Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
ทีฆนิกาเย
Dīghanikāye
มหาวคฺคฎฺฐกถา
Mahāvaggaṭṭhakathā
๑. มหาปทานสุตฺตวณฺณนา
1. Mahāpadānasuttavaṇṇanā
ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตกถา
Pubbenivāsapaṭisaṃyuttakathā
๑. เอวํ เม สุตํ…เป.… กเรริกุฎิกายนฺติ มหาปทานสุตฺตํฯ ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา – กเรริกุฎิกายนฺติ กเรรีติ วรุณรุกฺขสฺส นามํ, กเรริมณฺฑโป ตสฺสา กุฎิกาย ทฺวาเร ฐิโต, ตสฺมา ‘‘กเรริกุฎิกา’’ติ วุจฺจติ, ยถา โกสมฺพรุกฺขสฺส ทฺวาเร ฐิตตฺตา ‘‘โกสมฺพกุฎิกา’’ติฯ อโนฺตเชตวเน กิร กเรริกุฎิ โกสมฺพกุฎิ คนฺธกุฎิ สลฬาคารนฺติ จตฺตาริ มหาเคหานิ, เอเกกํ สตสหสฺสปริจฺจาเคน นิปฺผนฺนํฯ เตสุ สลฬาคารํ รญฺญา ปเสนทินา การิตํ, เสสานิ อนาถปิณฺฑิเกน การิตานิฯ อิติ ภควา อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา ถมฺภานํ อุปริ การิตาย เทววิมานกปฺปาย กเรริกุฎิกายํ วิหรติ ฯ ปจฺฉาภตฺตนฺติ เอกาสนิกขลุปจฺฉาภตฺติกานํ ปาโตว ภุตฺตานํ อโนฺตมชฺฌนฺหิเกปิ ปจฺฉาภตฺตเมวฯ อิธ ปน ปกติภตฺตสฺส ปจฺฉโต ‘‘ปจฺฉาภตฺต’’นฺติ อธิเปฺปตํฯ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตานนฺติ ปิณฺฑปาตโต ปฎิกฺกนฺตานํ, ภตฺตกิจฺจํ นิฎฺฐเปตฺวา อุฎฺฐิตานนฺติ อโตฺถฯ
1.Evaṃme sutaṃ…pe… karerikuṭikāyanti mahāpadānasuttaṃ. Tatrāyaṃ apubbapadavaṇṇanā – karerikuṭikāyanti karerīti varuṇarukkhassa nāmaṃ, karerimaṇḍapo tassā kuṭikāya dvāre ṭhito, tasmā ‘‘karerikuṭikā’’ti vuccati, yathā kosambarukkhassa dvāre ṭhitattā ‘‘kosambakuṭikā’’ti. Antojetavane kira karerikuṭi kosambakuṭi gandhakuṭi salaḷāgāranti cattāri mahāgehāni, ekekaṃ satasahassapariccāgena nipphannaṃ. Tesu salaḷāgāraṃ raññā pasenadinā kāritaṃ, sesāni anāthapiṇḍikena kāritāni. Iti bhagavā anāthapiṇḍikena gahapatinā thambhānaṃ upari kāritāya devavimānakappāya karerikuṭikāyaṃ viharati . Pacchābhattanti ekāsanikakhalupacchābhattikānaṃ pātova bhuttānaṃ antomajjhanhikepi pacchābhattameva. Idha pana pakatibhattassa pacchato ‘‘pacchābhatta’’nti adhippetaṃ. Piṇḍapātapaṭikkantānanti piṇḍapātato paṭikkantānaṃ, bhattakiccaṃ niṭṭhapetvā uṭṭhitānanti attho.
กเรริมณฺฑลมาเฬติ ตเสฺสว กเรริมณฺฑปสฺส อวิทูเร กตาย นิสีทนสาลายฯ โส กิร กเรริมณฺฑโป คนฺธกุฎิกาย จ สาลาย จ อนฺตเร โหติ, ตสฺมา คนฺธกุฎีปิ กเรริกุฎิกาปิ สาลาปิ – ‘‘กเรริมณฺฑลมาโฬ’’ติ วุจฺจติฯ ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตาติ ‘‘เอกมฺปิ ชาติํ, เทฺวปิ ชาติโย’’ติ เอวํ วิภเตฺตน ปุเพฺพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานสงฺขาเตน ปุเพฺพนิวาเสน สทฺธิํ โยเชตฺวา ปวตฺติตาฯ ธมฺมีติ ธมฺมสํยุตฺตาฯ
Karerimaṇḍalamāḷeti tasseva karerimaṇḍapassa avidūre katāya nisīdanasālāya. So kira karerimaṇḍapo gandhakuṭikāya ca sālāya ca antare hoti, tasmā gandhakuṭīpi karerikuṭikāpi sālāpi – ‘‘karerimaṇḍalamāḷo’’ti vuccati. Pubbenivāsapaṭisaṃyuttāti ‘‘ekampi jātiṃ, dvepi jātiyo’’ti evaṃ vibhattena pubbenivutthakkhandhasantānasaṅkhātena pubbenivāsena saddhiṃ yojetvā pavattitā. Dhammīti dhammasaṃyuttā.
อุทปาทีติ อโห อจฺฉริยํ ทสพลสฺส ปุเพฺพนิวาสญาณํ , ปุเพฺพนิวาสํ นาม เก อนุสฺสรนฺติ, เก นานุสฺสรนฺตีติฯ ติตฺถิยา อนุสฺสรนฺติ, สาวกา จ ปเจฺจกพุทฺธา จ พุทฺธา จ อนุสฺสรนฺติฯ กตรติตฺถิยา อนุสฺสรนฺติ? เย อคฺคปฺปตฺตกมฺมวาทิโน, เตปิ จตฺตาลีสํเยว กเปฺป อนุสฺสรนฺติ, น ตโต ปรํฯ สาวกา กปฺปสตสหสฺสํ อนุสฺสรนฺติฯ เทฺว อคฺคสาวกา อสเงฺขฺยยฺยเญฺจว กปฺปสตสหสฺสญฺจฯ ปเจฺจกพุทฺธา เทฺว อสเงฺขฺยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสญฺจฯ พุทฺธานํ ปน เอตฺตกนฺติ ปริเจฺฉโท นตฺถิ, ยาวตกํ อากงฺขนฺติ, ตาวตกํ อนุสฺสรนฺติฯ
Udapādīti aho acchariyaṃ dasabalassa pubbenivāsañāṇaṃ , pubbenivāsaṃ nāma ke anussaranti, ke nānussarantīti. Titthiyā anussaranti, sāvakā ca paccekabuddhā ca buddhā ca anussaranti. Kataratitthiyā anussaranti? Ye aggappattakammavādino, tepi cattālīsaṃyeva kappe anussaranti, na tato paraṃ. Sāvakā kappasatasahassaṃ anussaranti. Dve aggasāvakā asaṅkhyeyyañceva kappasatasahassañca. Paccekabuddhā dve asaṅkhyeyyāni kappasatasahassañca. Buddhānaṃ pana ettakanti paricchedo natthi, yāvatakaṃ ākaṅkhanti, tāvatakaṃ anussaranti.
ติตฺถิยา ขนฺธปฎิปาฎิยา อนุสฺสรนฺติ, ปฎิปาฎิํ มุญฺจิตฺวา น สโกฺกนฺติฯ ปฎิปาฎิยา อนุสฺสรนฺตาปิ อสญฺญภวํ ปตฺวา ขนฺธปฺปวตฺติํ น ปสฺสนฺติ, ชาเล ปติตา กุณฺฐา วิย, กูเป ปติตา ปงฺคุฬา วิย จ โหนฺติฯ เต ตตฺถ ฐตฺวา ‘‘เอตฺตกเมว, อิโต ปรํ นตฺถี’’ติ ทิฎฺฐิํ คณฺหนฺติฯ อิติ ติตฺถิยานํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสรณํ อนฺธานํ ยฎฺฐิโกฎิคมนํ วิย โหติฯ ยถา หิ อนฺธา ยฎฺฐิโกฎิคฺคาหเก สติเยว คจฺฉนฺติ, อสติ ตเตฺถว นิสีทนฺติ, เอวเมว ติตฺถิยา ขนฺธปฎิปาฎิยาว อนุสฺสริตุํ สโกฺกนฺติ, ปฎิปาฎิํ วิสฺสเชฺชตฺวา น สโกฺกนฺติฯ
Titthiyā khandhapaṭipāṭiyā anussaranti, paṭipāṭiṃ muñcitvā na sakkonti. Paṭipāṭiyā anussarantāpi asaññabhavaṃ patvā khandhappavattiṃ na passanti, jāle patitā kuṇṭhā viya, kūpe patitā paṅguḷā viya ca honti. Te tattha ṭhatvā ‘‘ettakameva, ito paraṃ natthī’’ti diṭṭhiṃ gaṇhanti. Iti titthiyānaṃ pubbenivāsānussaraṇaṃ andhānaṃ yaṭṭhikoṭigamanaṃ viya hoti. Yathā hi andhā yaṭṭhikoṭiggāhake satiyeva gacchanti, asati tattheva nisīdanti, evameva titthiyā khandhapaṭipāṭiyāva anussarituṃ sakkonti, paṭipāṭiṃ vissajjetvā na sakkonti.
สาวกาปิ ขนฺธปฎิปาฎิยาว อนุสฺสรนฺติ, อสญฺญภวํ ปตฺวา ขนฺธปฺปวตฺติํ น ปสฺสนฺติฯ เอวํ สเนฺตปิ เต วเฎฺฎ สํสรณกสตฺตานํ ขนฺธานํ อภาวกาโล นาม นตฺถิฯ อสญฺญภเว ปน ปญฺจกปฺปสตานิ ปวตฺตนฺตีติ ตตฺตกํ กาลํ อติกฺกมิตฺวา พุเทฺธหิ ทินฺนนเย ฐตฺวา ปรโต อนุสฺสรนฺติ; เสยฺยถาปิ อายสฺมา โสภิโตฯ เทฺว อคฺคสาวกา ปน ปเจฺจกพุทฺธา จ จุติปฎิสนฺธิํ โอโลเกตฺวา อนุสฺสรนฺติฯ พุทฺธานํ จุติปฎิสนฺธิกิจฺจํ นตฺถิ, ยํ ยํ ฐานํ ปสฺสิตุกามา โหนฺติ, ตํ ตเทว ปสฺสนฺติฯ
Sāvakāpi khandhapaṭipāṭiyāva anussaranti, asaññabhavaṃ patvā khandhappavattiṃ na passanti. Evaṃ santepi te vaṭṭe saṃsaraṇakasattānaṃ khandhānaṃ abhāvakālo nāma natthi. Asaññabhave pana pañcakappasatāni pavattantīti tattakaṃ kālaṃ atikkamitvā buddhehi dinnanaye ṭhatvā parato anussaranti; seyyathāpi āyasmā sobhito. Dve aggasāvakā pana paccekabuddhā ca cutipaṭisandhiṃ oloketvā anussaranti. Buddhānaṃ cutipaṭisandhikiccaṃ natthi, yaṃ yaṃ ṭhānaṃ passitukāmā honti, taṃ tadeva passanti.
ติตฺถิยา จ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรมานา อตฺตนา ทิฎฺฐกตสุตเมว อนุสฺสรนฺติฯ ตถา สาวกา จ ปเจฺจกพุทฺธา จฯ พุทฺธา ปน อตฺตนา วา ปเรหิ วา ทิฎฺฐกตสุตํ สพฺพเมว อนุสฺสรนฺติฯ
Titthiyā ca pubbenivāsaṃ anussaramānā attanā diṭṭhakatasutameva anussaranti. Tathā sāvakā ca paccekabuddhā ca. Buddhā pana attanā vā parehi vā diṭṭhakatasutaṃ sabbameva anussaranti.
ติตฺถิยานํ ปุเพฺพนิวาสญาณํ ขโชฺชปนกโอภาสสทิสํ, สาวกานํ ปทีโปภาสสทิสํ, อคฺคสาวกานํ โอสธิตารโกภาสสทิสํ, ปเจฺจกพุทฺธานํ จโนฺทภาสสทิสํ, พุทฺธานํ สรทสูริยมณฺฑโลภาสสทิสํฯ ตสฺส เอตฺตกานิ ชาติสตานิ ชาติสหสฺสานิ ชาติสตสหสฺสานีติ วา เอตฺตกานิ กปฺปสตานิ กปฺปสหสฺสานิ กปฺปสตสหสฺสานีติ วา นตฺถิ, ยํ กิญฺจิ อนุสฺสรนฺตสฺส เนว ขลิตํ, น ปฎิฆาตํ โหติ, อาวชฺชนปฎิพทฺธเมว อากงฺขมนสิการจิตฺตุปฺปาทปฎิพทฺธเมว โหติฯ ทุพฺพลปตฺตปุเฎ เวคกฺขิตฺตนาราโจ วิย, สิเนรุกูเฎ วิสฺสฎฺฐอินฺทวชิรํ วิย จ อสชฺชมานเมว คจฺฉติฯ ‘‘อโห มหนฺตํ ภควโต ปุเพฺพนิวาสญาณ’’นฺติ เอวํ ภควนฺตํเยว อารพฺภ กถา อุปฺปนฺนา, ชาตา ปวตฺตาติ อโตฺถฯ ตํ สพฺพมฺปิ สเงฺขปโต ทเสฺสตุํ ‘‘อิติปิ ปุเพฺพนิวาโส, อิติปิ ปุเพฺวนิวาโส’’ติ เอตฺตกเมว ปาฬิยํ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิติปีติ เอวมฺปิฯ
Titthiyānaṃ pubbenivāsañāṇaṃ khajjopanakaobhāsasadisaṃ, sāvakānaṃ padīpobhāsasadisaṃ, aggasāvakānaṃ osadhitārakobhāsasadisaṃ, paccekabuddhānaṃ candobhāsasadisaṃ, buddhānaṃ saradasūriyamaṇḍalobhāsasadisaṃ. Tassa ettakāni jātisatāni jātisahassāni jātisatasahassānīti vā ettakāni kappasatāni kappasahassāni kappasatasahassānīti vā natthi, yaṃ kiñci anussarantassa neva khalitaṃ, na paṭighātaṃ hoti, āvajjanapaṭibaddhameva ākaṅkhamanasikāracittuppādapaṭibaddhameva hoti. Dubbalapattapuṭe vegakkhittanārāco viya, sinerukūṭe vissaṭṭhaindavajiraṃ viya ca asajjamānameva gacchati. ‘‘Aho mahantaṃ bhagavato pubbenivāsañāṇa’’nti evaṃ bhagavantaṃyeva ārabbha kathā uppannā, jātā pavattāti attho. Taṃ sabbampi saṅkhepato dassetuṃ ‘‘itipi pubbenivāso, itipi pubvenivāso’’ti ettakameva pāḷiyaṃ vuttaṃ. Tattha itipīti evampi.
๒-๓. อโสฺสสิ โข…เป.… อถ ภควา อนุปฺปโตฺตติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตเมวฯ อยเมว หิ วิเสโส – ตตฺถ สพฺพญฺญุตญฺญาเณน อโสฺสสิ, อิธ ทิพฺพโสเตนฯ ตตฺถ จ วณฺณาวณฺณกถา วิปฺปกตา, อิธ ปุเพฺพนิวาสกถาฯ ตสฺมา ภควา – ‘‘อิเม ภิกฺขู มม ปุเพฺพนิวาสญาณํ อารพฺภ คุณํ โถเมนฺติ, ปุเพฺพนิวาสญาณสฺส ปน เม นิปฺผตฺติํ น ชานนฺติ; หนฺท เนสํ ตสฺส นิปฺผตฺติํ กเถตฺวา ทสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา ปกติยาปิ พุทฺธานํ นิสีทิตฺวา ธมฺมเทสนตฺถเมว ฐปิเต ตงฺขเณ ภิกฺขูหิ ปโปฺผเฎตฺวา ทิเนฺน วรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉาย จ ‘‘อิธ , ภเนฺต’’ติอาทิปฎิวจนสฺส จ ปริโยสาเน เตสํ ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมิํ กถํ กเถตุกาโม อิเจฺฉยฺยาถ โนติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิเจฺฉยฺยาถ โนติ อิเจฺฉยฺยาถ นุฯ อถ นํ ปหฎฺฐมานสา ภิกฺขู ยาจมานา เอตสฺส ภควาติอาทิมาหํสุฯ ตตฺถ เอตสฺสาติ เอตสฺส ธมฺมิกถากรณสฺสฯ
2-3.Assosi kho…pe… atha bhagavā anuppattoti ettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ brahmajālasuttavaṇṇanāyaṃ vuttameva. Ayameva hi viseso – tattha sabbaññutaññāṇena assosi, idha dibbasotena. Tattha ca vaṇṇāvaṇṇakathā vippakatā, idha pubbenivāsakathā. Tasmā bhagavā – ‘‘ime bhikkhū mama pubbenivāsañāṇaṃ ārabbha guṇaṃ thomenti, pubbenivāsañāṇassa pana me nipphattiṃ na jānanti; handa nesaṃ tassa nipphattiṃ kathetvā dassāmī’’ti āgantvā pakatiyāpi buddhānaṃ nisīditvā dhammadesanatthameva ṭhapite taṅkhaṇe bhikkhūhi papphoṭetvā dinne varabuddhāsane nisīditvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave’’ti pucchāya ca ‘‘idha , bhante’’tiādipaṭivacanassa ca pariyosāne tesaṃ pubbenivāsapaṭisaṃyuttaṃ dhammiṃ kathaṃ kathetukāmo iccheyyātha notiādimāha. Tattha iccheyyātha noti iccheyyātha nu. Atha naṃ pahaṭṭhamānasā bhikkhū yācamānā etassa bhagavātiādimāhaṃsu. Tattha etassāti etassa dhammikathākaraṇassa.
๔. อถ ภควา เตสํ ยาจนํ คเหตฺวา กเถตุกาโม ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถา’’ติ เต โสตาวธารณสาธุกมนสิกาเรสุ นิโยเชตฺวา อเญฺญสํ อสาธารณํ ฉินฺนวฎุมกานุสฺสรณํ ปกาเสตุกาโม อิโต โส, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยํ วิปสฺสีติ ยสฺมิํ กเปฺป วิปสฺสีฯ อยญฺหิ ‘ย’นฺติ สโทฺท ‘‘ยํ เม, ภเนฺต, เทวานํ ตาวติํสานํ สมฺมุขา สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ, อาโรเจมิ ตํ, ภควโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๐๓) ปจฺจตฺตวจเน ทิสฺสติฯ ‘‘ยํ ตํ อปุจฺฉิมฺห อกิตฺตยี โน, อญฺญํ ตํ ปุจฺฉาม ตทิงฺฆ พฺรูหี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๘๑) อุปโยควจเนฯ ‘‘อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑.๒๗๗) กรณวจเนฯ อิธ ปน ภุมฺมเตฺถติ ทฎฺฐโพฺพฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ยสฺมิํ กเปฺป’’ติฯ อุทปาทีติ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทโนฺต อุปฺปชฺชิฯ
4. Atha bhagavā tesaṃ yācanaṃ gahetvā kathetukāmo ‘‘tena hi, bhikkhave, suṇāthā’’ti te sotāvadhāraṇasādhukamanasikāresu niyojetvā aññesaṃ asādhāraṇaṃ chinnavaṭumakānussaraṇaṃ pakāsetukāmo ito so, bhikkhavetiādimāha. Tattha yaṃ vipassīti yasmiṃ kappe vipassī. Ayañhi ‘ya’nti saddo ‘‘yaṃ me, bhante, devānaṃ tāvatiṃsānaṃ sammukhā sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ, ārocemi taṃ, bhagavato’’tiādīsu (dī. ni. 2.203) paccattavacane dissati. ‘‘Yaṃ taṃ apucchimha akittayī no, aññaṃ taṃ pucchāma tadiṅgha brūhī’’tiādīsu (su. ni. 881) upayogavacane. ‘‘Aṭṭhānametaṃ, bhikkhave, anavakāso, yaṃ ekissā lokadhātuyā’’tiādīsu (a. ni. 1.277) karaṇavacane. Idha pana bhummattheti daṭṭhabbo. Tena vuttaṃ – ‘‘yasmiṃ kappe’’ti. Udapādīti dasasahassilokadhātuṃ unnādento uppajji.
ภทฺทกเปฺปติ ปญฺจพุทฺธุปฺปาทปฎิมณฺฑิตตฺตา สุนฺทรกเปฺป สารกเปฺปติ ภควา อิมํ กปฺปํ โถเมโนฺต เอวมาหฯ ยโต ปฎฺฐาย กิร อมฺหากํ ภควตา อภินีหาโร กโต, เอตสฺมิํ อนฺตเร เอกกเปฺปปิ ปญฺจ พุทฺธา นิพฺพตฺตา นาม นตฺถิฯ อมฺหากํ ภควโต อภินีหารสฺส ปุรโต ปน ตณฺหงฺกโร, เมธงฺกโร, สรณงฺกโร, ทีปงฺกโรติ จตฺตาโร พุทฺธา เอกสฺมิํ กเปฺป นิพฺพตฺติํสุฯ เตสํ โอรภาเค เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ พุทฺธสุญฺญเมว อโหสิฯ
Bhaddakappeti pañcabuddhuppādapaṭimaṇḍitattā sundarakappe sārakappeti bhagavā imaṃ kappaṃ thomento evamāha. Yato paṭṭhāya kira amhākaṃ bhagavatā abhinīhāro kato, etasmiṃ antare ekakappepi pañca buddhā nibbattā nāma natthi. Amhākaṃ bhagavato abhinīhārassa purato pana taṇhaṅkaro, medhaṅkaro, saraṇaṅkaro, dīpaṅkaroti cattāro buddhā ekasmiṃ kappe nibbattiṃsu. Tesaṃ orabhāge ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ buddhasuññameva ahosi.
อสเงฺขฺยยฺยกปฺปปริโยสาเน ปน โกณฺฑโญฺญ นาม พุโทฺธ เอโกว เอกสฺมิํ กเปฺป อุปฺปโนฺนฯ ตโตปิ อสเงฺขฺยยฺยํ พุทฺธสุญฺญเมว อโหสิฯ อสเงฺขฺยยฺยกปฺปปริโยสาเน มงฺคโล, สุมโน, เรวโต, โสภิโตติ จตฺตาโร พุทฺธา เอกสฺมิํ กเปฺป อุปฺปนฺนา ฯ ตโตปิ อสเงฺขฺยยฺยํ พุทฺธสุญฺญเมว อโหสิฯ อสเงฺขฺยยฺยกปฺปปริโยสาเน ปน อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส อสเงฺขฺยยฺยสฺส อุปริ อโนมทสฺสี, ปทุโม, นารโทติ ตโย พุทฺธา เอกสฺมิํ กเปฺป อุปฺปนฺนาฯ ตโตปิ อสเงฺขฺยยฺยํ พุทฺธสุญฺญเมว อโหสิฯ อสเงฺขฺยยฺยกปฺปปริโยสาเน ปน อิโต กปฺปสตสหสฺสานํ อุปริ ปทุมุตฺตโร ภควา เอโกว เอกสฺมิํ กเปฺป อุปฺปโนฺนฯ ตสฺส โอรภาเค อิโต ติํสกปฺปสหสฺสานํ อุปริ สุเมโธ, สุชาโตติ เทฺว พุทฺธา เอกสฺมิํ กเปฺป อุปฺปนฺนาฯ ตโต โอรภาเค อิโต อฎฺฐารสนฺนํ กปฺปสหสฺสานํ อุปริ ปิยทสฺสี, อตฺถทสฺสี, ธมฺมทสฺสีติ ตโย พุทฺธา เอกสฺมิํ กเปฺป อุปฺปนฺนาฯ อถ อิโต จตุนวุติกเปฺป สิทฺธโตฺถ นาม พุโทฺธ เอโกว เอกสฺมิํ กเปฺป อุปฺปโนฺนฯ อิโต เทฺว นวุติกเปฺป ติโสฺส, ผุโสฺสติ เทฺว พุทฺธา เอกสฺมิํ กเปฺป อุปฺปนฺนาฯ อิโต เอกนวุติกเปฺป วิปสฺสี ภควา อุปฺปโนฺนฯ อิโต เอกติํเส กเปฺป สิขี, เวสฺสภูติ เทฺว พุทฺธา อุปฺปนฺนาฯ อิมสฺมิํ ภทฺทกเปฺป กกุสโนฺธ, โกณาคมโน, กสฺสโป, โคตโม อมฺหากํ สมฺมาสมฺพุโทฺธติ จตฺตาโร พุทฺธา อุปฺปนฺนา, เมเตฺตโยฺย อุปฺปชฺชิสฺสติฯ เอวมยํ กโปฺป ปญฺจพุทฺธุปฺปาทปฎิมณฺฑิตตฺตา สุนฺทรกโปฺป สารกโปฺปติ ภควา อิมํ กปฺปํ โถเมโนฺต เอวมาหฯ
Asaṅkhyeyyakappapariyosāne pana koṇḍañño nāma buddho ekova ekasmiṃ kappe uppanno. Tatopi asaṅkhyeyyaṃ buddhasuññameva ahosi. Asaṅkhyeyyakappapariyosāne maṅgalo, sumano, revato, sobhitoti cattāro buddhā ekasmiṃ kappe uppannā . Tatopi asaṅkhyeyyaṃ buddhasuññameva ahosi. Asaṅkhyeyyakappapariyosāne pana ito kappasatasahassādhikassa asaṅkhyeyyassa upari anomadassī, padumo, nāradoti tayo buddhā ekasmiṃ kappe uppannā. Tatopi asaṅkhyeyyaṃ buddhasuññameva ahosi. Asaṅkhyeyyakappapariyosāne pana ito kappasatasahassānaṃ upari padumuttaro bhagavā ekova ekasmiṃ kappe uppanno. Tassa orabhāge ito tiṃsakappasahassānaṃ upari sumedho, sujātoti dve buddhā ekasmiṃ kappe uppannā. Tato orabhāge ito aṭṭhārasannaṃ kappasahassānaṃ upari piyadassī, atthadassī, dhammadassīti tayo buddhā ekasmiṃ kappe uppannā. Atha ito catunavutikappe siddhattho nāma buddho ekova ekasmiṃ kappe uppanno. Ito dve navutikappe tisso, phussoti dve buddhā ekasmiṃ kappe uppannā. Ito ekanavutikappe vipassī bhagavā uppanno. Ito ekatiṃse kappe sikhī, vessabhūti dve buddhā uppannā. Imasmiṃ bhaddakappe kakusandho, koṇāgamano, kassapo, gotamo amhākaṃ sammāsambuddhoti cattāro buddhā uppannā, metteyyo uppajjissati. Evamayaṃ kappo pañcabuddhuppādapaṭimaṇḍitattā sundarakappo sārakappoti bhagavā imaṃ kappaṃ thomento evamāha.
กิํ ปเนตํ พุทฺธานํเยว ปากฎํ โหติ – ‘‘อิมสฺมิํ กเปฺป เอตฺตกา พุทฺธา อุปฺปนฺนา วา อุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ วา’’ติ, อุทาหุ อเญฺญสมฺปิ ปากฎํ โหตีติ? อเญฺญสมฺปิ ปากฎํ โหติฯ เกสํ? สุทฺธาวาสพฺรหฺมานํฯ กปฺปสณฺฐานกาลสฺมิญฺหิ เอกมสเงฺขฺยยฺยํ เอกงฺคณํ หุตฺวา ฐิเต โลกสนฺนิวาเส โลกสฺส สณฺฐานตฺถาย เทโว วสฺสิตุํ อารภติฯ อาทิโตว อนฺตรฎฺฐเก หิมปาโต วิย โหติฯ ตโต ติลมตฺตา กณมตฺตา ตณฺฑุลมตฺตา มุคฺค-มาส-พทร-อามลก-เอฬาลุก-กุมฺภณฺฑ-อลาพุมตฺตา อุทกธารา หุตฺวา อนุกฺกเมน อุสภเทฺวอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตเทฺวคาวุตอฑฺฒโยชนโยชนทฺวิโยชน…เป.… โยชนสตโยชนสหสฺสโยชนสตสหสฺสมตฺตา หุตฺวา โกฎิสตสหสฺสจกฺกวาฬพฺภนฺตเร ยาว อวินฎฺฐพฺรหฺมโลกา ปูเรตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ อถ ตํ อุทกํ อนุปุเพฺพน ภสฺสติ, ภสฺสเนฺต อุทเก ปกติเทวโลกฎฺฐาเนสุ เทวโลกา สณฺฐหนฺติ, เตสํ สณฺฐหนวิธานํ วิสุทฺธิมเคฺค ปุเพฺพนิวาสกถายํ วุตฺตเมวฯ
Kiṃ panetaṃ buddhānaṃyeva pākaṭaṃ hoti – ‘‘imasmiṃ kappe ettakā buddhā uppannā vā uppajjissantīti vā’’ti, udāhu aññesampi pākaṭaṃ hotīti? Aññesampi pākaṭaṃ hoti. Kesaṃ? Suddhāvāsabrahmānaṃ. Kappasaṇṭhānakālasmiñhi ekamasaṅkhyeyyaṃ ekaṅgaṇaṃ hutvā ṭhite lokasannivāse lokassa saṇṭhānatthāya devo vassituṃ ārabhati. Āditova antaraṭṭhake himapāto viya hoti. Tato tilamattā kaṇamattā taṇḍulamattā mugga-māsa-badara-āmalaka-eḷāluka-kumbhaṇḍa-alābumattā udakadhārā hutvā anukkamena usabhadveusabhaaḍḍhagāvutagāvutadvegāvutaaḍḍhayojanayojanadviyojana…pe… yojanasatayojanasahassayojanasatasahassamattā hutvā koṭisatasahassacakkavāḷabbhantare yāva avinaṭṭhabrahmalokā pūretvā tiṭṭhanti. Atha taṃ udakaṃ anupubbena bhassati, bhassante udake pakatidevalokaṭṭhānesu devalokā saṇṭhahanti, tesaṃ saṇṭhahanavidhānaṃ visuddhimagge pubbenivāsakathāyaṃ vuttameva.
มนุสฺสโลกสณฺฐหนฎฺฐานํ ปน ปเตฺต อุทเก ธมกรณมุเข ปิหิเต วิย วาตวเสน ตํ อุทกํ สนฺติฎฺฐติ, อุทกปิเฎฺฐ อุปฺปลินิปณฺณํ วิย ปถวี สณฺฐหติฯ มหาโพธิปลฺลโงฺก วินสฺสมาเน โลเก ปจฺฉา วินสฺสติ, สณฺฐหมาเน ปฐมํ สณฺฐหติฯ ตตฺถ ปุพฺพนิมิตฺตํ หุตฺวา เอโก ปทุมินิคโจฺฉ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส สเจ ตสฺมิํ กเปฺป พุโทฺธ นิพฺพตฺติสฺสติ, ปุปฺผํ อุปฺปชฺชติฯ โน เจ, นุปฺปชฺชติฯ อุปฺปชฺชมานญฺจ สเจ เอโก พุโทฺธ นิพฺพตฺติสฺสติ, เอกํ อุปฺปชฺชติฯ สเจ เทฺว, ตโย, จตฺตาโร, ปญฺจ พุทฺธา นิพฺพตฺติสฺสนฺติ, ปญฺจ อุปฺปชฺชนฺติฯ ตานิ จ โข เอกสฺมิํเยว นาเฬ กณฺณิกาพทฺธานิ หุตฺวาฯ สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน ‘‘อายาม , มยํ มาริสา, ปุพฺพนิมิตฺตํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ มหาโพธิปลฺลงฺกฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺติ, พุทฺธานํ อนิพฺพตฺตนกเปฺป ปุปฺผํ น โหติฯ เต ปน อปุปฺผิตคจฺฉํ ทิสฺวา – ‘‘อนฺธกาโร วต โภ โลโก ภวิสฺสติ, มตา มตา สตฺตา อปาเย ปูเรสฺสนฺติ, ฉ เทวโลกา นว พฺรหฺมโลกา สุญฺญา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อนตฺตมนา โหนฺติฯ ปุปฺผิตกาเล ปน ปุปฺผํ ทิสฺวา – ‘‘สพฺพญฺญุโพธิสเตฺตสุ มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมเนฺตสุ นิกฺขมเนฺตสุ สมฺพุชฺฌเนฺตสุ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตเนฺตสุ ยมกปาฎิหาริยํ กโรเนฺตสุ เทโวโรหนํ กโรเนฺตสุ อายุสงฺขารํ โอสฺสชฺชเนฺตสุ ปรินิพฺพายเนฺตสุ ทสสหสฺสจกฺกวาฬกมฺปนาทีนิ ปาฎิหาริยานิ ทกฺขิสฺสามา’’ติ จ ‘‘จตฺตาโร อปายา ปริหายิสฺสนฺติ, ฉ เทวโลกา นว พฺรหฺมโลกา ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ จ อตฺตมนา อุทานํ อุทาเนนฺตา อตฺตโน อตฺตโน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉนฺติฯ อิมสฺมิํ ภทฺทกเปฺป ปญฺจ ปทุมานิ อุปฺปชฺชิํสุฯ เตสํ นิมิตฺตานํ อานุภาเวน จตฺตาโร พุทฺธา อุปฺปนฺนา, ปญฺจโม อุปฺปชฺชิสฺสติฯ สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโนปิ ตานิ ปทุมานิ ทิสฺวา อิมมตฺถํ ชานิํสุฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อเญฺญสมฺปิ ปากฎํ โหตี’’ติฯ
Manussalokasaṇṭhahanaṭṭhānaṃ pana patte udake dhamakaraṇamukhe pihite viya vātavasena taṃ udakaṃ santiṭṭhati, udakapiṭṭhe uppalinipaṇṇaṃ viya pathavī saṇṭhahati. Mahābodhipallaṅko vinassamāne loke pacchā vinassati, saṇṭhahamāne paṭhamaṃ saṇṭhahati. Tattha pubbanimittaṃ hutvā eko paduminigaccho uppajjati, tassa sace tasmiṃ kappe buddho nibbattissati, pupphaṃ uppajjati. No ce, nuppajjati. Uppajjamānañca sace eko buddho nibbattissati, ekaṃ uppajjati. Sace dve, tayo, cattāro, pañca buddhā nibbattissanti, pañca uppajjanti. Tāni ca kho ekasmiṃyeva nāḷe kaṇṇikābaddhāni hutvā. Suddhāvāsabrahmāno ‘‘āyāma , mayaṃ mārisā, pubbanimittaṃ passissāmā’’ti mahābodhipallaṅkaṭṭhānaṃ āgacchanti, buddhānaṃ anibbattanakappe pupphaṃ na hoti. Te pana apupphitagacchaṃ disvā – ‘‘andhakāro vata bho loko bhavissati, matā matā sattā apāye pūressanti, cha devalokā nava brahmalokā suññā bhavissantī’’ti anattamanā honti. Pupphitakāle pana pupphaṃ disvā – ‘‘sabbaññubodhisattesu mātukucchiṃ okkamantesu nikkhamantesu sambujjhantesu dhammacakkaṃ pavattentesu yamakapāṭihāriyaṃ karontesu devorohanaṃ karontesu āyusaṅkhāraṃ ossajjantesu parinibbāyantesu dasasahassacakkavāḷakampanādīni pāṭihāriyāni dakkhissāmā’’ti ca ‘‘cattāro apāyā parihāyissanti, cha devalokā nava brahmalokā paripūressantī’’ti ca attamanā udānaṃ udānentā attano attano brahmalokaṃ gacchanti. Imasmiṃ bhaddakappe pañca padumāni uppajjiṃsu. Tesaṃ nimittānaṃ ānubhāvena cattāro buddhā uppannā, pañcamo uppajjissati. Suddhāvāsabrahmānopi tāni padumāni disvā imamatthaṃ jāniṃsu. Tena vuttaṃ – ‘‘aññesampi pākaṭaṃ hotī’’ti.
อายุปริเจฺฉทวณฺณนา
Āyuparicchedavaṇṇanā
๕-๗. อิติ ภควา – ‘‘อิโต โส, ภิกฺขเว’’ติอาทินา นเยน กปฺปปริเจฺฉทวเสน ปุเพฺพนิวาสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เตสํ พุทฺธานํ ชาติปริเจฺฉทาทิวเสน ทเสฺสตุํ วิปสฺสี, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ อายุปริเจฺฉเท ปริตฺตํ ลหุกนฺติ อุภยเมตํ อปฺปกเสฺสว เววจนํฯ ยญฺหิ อปฺปกํ, ตํ ปริตฺตเญฺจว ลหุกญฺจ โหติฯ
5-7. Iti bhagavā – ‘‘ito so, bhikkhave’’tiādinā nayena kappaparicchedavasena pubbenivāsaṃ dassetvā idāni tesaṃ buddhānaṃ jātiparicchedādivasena dassetuṃ vipassī, bhikkhavetiādimāha. Tattha āyuparicchede parittaṃ lahukanti ubhayametaṃ appakasseva vevacanaṃ. Yañhi appakaṃ, taṃ parittañceva lahukañca hoti.
อปฺปํ วา ภิโยฺยติ วสฺสสตโต วา อุปริ อปฺปํ, อญฺญํ วสฺสสตํ อปตฺวา วีสํ วา ติํสํ วา จตฺตาลีสํ วา ปณฺณาสํ วา สฎฺฐิ วา วสฺสานิ ชีวติฯ เอวํ ทีฆายุโก ปน อติทุลฺลโภ, อสุโก กิร เอวํ จิรํ ชีวตีติ ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา ทฎฺฐโพฺพ โหติฯ ตตฺถ วิสาขา อุปาสิกา วีสวสฺสสตํ ชีวติ, ตถา โปกฺขรสาติ พฺราหฺมโณ, พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ, เสโล พฺราหฺมโณ, พาวริยพฺราหฺมโณ, อานนฺทเตฺถโร, มหากสฺสปเตฺถโรติฯ อนุรุทฺธเตฺถโร ปน วสฺสสตเญฺจว ปณฺณาสญฺจ วสฺสานิ, พากุลเตฺถโร วสฺสสตเญฺจว สฎฺฐิ จ วสฺสานิฯ อยํ สพฺพทีฆายุโกฯ โสปิ เทฺว วสฺสสตานิ น ชีวติฯ
Appaṃ vā bhiyyoti vassasatato vā upari appaṃ, aññaṃ vassasataṃ apatvā vīsaṃ vā tiṃsaṃ vā cattālīsaṃ vā paṇṇāsaṃ vā saṭṭhi vā vassāni jīvati. Evaṃ dīghāyuko pana atidullabho, asuko kira evaṃ ciraṃ jīvatīti tattha tattha gantvā daṭṭhabbo hoti. Tattha visākhā upāsikā vīsavassasataṃ jīvati, tathā pokkharasāti brāhmaṇo, brahmāyu brāhmaṇo, selo brāhmaṇo, bāvariyabrāhmaṇo, ānandatthero, mahākassapattheroti. Anuruddhatthero pana vassasatañceva paṇṇāsañca vassāni, bākulatthero vassasatañceva saṭṭhi ca vassāni. Ayaṃ sabbadīghāyuko. Sopi dve vassasatāni na jīvati.
วิปสฺสีอาทโย ปน สเพฺพปิ โพธิสตฺตา เมตฺตาปุพฺพภาเคน โสมนสฺสสหคตญาณสมฺปยุตฺตอสงฺขาริกจิเตฺตน มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิํสุฯ เตน จิเตฺตน คหิตาย ปฎิสนฺธิยา อสเงฺขฺยยฺยํ อายุ, อิติ สเพฺพ พุทฺธา อสเงฺขฺยยฺยายุกาฯ เต กสฺมา อสเงฺขฺยยฺยํ น อฎฺฐํสุ? อุตุโภชนวิปตฺติยาฯ อุตุโภชนวเสน หิ อายุ หายติปิ วฑฺฒติปิฯ
Vipassīādayo pana sabbepi bodhisattā mettāpubbabhāgena somanassasahagatañāṇasampayuttaasaṅkhārikacittena mātukucchismiṃ paṭisandhiṃ gaṇhiṃsu. Tena cittena gahitāya paṭisandhiyā asaṅkhyeyyaṃ āyu, iti sabbe buddhā asaṅkhyeyyāyukā. Te kasmā asaṅkhyeyyaṃ na aṭṭhaṃsu? Utubhojanavipattiyā. Utubhojanavasena hi āyu hāyatipi vaḍḍhatipi.
ตตฺถ ยทา ราชาโน อธมฺมิกา โหนฺติ, ตทา อุปราชาโน, เสนาปติ, เสฎฺฐิ, สกลนครํ, สกลรฎฺฐํ อธมฺมิกเมว โหติ; อถ เตสํ อารกฺขเทวตา, ตาสํ เทวตานํ มิตฺตา ภูมฎฺฐเทวตา, ตาสํ เทวตานํ มิตฺตา อากาสฎฺฐกเทวตา, อากาสฎฺฐกเทวตานํ มิตฺตา อุณฺหวลาหกา เทวตา, ตาสํ มิตฺตา อพฺภวลาหกา เทวตา, ตาสํ มิตฺตา สีตวลาหกา เทวตา, ตาสํ มิตฺตา วสฺสวลาหกา เทวตา, ตาสํ มิตฺตา จาตุมหาราชิกา เทวตา, ตาสํ มิตฺตา ตาวติํสา เทวตา, ตาสํ มิตฺตา ยามา เทวตาติ เอวมาทิฯ เอวํ ยาว ภวคฺคา ฐเปตฺวา อริยสาวเก สพฺพา เทวพฺรหฺมปริสาปิ อธมฺมิกาว โหนฺติฯ ตาสํ อธมฺมิกตาย วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ, วาโต ยถามเคฺคน น วายติ, อยถามเคฺคน วายโนฺต อากาสฎฺฐกวิมานานิ โขเภติ, วิมาเนสุ โขภิเตสุ เทวตานํ กีฬนตฺถาย จิตฺตานิ น นมนฺติ, เทวตานํ กีฬนตฺถาย จิเตฺตสุ อนมเนฺตสุ สีตุณฺหเภโท อุตุ ยถากาเลน น สมฺปชฺชติ, ตสฺมิํ อสมฺปชฺชเนฺต น สมฺมา เทโว วสฺสติ, กทาจิ วสฺสติ, กทาจิ น วสฺสติ; กตฺถจิ วสฺสติ, กตฺถจิ น วสฺสติ, วสฺสโนฺตปิ วปฺปกาเล องฺกุรกาเล นาฬกาเล ปุปฺผกาเล ขีรคฺคหณาทิกาเลสุ ยถา ยถา สสฺสานํ อุปกาโร น โหติ, ตถา ตถา วสฺสติ จ วิคจฺฉติ จ, เตน สสฺสานิ วิสมปากานิ โหนฺติ, วิคตคนฺธวณฺณรสาทิสมฺปนฺนานิฯ เอกภาชเน ปกฺขิตฺตตณฺฑุเลสุปิ เอกสฺมิํ ปเทเส ภตฺตํ อุตฺตณฺฑุลํ โหติ, เอกสฺมิํ อติกิลินฺนํ, เอกสฺมิํ สมปากํฯ ตํ ปริภุตฺตํ กุจฺฉิยมฺปิ ตีหากาเรหิ ปจฺจติฯ เตน สตฺตา พหฺวาพาธา เจว โหนฺติ, อปฺปายุกา จฯ เอวํ ตาว อุตุโภชนวเสน อายุ หายติฯ
Tattha yadā rājāno adhammikā honti, tadā uparājāno, senāpati, seṭṭhi, sakalanagaraṃ, sakalaraṭṭhaṃ adhammikameva hoti; atha tesaṃ ārakkhadevatā, tāsaṃ devatānaṃ mittā bhūmaṭṭhadevatā, tāsaṃ devatānaṃ mittā ākāsaṭṭhakadevatā, ākāsaṭṭhakadevatānaṃ mittā uṇhavalāhakā devatā, tāsaṃ mittā abbhavalāhakā devatā, tāsaṃ mittā sītavalāhakā devatā, tāsaṃ mittā vassavalāhakā devatā, tāsaṃ mittā cātumahārājikā devatā, tāsaṃ mittā tāvatiṃsā devatā, tāsaṃ mittā yāmā devatāti evamādi. Evaṃ yāva bhavaggā ṭhapetvā ariyasāvake sabbā devabrahmaparisāpi adhammikāva honti. Tāsaṃ adhammikatāya visamaṃ candimasūriyā pariharanti, vāto yathāmaggena na vāyati, ayathāmaggena vāyanto ākāsaṭṭhakavimānāni khobheti, vimānesu khobhitesu devatānaṃ kīḷanatthāya cittāni na namanti, devatānaṃ kīḷanatthāya cittesu anamantesu sītuṇhabhedo utu yathākālena na sampajjati, tasmiṃ asampajjante na sammā devo vassati, kadāci vassati, kadāci na vassati; katthaci vassati, katthaci na vassati, vassantopi vappakāle aṅkurakāle nāḷakāle pupphakāle khīraggahaṇādikālesu yathā yathā sassānaṃ upakāro na hoti, tathā tathā vassati ca vigacchati ca, tena sassāni visamapākāni honti, vigatagandhavaṇṇarasādisampannāni. Ekabhājane pakkhittataṇḍulesupi ekasmiṃ padese bhattaṃ uttaṇḍulaṃ hoti, ekasmiṃ atikilinnaṃ, ekasmiṃ samapākaṃ. Taṃ paribhuttaṃ kucchiyampi tīhākārehi paccati. Tena sattā bahvābādhā ceva honti, appāyukā ca. Evaṃ tāva utubhojanavasena āyu hāyati.
ยทา ปน ราชาโน ธมฺมิกา โหนฺติ, ตทา อุปราชาโนปิ ธมฺมิกา โหนฺตีติ ปุริมนเยเนว ยาว พฺรหฺมโลกา สเพฺพปิ ธมฺมิกา โหนฺติฯ เตสํ ธมฺมิกตฺตา สมํ จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ, ยถามเคฺคน วาโต วายติ, ยถามเคฺคน วายโนฺต อากาสฎฺฐกวิมานานิ น โขเภติ, เตสํ อโขภา เทวตานํ กีฬนตฺถาย จิตฺตานิ นมนฺติฯ เอวํ กาเลน อุตุ สมฺปชฺชติ, เทโว สมฺมา วสฺสติ, วปฺปกาลโต ปฎฺฐาย สสฺสานํ อุปการํ กโรโนฺต กาเล วสฺสติ, กาเล วิคจฺฉติ, เตน สสฺสานิ สมปากานิ สุคนฺธานิ สุวณฺณานิ สุรสานิ โอชวนฺตานิ โหนฺติ, เตหิ สมฺปาทิตํ โภชนํ ปริภุตฺตมฺปิ สมฺมา ปริปากํ คจฺฉติ , เตน สตฺตา อโรคา ทีฆายุกา โหนฺติฯ เอวํ อุตุโภชนวเสน อายุ วฑฺฒติฯ
Yadā pana rājāno dhammikā honti, tadā uparājānopi dhammikā hontīti purimanayeneva yāva brahmalokā sabbepi dhammikā honti. Tesaṃ dhammikattā samaṃ candimasūriyā pariharanti, yathāmaggena vāto vāyati, yathāmaggena vāyanto ākāsaṭṭhakavimānāni na khobheti, tesaṃ akhobhā devatānaṃ kīḷanatthāya cittāni namanti. Evaṃ kālena utu sampajjati, devo sammā vassati, vappakālato paṭṭhāya sassānaṃ upakāraṃ karonto kāle vassati, kāle vigacchati, tena sassāni samapākāni sugandhāni suvaṇṇāni surasāni ojavantāni honti, tehi sampāditaṃ bhojanaṃ paribhuttampi sammā paripākaṃ gacchati , tena sattā arogā dīghāyukā honti. Evaṃ utubhojanavasena āyu vaḍḍhati.
ตตฺถ วิปสฺสี ภควา อสีติวสฺสสหสฺสายุกกาเล นิพฺพโตฺต, สิขี สตฺตติวสฺสสหสฺสายุกกาเลติ อิทํ อนุปุเพฺพน ปริหีนสทิสํ กตํ, น ปน เอวํ ปริหีนํ, วฑฺฒิตฺวา วฑฺฒิตฺวา ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพํฯ กถํ? อิมสฺมิํ ตาว กเปฺป กกุสโนฺธ ภควา จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสายุกกาเล นิพฺพโตฺต, อายุปฺปมาณํ ปญฺจ โกฎฺฐาเส กตฺวา จตฺตาริ ฐตฺวา ปญฺจเม วิชฺชมาเนเยว ปรินิพฺพุโตฯ ตํ อายุ ปริหายมานํ ทสวสฺสกาลํ ปตฺวา ปุน วฑฺฒมานํ อสเงฺขฺยยฺยํ หุตฺวา ตโต ปริหายมานํ ติํสวสฺสสหสฺสกาเล ฐิตํ; ตทา โกณาคมโน ภควา นิพฺพโตฺตฯ ตสฺมิมฺปิ ตเถว ปรินิพฺพุเต ตํ อายุ ทสวสฺสกาลํ ปตฺวา ปุน วฑฺฒมานํ อสเงฺขฺยยฺยํ หุตฺวา ปริหายิตฺวา วีสติวสฺสสหสฺสกาเล ฐิตํ; ตทา กสฺสโป ภควา นิพฺพโตฺตฯ ตสฺมิมฺปิ ตเถว ปรินิพฺพุเต ตํ อายุ ทสวสฺสกาลํ ปตฺวา ปุน วฑฺฒมานํ อสเงฺขฺยยฺยํ หุตฺวา ปริหายิตฺวา วสฺสสตกาลํ ปตฺตํ, อถ อมฺหากํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ นิพฺพโตฺตฯ เอวํ อนุปุเพฺพน ปริหายิตฺวา ปริหายิตฺวา วฑฺฒิตฺวา วฑฺฒิตฺวา ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ ยํ ยํ อายุปริมาเณสุ มนุเสฺสสุ พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺติ, เตสมฺปิ ตํ ตเทว อายุปริมาณํ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ
Tattha vipassī bhagavā asītivassasahassāyukakāle nibbatto, sikhī sattativassasahassāyukakāleti idaṃ anupubbena parihīnasadisaṃ kataṃ, na pana evaṃ parihīnaṃ, vaḍḍhitvā vaḍḍhitvā parihīnanti veditabbaṃ. Kathaṃ? Imasmiṃ tāva kappe kakusandho bhagavā cattālīsavassasahassāyukakāle nibbatto, āyuppamāṇaṃ pañca koṭṭhāse katvā cattāri ṭhatvā pañcame vijjamāneyeva parinibbuto. Taṃ āyu parihāyamānaṃ dasavassakālaṃ patvā puna vaḍḍhamānaṃ asaṅkhyeyyaṃ hutvā tato parihāyamānaṃ tiṃsavassasahassakāle ṭhitaṃ; tadā koṇāgamano bhagavā nibbatto. Tasmimpi tatheva parinibbute taṃ āyu dasavassakālaṃ patvā puna vaḍḍhamānaṃ asaṅkhyeyyaṃ hutvā parihāyitvā vīsativassasahassakāle ṭhitaṃ; tadā kassapo bhagavā nibbatto. Tasmimpi tatheva parinibbute taṃ āyu dasavassakālaṃ patvā puna vaḍḍhamānaṃ asaṅkhyeyyaṃ hutvā parihāyitvā vassasatakālaṃ pattaṃ, atha amhākaṃ sammāsambuddho nibbatto. Evaṃ anupubbena parihāyitvā parihāyitvā vaḍḍhitvā vaḍḍhitvā parihīnanti veditabbaṃ. Tattha yaṃ yaṃ āyuparimāṇesu manussesu buddhā nibbattanti, tesampi taṃ tadeva āyuparimāṇaṃ hotīti veditabbaṃ.
อายุปริเจฺฉทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āyuparicchedavaṇṇanā niṭṭhitā.
โพธิปริเจฺฉทวณฺณนา
Bodhiparicchedavaṇṇanā
๘. โพธิปริเจฺฉเท ปน ปาฎลิยา มูเลติ ปาฎลิรุกฺขสฺส เหฎฺฐาฯ ตสฺสา ปน ปาฎลิยา ขโนฺธ ตํ ทิวสํ ปณฺณาสรตโน หุตฺวา อพฺภุคฺคโต, สาขา ปณฺณาสรตนาติ อุเพฺพเธน รตนสตํ อโหสิฯ ตํ ทิวสญฺจ สา ปาฎลิ กณฺณิกาพเทฺธหิ วิย ปุเปฺผหิ มูลโต ปฎฺฐาย เอกสญฺฉนฺนา อโหสิ, ทิพฺพคนฺธํ วายติฯ น เกวลญฺจ ตทา อยเมว ปุปฺผิตา, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ สพฺพปาฎลิโย ปุปฺผิตาฯ น เกวลญฺจ ปาฎลิโย, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ สพฺพรุกฺขานํ ขเนฺธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ, อากาเส อากาสปทุมานิ ปุปฺผิตานิ, ปถวิตลํ ภินฺทิตฺวาปิ มหาปทุมานิ อุฎฺฐิตานิฯ มหาสมุโทฺทปิ ปญฺจวเณฺณหิ ปทุเมหิ นีลุปฺปลรตฺตุปฺปเลหิ จ สญฺฉโนฺน อโหสิฯ สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬํ ธชมาลากุลํ ตตฺถ ตตฺถ นิพทฺธปุปฺผทามวิสฺสฎฺฐมาลาคุฬวิปฺปกิณฺณํ นานาวณฺณกุสุมสมุชฺชลํ นนฺทนวนจิตฺตลตาวนมิสฺสกวนผารุสกวนสทิสํ อโหสิฯ ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ อุสฺสิตทฺธชา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิํ อภิหนนฺติฯ ปจฺฉิมทกฺขิณอุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ อุสฺสิตทฺธชา ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิํ อภิหนนฺติฯ เอวํ อญฺญมญฺญสิรีสมฺปตฺตานิ จกฺกวาฬานิ อเหสุํฯ อภิสมฺพุโทฺธติ สกลํ พุทฺธคุณวิภวสิริํ ปฎิวิชฺฌมาโน จตฺตาริ สจฺจานิ อภิสมฺพุโทฺธฯ
8. Bodhiparicchede pana pāṭaliyā mūleti pāṭalirukkhassa heṭṭhā. Tassā pana pāṭaliyā khandho taṃ divasaṃ paṇṇāsaratano hutvā abbhuggato, sākhā paṇṇāsaratanāti ubbedhena ratanasataṃ ahosi. Taṃ divasañca sā pāṭali kaṇṇikābaddhehi viya pupphehi mūlato paṭṭhāya ekasañchannā ahosi, dibbagandhaṃ vāyati. Na kevalañca tadā ayameva pupphitā, dasasahassacakkavāḷe sabbapāṭaliyo pupphitā. Na kevalañca pāṭaliyo, dasasahassacakkavāḷe sabbarukkhānaṃ khandhesu khandhapadumāni, sākhāsu sākhāpadumāni, latāsu latāpadumāni, ākāse ākāsapadumāni pupphitāni, pathavitalaṃ bhinditvāpi mahāpadumāni uṭṭhitāni. Mahāsamuddopi pañcavaṇṇehi padumehi nīluppalarattuppalehi ca sañchanno ahosi. Sakaladasasahassacakkavāḷaṃ dhajamālākulaṃ tattha tattha nibaddhapupphadāmavissaṭṭhamālāguḷavippakiṇṇaṃ nānāvaṇṇakusumasamujjalaṃ nandanavanacittalatāvanamissakavanaphārusakavanasadisaṃ ahosi. Puratthimacakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ ussitaddhajā pacchimacakkavāḷamukhavaṭṭiṃ abhihananti. Pacchimadakkhiṇauttaracakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ ussitaddhajā dakkhiṇacakkavāḷamukhavaṭṭiṃ abhihananti. Evaṃ aññamaññasirīsampattāni cakkavāḷāni ahesuṃ. Abhisambuddhoti sakalaṃ buddhaguṇavibhavasiriṃ paṭivijjhamāno cattāri saccāni abhisambuddho.
‘‘สิขี, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปุณฺฑรีกสฺส มูเล อภิสมฺพุโทฺธ’’ติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน ปทวณฺณนา เวทิตพฺพาฯ เอตฺถ ปน ปุณฺฑรีโกติ เสตมฺพรุโกฺขฯ ตสฺสาปิ ตเทว ปริมาณํฯ ตํ ทิวสญฺจ โสปิ ทิพฺพคเนฺธหิ ปุเปฺผหิ สุสญฺฉโนฺน อโหสิฯ น เกวลญฺจ ปุเปฺผหิ, ผเลหิปิ สญฺฉโนฺน อโหสิฯ ตสฺส เอกโต ตรุณานิ ผลานิ, เอกโต มชฺฌิมานิ ผลานิ, เอกโต นาติปกฺกานิ ผลานิ, เอกโต สุปกฺกานิ ปกฺขิตฺตทิโพฺพชานิ วิย สุรสานิ โอลมฺพนฺติฯ ยถา โส, เอวํ สกลทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ ปุปฺผูปครุกฺขา ปุเปฺผหิ, ผลูปครุกฺขา ผเลหิ ปฎิมณฺฑิตา อเหสุํฯ
‘‘Sikhī, bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho puṇḍarīkassa mūle abhisambuddho’’tiādīsupi imināva nayena padavaṇṇanā veditabbā. Ettha pana puṇḍarīkoti setambarukkho. Tassāpi tadeva parimāṇaṃ. Taṃ divasañca sopi dibbagandhehi pupphehi susañchanno ahosi. Na kevalañca pupphehi, phalehipi sañchanno ahosi. Tassa ekato taruṇāni phalāni, ekato majjhimāni phalāni, ekato nātipakkāni phalāni, ekato supakkāni pakkhittadibbojāni viya surasāni olambanti. Yathā so, evaṃ sakaladasasahassacakkavāḷesu pupphūpagarukkhā pupphehi, phalūpagarukkhā phalehi paṭimaṇḍitā ahesuṃ.
