷhadhammā tiṇṇavicikicchā vigatakathaṃkathā vesārajjappattā aparappaccayā satthusāsane vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ etadavocuṃ – ‘abhikkantaṃ, bhante, abhikkantaṃ, bhante. Seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya ‘‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’’ti. Evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Ete mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāma dhammañca. Labheyyāma mayaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyāma upasampada’nti.
๗๗. ‘‘อลตฺถุํ โข , ภิกฺขเว, ขโณฺฑ จ ราชปุโตฺต, ติโสฺส จ ปุโรหิตปุโตฺต วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อลตฺถุํ อุปสมฺปทํฯ เต วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิ; สงฺขารานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ นิพฺพาเน 99 อานิสํสํ ปกาเสสิฯ เตสํ วิปสฺสินา ภควตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิยมานานํ สมาทปิยมานานํ สมุเตฺตชิยมานานํ สมฺปหํสิยมานานํ นจิรเสฺสว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจิํสุฯ
77. ‘‘Alatthuṃ kho , bhikkhave, khaṇḍo ca rājaputto, tisso ca purohitaputto vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa santike pabbajjaṃ alatthuṃ upasampadaṃ. Te vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi; saṅkhārānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ nibbāne 100 ānisaṃsaṃ pakāsesi. Tesaṃ vipassinā bhagavatā arahatā sammāsambuddhena dhammiyā kathāya sandassiyamānānaṃ samādapiyamānānaṃ samuttejiyamānānaṃ sampahaṃsiyamānānaṃ nacirasseva anupādāya āsavehi cittāni vimucciṃsu.
มหาชนกายปพฺพชฺชา
Mahājanakāyapabbajjā
๗๘. ‘‘อโสฺสสิ โข, ภิกฺขเว, พนฺธุมติยา ราชธานิยา มหาชนกาโย จตุราสีติปาณสหสฺสานิ – ‘วิปสฺสี กิร ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ พนฺธุมติํ ราชธานิํ อนุปฺปโตฺต เขเม มิคทาเย วิหรติฯ ขโณฺฑ จ กิร ราชปุโตฺต ติโสฺส จ ปุโรหิตปุโตฺต วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา’ติฯ สุตฺวาน เนสํ เอตทโหสิ – ‘น หิ นูน โส โอรโก ธมฺมวินโย, น สา โอรกา ปพฺพชฺชา, ยตฺถ ขโณฺฑ จ ราชปุโตฺต ติโสฺส จ ปุโรหิตปุโตฺต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตาฯ ขโณฺฑ จ ราชปุโตฺต ติโสฺส จ ปุโรหิตปุโตฺต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสนฺติ, กิมงฺคํ ปน มย’นฺติฯ อถ โข โส, ภิกฺขเว, มหาชนกาโย จตุราสีติปาณสหสฺสานิ พนฺธุมติยา ราชธานิยา นิกฺขมิตฺวา เยน เขโม มิคทาโย เยน วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ
78. ‘‘Assosi kho, bhikkhave, bandhumatiyā rājadhāniyā mahājanakāyo caturāsītipāṇasahassāni – ‘vipassī kira bhagavā arahaṃ sammāsambuddho bandhumatiṃ rājadhāniṃ anuppatto kheme migadāye viharati. Khaṇḍo ca kira rājaputto tisso ca purohitaputto vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa santike kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajitā’ti. Sutvāna nesaṃ etadahosi – ‘na hi nūna so orako dhammavinayo, na sā orakā pabbajjā, yattha khaṇḍo ca rājaputto tisso ca purohitaputto kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajitā. Khaṇḍo ca rājaputto tisso ca purohitaputto kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajissanti, kimaṅgaṃ pana maya’nti. Atha kho so, bhikkhave, mahājanakāyo caturāsītipāṇasahassāni bandhumatiyā rājadhāniyā nikkhamitvā yena khemo migadāyo yena vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu.
๗๙. ‘‘เตสํ วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อนุปุพฺพิํ กถํ กเถสิฯ เสยฺยถิทํ – ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสสิฯ ยทา เต ภควา อญฺญาสิ กลฺลจิเตฺต มุทุจิเตฺต วินีวรณจิเตฺต อุทคฺคจิเตฺต ปสนฺนจิเตฺต , อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา, ตํ ปกาเสสิ – ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺคํฯ เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย, เอวเมว เตสํ จตุราสีติปาณสหสฺสานํ ตสฺมิํเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’นฺติฯ
79. ‘‘Tesaṃ vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho anupubbiṃ kathaṃ kathesi. Seyyathidaṃ – dānakathaṃ sīlakathaṃ saggakathaṃ kāmānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāsesi. Yadā te bhagavā aññāsi kallacitte muducitte vinīvaraṇacitte udaggacitte pasannacitte , atha yā buddhānaṃ sāmukkaṃsikā dhammadesanā, taṃ pakāsesi – dukkhaṃ samudayaṃ nirodhaṃ maggaṃ. Seyyathāpi nāma suddhaṃ vatthaṃ apagatakāḷakaṃ sammadeva rajanaṃ paṭiggaṇheyya, evameva tesaṃ caturāsītipāṇasahassānaṃ tasmiṃyeva āsane virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādi – ‘yaṃ kiñci samudayadhammaṃ sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’nti.
๘๐. ‘‘เต ทิฎฺฐธมฺมา ปตฺตธมฺมา วิทิตธมฺมา ปริโยคาฬฺหธมฺมา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถํกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจุํ – ‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺตฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย ‘‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’’ติฯ เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอเต มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ 101ฯ ลเภยฺยาม มยํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’’นฺติฯ
80. ‘‘Te diṭṭhadhammā pattadhammā viditadhammā pariyogāḷhadhammā tiṇṇavicikicchā vigatakathaṃkathā vesārajjappattā aparappaccayā satthusāsane vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ etadavocuṃ – ‘abhikkantaṃ, bhante, abhikkantaṃ, bhante. Seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya ‘‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’’ti. Evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Ete mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāma dhammañca bhikkhusaṅghañca 102. Labheyyāma mayaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ labheyyāma upasampada’’nti.
