Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā)

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    ทีฆนิกาเย

    Dīghanikāye

    มหาวคฺคฎีกา

    Mahāvaggaṭīkā

    ๑. มหาปทานสุตฺตวณฺณนา

    1. Mahāpadānasuttavaṇṇanā

    ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตกถาวณฺณนา

    Pubbenivāsapaṭisaṃyuttakathāvaṇṇanā

    . ยถาชาตานํ กเรริรุกฺขานํ ฆนปตฺตสาขาวิฎเปหิ มณฺฑปสเงฺขเปหิ สญฺฉโนฺน ปเทโส ‘‘กเรริมณฺฑโป’’ติ อธิเปฺปโตฯ ทฺวาเรติ ทฺวารสมีเปฯ ทฺวาเร ฐิตรุกฺขวเสน อญฺญตฺถาปิ สมญฺญา อตฺถีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กถํ ปน ภควา มหาคนฺธกุฎิยํ อวสิตฺวา ตทา กเรริกุฎิกายํ วิหาสีติ? สาปิ พุทฺธสฺส ภควโต วสนคนฺธกุฎิ เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อโนฺตเชตวเน’’ติอาทิมาหฯ สลฬาคารนฺติ เทวทารุรุเกฺขหิ กตเคหํฯ ปกติภตฺตสฺส ปจฺฉโตติ ภิกฺขูนํ ปากติกภตฺตกาลโต ปจฺฉา, ฐิตมชฺฌนฺหิกโต อุปรีติ อโตฺถฯ ปิณฺฑปาตโต ปฎิกฺกนฺตานนฺติ ปิณฺฑปาตโภชนโต อเปตานํฯ เตนาห ‘‘ภตฺตกิจฺจ’’นฺติอาทิฯ

    1. Yathājātānaṃ karerirukkhānaṃ ghanapattasākhāviṭapehi maṇḍapasaṅkhepehi sañchanno padeso ‘‘karerimaṇḍapo’’ti adhippeto. Dvāreti dvārasamīpe. Dvāre ṭhitarukkhavasena aññatthāpi samaññā atthīti dassetuṃ ‘‘yathā’’tiādi vuttaṃ. Kathaṃ pana bhagavā mahāgandhakuṭiyaṃ avasitvā tadā karerikuṭikāyaṃ vihāsīti? Sāpi buddhassa bhagavato vasanagandhakuṭi evāti dassento ‘‘antojetavane’’tiādimāha. Salaḷāgāranti devadārurukkhehi katagehaṃ. Pakatibhattassa pacchatoti bhikkhūnaṃ pākatikabhattakālato pacchā, ṭhitamajjhanhikato uparīti attho. Piṇḍapātato paṭikkantānanti piṇḍapātabhojanato apetānaṃ. Tenāha ‘‘bhattakicca’’ntiādi.

    มณฺฑลสณฺฐานา มาฬสเงฺขเปน กตา นิสีทนสาลา ‘‘มณฺฑลมาฬ’’นฺติ อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘นิสีทนสาลายา’’ติฯ ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตาติ เอตฺถ ปุพฺพ-สโทฺท อตีตวิสโย, นิวาส-สโทฺท กมฺมสาธโน, ขนฺธวินิมุโตฺต จ นิวสิตธโมฺม นตฺถิ, ขนฺธา จ สนฺตานวเสเนว ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘ปุเพฺพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานสงฺขาเตน ปุเพฺพนิวาเสนา’’ติฯ โยเชตฺวาติ วิสยภาเวน โยเชตฺวาฯ ปวตฺติตาติ กถิตาฯ ธมฺมูปสํหิตตฺตา ธมฺมโต อนเปตาติ ธมฺมีฯ เตนาห ‘‘ธมฺมสํยุตฺตา’’ติฯ

    Maṇḍalasaṇṭhānā māḷasaṅkhepena katā nisīdanasālā ‘‘maṇḍalamāḷa’’nti adhippetāti āha ‘‘nisīdanasālāyā’’ti. Pubbenivāsapaṭisaṃyuttāti ettha pubba-saddo atītavisayo, nivāsa-saddo kammasādhano, khandhavinimutto ca nivasitadhammo natthi, khandhā ca santānavaseneva pavattantīti āha ‘‘pubbenivutthakkhandhasantānasaṅkhātena pubbenivāsenā’’ti. Yojetvāti visayabhāvena yojetvā. Pavattitāti kathitā. Dhammūpasaṃhitattā dhammato anapetāti dhammī. Tenāha ‘‘dhammasaṃyuttā’’ti.

    อุทปาทีติ ปทุทฺธาโร, ตสฺส อุปฺปนฺนา ชาตาติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ ตํ ปนสฺสา อุปฺปนฺนาการํ ปาฬิยํ สเงฺขปโตว ทสฺสิตํ, วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘อโห อจฺฉริย’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ เก อนุสฺสรนฺติ, เก นานุสฺสรนฺตีติ ปททฺวเย ปฐมํเยว สปฺปปญฺจนํ, น อิตรนฺติ ตเทว ปุคฺคลเภทโต, กาลวิภาคโต, อนุสฺสรณาการโต, โอปมฺมโต นิทฺทิสเนฺตน ‘‘ติตฺถิยา อนุสฺสรนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อคฺคปฺปตฺตกมฺมวาทิโนติ สิขาปฺปตฺตกมฺมวาทิโน ‘‘อตฺถิ กมฺมํ อตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๒๓๔) เอวํ กมฺมสฺสกตาญาเณ ฐิตา ตาปสปริพฺพาชกาฯ จตฺตาลีสํเยว กเปฺป อนุสฺสรนฺตีติ พฺรหฺมชาลาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๓) ภควตา ตถา ปริจฺฉิชฺช วุตฺตตฺตาฯ ตโต ปรํ น อนุสฺสรนฺตีติ ตถาวจนญฺจ ทิฎฺฐิคโตปฎฺฐกสฺส เตสํ ญาณสฺส ปริทุพฺพลภาวโตฯ

    Udapādīti paduddhāro, tassa uppannā jātāti iminā sambandho. Taṃ panassā uppannākāraṃ pāḷiyaṃ saṅkhepatova dassitaṃ, vitthārato dassetuṃ ‘‘aho acchariya’’ntiādi āraddhaṃ. Tattha ke anussaranti, ke nānussarantīti padadvaye paṭhamaṃyeva sappapañcanaṃ, na itaranti tadeva puggalabhedato, kālavibhāgato, anussaraṇākārato, opammato niddisantena ‘‘titthiyā anussarantī’’tiādi vuttaṃ. Aggappattakammavādinoti sikhāppattakammavādino ‘‘atthi kammaṃ atthi kammavipāko’’ti (paṭi. ma. 1.234) evaṃ kammassakatāñāṇe ṭhitā tāpasaparibbājakā. Cattālīsaṃyeva kappe anussarantīti brahmajālādīsu (dī. ni. 1.33) bhagavatā tathā paricchijja vuttattā. Tato paraṃ na anussarantīti tathāvacanañca diṭṭhigatopaṭṭhakassa tesaṃ ñāṇassa paridubbalabhāvato.

    สาวกาติ มหาสาวกา เตสญฺหิ กปฺปสตสหสฺสํ ปุพฺพาภินีหาโรฯ ปกติสาวกา ปน ตโต อูนกเมว อนุสฺสรนฺติฯ ยสฺมา ‘‘กปฺปานํ ลกฺขาธิกํ เอกํ, เทฺว จ อสเงฺขฺยยฺยานี’’ติ กาลวเสน เอวํ ปริมาโณ ยถากฺกมํ อคฺคสาวกปเจฺจกพุทฺธานํ ปุญฺญญาณาภินีหาโร, สาวกโพธิปเจฺจกโพธิปารมิตาสมฺภรณญฺจ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เทฺว อคฺคสาวกา…เป.… กปฺปสตสหสฺสญฺจา’’ติฯ ยทิ โพธิสมฺภารสมฺภรณกาลปริจฺฉิโนฺน เตสํ เตสํ อริยานํ อภิญฺญาญาณวิภโว, เอวํ สเนฺต พุทฺธานมฺปิสฺส สปริเจฺฉทตา อาปนฺนาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘พุทฺธานํ ปน เอตฺตกนฺติ ปริเจฺฉโท นตฺถิ, ยาวตกํ อากงฺขนฺติ, ตาวตกํ อนุสฺสรนฺตี’’ติ ‘‘ยาวตกํ เนยฺยํ, ตาวตกํ ญาณ’’นฺติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฎิ. ม. ๓, ๕) วจนโตฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส วิย หิ พุทฺธานํ อภิญฺญาญาณานมฺปิ สวิสเย ปริเจฺฉโท นาม นตฺถิ, ตสฺมา ยํ ยํ ญาตุํ อิจฺฉนฺติ, เต ตํ ตํ ชานนฺติ เอวฯ อถ วา สติปิ กาลปริเจฺฉเท กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหาทินา สาติสยตฺตา มหาโพธิสมฺภารานํ ปญฺญาปารมิตาย ปวตฺติอานุภาวสฺส ปริเจฺฉโท นาม นตฺถิ, กุโต ตนฺนิมิตฺตกานํ อภิญฺญาญาณานนฺติ วุตฺตํ ‘‘พุทฺธานํ…เป.… นตฺถี’’ติฯ

    Sāvakāti mahāsāvakā tesañhi kappasatasahassaṃ pubbābhinīhāro. Pakatisāvakā pana tato ūnakameva anussaranti. Yasmā ‘‘kappānaṃ lakkhādhikaṃ ekaṃ, dve ca asaṅkhyeyyānī’’ti kālavasena evaṃ parimāṇo yathākkamaṃ aggasāvakapaccekabuddhānaṃ puññañāṇābhinīhāro, sāvakabodhipaccekabodhipāramitāsambharaṇañca, tasmā vuttaṃ ‘‘dve aggasāvakā…pe… kappasatasahassañcā’’ti. Yadi bodhisambhārasambharaṇakālaparicchinno tesaṃ tesaṃ ariyānaṃ abhiññāñāṇavibhavo, evaṃ sante buddhānampissa saparicchedatā āpannāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘buddhānaṃ pana ettakanti paricchedo natthi, yāvatakaṃ ākaṅkhanti, tāvatakaṃ anussarantī’’ti ‘‘yāvatakaṃ neyyaṃ, tāvatakaṃ ñāṇa’’nti (mahāni. 156; cūḷani. 85; paṭi. ma. 3, 5) vacanato. Sabbaññutaññāṇassa viya hi buddhānaṃ abhiññāñāṇānampi savisaye paricchedo nāma natthi, tasmā yaṃ yaṃ ñātuṃ icchanti, te taṃ taṃ jānanti eva. Atha vā satipi kālaparicchede karuṇūpāyakosallapariggahādinā sātisayattā mahābodhisambhārānaṃ paññāpāramitāya pavattiānubhāvassa paricchedo nāma natthi, kuto tannimittakānaṃ abhiññāñāṇānanti vuttaṃ ‘‘buddhānaṃ…pe… natthī’’ti.

    ขนฺธปฎิปาฎิยาติ ยถาปจฺจยํ อนุปุพฺพปวตฺตมานานํ ขนฺธานํ อนุปุพฺพิยาฯ ขนฺธปฺปวตฺตินฺติ เวทนาทิกฺขนฺธปฺปวตฺติํฯ เตสญฺหิ อนุภวนาทิอาการคฺคหณมสฺส สาติสยํ, ตํ สญฺญาภเว ตตฺถ ตตฺถ อนุสฺสรณวเสน คเหตฺวา คจฺฉนฺตา เอกโวการภเว อลภนฺตา ‘‘น ปสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตา, ชาเล ปติตา วิย สกุณา, มจฺฉา วิย จาติ อธิปฺปาโยฯ กุณฺฐา วิยาติ ทนฺธา วิยฯ ปงฺคุฬา วิยาติ ปีฐสปฺปิโน วิยฯ ทิฎฺฐิํ คณฺหนฺตีติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกทิฎฺฐิํ คณฺหนฺติฯ ยฎฺฐิโกฎิเหตุกํ คมนํ ยฎฺฐิโกฎิคมนํ ขนฺธปฎิปาฎิยา อมุญฺจนโตฯ

    Khandhapaṭipāṭiyāti yathāpaccayaṃ anupubbapavattamānānaṃ khandhānaṃ anupubbiyā. Khandhappavattinti vedanādikkhandhappavattiṃ. Tesañhi anubhavanādiākāraggahaṇamassa sātisayaṃ, taṃ saññābhave tattha tattha anussaraṇavasena gahetvā gacchantā ekavokārabhave alabhantā ‘‘na passantī’’ti vuttā, jāle patitā viya sakuṇā, macchā viya cāti adhippāyo. Kuṇṭhā viyāti dandhā viya. Paṅguḷā viyāti pīṭhasappino viya. Diṭṭhiṃ gaṇhantīti adhiccasamuppannikadiṭṭhiṃ gaṇhanti. Yaṭṭhikoṭihetukaṃ gamanaṃ yaṭṭhikoṭigamanaṃ khandhapaṭipāṭiyā amuñcanato.

    เอวํ สเนฺตปีติ กามํ พุทฺธสาวกาปิ อสญฺญภเว ขนฺธปฺปวตฺติํ น ปสฺสนฺติ, เอวํ สเนฺตปิ เต พุทฺธสาวกา อสญฺญภวํ ลงฺฆิตฺวา ปรโต อนุสฺสรนฺติฯ ‘‘วเฎฺฎ’’ติอาทิ ตถา เตสํ อนุสฺสรณาการทสฺสนํฯ พุเทฺธหิ ทินฺนนเย ฐตฺวาติ ‘‘ยตฺถ ปญฺจกปฺปสตานิ รูปปฺปวตฺติเยว, น อรูปปฺปวตฺติ, โส อสญฺญภโว’’ติ เอวํ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ เทสิตายํ ธมฺมเนตฺติยํ ฐตฺวาฯ เอวญฺหิ อนฺตรา จุติปฎิสนฺธิโย อปสฺสนฺตา ปรโต อนุสฺสรนฺติ เสยฺยถาปิ อายสฺมา โสภิโตติ (เถรคา. อฎฺฐ. ๑.๒.๑๖๔ โสภิตเตฺถรคาถาวณฺณนา)ฯ โส กิร ปุเพฺพนิวาเส จิณฺณวสี หุตฺวา อนุปฎิปาฎิยา อตฺตโน นิพฺพตฺตฎฺฐานํ อนุสฺสรโนฺต ยาว อสญฺญภเว อตฺตโน อจิตฺตกปฎิสนฺธิ ตาว อทฺทส, ตโต ปรํ ปญฺจกปฺปสตปริมาเณ กาเล จุติปฎิสนฺธิโย อทิสฺวา อวสาเน จุติํ ทิสฺวา ‘‘กิํ นาเมต’’นฺติ อาวชฺชยมาโน นยวเสน ‘‘อสญฺญภโว ภวิสฺสตี’’ติ นิฎฺฐํ อคมาสิฯ อถ นํ ภควา ตํ การณํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ ‘‘จุติปฎิสนฺธิํ โอโลเกตฺวา’’ติ อิทํ จุติปฎิสนฺธิวเสน เตสํ ญาณสฺส สงฺกมนทสฺสนํ, เตน สพฺพโส ภเว อนามสิตฺวา คนฺตุํ น สโกฺกนฺตีติ ทเสฺสติฯ

    Evaṃ santepīti kāmaṃ buddhasāvakāpi asaññabhave khandhappavattiṃ na passanti, evaṃ santepi te buddhasāvakā asaññabhavaṃ laṅghitvā parato anussaranti. ‘‘Vaṭṭe’’tiādi tathā tesaṃ anussaraṇākāradassanaṃ. Buddhehi dinnanaye ṭhatvāti ‘‘yattha pañcakappasatāni rūpappavattiyeva, na arūpappavatti, so asaññabhavo’’ti evaṃ sammāsambuddhehi desitāyaṃ dhammanettiyaṃ ṭhatvā. Evañhi antarā cutipaṭisandhiyo apassantā parato anussaranti seyyathāpi āyasmā sobhitoti (theragā. aṭṭha. 1.2.164 sobhitattheragāthāvaṇṇanā). So kira pubbenivāse ciṇṇavasī hutvā anupaṭipāṭiyā attano nibbattaṭṭhānaṃ anussaranto yāva asaññabhave attano acittakapaṭisandhi tāva addasa, tato paraṃ pañcakappasataparimāṇe kāle cutipaṭisandhiyo adisvā avasāne cutiṃ disvā ‘‘kiṃ nāmeta’’nti āvajjayamāno nayavasena ‘‘asaññabhavo bhavissatī’’ti niṭṭhaṃ agamāsi. Atha naṃ bhagavā taṃ kāraṇaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā pubbenivāsaṃ anussarantānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. ‘‘Cutipaṭisandhiṃ oloketvā’’ti idaṃ cutipaṭisandhivasena tesaṃ ñāṇassa saṅkamanadassanaṃ, tena sabbaso bhave anāmasitvā gantuṃ na sakkontīti dasseti.

    ตํ ตเทว ปสฺสนฺตีติ ยถา นาม สรทสมเย ฐิตมชฺฌนฺหิกเวลาย จตุรตนิเก เคเห จกฺขุมโต ปุริสสฺส รูปคตํ สุปากฎเมว โหตีติ โลกสิทฺธเมตํ, สิยา ปน ตสฺส สุขุมตรติโรหิตาทิเภทสฺส รูปคตสฺส อโคจรตาฯ น เตฺวว พุทฺธานํ ญาตุํ อิจฺฉิตสฺส เญยฺยสฺส อโคจรตา, อถ โข ตํ ญาณาโลเกน โอภาสิตํ หตฺถตเล อามลกํ วิย สุปากฎํ สุวิภูตเมว โหติ ตถา เญยฺยาวรณสฺส สุปฺปหีนตฺตาฯ เตนาห ‘‘พุทฺธา ปน อตฺตนา วา ปเรหิ วา ทิฎฺฐกตสุตํ, สูริยมณฺฑโลภาสสทิส’’นฺติ จ อาทิฯ

    Taṃ tadeva passantīti yathā nāma saradasamaye ṭhitamajjhanhikavelāya caturatanike gehe cakkhumato purisassa rūpagataṃ supākaṭameva hotīti lokasiddhametaṃ, siyā pana tassa sukhumataratirohitādibhedassa rūpagatassa agocaratā. Na tveva buddhānaṃ ñātuṃ icchitassa ñeyyassa agocaratā, atha kho taṃ ñāṇālokena obhāsitaṃ hatthatale āmalakaṃ viya supākaṭaṃ suvibhūtameva hoti tathā ñeyyāvaraṇassa suppahīnattā. Tenāha ‘‘buddhā pana attanā vā parehi vā diṭṭhakatasutaṃ, sūriyamaṇḍalobhāsasadisa’’nti ca ādi.

    ตถา สาวกา จ ปเจฺจกพุทฺธา จาติฯ เอตฺถ ตถา-สเทฺทน ‘‘อตฺตนา ทิฎฺฐกตสุตเมว อนุสฺสรนฺตี’’ติ อิทํ อุปสํหรติ, เตน สปฺปเทสเมว เนสํ อนุสฺสรณํ, น นิปฺปเทสนฺติ นิทเสฺสติฯ

    Tathā sāvakā ca paccekabuddhā cāti. Ettha tathā-saddena ‘‘attanā diṭṭhakatasutameva anussarantī’’ti idaṃ upasaṃharati, tena sappadesameva nesaṃ anussaraṇaṃ, na nippadesanti nidasseti.

    ขโชฺชปนกโอภาสสทิสํ ญาณสฺส อติวิย อปฺปานุภาวตายฯ สาวกานนฺติ เอตฺถ ปกติสาวกานํ ปากติกปทีโปภาสสทิสํฯ มหาสาวกานํ (เถรคา. อฎฺฐ. ๒.๒๑ วงฺคีเสตฺถรคาถาวณฺณนาย วิตฺถาโร) มหาปทีโปภาสสทิสํฯ เตนาห วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๒) ‘‘อุกฺกาปภาสทิส’’นฺติฯ โอสธิตารโกภาสสทิสนฺติ อุสฺสนฺนา ปภา เอตาย ธียติ, โอสธีนํ วา อนุพลปฺปทายกตฺตา ‘‘โอสธี’’ติ เอวํ ลทฺธนามาย ตารกาย ปภาสทิสํฯ สรทสูริยมณฺฑโลภาสสทิสํ สพฺพโส อนฺธการวิธมนโตฯ อปฎุภาวเหตุโก วิสยคฺคหเณ จญฺจลภาโว ขลิตํ, กุณฺฐิภาวเหตุโก วิสยสฺส อนภิสมโย ปฎิฆาโตฯ อาวชฺชนปฎิพทฺธเมวาติ อาวชฺชนมตฺตาธีนํ, อาวชฺชิตมเตฺต เอว ยถิจฺฉิตสฺส ปฎิวิชฺฌนกนฺติ อโตฺถฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ

    Khajjopanakaobhāsasadisaṃ ñāṇassa ativiya appānubhāvatāya. Sāvakānanti ettha pakatisāvakānaṃ pākatikapadīpobhāsasadisaṃ. Mahāsāvakānaṃ (theragā. aṭṭha. 2.21 vaṅgīsettharagāthāvaṇṇanāya vitthāro) mahāpadīpobhāsasadisaṃ. Tenāha visuddhimagge (visuddhi. 2.402) ‘‘ukkāpabhāsadisa’’nti. Osadhitārakobhāsasadisanti ussannā pabhā etāya dhīyati, osadhīnaṃ vā anubalappadāyakattā ‘‘osadhī’’ti evaṃ laddhanāmāya tārakāya pabhāsadisaṃ. Saradasūriyamaṇḍalobhāsasadisaṃ sabbaso andhakāravidhamanato. Apaṭubhāvahetuko visayaggahaṇe cañcalabhāvo khalitaṃ, kuṇṭhibhāvahetuko visayassa anabhisamayo paṭighāto.Āvajjanapaṭibaddhamevāti āvajjanamattādhīnaṃ, āvajjitamatte eva yathicchitassa paṭivijjhanakanti attho. Sesapadadvayepi eseva nayo.

    อสงฺคอปฺปฎิหตํ ปวตฺตมานํ ภควโต ญาณํ ลหุตเรปิ วิสเย, ครุตเร จ เอกสทิสเมวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ทุพฺพลปตฺตปุเฎ’’ติอาทินา อุปมาทฺวยํ วุตฺตํฯ ธมฺมกายตฺตา ภควโต คุณํ อารพฺภ ปวตฺตา ‘‘ภควนฺตํเยว อารพฺภ อุปฺปนฺนา’’ติ วุตฺตํฯ ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ ยถาวุตฺตํ สพฺพมฺปิ ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตํ กถํฯ ติตฺถิยานํ, สาวกานญฺจ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสรณํ ภควโต ปุเพฺพนิวาสานุสฺสรณสฺส หีนุทาหรณทสฺสนวเสเนตฺถ กถิตํฯ เอวญฺหิ ภควโต มหนฺตภาโว วิเสสโต ปกาสิโต โหตีติฯ สเงฺขปโตติ สมาสโตฯ ยตฺตโกปิ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณสฺส ปวตฺติเภโท อตฺตโน ญาณสฺส วิสยภูโต, ตํ สพฺพํ ตทา ยถากถิตํ เต ภิกฺขู สงฺขิปิตฺวา ‘‘อิติปี’’ติ อาหํสุฯ ตสฺส จ อเนกาการตาย อาเมฑิตวจนํ, ปิ-สโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถ, ‘‘อิติ โข ภิกฺขเว สปฺปฎิภโย พาโล’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๔; อ. นิ. ๓.๑) วิย อาการโตฺถ อิติ-สโทฺทติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอวมฺปี’’ติ ตทตฺถมาหฯ

    Asaṅgaappaṭihataṃ pavattamānaṃ bhagavato ñāṇaṃ lahutarepi visaye, garutare ca ekasadisamevāti dassetuṃ ‘‘dubbalapattapuṭe’’tiādinā upamādvayaṃ vuttaṃ. Dhammakāyattā bhagavato guṇaṃ ārabbha pavattā ‘‘bhagavantaṃyeva ārabbha uppannā’’ti vuttaṃ. Taṃ sabbampīti taṃ yathāvuttaṃ sabbampi pubbenivāsapaṭisaṃyuttaṃ kathaṃ. Titthiyānaṃ, sāvakānañca pubbenivāsānussaraṇaṃ bhagavato pubbenivāsānussaraṇassa hīnudāharaṇadassanavasenettha kathitaṃ. Evañhi bhagavato mahantabhāvo visesato pakāsito hotīti. Saṅkhepatoti samāsato. Yattakopi pubbenivāsānussatiñāṇassa pavattibhedo attano ñāṇassa visayabhūto, taṃ sabbaṃ tadā yathākathitaṃ te bhikkhū saṅkhipitvā ‘‘itipī’’ti āhaṃsu. Tassa ca anekākāratāya āmeḍitavacanaṃ, pi-saddo sampiṇḍanattho, ‘‘iti kho bhikkhave sappaṭibhayo bālo’’tiādīsu (ma. ni. 3.124; a. ni. 3.1) viya ākārattho iti-saddoti dassento ‘‘evampī’’ti tadatthamāha.

    ๒-๓. วุตฺตเมวาติ เอตฺถ จ อิธ ปาเฐ ยํ วตฺตพฺพํ เตน ปาเฐน สาธารณํ, ตํ วุตฺตเมวาติ อธิเปฺปตํ, น อสาธารณํ อปุพฺพปทวณฺณนาย อธิกตตฺตาติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อยเมว หิ วิเสโส’’ติอาทิมาหฯ ‘‘อโสฺสสี’’ติ อิทํ สวนกิจฺจนิปฺผตฺติยา วุตฺตํ สทฺทคฺคหณมุเขน ตทตฺถาวโพธสฺส สิทฺธตฺตาฯ ตตฺถ ปน ปาฬิยํ ‘‘อิมํ สํขิยธมฺมํ วิทิตฺวา’’ อิเจฺจว (ที. นิ. ๑.๒) วุตฺตํฯ อิเม ภิกฺขู มม คุเณ โถเมนฺติ, กถํ? มม ปุเพฺพนิวาสญาณํ อารพฺภาติ โยชนาฯ นิปฺผตฺตินฺติ กิจฺจนิปฺผตฺติํ, เตน กาตพฺพกิจฺจสิทฺธนฺติ อโตฺถฯ โนติ ปุจฺฉาวาจี นุ-อิติ อิมินา สมานโตฺถ นิปาโตติ วุตฺตํ ‘‘อิเจฺฉยฺยาถ นู’’ติฯ นฺติ ภควนฺตํฯ ‘‘ยํ ภควา’’ติ เอตฺถ ยํ-สเทฺทน กิริยาปรามสนภูเตน ‘‘ธมฺมิํ กถํ กเถยฺยา’’ติ เอวํ วุตฺตํฯ ธมฺมิกถากรณํ ปรามฎฺฐํ ‘‘เอตสฺสา’’ติ ปทสฺส อโตฺถติ อาห ‘‘เอตสฺส ธมฺมิกถากรณสฺสา’’ติ, อาทรวเสน ปน ตํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํฯ

    2-3.Vuttamevāti ettha ca idha pāṭhe yaṃ vattabbaṃ tena pāṭhena sādhāraṇaṃ, taṃ vuttamevāti adhippetaṃ, na asādhāraṇaṃ apubbapadavaṇṇanāya adhikatattāti taṃ dassento ‘‘ayameva hi viseso’’tiādimāha. ‘‘Assosī’’ti idaṃ savanakiccanipphattiyā vuttaṃ saddaggahaṇamukhena tadatthāvabodhassa siddhattā. Tattha pana pāḷiyaṃ ‘‘imaṃ saṃkhiyadhammaṃ viditvā’’ icceva (dī. ni. 1.2) vuttaṃ. Ime bhikkhū mama guṇe thomenti, kathaṃ? Mama pubbenivāsañāṇaṃ ārabbhāti yojanā. Nipphattinti kiccanipphattiṃ, tena kātabbakiccasiddhanti attho. Noti pucchāvācī nu-iti iminā samānattho nipātoti vuttaṃ ‘‘iccheyyātha nū’’ti. Nanti bhagavantaṃ. ‘‘Yaṃ bhagavā’’ti ettha yaṃ-saddena kiriyāparāmasanabhūtena ‘‘dhammiṃ kathaṃ katheyyā’’ti evaṃ vuttaṃ. Dhammikathākaraṇaṃ parāmaṭṭhaṃ ‘‘etassā’’ti padassa atthoti āha ‘‘etassa dhammikathākaraṇassā’’ti, ādaravasena pana taṃ dvikkhattuṃ vuttaṃ.

    . สุณาถาติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, ปการโตฺถ วา, เอเตน ‘‘มนสิ กโรถา’’ติ ปทํ สงฺคณฺหาติฯ โสตาวธานํ โสตสฺส โอทหนํ, สุสฺสูสาติ อโตฺถฯ ฉินฺนํ อุปจฺฉินฺนํ วฎุมํ สํสารวฎฺฎํ เอเตสนฺติ ฉินฺนวฎุมกา, สมฺมาสมฺพุทฺธา, อเญฺญ จ ขีณาสวา, อิธ ปน สมฺมาสมฺพุทฺธา อธิเปฺปตาฯ เตสญฺหิ สพฺพโส อนุสฺสรณํ อิตเรสํ อวิสโยฯ เตนาห ‘‘อเญฺญสํ อสาธารณ’’นฺติฯ ปจฺจตฺตวจเน ทิสฺสติ ยํ-สโทฺท กมฺมตฺถทีปนโตฯ อุปโยควจเน ทิสฺสติ ยํ-สโทฺท ปุจฺฉนกิริยาย กมฺมตฺถทีปนโตฯ นฺติ จ อุปโยควจนเมว ปุจฺฉติ-สทฺทสฺส ทฺวิกมฺมกภาวโตฯ นฺติ เยน การเณนาติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘กรณวจเน ทิสฺสตี’’ติฯ ภุเมฺมติ ทฎฺฐโพฺพติ ยถา ยํ-สโทฺท น เกวลํ ปจฺจตฺตอุปโยเคสุ เอว, อถ โข กรเณปิ ทิสฺสติ, เอวํ อิธ ภุเมฺมติ ทฎฺฐโพฺพฯ ทสสหสฺสิโลกธาตุนฺติ ชาติเกฺขตฺตภูตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬํฯ อุนฺนาเทโนฺต อุปฺปชฺชิ อเนกจฺฉริยปาตุภาวปฎิมณฺฑิตตฺตา พุทฺธุปฺปาทสฺสฯ

    4.Suṇāthāti ettha iti-saddo ādiattho, pakārattho vā, etena ‘‘manasi karothā’’ti padaṃ saṅgaṇhāti. Sotāvadhānaṃ sotassa odahanaṃ, sussūsāti attho. Chinnaṃ upacchinnaṃ vaṭumaṃ saṃsāravaṭṭaṃ etesanti chinnavaṭumakā, sammāsambuddhā, aññe ca khīṇāsavā, idha pana sammāsambuddhā adhippetā. Tesañhi sabbaso anussaraṇaṃ itaresaṃ avisayo. Tenāha ‘‘aññesaṃ asādhāraṇa’’nti. Paccattavacane dissati yaṃ-saddo kammatthadīpanato. Upayogavacane dissati yaṃ-saddo pucchanakiriyāya kammatthadīpanato. Tanti ca upayogavacanameva pucchati-saddassa dvikammakabhāvato. Yanti yena kāraṇenāti ayamettha atthoti āha ‘‘karaṇavacane dissatī’’ti. Bhummeti daṭṭhabboti yathā yaṃ-saddo na kevalaṃ paccattaupayogesu eva, atha kho karaṇepi dissati, evaṃ idha bhummeti daṭṭhabbo. Dasasahassilokadhātunti jātikkhettabhūtaṃ dasasahassacakkavāḷaṃ. Unnādento uppajji anekacchariyapātubhāvapaṭimaṇḍitattā buddhuppādassa.

    กาลสฺส ภทฺทตา นาม ตตฺถ สตฺตานํ คุณวิภูติยา, พุทฺธุปฺปาทปรมา จ คุณวิภูตีติ ตพฺพหุลตา ยสฺส กปฺปสฺส ภทฺทตาติ อาห ‘‘ปญฺจพุทฺธุปฺปาทปฎิมณฺฑิตตฺตา สุนฺทรกเปฺป’’ติ, ตถา สารภูตคุณวเสน ‘‘สารกเปฺป’’ติ ฯ ‘‘อิมํ กปฺปํ โถเมโนฺต เอวมาหา’’ติ วตฺวา อิมสฺส กปฺปสฺส ตถา โถเมตพฺพตา อนญฺญสาธารณาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยโต ปฎฺฐายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยโต ปฎฺฐายาติ ยโต ปภุติ อภินีหาโร กโตติ มนุสฺสตฺตาทิอฎฺฐงฺคสมนฺนาคโต อภินีหาโร ปวตฺติโตฯ สํสารสฺส อนาทิภาวโต อิมสฺส ภควโต อภินีหารโต ปุเรตรํ อุปฺปนฺนา สมฺมาสมฺพุทฺธา อนนฺตา อปริเมยฺยาติ เตหิ อุปฺปนฺนกเปฺป นิวเตฺตโนฺต ‘‘เอตสฺมิํ อนฺตเร’’ติ อาหฯ กามํ ทีปงฺกรพุทฺธุปฺปาเท อยํ ภควา อภินีหารมกาสิ, ตสฺส ปน ภควโต นิพฺพตฺติ อิมสฺส อภินีหารโต ปุริมตราติ วุตฺตํ ‘‘อมฺหากํ…เป.… นิพฺพตฺติํสู’’ติฯ

    Kālassa bhaddatā nāma tattha sattānaṃ guṇavibhūtiyā, buddhuppādaparamā ca guṇavibhūtīti tabbahulatā yassa kappassa bhaddatāti āha ‘‘pañcabuddhuppādapaṭimaṇḍitattā sundarakappe’’ti, tathā sārabhūtaguṇavasena ‘‘sārakappe’’ti . ‘‘Imaṃ kappaṃ thomento evamāhā’’ti vatvā imassa kappassa tathā thometabbatā anaññasādhāraṇāti dassetuṃ ‘‘yato paṭṭhāyā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yato paṭṭhāyāti yato pabhuti abhinīhāro katoti manussattādiaṭṭhaṅgasamannāgato abhinīhāro pavattito. Saṃsārassa anādibhāvato imassa bhagavato abhinīhārato puretaraṃ uppannā sammāsambuddhā anantā aparimeyyāti tehi uppannakappe nivattento ‘‘etasmiṃ antare’’ti āha. Kāmaṃ dīpaṅkarabuddhuppāde ayaṃ bhagavā abhinīhāramakāsi, tassa pana bhagavato nibbatti imassa abhinīhārato purimatarāti vuttaṃ ‘‘amhākaṃ…pe… nibbattiṃsū’’ti.

    อสเงฺขฺยยฺยกปฺปปริโยสาเนติ มหากปฺปานํ อสเงฺขฺยยฺยปริโยสาเนฯ เอส นโย อิโต ปเรสุปิฯ ‘‘อิโต ติํสกปฺปสหสฺสานํ อุปรี’’ติ เอเตน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต, สุเมธสฺส จ ภควโต อนฺตเร เอกูนสตฺตติกปฺปสหสฺสานิ พุทฺธสุญฺญานิ อเหสุนฺติ ทเสฺสติฯ ‘‘อิโต อฎฺฐารสนฺนํ กปฺปสหสฺสานํ อุปรี’’ติ อิมินา สุชาตสฺส ภควโต, อตฺถทสฺสิสฺส จ ภควโต อนฺตเร เอเกนูนานิ ทฺวาทสกปฺปสหสฺสานิ พุทฺธสุญฺญานิ อเหสุนฺติ ทเสฺสติฯ ‘‘อิโต จตุนวุเต กเปฺป’’ติ อิมินา ธมฺมทสฺสิสฺส ภควโต, สิทฺธตฺถสฺส จ ภควโต อนฺตเร ฉาธิกนวสตุตฺตรานิ สตฺตรสกปฺปสหสฺสานิ พุทฺธสุญฺญานิ อเหสุนฺติ ทเสฺสติฯ ‘‘เอกติํเส กเปฺป’’ติ อิมินา วิปสฺสิสฺส ภควโต, สิขิสฺส จ ภควโต อนฺตเร สฎฺฐิ กปฺปานิ พุทฺธสุญฺญานิ อเหสุนฺติ ทเสฺสติฯ เต สเพฺพปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต โอรํ สุเมธาทีหิ อุปฺปนฺนกเปฺปหิ สทฺธิํ สโมธานิยมานา สตสหสฺสา กปฺปา โหนฺติ, ยตฺถ มหาสาวกาทโย (เถรคา. อฎฺฐ. ๒.๒๑ วงฺคีสเตฺถรคาถาวณฺณนา) วิวฎฺฎู ปนิสฺสยานิ กุสลานิ สมฺภริํสุฯ พุทฺธสุเญฺญปิ โลเก ปเจฺจกพุทฺธา อุปฺปชฺชิตฺวา เตสํ ปุริสวิเสสานํ ปุญฺญาภิสนฺทาภิพุทฺธิยา ปจฺจยา โหนฺติฯ ‘‘เอวมย’’นฺติอาทิ วุตฺตเมวตฺถํ นิคมนวเสน วทติฯ

    Asaṅkhyeyyakappapariyosāneti mahākappānaṃ asaṅkhyeyyapariyosāne. Esa nayo ito paresupi. ‘‘Ito tiṃsakappasahassānaṃ uparī’’ti etena padumuttarassa bhagavato, sumedhassa ca bhagavato antare ekūnasattatikappasahassāni buddhasuññāni ahesunti dasseti. ‘‘Ito aṭṭhārasannaṃ kappasahassānaṃ uparī’’ti iminā sujātassa bhagavato, atthadassissa ca bhagavato antare ekenūnāni dvādasakappasahassāni buddhasuññāni ahesunti dasseti. ‘‘Ito catunavute kappe’’ti iminā dhammadassissa bhagavato, siddhatthassa ca bhagavato antare chādhikanavasatuttarāni sattarasakappasahassāni buddhasuññāni ahesunti dasseti. ‘‘Ekatiṃse kappe’’ti iminā vipassissa bhagavato, sikhissa ca bhagavato antare saṭṭhi kappāni buddhasuññāni ahesunti dasseti. Te sabbepi padumuttarassa bhagavato oraṃ sumedhādīhi uppannakappehi saddhiṃ samodhāniyamānā satasahassā kappā honti, yattha mahāsāvakādayo (theragā. aṭṭha. 2.21 vaṅgīsattheragāthāvaṇṇanā) vivaṭṭū panissayāni kusalāni sambhariṃsu. Buddhasuññepi loke paccekabuddhā uppajjitvā tesaṃ purisavisesānaṃ puññābhisandābhibuddhiyā paccayā honti. ‘‘Evamaya’’ntiādi vuttamevatthaṃ nigamanavasena vadati.

    ‘‘กิํ ปเนต’’นฺติอาทิ ปุพฺพนิมิตฺตวิภาวนตฺถาย อารทฺธํฯ ตตฺถ เอตนฺติ พุทฺธานํ อุปฺปชฺชนํฯ กปฺปสณฺฐานกาลสฺมินฺติ วิวฎฺฎกปฺปสฺส สณฺฐหนกาเลฯ เอกมสเงฺขฺยยฺยนฺติ สํวฎฺฎฎฺฐายิํ สนฺธายาหฯ เอกงฺคณํ หุตฺวา ฐิเตติ ปพฺพตรุกฺขคจฺฉาทีนํ, เมฆาทีนญฺจ อภาเวน วิวฎํองฺคณํ หุตฺวา ฐิเตฯ โลกสนฺนิวาเสติ ภาชนโลเกน สนฺนิวิสิตพฺพฎฺฐาเนฯ วีสติ ยฎฺฐิโย อุสภํฯ ‘‘อุสภมตฺตา, เทฺว อุสภมตฺตา’’ติอาทินา ปเจฺจกํ มตฺตา-สโทฺท โยเชตโพฺพฯ โยชนสหสฺสมตฺตา หุตฺวาติ ปตมานาว อุทกธารา โยชนสหสฺสมตฺตํ อากาสฎฺฐานํ ผริตฺวา ปวตฺติยา โยชนสหสฺสมตฺตา หุตฺวาฯ ยาว อวินฎฺฐพฺรหฺมโลกาติ ยาว อาภสฺสรพฺรหฺมโลกา, ยาว สุภกิณฺหพฺรหฺมโลกา, ยาว เวหปฺผลพฺรหฺมโลกาติ อโตฺถฯ

    ‘‘Kiṃ paneta’’ntiādi pubbanimittavibhāvanatthāya āraddhaṃ. Tattha etanti buddhānaṃ uppajjanaṃ. Kappasaṇṭhānakālasminti vivaṭṭakappassa saṇṭhahanakāle. Ekamasaṅkhyeyyanti saṃvaṭṭaṭṭhāyiṃ sandhāyāha. Ekaṅgaṇaṃ hutvā ṭhiteti pabbatarukkhagacchādīnaṃ, meghādīnañca abhāvena vivaṭaṃaṅgaṇaṃ hutvā ṭhite. Lokasannivāseti bhājanalokena sannivisitabbaṭṭhāne. Vīsati yaṭṭhiyo usabhaṃ. ‘‘Usabhamattā, dve usabhamattā’’tiādinā paccekaṃ mattā-saddo yojetabbo. Yojanasahassamattā hutvāti patamānāva udakadhārā yojanasahassamattaṃ ākāsaṭṭhānaṃ pharitvā pavattiyā yojanasahassamattā hutvā. Yāva avinaṭṭhabrahmalokāti yāva ābhassarabrahmalokā, yāva subhakiṇhabrahmalokā, yāva vehapphalabrahmalokāti attho.

    วาตวเสนาติ สฎฺฐิสหสฺสาธิกนวโยชนสตสหสฺสุเพฺพธสฺส สนฺธารกวาตมณฺฑลสฺส วเสนฯ มหาโพธิปลฺลโงฺกติ มหาโพธิปลฺลงฺกปฺปเทสมาหฯ ตสฺส ปจฺฉา วินาโส, ปฐมํ สณฺฐหนญฺจ ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺพํฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ปเทเสฯ ปุพฺพนิมิตฺตํ หุตฺวาติ พุทฺธปฺปาทสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ หุตฺวาฯ ปุพฺพนิมิตฺตสนฺนิสฺสโย หิ คโจฺฉ นิสฺสิตโวหาเรน ตถา วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิฯ กณฺณิกาพทฺธานิ หุตฺวาติ อาพทฺธกณฺณิกา วิย หุตฺวาฯ สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน อตฺตมนา…เป.… คจฺฉนฺตีติ โยชนาฯ เวหปฺผเลปิ สุภกิเณฺห สงฺคเหตฺวา ‘‘นว พฺรหฺมโลกา’’ติ วุตฺตํฯ ตถา หิ เต จตุตฺถิํเยว วิญฺญาณฎฺฐิติํ ภชนฺติฯ นิกฺขมเนฺตสูติ มหาภินิกฺขมนํ อภินิกฺขมเนฺตสุฯ อภิชาติ ปเนตฺถ ชาติภาวสามเญฺญน คโพฺภกฺกนฺติยาว สงฺคหิตาฯ นิมียติ อนุมียติ ผลํ เอเตนาติ นิมิตฺตํ, การณํฯ ญาปกมฺปิ หิ การณํ ทิสฺวา ตสฺส อพฺยภิจารีภาเวน ผลํ สิทฺธเมว กตฺวา คณฺหิ, ยถา ตํ อสิโต อิสิ อภิชาติยํ มหาปุริสสฺส ลกฺขณานิ ทิสฺวา เตสํ อพฺยภิจารีภาเวน พุทฺธคุเณ สิเทฺธ เอว กตฺวา คณฺหิ, เอวํ ปน คยฺหมานํ ตนฺนิมิตฺตกํ ผลํ ตทานุภาเวน สิทฺธํ วิย โวหรียติ ตพฺภาเว ภาวโตฯ เตนาห ‘‘เตสํ นิมิตฺตานํ อานุภาเวนา’’ติอาทิฯ ตถา จาห ภควา ‘‘โส เตน ลกฺขเณน สมนฺนาคโต…เป.… ราชา สมาโน กิํ ลภติ, พุโทฺธ สมาโน กิํ ลภตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๐๒, ๒๐๔) จ เอวมาทิฯ อิมมตฺถนฺติ ปญฺจ พุทฺธา อิมสฺมิํ กเปฺป อุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ อิมมตฺถํ ยาถาวโต ชานิํสุฯ

    Vātavasenāti saṭṭhisahassādhikanavayojanasatasahassubbedhassa sandhārakavātamaṇḍalassa vasena. Mahābodhipallaṅkoti mahābodhipallaṅkappadesamāha. Tassa pacchā vināso, paṭhamaṃ saṇṭhahanañca dhammatāvasena veditabbaṃ. Tatthāti tasmiṃ padese. Pubbanimittaṃ hutvāti buddhappādassa pubbanimittaṃ hutvā. Pubbanimittasannissayo hi gaccho nissitavohārena tathā vutto. Tenāha ‘‘tassā’’tiādi. Kaṇṇikābaddhāni hutvāti ābaddhakaṇṇikā viya hutvā. Suddhāvāsabrahmāno attamanā…pe… gacchantīti yojanā. Vehapphalepi subhakiṇhe saṅgahetvā ‘‘nava brahmalokā’’ti vuttaṃ. Tathā hi te catutthiṃyeva viññāṇaṭṭhitiṃ bhajanti. Nikkhamantesūti mahābhinikkhamanaṃ abhinikkhamantesu. Abhijāti panettha jātibhāvasāmaññena gabbhokkantiyāva saṅgahitā. Nimīyati anumīyati phalaṃ etenāti nimittaṃ, kāraṇaṃ. Ñāpakampi hi kāraṇaṃ disvā tassa abyabhicārībhāvena phalaṃ siddhameva katvā gaṇhi, yathā taṃ asito isi abhijātiyaṃ mahāpurisassa lakkhaṇāni disvā tesaṃ abyabhicārībhāvena buddhaguṇe siddhe eva katvā gaṇhi, evaṃ pana gayhamānaṃ tannimittakaṃ phalaṃ tadānubhāvena siddhaṃ viya voharīyati tabbhāve bhāvato. Tenāha ‘‘tesaṃ nimittānaṃ ānubhāvenā’’tiādi. Tathā cāha bhagavā ‘‘so tena lakkhaṇena samannāgato…pe… rājā samāno kiṃ labhati, buddho samāno kiṃ labhatī’’ti (dī. ni. 3.202, 204) ca evamādi. Imamatthanti pañca buddhā imasmiṃ kappe uppajjissantīti imamatthaṃ yāthāvato jāniṃsu.