สาโลติ สาลรุโกฺขฯ ตสฺสาปิ ตเทว ปริมาณํ, ตเถว ปุปฺผสิรีวิภโว เวทิตโพฺพฯ สิรีสรุเกฺขปิ เอเสว นโยฯ อุทุมฺพรรุเกฺข ปุปฺผานิ นาเหสุํ, ผลวิภูติ ปเนตฺถ อเมฺพ วุตฺตนยาว, ตถา นิโคฺรเธ, ตถา อสฺสเตฺถฯ อิติ สพฺพพุทฺธานํ เอโกว ปลฺลโงฺก, รุกฺขา ปน อเญฺญปิ โหนฺติฯ เตสุ ยสฺส ยสฺส รุกฺขสฺส มูเล จตุมคฺคญาณสงฺขาตโพธิํ พุทฺธา ปฎิวิชฺฌนฺติ, โส โส โพธีติ วุจฺจติฯ อยํ โพธิปริเจฺฉโท นามฯ
Sāloti sālarukkho. Tassāpi tadeva parimāṇaṃ, tatheva pupphasirīvibhavo veditabbo. Sirīsarukkhepi eseva nayo. Udumbararukkhe pupphāni nāhesuṃ, phalavibhūti panettha ambe vuttanayāva, tathā nigrodhe, tathā assatthe. Iti sabbabuddhānaṃ ekova pallaṅko, rukkhā pana aññepi honti. Tesu yassa yassa rukkhassa mūle catumaggañāṇasaṅkhātabodhiṃ buddhā paṭivijjhanti, so so bodhīti vuccati. Ayaṃ bodhiparicchedo nāma.
สาวกยุคปริเจฺฉทวณฺณนา
Sāvakayugaparicchedavaṇṇanā
๙. สาวกยุคปริเจฺฉเท ปน ขณฺฑติสฺสนฺติ ขโณฺฑ จ ติโสฺส จฯ เตสุ ขโณฺฑ เอกปิติโก กนิฎฺฐภาตา, ติโสฺส ปุโรหิตปุโตฺต ฯ ขโณฺฑ ปญฺญาปารมิยา มตฺถกํ ปโตฺต, ติโสฺส สมาธิปารมิยา มตฺถกํ ปโตฺตฯ อคฺคนฺติ ฐเปตฺวา วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อวเสเสหิ สทฺธิํ อสทิสคุณตาย อุตฺตมํฯ ภทฺทยุคนฺติ อคฺคตฺตาเยว ภทฺทยุคํฯ อภิภูสมฺภวนฺติ อภิภู จ สมฺภโว จฯ เตสุ อภิภู ปญฺญาปารมิยา มตฺถกํ ปโตฺตฯ สิขินา ภควตา สทฺธิํ อรุณวติโต พฺรหฺมโลกํ คนฺตฺวา พฺรหฺมปริสาย วิวิธานิ ปาฎิหาริยานิ ทเสฺสโนฺต ธมฺมํ เทเสตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อนฺธกาเรน ผริตฺวา – ‘‘กิํ อิท’’นฺติ สญฺชาตสํเวคานํ โอภาสํ ผริตฺวา – ‘‘สเพฺพ เม รูปญฺจ ปสฺสนฺตุ, สทฺทญฺจ สุณนฺตู’’ติ อธิฎฺฐหิตฺวา – ‘‘อารมฺภถา’’ติ คาถาทฺวยํ (สํ. นิ. ๑.๑๘๕) ภณโนฺต สทฺทํ สาเวสิฯ สมฺภโว สมาธิปารมิยา มตฺถกํ ปโตฺต อโหสิฯ
9. Sāvakayugaparicchede pana khaṇḍatissanti khaṇḍo ca tisso ca. Tesu khaṇḍo ekapitiko kaniṭṭhabhātā, tisso purohitaputto . Khaṇḍo paññāpāramiyā matthakaṃ patto, tisso samādhipāramiyā matthakaṃ patto. Agganti ṭhapetvā vipassiṃ bhagavantaṃ avasesehi saddhiṃ asadisaguṇatāya uttamaṃ. Bhaddayuganti aggattāyeva bhaddayugaṃ. Abhibhūsambhavanti abhibhū ca sambhavo ca. Tesu abhibhū paññāpāramiyā matthakaṃ patto. Sikhinā bhagavatā saddhiṃ aruṇavatito brahmalokaṃ gantvā brahmaparisāya vividhāni pāṭihāriyāni dassento dhammaṃ desetvā dasasahassilokadhātuṃ andhakārena pharitvā – ‘‘kiṃ ida’’nti sañjātasaṃvegānaṃ obhāsaṃ pharitvā – ‘‘sabbe me rūpañca passantu, saddañca suṇantū’’ti adhiṭṭhahitvā – ‘‘ārambhathā’’ti gāthādvayaṃ (saṃ. ni. 1.185) bhaṇanto saddaṃ sāvesi. Sambhavo samādhipāramiyā matthakaṃ patto ahosi.
โสณุตฺตรนฺติ โสโณ จ อุตฺตโร จฯ เตสุปิ โสโณ ปญฺญาปารมิํ ปโตฺต, อุตฺตโร สมาธิปารมิํ ปโตฺต อโหสิฯ วิธุรสญฺชีวนฺติ วิธุโร จ สญฺชีโว จฯ เตสุ วิธุโร ปญฺญาปารมิํ ปโตฺต อโหสิ, สญฺชีโว สมาธิปารมิํ ปโตฺตฯ สมาปชฺชนพหุโล รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานกุฎิเลณมณฺฑปาทีสุ สมาปตฺติพเลน ฌายโนฺต เอกทิวสํ อรเญฺญ นิโรธํ สมาปชฺชิ, อถ นํ วนกมฺมิกาทโย ‘‘มโต’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา ฌาเปสุํฯ โส ยถาปริเจฺฉเทน สมาปตฺติโต อุฎฺฐาย จีวรานิ ปโปฺผเฎตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ ตทุปาทาเยว จ นํ ‘‘สญฺชีโว’’ติ สญฺชานิํสุฯ ภิโยฺยสุตฺตรนฺติ ภิโยฺยโส จ อุตฺตโร จฯ เตสุ ภิโยฺยโส ปญฺญาย อุตฺตโร, อุตฺตโร สมาธินา อโคฺค อโหสิฯ ติสฺสภารทฺวาชนฺติ ติโสฺส จ ภารทฺวาโช จ ฯ เตสุ ติโสฺส ปญฺญาปารมิํ ปโตฺต, ภารทฺวาโช สมาธิปารมิํ ปโตฺต อโหสิ ฯ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานนฺติ สาริปุโตฺต จ โมคฺคลฺลาโน จฯ เตสุ สาริปุโตฺต ปญฺญาวิสเย, โมคฺคลฺลาโน สมาธิวิสเย อโคฺค อโหสิฯ อยํ สาวกยุคปริเจฺฉโท นามฯ
Soṇuttaranti soṇo ca uttaro ca. Tesupi soṇo paññāpāramiṃ patto, uttaro samādhipāramiṃ patto ahosi. Vidhurasañjīvanti vidhuro ca sañjīvo ca. Tesu vidhuro paññāpāramiṃ patto ahosi, sañjīvo samādhipāramiṃ patto. Samāpajjanabahulo rattiṭṭhānadivāṭṭhānakuṭileṇamaṇḍapādīsu samāpattibalena jhāyanto ekadivasaṃ araññe nirodhaṃ samāpajji, atha naṃ vanakammikādayo ‘‘mato’’ti sallakkhetvā jhāpesuṃ. So yathāparicchedena samāpattito uṭṭhāya cīvarāni papphoṭetvā gāmaṃ piṇḍāya pāvisi. Tadupādāyeva ca naṃ ‘‘sañjīvo’’ti sañjāniṃsu. Bhiyyosuttaranti bhiyyoso ca uttaro ca. Tesu bhiyyoso paññāya uttaro, uttaro samādhinā aggo ahosi. Tissabhāradvājanti tisso ca bhāradvājo ca . Tesu tisso paññāpāramiṃ patto, bhāradvājo samādhipāramiṃ patto ahosi . Sāriputtamoggallānanti sāriputto ca moggallāno ca. Tesu sāriputto paññāvisaye, moggallāno samādhivisaye aggo ahosi. Ayaṃ sāvakayugaparicchedo nāma.
สาวกสนฺนิปาตปริเจฺฉทวณฺณนา
Sāvakasannipātaparicchedavaṇṇanā
๑๐. สาวกสนฺนิปาตปริเจฺฉเท วิปสฺสิสฺส ภควโต ปฐมสนฺนิปาโต จตุรงฺคิโก อโหสิ, สเพฺพ เอหิภิกฺขู, สเพฺพ อิทฺธิยา นิพฺพตฺตปตฺตจีวรา, สเพฺพ อนามนฺติตาว อาคตา, อิติ เต จ โข ปนฺนรเส อุโปสถทิวเสฯ อถ สตฺถา พีชนิํ คเหตฺวา นิสิโนฺน อุโปสถํ โอสาเรสิฯ ทุติยตติเยสุปิ เอเสว นโยฯ ตถา เสสพุทฺธานํ สพฺพสนฺนิปาเตสุฯ ยสฺมา ปน อมฺหากํ ภควโต ปฐมโพธิยาว สนฺนิปาโต อโหสิ, อิทญฺจ สุตฺตํ อปรภาเค วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตรหิ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต’’ติ อนิฎฺฐเปตฺวา ‘‘อโหสี’’ติ วุตฺตํฯ
10. Sāvakasannipātaparicchede vipassissa bhagavato paṭhamasannipāto caturaṅgiko ahosi, sabbe ehibhikkhū, sabbe iddhiyā nibbattapattacīvarā, sabbe anāmantitāva āgatā, iti te ca kho pannarase uposathadivase. Atha satthā bījaniṃ gahetvā nisinno uposathaṃ osāresi. Dutiyatatiyesupi eseva nayo. Tathā sesabuddhānaṃ sabbasannipātesu. Yasmā pana amhākaṃ bhagavato paṭhamabodhiyāva sannipāto ahosi, idañca suttaṃ aparabhāge vuttaṃ, tasmā ‘‘mayhaṃ, bhikkhave, etarahi eko sāvakānaṃ sannipāto’’ti aniṭṭhapetvā ‘‘ahosī’’ti vuttaṃ.
ตตฺถ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานีติ ปุราณชฎิลานํ สหสฺสํ, ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ ปริวารานิ อฑฺฒเตยฺยสตานีติ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิฯ ตตฺถ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อภินีหารโต ปฎฺฐาย วตฺถุํ กเถตฺวา ปพฺพชฺชา ทีเปตพฺพาฯ ปพฺพชิตานํ ปน เตสํ มหาโมคฺคลฺลาโน สตฺตเม ทิวเส อรหตฺตํ ปโตฺตฯ ธมฺมเสนาปติ ปนฺนรสเม ทิวเส คิชฺฌกูฎปพฺพตมเชฺฌ สูกรขตเลณปพฺภาเร ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส สชฺชิเต ธมฺมยาเค เวทนาปริคฺคหสุตฺตเนฺต (ม. นิ. ๒.๒๐๑) เทสิยมาเน เทสนํ อนุพุชฺฌมานํ ญาณํ เปเสตฺวา สาวกปารมิญาณํ ปโตฺตฯ ภควา เถรสฺส อรหตฺตปฺปตฺติํ ญตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เวฬุวเนเยว ปจฺจุฎฺฐาสิฯ เถโร – ‘‘กุหิํ นุ โข ภควา คโต’’ติ อาวชฺชโนฺต เวฬุวเน ปติฎฺฐิตภาวํ ญตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เวฬุวเนเยว ปจฺจุฎฺฐาสิฯ อถ ภควา ปาติโมกฺขํ โอสาเรสิฯ ตํ สนฺนิปาตํ สนฺธาย ภควา – ‘‘อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานี’’ติ อาหฯ อยํ สาวกสนฺนิปาตปริเจฺฉโท นามฯ
Tattha aḍḍhateḷasāni bhikkhusatānīti purāṇajaṭilānaṃ sahassaṃ, dvinnaṃ aggasāvakānaṃ parivārāni aḍḍhateyyasatānīti aḍḍhateḷasāni bhikkhusatāni. Tattha dvinnaṃ aggasāvakānaṃ abhinīhārato paṭṭhāya vatthuṃ kathetvā pabbajjā dīpetabbā. Pabbajitānaṃ pana tesaṃ mahāmoggallāno sattame divase arahattaṃ patto. Dhammasenāpati pannarasame divase gijjhakūṭapabbatamajjhe sūkarakhataleṇapabbhāre bhāgineyyassa dīghanakhaparibbājakassa sajjite dhammayāge vedanāpariggahasuttante (ma. ni. 2.201) desiyamāne desanaṃ anubujjhamānaṃ ñāṇaṃ pesetvā sāvakapāramiñāṇaṃ patto. Bhagavā therassa arahattappattiṃ ñatvā vehāsaṃ abbhuggantvā veḷuvaneyeva paccuṭṭhāsi. Thero – ‘‘kuhiṃ nu kho bhagavā gato’’ti āvajjanto veḷuvane patiṭṭhitabhāvaṃ ñatvā sayampi vehāsaṃ abbhuggantvā veḷuvaneyeva paccuṭṭhāsi. Atha bhagavā pātimokkhaṃ osāresi. Taṃ sannipātaṃ sandhāya bhagavā – ‘‘aḍḍhateḷasāni bhikkhusatānī’’ti āha. Ayaṃ sāvakasannipātaparicchedo nāma.
อุปฎฺฐากปริเจฺฉทวณฺณนา
Upaṭṭhākaparicchedavaṇṇanā
๑๑. อุปฎฺฐากปริเจฺฉเท ปน อานโนฺทติ นิพทฺธุปฎฺฐากภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ภควโต หิ ปฐมโพธิยํ อนิพทฺธา อุปฎฺฐากา อเหสุํฯ เอกทา นาคสมาโล ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจริ, เอกทา นาคิโต, เอกทา อุปวาโน, เอกทา สุนกฺขโตฺต, เอกทา จุโนฺท สมณุเทฺทโส, เอกทา สาคโต , เอกทา เมฆิโยฯ ตตฺถ เอกทา ภควา นาคสมาลเตฺถเรน สทฺธิํ อทฺธานมคฺคปฎิปโนฺน เทฺวธาปถํ ปโตฺตฯ เถโร มคฺคา โอกฺกมฺม – ‘‘ภควา, อหํ อิมินา มเคฺคน คจฺฉามี’’ติ อาหฯ อถ นํ ภควา – ‘‘เอหิ ภิกฺขุ, อิมินา มเคฺคน คจฺฉามา’’ติ อาหฯ โส – ‘‘หนฺท, ภควา, ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คณฺหถ, อหํ อิมินา มเคฺคน คจฺฉามี’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ ฉมายํ ฐเปตุํ อารโทฺธฯ อถ นํ ภควา – ‘‘อาหร, ภิกฺขู’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา คโตฯ ตสฺสปิ ภิกฺขุโน อิตเรน มเคฺคน คจฺฉโต โจรา ปตฺตจีวรเญฺจว หริํสุ, สีสญฺจ ภินฺทิํสุฯ โส – ‘‘ภควา อิทานิ เม ปฎิสรณํ, น อโญฺญ’’ติ จิเนฺตตฺวา โลหิเตน คฬิเตน ภควโต สนฺติกํ อคมาสิฯ ‘‘กิมิทํ ภิกฺขู’’ติ จ วุเตฺต ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ อถ นํ ภควา – ‘‘มา จินฺตยิ, ภิกฺขุ, เอตํเยว เต การณํ สลฺลเกฺขตฺวา นิวารยิมฺหา’’ติ วตฺวา นํ สมสฺสาเสสิฯ
11. Upaṭṭhākaparicchede pana ānandoti nibaddhupaṭṭhākabhāvaṃ sandhāya vuttaṃ. Bhagavato hi paṭhamabodhiyaṃ anibaddhā upaṭṭhākā ahesuṃ. Ekadā nāgasamālo pattacīvaraṃ gahetvā vicari, ekadā nāgito, ekadā upavāno, ekadā sunakkhatto, ekadā cundo samaṇuddeso, ekadā sāgato , ekadā meghiyo. Tattha ekadā bhagavā nāgasamālattherena saddhiṃ addhānamaggapaṭipanno dvedhāpathaṃ patto. Thero maggā okkamma – ‘‘bhagavā, ahaṃ iminā maggena gacchāmī’’ti āha. Atha naṃ bhagavā – ‘‘ehi bhikkhu, iminā maggena gacchāmā’’ti āha. So – ‘‘handa, bhagavā, tumhākaṃ pattacīvaraṃ gaṇhatha, ahaṃ iminā maggena gacchāmī’’ti vatvā pattacīvaraṃ chamāyaṃ ṭhapetuṃ āraddho. Atha naṃ bhagavā – ‘‘āhara, bhikkhū’’ti vatvā pattacīvaraṃ gahetvā gato. Tassapi bhikkhuno itarena maggena gacchato corā pattacīvarañceva hariṃsu, sīsañca bhindiṃsu. So – ‘‘bhagavā idāni me paṭisaraṇaṃ, na añño’’ti cintetvā lohitena gaḷitena bhagavato santikaṃ agamāsi. ‘‘Kimidaṃ bhikkhū’’ti ca vutte taṃ pavattiṃ ārocesi. Atha naṃ bhagavā – ‘‘mā cintayi, bhikkhu, etaṃyeva te kāraṇaṃ sallakkhetvā nivārayimhā’’ti vatvā naṃ samassāsesi.
เอกทา ปน ภควา เมฆิยเตฺถเรน สทฺธิํ ปาจีนวํสมิคทาเย ชนฺตุคามํ อคมาสิฯ ตตฺราปิ เมฆิโย ชนฺตุคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา นทีตีเร ปาสาทิกํ อมฺพวนํ ทิสฺวา – ‘‘ภควา, ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คณฺหถ, อหํ ตสฺมิํ อมฺพวเน สมณธมฺมํ กโรมี’’ติ วตฺวา ภควตา ติกฺขตฺตุํ นิวาริยมาโนปิ คนฺตฺวา อกุสลวิตเกฺกหิ อุปทฺทุโต อนฺวาสโตฺต (อ. นิ. ๙.๓; อุทาน ปริเจฺฉโท ๓๑ ทฎฺฐโพฺพ)ฯ ปจฺจาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ ตมฺปิ ภควา – ‘‘อิทเมว เต การณํ สลฺลเกฺขตฺวา นิวารยิมฺหา’’ติ วตฺวา อนุปุเพฺพน สาวตฺถิํ อคมาสิฯ ตตฺถ คนฺธกุฎิปริเวเณ ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสิโนฺน ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขเว, อิทานิมฺหิ มหลฺลโก, ‘เอกเจฺจ ภิกฺขู อิมินา มเคฺคน คจฺฉามา’ติ วุเตฺต อเญฺญน คจฺฉนฺติ, เอกเจฺจ มยฺหํ ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปนฺติ, มยฺหํ นิพทฺธุปฎฺฐากํ เอกํ ภิกฺขุํ ชานาถา’’ติฯ ภิกฺขูนํ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิฯ อถายสฺมา สาริปุโตฺต อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา – ‘‘อหํ , ภเนฺต, ตุเมฺหเยว ปตฺถยมาโน สตสหสฺสกปฺปาธิกํ อสเงฺขฺยยฺยํ ปารมิโย ปูรยิํ, นนุ มาทิโส มหาปโญฺญ อุปฎฺฐาโก นาม วฎฺฎติ, อหํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ อาหฯ ตํ ภควา – ‘‘อลํ สาริปุตฺต, ยสฺสํ ทิสายํ ตฺวํ วิหรสิ, อสุญฺญาเยว เม สา ทิสา, ตว โอวาโท พุทฺธานํ โอวาทสทิโส, น เม ตยา อุปฎฺฐากกิจฺจํ อตฺถี’’ติ ปฎิกฺขิปิฯ เอเตเนวุปาเยน มหาโมคฺคลฺลานํ อาทิํ กตฺวา อสีติมหาสาวกา อุฎฺฐหิํสุฯ เต สเพฺพปิ ภควา ปฎิกฺขิปิฯ
Ekadā pana bhagavā meghiyattherena saddhiṃ pācīnavaṃsamigadāye jantugāmaṃ agamāsi. Tatrāpi meghiyo jantugāme piṇḍāya caritvā nadītīre pāsādikaṃ ambavanaṃ disvā – ‘‘bhagavā, tumhākaṃ pattacīvaraṃ gaṇhatha, ahaṃ tasmiṃ ambavane samaṇadhammaṃ karomī’’ti vatvā bhagavatā tikkhattuṃ nivāriyamānopi gantvā akusalavitakkehi upadduto anvāsatto (a. ni. 9.3; udāna paricchedo 31 daṭṭhabbo). Paccāgantvā taṃ pavattiṃ ārocesi. Tampi bhagavā – ‘‘idameva te kāraṇaṃ sallakkhetvā nivārayimhā’’ti vatvā anupubbena sāvatthiṃ agamāsi. Tattha gandhakuṭipariveṇe paññattavarabuddhāsane nisinno bhikkhusaṅghaparivuto bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhave, idānimhi mahallako, ‘ekacce bhikkhū iminā maggena gacchāmā’ti vutte aññena gacchanti, ekacce mayhaṃ pattacīvaraṃ nikkhipanti, mayhaṃ nibaddhupaṭṭhākaṃ ekaṃ bhikkhuṃ jānāthā’’ti. Bhikkhūnaṃ dhammasaṃvego udapādi. Athāyasmā sāriputto uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ vanditvā – ‘‘ahaṃ , bhante, tumheyeva patthayamāno satasahassakappādhikaṃ asaṅkhyeyyaṃ pāramiyo pūrayiṃ, nanu mādiso mahāpañño upaṭṭhāko nāma vaṭṭati, ahaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti āha. Taṃ bhagavā – ‘‘alaṃ sāriputta, yassaṃ disāyaṃ tvaṃ viharasi, asuññāyeva me sā disā, tava ovādo buddhānaṃ ovādasadiso, na me tayā upaṭṭhākakiccaṃ atthī’’ti paṭikkhipi. Etenevupāyena mahāmoggallānaṃ ādiṃ katvā asītimahāsāvakā uṭṭhahiṃsu. Te sabbepi bhagavā paṭikkhipi.
อานนฺทเตฺถโร ปน ตุณฺหีเยว นิสีทิฯ อถ นํ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘อาวุโส, อานนฺท, ภิกฺขุสโงฺฆ อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ยาจติ, ตฺวมฺปิ ยาจาหี’’ติฯ โส อาห – ‘‘ยาจิตฺวา ลทฺธุปฎฺฐานํ นาม อาวุโส กีทิสํ โหติ, กิํ มํ สตฺถา น ปสฺสติ, สเจ โรจิสฺสติ, อานโนฺท มํ อุปฎฺฐาตูติ วกฺขตี’’ติฯ อถ ภควา – ‘‘น, ภิกฺขเว, อานโนฺท อเญฺญน อุสฺสาเหตโพฺพ, สยเมว ชานิตฺวา มํ อุปฎฺฐหิสฺสตี’’ติ อาหฯ ตโต ภิกฺขู – ‘‘อุเฎฺฐหิ, อาวุโส อานนฺท, อุเฎฺฐหิ อาวุโส อานนฺท, ทสพลํ อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ยาจาหี’’ติ อาหํสุฯ เถโร อุฎฺฐหิตฺวา จตฺตาโร ปฎิเกฺขเป, จตโสฺส จ อายาจนาติ อฎฺฐ วเร ยาจิฯ
Ānandatthero pana tuṇhīyeva nisīdi. Atha naṃ bhikkhū evamāhaṃsu – ‘‘āvuso, ānanda, bhikkhusaṅgho upaṭṭhākaṭṭhānaṃ yācati, tvampi yācāhī’’ti. So āha – ‘‘yācitvā laddhupaṭṭhānaṃ nāma āvuso kīdisaṃ hoti, kiṃ maṃ satthā na passati, sace rocissati, ānando maṃ upaṭṭhātūti vakkhatī’’ti. Atha bhagavā – ‘‘na, bhikkhave, ānando aññena ussāhetabbo, sayameva jānitvā maṃ upaṭṭhahissatī’’ti āha. Tato bhikkhū – ‘‘uṭṭhehi, āvuso ānanda, uṭṭhehi āvuso ānanda, dasabalaṃ upaṭṭhākaṭṭhānaṃ yācāhī’’ti āhaṃsu. Thero uṭṭhahitvā cattāro paṭikkhepe, catasso ca āyācanāti aṭṭha vare yāci.
จตฺตาโร ปฎิเกฺขปา นาม – ‘‘สเจ เม, ภเนฺต, ภควา อตฺตนา ลทฺธํ ปณีตํ จีวรํ น ทสฺสติ, ปิณฺฑปาตํ น ทสฺสติ, เอกคนฺธกุฎิยํ วสิตุํ น ทสฺสติ, นิมนฺตนํ คเหตฺวา น คมิสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ วตฺวา – ‘‘กิํ ปเนตฺถ, อานนฺท, อาทีนวํ ปสฺสสี’’ติ วุเตฺต – ‘‘สจาหํ, ภเนฺต, อิมานิ วตฺถูนิ ลภิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร – ‘อานโนฺท ทสพเลน ลทฺธํ ปณีตํ จีวรํ ปริภุญฺชติ, ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชติ, เอกคนฺธกุฎิยํ วสติ, เอกโต นิมนฺตนํ คจฺฉติ, เอตํ ลาภํ ลภโนฺต ตถาคตํ อุปฎฺฐาติ, โก เอวํ อุปฎฺฐหโต ภาโร’ติ’’ อิเม จตฺตาโร ปฎิเกฺขเป ยาจิฯ
Cattāro paṭikkhepā nāma – ‘‘sace me, bhante, bhagavā attanā laddhaṃ paṇītaṃ cīvaraṃ na dassati, piṇḍapātaṃ na dassati, ekagandhakuṭiyaṃ vasituṃ na dassati, nimantanaṃ gahetvā na gamissati, evāhaṃ bhagavantaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti vatvā – ‘‘kiṃ panettha, ānanda, ādīnavaṃ passasī’’ti vutte – ‘‘sacāhaṃ, bhante, imāni vatthūni labhissāmi, bhavissanti vattāro – ‘ānando dasabalena laddhaṃ paṇītaṃ cīvaraṃ paribhuñjati, piṇḍapātaṃ paribhuñjati, ekagandhakuṭiyaṃ vasati, ekato nimantanaṃ gacchati, etaṃ lābhaṃ labhanto tathāgataṃ upaṭṭhāti, ko evaṃ upaṭṭhahato bhāro’ti’’ ime cattāro paṭikkhepe yāci.
จตโสฺส อายาจนา นาม – ‘‘สเจ, ภเนฺต, ภควา มยา คหิตนิมนฺตนํ คมิสฺสติ, สจาหํ ติโรรฎฺฐา ติโรชนปทา ภควนฺตํ ทฎฺฐุํ อาคตํ ปริสํ อาคตกฺขเณ เอว ภควนฺตํ ทเสฺสตุํ ลจฺฉามิ, ยทา เม กงฺขา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมิํเยว ขเณ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุํ ลจฺฉามิ, ยํ ภควา มยฺหํ ปรมฺมุขา ธมฺมํ เทเสติ, ตํ อาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ วตฺวา – ‘‘กํ ปเนตฺถ, อานนฺท, อานิสํสํ ปสฺสสี’’ติ วุเตฺต – ‘‘อิธ, ภเนฺต, สทฺธา กุลปุตฺตา ภควโต โอกาสํ อลภนฺตา มํ เอวํ วทนฺติ – ‘เสฺว, ภเนฺต อานนฺท, ภควตา สทฺธิํ อมฺหากํ ฆเร ภิกฺขํ คเณฺหยฺยาถา’ติ, สเจ ภเนฺต ภควา ตตฺถ น คมิสฺสติ, อิจฺฉิตกฺขเณเยว ปริสํ ทเสฺสตุํ, กงฺขญฺจ วิโนเทตุํ โอกาสํ น ลจฺฉามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร – ‘กิํ อานโนฺท ทสพลํ อุปฎฺฐาติ, เอตฺตกมฺปิสฺส อนุคฺคหํ ภควา น กโรตี’ติฯ ภควโต จ ปรมฺมุขา มํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ – ‘อยํ, อาวุโส อานนฺท, คาถา, อิทํ สุตฺตํ, อิทํ ชาตกํ, กตฺถ เทสิต’นฺติฯ สจาหํ ตํ น สมฺปาทยิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร – ‘เอตฺตกมฺปิ, อาวุโส, น ชานาสิ, กสฺมา ตฺวํ ฉายา วิย ภควนฺตํ อวิชหโนฺต ทีฆรตฺตํ วิจรสี’ติฯ เตนาหํ ปรมฺมุขา เทสิตสฺสปิ ธมฺมสฺส ปุน กถนํ อิจฺฉามี’’ติ อิมา จตโสฺส อายาจนา ยาจิฯ ภควาปิสฺส อทาสิฯ
Catasso āyācanā nāma – ‘‘sace, bhante, bhagavā mayā gahitanimantanaṃ gamissati, sacāhaṃ tiroraṭṭhā tirojanapadā bhagavantaṃ daṭṭhuṃ āgataṃ parisaṃ āgatakkhaṇe eva bhagavantaṃ dassetuṃ lacchāmi, yadā me kaṅkhā uppajjati, tasmiṃyeva khaṇe bhagavantaṃ upasaṅkamituṃ lacchāmi, yaṃ bhagavā mayhaṃ parammukhā dhammaṃ deseti, taṃ āgantvā mayhaṃ kathessati, evāhaṃ bhagavantaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti vatvā – ‘‘kaṃ panettha, ānanda, ānisaṃsaṃ passasī’’ti vutte – ‘‘idha, bhante, saddhā kulaputtā bhagavato okāsaṃ alabhantā maṃ evaṃ vadanti – ‘sve, bhante ānanda, bhagavatā saddhiṃ amhākaṃ ghare bhikkhaṃ gaṇheyyāthā’ti, sace bhante bhagavā tattha na gamissati, icchitakkhaṇeyeva parisaṃ dassetuṃ, kaṅkhañca vinodetuṃ okāsaṃ na lacchāmi, bhavissanti vattāro – ‘kiṃ ānando dasabalaṃ upaṭṭhāti, ettakampissa anuggahaṃ bhagavā na karotī’ti. Bhagavato ca parammukhā maṃ pucchissanti – ‘ayaṃ, āvuso ānanda, gāthā, idaṃ suttaṃ, idaṃ jātakaṃ, kattha desita’nti. Sacāhaṃ taṃ na sampādayissāmi, bhavissanti vattāro – ‘ettakampi, āvuso, na jānāsi, kasmā tvaṃ chāyā viya bhagavantaṃ avijahanto dīgharattaṃ vicarasī’ti. Tenāhaṃ parammukhā desitassapi dhammassa puna kathanaṃ icchāmī’’ti imā catasso āyācanā yāci. Bhagavāpissa adāsi.
เอวํ อิเม อฎฺฐ วเร คเหตฺวา นิพทฺธุปฎฺฐาโก อโหสิฯ ตเสฺสว ฐานนฺตรสฺสตฺถาย กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลํ ปาปุณีติ อิมสฺส นิพทฺธุปฎฺฐากภาวํ สนฺธาย – ‘‘มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตรหิ อานโนฺท ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อคฺคุปฎฺฐาโก’’ติ อาหฯ อยํ อุปฎฺฐากปริเจฺฉโท นามฯ
Evaṃ ime aṭṭha vare gahetvā nibaddhupaṭṭhāko ahosi. Tasseva ṭhānantarassatthāya kappasatasahassaṃ pūritānaṃ pāramīnaṃ phalaṃ pāpuṇīti imassa nibaddhupaṭṭhākabhāvaṃ sandhāya – ‘‘mayhaṃ, bhikkhave, etarahi ānando bhikkhu upaṭṭhāko aggupaṭṭhāko’’ti āha. Ayaṃ upaṭṭhākaparicchedo nāma.
๑๒. ปิติปริเจฺฉโท อุตฺตานโตฺถเยวฯ
12. Pitiparicchedo uttānatthoyeva.
วิหารํ ปาวิสีติ กสฺมา วิหารํ ปาวิสิ? ภควา กิร เอตฺตกํ กเถตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘น ตาว มยา สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ วํโส นิรนฺตรํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา กถิโต, อชฺช มยิ ปน วิหารํ ปวิเฎฺฐ อิเม ภิกฺขู ภิโยฺยโส มตฺตาย ปุเพฺพนิวาสญาณํ อารพฺภ วณฺณํ กถยิสฺสนฺติฯ อถาหํ อาคนฺตฺวา นิรนฺตรํ พุทฺธวํสํ กเถตฺวา มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ กถาวารสฺส โอกาสํ ทตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ
Vihāraṃ pāvisīti kasmā vihāraṃ pāvisi? Bhagavā kira ettakaṃ kathetvā cintesi – ‘‘na tāva mayā sattannaṃ buddhānaṃ vaṃso nirantaraṃ matthakaṃ pāpetvā kathito, ajja mayi pana vihāraṃ paviṭṭhe ime bhikkhū bhiyyoso mattāya pubbenivāsañāṇaṃ ārabbha vaṇṇaṃ kathayissanti. Athāhaṃ āgantvā nirantaraṃ buddhavaṃsaṃ kathetvā matthakaṃ pāpetvā dassāmī’’ti bhikkhūnaṃ kathāvārassa okāsaṃ datvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi.
ยเญฺจตํ ภควา ตนฺติํ กเถสิ, ตตฺถ กปฺปปริเจฺฉโท, ชาติปริเจฺฉโท, โคตฺตปริเจฺฉโท, อายุปริเจฺฉโท, โพธิปริเจฺฉโท, สาวกยุคปริเจฺฉโท, สาวกสนฺนิปาตปริเจฺฉโท, อุปฎฺฐากปริเจฺฉโท, ปิติปริเจฺฉโทติ นวิเม วารา อาคตา, สมฺพหุลวาโร อนาคโต, อาเนตฺวา ปน ทีเปตโพฺพฯ
Yañcetaṃ bhagavā tantiṃ kathesi, tattha kappaparicchedo, jātiparicchedo, gottaparicchedo, āyuparicchedo, bodhiparicchedo, sāvakayugaparicchedo, sāvakasannipātaparicchedo, upaṭṭhākaparicchedo, pitiparicchedoti navime vārā āgatā, sambahulavāro anāgato, ānetvā pana dīpetabbo.
สมฺพหุลวารกถาวณฺณนา
Sambahulavārakathāvaṇṇanā
สพฺพโพธิสตฺตานญฺหิ เอกสฺมิํ กุลวํสานุรูเป ปุเตฺต ชาเต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตพฺพนฺติ อยเมว วํโส, อยํ ปเวณีฯ กสฺมา? สพฺพญฺญุโพธิสตฺตานญฺหิ มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมนโต ปฎฺฐาย ปุเพฺพ วุตฺตปฺปการานิ อเนกานิ ปาฎิหาริยานิ โหนฺติ, ตตฺร เนสํ ยทิ เนว ชาตนครํ, น ปิตา, น มาตา, น ภริยา, น ปุโตฺต ปญฺญาเยยฺย, ‘‘อิมสฺส เนว ชาตนครํ, น ปิตา, น ภริยา, น ปุโตฺต ปญฺญายติ, เทโว วา สโกฺก วา มาโร วา พฺรหฺมา วา เอส มเญฺญ, เทวานญฺจ อีทิสํ ปาฎิหาริยํ อนจฺฉริย’’นฺติ มญฺญมาโน ชโน เนว โสตพฺพํ, น สทฺธาตพฺพํ มเญฺญยฺยฯ ตโต อภิสมโย น ภเวยฺย, อภิสมเย อสติ นิรตฺถโกว พุทฺธุปฺปาโท, อนิยฺยานิกํ สาสนํ โหติฯ ตสฺมา สพฺพโพธิสตฺตานํ – ‘‘เอกสฺมิํ กุลวํสานุรูเป ปุเตฺต ชาเต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตพฺพ’’นฺติ อยเมว วํโส อยํ ปเวณีฯ ตสฺมา ปุตฺตาทีนํ วเสน สมฺพหุลวาโร อาเนตฺวา ทีเปตโพฺพฯ
Sabbabodhisattānañhi ekasmiṃ kulavaṃsānurūpe putte jāte nikkhamitvā pabbajitabbanti ayameva vaṃso, ayaṃ paveṇī. Kasmā? Sabbaññubodhisattānañhi mātukucchiṃ okkamanato paṭṭhāya pubbe vuttappakārāni anekāni pāṭihāriyāni honti, tatra nesaṃ yadi neva jātanagaraṃ, na pitā, na mātā, na bhariyā, na putto paññāyeyya, ‘‘imassa neva jātanagaraṃ, na pitā, na bhariyā, na putto paññāyati, devo vā sakko vā māro vā brahmā vā esa maññe, devānañca īdisaṃ pāṭihāriyaṃ anacchariya’’nti maññamāno jano neva sotabbaṃ, na saddhātabbaṃ maññeyya. Tato abhisamayo na bhaveyya, abhisamaye asati niratthakova buddhuppādo, aniyyānikaṃ sāsanaṃ hoti. Tasmā sabbabodhisattānaṃ – ‘‘ekasmiṃ kulavaṃsānurūpe putte jāte nikkhamitvā pabbajitabba’’nti ayameva vaṃso ayaṃ paveṇī. Tasmā puttādīnaṃ vasena sambahulavāro ānetvā dīpetabbo.
สมฺพหุลปริเจฺฉทวณฺณนา
Sambahulaparicchedavaṇṇanā
ตตฺถ –
Tattha –
สมวตฺตกฺขโนฺธ อตุโล, สุปฺปพุโทฺธ จ อุตฺตโร;
Samavattakkhandho atulo, suppabuddho ca uttaro;
สตฺถวาโห วิชิตเสโน, ราหุโล ภวติ สตฺตโมติฯ
Satthavāho vijitaseno, rāhulo bhavati sattamoti.
เอเต ตาว สตฺตนฺนมฺปิ โพธิสตฺตานํ อนุกฺกเมเนว สตฺต ปุตฺตา เวทิตพฺพาฯ
Ete tāva sattannampi bodhisattānaṃ anukkameneva satta puttā veditabbā.
ตตฺถ ราหุลภเทฺท ตาว ชาเต ปณฺณํ อาหริตฺวา มหาปุริสสฺส หเตฺถ ฐปยิํสุฯ อถสฺส ตาวเทว สกลสรีรํ โขเภตฺวา ปุตฺตสิเนโห อฎฺฐาสิฯ โส จิเนฺตสิ – ‘‘เอกสฺมิํ ตาว ชาเต เอวรูโป ปุตฺตสิเนโห, ปโรสหสฺสํ กิร เม ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ, เตสุ เอเกกสฺมิํ ชาเต อิทํ สิเนหพนฺธนํ เอวํ วฑฺฒนฺตํ ทุเพฺภชฺชํ ภวิสฺสติ, ราหุ ชาโต, พนฺธนํ ชาต’’นฺติ อาหฯ ตํ ทิวสเมว จ รชฺชํ ปหาย นิกฺขโนฺตฯ เอส นโย สเพฺพสํ ปุตฺตุปฺปตฺติยนฺติฯ อยํ ปุตฺตปริเจฺฉโทฯ
Tattha rāhulabhadde tāva jāte paṇṇaṃ āharitvā mahāpurisassa hatthe ṭhapayiṃsu. Athassa tāvadeva sakalasarīraṃ khobhetvā puttasineho aṭṭhāsi. So cintesi – ‘‘ekasmiṃ tāva jāte evarūpo puttasineho, parosahassaṃ kira me puttā bhavissanti, tesu ekekasmiṃ jāte idaṃ sinehabandhanaṃ evaṃ vaḍḍhantaṃ dubbhejjaṃ bhavissati, rāhu jāto, bandhanaṃ jāta’’nti āha. Taṃ divasameva ca rajjaṃ pahāya nikkhanto. Esa nayo sabbesaṃ puttuppattiyanti. Ayaṃ puttaparicchedo.
สุตนา สพฺพกามา จ, สุจิตฺตา อถ โรจินี;
Sutanā sabbakāmā ca, sucittā atha rocinī;
รุจคฺคตี สุนนฺทา จ, พิมฺพา ภวติ สตฺตมาติฯ
Rucaggatī sunandā ca, bimbā bhavati sattamāti.
เอตา เตสํ สตฺตนฺนมฺปิ ปุตฺตานํ มาตโร อเหสุํฯ พิมฺพาเทวี ปน ราหุลกุมาเร ชาเต ราหุลมาตาติ ปญฺญายิตฺถฯ อยํ ภริยปริเจฺฉโทฯ
Etā tesaṃ sattannampi puttānaṃ mātaro ahesuṃ. Bimbādevī pana rāhulakumāre jāte rāhulamātāti paññāyittha. Ayaṃ bhariyaparicchedo.
วิปสฺสี กกุสโนฺธติ อิเม ปน เทฺว โพธิสตฺตา ปยุตฺตอาชญฺญรถมารุยฺห มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิํสุฯ สิขี โกณาคมโนติ อิเม เทฺว หตฺถิกฺขนฺธวรคตา หุตฺวา นิกฺขมิํสุฯ เวสฺสภู สุวณฺณสิวิกาย นิสีทิตฺวา นิกฺขมิฯ กสฺสโป อุปริปาสาเท มหาตเล นิสิโนฺนว อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานา อุฎฺฐาย ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา – ‘‘ปาสาโท อุคฺคนฺตฺวา โพธิมเณฺฑ โอตรตู’’ติ อธิฎฺฐาสิฯ ปาสาโท อากาเสน คนฺตฺวา โพธิมเณฺฑ โอตริฯ มหาปุริโสปิ ตโต โอตริตฺวา ภูมิยํ ฐตฺวา – ‘‘ปาสาโท ยถาฐาเนเยว ปติฎฺฐาตู’’ติ จิเนฺตสิฯ โส ยถาฐาเน ปติฎฺฐาสิฯ มหาปุริโสปิ สตฺต ทิวสานิ ปธานมนุยุญฺชิตฺวา โพธิปลฺลเงฺก นิสีทิตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปฎิวิชฺฌิฯ อมฺหากํ ปน โพธิสโตฺต กณฺฎกํ อสฺสวรมารุยฺห นิกฺขโนฺตติฯ อยํ ยานปริเจฺฉโทฯ
Vipassī kakusandhoti ime pana dve bodhisattā payuttaājaññarathamāruyha mahābhinikkhamanaṃ nikkhamiṃsu. Sikhī koṇāgamanoti ime dve hatthikkhandhavaragatā hutvā nikkhamiṃsu. Vessabhū suvaṇṇasivikāya nisīditvā nikkhami. Kassapo uparipāsāde mahātale nisinnova ānāpānacatutthajjhānaṃ nibbattetvā jhānā uṭṭhāya taṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā – ‘‘pāsādo uggantvā bodhimaṇḍe otaratū’’ti adhiṭṭhāsi. Pāsādo ākāsena gantvā bodhimaṇḍe otari. Mahāpurisopi tato otaritvā bhūmiyaṃ ṭhatvā – ‘‘pāsādo yathāṭhāneyeva patiṭṭhātū’’ti cintesi. So yathāṭhāne patiṭṭhāsi. Mahāpurisopi satta divasāni padhānamanuyuñjitvā bodhipallaṅke nisīditvā sabbaññutaṃ paṭivijjhi. Amhākaṃ pana bodhisatto kaṇṭakaṃ assavaramāruyha nikkhantoti. Ayaṃ yānaparicchedo.
วิปสฺสิสฺส ปน ภควโต โยชนปฺปมาเณ ปเทเส วิหาโร ปติฎฺฐาสิ, สิขิสฺส ติคาวุเต, เวสฺสภุสฺส อฑฺฒโยชเน, กกุสนฺธสฺส คาวุเต, โกณาคมนสฺส อฑฺฒคาวุเต, กสฺสปสฺส วีสติอุสเภฯ อมฺหากํ ภควโต ปกติมาเนน โสฬสกรีเส, ราชมาเนน อฎฺฐกรีเส ปเทเส วิหาโร ปติฎฺฐิโตติฯ อยํ วิหารปริเจฺฉโทฯ
Vipassissa pana bhagavato yojanappamāṇe padese vihāro patiṭṭhāsi, sikhissa tigāvute, vessabhussa aḍḍhayojane, kakusandhassa gāvute, koṇāgamanassa aḍḍhagāvute, kassapassa vīsatiusabhe. Amhākaṃ bhagavato pakatimānena soḷasakarīse, rājamānena aṭṭhakarīse padese vihāro patiṭṭhitoti. Ayaṃ vihāraparicchedo.
วิปสฺสิสฺส ปน ภควโต เอกรตนายามา วิทตฺถิวิตฺถารา อฎฺฐงฺคุลุเพฺพธา สุวณฺณิฎฺฐกา กาเรตฺวา จูฬํเสน ฉาเทตฺวา วิหารฎฺฐานํ กิณิํสุฯ สิขิสฺส สุวณฺณยฎฺฐิผาเลหิ ฉาเทตฺวา กิณิํสุฯ เวสฺสภุสฺส สุวณฺณหตฺถิปาทานิ กาเรตฺวา เตสํ จูฬํเสน ฉาเทตฺวา กิณิํสุฯ กกุสนฺธสฺส วุตฺตนเยเนว สุวณฺณิฎฺฐกาหิ ฉาเทตฺวา กิณิํสุฯ โกณาคมนสฺส วุตฺตนเยเนว สุวณฺณกจฺฉเปหิ ฉาเทตฺวา กิณิํสุฯ กสฺสปสฺส สุวณฺณกฎฺฎีหิเยว ฉาเทตฺวา กิณิํสุฯ อมฺหากํ ภควโต สลกฺขณานํ กหาปณานํ จูฬํเสน ฉาเทตฺวา กิณิํสุฯ อยํ วิหารภูมิคฺคหณธนปริเจฺฉโทฯ
Vipassissa pana bhagavato ekaratanāyāmā vidatthivitthārā aṭṭhaṅgulubbedhā suvaṇṇiṭṭhakā kāretvā cūḷaṃsena chādetvā vihāraṭṭhānaṃ kiṇiṃsu. Sikhissa suvaṇṇayaṭṭhiphālehi chādetvā kiṇiṃsu. Vessabhussa suvaṇṇahatthipādāni kāretvā tesaṃ cūḷaṃsena chādetvā kiṇiṃsu. Kakusandhassa vuttanayeneva suvaṇṇiṭṭhakāhi chādetvā kiṇiṃsu. Koṇāgamanassa vuttanayeneva suvaṇṇakacchapehi chādetvā kiṇiṃsu. Kassapassa suvaṇṇakaṭṭīhiyeva chādetvā kiṇiṃsu. Amhākaṃ bhagavato salakkhaṇānaṃ kahāpaṇānaṃ cūḷaṃsena chādetvā kiṇiṃsu. Ayaṃ vihārabhūmiggahaṇadhanaparicchedo.
ตตฺถ วิปสฺสิสฺส ภควโต ตถา ภูมิํ กิณิตฺวา วิหารํ กตฺวา ทินฺนุปฎฺฐาโก ปุนพฺพสุมิโตฺต นาม อโหสิ, สิขิสฺส สิริวฑฺฒโน นาม, เวสฺสภุสฺส โสตฺถิโย นาม, กกุสนฺธสฺส อจฺจุโต นาม, โกณาคมนสฺส อุโคฺค นาม, กสฺสปสฺส สุมโน นาม, อมฺหากํ ภควโต สุทโตฺต นามฯ สเพฺพ เจเต คหปติมหาสาลา เสฎฺฐิโน อเหสุนฺติฯ อยํ อุปฎฺฐากปริเจฺฉโท นามฯ
Tattha vipassissa bhagavato tathā bhūmiṃ kiṇitvā vihāraṃ katvā dinnupaṭṭhāko punabbasumitto nāma ahosi, sikhissa sirivaḍḍhano nāma, vessabhussa sotthiyo nāma, kakusandhassa accuto nāma, koṇāgamanassa uggo nāma, kassapassa sumano nāma, amhākaṃ bhagavato sudatto nāma. Sabbe cete gahapatimahāsālā seṭṭhino ahesunti. Ayaṃ upaṭṭhākaparicchedo nāma.
อปรานิ จตฺตาริ อวิชหิตฎฺฐานานิ นาม โหนฺติฯ สพฺพพุทฺธานญฺหิ โพธิปลฺลโงฺก อวิชหิโต, เอกสฺมิํเยว ฐาเน โหติฯ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ อิสิปตเน มิคทาเย อวิชหิตเมว โหติฯ เทโวโรหนกาเล สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปฐมปทคณฺฐิกา อวิชหิตาว โหติฯ เชตวเน คนฺธกุฎิยา จตฺตาริ มญฺจปาทฎฺฐานานิ อวิชหิตาเนว โหนฺติฯ วิหาโร ปน ขุทฺทโกปิ มหโนฺตปิ โหติ, วิหาโรปิ น วิชหิโตเยว, นครํ ปน วิชหติฯ ยทา นครํ ปาจีนโต โหติ, ตทา วิหาโร ปจฺฉิมโต; ยทา นครํ ทกฺขิณโต, ตทา วิหาโร อุตฺตรโตฯ ยทา นครํ ปจฺฉิมโต, ตทา วิหาโร ปาจีนโต; ยทา นครํ อุตฺตรโต, ตทา วิหาโร ทกฺขิณโตฯ อิทานิ ปน นครํ อุตฺตรโต, วิหาโร ทกฺขิณโตฯ
Aparāni cattāri avijahitaṭṭhānāni nāma honti. Sabbabuddhānañhi bodhipallaṅko avijahito, ekasmiṃyeva ṭhāne hoti. Dhammacakkappavattanaṃ isipatane migadāye avijahitameva hoti. Devorohanakāle saṅkassanagaradvāre paṭhamapadagaṇṭhikā avijahitāva hoti. Jetavane gandhakuṭiyā cattāri mañcapādaṭṭhānāni avijahitāneva honti. Vihāro pana khuddakopi mahantopi hoti, vihāropi na vijahitoyeva, nagaraṃ pana vijahati. Yadā nagaraṃ pācīnato hoti, tadā vihāro pacchimato; yadā nagaraṃ dakkhiṇato, tadā vihāro uttarato. Yadā nagaraṃ pacchimato, tadā vihāro pācīnato; yadā nagaraṃ uttarato, tadā vihāro dakkhiṇato. Idāni pana nagaraṃ uttarato, vihāro dakkhiṇato.
สพฺพพุทฺธานญฺจ อายุเวมตฺตํ, ปมาณเวมตฺตํ, กุลเวมตฺตํ, ปธานเวมตฺตํ, รสฺมิเวมตฺตนฺติ ปญฺจ เวมตฺตานิ โหนฺติฯ อายุเวมตฺตํ นาม เกจิ ทีฆายุกา โหนฺติ, เกจิ อปฺปายุกาฯ ตถา หิ ทีปงฺกรสฺส วสฺสสตสหสฺสํ อายุปฺปมาณํ อโหสิ, อมฺหากํ ภควโต วสฺสสตํ อายุปฺปมาณํฯ
Sabbabuddhānañca āyuvemattaṃ, pamāṇavemattaṃ, kulavemattaṃ, padhānavemattaṃ, rasmivemattanti pañca vemattāni honti. Āyuvemattaṃ nāma keci dīghāyukā honti, keci appāyukā. Tathā hi dīpaṅkarassa vassasatasahassaṃ āyuppamāṇaṃ ahosi, amhākaṃ bhagavato vassasataṃ āyuppamāṇaṃ.
ปมาณเวมตฺตํ นาม เกจิ ทีฆา โหนฺติ เกจิ รสฺสาฯ ตถา หิ ทีปงฺกโร อสีติหโตฺถ อโหสิ, สุมโน นวุติหโตฺถ, อมฺหากํ ภควา อฎฺฐารสหโตฺถฯ
Pamāṇavemattaṃ nāma keci dīghā honti keci rassā. Tathā hi dīpaṅkaro asītihattho ahosi, sumano navutihattho, amhākaṃ bhagavā aṭṭhārasahattho.
กุลเวมตฺตํ นาม เกจิ ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺตนฺติ, เกจิ พฺราหฺมณกุเลฯ ปธานเวมตฺตํ นาม เกสญฺจิ ปธานํ อิตฺตรกาลเมว โหติ, ยถา กสฺสปสฺส ภควโตฯ เกสญฺจิ อทฺธนิยํ, ยถา อมฺหากํ ภควโตฯ
Kulavemattaṃ nāma keci khattiyakule nibbattanti, keci brāhmaṇakule. Padhānavemattaṃ nāma kesañci padhānaṃ ittarakālameva hoti, yathā kassapassa bhagavato. Kesañci addhaniyaṃ, yathā amhākaṃ bhagavato.
รสฺมิเวมตฺตํ นาม มงฺคลสฺส ภควโต สรีรรสฺมิ ทสสหสฺสิโลกธาตุปฺปมาณา อโหสิฯ อมฺหากํ ภควโต สมนฺตา พฺยามมตฺตา ฯ ตตฺร รสฺมิเวมตฺตํ อชฺฌาสยปฺปฎิพทฺธํ, โย ยตฺตกํ อิจฺฉติ, ตสฺส ตตฺตกํ สรีรปฺปภา ผรติฯ มงฺคลสฺส ปน นิจฺจมฺปิ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผรตูติ อชฺฌาสโย อโหสิฯ ปฎิวิทฺธคุเณสุ ปน กสฺสจิ เวมตฺตํ นาม นตฺถิฯ
Rasmivemattaṃ nāma maṅgalassa bhagavato sarīrarasmi dasasahassilokadhātuppamāṇā ahosi. Amhākaṃ bhagavato samantā byāmamattā . Tatra rasmivemattaṃ ajjhāsayappaṭibaddhaṃ, yo yattakaṃ icchati, tassa tattakaṃ sarīrappabhā pharati. Maṅgalassa pana niccampi dasasahassilokadhātuṃ pharatūti ajjhāsayo ahosi. Paṭividdhaguṇesu pana kassaci vemattaṃ nāma natthi.
อปรํ อมฺหากํเยว ภควโต สหชาตปริเจฺฉทญฺจ นกฺขตฺตปริเจฺฉทญฺจ ทีเปสุํฯ สพฺพญฺญุโพธิสเตฺตน กิร สทฺธิํ ราหุลมาตา, อานนฺทเตฺถโร, ฉโนฺน, กณฺฎโก, นิธิกุโมฺภ, มหาโพธิ, กาฬุทายีติ อิมานิ สตฺต สหชาตานิฯ มหาปุริโส จ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขเตฺตเนว มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมิ, มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิ, ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิ, ยมกปาฎิหาริยํ อกาสิฯ วิสาขานกฺขเตฺตน ชาโต จ อภิสมฺพุโทฺธ จ ปรินิพฺพุโต จฯ มาฆนกฺขเตฺตนสฺส สาวกสนฺนิปาโต จ อโหสิ, อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนญฺจ, อสฺสยุชนกฺขเตฺตน เทโวโรหนนฺติ เอตฺตกํ อาหริตฺวา ทีเปตพฺพํฯ อยํ สมฺพหุลปริเจฺฉโท นามฯ
Aparaṃ amhākaṃyeva bhagavato sahajātaparicchedañca nakkhattaparicchedañca dīpesuṃ. Sabbaññubodhisattena kira saddhiṃ rāhulamātā, ānandatthero, channo, kaṇṭako, nidhikumbho, mahābodhi, kāḷudāyīti imāni satta sahajātāni. Mahāpuriso ca uttarāsāḷhanakkhatteneva mātukucchiṃ okkami, mahābhinikkhamanaṃ nikkhami, dhammacakkaṃ pavattesi, yamakapāṭihāriyaṃ akāsi. Visākhānakkhattena jāto ca abhisambuddho ca parinibbuto ca. Māghanakkhattenassa sāvakasannipāto ca ahosi, āyusaṅkhārossajjanañca, assayujanakkhattena devorohananti ettakaṃ āharitvā dīpetabbaṃ. Ayaṃ sambahulaparicchedo nāma.