๘๑. ‘‘อลตฺถุํ โข, ภิกฺขเว, ตานิ จตุราสีติปาณสหสฺสานิ วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถุํ อุปสมฺปทํฯ เต วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิ; สงฺขารานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ นิพฺพาเน อานิสํสํ ปกาเสสิฯ เตสํ วิปสฺสินา ภควตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิยมานานํ สมาทปิยมานานํ สมุเตฺตชิยมานานํ สมฺปหํสิยมานานํ นจิรเสฺสว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจิํสุฯ
81. ‘‘Alatthuṃ kho, bhikkhave, tāni caturāsītipāṇasahassāni vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa santike pabbajjaṃ, alatthuṃ upasampadaṃ. Te vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi; saṅkhārānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ nibbāne ānisaṃsaṃ pakāsesi. Tesaṃ vipassinā bhagavatā arahatā sammāsambuddhena dhammiyā kathāya sandassiyamānānaṃ samādapiyamānānaṃ samuttejiyamānānaṃ sampahaṃsiyamānānaṃ nacirasseva anupādāya āsavehi cittāni vimucciṃsu.
ปุริมปพฺพชิตานํ ธมฺมาภิสมโย
Purimapabbajitānaṃ dhammābhisamayo
๘๒. ‘‘อโสฺสสุํ โข, ภิกฺขเว, ตานิ ปุริมานิ จตุราสีติปพฺพชิตสหสฺสานิ – ‘วิปสฺสี กิร ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ พนฺธุมติํ ราชธานิํ อนุปฺปโตฺต เขเม มิคทาเย วิหรติ, ธมฺมญฺจ กิร เทเสตี’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ตานิ จตุราสีติปพฺพชิตสหสฺสานิ เยน พนฺธุมตี ราชธานี เยน เขโม มิคทาโย เยน วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ
82. ‘‘Assosuṃ kho, bhikkhave, tāni purimāni caturāsītipabbajitasahassāni – ‘vipassī kira bhagavā arahaṃ sammāsambuddho bandhumatiṃ rājadhāniṃ anuppatto kheme migadāye viharati, dhammañca kira desetī’ti. Atha kho, bhikkhave, tāni caturāsītipabbajitasahassāni yena bandhumatī rājadhānī yena khemo migadāyo yena vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu.
๘๓. ‘‘เตสํ วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อนุปุพฺพิํ กถํ กเถสิฯ เสยฺยถิทํ – ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสสิฯ ยทา เต ภควา อญฺญาสิ กลฺลจิเตฺต มุทุจิเตฺต วินีวรณจิเตฺต อุทคฺคจิเตฺต ปสนฺนจิเตฺต, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา, ตํ ปกาเสสิ – ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺคํฯ เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย, เอวเมว เตสํ จตุราสีติปพฺพชิตสหสฺสานํ ตสฺมิํเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’นฺติฯ
83. ‘‘Tesaṃ vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho anupubbiṃ kathaṃ kathesi. Seyyathidaṃ – dānakathaṃ sīlakathaṃ saggakathaṃ kāmānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāsesi. Yadā te bhagavā aññāsi kallacitte muducitte vinīvaraṇacitte udaggacitte pasannacitte, atha yā buddhānaṃ sāmukkaṃsikā dhammadesanā, taṃ pakāsesi – dukkhaṃ samudayaṃ nirodhaṃ maggaṃ. Seyyathāpi nāma suddhaṃ vatthaṃ apagatakāḷakaṃ sammadeva rajanaṃ paṭiggaṇheyya, evameva tesaṃ caturāsītipabbajitasahassānaṃ tasmiṃyeva āsane virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādi – ‘yaṃ kiñci samudayadhammaṃ sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’nti.
๘๔. ‘‘เต ทิฎฺฐธมฺมา ปตฺตธมฺมา วิทิตธมฺมา ปริโยคาฬฺหธมฺมา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถํกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจุํ – ‘อภิกฺกนฺตํ , ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺตฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย ‘‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’’ติฯ เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอเต มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ ลเภยฺยาม มยํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’’นฺติฯ
84. ‘‘Te diṭṭhadhammā pattadhammā viditadhammā pariyogāḷhadhammā tiṇṇavicikicchā vigatakathaṃkathā vesārajjappattā aparappaccayā satthusāsane vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ etadavocuṃ – ‘abhikkantaṃ , bhante, abhikkantaṃ, bhante. Seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya ‘‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’’ti. Evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Ete mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāma dhammañca bhikkhusaṅghañca. Labheyyāma mayaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ labheyyāma upasampada’’nti.
๘๕. ‘‘อลตฺถุํ โข, ภิกฺขเว, ตานิ จตุราสีติปพฺพชิตสหสฺสานิ วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อลตฺถุํ อุปสมฺปทํฯ เต วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิ; สงฺขารานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ นิพฺพาเน อานิสํสํ ปกาเสสิฯ เตสํ วิปสฺสินา ภควตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิยมานานํ สมาทปิยมานานํ สมุเตฺตชิยมานานํ สมฺปหํสิยมานานํ นจิรเสฺสว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจิํสุฯ
85. ‘‘Alatthuṃ kho, bhikkhave, tāni caturāsītipabbajitasahassāni vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa santike pabbajjaṃ alatthuṃ upasampadaṃ. Te vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi; saṅkhārānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ nibbāne ānisaṃsaṃ pakāsesi. Tesaṃ vipassinā bhagavatā arahatā sammāsambuddhena dhammiyā kathāya sandassiyamānānaṃ samādapiyamānānaṃ samuttejiyamānānaṃ sampahaṃsiyamānānaṃ nacirasseva anupādāya āsavehi cittāni vimucciṃsu.