    ชาติปริเจฺฉทาทิวณฺณนา

    Jātiparicchedādivaṇṇanā

    ๕-๗. กปฺปปริเจฺฉทวเสนาติ ‘‘อิโต โส เอกนวุเต กเปฺป’’ติอาทินา ยตฺถ ยตฺถ กเปฺป เต เต พุทฺธา อุปฺปนฺนา, ตสฺส ตสฺส กปฺปสฺส ปริจฺฉินฺทนวเสน ปริชานนวเสนฯ ‘‘อิทํ ต’’นฺติ หิ นิยเมตฺวา ปริจฺฉิชฺช ชานนํ ปริจฺฉินฺทนํ ปริเจฺฉโทฯ ปริตฺตนฺติ อิตฺตรํฯ ลหุกนฺติ สลฺลหุกํ, อายุโน อธิเปฺปตตฺตา รสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เตนาห ‘‘อุภยเมตํ อปฺปกเสฺสว เววจน’’นฺติฯ

    5-7.Kappaparicchedavasenāti ‘‘ito so ekanavute kappe’’tiādinā yattha yattha kappe te te buddhā uppannā, tassa tassa kappassa paricchindanavasena parijānanavasena. ‘‘Idaṃ ta’’nti hi niyametvā paricchijja jānanaṃ paricchindanaṃ paricchedo. Parittanti ittaraṃ. Lahukanti sallahukaṃ, āyuno adhippetattā rassanti vuttaṃ hoti. Tenāha ‘‘ubhayametaṃ appakasseva vevacana’’nti.

    ‘‘อปฺปํ วา ภิโยฺย’’ติ อวิเสสโชตนํ ‘‘วีสํ วา ติํสํ วา’’ติอาทินา อนิยมิตวเสเนว ยถาลาภโต ววตฺถเปตฺวา อยญฺจ นโย อปจุโรติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอวํ ทีฆายุโก ปน อติทุลฺลโภ’’ติ อาหฯ อิทํ ตํ วิเสสววตฺถาปนํ ปุคฺคเลสุ ปกฺขิปิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ วิสาขา’’ติอาทิมาหฯ

    ‘‘Appaṃ vā bhiyyo’’ti avisesajotanaṃ ‘‘vīsaṃ vā tiṃsaṃ vā’’tiādinā aniyamitavaseneva yathālābhato vavatthapetvā ayañca nayo apacuroti dassento ‘‘evaṃ dīghāyuko pana atidullabho’’ti āha. Idaṃ taṃ visesavavatthāpanaṃ puggalesu pakkhipitvā dassento ‘‘tattha visākhā’’tiādimāha.

    ยทิ เอวํ กสฺมา อมฺหากํ ภควา ตตฺตกมฺปิ กาลํ น ชีวิ, นนุ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว อติวิยอุฬารตเมน ปุญฺญาภิสงฺขาเรน ปฎิสนฺธิํ คณฺหนฺตีติ? สจฺจเมตนฺติฯ ตตฺถ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘วิปสฺสีอาทโย ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อภิชาติยา เมตฺตาฐานตาย อภิสงฺขารวิญฺญาณสฺส เมตฺตาปุพฺพภาคตาฯ ตทนุคุณญฺหิ เตสํ วิเสสโต ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํฯ ตสฺส วิเสสโต พหุลํ เขมวิตกฺกูปนิสฺสยตาย โสมนสฺสสหคตตา, อนญฺญสาธารณปโรปเทสรหิตญาณวิเสสูปนิสฺสยตาย ญาณสมฺปยุตฺตตา, อสงฺขาริกตา จ เวทิตพฺพา, อสเงฺขฺยยฺยํ อายุ อาธารวิเสสโต, นิสฺสยวิเสสโต, ปฎิปกฺขทูรีภาวโต, ปวตฺติอาการวิเสสโต จ อปริเมยฺยานุภาวตาย การณสฺสฯ ตตฺถ จิรตรํ กาลํ สนฺตานสฺส ปารมิตาปริภาวิตตา อาธารวิเสสตาฯ อโลภชฺฌาสยาทิอาสยสมฺปทา นิสฺสยวิเสสตาฯ ลาภมจฺฉริยาทิปาปธมฺมวิกฺขมฺภนํ ปฎิปกฺขทูรีภาโวฯ สพฺพสตฺตานํ สกลวฎฺฎทุกฺขนิสฺสรณตฺถาย อายูหนา ปวตฺติอาการวิเสโส เวทิตโพฺพฯ

    Yadi evaṃ kasmā amhākaṃ bhagavā tattakampi kālaṃ na jīvi, nanu mahābodhisattā carimabhave ativiyauḷāratamena puññābhisaṅkhārena paṭisandhiṃ gaṇhantīti? Saccametanti. Tattha kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘vipassīādayo panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha abhijātiyā mettāṭhānatāya abhisaṅkhāraviññāṇassa mettāpubbabhāgatā. Tadanuguṇañhi tesaṃ visesato paṭisandhiviññāṇaṃ. Tassa visesato bahulaṃ khemavitakkūpanissayatāya somanassasahagatatā, anaññasādhāraṇaparopadesarahitañāṇavisesūpanissayatāya ñāṇasampayuttatā, asaṅkhārikatā ca veditabbā, asaṅkhyeyyaṃ āyu ādhāravisesato, nissayavisesato, paṭipakkhadūrībhāvato, pavattiākāravisesato ca aparimeyyānubhāvatāya kāraṇassa. Tattha cirataraṃ kālaṃ santānassa pāramitāparibhāvitatā ādhāravisesatā. Alobhajjhāsayādiāsayasampadā nissayavisesatā. Lābhamacchariyādipāpadhammavikkhambhanaṃ paṭipakkhadūrībhāvo. Sabbasattānaṃ sakalavaṭṭadukkhanissaraṇatthāya āyūhanā pavattiākāraviseso veditabbo.

    อยญฺจ นโย สเพฺพสํ มหาโพธิสตฺตานํ จริมภวาภินิพฺพตฺตกกมฺมายูหเน สาธารโณติ ตสฺส ผเลนาปิ เอกสทิเสเนว ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อิติ สเพฺพ พุทฺธา อสเงฺขฺยยฺยายุกา’’ติ, อสเงฺขฺยยฺยกาลาวตฺถานายุกาติ อโตฺถฯ อสเงฺขฺยยฺยายุกสํวตฺตนสมตฺถํ ปริจิตํ กมฺมํ โหติ, พุทฺธา ปน ตทา มนุสฺสานํ ปรมายุปฺปมาณานุรูปเมว กาลํ ฐตฺวา ปรินิพฺพายนฺติ ตโต ปรํ ฐตฺวา สาเธตพฺพปโยชนาภาวโต, ธมฺมตาเวสาติ วา เวทิตพฺพาฯ อฎฺฐกถายํ ปน ตโต ปรํ ปน อฎฺฐานสฺส ‘‘อุตุโภชนวิปตฺติยา’’ติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๕) การณํ วุตฺตํ, ‘‘ตํ โลกสาธารณํ โลเก ชาตสํวุทฺธานํ ตถาคตานํ น โหตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํฯ ตถา หิ เนสํ โรคกิลมถาทโย โหนฺติเยวฯ อุตุโภชนวเสนาติ อสมฺปนฺนสฺส, สมฺปนฺนสฺส จ อุตุโน, โภชนสฺส จ วเสน ยถากฺกมํ อายุ หายติปิ วฑฺฒติปิฯ อายูติ จ ปรมายุ อธิเปฺปตํฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลาทิฎีกายํ (ที. นิ. ฎี. ๑.๔๐) วุตฺตเมวฯ

    Ayañca nayo sabbesaṃ mahābodhisattānaṃ carimabhavābhinibbattakakammāyūhane sādhāraṇoti tassa phalenāpi ekasadiseneva bhavitabbanti āha ‘‘iti sabbe buddhā asaṅkhyeyyāyukā’’ti, asaṅkhyeyyakālāvatthānāyukāti attho. Asaṅkhyeyyāyukasaṃvattanasamatthaṃ paricitaṃ kammaṃ hoti, buddhā pana tadā manussānaṃ paramāyuppamāṇānurūpameva kālaṃ ṭhatvā parinibbāyanti tato paraṃ ṭhatvā sādhetabbapayojanābhāvato, dhammatāvesāti vā veditabbā. Aṭṭhakathāyaṃ pana tato paraṃ pana aṭṭhānassa ‘‘utubhojanavipattiyā’’ti (dī. ni. aṭṭha. 2.5) kāraṇaṃ vuttaṃ, ‘‘taṃ lokasādhāraṇaṃ loke jātasaṃvuddhānaṃ tathāgatānaṃ na hotī’’ti na sakkā vattuṃ. Tathā hi nesaṃ rogakilamathādayo hontiyeva. Utubhojanavasenāti asampannassa, sampannassa ca utuno, bhojanassa ca vasena yathākkamaṃ āyu hāyatipi vaḍḍhatipi. Āyūti ca paramāyu adhippetaṃ. Tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ brahmajālādiṭīkāyaṃ (dī. ni. ṭī. 1.40) vuttameva.

    อิทานิ ตมตฺถํ สมุทาคมโต ปฎฺฐาย ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ ยทา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ธเมฺม นิยุตฺตา ธมฺมิกา, น ธมฺมิกา อธมฺมิกา, หิํสาทิอธมฺมปสุตาฯ อธมฺมิกเมว โหติ อิสฺสรชนานํ อนุวตฺตเนน, ปเรสํ ทิฎฺฐานุคติอาปชฺชเนน จฯ อุณฺหวลาหกา เทวตาติ อุณฺหอุตุโน ปจฺจยภูตเมฆมาลาสมุฎฺฐาปกา เทวปุตฺตาฯ เตสํ กิร ตถา จิตฺตุปฺปาทสมกาลเมว ยถิจฺฉิตฎฺฐานํ อุณฺหํ ผรมานา วลาหกมาลา นาติพหลา อิโต จิโต นภํ ฉาเทนฺตี วิตโนติฯ เอส นโย สีตวลาหกวสฺสวลาหกาสุฯ อพฺภวลาหกา ปน เทวตา สีตุณฺหวเสฺสหิ วินา เกวลํ อพฺภปฎลเสฺสว สมุฎฺฐาปกา เวทิตพฺพาฯ ตาสนฺติ เอตฺถ ‘‘มิตฺตา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา โยชนาฯ กามํ เหฎฺฐา วุตฺตา สตฺตวิธาปิ เทวตา จาตุมหาราชิกาว ตา ปน เตน เตน วิเสเสน วตฺวา อิทานิ ตทเญฺญ ปฐมภูมิเก กามาวจรเทเว สามญฺญโต คณฺหโนฺต ‘‘จาตุมหาราชิกา’’ติ อาหฯ ตาสํ อธมฺมิกตายาติ ราชูนํ อธมฺมิกภาวมูลเกน อุปราชาทิอธมฺมิกภาวปรมฺปราภเตน ตาสํ เทวตานํ อธมฺมิกภาเวนฯ วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺตีติ พหฺวาพาธตาทิ อนิฎฺฐผลูปนิสฺสยภูตสฺส ยถาวุตฺตอธมฺมิกตาสญฺญิตสฺส สาธารณสฺส ปาปกมฺมสฺส พเลน วิสมํ วายเนฺตน วายุนา ปีฬิยมานา จนฺทิมสูริยา สิเนรุํ ปริกฺขิปนฺตา วิสมํ ปริวตฺตนฺติ ยถามเคฺคน นปฺปวตฺตนฺตีติ ฯ อสฺสิทํ ยถา จนฺทิมสูริยานํ วิสมปริวตฺตนํ วิสมวาตสโงฺขภเหตุกํ, เอวํ อุตุวสฺสาทิวิสมปฺปวตฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘วาโต ยถามเคฺคน น วายตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เทวตานนฺติ สีตวลาหกเทวตาทิเทวตานํฯ เตนาห ‘‘สีตุณฺหเภโท อุตู’’ติอาทิฯ ตสฺมิํ อสมฺปชฺชเนฺตติ ตสฺมิํ ยถาวุเตฺต วสฺสพีชภูเต อุตุมฺหิ ยถากาลํ สมฺปตฺติํ อนุปคจฺฉเนฺตฯ

    Idāni tamatthaṃ samudāgamato paṭṭhāya dassetuṃ ‘‘tattha yadā’’tiādi vuttaṃ. Dhamme niyuttā dhammikā, na dhammikā adhammikā, hiṃsādiadhammapasutā. Adhammikameva hoti issarajanānaṃ anuvattanena, paresaṃ diṭṭhānugatiāpajjanena ca. Uṇhavalāhakā devatāti uṇhautuno paccayabhūtameghamālāsamuṭṭhāpakā devaputtā. Tesaṃ kira tathā cittuppādasamakālameva yathicchitaṭṭhānaṃ uṇhaṃ pharamānā valāhakamālā nātibahalā ito cito nabhaṃ chādentī vitanoti. Esa nayo sītavalāhakavassavalāhakāsu. Abbhavalāhakā pana devatā sītuṇhavassehi vinā kevalaṃ abbhapaṭalasseva samuṭṭhāpakā veditabbā. Tāsanti ettha ‘‘mittā’’ti padaṃ ānetvā yojanā. Kāmaṃ heṭṭhā vuttā sattavidhāpi devatā cātumahārājikāva tā pana tena tena visesena vatvā idāni tadaññe paṭhamabhūmike kāmāvacaradeve sāmaññato gaṇhanto ‘‘cātumahārājikā’’ti āha. Tāsaṃ adhammikatāyāti rājūnaṃ adhammikabhāvamūlakena uparājādiadhammikabhāvaparamparābhatena tāsaṃ devatānaṃ adhammikabhāvena. Visamaṃ candimasūriyā pariharantīti bahvābādhatādi aniṭṭhaphalūpanissayabhūtassa yathāvuttaadhammikatāsaññitassa sādhāraṇassa pāpakammassa balena visamaṃ vāyantena vāyunā pīḷiyamānā candimasūriyā sineruṃ parikkhipantā visamaṃ parivattanti yathāmaggena nappavattantīti . Assidaṃ yathā candimasūriyānaṃ visamaparivattanaṃ visamavātasaṅkhobhahetukaṃ, evaṃ utuvassādivisamappavattīti dassetuṃ ‘‘vāto yathāmaggena na vāyatī’’tiādi vuttaṃ. Devatānanti sītavalāhakadevatādidevatānaṃ. Tenāha ‘‘sītuṇhabhedo utū’’tiādi. Tasmiṃ asampajjanteti tasmiṃ yathāvutte vassabījabhūte utumhi yathākālaṃ sampattiṃ anupagacchante.

    ‘‘น สมฺมา เทโว วสฺสตี’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘กทาจี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ กทาจิ วสฺสตีติ กทาจิ อวสฺสนกาเล วสฺสติฯ กทาจิ น วสฺสตีติ กทาจิ วสฺสิตพฺพกาเล น วสฺสติฯ กตฺถจิ วสฺสติ, กตฺถจิ น วสฺสตีติ ปเทสมาหฯ ‘‘วสฺสโนฺตปี’’ติอาทิ ‘‘กทาจิ วสฺสติ, กทาจิ น วสฺสตี’’ติ ปททฺวยเสฺสว อตฺถวิวรณํฯ วิคตคนฺธวณฺณรสาทีติ อาทิ-สเทฺทน นิโรชตํ สงฺคณฺหาติฯ เอกสฺมิํ ปเทเสติ ภตฺตปจนภาชนสฺส เอกปเสฺสฯ อุตฺตณฺฑุลนฺติ ปากโต อุกฺกนฺตตณฺฑุลํฯ ตีหากาเรหีติ สพฺพโส อปริณตํ, เอกเทเสน ปริณตํ, ทุปริณตญฺจาติ เอวํ ตีหากาเรหิฯ ปจฺจติ ปกฺกาสยํ อุปคจฺฉติฯ อปฺปายุกาติ เอตฺถ ‘‘ทุพฺพณฺณา จา’’ติปิ วตฺตพฺพํฯ เอวํ อุตุโภชนวเสน อายุ หายติ เหตุมฺหิ อปริกฺขีเณปิ ปจฺจยสฺส ปริทุพฺพลตฺตาฯ

    ‘‘Na sammā devo vassatī’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vivaranto ‘‘kadācī’’tiādimāha. Tattha kadāci vassatīti kadāci avassanakāle vassati. Kadāci na vassatīti kadāci vassitabbakāle na vassati. Katthaci vassati, katthaci na vassatīti padesamāha. ‘‘Vassantopī’’tiādi ‘‘kadāci vassati, kadāci na vassatī’’ti padadvayasseva atthavivaraṇaṃ. Vigatagandhavaṇṇarasādīti ādi-saddena nirojataṃ saṅgaṇhāti. Ekasmiṃ padeseti bhattapacanabhājanassa ekapasse. Uttaṇḍulanti pākato ukkantataṇḍulaṃ. Tīhākārehīti sabbaso apariṇataṃ, ekadesena pariṇataṃ, dupariṇatañcāti evaṃ tīhākārehi. Paccati pakkāsayaṃ upagacchati. Appāyukāti ettha ‘‘dubbaṇṇā cā’’tipi vattabbaṃ. Evaṃ utubhojanavasena āyu hāyati hetumhi aparikkhīṇepi paccayassa paridubbalattā.

    ‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิ สุกฺกปกฺขสฺส อโตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Yadā panā’’tiādi sukkapakkhassa attho vuttavipariyāyena veditabbo.

    วฑฺฒิตฺวา วฑฺฒิตฺวา ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพํฯ กสฺมา? น หิ เอกสฺมิํ อนฺตรกเปฺป อเนเก พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, เอโก เอว ปน อุปฺปชฺชตีติฯ อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ จตฺตาริ ฐตฺวาติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํฯ ยํยํอายุปริมาเณสูติ ยตฺตกยตฺตกปรมายุปฺปมาเณสุฯ เตสมฺปีติ พุทฺธานํฯ ตํ ตเทว อายุปริมาณํ โหติ, ตตฺถ การณํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ

    Vaḍḍhitvāvaḍḍhitvā parihīnanti veditabbaṃ. Kasmā? Na hi ekasmiṃ antarakappe aneke buddhā uppajjanti, eko eva pana uppajjatīti. Idāni tamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘katha’’ntiādi vuttaṃ. Cattāri ṭhatvāti accantasaṃyoge upayogavacanaṃ. Yaṃyaṃāyuparimāṇesūti yattakayattakaparamāyuppamāṇesu. Tesampīti buddhānaṃ. Taṃ tadeva āyuparimāṇaṃ hoti, tattha kāraṇaṃ heṭṭhā vuttameva.

    ชาติปริเจฺฉทาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตา

    Jātiparicchedādivaṇṇanā niṭṭhitā

    โพธิปริเจฺฉทวณฺณนา

    Bodhiparicchedavaṇṇanā

    . มูเลติ มูลาวยวสฺส สมีเปฯ ตํ ปน ตสฺสา เหฎฺฐาปเทโส โหตีติ อาห ‘‘ปาฎลิรุกฺขสฺส เหฎฺฐา’’ติฯ ตํทิวสนฺติ อตฺตนา ชาตทิวเส, ตํทิวสนฺติ วา ตํ ภควโต อภิสโมฺพธิทิวเสฯ โส กิร โพธิรุโกฺข สาลกลฺยาณี วิย ปถวิยา อพฺภนฺตเร เอว ปุเรตรํ วเฑฺฒโนฺต อภิสโมฺพธิทิวเส ปถวิํ อุพฺภิชฺชิตฺวา อุฎฺฐิโต รตนสตํ อุโจฺจ, ตาวเทว จ วิตฺถโต หุตฺวา นภํ ปูเรโนฺต อฎฺฐาสิฯ อยมฺปิ กิเรตสฺส รุกฺขภาเวน วิย อเญฺญหิ เวมตฺตตาฯ ฆนสํหตนาฬวณฺฎตาย กณฺณิกพเทฺธหิ วิย ปุเปฺผหิฯ เอกสญฺฉนฺนาติ ปุปฺผานํ นิรนฺตรตาย เอกชฺฌํ สญฺฉนฺนา, ตตฺถ ตตฺถ นิพทฺธ…เป.… สมุชฺชลนฺติ ตหํ ตหํ โอลมฺพิตกุสุมทาเมหิ เจว ตหํ ตหํ ขิตฺตมาลาปิณฺฑีหิ จ อิโต จิโต วิปฺปกิณฺณวิวิธวณฺฎมุตฺตปุเปฺผหิ จ สมฺมเทว อุชฺชลํฯ อญฺญมญฺญํ สิรีสมฺปตฺตานีติ อญฺญมญฺญสฺส สิริยา โสภาย สมฺปนฺนานิฯ พุทฺธคุณวิภวสิรินฺติ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ อภิคนฺตพฺพคุณวิภูติโสภํฯ ปฎิวิชฺฌมาโนติ อธิคจฺฉโนฺตฯ

    8.Mūleti mūlāvayavassa samīpe. Taṃ pana tassā heṭṭhāpadeso hotīti āha ‘‘pāṭalirukkhassa heṭṭhā’’ti. Taṃdivasanti attanā jātadivase, taṃdivasanti vā taṃ bhagavato abhisambodhidivase. So kira bodhirukkho sālakalyāṇī viya pathaviyā abbhantare eva puretaraṃ vaḍḍhento abhisambodhidivase pathaviṃ ubbhijjitvā uṭṭhito ratanasataṃ ucco, tāvadeva ca vitthato hutvā nabhaṃ pūrento aṭṭhāsi. Ayampi kiretassa rukkhabhāvena viya aññehi vemattatā. Ghanasaṃhatanāḷavaṇṭatāya kaṇṇikabaddhehi viya pupphehi. Ekasañchannāti pupphānaṃ nirantaratāya ekajjhaṃ sañchannā, tattha tattha nibaddha…pe… samujjalanti tahaṃ tahaṃ olambitakusumadāmehi ceva tahaṃ tahaṃ khittamālāpiṇḍīhi ca ito cito vippakiṇṇavividhavaṇṭamuttapupphehi ca sammadeva ujjalaṃ. Aññamaññaṃ sirīsampattānīti aññamaññassa siriyā sobhāya sampannāni. Buddhaguṇavibhavasirinti sammāsambuddhehi abhigantabbaguṇavibhūtisobhaṃ. Paṭivijjhamānoti adhigacchanto.

    เสตมฺพรุโกฺขติ เสตวณฺณผโล อมฺพรุโกฺขฯ ตเทวาติ ปาฎลิยา วุตฺตปฺปมาณเมวฯ เอกโตติ เอกปเสฺสฯ สุรสานีติ สุมธุรรสานิฯ

    Setambarukkhoti setavaṇṇaphalo ambarukkho. Tadevāti pāṭaliyā vuttappamāṇameva. Ekatoti ekapasse. Surasānīti sumadhurarasāni.

    เอโกว ปลฺลโงฺกติ เอโกว ปลฺลงฺกปฺปเทโสฯ โส โส รุโกฺข ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ พุชฺฌนฺติ เอตฺถาติ กตฺวาฯ

    Ekova pallaṅkoti ekova pallaṅkappadeso. So so rukkho ‘‘bodhī’’ti vuccati bujjhanti etthāti katvā.

    สาวกยุคปริเจฺฉทวณฺณนา

    Sāvakayugaparicchedavaṇṇanā

    . สาวกปริเจฺฉเทติ สาวกยุคปริเจฺฉเทฯ ‘‘ขณฺฑติสฺส’’นฺติ เทฺวปิ เอกชฺฌํ คเหตฺวา เอกตฺตวเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ขโณฺฑ จ ติโสฺส จา’’ติ, พุทฺธานํ สโหทโร, เวมาติโกปิ วา เชฎฺฐภาตา น โหตีติ ‘‘เอกปิติโก กนิฎฺฐภาตา’’ติ วุตฺตํฯ อวเสเสหิ ปุเตฺตหิฯ ‘‘ปญฺญาปารมิยา มตฺถกํ ปโตฺต’’ติ วตฺวา ตสฺส มตฺถกปฺปตฺตํ คุณวิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘สิขินา ภควตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    9.Sāvakaparicchedeti sāvakayugaparicchede. ‘‘Khaṇḍatissa’’nti dvepi ekajjhaṃ gahetvā ekattavasena vuttanti āha ‘‘khaṇḍo ca tisso cā’’ti, buddhānaṃ sahodaro, vemātikopi vā jeṭṭhabhātā na hotīti ‘‘ekapitiko kaniṭṭhabhātā’’ti vuttaṃ. Avasesehi puttehi. ‘‘Paññāpāramiyā matthakaṃ patto’’ti vatvā tassa matthakappattaṃ guṇavisesaṃ dassetuṃ ‘‘sikhinā bhagavatā’’tiādi vuttaṃ.

    อุตฺตโรติ อุตฺตโมฯ ปุน อุตฺตโรติ เถรํ นาเมน วทติฯ ปารนฺติ ปรโกฎิมตฺถกํฯ ปญฺญาวิสเยติ ปญฺญาธิกาเรฯ ปวตฺติฎฺฐานวเสน หิ ปวตฺติํ วทติฯ

    Uttaroti uttamo. Puna uttaroti theraṃ nāmena vadati. Pāranti parakoṭimatthakaṃ. Paññāvisayeti paññādhikāre. Pavattiṭṭhānavasena hi pavattiṃ vadati.

    สาวกสนฺนิปาตปริเจฺฉทวณฺณนา

    Sāvakasannipātaparicchedavaṇṇanā

    ๑๐. อุโปสถนฺติ อาณาปาติโมกฺขํฯ ทุติยตติเยสูติ ทุติเย, ตติเย จ สาวกสนฺนิปาเตฯ เอเสว นโยติ จตุรงฺคิกตํ อติทิสติฯ อภินีหารโต ปฎฺฐาย วตฺถุํ กเถตฺวา ปพฺพชฺชา ทีเปตพฺพา, สา ปน ยสฺมา มโนรถปูรณิยํ องฺคุตฺตรฎฺฐกถายํ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๑๑) วิตฺถารโต อาคตา, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติฯ

    10.Uposathanti āṇāpātimokkhaṃ. Dutiyatatiyesūti dutiye, tatiye ca sāvakasannipāte. Eseva nayoti caturaṅgikataṃ atidisati. Abhinīhārato paṭṭhāya vatthuṃ kathetvā pabbajjā dīpetabbā, sā pana yasmā manorathapūraṇiyaṃ aṅguttaraṭṭhakathāyaṃ (a. ni. aṭṭha. 1.1.211) vitthārato āgatā, tasmā tattha vuttanayeneva veditabbāti.

    อุปฎฺฐากปริเจฺฉทวณฺณนา

    Upaṭṭhākaparicchedavaṇṇanā

    ๑๑. นิพทฺธุปฎฺฐากภาวนฺติ อารมฺภโต ปฎฺฐาย ยาว ปรินิพฺพานา นิยตอุปฎฺฐากภาวํฯ อนิยตุอุปฎฺฐากา ปน ภควโต ปฐมโพธิยํ พหู อเหสุํฯ เตนาห ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิฯ อิทานิ อานนฺทเตฺถโร เยน การเณน สตฺถุ นิพทฺธุปฎฺฐากภาวํ อุปคโต, ยถา จ อุปคโต, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ เอกทา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘อหํ อิมินา มเคฺคน คจฺฉามี’’ติ อาห อนยพฺยสนาปาทเกน กมฺมุนา โจทิยมาโน ฯ อถ นํ ภควา ตมตฺถํ อนาโรเจตฺวาว เขมํ มคฺคํ สนฺธาย ‘‘เอหิ ภิกฺขุ อิมินา คจฺฉามา’’ติ อาหฯ กสฺมา ปนสฺส ภควา ตมตฺถํ นาโรเจสีติ? อาโรจิเตปิ อสทฺทหโนฺต นาทิยิสฺสติฯ ตญฺหิ ตสฺส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติติฯ เตติ เต คมนํ, ‘‘ต’’นฺติ วา ปาโฐฯ

    11.Nibaddhupaṭṭhākabhāvanti ārambhato paṭṭhāya yāva parinibbānā niyataupaṭṭhākabhāvaṃ. Aniyatuupaṭṭhākā pana bhagavato paṭhamabodhiyaṃ bahū ahesuṃ. Tenāha ‘‘bhagavato hī’’tiādi. Idāni ānandatthero yena kāraṇena satthu nibaddhupaṭṭhākabhāvaṃ upagato, yathā ca upagato, taṃ dassetuṃ ‘‘tattha ekadā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Ahaṃ iminā maggena gacchāmī’’ti āha anayabyasanāpādakena kammunā codiyamāno . Atha naṃ bhagavā tamatthaṃ anārocetvāva khemaṃ maggaṃ sandhāya ‘‘ehi bhikkhu iminā gacchāmā’’ti āha. Kasmā panassa bhagavā tamatthaṃ nārocesīti? Ārocitepi asaddahanto nādiyissati. Tañhi tassa hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyātiti. Teti te gamanaṃ, ‘‘ta’’nti vā pāṭho.

    อนฺวาสโตฺตติ อนุพโทฺธ, อุปทฺทุโต วาฯ ธมฺมคารวนิสฺสิโต สํเวโค ธมฺมสํเวโค ‘‘อเมฺหสุ นาม ติฎฺฐเนฺตสุ ภควโตปิ อีทิสํ ชาต’’นฺติฯ ‘‘อหํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ วทโนฺต ธมฺมเสนาปติ อตฺถโต เอวํ วทโนฺต นาม โหตีติ ‘‘อหํ ภเนฺต ตุเมฺห’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อสุญฺญาเยว เม สา ทิสาติ อสุญฺญาเยว มม สา ทิสาฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘ตว โอวาโท พุทฺธานํ โอวาทสทิโส’’ติฯ

    Anvāsattoti anubaddho, upadduto vā. Dhammagāravanissito saṃvego dhammasaṃvego ‘‘amhesu nāma tiṭṭhantesu bhagavatopi īdisaṃ jāta’’nti. ‘‘Ahaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti vadanto dhammasenāpati atthato evaṃ vadanto nāma hotīti ‘‘ahaṃ bhante tumhe’’tiādi vuttaṃ. Asuññāyeva me sā disāti asuññāyeva mama sā disā. Tattha kāraṇamāha ‘‘tava ovādo buddhānaṃ ovādasadiso’’ti.

    วสิตุํ น ทสฺสตีติ เอกคนฺธกุฎิยํ วาสํ น ลภิสฺสตีติ อธิปฺปาโยฯ ปรมฺมุขา เทสิตสฺสาปิ ธมฺมสฺสาติ สุตฺตนฺตเทสนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อภิธมฺมเทสนา ปนสฺส ปรมฺมุขาว ปวตฺตา ปเคว ยาจนายฯ ตสฺสา วาจนามโคฺคปิ สาริปุตฺตเตฺถรปฺปภโวฯ กสฺมา? โส นิเทฺทสปฎิสมฺภิทา วิย เถรสฺส ภิกฺขุโต คหิตธมฺมกฺขนฺธปกฺขิโยฯ อปเร ปน ‘‘ธมฺมภณฺฑาคาริโก ปฎิปาฎิยา ติกทุเกสุ เทวสิกํ กโตกาโส ภควนฺตํ ปญฺหํ ปุจฺฉิ, ภควาปิสฺส ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ นยทานวเสน วิสฺสเชฺชสิฯ เอวํ อภิธโมฺมปิ สตฺถารา ปรมฺมุขา เทสิโตปิ เถเรน สมฺมุขา ปฎิคฺคหิโตว อโหสี’’ติ วทนฺติฯ สพฺพํ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ

    Vasituṃ na dassatīti ekagandhakuṭiyaṃ vāsaṃ na labhissatīti adhippāyo. Parammukhā desitassāpi dhammassāti suttantadesanaṃ sandhāya vuttaṃ. Abhidhammadesanā panassa parammukhāva pavattā pageva yācanāya. Tassā vācanāmaggopi sāriputtattherappabhavo. Kasmā? So niddesapaṭisambhidā viya therassa bhikkhuto gahitadhammakkhandhapakkhiyo. Apare pana ‘‘dhammabhaṇḍāgāriko paṭipāṭiyā tikadukesu devasikaṃ katokāso bhagavantaṃ pañhaṃ pucchi, bhagavāpissa pucchitapucchitaṃ nayadānavasena vissajjesi. Evaṃ abhidhammopi satthārā parammukhā desitopi therena sammukhā paṭiggahitova ahosī’’ti vadanti. Sabbaṃ vīmaṃsitvā gahetabbaṃ.

    อคฺคุปฎฺฐาโกติ อุปฎฺฐาเน สกฺกจฺจการิตาย อคฺคภูโต อุปฎฺฐาโกฯ เถโร หิ อุปฎฺฐากฎฺฐานํ ลทฺธกาลโต ปฎฺฐาย ภควนฺตํ ทุวิเธน อุทเกน, ติวิเธน ทนฺตกเฎฺฐน, ปาทปริกเมฺมน, คนฺธกุฎิปริเวณสมฺมชฺชเนนาติ เอวมาทีหิ กิเจฺจหิ อุปฎฺฐหโนฺต ‘‘อิมาย นาม เวลาย สตฺถุ อิทํ นาม ลทฺธุํ วฎฺฎติ, อิทํ นาม กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตํ ตํ นิปฺผาเทโนฺต มหติํ ทณฺฑทีปิกํ คเหตฺวา เอกรตฺติํ คนฺธกุฎิปริเวณํ นว วาเร อนุปริยายติฯ เอวํ หิสฺส อโหสิ ‘‘สเจ เม ถินมิทฺธํ โอกฺกเมยฺย, ภควติ ปโกฺกสเนฺต ปฎิวจนํ ทาตุํ นาหํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติ, ตสฺมา สพฺพรตฺติํ ทณฺฑทีปิกํ หเตฺถน น มุญฺจติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อคฺคุปฎฺฐาโก’’ติฯ

    Aggupaṭṭhākoti upaṭṭhāne sakkaccakāritāya aggabhūto upaṭṭhāko. Thero hi upaṭṭhākaṭṭhānaṃ laddhakālato paṭṭhāya bhagavantaṃ duvidhena udakena, tividhena dantakaṭṭhena, pādaparikammena, gandhakuṭipariveṇasammajjanenāti evamādīhi kiccehi upaṭṭhahanto ‘‘imāya nāma velāya satthu idaṃ nāma laddhuṃ vaṭṭati, idaṃ nāma kātuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā taṃ taṃ nipphādento mahatiṃ daṇḍadīpikaṃ gahetvā ekarattiṃ gandhakuṭipariveṇaṃ nava vāre anupariyāyati. Evaṃ hissa ahosi ‘‘sace me thinamiddhaṃ okkameyya, bhagavati pakkosante paṭivacanaṃ dātuṃ nāhaṃ sakkuṇeyya’’nti, tasmā sabbarattiṃ daṇḍadīpikaṃ hatthena na muñcati. Tena vuttaṃ ‘‘aggupaṭṭhāko’’ti.

    ๑๒. ปิตุมาตุชาตนครปริเจฺฉโท ปิตุมุเขน อาคตตฺตา ‘‘ปิติปริเจฺฉโท’’ติ วุโตฺตฯ

    12. Pitumātujātanagaraparicchedo pitumukhena āgatattā ‘‘pitiparicchedo’’ti vutto.

    วิหารํ ปาวิสีติ คนฺธกุฎิํ ปาวิสิฯ เอตฺตกํ กเถตฺวาติ กปฺปปริเจฺฉทาทินววารปฎิมณฺฑิตํ วิปสฺสีอาทีนํ สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตํ เอตฺตาวตา เทสนํ เทเสตฺวาฯ กสฺมา ปเนตฺถ ภควา วิปสฺสีอาทีนํ สตฺตนฺนํเยว พุทฺธานํ ปุเพฺพนิวาสํ กเถสิ, น พุทฺธวํสเทสนายํ (พุ. วํ. ๖๔ คาถาทโย) วิย ปญฺจวีสติยา พุทฺธานํ, ตโต วา ปน ภิโยฺยติ? อนธิการโต, ปโยชนาภาวโต จฯ พุทฺธวํสเทสนายญฺหิ (พุ. วํ. ๗๕) –

    Vihāraṃ pāvisīti gandhakuṭiṃ pāvisi. Ettakaṃ kathetvāti kappaparicchedādinavavārapaṭimaṇḍitaṃ vipassīādīnaṃ sattannaṃ buddhānaṃ pubbenivāsapaṭisaṃyuttaṃ ettāvatā desanaṃ desetvā. Kasmā panettha bhagavā vipassīādīnaṃ sattannaṃyeva buddhānaṃ pubbenivāsaṃ kathesi, na buddhavaṃsadesanāyaṃ (bu. vaṃ. 64 gāthādayo) viya pañcavīsatiyā buddhānaṃ, tato vā pana bhiyyoti? Anadhikārato, payojanābhāvato ca. Buddhavaṃsadesanāyañhi (bu. vaṃ. 75) –

    ‘‘กีทิโส เต มหาวีร, อภินีหาโร นรุตฺตม;

    ‘‘Kīdiso te mahāvīra, abhinīhāro naruttama;

    กมฺหิ กาเล ตยา วีร, ปตฺถิตา โพธิมุตฺตมา’’ติฯ อาทินา –

    Kamhi kāle tayā vīra, patthitā bodhimuttamā’’ti. ādinā –

    ปวตฺตํ ตํ ปุจฺฉํ อธิการํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา ยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาทมูเล อตฺตนา มหาภินีหาโร กโต, ตํ ทีปงฺกรํ ภควนฺตํ อาทิํ กตฺวา เยสํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติกา โพธิยา ลทฺธพฺยากรโณ หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปารมิโย ปูเรสิ, เตสํ ปฎิปตฺติสงฺขาโต ปุเพฺพนิวาโส, อตฺตโน จ ปฎิปตฺติ กถิตา, อิธ ปน ตาทิโส อธิกาโร นตฺถิ , เยน ทีปงฺกรโต ปฎฺฐาย, ตโต วา ปน ปุรโต พุเทฺธ อารพฺภ ปุเพฺพนิวาสํ กเถยฺยฯ ตสฺมา น เอตฺถ พุทฺธวํสเทสนายํ วิย ปุเพฺพนิวาโส วิตฺถาริโตฯ ยสฺมา จ พุทฺธานํ เทสนา นาม เทสนาย ภาชนภูตานํ ปุคฺคลานํ ญาณพลานุรูปา, น อตฺตโน ญาณพลานุรูปา, ตสฺมา ตตฺถ อคฺคสาวกานํ, มหาสาวกานํ, (เถรคา. อฎฺฐ. ๒.๒๑ วงฺคีสเตฺถรคาถาวณฺณนา) ตาทิสานญฺจ เทวพฺรหฺมานํ วเสน เทสนา วิตฺถาริตาฯ อิธ ปน ปกติสาวกานํ, ตาทิสานญฺจ เทวตานํ วเสน ปุเพฺพนิวาสํ กเถโนฺต สตฺตนฺนเมว พุทฺธานํ ปุเพฺพนิวาสํ กเถสิฯ ตถา หิ เน ภควา ปโลภนวเสน สมุเตฺตเชตุํ สปฺปปญฺจตาย กถาย เทสนํ มตฺถกํ อปาเปตฺวาว คนฺธกุฎิํ ปาวิสิฯ ตถา จ อิมิสฺสา เอว เทสนาย อนุสารโต อาฎานาฎิยปริตฺต- (ที. นิ. ๓.๒๗๕) เทสนาทโย ปวตฺตาฯ

    Pavattaṃ taṃ pucchaṃ adhikāraṃ aṭṭhuppattiṃ katvā yassa sammāsambuddhassa pādamūle attanā mahābhinīhāro kato, taṃ dīpaṅkaraṃ bhagavantaṃ ādiṃ katvā yesaṃ catuvīsatiyā buddhānaṃ santikā bodhiyā laddhabyākaraṇo hutvā tattha tattha pāramiyo pūresi, tesaṃ paṭipattisaṅkhāto pubbenivāso, attano ca paṭipatti kathitā, idha pana tādiso adhikāro natthi , yena dīpaṅkarato paṭṭhāya, tato vā pana purato buddhe ārabbha pubbenivāsaṃ katheyya. Tasmā na ettha buddhavaṃsadesanāyaṃ viya pubbenivāso vitthārito. Yasmā ca buddhānaṃ desanā nāma desanāya bhājanabhūtānaṃ puggalānaṃ ñāṇabalānurūpā, na attano ñāṇabalānurūpā, tasmā tattha aggasāvakānaṃ, mahāsāvakānaṃ, (theragā. aṭṭha. 2.21 vaṅgīsattheragāthāvaṇṇanā) tādisānañca devabrahmānaṃ vasena desanā vitthāritā. Idha pana pakatisāvakānaṃ, tādisānañca devatānaṃ vasena pubbenivāsaṃ kathento sattannameva buddhānaṃ pubbenivāsaṃ kathesi. Tathā hi ne bhagavā palobhanavasena samuttejetuṃ sappapañcatāya kathāya desanaṃ matthakaṃ apāpetvāva gandhakuṭiṃ pāvisi. Tathā ca imissā eva desanāya anusārato āṭānāṭiyaparitta- (dī. ni. 3.275) desanādayo pavattā.

    อปิเจตฺถ ภควา อตฺตโน สุทฺธาวาสจาริกาวิภาวินิยา อุปริเทสนาย สงฺคหตฺถํ วิปสฺสีอาทีนํ เอว สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปุเพฺพนิวาสํ กเถสิฯ เตสํเยว หิ สาวกา ตทา เจว เอตรหิ จ สุทฺธาวาสภูมิยํ ฐิตา, น อเญฺญสํ ปรินิพฺพุตตฺตาฯ ‘‘สิทฺธตฺถติสฺสผุสฺสานํ กิร พุทฺธานํ สาวกา สุทฺธาวาเสสุ อุปปนฺนา อุปปตฺติสมนนฺตรเมว อิมสฺมิํ สาสเน อุปกาทโย วิย อรหตฺตํ อธิคนฺตฺวา นจิรเสฺสว ปรินิพฺพายิํสุ, น ตตฺถ ตตฺถ ยาวตายุกํ อฎฺฐํสู’’ติ วทนฺติฯ ตถา เยสํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปฎิเวธสาสนํ เอกํสโต นิจฺฉเย น อชฺชาปิ ธรติ, น อนฺตรหิตํ, เต เอว กิเตฺตโนฺต วิปสฺสีอาทีนํเยว ภควนฺตานํ ปุเพฺพนิวาสํ อิมสฺมิํ สุเตฺต กเถสิ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสนฯ อปุพฺพาจริมนิยโม ปน อปราปรํ สํสรณกสตฺตวาสวเสน เอกิสฺสา โลกธาตุยา อิจฺฉิโตติ น เตเนตํ วิรุชฺฌตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ นิรนฺตรํ มตฺถกํ ปาเปตฺวาติ อภิชาติโต ปฎฺฐาย ยาว ปาติโมกฺขุเทฺทโส ยาว ตา พุทฺธกิจฺจสิทฺธิ, ตาว มตฺถกํ สิขํ ปาเปตฺวาฯ น ตาว กถิโตติ โยชนาฯ

    Apicettha bhagavā attano suddhāvāsacārikāvibhāviniyā uparidesanāya saṅgahatthaṃ vipassīādīnaṃ eva sattannaṃ sammāsambuddhānaṃ pubbenivāsaṃ kathesi. Tesaṃyeva hi sāvakā tadā ceva etarahi ca suddhāvāsabhūmiyaṃ ṭhitā, na aññesaṃ parinibbutattā. ‘‘Siddhatthatissaphussānaṃ kira buddhānaṃ sāvakā suddhāvāsesu upapannā upapattisamanantarameva imasmiṃ sāsane upakādayo viya arahattaṃ adhigantvā nacirasseva parinibbāyiṃsu, na tattha tattha yāvatāyukaṃ aṭṭhaṃsū’’ti vadanti. Tathā yesaṃ sammāsambuddhānaṃ paṭivedhasāsanaṃ ekaṃsato nicchaye na ajjāpi dharati, na antarahitaṃ, te eva kittento vipassīādīnaṃyeva bhagavantānaṃ pubbenivāsaṃ imasmiṃ sutte kathesi veneyyajjhāsayavasena. Apubbācarimaniyamo pana aparāparaṃ saṃsaraṇakasattavāsavasena ekissā lokadhātuyā icchitoti na tenetaṃ virujjhatīti daṭṭhabbaṃ. Nirantaraṃ matthakaṃ pāpetvāti abhijātito paṭṭhāya yāva pātimokkhuddeso yāva tā buddhakiccasiddhi, tāva matthakaṃ sikhaṃ pāpetvā. Na tāva kathitoti yojanā.