๑๓. อิทานิ อถ โข เตสํ ภิกฺขูนนฺติอาทีสุ เต ภิกฺขู – ‘‘อาวุโส, ปุเพฺพนิวาสสฺส นาม อยํ คติ, ยทิทํ จุติโต ปฎฺฐาย ปฎิสนฺธิอาโรหนํฯ ยํ ปน อิทํ ปฎิสนฺธิโต ปฎฺฐาย ปจฺฉามุขํ ญาณํ เปเสตฺวา จุติ คนฺตพฺพํ, อิทํ อติครุกํฯ อากาเส ปทํ ทเสฺสโนฺต วิย ภควา กเถสี’’ติ อติวิมฺหยชาตา หุตฺวา – ‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส,’’ติอาทีนิ วตฺวา ปุน อปรมฺปิ การณํ ทเสฺสโนฺต – ‘‘ยตฺร หิ นาม ตถาคโต’’ติอาทิมาหํสุ ฯ ตตฺถ ยตฺร หิ นามาติ อจฺฉริยเตฺถ นิปาโต, โย นาม ตถาคโตติ อโตฺถฯ ฉินฺนปปเญฺจติ เอตฺถ ปปญฺจา นาม ตณฺหา มาโน ทิฎฺฐีติ อิเม ตโย กิเลสาฯ ฉินฺนวฎุเมติ เอตฺถ วฎุมนฺติ กุสลากุสลกมฺมวฎฺฎํ วุจฺจติฯ ปริยาทินฺนวเฎฺฎติ ตเสฺสว เววจนํ, ปริยาทินฺนสพฺพกมฺมวเฎฺฎติ อโตฺถฯ สพฺพทุกฺขวีติวเตฺตติ สพฺพํ วิปากวฎฺฎสงฺขาตํ ทุกฺขํ วีติวเตฺต ฯ อนุสฺสริสฺสตีติ อิทํ ยตฺราติ นิปาตวเสน อนาคตวจนํ, อโตฺถ ปเนตฺถ อตีตวเสน เวทิตโพฺพฯ ภควา หิ เต พุเทฺธ อนุสฺสริ, น อิทานิ อนุสฺสริสฺสติฯ เอวํสีลาติ มคฺคสีเลน ผลสีเลน โลกิยโลกุตฺตรสีเลน เอวํสีลาฯ เอวํธมฺมาติ เอตฺถ สมาธิปกฺขา ธมฺมา อธิเปฺปตา, มคฺคสมาธินา ผลสมาธินา โลกิยโลกุตฺตรสมาธินา, เอวํสมาธโยติ อโตฺถฯ เอวํปญฺญาติ มคฺคปญฺญาทิวเสเนว เอวํปญฺญาฯ เอวํวิหารีติ เอตฺถ ปน เหฎฺฐา สมาธิปกฺขานํ ธมฺมานํ คหิตตฺตา วิหาโร คหิโตว ปุน กสฺมา คหิตเมว คณฺหาตีติ เจ; น อิทํ คหิตเมว, อิทญฺหิ นิโรธสมาปตฺติทีปนตฺถํ วุตฺตํฯ ตสฺมา เอวํ นิโรธสมาปตฺติวิหารี เต ภควโนฺต อเหสุนฺติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
13. Idāni atha kho tesaṃ bhikkhūnantiādīsu te bhikkhū – ‘‘āvuso, pubbenivāsassa nāma ayaṃ gati, yadidaṃ cutito paṭṭhāya paṭisandhiārohanaṃ. Yaṃ pana idaṃ paṭisandhito paṭṭhāya pacchāmukhaṃ ñāṇaṃ pesetvā cuti gantabbaṃ, idaṃ atigarukaṃ. Ākāse padaṃ dassento viya bhagavā kathesī’’ti ativimhayajātā hutvā – ‘‘acchariyaṃ, āvuso,’’tiādīni vatvā puna aparampi kāraṇaṃ dassento – ‘‘yatra hi nāma tathāgato’’tiādimāhaṃsu . Tattha yatra hi nāmāti acchariyatthe nipāto, yo nāma tathāgatoti attho. Chinnapapañceti ettha papañcā nāma taṇhā māno diṭṭhīti ime tayo kilesā. Chinnavaṭumeti ettha vaṭumanti kusalākusalakammavaṭṭaṃ vuccati. Pariyādinnavaṭṭeti tasseva vevacanaṃ, pariyādinnasabbakammavaṭṭeti attho. Sabbadukkhavītivatteti sabbaṃ vipākavaṭṭasaṅkhātaṃ dukkhaṃ vītivatte . Anussarissatīti idaṃ yatrāti nipātavasena anāgatavacanaṃ, attho panettha atītavasena veditabbo. Bhagavā hi te buddhe anussari, na idāni anussarissati. Evaṃsīlāti maggasīlena phalasīlena lokiyalokuttarasīlena evaṃsīlā. Evaṃdhammāti ettha samādhipakkhā dhammā adhippetā, maggasamādhinā phalasamādhinā lokiyalokuttarasamādhinā, evaṃsamādhayoti attho. Evaṃpaññāti maggapaññādivaseneva evaṃpaññā. Evaṃvihārīti ettha pana heṭṭhā samādhipakkhānaṃ dhammānaṃ gahitattā vihāro gahitova puna kasmā gahitameva gaṇhātīti ce; na idaṃ gahitameva, idañhi nirodhasamāpattidīpanatthaṃ vuttaṃ. Tasmā evaṃ nirodhasamāpattivihārī te bhagavanto ahesunti evamettha attho daṭṭhabbo.
เอวํวิมุตฺตาติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ, ตทงฺควิมุตฺติ, สมุเจฺฉทวิมุตฺติ, ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ, นิสฺสรณวิมุตฺตีติ ปญฺจวิธา วิมุตฺติฯ ตตฺถ อฎฺฐ สมาปตฺติโย สยํ วิกฺขมฺภิเตหิ นีวรณาทีหิ วิมุตฺตตฺตา วิกฺขมฺภนวิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติฯ อนิจฺจานุปสฺสนาทิกา สตฺตานุปสฺสนา สยํ ตสฺส ตสฺส ปจฺจนีกงฺควเสน ปริจฺจตฺตาหิ นิจฺจสญฺญาทีหิ วิมุตฺตตฺตา ตทงฺควิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติฯ จตฺตาโร อริยมคฺคา สยํ สมุจฺฉิเนฺนหิ กิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา สมุเจฺฉทวิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติฯ จตฺตาริ สามญฺญผลานิ มคฺคานุภาเวน กิเลสานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธเนฺต อุปฺปนฺนตฺตา ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติฯ นิพฺพานํ สพฺพกิเลเสหิ นิสฺสฎตฺตา อปคตตฺตา ทูเร ฐิตตฺตา นิสฺสรณวิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ อิติ อิมาสํ ปญฺจนฺนํ วิมุตฺตีนํ วเสน – ‘‘เอวํ วิมุตฺตา’’ติ เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Evaṃvimuttāti ettha vikkhambhanavimutti, tadaṅgavimutti, samucchedavimutti, paṭippassaddhivimutti, nissaraṇavimuttīti pañcavidhā vimutti. Tattha aṭṭha samāpattiyo sayaṃ vikkhambhitehi nīvaraṇādīhi vimuttattā vikkhambhanavimuttīti saṅkhyaṃ gacchanti. Aniccānupassanādikā sattānupassanā sayaṃ tassa tassa paccanīkaṅgavasena pariccattāhi niccasaññādīhi vimuttattā tadaṅgavimuttīti saṅkhyaṃ gacchanti. Cattāro ariyamaggā sayaṃ samucchinnehi kilesehi vimuttattā samucchedavimuttīti saṅkhyaṃ gacchanti. Cattāri sāmaññaphalāni maggānubhāvena kilesānaṃ paṭippassaddhante uppannattā paṭippassaddhivimuttīti saṅkhyaṃ gacchanti. Nibbānaṃ sabbakilesehi nissaṭattā apagatattā dūre ṭhitattā nissaraṇavimuttīti saṅkhyaṃ gacchati. Iti imāsaṃ pañcannaṃ vimuttīnaṃ vasena – ‘‘evaṃ vimuttā’’ti ettha attho daṭṭhabbo.
๑๔. ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโตติ เอกีภาวา วุฎฺฐิโตฯ
14.Paṭisallānā vuṭṭhitoti ekībhāvā vuṭṭhito.
๑๖. ‘‘อิโต โส, ภิกฺขเว’’ติ โก อนุสนฺธิ? อิทญฺหิ สุตฺตํ – ‘‘ตถาคตเสฺสเวสา, ภิกฺขเว, ธมฺมธาตุ สุปฺปฎิวิทฺธา’’ติ จ ‘‘เทวตาปิ ตถาคตสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสุ’’นฺติ จ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ อาพทฺธํฯ ตตฺถ เทวตาโรจนปทํ สุตฺตนฺตปริโยสาเน เทวจาริกโกลาหลํ ทเสฺสโนฺต วิจาเรสฺสติ ฯ ธมฺมธาตุปทานุสนฺธิวเสน ปน อยํ เทสนา อารทฺธาฯ ตตฺถ ขตฺติโย ชาติยาติอาทีนิ เอกาทสปทานิ นิทานกเณฺฑ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ
16.‘‘Ito so, bhikkhave’’ti ko anusandhi? Idañhi suttaṃ – ‘‘tathāgatassevesā, bhikkhave, dhammadhātu suppaṭividdhā’’ti ca ‘‘devatāpi tathāgatassa etamatthaṃ ārocesu’’nti ca imehi dvīhi padehi ābaddhaṃ. Tattha devatārocanapadaṃ suttantapariyosāne devacārikakolāhalaṃ dassento vicāressati . Dhammadhātupadānusandhivasena pana ayaṃ desanā āraddhā. Tattha khattiyo jātiyātiādīni ekādasapadāni nidānakaṇḍe vuttanayeneva veditabbāni.
โพธิสตฺตธมฺมตาวณฺณนา
Bodhisattadhammatāvaṇṇanā
๑๗. อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี โพธิสโตฺตติอาทีสุ ปน วิปสฺสีติ ตสฺส นามํ, ตญฺจ โข วิวิเธ อเตฺถ ปสฺสนกุสลตาย ลทฺธํฯ โพธิสโตฺตติ ปณฺฑิตสโตฺต พุชฺฌนกสโตฺตฯ โพธิสงฺขาเตสุ วา จตูสุ มเคฺคสุ สโตฺต อาสโตฺต ลคฺคมานโสติ โพธิสโตฺตฯ สโต สมฺปชาโนติ เอตฺถ สโตติ สติเยวฯ สมฺปชาโนติ ญาณํฯ สติํ สูปฎฺฐิตํ กตฺวา ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมีติ อโตฺถฯ โอกฺกมีติ อิมินา จสฺส โอกฺกนฺตภาโว ปาฬิยํ ทสฺสิโต, น โอกฺกมนกฺกโมฯ โส ปน ยสฺมา อฎฺฐกถํ อารูโฬฺห, ตสฺมา เอวํ เวทิตโพฺพ –
17.Athakho, bhikkhave, vipassī bodhisattotiādīsu pana vipassīti tassa nāmaṃ, tañca kho vividhe atthe passanakusalatāya laddhaṃ. Bodhisattoti paṇḍitasatto bujjhanakasatto. Bodhisaṅkhātesu vā catūsu maggesu satto āsatto laggamānasoti bodhisatto. Sato sampajānoti ettha satoti satiyeva. Sampajānoti ñāṇaṃ. Satiṃ sūpaṭṭhitaṃ katvā ñāṇena paricchinditvā mātukucchiṃ okkamīti attho. Okkamīti iminā cassa okkantabhāvo pāḷiyaṃ dassito, na okkamanakkamo. So pana yasmā aṭṭhakathaṃ ārūḷho, tasmā evaṃ veditabbo –
สพฺพโพธิสตฺตา หิ สมติํส ปารมิโย ปูเรตฺวา, ปญฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา, ญาตตฺถจริยโลกตฺถจริยพุทฺธจริยานํ โกฎิํ ปตฺวา, เวสฺสนฺตรสทิเส ตติเย อตฺตภาเว ฐตฺวา, สตฺต มหาทานานิ ทตฺวา, สตฺตกฺขตฺตุํ ปถวิํ กเมฺปตฺวา, กาลงฺกตฺวา, ทุติยจิตฺตวาเร ตุสิตภวเน นิพฺพตฺตนฺติฯ วิปสฺสี โพธิสโตฺตปิ ตเถว กตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา สฎฺฐิสตสหสฺสาธิกา สตฺตปญฺญาส วสฺสโกฎิโย ตตฺถ อฎฺฐาสิฯ อญฺญทา ปน ทีฆายุกเทวโลเก นิพฺพตฺตา โพธิสตฺตา น ยาวตายุกํ ติฎฺฐนฺติฯ กสฺมา? ตตฺถ ปารมีนํ ทุปฺปูรณียตฺตาฯ เต อธิมุตฺติกาลกิริยํ กตฺวา มนุสฺสปเถเยว นิพฺพตฺตนฺติฯ ปารมีนํ ปูเรโนฺต ปน ยถา อิทานิ เอเกน อตฺตภาเวน สพฺพญฺญุตํ อุปเนตุํ สโกฺกนฺติ, เอวํ สพฺพโส ปูริตตฺตา ตทา วิปสฺสี โพธิสโตฺต ตตฺถ ยาวตายุกํ อฎฺฐาสิฯ
Sabbabodhisattā hi samatiṃsa pāramiyo pūretvā, pañca mahāpariccāge pariccajitvā, ñātatthacariyalokatthacariyabuddhacariyānaṃ koṭiṃ patvā, vessantarasadise tatiye attabhāve ṭhatvā, satta mahādānāni datvā, sattakkhattuṃ pathaviṃ kampetvā, kālaṅkatvā, dutiyacittavāre tusitabhavane nibbattanti. Vipassī bodhisattopi tatheva katvā tusitapure nibbattitvā saṭṭhisatasahassādhikā sattapaññāsa vassakoṭiyo tattha aṭṭhāsi. Aññadā pana dīghāyukadevaloke nibbattā bodhisattā na yāvatāyukaṃ tiṭṭhanti. Kasmā? Tattha pāramīnaṃ duppūraṇīyattā. Te adhimuttikālakiriyaṃ katvā manussapatheyeva nibbattanti. Pāramīnaṃ pūrento pana yathā idāni ekena attabhāvena sabbaññutaṃ upanetuṃ sakkonti, evaṃ sabbaso pūritattā tadā vipassī bodhisatto tattha yāvatāyukaṃ aṭṭhāsi.
เทวตานํ ปน – ‘‘มนุสฺสานํ คณนาวเสน อิทานิ สตฺตหิ ทิวเสหิ จุติ ภวิสฺสตี’’ติ ปญฺจ ปุพฺพนิมิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ – มาลา มิลายนฺติ, วตฺถานิ กิลิสฺสนฺติ, กเจฺฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ, กาเย ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกมติ, เทโว เทวาสเน น สณฺฐาติฯ ตตฺถ มาลาติ ปฎิสนฺธิคฺคหณทิวเส ปิฬนฺธนมาลา , ตา กิร สฎฺฐิสตสหสฺสาธิกา สตฺตปณฺณาส วสฺสโกฎิโย อมิลายิตฺวา ตทา มิลายนฺติฯ วเตฺถสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺตกํ ปน กาลํ เทวานํ เนว สีตํ น อุณฺหํ โหติ, ตสฺมิํ กาเล สรีรา พินฺทุพินฺทุวเสน เสทา มุจฺจนฺติฯ เอตฺตกญฺจ กาลํ เตสํ สรีเร ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทิวเสน วิวณฺณตา น ปญฺญายติ, เทวธีตา โสฬสวสฺสุเทฺทสิกา วิย ขายนฺติ, เทวปุตฺตา วีสติวสฺสุเทฺทสิกา วิย ขายนฺติ, มรณกาเล ปน เตสํ กิลนฺตรูโป อตฺตภาโว โหติฯ เอตฺตกญฺจ เตสํ กาลํ เทวโลเก อุกฺกณฺฐิตา นาม นตฺถิ, มรณกาเล ปน นิสฺสสนฺติ วิชมฺภนฺติ, สเก อาสเน นาภิรมนฺติฯ
Devatānaṃ pana – ‘‘manussānaṃ gaṇanāvasena idāni sattahi divasehi cuti bhavissatī’’ti pañca pubbanimittāni uppajjanti – mālā milāyanti, vatthāni kilissanti, kacchehi sedā muccanti, kāye dubbaṇṇiyaṃ okkamati, devo devāsane na saṇṭhāti. Tattha mālāti paṭisandhiggahaṇadivase piḷandhanamālā , tā kira saṭṭhisatasahassādhikā sattapaṇṇāsa vassakoṭiyo amilāyitvā tadā milāyanti. Vatthesupi eseva nayo. Ettakaṃ pana kālaṃ devānaṃ neva sītaṃ na uṇhaṃ hoti, tasmiṃ kāle sarīrā bindubinduvasena sedā muccanti. Ettakañca kālaṃ tesaṃ sarīre khaṇḍiccapāliccādivasena vivaṇṇatā na paññāyati, devadhītā soḷasavassuddesikā viya khāyanti, devaputtā vīsativassuddesikā viya khāyanti, maraṇakāle pana tesaṃ kilantarūpo attabhāvo hoti. Ettakañca tesaṃ kālaṃ devaloke ukkaṇṭhitā nāma natthi, maraṇakāle pana nissasanti vijambhanti, sake āsane nābhiramanti.
อิมานิ ปน ปุพฺพนิมิตฺตานิ ยถา โลเก มหาปุญฺญานํ ราชราชมหามตฺตาทีนํเยว อุกฺกาปาตภูมิจาลจนฺทคฺคาหาทีนิ นิมิตฺตานิ ปญฺญายนฺติ, น สเพฺพสํ; เอวํ มเหสกฺขเทวตานํเยว ปญฺญายนฺติ, น สเพฺพสํฯ ยถา จ มนุเสฺสสุ ปุพฺพนิมิตฺตานิ นกฺขตฺตปาฐกาทโยว ชานนฺติ, น สเพฺพ; เอวํ ตานิปิ น สพฺพเทวตา ชานนฺติ, ปณฺฑิตา เอว ปน ชานนฺติฯ ตตฺถ เย มเนฺทน กุสลกเมฺมน นิพฺพตฺตา เทวปุตฺตา, เต เตสุ อุปฺปเนฺนสุ – ‘‘อิทานิ โก ชานาติ, ‘กุหิํ นิพฺพเตฺตสฺสามา’ติ’’ ภายนฺติฯ เย มหาปุญฺญา, เต ‘‘อเมฺหหิ ทินฺนํ ทานํ, รกฺขิตํ สีลํ, ภาวิตํ ภาวนํ อาคมฺม อุปริ เทวโลเกสุ สมฺปตฺติํ อนุภวิสฺสามา’’ติ น ภายนฺติฯ วิปสฺสี โพธิสโตฺตปิ ตานิ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ อนนฺตเร อตฺตภาเว พุโทฺธ ภวิสฺสามี’’ติ น ภายติฯ อถสฺส เตสุ นิมิเตฺตสุ ปาตุภูเตสุ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา – ‘‘มาริส, ตุเมฺหหิ ทส ปารมิโย ปูเรเนฺตหิ น สกฺกสมฺปตฺติํ, น มารสมฺปตฺติํ, น พฺรหฺมสมฺปตฺติํ, น จกฺกวตฺติสมฺปตฺติํ ปเตฺถเนฺตหิ ปูริตา, โลกนิตฺถรณตฺถาย ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺถยมาเนหิ ปูริตาฯ โส โว, อิทานิ กาโล, มาริส, พุทฺธตฺตาย, สมโย, มาริส, พุทฺธตฺตายา’’ติ ยาจนฺติฯ
Imāni pana pubbanimittāni yathā loke mahāpuññānaṃ rājarājamahāmattādīnaṃyeva ukkāpātabhūmicālacandaggāhādīni nimittāni paññāyanti, na sabbesaṃ; evaṃ mahesakkhadevatānaṃyeva paññāyanti, na sabbesaṃ. Yathā ca manussesu pubbanimittāni nakkhattapāṭhakādayova jānanti, na sabbe; evaṃ tānipi na sabbadevatā jānanti, paṇḍitā eva pana jānanti. Tattha ye mandena kusalakammena nibbattā devaputtā, te tesu uppannesu – ‘‘idāni ko jānāti, ‘kuhiṃ nibbattessāmā’ti’’ bhāyanti. Ye mahāpuññā, te ‘‘amhehi dinnaṃ dānaṃ, rakkhitaṃ sīlaṃ, bhāvitaṃ bhāvanaṃ āgamma upari devalokesu sampattiṃ anubhavissāmā’’ti na bhāyanti. Vipassī bodhisattopi tāni pubbanimittāni disvā ‘‘idāni anantare attabhāve buddho bhavissāmī’’ti na bhāyati. Athassa tesu nimittesu pātubhūtesu dasasahassacakkavāḷadevatā sannipatitvā – ‘‘mārisa, tumhehi dasa pāramiyo pūrentehi na sakkasampattiṃ, na mārasampattiṃ, na brahmasampattiṃ, na cakkavattisampattiṃ patthentehi pūritā, lokanittharaṇatthāya pana buddhattaṃ patthayamānehi pūritā. So vo, idāni kālo, mārisa, buddhattāya, samayo, mārisa, buddhattāyā’’ti yācanti.
อถ มหาสโตฺต ตาสํ เทวตานํ ปฎิญฺญํ อทตฺวาว กาลทีปเทสกุลชเนตฺติอายุปริเจฺฉทวเสน ปญฺจมหาวิโลกนํ นาม วิโลเกสิฯ ตตฺถ ‘‘กาโล นุ โข, น กาโล’’ติ ปฐมํ กาลํ วิโลเกสิฯ ตตฺถ วสฺสสตสหสฺสโต อุทฺธํ วฑฺฒิตอายุกาโล กาโล นาม น โหติฯ กสฺมา? ตทา หิ สตฺตานํ ชาติชรามรณานิ น ปญฺญายนฺติ, พุทฺธานญฺจ ธมฺมเทสนา นาม ติลกฺขณมุตฺตา นตฺถิฯ เต เตสํ – ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ กเถนฺตานํ – ‘‘กิํ นาเมตํ กเถนฺตี’’ติ เนว โสตุํ, น สทฺทหิตุํ มญฺญนฺติ, ตโต อภิสมโย น โหติ, ตสฺมิํ อสติ อนิยฺยานิกํ สาสนํ โหติฯ ตสฺมา โส อกาโลฯ วสฺสสตโต อูนอายุกาโลปิ กาโล น โหติฯ กสฺมา? ตทา หิ สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺติ, อุสฺสนฺนกิเลสานญฺจ ทิโนฺน โอวาโท โอวาทฎฺฐาเน น ติฎฺฐติ, อุทเก ทณฺฑราชิ วิย ขิปฺปํ วิคจฺฉติฯ ตสฺมา โสปิ อกาโลวฯ วสฺสสตสหสฺสโต ปฎฺฐาย เหฎฺฐา, วสฺสสตโต ปฎฺฐาย อุทฺธํ อายุกาโล กาโล นาม, ตทา จ อสีติวสฺสสหสฺสายุกา มนุสฺสาฯ อถ มหาสโตฺต – ‘‘นิพฺพตฺติตพฺพกาโล’’ติ กาลํ ปสฺสิฯ
Atha mahāsatto tāsaṃ devatānaṃ paṭiññaṃ adatvāva kāladīpadesakulajanettiāyuparicchedavasena pañcamahāvilokanaṃ nāma vilokesi. Tattha ‘‘kālo nu kho, na kālo’’ti paṭhamaṃ kālaṃ vilokesi. Tattha vassasatasahassato uddhaṃ vaḍḍhitaāyukālo kālo nāma na hoti. Kasmā? Tadā hi sattānaṃ jātijarāmaraṇāni na paññāyanti, buddhānañca dhammadesanā nāma tilakkhaṇamuttā natthi. Te tesaṃ – ‘‘aniccaṃ dukkhamanattā’’ti kathentānaṃ – ‘‘kiṃ nāmetaṃ kathentī’’ti neva sotuṃ, na saddahituṃ maññanti, tato abhisamayo na hoti, tasmiṃ asati aniyyānikaṃ sāsanaṃ hoti. Tasmā so akālo. Vassasatato ūnaāyukālopi kālo na hoti. Kasmā? Tadā hi sattā ussannakilesā honti, ussannakilesānañca dinno ovādo ovādaṭṭhāne na tiṭṭhati, udake daṇḍarāji viya khippaṃ vigacchati. Tasmā sopi akālova. Vassasatasahassato paṭṭhāya heṭṭhā, vassasatato paṭṭhāya uddhaṃ āyukālo kālo nāma, tadā ca asītivassasahassāyukā manussā. Atha mahāsatto – ‘‘nibbattitabbakālo’’ti kālaṃ passi.
ตโต ทีปํ วิโลเกโนฺต สปริวาเร จตฺตาโร ทีเป โอโลเกตฺวา – ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ ทีปํ ปสฺสิฯ
Tato dīpaṃ vilokento saparivāre cattāro dīpe oloketvā – ‘‘tīsu dīpesu buddhā na nibbattanti, jambudīpeyeva nibbattantī’’ti dīpaṃ passi.
ตโต – ‘‘ชมฺพุทีโป นาม มหา, ทสโยชนสหสฺสปริมาโณ, กตรสฺมิํ นุ โข ปเทเส พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ เทสํ วิโลเกโนฺต มชฺฌิมเทสํ ปสฺสิฯ มชฺฌิมเทโส นาม – ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม’’ติอาทินา (มหาว. ๒๕๙) นเยน วินเย วุโตฺตวฯ โส อายามโต ตีณิ โยชนสตานิ, วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยานิ, ปริเกฺขปโต นวโยชนสตานีติฯ เอตสฺมิญฺหิ ปเทเส พุทฺธา ปเจฺจกพุทฺธา อคฺคสาวกา อสีติ มหาสาวกา จกฺกวตฺติราชาโน อเญฺญ จ มเหสกฺขา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติมหาสาลา อุปฺปชฺชนฺติฯ อิทเญฺจตฺถ พนฺธุมตี นาม นครํ, ตตฺถ มยา นิพฺพตฺติตพฺพนฺติ นิฎฺฐํ อคมาสิฯ
Tato – ‘‘jambudīpo nāma mahā, dasayojanasahassaparimāṇo, katarasmiṃ nu kho padese buddhā nibbattantī’’ti desaṃ vilokento majjhimadesaṃ passi. Majjhimadeso nāma – ‘‘puratthimāya disāya gajaṅgalaṃ nāma nigamo’’tiādinā (mahāva. 259) nayena vinaye vuttova. So āyāmato tīṇi yojanasatāni, vitthārato aḍḍhateyyāni, parikkhepato navayojanasatānīti. Etasmiñhi padese buddhā paccekabuddhā aggasāvakā asīti mahāsāvakā cakkavattirājāno aññe ca mahesakkhā khattiyabrāhmaṇagahapatimahāsālā uppajjanti. Idañcettha bandhumatī nāma nagaraṃ, tattha mayā nibbattitabbanti niṭṭhaṃ agamāsi.
ตโต กุลํ วิโลเกโนฺต – ‘‘พุทฺธา นาม โลกสมฺมเต กุเล นิพฺพตฺตนฺติฯ อิทานิ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ, ตตฺถ นิพฺพตฺติสฺสามิ, พนฺธุมา นาม เม ราชา ปิตา ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ ปสฺสิฯ
Tato kulaṃ vilokento – ‘‘buddhā nāma lokasammate kule nibbattanti. Idāni ca khattiyakulaṃ lokasammataṃ, tattha nibbattissāmi, bandhumā nāma me rājā pitā bhavissatī’’ti kulaṃ passi.
ตโต มาตรํ วิโลเกโนฺต – ‘‘พุทฺธมาตา นาม โลลา สุราธุตฺตา น โหติ, กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตปารมี, ชาติโต ปฎฺฐาย อขณฺฑปญฺจสีลา โหติ, อยญฺจ พนฺธุมตี นาม เทวี อีทิสา, อยํ เม มาตา ภวิสฺสติ , ‘‘กิตฺตกํ ปนสฺสา อายู’’ติ อาวชฺชโนฺต ‘‘ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานี’’ติ ปสฺสิฯ
Tato mātaraṃ vilokento – ‘‘buddhamātā nāma lolā surādhuttā na hoti, kappasatasahassaṃ pūritapāramī, jātito paṭṭhāya akhaṇḍapañcasīlā hoti, ayañca bandhumatī nāma devī īdisā, ayaṃ me mātā bhavissati , ‘‘kittakaṃ panassā āyū’’ti āvajjanto ‘‘dasannaṃ māsānaṃ upari satta divasānī’’ti passi.
อิติ อิมํ ปญฺจมหาวิโลกนํ วิโลเกตฺวา ‘‘กาโล, เม มาริสา, พุทฺธภาวายา’’ติ เทวตานํ สงฺคหํ กโรโนฺต ปฎิญฺญํ ทตฺวา – ‘‘คจฺฉถ, ตุเมฺห’’ติ ตา เทวตา อุโยฺยเชตฺวา ตุสิตเทวตาหิ ปริวุโต ตุสิตปุเร นนฺทนวนํ ปาวิสิฯ สพฺพเทวโลเกสุ หิ นนฺทนวนํ อตฺถิเยวฯ ตตฺร นํ เทวตา อิโต จุโต สุคติํ คจฺฉาติ ปุเพฺพกตกุสลกโมฺมกาสํ สารยมานา วิจรนฺติฯ โส เอวํ เทวตาหิ กุสลํ สารยมานาหิ ปริวุโต ตตฺถ วิจรโนฺตเยว จวิฯ
Iti imaṃ pañcamahāvilokanaṃ viloketvā ‘‘kālo, me mārisā, buddhabhāvāyā’’ti devatānaṃ saṅgahaṃ karonto paṭiññaṃ datvā – ‘‘gacchatha, tumhe’’ti tā devatā uyyojetvā tusitadevatāhi parivuto tusitapure nandanavanaṃ pāvisi. Sabbadevalokesu hi nandanavanaṃ atthiyeva. Tatra naṃ devatā ito cuto sugatiṃ gacchāti pubbekatakusalakammokāsaṃ sārayamānā vicaranti. So evaṃ devatāhi kusalaṃ sārayamānāhi parivuto tattha vicarantoyeva cavi.
เอวํ จุโต จ ‘จวามี’ติ ชานาติ, จุติจิตฺตํ น ชานาติฯ ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวาปิ ชานาติ, ปฎิสนฺธิจิตฺตเมว น ชานาติฯ ‘‘อิมสฺมิํ เม ฐาเน ปฎิสนฺธิํ คหิตา’’ติ เอวํ ปน ชานาติฯ เกจิ ปน เถรา – ‘‘อาวชฺชนปริยาโย นาม ลทฺธุํ วฎฺฎติ, ทุติยตติยจิตฺตวาเร เอว ชานิสฺสตี’’ติ วทนฺติฯ ติปิฎกมหาสีวเตฺถโร ปน อาห – ‘‘มหาสตฺตานํ ปฎิสนฺธิ น อเญฺญสํ ปฎิสนฺธิสทิสา, โกฎิปฺปตฺตํ ปน เตสํ สติสมฺปชญฺญํฯ ยสฺมา ปน เตเนว จิเตฺตน ตํ จิตฺตํ ญาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา จุติจิตฺตํ น ชานาติฯ จุติกฺขเณปิ ‘จวามี’ติ ชานาติฯ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาติฯ ‘อสุกสฺมิํ เม ฐาเน ปฎิสนฺธิ คหิตา’ติ ชานาติ, ตสฺมิํ กาเล ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปตี’’ติฯ เอวํ สโต สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมโนฺต ปน เอกูนวีสติยา ปฎิสนฺธิจิเตฺตสุ เมตฺตาปุพฺพภาคสฺส โสมนสฺสสหคตญาณสมฺปยุตฺตอสงฺขาริกกุสลจิตฺตสฺส สทิสมหาวิปากจิเตฺตน ปฎิสนฺธิ คณฺหิฯ มหาสีวเตฺถโร ปน อุเปกฺขาสหคเตนาติ อาหฯ ยถา จ อมฺหากํ ภควา, เอวํ โสปิ อาสาฬฺหีปุณฺณมายํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขเตฺตเนว ปฎิสนฺธิํ อคฺคเหสิฯ
Evaṃ cuto ca ‘cavāmī’ti jānāti, cuticittaṃ na jānāti. Paṭisandhiṃ gahetvāpi jānāti, paṭisandhicittameva na jānāti. ‘‘Imasmiṃ me ṭhāne paṭisandhiṃ gahitā’’ti evaṃ pana jānāti. Keci pana therā – ‘‘āvajjanapariyāyo nāma laddhuṃ vaṭṭati, dutiyatatiyacittavāre eva jānissatī’’ti vadanti. Tipiṭakamahāsīvatthero pana āha – ‘‘mahāsattānaṃ paṭisandhi na aññesaṃ paṭisandhisadisā, koṭippattaṃ pana tesaṃ satisampajaññaṃ. Yasmā pana teneva cittena taṃ cittaṃ ñātuṃ na sakkā, tasmā cuticittaṃ na jānāti. Cutikkhaṇepi ‘cavāmī’ti jānāti. Paṭisandhicittaṃ na jānāti. ‘Asukasmiṃ me ṭhāne paṭisandhi gahitā’ti jānāti, tasmiṃ kāle dasasahassilokadhātu kampatī’’ti. Evaṃ sato sampajāno mātukucchiṃ okkamanto pana ekūnavīsatiyā paṭisandhicittesu mettāpubbabhāgassa somanassasahagatañāṇasampayuttaasaṅkhārikakusalacittassa sadisamahāvipākacittena paṭisandhi gaṇhi. Mahāsīvatthero pana upekkhāsahagatenāti āha. Yathā ca amhākaṃ bhagavā, evaṃ sopi āsāḷhīpuṇṇamāyaṃ uttarāsāḷhanakkhatteneva paṭisandhiṃ aggahesi.
ตทา กิร ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฎฺฐาย วิคตสุราปานํ มาลาคนฺธาทิวิภูติสมฺปนฺนํ นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมานา โพธิสตฺตมาตา สตฺตเม ทิวเส ปาโต อุฎฺฐาย คโนฺธทเกน นหายิตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตา วรโภชนํ ภุญฺชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฎฺฐาย สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สิริสยเน นิปนฺนา นิทฺทํ โอกฺกมมานา อิทํ สุปินํ อทฺทส – ‘‘จตฺตาโร กิร นํ มหาราชาโน สยเนเนว สทฺธิํ อุกฺขิปิตฺวา อโนตตฺตทหํ เนตฺวา นหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺถํ นิวาเสตฺวา ทิพฺพคเนฺธหิ วิลิเมฺปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ ปิฬนฺธิตฺวา, ตโต อวิทูเร รชตปพฺพโต, ตสฺส อโนฺต กนกวิมานํ อตฺถิ, ตสฺมิํ ปาจีนโต สีสํ กตฺวา นิปชฺชาเปสุํฯ อถ โพธิสโตฺต เสตวรวารโณ หุตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก สุวณฺณปพฺพโต, ตตฺถ จริตฺวา ตโต โอรุยฺห รชตปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา กนกวิมานํ ปวิสิตฺวา มาตรํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ผาเลตฺวา กุจฺฉิํ ปวิฎฺฐสทิโส อโหสิ’’ฯ
Tadā kira pure puṇṇamāya sattamadivasato paṭṭhāya vigatasurāpānaṃ mālāgandhādivibhūtisampannaṃ nakkhattakīḷaṃ anubhavamānā bodhisattamātā sattame divase pāto uṭṭhāya gandhodakena nahāyitvā sabbālaṅkāravibhūsitā varabhojanaṃ bhuñjitvā uposathaṅgāni adhiṭṭhāya sirigabbhaṃ pavisitvā sirisayane nipannā niddaṃ okkamamānā idaṃ supinaṃ addasa – ‘‘cattāro kira naṃ mahārājāno sayaneneva saddhiṃ ukkhipitvā anotattadahaṃ netvā nahāpetvā dibbavatthaṃ nivāsetvā dibbagandhehi vilimpetvā dibbapupphāni piḷandhitvā, tato avidūre rajatapabbato, tassa anto kanakavimānaṃ atthi, tasmiṃ pācīnato sīsaṃ katvā nipajjāpesuṃ. Atha bodhisatto setavaravāraṇo hutvā tato avidūre eko suvaṇṇapabbato, tattha caritvā tato oruyha rajatapabbataṃ abhiruhitvā kanakavimānaṃ pavisitvā mātaraṃ padakkhiṇaṃ katvā dakkhiṇapassaṃ phāletvā kucchiṃ paviṭṭhasadiso ahosi’’.
อถ ปพุทฺธา เทวี ตํ สุปินํ รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา วิภาตาย รตฺติยา จตุสฎฺฐิมเตฺต พฺราหฺมณปาโมเกฺข ปโกฺกสาเปตฺวา หริตูปลิตฺตาย ลาชาทีหิ กตมงฺคลสกฺการาย ภูมิยา มหารหานิ อาสนานิ ปญฺญเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนานํ พฺราหฺมณานํ สปฺปิมธุสกฺกราภิสงฺขตสฺส วรปายาสสฺส สุวณฺณรชตปาติโย ปูเรตฺวา สุวณฺณรชตปาตีเหว ปฎิกุชฺชิตฺวา อทาสิ, อเญฺญหิ จ อหตวตฺถกปิลคาวีทานาทีหิ เนสํ สนฺตเปฺปสิฯ อถ เนสํ สพฺพกามสนฺตปฺปิตานํ ตํ สุปินํ อาโรเจตฺวา – ‘‘กิํ ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิฯ พฺราหฺมณา อาหํสุ – ‘‘มา จินฺตยิ, มหาราช, เทวิยา เต กุจฺฉิมฺหิ คโพฺภ ปติฎฺฐิโต, โส จ โข ปุริสคโพฺภ น อิตฺถิคโพฺภ, ปุโตฺต เต ภวิสฺสติฯ โส สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ราชา ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตีฯ สเจ อคารา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสติ, พุโทฺธ ภวิสฺสติ โลเก วิวฎฺฎจฺฉโท’’ติฯ อยํ ตาว – ‘‘มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมี’’ติ เอตฺถ วณฺณนากฺกโมฯ
Atha pabuddhā devī taṃ supinaṃ rañño ārocesi. Rājā vibhātāya rattiyā catusaṭṭhimatte brāhmaṇapāmokkhe pakkosāpetvā haritūpalittāya lājādīhi katamaṅgalasakkārāya bhūmiyā mahārahāni āsanāni paññapetvā tattha nisinnānaṃ brāhmaṇānaṃ sappimadhusakkarābhisaṅkhatassa varapāyāsassa suvaṇṇarajatapātiyo pūretvā suvaṇṇarajatapātīheva paṭikujjitvā adāsi, aññehi ca ahatavatthakapilagāvīdānādīhi nesaṃ santappesi. Atha nesaṃ sabbakāmasantappitānaṃ taṃ supinaṃ ārocetvā – ‘‘kiṃ bhavissatī’’ti pucchi. Brāhmaṇā āhaṃsu – ‘‘mā cintayi, mahārāja, deviyā te kucchimhi gabbho patiṭṭhito, so ca kho purisagabbho na itthigabbho, putto te bhavissati. So sace agāraṃ ajjhāvasissati, rājā bhavissati cakkavattī. Sace agārā nikkhamma pabbajissati, buddho bhavissati loke vivaṭṭacchado’’ti. Ayaṃ tāva – ‘‘mātukucchiṃ okkamī’’ti ettha vaṇṇanākkamo.
อยเมตฺถ ธมฺมตาติ อยํ เอตฺถ มาตุกุจฺฉิโอกฺกมเน ธมฺมตา, อยํ สภาโว, อยํ นิยาโมติ วุตฺตํ โหติฯ นิยาโม จ นาเมส กมฺมนิยาโม, อุตุนิยาโม, พีชนิยาโม, จิตฺตนิยาโม, ธมฺมนิยาโมติ ปญฺจวิโธ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๔๙๘)ฯ
Ayametthadhammatāti ayaṃ ettha mātukucchiokkamane dhammatā, ayaṃ sabhāvo, ayaṃ niyāmoti vuttaṃ hoti. Niyāmo ca nāmesa kammaniyāmo, utuniyāmo, bījaniyāmo, cittaniyāmo, dhammaniyāmoti pañcavidho (dha. sa. aṭṭha. 498).
ตตฺถ กุสลสฺส อิฎฺฐวิปากทานํ, อกุสลสฺส อนิฎฺฐวิปากทานนฺติ อยํ กมฺมนิยาโมฯ ตสฺส ทีปนตฺถํ – ‘‘น อนฺตลิเกฺข’’ติ (ขุ. ปา. ๑๒๗) คาถาย วตฺถูนิ วตฺตพฺพานิฯ อปิจ เอกา กิร อิตฺถี สามิเกน สทฺธิํ ภณฺฑิตฺวา อุพฺพนฺธิตฺวา มริตุกามา รชฺชุปาเส คีวํ ปเวเสสิฯ อญฺญตโร ปุริโส วาสิํ นิเสโนฺต ตํ อิตฺถิกมฺมํ ทิสฺวา รชฺชุํ ฉินฺทิตุกาโม – ‘‘มา ภายิ, มา ภายี’’ติ ตํ สมสฺสาเสโนฺต อุปธาวิฯ รชฺชุ อาสีวิโส หุตฺวา อฎฺฐาสิฯ โส ภีโต ปลายิฯ อิตรา ตเตฺถว มริฯ เอวมาทีนิ เจตฺถ วตฺถูนิ ทเสฺสตพฺพานิฯ
Tattha kusalassa iṭṭhavipākadānaṃ, akusalassa aniṭṭhavipākadānanti ayaṃ kammaniyāmo. Tassa dīpanatthaṃ – ‘‘na antalikkhe’’ti (khu. pā. 127) gāthāya vatthūni vattabbāni. Apica ekā kira itthī sāmikena saddhiṃ bhaṇḍitvā ubbandhitvā maritukāmā rajjupāse gīvaṃ pavesesi. Aññataro puriso vāsiṃ nisento taṃ itthikammaṃ disvā rajjuṃ chinditukāmo – ‘‘mā bhāyi, mā bhāyī’’ti taṃ samassāsento upadhāvi. Rajju āsīviso hutvā aṭṭhāsi. So bhīto palāyi. Itarā tattheva mari. Evamādīni cettha vatthūni dassetabbāni.
เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ตสฺมิํ ตสฺมิํ กาเล เอกปฺปหาเรเนว รุกฺขานํ ปุปฺผผลคหณาทีนิ, วาตสฺส วายนํ อวายนํ, อาตปสฺส ติกฺขตา มนฺทตา, เทวสฺส วสฺสนํ อวสฺสนํ, ปทุมานํ ทิวา วิกสนํ รตฺติํ มิลายนนฺติ เอวมาทิ อุตุนิยาโมฯ
Tesu tesu janapadesu tasmiṃ tasmiṃ kāle ekappahāreneva rukkhānaṃ pupphaphalagahaṇādīni, vātassa vāyanaṃ avāyanaṃ, ātapassa tikkhatā mandatā, devassa vassanaṃ avassanaṃ, padumānaṃ divā vikasanaṃ rattiṃ milāyananti evamādi utuniyāmo.
ยํ ปเนตํ สาลิพีชโต สาลิผลเมว, มธุรโต มธุรสํเยว, ติตฺตโต ติตฺตรสํเยว ผลํ โหติ, อยํ พีชนิยาโมฯ
Yaṃ panetaṃ sālibījato sāliphalameva, madhurato madhurasaṃyeva, tittato tittarasaṃyeva phalaṃ hoti, ayaṃ bījaniyāmo.
ปุริมา ปุริมา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโยติ เอวํ ยเทตํ จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ อนนฺตรา สมฺปฎิจฺฉนาทีนํ นิพฺพตฺตนํ, อยํ จิตฺตนิยาโมฯ
Purimā purimā cittacetasikā dhammā pacchimānaṃ pacchimānaṃ cittacetasikānaṃ dhammānaṃ upanissayapaccayena paccayoti evaṃ yadetaṃ cakkhuviññāṇādīnaṃ anantarā sampaṭicchanādīnaṃ nibbattanaṃ, ayaṃ cittaniyāmo.
ยา ปเนสา โพธิสตฺตานํ มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนาทีสุ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนาทีนํ ปวตฺติ, อยํ ธมฺมนิยาโม นามฯ เตสุ อิธ ธมฺมนิยาโม อธิเปฺปโตฯ ตสฺมา ตเมวตฺถํ ทเสฺสโนฺต ธมฺมตา เอสา ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ
Yā panesā bodhisattānaṃ mātukucchiokkamanādīsu dasasahassilokadhātukampanādīnaṃ pavatti, ayaṃ dhammaniyāmo nāma. Tesu idha dhammaniyāmo adhippeto. Tasmā tamevatthaṃ dassento dhammatā esā bhikkhavetiādimāha.
๑๘. ตตฺถ กุจฺฉิํ โอกฺกมตีติ เอตฺถ กุจฺฉิํ โอกฺกโนฺต โหตีติ อยเมวโตฺถ ฯ โอกฺกเนฺต หิ ตสฺมิํ เอวํ โหติ, น โอกฺกมมาเนฯ อปฺปมาโณติ วุฑฺฒิปฺปมาโณ, วิปุโลติ อโตฺถฯ อุฬาโรติ ตเสฺสว เววจนํฯ อุฬารานิ อุฬารานิ ขาทนียานิ ขาทนฺตีติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๙) หิ มธุรํ อุฬารนฺติ วุตฺตํฯ อุฬาราย ขลุ ภวํ วจฺฉายโน สมณํ โคตมํ ปสํสาย ปสํสตีติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘๘) เสฎฺฐํ อุฬารนฺติ วุตฺตํฯ อิธ ปน วิปุลํ อธิเปฺปตํฯ เทวานํ เทวานุภาวนฺติ เอตฺถ เทวานํ อยมานุภาโว นิวตฺถวตฺถสฺส ปภา ทฺวาทสโยชนานิ ผรติ, ตถา สรีรสฺส, ตถา อลงฺการสฺส, ตถา วิมานสฺส, ตํ อติกฺกมิตฺวาติ อโตฺถฯ
18. Tattha kucchiṃ okkamatīti ettha kucchiṃ okkanto hotīti ayamevattho . Okkante hi tasmiṃ evaṃ hoti, na okkamamāne. Appamāṇoti vuḍḍhippamāṇo, vipuloti attho. Uḷāroti tasseva vevacanaṃ. Uḷārāni uḷārāni khādanīyāni khādantītiādīsu (ma. ni. 1.399) hi madhuraṃ uḷāranti vuttaṃ. Uḷārāya khalu bhavaṃ vacchāyano samaṇaṃ gotamaṃ pasaṃsāya pasaṃsatītiādīsu (ma. ni. 1.288) seṭṭhaṃ uḷāranti vuttaṃ. Idha pana vipulaṃ adhippetaṃ. Devānaṃ devānubhāvanti ettha devānaṃ ayamānubhāvo nivatthavatthassa pabhā dvādasayojanāni pharati, tathā sarīrassa, tathā alaṅkārassa, tathā vimānassa, taṃ atikkamitvāti attho.
โลกนฺตริกาติ ติณฺณํ ติณฺณํ จกฺกวาฬานํ อนฺตรา เอเกโก โลกนฺตริโก โหติ, ติณฺณํ สกฎจกฺกานํ วา ติณฺณํ ปตฺตานํ วา อญฺญมญฺญํ อาหจฺจ ฐปิตานํ มเชฺฌ โอกาโส วิยฯ โส ปน โลกนฺตริกนิรโย ปริมาณโต อฎฺฐโยชนสหโสฺส โหติฯ อฆาติ นิจฺจวิวฎาฯ อสํวุตาติ เหฎฺฐาปิ อปฺปติฎฺฐาฯ อนฺธการาติ ตมภูตาฯ อนฺธการติมิสาติ จกฺขุวิญฺญาณุปฺปตฺตินิวารณโต อนฺธภาวกรณติมิเสน สมนฺนาคตาฯ ตตฺถ กิร จกฺขุวิญฺญาณํ น ชายติฯ เอวํมหิทฺธิกาติ จนฺทิมสูริยา กิร เอกปฺปหาเรเนว ตีสุ ทีเปสุ ปญฺญายนฺติ, เอวํ มหิทฺธิกาฯ เอเกกาย ทิสาย นว นว โยชนสตสหสฺสานิ อนฺธการํ วิธมิตฺวา อาโลกํ ทเสฺสนฺติ, เอวํมหานุภาวาฯ อาภาย นานุโภนฺตีติ อตฺตโน ปภาย นปฺปโหนฺติฯ เต กิร จกฺกวาฬปพฺพตสฺส เวมเชฺฌน วิจรนฺติ, จกฺกวาฬปพฺพตญฺจ อติกฺกมฺม โลกนฺตริกนิรยาฯ ตสฺมา เต ตตฺถ อาภาย นปฺปโหนฺติฯ
Lokantarikāti tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ cakkavāḷānaṃ antarā ekeko lokantariko hoti, tiṇṇaṃ sakaṭacakkānaṃ vā tiṇṇaṃ pattānaṃ vā aññamaññaṃ āhacca ṭhapitānaṃ majjhe okāso viya. So pana lokantarikanirayo parimāṇato aṭṭhayojanasahasso hoti. Aghāti niccavivaṭā. Asaṃvutāti heṭṭhāpi appatiṭṭhā. Andhakārāti tamabhūtā. Andhakāratimisāti cakkhuviññāṇuppattinivāraṇato andhabhāvakaraṇatimisena samannāgatā. Tattha kira cakkhuviññāṇaṃ na jāyati. Evaṃmahiddhikāti candimasūriyā kira ekappahāreneva tīsu dīpesu paññāyanti, evaṃ mahiddhikā. Ekekāya disāya nava nava yojanasatasahassāni andhakāraṃ vidhamitvā ālokaṃ dassenti, evaṃmahānubhāvā. Ābhāya nānubhontīti attano pabhāya nappahonti. Te kira cakkavāḷapabbatassa vemajjhena vicaranti, cakkavāḷapabbatañca atikkamma lokantarikanirayā. Tasmā te tattha ābhāya nappahonti.
เยปิ ตตฺถ สตฺตาติ เยปิ ตสฺมิํ โลกนฺตริกมหานิรเย สตฺตา อุปฺปนฺนาฯ กิํ ปน กมฺมํ กตฺวา ตตฺถ อุปฺปชฺชนฺตีติฯ ภาริยํ ทารุณํ มาตาปิตูนํ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณานญฺจ อุปริ อปราธํ, อญฺญญฺจ ทิวเส ทิวเส ปาณวธาทิสาหสิกกมฺมํ กตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ, ตมฺพปณฺณิทีเป อภยโจรนาคโจราทโย วิยฯ เตสํ อตฺตภาโว ติคาวุติโก โหติ, วคฺคุลีนํ วิย ทีฆนขา โหนฺติฯ เต รุเกฺข วคฺคุลิโย วิย นเขหิ จกฺกวาฬปพฺพเต ลคฺคนฺติฯ ยทา สํสปฺปนฺตา อญฺญมญฺญสฺส หตฺถปาสํ คตา โหนฺติ, อถ ‘‘ภโกฺข โน ลโทฺธ’’ติ มญฺญมานา ตตฺถ วาวฎา วิปริวตฺติตฺวา โลกสนฺธารกอุทเก ปตนฺติ, วาเต ปหรเนฺตปิ มธุกผลานิ วิย ฉิชฺชิตฺวา อุทเก ปตนฺติ, ปติตมตฺตาว อจฺจนฺตขาเร อุทเก ปิฎฺฐปิณฺฑิ วิย วิลียนฺติฯ
Yepi tattha sattāti yepi tasmiṃ lokantarikamahāniraye sattā uppannā. Kiṃ pana kammaṃ katvā tattha uppajjantīti. Bhāriyaṃ dāruṇaṃ mātāpitūnaṃ dhammikasamaṇabrāhmaṇānañca upari aparādhaṃ, aññañca divase divase pāṇavadhādisāhasikakammaṃ katvā uppajjanti, tambapaṇṇidīpe abhayacoranāgacorādayo viya. Tesaṃ attabhāvo tigāvutiko hoti, vaggulīnaṃ viya dīghanakhā honti. Te rukkhe vagguliyo viya nakhehi cakkavāḷapabbate lagganti. Yadā saṃsappantā aññamaññassa hatthapāsaṃ gatā honti, atha ‘‘bhakkho no laddho’’ti maññamānā tattha vāvaṭā viparivattitvā lokasandhārakaudake patanti, vāte paharantepi madhukaphalāni viya chijjitvā udake patanti, patitamattāva accantakhāre udake piṭṭhapiṇḍi viya vilīyanti.
อเญฺญปิ กิร โภ สนฺติ สตฺตาติ โภ ยถา มยํ มหาทุกฺขํ อนุภวาม, เอวํ อเญฺญ กิร สตฺตาปิ อิมํ ทุกฺขมนุภวนตฺถาย อิธูปปนฺนาติ ตํ ทิวสํ ปสฺสนฺติฯ อยํ ปน โอภาโส เอกยาคุปานมตฺตมฺปิ น ติฎฺฐติ, อจฺฉราสงฺฆาฎมตฺตเมว วิโชฺชภาโส วิย นิจฺฉริตฺวา – ‘‘กิํ อิท’’นฺติ ภณนฺตานํเยว อนฺตรธายติฯ สงฺกมฺปตีติ สมนฺตโต กมฺปติฯ อิตรทฺวยํ ปุริมปทเสฺสว เววจนํฯ ปุน อปฺปมาโณ จาติอาทิ นิคมนตฺถํ วุตฺตํฯ
Aññepi kira bho santi sattāti bho yathā mayaṃ mahādukkhaṃ anubhavāma, evaṃ aññe kira sattāpi imaṃ dukkhamanubhavanatthāya idhūpapannāti taṃ divasaṃ passanti. Ayaṃ pana obhāso ekayāgupānamattampi na tiṭṭhati, accharāsaṅghāṭamattameva vijjobhāso viya niccharitvā – ‘‘kiṃ ida’’nti bhaṇantānaṃyeva antaradhāyati. Saṅkampatīti samantato kampati. Itaradvayaṃ purimapadasseva vevacanaṃ. Puna appamāṇo cātiādi nigamanatthaṃ vuttaṃ.
๑๙. จตฺตาโร นํ เทวปุตฺตา จาตุทฺทิสํ รกฺขาย อุปคจฺฉนฺตีติ เอตฺถ จตฺตาโรติ จตุนฺนํ มหาราชานํ วเสน วุตฺตํฯ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ ปน จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา จตฺตาลีสสหสฺสานิ โหนฺติฯ ตตฺถ อิมสฺมิํ จกฺกวาเฬ มหาราชาโน ขคฺคหตฺถา โพธิสตฺตสฺส อารกฺขตฺถาย อุปคนฺตฺวา สิริคพฺภํ ปวิฎฺฐา, อิตเร คพฺภทฺวารโต ปฎฺฐาย อวรุทฺธเก ปํสุปิสาจกาทิยกฺขคเณ ปฎิกฺกมาเปตฺวา ยาว จกฺกวาฬา อารกฺขํ คณฺหิํสุฯ
19.Cattāronaṃ devaputtā cātuddisaṃ rakkhāya upagacchantīti ettha cattāroti catunnaṃ mahārājānaṃ vasena vuttaṃ. Dasasahassacakkavāḷesu pana cattāro cattāro katvā cattālīsasahassāni honti. Tattha imasmiṃ cakkavāḷe mahārājāno khaggahatthā bodhisattassa ārakkhatthāya upagantvā sirigabbhaṃ paviṭṭhā, itare gabbhadvārato paṭṭhāya avaruddhake paṃsupisācakādiyakkhagaṇe paṭikkamāpetvā yāva cakkavāḷā ārakkhaṃ gaṇhiṃsu.
กิมตฺถาย ปนายํ รกฺขา? นนุ ปฎิสนฺธิกฺขเณ กลลกาลโต ปฎฺฐาย สเจปิ โกฎิสตสหสฺสมารา โกฎิสตสหสฺสสิเนรุํ อุกฺขิปิตฺวา โพธิสตฺตสฺส วา โพธิสตฺตมาตุยา วา อนฺตรายกรณตฺถํ อาคเจฺฉยฺยุํ, สเพฺพ อนฺตราว อนฺตรธาเยยฺยุํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา รุหิรุปฺปาทวตฺถุสฺมิํ – ‘‘อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ปรุปกฺกเมน ตถาคตํ ชีวิตา โวโรเปยฺยฯ อนุปกฺกเมน, ภิกฺขเว, ตถาคตา ปรินิพฺพายนฺติฯ คจฺฉถ, ตุเมฺห ภิกฺขเว, ยถาวิหารํ, อรกฺขิยา, ภิกฺขเว ตถาคตา’’ติ (จูฬว. ๓๔๑)ฯ เอวเมว, เตน ปรุปกฺกเมน น เตสํ ชีวิตนฺตราโย อตฺถิ, สนฺติ โข ปน อมนุสฺสา วิรูปา ทุทฺทสิกา เภรวรูปา มิคปกฺขิโน, เยสํ รูปํ วา ทิสฺวา สทฺทํ วา สุตฺวา โพธิสตฺตมาตุ ภยํ วา สนฺตาโส วา อุปฺปเชฺชยฺย, เตสํ นิวารณตฺถาย รกฺขํ อคฺคเหสุํฯ อปิจ โพธิสตฺตสฺส ปุญฺญเตเชน สญฺชาตคารวา อตฺตโน คารวโจทิตาปิ เต เอวมกํสุฯ
Kimatthāya panāyaṃ rakkhā? Nanu paṭisandhikkhaṇe kalalakālato paṭṭhāya sacepi koṭisatasahassamārā koṭisatasahassasineruṃ ukkhipitvā bodhisattassa vā bodhisattamātuyā vā antarāyakaraṇatthaṃ āgaccheyyuṃ, sabbe antarāva antaradhāyeyyuṃ. Vuttampi cetaṃ bhagavatā ruhiruppādavatthusmiṃ – ‘‘aṭṭhānametaṃ, bhikkhave, anavakāso, yaṃ parupakkamena tathāgataṃ jīvitā voropeyya. Anupakkamena, bhikkhave, tathāgatā parinibbāyanti. Gacchatha, tumhe bhikkhave, yathāvihāraṃ, arakkhiyā, bhikkhave tathāgatā’’ti (cūḷava. 341). Evameva, tena parupakkamena na tesaṃ jīvitantarāyo atthi, santi kho pana amanussā virūpā duddasikā bheravarūpā migapakkhino, yesaṃ rūpaṃ vā disvā saddaṃ vā sutvā bodhisattamātu bhayaṃ vā santāso vā uppajjeyya, tesaṃ nivāraṇatthāya rakkhaṃ aggahesuṃ. Apica bodhisattassa puññatejena sañjātagāravā attano gāravacoditāpi te evamakaṃsu.