จาริกาอนุชานนํ
Cārikāanujānanaṃ
๘๖. ‘‘เตน โข ปน, ภิกฺขเว, สมเยน พนฺธุมติยา ราชธานิยา มหาภิกฺขุสโงฺฆ ปฎิวสติ อฎฺฐสฎฺฐิภิกฺขุสตสหสฺสํฯ อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘มหา โข เอตรหิ ภิกฺขุสโงฺฆ พนฺธุมติยา ราชธานิยา ปฎิวสติ อฎฺฐสฎฺฐิภิกฺขุสตสหสฺสํ, ยํนูนาหํ ภิกฺขู อนุชาเนยฺยํ – ‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ; มา เอเกน เทฺว อคมิตฺถ; เทเสถ, ภิกฺขเว , ธมฺมํ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสถฯ สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ, ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อญฺญาตาโรฯ อปิ จ ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน พนฺธุมตี ราชธานี อุปสงฺกมิตพฺพา ปาติโมกฺขุเทฺทสายา’’’ติฯ
86. ‘‘Tena kho pana, bhikkhave, samayena bandhumatiyā rājadhāniyā mahābhikkhusaṅgho paṭivasati aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassaṃ. Atha kho, bhikkhave, vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘mahā kho etarahi bhikkhusaṅgho bandhumatiyā rājadhāniyā paṭivasati aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassaṃ, yaṃnūnāhaṃ bhikkhū anujāneyyaṃ – ‘caratha, bhikkhave, cārikaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ; mā ekena dve agamittha; desetha, bhikkhave , dhammaṃ ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsetha. Santi sattā apparajakkhajātikā, assavanatā dhammassa parihāyanti, bhavissanti dhammassa aññātāro. Api ca channaṃ channaṃ vassānaṃ accayena bandhumatī rājadhānī upasaṅkamitabbā pātimokkhuddesāyā’’’ti.
๘๗. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, อญฺญตโร มหาพฺรหฺมา วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺยฯ เอวเมว พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิฯ อถ โข โส, ภิกฺขเว, มหาพฺรหฺมา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘เอวเมตํ, ภควา, เอวเมตํ, สุคตฯ มหา โข, ภเนฺต, เอตรหิ ภิกฺขุสโงฺฆ พนฺธุมติยา ราชธานิยา ปฎิวสติ อฎฺฐสฎฺฐิภิกฺขุสตสหสฺสํ, อนุชานาตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขู – ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ; มา เอเกน เทฺว อคมิตฺถ; เทเสถ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสถฯ สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ, ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อญฺญาตาโร’’ติ 103ฯ อปิ จ, ภเนฺต, มยํ ตถา กริสฺสาม ยถา ภิกฺขู ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน พนฺธุมติํ ราชธานิํ อุปสงฺกมิสฺสนฺติ ปาติโมกฺขุเทฺทสายา’ติฯ อิทมโวจ, ภิกฺขเว, โส มหาพฺรหฺมา, อิทํ วตฺวา วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตเตฺถว อนฺตรธายิฯ
87. ‘‘Atha kho, bhikkhave, aññataro mahābrahmā vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa cetasā cetoparivitakkamaññāya seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya. Evameva brahmaloke antarahito vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassa purato pāturahosi. Atha kho so, bhikkhave, mahābrahmā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yena vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho tenañjaliṃ paṇāmetvā vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ etadavoca – ‘evametaṃ, bhagavā, evametaṃ, sugata. Mahā kho, bhante, etarahi bhikkhusaṅgho bandhumatiyā rājadhāniyā paṭivasati aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassaṃ, anujānātu, bhante, bhagavā bhikkhū – ‘‘caratha, bhikkhave, cārikaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ; mā ekena dve agamittha; desetha, bhikkhave, dhammaṃ ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsetha. Santi sattā apparajakkhajātikā, assavanatā dhammassa parihāyanti, bhavissanti dhammassa aññātāro’’ti 104. Api ca, bhante, mayaṃ tathā karissāma yathā bhikkhū channaṃ channaṃ vassānaṃ accayena bandhumatiṃ rājadhāniṃ upasaṅkamissanti pātimokkhuddesāyā’ti. Idamavoca, bhikkhave, so mahābrahmā, idaṃ vatvā vipassiṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā tattheva antaradhāyi.
๘๘. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘อิธ มยฺหํ, ภิกฺขเว, รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – มหา โข เอตรหิ ภิกฺขุสโงฺฆ พนฺธุมติยา ราชธานิยา ปฎิวสติ อฎฺฐสฎฺฐิภิกฺขุสตสหสฺสํ ฯ ยํนูนาหํ ภิกฺขู อนุชาเนยฺยํ – ‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ; มา เอเกน เทฺว อคมิตฺถ; เทเสถ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสถฯ สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ, ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อญฺญาตาโรฯ อปิ จ, ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน พนฺธุมตี ราชธานี อุปสงฺกมิตพฺพา ปาติโมกฺขุเทฺทสายาติฯ
88. ‘‘Atha kho, bhikkhave, vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito bhikkhū āmantesi – ‘idha mayhaṃ, bhikkhave, rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – mahā kho etarahi bhikkhusaṅgho bandhumatiyā rājadhāniyā paṭivasati aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassaṃ . Yaṃnūnāhaṃ bhikkhū anujāneyyaṃ – ‘caratha, bhikkhave, cārikaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ; mā ekena dve agamittha; desetha, bhikkhave, dhammaṃ ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsetha. Santi sattā apparajakkhajātikā, assavanatā dhammassa parihāyanti, bhavissanti dhammassa aññātāro. Api ca, channaṃ channaṃ vassānaṃ accayena bandhumatī rājadhānī upasaṅkamitabbā pātimokkhuddesāyāti.