    ตนฺตินฺติ ธมฺมตนฺติํ, ปริยตฺตินฺติ อโตฺถฯ ปุตฺตปุตฺตมาตุยานวิหารธนวิหารทายกาทีนํ สมฺพหุลานํ อตฺถานํ วิภาวนวเสน ปวตฺตวาโร สมฺพหุลวาโรฯ

    Tantinti dhammatantiṃ, pariyattinti attho. Puttaputtamātuyānavihāradhanavihāradāyakādīnaṃ sambahulānaṃ atthānaṃ vibhāvanavasena pavattavāro sambahulavāro.

    สมฺพหุลวารวณฺณนา

    Sambahulavāravaṇṇanā

    กามญฺจายํ ปาฬิยํ อนาคโต, อฎฺฐกถาสุ อาคตตฺตา ปน อาเนตฺวา ทีเปตโพฺพติ ตํ ทีเปโนฺต ‘‘สพฺพโพธิสตฺตานญฺหี’’ติอาทิมาหฯ กุลวํโส กุลานุกฺกโมฯ ปเวณีติ ปรมฺปราฯ ‘‘กสฺมา’’ติ ปุตฺตุปฺปตฺติยา การณํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ วิสฺสเชฺชโนฺต ‘‘สพฺพญฺญุโพธิสตฺตานญฺหี’’ติอาทิมาห, เตน เตสํ ชาตนคราทิ ปญฺญายมานํ เอกํสโต มนุสฺสภาวสญฺชานนตฺถํ อิจฺฉิตพฺพํ, อญฺญถา ยถาธิเปฺปตพุทฺธกิจฺจสิทฺธิ เอว น สิยาติ ทเสฺสติ, ยโต มหาสตฺตานํ จริมภเว มนุสฺสโลเก เอว ปาตุภาโว, น อญฺญตฺถฯ

    Kāmañcāyaṃ pāḷiyaṃ anāgato, aṭṭhakathāsu āgatattā pana ānetvā dīpetabboti taṃ dīpento ‘‘sabbabodhisattānañhī’’tiādimāha. Kulavaṃso kulānukkamo. Paveṇīti paramparā. ‘‘Kasmā’’ti puttuppattiyā kāraṇaṃ pucchitvā taṃ vissajjento ‘‘sabbaññubodhisattānañhī’’tiādimāha, tena tesaṃ jātanagarādi paññāyamānaṃ ekaṃsato manussabhāvasañjānanatthaṃ icchitabbaṃ, aññathā yathādhippetabuddhakiccasiddhi eva na siyāti dasseti, yato mahāsattānaṃ carimabhave manussaloke eva pātubhāvo, na aññattha.

    สมฺพหุลปริเจฺฉทวณฺณนา

    Sambahulaparicchedavaṇṇanā

    จนฺทาทีนํ โสภาวิเสสํ รเหติ จชาเปตีติ ราหุ, ราหุคฺคโห, อิธ ปน ราหุ วิยาติ ราหุฯ พนฺธนนฺติ จ อนตฺถุปฺปตฺติฎฺฐานตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตถา มหาสเตฺตน วุตฺตวจนเมว คเหตฺวา กุมารสฺส ‘‘ราหุโล’’ติ นามํ อกํสุฯ อถาติ นิปาตมตฺตํฯ โรจินีติ โรจนสีลา, อุชฺชลรูปาติ อโตฺถฯ รุจคฺคตีติ รุจํ ปภาตํ อาคติภูตา, ค-การาคมํ กตฺวา วุตฺตํฯ อิตฺถิรตนภาวโต มนุสฺสโลเก สพฺพาสํ อิตฺถีนํ พิมฺพปฎิจฺฉนฺนภูตาติ พิมฺพาฯ

    Candādīnaṃ sobhāvisesaṃ raheti cajāpetīti rāhu, rāhuggaho, idha pana rāhu viyāti rāhu. Bandhananti ca anatthuppattiṭṭhānataṃ sandhāya vuttaṃ. Tathā mahāsattena vuttavacanameva gahetvā kumārassa ‘‘rāhulo’’ti nāmaṃ akaṃsu. Athāti nipātamattaṃ. Rocinīti rocanasīlā, ujjalarūpāti attho. Rucaggatīti rucaṃ pabhātaṃ āgatibhūtā, ga-kārāgamaṃ katvā vuttaṃ. Itthiratanabhāvato manussaloke sabbāsaṃ itthīnaṃ bimbapaṭicchannabhūtāti bimbā.

    ฌานา วุฎฺฐายาติ ปาทกชฺฌานโต อุฎฺฐายฯ

    Jhānā vuṭṭhāyāti pādakajjhānato uṭṭhāya.

    อฎฺฐงฺคุลุเพฺพธาติ อฎฺฐงฺคุลปฺปมาณพหลภาวาฯ จูฬํเสน ฉาเทตฺวาติ ติริยภาเคน ฐปนวเสน สพฺพํ วิหารฎฺฐานํ ฉาเทตฺวาฯ สุวณฺณยฎฺฐิผาเลหีติ ผาลปฺปมาณาหิ สุวณฺณยฎฺฐีหิฯ สุวณฺณหตฺถิปาทานีติ ปกติหตฺถิปาทปริมาณานิ สุวณฺณขณฺฑานิฯ วุตฺตนเยเนวาติ จูฬํเสเนวฯ สุวณฺณกฎฺฎีหีติ สุวณฺณขเณฺฑหิฯ สลกฺขณานนฺติ ลกฺขณสมฺปนฺนานํ สหสฺสารานํฯ

    Aṭṭhaṅgulubbedhāti aṭṭhaṅgulappamāṇabahalabhāvā. Cūḷaṃsena chādetvāti tiriyabhāgena ṭhapanavasena sabbaṃ vihāraṭṭhānaṃ chādetvā. Suvaṇṇayaṭṭhiphālehīti phālappamāṇāhi suvaṇṇayaṭṭhīhi. Suvaṇṇahatthipādānīti pakatihatthipādaparimāṇāni suvaṇṇakhaṇḍāni. Vuttanayenevāti cūḷaṃseneva. Suvaṇṇakaṭṭīhīti suvaṇṇakhaṇḍehi. Salakkhaṇānanti lakkhaṇasampannānaṃ sahassārānaṃ.

    โพธิปลฺลโงฺกติ อภิสมฺพุชฺฌนกาเล นิสชฺชฎฺฐานํฯ อวิชหิโตติ พุทฺธานํ ตถานิสชฺชาย อนญฺญตฺถภาวีภาวโต อปริจฺจโตฺตฯ เตนาห ‘‘เอกสฺมิํเยว ฐาเน โหตี’’ติฯ ปฐมปทคณฺฐิกาติ ปจฺฉิเม โสปานผลเก ฐตฺวา ฐปิยมานสฺส ทกฺขิณปาทสฺส ปติฎฺฐหนฎฺฐานํฯ ตํ ปน ยสฺมา ทฬฺหํ ถิรํ เกนจิ อเภชฺชํ โหติ, ตสฺมา ‘‘ปทคณฺฐี’’ติ วุตฺตํฯ ยสฺมิํ ภูมิภาเค อิทานิ เชตวนมหาวิหาโร, ตตฺถ ยสฺมิํ ฐาเน ปุริมานํ สพฺพพุทฺธานํ มญฺจา ปญฺญตฺตา, ตสฺมิํเยว ปเทเส อมฺหากมฺปิ ภควโต มโญฺจ ปญฺญโตฺตติ กตฺวา ‘‘จตฺตาริ มญฺจปาทฎฺฐานานิ อวิชหิตาเนว โหนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ มญฺจานํ ปน มหนฺตขุทฺทกภาเวน มญฺจปญฺญาปนปเทสสฺส มหนฺตามหนฺตตา อปฺปมาณํ, พุทฺธานุภาเวน ปน โส ปเทโส สพฺพทา เอกปฺปมาโณเยว โหตีติ ‘‘จตฺตาริ มญฺจปาทฎฺฐานานิ อวิชหิตาเนว โหนฺตี’’ติ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ วิหาโรปิ น วิชหิโต เยวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ปุริมํ วิหารฎฺฐานํ น ปริจฺจชตีติ หิ อโตฺถฯ

    Bodhipallaṅkoti abhisambujjhanakāle nisajjaṭṭhānaṃ. Avijahitoti buddhānaṃ tathānisajjāya anaññatthabhāvībhāvato apariccatto. Tenāha ‘‘ekasmiṃyeva ṭhāne hotī’’ti. Paṭhamapadagaṇṭhikāti pacchime sopānaphalake ṭhatvā ṭhapiyamānassa dakkhiṇapādassa patiṭṭhahanaṭṭhānaṃ. Taṃ pana yasmā daḷhaṃ thiraṃ kenaci abhejjaṃ hoti, tasmā ‘‘padagaṇṭhī’’ti vuttaṃ. Yasmiṃ bhūmibhāge idāni jetavanamahāvihāro, tattha yasmiṃ ṭhāne purimānaṃ sabbabuddhānaṃ mañcā paññattā, tasmiṃyeva padese amhākampi bhagavato mañco paññattoti katvā ‘‘cattāri mañcapādaṭṭhānāni avijahitāneva hontī’’ti vuttaṃ. Mañcānaṃ pana mahantakhuddakabhāvena mañcapaññāpanapadesassa mahantāmahantatā appamāṇaṃ, buddhānubhāvena pana so padeso sabbadā ekappamāṇoyeva hotīti ‘‘cattāri mañcapādaṭṭhānāni avijahitāneva hontī’’ti vuttanti daṭṭhabbaṃ. Vihāropi na vijahito yevāti etthāpi eseva nayo. Purimaṃ vihāraṭṭhānaṃ na pariccajatīti hi attho.

    วิสิฎฺฐา มตฺตา วิมตฺตา, วิมตฺตาว เวมตฺตํ, วิสทิสตาติ อโตฺถฯ ปมาณํ อาโรโหฯ ปธานํ ทุกฺกรกิริยาฯ รสฺมีติ สรีรปฺปภาฯ

    Visiṭṭhā mattā vimattā, vimattāva vemattaṃ, visadisatāti attho. Pamāṇaṃ āroho. Padhānaṃ dukkarakiriyā. Rasmīti sarīrappabhā.

    ‘‘สตฺตานํ ปากติกหเตฺถน ฉหโตฺถ มชฺฌิมปุริโส, ตโต ติคุณํ ภควโต สรีรปฺปมาณนฺติ ภควา อฎฺฐารสหโตฺถ’’ติ วทนฺติฯ อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘มนุสฺสานํ ปากติกหเตฺถน จตุหโตฺถ มชฺฌิมปุริโส, ตโต ติคุณํ ภควโต สรีรปฺปมาณนฺติ ภควา ทฺวาทสหโตฺถ อุปาทินฺนกรูปธมฺมวเสน, สมนฺตโต ปน พฺยามมตฺตํ พฺยามปฺปภา ผรตีติ อุปริ ฉหตฺถํ อพฺภุคฺคโต, พหลตรปฺปภา รูเปน สทฺธิํ อฎฺฐารสหโตฺถ โหตี’’ติฯ

    ‘‘Sattānaṃ pākatikahatthena chahattho majjhimapuriso, tato tiguṇaṃ bhagavato sarīrappamāṇanti bhagavā aṭṭhārasahattho’’ti vadanti. Apare pana bhaṇanti ‘‘manussānaṃ pākatikahatthena catuhattho majjhimapuriso, tato tiguṇaṃ bhagavato sarīrappamāṇanti bhagavā dvādasahattho upādinnakarūpadhammavasena, samantato pana byāmamattaṃ byāmappabhā pharatīti upari chahatthaṃ abbhuggato, bahalatarappabhā rūpena saddhiṃ aṭṭhārasahattho hotī’’ti.

    อทฺธนิยนฺติ ทีฆกาลํฯ

    Addhaniyanti dīghakālaṃ.

    อชฺฌาสยปฎิพทฺธนฺติ โพธิสมฺภารสมฺภรณกาเล ตถาปวตฺตชฺฌาสยาธีนํ, ตถาปวตฺตปตฺถนานุรูปํ วิปุลํ, วิปุลตรญฺจ โหตีติ อโตฺถฯ สฺวายมโตฺถ จริยาปิฎกวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ เอตฺถ จ ยสฺมา สรีรปฺปมาณํ, ปธานํ, สรีรปฺปภา จ พุทฺธานํ วิสทิสาติ อิธ ปาฬิยํ อนาคตา, ตสฺมา เตหิ สทฺธิํ เวมตฺตตาสามเญฺญน อายุกุลานิปิ อิธ อาหริตฺวา ทีปิตานิฯ ปฎิวิทฺธคุเณสูติ อธิคตสพฺพญฺญุคุเณสุฯ นนุ จ โพธิสมฺภาเรสุ, เวเนยฺยปุคฺคลปริมาเณ จ เวมตฺตํ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, ตทุภยํ ปน พุทฺธคุณคฺคหเณน คหิตเมว โหตีติ น อุทฺธฎํฯ ยทเคฺคน หิ สพฺพพุทฺธานํ พุทฺธคุเณสุ เวมตฺตํ นตฺถิ, ตทเคฺคน เนสํ สโมฺพธิสมฺภาเรสุปิ เวมตฺตํ นตฺถีติฯ กสฺมา? เหตุอนุรูปตาย ผลสฺส , เอกเนฺตเนว เวเนยฺยปุคฺคลปริมาเณ เวมตฺตภาโว วิภาวิโตฯ มหาโพธิสตฺตานญฺหิ เหตุอวตฺถายํ สมฺภตูปนิสฺสยินฺทฺริยปริปากา เวเนยฺยปุคฺคลา จริมภเว อรหตฺตสมฺปตฺติยา ปริโปสิตานิ กมลวนานิ สูริยรสฺมิสมฺผเสฺสน วิย ตถาคตคุณานุภาวสมฺผเสฺสน วิโพธํ อุปคจฺฉนฺตีติ ทีเปสุํ อฎฺฐกถาจริยาฯ

    Ajjhāsayapaṭibaddhanti bodhisambhārasambharaṇakāle tathāpavattajjhāsayādhīnaṃ, tathāpavattapatthanānurūpaṃ vipulaṃ, vipulatarañca hotīti attho. Svāyamattho cariyāpiṭakavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva veditabbo. Ettha ca yasmā sarīrappamāṇaṃ, padhānaṃ, sarīrappabhā ca buddhānaṃ visadisāti idha pāḷiyaṃ anāgatā, tasmā tehi saddhiṃ vemattatāsāmaññena āyukulānipi idha āharitvā dīpitāni. Paṭividdhaguṇesūti adhigatasabbaññuguṇesu. Nanu ca bodhisambhāresu, veneyyapuggalaparimāṇe ca vemattaṃ natthīti? Saccaṃ natthi, tadubhayaṃ pana buddhaguṇaggahaṇena gahitameva hotīti na uddhaṭaṃ. Yadaggena hi sabbabuddhānaṃ buddhaguṇesu vemattaṃ natthi, tadaggena nesaṃ sambodhisambhāresupi vemattaṃ natthīti. Kasmā? Hetuanurūpatāya phalassa , ekanteneva veneyyapuggalaparimāṇe vemattabhāvo vibhāvito. Mahābodhisattānañhi hetuavatthāyaṃ sambhatūpanissayindriyaparipākā veneyyapuggalā carimabhave arahattasampattiyā paripositāni kamalavanāni sūriyarasmisamphassena viya tathāgataguṇānubhāvasamphassena vibodhaṃ upagacchantīti dīpesuṃ aṭṭhakathācariyā.

    นิธิกุโมฺภติ จตฺตาโร มหานิธโย สนฺธาย วทติฯ ชาโต จาติฯ -สเทฺทน กตมหาภินีหาโร จาติ อยมฺปิ อโตฺถ สงฺคหิโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ วุตฺตํ เหตํ พุทฺธวํเส

    Nidhikumbhoti cattāro mahānidhayo sandhāya vadati. Jāto cāti. Ca-saddena katamahābhinīhāro cāti ayampi attho saṅgahitoti daṭṭhabbo. Vuttaṃ hetaṃ buddhavaṃse

    ‘‘ตาราคณา วิโรจนฺติ, นกฺขตฺตา คคนมณฺฑเล;

    ‘‘Tārāgaṇā virocanti, nakkhattā gaganamaṇḍale;

    วิสาขา จนฺทิมายุตฺตา, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติฯ (พุ. วํ. ๖๕);

    Visākhā candimāyuttā, dhuvaṃ buddho bhavissatī’’ti. (bu. vaṃ. 65);

    ‘‘เอเตเนว จ สพฺพพุทฺธานํ วิสาขานกฺขเตฺตเนว มหาภินีหาโร โหตี’’ติ จ วทนฺติฯ

    ‘‘Eteneva ca sabbabuddhānaṃ visākhānakkhatteneva mahābhinīhāro hotī’’ti ca vadanti.

    ๑๓. อยํ คตีติ อยํ ปวตฺติ ปวตฺตนากาโร, อเญฺญ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตา อิมินา อากาเรน อนุสฺสรนฺตีติ อโตฺถ, ยสฺมา จุติโต ปฎฺฐาย ยาว ปฎิสนฺธิ, ตาว อนุสฺสรณํ อาโรหนํ อตีตอตีตตรอตีตตมาทิชาติสงฺขาเต ปุเพฺพนิวาเส ญาณสฺส อภิมุขภาเวน ปวตฺตีติ กตฺวาฯ ตสฺมา ปฎิสนฺธิโต ปฎฺฐาย ยาว จุติ, ตาว อนุสฺสรณํ โอโรหนํ ปุเพฺพนิวาเส ปฎิมุขภาเวน ญาณสฺส ปวตฺตีติ อาห ‘‘ปจฺฉามุขํ ญาณํ เปเสตฺวา’’ติฯ จุติคนฺตพฺพนฺติ ยํ ปนิทํ จุติยา ญาณคติยา คนฺตพฺพํ, ตํ คมนํ พุชฺฌนนฺติ อโตฺถฯ ครุกนฺติ ภาริยํ ทุกฺกรํฯ เตนาห ‘‘อากาเส ปทํ ทเสฺสโนฺต วิยา’’ติฯ อปรมฺปิ การณนฺติ ฉินฺนวฎุมานุสฺสรณํ ปจฺฉามุขํ ญาณํ เปสนโต อปรํ อจฺฉริยพฺภุตการณํฯ ยตฺราติ ปจฺจตฺตเตฺถ, นามาติ อจฺฉริยเตฺถ นิปาโต, หิ-สโทฺท อนตฺถโกฯ เตนาห ‘‘โย นาม ตถาคโต’’ติฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘ยตฺรา’’ติ นิปาตวเสน วิสุํ ยตฺร-สทฺทคฺคหณํ สมตฺถิตํ โหติฯ ปปเญฺจนฺติ สตฺตสนฺตานํ สํสาเร วิตฺถาเรนฺตีติ ปปญฺจํฯ กมฺมวฎฺฎํ วุจฺจตีติ กิเลสวฎฺฎสฺส ปปญฺจคฺคหเณน, วิปากวฎฺฎสฺส ทุกฺขคฺคหเณน คหิตตฺตาฯ ปริยาทินฺนวเฎฺฎติ สพฺพโส เขปิตวเฎฺฎฯ ‘‘มคฺคสีเลน ผลสีเลนา’’ติ วตฺวา ตยิทํ มคฺคผลสีลํ โลกิยสีลปุพฺพกํ, พุทฺธานญฺจ โลกิยสีลมฺปิ โลกุตฺตรสีลํ วิย อนญฺญสาธารณํ เอวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘โลกิยโลกุตฺตรสีเลนา’’ติ วุตฺตํฯ สมาธิปญฺญาสุปิ เอเสว นโยฯ สมาธิปกฺขาติ สมาธิ จ สมาธิปกฺขา จ สมาธิปกฺขา, เอกเทสสรูเปกเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ เตนาห ‘‘มคฺคสมาธินา’’ติอาทิ, ‘‘วิหาโร คหิโต วา’’ติ จฯ สมาธิปกฺขา นาม วีริยสติอาทโยฯ

    13.Ayaṃgatīti ayaṃ pavatti pavattanākāro, aññe pubbenivāsaṃ anussarantā iminā ākārena anussarantīti attho, yasmā cutito paṭṭhāya yāva paṭisandhi, tāva anussaraṇaṃ ārohanaṃ atītaatītataraatītatamādijātisaṅkhāte pubbenivāse ñāṇassa abhimukhabhāvena pavattīti katvā. Tasmā paṭisandhito paṭṭhāya yāva cuti, tāva anussaraṇaṃ orohanaṃ pubbenivāse paṭimukhabhāvena ñāṇassa pavattīti āha ‘‘pacchāmukhaṃ ñāṇaṃ pesetvā’’ti. Cutigantabbanti yaṃ panidaṃ cutiyā ñāṇagatiyā gantabbaṃ, taṃ gamanaṃ bujjhananti attho. Garukanti bhāriyaṃ dukkaraṃ. Tenāha ‘‘ākāse padaṃ dassento viyā’’ti. Aparampi kāraṇanti chinnavaṭumānussaraṇaṃ pacchāmukhaṃ ñāṇaṃ pesanato aparaṃ acchariyabbhutakāraṇaṃ. Yatrāti paccattatthe, nāmāti acchariyatthe nipāto, hi-saddo anatthako. Tenāha ‘‘yo nāma tathāgato’’ti. Evañca katvā ‘‘yatrā’’ti nipātavasena visuṃ yatra-saddaggahaṇaṃ samatthitaṃ hoti. Papañcenti sattasantānaṃ saṃsāre vitthārentīti papañcaṃ. Kammavaṭṭaṃ vuccatīti kilesavaṭṭassa papañcaggahaṇena, vipākavaṭṭassa dukkhaggahaṇena gahitattā. Pariyādinnavaṭṭeti sabbaso khepitavaṭṭe. ‘‘Maggasīlena phalasīlenā’’ti vatvā tayidaṃ maggaphalasīlaṃ lokiyasīlapubbakaṃ, buddhānañca lokiyasīlampi lokuttarasīlaṃ viya anaññasādhāraṇaṃ evāti dassetuṃ ‘‘lokiyalokuttarasīlenā’’ti vuttaṃ. Samādhipaññāsupi eseva nayo. Samādhipakkhāti samādhi ca samādhipakkhā ca samādhipakkhā, ekadesasarūpekaseso daṭṭhabbo. Tenāha ‘‘maggasamādhinā’’tiādi, ‘‘vihāro gahito vā’’ti ca. Samādhipakkhā nāma vīriyasatiādayo.

    สยนฺติ อตฺตนาฯ นีวรณาทีหีติ นีวรเณหิ เจว ตเทกเฎฺฐหิ จ ปาปธเมฺมหิ, วิตกฺกวิจาราทีหิ จฯ ‘‘วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺตี’’ติ อิมินา วิมุตฺติ-สทฺทสฺส กมฺมสาธนตํ อาห อฎฺฐสมาปตฺติอาทิวิสยตฺตา ตสฺสฯ วิมุตฺตตฺตาติ จ ‘‘วิกฺขมฺภนวเสน วิมุตฺตตฺตา’’ติอาทินา โยเชตพฺพํฯ ตสฺส ตสฺสาติ อนิจฺจานุปสฺสนาทิกสฺสฯ ปจฺจนีกงฺควเสนาติ ปหาตพฺพปฎิปกฺของฺควเสนฯ ปฎิปฺปสฺสทฺธเนฺต อุปฺปนฺนตฺตาติ กิเลสานํ ปฎิปฺปสฺสมฺภนํ ปฎิปฺปสฺสทฺธํ, โส เอว อโนฺต ปริโยสานภาวโต, ตสฺมิํ สาเธตเพฺพ นิพฺพตฺตตฺตา, ตํตํมคฺควชฺฌกิเลสานํ ปฎิปฺปสฺสมฺภนวเสน ปวตฺตตฺตาติ อโตฺถฯ กิเลเสหิ นิสฺสฎตา, อปคโม จ นิพฺพานสฺส เตหิ วิวิตฺตตฺตา เอวาติ อาห ‘‘ทูเร ฐิตตฺตา’’ติฯ

    Sayanti attanā. Nīvaraṇādīhīti nīvaraṇehi ceva tadekaṭṭhehi ca pāpadhammehi, vitakkavicārādīhi ca. ‘‘Vimuttattāvimuttīti saṅkhyaṃ gacchantī’’ti iminā vimutti-saddassa kammasādhanataṃ āha aṭṭhasamāpattiādivisayattā tassa. Vimuttattāti ca ‘‘vikkhambhanavasena vimuttattā’’tiādinā yojetabbaṃ. Tassa tassāti aniccānupassanādikassa. Paccanīkaṅgavasenāti pahātabbapaṭipakkhaaṅgavasena. Paṭippassaddhante uppannattāti kilesānaṃ paṭippassambhanaṃ paṭippassaddhaṃ, so eva anto pariyosānabhāvato, tasmiṃ sādhetabbe nibbattattā, taṃtaṃmaggavajjhakilesānaṃ paṭippassambhanavasena pavattattāti attho. Kilesehi nissaṭatā, apagamo ca nibbānassa tehi vivittattā evāti āha ‘‘dūre ṭhitattā’’ti.

    ๑๖. ธมฺมธาตูติ ธมฺมานํ สภาโว, อตฺถโต จตฺตาริ อริยสจฺจานิฯ สุปฺปฎิวิทฺธาติ สุฎฺฐุ ปฎิวิทฺธา สวาสนานํ สเพฺพสํ กิเลสานํ ปชหนโตฯ เอวญฺหิ สพฺพญฺญุตา, ทสพลญาณาทโย จาติ สเพฺพ พุทฺธคุณา ภควตา อธิคตา อเหสุํฯ อรหตฺตํ ธมฺมธาตูติ เกจิฯ สพฺพญฺญุตญาณนฺติ อปเรฯ ทฺวีหิ ปเทหีติ ทฺวีหิ วาเกฺยหิฯ อาพทฺธนฺติ ปฎิพทฺธํ ตํมูลกตฺตา อุปริเทสนายฯ เทวจาริกโกลาหลนฺติ อตฺตโน เทวโลเก จาริกายํ สุทฺธาวาสเทวานํ กุตูหลปฺปวตฺติํ ทเสฺสโนฺต สุตฺตนฺตปริโยสาเน (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๙๑) วิจาเรสฺสติ, อตฺถโต วิภาเวสฺสตีติ โยชนาฯ อยํ เทสนาติ ‘‘อิโต โส ภิกฺขเว’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๔) วิตฺถารโต ปวตฺติตเทสนมาหฯ นิทานกเณฺฑติอาทิโต เทสิตํ อุเทฺทสเทสนมาหฯ สา หิ อิมิสฺสา เทสนาย นิทานฎฺฐานิยตฺตา ตถา วุตฺตาฯ

    16.Dhammadhātūti dhammānaṃ sabhāvo, atthato cattāri ariyasaccāni. Suppaṭividdhāti suṭṭhu paṭividdhā savāsanānaṃ sabbesaṃ kilesānaṃ pajahanato. Evañhi sabbaññutā, dasabalañāṇādayo cāti sabbe buddhaguṇā bhagavatā adhigatā ahesuṃ. Arahattaṃ dhammadhātūti keci. Sabbaññutañāṇanti apare. Dvīhi padehīti dvīhi vākyehi. Ābaddhanti paṭibaddhaṃ taṃmūlakattā uparidesanāya. Devacārikakolāhalanti attano devaloke cārikāyaṃ suddhāvāsadevānaṃ kutūhalappavattiṃ dassento suttantapariyosāne (dī. ni. aṭṭha. 2.91) vicāressati, atthato vibhāvessatīti yojanā. Ayaṃ desanāti ‘‘ito so bhikkhave’’tiādinā (dī. ni. 2.4) vitthārato pavattitadesanamāha. Nidānakaṇḍetiādito desitaṃ uddesadesanamāha. Sā hi imissā desanāya nidānaṭṭhāniyattā tathā vuttā.

    โพธิสตฺตธมฺมตาวณฺณนา

    Bodhisattadhammatāvaṇṇanā

    ๑๗. ‘‘วิปสฺสีติ ตสฺส นาม’’นฺติ วตฺวา ตสฺส อนฺวตฺถตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตญฺจ โข’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วิวิเธ อเตฺถติ ติโรหิตวิทูรเทสคตาทิเก นีลาทิวเสน นานาวิเธ, ตทเญฺญ จ อินฺทฺริยโคจรภูเต เต จ ยถูปคเต, โวหารวินิจฺฉเย จาติ นานาวิเธ อเตฺถฯ ปสฺสนกุสลตายาติ ทสฺสเน นิปุณภาเวนฯ ยาถาวโต เญยฺยํ พุชฺฌตีติ โพธิ, โส เอว สตฺตโยคโต โพธิสโตฺตติ อาห ‘‘ปณฺฑิตสโตฺต พุชฺฌนกสโตฺต’’ติฯ สุจินฺติตจินฺติตาทินา ปน ปณฺฑิตภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ยทา จ ปนาเนน มหาภินีหาโร กโต, ตโต ปฎฺฐาย มหาโพธิยํ เอกนฺตนินฺนตฺตา โพธิมฺหิ สโตฺต โพธิสโตฺตติ อาห ‘‘โพธิสงฺขาเตสู’’ติอาทิฯ มคฺคญาณปทฎฺฐานญฺหิ สพฺพญฺญุตญาณํ, สพฺพญฺญุตญาณปทฎฺฐานญฺจ มคฺคญาณํ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติฯ ‘‘สโต สมฺปชาโน’’ติ อิมินา จตุตฺถาย คพฺภาวกฺกนฺติยา โอกฺกมีติ ทเสฺสติฯ จตโสฺส หิ คพฺภาวกฺกนฺติโย อิเธกโจฺจ คโพฺภ มาตุกุจฺฉิยํ โอกฺกมเน, ฐาเน, นิกฺขมเนติ ตีสุ ฐาเนสุ อสมฺปชาโน โหติ, เอกโจฺจ ปฐเม ฐาเน สมฺปชาโน, น อิตเรสุ, เอกโจฺจ ปฐเม, ทุติเย จ ฐาเน สมฺปชาโน, น ตติเย, เอกโจฺจ ตีสุปิ ฐาเนสุ สมฺปชาโน โหติฯ ตตฺถ ปฐมา คพฺภาวกฺกนฺติ โลกิยมหาชนสฺส วเสน วุตฺตา, ทุติยา อสีติมหาสาวกานํ (เถรคา. อฎฺฐ. ๒.๒๑ วงฺคีสเตฺถรคาถาวณฺณนาย วิตฺถาโร) วเสน, ตติยา ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ, ปเจฺจกพุทฺธานญฺจ วเสนฯ เต กิร กมฺมชวาเตหิ อุทฺธํปาทา อโธสิรา อเนกสตโปริเส ปปาเต วิย โยนิมุเข ขิตฺตา ตาฬจฺฉิคฺคเฬน หตฺถี วิย สมฺพาเธน โยนิมุเขน นิกฺขมนฺตา มหนฺตํ ทุกฺขํ ปาปุณนฺติ, เตน เนสํ ‘‘มยํ นิกฺขมามา’’ติ สมฺปชญฺญํ น โหติฯ จตุตฺถา สพฺพญฺญุโพธิสตฺตานํ วเสนฯ เต หิ มาตุกุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหนฺตาปิ ปชานนฺติ, ตตฺถ วสนฺตาปิ ปชานนฺติ, นิกฺขมนกาเลปิ ปชานนฺติฯ น หิ เต กมฺมชวาตา อุทฺธํปาเท อโธสิเร กตฺวา ขิปิตุํ สโกฺกนฺติ, เทฺว หเตฺถ ปสาริตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ฐิตกาว นิกฺขมนฺตีติฯ ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ ปุพฺพภาเค ปญฺจมหาวิโลกนญาเณหิ เจว ‘‘อิทานิ จวามี’’ติ จุติปริจฺฉินฺทนญาเณน จ อปรภาเค ‘‘อิธ มยา ปฎิสนฺธิ คหิตา’’ติ ปฎิสนฺธิปริจฺฉินฺทนญาเณน จ ปริจฺฉิชฺช ชานิตฺวาฯ

    17. ‘‘Vipassīti tassa nāma’’nti vatvā tassa anvatthataṃ dassetuṃ ‘‘tañca kho’’tiādi vuttaṃ. Vividhe attheti tirohitavidūradesagatādike nīlādivasena nānāvidhe, tadaññe ca indriyagocarabhūte te ca yathūpagate, vohāravinicchaye cāti nānāvidhe atthe. Passanakusalatāyāti dassane nipuṇabhāvena. Yāthāvato ñeyyaṃ bujjhatīti bodhi, so eva sattayogato bodhisattoti āha ‘‘paṇḍitasatto bujjhanakasatto’’ti. Sucintitacintitādinā pana paṇḍitabhāve vattabbameva natthi. Yadā ca panānena mahābhinīhāro kato, tato paṭṭhāya mahābodhiyaṃ ekantaninnattā bodhimhi satto bodhisattoti āha ‘‘bodhisaṅkhātesū’’tiādi. Maggañāṇapadaṭṭhānañhi sabbaññutañāṇaṃ, sabbaññutañāṇapadaṭṭhānañca maggañāṇaṃ ‘‘bodhī’’ti vuccati. ‘‘Sato sampajāno’’ti iminā catutthāya gabbhāvakkantiyā okkamīti dasseti. Catasso hi gabbhāvakkantiyo idhekacco gabbho mātukucchiyaṃ okkamane, ṭhāne, nikkhamaneti tīsu ṭhānesu asampajāno hoti, ekacco paṭhame ṭhāne sampajāno, na itaresu, ekacco paṭhame, dutiye ca ṭhāne sampajāno, na tatiye, ekacco tīsupi ṭhānesu sampajāno hoti. Tattha paṭhamā gabbhāvakkanti lokiyamahājanassa vasena vuttā, dutiyā asītimahāsāvakānaṃ (theragā. aṭṭha. 2.21 vaṅgīsattheragāthāvaṇṇanāya vitthāro) vasena, tatiyā dvinnaṃ aggasāvakānaṃ, paccekabuddhānañca vasena. Te kira kammajavātehi uddhaṃpādā adhosirā anekasataporise papāte viya yonimukhe khittā tāḷacchiggaḷena hatthī viya sambādhena yonimukhena nikkhamantā mahantaṃ dukkhaṃ pāpuṇanti, tena nesaṃ ‘‘mayaṃ nikkhamāmā’’ti sampajaññaṃ na hoti. Catutthā sabbaññubodhisattānaṃ vasena. Te hi mātukucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhantāpi pajānanti, tattha vasantāpi pajānanti, nikkhamanakālepi pajānanti. Na hi te kammajavātā uddhaṃpāde adhosire katvā khipituṃ sakkonti, dve hatthe pasāritvā akkhīni ummīletvā ṭhitakāva nikkhamantīti. Ñāṇena paricchinditvāti pubbabhāge pañcamahāvilokanañāṇehi ceva ‘‘idāni cavāmī’’ti cutiparicchindanañāṇena ca aparabhāge ‘‘idha mayā paṭisandhi gahitā’’ti paṭisandhiparicchindanañāṇena ca paricchijja jānitvā.

    ปญฺจนฺนํ มหาปริจฺจาคานํ, ญาตตฺถจริยาทีนญฺจ สติปิ ปารมิยา ปริยาปนฺนภาเว สมฺภารวิเสสภาวทสฺสนตฺถํ วิสุํ คหณํฯ ตตฺถ องฺคปริจฺจาโค, นยนปริจฺจาโค, อตฺตปริจฺจาโค, รชฺชปริจฺจาโค, ปุตฺตทารปริจฺจาโคติ อิเม ปญฺจ มหาปริจฺจาคาฯ ตตฺถาปิ กามํ องฺคปริจฺจาคาทโยปิ ทานปารมีเยว, ตถาปิ ปริจฺจาควิเสสภาวทสฺสนตฺถเญฺจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถญฺจ มหาปริจฺจาคานํ วิสุํ คหณํฯ ตโต เอว จ องฺคปริจฺจาคโตปิ วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณํ, ปริจฺจาคภาวสามเญฺญปิ รชฺชปริจฺจาคปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณญฺจ กตํฯ ญาตีนํ อตฺถจริยา ญาตตฺถจริยา, สา จ โข กรุณายนวเสนฯ ตถา สตฺตโลกสฺส ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถานํ วเสน หิตจริยา โลกตฺถจริยาฯ กมฺมสฺสกตาญาณวเสน, อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฐานวเสน, ขนฺธายตนาทิวเสน, ลกฺขณตฺตยาทิตีรณวเสน จ อตฺตโน, ปเรสญฺจ ตตฺถ สติปฎฺฐาเนน ญาณจาโร พุทฺธจริยา, สา ปนตฺถโต ปญฺญาปารมีเยว, ญาณสมฺภารวิเสสตาทสฺสนตฺถํ ปน วิสุํ คหณํฯ พุทฺธจริยานนฺติ พหุวจนนิเทฺทเสน ปุพฺพโยคปุพฺพจริยาธมฺมกฺขานาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ตตฺถ คตปจฺจาคตวตฺตสงฺขาตาย ปุพฺพภาคปฎิปทาย สทฺธิํ อภิญฺญาสมาปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพโยโคฯ ทานาทีสุเยว สาติสยปฎิปตฺติ ปุพฺพจริยาฯ ‘‘ยาว จริยาปิฎเก สงฺคหิตา อภินีหาโร ปุพฺพโยโค, กายาทิวิเวกวเสน เอกจริยา ปุพฺพจริยา’’ติ เกจิฯ ทานาทีนเญฺจว อปฺปิจฺฉตาทีนญฺจ สํสารนิพฺพาเนสุ อาทีนวานิสํสานญฺจ วิภาวนวเสน, สตฺตานํ โพธิตฺตเย ปติฎฺฐาปนปริปาจนวเสน จ ปวตฺตกถา ธมฺมกฺขานํฯ โกฎิํ ปตฺวาติ ปรํ ปริยนฺตํ ปรมุกฺกํสํ ปาปุณิตฺวาฯ สตฺตมหาทานานีติ อฎฺฐวสฺสิกกาเล ‘‘หทยมํสาทีนิปิ ยาจกานํ ทเทยฺย’’นฺติ อชฺฌาสยํ อุปฺปาเทตฺวา ทินฺนทานํ, มงฺคลหตฺถิทานํ, คมนกาเล ทินฺนํ สตฺตสตฺตกมหาทานํ, มคฺคํ คจฺฉเนฺตน ทินฺนํ อสฺสทานํ, รถทานํ, ปุตฺตทานํ, ภริยาทานนฺติ อิมานิ สตฺต มหาทานานิ (จริยา. ๗๙) ทตฺวาฯ

    Pañcannaṃ mahāpariccāgānaṃ, ñātatthacariyādīnañca satipi pāramiyā pariyāpannabhāve sambhāravisesabhāvadassanatthaṃ visuṃ gahaṇaṃ. Tattha aṅgapariccāgo, nayanapariccāgo, attapariccāgo, rajjapariccāgo, puttadārapariccāgoti ime pañca mahāpariccāgā. Tatthāpi kāmaṃ aṅgapariccāgādayopi dānapāramīyeva, tathāpi pariccāgavisesabhāvadassanatthañceva sudukkarabhāvadassanatthañca mahāpariccāgānaṃ visuṃ gahaṇaṃ. Tato eva ca aṅgapariccāgatopi visuṃ nayanapariccāgaggahaṇaṃ, pariccāgabhāvasāmaññepi rajjapariccāgaputtadārapariccāgaggahaṇañca kataṃ. Ñātīnaṃ atthacariyā ñātatthacariyā, sā ca kho karuṇāyanavasena. Tathā sattalokassa diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthānaṃ vasena hitacariyā lokatthacariyā. Kammassakatāñāṇavasena, anavajjakammāyatanasippāyatanavijjāṭhānavasena, khandhāyatanādivasena, lakkhaṇattayāditīraṇavasena ca attano, paresañca tattha satipaṭṭhānena ñāṇacāro buddhacariyā, sā panatthato paññāpāramīyeva, ñāṇasambhāravisesatādassanatthaṃ pana visuṃ gahaṇaṃ. Buddhacariyānanti bahuvacananiddesena pubbayogapubbacariyādhammakkhānādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Tattha gatapaccāgatavattasaṅkhātāya pubbabhāgapaṭipadāya saddhiṃ abhiññāsamāpattinipphādanaṃ pubbayogo. Dānādīsuyeva sātisayapaṭipatti pubbacariyā. ‘‘Yāva cariyāpiṭake saṅgahitā abhinīhāro pubbayogo, kāyādivivekavasena ekacariyā pubbacariyā’’ti keci. Dānādīnañceva appicchatādīnañca saṃsāranibbānesu ādīnavānisaṃsānañca vibhāvanavasena, sattānaṃ bodhittaye patiṭṭhāpanaparipācanavasena ca pavattakathā dhammakkhānaṃ. Koṭiṃ patvāti paraṃ pariyantaṃ paramukkaṃsaṃ pāpuṇitvā. Sattamahādānānīti aṭṭhavassikakāle ‘‘hadayamaṃsādīnipi yācakānaṃ dadeyya’’nti ajjhāsayaṃ uppādetvā dinnadānaṃ, maṅgalahatthidānaṃ, gamanakāle dinnaṃ sattasattakamahādānaṃ, maggaṃ gacchantena dinnaṃ assadānaṃ, rathadānaṃ, puttadānaṃ, bhariyādānanti imāni satta mahādānāni (cariyā. 79) datvā.

    ‘‘อิทาเนว เม มรณํ โหตู’’ติ อธิมุจฺจิตฺวา กาลกรณํ อธิมุตฺติกาลกิริยา, ตํ โพธิสตฺตานํเยว, น อเญฺญสํฯ โพธิสตฺตา กิร ทีฆายุกเทวโลเก ฐิตา ‘‘อิธ ฐิตสฺส เม โพธิสมฺภารสมฺภรณํ น สมฺภวตี’’ติ กตฺวา ตตฺถ วาสโต นิพฺพินฺทมานสา โหนฺติ, ตทา วิมานํ ปวิสิตฺวา อกฺขีนิ นิมีเลตฺวา ‘‘อิโต อุทฺธํ เม ชีวิตํ นปฺปวตฺตตู’’ติ จิตฺตํ อธิฎฺฐาย นิสีทนฺติ, จิตฺตาธิฎฺฐานสมนนฺตรเมว มรณํ โหติฯ ปารมีธมฺมานญฺหิ อุกฺกํสปฺปวตฺติยา ตสฺมิํ ตสฺมิํ อตฺตภาเว อภิญฺญาสมาปตฺตีหิ สนฺตานสฺส วิเสสิตตฺตา อตฺตสิเนหสฺส ตนุภาเวน, สเตฺตสุ จ มหากรุณาย อุฬารภาเวน อธิฎฺฐานสฺส ติกฺขวิสทภาวาปตฺติยา โพธิสตฺตานํ อธิปฺปายา สมิชฺฌนฺติฯ จิเตฺต, วิย กเมฺมสุ จ เนสํ วสีภาโว, ตสฺมา ยตฺถ อุปปนฺนานํ ปารมิโย สมฺมเทว ปริพฺรูหนฺติฯ วุตฺตนเยน กาลํ กตฺวา ตตฺถ อุปปชฺชนฺติฯ ตถา หิ อมฺหากํ มหาสโตฺต อิมสฺมิํเยว กเปฺป นานาชาตีสุ อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพโตฺต, อปฺปกเมว กาลํ ตตฺถ ฐตฺวา ตโต จวิตฺวา มนุสฺสโลเก นิพฺพโตฺต, ปารมีสมฺภรณปสุโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โพธิสตฺตานํเยว, น อเญฺญส’’นฺติฯ ‘‘เอเกนอตฺตภาเวน อนฺตเรน ปารมีนํ สพฺพโส ปูริตตฺตา’’ติ อิมินา ปโยชนาภาวโต ตตฺถ ฐตฺวา อธิมุตฺติกาลกิริยา นาม นาโหสีติ ทเสฺสติฯ อปิ จ ตตฺถ ยาวตายุกฎฺฐานํ จริมภเว อเนกมหานิธิสมุฎฺฐานปุพฺพิกาย ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสาย มหาสมฺปตฺติยา นิพฺพตฺติ วิย, พุทฺธภูตสฺส อสทิสทานาทิวเสน อนญฺญสาธารณลาภุปฺปตฺติ วิย จ ‘‘อิโต ปรํ มหาปุริสสฺส ทิพฺพสมฺปตฺติอนุภวนํ นาม นตฺถี’’ติ อุสฺสาหชาตสฺส ปุญฺญสมฺภารสฺส วเสนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อยเญฺหตฺถ ธมฺมตาฯ

    ‘‘Idāneva me maraṇaṃ hotū’’ti adhimuccitvā kālakaraṇaṃ adhimuttikālakiriyā, taṃ bodhisattānaṃyeva, na aññesaṃ. Bodhisattā kira dīghāyukadevaloke ṭhitā ‘‘idha ṭhitassa me bodhisambhārasambharaṇaṃ na sambhavatī’’ti katvā tattha vāsato nibbindamānasā honti, tadā vimānaṃ pavisitvā akkhīni nimīletvā ‘‘ito uddhaṃ me jīvitaṃ nappavattatū’’ti cittaṃ adhiṭṭhāya nisīdanti, cittādhiṭṭhānasamanantarameva maraṇaṃ hoti. Pāramīdhammānañhi ukkaṃsappavattiyā tasmiṃ tasmiṃ attabhāve abhiññāsamāpattīhi santānassa visesitattā attasinehassa tanubhāvena, sattesu ca mahākaruṇāya uḷārabhāvena adhiṭṭhānassa tikkhavisadabhāvāpattiyā bodhisattānaṃ adhippāyā samijjhanti. Citte, viya kammesu ca nesaṃ vasībhāvo, tasmā yattha upapannānaṃ pāramiyo sammadeva paribrūhanti. Vuttanayena kālaṃ katvā tattha upapajjanti. Tathā hi amhākaṃ mahāsatto imasmiṃyeva kappe nānājātīsu aparihīnajjhāno kālaṃ katvā brahmaloke nibbatto, appakameva kālaṃ tattha ṭhatvā tato cavitvā manussaloke nibbatto, pāramīsambharaṇapasuto ahosi. Tena vuttaṃ ‘‘bodhisattānaṃyeva, na aññesa’’nti. ‘‘Ekenaattabhāvena antarena pāramīnaṃ sabbaso pūritattā’’ti iminā payojanābhāvato tattha ṭhatvā adhimuttikālakiriyā nāma nāhosīti dasseti. Api ca tattha yāvatāyukaṭṭhānaṃ carimabhave anekamahānidhisamuṭṭhānapubbikāya dibbasampattisadisāya mahāsampattiyā nibbatti viya, buddhabhūtassa asadisadānādivasena anaññasādhāraṇalābhuppatti viya ca ‘‘ito paraṃ mahāpurisassa dibbasampattianubhavanaṃ nāma natthī’’ti ussāhajātassa puññasambhārassa vasenāti daṭṭhabbaṃ. Ayañhettha dhammatā.