กิํ ปน เต อโนฺตคพฺภํ ปวิสิตฺวา ฐิตา จตฺตาโร มหาราชาโน โพธิสตฺตสฺส มาตุยา อตฺตานํ ทเสฺสนฺติ, น ทเสฺสนฺตีติ? นหานมณฺฑนโภชนาทิสรีรกิจฺจกาเล น ทเสฺสนฺติ, สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา วรสยเน นิปนฺนกาเล ปน ทเสฺสนฺติฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ อมนุสฺสทสฺสนํ นาม มนุสฺสานํ สปฺปฎิภยํ โหติ, โพธิสตฺตสฺส มาตา ปน อตฺตโน เจว ปุตฺตสฺส จ ปุญฺญานุภาเวน เต ทิสฺวา น ภายติ, ปกติอเนฺตปุรปาลเกสุ วิย อสฺสา เอเตสุ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติฯ
Kiṃ pana te antogabbhaṃ pavisitvā ṭhitā cattāro mahārājāno bodhisattassa mātuyā attānaṃ dassenti, na dassentīti? Nahānamaṇḍanabhojanādisarīrakiccakāle na dassenti, sirigabbhaṃ pavisitvā varasayane nipannakāle pana dassenti. Tattha kiñcāpi amanussadassanaṃ nāma manussānaṃ sappaṭibhayaṃ hoti, bodhisattassa mātā pana attano ceva puttassa ca puññānubhāvena te disvā na bhāyati, pakatiantepurapālakesu viya assā etesu cittaṃ uppajjati.
๒๐. ปกติยา สีลวตีติ สภาเวเนว สีลสมฺปนฺนาฯ อนุปฺปเนฺน กิร พุเทฺธ มนุสฺสา ตาปสปริพฺพาชกานํ สนฺติเก วนฺทิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา สีลํ คณฺหนฺติฯ โพธิสตฺตมาตาปิ กาลเทวิลสฺส อิสิโน สนฺติเก สีลํ คณฺหาติฯ โพธิสเตฺต ปน กุจฺฉิคเต อญฺญสฺส ปาทมูเล นิสีทิตุํ นาม น สกฺกา, สมานาสเน นิสีทิตฺวา คหิตสีลมฺปิ อาวชฺชนกรณมตฺตํ โหติฯ ตสฺมา สยเมว สีลํ อคฺคเหสีติ วุตฺตํ โหติฯ
20.Pakatiyā sīlavatīti sabhāveneva sīlasampannā. Anuppanne kira buddhe manussā tāpasaparibbājakānaṃ santike vanditvā ukkuṭikaṃ nisīditvā sīlaṃ gaṇhanti. Bodhisattamātāpi kāladevilassa isino santike sīlaṃ gaṇhāti. Bodhisatte pana kucchigate aññassa pādamūle nisīdituṃ nāma na sakkā, samānāsane nisīditvā gahitasīlampi āvajjanakaraṇamattaṃ hoti. Tasmā sayameva sīlaṃ aggahesīti vuttaṃ hoti.
๒๑. ปุริเสสูติ โพธิสตฺตสฺส ปิตรํ อาทิํ กตฺวา เกสุจิ มนุเสฺสสุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ นุปฺปชฺชติฯ โพธิสตฺตมาตุรูปํ ปน กุสลา สิปฺปิกา โปตฺถกมฺมาทีสุปิ กาตุํ น สโกฺกนฺติฯ ตํ ทิสฺวา ปุริสสฺส ราโค นุปฺปชฺชตีติ น สกฺกา วตฺตุํ, สเจ ปน ตํ รตฺตจิโตฺต อุปสงฺกมิตุกาโม โหติ, ปาทา น วหนฺติ, ทิพฺพสงฺขลิกา วิย พชฺฌนฺติฯ ตสฺมา ‘‘อนติกฺกมนียา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
21.Purisesūti bodhisattassa pitaraṃ ādiṃ katvā kesuci manussesu purisādhippāyacittaṃ nuppajjati. Bodhisattamāturūpaṃ pana kusalā sippikā potthakammādīsupi kātuṃ na sakkonti. Taṃ disvā purisassa rāgo nuppajjatīti na sakkā vattuṃ, sace pana taṃ rattacitto upasaṅkamitukāmo hoti, pādā na vahanti, dibbasaṅkhalikā viya bajjhanti. Tasmā ‘‘anatikkamanīyā’’tiādi vuttaṃ.
๒๒. ปญฺจนฺนํ กามคุณานนฺติ ปุเพฺพ กามคุณูปสญฺหิตนฺติ อิมินา ปุริสาธิปฺปายวเสน วตฺถุปฎิเกฺขโป กโต, อิธ อารมฺมณปฺปฎิลาโภ ทสฺสิโตฯ ตทา กิร เทวิยา เอวรูโป ปุโตฺต กุจฺฉิํ อุปปโนฺนติ สุตฺวา สมนฺตโต ราชาโน มหคฺฆอาภรณตูริยาทิวเสน ปญฺจทฺวารารมฺมณวตฺถุภูตํ ปณฺณาการํ เปเสนฺติฯ โพธิสตฺตสฺส จ โพธิสตฺตมาตุ จ กตกมฺมสฺส อุสฺสนฺนตฺตา ลาภสกฺการสฺส ปมาณปริเจฺฉโท นตฺถิฯ
22.Pañcannaṃ kāmaguṇānanti pubbe kāmaguṇūpasañhitanti iminā purisādhippāyavasena vatthupaṭikkhepo kato, idha ārammaṇappaṭilābho dassito. Tadā kira deviyā evarūpo putto kucchiṃ upapannoti sutvā samantato rājāno mahagghaābharaṇatūriyādivasena pañcadvārārammaṇavatthubhūtaṃ paṇṇākāraṃ pesenti. Bodhisattassa ca bodhisattamātu ca katakammassa ussannattā lābhasakkārassa pamāṇaparicchedo natthi.
๒๓. อกิลนฺตกายาติ ยถา อญฺญา อิตฺถิโย คพฺภภาเรน กิลมนฺติ หตฺถปาทา อุทฺธุมาตตาทีนิ ปาปุณนฺติ, เอวํ ตสฺสา โกจิ กิลมโถ นาโหสิฯ ติโรกุจฺฉิคตนฺติ อโนฺตกุจฺฉิคตํฯ ปสฺสตีติ กลลาทิกาลํ อติกฺกมิตฺวา สญฺชาตองฺคปจฺจงฺคอหีนินฺทฺริยภาวํ อุปคตํเยว ปสฺสติฯ กิมตฺถํ ปสฺสติ? สุขวาสตฺถํเยวฯ ยเถว หิ มาตา ปุเตฺตน สทฺธิํ นิปนฺนา วา นิสินฺนา วา – ‘‘หตฺถํ วาสฺส ปาทํ วา โอลมฺพนฺตํ อุกฺขิปิตฺวา สณฺฐเปสฺสามี’’ติ สุขวาสตฺถํ ปุตฺตํ โอโลเกติ, เอวํ โพธิสตฺตมาตาปิ ยํ ตํ มาตุ อุฎฺฐานคมนปริวตฺตนนิสชฺชาทีสุ อุณฺหสีตโลณิกติตฺตกกฎุกาหารอโชฺฌหรณกาเลสุ จ คพฺภสฺส ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ‘‘อตฺถิ นุ โข เม ตํ ปุตฺตสฺสา’’ติ สุขวาสตฺถํ โอโลกยมานา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺนํ โพธิสตฺตํ ปสฺสติฯ ยถา หิ อเญฺญ อโนฺตกุจฺฉิคตา ปกฺกาสยํ อวตฺถริตฺวา อามาสยํ อุกฺขิปิตฺวา อุทรปฎลํ ปิฎฺฐิโต กตฺวา ปิฎฺฐิกณฺฑกํ นิสฺสาย อุกฺกุฎิกํ ทฺวีสุ มุฎฺฐีสุ หนุกํ ฐเปตฺวา เทเว วสฺสเนฺต รุกฺขสุสิเร มกฺกฎา วิย นิสีทนฺติ, น เอวํ โพธิสโตฺต, โพธิสโตฺต ปน ปิฎฺฐิกณฺฑกํ ปิฎฺฐิโต กตฺวา ธมฺมาสเน ธมฺมกถิโก วิย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทติฯ ปุเพฺพกตกมฺมํ ปนสฺสา วตฺถุํ โสเธติ, สุเทฺธ วตฺถุมฺหิ สุขุมจฺฉวิลกฺขณํ นิพฺพตฺตติฯ อถ นํ กุจฺฉิตโจ ปฎิจฺฉาเทตุํ น สโกฺกติ, โอโลเกนฺติยา พหิฐิโต วิย ปญฺญายติฯ ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวโนฺต ภควา เสยฺยถาปีติอาทิมาหฯ โพธิสโตฺต ปน อโนฺตกุจฺฉิคโต มาตรํ น ปสฺสติฯ น หิ อโนฺตกุจฺฉิยํ จกฺขุวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชติฯ
23.Akilantakāyāti yathā aññā itthiyo gabbhabhārena kilamanti hatthapādā uddhumātatādīni pāpuṇanti, evaṃ tassā koci kilamatho nāhosi. Tirokucchigatanti antokucchigataṃ. Passatīti kalalādikālaṃ atikkamitvā sañjātaaṅgapaccaṅgaahīnindriyabhāvaṃ upagataṃyeva passati. Kimatthaṃ passati? Sukhavāsatthaṃyeva. Yatheva hi mātā puttena saddhiṃ nipannā vā nisinnā vā – ‘‘hatthaṃ vāssa pādaṃ vā olambantaṃ ukkhipitvā saṇṭhapessāmī’’ti sukhavāsatthaṃ puttaṃ oloketi, evaṃ bodhisattamātāpi yaṃ taṃ mātu uṭṭhānagamanaparivattananisajjādīsu uṇhasītaloṇikatittakakaṭukāhāraajjhoharaṇakālesu ca gabbhassa dukkhaṃ uppajjati, ‘‘atthi nu kho me taṃ puttassā’’ti sukhavāsatthaṃ olokayamānā pallaṅkaṃ ābhujitvā nisinnaṃ bodhisattaṃ passati. Yathā hi aññe antokucchigatā pakkāsayaṃ avattharitvā āmāsayaṃ ukkhipitvā udarapaṭalaṃ piṭṭhito katvā piṭṭhikaṇḍakaṃ nissāya ukkuṭikaṃ dvīsu muṭṭhīsu hanukaṃ ṭhapetvā deve vassante rukkhasusire makkaṭā viya nisīdanti, na evaṃ bodhisatto, bodhisatto pana piṭṭhikaṇḍakaṃ piṭṭhito katvā dhammāsane dhammakathiko viya pallaṅkaṃ ābhujitvā puratthābhimukho nisīdati. Pubbekatakammaṃ panassā vatthuṃ sodheti, suddhe vatthumhi sukhumacchavilakkhaṇaṃ nibbattati. Atha naṃ kucchitaco paṭicchādetuṃ na sakkoti, olokentiyā bahiṭhito viya paññāyati. Tamatthaṃ upamāya vibhāvento bhagavā seyyathāpītiādimāha. Bodhisatto pana antokucchigato mātaraṃ na passati. Na hi antokucchiyaṃ cakkhuviññāṇaṃ uppajjati.
๒๔. กาลงฺกโรตีติ น วิชาตภาวปจฺจยา, อายุปริกฺขเยเนวฯ โพธิสเตฺตน วสิตฎฺฐานญฺหิ เจติยกุฎิสทิสํ โหติ, อเญฺญสํ อปริโภคารหํ, น จ สกฺกา โพธิสตฺตมาตรํ อปเนตฺวา อญฺญํ อคฺคมเหสิฎฺฐาเน ฐเปตุนฺติ ตตฺตกํเยว โพธิสตฺตมาตุ อายุปฺปมาณํ โหติ, ตสฺมา ตทา กาลงฺกโรติฯ กตรสฺมิํ ปน วเย กาลํ กโรตีติ? มชฺฌิมวเยฯ ปฐมวยสฺมิญฺหิ สตฺตานํ อตฺตภาเว ฉนฺทราโค พลวา โหติ, เตน ตทา สญฺชาตคพฺภา อิตฺถี คพฺภํ อนุรกฺขิตุํ น สโกฺกติ, คโพฺภ พหฺวาพาโธ โหติฯ มชฺฌิมวยสฺส ปน เทฺว โกฎฺฐาเส อติกฺกมฺม ตติเย โกฎฺฐาเส วตฺถุ วิสทํ โหติ, วิสเท วตฺถุมฺหิ นิพฺพตฺตทารกา อโรคา โหนฺติ, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตาปิ ปฐมวเย สมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา มชฺฌิมวยสฺส ตติเย โกฎฺฐาเส วิชายิตฺวา กาลํ กโรตีติ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ
24.Kālaṅkarotīti na vijātabhāvapaccayā, āyuparikkhayeneva. Bodhisattena vasitaṭṭhānañhi cetiyakuṭisadisaṃ hoti, aññesaṃ aparibhogārahaṃ, na ca sakkā bodhisattamātaraṃ apanetvā aññaṃ aggamahesiṭṭhāne ṭhapetunti tattakaṃyeva bodhisattamātu āyuppamāṇaṃ hoti, tasmā tadā kālaṅkaroti. Katarasmiṃ pana vaye kālaṃ karotīti? Majjhimavaye. Paṭhamavayasmiñhi sattānaṃ attabhāve chandarāgo balavā hoti, tena tadā sañjātagabbhā itthī gabbhaṃ anurakkhituṃ na sakkoti, gabbho bahvābādho hoti. Majjhimavayassa pana dve koṭṭhāse atikkamma tatiye koṭṭhāse vatthu visadaṃ hoti, visade vatthumhi nibbattadārakā arogā honti, tasmā bodhisattamātāpi paṭhamavaye sampattiṃ anubhavitvā majjhimavayassa tatiye koṭṭhāse vijāyitvā kālaṃ karotīti ayamettha dhammatā.
๒๕. นว วา ทส วาติ เอตฺถ วา สทฺทสฺส วิกปฺปนวเสน สตฺต วา อฎฺฐ วา เอกาทส วา ทฺวาทส วาติ เอวมาทีนํ สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ สตฺตมาสชาโต ชีวติ, สีตุณฺหกฺขโม ปน น โหติฯ อฎฺฐมาสชาโต น ชีวติ, อวเสสา ชีวนฺติฯ
25.Nava vā dasa vāti ettha vā saddassa vikappanavasena satta vā aṭṭha vā ekādasa vā dvādasa vāti evamādīnaṃ saṅgaho veditabbo. Tattha sattamāsajāto jīvati, sītuṇhakkhamo pana na hoti. Aṭṭhamāsajāto na jīvati, avasesā jīvanti.
๒๗. เทวา ปฐมํ ปฎิคฺคณฺหนฺตีติ ขีณาสวา สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน ปฎิคฺคณฺหนฺติฯ กถํ ปฎิคฺคณฺหนฺติ? ‘‘สูติเวสํ คณฺหิตฺวา’’ติ เอเกฯ ตํ ปน ปฎิกฺขิปิตฺวา อิทํ วุตฺตํ – ‘ตทา โพธิสตฺตมาตา สุวณฺณขจิตํ วตฺถํ นิวาเสตฺวา มจฺฉกฺขิสทิสํ ทุกูลปฎํ ยาว ปาทนฺตา ปารุปิตฺวา อฎฺฐาสิฯ อถสฺสา สลฺลหุกคพฺภวุฎฺฐานํ อโหสิ, ธมกรณโต อุทกนิกฺขมนสทิสํฯ อถ เต ปกติพฺรหฺมเวเสเนว อุปสงฺกมิตฺวา ปฐมํ สุวณฺณชาเลน ปฎิคฺคเหสุํฯ เตสํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน อชินปฺปเวณิยา ปฎิคฺคเหสุํฯ ตโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฎเกน ปฎิคฺคเหสุํ’ฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เทวา ปฐมํ ปฎิคฺคณฺหนฺติ, ปจฺฉา มนุสฺสา’’ติฯ
27.Devā paṭhamaṃ paṭiggaṇhantīti khīṇāsavā suddhāvāsabrahmāno paṭiggaṇhanti. Kathaṃ paṭiggaṇhanti? ‘‘Sūtivesaṃ gaṇhitvā’’ti eke. Taṃ pana paṭikkhipitvā idaṃ vuttaṃ – ‘tadā bodhisattamātā suvaṇṇakhacitaṃ vatthaṃ nivāsetvā macchakkhisadisaṃ dukūlapaṭaṃ yāva pādantā pārupitvā aṭṭhāsi. Athassā sallahukagabbhavuṭṭhānaṃ ahosi, dhamakaraṇato udakanikkhamanasadisaṃ. Atha te pakatibrahmaveseneva upasaṅkamitvā paṭhamaṃ suvaṇṇajālena paṭiggahesuṃ. Tesaṃ hatthato cattāro mahārājāno ajinappaveṇiyā paṭiggahesuṃ. Tato manussā dukūlacumbaṭakena paṭiggahesuṃ’. Tena vuttaṃ – ‘‘devā paṭhamaṃ paṭiggaṇhanti, pacchā manussā’’ti.
๒๘. จตฺตาโร นํ เทวปุตฺตาติ จตฺตาโร มหาราชาโนฯ ปฎิคฺคเหตฺวาติ อชินปฺปเวณิยา ปฎิคฺคเหตฺวาฯ มเหสโกฺขติ มหาเตโช มหายโส ลกฺขณสมฺปโนฺนฯ
28.Cattāro naṃ devaputtāti cattāro mahārājāno. Paṭiggahetvāti ajinappaveṇiyā paṭiggahetvā. Mahesakkhoti mahātejo mahāyaso lakkhaṇasampanno.
๒๙. วิสโทว นิกฺขมตีติ ยถา อเญฺญ สตฺตา โยนิมเคฺค ลคฺคนฺตา ภคฺควิภคฺคา นิกฺขมนฺติ, น เอวํ นิกฺขมติ, อลโคฺค หุตฺวา นิกฺขมตีติ อโตฺถ อุเทนาติ อุทเกนฯ เกนจิ อสุจินาติ ยถา อเญฺญ สตฺตา กมฺมชวาเตหิ อุทฺธํปาทา อโธสิรา โยนิมเคฺค ปกฺขิตฺตา สตโปริสํ นรกปปาตํ ปตนฺตา วิย, ตาฬจฺฉิเทฺทน นิกฺกฑฺฒิยมานา หตฺถี วิย มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา นานาอสุจิมกฺขิตาว นิกฺขมนฺติ, น เอวํ โพธิสโตฺตฯ โพธิสตฺตญฺหิ กมฺมชวาตา อุทฺธปาทํ อโธสิรํ กาตุํ น สโกฺกนฺติฯ โส ธมฺมาสนโต โอตรโนฺต ธมฺมกถิโก วิย, นิเสฺสณิโต โอตรโนฺต ปุริโส วิย จ เทฺว หเตฺถ จ เทฺว ปาเท จ ปสาเรตฺวา ฐิตโกว มาตุกุจฺฉิสมฺภเวน เกนจิ อสุจินา อมกฺขิโตว นิกฺขมติฯ
29.Visadova nikkhamatīti yathā aññe sattā yonimagge laggantā bhaggavibhaggā nikkhamanti, na evaṃ nikkhamati, alaggo hutvā nikkhamatīti attho udenāti udakena. Kenaci asucināti yathā aññe sattā kammajavātehi uddhaṃpādā adhosirā yonimagge pakkhittā sataporisaṃ narakapapātaṃ patantā viya, tāḷacchiddena nikkaḍḍhiyamānā hatthī viya mahādukkhaṃ anubhavantā nānāasucimakkhitāva nikkhamanti, na evaṃ bodhisatto. Bodhisattañhi kammajavātā uddhapādaṃ adhosiraṃ kātuṃ na sakkonti. So dhammāsanato otaranto dhammakathiko viya, nisseṇito otaranto puriso viya ca dve hatthe ca dve pāde ca pasāretvā ṭhitakova mātukucchisambhavena kenaci asucinā amakkhitova nikkhamati.
อุทกสฺส ธาราติ อุทกวฎฺฎิโยฯ ตาสุ สีตา สุวณฺณกฎาเห ปตติ อุณฺหา รชตกฎาเหฯ อิทญฺจ ปถวิตเล เกนจิ อสุจินา อสมฺมิสฺสํ เตสํ ปานียปริโภชนียอุทกเญฺจว อเญฺญหิ อสาธารณํ กีฬาอุทกญฺจ ทเสฺสตุํ วุตฺตํ, อญฺญสฺส ปน สุวณฺณรชตฆเฎหิ อาหริยมานอุทกสฺส เจว หํสวตฺตกาทิโปกฺขรณีคตสฺส จ อุทกสฺส ปริเจฺฉโท นตฺถิฯ
Udakassa dhārāti udakavaṭṭiyo. Tāsu sītā suvaṇṇakaṭāhe patati uṇhā rajatakaṭāhe. Idañca pathavitale kenaci asucinā asammissaṃ tesaṃ pānīyaparibhojanīyaudakañceva aññehi asādhāraṇaṃ kīḷāudakañca dassetuṃ vuttaṃ, aññassa pana suvaṇṇarajataghaṭehi āhariyamānaudakassa ceva haṃsavattakādipokkharaṇīgatassa ca udakassa paricchedo natthi.
๓๑. สมฺปติชาโตติ มุหุตฺตชาโตฯ ปาฬิยํ ปน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมโตฺต วิย ทสฺสิโต, น เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ นิกฺขนฺตมตฺตญฺหิ นํ ปฐมํ พฺรหฺมาโน สุวณฺณชาเลน ปฎิคฺคณฺหิํสุ, เตสํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน อชินปฺปเวณิยา, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฎเกนฯ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฎฺฐิโตฯ เสตมฺหิ ฉเตฺต อนุธาริยมาเนติ ทิพฺพเสตจฺฉเตฺต อนุธาริยมานมฺหิฯ เอตฺถ จ ฉตฺตสฺส ปริวารานิ ขคฺคาทีนิ ปญฺจ ราชกกุธภณฺฑานิปิ อาคตาเนวฯ ปาฬิยํ ปน ราชคมเน ราชา วิย ฉตฺตเมว วุตฺตํฯ เตสุ ฉตฺตเมว ปญฺญายติ, น ฉตฺตคฺคาหโกฯ ตถา ขคฺคตาลวณฺฎโมรหตฺถกวาฬพีชนีอุณฺหีสมตฺตาเยว ปญฺญายนฺติ, น เตสํ คาหกาฯ สพฺพานิ กิร ตานิ อทิสฺสมานรูปา เทวตา คณฺหิํสุฯ วุตฺตเญฺจตํ –
31.Sampatijātoti muhuttajāto. Pāḷiyaṃ pana mātukucchito nikkhantamatto viya dassito, na evaṃ daṭṭhabbaṃ. Nikkhantamattañhi naṃ paṭhamaṃ brahmāno suvaṇṇajālena paṭiggaṇhiṃsu, tesaṃ hatthato cattāro mahārājāno ajinappaveṇiyā, tesaṃ hatthato manussā dukūlacumbaṭakena. Manussānaṃ hatthato muccitvā pathaviyaṃ patiṭṭhito. Setamhi chatte anudhāriyamāneti dibbasetacchatte anudhāriyamānamhi. Ettha ca chattassa parivārāni khaggādīni pañca rājakakudhabhaṇḍānipi āgatāneva. Pāḷiyaṃ pana rājagamane rājā viya chattameva vuttaṃ. Tesu chattameva paññāyati, na chattaggāhako. Tathā khaggatālavaṇṭamorahatthakavāḷabījanīuṇhīsamattāyeva paññāyanti, na tesaṃ gāhakā. Sabbāni kira tāni adissamānarūpā devatā gaṇhiṃsu. Vuttañcetaṃ –
‘‘อเนกสาขญฺจ สหสฺสมณฺฑลํ,
‘‘Anekasākhañca sahassamaṇḍalaṃ,
ฉตฺตํ มรู ธารยุมนฺตลิเกฺข;
Chattaṃ marū dhārayumantalikkhe;
สุวณฺณทณฺฑา วิปตนฺติ จามรา,
Suvaṇṇadaṇḍā vipatanti cāmarā,
น ทิสฺสเร จามรฉตฺตคาหกา’’ติฯ (สุ. นิ. ๖๙๓);
Na dissare cāmarachattagāhakā’’ti. (su. ni. 693);
สพฺพา จ ทิสาติ อิทํ สตฺตปทวีติหารูปริ ฐิตสฺส วิย สพฺพทิสานุวิโลกนํ วุตฺตํ, น โข ปเนวํ ทฎฺฐพฺพํฯ มหาสโตฺต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปฐวิยํ ปติฎฺฐิโต ปุรตฺถิมํ ทิสํ โอโลเกสิฯ อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํฯ ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา – ‘‘มหาปุริส, อิธ ตุเมฺหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุฯ เอวํ จตโสฺส ทิสา, จตโสฺส อนุทิสา, เหฎฺฐา, อุปรีติ ทส ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตนา สทิสํ อทิสฺวา – ‘‘อยํ อุตฺตรา ทิสา’’ติ อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อาสภินฺติ อุตฺตมํฯ อโคฺคติ คุเณหิ สพฺพปฐโมฯ อิตรานิ เทฺว ปทานิ เอตเสฺสว เววจนานิฯ อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ ปททฺวเยน อิมสฺมิํ อตฺตภาเว ปตฺตพฺพํ อรหตฺตํ พฺยากาสิฯ
Sabbā ca disāti idaṃ sattapadavītihārūpari ṭhitassa viya sabbadisānuvilokanaṃ vuttaṃ, na kho panevaṃ daṭṭhabbaṃ. Mahāsatto hi manussānaṃ hatthato muccitvā paṭhaviyaṃ patiṭṭhito puratthimaṃ disaṃ olokesi. Anekāni cakkavāḷasahassāni ekaṅgaṇāni ahesuṃ. Tattha devamanussā gandhamālādīhi pūjayamānā – ‘‘mahāpurisa, idha tumhehi sadisopi natthi, kuto uttaritaro’’ti āhaṃsu. Evaṃ catasso disā, catasso anudisā, heṭṭhā, uparīti dasa disā anuviloketvā attanā sadisaṃ adisvā – ‘‘ayaṃ uttarā disā’’ti uttarābhimukho sattapadavītihārena agamāsīti evamettha attho veditabbo. Āsabhinti uttamaṃ. Aggoti guṇehi sabbapaṭhamo. Itarāni dve padāni etasseva vevacanāni. Ayamantimā jāti, natthi dāni punabbhavoti padadvayena imasmiṃ attabhāve pattabbaṃ arahattaṃ byākāsi.
เอตฺถ จ สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยา ปติฎฺฐานํ จตุริทฺธิปาทปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อุตฺตราภิมุขภาโว มหาชนํ อโชฺฌตฺถริตฺวา อภิภวิตฺวา คมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, สตฺตปทคมนํ สตฺตโพชฺฌงฺครตนปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ทิพฺพเสตจฺฉตฺตธารณํ วิมุตฺติวรฉตฺตปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปญฺจราชกกุธภณฺฑานํ ปฎิลาโภ ปญฺจหิ วิมุตฺตีหิ วิมุจฺจนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, สพฺพทิสานุวิโลกนํ อนาวรณญาณปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อาสภิวาจาภาสนํ อปฺปฎิวตฺติยธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ‘‘อยมนฺติมา ชาตี’’ติ สีหนาโท อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานสฺส ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ฯ อิเม วารา ปาฬิยํ อาคตา, สมฺพหุลวาโร ปน นาคโต, อาหริตฺวา ทีเปตโพฺพฯ
Ettha ca samehi pādehi pathaviyā patiṭṭhānaṃ caturiddhipādapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, uttarābhimukhabhāvo mahājanaṃ ajjhottharitvā abhibhavitvā gamanassa pubbanimittaṃ, sattapadagamanaṃ sattabojjhaṅgaratanapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, dibbasetacchattadhāraṇaṃ vimuttivarachattapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, pañcarājakakudhabhaṇḍānaṃ paṭilābho pañcahi vimuttīhi vimuccanassa pubbanimittaṃ, sabbadisānuvilokanaṃ anāvaraṇañāṇapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, āsabhivācābhāsanaṃ appaṭivattiyadhammacakkappavattanassa pubbanimittaṃ, ‘‘ayamantimā jātī’’ti sīhanādo anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbānassa pubbanimittanti veditabbaṃ . Ime vārā pāḷiyaṃ āgatā, sambahulavāro pana nāgato, āharitvā dīpetabbo.
มหาปุริสสฺส หิ ชาตทิวเส ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิฯ ทสสหสฺสิโลกธาตุมฺหิ เทวตา เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติํสุฯ ปฐมํ เทวา ปฎิคฺคณฺหิํสุ, ปจฺฉา มนุสฺสาฯ ตนฺติพทฺธา วีณา จมฺมพทฺธา เภริโย จ เกนจิ อวาทิตา สยเมว วชฺชิํสุฯ มนุสฺสานํ อนฺทุพนฺธนาทีนิ ขณฺฑาขณฺฑํ ฉิชฺชิํสุฯ สพฺพโรคา วูปสมิํสุ, อมฺพิเลน โธตตมฺพมลํ วิย วิคจฺฉิํสุฯ ชจฺจนฺธา รูปานิ ปสฺสิํสุฯ ชจฺจพธิรา สทฺทํ สุณิํสุฯ ปีฐสปฺปี ชวสมฺปนฺนา อเหสุํฯ ชาติชฬานมฺปิ เอฬมูคานํ สติ ปติฎฺฐาสิฯ วิเทสปกฺขนฺทา นาวา สุปฎฺฎนํ ปาปุณิํสุฯ อากาสฎฺฐกภูมฎฺฐกรตนานิ สกเตโชภาสิตานิ อเหสุํฯ เวริโน เมตฺตจิตฺตํ ปฎิลภิํสุฯ อวีจิมฺหิ อคฺคิ นิพฺพายิฯ โลกนฺตเรสุ อาโลโก อุทปาทิฯ นทีสุ ชลํ นปฺปวตฺตติฯ มหาสมุเทฺท มธุรสํ อุทกํ อโหสิฯ วาโต น วายิฯ อากาสปพฺพตรุกฺขคตา สกุณา ภสฺสิตฺวา ปถวิคตา อเหสุํฯ จโนฺท อติวิโรจิฯ สูริโย น อุโณฺห, น สีตโล, นิมฺมโล อุตุสมฺปโนฺน อโหสิฯ เทวตา อตฺตโน อตฺตโน วิมานทฺวาเร ฐตฺวา อโปฺผฎนเสฬนเจลุเกฺขปาทีหิ มหากีฬกํ กีฬิํสุฯ จาตุทฺทีปิกมหาเมโฆ วสฺสิฯ มหาชนํ เนว ขุทา น ปิปาสา ปีเฬสิฯ ทฺวารกวาฎานิ สยเมว วิวริํสุฯ ปุปฺผูปคผลูปคา รุกฺขา ปุปฺผผลานิ คณฺหิํสุฯ ทสสหสฺสิโลกธาตุ เอกทฺธชมาลา อโหสิฯ
Mahāpurisassa hi jātadivase dasasahassilokadhātu kampi. Dasasahassilokadhātumhi devatā ekacakkavāḷe sannipatiṃsu. Paṭhamaṃ devā paṭiggaṇhiṃsu, pacchā manussā. Tantibaddhā vīṇā cammabaddhā bheriyo ca kenaci avāditā sayameva vajjiṃsu. Manussānaṃ andubandhanādīni khaṇḍākhaṇḍaṃ chijjiṃsu. Sabbarogā vūpasamiṃsu, ambilena dhotatambamalaṃ viya vigacchiṃsu. Jaccandhā rūpāni passiṃsu. Jaccabadhirā saddaṃ suṇiṃsu. Pīṭhasappī javasampannā ahesuṃ. Jātijaḷānampi eḷamūgānaṃ sati patiṭṭhāsi. Videsapakkhandā nāvā supaṭṭanaṃ pāpuṇiṃsu. Ākāsaṭṭhakabhūmaṭṭhakaratanāni sakatejobhāsitāni ahesuṃ. Verino mettacittaṃ paṭilabhiṃsu. Avīcimhi aggi nibbāyi. Lokantaresu āloko udapādi. Nadīsu jalaṃ nappavattati. Mahāsamudde madhurasaṃ udakaṃ ahosi. Vāto na vāyi. Ākāsapabbatarukkhagatā sakuṇā bhassitvā pathavigatā ahesuṃ. Cando ativiroci. Sūriyo na uṇho, na sītalo, nimmalo utusampanno ahosi. Devatā attano attano vimānadvāre ṭhatvā apphoṭanaseḷanacelukkhepādīhi mahākīḷakaṃ kīḷiṃsu. Cātuddīpikamahāmegho vassi. Mahājanaṃ neva khudā na pipāsā pīḷesi. Dvārakavāṭāni sayameva vivariṃsu. Pupphūpagaphalūpagā rukkhā pupphaphalāni gaṇhiṃsu. Dasasahassilokadhātu ekaddhajamālā ahosi.
ตตฺราปิ ทสสหสฺสิโลกธาตุกโมฺป สพฺพญฺญุตญฺญาณปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ เทวตานํ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปาโต ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนกาเล เอกปฺปหาเรเนว สนฺนิปติตฺวา ธมฺมํ ปฎิคฺคณฺหนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ปฐมํ เทวตานํ ปฎิคฺคหณํ จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ ปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ปจฺฉา มนุสฺสานํ ปฎิคฺคหณํ จตุนฺนํ อรูปาวจรชฺฌานานํ ปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ตนฺติพทฺธวีณานํ สยํ วชฺชนํ อนุปุพฺพวิหารปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ จมฺมพทฺธเภรีนํ วชฺชนํ มหติยา ธมฺมเภริยา อนุสฺสาวนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ อนฺทุพนฺธนาทีนํ เฉโท อสฺมิมานสมุเจฺฉทสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ มหาชนสฺส โรควิคโม จตุสจฺจปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ชจฺจนฺธานํ รูปทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ ฯ พธิรานํ สทฺทสฺสวนํ ทิพฺพโสตธาตุปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ปีฐสปฺปีนํ ชวสมฺปทา จตุริทฺธิปาทปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ชฬานํ สติปติฎฺฐานํ จตุสติปฎฺฐานปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ วิเทสปกฺขนฺทนาวานํ สุปฎฺฎนสมฺปาปุณนํ จตุปฎิสมฺภิทาธิคมสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ รตนานํ สกเตโชภาสิตตฺตํ ยํ โลกสฺส ธโมฺมภาสํ ทเสฺสสฺสติ, ตสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ
Tatrāpi dasasahassilokadhātukampo sabbaññutaññāṇapaṭilābhassa pubbanimittaṃ. Devatānaṃ ekacakkavāḷe sannipāto dhammacakkappavattanakāle ekappahāreneva sannipatitvā dhammaṃ paṭiggaṇhanassa pubbanimittaṃ. Paṭhamaṃ devatānaṃ paṭiggahaṇaṃ catunnaṃ rūpāvacarajjhānānaṃ paṭilābhassa pubbanimittaṃ. Pacchā manussānaṃ paṭiggahaṇaṃ catunnaṃ arūpāvacarajjhānānaṃ paṭilābhassa pubbanimittaṃ. Tantibaddhavīṇānaṃ sayaṃ vajjanaṃ anupubbavihārapaṭilābhassa pubbanimittaṃ. Cammabaddhabherīnaṃ vajjanaṃ mahatiyā dhammabheriyā anussāvanassa pubbanimittaṃ. Andubandhanādīnaṃ chedo asmimānasamucchedassa pubbanimittaṃ. Mahājanassa rogavigamo catusaccapaṭilābhassa pubbanimittaṃ. Jaccandhānaṃ rūpadassanaṃ dibbacakkhupaṭilābhassa pubbanimittaṃ . Badhirānaṃ saddassavanaṃ dibbasotadhātupaṭilābhassa pubbanimittaṃ. Pīṭhasappīnaṃ javasampadā caturiddhipādapaṭilābhassa pubbanimittaṃ. Jaḷānaṃ satipatiṭṭhānaṃ catusatipaṭṭhānapaṭilābhassa pubbanimittaṃ. Videsapakkhandanāvānaṃ supaṭṭanasampāpuṇanaṃ catupaṭisambhidādhigamassa pubbanimittaṃ. Ratanānaṃ sakatejobhāsitattaṃ yaṃ lokassa dhammobhāsaṃ dassessati, tassa pubbanimittaṃ.
เวรีนํ เมตฺตจิตฺตปฎิลาโภ จตุพฺรหฺมวิหารปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ อวีจิมฺหิ อคฺคินิพฺพายนํ เอกาทสอคฺคินิพฺพายนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ โลกนฺตริกาโลโก อวิชฺชนฺธการํ วิธมิตฺวา ญาณาโลกทสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ มหาสมุทฺทสฺส มธุรตา นิพฺพานรเสน เอกรสภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ วาตสฺส อวายนํ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตภินฺทนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ สกุณานํ ปถวิคมนํ มหาชนสฺส โอวาทํ สุตฺวา ปาเณหิ สรณคมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ จนฺทสฺส อติวิโรจนํ พหุชนกนฺตตาย ปุพฺพนิมิตฺตํฯ สูริยสฺส อุณฺหสีตวิวชฺชนอุตุสุขตา กายิกเจตสิกสุขปฺปตฺติยา ปุพฺพนิมิตฺตํฯ เทวตานํ วิมานทฺวาเรสุ ฐตฺวา อโปฺผฎนาทีหิ กีฬนํ พุทฺธภาวํ ปตฺวา อุทานํ อุทานสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ จาตุทฺทีปิกมหาเมฆวสฺสนํ มหโต ธมฺมเมฆวสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ขุทาปีฬนสฺส อภาโว กายคตาสติอมตปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ปิปาสาปีฬนสฺส อภาโว วิมุตฺติสุเขน สุขิตภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ทฺวารกวาฎานํ สยเมว วิวรณํ อฎฺฐงฺคิกมคฺคทฺวารวิวรณสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ รุกฺขานํ ปุปฺผผลคฺคหณํ วิมุตฺติปุเปฺผหิ ปุปฺผิตสฺส จ สามญฺญผลภารภริตภาวสฺส จ ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา เอกทฺธชมาลิตา อริยทฺธชมาลมาลิตาย ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อยํ สมฺพหุลวาโร นามฯ
Verīnaṃ mettacittapaṭilābho catubrahmavihārapaṭilābhassa pubbanimittaṃ. Avīcimhi agginibbāyanaṃ ekādasaagginibbāyanassa pubbanimittaṃ. Lokantarikāloko avijjandhakāraṃ vidhamitvā ñāṇālokadassanassa pubbanimittaṃ. Mahāsamuddassa madhuratā nibbānarasena ekarasabhāvassa pubbanimittaṃ. Vātassa avāyanaṃ dvāsaṭṭhidiṭṭhigatabhindanassa pubbanimittaṃ. Sakuṇānaṃ pathavigamanaṃ mahājanassa ovādaṃ sutvā pāṇehi saraṇagamanassa pubbanimittaṃ. Candassa ativirocanaṃ bahujanakantatāya pubbanimittaṃ. Sūriyassa uṇhasītavivajjanautusukhatā kāyikacetasikasukhappattiyā pubbanimittaṃ. Devatānaṃ vimānadvāresu ṭhatvā apphoṭanādīhi kīḷanaṃ buddhabhāvaṃ patvā udānaṃ udānassa pubbanimittaṃ. Cātuddīpikamahāmeghavassanaṃ mahato dhammameghavassanassa pubbanimittaṃ. Khudāpīḷanassa abhāvo kāyagatāsatiamatapaṭilābhassa pubbanimittaṃ. Pipāsāpīḷanassa abhāvo vimuttisukhena sukhitabhāvassa pubbanimittaṃ. Dvārakavāṭānaṃ sayameva vivaraṇaṃ aṭṭhaṅgikamaggadvāravivaraṇassa pubbanimittaṃ. Rukkhānaṃ pupphaphalaggahaṇaṃ vimuttipupphehi pupphitassa ca sāmaññaphalabhārabharitabhāvassa ca pubbanimittaṃ. Dasasahassilokadhātuyā ekaddhajamālitā ariyaddhajamālamālitāya pubbanimittanti veditabbaṃ. Ayaṃ sambahulavāro nāma.
เอตฺถ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ – ‘‘ยทา มหาปุริโส ปถวิยํ ปติฎฺฐหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข ปทสา คนฺตฺวา อาสภิํ วาจํ อภาสิ, ตทา กิํ ปถวิยา คโต, อุทาหุ อากาเสน; ทิสฺสมาโน คโต, อุทาหุ อทิสฺสมาโน; อเจลโก คโต, อุทาหุ อลงฺกตปฎิยโตฺต; ทหโร หุตฺวา คโต , อุทาหุ มหลฺลโก; ปจฺฉาปิ กิํ ตาทิโสว อโหสิ, อุทาหุ ปุน พาลทารโก’’ติ? อยํ ปน ปโญฺห เหฎฺฐาโลหปาสาเท สมุฎฺฐิโต ติปิฎกจูฬาภยเตฺถเรน วิสฺสชฺชิโตวฯ เถโร กิร เอตฺถ นิยติปุเพฺพกตกมฺมอิสฺสรนิมฺมานวาทวเสน ตํ ตํ พหุํ วตฺวา อวสาเน เอวํ พฺยากริ – ‘‘มหาปุริโส ปถวิยา คโต, มหาชนสฺส ปน อากาเสน คจฺฉโนฺต วิย อโหสิฯ ทิสฺสมาโน คโต, มหาชนสฺส ปน อทิสฺสมาโน วิย อโหสิฯ อเจลโก คโต, มหาชนสฺส ปน อลงฺกตปฎิยโตฺต วิย อุปฎฺฐาสิฯ ทหโรว คโต, มหาชนสฺส ปน โสฬสวสฺสุเทฺทสิโก วิย อโหสิฯ ปจฺฉา ปน พาลทารโกว อโหสิ, น ตาทิโส’’ติฯ ปริสา จสฺส – ‘‘พุเทฺธน วิย หุตฺวา โภ เถเรน ปโญฺห กถิโต’’ติ อตฺตมนา อโหสิฯ โลกนฺตริกวาโร วุตฺตนโย เอวฯ
Ettha pañhaṃ pucchanti – ‘‘yadā mahāpuriso pathaviyaṃ patiṭṭhahitvā uttarābhimukho padasā gantvā āsabhiṃ vācaṃ abhāsi, tadā kiṃ pathaviyā gato, udāhu ākāsena; dissamāno gato, udāhu adissamāno; acelako gato, udāhu alaṅkatapaṭiyatto; daharo hutvā gato , udāhu mahallako; pacchāpi kiṃ tādisova ahosi, udāhu puna bāladārako’’ti? Ayaṃ pana pañho heṭṭhālohapāsāde samuṭṭhito tipiṭakacūḷābhayattherena vissajjitova. Thero kira ettha niyatipubbekatakammaissaranimmānavādavasena taṃ taṃ bahuṃ vatvā avasāne evaṃ byākari – ‘‘mahāpuriso pathaviyā gato, mahājanassa pana ākāsena gacchanto viya ahosi. Dissamāno gato, mahājanassa pana adissamāno viya ahosi. Acelako gato, mahājanassa pana alaṅkatapaṭiyatto viya upaṭṭhāsi. Daharova gato, mahājanassa pana soḷasavassuddesiko viya ahosi. Pacchā pana bāladārakova ahosi, na tādiso’’ti. Parisā cassa – ‘‘buddhena viya hutvā bho therena pañho kathito’’ti attamanā ahosi. Lokantarikavāro vuttanayo eva.
อิมา จ ปน อาทิโต ปฎฺฐาย กถิตา สพฺพธมฺมตา สพฺพโพธิสตฺตานํ โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ
Imā ca pana ādito paṭṭhāya kathitā sabbadhammatā sabbabodhisattānaṃ hontīti veditabbā.
ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณวณฺณนา
Dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇavaṇṇanā
๓๓. อทฺทส โขติ ทุกูลจุมฺพฎเก นิปชฺชาเปตฺวา อานีตํ อทฺทสฯ มหาปุริสสฺสาติ ชาติโคตฺตกุลปเทสาทิวเสน มหนฺตสฺส ปุริสสฺสฯ เทฺว คติโยติ เทฺว นิฎฺฐา, เทฺว นิปฺผตฺติโยฯ อยญฺหิ คติสโทฺท – ‘‘ปญฺจ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๓) เอตฺถ นิรยาทิเภทาย สเตฺตหิ คนฺตพฺพคติยา วตฺตติฯ ‘‘อิเมสํ โข อหํ ภิกฺขูนํ สีลวนฺตานํ กลฺยาณธมฺมานํ เนว ชานามิ อาคติํ วา คติํ วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๐๘) เอตฺถ อชฺฌาสเยฯ ‘‘นิพฺพานํ อรหโต คตี’’ติ (ปริ. ๓๓๙) เอตฺถ ปฎิสฺสรเณฯ ‘‘อปิ จ ตฺยาหํ พฺรเหฺม คติญฺจ ปชานามิ, ชุติญฺจ ปชานามิ เอวํมหิทฺธิโก พโก พฺรหฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๐๓) เอตฺถ นิปฺผตฺติยํ วตฺตติฯ สฺวายมิธาปิ นิปฺผตฺติยํ วตฺตตีติ เวทิตโพฺพฯ อนญฺญาติ อญฺญา คติ นิปฺผตฺติ นาม นตฺถิฯ
33.Addasa khoti dukūlacumbaṭake nipajjāpetvā ānītaṃ addasa. Mahāpurisassāti jātigottakulapadesādivasena mahantassa purisassa. Dve gatiyoti dve niṭṭhā, dve nipphattiyo. Ayañhi gatisaddo – ‘‘pañca kho imā, sāriputta, gatiyo’’ti (ma. ni. 1.153) ettha nirayādibhedāya sattehi gantabbagatiyā vattati. ‘‘Imesaṃ kho ahaṃ bhikkhūnaṃ sīlavantānaṃ kalyāṇadhammānaṃ neva jānāmi āgatiṃ vā gatiṃ vā’’ti (ma. ni. 1.508) ettha ajjhāsaye. ‘‘Nibbānaṃ arahato gatī’’ti (pari. 339) ettha paṭissaraṇe. ‘‘Api ca tyāhaṃ brahme gatiñca pajānāmi, jutiñca pajānāmi evaṃmahiddhiko bako brahmā’’ti (ma. ni. 1.503) ettha nipphattiyaṃ vattati. Svāyamidhāpi nipphattiyaṃ vattatīti veditabbo. Anaññāti aññā gati nipphatti nāma natthi.
ธมฺมิโกติ ทสกุสลธมฺมสมนฺนาคโต อคติคมนวิรหิโตฯ ธมฺมราชาติ อิทํ ปุริมปทเสฺสว เววจนํฯ ธเมฺมน วา ลทฺธรชฺชตฺตา ธมฺมราชาฯ จาตุรโนฺตติ ปุรตฺถิมสมุทฺทาทีนํ จตุนฺนํ สมุทฺทานํ วเสน จตุรนฺตาย ปถวิยา อิสฺสโรฯ วิชิตาวีติ วิชิตสงฺคาโมฯ ชนปโท อสฺมิํ ถาวริยํ ถิรภาวํ ปโตฺตติ ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺตฯ จณฺฑสฺส หิ รโญฺญ พลิทณฺฑาทีหิ โลกํ ปีฬยโต มนุสฺสา มชฺฌิมชนปทํ ฉเฑฺฑตฺวา ปพฺพตสมุทฺทตีราทีนิ นิสฺสาย ปจฺจเนฺต วาสํ กเปฺปนฺติฯ อติมุทุกสฺส รโญฺญ โจเรหิ สาหสิกธนวิโลปปีฬิตา มนุสฺสา ปจฺจนฺตํ ปหาย ชนปทมเชฺฌ วาสํ กเปฺปนฺติ, อิติ เอวรูเป ราชินิ ชนปโท ถิรภาวํ น ปาปุณาติฯ อิมสฺมิํ ปน กุมาเร รชฺชํ การยมาเน เอตสฺส ชนปโท ปาสาณปิฎฺฐิยํ ฐเปตฺวา อโยปเฎฺฎน ปริกฺขิโตฺต วิย ถิโร ภวิสฺสตีติ ทเสฺสโนฺต – ‘‘ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺต’’ติ อาหํสุฯ
Dhammikoti dasakusaladhammasamannāgato agatigamanavirahito. Dhammarājāti idaṃ purimapadasseva vevacanaṃ. Dhammena vā laddharajjattā dhammarājā. Cāturantoti puratthimasamuddādīnaṃ catunnaṃ samuddānaṃ vasena caturantāya pathaviyā issaro. Vijitāvīti vijitasaṅgāmo. Janapado asmiṃ thāvariyaṃ thirabhāvaṃ pattoti janapadatthāvariyappatto. Caṇḍassa hi rañño balidaṇḍādīhi lokaṃ pīḷayato manussā majjhimajanapadaṃ chaḍḍetvā pabbatasamuddatīrādīni nissāya paccante vāsaṃ kappenti. Atimudukassa rañño corehi sāhasikadhanavilopapīḷitā manussā paccantaṃ pahāya janapadamajjhe vāsaṃ kappenti, iti evarūpe rājini janapado thirabhāvaṃ na pāpuṇāti. Imasmiṃ pana kumāre rajjaṃ kārayamāne etassa janapado pāsāṇapiṭṭhiyaṃ ṭhapetvā ayopaṭṭena parikkhitto viya thiro bhavissatīti dassento – ‘‘janapadatthāvariyappatto’’ti āhaṃsu.
สตฺตรตนสมนฺนาคโตติ เอตฺถ รติชนนเฎฺฐน รตนํฯ อปิจ –
Sattaratanasamannāgatoti ettha ratijananaṭṭhena ratanaṃ. Apica –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆญฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
‘‘Cittīkataṃ mahagghañca, atulaṃ dullabhadassanaṃ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจติ’’ฯ
Anomasattaparibhogaṃ, ratanaṃ tena vuccati’’.
จกฺกรตนสฺส จ นิพฺพตฺตกาลโต ปฎฺฐาย อญฺญํ เทวฎฺฐานํ นาม น โหติ, สเพฺพ คนฺธปุปฺผาทีหิ ตเสฺสว ปูชญฺจ อภิวาทนาทีนิ จ กโรนฺตีติ จิตฺตีกตเฎฺฐน รตนํฯ จกฺกรตนสฺส จ เอตฺตกํ นาม ธนํ อคฺฆตีติ อโคฺฆ นตฺถิ, อิติ มหคฺฆเฎฺฐนาปิ รตนํฯ จกฺกรตนญฺจ อเญฺญหิ โลเก วิชฺชมานรตเนหิ อสทิสนฺติ อตุลเฎฺฐนาปิ รตนํฯ ยสฺมา จ ปน ยสฺมิํ กเปฺป พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมิํเยว จกฺกวตฺติโน อุปฺปชฺชนฺติ, พุทฺธา จ กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา ทุลฺลภทสฺสนเฎฺฐนาปิ รตนํฯ ตเทตํ ชาติรูปกุลอิสฺสริยาทีหิ อโนมสฺส อุฬารสตฺตเสฺสว อุปฺปชฺชติ, น อญฺญสฺสาติ อโนมสตฺตปริโภคเฎฺฐนาปิ รตนํฯ ยถา จกฺกรตนํ, เอวํ เสสานิปีติฯ อิเมหิ สตฺตหิ รตเนหิ ปริวารภาเวน เจว สพฺพโภคูปกรณภาเวน จ สมนฺนาคโตติ สตฺตรตนสมนฺนาคโตฯ
Cakkaratanassa ca nibbattakālato paṭṭhāya aññaṃ devaṭṭhānaṃ nāma na hoti, sabbe gandhapupphādīhi tasseva pūjañca abhivādanādīni ca karontīti cittīkataṭṭhena ratanaṃ. Cakkaratanassa ca ettakaṃ nāma dhanaṃ agghatīti aggho natthi, iti mahagghaṭṭhenāpi ratanaṃ. Cakkaratanañca aññehi loke vijjamānaratanehi asadisanti atulaṭṭhenāpi ratanaṃ. Yasmā ca pana yasmiṃ kappe buddhā uppajjanti, tasmiṃyeva cakkavattino uppajjanti, buddhā ca kadāci karahaci uppajjanti, tasmā dullabhadassanaṭṭhenāpi ratanaṃ. Tadetaṃ jātirūpakulaissariyādīhi anomassa uḷārasattasseva uppajjati, na aññassāti anomasattaparibhogaṭṭhenāpi ratanaṃ. Yathā cakkaratanaṃ, evaṃ sesānipīti. Imehi sattahi ratanehi parivārabhāvena ceva sabbabhogūpakaraṇabhāvena ca samannāgatoti sattaratanasamannāgato.
อิทานิ เตสํ สรูปโต ทสฺสนตฺถํ ตสฺสิมานีติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ จกฺกรตนนฺติอาทีสุ อยํ สเงฺขปาธิปฺปาโย – เทฺวสหสฺสทีปปริวารานํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ สิริวิภวํ คเหตฺวา ทาตุํ สมตฺถํ จกฺกรตนํ ปาตุภวติฯ ตถา ปุเรภตฺตเมว สาครปริยนฺตํ ปถวิํ อนุสํยายนสมตฺถํ เวหาสงฺคมํ หตฺถิรตนํ, ตาทิสเมว อสฺสรตนํ, จตุรงฺคสมนฺนาคเต อนฺธกาเร โยชนปฺปมาณํ อนฺธการํ วิธมิตฺวา อาโลกทสฺสนสมตฺถํ มณิรตนํ, ฉพฺพิธโทสวิวชฺชิตํ มนาปจาริ อิตฺถิรตนํ, โยชนปฺปมาเณ อโนฺตปถวิคตํ นิธิํ ทสฺสนสมตฺถํ คหปติรตนํ, อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา สกลรชฺชมนุสาสนสมตฺถํ เชฎฺฐปุตฺตสงฺขาตํ ปริณายกรตนํ ปาตุภวติฯ
Idāni tesaṃ sarūpato dassanatthaṃ tassimānītiādi vuttaṃ. Tattha cakkaratanantiādīsu ayaṃ saṅkhepādhippāyo – dvesahassadīpaparivārānaṃ catunnaṃ mahādīpānaṃ sirivibhavaṃ gahetvā dātuṃ samatthaṃ cakkaratanaṃ pātubhavati. Tathā purebhattameva sāgarapariyantaṃ pathaviṃ anusaṃyāyanasamatthaṃ vehāsaṅgamaṃ hatthiratanaṃ, tādisameva assaratanaṃ, caturaṅgasamannāgate andhakāre yojanappamāṇaṃ andhakāraṃ vidhamitvā ālokadassanasamatthaṃ maṇiratanaṃ, chabbidhadosavivajjitaṃ manāpacāri itthiratanaṃ, yojanappamāṇe antopathavigataṃ nidhiṃ dassanasamatthaṃ gahapatiratanaṃ, aggamahesiyā kucchimhi nibbattitvā sakalarajjamanusāsanasamatthaṃ jeṭṭhaputtasaṅkhātaṃ pariṇāyakaratanaṃ pātubhavati.