‘‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, อญฺญตโร มหาพฺรหฺมา มม เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมว พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต มม ปุรโต ปาตุรโหสิฯ อถ โข โส, ภิกฺขเว, มหาพฺรหฺมา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยนาหํ เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘‘เอวเมตํ, ภควา, เอวเมตํ, สุคตฯ มหา โข, ภเนฺต, เอตรหิ ภิกฺขุสโงฺฆ พนฺธุมติยา ราชธานิยา ปฎิวสติ อฎฺฐสฎฺฐิภิกฺขุสตสหสฺสํฯ อนุชานาตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขู – ‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ; มา เอเกน เทฺว อคมิตฺถ; เทเสถ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ…เป.… สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา , อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ, ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อญฺญาตาโร’ติฯ อปิ จ, ภเนฺต, มยํ ตถา กริสฺสาม, ยถา ภิกฺขู ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน พนฺธุมติํ ราชธานิํ อุปสงฺกมิสฺสนฺติ ปาติโมกฺขุเทฺทสายา’’ติฯ อิทมโวจ, ภิกฺขเว, โส มหาพฺรหฺมา, อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตเตฺถว อนฺตรธายิ’ฯ
‘‘‘Atha kho, bhikkhave, aññataro mahābrahmā mama cetasā cetoparivitakkamaññāya seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evameva brahmaloke antarahito mama purato pāturahosi. Atha kho so, bhikkhave, mahābrahmā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yenāhaṃ tenañjaliṃ paṇāmetvā maṃ etadavoca – ‘‘evametaṃ, bhagavā, evametaṃ, sugata. Mahā kho, bhante, etarahi bhikkhusaṅgho bandhumatiyā rājadhāniyā paṭivasati aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassaṃ. Anujānātu, bhante, bhagavā bhikkhū – ‘caratha, bhikkhave, cārikaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ; mā ekena dve agamittha; desetha, bhikkhave, dhammaṃ…pe… santi sattā apparajakkhajātikā , assavanatā dhammassa parihāyanti, bhavissanti dhammassa aññātāro’ti. Api ca, bhante, mayaṃ tathā karissāma, yathā bhikkhū channaṃ channaṃ vassānaṃ accayena bandhumatiṃ rājadhāniṃ upasaṅkamissanti pātimokkhuddesāyā’’ti. Idamavoca, bhikkhave, so mahābrahmā, idaṃ vatvā maṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā tattheva antaradhāyi’.
‘‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จรถ จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ; มา เอเกน เทฺว อคมิตฺถ; เทเสถ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสถฯ สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ, ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อญฺญาตาโรฯ อปิ จ, ภิกฺขเว, ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน พนฺธุมตี ราชธานี อุปสงฺกมิตพฺพา ปาติโมกฺขุเทฺทสายา’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขู เยภุเยฺยน เอกาเหเนว ชนปทจาริกํ ปกฺกมิํสุฯ
‘‘‘Anujānāmi, bhikkhave, caratha cārikaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ; mā ekena dve agamittha; desetha, bhikkhave, dhammaṃ ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsetha. Santi sattā apparajakkhajātikā, assavanatā dhammassa parihāyanti, bhavissanti dhammassa aññātāro. Api ca, bhikkhave, channaṃ channaṃ vassānaṃ accayena bandhumatī rājadhānī upasaṅkamitabbā pātimokkhuddesāyā’ti. Atha kho, bhikkhave, bhikkhū yebhuyyena ekāheneva janapadacārikaṃ pakkamiṃsu.
๘๙. ‘‘เตน โข ปน สมเยน ชมฺพุทีเป จตุราสีติ อาวาสสหสฺสานิ โหนฺติฯ เอกมฺหิ หิ วเสฺส นิกฺขเนฺต เทวตา สทฺทมนุสฺสาเวสุํ – ‘นิกฺขนฺตํ โข, มาริสา, เอกํ วสฺสํ; ปญฺจ ทานิ วสฺสานิ เสสานิ ; ปญฺจนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน พนฺธุมตี ราชธานี อุปสงฺกมิตพฺพา ปาติโมกฺขุเทฺทสายา’ติฯ ทฺวีสุ วเสฺสสุ นิกฺขเนฺตสุ… ตีสุ วเสฺสสุ นิกฺขเนฺตสุ… จตูสุ วเสฺสสุ นิกฺขเนฺตสุ… ปญฺจสุ วเสฺสสุ นิกฺขเนฺตสุ เทวตา สทฺทมนุสฺสาเวสุํ – ‘นิกฺขนฺตานิ โข , มาริสา, ปญฺจวสฺสานิ; เอกํ ทานิ วสฺสํ เสสํ; เอกสฺส วสฺสสฺส อจฺจเยน พนฺธุมตี ราชธานี อุปสงฺกมิตพฺพา ปาติโมกฺขุเทฺทสายา’ติฯ ฉสุ วเสฺสสุ นิกฺขเนฺตสุ เทวตา สทฺทมนุสฺสาเวสุํ – ‘นิกฺขนฺตานิ โข, มาริสา, ฉพฺพสฺสานิ, สมโย ทานิ พนฺธุมติํ ราชธานิํ อุปสงฺกมิตุํ ปาติโมกฺขุเทฺทสายา’ติฯ อถ โข เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อเปฺปกเจฺจ สเกน อิทฺธานุภาเวน อเปฺปกเจฺจ เทวตานํ อิทฺธานุภาเวน เอกาเหเนว พนฺธุมติํ ราชธานิํ อุปสงฺกมิํสุ ปาติโมกฺขุเทฺทสายาติ 105ฯ
89. ‘‘Tena kho pana samayena jambudīpe caturāsīti āvāsasahassāni honti. Ekamhi hi vasse nikkhante devatā saddamanussāvesuṃ – ‘nikkhantaṃ kho, mārisā, ekaṃ vassaṃ; pañca dāni vassāni sesāni ; pañcannaṃ vassānaṃ accayena bandhumatī rājadhānī upasaṅkamitabbā pātimokkhuddesāyā’ti. Dvīsu vassesu nikkhantesu… tīsu vassesu nikkhantesu… catūsu vassesu nikkhantesu… pañcasu vassesu nikkhantesu devatā saddamanussāvesuṃ – ‘nikkhantāni kho , mārisā, pañcavassāni; ekaṃ dāni vassaṃ sesaṃ; ekassa vassassa accayena bandhumatī rājadhānī upasaṅkamitabbā pātimokkhuddesāyā’ti. Chasu vassesu nikkhantesu devatā saddamanussāvesuṃ – ‘nikkhantāni kho, mārisā, chabbassāni, samayo dāni bandhumatiṃ rājadhāniṃ upasaṅkamituṃ pātimokkhuddesāyā’ti. Atha kho te, bhikkhave, bhikkhū appekacce sakena iddhānubhāvena appekacce devatānaṃ iddhānubhāvena ekāheneva bandhumatiṃ rājadhāniṃ upasaṅkamiṃsu pātimokkhuddesāyāti 106.