    มนุสฺสคณนาวเสน, น เทวคณนาวเสนฯ ปุพฺพนิมิตฺตานีติ จุติยา ปุพฺพนิมิตฺตานิฯ อมิลายิตฺวาติ เอตฺถ อมิลาตคฺคหเณเนว ตาสํ มาลานํ วณฺณสมฺปทายปิ คนฺธสมฺปทายปิ โสภาสมฺปทายปิ อวินาโส ทสฺสิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ พาหิรพฺภนฺตรานํ รโชชลฺลานํ เลปสฺสปิ อภาวโต เทวานํ สรีรคตานิ วตฺถานิ สพฺพกาลํ ปริสุทฺธปฺปภสฺสราเนว หุตฺวา ติฎฺฐนฺตีติ อาห ‘‘วเตฺถสุปิ เอเสว นโย’’ติฯ เนว สีตํ น อุณฺหนฺติ ยสฺส สีตสฺส ปฎิการวเสน อธิกํ เสวิยมานํ อุณฺหํ, สยเมว วา ขรตรํ หุตฺวา อภิภวนฺตํ สรีเร เสทํ อุปฺปาเทยฺย, ตาทิสํ เนว สีตํ, น อุณฺหํ โหติฯ ตสฺมิํ กาเลติ ยถาวุตฺตมรณาสนฺนกาเลฯ พินฺทุพินฺทุวเสนาติ ฉินฺนสุตฺตาย อามุตฺตมุตฺตาวลิยา นิปตนฺตา มุตฺตคุฬิกา วิย พินฺทุ พินฺทุ หุตฺวาฯ เสทาติ เสทธารา มุจฺจนฺติฯ ทนฺตานํ ขณฺฑิตภาโว ขณฺฑิจฺจํฯ เกสานํ ปลิตภาโว ปาลิจฺจํฯ อาทิ-สเทฺทน วลิตฺตจตํ สงฺคณฺหาติฯ กิลนฺตรูโป อตฺตภาโว โหติ, น ปน ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทีติ อธิปฺปาโยฯ อุกฺกณฺฐิตาติ อนภิรติฯ สา นตฺถิ อุปรูปริ อุฬารอุฬารานเมว โภคานํ วิเสสโต ทุวิชานนานํ อุปติฎฺฐหนโตฯ นิสฺสสนฺตีติ อุณฺหํ นิสฺสสนฺติฯ วิชมฺภนฺตีติ อนภิรติวเสน วิชมฺภนํ กโรนฺติฯ

    Manussagaṇanāvasena, na devagaṇanāvasena. Pubbanimittānīti cutiyā pubbanimittāni. Amilāyitvāti ettha amilātaggahaṇeneva tāsaṃ mālānaṃ vaṇṇasampadāyapi gandhasampadāyapi sobhāsampadāyapi avināso dassitoti daṭṭhabbaṃ. Bāhirabbhantarānaṃ rajojallānaṃ lepassapi abhāvato devānaṃ sarīragatāni vatthāni sabbakālaṃ parisuddhappabhassarāneva hutvā tiṭṭhantīti āha ‘‘vatthesupi eseva nayo’’ti. Neva sītaṃ na uṇhanti yassa sītassa paṭikāravasena adhikaṃ seviyamānaṃ uṇhaṃ, sayameva vā kharataraṃ hutvā abhibhavantaṃ sarīre sedaṃ uppādeyya, tādisaṃ neva sītaṃ, na uṇhaṃ hoti. Tasmiṃ kāleti yathāvuttamaraṇāsannakāle. Bindubinduvasenāti chinnasuttāya āmuttamuttāvaliyā nipatantā muttaguḷikā viya bindu bindu hutvā. Sedāti sedadhārā muccanti. Dantānaṃ khaṇḍitabhāvo khaṇḍiccaṃ. Kesānaṃ palitabhāvo pāliccaṃ.Ādi-saddena valittacataṃ saṅgaṇhāti. Kilantarūpo attabhāvo hoti, na pana khaṇḍiccapāliccādīti adhippāyo. Ukkaṇṭhitāti anabhirati. Sā natthi uparūpari uḷārauḷārānameva bhogānaṃ visesato duvijānanānaṃ upatiṭṭhahanato. Nissasantīti uṇhaṃ nissasanti. Vijambhantīti anabhirativasena vijambhanaṃ karonti.

    ปณฺฑิตา เอวาติ พุทฺธิสมฺปนฺนา เอว เทวตาฯ ยถา เทวตา สมฺปติชาตา ‘‘กีทิเสน ปุญฺญกเมฺมน อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘อิมินา นาม ปุญฺญกเมฺมน อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ ชานนฺติ, เอวํ อตีตภเว อตฺตนา กตํ, อญฺญทาปิ วา เอกจฺจํ ปุญฺญกมฺมํ ชานนฺติเยว มหาปุญฺญาติ อาห ‘‘เย มหาปุญฺญา’’ติอาทิฯ

    Paṇḍitā evāti buddhisampannā eva devatā. Yathā devatā sampatijātā ‘‘kīdisena puññakammena idha nibbattā’’ti cintetvā ‘‘iminā nāma puññakammena idha nibbattā’’ti jānanti, evaṃ atītabhave attanā kataṃ, aññadāpi vā ekaccaṃ puññakammaṃ jānantiyeva mahāpuññāti āha ‘‘ye mahāpuññā’’tiādi.

    น ปญฺญายนฺติ จิรตรกาลตฺตา ปรมายุโนฯ อนิยฺยานิกนฺติ น นิยฺยานาวหํ สตฺตานํ อภาชนภาวโตฯ สตฺตา น ปรมายุโน โหนฺติ นาม ปาปุสฺสนฺนตายาติ อาห ‘‘ตทา หิ สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺตี’’ติฯ เอตฺถาห – กสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺธา มนุสฺสโลเก เอว อุปฺปชฺชนฺติ, น เทวพฺรหฺมโลเกสูติ? เทวโลเก ตาว นุปฺปชฺชนฺติ พฺรหฺมจริยวาสสฺส อโนกาสภาวโต, ตถา อนจฺฉริยภาวโต ฯ อจฺฉริยธมฺมา หิ พุทฺธา ภควโนฺต, เตสํ สา อจฺฉริยธมฺมตา เทวตฺตภาเว ฐิตานํ น ปากฎา โหติ ยถา มนุสฺสภูตานํ, เทวภูเต หิ สมฺมาสมฺพุเทฺธ ทิสฺสมานํ พุทฺธานุภาวํ เทวานุภาวโต โลโก ทหติ, น พุทฺธานุภาวโต, ตถา สติ ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, อิสฺสรคุตฺตคฺคาหํ น วิสฺสเชฺชติ, เทวตฺตภาวสฺส จ จิรกาลาธิฎฺฐานโต เอกจฺจสสฺสตวาทโต น ปริมุจฺจติฯ พฺรหฺมโลเก นุปฺปชฺชนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สตฺตานํ ตาทิสคฺคาหวินิโมจนตฺถญฺหิ พุทฺธา ภควโนฺต มนุสฺสสุคติยํเยว อุปฺปชฺชนฺติ, น เทวสุคติยํฯ มนุสฺสสุคติยํ อุปฺปชฺชนฺตาปิ โอปปาติกา น โหนฺติ, สติ จ โอปปาติกูปปตฺติยํ วุตฺตโทสานติวตฺตนโต, ธมฺมเวเนยฺยานํ ธมฺมตนฺติยา ฐปนสฺส วิย ธาตุเวเนยฺยานํ ธาตูนํ ฐปนสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา จฯ น หิ โอปปาติกานํ ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ สรีรธาตุโย ติฎฺฐนฺติฯ มนุสฺสโลเก อุปฺปชฺชนฺตาปิ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว มนุสฺสภาวสฺส ปากฎภาวกรณาย ปน ทารปริคฺคหมฺปิ กโรนฺตา ยาว ปุตฺตมุขทสฺสนา อคารมเชฺฌ ติฎฺฐนฺติ, ปริปากคตสีลเนกฺขมฺมปญฺญาทิปารมิกาปิ น อภินิกฺขมนฺตีติฯ กิํ วา เอตาย การณจินฺตาย ‘‘สพฺพพุเทฺธหิ อาจิณฺณสมาจิณฺณา, ยทิทํ มนุสฺสภูตานํเยว อภิสมฺพุชฺฌนา, น เทวภูตาน’’นฺติฯ อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ ตถา หิ ตทโตฺถ มหาภินีหาโรปิ มนุสฺสภูตานํเยว อิชฺฌติ, น เทวภูตานํฯ

    Na paññāyanti ciratarakālattā paramāyuno. Aniyyānikanti na niyyānāvahaṃ sattānaṃ abhājanabhāvato. Sattā na paramāyuno honti nāma pāpussannatāyāti āha ‘‘tadā hi sattā ussannakilesā hontī’’ti. Etthāha – kasmā sammāsambuddhā manussaloke eva uppajjanti, na devabrahmalokesūti? Devaloke tāva nuppajjanti brahmacariyavāsassa anokāsabhāvato, tathā anacchariyabhāvato . Acchariyadhammā hi buddhā bhagavanto, tesaṃ sā acchariyadhammatā devattabhāve ṭhitānaṃ na pākaṭā hoti yathā manussabhūtānaṃ, devabhūte hi sammāsambuddhe dissamānaṃ buddhānubhāvaṃ devānubhāvato loko dahati, na buddhānubhāvato, tathā sati ‘‘sammāsambuddho’’ti nādhimuccati na sampasīdati, issaraguttaggāhaṃ na vissajjeti, devattabhāvassa ca cirakālādhiṭṭhānato ekaccasassatavādato na parimuccati. Brahmaloke nuppajjantīti etthāpi eseva nayo. Sattānaṃ tādisaggāhavinimocanatthañhi buddhā bhagavanto manussasugatiyaṃyeva uppajjanti, na devasugatiyaṃ. Manussasugatiyaṃ uppajjantāpi opapātikā na honti, sati ca opapātikūpapattiyaṃ vuttadosānativattanato, dhammaveneyyānaṃ dhammatantiyā ṭhapanassa viya dhātuveneyyānaṃ dhātūnaṃ ṭhapanassa icchitabbattā ca. Na hi opapātikānaṃ parinibbānato uddhaṃ sarīradhātuyo tiṭṭhanti. Manussaloke uppajjantāpi mahābodhisattā carimabhave manussabhāvassa pākaṭabhāvakaraṇāya pana dārapariggahampi karontā yāva puttamukhadassanā agāramajjhe tiṭṭhanti, paripākagatasīlanekkhammapaññādipāramikāpi na abhinikkhamantīti. Kiṃ vā etāya kāraṇacintāya ‘‘sabbabuddhehi āciṇṇasamāciṇṇā, yadidaṃ manussabhūtānaṃyeva abhisambujjhanā, na devabhūtāna’’nti. Ayamettha dhammatā. Tathā hi tadattho mahābhinīhāropi manussabhūtānaṃyeva ijjhati, na devabhūtānaṃ.

    กสฺมา ปน สมฺมาสมฺพุทฺธา ชมฺพุทีเป เอว อุปฺปชฺชนฺติ, น เสสทีเปสุ? เกจิ ตาว อาหุ ‘‘ยสฺมา ปถวิยา นาภิภูตา, พุทฺธานุภาวสหิตา อจลฎฺฐานภูตา โพธิมณฺฑภูมิ ชมฺพุทีเป เอว, ตสฺมา ชมฺพุทีเป เอว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ, ตถา ‘‘อิตเรสมฺปิ อวิชหิตฎฺฐานานํ ตเตฺถว ลพฺภนโต’’ติฯ อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ยสฺมา ปุริมพุทฺธานํ, มหาโพธิสตฺตานํ, ปเจฺจกพุทฺธานญฺจ นิพฺพตฺติยา สาวกโพธิสตฺตานํ สาวกโพธิยา อภินีหาโร, สาวกปารมิยา สมฺภรณํ, ปริปาจนญฺจ พุทฺธเขตฺตภูเต อิมสฺมิํ จกฺกวาเฬ ชมฺพุทีเป เอว อิชฺฌติ, น อญฺญตฺถฯ เวเนยฺยานํ วินยนโตฺถ จ พุทฺธุปฺปาโทติ อคฺคสาวกมหาสาวกาทิ เวเนยฺยวิเสสาเปกฺขาย เอตสฺมิํ ชมฺพุทีเป เอว พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺติ, น เสสทีเปสุฯ อยญฺจ นโย สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิโณฺณติฯ เตสํ อุตฺตมปุริสานํ ตเตฺถว อุปฺปตฺติ สมฺปตฺติจกฺกานํ วิย อญฺญมญฺญูปนิสฺสยโต อปราปรํ วตฺตตีติ ทฎฺฐพฺพํ, เอเตเนว อิมํ จกฺกวาฬํ มเชฺฌ กตฺวา อิมินา สทฺธิํ จกฺกวาฬานํ ทสสหสฺสเสฺสว เขตฺตภาโว ทีปิโต อิโต อญฺญสฺส พุทฺธานํ อุปฺปตฺติฎฺฐานสฺส เตปิฎเก พุทฺธวจเน อนุปลพฺภนโตฯ เตนาห ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตีติ ทีปํ ปสฺสี’’ติฯ อิมินา นเยน เทสนิยาเมปิ การณํ นีหริตฺวา วตฺตพฺพํฯ

    Kasmā pana sammāsambuddhā jambudīpe eva uppajjanti, na sesadīpesu? Keci tāva āhu ‘‘yasmā pathaviyā nābhibhūtā, buddhānubhāvasahitā acalaṭṭhānabhūtā bodhimaṇḍabhūmi jambudīpe eva, tasmā jambudīpe eva uppajjantī’’ti, tathā ‘‘itaresampi avijahitaṭṭhānānaṃ tattheva labbhanato’’ti. Ayaṃ panettha amhākaṃ khanti – yasmā purimabuddhānaṃ, mahābodhisattānaṃ, paccekabuddhānañca nibbattiyā sāvakabodhisattānaṃ sāvakabodhiyā abhinīhāro, sāvakapāramiyā sambharaṇaṃ, paripācanañca buddhakhettabhūte imasmiṃ cakkavāḷe jambudīpe eva ijjhati, na aññattha. Veneyyānaṃ vinayanattho ca buddhuppādoti aggasāvakamahāsāvakādi veneyyavisesāpekkhāya etasmiṃ jambudīpe eva buddhā nibbattanti, na sesadīpesu. Ayañca nayo sabbabuddhānaṃ āciṇṇasamāciṇṇoti. Tesaṃ uttamapurisānaṃ tattheva uppatti sampatticakkānaṃ viya aññamaññūpanissayato aparāparaṃ vattatīti daṭṭhabbaṃ, eteneva imaṃ cakkavāḷaṃ majjhe katvā iminā saddhiṃ cakkavāḷānaṃ dasasahassasseva khettabhāvo dīpito ito aññassa buddhānaṃ uppattiṭṭhānassa tepiṭake buddhavacane anupalabbhanato. Tenāha ‘‘tīsu dīpesu buddhā na nibbattanti, jambudīpeyeva nibbattantīti dīpaṃ passī’’ti. Iminā nayena desaniyāmepi kāraṇaṃ nīharitvā vattabbaṃ.

    อิทานิ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ พฺราหฺมณานมฺปิ ปูชนียภาวโตฯ ‘‘ราชา ปิตา ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ ปสฺสิ ปิตุวเสน กุลสฺส นิทฺทิสิตพฺพโตฯ

    Idānica khattiyakulaṃ lokasammataṃ brāhmaṇānampi pūjanīyabhāvato. ‘‘Rājā pitā bhavissatī’’ti kulaṃ passi pituvasena kulassa niddisitabbato.

    ‘‘ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานี’’ติ ปสฺสิ, เตน อตฺตโน อนฺตรายาภาวํ อญฺญาสิ, ตสฺสา จ ตุสิตภเว ทิพฺพสมฺปตฺติปจฺจนุภวนํฯ

    ‘‘Dasannaṃ māsānaṃ upari satta divasānī’’ti passi, tena attano antarāyābhāvaṃ aññāsi, tassā ca tusitabhave dibbasampattipaccanubhavanaṃ.

    ตา เทวตาติ ทสสหสฺสิจกฺกวาฬเทวตาฯ กถํ ปน ตา เทวตา ตทา โพธิสตฺตสฺส ปูริตปารมิภาวํ, กถํ จสฺส พุทฺธภาวํ ชานนฺตีติ? มเหสกฺขานํ เทวตานํ วเสน, เยภุเยฺยน จ ตา เทวตา อภิสมยภาคิโนฯ ตถา หิ ภควโต ธมฺมทานสํวิภาเค อเนกวารํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาสนฺนิปาโต อโหสิฯ

    Tā devatāti dasasahassicakkavāḷadevatā. Kathaṃ pana tā devatā tadā bodhisattassa pūritapāramibhāvaṃ, kathaṃ cassa buddhabhāvaṃ jānantīti? Mahesakkhānaṃ devatānaṃ vasena, yebhuyyena ca tā devatā abhisamayabhāgino. Tathā hi bhagavato dhammadānasaṃvibhāge anekavāraṃ dasasahassacakkavāḷadevatāsannipāto ahosi.

    ‘‘จวามี’’ติ ชานาติ จุติอาสนฺนชวเนหิ ญาณสหิเตหิ จุติยา อุปฎฺฐิตภาวสฺส ปฎิสํวิทิตตฺตาฯ จุติจิตฺตํ น ชานาติ จุติจิตฺตกฺขณสฺส อิตฺตรภาวโตฯ ตถา หิ ตํ จุตูปปาตญาณสฺสปิ อวิสโยวฯ ปฎิสนฺธิจิเตฺตปิ เอเสว นโยฯ อาวชฺชนปริยาโยติ อาวชฺชนกฺกโมฯ ยสฺมา เอกวารํ อาวชฺชิตมเตฺตน อารมฺมณํ นิจฺฉินิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ตํ เอวารมฺมณํ ทุติยํ, ตติยญฺจ อาวชฺชิตฺวา นิจฺฉยติฯ อาวชฺชนสีเสน เจตฺถ ชวนวาโร คหิโตฯ เตนาห ‘‘ทุติยตติยจิตฺตวาเร เอว ชานิสฺสตี’’ติฯ จุติยา ปุเรตรํ กติปยจิตฺตวารโต ปฎฺฐาย ‘‘มรณํ เม อาสนฺน’’นฺติ ชานนโต ‘‘จุติกฺขเณปิ จวามีติ ชานาตี’’ติ วุตฺตํฯ ปฎิสนฺธิยา ปน อปุพฺพภาวโต ปฎิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาติฯ นิกนฺติยา อุปฺปตฺติโต ปรโต ‘‘อสุกสฺมิํ เม ฐาเน ปฎิสนฺธิ คหิตา’’ติ ชานาติฯ ตสฺมิํ กาเลติ ปฎิสนฺธิคฺคหณกาเลฯ ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปตีติ เอตฺถ กมฺปนการณํ เหฎฺฐา พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ (ที. นิ. ฎี. ๑.๑๔๙) วุตฺตเมวฯ อตฺถโต ปเนตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต มหาปรินิพฺพานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๑๗๑) อาคมิสฺสติฯ มหาการุณิกา พุทฺธา ภควโนฺต สตฺตานํ หิตสุขวิธานตปฺปรตาย พหุลํ โสมนสฺสิกาว โหนฺตีติ เตสํ ปฐมมหาวิปากจิเตฺตน ปฎิสนฺธิคฺคหณํ อฎฺฐกถายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๑๗; ธ. ส. อฎฺฐ. ๔๙๘; ม. นิ. อฎฺฐ. ๔.๒๐๐) วุตฺตํฯ มหาสิวเตฺถโรปน ยทิปิ มหาการุณิกา พุทฺธา ภควโนฺต สตฺตานํ หิตสุขวิธานตปฺปราว, วิเวกชฺฌาสยา ปน วิสงฺขารนินฺนา สพฺพสงฺขาเรสุ อชฺฌุเปกฺขนพหุลาติ ปญฺจมมหาวิปากจิเตฺตน ปฎิสนฺธิคฺคหณมาหฯ

    ‘‘Cavāmī’’ti jānāti cutiāsannajavanehi ñāṇasahitehi cutiyā upaṭṭhitabhāvassa paṭisaṃviditattā. Cuticittaṃ na jānāti cuticittakkhaṇassa ittarabhāvato. Tathā hi taṃ cutūpapātañāṇassapi avisayova. Paṭisandhicittepi eseva nayo. Āvajjanapariyāyoti āvajjanakkamo. Yasmā ekavāraṃ āvajjitamattena ārammaṇaṃ nicchinituṃ na sakkā, tasmā taṃ evārammaṇaṃ dutiyaṃ, tatiyañca āvajjitvā nicchayati. Āvajjanasīsena cettha javanavāro gahito. Tenāha ‘‘dutiyatatiyacittavāre eva jānissatī’’ti. Cutiyā puretaraṃ katipayacittavārato paṭṭhāya ‘‘maraṇaṃ me āsanna’’nti jānanato ‘‘cutikkhaṇepi cavāmīti jānātī’’ti vuttaṃ. Paṭisandhiyā pana apubbabhāvato paṭisandhicittaṃ na jānāti. Nikantiyā uppattito parato ‘‘asukasmiṃ me ṭhāne paṭisandhi gahitā’’ti jānāti. Tasmiṃ kāleti paṭisandhiggahaṇakāle. Dasasahassilokadhātu kampatīti ettha kampanakāraṇaṃ heṭṭhā brahmajālavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. ṭī. 1.149) vuttameva. Atthato panettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ parato mahāparinibbānavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.171) āgamissati. Mahākāruṇikā buddhā bhagavanto sattānaṃ hitasukhavidhānatapparatāya bahulaṃ somanassikāva hontīti tesaṃ paṭhamamahāvipākacittena paṭisandhiggahaṇaṃ aṭṭhakathāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.17; dha. sa. aṭṭha. 498; ma. ni. aṭṭha. 4.200) vuttaṃ. Mahāsivattheropana yadipi mahākāruṇikā buddhā bhagavanto sattānaṃ hitasukhavidhānatapparāva, vivekajjhāsayā pana visaṅkhāraninnā sabbasaṅkhāresu ajjhupekkhanabahulāti pañcamamahāvipākacittena paṭisandhiggahaṇamāha.

    ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฎฺฐายาติ ปุณฺณมาย ปุเร สตฺตมทิวสโต ปฎฺฐาย, สุกฺกปเกฺข นวมิโต ปฎฺฐายาติ อโตฺถฯ สตฺตเม ทิวเสติ นวมิโต สตฺตเม ทิวเส อาสฬฺหิปุณฺณมายํฯ อิทํ สุปินนฺติ อิทานิ วุจฺจมานาการํฯ มชฺฌิมฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อโนตตฺตทหํ เนตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ อถ เนสํ เทวิโย อาคนฺตฺวา มนุสฺสมลหรณตฺถํ นฺหาเปตฺวา’’ติ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๔.๒๐๐) วุตฺตํฯ ตตฺถ เนสํ เทวิโยติ มหาราชูนํ เทวิโยฯ จริตฺวาติ โคจรํ จริตฺวาฯ

    Pure puṇṇamāya sattamadivasato paṭṭhāyāti puṇṇamāya pure sattamadivasato paṭṭhāya, sukkapakkhe navamito paṭṭhāyāti attho. Sattame divaseti navamito sattame divase āsaḷhipuṇṇamāyaṃ. Idaṃ supinanti idāni vuccamānākāraṃ. Majjhimaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘anotattadahaṃ netvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Atha nesaṃ deviyo āgantvā manussamalaharaṇatthaṃ nhāpetvā’’ti (ma. ni. aṭṭha. 4.200) vuttaṃ. Tattha nesaṃ deviyoti mahārājūnaṃ deviyo. Caritvāti gocaraṃ caritvā.

    หริตูปลิตฺตายาติ หริเตน โคมเยน กตปริภณฺฑายฯ ‘‘โส จ โข ปุริสคโพฺภ, น อิตฺถิคโพฺภ, ปุโตฺต เต ภวิสฺสตี’’ติ เอตฺตกเมว เต พฺราหฺมณา อตฺตโน สุปินสตฺถนเยน กเถสุํฯ ‘‘สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสตี’’ติอาทิ ปน เทวตาวิคฺคเหน ตมตฺถํ ยาถาวโต ปเวเทสุํฯ

    Haritūpalittāyāti haritena gomayena kataparibhaṇḍāya. ‘‘So ca kho purisagabbho, na itthigabbho, putto te bhavissatī’’ti ettakameva te brāhmaṇā attano supinasatthanayena kathesuṃ. ‘‘Sace agāraṃ ajjhāvasissatī’’tiādi pana devatāviggahena tamatthaṃ yāthāvato pavedesuṃ.

    ธมฺมตาติ เอตฺถ ธมฺม-สโทฺท ‘‘ชาติธมฺมานํ ภิกฺขเว สตฺตาน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๓๑; ๓.๓๗๓; ปฎิ. ม. ๑.๓๓) วิย ปกติปริยาโย, ธโมฺม เอว ธมฺมตา ยถา เทโว เอว เทวตาติ อาห ‘‘อยํ สภาโว’’ติ, อยํ ปกตีติ อโตฺถฯ สฺวายํ สภาโว อตฺถโต ตถา นิยตภาโวติ อาห ‘‘อยํ นิยาโมติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ นิยาโม ปน พหุวิโธติ เต สเพฺพ อตฺถุทฺธารนเยน อุทฺธริตฺวา อิธาธิเปฺปตนิยามเมว ทเสฺสตุํ ‘‘นิยาโม จ นามา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กมฺมานํ นิยาโม กมฺมนิยาโมฯ เอส นโย อุตุนิยามาทีสุ ตีสุฯ อิตโร ปน ธโมฺม เอว นิยาโม ธมฺมนิยาโม, ธมฺมตาฯ

    Dhammatāti ettha dhamma-saddo ‘‘jātidhammānaṃ bhikkhave sattāna’’ntiādīsu (ma. ni. 1.131; 3.373; paṭi. ma. 1.33) viya pakatipariyāyo, dhammo eva dhammatā yathā devo eva devatāti āha ‘‘ayaṃ sabhāvo’’ti, ayaṃ pakatīti attho. Svāyaṃ sabhāvo atthato tathā niyatabhāvoti āha ‘‘ayaṃ niyāmoti vuttaṃ hotī’’ti. Niyāmo pana bahuvidhoti te sabbe atthuddhāranayena uddharitvā idhādhippetaniyāmameva dassetuṃ ‘‘niyāmo ca nāmā’’tiādi vuttaṃ. Tattha kammānaṃ niyāmo kammaniyāmo. Esa nayo utuniyāmādīsu tīsu. Itaro pana dhammo eva niyāmo dhammaniyāmo, dhammatā.

    กุสลสฺส กมฺมสฺสฯ นิเสโนฺต ติขิณํ กโรโนฺตฯ

    Kusalassa kammassa. Nisento tikhiṇaṃ karonto.

    อรูปาทิภูมิภาควิเสสวเสน อุตุวิเสสทสฺสนโต อุตุวิเสเสน สิชฺฌมานานํ รุกฺขาทีนํ ปุปฺผผลาทิคฺคหณํ ‘‘เตสุ เตสุ ชนปเทสู’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํฯ ตสฺมิํ ตสฺมิํ กาเลติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ วสนฺตาทิกาเลฯ

    Arūpādibhūmibhāgavisesavasena utuvisesadassanato utuvisesena sijjhamānānaṃ rukkhādīnaṃ pupphaphalādiggahaṇaṃ ‘‘tesu tesu janapadesū’’ti visesetvā vuttaṃ. Tasmiṃ tasmiṃ kāleti tasmiṃ tasmiṃ vasantādikāle.

    มธุรโต พีชโต ติตฺตโต พีชโตติ โยชนาฯ

    Madhurato bījato tittato bījatoti yojanā.

    ๑๘. วตฺตมานสมีเป วตฺตมาเน วิย โวหริตพฺพนฺติ ‘‘โอกฺกมตี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โอกฺกโนฺต โหตีติ อยเมวโตฺถ’’ติฯ เอวํ โหตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรนสฺส สมฺปชานนา โหติฯ น โอกฺกมมาเน ปฎิสนฺธิกฺขณสฺส ทุวิเญฺญยฺยตายฯ ยถา จ วุตฺตํ ‘‘ปฎิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาตี’’ติฯ ทสสหสฺสจกฺกวาฬปตฺถรเณน วา อปฺปมาโณฯ อติวิย สมุชฺชลนภาเวน อุฬาโรเทวานุภาวนฺติ เทวานํ ปภานุภาวํฯ เทวานญฺหิ ปภํ โส โอภาโส อภิภวติ, น เตสํ อาธิปจฺจํฯ เตนาห ‘‘นิวตฺถวตฺถสฺสา’’ติอาทิฯ

    18. Vattamānasamīpe vattamāne viya voharitabbanti ‘‘okkamatī’’ti vuttanti āha ‘‘okkanto hotīti ayamevattho’’ti. Evaṃ hotīti evaṃ vuttappakārenassa sampajānanā hoti. Na okkamamāne paṭisandhikkhaṇassa duviññeyyatāya. Yathā ca vuttaṃ ‘‘paṭisandhicittaṃ na jānātī’’ti. Dasasahassacakkavāḷapattharaṇena vā appamāṇo. Ativiya samujjalanabhāvena uḷāro. Devānubhāvanti devānaṃ pabhānubhāvaṃ. Devānañhi pabhaṃ so obhāso abhibhavati, na tesaṃ ādhipaccaṃ. Tenāha ‘‘nivatthavatthassā’’tiādi.

    โลกานํ โลกธาตูนํ อนฺตโร วิวโร โลกนฺตโร, โส เอว อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘โลกนฺตริกา’’ติ วุโตฺตฯ รุกฺขคจฺฉาทินา เกนจิ น หญฺญนฺตีติ อฆา, อสมฺพาธาฯ เตนาห ‘‘นิจฺจวิวฎา’’ติฯ อสํวุตาติ เหฎฺฐา, อุปริ จ เกนจิ น ปิหิตาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เหฎฺฐาปิ อปฺปติฎฺฐา’’ติฯ ตตฺถ ปิ-สเทฺทน ยถา เหฎฺฐา อุทกสฺส ปิธายิกา ปถวี นตฺถีติ อสํวุตา โลกนฺตริกา, เอวํ อุปริปิ จกฺกวาเฬสุ วิย เทววิมานานํ อภาวโต อสํวุตา อปฺปติฎฺฐาติ ทเสฺสติฯ อนฺธกาโร เอตฺถ อตฺถีติ อนฺธการาฯ จกฺขุวิญฺญาณํ น ชายติ อาโลกสฺส อภาวโต, น จกฺขุโนฯ ตถา หิ ‘‘เตน โอภาเสน อญฺญมญฺญํ สญฺชานนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ชมฺพุทีเป ฐิตมชฺฌนฺหิกเวลายํ ปุพฺพวิเทหวาสีนํ อตฺถงฺคมนวเสน อุปฑฺฒํ สูริยมณฺฑลํ ปญฺญายติ, อปรโคยานวาสีนํ อุคฺคมนวเสน, เอวํ เสสทีเปสุ ปีติ อาห ‘‘เอกปฺปหาเรเนว ตีสุ ทีเปสุ ปญฺญายนฺตี’’ติฯ อิโต อญฺญถา ปน ทฺวีสุ เอว ทีเปสุ เอกปฺปหาเรน ปญฺญายนฺตีติฯ เอเกกาย ทิสาย นว นว โยชนสตสหสฺสานิ อนฺธการวิธมนมฺปิ อิมินาว นเยน ทฎฺฐพฺพํฯ ปภาย นปฺปโหนฺตีติ อตฺตโน ปภาย โอภาสิตุํ อนภิสมฺภุนนฺติฯ ยุคนฺธรปพฺพตปฺปมาเณ อากาเส วิจรณโต ‘‘จกฺกวาฬปพฺพตสฺส เวมเชฺฌน วิจรนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ

    Lokānaṃ lokadhātūnaṃ antaro vivaro lokantaro, so eva itthiliṅgavasena ‘‘lokantarikā’’ti vutto. Rukkhagacchādinā kenaci na haññantīti aghā, asambādhā. Tenāha ‘‘niccavivaṭā’’ti. Asaṃvutāti heṭṭhā, upari ca kenaci na pihitā. Tena vuttaṃ ‘‘heṭṭhāpi appatiṭṭhā’’ti. Tattha pi-saddena yathā heṭṭhā udakassa pidhāyikā pathavī natthīti asaṃvutā lokantarikā, evaṃ uparipi cakkavāḷesu viya devavimānānaṃ abhāvato asaṃvutā appatiṭṭhāti dasseti. Andhakāro ettha atthīti andhakārā. Cakkhuviññāṇaṃ na jāyati ālokassa abhāvato, na cakkhuno. Tathā hi ‘‘tena obhāsena aññamaññaṃ sañjānantī’’ti vuttaṃ. Jambudīpe ṭhitamajjhanhikavelāyaṃ pubbavidehavāsīnaṃ atthaṅgamanavasena upaḍḍhaṃ sūriyamaṇḍalaṃ paññāyati, aparagoyānavāsīnaṃ uggamanavasena, evaṃ sesadīpesu pīti āha ‘‘ekappahāreneva tīsu dīpesu paññāyantī’’ti. Ito aññathā pana dvīsu eva dīpesu ekappahārena paññāyantīti. Ekekāya disāya nava nava yojanasatasahassāni andhakāravidhamanampi imināva nayena daṭṭhabbaṃ. Pabhāya nappahontīti attano pabhāya obhāsituṃ anabhisambhunanti. Yugandharapabbatappamāṇe ākāse vicaraṇato ‘‘cakkavāḷapabbatassa vemajjhena vicarantī’’ti vuttaṃ.

    วาวฎาติ ขาทนตฺถํ คณฺหิตุํ อุปกฺกมนฺตาฯ วิปริวตฺติตฺวาติ วิวตฺติตฺวาฯ ฉิชฺชิตฺวาติ มุจฺฉาปตฺติยา ฐิตฎฺฐานโต มุจฺจิตฺวา, องฺคปจฺจงฺคเฉทเนน วา ฉิชฺชิตฺวาฯ อจฺจนฺตขาเรติ อาตปสนฺตาปาภาเวน อติสีตภาวเมว สนฺธาย อจฺจนฺตขารตา วุตฺตา สิยาฯ น หิ ตํ กปฺปสณฺฐหนอุทกํ สมฺปตฺติกรมหาเมฆวุฎฺฐํ ปถวิสนฺธารกํ กปฺปวินาสกํ อุทกํ วิย ขารํ ภวิตุํ อรหติฯ ตถา หิ สติ ปถวีปิ วิลีเยยฺย, เตสํ วา ปาปกมฺมพเลน เปตานํ อุทกสฺส ปุพฺพเขฬภาวาปตฺติ วิย ตสฺส อุทกสฺส ตทา ขารภาวาปตฺติ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อจฺจนฺตขาเร อุทเก’’ติฯ

    Vāvaṭāti khādanatthaṃ gaṇhituṃ upakkamantā. Viparivattitvāti vivattitvā. Chijjitvāti mucchāpattiyā ṭhitaṭṭhānato muccitvā, aṅgapaccaṅgachedanena vā chijjitvā. Accantakhāreti ātapasantāpābhāvena atisītabhāvameva sandhāya accantakhāratā vuttā siyā. Na hi taṃ kappasaṇṭhahanaudakaṃ sampattikaramahāmeghavuṭṭhaṃ pathavisandhārakaṃ kappavināsakaṃ udakaṃ viya khāraṃ bhavituṃ arahati. Tathā hi sati pathavīpi vilīyeyya, tesaṃ vā pāpakammabalena petānaṃ udakassa pubbakheḷabhāvāpatti viya tassa udakassa tadā khārabhāvāpatti hotīti vuttaṃ ‘‘accantakhāre udake’’ti.

    เอกยาคุปานมตฺตมฺปีติ ปตฺตาทิภาชนคตํ ยาคุํ คโฬจิอาทิอุทฺธรณิยา คเหตฺวา ปิวนมตฺตมฺปิ กาลํฯ สมนฺตโตติ สพฺพภาคโต ฉปฺปการมฺปิฯ

    Ekayāgupānamattampīti pattādibhājanagataṃ yāguṃ gaḷociādiuddharaṇiyā gahetvā pivanamattampi kālaṃ. Samantatoti sabbabhāgato chappakārampi.

    ๑๙. จตุนฺนํ มหาราชานํ วเสนาติ เวสฺสวณาทิจตุมหาราชภาวสามเญฺญนฯ

    19.Catunnaṃmahārājānaṃ vasenāti vessavaṇādicatumahārājabhāvasāmaññena.

    ยถาวิหารนฺติ ยถาสกํ วิหารํฯ

    Yathāvihāranti yathāsakaṃ vihāraṃ.

    ๒๐. ปกติยาติ อตฺตโน ปกติยา เอวฯ เตนาห ‘‘สภาเวเนวา’’ติฯ ปรสฺส สนฺติเก คหเณน วินา อตฺตโน สภาเวเนว สยเมว อธิฎฺฐหิตฺวา สีลสมฺปนฺนาฯ โพธิสตฺตมาตาปีติ อมฺหากํ โพธิสตฺตมาตาปิฯ กาลเทวิลสฺสาติ ยถา กาลเทวิลสฺส สนฺติเก อญฺญทา คณฺหาติ, โพธิสเตฺต ปน…เป.… สยเมว สีลํ อคฺคเหสิ, ตถา วิปสฺสีโพธิสตฺตมาตาปีติ อธิปฺปาโยฯ

    20.Pakatiyāti attano pakatiyā eva. Tenāha ‘‘sabhāvenevā’’ti. Parassa santike gahaṇena vinā attano sabhāveneva sayameva adhiṭṭhahitvā sīlasampannā. Bodhisattamātāpīti amhākaṃ bodhisattamātāpi. Kāladevilassāti yathā kāladevilassa santike aññadā gaṇhāti, bodhisatte pana…pe… sayameva sīlaṃ aggahesi, tathā vipassībodhisattamātāpīti adhippāyo.

    ๒๑. ‘‘มนุเสฺสสู’’ติ อิทํ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ, ‘‘มนุสฺสิตฺถิยา นาม มนุสฺสปุริเสสุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติฯ โพธิสตฺตสฺส มาตุยา ปน เทเวสุปิ ตาทิสํ จิตฺตํ นุปฺปชฺชเตวฯ ยถา โพธิสตฺตสฺส อานุภาเวน โพธิสตฺตมาตุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ นุปฺปชฺชติ, เอวํ ตสฺส อานุภาเวเนว สา เกนจิ ปุริเสน อนภิภวนียาติ อาห ‘‘ปาทา น วหนฺติ ทิพฺพสงฺขลิกา วิย พชฺฌนฺตี’’ติฯ

    21.‘‘Manussesū’’ti idaṃ pakaticārittavasena vuttaṃ, ‘‘manussitthiyā nāma manussapurisesu purisādhippāyacittaṃ uppajjeyyā’’ti. Bodhisattassa mātuyā pana devesupi tādisaṃ cittaṃ nuppajjateva. Yathā bodhisattassa ānubhāvena bodhisattamātu purisādhippāyacittaṃ nuppajjati, evaṃ tassa ānubhāveneva sā kenaci purisena anabhibhavanīyāti āha ‘‘pādā na vahanti dibbasaṅkhalikā viya bajjhantī’’ti.

    ๒๒. ปุเพฺพ ‘‘กามคุณูปสํหิตํ จิตฺตํ นุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ปุน ‘‘ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรตี’’ติ จ วุตฺตํฯ กถมิทํ อญฺญมญฺญํ น วิรุชฺฌตีติ อาห ‘‘ปุเพฺพ’’ติอาทิฯ วตฺถุปฎิเกฺขโปติ อพฺรหฺมจริยวตฺถุปฎิเสโธฯ เตนาห ‘‘ปุริสาธิปฺปายวเสนา’’ติฯ อารมฺมณปฎิลาโภติ รูปาทิปญฺจกามคุณารมฺมณเสฺสว ปฎิลาโภฯ

    22. Pubbe ‘‘kāmaguṇūpasaṃhitaṃ cittaṃ nuppajjatī’’ti vuttaṃ, puna ‘‘pañcahi kāmaguṇehi samappitā samaṅgībhūtā paricāretī’’ti ca vuttaṃ. Kathamidaṃ aññamaññaṃ na virujjhatīti āha ‘‘pubbe’’tiādi. Vatthupaṭikkhepoti abrahmacariyavatthupaṭisedho. Tenāha ‘‘purisādhippāyavasenā’’ti. Ārammaṇapaṭilābhoti rūpādipañcakāmaguṇārammaṇasseva paṭilābho.

    ๒๓. กิลมโถติ เขโท, กายสฺส ครุภาวกถินภาวาทโยปิ ตสฺสา ตทา น โหนฺติ เอวฯ ‘‘ติโรกุจฺฉิคตํ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ กทา ปฎฺฐาย ปสฺสตีติ อาห ‘‘กลลาทิกาลํ อติกฺกมิตฺวา’’ติอาทิฯ ทสฺสเน ปโยชนํ สยเมว วทติฯ ตสฺส อภาวโต กลลาทิกาเล น ปสฺสติฯ ปุเตฺตน ทหเรน มเนฺทน อุตฺตานเสยฺยเกน สทฺธิํฯ ‘‘ยํ ตํ มาตู’’ติอาทิ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํฯ จกฺกวตฺติคพฺภโตปิ หิ สวิเสสํ โพธิสตฺตคโพฺภ ปริหารํ ลภติ ปุญฺญสมฺภารสฺส สาติสยตฺตา, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตา อติวิย สปฺปายาหาราจารา จ หุตฺวา สกฺกจฺจํ ปริหรติฯ สุขวาสตฺถนฺติ โพธิสตฺตสฺส สุขวาสตฺถํฯ ปุรตฺถาภิมุโขติ มาตุ ปุริมภาคาภิมุโขฯ อิทานิ ติโรกุจฺฉิคตสฺส ทิสฺสมานตาย อพฺภนฺตรํ, พาหิรญฺจ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุเพฺพ กตกมฺม’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อสฺสาติ เทวิยาฯ วตฺถุนฺติ กุจฺฉิํฯ ผลิกอพฺภปฎลาทิโน วิย โพธิสตฺตมาตุกุจฺฉิตจสฺส ปตนุภาเวน อาโลกสฺส วิพนฺธาภาวโต ยถา โพธิสตฺตมาตา กุจฺฉิคตํ โพธิสตฺตํ ปสฺสติ, กิํ เอวํ โพธิสโตฺตปิ มาตรํ, อญฺญญฺจ ปุรโต ฐิตํ รูปคตํ ปสฺสติ, โนติ อาห ‘‘โพธิสโตฺต ปนา’’ติอาทิฯ กสฺมา ปน สติ จกฺขุมฺหิ, อาโลเก จ น ปสฺสตีติ อาห ‘‘น หิ อโนฺตกุจฺฉิยํ จกฺขุวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชตี’’ติฯ อสฺสาสปสฺสาสา วิย หิ ตตฺถ จกฺขุวิญฺญาณมฺปิ น อุปฺปชฺชติ ตชฺชสฺส สมนฺนาหารสฺส อภาวโตฯ

    23.Kilamathoti khedo, kāyassa garubhāvakathinabhāvādayopi tassā tadā na honti eva. ‘‘Tirokucchigataṃ passatī’’ti vuttaṃ. Kadā paṭṭhāya passatīti āha ‘‘kalalādikālaṃ atikkamitvā’’tiādi. Dassane payojanaṃ sayameva vadati. Tassa abhāvato kalalādikāle na passati. Puttena daharena mandena uttānaseyyakena saddhiṃ. ‘‘Yaṃ taṃ mātū’’tiādi pakaticārittavasena vuttaṃ. Cakkavattigabbhatopi hi savisesaṃ bodhisattagabbho parihāraṃ labhati puññasambhārassa sātisayattā, tasmā bodhisattamātā ativiya sappāyāhārācārā ca hutvā sakkaccaṃ pariharati. Sukhavāsatthanti bodhisattassa sukhavāsatthaṃ. Puratthābhimukhoti mātu purimabhāgābhimukho. Idāni tirokucchigatassa dissamānatāya abbhantaraṃ, bāhirañca kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘pubbe katakamma’’ntiādi vuttaṃ. Assāti deviyā. Vatthunti kucchiṃ. Phalikaabbhapaṭalādino viya bodhisattamātukucchitacassa patanubhāvena ālokassa vibandhābhāvato yathā bodhisattamātā kucchigataṃ bodhisattaṃ passati, kiṃ evaṃ bodhisattopi mātaraṃ, aññañca purato ṭhitaṃ rūpagataṃ passati, noti āha ‘‘bodhisatto panā’’tiādi. Kasmā pana sati cakkhumhi, āloke ca na passatīti āha ‘‘na hi antokucchiyaṃ cakkhuviññāṇaṃ uppajjatī’’ti. Assāsapassāsā viya hi tattha cakkhuviññāṇampi na uppajjati tajjassa samannāhārassa abhāvato.