ปโรสหสฺสนฺติ อติเรกสหสฺสํฯ สูราติ อภีรุกาฯ วีรงฺครูปาติ วีรานํ องฺคํ วีรงฺคํ, วีริยเสฺสตํ นามํ, วีรงฺคํ รูปเมเตสนฺติ วีรงฺครูปา, วีริยชาติกา วีริยสภาวา วีริยมยา อกิลาสุโน อเหสุํฯ ทิวสมฺปิ ยุชฺฌนฺตา น กิลมนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ สาครปริยนฺตนฺติ จกฺกวาฬปพฺพตํ สีมํ กตฺวา ฐิตสมุทฺทปริยนฺตํฯ อทเณฺฑนาติ เย กตาปราเธ สเตฺต สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ คณฺหนฺติ, เต ธนทเณฺฑน รชฺชํ กาเรนฺติฯ เย เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสนฺติ, เต สตฺถทเณฺฑนฯ อยํ ปน ทุวิธมฺปิ ทณฺฑํ ปหาย อทเณฺฑน อชฺฌาวสติฯ อสเตฺถนาติ เย เอกโตธาราทินา สเตฺถน ปรํ วิเหสนฺติ, เต สเตฺถน รชฺชํ กาเรนฺติ นามฯ อยํ ปน สเตฺถน ขุทฺทมกฺขิกายปิ ปิวนมตฺตํ โลหิตํ กสฺสจิ อนุปฺปาเทตฺวา ธเมฺมเนว – ‘‘เอหิ โข มหาราชา’’ติ เอวํ ปฎิราชูหิ สมฺปฎิจฺฉิตาคมโน วุตฺตปฺปการํ ปถวิํ อภิวิชินิตฺวา อชฺฌาวสติ, อภิภวิตฺวา สามี หุตฺวา วสตีติ อโตฺถฯ
Parosahassanti atirekasahassaṃ. Sūrāti abhīrukā. Vīraṅgarūpāti vīrānaṃ aṅgaṃ vīraṅgaṃ, vīriyassetaṃ nāmaṃ, vīraṅgaṃ rūpametesanti vīraṅgarūpā, vīriyajātikā vīriyasabhāvā vīriyamayā akilāsuno ahesuṃ. Divasampi yujjhantā na kilamantīti vuttaṃ hoti. Sāgarapariyantanti cakkavāḷapabbataṃ sīmaṃ katvā ṭhitasamuddapariyantaṃ. Adaṇḍenāti ye katāparādhe satte satampi sahassampi gaṇhanti, te dhanadaṇḍena rajjaṃ kārenti. Ye chejjabhejjaṃ anusāsanti, te satthadaṇḍena. Ayaṃ pana duvidhampi daṇḍaṃ pahāya adaṇḍena ajjhāvasati. Asatthenāti ye ekatodhārādinā satthena paraṃ vihesanti, te satthena rajjaṃ kārenti nāma. Ayaṃ pana satthena khuddamakkhikāyapi pivanamattaṃ lohitaṃ kassaci anuppādetvā dhammeneva – ‘‘ehi kho mahārājā’’ti evaṃ paṭirājūhi sampaṭicchitāgamano vuttappakāraṃ pathaviṃ abhivijinitvā ajjhāvasati, abhibhavitvā sāmī hutvā vasatīti attho.
เอวํ เอกํ นิปฺผตฺติํ กเถตฺวา ทุติยํ กเถตุํ สเจ โข ปนาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ราคโทสโมหมานทิฎฺฐิกิเลสตณฺหาสงฺขาตํ ฉทนํ อาวรณํ วิวฎํ วิทฺธํสิตํ วิวฎกํ เอเตนาติ วิวฎจฺฉโทฯ ‘‘วิวฎฺฎจฺฉทา’’ติปิ ปาโฐ, อยเมว อโตฺถฯ
Evaṃ ekaṃ nipphattiṃ kathetvā dutiyaṃ kathetuṃ sace kho panātiādi vuttaṃ. Tattha rāgadosamohamānadiṭṭhikilesataṇhāsaṅkhātaṃ chadanaṃ āvaraṇaṃ vivaṭaṃ viddhaṃsitaṃ vivaṭakaṃ etenāti vivaṭacchado. ‘‘Vivaṭṭacchadā’’tipi pāṭho, ayameva attho.
๓๕. เอวํ ทุติยํ นิปฺผตฺติํ กเถตฺวา ตาสํ นิมิตฺตภูตานิ ลกฺขณานิ ทเสฺสตุํ อยญฺหิ, เทว, กุมาโรติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สุปฺปติฎฺฐิตปาโทติ ยถา อเญฺญสํ ภูมิยํ ปาทํ ฐเปนฺตานํ อคฺคปาทตลํ วา ปณฺหิ วา ปสฺสํ วา ปฐมํ ผุสติ, เวมเชฺฌ วา ปน ฉิทฺทํ โหติ, อุกฺขิปนฺตานํ อคฺคตลาทีสุ เอกโกฎฺฐาโสว ปฐมํ อุฎฺฐหติ, น เอวมสฺสฯ อสฺส ปน สุวณฺณปาทุกตลมิว เอกปฺปหาเรเนว สกลํ ปาทตลํ ภูมิํ ผุสติ, เอกปฺปหาเรเนว ภูมิโต อุฎฺฐหติฯ ตสฺมา อยํ สุปฺปติฎฺฐิตปาโทฯ
35. Evaṃ dutiyaṃ nipphattiṃ kathetvā tāsaṃ nimittabhūtāni lakkhaṇāni dassetuṃ ayañhi, deva, kumārotiādi vuttaṃ. Tattha suppatiṭṭhitapādoti yathā aññesaṃ bhūmiyaṃ pādaṃ ṭhapentānaṃ aggapādatalaṃ vā paṇhi vā passaṃ vā paṭhamaṃ phusati, vemajjhe vā pana chiddaṃ hoti, ukkhipantānaṃ aggatalādīsu ekakoṭṭhāsova paṭhamaṃ uṭṭhahati, na evamassa. Assa pana suvaṇṇapādukatalamiva ekappahāreneva sakalaṃ pādatalaṃ bhūmiṃ phusati, ekappahāreneva bhūmito uṭṭhahati. Tasmā ayaṃ suppatiṭṭhitapādo.
จกฺกานีติ ทฺวีสุ ปาทตเลสุ เทฺว จกฺกานิ, เตสํ อรา จ เนมิ จ นาภิ จ ปาฬิยํ วุตฺตาวฯ สพฺพาการปริปูรานีติ อิมินา ปน อยํ วิเสโส เวทิตโพฺพ, เตสํ กิร จกฺกานํ ปาทตลสฺส มเชฺฌ นาภิ ทิสฺสติ, นาภิปริจฺฉินฺนา วฎฺฎเลขา ทิสฺสติ, นาภิมุขปริเกฺขปปโฎฺฎ ทิสฺสติ, ปนาฬิมุขํ ทิสฺสติ, อรา ทิสฺสนฺติ, อเรสุ วฎฺฎิเลขา ทิสฺสนฺติ, เนมิมณิกา ทิสฺสนฺติฯ อิทํ ตาว ปาฬิยํ อาคตเมวฯ สมฺพหุลวาโร ปน อนาคโต, โส เอวํ ทฎฺฐโพฺพ – สตฺติ, สิริวโจฺฉ, นนฺทิ, โสวตฺติโก, วฎํสโก, วฑฺฒมานกํ, มจฺฉยุคฬํ, ภทฺทปีฐํ, องฺกุสโก, ปาสาโท, โตรณํ, เสตจฺฉตฺตํ, ขโคฺค, ตาลวณฺฎํ, โมรหตฺถโก, วาฬพีชนี, อุณฺหีสํ, มณิ, ปโตฺต, สุมนทามํ, นีลุปฺปลํ, รตฺตุปฺปลํ, เสตุปฺปลํ, ปทุมํ, ปุณฺฑรีกํ, ปุณฺณฆโฎ , ปุณฺณปาติ, สมุโทฺท, จกฺกวาโฬ, หิมวา, สิเนรุ, จนฺทิมสูริยา, นกฺขตฺตานิ, จตฺตาโร มหาทีปา, ทฺวิปริตฺตทีปสหสฺสานิ, อนฺตมโส จกฺกวตฺติรโญฺญ ปริสํ อุปาทาย สโพฺพ จกฺกลกฺขณเสฺสว ปริวาโรฯ
Cakkānīti dvīsu pādatalesu dve cakkāni, tesaṃ arā ca nemi ca nābhi ca pāḷiyaṃ vuttāva. Sabbākāraparipūrānīti iminā pana ayaṃ viseso veditabbo, tesaṃ kira cakkānaṃ pādatalassa majjhe nābhi dissati, nābhiparicchinnā vaṭṭalekhā dissati, nābhimukhaparikkhepapaṭṭo dissati, panāḷimukhaṃ dissati, arā dissanti, aresu vaṭṭilekhā dissanti, nemimaṇikā dissanti. Idaṃ tāva pāḷiyaṃ āgatameva. Sambahulavāro pana anāgato, so evaṃ daṭṭhabbo – satti, sirivaccho, nandi, sovattiko, vaṭaṃsako, vaḍḍhamānakaṃ, macchayugaḷaṃ, bhaddapīṭhaṃ, aṅkusako, pāsādo, toraṇaṃ, setacchattaṃ, khaggo, tālavaṇṭaṃ, morahatthako, vāḷabījanī, uṇhīsaṃ, maṇi, patto, sumanadāmaṃ, nīluppalaṃ, rattuppalaṃ, setuppalaṃ, padumaṃ, puṇḍarīkaṃ, puṇṇaghaṭo , puṇṇapāti, samuddo, cakkavāḷo, himavā, sineru, candimasūriyā, nakkhattāni, cattāro mahādīpā, dviparittadīpasahassāni, antamaso cakkavattirañño parisaṃ upādāya sabbo cakkalakkhaṇasseva parivāro.
อายตปณฺหีติ ทีฆปณฺหิ, ปริปุณฺณปณฺหีติ อโตฺถฯ ยถา หิ อเญฺญสํ อคฺคปาโท ทีโฆ โหติ, ปณฺหิมตฺถเก ชงฺฆา ปติฎฺฐาติ, ปณฺหิํ ตเจฺฉตฺวา ฐปิตา วิย โหติ, น เอวํ มหาปุริสสฺสฯ มหาปุริสสฺส ปน จตูสุ โกฎฺฐาเสสุ เทฺว โกฎฺฐาสา อคฺคปาโท โหติ, ตติเย โกฎฺฐาเส ชงฺฆา ปติฎฺฐาติ, จตุตฺถโกฎฺฐาเส อารเคฺคน วเฎฺฎตฺวา ฐปิตา วิย รตฺตกมฺพลเคณฺฑุกสทิสา ปณฺหิ โหติฯ
Āyatapaṇhīti dīghapaṇhi, paripuṇṇapaṇhīti attho. Yathā hi aññesaṃ aggapādo dīgho hoti, paṇhimatthake jaṅghā patiṭṭhāti, paṇhiṃ tacchetvā ṭhapitā viya hoti, na evaṃ mahāpurisassa. Mahāpurisassa pana catūsu koṭṭhāsesu dve koṭṭhāsā aggapādo hoti, tatiye koṭṭhāse jaṅghā patiṭṭhāti, catutthakoṭṭhāse āraggena vaṭṭetvā ṭhapitā viya rattakambalageṇḍukasadisā paṇhi hoti.
ทีฆงฺคุลีติ ยถา อเญฺญสํ กาจิ องฺคุลิโย ทีฆา โหนฺติ, กาจิ รสฺสา, น เอวํ มหาปุริสสฺสฯ มหาปุริสสฺส ปน มกฺกฎเสฺสว ทีฆา หตฺถปาทงฺคุลิโย มูเล ถูลา, อนุปุเพฺพน คนฺตฺวา อเคฺค ตนุกา, นิยฺยาสเตเลน มทฺทิตฺวา วฎฺฎิตหริตาลวฎฺฎิสทิสา โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ทีฆงฺคุลี’’ติฯ
Dīghaṅgulīti yathā aññesaṃ kāci aṅguliyo dīghā honti, kāci rassā, na evaṃ mahāpurisassa. Mahāpurisassa pana makkaṭasseva dīghā hatthapādaṅguliyo mūle thūlā, anupubbena gantvā agge tanukā, niyyāsatelena madditvā vaṭṭitaharitālavaṭṭisadisā honti. Tena vuttaṃ – ‘‘dīghaṅgulī’’ti.
มุทุตลุนหตฺถปาโทติ สปฺปิมเณฺฑ โอสาเรตฺวา ฐปิตํ สตวารวิหตกปฺปาสปฎลํ วิย มุทุฯ ยถา จ อิทานิ ชาตมตฺตสฺส, เอวํ วุฑฺฒกาเลปิ มุทุตลุนาเยว ภวิสฺสนฺติ, มุทุตลุนา หตฺถปาทา เอตสฺสาติ มุทุตลุนหตฺถปาโทฯ
Mudutalunahatthapādoti sappimaṇḍe osāretvā ṭhapitaṃ satavāravihatakappāsapaṭalaṃ viya mudu. Yathā ca idāni jātamattassa, evaṃ vuḍḍhakālepi mudutalunāyeva bhavissanti, mudutalunā hatthapādā etassāti mudutalunahatthapādo.
ชาลหตฺถปาโทติ น จเมฺมน ปฎิพทฺธองฺคุลนฺตโรฯ เอทิโส หิ ผณหตฺถโก ปุริสโทเสน อุปหโต ปพฺพชฺชํ น ปฎิลภติฯ มหาปุริสสฺส ปน จตโสฺส หตฺถงฺคุลิโย ปญฺจปิ ปาทงฺคุลิโย เอกปฺปมาณา โหนฺติ, ตาสํ เอกปฺปมาณตาย ยวลกฺขณํ อญฺญมญฺญํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา ติฎฺฐติฯ อถสฺส หตฺถปาทา กุสเลน วฑฺฒกินา โยชิตชาลวาตปานสทิสา โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ชาลหตฺถปาโท’’ติฯ
Jālahatthapādoti na cammena paṭibaddhaaṅgulantaro. Ediso hi phaṇahatthako purisadosena upahato pabbajjaṃ na paṭilabhati. Mahāpurisassa pana catasso hatthaṅguliyo pañcapi pādaṅguliyo ekappamāṇā honti, tāsaṃ ekappamāṇatāya yavalakkhaṇaṃ aññamaññaṃ paṭivijjhitvā tiṭṭhati. Athassa hatthapādā kusalena vaḍḍhakinā yojitajālavātapānasadisā honti. Tena vuttaṃ – ‘‘jālahatthapādo’’ti.
อุทฺธํ ปติฎฺฐิตโคปฺผกตฺตา อุสฺสงฺขา ปาทา อสฺสาติ อุสฺสงฺขปาโทฯ อเญฺญสญฺหิ ปิฎฺฐิปาเท โคปฺผกา โหนฺติ, เตน เตสํ ปาทา อาณิพทฺธา วิย พทฺธา โหนฺติ, น ยถาสุขํ ปริวฎฺฎนฺติ, คจฺฉนฺตานํ ปาทตลานิปิ น ทิสฺสนฺติฯ มหาปุริสสฺส ปน อารุหิตฺวา อุปริ โคปฺผกา ปติฎฺฐหนฺติ, เตนสฺส นาภิโต ปฎฺฐาย อุปริมกาโย นาวาย ฐปิตสุวณฺณปฎิมา วิย นิจฺจโล โหติ, อโธกาโยว อิญฺชติ, สุเขน ปาทา ปริวฎฺฎนฺติ, ปุรโตปิ ปจฺฉโตปิ อุภยปเสฺสสุปิ ฐตฺวา ปสฺสนฺตานํ ปาทตลานิ ปญฺญายนฺติ, น หตฺถีนํ วิย ปจฺฉโตเยวฯ
Uddhaṃ patiṭṭhitagopphakattā ussaṅkhā pādā assāti ussaṅkhapādo. Aññesañhi piṭṭhipāde gopphakā honti, tena tesaṃ pādā āṇibaddhā viya baddhā honti, na yathāsukhaṃ parivaṭṭanti, gacchantānaṃ pādatalānipi na dissanti. Mahāpurisassa pana āruhitvā upari gopphakā patiṭṭhahanti, tenassa nābhito paṭṭhāya uparimakāyo nāvāya ṭhapitasuvaṇṇapaṭimā viya niccalo hoti, adhokāyova iñjati, sukhena pādā parivaṭṭanti, puratopi pacchatopi ubhayapassesupi ṭhatvā passantānaṃ pādatalāni paññāyanti, na hatthīnaṃ viya pacchatoyeva.
เอณิชโงฺฆติ เอณิมิคสทิสชโงฺฆ มํสุสฺสเทน ปริปุณฺณชโงฺฆ, น เอกโต พทฺธปิณฺฑิกมํโส , สมนฺตโต สมสณฺฐิเตน มํเสน ปริกฺขิตฺตาหิ สุวฎฺฎิตาหิ สาลิคพฺภยวคพฺภสทิสาหิ ชงฺฆาหิ สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ
Eṇijaṅghoti eṇimigasadisajaṅgho maṃsussadena paripuṇṇajaṅgho, na ekato baddhapiṇḍikamaṃso , samantato samasaṇṭhitena maṃsena parikkhittāhi suvaṭṭitāhi sāligabbhayavagabbhasadisāhi jaṅghāhi samannāgatoti attho.
อโนนมโนฺตติ อนมโนฺต, เอเตนสฺส อขุชฺชอวามนภาโว ทีปิโตฯ อวเสสชนา หิ ขุชฺชา วา โหนฺติ วามนา วาฯ ขุชฺชานํ อุปริมกาโย อปริปุโณฺณ โหติ, วามนานํ เหฎฺฐิมกาโยฯ เต อปริปุณฺณกายตฺตา น สโกฺกนฺติ อโนนมนฺตา ชณฺณุกานิ ปริมชฺชิตุํฯ มหาปุริโส ปน ปริปุณฺณอุภยกายตฺตา สโกฺกติฯ
Anonamantoti anamanto, etenassa akhujjaavāmanabhāvo dīpito. Avasesajanā hi khujjā vā honti vāmanā vā. Khujjānaṃ uparimakāyo aparipuṇṇo hoti, vāmanānaṃ heṭṭhimakāyo. Te aparipuṇṇakāyattā na sakkonti anonamantā jaṇṇukāni parimajjituṃ. Mahāpuriso pana paripuṇṇaubhayakāyattā sakkoti.
โกโสหิตวตฺถคุโยฺหติ อุสภวารณาทีนํ วิย สุวณฺณปทุมกณฺณิกสทิเสหิ โกเสหิ โอหิตํ ปฎิจฺฉนฺนํ วตฺถคุยฺหํ อสฺสาติ โกโสหิตวตฺถคุโยฺหฯ วตฺถคุยฺหนฺติ วเตฺถน คุหิตพฺพํ องฺคชาตํ วุจฺจติฯ
Kosohitavatthaguyhoti usabhavāraṇādīnaṃ viya suvaṇṇapadumakaṇṇikasadisehi kosehi ohitaṃ paṭicchannaṃ vatthaguyhaṃ assāti kosohitavatthaguyho. Vatthaguyhanti vatthena guhitabbaṃ aṅgajātaṃ vuccati.
สุวณฺณวโณฺณติ ชาติหิงฺคุลเกน มชฺชิตฺวา ทีปิทาฐาย ฆํสิตฺวา เครุกปริกมฺมํ กตฺวา ฐปิตฆนสุวณฺณรูปสทิโสติ อโตฺถฯ เอเตนสฺส ฆนสินิทฺธสณฺหสรีรตํ ทเสฺสตฺวา ฉวิวณฺณทสฺสนตฺถํ กญฺจนสนฺนิภตฺตโจติ วุตฺตํฯ ปุริมสฺส วา เววจนเมตํฯ
Suvaṇṇavaṇṇoti jātihiṅgulakena majjitvā dīpidāṭhāya ghaṃsitvā gerukaparikammaṃ katvā ṭhapitaghanasuvaṇṇarūpasadisoti attho. Etenassa ghanasiniddhasaṇhasarīrataṃ dassetvā chavivaṇṇadassanatthaṃ kañcanasannibhattacoti vuttaṃ. Purimassa vā vevacanametaṃ.
รโชชลฺลนฺติ รโช วา มลํ วาฯ น อุปลิมฺปตีติ น ลคฺคติ ปทุมปลาสโต อุทกพินฺทุ วิย วิวฎฺฎติฯ หตฺถโธวนาทีนิ ปน อุตุคฺคหณตฺถาย เจว ทายกานํ ปุญฺญผลตฺถาย จ พุทฺธา กโรนฺติ, วตฺตสีเสนาปิ จ กโรนฺติเยวฯ เสนาสนํ ปวิสเนฺตน หิ ภิกฺขุนา ปาเท โธวิตฺวา ปวิสิตพฺพนฺติ วุตฺตเมตํฯ
Rajojallanti rajo vā malaṃ vā. Na upalimpatīti na laggati padumapalāsato udakabindu viya vivaṭṭati. Hatthadhovanādīni pana utuggahaṇatthāya ceva dāyakānaṃ puññaphalatthāya ca buddhā karonti, vattasīsenāpi ca karontiyeva. Senāsanaṃ pavisantena hi bhikkhunā pāde dhovitvā pavisitabbanti vuttametaṃ.
อุทฺธคฺคโลโมติ อาวฎฺฎปริโยสาเน อุทฺธคฺคานิ หุตฺวา มุขโสภํ อุโลฺลกยมานานิ วิย ฐิตานิ โลมานิ อสฺสาติ อุทฺธคฺคโลโมฯ
Uddhaggalomoti āvaṭṭapariyosāne uddhaggāni hutvā mukhasobhaṃ ullokayamānāni viya ṭhitāni lomāni assāti uddhaggalomo.
พฺรหฺมุชุคโตฺตติ พฺรหฺมา วิย อุชุคโตฺต, อุชุเมว อุคฺคตทีฆสรีโร ภวิสฺสติฯ เยภุเยฺยน หิ สตฺตา ขเนฺธ กฎิยํ ชาณูสูติ ตีสุ ฐาเนสุ นมนฺติ, เต กฎิยํ นมนฺตา ปจฺฉโต นมนฺติ, อิตเรสุ ทฺวีสุ ฐาเนสุ ปุรโตฯ ทีฆสรีรา ปน เอเก ปสฺสวงฺกา โหนฺติ, เอเก มุขํ อุนฺนเมตฺวา นกฺขตฺตานิ คณยนฺตา วิย จรนฺติ, เอเก อปฺปมํสโลหิตา สูลสทิสา โหนฺติ, เอเก ปุรโต ปพฺภารา โหนฺติ, ปเวธมานา คจฺฉนฺติฯ อยํ ปน อุชุเมว อุคฺคนฺตฺวา ทีฆปฺปมาโณ เทวนคเร อุสฺสิตสุวณฺณโตรณํ วิย ภวิสฺสตีติ ทีเปนฺติฯ ยถา เจตํ, เอวํ ยํ ยํ ชาตมตฺตสฺส สพฺพโส อปริปุณฺณํ มหาปุริสลกฺขณํ โหติ, ตํ ตํ อายติํ ตถาภาวิตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Brahmujugattoti brahmā viya ujugatto, ujumeva uggatadīghasarīro bhavissati. Yebhuyyena hi sattā khandhe kaṭiyaṃ jāṇūsūti tīsu ṭhānesu namanti, te kaṭiyaṃ namantā pacchato namanti, itaresu dvīsu ṭhānesu purato. Dīghasarīrā pana eke passavaṅkā honti, eke mukhaṃ unnametvā nakkhattāni gaṇayantā viya caranti, eke appamaṃsalohitā sūlasadisā honti, eke purato pabbhārā honti, pavedhamānā gacchanti. Ayaṃ pana ujumeva uggantvā dīghappamāṇo devanagare ussitasuvaṇṇatoraṇaṃ viya bhavissatīti dīpenti. Yathā cetaṃ, evaṃ yaṃ yaṃ jātamattassa sabbaso aparipuṇṇaṃ mahāpurisalakkhaṇaṃ hoti, taṃ taṃ āyatiṃ tathābhāvitaṃ sandhāya vuttanti veditabbaṃ.
สตฺตุสฺสโทติ เทฺว หตฺถปิฎฺฐิโย เทฺว ปาทปิฎฺฐิโย เทฺว อํสกูฎานิ ขโนฺธติ อิเมสุ สตฺตสุ ฐาเนสุ ปริปุโณฺณ มํสุสฺสโท อสฺสาติ สตฺตุสฺสโทฯ อเญฺญสํ ปน หตฺถปาทปิฎฺฐาทีสุ สิราชาลํ ปญฺญายติ, อํสกูฎกฺขเนฺธสุ อฎฺฐิโกฎิโยฯ เต มนุสฺสา เปตา วิย ขายนฺติ, น ตถา มหาปุริโส, มหาปุริโส ปน สตฺตสุ ฐาเนสุ ปริปุณฺณมํสุสฺสทตฺตา นิคูฬฺหสิราชาเลหิ หตฺถปิฎฺฐาทีหิ วเฎฺฎตฺวา สุฎฺฐปิตสุวณฺณาฬิงฺคสทิเสน ขเนฺธน สิลารูปกํ วิย ขายติ, จิตฺตกมฺมรูปกํ วิย จ ขายติฯ
Sattussadoti dve hatthapiṭṭhiyo dve pādapiṭṭhiyo dve aṃsakūṭāni khandhoti imesu sattasu ṭhānesu paripuṇṇo maṃsussado assāti sattussado. Aññesaṃ pana hatthapādapiṭṭhādīsu sirājālaṃ paññāyati, aṃsakūṭakkhandhesu aṭṭhikoṭiyo. Te manussā petā viya khāyanti, na tathā mahāpuriso, mahāpuriso pana sattasu ṭhānesu paripuṇṇamaṃsussadattā nigūḷhasirājālehi hatthapiṭṭhādīhi vaṭṭetvā suṭṭhapitasuvaṇṇāḷiṅgasadisena khandhena silārūpakaṃ viya khāyati, cittakammarūpakaṃ viya ca khāyati.
สีหสฺส ปุพฺพทฺธํ วิย กาโย อสฺสาติ สีหปุพฺพทฺธกาโยฯ สีหสฺส หิ ปุรตฺถิมกาโยว ปริปุโณฺณ โหติ, ปจฺฉิมกาโย อปริปุโณฺณฯ มหาปุริสสฺส ปน สีหสฺส ปุพฺพทฺธกาโย วิย สโพฺพ กาโย ปริปุโณฺณฯ โสปิ สีหเสฺสว ตตฺถ ตตฺถ วินตุนฺนตาทิวเสน ทุสฺสณฺฐิตวิสณฺฐิโต น โหติ, ทีฆยุตฺตฎฺฐาเน ปน ทีโฆ, รสฺสถูลกิสปุถุลอนุวฎฺฎิตยุตฺตฎฺฐาเนสุ ตถาวิโธว โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Sīhassa pubbaddhaṃ viya kāyo assāti sīhapubbaddhakāyo. Sīhassa hi puratthimakāyova paripuṇṇo hoti, pacchimakāyo aparipuṇṇo. Mahāpurisassa pana sīhassa pubbaddhakāyo viya sabbo kāyo paripuṇṇo. Sopi sīhasseva tattha tattha vinatunnatādivasena dussaṇṭhitavisaṇṭhito na hoti, dīghayuttaṭṭhāne pana dīgho, rassathūlakisaputhulaanuvaṭṭitayuttaṭṭhānesu tathāvidhova hoti. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘มนาปิเยว โข, ภิกฺขเว, กมฺมวิปาเก ปจฺจุปฎฺฐิเต เยหิ อเงฺคหิ ทีเฆหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ ทีฆานิ สณฺฐนฺติฯ เยหิ อเงฺคหิ รเสฺสหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ รสฺสานิ สณฺฐนฺติฯ เยหิ อเงฺคหิ ถูเลหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ ถูลานิ สณฺฐนฺติฯ เยหิ อเงฺคหิ กิเสหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ กิสานิ สณฺฎฺฐนฺติฯ เยหิ อเงฺคหิ ปุถุเลหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ ปุถุลานิ สณฺฐนฺติฯ เยหิ อเงฺคหิ วเฎฺฎหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ วฎฺฎานิ สณฺฐนฺตี’’ติฯ
‘‘Manāpiyeva kho, bhikkhave, kammavipāke paccupaṭṭhite yehi aṅgehi dīghehi sobhati, tāni aṅgāni dīghāni saṇṭhanti. Yehi aṅgehi rassehi sobhati, tāni aṅgāni rassāni saṇṭhanti. Yehi aṅgehi thūlehi sobhati, tāni aṅgāni thūlāni saṇṭhanti. Yehi aṅgehi kisehi sobhati, tāni aṅgāni kisāni saṇṭṭhanti. Yehi aṅgehi puthulehi sobhati, tāni aṅgāni puthulāni saṇṭhanti. Yehi aṅgehi vaṭṭehi sobhati, tāni aṅgāni vaṭṭāni saṇṭhantī’’ti.
อิติ นานาจิเตฺตน ปุญฺญจิเตฺตน จิตฺติโต ทสหิ ปารมีหิ สชฺชิโต มหาปุริสสฺส อตฺตภาโว, โลเก สพฺพสิปฺปิโน วา สพฺพอิทฺธิมโนฺต วา ปติรูปกมฺปิ กาตุํ น สโกฺกนฺติฯ
Iti nānācittena puññacittena cittito dasahi pāramīhi sajjito mahāpurisassa attabhāvo, loke sabbasippino vā sabbaiddhimanto vā patirūpakampi kātuṃ na sakkonti.
จิตนฺตรํโสติ อนฺตรํสํ วุจฺจติ ทฺวินฺนํ โกฎฺฎานํ อนฺตรํ, ตํ จิตํ ปริปุณฺณํ อนฺตรํสํ อสฺสาติ จิตนฺตรํโสฯ อเญฺญสญฺหิ ตํ ฐานํ นินฺนํ โหติ, เทฺว ปิฎฺฐิโกฎฺฎา ปาฎิเยกฺกา ปญฺญายนฺติฯ มหาปุริสสฺส ปน กฎิโต ปฎฺฐาย มํสปฎลํ ยาว ขนฺธา อุคฺคมฺม สมุสฺสิตสุวณฺณผลกํ วิย ปิฎฺฐิํ ฉาเทตฺวา ปติฎฺฐิตํฯ
Citantaraṃsoti antaraṃsaṃ vuccati dvinnaṃ koṭṭānaṃ antaraṃ, taṃ citaṃ paripuṇṇaṃ antaraṃsaṃ assāti citantaraṃso. Aññesañhi taṃ ṭhānaṃ ninnaṃ hoti, dve piṭṭhikoṭṭā pāṭiyekkā paññāyanti. Mahāpurisassa pana kaṭito paṭṭhāya maṃsapaṭalaṃ yāva khandhā uggamma samussitasuvaṇṇaphalakaṃ viya piṭṭhiṃ chādetvā patiṭṭhitaṃ.
นิโคฺรธปริมณฺฑโลติ นิโคฺรโธ วิย ปริมณฺฑโลฯ ยถา ปญฺญาสหตฺถตาย วา สตหตฺถตาย วา สมกฺขนฺธสาโข นิโคฺรโธ ทีฆโตปิ วิตฺถารโตปิ เอกปฺปมาโณว โหติ, เอวํ กายโตปิ พฺยามโตปิ เอกปฺปมาโณฯ ยถา อเญฺญสํ กาโย ทีโฆ วา โหติ พฺยาโม วา, น เอวํ วิสมปฺปมาโณติ อโตฺถฯ เตเนว ยาวตกฺวสฺส กาโยติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยาวตโก อสฺสาติ ยาวตกฺวสฺสฯ
Nigrodhaparimaṇḍaloti nigrodho viya parimaṇḍalo. Yathā paññāsahatthatāya vā satahatthatāya vā samakkhandhasākho nigrodho dīghatopi vitthāratopi ekappamāṇova hoti, evaṃ kāyatopi byāmatopi ekappamāṇo. Yathā aññesaṃ kāyo dīgho vā hoti byāmo vā, na evaṃ visamappamāṇoti attho. Teneva yāvatakvassa kāyotiādi vuttaṃ. Tattha yāvatako assāti yāvatakvassa.
สมวฎฺฎกฺขโนฺธติ สมวฎฺฎิตกฺขโนฺธฯ ยถา เอเก โกญฺจา วิย จ พกา วิย จ วราหา วิย จ ทีฆคลา วงฺกคลา ปุถุลคลา จ โหนฺติ , กถนกาเล สิราชาลํ ปญฺญายติ, มโนฺท สโร นิกฺขมติ, น เอวํ มหาปุริสสฺสฯ มหาปุริสสฺส ปน สุวฎฺฎิตสุวณฺณาฬิงฺคสทิโส ขโนฺธ โหติ, กถนกาเล สิราชาลํ น ปญฺญายติ, เมฆสฺส วิย คชฺชิโต สโร มหา โหติฯ
Samavaṭṭakkhandhoti samavaṭṭitakkhandho. Yathā eke koñcā viya ca bakā viya ca varāhā viya ca dīghagalā vaṅkagalā puthulagalā ca honti , kathanakāle sirājālaṃ paññāyati, mando saro nikkhamati, na evaṃ mahāpurisassa. Mahāpurisassa pana suvaṭṭitasuvaṇṇāḷiṅgasadiso khandho hoti, kathanakāle sirājālaṃ na paññāyati, meghassa viya gajjito saro mahā hoti.
รสคฺคสคฺคีติ เอตฺถ รสํ คสนฺติ หรนฺตีติ รสคฺคสาฯ รสหรณีนเมตํ อธิวจนํ, ตา อคฺคา อสฺสาติ รสคฺคสคฺคีฯ มหาปุริสสฺส กิร สตฺตรสหรณีสหสฺสานิ อุทฺธคฺคานิ หุตฺวา คีวายเมว ปฎิมุกฺกานิฯ ติลผลมโตฺตปิ อาหาโร ชิวฺหเคฺค ฐปิโต สพฺพกายํ อนุผรติฯ เตเนว มหาปธานํ ปทหนฺตสฺส เอกตณฺฑุลาทีหิปิ กฬายยูสปสตมเตฺตนาปิ กายสฺส ยาปนํ อโหสิฯ อเญฺญสํ ปน ตถา อภาวา น สกลํ กายํ โอชา ผรติฯ เตน เต พหฺวาพาธา โหนฺติฯ
Rasaggasaggīti ettha rasaṃ gasanti harantīti rasaggasā. Rasaharaṇīnametaṃ adhivacanaṃ, tā aggā assāti rasaggasaggī. Mahāpurisassa kira sattarasaharaṇīsahassāni uddhaggāni hutvā gīvāyameva paṭimukkāni. Tilaphalamattopi āhāro jivhagge ṭhapito sabbakāyaṃ anupharati. Teneva mahāpadhānaṃ padahantassa ekataṇḍulādīhipi kaḷāyayūsapasatamattenāpi kāyassa yāpanaṃ ahosi. Aññesaṃ pana tathā abhāvā na sakalaṃ kāyaṃ ojā pharati. Tena te bahvābādhā honti.
สีหเสฺสว หนุ อสฺสาติ สีหหนุฯ ตตฺถ สีหสฺส เหฎฺฐิมหนุเมว ปริปุณฺณํ โหติ, น อุปริมํฯ มหาปุริสสฺส ปน สีหสฺส เหฎฺฐิมํ วิย เทฺวปิ ปริปุณฺณานิ ทฺวาทสิยา ปกฺขสฺส จนฺทสทิสานิ โหนฺติฯ อถ เนมิตฺตกา หนุกปริยนฺตํ โอโลเกนฺตาว อิเมสุ หนุเกสุ เหฎฺฐิเม วีสติ อุปริเม วีสตีติ จตฺตาลีสทนฺตา สมา อวิรฬา ปติฎฺฐหิสฺสนฺตีติ สลฺลเกฺขตฺวา อยญฺหิ เทว, กุมาโร จตฺตาลีสทโนฺต โหตีติอาทิมาหํสุฯ ตตฺรายมโตฺถ, อเญฺญสญฺหิ ปริปุณฺณทนฺตานมฺปิ ทฺวตฺติํส ทนฺตา โหนฺติฯ อิมสฺส ปน จตฺตาลีสํ ภวิสฺสนฺติฯ อเญฺญสญฺจ เกจิ ทนฺตา อุจฺจา, เกจิ นีจาติ วิสมา โหนฺติ, อิมสฺส ปน อยปฎฺฎเกน ฉินฺนสงฺขปฎลํ วิย สมา ภวิสฺสนฺติฯ อเญฺญสํ กุมฺภิลานํ วิย ทนฺตา วิรฬา โหนฺติ, มจฺฉมํสานิ ขาทนฺตานํ ทนฺตนฺตรํ ปูเรนฺติฯ อิมสฺส ปน กนกผลกายํ สมุสฺสิตวชิรปนฺติ วิย อวิรฬา ตูลิกาย ทสฺสิตปริเจฺฉทา วิย ทนฺตา ภวิสฺสนฺติฯ อเญฺญสญฺจ ปูติทนฺตา อุฎฺฐหนฺติฯ เตน กาจิ ทาฐา กาฬาปิ วิวณฺณาปิ โหนฺติฯ อยํ ปน สุฎฺฐุ สุกฺกทาโฐ โอสธิตารกมฺปิ อติกฺกมฺม วิโรจมานาย ปภาย สมนฺนาคตทาโฐ ภวิสฺสติฯ
Sīhasseva hanu assāti sīhahanu. Tattha sīhassa heṭṭhimahanumeva paripuṇṇaṃ hoti, na uparimaṃ. Mahāpurisassa pana sīhassa heṭṭhimaṃ viya dvepi paripuṇṇāni dvādasiyā pakkhassa candasadisāni honti. Atha nemittakā hanukapariyantaṃ olokentāva imesu hanukesu heṭṭhime vīsati uparime vīsatīti cattālīsadantā samā aviraḷā patiṭṭhahissantīti sallakkhetvā ayañhi deva, kumāro cattālīsadanto hotītiādimāhaṃsu. Tatrāyamattho, aññesañhi paripuṇṇadantānampi dvattiṃsa dantā honti. Imassa pana cattālīsaṃ bhavissanti. Aññesañca keci dantā uccā, keci nīcāti visamā honti, imassa pana ayapaṭṭakena chinnasaṅkhapaṭalaṃ viya samā bhavissanti. Aññesaṃ kumbhilānaṃ viya dantā viraḷā honti, macchamaṃsāni khādantānaṃ dantantaraṃ pūrenti. Imassa pana kanakaphalakāyaṃ samussitavajirapanti viya aviraḷā tūlikāya dassitaparicchedā viya dantā bhavissanti. Aññesañca pūtidantā uṭṭhahanti. Tena kāci dāṭhā kāḷāpi vivaṇṇāpi honti. Ayaṃ pana suṭṭhu sukkadāṭho osadhitārakampi atikkamma virocamānāya pabhāya samannāgatadāṭho bhavissati.
ปหูตชิโวฺหติ ปุถุลชิโวฺหฯ อเญฺญสํ ชิวฺหา ถูลาปิ โหนฺติ กิสาปิ รสฺสาปิ ถทฺธาปิ วิสมาปิ, มหาปุริสสฺส ปน ชิวฺหา มุทุ ทีฆา ปุถุลา วณฺณสมฺปนฺนา โหติฯ โส หิ เอตํ ลกฺขณํ ปริเยสิตุํ อาคตานํ กงฺขาวิโนทนตฺถํ มุทุกตฺตา ตํ ชิวฺหํ กถินสูจิํ วิย วเฎฺฎตฺวา อุโภ นาสิกโสตานิ ปรามสติ, ทีฆตฺตา อุโภ กณฺณโสตานิ ปรามสติ , ปุถุลตฺตา เกสนฺตปริโยสานํ เกวลมฺปิ นลาฎํ ปฎิจฺฉาเทติฯ เอวมสฺส มุทุทีฆปุถุลภาวํ ปกาเสโนฺต เตสํ กงฺขํ วิโนเทติฯ เอวํ ติลกฺขณสมฺปนฺนํ ชิวฺหํ สนฺธาย ‘‘ปหูตชิโวฺห’’ติ วุตฺตํฯ
Pahūtajivhoti puthulajivho. Aññesaṃ jivhā thūlāpi honti kisāpi rassāpi thaddhāpi visamāpi, mahāpurisassa pana jivhā mudu dīghā puthulā vaṇṇasampannā hoti. So hi etaṃ lakkhaṇaṃ pariyesituṃ āgatānaṃ kaṅkhāvinodanatthaṃ mudukattā taṃ jivhaṃ kathinasūciṃ viya vaṭṭetvā ubho nāsikasotāni parāmasati, dīghattā ubho kaṇṇasotāni parāmasati , puthulattā kesantapariyosānaṃ kevalampi nalāṭaṃ paṭicchādeti. Evamassa mududīghaputhulabhāvaṃ pakāsento tesaṃ kaṅkhaṃ vinodeti. Evaṃ tilakkhaṇasampannaṃ jivhaṃ sandhāya ‘‘pahūtajivho’’ti vuttaṃ.
พฺรหฺมสฺสโรติ อเญฺญ ฉินฺนสฺสราปิ ภินฺนสฺสราปิ กากสฺสราปิ โหนฺติ, อยํ ปน มหาพฺรหฺมุโน สรสทิเสน สเรน สมนฺนาคโต ภวิสฺสติ, มหาพฺรหฺมุโน หิ ปิตฺตเสเมฺหหิ อปลิพุทฺธตฺตา สโร วิสโท โหติฯ มหาปุริเสนาปิ กตกมฺมํ ตสฺส วตฺถุํ โสเธติฯ วตฺถุโน สุทฺธตฺตา นาภิโต ปฎฺฐาย สมุฎฺฐหโนฺต สโร วิสโท อฎฺฐงฺคสมนฺนาคโตว สมุฎฺฐาติฯ กรวีโก วิย ภณตีติ กรวีกภาณี, มตฺตกรวีกรุตมญฺชุโฆโสติ อโตฺถฯ
Brahmassaroti aññe chinnassarāpi bhinnassarāpi kākassarāpi honti, ayaṃ pana mahābrahmuno sarasadisena sarena samannāgato bhavissati, mahābrahmuno hi pittasemhehi apalibuddhattā saro visado hoti. Mahāpurisenāpi katakammaṃ tassa vatthuṃ sodheti. Vatthuno suddhattā nābhito paṭṭhāya samuṭṭhahanto saro visado aṭṭhaṅgasamannāgatova samuṭṭhāti. Karavīko viya bhaṇatīti karavīkabhāṇī, mattakaravīkarutamañjughosoti attho.
อภินีลเนโตฺตติ น สกลนีลเนโตฺต, นีลยุตฺตฎฺฐาเน ปนสฺส อุมาปุปฺผสทิเสน อติวิสุเทฺธน นีลวเณฺณน สมนฺนาคตานิ เนตฺตานิ โหนฺติ, ปีตยุตฺตฎฺฐาเน กณิการปุปฺผสทิเสน ปีตวเณฺณน, โลหิตยุตฺตฎฺฐาเน พนฺธุชีวกปุปฺผสทิเสน โลหิตวเณฺณน, เสตยุตฺตฎฺฐาเน โอสธิตารกสทิเสน เสตวเณฺณน, กาฬยุตฺตฎฺฐาเน อทฺทาริฎฺฐกสทิเสน กาฬวเณฺณน สมนฺนาคตานิฯ สุวณฺณวิมาเน อุคฺฆาฎิตมณิสีหปญฺชรสทิสานิ ขายนฺติฯ
Abhinīlanettoti na sakalanīlanetto, nīlayuttaṭṭhāne panassa umāpupphasadisena ativisuddhena nīlavaṇṇena samannāgatāni nettāni honti, pītayuttaṭṭhāne kaṇikārapupphasadisena pītavaṇṇena, lohitayuttaṭṭhāne bandhujīvakapupphasadisena lohitavaṇṇena, setayuttaṭṭhāne osadhitārakasadisena setavaṇṇena, kāḷayuttaṭṭhāne addāriṭṭhakasadisena kāḷavaṇṇena samannāgatāni. Suvaṇṇavimāne ugghāṭitamaṇisīhapañjarasadisāni khāyanti.
โคปขุโมติ เอตฺถ ปขุมนฺติ สกลจกฺขุภณฺฑํ อธิเปฺปตํ, ตํ กาฬวจฺฉกสฺส พหลธาตุกํ โหติ, รตฺตวจฺฉกสฺส วิปฺปสนฺนํ, ตํมุหุตฺตชาตตรุณรตฺตวจฺฉกสทิสจกฺขุภโณฺฑติ อโตฺถฯ อเญฺญสญฺหิ จกฺขุภณฺฑา อปริปุณฺณา โหนฺติ, หตฺถิมูสิกาทีนํ อกฺขิสทิเสหิ วินิคฺคเตหิปิ คมฺภีเรหิปิ อกฺขีหิ สมนฺนาคตา โหนฺติฯ มหาปุริสสฺส ปน โธวิตฺวา มชฺชิตฺวา ฐปิตมณิคุฬิกา วิย มุทุสินิทฺธนีลสุขุมปขุมาจิตานิ อกฺขีนิฯ
Gopakhumoti ettha pakhumanti sakalacakkhubhaṇḍaṃ adhippetaṃ, taṃ kāḷavacchakassa bahaladhātukaṃ hoti, rattavacchakassa vippasannaṃ, taṃmuhuttajātataruṇarattavacchakasadisacakkhubhaṇḍoti attho. Aññesañhi cakkhubhaṇḍā aparipuṇṇā honti, hatthimūsikādīnaṃ akkhisadisehi viniggatehipi gambhīrehipi akkhīhi samannāgatā honti. Mahāpurisassa pana dhovitvā majjitvā ṭhapitamaṇiguḷikā viya mudusiniddhanīlasukhumapakhumācitāni akkhīni.
อุณฺณาติ อุณฺณโลมํฯ ภมุกนฺตเรติ ทฺวินฺนํ ภมุกานํ เวมเชฺฌ นาสิกมตฺถเกเยว ชาตา, อุคฺคนฺตฺวา ปน นลาฎเวมเชฺฌ ชาตาฯ โอทาตาติ ปริสุทฺธา, โอสธิตารกสมานวณฺณาฯ มุทูติ สปฺปิมเณฺฑ โอสาเรตฺวา ฐปิตสตวารวิหตกปฺปาสปฎลสทิสาฯ ตูลสนฺนิภาติ สิมฺพลิตูลลตาตูลสมานา, อยมสฺส โอทาตตาย อุปมาฯ สา ปเนสา โกฎิยํ คเหตฺวา อากฑฺฒิยมานา อุปฑฺฒพาหุปฺปมาณา โหติ, วิสฺสฎฺฐา ทกฺขิณาวฎฺฎวเสน อาวฎฺฎิตฺวา อุทฺธคฺคา หุตฺวา สนฺติฎฺฐติฯ สุวณฺณผลกมเชฺฌ ฐปิตรชตปุพฺพุฬกํ วิย, สุวณฺณฆฎโต นิกฺขมมานา ขีรธารา วิย, อรุณปฺปภารญฺชิเต คคนปฺปเทเส โอสธิตารกา วิย จ อติมโนหราย สิริยา วิโรจติฯ
Uṇṇāti uṇṇalomaṃ. Bhamukantareti dvinnaṃ bhamukānaṃ vemajjhe nāsikamatthakeyeva jātā, uggantvā pana nalāṭavemajjhe jātā. Odātāti parisuddhā, osadhitārakasamānavaṇṇā. Mudūti sappimaṇḍe osāretvā ṭhapitasatavāravihatakappāsapaṭalasadisā. Tūlasannibhāti simbalitūlalatātūlasamānā, ayamassa odātatāya upamā. Sā panesā koṭiyaṃ gahetvā ākaḍḍhiyamānā upaḍḍhabāhuppamāṇā hoti, vissaṭṭhā dakkhiṇāvaṭṭavasena āvaṭṭitvā uddhaggā hutvā santiṭṭhati. Suvaṇṇaphalakamajjhe ṭhapitarajatapubbuḷakaṃ viya, suvaṇṇaghaṭato nikkhamamānā khīradhārā viya, aruṇappabhārañjite gaganappadese osadhitārakā viya ca atimanoharāya siriyā virocati.
อุณฺหีสสีโสติ อิทํ ปริปุณฺณนลาฎตญฺจ ปริปุณฺณสีสตํ จาติ เทฺว อตฺถวเส ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ มหาปุริสสฺส หิ ทกฺขิณกณฺณจูฬิกโต ปฎฺฐาย มํสปฎลํ อุฎฺฐหิตฺวา สกลนลาฎํ ฉาทยมานํ ปูรยมานํ คนฺตฺวา วามกณฺณจูฬิกายํ ปติฎฺฐิตํ, ตํ รโญฺญ พนฺธอุณฺหีสปโฎฺฎ วิย วิโรจติฯ มหาปุริสสฺส กิร อิมํ ลกฺขณํ ทิสฺวา ราชูนํ อุณฺหีสปฎฺฎํ อกํสุฯ อยํ ตาว เอโก อโตฺถฯ อเญฺญ ปน ชนา อปริปุณฺณสีสา โหนฺติ, เกจิ กปิสีสา, เกจิ ผลสีสา, เกจิ อฎฺฐิสีสา, เกจิ หตฺถิสีสา, เกจิ ตุมฺพสีสา, เกจิ ปพฺภารสีสาฯ มหาปุริสสฺส ปน อารเคฺคน วเฎฺฎตฺวา ฐปิตํ วิย สุปริปุณฺณํ อุทกปุพฺพุฬสทิสํ สีสํ โหติฯ ตตฺถ ปุริมนเย อุณฺหีสเวฐิตสีโส วิยาติ อุณฺหีสสีโสฯ ทุติยนเย อุณฺหีสํ วิย สพฺพตฺถ ปริมณฺฑลสีโสติ อุณฺหีสสีโสฯ
Uṇhīsasīsoti idaṃ paripuṇṇanalāṭatañca paripuṇṇasīsataṃ cāti dve atthavase paṭicca vuttaṃ. Mahāpurisassa hi dakkhiṇakaṇṇacūḷikato paṭṭhāya maṃsapaṭalaṃ uṭṭhahitvā sakalanalāṭaṃ chādayamānaṃ pūrayamānaṃ gantvā vāmakaṇṇacūḷikāyaṃ patiṭṭhitaṃ, taṃ rañño bandhauṇhīsapaṭṭo viya virocati. Mahāpurisassa kira imaṃ lakkhaṇaṃ disvā rājūnaṃ uṇhīsapaṭṭaṃ akaṃsu. Ayaṃ tāva eko attho. Aññe pana janā aparipuṇṇasīsā honti, keci kapisīsā, keci phalasīsā, keci aṭṭhisīsā, keci hatthisīsā, keci tumbasīsā, keci pabbhārasīsā. Mahāpurisassa pana āraggena vaṭṭetvā ṭhapitaṃ viya suparipuṇṇaṃ udakapubbuḷasadisaṃ sīsaṃ hoti. Tattha purimanaye uṇhīsaveṭhitasīso viyāti uṇhīsasīso. Dutiyanaye uṇhīsaṃ viya sabbattha parimaṇḍalasīsoti uṇhīsasīso.
วิปสฺสีสมญฺญาวณฺณนา
Vipassīsamaññāvaṇṇanā
๓๗. สพฺพกาเมหีติ อิทํ ลกฺขณานิ ปริคฺคณฺหาเปตฺวา ปจฺฉา กตํ วิย วุตฺตํ, น ปเนวํ ทฎฺฐพฺพํฯ ปฐมญฺหิ เต เนมิตฺตเก สนฺตเปฺปตฺวา ปจฺฉา ลกฺขณปริคฺคณฺหนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตสฺส วิตฺถาโร คโพฺภกฺกนฺติยํ วุโตฺตเยวฯ ปาเยนฺตีติ ถญฺญํ ปาเยนฺติฯ ตสฺส กิร นิโทฺทเสน มธุเรน ขีเรน สมนฺนาคตา สฎฺฐิ ธาติโย อุปฎฺฐาเปสิ, ตถา เสสาปิ เตสุ เตสุ กเมฺมสุ กุสลา สฎฺฐิสฎฺฐิเยวฯ ตาสํ เปสนการเก สฎฺฐิ ปุริเส, ตสฺส ตสฺส กตากตภาวํ สลฺลกฺขเณ สฎฺฐิ อมเจฺจ อุปฎฺฐาเปสิฯ เอวํ จตฺตาริ สฎฺฐิโย อิตฺถีนํ, เทฺว สฎฺฐิโย ปุริสานนฺติ ฉ สฎฺฐิโย อุปฎฺฐกานํเยว อเหสุํฯ เสตจฺฉตฺตนฺติ ทิพฺพเสตจฺฉตฺตํฯ กุลทตฺติยํ ปน สิริคเพฺภเยว ติฎฺฐติฯ มา นํ สีตํ วาติอาทีสุ มา อภิภวีติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สฺวาสฺสุทนฺติ โส อสฺสุทํฯ อเงฺกเนว องฺกนฺติ อญฺญสฺส พาหุนาว อญฺญสฺส พาหุํฯ อญฺญสฺส จ อํสกูเฎเนว อญฺญสฺส อํสกูฎํฯ ปริหริยตีติ นียติ, สมฺปาปิยตีติ อโตฺถฯ
37.Sabbakāmehīti idaṃ lakkhaṇāni pariggaṇhāpetvā pacchā kataṃ viya vuttaṃ, na panevaṃ daṭṭhabbaṃ. Paṭhamañhi te nemittake santappetvā pacchā lakkhaṇapariggaṇhanaṃ katanti veditabbaṃ. Tassa vitthāro gabbhokkantiyaṃ vuttoyeva. Pāyentīti thaññaṃ pāyenti. Tassa kira niddosena madhurena khīrena samannāgatā saṭṭhi dhātiyo upaṭṭhāpesi, tathā sesāpi tesu tesu kammesu kusalā saṭṭhisaṭṭhiyeva. Tāsaṃ pesanakārake saṭṭhi purise, tassa tassa katākatabhāvaṃ sallakkhaṇe saṭṭhi amacce upaṭṭhāpesi. Evaṃ cattāri saṭṭhiyo itthīnaṃ, dve saṭṭhiyo purisānanti cha saṭṭhiyo upaṭṭhakānaṃyeva ahesuṃ. Setacchattanti dibbasetacchattaṃ. Kuladattiyaṃ pana sirigabbheyeva tiṭṭhati. Mā naṃ sītaṃ vātiādīsu mā abhibhavīti attho veditabbo. Svāssudanti so assudaṃ. Aṅkeneva aṅkanti aññassa bāhunāva aññassa bāhuṃ. Aññassa ca aṃsakūṭeneva aññassa aṃsakūṭaṃ. Parihariyatīti nīyati, sampāpiyatīti attho.
๓๘. มญฺชุสฺสโรติ อขรสฺสโรฯ วคฺคุสฺสโรติ เฉกนิปุณสฺสโรฯ มธุรสฺสโรติ สาตสฺสโรฯ เปมนิยสฺสโรติ เปมชนกสฺสโรฯ ตตฺริทํ กรวีกานํ มธุรสฺสรตาย – กรวีกสกุเณ กิร มธุรรสํ อมฺพปกฺกํ มุขตุณฺฑเกน ปหริตฺวา ปคฺฆริตรสํ ปิวิตฺวา ปเกฺขน ตาลํ ทตฺวา วิกูชมาเน จตุปฺปทา มตฺตา วิย ลฬิตุํ อารภนฺติฯ โคจรปสุตาปิ จตุปฺปทา มุขคตานิ ติณานิ ฉเฑฺฑตฺวา ตํ สทฺทํ สุณนฺติฯ วาฬมิคา ขุทฺทกมิเค อนุพนฺธมานา อุกฺขิตฺตํ ปาทํ อนิกฺขิปิตฺวาว ติฎฺฐนฺติฯ อนุพทฺธมิคา จ มรณภยํ ชหิตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ อากาเส ปกฺขนฺทา ปกฺขิโนปิ ปเกฺข ปสาเรตฺวา ตํ สทฺทํ สุณมานาว ติฎฺฐนฺติฯ อุทเก มจฺฉาปิ กณฺณปฎลํ ปโปฺผเฎตฺวา ตํ สทฺทํ สุณมานาว ติฎฺฐนฺติฯ เอวํ มธุรสฺสรา กรวีกาฯ
38.Mañjussaroti akharassaro. Vaggussaroti chekanipuṇassaro. Madhurassaroti sātassaro. Pemaniyassaroti pemajanakassaro. Tatridaṃ karavīkānaṃ madhurassaratāya – karavīkasakuṇe kira madhurarasaṃ ambapakkaṃ mukhatuṇḍakena paharitvā paggharitarasaṃ pivitvā pakkhena tālaṃ datvā vikūjamāne catuppadā mattā viya laḷituṃ ārabhanti. Gocarapasutāpi catuppadā mukhagatāni tiṇāni chaḍḍetvā taṃ saddaṃ suṇanti. Vāḷamigā khuddakamige anubandhamānā ukkhittaṃ pādaṃ anikkhipitvāva tiṭṭhanti. Anubaddhamigā ca maraṇabhayaṃ jahitvā tiṭṭhanti. Ākāse pakkhandā pakkhinopi pakkhe pasāretvā taṃ saddaṃ suṇamānāva tiṭṭhanti. Udake macchāpi kaṇṇapaṭalaṃ papphoṭetvā taṃ saddaṃ suṇamānāva tiṭṭhanti. Evaṃ madhurassarā karavīkā.