๙๐. ‘‘ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภิกฺขุสเงฺฆ เอวํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ –
90. ‘‘Tatra sudaṃ, bhikkhave, vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho bhikkhusaṅghe evaṃ pātimokkhaṃ uddisati –
‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา,
‘Khantī paramaṃ tapo titikkhā,
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;
Nibbānaṃ paramaṃ vadanti buddhā;
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี,
Na hi pabbajito parūpaghātī,
‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
‘Sabbapāpassa akaraṇaṃ, kusalassa upasampadā;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธานสาสนํฯ
Sacittapariyodapanaṃ, etaṃ buddhānasāsanaṃ.
มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมิํ, ปนฺตญฺจ สยนาสนํ;
Mattaññutā ca bhattasmiṃ, pantañca sayanāsanaṃ;
อธิจิเตฺต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธานสาสน’นฺติฯ
Adhicitte ca āyogo, etaṃ buddhānasāsana’nti.
เทวตาโรจนํ
Devatārocanaṃ
๙๑. ‘‘เอกมิทาหํ, ภิกฺขเว, สมยํ อุกฺกฎฺฐายํ วิหรามิ สุภควเน สาลราชมูเลฯ ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘น โข โส สตฺตาวาโส สุลภรูโป, โย มยา อนาวุตฺถปุโพฺพ 111 อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อญฺญตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหิฯ ยํนูนาหํ เยน สุทฺธาวาสา เทวา เตนุปสงฺกเมยฺย’นฺติฯ อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมว อุกฺกฎฺฐายํ สุภควเน สาลราชมูเล อนฺตรหิโต อวิเหสุ เทเวสุ ปาตุรโหสิํ ฯ ตสฺมิํ, ภิกฺขเว, เทวนิกาเย อเนกานิ เทวตาสหสฺสานิ อเนกานิ เทวตาสตสหสฺสานิ 112 เยนาหํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข, ภิกฺขเว, ตา เทวตา มํ เอตทโวจุํ – ‘อิโต โส, มาริสา, เอกนวุติกเปฺป ยํ วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุทปาทิฯ วิปสฺสี, มาริสา, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ขตฺติโย ชาติยา อโหสิ, ขตฺติยกุเล อุทปาทิฯ วิปสฺสี, มาริสา, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โกณฺฑโญฺญ โคเตฺตน อโหสิ ฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อสีติวสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิฯ วิปสฺสี, มาริสา, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปาฎลิยา มูเล อภิสมฺพุโทฺธฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ขณฺฑติสฺสํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ตโย สาวกานํ สนฺนิปาตา อเหสุํฯ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อฎฺฐสฎฺฐิภิกฺขุสตสหสฺสํฯ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ ภิกฺขุสตสหสฺสํฯ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อสีติภิกฺขุสหสฺสานิฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อิเม ตโย สาวกานํ สนฺนิปาตา อเหสุํ สเพฺพสํเยว ขีณาสวานํฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อโสโก นาม ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อโหสิ อคฺคุปฎฺฐาโกฯ วิปสฺสิสฺส, มาริส, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส พนฺธุมา นาม ราชา ปิตา อโหสิฯ พนฺธุมตี นาม เทวี มาตา อโหสิ ชเนตฺติฯ พนฺธุมสฺส รโญฺญ พนฺธุมตี นาม นครํ ราชธานี อโหสิฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา , ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เอวํ อภินิกฺขมนํ อโหสิ เอวํ ปพฺพชฺชา เอวํ ปธานํ เอวํ อภิสโมฺพธิ เอวํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํฯ เต มยํ, มาริสา, วิปสฺสิมฺหิ ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา กาเมสุ กามจฺฉนฺทํ วิราเชตฺวา อิธูปปนฺนา’ติ …เป.…
91. ‘‘Ekamidāhaṃ, bhikkhave, samayaṃ ukkaṭṭhāyaṃ viharāmi subhagavane sālarājamūle. Tassa mayhaṃ, bhikkhave, rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘na kho so sattāvāso sulabharūpo, yo mayā anāvutthapubbo 113 iminā dīghena addhunā aññatra suddhāvāsehi devehi. Yaṃnūnāhaṃ yena suddhāvāsā devā tenupasaṅkameyya’nti. Atha khvāhaṃ, bhikkhave, seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evameva ukkaṭṭhāyaṃ subhagavane sālarājamūle antarahito avihesu devesu pāturahosiṃ . Tasmiṃ, bhikkhave, devanikāye anekāni devatāsahassāni anekāni devatāsatasahassāni 114 yenāhaṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho, bhikkhave, tā devatā maṃ etadavocuṃ – ‘ito so, mārisā, ekanavutikappe yaṃ vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Vipassī, mārisā, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho khattiyo jātiyā ahosi, khattiyakule udapādi. Vipassī, mārisā, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho koṇḍañño gottena ahosi . Vipassissa, mārisā, bhagavato arahato sammāsambuddhassa asītivassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Vipassī, mārisā, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho pāṭaliyā mūle abhisambuddho. Vipassissa, mārisā, bhagavato arahato sammāsambuddhassa khaṇḍatissaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Vipassissa, mārisā, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassaṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi bhikkhusatasahassaṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi asītibhikkhusahassāni. Vipassissa, mārisā, bhagavato arahato sammāsambuddhassa ime tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ sabbesaṃyeva khīṇāsavānaṃ. Vipassissa, mārisā, bhagavato arahato sammāsambuddhassa asoko nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Vipassissa, mārisa, bhagavato arahato sammāsambuddhassa bandhumā nāma rājā pitā ahosi. Bandhumatī nāma devī mātā ahosi janetti. Bandhumassa rañño bandhumatī nāma nagaraṃ rājadhānī ahosi. Vipassissa, mārisā , bhagavato arahato sammāsambuddhassa evaṃ abhinikkhamanaṃ ahosi evaṃ pabbajjā evaṃ padhānaṃ evaṃ abhisambodhi evaṃ dhammacakkappavattanaṃ. Te mayaṃ, mārisā, vipassimhi bhagavati brahmacariyaṃ caritvā kāmesu kāmacchandaṃ virājetvā idhūpapannā’ti …pe…
‘‘ตสฺมิํเยว โข, ภิกฺขเว, เทวนิกาเย อเนกานิ เทวตาสหสฺสานิ อเนกานิ เทวตาสตสหสฺสานิ 115 เยนาหํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข, ภิกฺขเว, ตา เทวตา มํ เอตทโวจุํ – ‘อิมสฺมิํเยว โข, มาริสา, ภทฺทกเปฺป ภควา เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺนฯ ภควา, มาริสา, ขตฺติโย ชาติยา ขตฺติยกุเล อุปฺปโนฺนฯ ภควา, มาริสา, โคตโม โคเตฺตนฯ ภควโต, มาริสา, อปฺปกํ อายุปฺปมาณํ ปริตฺตํ ลหุกํ โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิโยฺยฯ ภควา, มาริสา, อสฺสตฺถสฺส มูเล อภิสมฺพุโทฺธฯ ภควโต, มาริสา, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํ ฯ ภควโต, มาริสา, เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิฯ ภควโต, มาริสา, อยํ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ สเพฺพสํเยว ขีณาสวานํฯ ภควโต, มาริสา, อานโนฺท นาม ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อโหสิ อคฺคุปฎฺฐาโกฯ ภควโต, มาริสา, สุโทฺธทโน นาม ราชา ปิตา อโหสิฯ มายา นาม เทวี มาตา อโหสิ ชเนตฺติฯ กปิลวตฺถุ นาม นครํ ราชธานี อโหสิฯ ภควโต, มาริสา, เอวํ อภินิกฺขมนํ อโหสิ เอวํ ปพฺพชฺชา เอวํ ปธานํ เอวํ อภิสโมฺพธิ เอวํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํฯ เต มยํ, มาริสา, ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา กาเมสุ กามจฺฉนฺทํ วิราเชตฺวา อิธูปปนฺนา’ติฯ
‘‘Tasmiṃyeva kho, bhikkhave, devanikāye anekāni devatāsahassāni anekāni devatāsatasahassāni 116 yenāhaṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho, bhikkhave, tā devatā maṃ etadavocuṃ – ‘imasmiṃyeva kho, mārisā, bhaddakappe bhagavā etarahi arahaṃ sammāsambuddho loke uppanno. Bhagavā, mārisā, khattiyo jātiyā khattiyakule uppanno. Bhagavā, mārisā, gotamo gottena. Bhagavato, mārisā, appakaṃ āyuppamāṇaṃ parittaṃ lahukaṃ yo ciraṃ jīvati, so vassasataṃ appaṃ vā bhiyyo. Bhagavā, mārisā, assatthassa mūle abhisambuddho. Bhagavato, mārisā, sāriputtamoggallānaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ . Bhagavato, mārisā, eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi aḍḍhateḷasāni bhikkhusatāni. Bhagavato, mārisā, ayaṃ eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sabbesaṃyeva khīṇāsavānaṃ. Bhagavato, mārisā, ānando nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Bhagavato, mārisā, suddhodano nāma rājā pitā ahosi. Māyā nāma devī mātā ahosi janetti. Kapilavatthu nāma nagaraṃ rājadhānī ahosi. Bhagavato, mārisā, evaṃ abhinikkhamanaṃ ahosi evaṃ pabbajjā evaṃ padhānaṃ evaṃ abhisambodhi evaṃ dhammacakkappavattanaṃ. Te mayaṃ, mārisā, bhagavati brahmacariyaṃ caritvā kāmesu kāmacchandaṃ virājetvā idhūpapannā’ti.
๙๒. ‘‘อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, อวิเหหิ เทเวหิ สทฺธิํ เยน อตปฺปา เทวา เตนุปสงฺกมิํ…เป.… อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, อวิเหหิ จ เทเวหิ อตเปฺปหิ จ เทเวหิ สทฺธิํ เยน สุทสฺสา เทวา เตนุปสงฺกมิํฯ อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, อวิเหหิ จ เทเวหิ อตเปฺปหิ จ เทเวหิ สุทเสฺสหิ จ เทเวหิ สทฺธิํ เยน สุทสฺสี เทวา เตนุปสงฺกมิํฯ อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, อวิเหหิ จ เทเวหิ อตเปฺปหิ จ เทเวหิ สุทเสฺสหิ จ เทเวหิ สุทสฺสีหิ จ เทเวหิ สทฺธิํ เยน อกนิฎฺฐา เทวา เตนุปสงฺกมิํฯ ตสฺมิํ, ภิกฺขเว, เทวนิกาเย อเนกานิ เทวตาสหสฺสานิ อเนกานิ เทวตาสตสหสฺสานิ เยนาหํ เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุ ฯ
92. ‘‘Atha khvāhaṃ, bhikkhave, avihehi devehi saddhiṃ yena atappā devā tenupasaṅkamiṃ…pe… atha khvāhaṃ, bhikkhave, avihehi ca devehi atappehi ca devehi saddhiṃ yena sudassā devā tenupasaṅkamiṃ. Atha khvāhaṃ, bhikkhave, avihehi ca devehi atappehi ca devehi sudassehi ca devehi saddhiṃ yena sudassī devā tenupasaṅkamiṃ. Atha khvāhaṃ, bhikkhave, avihehi ca devehi atappehi ca devehi sudassehi ca devehi sudassīhi ca devehi saddhiṃ yena akaniṭṭhā devā tenupasaṅkamiṃ. Tasmiṃ, bhikkhave, devanikāye anekāni devatāsahassāni anekāni devatāsatasahassāni yenāhaṃ tenupasaṅkamiṃsu, upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu .
‘‘เอกมนฺตํ ฐิตา โข, ภิกฺขเว, ตา เทวตา มํ เอตทโวจุํ – ‘อิโต โส, มาริสา, เอกนวุติกเปฺป ยํ วิปสฺสี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุทปาทิฯ วิปสฺสี, มาริสา, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ขตฺติโย ชาติยา อโหสิฯ ขตฺติยกุเล อุทปาทิฯ วิปสฺสี, มาริสา, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โกณฺฑโญฺญ โคเตฺตน อโหสิฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อสีติวสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิฯ วิปสฺสี, มาริสา, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปาฎลิยา มูเล อภิสมฺพุโทฺธฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ขณฺฑติสฺสํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ตโย สาวกานํ สนฺนิปาตา อเหสุํฯ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อฎฺฐสฎฺฐิภิกฺขุสตสหสฺสํฯ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ ภิกฺขุสตสหสฺสํฯ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อสีติภิกฺขุสหสฺสานิฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อิเม ตโย สาวกานํ สนฺนิปาตา อเหสุํ สเพฺพสํเยว ขีณาสวานํฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อโสโก นาม ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อโหสิ อคฺคุปฎฺฐาโกฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส พนฺธุมา นาม ราชา ปิตา อโหสิ พนฺธุมตี นาม เทวี มาตา อโหสิ ชเนตฺติฯ พนฺธุมสฺส รโญฺญ พนฺธุมตี นาม นครํ ราชธานี อโหสิฯ วิปสฺสิสฺส, มาริสา, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เอวํ อภินิกฺขมนํ อโหสิ เอวํ ปพฺพชฺชา เอวํ ปธานํ เอวํ อภิสโมฺพธิ, เอวํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํฯ เต มยํ, มาริสา, วิปสฺสิมฺหิ ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา กาเมสุ กามจฺฉนฺทํ วิราเชตฺวา อิธูปปนฺนา’ติฯ ตสฺมิํเยว โข, ภิกฺขเว, เทวนิกาเย อเนกานิ เทวตาสหสฺสานิ อเนกานิ เทวตาสตสหสฺสานิ เยนาหํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข, ภิกฺขเว, ตา เทวตา มํ เอตทโวจุํ – ‘อิโต โส, มาริสา, เอกติํเส กเปฺป ยํ สิขี ภควา…เป.… เต มยํ, มาริสา, สิขิมฺหิ ภควติ ตสฺมิเญฺญว โข มาริสา, เอกติํเส กเปฺป ยํ เวสฺสภู ภควา…เป.… เต มยํ, มาริสา, เวสฺสภุมฺหิ ภควติ…เป.… อิมสฺมิํเยว โข, มาริสา, ภทฺทกเปฺป กกุสโนฺธ โกณาคมโน กสฺสโป ภควา…เป.… เต มยํ, มาริสา, กกุสนฺธมฺหิ โกณาคมนมฺหิ กสฺสปมฺหิ ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา กาเมสุ กามจฺฉนฺทํ วิราเชตฺวา อิธูปปนฺนา’ติฯ
‘‘Ekamantaṃ ṭhitā kho, bhikkhave, tā devatā maṃ etadavocuṃ – ‘ito so, mārisā, ekanavutikappe yaṃ vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Vipassī, mārisā, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho khattiyo jātiyā ahosi. Khattiyakule udapādi. Vipassī, mārisā, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho koṇḍañño gottena ahosi. Vipassissa, mārisā, bhagavato arahato sammāsambuddhassa asītivassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Vipassī, mārisā, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho pāṭaliyā mūle abhisambuddho. Vipassissa, mārisā, bhagavato arahato sammāsambuddhassa khaṇḍatissaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Vipassissa, mārisā, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassaṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi bhikkhusatasahassaṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi asītibhikkhusahassāni. Vipassissa, mārisā, bhagavato arahato sammāsambuddhassa ime tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ sabbesaṃyeva khīṇāsavānaṃ. Vipassissa, mārisā, bhagavato arahato sammāsambuddhassa asoko nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Vipassissa, mārisā, bhagavato arahato sammāsambuddhassa bandhumā nāma rājā pitā ahosi bandhumatī nāma devī mātā ahosi janetti. Bandhumassa rañño bandhumatī nāma nagaraṃ rājadhānī ahosi. Vipassissa, mārisā, bhagavato arahato sammāsambuddhassa evaṃ abhinikkhamanaṃ ahosi evaṃ pabbajjā evaṃ padhānaṃ evaṃ abhisambodhi, evaṃ dhammacakkappavattanaṃ. Te mayaṃ, mārisā, vipassimhi bhagavati brahmacariyaṃ caritvā kāmesu kāmacchandaṃ virājetvā idhūpapannā’ti. Tasmiṃyeva kho, bhikkhave, devanikāye anekāni devatāsahassāni anekāni devatāsatasahassāni yenāhaṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho, bhikkhave, tā devatā maṃ etadavocuṃ – ‘ito so, mārisā, ekatiṃse kappe yaṃ sikhī bhagavā…pe… te mayaṃ, mārisā, sikhimhi bhagavati tasmiññeva kho mārisā, ekatiṃse kappe yaṃ vessabhū bhagavā…pe… te mayaṃ, mārisā, vessabhumhi bhagavati…pe… imasmiṃyeva kho, mārisā, bhaddakappe kakusandho koṇāgamano kassapo bhagavā…pe… te mayaṃ, mārisā, kakusandhamhi koṇāgamanamhi kassapamhi bhagavati brahmacariyaṃ caritvā kāmesu kāmacchandaṃ virājetvā idhūpapannā’ti.