    ๒๔. ยถา อญฺญา อิตฺถิโย วิชาตปฺปจฺจยา ตาทิเสน โรเคน อภิภูตาปิ หุตฺวา มรนฺติ, โพธิสตฺตมาตุ ปน โพธิสเตฺต กุจฺฉิคเต ตสฺส วิชายนนิมิตฺตํ, น โกจิ โรโค อุปฺปชฺชติ, เกวลํ อายุปริกฺขเยเนว กาลํ กโรติ, สฺวายมโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺต เอวฯ ‘‘โพธิสเตฺตน วสิตฎฺฐานญฺหี’’ติอาทิ ตสฺส การณวจนํฯ อเญฺญสํ อปริโภคนฺติ อเญฺญหิ น ปริภุญฺชิตพฺพํ, น ปริโภคโยคฺยนฺติ อโตฺถฯ ตถา สติ โพธิสตฺตปิตุ อญฺญาย อคฺคมเหสิยา ภวิตพฺพํ, ตถาปิ โพธิสตฺตมาตริ ธรนฺติยา อยุชฺชมานกนฺติ อาห ‘‘น จ สกฺกา’’ติอาทิฯ อปเนตฺวาติ อคฺคมเหสิฐานโต นีหริตฺวาฯ อตฺตนิ ฉนฺทราควเสเนว พหิทฺธา อารมฺมณปริเยสนาติ วิสยินิสาราโค สตฺตานํ วิสเยสุ สาราคสฺส พลวการณนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สตฺตานํ อตฺตภาเว ฉนฺทราโค พลวา โหตี’’ติฯ อนุรกฺขิตุํ น สโกฺกตีติ สมฺมา คพฺภปริหารํ นานุยุญฺชติฯ เตน คโพฺภ พหฺวาพาโธ โหติฯ วตฺถุ วิสทํ โหตีติ คพฺภาสโย วิสุโทฺธ โหติฯ มาตุ มชฺฌิมวยสฺส ตติยโกฎฺฐาเส โพธิสตฺตคโพฺภกฺกมนมฺปิ ตสฺสา อายุปริมาณวิโลกเนเนว สงฺคหิตํ วโยวเสน อุปฺปชฺชนกวิการสฺส ปริวชฺชนโตฯ อิตฺถิสภาเวน อุปฺปชฺชนกวิกาโร ปน โพธิสตฺตสฺส อานุภาเวเนว วูปสมติฯ

    24. Yathā aññā itthiyo vijātappaccayā tādisena rogena abhibhūtāpi hutvā maranti, bodhisattamātu pana bodhisatte kucchigate tassa vijāyananimittaṃ, na koci rogo uppajjati, kevalaṃ āyuparikkhayeneva kālaṃ karoti, svāyamattho heṭṭhā vutto eva. ‘‘Bodhisattena vasitaṭṭhānañhī’’tiādi tassa kāraṇavacanaṃ. Aññesaṃ aparibhoganti aññehi na paribhuñjitabbaṃ, na paribhogayogyanti attho. Tathā sati bodhisattapitu aññāya aggamahesiyā bhavitabbaṃ, tathāpi bodhisattamātari dharantiyā ayujjamānakanti āha ‘‘na ca sakkā’’tiādi. Apanetvāti aggamahesiṭhānato nīharitvā. Attani chandarāgavaseneva bahiddhā ārammaṇapariyesanāti visayinisārāgo sattānaṃ visayesu sārāgassa balavakāraṇanti dassento āha ‘‘sattānaṃ attabhāve chandarāgo balavā hotī’’ti. Anurakkhituṃ na sakkotīti sammā gabbhaparihāraṃ nānuyuñjati. Tena gabbho bahvābādho hoti. Vatthu visadaṃ hotīti gabbhāsayo visuddho hoti. Mātu majjhimavayassa tatiyakoṭṭhāse bodhisattagabbhokkamanampi tassā āyuparimāṇavilokaneneva saṅgahitaṃ vayovasena uppajjanakavikārassa parivajjanato. Itthisabhāvena uppajjanakavikāro pana bodhisattassa ānubhāveneva vūpasamati.

    ๒๕. สตฺตมาสชาโตติ ปฎิสนฺธิคฺคหณโต สตฺตเม มาเส ชาโตฯ โส สีตุณฺหกฺขโม น โหติ อติวิย สุขุมาลตายฯ อฎฺฐมาสชาโต กามํ สตฺตมาสชาตโต พุทฺธิวยวา, เอกเจฺจ ปน จมฺมปเทสา วุทฺธิํ ปาปุณนฺตา ฆฎฺฎนํ น สหนฺติ, เตน โส น ชีวติฯ ‘‘สตฺตมาสชาตสฺส ปน น ตาว เต ชาตา’’ติ วทนฺติฯ

    25.Sattamāsajātoti paṭisandhiggahaṇato sattame māse jāto. So sītuṇhakkhamo na hoti ativiya sukhumālatāya. Aṭṭhamāsajāto kāmaṃ sattamāsajātato buddhivayavā, ekacce pana cammapadesā vuddhiṃ pāpuṇantā ghaṭṭanaṃ na sahanti, tena so na jīvati. ‘‘Sattamāsajātassa pana na tāva te jātā’’ti vadanti.

    ๒๗. เทวา ปฐมํ ปฎิคฺคณฺหนฺตีติ ‘‘โลกนาถํ มหาปุริสํ สยเมว ปฐมํ ปฎิคฺคณฺหามา’’ติ สญฺชาตคารวพหุมานา อตฺตโน ปีติํ ปเวเทนฺตา ขีณาสวา สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน อาทิโต ปฎิคฺคณฺหนฺติฯ สูติเวสนฺติ สูติชคฺคนธาติเวสํฯ เอเกติ อภยคิริวาสิโนฯ มจฺฉกฺขิสทิสํ ฉวิวเสนฯ อฎฺฐาสิ น นิสีทิ, น นิปชฺชิ วาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฐิตาว โพธิสตฺตํ โพธิสตฺตมาตา วิชายตี’’ติฯ นิทฺทุกฺขตาย ฐิตา เอว หุตฺวา วิชายติฯ ทุกฺขสฺส หิ พลวภาวโต ตํ ทุกฺขํ อสหมานา อญฺญา อิตฺถิโย นิสินฺนา วา นิปนฺนา วา วิชายนฺติฯ

    27.Devāpaṭhamaṃ paṭiggaṇhantīti ‘‘lokanāthaṃ mahāpurisaṃ sayameva paṭhamaṃ paṭiggaṇhāmā’’ti sañjātagāravabahumānā attano pītiṃ pavedentā khīṇāsavā suddhāvāsabrahmāno ādito paṭiggaṇhanti. Sūtivesanti sūtijagganadhātivesaṃ. Eketi abhayagirivāsino. Macchakkhisadisaṃ chavivasena. Aṭṭhāsi na nisīdi, na nipajji vā. Tena vuttaṃ ‘‘ṭhitāva bodhisattaṃ bodhisattamātā vijāyatī’’ti. Niddukkhatāya ṭhitā eva hutvā vijāyati. Dukkhassa hi balavabhāvato taṃ dukkhaṃ asahamānā aññā itthiyo nisinnā vā nipannā vā vijāyanti.

    ๒๘. อชินปฺปเวณิยาติ อชินจเมฺมหิ สิพฺพิตฺวา กตปเวณิยาฯ มหาเตโชติ มหานุภาโวฯ มหายโสติ มหาปริวาโร, วิปุลกิตฺติโฆโส จฯ

    28.Ajinappaveṇiyāti ajinacammehi sibbitvā katapaveṇiyā. Mahātejoti mahānubhāvo. Mahāyasoti mahāparivāro, vipulakittighoso ca.

    ๒๙. ภคฺควิภคฺคาติ สมฺพาธฎฺฐานโต นิกฺขมเนน วิภาวิตตฺตา ภคฺคา, วิภคฺคา วิย จ หุตฺวา, เตน เนสํ อวิสทภาวเมว ทเสฺสติฯ อลโคฺค หุตฺวาติ คพฺภาสเย, โยนิปเทเส จ กตฺถจิ อลโคฺค อสโตฺต หุตฺวา, ยโต ‘‘ธมกรณโต อุทกนิกฺขมนสทิส’’นฺติ วุตฺตํฯ อุทเกนาติ คพฺภาสยคเตน อุทเกนฯ อมกฺขิโตว นิกฺขมติ สมฺมกฺขิตสฺส ตาทิสสฺส อุทกเสมฺหาทิกเสฺสว ตตฺถ อภาวโตฯ โพธิสตฺตสฺส หิ ปุญฺญานุภาวโต ปฎิสนฺธิคฺคหณโต ปฎฺฐาย ตํ ฐานํ ปุเพฺพปิ วิสุทฺธํ วิเสสโต ปรมสุคนฺธคนฺธกุฎิ วิย จนฺทนคนฺธํ วายนฺตํ ติฎฺฐติฯ

    29.Bhaggavibhaggāti sambādhaṭṭhānato nikkhamanena vibhāvitattā bhaggā, vibhaggā viya ca hutvā, tena nesaṃ avisadabhāvameva dasseti. Alaggo hutvāti gabbhāsaye, yonipadese ca katthaci alaggo asatto hutvā, yato ‘‘dhamakaraṇato udakanikkhamanasadisa’’nti vuttaṃ. Udakenāti gabbhāsayagatena udakena. Amakkhitova nikkhamati sammakkhitassa tādisassa udakasemhādikasseva tattha abhāvato. Bodhisattassa hi puññānubhāvato paṭisandhiggahaṇato paṭṭhāya taṃ ṭhānaṃ pubbepi visuddhaṃ visesato paramasugandhagandhakuṭi viya candanagandhaṃ vāyantaṃ tiṭṭhati.

    อุทกวฎฺฎิโยติ อุทกกฺขนฺธาฯ

    Udakavaṭṭiyoti udakakkhandhā.

    ๓๑. มุหุตฺตชาโตติ มุหุเตฺตน ชาโต หุตฺวา มุหุตฺตมโตฺตวฯ อนุธาริยมาเนติ อนุกูลวเสน นียมาเนฯ อาคตาเนวาติ ตํ ฐานํ อุปคตานิ เอวฯ อเนกสาขนฺติ รตนมยาเนกสตปติฎฺฐานหีรกํฯ สหสฺสมณฺฑลนฺติ เตสํ อุปริฎฺฐิตํ อเนกสหสฺสมณฺฑลหีรกํฯ มรูติ เทวาฯ น โข ปน เอวํ ทฎฺฐพฺพํ ปทวีติหารโต ปเคว ทิสาวิโลกนสฺส กตตฺตาฯ เตนาห ‘‘มหาสโตฺต หี’’ติอาทิฯ เอกงฺคณานีติ วิวฎภาเวน วิหารงฺคณปริเวณงฺคณานิ วิย เอกงฺคณสทิสานิ อเหสุํฯ สทิโสปิ นตฺถีติ ตุมฺหากํ อิทํ วิโลกนํ วิสิเฎฺฐ ปสฺสิตุํ ‘‘อิธ ตุเมฺหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุฯ อโคฺคติ ปธาโน, เกน ปนสฺส ปธานตาติ อาห ‘‘คุเณหี’’ติฯ ปฐม-สโทฺท เจตฺถ ปธานปริยาโยฯ โพธิสตฺตสฺส ปน ปธานตา อนญฺญสาธารณาติ อาห ‘‘สพฺพปฐโม’’ติ, สพฺพปธาโนติ อโตฺถฯ เอตเสฺสวาติ อคฺคสทฺทเสฺสวฯ เอตฺถ จ มเหสกฺขา ตาว เทวา ตถา จ วทนฺติ, อิตเร ปน กถนฺติ? มหาสตฺตสฺส อานุภาวทสฺสนาทินาฯ มเหสกฺขานญฺหิ เทวานํ มหาสตฺตสฺส อานุภาโว วิย เตน สทิสานมฺปิ อานุภาโว ปจฺจโกฺข อโหสีติ, อิตเร ปน เตสํ วจนํ สุตฺวา สทฺทหนฺตา อนุมินนฺตา ตถา อาหํสุฯ ปริปากคตปุพฺพเหตุสํสิทฺธาย ธมฺมตาย โจทิยมาโน อิมสฺมิํ…เป.… พฺยากาสิฯ

    31.Muhuttajātoti muhuttena jāto hutvā muhuttamattova. Anudhāriyamāneti anukūlavasena nīyamāne. Āgatānevāti taṃ ṭhānaṃ upagatāni eva. Anekasākhanti ratanamayānekasatapatiṭṭhānahīrakaṃ. Sahassamaṇḍalanti tesaṃ upariṭṭhitaṃ anekasahassamaṇḍalahīrakaṃ. Marūti devā. Na kho panaevaṃ daṭṭhabbaṃ padavītihārato pageva disāvilokanassa katattā. Tenāha ‘‘mahāsatto hī’’tiādi. Ekaṅgaṇānīti vivaṭabhāvena vihāraṅgaṇapariveṇaṅgaṇāni viya ekaṅgaṇasadisāni ahesuṃ. Sadisopi natthīti tumhākaṃ idaṃ vilokanaṃ visiṭṭhe passituṃ ‘‘idha tumhehi sadisopi natthi, kuto uttaritaro’’ti āhaṃsu. Aggoti padhāno, kena panassa padhānatāti āha ‘‘guṇehī’’ti. Paṭhama-saddo cettha padhānapariyāyo. Bodhisattassa pana padhānatā anaññasādhāraṇāti āha ‘‘sabbapaṭhamo’’ti, sabbapadhānoti attho. Etassevāti aggasaddasseva. Ettha ca mahesakkhā tāva devā tathā ca vadanti, itare pana kathanti? Mahāsattassa ānubhāvadassanādinā. Mahesakkhānañhi devānaṃ mahāsattassa ānubhāvo viya tena sadisānampi ānubhāvo paccakkho ahosīti, itare pana tesaṃ vacanaṃ sutvā saddahantā anuminantā tathā āhaṃsu. Paripākagatapubbahetusaṃsiddhāya dhammatāya codiyamāno imasmiṃ…pe… byākāsi.

    ชาตมตฺตเสฺสว โพธิสตฺตสฺส ฐานาทีนิ เยสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภูตานีติ เต นิทฺธาเรตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปติฎฺฐานํ จตุริทฺธิปาทปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ อิทฺธิปาทวเสน โลกุตฺตรธเมฺมสุ สุปฺปติฎฺฐิตภาวสมิชฺฌนโตฯ อุตฺตราภิมุขภาโว โลกสฺส อุตฺตรณวเสน คมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ เตน หิ ภควา สเทวกสฺส โลกสฺส อภิภูโต, เกนจิ อนภิภูโต อโหสิฯ เตนาห ‘‘มหาชนํ อโชฺฌตฺถริตฺวา อภิภวิตฺวา คมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติฯ ตถา สตฺตปทคมนํ สตฺตปทโพชฺฌงฺคสมฺปนฺนอริยมคฺคคมนสฺสฯ สุวิสุทฺธเสตจฺฉตฺตธารณํ สุวิสุทฺธวิมุตฺติฉตฺตธารณสฺสฯ ปญฺจราชกกุธภณฺฑสมาโยโค ปญฺจวิธวิมุตฺติคุณสมาโยคสฺสฯ อนาวฎทิสานุวิโลกนํ อนาวฎญาณตายฯ ‘‘อโคฺคหมสฺมี’’ติอาทินา อฉมฺภิตวาจาภาสนํ เกนจิ อวิพนฺธนียตาย อปฺปวตฺติยสฺส สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺสฯ ‘‘อยมนฺติมา ชาตี’’ติ อายติํ ชาติยา อภาวกิตฺตนา อนุปาทิ…เป.… ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ตสฺส ตสฺส อนาคเต ลทฺธพฺพวิเสสสฺส ตํ ตํ นิมิตฺตํ อพฺยภิจารีติ กตฺวาฯ น อาคโตติ อิมสฺมิํ สุเตฺต, อญฺญตฺถ จ วกฺขมานาย อนุปุพฺพิยา น อาคโตฯ อาหริตฺวาติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สุเตฺต, อฎฺฐกถาสุ จ อาคตนเยน อาหริตฺวา ทีเปตโพฺพฯ

    Jātamattasseva bodhisattassa ṭhānādīni yesaṃ visesādhigamānaṃ pubbanimittabhūtānīti te niddhāretvā dassento ‘‘ettha cā’’tiādimāha. Tattha patiṭṭhānaṃ caturiddhipādapaṭilābhassa pubbanimittaṃ iddhipādavasena lokuttaradhammesu suppatiṭṭhitabhāvasamijjhanato. Uttarābhimukhabhāvo lokassa uttaraṇavasena gamanassa pubbanimittaṃ. Tena hi bhagavā sadevakassa lokassa abhibhūto, kenaci anabhibhūto ahosi. Tenāha ‘‘mahājanaṃ ajjhottharitvā abhibhavitvā gamanassa pubbanimitta’’nti. Tathā sattapadagamanaṃ sattapadabojjhaṅgasampannaariyamaggagamanassa. Suvisuddhasetacchattadhāraṇaṃ suvisuddhavimuttichattadhāraṇassa. Pañcarājakakudhabhaṇḍasamāyogo pañcavidhavimuttiguṇasamāyogassa. Anāvaṭadisānuvilokanaṃ anāvaṭañāṇatāya. ‘‘Aggohamasmī’’tiādinā achambhitavācābhāsanaṃ kenaci avibandhanīyatāya appavattiyassa saddhammacakkappavattanassa. ‘‘Ayamantimā jātī’’ti āyatiṃ jātiyā abhāvakittanā anupādi…pe… pubbanimittanti veditabbaṃ tassa tassa anāgate laddhabbavisesassa taṃ taṃ nimittaṃ abyabhicārīti katvā. Na āgatoti imasmiṃ sutte, aññattha ca vakkhamānāya anupubbiyā na āgato. Āharitvāti tasmiṃ tasmiṃ sutte, aṭṭhakathāsu ca āgatanayena āharitvā dīpetabbo.

    ‘‘ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปี’’ติ อิทํ สติปิ อิธ ปาฬิยํ อาคตเตฺต วกฺขมานานํ อจฺฉริยานํ มูลภูตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํ, เอวํ อญฺญมฺปิ เอวรูปํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตนฺติพทฺธา วีณา จมฺมพทฺธา เภริโยติ ปญฺจงฺคิกตูริยสฺส นิทสฺสนมตฺตํ, จ-สเทฺทน วา อิตเรสมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘อนฺทุพนฺธนาทีนิ ตงฺขเณ เอว ฉชฺชิตฺวา ปุน ปากติกาเนว โหนฺติ, ตถา ชจฺจนฺธาทีนํ จกฺขุโสตาทีนิ ตถารูปกมฺมปจฺจยา ตสฺมิํเยว ขเณ อุปฺปชฺชิตฺวา ตาวเทว วิคจฺฉนฺตี’’ติ วทนฺติฯ ฉิชฺชิํสูติ จ ปาเทสุ พนฺธฎฺฐาเนสุ ฉิชฺชิํสุฯ วิคจฺฉิํสูติ วูปสมิํสุฯ อากาสฎฺฐกรตนานิ นาม ตํตํวิมานคตมณิรตนาทีนิฯ สกเตโชภาสิตานีติ อติวิย สมุชฺชลาย อตฺตโน ปภาย โอภาสิตานิ อเหสุํฯ นปฺปวตฺตีติ น สนฺนิปาโตฯ น วายีติ ขโร วาโต น วายิฯ มุทุสุโข ปน สตฺตานํ สุขาวโห วายิฯ ปถวิคตา อเหสุํ อุจฺจฎฺฐาเน ฐาตุํ อวิสหนฺตาฯ อุตุสมฺปโนฺนติ อนุณฺหาสีตตาสงฺขาเตน อุตุนา สมฺปโนฺนฯ อโปฺผฎนํ วุจฺจติ ภุชหตฺถสงฺฆฎฺฎนสโทฺท, อตฺถโต ปน วามหตฺถํ อุเร ฐเปตฺวา ทกฺขิเณน ปุถุปาณินา หตฺถตาฬเนน สทฺทกรณํฯ มุเขน อุเสฺสฬนํ สทฺทสฺส มุญฺจนํ เสฬนํฯ เอกทฺธชมาลา อโหสิ นิรนฺตรํ ธชมาลาสโมธานคตายฯ น เกวลญฺจ เอตานิ เอว, อถ โข อญฺญานิปิ ‘‘วิจิตฺตปุปฺผสุคนฺธปุปฺผวสฺสเทโวปวสฺสิ สูริเย ทิสฺสมาเน เอว ตารกา โอภาสิํสุ, อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อุทกํ ปถวิโต อุพฺภิชฺชิ, พิลาสยา จ ติรจฺฉานา อาสยโต นิกฺขมิํสุ, ราคโทสโมหาปิ ตนุ ภวิํสุ, ปถวิยํ รโช วูปสมิ, อนิฎฺฐคโนฺธ วิคจฺฉิ, ทิพฺพคโนฺธ วายิ, รูปิโน เทวา สรูเปเนว มนุสฺสานํ อาปาถํ อคมํสุ, สตฺตานํ จุตูปปาตา นาเหสุ’’นฺติ เอวมาทีนิ ยานิ มหาภินีหารสมเย อุปฺปนฺนานิ ทฺวตฺติํสปุพฺพนิมิตฺตานิ, ตานิ อนวเสสโต ตทา อเหสุนฺติฯ

    ‘‘Dasasahassilokadhātukampī’’ti idaṃ satipi idha pāḷiyaṃ āgatatte vakkhamānānaṃ acchariyānaṃ mūlabhūtaṃ dassetuṃ vuttaṃ, evaṃ aññampi evarūpaṃ daṭṭhabbaṃ. Tantibaddhā vīṇā cammabaddhā bheriyoti pañcaṅgikatūriyassa nidassanamattaṃ, ca-saddena vā itaresampi saṅgaho daṭṭhabbo. ‘‘Andubandhanādīni taṅkhaṇe eva chajjitvā puna pākatikāneva honti, tathā jaccandhādīnaṃ cakkhusotādīni tathārūpakammapaccayā tasmiṃyeva khaṇe uppajjitvā tāvadeva vigacchantī’’ti vadanti. Chijjiṃsūti ca pādesu bandhaṭṭhānesu chijjiṃsu. Vigacchiṃsūti vūpasamiṃsu. Ākāsaṭṭhakaratanāni nāma taṃtaṃvimānagatamaṇiratanādīni. Sakatejobhāsitānīti ativiya samujjalāya attano pabhāya obhāsitāni ahesuṃ. Nappavattīti na sannipāto. Na vāyīti kharo vāto na vāyi. Mudusukho pana sattānaṃ sukhāvaho vāyi. Pathavigatā ahesuṃ uccaṭṭhāne ṭhātuṃ avisahantā. Utusampannoti anuṇhāsītatāsaṅkhātena utunā sampanno. Apphoṭanaṃ vuccati bhujahatthasaṅghaṭṭanasaddo, atthato pana vāmahatthaṃ ure ṭhapetvā dakkhiṇena puthupāṇinā hatthatāḷanena saddakaraṇaṃ. Mukhena usseḷanaṃ saddassa muñcanaṃ seḷanaṃ. Ekaddhajamālā ahosi nirantaraṃ dhajamālāsamodhānagatāya. Na kevalañca etāni eva, atha kho aññānipi ‘‘vicittapupphasugandhapupphavassadevopavassi sūriye dissamāne eva tārakā obhāsiṃsu, acchaṃ vippasannaṃ udakaṃ pathavito ubbhijji, bilāsayā ca tiracchānā āsayato nikkhamiṃsu, rāgadosamohāpi tanu bhaviṃsu, pathaviyaṃ rajo vūpasami, aniṭṭhagandho vigacchi, dibbagandho vāyi, rūpino devā sarūpeneva manussānaṃ āpāthaṃ agamaṃsu, sattānaṃ cutūpapātā nāhesu’’nti evamādīni yāni mahābhinīhārasamaye uppannāni dvattiṃsapubbanimittāni, tāni anavasesato tadā ahesunti.

    ตตฺราปีติ เตสุปิ ปถวิกมฺปาทีสุ เอวํ ปุพฺพนิมิตฺตภาโว เวทิตโพฺพฯ น เกวลํ สมฺปติชาตสฺส ฐานาทีสุ เอวาติ อธิปฺปาโยฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ สพฺพสฺส เญยฺยสฺส, ติตฺถกรมตสฺส จ จาลนโตฯ เกนจิ อนุสฺสาหิตานํเยว อิมสฺมิํเยว เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปาโต เกนจิ อนุสฺสาหิตานํเยว เอกปฺปหาเรเนว สนฺนิปติตฺวา ธมฺมปฎิคฺคณฺหนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ปฐมํ เทวตานํ ปฎิคฺคหณํ ทิพฺพวิหารปฎิลาภสฺส, ปจฺฉา มนุสฺสานํ ปฎิคฺคหณํ ตเตฺถว ฐานสฺส นิจฺจลสภาวโต อาเนญฺชวิหารปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ วีณานํ สยํ วชฺชนํ ปรูปเทเสน วินา สยเมว อนุปุพฺพวิหารปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ เภรีนํ วชฺชนํ จกฺกวาฬปริยนฺตาย ปริสาย ปเวทนสมตฺถสฺส ธมฺมเภริยา อนุสาวนสฺส อมตทุนฺทุภิโฆสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ อนฺทุพนฺธนาทีนํ เฉโท มานวินิพนฺธเภทนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ มหาชนสฺส โรควิคโม ตเสฺสว สกลวฎฺฎทุกฺขโรควิคมภูตสฺส สจฺจปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ‘‘มหาชนสฺสา’’ติ ปทํ ‘‘มหาชนสฺส ทิพฺพจกฺขุปฎิลาภสฺส, มหาชนสฺส ทิพฺพโสตธาตุปฎิลาภสฺสา’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อิทฺธิปาทภาวนาวเสน สาติสยญาณชวสมฺปตฺติสิทฺธีติ อาห ‘‘ปีฐสปฺปีนํ ชวสมฺปทา จตุริทฺธิปาทปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติฯ สุปฎฺฎนสมฺปาปุณนํ จตุปฎิสมฺภิทาธิคมสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ อตฺถาทิอนุรูปํ อตฺถาทีสุ สมฺปฎิปตฺติภาวโตฯ รตนานํ สกเตโชภาสิตตฺตํ ยํ โลกสฺส ธโมฺมภาสํ ทเสฺสสฺสติ, เตน ตสฺส สกเตโชภาสิตตฺตสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ

    Tatrāpīti tesupi pathavikampādīsu evaṃ pubbanimittabhāvo veditabbo. Na kevalaṃ sampatijātassa ṭhānādīsu evāti adhippāyo. Sabbaññutaññāṇapaṭilābhassa pubbanimittaṃ sabbassa ñeyyassa, titthakaramatassa ca cālanato. Kenaci anussāhitānaṃyeva imasmiṃyeva ekacakkavāḷe sannipāto kenaci anussāhitānaṃyeva ekappahārenevasannipatitvā dhammapaṭiggaṇhanassa pubbanimittaṃ. Paṭhamaṃ devatānaṃ paṭiggahaṇaṃ dibbavihārapaṭilābhassa, pacchā manussānaṃ paṭiggahaṇaṃ tattheva ṭhānassa niccalasabhāvato āneñjavihārapaṭilābhassa pubbanimittaṃ. Vīṇānaṃ sayaṃ vajjanaṃ parūpadesena vinā sayameva anupubbavihārapaṭilābhassa pubbanimittaṃ. Bherīnaṃ vajjanaṃ cakkavāḷapariyantāya parisāya pavedanasamatthassa dhammabheriyā anusāvanassa amatadundubhighosanassa pubbanimittaṃ. Andubandhanādīnaṃ chedo mānavinibandhabhedanassa pubbanimittaṃ. Mahājanassa rogavigamo tasseva sakalavaṭṭadukkharogavigamabhūtassa saccapaṭilābhassa pubbanimittaṃ. ‘‘Mahājanassā’’ti padaṃ ‘‘mahājanassa dibbacakkhupaṭilābhassa, mahājanassa dibbasotadhātupaṭilābhassā’’tiādinā tattha tattha ānetvā sambandhitabbaṃ. Iddhipādabhāvanāvasena sātisayañāṇajavasampattisiddhīti āha ‘‘pīṭhasappīnaṃ javasampadā caturiddhipādapaṭilābhassa pubbanimitta’’nti. Supaṭṭanasampāpuṇanaṃ catupaṭisambhidādhigamassa pubbanimittaṃ. Atthādianurūpaṃ atthādīsu sampaṭipattibhāvato. Ratanānaṃ sakatejobhāsitattaṃ yaṃ lokassa dhammobhāsaṃ dassessati, tena tassa sakatejobhāsitattassa pubbanimittaṃ.

    จตุพฺรหฺมวิหารปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ ตสฺส สพฺพโส เวรวูปสมนโตฯ เอกาทสอคฺคินิพฺพาปนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ ทุนฺนิพฺพาปนนิพฺพานภาวโตฯ ญาณาโลกาทสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ อนาโลเก อาโลกทสฺสนภาวโตฯ นิพฺพานรเสนาติ กิเลสานํ นิพฺพายนรเสนฯ เอกรสภาวสฺสาติ สาสนสฺส สพฺพตฺถ เอกรสภาวสฺส, ตญฺจ โข อมธุรสฺส โลกสฺส สพฺพโส มธุรภาวาปาทเนนฯ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตภินฺทนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ สพฺพโส ทิฎฺฐิคตวาตาปนยนวเสนฯ อากาสาทิอปฺปติฎฺฐวิสมจญฺจลฎฺฐานํ ปหาย สกุณานํ ปถวิคมนํ ตาทิสํ มิจฺฉาคาหํ ปหาย สตฺตานํ ปาเณหิ รตนตฺตยสรณคมนสฺส ปุพฺพนิตฺตํฯ พหุชนกนฺตตายาติ จนฺทสฺส วิย พหุชนสฺส กนฺตตายฯ สูริยสฺส อุณฺหสีตวิวชฺชิตอุตุสุขตา ปริฬาหวิวชฺชิตกายิกเจตสิกสุขปฺปตฺติยา ปุพฺพนิมิตฺตํฯ เทวตานํ อโปฺผฎนาทีหิ กีฬนํ ปโมทุปฺปตฺติ ภวนฺตคมเนน, ธมฺมสภาวโพธเนน จ อุทานวเสน ปโมทวิภาวนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ธมฺมเวควสฺสนสฺสาติ เทสนาญาณเวเคน ธมฺมามตสฺส วสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ กายคตาสติวเสน ลทฺธํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปาทิตมคฺคผลสุขานุภโว กายคตาสติอมตปฎิลาโภ, ตสฺส ปน กายสฺสาปิ อตปฺปกสุขาวหตฺตา ขุทาปิปาสาปีฬนาภาโว ปุพฺพนิมิตฺตํ วุโตฺต ฯ อฎฺฐกถายํปน ขุทํ, ปิปาสญฺจ ภินฺทิตฺวา วุตฺตํฯ ตตฺถ ปุพฺพนิมิตฺตานํ เภโท วิเสสสามญฺญวิภาเคน, โคพลีพทฺทญาเยน จ คเหตโพฺพฯ ‘‘สยเมวา’’ติ ปทํ ‘‘อฎฺฐงฺคิกมคฺคทฺวารวิวรณสฺสา’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ภริตภาวสฺสาติ ปริปุณฺณภาวสฺสฯ ‘‘อริยทฺธชมาลามาลิตายาติ กาสายทฺธชมาลาวนฺตตายา’’ติ เกจิ, สเทวกสฺส โลกสฺส ปน อริยมคฺคโพชฺฌงฺคทฺธชมาลาหิ มาลิภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ ยํ ปเนตฺถ อนุทฺธฎํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Catubrahmavihārapaṭilābhassa pubbanimittaṃ tassa sabbaso veravūpasamanato. Ekādasaagginibbāpanassa pubbanimittaṃ dunnibbāpananibbānabhāvato. Ñāṇālokādassanassa pubbanimittaṃ anāloke ālokadassanabhāvato. Nibbānarasenāti kilesānaṃ nibbāyanarasena. Ekarasabhāvassāti sāsanassa sabbattha ekarasabhāvassa, tañca kho amadhurassa lokassa sabbaso madhurabhāvāpādanena. Dvāsaṭṭhidiṭṭhigatabhindanassa pubbanimittaṃ sabbaso diṭṭhigatavātāpanayanavasena. Ākāsādiappatiṭṭhavisamacañcalaṭṭhānaṃ pahāya sakuṇānaṃ pathavigamanaṃ tādisaṃ micchāgāhaṃ pahāya sattānaṃ pāṇehi ratanattayasaraṇagamanassa pubbanittaṃ. Bahujanakantatāyāti candassa viya bahujanassa kantatāya. Sūriyassa uṇhasītavivajjitautusukhatā pariḷāhavivajjitakāyikacetasikasukhappattiyā pubbanimittaṃ.Devatānaṃ apphoṭanādīhi kīḷanaṃ pamoduppatti bhavantagamanena, dhammasabhāvabodhanena ca udānavasena pamodavibhāvanassa pubbanimittaṃ. Dhammavegavassanassāti desanāñāṇavegena dhammāmatassa vassanassa pubbanimittaṃ. Kāyagatāsativasena laddhaṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā uppāditamaggaphalasukhānubhavo kāyagatāsatiamatapaṭilābho, tassa pana kāyassāpi atappakasukhāvahattā khudāpipāsāpīḷanābhāvo pubbanimittaṃ vutto . Aṭṭhakathāyaṃpana khudaṃ, pipāsañca bhinditvā vuttaṃ. Tattha pubbanimittānaṃ bhedo visesasāmaññavibhāgena, gobalībaddañāyena ca gahetabbo. ‘‘Sayamevā’’ti padaṃ ‘‘aṭṭhaṅgikamaggadvāravivaraṇassā’’ti etthāpi ānetvā sambandhitabbaṃ. Bharitabhāvassāti paripuṇṇabhāvassa. ‘‘Ariyaddhajamālāmālitāyāti kāsāyaddhajamālāvantatāyā’’ti keci, sadevakassa lokassa pana ariyamaggabojjhaṅgaddhajamālāhi mālibhāvassa pubbanimittaṃ. Yaṃ panettha anuddhaṭaṃ, taṃ suviññeyyameva.

    เอตฺถาติ ‘‘สมฺปติชาโต’’ติอาทินา อาคเต อิมสฺมิํ วาเรฯ วิสฺสชฺชิโตว, ตสฺมา อเมฺหหิ อิธ อปุพฺพํ วตฺตพฺพํ นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ ตทา ปถวิยํ คจฺฉโนฺตปิ มหาสโตฺต อากาเสน คจฺฉโนฺต วิย มหาชนสฺส ตถา อุปฎฺฐาสีติ อยเมตฺถ นิยติ ธมฺมนิยาโม โพธิสตฺตานํ ธมฺมตา ติ อิทํ นิยติวาทวเสน กถนํฯ ปุเพฺพ ปุริมชาตีสุ ตาทิสสฺส ปุญฺญสมฺภารกมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา มหาชนสฺส ตถา อุปฎฺฐาสีติ อิทํ ปุเพฺพกตกมฺมวาทวเสน กถนํฯ อิเมสํ สตฺตานํ อุปริ อีสนสีลตาย ยถาสกํ กมฺมเมว อิสฺสโร นาม, ตสฺส นิมฺมานํ อตฺตโน ผลสฺส นิพฺพตฺตนํ มหาปุริโสปิ สเทวกํ โลกํ อภิภวิตุํ สมเตฺถน อุฬาเรน ปุญฺญกเมฺมน นิพฺพตฺติโต, เตน อิสฺสเรน นิมฺมิโต นาม, ตสฺส จายํ นิมฺมานวิเสโส, ยทิทํ มหานุภาวตา, ยาย มหาชนสฺส ตถา อุปฎฺฐาสีติ อิทํ อิสฺสรนิมฺมานวเสน กถนํฯ เอวํ ตํ ตํ พหุลํ วตฺวา กิํ อิมาย ปริยายกถายาติ อวสาเน อุชุกเมว พฺยากริฯ สมฺปติชาโต ปถวิยํ กถํ ปทสา คจฺฉติ, เอวํ มหานุภาโว อากาเสน มเญฺญ คจฺฉตีติ ปริกปฺปนวเสน อากาเสน คจฺฉโนฺต วิย อโหสิฯ สีฆตรํ ปน สตฺตปทวีติหาเรน คตตฺตา ทิสฺสมานรูโปปิ มหาชนสฺส อทิสฺสมาโน วิย อโหสิฯ อเจลกภาโว, ขุทฺทกสรีรตา จ ตาทิสสฺส อิริยาปถสฺส น อนุจฺฉวิกาติ กมฺมานุภาวสญฺชนิตปาฎิหาริยวเสน อลงฺกตปฎิยโตฺต วิย, โสฬสวสฺสุเทฺทสิโก วิย จ มหาชนสฺส อุปฎฺฐาสีติ เวทิตพฺพํฯ มหาสตฺตสฺส ปุญฺญานุภาเวน ตทา ตถา อุปฎฺฐานมตฺตเมเวตนฺติฯ ปจฺฉา พาลทารโกว อโหสิ, น ตาทิโสติฯ พุทฺธภาวานุจฺฉวิกสฺส โพธิสตฺตานุภาวสฺส ยาถาวโต ปเวทิตตฺตา ปริสา จสฺส พฺยากรเณน พุเทฺธน วิย…เป.… อตฺตมนา อโหสิฯ

    Etthāti ‘‘sampatijāto’’tiādinā āgate imasmiṃ vāre. Vissajjitova, tasmā amhehi idha apubbaṃ vattabbaṃ natthīti adhippāyo. Tadā pathaviyaṃ gacchantopi mahāsatto ākāsena gacchanto viya mahājanassa tathā upaṭṭhāsīti ayamettha niyati dhammaniyāmo bodhisattānaṃ dhammatā ti idaṃ niyativādavasena kathanaṃ. Pubbe purimajātīsu tādisassa puññasambhārakammassa katattā upacitattā mahājanassa tathā upaṭṭhāsīti idaṃ pubbekatakammavādavasena kathanaṃ. Imesaṃ sattānaṃ upari īsanasīlatāya yathāsakaṃ kammameva issaro nāma, tassa nimmānaṃ attano phalassa nibbattanaṃ mahāpurisopi sadevakaṃ lokaṃ abhibhavituṃ samatthena uḷārena puññakammena nibbattito, tena issarena nimmito nāma, tassa cāyaṃ nimmānaviseso, yadidaṃ mahānubhāvatā, yāya mahājanassa tathā upaṭṭhāsīti idaṃ issaranimmānavasena kathanaṃ. Evaṃ taṃ taṃ bahulaṃ vatvā kiṃ imāya pariyāyakathāyāti avasāne ujukameva byākari. Sampatijāto pathaviyaṃ kathaṃ padasā gacchati, evaṃ mahānubhāvo ākāsena maññe gacchatīti parikappanavasena ākāsena gacchanto viya ahosi. Sīghataraṃ pana sattapadavītihārena gatattā dissamānarūpopi mahājanassa adissamāno viya ahosi. Acelakabhāvo, khuddakasarīratā ca tādisassa iriyāpathassa na anucchavikāti kammānubhāvasañjanitapāṭihāriyavasena alaṅkatapaṭiyatto viya, soḷasavassuddesiko viya ca mahājanassa upaṭṭhāsīti veditabbaṃ. Mahāsattassa puññānubhāvena tadā tathā upaṭṭhānamattamevetanti. Pacchā bāladārakova ahosi, na tādisoti. Buddhabhāvānucchavikassa bodhisattānubhāvassa yāthāvato paveditattā parisā cassa byākaraṇena buddhena viya…pe… attamanā ahosi.

    สพฺพธมฺมตาติ สพฺพา โสฬสวิธาปิ ยถาวุตฺตา ธมฺมตา สพฺพโพธิสตฺตานํ โหนฺตีติ เวทิตพฺพา ปุญฺญญาณสมฺภารทสฺสเนน เนสํ เอกสทิสตฺตาฯ

    Sabbadhammatāti sabbā soḷasavidhāpi yathāvuttā dhammatā sabbabodhisattānaṃ hontīti veditabbā puññañāṇasambhāradassanena nesaṃ ekasadisattā.

    ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณวณฺณนา

    Dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇavaṇṇanā

    ๓๓. ทุกูลจุมฺพฎเกติ ทหรสฺส นิปชฺชนโยคฺยตาวเสน ปฎิสํหฎทุกูลสุขุเมฯ ‘‘ขตฺติโย พฺราหฺมโณ’’ติ เอวมาทิ ชาติฯ ‘‘โกณฺฑโญฺญ โคตโม’’ติ เอวมาทิ โคตฺตํฯ ‘‘โปณิกา จิกฺขลฺลิกา สากิยา โกฬิยา’’ติ เอวมาทิ กุลปเทโสฯ อาทิ-สเทฺทน รูปิสฺสริยปริวาราทิสพฺพสมฺปตฺติโย สงฺคณฺหาติฯ มหนฺตสฺสาติ วิปุลสฺส, อุฬารสฺสาติ อโตฺถฯ นิปฺผตฺติโยติ สิทฺธิโยฯ คนฺตพฺพคติยาติ คติ-สทฺทสฺส กมฺมสาธนตมาหฯ อุปปชฺชนวเสน หิ สุจริตทุจฺจริเตหิ คนฺตพฺพาติ คติโย, อุปปตฺติภววิเสโสฯ คจฺฉติ ยถารุจิ ปวตฺตตีติ คติ, อชฺฌาสโยฯ ปฎิสรเณติ ปรายเณ อวสฺสเยฯ สพฺพสงฺขตวิสํยุตฺตสฺส หิ อรหโต นิพฺพานเมว ตํปฎิสรณํฯ ตฺยาหนฺติ เต อหํฯ

    33.Dukūlacumbaṭaketi daharassa nipajjanayogyatāvasena paṭisaṃhaṭadukūlasukhume. ‘‘Khattiyo brāhmaṇo’’ti evamādi jāti. ‘‘Koṇḍañño gotamo’’ti evamādi gottaṃ. ‘‘Poṇikā cikkhallikā sākiyā koḷiyā’’ti evamādi kulapadeso. Ādi-saddena rūpissariyaparivārādisabbasampattiyo saṅgaṇhāti. Mahantassāti vipulassa, uḷārassāti attho. Nipphattiyoti siddhiyo. Gantabbagatiyāti gati-saddassa kammasādhanatamāha. Upapajjanavasena hi sucaritaduccaritehi gantabbāti gatiyo, upapattibhavaviseso. Gacchati yathāruci pavattatīti gati, ajjhāsayo. Paṭisaraṇeti parāyaṇe avassaye. Sabbasaṅkhatavisaṃyuttassa hi arahato nibbānameva taṃpaṭisaraṇaṃ. Tyāhanti te ahaṃ.