อสนฺธิมิตฺตาปิ ธมฺมาโสกสฺส เทวี – ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภเนฺต, พุทฺธสฺสเรน สทิโส กสฺสจิ สโร’’ติ สงฺฆํ ปุจฺฉิฯ อตฺถิ กรวีกสกุณสฺสาติฯ กุหิํ, ภเนฺต, เต สกุณาติ? หิมวเนฺตติฯ สา ราชานํ อาห – ‘‘เทว, อหํ กรวีกสกุณํ ปสฺสิตุกามามฺหี’’ติฯ ราชา – ‘‘อิมสฺมิํ ปญฺชเร นิสีทิตฺวา กรวีโก อาคจฺฉตู’’ติ สุวณฺณปญฺชรํ วิสฺสเชฺชสิฯ ปญฺชโร คนฺตฺวา เอกสฺส กรวีกสฺส ปุรโต อฎฺฐาสิฯ โส – ‘‘ราชาณาย อาคโต ปญฺชโร, น สกฺกา น คนฺตุ’’นฺติ ตตฺถ นิสีทิฯ ปญฺชโร อาคนฺตฺวา รโญฺญ ปุรโต อฎฺฐาสิฯ น กรวีกสทฺทํ การาเปตุํ สโกฺกนฺติฯ อถ ราชา – ‘‘กถํ, ภเณ, อิเม สทฺทํ น กโรนฺตี’’ติ อาหฯ ญาตเก อทิสฺวา เทวาติฯ อถ นํ ราชา อาทาเสหิ ปริกฺขิปาเปสิฯ โส อตฺตโน ฉายํ ทิสฺวา – ‘‘ญาตกา เม อาคตา’’ติ มญฺญมาโน ปเกฺขน ตาลํ ทตฺวา มธุรสฺสเรน มณิวํสํ ธมมาโน วิย วิรวิฯ สกลนคเร มนุสฺสา มตฺตา วิย ลฬิํสุฯ อสนฺธิมิตฺตา จิเนฺตสิ – ‘‘อิมสฺส ตาว ติรจฺฉานคตสฺส เอวํ มธุโร สโทฺท, กีทิโส นุ โข สพฺพญฺญุตญฺญาณสิริปตฺตสฺส ภควโต สโทฺท อโหสี’’ติ ปีติํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ปีติํ อวิชหิตฺวา สตฺตหิ ชงฺฆสเตหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสิฯ เอวํ มธุโร กิร กรวีกสโทฺทติฯ ตโต ปน สตภาเคน สหสฺสภาเคน จ มธุรตโร วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส สโทฺท อโหสีติ เวทิตโพฺพฯ
Asandhimittāpi dhammāsokassa devī – ‘‘atthi nu kho, bhante, buddhassarena sadiso kassaci saro’’ti saṅghaṃ pucchi. Atthi karavīkasakuṇassāti. Kuhiṃ, bhante, te sakuṇāti? Himavanteti. Sā rājānaṃ āha – ‘‘deva, ahaṃ karavīkasakuṇaṃ passitukāmāmhī’’ti. Rājā – ‘‘imasmiṃ pañjare nisīditvā karavīko āgacchatū’’ti suvaṇṇapañjaraṃ vissajjesi. Pañjaro gantvā ekassa karavīkassa purato aṭṭhāsi. So – ‘‘rājāṇāya āgato pañjaro, na sakkā na gantu’’nti tattha nisīdi. Pañjaro āgantvā rañño purato aṭṭhāsi. Na karavīkasaddaṃ kārāpetuṃ sakkonti. Atha rājā – ‘‘kathaṃ, bhaṇe, ime saddaṃ na karontī’’ti āha. Ñātake adisvā devāti. Atha naṃ rājā ādāsehi parikkhipāpesi. So attano chāyaṃ disvā – ‘‘ñātakā me āgatā’’ti maññamāno pakkhena tālaṃ datvā madhurassarena maṇivaṃsaṃ dhamamāno viya viravi. Sakalanagare manussā mattā viya laḷiṃsu. Asandhimittā cintesi – ‘‘imassa tāva tiracchānagatassa evaṃ madhuro saddo, kīdiso nu kho sabbaññutaññāṇasiripattassa bhagavato saddo ahosī’’ti pītiṃ uppādetvā taṃ pītiṃ avijahitvā sattahi jaṅghasatehi saddhiṃ sotāpattiphale patiṭṭhāsi. Evaṃ madhuro kira karavīkasaddoti. Tato pana satabhāgena sahassabhāgena ca madhurataro vipassissa kumārassa saddo ahosīti veditabbo.
๓๙. กมฺมวิปากชนฺติ น ภาวนามยํ, กมฺมวิปากวเสน ปน เทวตานํ จกฺขุสทิสเมว มํสจกฺขุ อโหสิ , เยน นิมิตฺตํ กตฺวา ติลวาเห ปกฺขิตฺตํ เอกติลมฺปิ อยํ โสติ อุทฺธริตฺวา ทาตุํ สโกฺกติฯ
39.Kammavipākajanti na bhāvanāmayaṃ, kammavipākavasena pana devatānaṃ cakkhusadisameva maṃsacakkhu ahosi , yena nimittaṃ katvā tilavāhe pakkhittaṃ ekatilampi ayaṃ soti uddharitvā dātuṃ sakkoti.
๔๐. วิปสฺสีติ เอตฺถ อยํ วจนโตฺถ, อนฺตรนฺตรา นิมีลชนิตนฺธการวิรเหน วิสุทฺธํ ปสฺสติ, วิวเฎหิ จ อกฺขีหิ ปสฺสตีติ วิปสฺสี; ทุติยวาเร วิเจยฺย วิเจยฺย ปสฺสตีติ วิปสฺสี; วิจินิตฺวา วิจินิตฺวา ปสฺสตีติ อโตฺถฯ
40.Vipassīti ettha ayaṃ vacanattho, antarantarā nimīlajanitandhakāravirahena visuddhaṃ passati, vivaṭehi ca akkhīhi passatīti vipassī; dutiyavāre viceyya viceyya passatīti vipassī; vicinitvā vicinitvā passatīti attho.
อเตฺถ ปนายตีติ อเตฺถ ชานาติ ปสฺสติ, นยติ วา ปวเตฺตตีติ อโตฺถฯ เอกทิวสํ กิร วินิจฺฉยฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา อเตฺถ อนุสาสนฺตสฺส รโญฺญ อลงฺกตปฎิยตฺตํ มหาปุริสํ อาเนตฺวา หเตฺถ ฐปยิํสุฯ ตสฺส ตํ อเงฺกกตฺวา อุปลาฬยมานเสฺสว อมจฺจา สามิกํ อสฺสามิกํ อกํสุฯ โพธิสโตฺต อนตฺตมนสทฺทํ นิจฺฉาเรสิฯ ราชา – ‘‘กิเมตํ, อุปธาเรถา’’ติ อาหฯ อุปธาริยมานา อญฺญํ อทิสฺวา – ‘‘อฑฺฑสฺส ทุพฺพินิจฺฉิตตฺตา เอวํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ ปุน สามิกํเยว สามิกํ กตฺวา ‘‘ญตฺวา นุ โข กุมาโร เอวํ กโรตี’’ติ วีมํสนฺตา ปุน สามิกํ อสฺสามิกํ อกํสุฯ ปุนปิ โพธิสโตฺต ตเถว สทฺทํ นิจฺฉาเรสิฯ อถ ราชา – ‘‘ชานาติ มหาปุริโส’’ติ ตโต ปฎฺฐาย อปฺปมโตฺต อโหสิฯ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘วิเจยฺย วิเจยฺย กุมาโร อเตฺถ ปนายตี’’ติฯ
Atthe panāyatīti atthe jānāti passati, nayati vā pavattetīti attho. Ekadivasaṃ kira vinicchayaṭṭhāne nisīditvā atthe anusāsantassa rañño alaṅkatapaṭiyattaṃ mahāpurisaṃ ānetvā hatthe ṭhapayiṃsu. Tassa taṃ aṅkekatvā upalāḷayamānasseva amaccā sāmikaṃ assāmikaṃ akaṃsu. Bodhisatto anattamanasaddaṃ nicchāresi. Rājā – ‘‘kimetaṃ, upadhārethā’’ti āha. Upadhāriyamānā aññaṃ adisvā – ‘‘aḍḍassa dubbinicchitattā evaṃ kataṃ bhavissatī’’ti puna sāmikaṃyeva sāmikaṃ katvā ‘‘ñatvā nu kho kumāro evaṃ karotī’’ti vīmaṃsantā puna sāmikaṃ assāmikaṃ akaṃsu. Punapi bodhisatto tatheva saddaṃ nicchāresi. Atha rājā – ‘‘jānāti mahāpuriso’’ti tato paṭṭhāya appamatto ahosi. Idaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘viceyya viceyya kumāro atthe panāyatī’’ti.
๔๒. วสฺสิกนฺติอาทีสุ ยตฺถ สุขํ โหติ วสฺสกาเล วสิตุํ, อยํ วสฺสิโกฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปเนตฺถ วจนโตฺถ วสฺสาวาโส วสฺสํ, วสฺสํ อรหตีติ วสฺสิโกฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ
42.Vassikantiādīsu yattha sukhaṃ hoti vassakāle vasituṃ, ayaṃ vassiko. Itaresupi eseva nayo. Ayaṃ panettha vacanattho vassāvāso vassaṃ, vassaṃ arahatīti vassiko. Itaresupi eseva nayo.
ตตฺถ วสฺสิโก ปาสาโท นาติอุโจฺจ โหติ, นาตินีโจ, ทฺวารวาตปานานิปิสฺส นาติพหูนิ นาติตนูนิ, ภูมตฺถรณปจฺจตฺถรณขชฺชโภชฺชานิเปตฺถ มิสฺสกาเนว วฎฺฎนฺติฯ เหมนฺติเก ถมฺภาปิ ภิตฺติโยปิ นีจา โหนฺติ, ทฺวารวาตปานานิ ตนุกานิ สุขุมจฺฉิทฺทานิ, อุณฺหปฺปเวสนตฺถาย ภิตฺตินิยูหานิ นีหริยนฺติฯ ภูมตฺถรณปจฺจตฺถรณนิวาสนปารุปนานิ ปเนตฺถ อุณฺหวิริยานิ กมฺพลาทีนิ วฎฺฎนฺติฯ ขชฺชโภชฺชํ สินิทฺธํ กฎุกสนฺนิสฺสิตํ นิรุทกสนฺนิสฺสิตญฺจฯ คิมฺหิเก ถมฺภาปิ ภิตฺติโยปิ อุจฺจา โหนฺติ, ทฺวารวาตปานานิ ปเนตฺถ พหูนิ วิปุลชาตานิ โหนฺติ, ภูมตฺถรณาทีนิ ทุกูลมยานิ วฎฺฎนฺติฯ ขชฺชโภชฺชานิ มธุรสสนฺนิสฺสิตภริตานิฯ วาตปานสมีเปสุ เจตฺถ นว จาฎิโย ฐเปตฺวา อุทกสฺส ปูเรตฺวา นีลุปฺปลาทีหิ สญฺฉาเทนฺติฯ เตสุ เตสุ ปเทเสสุ อุทกยนฺตานิ กโรนฺติ, เยหิ เทเว วสฺสเนฺต วิย อุทกธารา นิกฺขมนฺติฯ
Tattha vassiko pāsādo nātiucco hoti, nātinīco, dvāravātapānānipissa nātibahūni nātitanūni, bhūmattharaṇapaccattharaṇakhajjabhojjānipettha missakāneva vaṭṭanti. Hemantike thambhāpi bhittiyopi nīcā honti, dvāravātapānāni tanukāni sukhumacchiddāni, uṇhappavesanatthāya bhittiniyūhāni nīhariyanti. Bhūmattharaṇapaccattharaṇanivāsanapārupanāni panettha uṇhaviriyāni kambalādīni vaṭṭanti. Khajjabhojjaṃ siniddhaṃ kaṭukasannissitaṃ nirudakasannissitañca. Gimhike thambhāpi bhittiyopi uccā honti, dvāravātapānāni panettha bahūni vipulajātāni honti, bhūmattharaṇādīni dukūlamayāni vaṭṭanti. Khajjabhojjāni madhurasasannissitabharitāni. Vātapānasamīpesu cettha nava cāṭiyo ṭhapetvā udakassa pūretvā nīluppalādīhi sañchādenti. Tesu tesu padesesu udakayantāni karonti, yehi deve vassante viya udakadhārā nikkhamanti.
นิปฺปุริเสหีติ ปุริสวิรหิเตหิฯ น เกวลเญฺจตฺถ ตูริยาเนว นิปฺปุริสานิ, สพฺพฎฺฐานานิปิ นิปฺปุริสาเนว, โทวาริกาปิ อิตฺถิโยว, นหาปนาทิปริกมฺมกราปิ อิตฺถิโยวฯ ราชา กิร – ‘‘ตถารูปํ อิสฺสริยสุขสมฺปตฺติํ อนุภวมานสฺส ปุริสํ ทิสฺวา ปุริสาสงฺกา อุปฺปชฺชติ, สา เม ปุตฺตสฺส มา อโหสี’’ติ สพฺพกิเจฺจสุ อิตฺถิโยว ฐเปสีติฯ
Nippurisehīti purisavirahitehi. Na kevalañcettha tūriyāneva nippurisāni, sabbaṭṭhānānipi nippurisāneva, dovārikāpi itthiyova, nahāpanādiparikammakarāpi itthiyova. Rājā kira – ‘‘tathārūpaṃ issariyasukhasampattiṃ anubhavamānassa purisaṃ disvā purisāsaṅkā uppajjati, sā me puttassa mā ahosī’’ti sabbakiccesu itthiyova ṭhapesīti.
ปฐมภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ชิณฺณปุริสวณฺณนา
Jiṇṇapurisavaṇṇanā
๔๓. ทุติยภาณวาเร โคปานสิวงฺกนฺติ โคปานสี วิย วงฺกํฯ โภคฺคนฺติ ขเนฺธ, กฎิยํ, ชาณูสูติ ตีสุ ฐาเนสุ โภคฺควงฺกํฯ ทณฺฑปรายนนฺติ ทณฺฑคติกํ ทณฺฑปฎิสรณํฯ อาตุรนฺติ ชราตุรํฯ คตโยพฺพนนฺติ อติกฺกนฺตโยพฺพนํ ปจฺฉิมวเย ฐิตํฯ ทิสฺวาติ อฑฺฒโยชนปฺปมาเณน พลกาเยน ปริวุโต สุสํวิหิตารโกฺขปิ คจฺฉโนฺต ยทา รโถ ปุรโต โหติ, ปจฺฉา พลกาโย, ตาทิเส โอกาเส สุทฺธาวาสขีณาสวพฺรเหฺมหิ อตฺตโน อานุภาเวน รถสฺส ปุรโตว ทสฺสิตํ, ตํ ปุริสํ ปสฺสิตฺวาฯ สุทฺธาวาสา กิร – ‘‘มหาปุริโส ปเงฺก คโช วิย ปญฺจสุ กามคุเณสุ ลโคฺค, สติมสฺส อุปฺปาเทสฺสามา’’ติ ตํ ทเสฺสสุํฯ เอวํ ทสฺสิตญฺจ ตํ โพธิสโตฺต เจว ปสฺสติ สารถิ จฯ พฺรหฺมาโน หิ โพธิสตฺตสฺส อปฺปมาทตฺถํ สารถิสฺส จ กถาสลฺลาปตฺถํ ตํ ทเสฺสสุํฯ กิํ ปเนโสติ ‘‘เอโส ชิโณฺณติ กิํ วุตฺตํ โหติ, นาหํ, โภ อิโต ปุเพฺพ เอวรูปํ อทฺทส’’นฺติ ปุจฺฉิฯ
43. Dutiyabhāṇavāre gopānasivaṅkanti gopānasī viya vaṅkaṃ. Bhogganti khandhe, kaṭiyaṃ, jāṇūsūti tīsu ṭhānesu bhoggavaṅkaṃ. Daṇḍaparāyananti daṇḍagatikaṃ daṇḍapaṭisaraṇaṃ. Āturanti jarāturaṃ. Gatayobbananti atikkantayobbanaṃ pacchimavaye ṭhitaṃ. Disvāti aḍḍhayojanappamāṇena balakāyena parivuto susaṃvihitārakkhopi gacchanto yadā ratho purato hoti, pacchā balakāyo, tādise okāse suddhāvāsakhīṇāsavabrahmehi attano ānubhāvena rathassa puratova dassitaṃ, taṃ purisaṃ passitvā. Suddhāvāsā kira – ‘‘mahāpuriso paṅke gajo viya pañcasu kāmaguṇesu laggo, satimassa uppādessāmā’’ti taṃ dassesuṃ. Evaṃ dassitañca taṃ bodhisatto ceva passati sārathi ca. Brahmāno hi bodhisattassa appamādatthaṃ sārathissa ca kathāsallāpatthaṃ taṃ dassesuṃ. Kiṃ panesoti ‘‘eso jiṇṇoti kiṃ vuttaṃ hoti, nāhaṃ, bho ito pubbe evarūpaṃ addasa’’nti pucchi.
เตน หีติ ยทิ มยฺหมฺปิ เอวรูเปหิ เกเสหิ เอวรูเปน จ กาเยน ภวิตพฺพํ, เตน หิ สมฺม สารถิฯ อลํ ทานชฺช อุยฺยานภูมิยาติ – ‘‘อชฺช อุยฺยานภูมิํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ คจฺฉาม, อลํ ตาย อุยฺยานภูมิยาติ สํวิคฺคหทโย สํเวคานุรูปมาหฯ อเนฺตปุรํ คโตติ อิตฺถิชนํ วิสฺสเชฺชตฺวา สิริคเพฺภ เอกโกว นิสิโนฺนฯ ยตฺร หิ นามาติ ยาย ชาติยา สติ ชรา ปญฺญายติ, สา ชาติ ธิรตฺถุ ธิกฺกตา อตฺถุ, ชิคุจฺฉาเมตํ ชาตินฺติ, ชาติยา มูลํ ขณโนฺต นิสีทิ, ปฐเมน สเลฺลน หทเย วิโทฺธ วิยฯ
Tenahīti yadi mayhampi evarūpehi kesehi evarūpena ca kāyena bhavitabbaṃ, tena hi samma sārathi. Alaṃ dānajja uyyānabhūmiyāti – ‘‘ajja uyyānabhūmiṃ passissāmā’’ti gacchāma, alaṃ tāya uyyānabhūmiyāti saṃviggahadayo saṃvegānurūpamāha. Antepuraṃ gatoti itthijanaṃ vissajjetvā sirigabbhe ekakova nisinno. Yatra hi nāmāti yāya jātiyā sati jarā paññāyati, sā jāti dhiratthu dhikkatā atthu, jigucchāmetaṃ jātinti, jātiyā mūlaṃ khaṇanto nisīdi, paṭhamena sallena hadaye viddho viya.
๔๕. สารถิํ อามนฺตาเปตฺวาติ ราชา กิร เนมิตฺตเกหิ กถิตกาลโต ปฎฺฐาย โอหิตโสโต วิจรติ, โส ‘‘กุมาโร อุยฺยานํ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค นิวโตฺต’’ติ สุตฺวา สารถิํ อามนฺตาเปสิฯ มา เหว โขติอาทีสุ รชฺชํ กาเรตุ, มา ปพฺพชตุ, พฺราหฺมณานํ วจนํ มา สจฺจํ โหตูติ เอวํ จิเนฺตสีติ อโตฺถฯ
45.Sārathiṃ āmantāpetvāti rājā kira nemittakehi kathitakālato paṭṭhāya ohitasoto vicarati, so ‘‘kumāro uyyānaṃ gacchanto antarāmagge nivatto’’ti sutvā sārathiṃ āmantāpesi. Mā heva khotiādīsu rajjaṃ kāretu, mā pabbajatu, brāhmaṇānaṃ vacanaṃ mā saccaṃ hotūti evaṃ cintesīti attho.
พฺยาธิปุริสวณฺณนา
Byādhipurisavaṇṇanā
๔๗. อทฺทส โขติ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว สุทฺธาวาเสหิ ทสฺสิตํ อทฺทสฯ อาพาธิกนฺติ อิริยาปถภญฺชนเกน วิสภาคพาเธน อาพาธิกํฯ ทุกฺขิตนฺติ โรคทุเกฺขน ทุกฺขิตํฯ พาฬฺหคิลานนฺติ อธิมตฺตคิลานํฯ ปลิปนฺนนฺติ นิมุคฺคํฯ ชรา ปญฺญายิสฺสติ พฺยาธิ ปญฺญายิสฺสตีติ อิธาปิ ยาย ชาติยา สติ อิทํ ทฺวยํ ปญฺญายติ, ธิกฺกตา สา ชาติ, อชาตํ เขมนฺติ ชาติยา มูลํ ขณโนฺต นิสีทิ, ทุติเยน สเลฺลน วิโทฺธ วิยฯ
47.Addasa khoti pubbe vuttanayeneva suddhāvāsehi dassitaṃ addasa. Ābādhikanti iriyāpathabhañjanakena visabhāgabādhena ābādhikaṃ. Dukkhitanti rogadukkhena dukkhitaṃ. Bāḷhagilānanti adhimattagilānaṃ. Palipannanti nimuggaṃ. Jarā paññāyissati byādhi paññāyissatīti idhāpi yāya jātiyā sati idaṃ dvayaṃ paññāyati, dhikkatā sā jāti, ajātaṃ khemanti jātiyā mūlaṃ khaṇanto nisīdi, dutiyena sallena viddho viya.
กาลงฺกตปุริสวณฺณนา
Kālaṅkatapurisavaṇṇanā
๕๐. วิลาตนฺติ สิวิกํฯ เปตนฺติ อิโต ปฎิคตํฯ กาลงฺกตนฺติ กตกาลํ, ยตฺตกํ เตน กาลํ ชีวิตพฺพํ, ตํ สพฺพํ กตฺวา นิฎฺฐเปตฺวา มตนฺติ อโตฺถฯ อิมมฺปิสฺส ปุริมนเยเนว พฺรหฺมาโน ทเสฺสสุํฯ ยตฺร หิ นามาติ อิธาปิ ยาย ชาติยา สติ อิทํ ตยํ ปญฺญายติ, ธิกฺกตา สา ชาติ, อชาตํ เขมนฺติ ชาติยา มูลํ ขณโนฺต นิสีทิ, ตติเยน สเลฺลน วิโทฺธ วิยฯ
50.Vilātanti sivikaṃ. Petanti ito paṭigataṃ. Kālaṅkatanti katakālaṃ, yattakaṃ tena kālaṃ jīvitabbaṃ, taṃ sabbaṃ katvā niṭṭhapetvā matanti attho. Imampissa purimanayeneva brahmāno dassesuṃ. Yatra hi nāmāti idhāpi yāya jātiyā sati idaṃ tayaṃ paññāyati, dhikkatā sā jāti, ajātaṃ khemanti jātiyā mūlaṃ khaṇanto nisīdi, tatiyena sallena viddho viya.
ปพฺพชิตวณฺณนา
Pabbajitavaṇṇanā
๕๒. ภณฺฑุนฺติ มุณฺฑํฯ อิมมฺปิสฺส ปุริมนเยเนว พฺรหฺมาโน ทเสฺสสุํฯ สาธุ ธมฺมจริยาติอาทีสุ อยํ เทว ธมฺมจรณภาโว สาธูติ จิเนฺตตฺวา ปพฺพชิโตติ เอวํ เอกเมกสฺส ปทสฺส โยชนา เวทิตพฺพาฯ สพฺพานิ เจตานิ ทสกุสลกมฺมปถเววจนาเนวฯ อวสาเน ปน อวิหิํสาติ กรุณาย ปุพฺพภาโคฯ อนุกมฺปาติ เมตฺตาย ปุพฺพภาโคฯ เตนหีติ อุโยฺยชนเตฺถ นิปาโตฯ ปพฺพชิตํ หิสฺส ทิสฺวา จิตฺตํ ปพฺพชฺชาย นินฺนํ ชาตํฯ อถ เตน สทฺธิํ กเถตุกาโม หุตฺวา สารถิํ อุโยฺยเชโนฺต เตน หีติอาทิมาหฯ
52.Bhaṇḍunti muṇḍaṃ. Imampissa purimanayeneva brahmāno dassesuṃ. Sādhu dhammacariyātiādīsu ayaṃ deva dhammacaraṇabhāvo sādhūti cintetvā pabbajitoti evaṃ ekamekassa padassa yojanā veditabbā. Sabbāni cetāni dasakusalakammapathavevacanāneva. Avasāne pana avihiṃsāti karuṇāya pubbabhāgo. Anukampāti mettāya pubbabhāgo. Tenahīti uyyojanatthe nipāto. Pabbajitaṃ hissa disvā cittaṃ pabbajjāya ninnaṃ jātaṃ. Atha tena saddhiṃ kathetukāmo hutvā sārathiṃ uyyojento tena hītiādimāha.
โพธิสตฺตปพฺพชฺชาวณฺณนา
Bodhisattapabbajjāvaṇṇanā
๕๔. อถ โข, ภิกฺขเวติ – ‘‘ปพฺพชิตสฺส สาธุ ธมฺมจริยา’’ติอาทีนิ จ อญฺญญฺจ พหุํ มหาชนกาเยน รกฺขิยมานสฺส ปุตฺตทารสมฺพาเธ ฆเร วสโต อาทีนวปฎิสํยุตฺตเญฺจว มิคภูเตน เจตสา ยถาสุขํ วเน วสโต ปพฺพชิตสฺส วิเวกานิสํสปฎิสํยุตฺตญฺจ ธมฺมิํ กถํ สุตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา – อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร สารถิํ อามเนฺตสิฯ
54.Athakho, bhikkhaveti – ‘‘pabbajitassa sādhu dhammacariyā’’tiādīni ca aññañca bahuṃ mahājanakāyena rakkhiyamānassa puttadārasambādhe ghare vasato ādīnavapaṭisaṃyuttañceva migabhūtena cetasā yathāsukhaṃ vane vasato pabbajitassa vivekānisaṃsapaṭisaṃyuttañca dhammiṃ kathaṃ sutvā pabbajitukāmo hutvā – atha kho, bhikkhave, vipassī kumāro sārathiṃ āmantesi.
อิมานิ จตฺตาริ ทิสฺวา ปพฺพชิตํ นาม สพฺพโพธิสตฺตานํ วํโสว ตนฺติเยว ปเวณีเยวฯ อเญฺญปิ จ โพธิสตฺตา ยถา อยํ วิปสฺสี กุมาโร, เอวํ จิรสฺสํ จิรสฺสํ ปสฺสนฺติฯ อมฺหากํ ปน โพธิสโตฺต จตฺตาริปิ เอกทิวสํเยว ทิสฺวา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา อโนมานทีตีเร ปพฺพชิโตฯ เตเนว ราชคหํ ปตฺวา ตตฺถ รญฺญา พิมฺพิสาเรน – ‘‘กิมตฺถํ, ปณฺฑิต, ปพฺพชิโตสีติ’’ ปุโฎฺฐ อาห –
Imāni cattāri disvā pabbajitaṃ nāma sabbabodhisattānaṃ vaṃsova tantiyeva paveṇīyeva. Aññepi ca bodhisattā yathā ayaṃ vipassī kumāro, evaṃ cirassaṃ cirassaṃ passanti. Amhākaṃ pana bodhisatto cattāripi ekadivasaṃyeva disvā mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā anomānadītīre pabbajito. Teneva rājagahaṃ patvā tattha raññā bimbisārena – ‘‘kimatthaṃ, paṇḍita, pabbajitosīti’’ puṭṭho āha –
‘‘ชิณฺณญฺจ ทิสฺวา ทุขิตญฺจ พฺยาธิตํ,
‘‘Jiṇṇañca disvā dukhitañca byādhitaṃ,
มตญฺจ ทิสฺวา คตมายุสงฺขยํ;
Matañca disvā gatamāyusaṅkhayaṃ;
กาสายวตฺถํ ปพฺพชิตญฺจ ทิสฺวา,
Kāsāyavatthaṃ pabbajitañca disvā,
ตสฺมา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราชา’’ติฯ
Tasmā ahaṃ pabbajitomhi rājā’’ti.
มหาชนกายอนุปพฺพชฺชาวณฺณนา
Mahājanakāyaanupabbajjāvaṇṇanā
๕๕. สุตฺวาน เตสนฺติ เตสํ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ สุตฺวา เอตทโหสิฯ โอรโกติ อูนโก ลามโกฯ อนุปพฺพชิํสูติ อนุปพฺพชิตานิ ฯ กสฺมา ปเนตฺถ ยถา ปรโต ขณฺฑติสฺสานํ อนุปพฺพชฺชาย – ‘‘พนฺธุมติยา ราชธานิยา นิกฺขมิตฺวา’’ติ วุตฺตํ, เอวํ น วุตฺตนฺติ? นิกฺขมิตฺวา สุตตฺตาฯ เอเต กิร สเพฺพปิ วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส อุปฎฺฐากปริสาว, เต ปาโตว อุปฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา กุมารํ อทิสฺวา ปาตราสตฺถาย คนฺตฺวา ภุตฺตปาตราสา อาคมฺม ‘‘กุหิํ กุมาโร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุยฺยานภูมิํ คโต’’ติ สุตฺวา ‘‘ตเตฺถว นํ ทกฺขิสฺสามา’’ติ นิกฺขมนฺตา นิวตฺตมานํ สารถิํ ทิสฺวา – ‘‘กุมาโร ปพฺพชิโต’’ติ จสฺส วจนํ สุตฺวา สุตฎฺฐาเนเยว สพฺพาภรณานิ โอมุญฺจิตฺวา อนฺตราปณโต กาสาวปีตานิ วตฺถานิ อาหราเปตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา ปพฺพชิํสุฯ อิติ นครโต นิกฺขมิตฺวา พหินคเร สุตตฺตา เอตฺถ – ‘‘พนฺธุมติยา ราชธานิยา นิกฺขมิตฺวา’’ติ น วุตฺตํฯ
55.Sutvāna tesanti tesaṃ caturāsītiyā pāṇasahassānaṃ sutvā etadahosi. Orakoti ūnako lāmako. Anupabbajiṃsūti anupabbajitāni . Kasmā panettha yathā parato khaṇḍatissānaṃ anupabbajjāya – ‘‘bandhumatiyā rājadhāniyā nikkhamitvā’’ti vuttaṃ, evaṃ na vuttanti? Nikkhamitvā sutattā. Ete kira sabbepi vipassissa kumārassa upaṭṭhākaparisāva, te pātova upaṭṭhānaṃ āgantvā kumāraṃ adisvā pātarāsatthāya gantvā bhuttapātarāsā āgamma ‘‘kuhiṃ kumāro’’ti pucchitvā ‘‘uyyānabhūmiṃ gato’’ti sutvā ‘‘tattheva naṃ dakkhissāmā’’ti nikkhamantā nivattamānaṃ sārathiṃ disvā – ‘‘kumāro pabbajito’’ti cassa vacanaṃ sutvā sutaṭṭhāneyeva sabbābharaṇāni omuñcitvā antarāpaṇato kāsāvapītāni vatthāni āharāpetvā kesamassuṃ ohāretvā pabbajiṃsu. Iti nagarato nikkhamitvā bahinagare sutattā ettha – ‘‘bandhumatiyā rājadhāniyā nikkhamitvā’’ti na vuttaṃ.
จาริกํ จรตีติ คตคตฎฺฐาเน มหามณฺฑปํ กตฺวา ทานํ สเชฺชตฺวา อาคมฺม สฺวาตนาย นิมนฺติโต ชนสฺส อายาจิตภิกฺขเมว ปฎิคฺคณฺหโนฺต จตฺตาโร มาเส จาริกํ จริฯ
Cārikaṃcaratīti gatagataṭṭhāne mahāmaṇḍapaṃ katvā dānaṃ sajjetvā āgamma svātanāya nimantito janassa āyācitabhikkhameva paṭiggaṇhanto cattāro māse cārikaṃ cari.
อากิโณฺณติ อิมินา คเณน ปริวุโตฯ อยํ ปน วิตโกฺก โพธิสตฺตสฺส กทา อุปฺปโนฺนติ? เสฺว วิสาขปุณฺณมา ภวิสฺสตีติ จาตุทฺทสีทิวเสฯ ตทา กิร โส – ‘‘ยเถว มํ อิเม ปุเพฺพ คิหิภูตํ ปริวาเรตฺวา จรนฺติ, อิทานิปิ ตเถว, กิํ อิมินา คเณนา’’ติ คณสงฺคณิกาย อุกฺกณฺฐิตฺวา ‘‘อเชฺชว คจฺฉามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ปุน ‘‘อชฺช อเวลา, สเจ อิทานิ คมิสฺสามิ, สเพฺพว อิเม ชานิสฺสนฺติ, เสฺวว คมิสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ ตํ ทิวสญฺจ อุรุเวลคามสทิเส คาเม คามวาสิโน สฺวาตนาย นิมนฺตยิํสุฯ เต จตุราสีติสหสฺสานมฺปิ เตสํ ปพฺพชิตานํ มหาปุริสสฺส จ ปายาสเมว ปฎิยาทยิํสุฯ อถ มหาปุริโส ปุนทิวเส ตสฺมิํเยว คาเม เตหิ ปพฺพชิเตหิ สทฺธิํ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วสนฎฺฐานเมว อคมาสิฯ ตตฺถ เต ปพฺพชิตา มหาปุริสสฺส วตฺตํ ทเสฺสตฺวา อตฺตโน อตฺตโน รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานานิ ปวิฎฺฐาฯ โพธิสโตฺตปิ ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสิโนฺนฯ
Ākiṇṇoti iminā gaṇena parivuto. Ayaṃ pana vitakko bodhisattassa kadā uppannoti? Sve visākhapuṇṇamā bhavissatīti cātuddasīdivase. Tadā kira so – ‘‘yatheva maṃ ime pubbe gihibhūtaṃ parivāretvā caranti, idānipi tatheva, kiṃ iminā gaṇenā’’ti gaṇasaṅgaṇikāya ukkaṇṭhitvā ‘‘ajjeva gacchāmī’’ti cintetvā puna ‘‘ajja avelā, sace idāni gamissāmi, sabbeva ime jānissanti, sveva gamissāmī’’ti cintesi. Taṃ divasañca uruvelagāmasadise gāme gāmavāsino svātanāya nimantayiṃsu. Te caturāsītisahassānampi tesaṃ pabbajitānaṃ mahāpurisassa ca pāyāsameva paṭiyādayiṃsu. Atha mahāpuriso punadivase tasmiṃyeva gāme tehi pabbajitehi saddhiṃ bhattakiccaṃ katvā vasanaṭṭhānameva agamāsi. Tattha te pabbajitā mahāpurisassa vattaṃ dassetvā attano attano rattiṭṭhānadivāṭṭhānāni paviṭṭhā. Bodhisattopi paṇṇasālaṃ pavisitvā nisinno.
‘‘ฐิเต มชฺฌนฺหิเก กาเล, สนฺนิสีเวสุ ปกฺขิสุ;
‘‘Ṭhite majjhanhike kāle, sannisīvesu pakkhisu;
สณเตว พฺรหารญฺญํ, ตํ ภยํ ปฎิภาติ ม’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๕);
Saṇateva brahāraññaṃ, taṃ bhayaṃ paṭibhāti ma’’nti. (saṃ. ni. 1.15);
เอวรูเป อวิเวการามานํ ภยกาเล สพฺพสตฺตานํ สทรถกาเลเยว – ‘‘อยํ กาโล’’ติ นิกฺขมิตฺวา ปณฺณสาลาย ทฺวารํ ปิทหิตฺวา โพธิมณฺฑาภิมุโข ปายาสิฯ อญฺญทาปิ จ ตสฺมิํ ฐาเน วิจรโนฺต โพธิมณฺฑํ ปสฺสติ, นิสีทิตุํ ปนสฺส จิตฺตํ น นมิตปุพฺพํฯ ตํ ทิวสํ ปนสฺส ญาณํ ปริปากคตํ, ตสฺมา อลงฺกตํ โพธิมณฺฑํ ทิสฺวา อาโรหนตฺถาย จิตฺตํ อุปฺปนฺนํฯ โส ทกฺขิณทิสาภาเคน อุปคมฺม ปทกฺขิณํ กตฺวา ปุรตฺถิมทิสาภาเค จุทฺทสหตฺถํ ปลฺลงฺกํ ปญฺญเปตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฎฺฐหิตฺวา – ‘‘ยาว พุโทฺธ น โหมิ, น ตาว อิโต วุฎฺฐหามี’’ติ ปฎิญฺญํ กตฺวา นิสีทิฯ อิทมสฺส วูปกาสํ สนฺธาย – ‘‘เอโกว คณมฺหา วูปกโฎฺฐ วิหาสี’’ติ วุตฺตํฯ
Evarūpe avivekārāmānaṃ bhayakāle sabbasattānaṃ sadarathakāleyeva – ‘‘ayaṃ kālo’’ti nikkhamitvā paṇṇasālāya dvāraṃ pidahitvā bodhimaṇḍābhimukho pāyāsi. Aññadāpi ca tasmiṃ ṭhāne vicaranto bodhimaṇḍaṃ passati, nisīdituṃ panassa cittaṃ na namitapubbaṃ. Taṃ divasaṃ panassa ñāṇaṃ paripākagataṃ, tasmā alaṅkataṃ bodhimaṇḍaṃ disvā ārohanatthāya cittaṃ uppannaṃ. So dakkhiṇadisābhāgena upagamma padakkhiṇaṃ katvā puratthimadisābhāge cuddasahatthaṃ pallaṅkaṃ paññapetvā caturaṅgavīriyaṃ adhiṭṭhahitvā – ‘‘yāva buddho na homi, na tāva ito vuṭṭhahāmī’’ti paṭiññaṃ katvā nisīdi. Idamassa vūpakāsaṃ sandhāya – ‘‘ekova gaṇamhā vūpakaṭṭho vihāsī’’ti vuttaṃ.
อเญฺญเนว ตานีติ เต กิร สายํ โพธิสตฺตสฺส อุปฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ‘‘อติวิกาโล ชาโต, อุปธาเรถา’’ติ วตฺวา ปณฺณสาลํ วิวริตฺวา ตํ อปสฺสนฺตาปิ ‘‘กุหิํ คโต’’ติ นานุพนฺธิํสุ, ‘‘คณวาเส นิพฺพิโนฺน เอโก วิหริตุกาโม มเญฺญ มหาปุริโส, พุทฺธภูตํเยว นํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ วตฺวา อโนฺตชมฺพุทีปาภิมุขา จาริกํ ปกฺกนฺตาฯ
Aññenevatānīti te kira sāyaṃ bodhisattassa upaṭṭhānaṃ āgantvā paṇṇasālaṃ parivāretvā nisinnā ‘‘ativikālo jāto, upadhārethā’’ti vatvā paṇṇasālaṃ vivaritvā taṃ apassantāpi ‘‘kuhiṃ gato’’ti nānubandhiṃsu, ‘‘gaṇavāse nibbinno eko viharitukāmo maññe mahāpuriso, buddhabhūtaṃyeva naṃ passissāmā’’ti vatvā antojambudīpābhimukhā cārikaṃ pakkantā.
โพธิสตฺตอภิเวสวณฺณนา
Bodhisattaabhivesavaṇṇanā
๕๗. วาสูปคตสฺสาติ โพธิมเณฺฑ เอกรตฺติวาสํ อุปคตสฺสฯ รโหคตสฺสาติ รหสิ คตสฺสฯ ปฎิสลฺลีนสฺสาติ เอกีภาววเสน นิลีนสฺสฯ กิจฺฉนฺติ ทุกฺขํฯ จวติ จ อุปปชฺชติ จาติ อิทํ ทฺวยํ ปน อปราปรํ จุติปฎิสนฺธิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ชรามรณสฺสาติ เอตฺถ ยสฺมา ปพฺพชโนฺต ชิณฺณพฺยาธิมเตฺตเยว ทิสฺวา ปพฺพชิโต, ตสฺมาสฺส ชรามรณเมว อุปฎฺฐาติฯ เตเนวาห – ‘‘ชรามรณสฺสา’’ติฯ อิติ ชรามรณํ มูลํ กตฺวา อภินิวิฎฺฐสฺส ภวคฺคโต โอตรนฺตสฺส วิย – อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิฯ
57.Vāsūpagatassāti bodhimaṇḍe ekarattivāsaṃ upagatassa. Rahogatassāti rahasi gatassa. Paṭisallīnassāti ekībhāvavasena nilīnassa. Kicchanti dukkhaṃ. Cavati ca upapajjati cāti idaṃ dvayaṃ pana aparāparaṃ cutipaṭisandhiṃ sandhāya vuttaṃ. Jarāmaraṇassāti ettha yasmā pabbajanto jiṇṇabyādhimatteyeva disvā pabbajito, tasmāssa jarāmaraṇameva upaṭṭhāti. Tenevāha – ‘‘jarāmaraṇassā’’ti. Iti jarāmaraṇaṃ mūlaṃ katvā abhiniviṭṭhassa bhavaggato otarantassa viya – atha kho, bhikkhave, vipassissa bodhisattassa etadahosi.
โยนิโสมนสิการาติ อุปายมนสิการา ปถมนสิการาฯ อนิจฺจาทีนิ หิ อนิจฺจาทิโตว มนสิกโรโต โยนิโสมนสิกาโร นาม โหติฯ อยญฺจ – ‘‘กิสฺมิํ นุ โข สติชาติอาทีนิ โหนฺติ, กิสฺมิํ อสติ น โหนฺตี’’ติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาวเสน ปวตฺตตฺตา เตสํ อญฺญตโร ฯ ตสฺมาสฺส อิโต โยนิโสมนสิการา อิมินา อุปายมนสิกาเรน อหุ ปญฺญาย อภิสมโย, โพธิสตฺตสฺส ปญฺญาย ยสฺมิํ สติ ชรามรณํ โหติ, เตน ชรามรณการเณน สทฺธิํ สมาคโม อโหสิฯ กิํ ปน ตนฺติ? ชาติฯ เตนาห – ‘‘ชาติยา โข สติ ชรามรณํ โหตี’’ติฯ ยา จายํ ชรามรณสฺส การณปริคฺคาหิกา ปญฺญา, ตาย สทฺธิํ โพธิสตฺตสฺส สมาคโม อโหสีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ เอเตนุปาเยน สพฺพปทานิ เวทิตพฺพานิฯ
Yonisomanasikārāti upāyamanasikārā pathamanasikārā. Aniccādīni hi aniccāditova manasikaroto yonisomanasikāro nāma hoti. Ayañca – ‘‘kismiṃ nu kho satijātiādīni honti, kismiṃ asati na hontī’’ti udayabbayānupassanāvasena pavattattā tesaṃ aññataro . Tasmāssa ito yonisomanasikārā iminā upāyamanasikārena ahu paññāya abhisamayo, bodhisattassa paññāya yasmiṃ sati jarāmaraṇaṃ hoti, tena jarāmaraṇakāraṇena saddhiṃ samāgamo ahosi. Kiṃ pana tanti? Jāti. Tenāha – ‘‘jātiyā kho sati jarāmaraṇaṃ hotī’’ti. Yā cāyaṃ jarāmaraṇassa kāraṇapariggāhikā paññā, tāya saddhiṃ bodhisattassa samāgamo ahosīti ayamettha attho. Etenupāyena sabbapadāni veditabbāni.
นามรูเป โข สติ วิญฺญาณนฺติ เอตฺถ ปน สงฺขาเรสุ สติ วิญฺญาณนฺติ จ, อวิชฺชาย สติ สงฺขาราติ จ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ตทุภยมฺปิ น คหิตํฯ กสฺมา? อวิชฺชาสงฺขารา หิ อตีโต ภโว เตหิ สทฺธิํ อยํ วิปสฺสนา น ฆฎิยติฯ มหาปุริโส หิ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อภินิวิโฎฺฐติฯ นนุ จ อวิชฺชาสงฺขาเรหิ อทิเฎฺฐหิ น สกฺกา พุเทฺธน ภวิตุนฺติฯ สจฺจํ น สกฺกา, อิมินา ปน เต ภวอุปาทานตณฺหาวเสเนว ทิฎฺฐาติฯ อิมสฺมิํ ฐาเน วิตฺถารโต ปฎิจฺจสมุปฺปาทกถา กเถตพฺพาฯ สา ปเนสา วิสุทฺธิมเคฺค กถิตาวฯ
Nāmarūpe kho sati viññāṇanti ettha pana saṅkhāresu sati viññāṇanti ca, avijjāya sati saṅkhārāti ca vattabbaṃ bhaveyya, tadubhayampi na gahitaṃ. Kasmā? Avijjāsaṅkhārā hi atīto bhavo tehi saddhiṃ ayaṃ vipassanā na ghaṭiyati. Mahāpuriso hi paccuppannavasena abhiniviṭṭhoti. Nanu ca avijjāsaṅkhārehi adiṭṭhehi na sakkā buddhena bhavitunti. Saccaṃ na sakkā, iminā pana te bhavaupādānataṇhāvaseneva diṭṭhāti. Imasmiṃ ṭhāne vitthārato paṭiccasamuppādakathā kathetabbā. Sā panesā visuddhimagge kathitāva.
๕๘. ปจฺจุทาวตฺตตีติ ปฎินิวตฺตติฯ กตมํ ปเนตฺถ วิญฺญาณํ ปจฺจุทาวตฺตตีติ? ปฎิสนฺธิวิญฺญาณมฺปิ วิปสฺสนาญาณมฺปิฯ ตตฺถ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํ ปจฺจยโต ปฎินิวตฺตติ, วิปสฺสนาญาณํ อารมฺมณโตฯ อุภยมฺปิ นามรูปํ นาติกฺกมติ, นามรูปโต ปรํ น คจฺฉติฯ เอตฺตาวตา ชาเยถ วาติอาทีสุ วิญฺญาเณ นามรูปสฺส ปจฺจเย โหเนฺต, นามรูเป จ วิญฺญาณสฺส ปจฺจเย โหเนฺต, ทฺวีสุปิ อญฺญมญฺญปจฺจเยสุ โหเนฺตสุ เอตฺตเกน ชาเยถ วา…เป.… อุปปเชฺชถ วา, อิโต หิ ปรํ กิํ อญฺญํ ชาเยยฺย วา…เป.… อุปปเชฺชยฺย วาฯ นนุ เอตเทว ชายติ จ…เป.… อุปปชฺชติ จาติ? เอวํ สทฺธิํ อปราปรจุติปฎิสนฺธีหิ ปญฺจ ปทานิ ทเสฺสตฺวา ปุน ตํ เอตฺตาวตาติ วุตฺตมตฺถํ นิยฺยาเตโนฺต – ‘‘ยทิทํ นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ วตฺวา ตโต ปรํ อนุโลมปจฺจยาการวเสน วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปมูลํ อายติมฺปิ ชาติชรามรณํ ทเสฺสตุํ นามรูปปจฺจยา สฬายตนนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตีติ สกลสฺส ชาติชรามรณโสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาทิเภทสฺส ทุกฺขราสิสฺส นิพฺพตฺติ โหติฯ อิติ มหาปุริโส สกลสฺส วฎฺฎทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติํ อทฺทสฯ
58.Paccudāvattatīti paṭinivattati. Katamaṃ panettha viññāṇaṃ paccudāvattatīti? Paṭisandhiviññāṇampi vipassanāñāṇampi. Tattha paṭisandhiviññāṇaṃ paccayato paṭinivattati, vipassanāñāṇaṃ ārammaṇato. Ubhayampi nāmarūpaṃ nātikkamati, nāmarūpato paraṃ na gacchati. Ettāvatā jāyetha vātiādīsu viññāṇe nāmarūpassa paccaye honte, nāmarūpe ca viññāṇassa paccaye honte, dvīsupi aññamaññapaccayesu hontesu ettakena jāyetha vā…pe… upapajjetha vā, ito hi paraṃ kiṃ aññaṃ jāyeyya vā…pe… upapajjeyya vā. Nanu etadeva jāyati ca…pe… upapajjati cāti? Evaṃ saddhiṃ aparāparacutipaṭisandhīhi pañca padāni dassetvā puna taṃ ettāvatāti vuttamatthaṃ niyyātento – ‘‘yadidaṃ nāmarūpapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti vatvā tato paraṃ anulomapaccayākāravasena viññāṇapaccayā nāmarūpamūlaṃ āyatimpi jātijarāmaraṇaṃ dassetuṃ nāmarūpapaccayā saḷāyatanantiādimāha. Tattha kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hotīti sakalassa jātijarāmaraṇasokaparidevadukkhadomanassupāyāsādibhedassa dukkharāsissa nibbatti hoti. Iti mahāpuriso sakalassa vaṭṭadukkhassa nibbattiṃ addasa.
๕๙. สมุทโย สมุทโยติ โขติ นิพฺพตฺติ นิพฺพตฺตีติ โขฯ ปุเพฺพ อนนุสฺสุเตสูติ น อนุสฺสุเตสุ อสฺสุตปุเพฺพสุฯ จกฺขุํ อุทปาทีติอาทีสุ อุทยทสฺสนปญฺญาเวสาฯ ทสฺสนเฎฺฐน จกฺขุ, ญาตกรณเฎฺฐน ญาณํ, ปชานนเฎฺฐน ปญฺญา, นิพฺพิชฺฌิตฺวา ปฎิวิชฺฌิตฺวา อุปฺปนฺนเฎฺฐน วิชฺชา, โอภาสเฎฺฐน จ อาโลโกติ วุตฺตาฯ ยถาห – ‘‘จกฺขุํ อุทปาทีติ ทสฺสนเฎฺฐนฯ ญาณํ อุทปาทีติ ญาตเฎฺฐนฯ ปญฺญา อุทปาทีติ ปชานนเฎฺฐนฯ วิชฺชา อุทปาทีติ ปฎิเวธเฎฺฐนฯ อาโลโก อุทปาทีติ โอภาสเฎฺฐนฯ จกฺขุธโมฺม ทสฺสนโฎฺฐ อโตฺถฯ ญาณธโมฺม ญาตโฎฺฐ อโตฺถฯ ปญฺญาธโมฺม ปชานนโฎฺฐ อโตฺถฯ วิชฺชาธโมฺม ปฎิเวธโฎฺฐ อโตฺถฯ อาโลโก ธโมฺม โอภาสโฎฺฐ อโตฺถ’’ติ (ปฎิ. ม. ๒.๓๙)ฯ เอตฺตเกหิ ปเทหิ กิํ กถิตนฺติ? อิมสฺมิํ สติ อิทํ โหตีติ ปจฺจยสญฺชานนมตฺตํ กถิตํฯ อถวา วีถิปฎิปนฺนา ตรุณวิปสฺสนา กถิตาติฯ
59.Samudayosamudayoti khoti nibbatti nibbattīti kho. Pubbe ananussutesūti na anussutesu assutapubbesu. Cakkhuṃ udapādītiādīsu udayadassanapaññāvesā. Dassanaṭṭhena cakkhu, ñātakaraṇaṭṭhena ñāṇaṃ, pajānanaṭṭhena paññā, nibbijjhitvā paṭivijjhitvā uppannaṭṭhena vijjā, obhāsaṭṭhena ca ālokoti vuttā. Yathāha – ‘‘cakkhuṃ udapādīti dassanaṭṭhena. Ñāṇaṃ udapādīti ñātaṭṭhena. Paññā udapādīti pajānanaṭṭhena. Vijjā udapādīti paṭivedhaṭṭhena. Āloko udapādīti obhāsaṭṭhena. Cakkhudhammo dassanaṭṭho attho. Ñāṇadhammo ñātaṭṭho attho. Paññādhammo pajānanaṭṭho attho. Vijjādhammo paṭivedhaṭṭho attho. Āloko dhammo obhāsaṭṭho attho’’ti (paṭi. ma. 2.39). Ettakehi padehi kiṃ kathitanti? Imasmiṃ sati idaṃ hotīti paccayasañjānanamattaṃ kathitaṃ. Athavā vīthipaṭipannā taruṇavipassanā kathitāti.
๖๑. อธิคโต โข มฺยายนฺติ อธิคโต โข เม อยํฯ มโคฺคติ วิปสฺสนามโคฺคฯ โพธายาติ จตุสจฺจพุชฺฌนตฺถาย, นิพฺพานพุชฺฌนตฺถาย เอว วาฯ อปิ จ พุชฺฌตีติ โพธิ, อริยมคฺคเสฺสตํ นามํ, ตทตฺถายาติปิ วุตฺตํ โหติฯ วิปสฺสนามคฺคมูลโก หิ อริยมโคฺคติฯ อิทานิ ตํ มคฺคํ นิยฺยาเตโนฺต – ‘‘ยทิทํ นามรูปนิโรธาติอาทิมาหฯ เอตฺถ จ วิญฺญาณนิโรโธติอาทีหิ ปจฺจตฺตปเทหิ นิพฺพานเมว กถิตํฯ อิติ มหาปุริโส สกลสฺส วฎฺฎทุกฺขสฺส อนิพฺพตฺตินิโรธํ อทฺทสฯ
61.Adhigato kho myāyanti adhigato kho me ayaṃ. Maggoti vipassanāmaggo. Bodhāyāti catusaccabujjhanatthāya, nibbānabujjhanatthāya eva vā. Api ca bujjhatīti bodhi, ariyamaggassetaṃ nāmaṃ, tadatthāyātipi vuttaṃ hoti. Vipassanāmaggamūlako hi ariyamaggoti. Idāni taṃ maggaṃ niyyātento – ‘‘yadidaṃ nāmarūpanirodhātiādimāha. Ettha ca viññāṇanirodhotiādīhi paccattapadehi nibbānameva kathitaṃ. Iti mahāpuriso sakalassa vaṭṭadukkhassa anibbattinirodhaṃ addasa.
๖๒. นิโรโธ นิโรโธติ โขติ อนิพฺพตฺติ อนิพฺพตฺติติ โขฯ จกฺขุนฺติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ อิธ ปน สเพฺพเหว เอเตหิ ปเทหิ – ‘‘อิมสฺมิํ อสติ อิทํ น โหตี’’ติ นิโรธสญฺชานนมตฺตเมว กถิตํ, อถวา วุฎฺฐานคามินี พลววิปสฺสนา กถิตาติฯ
62.Nirodho nirodhoti khoti anibbatti anibbattiti kho. Cakkhuntiādīni vuttatthāneva. Idha pana sabbeheva etehi padehi – ‘‘imasmiṃ asati idaṃ na hotī’’ti nirodhasañjānanamattameva kathitaṃ, athavā vuṭṭhānagāminī balavavipassanā kathitāti.
๖๓. อปเรน สมเยนาติ เอวํ ปจฺจยญฺจ ปจฺจยนิโรธญฺจ วิทิตฺวา ตโต อปรภาเคฯ อุปาทานกฺขเนฺธสูติ อุปาทานสฺส ปจฺจยภูเตสุ ขเนฺธสุฯ อุทยพฺพยานุปสฺสีติ ตเมว ปฐมํ ทิฎฺฐํ อุทยญฺจ วยญฺจ อนุปสฺสมาโนฯ วิหาสีติ สิขาปตฺตํ วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนํ วหโนฺต วิหริฯ อิทํ กสฺมา วุตฺตํ? สเพฺพเยว หิ ปูริตปารมิโน โพธิสตฺตา ปจฺฉิมภเว ปุตฺตสฺส ชาตทิวเส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปธานมนุยุญฺชิตฺวา โพธิปลฺลงฺกมารุยฺห มารพลํ วิธมิตฺวา ปฐมยาเม ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรนฺติ, ทุติยยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺติ, ตติยยาเม ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานโต อุฎฺฐาย ปญฺจสุ ขเนฺธสุ อภินิวิสิตฺวา อุทยพฺพยวเสน สมปญฺญาส ลกฺขณานิ ทิสฺวา ยาว โคตฺรภุญาณา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อริยมเคฺคน สกเล พุทฺธคุเณ ปฎิวิชฺฌนฺติฯ อยมฺปิ มหาปุริโส ปูริตปารมีฯ โส ยถาวุตฺตํ สพฺพํ อนุกฺกมํ กตฺวา ปจฺฉิมยาเม อานาปานจตุตฺถชฺฌานโต อุฎฺฐาย ปญฺจสุ ขเนฺธสุ อภินิวิสิตฺวา วุตฺตปฺปการํ อุทยพฺพยวิปสฺสนํ อารภิฯ ตํ ทเสฺสตุํ อิทํ วุตฺตํฯ
63.Aparena samayenāti evaṃ paccayañca paccayanirodhañca viditvā tato aparabhāge. Upādānakkhandhesūti upādānassa paccayabhūtesu khandhesu. Udayabbayānupassīti tameva paṭhamaṃ diṭṭhaṃ udayañca vayañca anupassamāno. Vihāsīti sikhāpattaṃ vuṭṭhānagāminivipassanaṃ vahanto vihari. Idaṃ kasmā vuttaṃ? Sabbeyeva hi pūritapāramino bodhisattā pacchimabhave puttassa jātadivase mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā pabbajitvā padhānamanuyuñjitvā bodhipallaṅkamāruyha mārabalaṃ vidhamitvā paṭhamayāme pubbenivāsaṃ anussaranti, dutiyayāme dibbacakkhuṃ visodhenti, tatiyayāme paccayākāraṃ sammasitvā ānāpānacatutthajjhānato uṭṭhāya pañcasu khandhesu abhinivisitvā udayabbayavasena samapaññāsa lakkhaṇāni disvā yāva gotrabhuñāṇā vipassanaṃ vaḍḍhetvā ariyamaggena sakale buddhaguṇe paṭivijjhanti. Ayampi mahāpuriso pūritapāramī. So yathāvuttaṃ sabbaṃ anukkamaṃ katvā pacchimayāme ānāpānacatutthajjhānato uṭṭhāya pañcasu khandhesu abhinivisitvā vuttappakāraṃ udayabbayavipassanaṃ ārabhi. Taṃ dassetuṃ idaṃ vuttaṃ.