๙๓. ‘‘ตสฺมิํเยว โข, ภิกฺขเว, เทวนิกาเย อเนกานิ เทวตาสหสฺสานิ อเนกานิ เทวตาสตสหสฺสานิ เยนาหํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข, ภิกฺขเว, ตา เทวตา มํ เอตทโวจุํ – ‘อิมสฺมิํเยว โข, มาริสา, ภทฺทกเปฺป ภควา เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺนฯ ภควา, มาริสา, ขตฺติโย ชาติยา, ขตฺติยกุเล อุปฺปโนฺนฯ ภควา, มาริสา, โคตโม โคเตฺตนฯ ภควโต, มาริสา, อปฺปกํ อายุปฺปมาณํ ปริตฺตํ ลหุกํ โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิโยฺยฯ ภควา, มาริสา, อสฺสตฺถสฺส มูเล อภิสมฺพุโทฺธฯ ภควโต, มาริสา, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํฯ ภควโต , มาริสา, เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิฯ ภควโต, มาริสา, อยํ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต อโหสิ สเพฺพสํเยว ขีณาสวานํฯ ภควโต, มาริสา, อานโนฺท นาม ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อคฺคุปฎฺฐาโก อโหสิฯ ภควโต, มาริสา, สุโทฺธทโน นาม ราชา ปิตา อโหสิฯ มายา นาม เทวี มาตา อโหสิ ชเนตฺติฯ กปิลวตฺถุ นาม นครํ ราชธานี อโหสิฯ ภควโต, มาริสา, เอวํ อภินิกฺขมนํ อโหสิ, เอวํ ปพฺพชฺชา, เอวํ ปธานํ, เอวํ อภิสโมฺพธิ, เอวํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํฯ เต มยํ, มาริสา, ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา กาเมสุ กามจฺฉนฺทํ วิราเชตฺวา อิธูปปนฺนา’ติฯ
93. ‘‘Tasmiṃyeva kho, bhikkhave, devanikāye anekāni devatāsahassāni anekāni devatāsatasahassāni yenāhaṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho, bhikkhave, tā devatā maṃ etadavocuṃ – ‘imasmiṃyeva kho, mārisā, bhaddakappe bhagavā etarahi arahaṃ sammāsambuddho loke uppanno. Bhagavā, mārisā, khattiyo jātiyā, khattiyakule uppanno. Bhagavā, mārisā, gotamo gottena. Bhagavato, mārisā, appakaṃ āyuppamāṇaṃ parittaṃ lahukaṃ yo ciraṃ jīvati, so vassasataṃ appaṃ vā bhiyyo. Bhagavā, mārisā, assatthassa mūle abhisambuddho. Bhagavato, mārisā, sāriputtamoggallānaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Bhagavato , mārisā, eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi aḍḍhateḷasāni bhikkhusatāni. Bhagavato, mārisā, ayaṃ eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sabbesaṃyeva khīṇāsavānaṃ. Bhagavato, mārisā, ānando nāma bhikkhu upaṭṭhāko aggupaṭṭhāko ahosi. Bhagavato, mārisā, suddhodano nāma rājā pitā ahosi. Māyā nāma devī mātā ahosi janetti. Kapilavatthu nāma nagaraṃ rājadhānī ahosi. Bhagavato, mārisā, evaṃ abhinikkhamanaṃ ahosi, evaṃ pabbajjā, evaṃ padhānaṃ, evaṃ abhisambodhi, evaṃ dhammacakkappavattanaṃ. Te mayaṃ, mārisā, bhagavati brahmacariyaṃ caritvā kāmesu kāmacchandaṃ virājetvā idhūpapannā’ti.
๙๔. ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตเสฺสเวสา ธมฺมธาตุ สุปฺปฎิวิทฺธา, ยสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปฺปฎิวิทฺธตฺตา ตถาคโต อตีเต พุเทฺธ ปรินิพฺพุเต ฉินฺนปปเญฺจ ฉินฺนวฎุเม ปริยาทินฺนวเฎฺฎ สพฺพทุกฺขวีติวเตฺต ชาติโตปิ อนุสฺสรติ, นามโตปิ อนุสฺสรติ, โคตฺตโตปิ อนุสฺสรติ, อายุปฺปมาณโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกยุคโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกสนฺนิปาตโตปิ อนุสฺสรติ ‘เอวํชจฺจา เต ภควโนฺต อเหสุํ’ อิติปิฯ ‘เอวํนามา เอวํโคตฺตา เอวํสีลา เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา เอวํวิหารี เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต อเหสุํ’ อิติปีติฯ
94. ‘‘Iti kho, bhikkhave, tathāgatassevesā dhammadhātu suppaṭividdhā, yassā dhammadhātuyā suppaṭividdhattā tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarati, nāmatopi anussarati, gottatopi anussarati, āyuppamāṇatopi anussarati, sāvakayugatopi anussarati, sāvakasannipātatopi anussarati ‘evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ’ itipi. ‘Evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ’ itipīti.
‘‘เทวตาปิ ตถาคตสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ, เยน ตถาคโต อตีเต พุเทฺธ ปรินิพฺพุเต ฉินฺนปปเญฺจ ฉินฺนวฎุเม ปริยาทินฺนวเฎฺฎ สพฺพทุกฺขวีติวเตฺต ชาติโตปิ อนุสฺสรติ, นามโตปิ อนุสฺสรติ, โคตฺตโตปิ อนุสฺสรติ, อายุปฺปมาณโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกยุคโตปิ อนุสฺสรติ, สาวกสนฺนิปาตโตปิ อนุสฺสรติ ‘เอวํชจฺจา เต ภควโนฺต อเหสุํ’ อิติปิฯ ‘เอวํนามา เอวํโคตฺตา เอวํสีลา เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา เอวํวิหารี เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต อเหสุํ’ อิติปี’’ติฯ
‘‘Devatāpi tathāgatassa etamatthaṃ ārocesuṃ, yena tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarati, nāmatopi anussarati, gottatopi anussarati, āyuppamāṇatopi anussarati, sāvakayugatopi anussarati, sāvakasannipātatopi anussarati ‘evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ’ itipi. ‘Evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ’ itipī’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
มหาปทานสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ปฐมํฯ
Mahāpadānasuttaṃ niṭṭhitaṃ paṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๑. มหาปทานสุตฺตวณฺณนา • 1. Mahāpadānasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑. มหาปทานสุตฺตวณฺณนา • 1. Mahāpadānasuttavaṇṇanā