    ทสวิเธ กุสลธเมฺม, อครหิเต จ ราชธเมฺม (ชา. ๒ มหามํสชาตเก วิตฺถาโร) นิยุโตฺตติ ธมฺมิโกฯ เตน จ ธเมฺมน สกลํ โลกํ รเญฺชตีติ ธมฺมราชาฯ ยสฺมา จกฺกวตฺตี ธเมฺมน ญาเยน รชฺชํ อธิคจฺฉติ, น อธเมฺมน, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ธเมฺมน ลทฺธรชฺชตฺตา ธมฺมราชา’’ติฯ จตูสุ ทิสาสุ สมุทฺทปริโยสานตาย จตุรนฺตา นาม ตตฺถ ตตฺถ ทีเป มหาปถวีติ อาห ‘‘ปุรตฺถิม…เป.… อิสฺสโร’’ติฯ วิชิตาวีติ วิเชตพฺพสฺส วิชิตวา, กามโกธาทิกสฺส อพฺภนฺตรสฺส, ปฎิราชภูตสฺส พาหิรสฺส จ อริคณสฺส วิชยิ, วิเชตฺวา ฐิโตติ อโตฺถฯ กามํ จกฺกวตฺติโน เกนจิ ยุทฺธํ นาม นตฺถิ, ยุเทฺธน ปน สาเธตพฺพสฺส วิชยสฺส สิทฺธิยา ‘‘วิชิตสงฺคาโม’’ติ วุตฺตํฯ ชนปโทว จตุพฺพิธอจฺฉริยธมฺมาทิสมนฺนาคเต อสฺมิํ ราชินิ ถาวริยํ เกนจิ อสํหาริยํ ทฬฺหํ ภตฺตภาวํ ปโตฺต, ชนปเท วา อตฺตโน ธมฺมิกาย ปฎิปตฺติยา ถาวริยํ ถิรภาวํ ปโตฺตติ ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺตฯ มนุสฺสานํ อุเร สตฺถํ ฐเปตฺวา อิจฺฉิตธนหรณาทินา ปรสาหสการิตาย สาหสิกาฯ

    Dasavidhe kusaladhamme, agarahite ca rājadhamme (jā. 2 mahāmaṃsajātake vitthāro) niyuttoti dhammiko. Tena ca dhammena sakalaṃ lokaṃ rañjetīti dhammarājā. Yasmā cakkavattī dhammena ñāyena rajjaṃ adhigacchati, na adhammena, tasmā vuttaṃ ‘‘dhammena laddharajjattā dhammarājā’’ti. Catūsu disāsu samuddapariyosānatāya caturantā nāma tattha tattha dīpe mahāpathavīti āha ‘‘puratthima…pe… issaro’’ti. Vijitāvīti vijetabbassa vijitavā, kāmakodhādikassa abbhantarassa, paṭirājabhūtassa bāhirassa ca arigaṇassa vijayi, vijetvā ṭhitoti attho. Kāmaṃ cakkavattino kenaci yuddhaṃ nāma natthi, yuddhena pana sādhetabbassa vijayassa siddhiyā ‘‘vijitasaṅgāmo’’ti vuttaṃ. Janapadova catubbidhaacchariyadhammādisamannāgate asmiṃ rājini thāvariyaṃ kenaci asaṃhāriyaṃ daḷhaṃ bhattabhāvaṃ patto, janapade vā attano dhammikāya paṭipattiyā thāvariyaṃ thirabhāvaṃ pattoti janapadatthāvariyappatto. Manussānaṃ ure satthaṃ ṭhapetvā icchitadhanaharaṇādinā parasāhasakāritāya sāhasikā.

    รติชนนเฎฺฐนาติ อตปฺปกปีติโสมนสฺสุปฺปาทเนนฯ สทฺทตฺถโต ปน รเมตีติ รตนํฯ ‘‘อโห มโนหร’’นฺติ จิเตฺต กตฺตพฺพตาย จิตฺตีกตํ ฯ ‘‘สฺวายํ จิตฺตีกาโร ตสฺส ปูชนียตายา’’ติ จิตฺตีกตนฺติ ปูชนียนฺติ อตฺถํ วทนฺติฯ มหนฺตํ วิปุลํ อปริมิตํ มูลํ อคฺฆตีติ มหคฺฆํฯ นตฺถิ เอตสฺส ตุลา อุปมาติ อตุลํ, อสทิสํฯ กทาจิ เอว อุปฺปชฺชนโต ทุเกฺขน ลทฺธพฺพตฺตา ทุลฺลภทสฺสนํฯ อโนเมหิ อุฬารคุเณเหว สเตฺตหิ ปริภุญฺชิตพฺพโต อโนมสตฺตปริโภคํฯ อิทานิ เนสํ จิตฺตีกตาทิอตฺถานํ สวิเสสํ จกฺกรตเน ลพฺภมานตํ ทเสฺสตฺวา อิตเรสุปิ เต อติทิสิตุํ ‘‘จกฺกรตนสฺส จา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ อญฺญํ เทวฎฺฐานํ นาม น โหติ รโญฺญ อนญฺญสาธารณิสฺสริยาทิสมฺปตฺติปฎิลาภเหตุโต, สตฺตานญฺจ ยถิจฺฉิตตฺถปฎิลาภเหตุโตฯ อโคฺฆ นตฺถิ อติวิย อุฬารสมุชฺชลสตฺตรตนมยตฺตา, อจฺฉริยพฺภุตมหานุภาวตาย จฯ ยทเคฺคน มหคฺฆํ, ตทเคฺคน อตุลํฯ สตฺตานํ ปาปชิคุจฺฉเนน วิคตกาฬโก ปุญฺญปสุตตาย มณฺฑภูโต ยาทิโส กาโล พุทฺธุปฺปาทารโห, ตาทิเส เอว จกฺกวตฺตีนมฺปิ สมฺภโวติ อาห ‘‘ยสฺมา จ ปนา’’ติอาทิฯ อุปมาวเสน เจตํ วุตฺตํ, อุปโมปเมยฺยานญฺจ น อจฺจนฺตเมว สทิสตาฯ ตสฺมา ยถา พุทฺธา กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ, น ตถา จกฺกวตฺติโน, เอวํ สเนฺตปิ จกฺกวตฺติวตฺตปริปูรณสฺสาปิ ทุกฺกรภาวโตปิ ทุลฺลภุปฺปาทาเยวาติ , อิมินา ทุลฺลภุปฺปาทตาสามเญฺญน เตสํ ทุลฺลภทสฺสนตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพํฯ กามํ จกฺกรตนานุภาเวน สิชฺฌมาโน คุโณ จกฺกวตฺติปริวารสาธารโณ, ตถาปิ ‘‘จกฺกวตฺตี เอว นํ สามิภาเวน วิสวิตาย ปริภุญฺชตี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ ตทตฺถํ อุปฺปชฺชนโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตเทต’’นฺติอาทิมาหฯ ยถาวุตฺตานํ ปญฺจนฺนํ, ฉนฺนมฺปิ วา อตฺถานํ อิตรรตเนสุปิ ลพฺภนโต ‘‘เอวํ เสสานิปี’’ติ วุตฺตํฯ หตฺถิอสฺส-ปริณายกรตเนหิ อชิตวิชยโต, จกฺกรตเนน จ ปริวารภาเวน, เสเสหิ ปริโภคูปกรณภาเวน สมนฺนาคโตฯ หตฺถิอสฺสมณิอิตฺถิรตเนหิ ปริโภคูปกรณภาเวน เสเสหิ ปริวารภาเวนาติ โยชนาฯ

    Ratijananaṭṭhenāti atappakapītisomanassuppādanena. Saddatthato pana rametīti ratanaṃ. ‘‘Aho manohara’’nti citte kattabbatāya cittīkataṃ. ‘‘Svāyaṃ cittīkāro tassa pūjanīyatāyā’’ti cittīkatanti pūjanīyanti atthaṃ vadanti. Mahantaṃ vipulaṃ aparimitaṃ mūlaṃ agghatīti mahagghaṃ. Natthi etassa tulā upamāti atulaṃ, asadisaṃ. Kadāci eva uppajjanato dukkhena laddhabbattā dullabhadassanaṃ. Anomehi uḷāraguṇeheva sattehi paribhuñjitabbato anomasattaparibhogaṃ. Idāni nesaṃ cittīkatādiatthānaṃ savisesaṃ cakkaratane labbhamānataṃ dassetvā itaresupi te atidisituṃ ‘‘cakkaratanassa cā’’tiādi āraddhaṃ. Aññaṃ devaṭṭhānaṃ nāma na hoti rañño anaññasādhāraṇissariyādisampattipaṭilābhahetuto, sattānañca yathicchitatthapaṭilābhahetuto. Aggho natthi ativiya uḷārasamujjalasattaratanamayattā, acchariyabbhutamahānubhāvatāya ca. Yadaggena mahagghaṃ, tadaggena atulaṃ. Sattānaṃ pāpajigucchanena vigatakāḷako puññapasutatāya maṇḍabhūto yādiso kālo buddhuppādāraho, tādise eva cakkavattīnampi sambhavoti āha ‘‘yasmā ca panā’’tiādi. Upamāvasena cetaṃ vuttaṃ, upamopameyyānañca na accantameva sadisatā. Tasmā yathā buddhā kadāci karahaci uppajjanti, na tathā cakkavattino, evaṃ santepi cakkavattivattaparipūraṇassāpi dukkarabhāvatopi dullabhuppādāyevāti , iminā dullabhuppādatāsāmaññena tesaṃ dullabhadassanatā vuttāti veditabbaṃ. Kāmaṃ cakkaratanānubhāvena sijjhamāno guṇo cakkavattiparivārasādhāraṇo, tathāpi ‘‘cakkavattī eva naṃ sāmibhāvena visavitāya paribhuñjatī’’ti vattabbataṃ arahati tadatthaṃ uppajjanatoti dassento ‘‘tadeta’’ntiādimāha. Yathāvuttānaṃ pañcannaṃ, channampi vā atthānaṃ itararatanesupi labbhanato ‘‘evaṃ sesānipī’’ti vuttaṃ. Hatthiassa-pariṇāyakaratanehi ajitavijayato, cakkaratanena ca parivārabhāvena, sesehi paribhogūpakaraṇabhāvena samannāgato. Hatthiassamaṇiitthiratanehi paribhogūpakaraṇabhāvena sesehi parivārabhāvenāti yojanā.

    จตุนฺนํ มหาทีปานํ สิริวิภวนฺติ ตตฺถ ลทฺธํ สิริสมฺปตฺติเญฺจว โภคสมฺปตฺติญฺจฯ ตาทิสเมวาติ ‘‘ปุเรภตฺตเมวา’’ติอาทินา วุตฺตานุภาวเมวฯ โยชนปฺปมาณํ ปเทสํ พฺยาปเนน โยชนปฺปมาณํ อนฺธการํฯ อติทีฆตาทิฉพฺพิธโทสปริวชฺชิตํฯ

    Catunnaṃ mahādīpānaṃ sirivibhavanti tattha laddhaṃ sirisampattiñceva bhogasampattiñca. Tādisamevāti ‘‘purebhattamevā’’tiādinā vuttānubhāvameva. Yojanappamāṇaṃ padesaṃ byāpanena yojanappamāṇaṃ andhakāraṃ. Atidīghatādichabbidhadosaparivajjitaṃ.

    สูราติ สตฺติวโนฺต, นิพฺภยาติ อโตฺถติ อาห ‘‘อภีรุกา’’ติฯ องฺคนฺติ การณํฯ เยน การเณน ‘‘วีรา’’ติ วุเจฺจยฺยุํ, ตํ วีรงฺคํฯ เตนาห ‘‘วีริยเสฺสตํ นาม’’นฺติฯ ยาว จกฺกวาฬปพฺพตา จกฺกสฺส วตฺตนโต ‘‘จกฺกวาฬปพฺพตํ สีมํ กตฺวา ฐิตสมุทฺทปริยนฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘อทเณฺฑนา’’ติ อิมินาว ธนทณฺฑสฺส, สรีรทณฺฑสฺส จ อกรณํ วุตฺตํฯ ‘‘อสเตฺถนา’’ติ อิมินา ปน เสนาย ยุชฺฌนสฺสาติ ตทุภยํ ทเสฺสตุํ ‘‘เย กตาปราเธ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วุตฺตปฺปการนฺติ สาครปริยนฺตํฯ

    Sūrāti sattivanto, nibbhayāti atthoti āha ‘‘abhīrukā’’ti. Aṅganti kāraṇaṃ. Yena kāraṇena ‘‘vīrā’’ti vucceyyuṃ, taṃ vīraṅgaṃ. Tenāha ‘‘vīriyassetaṃnāma’’nti. Yāva cakkavāḷapabbatā cakkassa vattanato ‘‘cakkavāḷapabbataṃ sīmaṃ katvā ṭhitasamuddapariyanta’’nti vuttaṃ. ‘‘Adaṇḍenā’’ti imināva dhanadaṇḍassa, sarīradaṇḍassa ca akaraṇaṃ vuttaṃ. ‘‘Asatthenā’’ti iminā pana senāya yujjhanassāti tadubhayaṃ dassetuṃ ‘‘ye katāparādhe’’tiādi vuttaṃ. Vuttappakāranti sāgarapariyantaṃ.

    ‘‘รญฺชนเฎฺฐน ราโค, ตณฺหายนเฎฺฐน ตณฺหา’’ติ ปวตฺติอาการเภเทน โลโภ เอว ทฺวิธา วุโตฺต ฯ ตถา หิสฺส ทฺวิธาปิ ฉทนโฎฺฐ เอกนฺติโกฯ ยถาห ‘‘อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ ราโค สหเต นร’’นฺติ, (เนตฺติ. ๑๑, ๒๗) ‘‘ตณฺหาฉทนฉาทิตา’’ติ (อุทา. ๖๔) จฯ อิมินา นเยน โทสาทีนมฺปิ ฉทนโฎฺฐ วตฺตโพฺพฯ กิเลสคฺคหเณน วิจิกิจฺฉาทโย เสสกิเลสา วุตฺตาฯ ยสฺมา เต สเพฺพ ปาปธมฺมา อุปฺปชฺชมานา สตฺตสนฺตานํ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฎฺฐนฺติ กุสลปฺปวตฺติํ นิวาเรนฺติ, ตสฺมา เต ‘‘ฉทนา, ฉทา’’ติ จ วุตฺตาฯ วิวฎฺฎจฺฉทาติ จ โอ-การสฺส อา-การํ กตฺวา นิเทฺทโสฯ

    ‘‘Rañjanaṭṭhena rāgo, taṇhāyanaṭṭhena taṇhā’’ti pavattiākārabhedena lobho eva dvidhā vutto . Tathā hissa dvidhāpi chadanaṭṭho ekantiko. Yathāha ‘‘andhatamaṃ tadā hoti, yaṃ rāgo sahate nara’’nti, (netti. 11, 27) ‘‘taṇhāchadanachāditā’’ti (udā. 64) ca. Iminā nayena dosādīnampi chadanaṭṭho vattabbo. Kilesaggahaṇena vicikicchādayo sesakilesā vuttā. Yasmā te sabbe pāpadhammā uppajjamānā sattasantānaṃ chādetvā pariyonandhitvā tiṭṭhanti kusalappavattiṃ nivārenti, tasmā te ‘‘chadanā, chadā’’ti ca vuttā. Vivaṭṭacchadāti ca o-kārassa ā-kāraṃ katvā niddeso.

    ๓๕. ตาสนฺติ ทฺวินฺนมฺปิ นิปฺผตฺตีนํฯ นิมิตฺตภูตานีติ ญาปกการณภูตานิฯ ตถา หิ ลกฺขียติ มหาปุริสภาโว เอเตหีติ ลกฺขณานิฯ ฐานคมนาทีสุ ภูมิยํ สุฎฺฐุ สมํ ปติฎฺฐิตา ปาทา เอตสฺสาติ สุปฺปติฎฺฐิตปาโทฯ ตํ ปนสฺส สุปฺปติฎฺฐิตปาทตํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อคฺคตลนฺติ อคฺคปาทตลํฯ ปณฺหีติ ปณฺหิตลํฯ ปสฺสนฺติ ปาทตลสฺส ทฺวีสุ ปเสฺสสุ เอเกกํ, อุภยเมว วา ปริยนฺตํ ปสฺสํฯ ‘‘อสฺส ปนา’’ติอาทิ อนฺวยโต อตฺถวิภาวนํฯ สุวณฺณปาทุกตลมิว อุชุกํ นิกฺขิปิยมานํฯ เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกกฺขเณเยวฯ สกลํ ปาทตลํ ภูมิํ ผุสติ นิกฺขิปเนฯ เอกปฺปหาเรเนว สกลํ ปาทตลํ ภูมิโต อุฎฺฐหตีติ โยชนาฯ ตสฺมา อยํ สุปฺปติฎฺฐิตปาโทติ นิคมนํฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ อนุปุพฺพนินฺนาทิอจฺฉริยพฺภุตํ นิสฺสนฺทผลํ, ตํ ปรโต ลกฺขณสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๒๐๑) อาวิภวิสฺสตีติฯ

    35.Tāsanti dvinnampi nipphattīnaṃ. Nimittabhūtānīti ñāpakakāraṇabhūtāni. Tathā hi lakkhīyati mahāpurisabhāvo etehīti lakkhaṇāni. Ṭhānagamanādīsu bhūmiyaṃ suṭṭhu samaṃ patiṭṭhitā pādā etassāti suppatiṭṭhitapādo. Taṃ panassa suppatiṭṭhitapādataṃ byatirekamukhena vibhāvetuṃ ‘‘yathā’’tiādi vuttaṃ. Tattha aggatalanti aggapādatalaṃ. Paṇhīti paṇhitalaṃ. Passanti pādatalassa dvīsu passesu ekekaṃ, ubhayameva vā pariyantaṃ passaṃ. ‘‘Assa panā’’tiādi anvayato atthavibhāvanaṃ. Suvaṇṇapādukatalamiva ujukaṃ nikkhipiyamānaṃ. Ekappahārenevāti ekakkhaṇeyeva. Sakalaṃ pādatalaṃ bhūmiṃ phusati nikkhipane. Ekappahāreneva sakalaṃ pādatalaṃ bhūmito uṭṭhahatīti yojanā. Tasmā ayaṃ suppatiṭṭhitapādoti nigamanaṃ. Yaṃ panettha vattabbaṃ anupubbaninnādiacchariyabbhutaṃ nissandaphalaṃ, taṃ parato lakkhaṇasuttavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 3.201) āvibhavissatīti.

    นาภิ ทิสฺสตีติ ลกฺขณจกฺกสฺส นาภิ ปริมณฺฑลสณฺฐานา สุปริพฺยตฺตา หุตฺวา ทิสฺสติ, ลพฺภตีติ อธิปฺปาโยฯ นาภิปริจฺฉินฺนาติ ตสฺสํ นาภิยํ ปริจฺฉินฺนา ปริเจฺฉทวเสน ฐิตาฯ นาภิมุขปริเกฺขปปโฎฺฎติ ปกติจกฺกสฺส อกฺขพฺภาหตปริหรณตฺถํ นาภิมุเข ฐเปตพฺพํ ปริเกฺขปปโฎฺฎ, ตปฺปฎิจฺฉโนฺน อิธ อธิเปฺปโตฯ เนมิมณิกาติ เนมิยํ อาวลิภาเวน ฐิตมณิกาเลขาฯ สมฺพหุลวาโรติ พหุวิธเลขงฺควิภาวนวาโรฯ สตฺตีติ อาวุธสตฺติฯ สิริวโจฺฉติ สิริองฺคาฯ นนฺทีติ ทกฺขิณาวตฺตํฯ โสวตฺติโกติ โสวตฺติอโงฺคฯ วฎํสโกติ อาเวฬํฯ วฑฺฒมานกนฺติ ปุริมหาทีสุ ทีปงฺกํฯ โมรหตฺถโกติ โมรปิญฺฉกลาโป, โมรปิญฺฉปฎิสิพฺพิโต วา พีชนีวิเสโสฯ วาฬพีชนีติ จามริวาลํฯ สิทฺธตฺถาทิ ปุณฺณฆฎปุณฺณปาติโยฯ ‘‘จกฺกวาโฬ’’ติ วตฺวา ตสฺส ปธานาวยเว ทเสฺสตุํ ‘‘หิมวา สิเนรุ…เป.… สหสฺสานี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘จกฺกวตฺติรโญฺญ ปริสํ อุปาทายา’’ติ อิทํ หตฺถิรตนาทีนมฺปิ ตตฺถ ลพฺภมานภาวทสฺสนํฯ สโพฺพติสตฺติอาทิโก ยถาวุโตฺต องฺควิเสโส จกฺกลกฺขณเสฺสว ปริวาโรติ เวทิตโพฺพฯ

    Nābhi dissatīti lakkhaṇacakkassa nābhi parimaṇḍalasaṇṭhānā suparibyattā hutvā dissati, labbhatīti adhippāyo. Nābhiparicchinnāti tassaṃ nābhiyaṃ paricchinnā paricchedavasena ṭhitā. Nābhimukhaparikkhepapaṭṭoti pakaticakkassa akkhabbhāhatapariharaṇatthaṃ nābhimukhe ṭhapetabbaṃ parikkhepapaṭṭo, tappaṭicchanno idha adhippeto. Nemimaṇikāti nemiyaṃ āvalibhāvena ṭhitamaṇikālekhā. Sambahulavāroti bahuvidhalekhaṅgavibhāvanavāro. Sattīti āvudhasatti. Sirivacchoti siriaṅgā. Nandīti dakkhiṇāvattaṃ. Sovattikoti sovattiaṅgo. Vaṭaṃsakoti āveḷaṃ. Vaḍḍhamānakanti purimahādīsu dīpaṅkaṃ. Morahatthakoti morapiñchakalāpo, morapiñchapaṭisibbito vā bījanīviseso. Vāḷabījanīti cāmarivālaṃ. Siddhatthādi puṇṇaghaṭapuṇṇapātiyo. ‘‘Cakkavāḷo’’ti vatvā tassa padhānāvayave dassetuṃ ‘‘himavā sineru…pe… sahassānī’’ti vuttaṃ. ‘‘Cakkavattirañño parisaṃ upādāyā’’ti idaṃ hatthiratanādīnampi tattha labbhamānabhāvadassanaṃ. Sabbotisattiādiko yathāvutto aṅgaviseso cakkalakkhaṇasseva parivāroti veditabbo.

    ‘‘อายตปณฺหี’’ติ อิทํ อเญฺญสํ ปณฺหิโต ทีฆตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน อติทีฆตนฺติ อาห ‘‘ปริปุณฺณปณฺหี’’ติฯ ยถา ปน ปณฺหิลกฺขณํ ปริปุณฺณํ นาม โหติ, ตํ พฺยติเรกมุเขน ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อารเคฺคนาติ มณฺฑลาย สิขายฯ วเฎฺฎตฺวาติ ยถา สุวฎฺฎํ โหติ, เอวํ วเฎฺฎตฺวาฯ รตฺตกมฺพลเคณฺฑุกสทิสาติ รตฺตกมฺพลมยเคณฺฑุกสทิสาฯ

    ‘‘Āyatapaṇhī’’ti idaṃ aññesaṃ paṇhito dīghataṃ sandhāya vuttaṃ, na pana atidīghatanti āha ‘‘paripuṇṇapaṇhī’’ti. Yathā pana paṇhilakkhaṇaṃ paripuṇṇaṃ nāma hoti, taṃ byatirekamukhena dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Āraggenāti maṇḍalāya sikhāya. Vaṭṭetvāti yathā suvaṭṭaṃ hoti, evaṃ vaṭṭetvā. Rattakambalageṇḍukasadisāti rattakambalamayageṇḍukasadisā.

    ‘‘มกฺกฎเสฺสวา’’ติ ทีฆภาวํ, สมตญฺจ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ นิยฺยาสเตเลนาติ ฉตฺติริตนิยฺยาสาทินิยฺยาสสมฺมิเสฺสน เตเลน, ยํ ‘‘สุรภินิยฺยาส’’นฺติปิ วทนฺติฯ นิยฺยาสเตลคฺคหณเญฺจตฺถ หริตาลวฎฺฎิยา ฆนสินิทฺธภาวทสฺสนตฺถํฯ

    ‘‘Makkaṭassevā’’ti dīghabhāvaṃ, samatañca sandhāyetaṃ vuttaṃ. Niyyāsatelenāti chattiritaniyyāsādiniyyāsasammissena telena, yaṃ ‘‘surabhiniyyāsa’’ntipi vadanti. Niyyāsatelaggahaṇañcettha haritālavaṭṭiyā ghanasiniddhabhāvadassanatthaṃ.

    ยถา สตกฺขตฺตุํ วิหตํ กปฺปาสปฎลํ สปฺปิมเณฺฑ โอสาริตํ อติวิย มุทุ โหติ, เอวํ มหาปุริสสฺส หตฺถปาทาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สปฺปิมเณฺฑ’’ติอาทิมาหฯ ตลุนาติ สุขุมาลาฯ

    Yathā satakkhattuṃ vihataṃ kappāsapaṭalaṃ sappimaṇḍe osāritaṃ ativiya mudu hoti, evaṃ mahāpurisassa hatthapādāti dassento ‘‘sappimaṇḍe’’tiādimāha. Talunāti sukhumālā.

    จเมฺมนาติ องฺคุลนฺตรเวฐิตจเมฺมนฯ ปฎิพทฺธองฺคุลนฺตโรติ เอกโต สมฺพทฺธองฺคุลนฺตโร น โหติฯ เอกปฺปมาณาติ ทีฆโต สมานปฺปมาณาฯ ยวลกฺขณนฺติ อพฺภนฺตรโต องฺคุลิปเพฺพ ฐิตํ ยวลกฺขณํฯ ปฎิวิชฺฌิตฺวาติ ตํตํปพฺพานํ สมานเทสตาย องฺคุลีนํ ปสาริตกาเลปิ อญฺญมญฺญํ วิชฺฌิตานิ วิย ผุสิตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ

    Cammenāti aṅgulantaraveṭhitacammena. Paṭibaddhaaṅgulantaroti ekato sambaddhaaṅgulantaro na hoti. Ekappamāṇāti dīghato samānappamāṇā. Yavalakkhaṇanti abbhantarato aṅgulipabbe ṭhitaṃ yavalakkhaṇaṃ. Paṭivijjhitvāti taṃtaṃpabbānaṃ samānadesatāya aṅgulīnaṃ pasāritakālepi aññamaññaṃ vijjhitāni viya phusitvā tiṭṭhanti.

    สงฺขา วุจฺจนฺติ โคปฺผกา, อุทฺธํ สงฺขา เอเตสนฺติ อุสฺสงฺขา, ปาทาฯ ปิฎฺฐิปาเทติ ปิฎฺฐิปาทสมีเปฯ เตนาติ ปิฎฺฐิปาเท ฐิตโคปฺผกภาเวน พทฺธา โหนฺตีติ โยชนาฯ ตยิทํ ‘‘เตนา’’ติ ปทํ อุปริปททฺวเยปิ โยเชตพฺพํ ‘‘เตน พทฺธภาเวน น ยถาสุขํ ปริวฎฺฎนฺติ, เตน ยถาสุขํ นปริวฎฺฎเนน คจฺฉนฺตานํ ปาทตลานิปิ น ทิสฺสนฺตี’’ติฯ อุปรีติ ปิฎฺฐิปาทโต ทฺวิติองฺคุลิมตฺตํ อุทฺธํ, ‘‘จตุรงฺคุลมตฺต’’นฺติ จ วทนฺติฯ นิคูฬฺหานิ จ โหนฺติ, น อเญฺญสํ วิย ปญฺญายมานานิฯ เตนาติ โคปฺผกานํ อุปริ ปติฎฺฐิตภาเวนฯ อสฺสาติ มหาปุริสสฺสฯ สติปิ เทสนฺตรปฺปวตฺติยํ นิจฺจโลติ ทสฺสนตฺถํ นาภิคฺคหณํฯ ‘‘อโธกาโยว อิญฺชตี’’ติ อิทํ ปุริมปทสฺส การณวจนํฯ ยสฺมา อโธกาโยว อิญฺชติ, ตสฺมา นาภิโต…เป.… นิจฺจโล โหติฯ ‘‘สุเขน ปาทา ปริวฎฺฎนฺตี’’ติ อิทํ ปน ปุริมสฺส, ปจฺฉิมสฺส จ การณวจนํฯ ยสฺมา สุเขน ปาทา ปริวฎฺฎนฺติ, ตสฺมา อโธกาโยว อิญฺชติ, ยสฺมา สุเขน ปาทา ปริวฎฺฎนฺติ, ตสฺมา ปุรโตปิ…เป.… ปจฺฉโตเยวาติฯ

    Saṅkhā vuccanti gopphakā, uddhaṃ saṅkhā etesanti ussaṅkhā, pādā. Piṭṭhipādeti piṭṭhipādasamīpe. Tenāti piṭṭhipāde ṭhitagopphakabhāvena baddhā hontīti yojanā. Tayidaṃ ‘‘tenā’’ti padaṃ uparipadadvayepi yojetabbaṃ ‘‘tena baddhabhāvena na yathāsukhaṃ parivaṭṭanti, tena yathāsukhaṃ naparivaṭṭanena gacchantānaṃ pādatalānipi na dissantī’’ti. Uparīti piṭṭhipādato dvitiaṅgulimattaṃ uddhaṃ, ‘‘caturaṅgulamatta’’nti ca vadanti. Nigūḷhāni ca honti, na aññesaṃ viya paññāyamānāni. Tenāti gopphakānaṃ upari patiṭṭhitabhāvena. Assāti mahāpurisassa. Satipi desantarappavattiyaṃ niccaloti dassanatthaṃ nābhiggahaṇaṃ. ‘‘Adhokāyova iñjatī’’ti idaṃ purimapadassa kāraṇavacanaṃ. Yasmā adhokāyova iñjati, tasmā nābhito…pe… niccalo hoti. ‘‘Sukhena pādā parivaṭṭantī’’ti idaṃ pana purimassa, pacchimassa ca kāraṇavacanaṃ. Yasmā sukhena pādā parivaṭṭanti, tasmā adhokāyova iñjati, yasmā sukhena pādā parivaṭṭanti, tasmā puratopi…pe… pacchatoyevāti.

    ยสฺมา เอณิมิคสฺส สมนฺตโต เอกสทิสมํสา อนุกฺกเมน อุทฺธํ ถูลา ชงฺฆา โหนฺติ, ตถา มหาปุริสสฺสาปิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอณิมิคสทิสชโงฺฆ’’ติฯ ปริปุณฺณชโงฺฆติ สมนฺตโต มํสูปจเยน ปริปุณฺณชโงฺฆฯ เตนาห ‘‘น เอกโต’’ติอาทิฯ

    Yasmā eṇimigassa samantato ekasadisamaṃsā anukkamena uddhaṃ thūlā jaṅghā honti, tathā mahāpurisassāpi, tasmā vuttaṃ ‘‘eṇimigasadisajaṅgho’’ti. Paripuṇṇajaṅghoti samantato maṃsūpacayena paripuṇṇajaṅgho. Tenāha ‘‘na ekato’’tiādi.

    เอเตนาติ ‘‘อโนนมโนฺต’’ติอาทิวจเนน, ชาณุผาสุภาวทีปเนนาติ อโตฺถฯ อวเสสชนาติ อิมินา ลกฺขเณน รหิตชนาฯ ขุชฺชา วา โหนฺติ เหฎฺฐิมกายโต อุปริมกายสฺส รสฺสตาย, วามนา วา อุปริมกายโต เหฎฺฐิมกายสฺส รสฺสตาย, เอเตน ฐเปตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ, จกฺกวตฺตินญฺจ อิตเร สตฺตา ขุชฺชปกฺขิกา, วามนปกฺขิกา จาติ ทเสฺสติฯ

    Etenāti ‘‘anonamanto’’tiādivacanena, jāṇuphāsubhāvadīpanenāti attho. Avasesajanāti iminā lakkhaṇena rahitajanā. Khujjā vā honti heṭṭhimakāyato uparimakāyassa rassatāya, vāmanā vā uparimakāyato heṭṭhimakāyassa rassatāya, etena ṭhapetvā sammāsambuddhaṃ, cakkavattinañca itare sattā khujjapakkhikā, vāmanapakkhikā cāti dasseti.

    กามํ สพฺพาปิ ปทุมกณฺณิกา สุวณฺณวณฺณาว, กญฺจนปทุมกณฺณิกา ปน ปภสฺสรภาเวน ตโต สาติสยาติ อาห ‘‘สุวณฺณปทุมกณฺณิกสทิเสหี’’ติฯ โอหิตนฺติ สโมหิตํ อโนฺตคธํฯ ตถาภูตํ ปน ตํ เตน ฉนฺนํ โหตีติ อาห ‘‘ปฎิจฺฉนฺน’’นฺติฯ

    Kāmaṃ sabbāpi padumakaṇṇikā suvaṇṇavaṇṇāva, kañcanapadumakaṇṇikā pana pabhassarabhāvena tato sātisayāti āha ‘‘suvaṇṇapadumakaṇṇikasadisehī’’ti. Ohitanti samohitaṃ antogadhaṃ. Tathābhūtaṃ pana taṃ tena channaṃ hotīti āha ‘‘paṭicchanna’’nti.

    สุวณฺณวโณฺณติ สุวณฺณวณฺณวโณฺณติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘ชาติหิงฺคุลเกนา’’ติอาทิ, สฺวายมโตฺถ อาวุตฺติญาเยน จ เวทิตโพฺพฯ สรีรปริยาโย อิธ วณฺณ-สโทฺทติ อธิปฺปาโยฯ ปฐมวิกปฺปํ วตฺวา ตถารูปาย ปน รุฬฺหิยา อภาวํ มนสิ กตฺวา วณฺณธาตุปริยายเมว วณฺณ-สทฺทํ คเหตฺวา ทุติยวิกโปฺป วุโตฺตฯ ตสฺมา ปททฺวเยนาปิ สุนิทฺธนฺตสุวณฺณสทิสฉวิวโณฺณติ วุตฺตํ โหติฯ

    Suvaṇṇavaṇṇoti suvaṇṇavaṇṇavaṇṇoti ayamettha atthoti āha ‘‘jātihiṅgulakenā’’tiādi, svāyamattho āvuttiñāyena ca veditabbo. Sarīrapariyāyo idha vaṇṇa-saddoti adhippāyo. Paṭhamavikappaṃ vatvā tathārūpāya pana ruḷhiyā abhāvaṃ manasi katvā vaṇṇadhātupariyāyameva vaṇṇa-saddaṃ gahetvā dutiyavikappo vutto. Tasmā padadvayenāpi suniddhantasuvaṇṇasadisachavivaṇṇoti vuttaṃ hoti.

    รโชติ สุขุมรโชฯ ชลฺลนฺติ มลีนภาวาวโห เรณุสญฺจโยฯ เตนาห ‘‘มลํ วา’’ติฯ ยทิ วิวตฺตติ, กถํ นฺหานาทีนีติ อาห ‘‘หตฺถโธวนาทีนี’’ติอาทิฯ

    Rajoti sukhumarajo. Jallanti malīnabhāvāvaho reṇusañcayo. Tenāha ‘‘malaṃ vā’’ti. Yadi vivattati, kathaṃ nhānādīnīti āha ‘‘hatthadhovanādīnī’’tiādi.

    อาวฎฺฎปริโยสาเนติ ปทกฺขิณาวฎฺฎนวเสน ปวตฺตสฺส อาวฎฺฎสฺส อเนฺตฯ

    Āvaṭṭapariyosāneti padakkhiṇāvaṭṭanavasena pavattassa āvaṭṭassa ante.

    พฺรหฺมุโน สรีรํ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา อโนนมิตฺวา อุชุกเมว อุคฺคตนฺติ อาห ‘‘พฺรหฺมา วิย อุชุคโตฺต’’ติฯ สา ปนายํ อุชุคตฺตตา อวยเวสุ พุทฺธิปฺปเตฺตสุ ทฎฺฐพฺพา, น ทหรกาเลติ วุตฺตํ ‘‘อุคฺคตทีฆสรีโร ภวิสฺสตี’’ติฯ อิตเรสูติ ‘‘ขนฺธชาณูสู’’ติ อิเมสุ ทฺวีสุ ฐาเนสุ นมนฺตา ปุรโต นมนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ ปสฺสวงฺกาติ ทกฺขิณปเสฺสน วา วามปเสฺสน วา วงฺกาฯ สูลสทิสาติ โปตฺถกรูปกรเณ ฐปิตสูลปาทสทิสาฯ

    Brahmuno sarīraṃ purato vā pacchato vā anonamitvā ujukameva uggatanti āha ‘‘brahmā viya ujugatto’’ti. Sā panāyaṃ ujugattatā avayavesu buddhippattesu daṭṭhabbā, na daharakāleti vuttaṃ ‘‘uggatadīghasarīro bhavissatī’’ti. Itaresūti ‘‘khandhajāṇūsū’’ti imesu dvīsu ṭhānesu namantā purato namantīti ānetvā sambandho. Passavaṅkāti dakkhiṇapassena vā vāmapassena vā vaṅkā. Sūlasadisāti potthakarūpakaraṇe ṭhapitasūlapādasadisā.

    หตฺถปิฎฺฐิอาทิวเสน สตฺต สรีราวยวา อุสฺสทา อุปจิตมํสา เอตสฺสาติ สตฺตุสฺสโทฯ อฎฺฐิโกฎิโย ปญฺญายนฺตีติ โยชนาฯ นิคูฬฺหสิราชาเลหีติ ลกฺขณวจนเมตนฺติ เตน นิคูฬฺหอฎฺฐิโกฎีหีติปิ วุตฺตเมว โหตีติฯ หตฺถปิฎฺฐาทีหีติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน อํสกูฎขนฺธกูฎานํ สงฺคเห สิเทฺธ ตํ เอกเทเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘วเฎฺฎตฺวา…เป.… ขเนฺธนา’’ติ อาหฯ ‘‘สิลารูปกํ วิยา’’ติอาทินา วา นิคูฬฺหอํสกูฎตาปิ วิภาวิตา เยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Hatthapiṭṭhiādivasena satta sarīrāvayavā ussadā upacitamaṃsā etassāti sattussado. Aṭṭhikoṭiyo paññāyantīti yojanā. Nigūḷhasirājālehīti lakkhaṇavacanametanti tena nigūḷhaaṭṭhikoṭīhītipi vuttameva hotīti. Hatthapiṭṭhādīhīti ettha ādi-saddena aṃsakūṭakhandhakūṭānaṃ saṅgahe siddhe taṃ ekadesena dassento ‘‘vaṭṭetvā…pe… khandhenā’’ti āha. ‘‘Silārūpakaṃ viyā’’tiādinā vā nigūḷhaaṃsakūṭatāpi vibhāvitā yevāti daṭṭhabbaṃ.

    สีหสฺส ปุพฺพทฺธํ สีหปุพฺพทฺธํ, ปริปุณฺณาวยวตาย สีหปุพฺพทฺธํ วิย สกโล กาโย อสฺสาติ สีหปุพฺพทฺธกาโยฯ เตนาห ‘‘สีหสฺส ปุพฺพทฺธกาโย วิย สโพฺพ กาโย ปริปุโณฺณ’’ติฯ สีหเสฺสวาติ สีหสฺส วิยฯ ทุสฺสณฺฐิตวิสณฺฐิโต น โหตีติ ทุฎฺฐุ สณฺฐิโต, วิรูปสณฺฐิโต จ น โหติ, เตสํ เตสํ อวยวานํ อยุตฺตภาเวน, วิรูปภาเวน จ สณฺฐิติ อุปคโต น โหตีติ อโตฺถฯ สณฺฐนฺตีติ สณฺฐหนฺติฯ ทีเฆหีติ องฺคุลินาสาทีหิฯ รเสฺสหีติ คีวาทีหิฯ ถูเลหีติ อูรุพาหุอาทีหิ ฯ กิเสหีติ เกสโลมมชฺฌาทีหิฯ ปุถุเลหีติ อกฺขิหตฺถตลาทีหิฯ วเฎฺฎหีติ ชงฺฆหตฺถาทีหิฯ

    Sīhassa pubbaddhaṃ sīhapubbaddhaṃ, paripuṇṇāvayavatāya sīhapubbaddhaṃ viya sakalo kāyo assāti sīhapubbaddhakāyo. Tenāha ‘‘sīhassa pubbaddhakāyo viya sabbo kāyo paripuṇṇo’’ti. Sīhassevāti sīhassa viya. Dussaṇṭhitavisaṇṭhito na hotīti duṭṭhu saṇṭhito, virūpasaṇṭhito ca na hoti, tesaṃ tesaṃ avayavānaṃ ayuttabhāvena, virūpabhāvena ca saṇṭhiti upagato na hotīti attho. Saṇṭhantīti saṇṭhahanti. Dīghehīti aṅgulināsādīhi. Rassehīti gīvādīhi. Thūlehīti ūrubāhuādīhi . Kisehīti kesalomamajjhādīhi. Puthulehīti akkhihatthatalādīhi. Vaṭṭehīti jaṅghahatthādīhi.

    สตปุญฺญลกฺขณตาย นานาจิเตฺตน ปุญฺญจิเตฺตน จิตฺติโต สญฺชาตจิตฺตภาโว ‘‘อีทิโส เอว พุทฺธานํ ธมฺมกายสฺส อธิฎฺฐานํ ภวิตุํ ยุโตฺต’’ติ ทสปารมีหิ สชฺชิโต อภิสงฺขโต, ‘‘ทานจิเตฺตน ปุญฺญจิเตฺตนา’’ติ วา ปาโฐ, ทานวเสน, สีลาทิวเสน จ ปวตฺตปุญฺญจิเตฺตนาติ อโตฺถฯ

    Satapuññalakkhaṇatāya nānācittena puññacittena cittito sañjātacittabhāvo ‘‘īdiso eva buddhānaṃ dhammakāyassa adhiṭṭhānaṃ bhavituṃ yutto’’ti dasapāramīhi sajjito abhisaṅkhato, ‘‘dānacittena puññacittenā’’ti vā pāṭho, dānavasena, sīlādivasena ca pavattapuññacittenāti attho.

    ทฺวินฺนํ โกฎฺฎานํ อนฺตรนฺติ ทฺวินฺนํ ปิฎฺฐิพาหานํ เวมชฺฌํ ปิฎฺฐิมชฺฌสฺส อุปริภาโคฯ จิตํ ปริปุณฺณนฺติ อนินฺนภาเวน จิตํ, ทฺวีหิ โกเฎฺฎหิ สมตลตาย ปริปุณฺณํฯ อุคฺคมฺมาติ อุคฺคนฺตฺวา, อนินฺนํ สมตลํ หุตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘สุวณฺณผลกํ วิยา’’ติฯ

    Dvinnaṃ koṭṭānaṃ antaranti dvinnaṃ piṭṭhibāhānaṃ vemajjhaṃ piṭṭhimajjhassa uparibhāgo. Citaṃ paripuṇṇanti aninnabhāvena citaṃ, dvīhi koṭṭehi samatalatāya paripuṇṇaṃ. Uggammāti uggantvā, aninnaṃ samatalaṃ hutvāti adhippāyo. Tenāha ‘‘suvaṇṇaphalakaṃ viyā’’ti.

    นิโคฺรโธ วิย ปริมณฺฑโลติ ปริมณฺฑลนิโคฺรโธ วิย ปริมณฺฑโล, ‘‘นิโคฺรธปริมณฺฑลปริมณฺฑโล’’ติ วตฺตเพฺพ เอกสฺส ปริมณฺฑล-สทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘นิโคฺรธปริมณฺฑโล’’ติ วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘สมกฺขนฺธสาโข นิโคฺรโธ’’ติอาทิฯ น หิ สโพฺพ นิโคฺรโธ ปริมณฺฑโลติ, ปริมณฺฑลสทฺทสนฺนิธาเนน วา ปริมณฺฑโลว นิโคฺรโธ คยฺหตีติ เอกสฺส ปริมณฺฑลสทฺทสฺส โลเปน วินาปิ อยมโตฺถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘นิโคฺรโธ วิย ปริมณฺฑโล’’ติฯ ยาวตโก อสฺสาติ ยาวตกฺวสฺส โอ-การสฺส ว-การาเทสํ กตฺวาฯ

    Nigrodho viya parimaṇḍaloti parimaṇḍalanigrodho viya parimaṇḍalo, ‘‘nigrodhaparimaṇḍalaparimaṇḍalo’’ti vattabbe ekassa parimaṇḍala-saddassa lopaṃ katvā ‘‘nigrodhaparimaṇḍalo’’ti vutto. Tenāha ‘‘samakkhandhasākho nigrodho’’tiādi. Na hi sabbo nigrodho parimaṇḍaloti, parimaṇḍalasaddasannidhānena vā parimaṇḍalova nigrodho gayhatīti ekassa parimaṇḍalasaddassa lopena vināpi ayamattho labbhatīti āha ‘‘nigrodho viya parimaṇḍalo’’ti. Yāvatako assāti yāvatakvassa o-kārassa va-kārādesaṃ katvā.

    สมวฎฺฎิตกฺขโนฺธติ สมํ สุวฎฺฎิตกฺขโนฺธฯ โกญฺจา วิย ทีฆคลา, พกา วิย วงฺกคลา , วราหา วิย ปุถุลคลาติ โยชนาฯ สุวณฺณาฬิงฺคสทิโสติ สุวณฺณมยขุทฺทกมุทิงฺคสทิโสฯ

    Samavaṭṭitakkhandhoti samaṃ suvaṭṭitakkhandho. Koñcā viya dīghagalā, bakā viya vaṅkagalā , varāhā viya puthulagalāti yojanā. Suvaṇṇāḷiṅgasadisoti suvaṇṇamayakhuddakamudiṅgasadiso.

    รสคฺคสคฺคีติ มธุราทิเภทํ รสํ คสนฺติ อโนฺต ปเวสนฺตีติ รสคฺคสา รสคฺคสานํ อคฺคา รสคฺคสคฺคา, ตา เอตสฺส สนฺตีติ รสคฺคสคฺคีฯ เตนาติ โอชาย อผรเณน หีนธาตุกตฺตา เต พหฺวาพาธา โหนฺติฯ

    Rasaggasaggīti madhurādibhedaṃ rasaṃ gasanti anto pavesantīti rasaggasā rasaggasānaṃ aggā rasaggasaggā, tā etassa santīti rasaggasaggī. Tenāti ojāya apharaṇena hīnadhātukattā te bahvābādhā honti.