ตตฺถ อิติ รูปนฺติ อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, อิโต อุทฺธํ รูปํ นตฺถีติ รุปฺปนสภาวเญฺจว ภูตุปาทายเภทญฺจ อาทิํ กตฺวา ลกฺขณรสปจฺจุปฎฺฐานปทฎฺฐานวเสน อนวเสสรูปปริคฺคโห วุโตฺตฯ อิติ รูปสฺส สมุทโยติ อิมินา เอวํ ปริคฺคหิตสฺส รูปสฺส สมุทยทสฺสนํ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิตีติ เอวํ สมุทโย โหตีติ อโตฺถฯ ตสฺส วิตฺถาโร – ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย, ตณฺหาสมุทยา รูปสมุทโย, กมฺมสมุทยา รูปสมุทโย, อาหารสมุทยา รูปสมุทโยติ, นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสโนฺตปิ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสตี’’ติ เอวํ เวทิตโพฺพฯ อตฺถงฺคเมปิ ‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธ…เป.… วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสโนฺตปิ รูปกฺขนฺธสฺส นิโรธํ ปสฺสตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๕๐) อยมสฺส วิตฺถาโรฯ
Tattha iti rūpanti idaṃ rūpaṃ, ettakaṃ rūpaṃ, ito uddhaṃ rūpaṃ natthīti ruppanasabhāvañceva bhūtupādāyabhedañca ādiṃ katvā lakkhaṇarasapaccupaṭṭhānapadaṭṭhānavasena anavasesarūpapariggaho vutto. Iti rūpassa samudayoti iminā evaṃ pariggahitassa rūpassa samudayadassanaṃ vuttaṃ. Tattha itīti evaṃ samudayo hotīti attho. Tassa vitthāro – ‘‘avijjāsamudayā rūpasamudayo, taṇhāsamudayā rūpasamudayo, kammasamudayā rūpasamudayo, āhārasamudayā rūpasamudayoti, nibbattilakkhaṇaṃ passantopi rūpakkhandhassa udayaṃ passatī’’ti evaṃ veditabbo. Atthaṅgamepi ‘‘avijjānirodhā rūpanirodho…pe… vipariṇāmalakkhaṇaṃ passantopi rūpakkhandhassa nirodhaṃ passatī’’ti (paṭi. ma. 1.50) ayamassa vitthāro.
อิติ เวทนาติอาทีสุปิ อยํ เวทนา, เอตฺตกา เวทนา, อิโต อุทฺธํ เวทนา นตฺถิฯ อยํ สญฺญา, อิเม สงฺขารา, อิทํ วิญฺญาณํ, เอตฺตกํ วิญฺญาณํ, อิโต อุทฺธํ วิญฺญาณํ นตฺถีติ เวทยิตสญฺชานนอภิสงฺขรณวิชานนสภาวเญฺจว สุขาทิรูปสญฺญาทิ ผสฺสาทิ จกฺขุวิญฺญาณาทิ เภทญฺจ อาทิํ กตฺวา ลกฺขณรสปจฺจุปฎฺฐานปทฎฺฐานวเสน อนวเสสเวทนาสญฺญาสงฺขารวิญฺญาณปริคฺคโห วุโตฺตฯ อิติ เวทนาย สมุทโยติอาทีหิ ปน เอวํ ปริคฺคหิตานํ เวทนาสญฺญาสงฺขารวิญฺญาณานํ สมุทยทสฺสนํ วุตฺตํฯ ตตฺราปิ อิตีติ เอวํ สมุทโย โหตีติ อโตฺถฯ เตสมฺปิ วิตฺถาโร – ‘‘อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๕๐) รูเป วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสโส – ตีสุ ขเนฺธสุ ‘‘อาหารสมุทยา’’ติ อวตฺวา ‘‘ผสฺสสมุทยา’’ติ วตฺตพฺพํฯ วิญฺญาณกฺขเนฺธ ‘‘นามรูปสมุทยา’’ติ อตฺถงฺคมปทมฺปิ เตสํเยว วเสน โยเชตพฺพํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน อุทยพฺพยวินิจฺฉโย สพฺพาการปริปูโร วิสุทฺธิมเคฺค วุโตฺตฯ ตสฺส ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสิโน วิหรโตติ ตสฺส วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส อิเมสุ รูปาทีสุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ สมปญฺญาสลกฺขณวเสน อุทยพฺพยานุปสฺสิโน วิหรโต ยถานุกฺกเมน วฑฺฒิเต วิปสฺสนาญาเณ อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุชฺฌมาเนหิ อาสวสงฺขาเตหิ กิเลเสหิ อนุปาทาย อคฺคเหตฺวาว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ตเทตํ มคฺคกฺขเณ วิมุจฺจติ นาม, ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ นาม; มคฺคกฺขเณ วา วิมุตฺตเญฺจว วิมุจฺจติ จ, ผลกฺขเณ วิมุตฺตเมวฯ
Iti vedanātiādīsupi ayaṃ vedanā, ettakā vedanā, ito uddhaṃ vedanā natthi. Ayaṃ saññā, ime saṅkhārā, idaṃ viññāṇaṃ, ettakaṃ viññāṇaṃ, ito uddhaṃ viññāṇaṃ natthīti vedayitasañjānanaabhisaṅkharaṇavijānanasabhāvañceva sukhādirūpasaññādi phassādi cakkhuviññāṇādi bhedañca ādiṃ katvā lakkhaṇarasapaccupaṭṭhānapadaṭṭhānavasena anavasesavedanāsaññāsaṅkhāraviññāṇapariggaho vutto. Iti vedanāya samudayotiādīhi pana evaṃ pariggahitānaṃ vedanāsaññāsaṅkhāraviññāṇānaṃ samudayadassanaṃ vuttaṃ. Tatrāpi itīti evaṃ samudayo hotīti attho. Tesampi vitthāro – ‘‘avijjāsamudayā vedanāsamudayo’’ti (paṭi. ma. 1.50) rūpe vuttanayeneva veditabbo. Ayaṃ pana viseso – tīsu khandhesu ‘‘āhārasamudayā’’ti avatvā ‘‘phassasamudayā’’ti vattabbaṃ. Viññāṇakkhandhe ‘‘nāmarūpasamudayā’’ti atthaṅgamapadampi tesaṃyeva vasena yojetabbaṃ. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana udayabbayavinicchayo sabbākāraparipūro visuddhimagge vutto. Tassa pañcasu upādānakkhandhesu udayabbayānupassino viharatoti tassa vipassissa bodhisattassa imesu rūpādīsu pañcasu upādānakkhandhesu samapaññāsalakkhaṇavasena udayabbayānupassino viharato yathānukkamena vaḍḍhite vipassanāñāṇe anuppādanirodhena nirujjhamānehi āsavasaṅkhātehi kilesehi anupādāya aggahetvāva cittaṃ vimuccati, tadetaṃ maggakkhaṇe vimuccati nāma, phalakkhaṇe vimuttaṃ nāma; maggakkhaṇe vā vimuttañceva vimuccati ca, phalakkhaṇe vimuttameva.
เอตฺตาวตา จ มหาปุริโส สพฺพพนฺธนา วิปฺปมุโตฺต สูริยรสฺมิสมฺผุฎฺฐมิว ปทุมํ สุวิกสิตจิตฺตสนฺตาโน จตฺตาริ มคฺคญาณานิ, จตฺตาริ ผลญาณานิ, จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา, จตุโยนิปริเจฺฉทกญาณํ, ปญฺจคติปริเจฺฉทกญาณํ, ฉ อสาธารณญาณานิ, สกเล จ พุทฺธคุเณ หตฺถคเต กตฺวา ปริปุณฺณสงฺกโปฺป โพธิปลฺลเงฺก นิสิโนฺนว –
Ettāvatā ca mahāpuriso sabbabandhanā vippamutto sūriyarasmisamphuṭṭhamiva padumaṃ suvikasitacittasantāno cattāri maggañāṇāni, cattāri phalañāṇāni, catasso paṭisambhidā, catuyoniparicchedakañāṇaṃ, pañcagatiparicchedakañāṇaṃ, cha asādhāraṇañāṇāni, sakale ca buddhaguṇe hatthagate katvā paripuṇṇasaṅkappo bodhipallaṅke nisinnova –
‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;
‘‘Anekajātisaṃsāraṃ, sandhāvissaṃ anibbisaṃ;
คหการํ คเวสโนฺต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํฯ
Gahakāraṃ gavesanto, dukkhā jāti punappunaṃ.
คหการก ทิโฎฺฐสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;
Gahakāraka diṭṭhosi, puna gehaṃ na kāhasi;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฎํ วิสงฺขตํ;
Sabbā te phāsukā bhaggā, gahakūṭaṃ visaṅkhataṃ;
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติฯ (ธ. ป. ๑๕๓, ๑๕๔);
Visaṅkhāragataṃ cittaṃ, taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti. (dha. pa. 153, 154);
‘‘อโยฆนหตเสฺสว, ชลโต ชาตเวทโส;
‘‘Ayoghanahatasseva, jalato jātavedaso;
อนุปุพฺพูปสนฺตสฺส, ยถา น ญายเต คติฯ
Anupubbūpasantassa, yathā na ñāyate gati.
เอวํ สมฺมาวิมุตฺตานํ, กามพโนฺธฆตารินํ;
Evaṃ sammāvimuttānaṃ, kāmabandhoghatārinaṃ;
ปญฺญาเปตุํ คติ นตฺถิ, ปตฺตานํ อจลํ สุข’’นฺติฯ (อุทา. ๘๐);
Paññāpetuṃ gati natthi, pattānaṃ acalaṃ sukha’’nti. (udā. 80);
เอวํ มนสิ กโรโนฺต สรเท สูริโย วิย, ปุณฺณจโนฺท วิย จ วิโรจิตฺถาติฯ
Evaṃ manasi karonto sarade sūriyo viya, puṇṇacando viya ca virocitthāti.
ทุติยภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา
Brahmayācanakathāvaṇṇanā
๖๔. ตติยภาณวาเร ยํนูนาหํ ธมฺมํ เทเสยฺยนฺติ ยทิ ปนาหํ ธมฺมํ เทเสยฺยํฯ อยํ ปน วิตโกฺก กทา อุปฺปโนฺนติ? พุทฺธภูตสฺส อฎฺฐเม สตฺตาเหฯ โส กิร พุโทฺธ หุตฺวา สตฺตาหํ โพธิปลฺลเงฺก นิสีทิ, สตฺตาหํ โพธิปลฺลงฺกํ โอโลเกโนฺต อฎฺฐาสิ, สตฺตาหํ รตนจงฺกเม จงฺกมิ, สตฺตาหํ รตนคเพฺภ ธมฺมํ วิจินโนฺต นิสีทิ, สตฺตาหํ อชปาลนิโคฺรเธ นิสีทิ, สตฺตาหํ มุจลิเนฺท นิสีทิ, สตฺตาหํ ราชายตเน นิสีทิฯ ตโต อุฎฺฐาย อฎฺฐเม สตฺตาเห ปุน อาคนฺตฺวา อชปาลนิโคฺรเธ นิสินฺนมตฺตเสฺสว สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิโณฺณ อยเญฺจว อิโต อนนฺตโร จ วิตโกฺก อุปฺปโนฺนติฯ
64. Tatiyabhāṇavāre yaṃnūnāhaṃ dhammaṃ deseyyanti yadi panāhaṃ dhammaṃ deseyyaṃ. Ayaṃ pana vitakko kadā uppannoti? Buddhabhūtassa aṭṭhame sattāhe. So kira buddho hutvā sattāhaṃ bodhipallaṅke nisīdi, sattāhaṃ bodhipallaṅkaṃ olokento aṭṭhāsi, sattāhaṃ ratanacaṅkame caṅkami, sattāhaṃ ratanagabbhe dhammaṃ vicinanto nisīdi, sattāhaṃ ajapālanigrodhe nisīdi, sattāhaṃ mucalinde nisīdi, sattāhaṃ rājāyatane nisīdi. Tato uṭṭhāya aṭṭhame sattāhe puna āgantvā ajapālanigrodhe nisinnamattasseva sabbabuddhānaṃ āciṇṇasamāciṇṇo ayañceva ito anantaro ca vitakko uppannoti.
ตตฺถ อธิคโตติ ปฎิวิโทฺธฯ ธโมฺมติ จตุสจฺจธโมฺมฯ คมฺภีโรติ อุตฺตานภาวปฎิเกฺขปวจนเมตํฯ ทุทฺทโสติ คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส ทุเกฺขน ทฎฺฐโพฺพ, น สกฺกา สุเขน ทฎฺฐุํฯ ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ ทุเกฺขน อวพุชฺฌิตโพฺพ, น สกฺกา สุเขน อวพุชฺฌิตุํฯ สโนฺตติ นิพฺพุโตฯ ปณีโตติ อตปฺปโกฯ อิทํ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ อตกฺกาวจโรติ ตเกฺกน อวจริตโพฺพ โอคาหิตโพฺพ น โหติ, ญาเณเนว อวจริตโพฺพฯ นิปุโณติ สโณฺหฯ ปณฺฑิตเวทนีโยติ สมฺมาปฎิปทํ ปฎิปเนฺนหิ ปณฺฑิเตหิ เวทิตโพฺพฯ อาลยรามาติ สตฺตา ปญฺจสุ กามคุเณสุ อลฺลียนฺติ, ตสฺมา เต อาลยาติ วุจฺจนฺติฯ อฎฺฐสตตณฺหาวิจริตานิ อาลยนฺติ, ตสฺมา อาลยาติ วุจฺจนฺติฯ เตหิ อาลเยหิ รมนฺตีติ อาลยรามาฯ อาลเยสุ รตาติ อาลยรตาฯ อาลเยสุ สุฎฺฐุ มุทิตาติ อาลยสมฺมุทิตาฯ ยเถว หิ สุสชฺชิตํ ปุปฺผผลภริตรุกฺขาทิสมฺปนฺนํ อุยฺยานํ ปวิโฎฺฐ ราชา ตาย ตาย สมฺปตฺติยา รมติ, ปมุทิโต อาโมทิโต โหติ, น อุกฺกณฺฐติ, สายํ นิกฺขมิตุํ น อิจฺฉติ, เอวมิเมหิปิ กามาลยตณฺหาลเยหิ สตฺตา รมนฺติ, สํสารวเฎฺฎ ปมุทิตา อนุกฺกณฺฐิตา วสนฺติฯ เตน เนสํ ภควา ทุวิธมฺปิ อาลยํ อุยฺยานภูมิํ วิย ทเสฺสโนฺต – ‘‘อาลยรามา’’ติอาทิมาหฯ
Tattha adhigatoti paṭividdho. Dhammoti catusaccadhammo. Gambhīroti uttānabhāvapaṭikkhepavacanametaṃ. Duddasoti gambhīrattāva duddaso dukkhena daṭṭhabbo, na sakkā sukhena daṭṭhuṃ. Duddasattāva duranubodho dukkhena avabujjhitabbo, na sakkā sukhena avabujjhituṃ. Santoti nibbuto. Paṇītoti atappako. Idaṃ dvayaṃ lokuttarameva sandhāya vuttaṃ. Atakkāvacaroti takkena avacaritabbo ogāhitabbo na hoti, ñāṇeneva avacaritabbo. Nipuṇoti saṇho. Paṇḍitavedanīyoti sammāpaṭipadaṃ paṭipannehi paṇḍitehi veditabbo. Ālayarāmāti sattā pañcasu kāmaguṇesu allīyanti, tasmā te ālayāti vuccanti. Aṭṭhasatataṇhāvicaritāni ālayanti, tasmā ālayāti vuccanti. Tehi ālayehi ramantīti ālayarāmā. Ālayesu ratāti ālayaratā. Ālayesu suṭṭhu muditāti ālayasammuditā. Yatheva hi susajjitaṃ pupphaphalabharitarukkhādisampannaṃ uyyānaṃ paviṭṭho rājā tāya tāya sampattiyā ramati, pamudito āmodito hoti, na ukkaṇṭhati, sāyaṃ nikkhamituṃ na icchati, evamimehipi kāmālayataṇhālayehi sattā ramanti, saṃsāravaṭṭe pamuditā anukkaṇṭhitā vasanti. Tena nesaṃ bhagavā duvidhampi ālayaṃ uyyānabhūmiṃ viya dassento – ‘‘ālayarāmā’’tiādimāha.
ยทิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส ฐานํ สนฺธาย – ‘‘ยํ อิท’’นฺติ, ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ สนฺธาย – ‘‘โย อย’’นฺติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปาโทติ อิเมสํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา, อิทปฺปจฺจยตา จ สา ปฎิจฺจสมุปฺปาโท จาติ อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ สงฺขาราทิปจฺจยานํ อวิชฺชาทีนํ เอตํ อธิวจนํฯ สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพํ นิพฺพานเมวฯ ยสฺมา หิ ตํ อาคมฺม สพฺพสงฺขารวิปฺผนฺทิตานิ สมฺมนฺติ วูปสมฺมนฺติ ตสฺมา – ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติ วุจฺจติฯ ยสฺมา จ ตํ อาคมฺม สเพฺพ อุปธโย ปฎินิสฺสฎฺฐา โหนฺติ, สพฺพา ตณฺหา ขียนฺติ , สเพฺพ กิเลสราคา วิรชฺชนฺติ, สพฺพํ ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ‘‘สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ’’ติ วุจฺจติฯ สา ปเนสา ตณฺหา ภเวน ภวํ, ผเลน วา สทฺธิํ กมฺมํ วินติ สํสิพฺพตีติ กตฺวา วานนฺติ วุจฺจติฯ ตโต วานโต นิกฺขนฺตนฺติ นิพฺพานํฯ โส มมสฺส กิลมโถติ ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺส, สา มม วิเหสา อสฺสาติ อโตฺถฯ กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา จ อสฺสาติ วุตฺตํ โหติ, จิเตฺต ปน อุภยเมฺปตํ พุทฺธานํ นตฺถิฯ
Yadidanti nipāto, tassa ṭhānaṃ sandhāya – ‘‘yaṃ ida’’nti, paṭiccasamuppādaṃ sandhāya – ‘‘yo aya’’nti evamattho daṭṭhabbo. Idappaccayatāpaṭiccasamuppādoti imesaṃ paccayā idappaccayā, idappaccayā eva idappaccayatā, idappaccayatā ca sā paṭiccasamuppādo cāti idappaccayatāpaṭiccasamuppādo. Saṅkhārādipaccayānaṃ avijjādīnaṃ etaṃ adhivacanaṃ. Sabbasaṅkhārasamathotiādi sabbaṃ nibbānameva. Yasmā hi taṃ āgamma sabbasaṅkhāravipphanditāni sammanti vūpasammanti tasmā – ‘‘sabbasaṅkhārasamatho’’ti vuccati. Yasmā ca taṃ āgamma sabbe upadhayo paṭinissaṭṭhā honti, sabbā taṇhā khīyanti , sabbe kilesarāgā virajjanti, sabbaṃ dukkhaṃ nirujjhati, tasmā ‘‘sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhākkhayo virāgo nirodho’’ti vuccati. Sā panesā taṇhā bhavena bhavaṃ, phalena vā saddhiṃ kammaṃ vinati saṃsibbatīti katvā vānanti vuccati. Tato vānato nikkhantanti nibbānaṃ. So mamassa kilamathoti yā ajānantānaṃ desanā nāma, so mama kilamatho assa, sā mama vihesā assāti attho. Kāyakilamatho ceva kāyavihesā ca assāti vuttaṃ hoti, citte pana ubhayampetaṃ buddhānaṃ natthi.
๖๕. อปิสฺสูติ อนุพฺรูหนเตฺถ นิปาโตฯ โส – ‘‘น เกวลํ เอตทโหสิ, อิมาปิ คาถา ปฎิภํสู’’ติ ทีเปติฯ วิปสฺสินฺติอาทีสุ วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสาติ อโตฺถฯ อนจฺฉริยาติ อนุอจฺฉริยาฯ ปฎิภํสูติ ปฎิภานสงฺขาตสฺส ญาณสฺส โคจรา อเหสุํ, ปริวิตกฺกยิตพฺพตํ ปาปุณิํสุฯ
65.Apissūti anubrūhanatthe nipāto. So – ‘‘na kevalaṃ etadahosi, imāpi gāthā paṭibhaṃsū’’ti dīpeti. Vipassintiādīsu vipassissa bhagavato arahato sammāsambuddhassāti attho. Anacchariyāti anuacchariyā. Paṭibhaṃsūti paṭibhānasaṅkhātassa ñāṇassa gocarā ahesuṃ, parivitakkayitabbataṃ pāpuṇiṃsu.
กิเจฺฉนาติ ทุเกฺขน, น ทุกฺขาย ปฎิปทายฯ พุทฺธานญฺหิ จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขปฎิปทาว โหนฺติฯ ปารมีปูรณกาเล ปน สราคสโทสสโมหเสฺสว สโต อาคตาคตานํ ยาจกานํ อลงฺกตปฎิยตฺตํ สีสํ ฉินฺทิตฺวา คลโลหิตํ นีหริตฺวา สุอญฺชิตานิ อกฺขีนิ อุปฺปาเฎตฺวา กุลวํสปทีปกํ ปุตฺตํ มนาปจารินิํ ภริยนฺติ เอวมาทีนิ เทนฺตสฺส อญฺญานิ จ ขนฺติวาทิสทิเสสุ อตฺตภาเวสุ เฉชฺชเภชฺชาทีนิ ปาปุณนฺตสฺส อาคมนียปฎิปทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ หลนฺติ เอตฺถ หกาโร นิปาตมโตฺต, อลนฺติ อโตฺถฯ ปกาสิตุนฺติ เทเสตุํ; เอวํ กิเจฺฉน อธิคตสฺส ธมฺมสฺส อลํ เทเสตุํ; โก อโตฺถ เทสิเตนาติ วุตฺตํ โหติฯ ราคโทสปเรเตหีติ ราคโทสผุเฎฺฐหิ ราคโทสานุคเตหิ วาฯ
Kicchenāti dukkhena, na dukkhāya paṭipadāya. Buddhānañhi cattāropi maggā sukhapaṭipadāva honti. Pāramīpūraṇakāle pana sarāgasadosasamohasseva sato āgatāgatānaṃ yācakānaṃ alaṅkatapaṭiyattaṃ sīsaṃ chinditvā galalohitaṃ nīharitvā suañjitāni akkhīni uppāṭetvā kulavaṃsapadīpakaṃ puttaṃ manāpacāriniṃ bhariyanti evamādīni dentassa aññāni ca khantivādisadisesu attabhāvesu chejjabhejjādīni pāpuṇantassa āgamanīyapaṭipadaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Halanti ettha hakāro nipātamatto, alanti attho. Pakāsitunti desetuṃ; evaṃ kicchena adhigatassa dhammassa alaṃ desetuṃ; ko attho desitenāti vuttaṃ hoti. Rāgadosaparetehīti rāgadosaphuṭṭhehi rāgadosānugatehi vā.
ปฎิโสตคามินฺติ นิจฺจาทีนํ ปฎิโสตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาสุภนฺติ เอวํ คตํ จตุสจฺจธมฺมํฯ ราครตฺตาติ กามราเคน ภวราเคน ทิฎฺฐิราเคน จ รตฺตาฯ น ทกฺขนฺตีติ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภนฺติ อิมินา สภาเวน น ปสฺสิสฺสนฺติ , เต อปสฺสเนฺต โก สกฺขิสฺสติ เอวํ คาหาเปตุํ? ตโมขเนฺธน อาวุฎาติ อวิชฺชาราสินา อโชฺฌตฺถฎาฯ
Paṭisotagāminti niccādīnaṃ paṭisotaṃ aniccaṃ dukkhamanattāsubhanti evaṃ gataṃ catusaccadhammaṃ. Rāgarattāti kāmarāgena bhavarāgena diṭṭhirāgena ca rattā. Na dakkhantīti aniccaṃ dukkhamanattā asubhanti iminā sabhāvena na passissanti , te apassante ko sakkhissati evaṃ gāhāpetuṃ? Tamokhandhena āvuṭāti avijjārāsinā ajjhotthaṭā.
อโปฺปสฺสุกฺกตายาติ นิรุสฺสุกฺกภาเวน, อเทเสตุกามตายาติ อโตฺถฯ กสฺมา ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ? นนุ เอส – ‘‘มุโตฺต โมเจสฺสามี, ติโณฺณ ตาเรสฺสามิ’’,
Appossukkatāyāti nirussukkabhāvena, adesetukāmatāyāti attho. Kasmā panassa evaṃ cittaṃ nami? Nanu esa – ‘‘mutto mocessāmī, tiṇṇo tāressāmi’’,
‘‘กิํ เม อญฺญาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;
‘‘Kiṃ me aññātavesena, dhammaṃ sacchikatenidha;
สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวก’’นฺติฯ
Sabbaññutaṃ pāpuṇitvā, santāressaṃ sadevaka’’nti.
ปตฺถนํ กตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปโตฺตติฯ สจฺจเมตํ, ปจฺจเวกฺขณานุภาเวน ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิฯ ตสฺส หิ สพฺพญฺญุตํ ปตฺวา สตฺตานํ กิเลสคหนตํ ธมฺมสฺส จ คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สตฺตานํ กิเลสคหนตา จ ธมฺมคมฺภีรตา จ สพฺพากาเรน ปากฎา ชาตาฯ อถสฺส – ‘‘อิเม สตฺตา กญฺชิกปุณฺณลาพุ วิย ตกฺกภริตจาฎิ วิย วสาเตลปีตปิโลติกา วิย อญฺชนมกฺขิตหตฺถา วิย กิเลสภริตา อติสํกิลิฎฺฐา ราครตฺตา โทสทุฎฺฐา โมหมูฬฺหา, เต กิํ นาม ปฎิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ จินฺตยโต กิเลสคหนปจฺจเวกฺขณานุภาเวนาปิ เอวํ จิตฺตํ นมิฯ
Patthanaṃ katvā pāramiyo pūretvā sabbaññutaṃ pattoti. Saccametaṃ, paccavekkhaṇānubhāvena panassa evaṃ cittaṃ nami. Tassa hi sabbaññutaṃ patvā sattānaṃ kilesagahanataṃ dhammassa ca gambhīrataṃ paccavekkhantassa sattānaṃ kilesagahanatā ca dhammagambhīratā ca sabbākārena pākaṭā jātā. Athassa – ‘‘ime sattā kañjikapuṇṇalābu viya takkabharitacāṭi viya vasātelapītapilotikā viya añjanamakkhitahatthā viya kilesabharitā atisaṃkiliṭṭhā rāgarattā dosaduṭṭhā mohamūḷhā, te kiṃ nāma paṭivijjhissantī’’ti cintayato kilesagahanapaccavekkhaṇānubhāvenāpi evaṃ cittaṃ nami.
‘‘อยญฺจ ธโมฺม ปถวีสนฺธารกอุทกกฺขโนฺธ วิย คมฺภีโร, ปพฺพเตน ปฎิจฺฉาเทตฺวา ฐปิโต สาสโป วิย ทุทฺทโส, สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฎิยา โกฎิํ ปฎิปาทนํ วิย ทุรนุโพโธ, นนุ มยา หิ อิมํ ธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิตุํ วายมเนฺตน อทินฺนํ ทานํ นาม นตฺถิ, อรกฺขิตํ สีลํ นาม นตฺถิ, อปริปูริตา กาจิ ปารมี นาม นตฺถิฯ ตสฺส เม นิรุสฺสาหํ วิย มารพลํ วิธมนฺตสฺสาปิ ปถวี น กมฺปิตฺถ, ปฐมยาเม ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ น กมฺปิตฺถ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺตสฺสาปิ น กมฺปิตฺถ, ปจฺฉิมยาเม ปน ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ ปฎิวิชฺฌนฺตเสฺสว เม ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถฯ อิติ มาทิเสนาปิ ติกฺขญาเณน กิเจฺฉเนวายํ ธโมฺม ปฎิวิโทฺธ ตํ โลกิยมหาชนา กถํ ปฎิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขณานุภาเวนาปิ เอวํ จิตฺตํ นมีติ เวทิตพฺพํฯ
‘‘Ayañca dhammo pathavīsandhārakaudakakkhandho viya gambhīro, pabbatena paṭicchādetvā ṭhapito sāsapo viya duddaso, satadhā bhinnassa vālassa koṭiyā koṭiṃ paṭipādanaṃ viya duranubodho, nanu mayā hi imaṃ dhammaṃ paṭivijjhituṃ vāyamantena adinnaṃ dānaṃ nāma natthi, arakkhitaṃ sīlaṃ nāma natthi, aparipūritā kāci pāramī nāma natthi. Tassa me nirussāhaṃ viya mārabalaṃ vidhamantassāpi pathavī na kampittha, paṭhamayāme pubbenivāsaṃ anussarantassāpi na kampittha, majjhimayāme dibbacakkhuṃ visodhentassāpi na kampittha, pacchimayāme pana paṭiccasamuppādaṃ paṭivijjhantasseva me dasasahassilokadhātu kampittha. Iti mādisenāpi tikkhañāṇena kicchenevāyaṃ dhammo paṭividdho taṃ lokiyamahājanā kathaṃ paṭivijjhissantī’’ti dhammagambhīratāpaccavekkhaṇānubhāvenāpi evaṃ cittaṃ namīti veditabbaṃ.
อปิจ พฺรหฺมุนา ยาจิเต เทเสตุกามตายปิสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิฯ ชานาติ หิ ภควา – ‘‘มม อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิเตฺต นมมาเน มํ มหาพฺรหฺมา ธมฺมเทสนํ ยาจิสฺสติ, อิเม จ สตฺตา พฺรหฺมครุกา, เต ‘สตฺถา กิร ธมฺมํ น เทเสตุกาโม อโหสิ, อถ นํ มหาพฺรหฺมา ยาจิตฺวา เทสาเปสิ, สโนฺต วต โภ ธโมฺม, ปณีโต วต โภ ธโมฺม’ติ มญฺญมานา สุสฺสูสิสฺสนฺตี’’ติฯ อิมมฺปิสฺส การณํ ปฎิจฺจ อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนายาติ เวทิตพฺพํฯ
Apica brahmunā yācite desetukāmatāyapissa evaṃ cittaṃ nami. Jānāti hi bhagavā – ‘‘mama appossukkatāya citte namamāne maṃ mahābrahmā dhammadesanaṃ yācissati, ime ca sattā brahmagarukā, te ‘satthā kira dhammaṃ na desetukāmo ahosi, atha naṃ mahābrahmā yācitvā desāpesi, santo vata bho dhammo, paṇīto vata bho dhammo’ti maññamānā sussūsissantī’’ti. Imampissa kāraṇaṃ paṭicca appossukkatāya cittaṃ nami, no dhammadesanāyāti veditabbaṃ.
๖๖. อญฺญตรสฺสาติ เอตฺถ กิญฺจาปิ ‘‘อญฺญตโร’’ติ วุตฺตํ, อถ โข อิมสฺมิํ จกฺกวาเฬ เชฎฺฐกมหาพฺรหฺมา เอโสติ เวทิตโพฺพฯ นสฺสติ วต โภ โลโกติ โส กิร อิมํ สทฺทํ ตถา นิจฺฉาเรสิ, ยถา ทสสหสฺสิโลกธาตุพฺรหฺมาโน สุตฺวา สเพฺพ สนฺนิปติํสุฯ ยตฺร หิ นามาติ ยสฺมิํ นาม โลเกฯ ปุรโต ปาตุรโหสีติ เตหิ ทสหิ พฺรหฺมสหเสฺสหิ สทฺธิํ ปาตุรโหสิฯ อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปญฺญามเย อกฺขิมฺหิ อปฺปํ ปริตฺตํ ราคโทสโมหรชํ เอเตสํ, เอวํ สภาวาติ อปฺปรชกฺขชาติกาฯ อสฺสวนตาติ อสฺสวนตายฯ ภวิสฺสนฺตีติ ปุริมพุเทฺธสุ ทสปุญฺญกิริยวตฺถุวเสน กตาธิการา ปริปากคตา ปทุมานิ วิย สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ, ธมฺมเทสนํเยว อากงฺขมานา จตุปฺปทิกคาถาวสาเน อริยภูมิํ โอกฺกมนารหา น เอโก, น เทฺว, อเนกสตสหสฺสา ธมฺมสฺส อญฺญาตาโร ภวิสฺสนฺตีติ ทเสฺสติฯ
66.Aññatarassāti ettha kiñcāpi ‘‘aññataro’’ti vuttaṃ, atha kho imasmiṃ cakkavāḷe jeṭṭhakamahābrahmā esoti veditabbo. Nassati vata bho lokoti so kira imaṃ saddaṃ tathā nicchāresi, yathā dasasahassilokadhātubrahmāno sutvā sabbe sannipatiṃsu. Yatra hi nāmāti yasmiṃ nāma loke. Purato pāturahosīti tehi dasahi brahmasahassehi saddhiṃ pāturahosi. Apparajakkhajātikāti paññāmaye akkhimhi appaṃ parittaṃ rāgadosamoharajaṃ etesaṃ, evaṃ sabhāvāti apparajakkhajātikā. Assavanatāti assavanatāya. Bhavissantīti purimabuddhesu dasapuññakiriyavatthuvasena katādhikārā paripākagatā padumāni viya sūriyarasmisamphassaṃ, dhammadesanaṃyeva ākaṅkhamānā catuppadikagāthāvasāne ariyabhūmiṃ okkamanārahā na eko, na dve, anekasatasahassā dhammassa aññātāro bhavissantīti dasseti.
๖๙. อเชฺฌสนนฺติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ ยาจนํฯ พุทฺธจกฺขุนาติ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตญาเณน จ อาสยานุสยญาเณน จฯ อิเมสญฺหิ ทฺวินฺนํ ญาณานํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ นามํ, สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส ‘‘สมนฺตจกฺขู’’ติ, ติณฺณํ มคฺคญาณานํ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติฯ อปฺปรชเกฺขติอาทีสุ เยสํ วุตฺตนเยเนว ปญฺญาจกฺขุมฺหิ ราคาทิรชํ อปฺปํ, เต อปฺปรชกฺขาฯ เยสํ ตํ มหนฺตํ, เต มหารชกฺขาฯ เยสํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ, เต ติกฺขินฺทฺริยาฯ เยสํ ตานิ มุทูนิ, เต มุทินฺทฺริยาฯ เยสํ เตเยว สทฺธาทโย อาการา สุนฺทรา, เต สฺวาการาฯ เย กถิตการณํ สลฺลเกฺขนฺติ, สุเขน สกฺกา โหนฺติ วิญฺญาเปตุํ, เต สุวิญฺญาปยาฯ เย ปรโลกเญฺจว วชฺชญฺจ ภยโต ปสฺสนฺติ, เต ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิโน นามฯ
69.Ajjhesananti evaṃ tikkhattuṃ yācanaṃ. Buddhacakkhunāti indriyaparopariyattañāṇena ca āsayānusayañāṇena ca. Imesañhi dvinnaṃ ñāṇānaṃ ‘‘buddhacakkhū’’ti nāmaṃ, sabbaññutaññāṇassa ‘‘samantacakkhū’’ti, tiṇṇaṃ maggañāṇānaṃ ‘‘dhammacakkhū’’ti. Apparajakkhetiādīsu yesaṃ vuttanayeneva paññācakkhumhi rāgādirajaṃ appaṃ, te apparajakkhā. Yesaṃ taṃ mahantaṃ, te mahārajakkhā. Yesaṃ saddhādīni indriyāni tikkhāni, te tikkhindriyā. Yesaṃ tāni mudūni, te mudindriyā. Yesaṃ teyeva saddhādayo ākārā sundarā, te svākārā. Ye kathitakāraṇaṃ sallakkhenti, sukhena sakkā honti viññāpetuṃ, te suviññāpayā. Ye paralokañceva vajjañca bhayato passanti, te paralokavajjabhayadassāvino nāma.
อยํ ปเนตฺถ ปาฬิ – ‘‘สโทฺธ ปุคฺคโล อปฺปรชโกฺข, อสฺสโทฺธ ปุคฺคโล มหารชโกฺขฯ… อารทฺธวีริโย…เป.… กุสีโต… อุปฎฺฐิตสฺสติ… มุฎฺฐสฺสติ… สมาหิโต… อสมาหิโต… ปญฺญวา… ทุปฺปโญฺญ ปุคฺคโล มหารชโกฺขฯ ตถา สโทฺธ ปุคฺคโล ติกฺขินฺทฺริโย…เป.… ปญฺญวา ปุคฺคโล ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวี, ทุปฺปโญฺญ ปุคฺคโล น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวีฯ โลโกติ ขนฺธโลโก, ธาตุโลโก, อายตนโลโก, สมฺปตฺติภวโลโก, วิปตฺติภวโลโก, สมฺปตฺติสมฺภวโลโก, วิปตฺติสมฺภวโลโกฯ เอโก โลโก – สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกาฯ เทฺว โลกา – นามญฺจ รูปญฺจฯ ตโย โลกา – ติโสฺส เวทนาฯ จตฺตาโร โลกา – จตฺตาโร อาหาราฯ ปญฺจ โลกา – ปญฺจุปาทานกฺขนฺธาฯ ฉ โลกา – ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิฯ สตฺต โลกา – สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติโยฯ อฎฺฐ โลกา – อฎฺฐ โลกธมฺมาฯ นว โลกา – นว สตฺตาวาสาฯ ทส โลกา – ทสายตนานิฯ ทฺวาทส โลกา – ทฺวาทสายตนานิฯ อฎฺฐารส โลกา – อฎฺฐารส ธาตุโยฯ วชฺชนฺติ สเพฺพ กิเลสา วชฺชํ, สเพฺพ ทุจฺจริตา วชฺชํ, สเพฺพ อภิสงฺขารา วชฺชํ, สเพฺพ ภวคามิกมฺมา วชฺชํฯ อิติ อิมสฺมิญฺจ โลเก อิมสฺมิญฺจ วเชฺช ติพฺพา ภยสญฺญา ปจฺจุปฎฺฐิตา โหติ, เสยฺยถาปิ อุกฺขิตฺตาสิเก วธเก ฯ อิเมหิ ปญฺญาสาย อากาเรหิ อิมานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ ชานาติ ปสฺสติ อญฺญาติ ปฎิวิชฺฌติ, อิทํ ตถาคตสฺส อินฺทฺริยปโรปริยเตฺต ญาณ’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๒)ฯ
Ayaṃ panettha pāḷi – ‘‘saddho puggalo apparajakkho, assaddho puggalo mahārajakkho.… Āraddhavīriyo…pe… kusīto… upaṭṭhitassati… muṭṭhassati… samāhito… asamāhito… paññavā… duppañño puggalo mahārajakkho. Tathā saddho puggalo tikkhindriyo…pe… paññavā puggalo paralokavajjabhayadassāvī, duppañño puggalo na paralokavajjabhayadassāvī. Lokoti khandhaloko, dhātuloko, āyatanaloko, sampattibhavaloko, vipattibhavaloko, sampattisambhavaloko, vipattisambhavaloko. Eko loko – sabbe sattā āhāraṭṭhitikā. Dve lokā – nāmañca rūpañca. Tayo lokā – tisso vedanā. Cattāro lokā – cattāro āhārā. Pañca lokā – pañcupādānakkhandhā. Cha lokā – cha ajjhattikāni āyatanāni. Satta lokā – satta viññāṇaṭṭhitiyo. Aṭṭha lokā – aṭṭha lokadhammā. Nava lokā – nava sattāvāsā. Dasa lokā – dasāyatanāni. Dvādasa lokā – dvādasāyatanāni. Aṭṭhārasa lokā – aṭṭhārasa dhātuyo. Vajjanti sabbe kilesā vajjaṃ, sabbe duccaritā vajjaṃ, sabbe abhisaṅkhārā vajjaṃ, sabbe bhavagāmikammā vajjaṃ. Iti imasmiñca loke imasmiñca vajje tibbā bhayasaññā paccupaṭṭhitā hoti, seyyathāpi ukkhittāsike vadhake . Imehi paññāsāya ākārehi imāni pañcindriyāni jānāti passati aññāti paṭivijjhati, idaṃ tathāgatassa indriyaparopariyatte ñāṇa’’nti (paṭi. ma. 1.112).
อุปฺปลินิยนฺติ อุปฺปลวเนฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ อโนฺตนิมุคฺคโปสีนีติ ยานิ อญฺญานิปิ ปทุมานิ อโนฺตนิมุคฺคาเนว โปสยนฺติฯ อุทกํ อจฺจุคฺคมฺม ฐิตานีติ อุทกํ อติกฺกมิตฺวา ฐิตานิฯ ตตฺถ ยานิ อจฺจุคฺคมฺม ฐิตานิ, ตานิ สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ อาคมยมานานิ ฐิตานิ อชฺช ปุปฺผนกานิฯ ยานิ สโมทกํ ฐิตานิ, ตานิ เสฺว ปุปฺผนกานิฯ ยานิ อุทกานุคฺคตานิ อโนฺตอุทกโปสีนิ, ตานิ ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิฯ อุทกา ปน อนุคฺคตานิ อญฺญานิปิ สโรชอุปฺปลาทีนิ นาม อตฺถิ, ยานิ เนว ปุปฺผิสฺสนฺติ, มจฺฉกจฺฉปภกฺขาเนว ภวิสฺสนฺติ, ตานิ ปาฬิํ นารูฬฺหานิฯ อาหริตฺวา ปน ทีเปตพฺพานีติ ทีปิตานิฯ ยเถว หิ ตานิ จตุพฺพิธานิ ปุปฺผานิ, เอวเมว อุคฺฆฎิตญฺญู, วิปญฺจิตญฺญู, เนโยฺย, ปทปรโมติ จตฺตาโร ปุคฺคลาฯ ตตฺถ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สห อุทาหฎเวลาย ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล อุคฺฆฎิตญฺญูฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สงฺขิเตฺตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อเตฺถ วิภชิยมาเน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล วิปญฺจิตญฺญูฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุเทฺทสโต ปริปุจฺฉโต โยนิโสมนสิกโรโต กลฺยาณมิเตฺต เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต อนุปุเพฺพน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เนโยฺยฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส พหุมฺปิ สุณโต พหุมฺปิ ภณโต พหุมฺปิ คณฺหโต พหุมฺปิ ธารยโต พหุมฺปิ วาจยโต น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโม (ปุ. ป. ๑๔๘, ๑๔๙, ๑๕๐, ๑๕๑)ฯ
Uppaliniyanti uppalavane. Itaresupi eseva nayo. Antonimuggaposīnīti yāni aññānipi padumāni antonimuggāneva posayanti. Udakaṃ accuggamma ṭhitānīti udakaṃ atikkamitvā ṭhitāni. Tattha yāni accuggamma ṭhitāni, tāni sūriyarasmisamphassaṃ āgamayamānāni ṭhitāni ajja pupphanakāni. Yāni samodakaṃ ṭhitāni, tāni sve pupphanakāni. Yāni udakānuggatāni antoudakaposīni, tāni tatiyadivase pupphanakāni. Udakā pana anuggatāni aññānipi sarojauppalādīni nāma atthi, yāni neva pupphissanti, macchakacchapabhakkhāneva bhavissanti, tāni pāḷiṃ nārūḷhāni. Āharitvā pana dīpetabbānīti dīpitāni. Yatheva hi tāni catubbidhāni pupphāni, evameva ugghaṭitaññū, vipañcitaññū, neyyo, padaparamoti cattāro puggalā. Tattha yassa puggalassa saha udāhaṭavelāya dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo ugghaṭitaññū. Yassa puggalassa saṅkhittena bhāsitassa vitthārena atthe vibhajiyamāne dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo vipañcitaññū. Yassa puggalassa uddesato paripucchato yonisomanasikaroto kalyāṇamitte sevato bhajato payirupāsato anupubbena dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo neyyo. Yassa puggalassa bahumpi suṇato bahumpi bhaṇato bahumpi gaṇhato bahumpi dhārayato bahumpi vācayato na tāya jātiyā dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo padaparamo (pu. pa. 148, 149, 150, 151).
ตตฺถ ภควา อุปฺปลวนาทิสทิสํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกโนฺต – ‘‘อชฺช ปุปฺผนกานิ วิย อุคฺฆฎิตญฺญู, เสฺว ปุปฺผนกานิ วิย วิปญฺจิตญฺญู, ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ วิย เนโยฺย, มจฺฉกจฺฉปภกฺขานิ วิย ปทปรโม’’ติ อทฺทสฯ ปสฺสโนฺต จ – ‘‘เอตฺตกา อปฺปรชกฺขา, เอตฺตกา มหารชกฺขาฯ ตตฺราปิ เอตฺตกา อุคฺฆฎิตญฺญู’’ติ เอวํ สพฺพาการโต อทฺทสฯ ตตฺถ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว ภควโต ธมฺมเทสนา อตฺถํ สาเธติ, ปทปรมานํ อนาคเต วาสนตฺถาย โหติฯ
Tattha bhagavā uppalavanādisadisaṃ dasasahassilokadhātuṃ olokento – ‘‘ajja pupphanakāni viya ugghaṭitaññū, sve pupphanakāni viya vipañcitaññū, tatiyadivase pupphanakāni viya neyyo, macchakacchapabhakkhāni viya padaparamo’’ti addasa. Passanto ca – ‘‘ettakā apparajakkhā, ettakā mahārajakkhā. Tatrāpi ettakā ugghaṭitaññū’’ti evaṃ sabbākārato addasa. Tattha tiṇṇaṃ puggalānaṃ imasmiṃyeva attabhāve bhagavato dhammadesanā atthaṃ sādheti, padaparamānaṃ anāgate vāsanatthāya hoti.
อถ ภควา อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถาวหํ ธมฺมเทสนํ วิทิตฺวา เทเสตุกมฺยตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน เต สเพฺพสุปิ ตีสุ ภเวสุ สเพฺพ สเตฺต ภพฺพาภพฺพวเสน เทฺว โกฎฺฐาเส อกาสิฯ เย สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เย เต สตฺตา กมฺมาวรเณน สมนฺนาคตา, วิปากาวรเณน สมนฺนาคตา, กิเลสาวรเณน สมนฺนาคตา, อสฺสทฺธา อจฺฉนฺทิกา ทุปฺปญฺญา อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตํ, อิเม เต สตฺตา อภพฺพาฯ กตเม สตฺตา ภพฺพา? เย เต สตฺตา น กมฺมาวรเณน…เป.…อิเม เต สตฺตา ภพฺพา’’ติ (วิภ. ๘๒๗; ปฎิ. ม. ๑.๑๑๔)ฯ
Atha bhagavā imesaṃ catunnaṃ puggalānaṃ atthāvahaṃ dhammadesanaṃ viditvā desetukamyataṃ uppādetvā puna te sabbesupi tīsu bhavesu sabbe satte bhabbābhabbavasena dve koṭṭhāse akāsi. Ye sandhāya vuttaṃ – ‘‘ye te sattā kammāvaraṇena samannāgatā, vipākāvaraṇena samannāgatā, kilesāvaraṇena samannāgatā, assaddhā acchandikā duppaññā abhabbā niyāmaṃ okkamituṃ kusalesu dhammesu sammattaṃ, ime te sattā abhabbā. Katame sattā bhabbā? Ye te sattā na kammāvaraṇena…pe…ime te sattā bhabbā’’ti (vibha. 827; paṭi. ma. 1.114).
ตตฺถ สเพฺพปิ อภพฺพปุคฺคเล ปหาย ภพฺพปุคฺคเลเยว ญาเณน ปริคฺคเหตฺวา – ‘‘เอตฺตกา ราคจริตา, เอตฺตกา โทสโมหวิตกฺกสทฺธาพุทฺธิจริตา’’ติ ฉ โกฎฺฐาเส อกาสิฯ เอวํ กตฺวา – ‘‘ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิ ฯ พฺรหฺมา ตํ ญตฺวา โสมนสฺสชาโต ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิฯ อิทํ สนฺธาย – ‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, มหาพฺรหฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Tattha sabbepi abhabbapuggale pahāya bhabbapuggaleyeva ñāṇena pariggahetvā – ‘‘ettakā rāgacaritā, ettakā dosamohavitakkasaddhābuddhicaritā’’ti cha koṭṭhāse akāsi. Evaṃ katvā – ‘‘dhammaṃ desessāmī’’ti cintesi . Brahmā taṃ ñatvā somanassajāto bhagavantaṃ gāthāhi ajjhabhāsi. Idaṃ sandhāya – ‘‘atha kho so, bhikkhave, mahābrahmā’’tiādi vuttaṃ.
๗๐. ตตฺถ อชฺฌภาสีติ อธิอภาสิ, อธิกิจฺจ อารพฺภ อภาสีติ อโตฺถฯ
70. Tattha ajjhabhāsīti adhiabhāsi, adhikicca ārabbha abhāsīti attho.
เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฎฺฐิโตติ เสลมเย เอกคฺฆเน ปพฺพตมุทฺธนิ ยถาฐิโตว, น หิ ตตฺถ ฐิตสฺส ทสฺสนตฺถํ คีวุกฺขิปนปสารณาทิกิจฺจํ อตฺถิฯ ตถูปมนฺติ ตปฺปฎิภาคํ เสลปพฺพตูปมํฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขปโตฺถ, ยถา เสลปพฺพตมุทฺธนิ ยถาฐิโตว จกฺขุมา ปุริโส สมนฺตโต ชนตํ ปเสฺสยฺย, ตถา ตฺวมฺปิ สุเมธ, สุนฺทรปญฺญสพฺพญฺญุตญฺญาเณน สมนฺตจกฺขุ ภควา ธมฺมมยํ ปญฺญามยํ ปาสาทมารุยฺห สยํ อเปตโสโก โสกาวติณฺณํ ชาติชราภิภูตํ ชนตํ อเปกฺขสฺสุ, อุปธารย อุปปริกฺขฯ
Sele yathā pabbatamuddhaniṭṭhitoti selamaye ekagghane pabbatamuddhani yathāṭhitova, na hi tattha ṭhitassa dassanatthaṃ gīvukkhipanapasāraṇādikiccaṃ atthi. Tathūpamanti tappaṭibhāgaṃ selapabbatūpamaṃ. Ayaṃ panettha saṅkhepattho, yathā selapabbatamuddhani yathāṭhitova cakkhumā puriso samantato janataṃ passeyya, tathā tvampi sumedha, sundarapaññasabbaññutaññāṇena samantacakkhu bhagavā dhammamayaṃ paññāmayaṃ pāsādamāruyha sayaṃ apetasoko sokāvatiṇṇaṃ jātijarābhibhūtaṃ janataṃ apekkhassu, upadhāraya upaparikkha.
อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา หิ ปพฺพตปาเท สมนฺตา มหนฺตํ เขตฺตํ กตฺวา ตตฺถ เกทารปาฬีสุ กุฎิกาโย กตฺวา รตฺติํ อคฺคิํ ชาเลยฺยุํฯ จตุรงฺคสมนฺนาคตญฺจ อนฺธการํ อสฺสฯ อถสฺส ปพฺพตสฺส มตฺถเก ฐตฺวา จกฺขุมโต ปุริสสฺส ภูมิํ โอโลกยโต เนว เขตฺตํ, น เกทารปาฬิโย, น กุฎิโย, น ตตฺถ สยิตมนุสฺสา ปญฺญาเยยฺยุํ, กุฎิกาสุ ปน อคฺคิชาลมตฺตเมว ปญฺญาเยยฺยฯ เอวํ ธมฺมปาสาทมารุยฺห สตฺตนิกายํ โอโลกยโต ตถาคตสฺส เย เต อกตกลฺยาณา สตฺตา, เต เอกวิหาเร ทกฺขิณชาณุปเสฺส นิสินฺนาปิ พุทฺธจกฺขุสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ, รตฺติํ ขิตฺตสรา วิย โหนฺติฯ เย ปน กตกลฺยาณา เวเนยฺยปุคฺคลา, เต ตสฺส ทูเร ฐิตาปิ อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, โส อคฺคิ วิย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Ayamettha adhippāyo – yathā hi pabbatapāde samantā mahantaṃ khettaṃ katvā tattha kedārapāḷīsu kuṭikāyo katvā rattiṃ aggiṃ jāleyyuṃ. Caturaṅgasamannāgatañca andhakāraṃ assa. Athassa pabbatassa matthake ṭhatvā cakkhumato purisassa bhūmiṃ olokayato neva khettaṃ, na kedārapāḷiyo, na kuṭiyo, na tattha sayitamanussā paññāyeyyuṃ, kuṭikāsu pana aggijālamattameva paññāyeyya. Evaṃ dhammapāsādamāruyha sattanikāyaṃ olokayato tathāgatassa ye te akatakalyāṇā sattā, te ekavihāre dakkhiṇajāṇupasse nisinnāpi buddhacakkhussa āpāthaṃ nāgacchanti, rattiṃ khittasarā viya honti. Ye pana katakalyāṇā veneyyapuggalā, te tassa dūre ṭhitāpi āpāthaṃ āgacchanti, so aggi viya himavantapabbato viya ca. Vuttampi cetaṃ –
‘‘ทูเร สโนฺต ปกาเสนฺติ, หิมวโนฺตว ปพฺพโต;
‘‘Dūre santo pakāsenti, himavantova pabbato;
อสเนฺตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺติํ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติฯ (ธ. ป. ๓๐๔);
Asantettha na dissanti, rattiṃ khittā yathā sarā’’ti. (dha. pa. 304);
อุเฎฺฐหีติ ภควโต ธมฺมเทสนตฺถํ จาริกจรณํ ยาจโนฺต ภณติฯ วีราติอาทีสุ ภควา วีริยวนฺตตาย วีโร, เทวปุตฺตมจฺจุกิเลสมารานํ วิชิตตฺตา วิชิตสงฺคาโม, ชาติกนฺตราทินิตฺถรณตฺถาย เวเนยฺยสตฺถวาหนสมตฺถตาย สตฺถวาโห, กามจฺฉนฺทอิณสฺส อภาวโต อณโณติ เวทิตโพฺพฯ
Uṭṭhehīti bhagavato dhammadesanatthaṃ cārikacaraṇaṃ yācanto bhaṇati. Vīrātiādīsu bhagavā vīriyavantatāya vīro, devaputtamaccukilesamārānaṃ vijitattā vijitasaṅgāmo, jātikantarādinittharaṇatthāya veneyyasatthavāhanasamatthatāya satthavāho, kāmacchandaiṇassa abhāvato aṇaṇoti veditabbo.
๗๑. อปารุตาติ วิวฎาฯ อมตสฺส ทฺวาราติ อริยมโคฺคฯ โส หิ อมตสงฺขาตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารํฯ โส มยา วิวริตฺวา ฐปิโตติ ทเสฺสติฯ ปมุญฺจนฺตุ สทฺธนฺติ สเพฺพ อตฺตโน สทฺธํ ปมุญฺจนฺตุ วิสฺสเชฺชนฺตุฯ ปจฺฉิมปททฺวเย อยมโตฺถ, อหญฺหิ อตฺตโน ปคุณํ สุปฺปวตฺติตมฺปิ อิมํ ปณีตํ อุตฺตมํ ธมฺมํ กายวาจากิลมถสญฺญี หุตฺวา น ภาสิํ, อิทานิ ปน สเพฺพ ชนา สทฺธาภาชนํ อุปเนนฺตุ, ปูเรสฺสามิ เตสํ สงฺกปฺปนฺติฯ
71.Apārutāti vivaṭā. Amatassa dvārāti ariyamaggo. So hi amatasaṅkhātassa nibbānassa dvāraṃ. So mayā vivaritvā ṭhapitoti dasseti. Pamuñcantu saddhanti sabbe attano saddhaṃ pamuñcantu vissajjentu. Pacchimapadadvaye ayamattho, ahañhi attano paguṇaṃ suppavattitampi imaṃ paṇītaṃ uttamaṃ dhammaṃ kāyavācākilamathasaññī hutvā na bhāsiṃ, idāni pana sabbe janā saddhābhājanaṃ upanentu, pūressāmi tesaṃ saṅkappanti.
อคฺคสาวกยุควณฺณนา
Aggasāvakayugavaṇṇanā
๗๓. โพธิรุกฺขมูเลติ โพธิรุกฺขสฺส อวิทูเร อชปาลนิโคฺรเธ อนฺตรหิโตติ อโตฺถฯ เขเม มิคทาเยติ อิสิปตนํ เตน สมเยน เขมํ นาม อุยฺยานํ โหติ, มิคานํ ปน อภยวาสตฺถาย ทินฺนตฺตา มิคทาโยติ วุจฺจติฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เขเม มิคทาเย’’ติฯ ยถา จ วิปสฺสี ภควา, เอวํ อเญฺญปิ พุทฺธา ปฐมํ ธมฺมเทสนตฺถาย คจฺฉนฺตา อากาเสน คนฺตฺวา ตเตฺถว โอตรนฺติฯ อมฺหากํ ปน ภควา อุปกสฺส อาชีวกสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา – ‘‘อุปโก อิมํ อทฺธานํ ปฎิปโนฺน, โส มํ ทิสฺวา สลฺลปิตฺวา คมิสฺสติฯ อถ ปุน นิพฺพินฺทโนฺต อาคมฺม อรหตฺตํ สจฺฉิกริสฺสตี’’ติ ญตฺวา อฎฺฐารสโยชนมคฺคํ ปทสาว อคมาสิฯ ทายปาลํ อามเนฺตสีติ ทิสฺวาว ปุนปฺปุนํ โอโลเกตฺวา – ‘‘อโยฺย โน, ภเนฺต, อาคโต’’ติ วตฺวา อุปคตํ อามเนฺตสิฯ
73.Bodhirukkhamūleti bodhirukkhassa avidūre ajapālanigrodhe antarahitoti attho. Kheme migadāyeti isipatanaṃ tena samayena khemaṃ nāma uyyānaṃ hoti, migānaṃ pana abhayavāsatthāya dinnattā migadāyoti vuccati. Taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘kheme migadāye’’ti. Yathā ca vipassī bhagavā, evaṃ aññepi buddhā paṭhamaṃ dhammadesanatthāya gacchantā ākāsena gantvā tattheva otaranti. Amhākaṃ pana bhagavā upakassa ājīvakassa upanissayaṃ disvā – ‘‘upako imaṃ addhānaṃ paṭipanno, so maṃ disvā sallapitvā gamissati. Atha puna nibbindanto āgamma arahattaṃ sacchikarissatī’’ti ñatvā aṭṭhārasayojanamaggaṃ padasāva agamāsi. Dāyapālaṃ āmantesīti disvāva punappunaṃ oloketvā – ‘‘ayyo no, bhante, āgato’’ti vatvā upagataṃ āmantesi.