    หนูติ สนฺนิสฺสยทนฺตาธารสฺส สมญฺญา, ตํ ภควโต สีหสฺส หนุ วิย, ตสฺมา ภควา สีหหนุฯ ตตฺถ ยสฺมา พุทฺธานํ รูปกายสฺส, ธมฺมกายสฺส จ อุปมา นาม หีนูปมาว, นตฺถิ สมานูปมา, กุโต อธิกูปมา, ตสฺมา อยมฺปิ หีนูปมาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยสฺมา มหาปุริสสฺส เหฎฺฐิมานุรูปวเสเนว อุปริมมฺปิ สณฺฐิตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เทฺวปิ ปริปุณฺณานี’’ติ, ตญฺจ โข น สพฺพโส ปริมณฺฑลตาย, อถ โข ติภาคาวเสสมณฺฑลตายาติ อาห ‘‘ทฺวาทสิยา ปกฺขสฺส จนฺทสทิสานี’’ติฯ สลฺลเกฺขตฺวาติ อตฺตโน ลกฺขณสตฺถานุสาเรน อุปธาเรตฺวาฯ ทนฺตานํ อุจฺจนีจตา อพฺภนฺตรพาหิรปสฺสวเสนปิ เวทิตพฺพา, น อคฺควเสเนวฯ เตนาห ‘‘อยปฎฺฎเกน ฉินฺนสงฺขปฎลํ วิยา’’ติฯ อยปฎฺฎกนฺติ กกจํ อธิเปฺปตํฯ สมา ภวิสฺสนฺติ, น วิสมา, สมสณฺฐานาติ อโตฺถฯ

    Hanūti sannissayadantādhārassa samaññā, taṃ bhagavato sīhassa hanu viya, tasmā bhagavā sīhahanu. Tattha yasmā buddhānaṃ rūpakāyassa, dhammakāyassa ca upamā nāma hīnūpamāva, natthi samānūpamā, kuto adhikūpamā, tasmā ayampi hīnūpamāti dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Yasmā mahāpurisassa heṭṭhimānurūpavaseneva uparimampi saṇṭhitaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘dvepi paripuṇṇānī’’ti, tañca kho na sabbaso parimaṇḍalatāya, atha kho tibhāgāvasesamaṇḍalatāyāti āha ‘‘dvādasiyā pakkhassa candasadisānī’’ti. Sallakkhetvāti attano lakkhaṇasatthānusārena upadhāretvā. Dantānaṃ uccanīcatā abbhantarabāhirapassavasenapi veditabbā, na aggavaseneva. Tenāha ‘‘ayapaṭṭakena chinnasaṅkhapaṭalaṃ viyā’’ti. Ayapaṭṭakanti kakacaṃ adhippetaṃ. Samā bhavissanti, na visamā, samasaṇṭhānāti attho.

    สาติสยํ มุทุทีฆปุถุลตาทิปฺปการคุณา หุตฺวา ภูตา ชาตาติ ปภูตา, ภ-การสฺส ห-การํ กตฺวา ปหูตา ชิวฺหา เอตสฺสาติ ปหูตชิโวฺหฯ

    Sātisayaṃ mududīghaputhulatādippakāraguṇā hutvā bhūtā jātāti pabhūtā, bha-kārassa ha-kāraṃ katvā pahūtā jivhā etassāti pahūtajivho.

    วิจฺฉินฺทิตฺวา วิจฺฉินฺทิตฺวา ปวตฺตสรตาย ฉินฺนสฺสราปิฯ อเนกาการตาย ภินฺนสฺสราปิฯ กากสฺส วิย อมนุญฺญสรตาย กากสฺสราปิฯ อปลิพุทฺธตฺตาติ อนุปทฺทุตวตฺถุกตฺตา, วตฺถูติ จ อกฺขรุปฺปตฺติฎฺฐานํ เวทิตพฺพํฯ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคโตติ เอตฺถ องฺคานิ ปรโต อาคมิสฺสนฺติฯ มญฺชุโฆโสติ มธุรสฺสโรฯ

    Vicchinditvā vicchinditvā pavattasaratāya chinnassarāpi. Anekākāratāya bhinnassarāpi. Kākassa viya amanuññasaratāya kākassarāpi. Apalibuddhattāti anupaddutavatthukattā, vatthūti ca akkharuppattiṭṭhānaṃ veditabbaṃ. Aṭṭhaṅgasamannāgatoti ettha aṅgāni parato āgamissanti. Mañjughosoti madhurassaro.

    อภินีลเนโตฺตติ อธิกนีลเนโตฺต, อธิกตา จ สาติสยํ นีลภาเวน เวทิตพฺพา, น เนตฺตนีลภาวเสฺสว อธิกภาวโตติ อาห ‘‘น สกลนีลเนโตฺต’’ติอาทิฯ ปีตโลหิตวณฺณา เสตมณฺฑลคตราชิวเสนฯ นีลเสตกาฬวณฺณา ปน ตํตํมณฺฑลวเสเนว เวทิตพฺพาฯ

    Abhinīlanettoti adhikanīlanetto, adhikatā ca sātisayaṃ nīlabhāvena veditabbā, na nettanīlabhāvasseva adhikabhāvatoti āha ‘‘na sakalanīlanetto’’tiādi. Pītalohitavaṇṇā setamaṇḍalagatarājivasena. Nīlasetakāḷavaṇṇā pana taṃtaṃmaṇḍalavaseneva veditabbā.

    ‘‘จกฺขุภณฺฑนฺติ อกฺขิทล’’นฺติ เกจิฯ ‘‘อกฺขิทลวฎุม’’นฺติ อเญฺญฯ อกฺขิทเลหิ ปน สทฺธิํ อกฺขิพิมฺพนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอวญฺหิ วินิคฺคตคมฺภีรโชตนาปิ ยุตฺตา โหติฯ ‘‘อธิเปฺปต’’นฺติ อิมินา อยเมตฺถ อธิปฺปาโย เอกเทเสน สมุทายุปลกฺขณญาเยนาติ ทเสฺสติฯ ยสฺมา ปขุม-สโทฺท โลเก อกฺขิทลโลเมสุ นิรุโฬฺห, เตเนวาห ‘‘มุทุสินิทฺธนีลสุขุมปขุมาจิตานิ อกฺขีนี’’ติฯ

    ‘‘Cakkhubhaṇḍanti akkhidala’’nti keci. ‘‘Akkhidalavaṭuma’’nti aññe. Akkhidalehi pana saddhiṃ akkhibimbanti veditabbaṃ. Evañhi viniggatagambhīrajotanāpi yuttā hoti. ‘‘Adhippeta’’nti iminā ayamettha adhippāyo ekadesena samudāyupalakkhaṇañāyenāti dasseti. Yasmā pakhuma-saddo loke akkhidalalomesu niruḷho, tenevāha ‘‘mudusiniddhanīlasukhumapakhumācitāni akkhīnī’’ti.

    กิญฺจาปิ อุณฺณา-สโทฺท โลเก อวิเสสโต โลมปริยาโย, อิธ ปน โลมวิเสสวาจโกติ อาห ‘‘อุณฺณา โลม’’นฺติฯ นลาฎเวมเชฺฌ ชาตาติ นลาฎมชฺฌคตา ชาตาฯ โอทาตตาย อุปมา, น มุทุตาย ฯ อุณฺณา หิ ตโตปิ สาติสยํ มุทุตราฯ เตนาห‘‘สปฺปิ มเณฺฑ’’ติอาทิฯ รชตปุพฺพุฬกนฺติ รชตมยตารกมาหฯ

    Kiñcāpi uṇṇā-saddo loke avisesato lomapariyāyo, idha pana lomavisesavācakoti āha ‘‘uṇṇā loma’’nti. Nalāṭavemajjhejātāti nalāṭamajjhagatā jātā. Odātatāya upamā, na mudutāya . Uṇṇā hi tatopi sātisayaṃ mudutarā. Tenāha‘‘sappi maṇḍe’’tiādi. Rajatapubbuḷakanti rajatamayatārakamāha.

    เทฺว อตฺถวเส ปฎิจฺจ วุตฺตนฺติ ยสฺมา พุทฺธา, จกฺกวตฺติโน จ ปริปุณฺณนลาฎตาย, ปริปุณฺณสีสพิมฺพตาย จ ‘‘อุณฺหีสสีสา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตสฺมา เต เทฺว อตฺถวเส ปฎิจฺจ ‘‘อุณฺหีสสีโส’’ติ อิทํ วุตฺตํฯ อิทานิ ตํ อตฺถทฺวยํ มหาปุริเส สุปฺปติฎฺฐิตนฺติ ‘‘มหาปุริสสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สณฺหตมตาย, สุวณฺณวณฺณตาย, ปภสฺสรตาย, ปริปุณฺณตาย จ รโญฺญ พนฺธอุณฺหีสปโฎฺฎ วิย วิโรจติฯ กปิสีสาติ ทฺวิธาภูตสีสาฯ ผลสีสาติ ผลิตสีสาฯ อฎฺฐิสีสาติ มํสสฺส อภาวโต อติวิย อฎฺฐิตาย, ปตนุภาวโต วา ตโจนทฺธอฎฺฐิมตฺตสีสาฯ ตุมฺพสีสาติ ลาพุสทิสสีสาฯ ปพฺภารสีสาติ ปิฎฺฐิภาเคน โอลมฺพมานสีสาฯ ปุริมนเยนาติ ปริปุณฺณนลาฎตาปเกฺขนฯ อุณฺหีสเวฐิตสีโส วิยาติ อุณฺหีสปเฎฺฎน เวฐิตสีสปเทโส วิยฯ อุณฺหีสํ วิยาติ เฉเกน สิปฺปินา วิรจิตอุณฺหีสมณฺฑลํ วิยฯ

    Dve atthavase paṭicca vuttanti yasmā buddhā, cakkavattino ca paripuṇṇanalāṭatāya, paripuṇṇasīsabimbatāya ca ‘‘uṇhīsasīsā’’ti vuccanti, tasmā te dve atthavase paṭicca ‘‘uṇhīsasīso’’ti idaṃ vuttaṃ. Idāni taṃ atthadvayaṃ mahāpurise suppatiṭṭhitanti ‘‘mahāpurisassa hī’’tiādi vuttaṃ. Saṇhatamatāya, suvaṇṇavaṇṇatāya, pabhassaratāya, paripuṇṇatāya ca rañño bandhauṇhīsapaṭṭo viya virocati. Kapisīsāti dvidhābhūtasīsā. Phalasīsāti phalitasīsā. Aṭṭhisīsāti maṃsassa abhāvato ativiya aṭṭhitāya, patanubhāvato vā taconaddhaaṭṭhimattasīsā. Tumbasīsāti lābusadisasīsā. Pabbhārasīsāti piṭṭhibhāgena olambamānasīsā. Purimanayenāti paripuṇṇanalāṭatāpakkhena. Uṇhīsaveṭhitasīso viyāti uṇhīsapaṭṭena veṭhitasīsapadeso viya. Uṇhīsaṃ viyāti chekena sippinā viracitauṇhīsamaṇḍalaṃ viya.

    วิปสฺสีสมญฺญาวณฺณนา

    Vipassīsamaññāvaṇṇanā

    ๓๗. ตสฺส วิตฺถาโรติ ตสฺส ลกฺขณปริคฺคณฺหเน เนมิตฺตกานํ สนฺตปฺปนสฺส วิตฺถาโร วิตฺถารกถาฯ คโพฺภกฺกนฺติยํ นิมิตฺตภูต สุปินปฎิคฺคาหกสนฺตปฺปเน วุโตฺตเยวฯ นิโทฺทเสนาติ ขาริกโลณิกาทิโทสรหิเตนฯ ธาติโยติ ถญฺญปายิกา ธาติโยฯ ตา หิ ธาเปนฺติ ถญฺญํ ปาเยนฺตีติ ธาติโยฯ ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘สฎฺฐิ’’นฺติ ปทํ อุปสํหรติ , เสสาปีติ นฺหาปิกา, ธาริกา, ปริหาริกาติ อิมา ติวิธาฯ ตาปิ ทหนฺติ วิทหนฺติ นฺหานํ ทหนฺติ ธาเรนฺตีติ ‘‘ธาติโย’’ เตฺวว วุจฺจนฺติฯ ตตฺถ ธารณํ อุรสา, อูรุนา, หเตฺถหิ วา สุจิรํ เวลํ สนฺธารณํฯ ปริหรณํ อญฺญสฺส องฺกโต อตฺตโน องฺกํ, อญฺญสฺส พาหุโต อตฺตโน พาหุํ อุปสํหรเนฺตหิ หรณํ สมฺปาปนํฯ

    37.Tassa vitthāroti tassa lakkhaṇapariggaṇhane nemittakānaṃ santappanassa vitthāro vitthārakathā. Gabbhokkantiyaṃ nimittabhūta supinapaṭiggāhakasantappane vuttoyeva. Niddosenāti khārikaloṇikādidosarahitena. Dhātiyoti thaññapāyikā dhātiyo. Tā hi dhāpenti thaññaṃ pāyentīti dhātiyo.‘‘Tathā’’ti iminā ‘‘saṭṭhi’’nti padaṃ upasaṃharati , sesāpīti nhāpikā, dhārikā, parihārikāti imā tividhā. Tāpi dahanti vidahanti nhānaṃ dahanti dhārentīti ‘‘dhātiyo’’ tveva vuccanti. Tattha dhāraṇaṃ urasā, ūrunā, hatthehi vā suciraṃ velaṃ sandhāraṇaṃ. Pariharaṇaṃ aññassa aṅkato attano aṅkaṃ, aññassa bāhuto attano bāhuṃ upasaṃharantehi haraṇaṃ sampāpanaṃ.

    ๓๘. มญฺชุสฺสโรติ สณฺหสฺสโรฯ โย หิ สโณฺห, โส ขโร น โหตีติ อาห ‘‘อขรสฺสโร’’ติฯ วคฺคุสฺสโรติ มโนรมฺมสฺสโร, มโนรมฺมตา จสฺส จาตุริยเน ปุญฺญโยคโตติ อาห ‘‘เฉกนิปุณสฺสโร’’ติฯ มธุรสฺสโรติ โสตสุขสฺสโร, โสตสุขตา จสฺส อติวิย อิฎฺฐภาเวนาติ อาห ‘‘สาตสฺสโร’’ติฯ เปมนียสฺสโรติ ปิยายิตพฺพสฺสโร, ปิยายิตพฺพตา จสฺส สุณนฺตานํ อตฺตนิ ภตฺติสมุปฺปาทเนนาติ อาห ‘‘เปมชนกสฺสโร’’ติฯ กรวีกสฺสโรติฯ กรวีกสโทฺท เยสํ สตฺตานํ โสตปถํ อุปคจฺฉติ, เต อตฺตโน สรสมฺปตฺติยา ปกติํ ชหาเปตฺวา อวเส กโรโนฺต อตฺตโน วเส วเตฺตติ, เอวํ มธุโรติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺริท’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘กรวีกสกุเณ’’ติอาทิ ตสฺส สภาวกถนํฯ ลฬิตนฺติ ปีติเวคสมุฎฺฐิตํ ลีฬํฯ ฉเฑฺฑตฺวาติ ‘‘สงฺขรณมฺปิ มธุรสทฺทสวนนฺตรายกร’’นฺติ ติณานิ อปเนตฺวาฯ อนิกฺขิปิตฺวาติ ภูมิยํ อนิกฺขิปิตฺวา อากาสคตเมว กตฺวาฯ อนุพทฺธมิคา วาฬมิเคหิฯ ตโต มรณภยํ หิตฺวาฯ ปเกฺข ปสาเรตฺวาติ ปเกฺข ยถาปสาริเต กตฺวา อปตนฺตา ติฎฺฐนฺติ

    38.Mañjussaroti saṇhassaro. Yo hi saṇho, so kharo na hotīti āha ‘‘akharassaro’’ti. Vaggussaroti manorammassaro, manorammatā cassa cāturiyane puññayogatoti āha ‘‘chekanipuṇassaro’’ti. Madhurassaroti sotasukhassaro, sotasukhatā cassa ativiya iṭṭhabhāvenāti āha ‘‘sātassaro’’ti. Pemanīyassaroti piyāyitabbassaro, piyāyitabbatā cassa suṇantānaṃ attani bhattisamuppādanenāti āha ‘‘pemajanakassaro’’ti. Karavīkassaroti. Karavīkasaddo yesaṃ sattānaṃ sotapathaṃ upagacchati, te attano sarasampattiyā pakatiṃ jahāpetvā avase karonto attano vase vatteti, evaṃ madhuroti dassento ‘‘tatrida’’ntiādimāha. Tattha ‘‘karavīkasakuṇe’’tiādi tassa sabhāvakathanaṃ. Laḷitanti pītivegasamuṭṭhitaṃ līḷaṃ. Chaḍḍetvāti ‘‘saṅkharaṇampi madhurasaddasavanantarāyakara’’nti tiṇāni apanetvā. Anikkhipitvāti bhūmiyaṃ anikkhipitvā ākāsagatameva katvā. Anubaddhamigā vāḷamigehi. Tato maraṇabhayaṃ hitvā. Pakkhe pasāretvāti pakkhe yathāpasārite katvā apatantā tiṭṭhanti.

    สุวณฺณปญฺชรํ วิสฺสเชฺชสิ โยชนปฺปมาเณ อากาเส อตฺตโน อาณาย ปวตฺตนโตฯ เตนาห ‘‘โส ราชาณายา’’ติอาทิฯ ลฬิํสูติ ลฬิตํ กาตุํ อารภิํสุฯ ตํ ปีตินฺติ ตํ พุทฺธคุณารมฺมณํ ปีติํ เตเนว นีหาเรน ปุนปฺปุนํ ปวตฺตํ ปีติํ อวิชหิตฺวา วิกฺขมฺภิตกิเลสา เถรานํ สนฺติเก ลทฺธธมฺมสฺสวนสปฺปายา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ปริปกฺกญาณตาย สตฺตหิ…เป.… ปติฎฺฐาสิฯ สตฺตสตมเตฺตน โอโรธชเนน สทฺธิํ ปทสาว เถรานํ สนฺติกํ อุปคตตฺตา ‘‘สตฺตหิ ชงฺฆสเตหิ สทฺธิ’’นฺติ วุตฺตํฯ ตโตติ กรวีกสทฺทโตฯ สตภาเคน…เป.… เวทิตโพฺพ อเนกกปฺปโกฎิสตสมฺภูตปุญฺญสมฺภารสมุทาคตวตฺถุสมฺปตฺติภาวโตฯ

    Suvaṇṇapañjaraṃ vissajjesi yojanappamāṇe ākāse attano āṇāya pavattanato. Tenāha ‘‘so rājāṇāyā’’tiādi. Laḷiṃsūti laḷitaṃ kātuṃ ārabhiṃsu. Taṃ pītinti taṃ buddhaguṇārammaṇaṃ pītiṃ teneva nīhārena punappunaṃ pavattaṃ pītiṃ avijahitvā vikkhambhitakilesā therānaṃ santike laddhadhammassavanasappāyā upanissayasampattiyā paripakkañāṇatāya sattahi…pe… patiṭṭhāsi. Sattasatamattena orodhajanena saddhiṃ padasāva therānaṃ santikaṃ upagatattā ‘‘sattahi jaṅghasatehi saddhi’’nti vuttaṃ. Tatoti karavīkasaddato. Satabhāgena…pe… veditabbo anekakappakoṭisatasambhūtapuññasambhārasamudāgatavatthusampattibhāvato.

    ๓๙. กมฺมวิปากชนฺติ สาติสยสุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธํ ทูเรปิ อารมฺมณํ สมฺปฎิจฺฉนสมตฺถํ กมฺมวิปาเกน สหชาตํ, กมฺมสฺส วา วิปากภาเวน ชาตํ ปสาทจกฺขุฯ ทุวิธญฺหิ ทิพฺพจกฺขุํ กมฺมมยํ, ภาวนามยนฺติฯ ตตฺริทํ กมฺมมยนฺติ อาห ‘‘น ภาวนามย’’นฺติฯ ภาวนามยํ ปน โพธิมูเล อุปฺปชฺชิสฺสติฯ อยํ ‘‘โส’’ติ สลฺลกฺขณํ กามํ มโนวิญฺญาเณน โหติ, จกฺขุวิญฺญาเณน ปน ตสฺส ตถา วิภาวิตตฺตา มโนวิญฺญาณสฺส ตตฺถ ตถาปวตฺตีติ อาห ‘‘เยน นิมิตฺตํ…เป.… สโกฺกตี’’ติฯ

    39.Kammavipākajanti sātisayasucaritakammanibbattaṃ pittasemharuhirādīhi apalibuddhaṃ dūrepi ārammaṇaṃ sampaṭicchanasamatthaṃ kammavipākena sahajātaṃ, kammassa vā vipākabhāvena jātaṃ pasādacakkhu. Duvidhañhi dibbacakkhuṃ kammamayaṃ, bhāvanāmayanti. Tatridaṃ kammamayanti āha ‘‘na bhāvanāmaya’’nti. Bhāvanāmayaṃ pana bodhimūle uppajjissati. Ayaṃ ‘‘so’’ti sallakkhaṇaṃ kāmaṃ manoviññāṇena hoti, cakkhuviññāṇena pana tassa tathā vibhāvitattā manoviññāṇassa tattha tathāpavattīti āha ‘‘yena nimittaṃ…pe… sakkotī’’ti.

    ๔๐. วจนโตฺถติ สทฺทโตฺถฯ นิมีลนนฺติ นิมีลนทสฺสนํ นวิสุทฺธํ, ตถา จ อกฺขีนิ อวิวฎานิ นิมีลทสฺสนสฺส น วิสุทฺธิภาวโตฯ ตพฺพิปริยายโต ปน ทสฺสนํ วิสุทฺธํ, วิวฎญฺจาติ อาห ‘‘อนฺตรนฺตรา’’ติอาทิฯ

    40.Vacanatthoti saddattho. Nimīlananti nimīlanadassanaṃ navisuddhaṃ, tathā ca akkhīni avivaṭāni nimīladassanassa na visuddhibhāvato. Tabbipariyāyato pana dassanaṃ visuddhaṃ, vivaṭañcāti āha ‘‘antarantarā’’tiādi.

    ๔๑. นี-อิติ – ชานนตฺถํ ธาตุํ คเหตฺวา อาห ‘‘ปนยติ ชานาตี’’ติฯ ยโต วุตฺตํ ‘‘อนิมิตฺตา น นายเร’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๔; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๐), ‘‘วิทูภิ เนยฺยํ นรวรสฺสา’’ติ (เนตฺติ. สงฺคหวาร) จฯ นี-อิติ ปน ปวตฺตนตฺถํ ธาตุํ คเหตฺวา ‘‘นยติ ปวเตฺตตี’’ติฯ อปฺปมโตฺต อโหสิ เตสุ เตสุ กิจฺจกรณีเยสุฯ

    41. Nī-iti – jānanatthaṃ dhātuṃ gahetvā āha ‘‘panayati jānātī’’ti. Yato vuttaṃ ‘‘animittā na nāyare’’ti (visuddhi. 1.174; saṃ. ni. aṭṭha. 1.1.20), ‘‘vidūbhi neyyaṃ naravarassā’’ti (netti. saṅgahavāra) ca. Nī-iti pana pavattanatthaṃ dhātuṃ gahetvā ‘‘nayati pavattetī’’ti. Appamatto ahosi tesu tesu kiccakaraṇīyesu.

    ๔๒. วสฺสาวาโส วสฺสํ อุตฺตรปทโลเปน, ตสฺมา วสฺสํ, วเสฺส วา, สนฺนิวาสผาสุตาย อรหตีติ วสฺสิโก, ปาสาโทฯ มาสา ปน วเสฺส อุตุมฺหิ ภวาติ วสฺสิกาฯ อิตเรสูติ เหมนฺติกํ คิมฺหิกนฺติ อิเมสุฯ เอเสว นโยติ อุตฺตรปทโลเปน นิเทฺทสํ อติทิสติฯ

    42. Vassāvāso vassaṃ uttarapadalopena, tasmā vassaṃ, vasse vā, sannivāsaphāsutāya arahatīti vassiko, pāsādo. Māsā pana vasse utumhi bhavāti vassikā. Itaresūti hemantikaṃ gimhikanti imesu. Eseva nayoti uttarapadalopena niddesaṃ atidisati.

    นาติอุโจฺจ โหติ นาตินีโจติ คิมฺหิโก วิย อุโจฺจ, เหมนฺติโก วิย นีโจ น โหติ, อถ โข ตทุภยเวมชฺฌลกฺขณตาย นาติอุโจฺจ โหติ, นาตินีโจฯ อสฺสาติ ปาสาทสฺสฯ นาติพหูนีติ คิมฺหิกสฺส วิย น อติพหูนิฯ นาติตนูนีติ เหมนฺติกสฺส วิย น ขุทฺทกานิ, ตนุตรชาลานิ จฯ มิสฺสกาเนวาติ เหมนฺติเก วิย น อุณฺหนิยาเนว, คิมฺหิเก วิย จ น สีตนิยาเนว, อถ โข อุภยมิสฺสกาเนวฯ ตนุกานีติ น ปุถุลานิฯ อุณฺหปฺปเวสนตฺถายาติ สูริยสนฺตาปานุปฺปเวสายฯ ภิตฺตินิยูหานีติ ทกฺขิณปเสฺส ภิตฺตีสุ นิยูหานิฯ สินิทฺธนฺติ สิเนหวนฺตํ, สินิทฺธคฺคหเณเนว จสฺส ครุกตาปิ วุตฺตา เอวฯ กฎุกสนฺนิสฺสิตนฺติ ติกฎุกาทิกฎุกทฺรพฺพูปสญฺหิตํฯ อุทกยนฺตานีติ อุทกธาราวิสฺสนฺทยนฺตานิฯ ยถา ชลยนฺตานิ, เอวํ หิมยนฺตานิปิ ตตฺถ กโรนฺติ เอวฯ ตสฺมา เหมเนฺต วิย หิมานิ ปตนฺตานิเยว โหนฺตีติ จ เวทิตพฺพํฯ

    Nātiucco hoti nātinīcoti gimhiko viya ucco, hemantiko viya nīco na hoti, atha kho tadubhayavemajjhalakkhaṇatāya nātiucco hoti, nātinīco. Assāti pāsādassa. Nātibahūnīti gimhikassa viya na atibahūni. Nātitanūnīti hemantikassa viya na khuddakāni, tanutarajālāni ca. Missakānevāti hemantike viya na uṇhaniyāneva, gimhike viya ca na sītaniyāneva, atha kho ubhayamissakāneva. Tanukānīti na puthulāni. Uṇhappavesanatthāyāti sūriyasantāpānuppavesāya. Bhittiniyūhānīti dakkhiṇapasse bhittīsu niyūhāni. Siniddhanti sinehavantaṃ, siniddhaggahaṇeneva cassa garukatāpi vuttā eva. Kaṭukasannissitanti tikaṭukādikaṭukadrabbūpasañhitaṃ. Udakayantānīti udakadhārāvissandayantāni. Yathā jalayantāni, evaṃ himayantānipi tattha karonti eva. Tasmā hemante viya himāni patantāniyeva hontīti ca veditabbaṃ.

    สพฺพฎฺฐานานิปีติ สพฺพานิ ปฎิกิริยานฺหานโภชนกีฬาสญฺจรณาทิฎฺฐานานิปิ, น นิวาสฎฺฐานานิเยวฯ เตนาห ‘‘โทวาริกาปี’’ติอาทิฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘ราชา กิรา’’ติอาทิฯ

    Sabbaṭṭhānānipīti sabbāni paṭikiriyānhānabhojanakīḷāsañcaraṇādiṭṭhānānipi, na nivāsaṭṭhānāniyeva. Tenāha ‘‘dovārikāpī’’tiādi. Tattha kāraṇamāha ‘‘rājā kirā’’tiādi.

    ปฐมภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ชิณฺณปุริสวณฺณนา

    Jiṇṇapurisavaṇṇanā

    ๔๔. โคปานสิวงฺกนฺติ วงฺกโคปานสี วิยฯ วงฺกานญฺหิ วงฺกภาวสฺส นิทสฺสนตฺถํ อวงฺกโคปานสีปิ คยฺหติฯ อาโภคฺควงฺกนฺติ อาทิโต ปฎฺฐาย อพฺภุคฺคตาย กุฎิลสรีรตาย วงฺกํฯ เตนาห ‘‘ขเนฺธ’’ติอาทิฯ ทณฺฑปรํ ทณฺฑคฺคหณปรํ อยนํ คมนํ เอตสฺสาติ ทณฺฑปรายนํ, ทโณฺฑ วา ปรํ อายนํ คมนการณํ เอตสฺสาติ ทณฺฑปรายนํฯ ฐานาทีสุ ทโณฺฑ คติ อวสฺสโย เอตสฺส เตน วินา อปฺปวตฺตนโตติ ทณฺฑคติกํ, คจฺฉติ เอเตนาติ วา คติ, ทโณฺฑ คติ คมนการณํ เอตสฺสาติ ทณฺฑคติกํฯ ทณฺฑปฎิสรณนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ชราตุรนฺติ ชราย กิลนฺตํ อสฺสวสํฯ ยทา รโถ ปุรโต โหตีติ เทฺวธาปเถ สมฺปเตฺต ปุรโต คจฺฉเนฺต พลกาเย ตตฺถ เอกํ สณฺฐานํ อารุโฬฺห มเชฺฌ คจฺฉโนฺต โพธิสเตฺตน อารุโฬฺห รโถ อิตรํ สณฺฐานํ คจฺฉโนฺต ยทา ปุรโต โหติฯ ปจฺฉา พลกาโยติ ตทา ปจฺฉา โหติ สโพฺพ พลกาโยฯ ตาทิเส โอกาเสติ ตาทิเส วุตฺตปฺปกาเร มคฺคปฺปเทเสฯ ตํ ปุริสนฺติ ตํ ชิณฺณปุริสํฯ สุทฺธาวาสาติ สิทฺธตฺถาทีนํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ สาสเน พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา สุทฺธาวาสภูมิยํ นิพฺพตฺตพฺรหฺมาโนฯ เต หิ ตทา ตตฺถ ติฎฺฐนฺติฯ ‘‘กิํ ปเนโส ชิโณฺณ นามา’’ติ เอโส ตยา วุจฺจมาโน กิํ อตฺถโต, ตํ เม นิทฺธาเรตฺวา กเถหีติ ทเสฺสติฯ อนิทฺธาริตสรูปตฺตา หิ ตสฺส อตฺตโน โพธิสโตฺต ลิงฺคสพฺพนาเมน ตํ วทโนฺต ‘‘กิ’’นฺติ อาหฯ ‘‘ยถา กิํ เต ชาต’’นฺติ ทฺวยเมว หิ โลเก เยภุยฺยโต ชายติ อิตฺถี วา ปุริโส วา, ตถาปิ ตํ ลิงฺคสพฺพนาเมน วุจฺจติ, เอวํ สมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ ‘‘กิํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ ตสฺส อนิทฺธาริตสรูปตํเยว วิภาเวติฯ

    44.Gopānasivaṅkanti vaṅkagopānasī viya. Vaṅkānañhi vaṅkabhāvassa nidassanatthaṃ avaṅkagopānasīpi gayhati. Ābhoggavaṅkanti ādito paṭṭhāya abbhuggatāya kuṭilasarīratāya vaṅkaṃ. Tenāha ‘‘khandhe’’tiādi. Daṇḍaparaṃ daṇḍaggahaṇaparaṃ ayanaṃ gamanaṃ etassāti daṇḍaparāyanaṃ, daṇḍo vā paraṃ āyanaṃ gamanakāraṇaṃ etassāti daṇḍaparāyanaṃ. Ṭhānādīsu daṇḍo gati avassayo etassa tena vinā appavattanatoti daṇḍagatikaṃ, gacchati etenāti vā gati, daṇḍo gati gamanakāraṇaṃ etassāti daṇḍagatikaṃ. Daṇḍapaṭisaraṇanti etthāpi eseva nayo. Jarāturanti jarāya kilantaṃ assavasaṃ. Yadā ratho purato hotīti dvedhāpathe sampatte purato gacchante balakāye tattha ekaṃ saṇṭhānaṃ āruḷho majjhe gacchanto bodhisattena āruḷho ratho itaraṃ saṇṭhānaṃ gacchanto yadā purato hoti. Pacchā balakāyoti tadā pacchā hoti sabbo balakāyo. Tādise okāseti tādise vuttappakāre maggappadese. Taṃ purisanti taṃ jiṇṇapurisaṃ. Suddhāvāsāti siddhatthādīnaṃ tiṇṇaṃ sammāsambuddhānaṃ sāsane brahmacariyaṃ caritvā suddhāvāsabhūmiyaṃ nibbattabrahmāno. Te hi tadā tattha tiṭṭhanti. ‘‘Kiṃ paneso jiṇṇo nāmā’’ti eso tayā vuccamāno kiṃ atthato, taṃ me niddhāretvā kathehīti dasseti. Aniddhāritasarūpattā hi tassa attano bodhisatto liṅgasabbanāmena taṃ vadanto ‘‘ki’’nti āha. ‘‘Yathā kiṃ te jāta’’nti dvayameva hi loke yebhuyyato jāyati itthī vā puriso vā, tathāpi taṃ liṅgasabbanāmena vuccati, evaṃ sampadamidaṃ veditabbaṃ. ‘‘Kiṃ vuttaṃ hotī’’tiādi tassa aniddhāritasarūpataṃyeva vibhāveti.

    ‘‘เตน หี’’ติอาทิ ‘‘อยญฺจ ชิณฺณภาโว สพฺพสาธารณตฺตา มยฺหมฺปิ อุปริ อาปตฺติโต เอวา’’ติ มหาสตฺตสฺส สํวิชฺชนาการวิภาวนํฯ รถํ สาเรตีติ สารถิฯ กีฬาวิหารตฺถํ อุยฺยุตฺตา ยนฺติ อุปคจฺฉนฺติ เอตนฺติ อุยฺยานํฯ อลนฺติ ปฎิเกฺขปวจนํฯ นามาติ ครหเณ นิปาโต ‘‘กถญฺหินามา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๙, ๔๒, ๘๗, ๘๘, ๙๐, ๑๖๖, ๑๗๐; ปาจิ. ๑, ๑๓, ๓๖) วิยฯ ชาติยา อาทีนวทสฺสนตฺถํ ตํมูลสฺส อุมฺมูลนํ วิย โหตีติ, ตสฺส จ อวสฺสิตภาวโต ‘‘ชาติยา มูลํ ขณโนฺต นิสีที’’ติ อาหฯ สิเทฺธ หิ การเณ ผลํ สิทฺธเมว โหตีติฯ ปีฬํ ชเนตฺวา อโนฺตตุทนวเสน สพฺพปฐมํ หทยํ อนุปวิสฺส ฐิตตฺตา ปฐเมน สเลฺลน หทเย วิโทฺธ วิย นิสีทีติ โยชนาฯ

    ‘‘Tena hī’’tiādi ‘‘ayañca jiṇṇabhāvo sabbasādhāraṇattā mayhampi upari āpattito evā’’ti mahāsattassa saṃvijjanākāravibhāvanaṃ. Rathaṃ sāretīti sārathi. Kīḷāvihāratthaṃ uyyuttā yanti upagacchanti etanti uyyānaṃ. Alanti paṭikkhepavacanaṃ. Nāmāti garahaṇe nipāto ‘‘kathañhināmā’’tiādīsu (pārā. 39, 42, 87, 88, 90, 166, 170; pāci. 1, 13, 36) viya. Jātiyā ādīnavadassanatthaṃ taṃmūlassa ummūlanaṃ viya hotīti, tassa ca avassitabhāvato ‘‘jātiyā mūlaṃkhaṇanto nisīdī’’ti āha. Siddhe hi kāraṇe phalaṃ siddhameva hotīti. Pīḷaṃ janetvā antotudanavasena sabbapaṭhamaṃ hadayaṃ anupavissa ṭhitattā paṭhamena sallena hadayeviddho viya nisīdīti yojanā.

    พฺยาธิปุริสวณฺณนา

    Byādhipurisavaṇṇanā

    ๔๗. ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘สุทฺธาวาสา กิรา’’ติอาทินา ปุเพฺพ วุเตฺตเนว นเยนฯ อาพาธิกนฺติ อาพาธวนฺตํฯ ทุกฺขิตนฺติ สญฺชาตทุกฺขํฯ อชาตนฺติ อชาตภาโว, นิพฺพานํ วาฯ

    47.Pubbevuttanayenevāti ‘‘suddhāvāsā kirā’’tiādinā pubbe vutteneva nayena. Ābādhikanti ābādhavantaṃ. Dukkhitanti sañjātadukkhaṃ. Ajātanti ajātabhāvo, nibbānaṃ vā.

    กาลกตปุริสวณฺณนา

    Kālakatapurisavaṇṇanā

    ๕๐. ภนฺตเนตฺตกุปฺปลาทิ วิวิธํ กตฺวา ลาตพฺพโต วิลาโต, วยฺหํ, สิวิกา จาติ อาห ‘‘วิลาตนฺติ สิวิก’’นฺติฯ สิวิกาย ทิฎฺฐปุพฺพตฺตา มหาสโตฺต จิตกปญฺชรํ ‘‘สิวิก’’นฺติ อาหฯ อิโต ปฎิคตนฺติ อิโต ภวโต อปคตํ ฯ กตกาลนฺติ ปริโยสาปิตชีวนกาลํฯ เตนาห ‘‘ยตฺตก’’นฺติอาทิฯ

    50. Bhantanettakuppalādi vividhaṃ katvā lātabbato vilāto, vayhaṃ, sivikā cāti āha ‘‘vilātanti sivika’’nti. Sivikāya diṭṭhapubbattā mahāsatto citakapañjaraṃ ‘‘sivika’’nti āha. Ito paṭigatanti ito bhavato apagataṃ . Katakālanti pariyosāpitajīvanakālaṃ. Tenāha ‘‘yattaka’’ntiādi.

    ปพฺพชิตวณฺณนา

    Pabbajitavaṇṇanā

    ๕๓. ธมฺมํ จรตีติ ธมฺมจรโณ, ตสฺส ภาโว ธมฺมจรณภาโวติ ธมฺมจริยเมว วทติฯ เอวํ เอเกกสฺส ปทสฺสาติ ยถา ‘‘สาธุธมฺมจริยาติ ปพฺพชิโต’’ติ โยชนา, เอวํ ‘‘สาธุสมจริยาติ ปพฺพชิโต’’ติอาทินา เอเกกสฺส ปทสฺส โยชนา เวทิตพฺพาฯ สพฺพานีติ ‘‘สาธุธมฺมจริยา’’ติอาทีสุ อาคตานิ สพฺพานิ ธมฺมสมกุสลปุญฺญปทานิฯ ทสกุสลกมฺมปถเววจนานีติ ทานาทีนิ ทสกุสลธมฺมปริยายปทานิฯ

    53. Dhammaṃ caratīti dhammacaraṇo, tassa bhāvo dhammacaraṇabhāvoti dhammacariyameva vadati. Evaṃ ekekassa padassāti yathā ‘‘sādhudhammacariyāti pabbajito’’ti yojanā, evaṃ ‘‘sādhusamacariyāti pabbajito’’tiādinā ekekassa padassa yojanā veditabbā. Sabbānīti ‘‘sādhudhammacariyā’’tiādīsu āgatāni sabbāni dhammasamakusalapuññapadāni. Dasakusalakammapathavevacanānīti dānādīni dasakusaladhammapariyāyapadāni.

    โพธิสตฺตปพฺพชฺชาวณฺณนา

    Bodhisattapabbajjāvaṇṇanā

    ๕๔. ปพฺพชิตสฺส ธมฺมิํ กถํ สุตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ อญฺญญฺจ สงฺคีติอนารุฬฺหํ เตน ตทา วุตฺตํ ธมฺมิํ กถนฺติ โยชนาฯ ‘‘วํโสวา’’ติ ปทตฺตเยน ธมฺมตา เอสาติ ทเสฺสติฯ จิรสฺสํ จิรสฺสํ ปสฺสนฺติ ทีฆายุกภาวโตฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘พหูนํ วสฺสานํ…เป.… อจฺจเยนา’’ติฯ เตเนวาติ น จิรสฺสํ ทิฎฺฐภาเวเนวฯ อจิรกาลนฺตริกเมว ปุพฺพกาลกิริยํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ชิณฺณญฺจ ทิสฺวา…เป.… ปพฺพชิตญฺจ ทิสฺวา, ตสฺมา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราชา’’ติ อาห ยถา ‘‘นฺหตฺวา วตฺถํ ปริทหิตฺวา คนฺธํ วิลิมฺปิตฺวา มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา ภุโตฺต’’ติฯ

    54. Pabbajitassa dhammiṃ kathaṃ sutvāti sambandho. Aññañca saṅgītianāruḷhaṃ tena tadā vuttaṃ dhammiṃ kathanti yojanā. ‘‘Vaṃsovā’’ti padattayena dhammatā esāti dasseti. Cirassaṃ cirassaṃ passanti dīghāyukabhāvato. Tathā hi vuttaṃ ‘‘bahūnaṃ vassānaṃ…pe… accayenā’’ti. Tenevāti na cirassaṃ diṭṭhabhāveneva. Acirakālantarikameva pubbakālakiriyaṃ dassento ‘‘jiṇṇañca disvā…pe… pabbajitañca disvā, tasmā ahaṃ pabbajitomhi rājā’’ti āha yathā ‘‘nhatvā vatthaṃ paridahitvā gandhaṃ vilimpitvā mālaṃ piḷandhitvā bhutto’’ti.

    มหาชนกายอนุปพฺพชฺชาวณฺณนา

    Mahājanakāyaanupabbajjāvaṇṇanā

    ๕๕. ‘‘กสฺมา ปเนตฺถา’’ติอาทินา เตสํ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ มหาสเตฺต สํภตฺตตํ, สํเวคพหุลตญฺจ ทเสฺสติ, ยโต สุตฎฺฐาเนเยว ฐตฺวา ญาติมิตฺตาทีสุ กิญฺจิ อนามเนฺตตฺวา มตฺตวรวารโณ วิย อโยมยพนฺธนํ ฆนพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ อุปคจฺฉิํสุฯ

    55.‘‘Kasmāpanetthā’’tiādinā tesaṃ caturāsītiyā pāṇasahassānaṃ mahāsatte saṃbhattataṃ, saṃvegabahulatañca dasseti, yato sutaṭṭhāneyeva ṭhatvā ñātimittādīsu kiñci anāmantetvā mattavaravāraṇo viya ayomayabandhanaṃ ghanabandhanaṃ chinditvā pabbajjaṃ upagacchiṃsu.

    จตฺตาโร มาเส จาริกํ จริ น ตาว ญาณสฺส ปริปากํ คตตฺตาฯ

    Cattāro māse cārikaṃ cari na tāva ñāṇassa paripākaṃ gatattā.

    ยทา ปน ญาณํ ปริปากํ คตํ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาหฯ สเพฺพว อิเม ปพฺพชิตา มม คมนํ ชานิสฺสนฺติ, ชานนฺตา จ มํ อนุพนฺธิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ สนฺนิสีเวสูติ สนฺนิสิเนฺนสุฯ สณเตวาติ สณติ วิย สทฺทํ กโรติ วิยฯ

    Yadā pana ñāṇaṃ paripākaṃ gataṃ, taṃ dassento ‘‘ayaṃ panā’’tiādimāha. Sabbeva ime pabbajitā mama gamanaṃ jānissanti, jānantā ca maṃ anubandhissantīti adhippāyo. Sannisīvesūti sannisinnesu. Saṇatevāti saṇati viya saddaṃ karoti viya.

    อวิเวการามานนฺติ อนภิรติวิเวกานํฯ อยํ กาโลติ อยํ เตสํ ปพฺพชิตานํ มม คมนสฺส อชานนกาโลฯ นิกฺขมิตฺวาติ ปณฺณสาลาย นิคฺคนฺตฺวา, มหาภินิกฺขมนํ ปน ปเคว นิกฺขโนฺตฯ ปารมิตานุภาเวน อุฎฺฐิตํ อุปริ เทวตาหิ ทิพฺพปจฺจตฺถรเณหิ สุปญฺญตฺตมฺปิ มหาสตฺตสฺส ปุญฺญานุภาเวน สิทฺธตฺตา เตน ปญฺญตฺตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปลฺลงฺกํ ปญฺญเปตฺวา’’ติฯ ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฎฺฐิ จ อวสิสฺสตู’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๒, ๒๓๗; อ. นิ. ๒.๕; ๘.๑๓; มหานิ. ๑๗, ๑๙๖) นยปฺปวตฺตํ จตุรงฺควีริยํ อธิฎฺฐหิตฺวาฯ วูปกาสนฺติ วิเวกวาสํฯ

    Avivekārāmānanti anabhirativivekānaṃ. Ayaṃ kāloti ayaṃ tesaṃ pabbajitānaṃ mama gamanassa ajānanakālo. Nikkhamitvāti paṇṇasālāya niggantvā, mahābhinikkhamanaṃ pana pageva nikkhanto. Pāramitānubhāvena uṭṭhitaṃ upari devatāhi dibbapaccattharaṇehi supaññattampi mahāsattassa puññānubhāvena siddhattā tena paññattaṃ viya hotīti vuttaṃ ‘‘pallaṅkaṃ paññapetvā’’ti. ‘‘Kāmaṃ taco ca nhāru ca, aṭṭhi ca avasissatū’’tiādi (ma. ni. 2.184; saṃ. ni. 2.22, 237; a. ni. 2.5; 8.13; mahāni. 17, 196) nayappavattaṃ caturaṅgavīriyaṃ adhiṭṭhahitvā. Vūpakāsanti vivekavāsaṃ.