๗๕-๖. อนุปุพฺพิํ กถนฺติ ทานกถํ, ทานานนฺตรํ สีลํ, สีลานนฺตรํ สคฺคํ, สคฺคานนฺตรํ มคฺคนฺติ เอวํ อนุปฎิปาฎิกถํ กเถสิฯ ตตฺถ ทานกถนฺติ อิทํ ทานํ นาม สุขานํ นิทานํ, สมฺปตฺตีนํ มูลํ, โภคานํ ปติฎฺฐา, วิสมคตสฺส ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ, อิธโลกปรโลเกสุ ทานสทิโส อวสฺสโย ปติฎฺฐา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิฯ อิทญฺหิ อวสฺสยเฎฺฐน รตนมยสีหาสนสทิสํ, ปติฎฺฐานเฎฺฐน มหาปถวีสทิสํ, อารมฺมณเฎฺฐน อาลมฺพนรชฺชุสทิสํฯ อิทญฺหิ ทุกฺขนิตฺถรณเฎฺฐน นาวา, สมสฺสาสนเฎฺฐน สงฺคามสูโร, ภยปริตฺตาณเฎฺฐน สุสงฺขตนครํ, มเจฺฉรมลาทีหิ อนุปลิตฺตเฎฺฐน ปทุมํ, เตสํ นิทหนเฎฺฐน อคฺคิ, ทุราสทเฎฺฐน อาสีวิโส, อสนฺตาสนเฎฺฐน สีโห, พลวนฺตเฎฺฐน หตฺถี, อภิมงฺคลสมฺมตเฎฺฐน เสตอุสโภ, เขมนฺตภูมิสมฺปาปนเฎฺฐน วลาหกอสฺสราชาฯ ทานญฺหิ โลเก สกฺกสมฺปตฺติํ มารสมฺปตฺติํ พฺรหฺมสมฺปตฺติํ จกฺกวตฺติสมฺปตฺติํ สาวกปารมิญาณํ ปเจฺจกโพธิญาณํ อภิสโมฺพธิญาณํ เทตีติ เอวมาทิทานคุณปฎิสํยุตฺตํ กถํฯ
75-6.Anupubbiṃ kathanti dānakathaṃ, dānānantaraṃ sīlaṃ, sīlānantaraṃ saggaṃ, saggānantaraṃ magganti evaṃ anupaṭipāṭikathaṃ kathesi. Tattha dānakathanti idaṃ dānaṃ nāma sukhānaṃ nidānaṃ, sampattīnaṃ mūlaṃ, bhogānaṃ patiṭṭhā, visamagatassa tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ, idhalokaparalokesu dānasadiso avassayo patiṭṭhā ārammaṇaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ natthi. Idañhi avassayaṭṭhena ratanamayasīhāsanasadisaṃ, patiṭṭhānaṭṭhena mahāpathavīsadisaṃ, ārammaṇaṭṭhena ālambanarajjusadisaṃ. Idañhi dukkhanittharaṇaṭṭhena nāvā, samassāsanaṭṭhena saṅgāmasūro, bhayaparittāṇaṭṭhena susaṅkhatanagaraṃ, maccheramalādīhi anupalittaṭṭhena padumaṃ, tesaṃ nidahanaṭṭhena aggi, durāsadaṭṭhena āsīviso, asantāsanaṭṭhena sīho, balavantaṭṭhena hatthī, abhimaṅgalasammataṭṭhena setausabho, khemantabhūmisampāpanaṭṭhena valāhakaassarājā. Dānañhi loke sakkasampattiṃ mārasampattiṃ brahmasampattiṃ cakkavattisampattiṃ sāvakapāramiñāṇaṃ paccekabodhiñāṇaṃ abhisambodhiñāṇaṃ detīti evamādidānaguṇapaṭisaṃyuttaṃ kathaṃ.
ยสฺมา ปน ทานํ ททโนฺต สีลํ สมาทาตุํ สโกฺกติ, ตสฺมา ตทนนฺตรํ สีลกถํ กเถสิฯ สีลกถนฺติ สีลํ นาเมตํ อวสฺสโย ปติฎฺฐา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํฯ อิธโลกปรโลกสมฺปตฺตีนญฺหิ สีลสทิโส อวสฺสโย ปติฎฺฐา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ, สีลสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ, สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถิ, สีลคนฺธสทิโส คโนฺธ นตฺถิ, สีลาลงฺกาเรน หิ อลงฺกตํ สีลกุสุมปิฬนฺธนํ สีลคนฺธานุลิตฺตํ สเทวโกปิ โลโก โอโลเกโนฺต ติตฺติํ น คจฺฉตีติ เอวมาทิสีลคุณปฎิสํยุตฺตํ กถํฯ
Yasmā pana dānaṃ dadanto sīlaṃ samādātuṃ sakkoti, tasmā tadanantaraṃ sīlakathaṃ kathesi. Sīlakathanti sīlaṃ nāmetaṃ avassayo patiṭṭhā ārammaṇaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ. Idhalokaparalokasampattīnañhi sīlasadiso avassayo patiṭṭhā ārammaṇaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ natthi, sīlasadiso alaṅkāro natthi, sīlapupphasadisaṃ pupphaṃ natthi, sīlagandhasadiso gandho natthi, sīlālaṅkārena hi alaṅkataṃ sīlakusumapiḷandhanaṃ sīlagandhānulittaṃ sadevakopi loko olokento tittiṃ na gacchatīti evamādisīlaguṇapaṭisaṃyuttaṃ kathaṃ.
อิทํ ปน สีลํ นิสฺสาย อยํ สโคฺค ลพฺภตีติ ทเสฺสตุํ สีลานนฺตรํ สคฺคกถํ กเถสิฯ สคฺคกถนฺติ อยํ สโคฺค นาม อิโฎฺฐ กโนฺต มนาโป, นิจฺจเมตฺถ กีฬา, นิจฺจํ สมฺปตฺติโย ลพฺภนฺติ, จาตุมหาราชิกา เทวา นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสุขํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ ปฎิลภนฺติ, ตาวติํสา ติโสฺส จ วสฺสโกฎิโย สฎฺฐิ จ วสฺสสตสหสฺสานีติ เอวมาทิสคฺคคุณปฎิสํยุตฺตํ กถํฯ สคฺคสมฺปตฺติํ กถยนฺตานญฺหิ พุทฺธานํ มุขํ นปฺปโหติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘อเนกปริยาเยน โข อหํ, ภิกฺขเว, สคฺคกถํ กเถยฺย’’นฺติอาทิฯ
Idaṃ pana sīlaṃ nissāya ayaṃ saggo labbhatīti dassetuṃ sīlānantaraṃ saggakathaṃ kathesi. Saggakathanti ayaṃ saggo nāma iṭṭho kanto manāpo, niccamettha kīḷā, niccaṃ sampattiyo labbhanti, cātumahārājikā devā navutivassasatasahassāni dibbasukhaṃ dibbasampattiṃ paṭilabhanti, tāvatiṃsā tisso ca vassakoṭiyo saṭṭhi ca vassasatasahassānīti evamādisaggaguṇapaṭisaṃyuttaṃ kathaṃ. Saggasampattiṃ kathayantānañhi buddhānaṃ mukhaṃ nappahoti. Vuttampi cetaṃ – ‘‘anekapariyāyena kho ahaṃ, bhikkhave, saggakathaṃ katheyya’’ntiādi.
เอวํ สคฺคกถาย ปโลเภตฺวา ปุน หตฺถิํ อลงฺกริตฺวา ตสฺส โสณฺฑํ ฉินฺทโนฺต วิย – ‘‘อยมฺปิ สโคฺค อนิโจฺจ อทฺธุโว, น เอตฺถ ฉนฺทราโค กาตโพฺพ’’ติ ทสฺสนตฺถํ – ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๕; ๒.๔๒) นเยน กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ กเถสิฯ ตตฺถ อาทีนโวติ โทโสฯ โอกาโรติ อวกาโร ลามกภาโวฯ สํกิเลโสติ เตหิ สตฺตานํ สํสาเร สํกิลิสฺสนํฯ ยถาห – ‘‘กิลิสฺสนฺติ วต โภ สตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๕๑)ฯ เอวํ กามาทีนเวน เตชฺชตฺวา เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสสิ, ปพฺพชฺชาย คุณํ ปกาเสสีติ อโตฺถฯ เสสํ อมฺพฎฺฐสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนยเญฺจว อุตฺตานตฺถญฺจฯ
Evaṃ saggakathāya palobhetvā puna hatthiṃ alaṅkaritvā tassa soṇḍaṃ chindanto viya – ‘‘ayampi saggo anicco addhuvo, na ettha chandarāgo kātabbo’’ti dassanatthaṃ – ‘‘appassādā kāmā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’’tiādinā (ma. ni. 1.235; 2.42) nayena kāmānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ kathesi. Tattha ādīnavoti doso. Okāroti avakāro lāmakabhāvo. Saṃkilesoti tehi sattānaṃ saṃsāre saṃkilissanaṃ. Yathāha – ‘‘kilissanti vata bho sattā’’ti (ma. ni. 2.351). Evaṃ kāmādīnavena tejjatvā nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāsesi, pabbajjāya guṇaṃ pakāsesīti attho. Sesaṃ ambaṭṭhasuttavaṇṇanāyaṃ vuttanayañceva uttānatthañca.
๗๗. อลตฺถุนฺติ กถํ อลตฺถุํ? เอหิภิกฺขุภาเวนฯ ภควา กิร เตสํ อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺสูปนิสฺสยํ โอโลเกโนฺต อเนกาสุ ชาตีสุ จีวรทานาทีนิ ทิสฺวา เอถ ภิกฺขโวติอาทิมาห ฯ เต ตาวเทว ภณฺฑู กาสายวสนา อฎฺฐหิ ภิกฺขุปริกฺขาเรหิ สรีรปฎิมุเกฺกเหว วสฺสสติกเตฺถรา วิย ภควนฺตํ นมสฺสมานาว นิสีทิํสุฯ
77.Alatthunti kathaṃ alatthuṃ? Ehibhikkhubhāvena. Bhagavā kira tesaṃ iddhimayapattacīvarassūpanissayaṃ olokento anekāsu jātīsu cīvaradānādīni disvā etha bhikkhavotiādimāha . Te tāvadeva bhaṇḍū kāsāyavasanā aṭṭhahi bhikkhuparikkhārehi sarīrapaṭimukkeheva vassasatikattherā viya bhagavantaṃ namassamānāva nisīdiṃsu.
สนฺทเสฺสสีติอาทีสุ อิธโลกตฺถํ สนฺทเสฺสสิ, ปรโลกตฺถํ สนฺทเสฺสสิฯ อิธโลกตฺถํ ทเสฺสโนฺต อนิจฺจนฺติ ทเสฺสสิ, ทุกฺขนฺติ ทเสฺสสิ, อนตฺตาติ ทเสฺสสิ, ขเนฺธ ทเสฺสสิ, ธาตุโย ทเสฺสสิ, อายตนานิ ทเสฺสสิ, ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ ทเสฺสสิ, รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ทเสฺสโนฺต ปญฺจ ลกฺขณานิ ทเสฺสสิ, ตถา เวทนากฺขนฺธาทีนํ, ตถา วยํ ทเสฺสโนฺตปิ อุทยพฺพยวเสน ปญฺญาสลกฺขณานิ ทเสฺสสิ, ปรโลกตฺถํ ทเสฺสโนฺต นิรยํ ทเสฺสสิ, ติรจฺฉานโยนิํ, เปตฺติวิสยํ, อสุรกายํ, ติณฺณํ กุสลานํ วิปากํ, ฉนฺนํ เทวโลกานํ, นวนฺนํ พฺรหฺมโลกานํ สมฺปตฺติํ ทเสฺสสิฯ
Sandassesītiādīsu idhalokatthaṃ sandassesi, paralokatthaṃ sandassesi. Idhalokatthaṃ dassento aniccanti dassesi, dukkhanti dassesi, anattāti dassesi, khandhe dassesi, dhātuyo dassesi, āyatanāni dassesi, paṭiccasamuppādaṃ dassesi, rūpakkhandhassa udayaṃ dassento pañca lakkhaṇāni dassesi, tathā vedanākkhandhādīnaṃ, tathā vayaṃ dassentopi udayabbayavasena paññāsalakkhaṇāni dassesi, paralokatthaṃ dassento nirayaṃ dassesi, tiracchānayoniṃ, pettivisayaṃ, asurakāyaṃ, tiṇṇaṃ kusalānaṃ vipākaṃ, channaṃ devalokānaṃ, navannaṃ brahmalokānaṃ sampattiṃ dassesi.
สมาทเปสีติ จตุปาริสุทฺธิสีลเตรสธุตงฺคทสกถาวตฺถุอาทิเก กลฺยาณธเมฺม คณฺหาเปสิฯ
Samādapesīti catupārisuddhisīlaterasadhutaṅgadasakathāvatthuādike kalyāṇadhamme gaṇhāpesi.
สมุเตฺตเชสีติ สุฎฺฐุ อุเตฺตเชสิ, อพฺภุสฺสาเหสิฯ อิธโลกตฺถเญฺจว ปรโลกตฺถญฺจ ตาเสตฺวา ตาเสตฺวา อธิคตํ วิย กตฺวา กเถสิฯ ทฺวตฺติํสกมฺมการณปญฺจวีสติมหาภยปฺปเภทญฺหิ อิธโลกตฺถํ พุเทฺธ ภควติ ตาเสตฺวา ตาเสตฺวา กถยเนฺต ปจฺฉาพาหํ, คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จาตุมหาปเถ ปหารสเตน ตาเฬตฺวา ทกฺขิณทฺวาเรน นิยฺยมาโน วิย อาฆาตนภณฺฑิกาย ฐปิตสีโส วิย สูเล อุตฺตาสิโต วิย มตฺตหตฺถินา มทฺทิยมาโน วิย จ สํวิโคฺค โหติฯ ปรโลกตฺถญฺจ กถยเนฺต นิรยาทีสุ นิพฺพโตฺต วิย เทวโลกสมฺปตฺติํ อนุภวมาโน วิย จ โหติฯ
Samuttejesīti suṭṭhu uttejesi, abbhussāhesi. Idhalokatthañceva paralokatthañca tāsetvā tāsetvā adhigataṃ viya katvā kathesi. Dvattiṃsakammakāraṇapañcavīsatimahābhayappabhedañhi idhalokatthaṃ buddhe bhagavati tāsetvā tāsetvā kathayante pacchābāhaṃ, gāḷhabandhanaṃ bandhitvā cātumahāpathe pahārasatena tāḷetvā dakkhiṇadvārena niyyamāno viya āghātanabhaṇḍikāya ṭhapitasīso viya sūle uttāsito viya mattahatthinā maddiyamāno viya ca saṃviggo hoti. Paralokatthañca kathayante nirayādīsu nibbatto viya devalokasampattiṃ anubhavamāno viya ca hoti.
สมฺปหํเสสีติ ปฎิลทฺธคุเณน โจเทสิ, มหานิสํสํ กตฺวา กเถสีติ อโตฺถฯ
Sampahaṃsesīti paṭiladdhaguṇena codesi, mahānisaṃsaṃ katvā kathesīti attho.
สงฺขารานํ อาทีนวนฺติ เหฎฺฐา ปฐมมคฺคาธิคมตฺถํ กามานํ อาทีนวํ กเถสิ, อิธ ปน อุปริมคฺคาธิคมตฺถํ – ‘‘อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา อทฺธุวา อนสฺสาสิกา, ยาวญฺจิทํ, ภิกฺขเว, อลเมว สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทิตุํ อลํ วิรชฺชิตุํ อลํ วิมุจฺจิตุ’’นฺติอาทินา (อ. นิ. ๗.๖๖; สํ. นิ. ๒.๑๓๔) นเยน สงฺขารานํ อาทีนวญฺจ ลามกภาวญฺจ ตปฺปจฺจยญฺจ กิลมถํ ปกาเสสิฯ ยถา จ ตตฺถ เนกฺขเมฺม, เอวมิธ – ‘‘สนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, นิพฺพานํ นาม ปณีตํ ตาณํ เลณ’’นฺติอาทินา นเยน นิพฺพาเน อานิสํสํ ปกาเสสิฯ
Saṅkhārānaṃ ādīnavanti heṭṭhā paṭhamamaggādhigamatthaṃ kāmānaṃ ādīnavaṃ kathesi, idha pana uparimaggādhigamatthaṃ – ‘‘aniccā, bhikkhave, saṅkhārā addhuvā anassāsikā, yāvañcidaṃ, bhikkhave, alameva sabbasaṅkhāresu nibbindituṃ alaṃ virajjituṃ alaṃ vimuccitu’’ntiādinā (a. ni. 7.66; saṃ. ni. 2.134) nayena saṅkhārānaṃ ādīnavañca lāmakabhāvañca tappaccayañca kilamathaṃ pakāsesi. Yathā ca tattha nekkhamme, evamidha – ‘‘santamidaṃ, bhikkhave, nibbānaṃ nāma paṇītaṃ tāṇaṃ leṇa’’ntiādinā nayena nibbāne ānisaṃsaṃ pakāsesi.
มหาชนกายปพฺพชฺชาวณฺณนา
Mahājanakāyapabbajjāvaṇṇanā
๗๘. มหาชนกาโยติ เตสํเยว ทฺวินฺนํ กุมารานํ อุปฎฺฐากชนกาโยติฯ
78.Mahājanakāyoti tesaṃyeva dvinnaṃ kumārānaṃ upaṭṭhākajanakāyoti.
๘๐. ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม, ธมฺมญฺจาติ สงฺฆสฺส อปริปุณฺณตฺตา เทฺววาจิกเมว สรณมคมํสุฯ
80.Bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāma, dhammañcāti saṅghassa aparipuṇṇattā dvevācikameva saraṇamagamaṃsu.
๘๑. อลตฺถุนฺติ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว เอหิภิกฺขุภาเวเนว อลตฺถุํฯ อิโต อนนฺตเร ปพฺพชิตวาเรปิ เอเสว นโยฯ
81.Alatthunti pubbe vuttanayeneva ehibhikkhubhāveneva alatthuṃ. Ito anantare pabbajitavārepi eseva nayo.
จาริกาอนุชานนวณฺณนา
Cārikāanujānanavaṇṇanā
๘๕. ปริวิตโกฺก อุทปาทีติ กทา อุทปาทิ? สโมฺพธิโต สตฺต สํวจฺฉรานิ สตฺต มาเส สตฺต ทิวเส อติกฺกมิตฺวา อุทปาทิฯ ภควา กิร ปิตุสงฺคหํ กโรโนฺต วิหาสิฯ ราชาปิ จิเนฺตสิ – ‘‘มยฺหํ เชฎฺฐปุโตฺต นิกฺขมิตฺวา พุโทฺธ ชาโต, ทุติยปุโตฺต เม นิกฺขมิตฺวา อคฺคสาวโก ชาโต, ปุโรหิตปุโตฺต ทุติยอคฺคสาวโก, อิเม จ อวเสสา ภิกฺขู คิหิกาเลปิ มยฺหํ ปุตฺตเมว ปริวาเรตฺวา วิจริํสุฯ อิเม สเพฺพ อิทานิปิ มยฺหํเยว ภาโร, อหเมว จ เน จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฎฺฐหิสฺสามิ, อเญฺญสํ โอกาสํ น ทสฺสามี’’ติ วิหารทฺวารโกฎฺฐกโต ปฎฺฐาย ยาว ราชเคหทฺวารา อุภยโต ขทิรปาการํ การาเปตฺวา กิลเญฺชหิ ฉาทาเปตฺวา วเตฺถหิ ปฎิจฺฉาทาเปตฺวา อุปริ จ ฉาทาเปตฺวา สุวณฺณตารกวิจิตฺตํ สโมลมฺพิตตาลกฺขนฺธมตฺตํ วิวิธปุปฺผทามวิตานํ การาเปตฺวา เหฎฺฐา ภูมิยํ จิตฺตตฺถรเณหิ สนฺถราเปตฺวา อโนฺต อุโภสุ ปเสฺสสุ มาลาวจฺฉเก ปุณฺณฆเฎ, สกลมคฺควาสตฺถาย จ คนฺธนฺตเร ปุปฺผานิ ปุปฺผนฺตเร คเนฺธ จ ฐปาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิฯ
85.Parivitakko udapādīti kadā udapādi? Sambodhito satta saṃvaccharāni satta māse satta divase atikkamitvā udapādi. Bhagavā kira pitusaṅgahaṃ karonto vihāsi. Rājāpi cintesi – ‘‘mayhaṃ jeṭṭhaputto nikkhamitvā buddho jāto, dutiyaputto me nikkhamitvā aggasāvako jāto, purohitaputto dutiyaaggasāvako, ime ca avasesā bhikkhū gihikālepi mayhaṃ puttameva parivāretvā vicariṃsu. Ime sabbe idānipi mayhaṃyeva bhāro, ahameva ca ne catūhi paccayehi upaṭṭhahissāmi, aññesaṃ okāsaṃ na dassāmī’’ti vihāradvārakoṭṭhakato paṭṭhāya yāva rājagehadvārā ubhayato khadirapākāraṃ kārāpetvā kilañjehi chādāpetvā vatthehi paṭicchādāpetvā upari ca chādāpetvā suvaṇṇatārakavicittaṃ samolambitatālakkhandhamattaṃ vividhapupphadāmavitānaṃ kārāpetvā heṭṭhā bhūmiyaṃ cittattharaṇehi santharāpetvā anto ubhosu passesu mālāvacchake puṇṇaghaṭe, sakalamaggavāsatthāya ca gandhantare pupphāni pupphantare gandhe ca ṭhapāpetvā bhagavato kālaṃ ārocāpesi.
ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อโนฺตสาณิยาว ราชเคหํคนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ ปจฺจาคจฺฉติฯ อโญฺญ โกจิ ทฎฺฐุมฺปิ น ลภติ, กุโต ปน ภิกฺขํ วา ทาตุํ, ปูชํ วา กาตุํ, ธมฺมํ วา โสตุํฯ นาครา จิเนฺตสุํ – ‘‘อชฺช สตฺถุ โลเก อุปฺปนฺนสฺส สตฺตมาสาธิกานิ สตฺตสํวจฺฉรานิ, มยญฺจ ทฎฺฐุมฺปิ น ลภาม, ปเคว ภิกฺขํ วา ทาตุํ, ปูชํ วา กาตุํ, ธมฺมํ วา โสตุํฯ ราชา – ‘มยฺหเมว พุโทฺธ, มยฺหเมว ธโมฺม, มยฺหเมว สโงฺฆ’ติ มมายิตฺวา สยเมว อุปฎฺฐหิฯ สตฺถา จ อุปฺปชฺชมาโน สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺถาย หิตาย อุปฺปโนฺนฯ น หิ รโญฺญเยว นิรโย อุโณฺห อสฺส, อเญฺญสํ นีลุปฺปลวนสทิโสฯ ตสฺมา ราชานํ วทามฯ สเจ โน สตฺถารํ เทติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ เทติ, รญฺญา สทฺธิํ ยุชฺฌิตฺวาปิ สงฺฆํ คเหตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กโรมฯ น สกฺกา โข ปน สุทฺธนาคเรเหว เอวํ กาตุํ, เอกํ เชฎฺฐปุริสมฺปิ คณฺหามา’’ติฯ
Bhagavā bhikkhusaṅghaparivuto antosāṇiyāva rājagehaṃgantvā bhattakiccaṃ katvā vihāraṃ paccāgacchati. Añño koci daṭṭhumpi na labhati, kuto pana bhikkhaṃ vā dātuṃ, pūjaṃ vā kātuṃ, dhammaṃ vā sotuṃ. Nāgarā cintesuṃ – ‘‘ajja satthu loke uppannassa sattamāsādhikāni sattasaṃvaccharāni, mayañca daṭṭhumpi na labhāma, pageva bhikkhaṃ vā dātuṃ, pūjaṃ vā kātuṃ, dhammaṃ vā sotuṃ. Rājā – ‘mayhameva buddho, mayhameva dhammo, mayhameva saṅgho’ti mamāyitvā sayameva upaṭṭhahi. Satthā ca uppajjamāno sadevakassa lokassa atthāya hitāya uppanno. Na hi raññoyeva nirayo uṇho assa, aññesaṃ nīluppalavanasadiso. Tasmā rājānaṃ vadāma. Sace no satthāraṃ deti, iccetaṃ kusalaṃ. No ce deti, raññā saddhiṃ yujjhitvāpi saṅghaṃ gahetvā dānādīni puññāni karoma. Na sakkā kho pana suddhanāgareheva evaṃ kātuṃ, ekaṃ jeṭṭhapurisampi gaṇhāmā’’ti.
เต เสนาปติํ อุปสงฺกมิตฺวา ตเสฺสตมตฺถํ อาโรเจตฺวา – ‘‘สามิ, กิํ อมฺหากํ ปโกฺข โหสิ, อุทาหุ รโญฺญ’’ติ อาหํสุฯ โส – ‘‘อหํ ตุมฺหากํ ปโกฺข โหมิ, อปิ จ โข ปน ปฐมทิวโส มยฺหํ ทาตโพฺพ’’ติฯ เต สมฺปฎิจฺฉิํสุฯ โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘นาครา, เทว, ตุมฺหากํ กุปิตา’’ติ อาหฯ กิมตฺถํ ตาตาติ? สตฺถารํ กิร ตุเมฺหเยว อุปฎฺฐหถ, อเมฺห น ลภามาติฯ สเจ อิทานิปิ ลภนฺติ, น กุปฺปนฺติ, อลภนฺตา ตุเมฺหหิ สทฺธิํ ยุชฺฌิตุกามา เทวาติฯ ยุชฺฌามิ, ตาต, นาหํ ภิกฺขุสงฺฆํ เทมีติฯ เทว ตุมฺหากํ ทาสา ตุเมฺหหิ สทฺธิํ ยุชฺฌามาติ วทนฺติ, ตุเมฺห กํ คณฺหิตฺวา ยุชฺฌิสฺสถาติ? นนุ ตฺวํ เสนาปตีติ? นาคเรหิ วินา น สมโตฺถ อหํ เทวาติฯ ตโต ราชา – ‘‘พลวโนฺต นาครา, เสนาปติปิ เตสเญฺญว ปโกฺข’’ติ ญตฺวา ‘‘อญฺญานิปิ สตฺตมาสาธิกานิ สตฺตสํวจฺฉรานิ มยฺหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ททนฺตู’’ติ อาหฯ นาครา น สมฺปฎิจฺฉิํสุฯ ราชา – ‘‘ฉ วสฺสานิ, ปญฺจ, จตฺตาริ, ตีณิ, เทฺว, เอกวสฺส’’นฺติ หาเปสิฯ เอวํ หาเปเนฺตปิ น สมฺปฎิจฺฉิํสุฯ อเญฺญ สตฺต ทิวเส ยาจิฯ นาครา – ‘‘อติกกฺขฬํ ทานิ รญฺญา สทฺธิํ กาตุํ น วฎฺฎตี’’ติ อนุชานิํสุฯ
Te senāpatiṃ upasaṅkamitvā tassetamatthaṃ ārocetvā – ‘‘sāmi, kiṃ amhākaṃ pakkho hosi, udāhu rañño’’ti āhaṃsu. So – ‘‘ahaṃ tumhākaṃ pakkho homi, api ca kho pana paṭhamadivaso mayhaṃ dātabbo’’ti. Te sampaṭicchiṃsu. So rājānaṃ upasaṅkamitvā – ‘‘nāgarā, deva, tumhākaṃ kupitā’’ti āha. Kimatthaṃ tātāti? Satthāraṃ kira tumheyeva upaṭṭhahatha, amhe na labhāmāti. Sace idānipi labhanti, na kuppanti, alabhantā tumhehi saddhiṃ yujjhitukāmā devāti. Yujjhāmi, tāta, nāhaṃ bhikkhusaṅghaṃ demīti. Deva tumhākaṃ dāsā tumhehi saddhiṃ yujjhāmāti vadanti, tumhe kaṃ gaṇhitvā yujjhissathāti? Nanu tvaṃ senāpatīti? Nāgarehi vinā na samattho ahaṃ devāti. Tato rājā – ‘‘balavanto nāgarā, senāpatipi tesaññeva pakkho’’ti ñatvā ‘‘aññānipi sattamāsādhikāni sattasaṃvaccharāni mayhaṃ bhikkhusaṅghaṃ dadantū’’ti āha. Nāgarā na sampaṭicchiṃsu. Rājā – ‘‘cha vassāni, pañca, cattāri, tīṇi, dve, ekavassa’’nti hāpesi. Evaṃ hāpentepi na sampaṭicchiṃsu. Aññe satta divase yāci. Nāgarā – ‘‘atikakkhaḷaṃ dāni raññā saddhiṃ kātuṃ na vaṭṭatī’’ti anujāniṃsu.
ราชา สตฺตมาสาธิกานํ สตฺตนฺนํ สํวจฺฉรานํ สชฺชิตํ ทานมุขํ สตฺตนฺนเมว ทิวสานํ วิสฺสเชฺชตฺวา ฉ ทิวเส เกสญฺจิ อปสฺสนฺตานํเยว ทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส นาคเร ปโกฺกสาเปตฺวา – ‘‘สกฺขิสฺสถ, ตาต, เอวรูปํ ทานํ ทาตุ’’นฺติ อาหฯ เตปิ – ‘‘นนุ อเมฺหเยว นิสฺสาย ตํ เทวสฺส อุปฺปนฺน’’นฺติ วตฺวา – ‘‘สกฺขิสฺสามา’’ติ อาหํสุฯ ราชา ปิฎฺฐิหเตฺถน อสฺสูนิ ปุญฺฉมาโน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา – ‘‘ภเนฺต, อหํ อฎฺฐสฎฺฐิภิกฺขุสตสหสฺสํ อญฺญสฺส วารํ อกตฺวา ยาวชีวํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฎฺฐหิสฺสามีติ จิเนฺตสิํฯ นาครา น ทานิ เม อนุญฺญาตา, นาครา หิ ‘มยํ ทานํ ทาตุํ น ลภามา’ติ กุปฺปนฺติฯ ภควา เสฺว ปฎฺฐาย เตสํ อนุคฺคหํ กโรถา’’ติ อาหฯ
Rājā sattamāsādhikānaṃ sattannaṃ saṃvaccharānaṃ sajjitaṃ dānamukhaṃ sattannameva divasānaṃ vissajjetvā cha divase kesañci apassantānaṃyeva dānaṃ datvā sattame divase nāgare pakkosāpetvā – ‘‘sakkhissatha, tāta, evarūpaṃ dānaṃ dātu’’nti āha. Tepi – ‘‘nanu amheyeva nissāya taṃ devassa uppanna’’nti vatvā – ‘‘sakkhissāmā’’ti āhaṃsu. Rājā piṭṭhihatthena assūni puñchamāno bhagavantaṃ vanditvā – ‘‘bhante, ahaṃ aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassaṃ aññassa vāraṃ akatvā yāvajīvaṃ catūhi paccayehi upaṭṭhahissāmīti cintesiṃ. Nāgarā na dāni me anuññātā, nāgarā hi ‘mayaṃ dānaṃ dātuṃ na labhāmā’ti kuppanti. Bhagavā sve paṭṭhāya tesaṃ anuggahaṃ karothā’’ti āha.
อถ ทุติยทิวเส เสนาปติ มหาทานํ สเชฺชตฺวา – ‘‘อชฺช ยถา อโญฺญ โกจิ เอกภิกฺขมฺปิ น เทติ, เอวํ รกฺขถา’’ติ สมนฺตา ปุริเส ฐเปสิฯ ตํ ทิวสํ เสฎฺฐิภริยา โรทมานา ธีตรํ อาห – ‘‘สเจ, อมฺม, ตว ปิตา ชีเวยฺย, อชฺชาหํ ปฐมํ ทสพลํ โภเชยฺย’’นฺติ ฯ สา ตํ อาห – ‘‘อมฺม, มา จินฺตยิ, อหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสโงฺฆ ปฐมํ อมฺหากํ ภิกฺขํ ปริภุญฺชิสฺสตี’’ติฯ ตโต สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา นิรุทกปายาสสฺส ปูเรตฺวา สปฺปิมธุสกฺกราทีหิ อภิสงฺขริตฺวา อญฺญาย ปาติยา ปฎิกุชฺชิตฺวา ตํ สุมนมาลาคุเฬหิ ปริกฺขิปิตฺวา มาลาคุฬสทิสํ กตฺวา ภควโต คามํ ปวิสนเวลาย สยเมว อุกฺขิปิตฺวา ทาสิคณปริวุตา นครา นิกฺขมิฯ อนฺตรามเคฺค เสนาปติอุปฎฺฐากา – ‘‘อมฺม, มา อิโต อคมา’’ติ วทนฺติฯ มหาปุญฺญา นาม มนาปกถา โหนฺติ, น จ เตสํ ปุนปฺปุนํ ภณนฺตานํ กถา ปฎิกฺขิปิตุํ สกฺกา โหติฯ สา – ‘‘จูฬปิตา มหาปิตา มาตุลา กิสฺส ตุเมฺห คนฺตุํ น เทถา’’ติ อาหฯ เสนาปตินา – ‘‘อญฺญสฺส กสฺสจิ ขาทนียโภชนียํ ทาตุํ มา เทถา’’ติ ฐปิตมฺห อมฺมาติฯ กิํ ปน เม หเตฺถ ขาทนียํ โภชนียํ ปสฺสถาติ? มาลาคุฬํ ปสฺสามาติ ฯ กิํ ตุมฺหากํ เสนาปติ มาลาคุฬปูชมฺปิ กาตุํ น เทตีติ? เทติ, อมฺมาติฯ เตน หิ, อเปถ, อเปถาติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มาลาคุฬํ คณฺหาเปถ ภควาติ อาหฯ ภควา เอกํ เสนาปติสฺสุปฎฺฐากํ โอโลเกตฺวา มาลาคุฬํ คณฺหาเปสิฯ สา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา – ‘‘ภควา, ภวาภเว นิพฺพตฺติยํ เม สติ ปริตสฺสนชีวิตํ นาม มา โหตุ, อยํ สุมนมาลา วิย นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฎฺฐาเน ปิยาว โหมิ, นาเมน จ สุมนา เยวา’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา สตฺถารา – ‘‘สุขินี โหหี’’ติ วุตฺตา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
Atha dutiyadivase senāpati mahādānaṃ sajjetvā – ‘‘ajja yathā añño koci ekabhikkhampi na deti, evaṃ rakkhathā’’ti samantā purise ṭhapesi. Taṃ divasaṃ seṭṭhibhariyā rodamānā dhītaraṃ āha – ‘‘sace, amma, tava pitā jīveyya, ajjāhaṃ paṭhamaṃ dasabalaṃ bhojeyya’’nti . Sā taṃ āha – ‘‘amma, mā cintayi, ahaṃ tathā karissāmi yathā buddhappamukho bhikkhusaṅgho paṭhamaṃ amhākaṃ bhikkhaṃ paribhuñjissatī’’ti. Tato satasahassagghanikāya suvaṇṇapātiyā nirudakapāyāsassa pūretvā sappimadhusakkarādīhi abhisaṅkharitvā aññāya pātiyā paṭikujjitvā taṃ sumanamālāguḷehi parikkhipitvā mālāguḷasadisaṃ katvā bhagavato gāmaṃ pavisanavelāya sayameva ukkhipitvā dāsigaṇaparivutā nagarā nikkhami. Antarāmagge senāpatiupaṭṭhākā – ‘‘amma, mā ito agamā’’ti vadanti. Mahāpuññā nāma manāpakathā honti, na ca tesaṃ punappunaṃ bhaṇantānaṃ kathā paṭikkhipituṃ sakkā hoti. Sā – ‘‘cūḷapitā mahāpitā mātulā kissa tumhe gantuṃ na dethā’’ti āha. Senāpatinā – ‘‘aññassa kassaci khādanīyabhojanīyaṃ dātuṃ mā dethā’’ti ṭhapitamha ammāti. Kiṃ pana me hatthe khādanīyaṃ bhojanīyaṃ passathāti? Mālāguḷaṃ passāmāti . Kiṃ tumhākaṃ senāpati mālāguḷapūjampi kātuṃ na detīti? Deti, ammāti. Tena hi, apetha, apethāti bhagavantaṃ upasaṅkamitvā mālāguḷaṃ gaṇhāpetha bhagavāti āha. Bhagavā ekaṃ senāpatissupaṭṭhākaṃ oloketvā mālāguḷaṃ gaṇhāpesi. Sā bhagavantaṃ vanditvā – ‘‘bhagavā, bhavābhave nibbattiyaṃ me sati paritassanajīvitaṃ nāma mā hotu, ayaṃ sumanamālā viya nibbattanibbattaṭṭhāne piyāva homi, nāmena ca sumanā yevā’’ti patthanaṃ katvā satthārā – ‘‘sukhinī hohī’’ti vuttā vanditvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.
ภควา เสนาปติสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิฯ เสนาปติ ยาคุํ คเหตฺวา อุปคญฺฉิ, สตฺถา ปตฺตํ ปิทหิฯ นิสิโนฺน, ภเนฺต, ภิกฺขุสโงฺฆติฯ อตฺถิ โน เอโก อนฺตรา ปิณฺฑปาโต ลโทฺธติฯ โส มาลํ อปเนตฺวา ปิณฺฑปาตํ อทฺทสฯ จูฬุปฎฺฐาโก อาห – ‘‘สามิ, มาลาติ มํ วตฺวา มาตุคาโม วเญฺจสี’’ติฯ ปายาโส ภควนฺตํ อาทิํ กตฺวา สเพฺพสํ ภิกฺขูนํ ปโหติฯ เสนาปติปิ อตฺตโน เทยฺยธมฺมํ อทาสิฯ สตฺถา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา มงฺคลํ วตฺวา ปกฺกามิฯ เสนาปติ – ‘‘กา นาม สา ปิณฺฑปาตมทาสี’’ติ ปุจฺฉิฯ เสฎฺฐิธีตา, สามีติฯ สปฺปญฺญา สา อิตฺถี, เอวรูปาย ฆเร วสนฺติยา ปุริสสฺส สคฺคสมฺปตฺติ นาม น ทุลฺลภาติ ตํ อาเนตฺวา เชฎฺฐิกฎฺฐาเน ฐเปสิฯ
Bhagavā senāpatissa gehaṃ gantvā paññattāsane nisīdi. Senāpati yāguṃ gahetvā upagañchi, satthā pattaṃ pidahi. Nisinno, bhante, bhikkhusaṅghoti. Atthi no eko antarā piṇḍapāto laddhoti. So mālaṃ apanetvā piṇḍapātaṃ addasa. Cūḷupaṭṭhāko āha – ‘‘sāmi, mālāti maṃ vatvā mātugāmo vañcesī’’ti. Pāyāso bhagavantaṃ ādiṃ katvā sabbesaṃ bhikkhūnaṃ pahoti. Senāpatipi attano deyyadhammaṃ adāsi. Satthā bhattakiccaṃ katvā maṅgalaṃ vatvā pakkāmi. Senāpati – ‘‘kā nāma sā piṇḍapātamadāsī’’ti pucchi. Seṭṭhidhītā, sāmīti. Sappaññā sā itthī, evarūpāya ghare vasantiyā purisassa saggasampatti nāma na dullabhāti taṃ ānetvā jeṭṭhikaṭṭhāne ṭhapesi.
ปุนทิวเส นาครา ทานมทํสุ, ปุนทิวเส ราชาติ เอกนฺตริกาย ทานํ ทาตุํ อารภิํสุฯ ราชาปิ จรปุริเส ฐเปตฺวา นาคเรหิ ทินฺนทานโต อติเรกตรํ เทติ, นาคราปิ ตเถว กตฺวา รญฺญา ทินฺนทานโต อติเรกตรํฯ ราชเคเห นาฎกิตฺถิโย ทหรสามเณเร วทนฺติ – ‘‘คณฺหถ, ตาตา, น คหปติกานํ คตฺตวตฺถาทีสุ ปุญฺฉิตฺวา พาฬทารกานํ เขฬสิงฺฆาณิกาทิโธวนหเตฺถหิ กตํ , สุจิํ ปณีตํ กต’’นฺติฯ ปุนทิวเส นาคราปิ ททมานา วทนฺติ – ‘‘คณฺหถ, ตาตา, น นครคามนิคมาทีสุ สงฺกฑฺฒิตตณฺฑุลขีรทธิสปฺปิอาทีหิ, น อเญฺญสํ ชงฺฆสีสปิฎฺฐิอาทีนิ ภญฺชิตฺวา อาหราปิเตหิ กตํ, ชาติสปฺปิขีราทีหิเยว กต’’นฺติฯ เอวํ สตฺตสุ สํวจฺฉเรสุ สตฺตสุ มาเสสุ สตฺตสุ ทิวเสสุ จ อติกฺกเนฺตสุ อถ ภควโต อยํ วิตโกฺก อุทปาทิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สโมฺพธิโต สตฺต สํวจฺฉรานิ สตฺต มาสานิ สตฺต ทิวสานิ อติกฺกมิตฺวา อุทปาที’’ติฯ
Punadivase nāgarā dānamadaṃsu, punadivase rājāti ekantarikāya dānaṃ dātuṃ ārabhiṃsu. Rājāpi carapurise ṭhapetvā nāgarehi dinnadānato atirekataraṃ deti, nāgarāpi tatheva katvā raññā dinnadānato atirekataraṃ. Rājagehe nāṭakitthiyo daharasāmaṇere vadanti – ‘‘gaṇhatha, tātā, na gahapatikānaṃ gattavatthādīsu puñchitvā bāḷadārakānaṃ kheḷasiṅghāṇikādidhovanahatthehi kataṃ , suciṃ paṇītaṃ kata’’nti. Punadivase nāgarāpi dadamānā vadanti – ‘‘gaṇhatha, tātā, na nagaragāmanigamādīsu saṅkaḍḍhitataṇḍulakhīradadhisappiādīhi, na aññesaṃ jaṅghasīsapiṭṭhiādīni bhañjitvā āharāpitehi kataṃ, jātisappikhīrādīhiyeva kata’’nti. Evaṃ sattasu saṃvaccharesu sattasu māsesu sattasu divasesu ca atikkantesu atha bhagavato ayaṃ vitakko udapādi. Tena vuttaṃ – ‘‘sambodhito satta saṃvaccharāni satta māsāni satta divasāni atikkamitvā udapādī’’ti.
๘๗. อญฺญตโร มหาพฺรหฺมาติ ธมฺมเทสนํ อายาจิตพฺรหฺมาวฯ
87.Aññataromahābrahmāti dhammadesanaṃ āyācitabrahmāva.
๘๙. จตุราสีติ อาวาสสหสฺสานีติ จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิฯ เต สเพฺพปิ ทฺวาทสสหสฺสภิกฺขุคณฺหนกา มหาวิหารา อภยคิริเจติยปพฺพตจิตฺตลปพฺพตมหาวิหารสทิสาว อเหสุํฯ
89.Caturāsīti āvāsasahassānīti caturāsīti vihārasahassāni. Te sabbepi dvādasasahassabhikkhugaṇhanakā mahāvihārā abhayagiricetiyapabbatacittalapabbatamahāvihārasadisāva ahesuṃ.
๙๐. ขนฺตี ปรมํ ตโปติ อธิวาสนขนฺติ นาม ปรมํ ตโปฯ ติติกฺขาติ ขนฺติยา เอว เววจนํฯ ติติกฺขา สงฺขาตา อธิวาสนขนฺติ อุตฺตมํ ตโปติ อโตฺถฯ นิพฺพานํ ปรมนฺติ สพฺพากาเรน ปน นิพฺพานํ ปรมนฺติ วทนฺติ พุทฺธาฯ น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตีติ โย อธิวาสนขนฺติวิรหิตตฺตา ปรํ อุปฆาเตติ พาเธติ หิํสติ, โส ปพฺพชิโต นาม น โหติฯ จตุตฺถปาโท ปน ตเสฺสว เววจนํฯ ‘‘น หิ ปพฺพชิโต’’ติ เอตสฺส หิ น สมโณ โหตีติ เววจนํฯ ปรูปฆาตีติ เอตสฺส ปรํ วิเหฐยโนฺตติ เววจนํฯ อถ วา ปรูปฆาตีติ สีลูปฆาตีฯ สีลญฺหิ อุตฺตมเฎฺฐน ปรนฺติ วุจฺจติฯ โย จ สมโณ ปรํ ยํ กญฺจิ สตฺตํ วิเหฐยโนฺต ปรูปฆาตี โหติ, อตฺตโน สีลํ วินาสโก, โส ปพฺพชิโต นาม น โหตีติ อโตฺถฯ อถวา โย อธิวาสนขนฺติยา อภาวโต ปรูปฆาตี โหติ, ปรํ อนฺตมโส ฑํสมกสมฺปิ สญฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรเปติ, โส น หิ ปพฺพชิโตฯ กิํ การณา? มลสฺส อปพฺพาชิตตฺตาฯ ‘‘ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ปพฺพชิโตติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘) อิทญฺหิ ปพฺพชิตลกฺขณํฯ โยปิ น เหว โข อุปฆาเตติ, น มาเรติ, อปิ จ ทณฺฑาทีหิ วิเหเฐติ, โส ปรํ วิเหฐยโนฺต สมโณ น โหติฯ กิํ การณา? วิเหสาย อสมิตตฺตาฯ ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ , สมโณติ ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๕) อิทญฺหิ สมณลกฺขณํฯ
90.Khantī paramaṃ tapoti adhivāsanakhanti nāma paramaṃ tapo. Titikkhāti khantiyā eva vevacanaṃ. Titikkhā saṅkhātā adhivāsanakhanti uttamaṃ tapoti attho. Nibbānaṃ paramanti sabbākārena pana nibbānaṃ paramanti vadanti buddhā. Na hi pabbajito parūpaghātīti yo adhivāsanakhantivirahitattā paraṃ upaghāteti bādheti hiṃsati, so pabbajito nāma na hoti. Catutthapādo pana tasseva vevacanaṃ. ‘‘Na hi pabbajito’’ti etassa hi na samaṇo hotīti vevacanaṃ. Parūpaghātīti etassa paraṃ viheṭhayantoti vevacanaṃ. Atha vā parūpaghātīti sīlūpaghātī. Sīlañhi uttamaṭṭhena paranti vuccati. Yo ca samaṇo paraṃ yaṃ kañci sattaṃ viheṭhayanto parūpaghātī hoti, attano sīlaṃ vināsako, so pabbajito nāma na hotīti attho. Athavā yo adhivāsanakhantiyā abhāvato parūpaghātī hoti, paraṃ antamaso ḍaṃsamakasampi sañcicca jīvitā voropeti, so na hi pabbajito. Kiṃ kāraṇā? Malassa apabbājitattā. ‘‘Pabbājayamattano malaṃ, tasmā pabbajitoti vuccatī’’ti (dha. pa. 388) idañhi pabbajitalakkhaṇaṃ. Yopi na heva kho upaghāteti, na māreti, api ca daṇḍādīhi viheṭheti, so paraṃ viheṭhayanto samaṇo na hoti. Kiṃ kāraṇā? Vihesāya asamitattā. ‘‘Samitattā hi pāpānaṃ , samaṇoti pavuccatī’’ti (dha. pa. 265) idañhi samaṇalakkhaṇaṃ.
ทุติยคาถาย สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพากุสลสฺสฯ อกรณนฺติ อนุปฺปาทนํฯ กุสลสฺสาติ จตุภูมิกกุสลสฺสฯ อุปสมฺปทาติ ปฎิลาโภฯ สจิตฺตปริโยทปนนฺติ อตฺตโน จิตฺตโชตนํ, ตํ ปน อรหเตฺตน โหติฯ อิติ สีลสํวเรน สพฺพปาปํ ปหาย สมถวิปสฺสนาหิ กุสลํ สมฺปาเทตฺวา อรหตฺตผเลน จิตฺตํ ปริโยทาเปตพฺพนฺติ เอตํ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฎฺฐี ติฯ
Dutiyagāthāya sabbapāpassāti sabbākusalassa. Akaraṇanti anuppādanaṃ. Kusalassāti catubhūmikakusalassa. Upasampadāti paṭilābho. Sacittapariyodapananti attano cittajotanaṃ, taṃ pana arahattena hoti. Iti sīlasaṃvarena sabbapāpaṃ pahāya samathavipassanāhi kusalaṃ sampādetvā arahattaphalena cittaṃ pariyodāpetabbanti etaṃ buddhānaṃ sāsanaṃ ovādo anusiṭṭhī ti.
ตติยคาถาย อนูปวาโทติ วาจาย กสฺสจิ อนุปวทนํฯ อนูปฆาโตติ กาเยน อุปฆาตสฺส อกรณํฯ ปาติโมเกฺขติ ยํ ตํ ปอติโมกฺขํ, อติปโมกฺขํ, อุตฺตมสีลํ, ปาติ วา อคติวิเสเสหิ โมเกฺขติ ทุคฺคติภเยหิ, โย วา นํ ปาติ, ตํ โมเกฺขตีติ ‘‘ปาติโมกฺข’’นฺติ วุจฺจติฯ ตสฺมิํ ปาติโมเกฺข จ สํวโรฯ มตฺตญฺญุตาติ ปฎิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณญฺญุตาฯ ปนฺตญฺจ สยนาสนนฺติ สยนาสนญฺจ สงฺฆฎฺฎนวิรหิตนฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ ทฺวีหิเยว ปจฺจเยหิ จตุปจฺจยสโนฺตโส ทีปิโต โหตีติ เวทิตโพฺพฯ เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ เอตํ ปรสฺส อนุปวทนํ อนุปฆาตนํ ปาติโมกฺขสํวโร ปฎิคฺคหณปริโภเคสุ มตฺตญฺญุตา อฎฺฐสมาปตฺติวสิภาวาย วิวิตฺตเสนาสนเสวนญฺจ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฎฺฐีติฯ อิมา ปน สพฺพพุทฺธานํ ปาติโมกฺขุเทฺทสคาถา โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ
Tatiyagāthāya anūpavādoti vācāya kassaci anupavadanaṃ. Anūpaghātoti kāyena upaghātassa akaraṇaṃ. Pātimokkheti yaṃ taṃ paatimokkhaṃ, atipamokkhaṃ, uttamasīlaṃ, pāti vā agativisesehi mokkheti duggatibhayehi, yo vā naṃ pāti, taṃ mokkhetīti ‘‘pātimokkha’’nti vuccati. Tasmiṃ pātimokkhe ca saṃvaro. Mattaññutāti paṭiggahaṇaparibhogavasena pamāṇaññutā. Pantañca sayanāsananti sayanāsanañca saṅghaṭṭanavirahitanti attho. Tattha dvīhiyeva paccayehi catupaccayasantoso dīpito hotīti veditabbo. Etaṃ buddhāna sāsananti etaṃ parassa anupavadanaṃ anupaghātanaṃ pātimokkhasaṃvaro paṭiggahaṇaparibhogesu mattaññutā aṭṭhasamāpattivasibhāvāya vivittasenāsanasevanañca buddhānaṃ sāsanaṃ ovādo anusiṭṭhīti. Imā pana sabbabuddhānaṃ pātimokkhuddesagāthā hontīti veditabbā.
เทวตาโรจนวณฺณนา
Devatārocanavaṇṇanā
๙๑. เอตฺตาวตา จ อิมินา วิปสฺสิสฺส ภควโต อปทานานุสาเรน วิตฺถารกถเนน – ‘‘ตถาคตเสฺสเวสา, ภิกฺขเว, ธมฺมธาตุ สุปฺปฎิวิทฺธา’’ติ เอวํ วุตฺตาย ธมฺมธาตุยา สุปฺปฎิวิทฺธภาวํ ปกาเสตฺวา อิทานิ – ‘‘เทวตาปิ ตถาคตสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสุ’’นฺติ วุตฺตํ เทวตาโรจนํ ปกาเสตุํ เอกมิทาหนฺติอาทิมาหฯ
91. Ettāvatā ca iminā vipassissa bhagavato apadānānusārena vitthārakathanena – ‘‘tathāgatassevesā, bhikkhave, dhammadhātu suppaṭividdhā’’ti evaṃ vuttāya dhammadhātuyā suppaṭividdhabhāvaṃ pakāsetvā idāni – ‘‘devatāpi tathāgatassa etamatthaṃ ārocesu’’nti vuttaṃ devatārocanaṃ pakāsetuṃ ekamidāhantiādimāha.
ตตฺถ สุภควเนติ เอวํนามเก วเนฯ สาลราชมูเลติ วนปฺปติเชฎฺฐกสฺส มูเลฯ กามจฺฉนฺทํ วิราเชตฺวาติ อนาคามิมเคฺคน มูลสมุคฺฆาตวเสน วิราเชตฺวาฯ ยถา จ วิปสฺสิสฺส, เอวํ เสสพุทฺธานมฺปิ สาสเน วุตฺถพฺรหฺมจริยา เทวตา อาโรจยิํสุ, ปาฬิ ปน วิปสฺสิสฺส เจว อมฺหากญฺจ ภควโต วเสน อาคตาฯ
Tattha subhagavaneti evaṃnāmake vane. Sālarājamūleti vanappatijeṭṭhakassa mūle. Kāmacchandaṃ virājetvāti anāgāmimaggena mūlasamugghātavasena virājetvā. Yathā ca vipassissa, evaṃ sesabuddhānampi sāsane vutthabrahmacariyā devatā ārocayiṃsu, pāḷi pana vipassissa ceva amhākañca bhagavato vasena āgatā.
ตตฺถ อตฺตโน สมฺปตฺติยา น หายนฺติ, น วิหายนฺตีติ อวิหาฯ น กญฺจิ สตฺตํ ตปนฺตีติ อตปฺปาฯ สุนฺทรทสฺสนา อภิรูปา ปาสาทิกาติ สุทสฺสาฯ สุฎฺฐุ ปสฺสนฺติ, สุนฺทรเมเตสํ วา ทสฺสนนฺติ สุทสฺสีฯ สเพฺพเหว จ สคุเณหิ ภวสมฺปตฺติยา จ เชฎฺฐา, นเตฺถตฺถ กนิฎฺฐาติ อกนิฎฺฐาฯ
Tattha attano sampattiyā na hāyanti, na vihāyantīti avihā. Na kañci sattaṃ tapantīti atappā. Sundaradassanā abhirūpā pāsādikāti sudassā. Suṭṭhu passanti, sundarametesaṃ vā dassananti sudassī. Sabbeheva ca saguṇehi bhavasampattiyā ca jeṭṭhā, natthettha kaniṭṭhāti akaniṭṭhā.
อิธ ฐตฺวา ภาณวารา สโมธาเนตพฺพาฯ อิมสฺมิญฺหิ สุเตฺต วิปสฺสิสฺส ภควโต อปทานวเสน ตโย ภาณวารา วุตฺตาฯ ยถา จ วิปสฺสิสฺส, เอวํ สิขีอาทีนมฺปิ อปทานวเสน วุตฺตาวฯ ปาฬิ ปน สงฺขิตฺตาฯ อิติ สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ วเสน อมฺหากํ ภควตา เอกวีสติ ภาณวารา กถิตาฯ ตถา อวิเหหิฯ ตถา อตเปฺปหิฯ ตถา สุทเสฺสหิฯ ตถา สุทสฺสีหิฯ ตถา อกนิเฎฺฐหีติ สพฺพมฺปิ ฉพฺพีสติภาณวารสตํ โหติฯ เตปิฎเก พุทฺธวจเน อญฺญํ สุตฺตํ ฉพฺพีสติภาณวารสตปริมาณํ นาม นตฺถิ, สุตฺตนฺตราชา นาม อยํ สุตฺตโนฺตติ เวทิตโพฺพฯ อิโต ปรํ อนุสนฺธิทฺวยมฺปิ นิยฺยาเตโนฺต อิติ โข ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตํ สพฺพํ อุตฺตานเมวาติฯ
Idha ṭhatvā bhāṇavārā samodhānetabbā. Imasmiñhi sutte vipassissa bhagavato apadānavasena tayo bhāṇavārā vuttā. Yathā ca vipassissa, evaṃ sikhīādīnampi apadānavasena vuttāva. Pāḷi pana saṅkhittā. Iti sattannaṃ buddhānaṃ vasena amhākaṃ bhagavatā ekavīsati bhāṇavārā kathitā. Tathā avihehi. Tathā atappehi. Tathā sudassehi. Tathā sudassīhi. Tathā akaniṭṭhehīti sabbampi chabbīsatibhāṇavārasataṃ hoti. Tepiṭake buddhavacane aññaṃ suttaṃ chabbīsatibhāṇavārasataparimāṇaṃ nāma natthi, suttantarājā nāma ayaṃ suttantoti veditabbo. Ito paraṃ anusandhidvayampi niyyātento iti kho bhikkhavetiādimāha. Taṃ sabbaṃ uttānamevāti.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ
Iti sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ
มหาปทานสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahāpadānasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๑. มหาปทานสุตฺตํ • 1. Mahāpadānasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑. มหาปทานสุตฺตวณฺณนา • 1. Mahāpadānasuttavaṇṇanā