    อเญฺญเนวาติ ยตฺถ มหาปุริโส ตทา วิหรติ, ตโต อเญฺญเนว ทิสาภาเคนฯ กามํ โพธิมโณฺฑ ชมฺพุทีปสฺส มเชฺฌ นาภิฎฺฐานิโย, ตทา ปน พฺรหารเญฺญ วิวิเตฺต โยคีนํ ปฎิสลฺลานสารุโปฺป หุตฺวา ติฎฺฐติ, ตทโญฺญ ปน ชมฺพุทีปปฺปเทโส เยภุเยฺยน พหุชโน อากิณฺณมนุโสฺส อิโทฺธ ผีโต อโหสิฯ เตน เต ตํ ตํ ชนปทเทสํ อุทฺทิสฺส คตา ‘‘อโนฺต ชมฺพุทีปาภิมุขา จาริกํ ปกฺกนฺตา’’ติ วุตฺตา อโนฺต ชมฺพุทีปาภิมุขา, น หิมวนฺตาทิปพฺพตาภิมุขาติ อโตฺถฯ

    Aññenevāti yattha mahāpuriso tadā viharati, tato aññeneva disābhāgena. Kāmaṃ bodhimaṇḍo jambudīpassa majjhe nābhiṭṭhāniyo, tadā pana brahāraññe vivitte yogīnaṃ paṭisallānasāruppo hutvā tiṭṭhati, tadañño pana jambudīpappadeso yebhuyyena bahujano ākiṇṇamanusso iddho phīto ahosi. Tena te taṃ taṃ janapadadesaṃ uddissa gatā ‘‘anto jambudīpābhimukhā cārikaṃ pakkantā’’ti vuttā anto jambudīpābhimukhā, na himavantādipabbatābhimukhāti attho.

    โพธิสตฺตอภินิเวสวณฺณนา

    Bodhisattaabhinivesavaṇṇanā

    ๕๗. กามํ ภควา พุโทฺธ หุตฺวา สตฺตสตฺตาหานิ ตเตฺถว วสิ, สพฺพปฐมํ ปน วิสาขปุณฺณมํ สนฺธาย ‘‘เอกรตฺติวาสํ อุปคตสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ รโหคตสฺสาติ รโห ชนวิวิตฺตํ ฐานํ อุปคตสฺส, เตน คณสงฺคณิกาภาเวน มหาสตฺตสฺส กายวิเวกมาหฯ ปฎิสลฺลีนสฺสาติ นานารมฺมณจารโต จิตฺตสฺส นิวตฺติยา ปติ สมฺมเทว นิลีนสฺส ตตฺถ อวิสฎจิตฺตสฺส, เตน จิตฺตสงฺคณิกาภาเวนสฺส ปุพฺพภาคิยํ จิตฺตวิเวกมาหฯ ทุกฺขนฺติ ชาติอาทิมูลกํ ทุกฺขํฯ กามํ จุตูปปาตาปิ ชาติมรณานิ เอว, มรณชาติโยว ‘‘ชายติ มียตี’’ติ ปน วตฺวา ‘‘จวติ อุปปชฺชตี’’ติ วจนํ น เอกภวปริยาปนฺนานํ เนสํ คหณํ, อถ โข นานาภวปริยาปนฺนานํ เอกชฺฌํ คหณนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อิทํ ทฺวยํ…เป.… วุตฺต’’นฺติฯ กสฺมา ปน โลกสฺส กิจฺฉาปตฺติปริวิตกฺกเน ‘‘ชรามรณสฺสา’’ติ ชรามรณวเสน นิยมนํ กตนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิฯ ชรามรณเมว อุปฎฺฐาติ อาทิโตติ อธิปฺปาโยฯ อภินิวิฎฺฐสฺสาติ อารทฺธสฺสฯ ปฎิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนารเมฺภ ตสฺส ชรามรณโต ปฎฺฐาย อภินิเวโส อคฺคโต ยาว มูลํ โอตรณํ วิยาติ อาห ‘‘ภวคฺคโต โอตรนฺตสฺส วิยา’’ติฯ

    57. Kāmaṃ bhagavā buddho hutvā sattasattāhāni tattheva vasi, sabbapaṭhamaṃ pana visākhapuṇṇamaṃ sandhāya ‘‘ekarattivāsaṃ upagatassā’’ti vuttaṃ. Rahogatassāti raho janavivittaṃ ṭhānaṃ upagatassa, tena gaṇasaṅgaṇikābhāvena mahāsattassa kāyavivekamāha. Paṭisallīnassāti nānārammaṇacārato cittassa nivattiyā pati sammadeva nilīnassa tattha avisaṭacittassa, tena cittasaṅgaṇikābhāvenassa pubbabhāgiyaṃ cittavivekamāha. Dukkhanti jātiādimūlakaṃ dukkhaṃ. Kāmaṃ cutūpapātāpi jātimaraṇāni eva, maraṇajātiyova ‘‘jāyati mīyatī’’ti pana vatvā ‘‘cavati upapajjatī’’ti vacanaṃ na ekabhavapariyāpannānaṃ nesaṃ gahaṇaṃ, atha kho nānābhavapariyāpannānaṃ ekajjhaṃ gahaṇanti dassento āha ‘‘idaṃ dvayaṃ…pe… vutta’’nti. Kasmā pana lokassa kicchāpattiparivitakkane ‘‘jarāmaraṇassā’’ti jarāmaraṇavasena niyamanaṃ katanti āha ‘‘yasmā’’tiādi. Jarāmaraṇameva upaṭṭhāti āditoti adhippāyo. Abhiniviṭṭhassāti āraddhassa. Paṭiccasamuppādamukhena vipassanārambhe tassa jarāmaraṇato paṭṭhāya abhiniveso aggato yāva mūlaṃ otaraṇaṃ viyāti āha ‘‘bhavaggato otarantassa viyā’’ti.

    อุปายมนสิการาติ อุปาเยน มนสิกรณโต มนสิการสฺส ปวตฺตนโตฯ อิทานิ ตํ อุปายมนสิการปริยายํ โยนิโสมนสิการํ สรูปโต, ปวตฺติอาการโต จ ทเสฺสตุํ ‘‘อนิจฺจาทีนิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โยนิโสมนสิกาโร นาม โหตีติ ยาถาวโต มนสิการภาวโตฯ อนิจฺจาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน ทุกฺขานตฺตอสุภาทีนํ คหณํฯ อยนฺติ ‘‘เอตทโหสี’’ติ เอวํ วุโตฺต ‘‘กิมฺหิ นุ โข สตี’’ติอาทินยปฺปวโตฺต มนสิกาโรฯ เตสํ อญฺญตโรติ เตสุ อนิจฺจาทิมนสิกาเรสุ อญฺญตโร เอโกฯ โก ปน โสติ? อนิจฺจมนสิกาโรว, ตตฺถ การณมาห ‘‘อุทยพฺพยานุปสฺสนาวเสน ปวตฺตตฺตา’’ติฯ ยญฺหิ อุปฺปชฺชติ เจว จวติ จ, ตํ อนิจฺจํ อุทยวยปริจฺฉินฺนตฺตา อทฺธุวนฺติ กตฺวาฯ ตสฺส ปน ตพฺภาวทสฺสนํ ยาถาวมนสิการตาย โยนิโสมนสิกาโร ฯ อิโต โยนิโสมนสิการาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ตสฺส อิมินา ‘‘อุปายมนสิกาเรนา’’ติ เหตุมฺหิ กรณวจเนน อตฺถมาหฯ สมาคโม อโหสีติ ยาถาวโต ปฎิวิชฺฌนวเสน สงฺคโม อโหสิฯ กิํ ปน ตนฺติ กิํ ปน ตํ ชรามรณการณนฺติ อาห ‘‘ชาตี’’ติฯ ‘‘ชาติยา โข’’ติอาทีสุ อยํ สเงฺขปโตฺถ – กิมฺหิ นุ โข สติ ชรามรณํ โหติ, กิํ ปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ชรามรณการณํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส ‘‘ยสฺมิํ สติ ยํ โหติ, อสติ จ น โหติ, ตํ ตสฺส การณ’’นฺติ เอวํ อพฺยภิจาริการณปริคฺคณฺหเน ‘‘ชาติยา โข สติ ชรามรณํ โหติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ยา ชรามรณสฺส การณปริคฺคาหิกา ปญฺญา อุปฺปชฺชติ, ตาย อุปฺปชฺชนฺติยา สมาคโม อโหสีติฯ สพฺพปทานีติ ‘‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชาติ โหตี’’ติอาทินา อาคตานิ ชาติอาทีนิ วิญฺญาณปริโยสานานิ นว ปทานิฯ

    Upāyamanasikārāti upāyena manasikaraṇato manasikārassa pavattanato. Idāni taṃ upāyamanasikārapariyāyaṃ yonisomanasikāraṃ sarūpato, pavattiākārato ca dassetuṃ ‘‘aniccādīni hī’’tiādi vuttaṃ. Yonisomanasikāro nāma hotīti yāthāvato manasikārabhāvato. Aniccādīnīti ādi-saddena dukkhānattaasubhādīnaṃ gahaṇaṃ. Ayanti ‘‘etadahosī’’ti evaṃ vutto ‘‘kimhi nu kho satī’’tiādinayappavatto manasikāro. Tesaṃ aññataroti tesu aniccādimanasikāresu aññataro eko. Ko pana soti? Aniccamanasikārova, tattha kāraṇamāha ‘‘udayabbayānupassanāvasena pavattattā’’ti. Yañhi uppajjati ceva cavati ca, taṃ aniccaṃ udayavayaparicchinnattā addhuvanti katvā. Tassa pana tabbhāvadassanaṃ yāthāvamanasikāratāya yonisomanasikāro . Ito yonisomanasikārāti hetumhi nissakkavacananti tassa iminā ‘‘upāyamanasikārenā’’ti hetumhi karaṇavacanena atthamāha. Samāgamo ahosīti yāthāvato paṭivijjhanavasena saṅgamo ahosi. Kiṃ pana tanti kiṃ pana taṃ jarāmaraṇakāraṇanti āha ‘‘jātī’’ti. ‘‘Jātiyā kho’’tiādīsu ayaṃ saṅkhepattho – kimhi nu kho sati jarāmaraṇaṃ hoti, kiṃ paccayā jarāmaraṇa’’nti jarāmaraṇakāraṇaṃ pariggaṇhantassa bodhisattassa ‘‘yasmiṃ sati yaṃ hoti, asati ca na hoti, taṃ tassa kāraṇa’’nti evaṃ abyabhicārikāraṇapariggaṇhane ‘‘jātiyā kho sati jarāmaraṇaṃ hoti, jātipaccayā jarāmaraṇa’’nti yā jarāmaraṇassa kāraṇapariggāhikā paññā uppajjati, tāya uppajjantiyā samāgamo ahosīti. Sabbapadānīti ‘‘kimhi nu kho sati jāti hotī’’tiādinā āgatāni jātiādīni viññāṇapariyosānāni nava padāni.

    ทฺวาทสปทิเก ปฎิจฺจสมุปฺปาเท อิธ ยานิ เทฺว ปทานิ อคฺคหิตานิ, เตสํ อคฺคหเณ การณํ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสเชฺชตุกาโม เตสํ คเหตพฺพาการํ ตาว ทเสฺสโนฺต ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิมาหฯ ปจฺจกฺขภูตํ ปจฺจุปฺปนฺนภวํ ปฐมํ คเหตฺวา ตทนนฺตรํ อนาคตํ ‘‘ทุติย’’นฺติ คหเณ อตีโต ตติโย โหตีติ อาห ‘‘อวิชฺชา สงฺขารา หิ อตีโต ภโว’’ติฯ นนุ เจตฺถ อนาคตสฺสาปิ ภวสฺส คหณํ น สมฺภวติ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อภินิเวสสฺส โชติตตฺตาติ? สจฺจเมตํ, การเณ ปน คหิเต ผลํ คหิตเมว โหตีติ ตถา วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อปิ เจตฺถ อนาคโตปิ อทฺธา อตฺถโต สงฺคหิโต เอว, ยโต ปรโต ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติอาทินา อนาคตทฺธสงฺคหิกา เทสนา ปวตฺตาฯ เตหีติ อวิชฺชาสงฺขาเรหิ อารมฺมณภูเตหิฯ น ฆฎิยติ น สมฺพชฺฌติฯ มหาปุริโส หิ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อภินิวิโฎฺฐติ อฆฎเน การณมาหฯ อทิเฎฺฐหีติ อนวพุเทฺธหิ, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํฯ สติ อนุโพเธ ปฎิเวเธน ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘น สกฺกา พุเทฺธน ภวิตุ’’นฺติฯ อิมินาติ มหาสเตฺตนฯ เตติ อวิชฺชาสงฺขาราฯ ภวอุปาทานตณฺหาวเสเนวาติ ภวอุปาทานตณฺหาทสฺสนวเสเนวฯ ทิฎฺฐา ตํสภาวตํสหคเตหิ เตหิ สมานโยคกฺขมตฺตาฯ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๗๐) กถิตาว, ตสฺมา น อิธ กเถตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ

    Dvādasapadike paṭiccasamuppāde idha yāni dve padāni aggahitāni, tesaṃ aggahaṇe kāraṇaṃ pucchitvā vissajjetukāmo tesaṃ gahetabbākāraṃ tāva dassento ‘‘ettha panā’’tiādimāha. Paccakkhabhūtaṃ paccuppannabhavaṃ paṭhamaṃ gahetvā tadanantaraṃ anāgataṃ ‘‘dutiya’’nti gahaṇe atīto tatiyo hotīti āha ‘‘avijjā saṅkhārā hi atīto bhavo’’ti. Nanu cettha anāgatassāpi bhavassa gahaṇaṃ na sambhavati paccuppannavasena abhinivesassa jotitattāti? Saccametaṃ, kāraṇe pana gahite phalaṃ gahitameva hotīti tathā vuttanti daṭṭhabbaṃ. Api cettha anāgatopi addhā atthato saṅgahito eva, yato parato ‘‘nāmarūpapaccayā saḷāyatana’’ntiādinā anāgataddhasaṅgahikā desanā pavattā. Tehīti avijjāsaṅkhārehi ārammaṇabhūtehi. Na ghaṭiyati na sambajjhati. Mahāpuriso hi paccuppannavasena abhiniviṭṭhoti aghaṭane kāraṇamāha. Adiṭṭhehīti anavabuddhehi, itthambhūtalakkhaṇe cetaṃ karaṇavacanaṃ. Sati anubodhe paṭivedhena bhavitabbanti āha ‘‘nasakkā buddhena bhavitu’’nti. Imināti mahāsattena. Teti avijjāsaṅkhārā. Bhavaupādānataṇhāvasenevāti bhavaupādānataṇhādassanavaseneva. Diṭṭhā taṃsabhāvataṃsahagatehi tehi samānayogakkhamattā. Visuddhimagge (visuddhi. 2.570) kathitāva, tasmā na idha kathetabbāti adhippāyo.

    ๕๘. ปจฺจยโตติ เหตุโต, สงฺขารโตติ อโตฺถฯ ‘‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชรามรณํ โหตี’’ติอาทินา หิ เหตุปรมฺปราวเสน ผลปรมฺปราย วุจฺจมานาย ‘‘กิมฺหิ นุ โข สติ วิญฺญาณํ โหตี’’ติ วิจารณาย ‘‘สงฺขาเร โข สติ วิญฺญาณํ โหตี’’ติ วิญฺญาณสฺส วิเสสการณภูเต สงฺขาเร อคฺคหิเต ตโต วิญฺญาณํ ปฎินิวตฺตติ นาม, น สพฺพปจฺจยโตฯ เตเนวาห ‘‘นามรูเป โข สติ วิญฺญาณํ โหตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๕๘), นามมฺปิ เจตฺถ สหชาตาทิวเสเนว ปจฺจยภูตํ อธิเปฺปตํ, น กมฺมูปนิสฺสยวเสน ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อภินิวิสสฺส โชติตตฺตาฯ อารมฺมณโตติ อวิชฺชาสงฺขารสงฺขาตอารมฺมณโต, อตีตภวสงฺขาตอารมฺมณโต วาฯ อตีตทฺธปริยาปนฺนา หิ อวิชฺชาสงฺขาราฯ ยโต ปฎินิวตฺตมานํ วิญฺญาณํ อตีตภวโตปิ ปฎินิวตฺตติ นามฯ อุภยมฺปีติ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณมฺปิ วิปสฺสนาวิญฺญาณมฺปิฯ นามรูปํ นาติกฺกมตีติ ปจฺจยภูตํ, อารมฺมณภูตญฺจ นามรูปํ นาติกฺกมติ เตน วินา อวตฺตนโตฯ เตนาห ‘‘นามรูปโต ปรํ น คจฺฉตี’’ติฯ

    58.Paccayatoti hetuto, saṅkhāratoti attho. ‘‘Kimhi nu kho sati jarāmaraṇaṃ hotī’’tiādinā hi hetuparamparāvasena phalaparamparāya vuccamānāya ‘‘kimhi nu kho sati viññāṇaṃ hotī’’ti vicāraṇāya ‘‘saṅkhāre kho sati viññāṇaṃ hotī’’ti viññāṇassa visesakāraṇabhūte saṅkhāre aggahite tato viññāṇaṃ paṭinivattati nāma, na sabbapaccayato. Tenevāha ‘‘nāmarūpe kho sati viññāṇaṃ hotī’’ti (dī. ni. 2.58), nāmampi cettha sahajātādivaseneva paccayabhūtaṃ adhippetaṃ, na kammūpanissayavasena paccuppannavasena abhinivisassa jotitattā. Ārammaṇatoti avijjāsaṅkhārasaṅkhātaārammaṇato, atītabhavasaṅkhātaārammaṇato vā. Atītaddhapariyāpannā hi avijjāsaṅkhārā. Yato paṭinivattamānaṃ viññāṇaṃ atītabhavatopi paṭinivattati nāma. Ubhayampīti paṭisandhiviññāṇampi vipassanāviññāṇampi. Nāmarūpaṃ nātikkamatīti paccayabhūtaṃ, ārammaṇabhūtañca nāmarūpaṃ nātikkamati tena vinā avattanato. Tenāha ‘‘nāmarūpato paraṃ na gacchatī’’ti.

    วิญฺญาเณ นามรูปสฺส ปจฺจเย โหเนฺตติ วิญฺญาเณ นามสฺส, รูปสฺส, นามรูปสฺส จ ปจฺจเย โหเนฺตฯ นามรูเป จ วิญฺญาณสฺส ปจฺจเย โหเนฺตติ ตถา นาเม, รูเป, นามรูเป จ วิญฺญาณสฺส ปจฺจเย โหเนฺตติ จตุโวการเอกโวการปญฺจโวการภววเสน ยถารหํ โยชนา เวทิตพฺพา, ทฺวีสุปิ อญฺญมญฺญปจฺจเยสุ โหเนฺตสูติ ปน ปญฺจโวการภววเสเนวฯ เอตฺตเกนาติ เอวํ วิญฺญาณ นามรูปานํ อญฺญมญฺญํ อุปตฺถมฺภนวเสน ปวตฺติยาฯ ชาเยถ วา…เป.… อุปปเชฺชถ วาติ ‘‘สโตฺต ชายติ…เป.… อุปปชฺชติ วา’’ติ สมญฺญา โหติ วิญฺญาณนามรูปวินิมุตฺตสฺส สตฺตปญฺญตฺติยา อุปาทานภูตสฺส ธมฺมสฺส อภาวโตฯ เตนาห ‘‘อิโต หี’’ติอาทิฯ เอตเทวาติ วิญฺญาณํ, นามรูปนฺติ เอตํ ทฺวยเมวฯ

    Viññāṇe nāmarūpassa paccaye honteti viññāṇe nāmassa, rūpassa, nāmarūpassa ca paccaye honte. Nāmarūpe ca viññāṇassa paccaye honteti tathā nāme, rūpe, nāmarūpe ca viññāṇassa paccaye honteti catuvokāraekavokārapañcavokārabhavavasena yathārahaṃ yojanā veditabbā, dvīsupi aññamaññapaccayesu hontesūti pana pañcavokārabhavavaseneva. Ettakenāti evaṃ viññāṇa nāmarūpānaṃ aññamaññaṃ upatthambhanavasena pavattiyā. Jāyetha vā…pe… upapajjetha vāti ‘‘satto jāyati…pe… upapajjati vā’’ti samaññā hoti viññāṇanāmarūpavinimuttassa sattapaññattiyā upādānabhūtassa dhammassa abhāvato. Tenāha ‘‘ito hī’’tiādi. Etadevāti viññāṇaṃ, nāmarūpanti etaṃ dvayameva.

    ปญฺจ ปทานีติ ‘‘ชาเยถ วา’’ติอาทีนิ ปญฺจ ปทานิฯ นนุ ตตฺถ ปฐมตติเยหิ จตุตฺถปญฺจมานิ อตฺถโต อภินฺนานีติ อาห ‘‘สทฺธิํ อปราปรํ จุติปฎิสนฺธีหี’’ติฯ ปุน ตํ เอตฺตาวตาติ วุตฺตมตฺถนฺติ โย ‘‘เอตฺตาวตา’’ติ ปเทน ปุเพฺพ วุโตฺต, ตเมว ยถาวุตฺตมตฺถํ ‘‘ยทิท’’นฺติอาทินา นิยฺยาเตโนฺต นิทเสฺสโนฺต ปุน วตฺวาฯ อนุโลมปจฺจยาการวเสนาติ ปจฺจยธมฺมทสฺสนปุพฺพกํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมทสฺสนวเสนฯ ปจฺจยธมฺมานญฺหิ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยภาโว อิทปฺปจฺจยตา ปจฺจยากาโร, โส จ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา วุโตฺตฯ สํสารปฺปวตฺติยา อนุโลมนโต อนุโลมปจฺจยากาโรฯ ชาติอาทิกํ สพฺพํ วฎฺฎทุกฺขํ จิเตฺตน สมิหิเตน กตํ สมูหวเสน คเหตฺวา ปาฬิยํ ‘‘ทุกฺขกฺขนฺธสฺสา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ชาติ…เป.… ทุกฺขราสิสฺสา’’ติฯ

    Pañca padānīti ‘‘jāyetha vā’’tiādīni pañca padāni. Nanu tattha paṭhamatatiyehi catutthapañcamāni atthato abhinnānīti āha ‘‘saddhiṃ aparāparaṃ cutipaṭisandhīhī’’ti. Puna taṃ ettāvatāti vuttamatthanti yo ‘‘ettāvatā’’ti padena pubbe vutto, tameva yathāvuttamatthaṃ ‘‘yadida’’ntiādinā niyyātento nidassento puna vatvā. Anulomapaccayākāravasenāti paccayadhammadassanapubbakaṃ paccayuppannadhammadassanavasena. Paccayadhammānañhi attano paccayuppannassa paccayabhāvo idappaccayatā paccayākāro, so ca ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’tiādinā vutto. Saṃsārappavattiyā anulomanato anulomapaccayākāro. Jātiādikaṃ sabbaṃ vaṭṭadukkhaṃ cittena samihitena kataṃ samūhavasena gahetvā pāḷiyaṃ ‘‘dukkhakkhandhassā’’ti vuttanti āha ‘‘jāti…pe… dukkharāsissā’’ti.

    ๕๙. ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อเนกวารํ สมุทยทสฺสนวเสน วิญฺญาณสฺส ปวตฺตตฺตา ‘‘สมุทโย สมุทโย’’ติ อาเมฑิตวจนํ อโวจฯ อถ วา ‘‘เอวํ สมุทโย โหตี’’ติ อิทํ น เกวลํ นิพฺพตฺตินิทสฺสนปทํ, อถ โข ปฎิจฺจสมุปฺปาท-สโทฺท วิย สมุปฺปาทมุเขน อิธ สมุทย-สโทฺท นิพฺพตฺติมุเขน ปจฺจยตฺตํ วทติฯ วิญฺญาณาทโย ภวนฺตา อิธ ปจฺจยธมฺมา นิทฺทิฎฺฐา, เต สามญฺญรูเปน พฺยาปนิจฺฉาวเสน คณฺหโนฺต ‘‘สมุทโย สมุทโย’’ติ อาห, เอวญฺจ กตฺวา ยํ วกฺขติ ‘‘อิมสฺมิํ สติ อิทํ โหตีติ ปจฺจยสญฺชานนมตฺตํ กถิต’’นฺติ, (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๕๙) ตํ สมตฺถิตํ โหติฯ ยทิ เอวํ ‘‘อุทยทสฺสนปญฺญา เวสา’’ติ อิทํ กถนฺติ? นายํ โทโส ปจฺจยโต อุทยทสฺสนมุเขน นิพฺพตฺติลกฺขณทสฺสนสฺส สมฺภวโตฯ ทสฺสนเฎฺฐน จกฺขูติ สมุทยสฺส ปจฺจกฺขโต ทสฺสนภาเวน จกฺขุ วิยาติ จกฺขุฯ ญาตกรณเฎฺฐนาติ ยถา สมุทโย สมฺมเทว ญาโต โหติ อวพุโทฺธ, เอวํ กรณเฎฺฐนฯ ปชานนเฎฺฐนาติ ‘‘วิญฺญาณาทิตํตํปจฺจยุปฺปตฺติยา เอตสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ ปการโต ชานนเฎฺฐนฯ นิพฺพิชฺฌิตฺวา ปฎิวิชฺฌิตฺวา อุปฺปนฺนเฎฺฐนาติ อนิพฺพิชฺฌิตฺวา ปุเพฺพ อุทยทสฺสนปญฺญาย ปฎิปกฺขธเมฺม นิพฺพิชฺฌิตฺวา ‘‘อยํ สมุทโย’’ติ ปจฺจยโต, ขณโต จ, สรูปโต ปฎิวิชฺฌิตฺวา อุปฺปนฺนภาเวน, นิพฺพิชฺฌนเฎฺฐน ปฎิวิชฺฌนเฎฺฐน วิชฺชาติ วุตฺตํ โหติฯ โอภาสเฎฺฐนาติ สมุทยสภาวปฎิจฺฉาทนกสฺส โมหนฺธการสฺส จ กิเลสนฺธการสฺส จ วิธมนวเสน อวภาสกภาเวนฯ

    59. Dukkhakkhandhassa anekavāraṃ samudayadassanavasena viññāṇassa pavattattā ‘‘samudayo samudayo’’ti āmeḍitavacanaṃ avoca. Atha vā ‘‘evaṃ samudayo hotī’’ti idaṃ na kevalaṃ nibbattinidassanapadaṃ, atha kho paṭiccasamuppāda-saddo viya samuppādamukhena idha samudaya-saddo nibbattimukhena paccayattaṃ vadati. Viññāṇādayo bhavantā idha paccayadhammā niddiṭṭhā, te sāmaññarūpena byāpanicchāvasena gaṇhanto ‘‘samudayo samudayo’’ti āha, evañca katvā yaṃ vakkhati ‘‘imasmiṃ sati idaṃ hotīti paccayasañjānanamattaṃ kathita’’nti, (dī. ni. aṭṭha. 2.59) taṃ samatthitaṃ hoti. Yadi evaṃ ‘‘udayadassanapaññā vesā’’ti idaṃ kathanti? Nāyaṃ doso paccayato udayadassanamukhena nibbattilakkhaṇadassanassa sambhavato. Dassanaṭṭhena cakkhūti samudayassa paccakkhato dassanabhāvena cakkhu viyāti cakkhu. Ñātakaraṇaṭṭhenāti yathā samudayo sammadeva ñāto hoti avabuddho, evaṃ karaṇaṭṭhena. Pajānanaṭṭhenāti ‘‘viññāṇāditaṃtaṃpaccayuppattiyā etassa dukkhakkhandhassa samudayo hotī’’ti pakārato jānanaṭṭhena. Nibbijjhitvā paṭivijjhitvā uppannaṭṭhenāti anibbijjhitvā pubbe udayadassanapaññāya paṭipakkhadhamme nibbijjhitvā ‘‘ayaṃ samudayo’’ti paccayato, khaṇato ca, sarūpato paṭivijjhitvā uppannabhāvena, nibbijjhanaṭṭhena paṭivijjhanaṭṭhena vijjāti vuttaṃ hoti. Obhāsaṭṭhenāti samudayasabhāvapaṭicchādanakassa mohandhakārassa ca kilesandhakārassa ca vidhamanavasena avabhāsakabhāvena.

    อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปฎิปาฎิยา วิภาเวตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ จกฺขุํ อุทปาทีติ ปาฬิยํ ปทุทฺธาโรฯ กถํ อุทปาทีติ เจติ อาห ‘‘ทสฺสนเฎฺฐนา’’ติฯ ‘‘สมุทยสฺส ปจฺจกฺขโต ทสฺสนภาเวนาติ วุโตฺต วายมโตฺถฯ อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ จกฺขุธโมฺมติ จกฺขูติ ปาฬิธโมฺมฯ ทสฺสนโฎฺฐ อโตฺถติ ทสฺสนสภาโว เตน ปกาเสตโพฺพ อโตฺถฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺตเกหิ ปเทหีติ อิเมหิ ปญฺจหิ ปเทหิฯ ‘‘กิํ กถิต’’นฺติ ปิณฺฑตฺถํ ปุจฺฉติฯ ปจฺจยสญฺชานนมตฺตนฺติ วิญฺญาณาทีนํ ปจฺจยธมฺมานํ นามรูปาทิปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยสภาวสญฺชานนมตฺตํ กถิตํ อวิเสสโต ปจฺจยสภาวสลฺลกฺขณสฺส โชติตตฺตาฯ สงฺขารานํ สมฺมเทว อุทยทสฺสนสฺส โชติตตฺตา ‘‘วีถิปฎิปนฺนา ตรุณวิปสฺสนา กถิตา’’ติ จ วุตฺตํฯ

    Idāni yathāvuttamatthaṃ paṭipāṭiyā vibhāvetuṃ ‘‘yathāhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha cakkhuṃ udapādīti pāḷiyaṃ paduddhāro. Kathaṃ udapādīti ceti āha ‘‘dassanaṭṭhenā’’ti. ‘‘Samudayassa paccakkhato dassanabhāvenāti vutto vāyamattho. Iminā nayena sesapadesupi attho veditabbo. Cakkhudhammoti cakkhūti pāḷidhammo. Dassanaṭṭho atthoti dassanasabhāvo tena pakāsetabbo attho. Sesesupi eseva nayo. Ettakehi padehīti imehi pañcahi padehi. ‘‘Kiṃ kathita’’nti piṇḍatthaṃ pucchati. Paccayasañjānanamattanti viññāṇādīnaṃ paccayadhammānaṃ nāmarūpādipaccayuppannassa paccayasabhāvasañjānanamattaṃ kathitaṃ avisesato paccayasabhāvasallakkhaṇassa jotitattā. Saṅkhārānaṃ sammadeva udayadassanassa jotitattā ‘‘vīthipaṭipannā taruṇavipassanā kathitā’’ti ca vuttaṃ.

    ๖๑. อตฺตนา อธิคตตฺตา อาสนฺนปจฺจกฺขตาย ‘‘อย’’นฺติ วุตฺตํ, อริยมคฺคาทีนํ มคฺคนเฎฺฐน มโคฺคติฯ ปุพฺพภาควิปสฺสนา เหสาฯ เตนาห ‘‘โพธายา’’ติฯ โพธปทสฺส ภาวสาธนตํ สนฺธายาห ‘‘จตุสจฺจพุชฺฌนตฺถายา’’ติฯ ปริญฺญาปหานภาวนาภิสมยา ยาวเทว สจฺฉิกิริยาภิสมยตฺถา นิพฺพานาธิคมตฺถตฺตา พฺรหฺมจริยวาสสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘นิพฺพานพุชฺฌนตฺถาย เอว วา’’ติฯ ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕, ๒๑๗; ธ. ป. ๒๐๔) หิ วุตฺตํฯ พุชฺฌตีติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ เอกปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌติ, เตน โพธ-สทฺทสฺส กตฺตุสาธนตฺตมาหฯ ปจฺจตฺตปเทหีติ ปฐมาวิภตฺติทีปเกหิ ปเทหิฯ นิพฺพานเมว กถิตํ วิญฺญาณาทิ นิรุชฺฌติ เอตฺถาติ กตฺวาฯ อนิพฺพตฺตินิโรธนฺติ สพฺพโส ปจฺจยนิโรเธน อนุปฺปาทนิโรธํ อจฺจนฺตนิโรธํฯ

    61. Attanā adhigatattā āsannapaccakkhatāya ‘‘aya’’nti vuttaṃ, ariyamaggādīnaṃ magganaṭṭhena maggoti. Pubbabhāgavipassanā hesā. Tenāha ‘‘bodhāyā’’ti. Bodhapadassa bhāvasādhanataṃ sandhāyāha ‘‘catusaccabujjhanatthāyā’’ti. Pariññāpahānabhāvanābhisamayā yāvadeva sacchikiriyābhisamayatthā nibbānādhigamatthattā brahmacariyavāsassāti vuttaṃ ‘‘nibbānabujjhanatthāya eva vā’’ti. ‘‘Nibbānaṃ paramaṃ sukha’’nti (ma. ni. 2.215, 217; dha. pa. 204) hi vuttaṃ. Bujjhatīti cattāri ariyasaccāni ekapaṭivedhena paṭivijjhati, tena bodha-saddassa kattusādhanattamāha. Paccattapadehīti paṭhamāvibhattidīpakehi padehi. Nibbānameva kathitaṃ viññāṇādi nirujjhati etthāti katvā. Anibbattinirodhanti sabbaso paccayanirodhena anuppādanirodhaṃ accantanirodhaṃ.

    ๖๒. สเพฺพเหว เอเตหิ ปเทหีติ ‘‘จกฺขู’’ติอาทีหิ ปญฺจหิ ปเทหิฯ นิโรธสญฺชานนมตฺตเมวาติ ‘‘นิโรโธ นิโรโธติ โข’’ติอาทินา นิโรธสฺส สญฺชานนมตฺตเมว กถิตํ ปุพฺพารมฺภภาวโต, น ตสฺส ปฎิวิชฺฌนวเสน ปจฺจกฺขโต ทสฺสนํ อริยมคฺคสฺส อนธิคตตฺตาฯ สงฺขารานํ สมฺมเทว นิโรธทสฺสนํ นาม สิขาปฺปตฺตาย วิปสฺสนาย วเสน อิจฺฉิตพฺพนฺติ ‘‘วุฎฺฐานคามินี พลววิปสฺสนา กถิตา’’ติ จ วุตฺตํฯ

    62.Sabbeheva etehi padehīti ‘‘cakkhū’’tiādīhi pañcahi padehi. Nirodhasañjānanamattamevāti ‘‘nirodho nirodhoti kho’’tiādinā nirodhassa sañjānanamattameva kathitaṃ pubbārambhabhāvato, na tassa paṭivijjhanavasena paccakkhato dassanaṃ ariyamaggassa anadhigatattā. Saṅkhārānaṃ sammadeva nirodhadassanaṃ nāma sikhāppattāya vipassanāya vasena icchitabbanti ‘‘vuṭṭhānagāminī balavavipassanā kathitā’’ti ca vuttaṃ.

    ๖๓. วิทิตฺวาติ ปุพฺพภาคิเยน ญาเณน ชานิตฺวาฯ ตโต อปรภาเคติ วุตฺตนเยน ปจฺจยนิโรธชานนโต ปจฺฉาภาเคฯ อุปาทานสฺส ปจฺจยภูเตสูติ จตุพฺพิธสฺสปิ อุปาทานสฺส อารมฺมณปจฺจยาทินา ปจฺจยภูเตสุ, อุปาทานิเยสูติ อโตฺถ ฯ วหโนฺตติ ปวเตฺตโนฺตฯ อิทนฺติ ‘‘อปเรน สมเยนา’’ติอาทิ วจนํฯ กสฺมา วุตฺตนฺติ ‘‘ยาย ปฎิปตฺติยา สเพฺพปิ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว โพธาย ปฎิปชฺชนฺติ, วิปสฺสนาย มหาโพธิสเตฺตน ตเถว ปฎิปนฺน’’นฺติ กเถตุกมฺยตาวเสน ปุจฺฉาวจนํฯ เตนาห ‘‘สเพฺพเยว หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ปุตฺตสฺส ชาตทิวเส มหาภินิกฺขมนํ, ปธานานุโยโค จ ธมฺมตาวเสน เวทิตโพฺพ, อิตรํ อิติกตฺตพฺพตาวเสนฯ ตตฺถาปิ จิรกาลปริภาวนาย ลทฺธาเสวนาย มหากรุณาย สโญฺจทิตมานสตฺตา ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปโนฺน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔, ๑๐) สํสารทุกฺขโต โมเจตุํ อิจฺฉิตสฺส สตฺตโลกสฺส กิจฺฉาปตฺติทสฺสนมุเขน ชรามรณโต ปฎฺฐาย ปจฺจยาการสมฺมสนมฺปิ ธมฺมตาวฯ ตถา อตฺตาธีนตาย, เกนจิ อนุปขตตฺตา, อเสจนกสุขวิหารตาย, จตุตฺถชฺฌานิกตาย จ อานาปานกมฺมฎฺฐานานุโยโคฯ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ อภินิวิสิตฺวาติ วิญฺญาณนามรูปาทิปริยาเยน คหิเตสุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ วิปสฺสนาภินิเวสวเสน อภินิวิสิตฺวา ปฎิปตฺติํ อารภิตฺวาฯ อนุกฺกมนฺติ อนุ อนุ คามิตพฺพโต ปฎิปชฺชิตพฺพโต ‘‘อนุกฺกม’’นฺติ ลทฺธนามํ อนุปุพฺพปฎิปตฺติํฯ กตฺวาติ ปฎิปชฺชิตฺวาฯ

    63.Viditvāti pubbabhāgiyena ñāṇena jānitvā. Tato aparabhāgeti vuttanayena paccayanirodhajānanato pacchābhāge. Upādānassa paccayabhūtesūti catubbidhassapi upādānassa ārammaṇapaccayādinā paccayabhūtesu, upādāniyesūti attho . Vahantoti pavattento. Idanti ‘‘aparena samayenā’’tiādi vacanaṃ. Kasmā vuttanti ‘‘yāya paṭipattiyā sabbepi mahābodhisattā carimabhave bodhāya paṭipajjanti, vipassanāya mahābodhisattena tatheva paṭipanna’’nti kathetukamyatāvasena pucchāvacanaṃ. Tenāha ‘‘sabbeyeva hī’’tiādi. Tattha puttassa jātadivase mahābhinikkhamanaṃ, padhānānuyogo ca dhammatāvasena veditabbo, itaraṃ itikattabbatāvasena. Tatthāpi cirakālaparibhāvanāya laddhāsevanāya mahākaruṇāya sañcoditamānasattā ‘‘kicchaṃ vatāyaṃ loko āpanno’’tiādinā (dī. ni. 2.57; saṃ. ni. 2.4, 10) saṃsāradukkhato mocetuṃ icchitassa sattalokassa kicchāpattidassanamukhena jarāmaraṇato paṭṭhāya paccayākārasammasanampi dhammatāva. Tathā attādhīnatāya, kenaci anupakhatattā, asecanakasukhavihāratāya, catutthajjhānikatāya ca ānāpānakammaṭṭhānānuyogo. Pañcasu khandhesu abhinivisitvāti viññāṇanāmarūpādipariyāyena gahitesu pañcasu upādānakkhandhesu vipassanābhinivesavasena abhinivisitvā paṭipattiṃ ārabhitvā. Anukkamanti anu anu gāmitabbato paṭipajjitabbato ‘‘anukkama’’nti laddhanāmaṃ anupubbapaṭipattiṃ. Katvāti paṭipajjitvā.

    อิติ รูปนฺติ เอตฺถ ทุติโย อิติ-สโทฺท นิทสฺสนโตฺถ, เตน ปฐโม อิติ-สโทฺท สรูปสฺส, ปริมาณสฺส จ โพธโก อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ,อาวุตฺติอาทิวเสน วายมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อโนฺตคธาวธารณญฺจ วากฺยํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, อิโต อุทฺธํ รูปํ นตฺถี’’ติอาทิมาห ฯ ตตฺถ ‘‘รุปฺปนสภาว’’นฺติ อิมินา สามญฺญโต รูปสฺส สภาโว ทสฺสิโต, ‘‘ภูตุปาทายเภท’’นฺติอาทินา วิเสสโต, ตทุภเยนปิ ‘‘อิทํ รูป’’นฺติ ปทสฺส อโตฺถ นิทฺทิโฎฺฐฯ ตตฺถ ลกฺขณํ นาม ตสฺส ตสฺส รูปวิเสสสฺส อนญฺญสาธารโณ สภาโวฯ รโส ตเสฺสว อตฺตโน ผลํ ปติ ปจฺจยภาโวฯ ปจฺจุปฎฺฐานํ ตสฺส ปรมตฺถโต วิชฺชมานตฺตา ยาถาวโต ญาณสฺส โคจรภาโวฯ ปทฎฺฐานํ อาสนฺนการณํ, เตนสฺส ปจฺจยายตฺตวุตฺติตา ทสฺสิตาฯ ‘‘อนวเสสรูปปริคฺคโห’’ติ อิมินา ปน ‘‘เอตฺตกํ รูปํ, อิโต อุทฺธํ’’ รูปํ นตฺถีติ ปททฺวยสฺสาปิ อโตฺถ นิทฺทิโฎฺฐ รูปสฺส สพฺพโส ปริยาทานวเสน นิยามนโตฯ ‘‘อิติ รูปสฺส สมุทโย’’ติ เอตฺถ ปน อิติ-สโทฺท ‘‘อิติ โข ภิกฺขเว สปฺปฎิภโย พาโล’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๔; อ. นิ. ๓.๑) วิย ปการโตฺถติ อาห ‘‘อิตีติ เอว’’นฺติฯ

    Iti rūpanti ettha dutiyo iti-saddo nidassanattho, tena paṭhamo iti-saddo sarūpassa, parimāṇassa ca bodhako anekatthattā nipātānaṃ,āvuttiādivasena vāyamattho veditabbo. Antogadhāvadhāraṇañca vākyaṃ dassento ‘‘idaṃ rūpaṃ, ettakaṃ rūpaṃ, ito uddhaṃ rūpaṃ natthī’’tiādimāha . Tattha ‘‘ruppanasabhāva’’nti iminā sāmaññato rūpassa sabhāvo dassito, ‘‘bhūtupādāyabheda’’ntiādinā visesato, tadubhayenapi ‘‘idaṃ rūpa’’nti padassa attho niddiṭṭho. Tattha lakkhaṇaṃ nāma tassa tassa rūpavisesassa anaññasādhāraṇo sabhāvo. Raso tasseva attano phalaṃ pati paccayabhāvo. Paccupaṭṭhānaṃ tassa paramatthato vijjamānattā yāthāvato ñāṇassa gocarabhāvo. Padaṭṭhānaṃ āsannakāraṇaṃ, tenassa paccayāyattavuttitā dassitā. ‘‘Anavasesarūpapariggaho’’ti iminā pana ‘‘ettakaṃ rūpaṃ, ito uddhaṃ’’ rūpaṃ natthīti padadvayassāpi attho niddiṭṭho rūpassa sabbaso pariyādānavasena niyāmanato. ‘‘Iti rūpassa samudayo’’ti ettha pana iti-saddo ‘‘iti kho bhikkhave sappaṭibhayo bālo’’tiādīsu (ma. ni. 3.124; a. ni. 3.1) viya pakāratthoti āha ‘‘itīti eva’’nti.

    อวิชฺชาสมุทยาติ อวิชฺชาย อุปฺปาทา, อตฺถิภาวาติ อโตฺถฯ นิโรธนิโรธี หิ อุปฺปาโท อตฺถิภาววาจโกปิ โหติ, ตสฺมา ปุริมภวสิทฺธาย อวิชฺชาย สติ อิมสฺมิํ ภเว รูปสมุทโย, รูปสฺส อุปฺปาโท โหตีติ อโตฺถฯ ‘‘ตณฺหาสมุทยา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อาหารสมุทยาติ เอตฺถ ปน ปวตฺติปจฺจเยสุ กพฬีการาหารสฺส พลวตาย โส เอว คหิโตฯ ตสฺมิํ ปน คหิเต ปวตฺติปจฺจยตาสามเญฺญน อุตุจิตฺตานิ คหิตาเนว โหนฺตีติ จตุสมุฎฺฐานิกรูปสฺส ปจฺจยโต อุทยทสฺสนํ วิภาวิตเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘นิพฺพตฺติลกฺขณ’’นฺติอาทินา กาลวเสน อุทยทสฺสนมาหฯ ตตฺถ นิพฺพตฺติลกฺขณนฺติ รูปสฺส อุปฺปาทสงฺขาตํ สงฺขตลกฺขณํฯ ปสฺสโนฺตปีติ น เกวลํ ปจฺจยสมุทยเมว, อถ โข ขณโต อุทยํ ปสฺสโนฺตปิฯ อทฺธาวเสน หิ ปฐมํ อุทยํ ปสฺสิตฺวา ฐิโต ปุน สนฺตติวเสน ทิสฺวา อนุกฺกเมน ขณวเสน ปสฺสติฯ อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธติ อคฺคมเคฺคน อวิชฺชาย อนุปฺปาทนิโรธโต อนาคตสฺส รูปสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ ปจฺจยาภาเว อภาวโตฯ ตณฺหานิโรธา กมฺมนิโรโธติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อาหารนิโรธาติ ปวตฺติปจฺจยสฺส กพฬีการาหารสฺส อภาเวนฯ รูปนิโรโธติ ตํสมุฎฺฐานรูปสฺส อภาโว โหติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ ‘‘วิปริณามลกฺขณ’’นฺติ ภงฺคกาลวเสน เหตํ วยทสฺสนํ, ตสฺมา ตํ อทฺธาวเสน ปฐมํ ปสฺสิตฺวา ปุน สนฺตติวเสน ทิสฺวา อนุกฺกเมน ขณวเสน ปสฺสติฯ อยญฺจ นโย ปากติกวิปสฺสกวเสน วุโตฺต, โพธิสตฺตานํ ปเนตํ นตฺถิฯ เอส นโย อุทยทสฺสเนปิฯ

    Avijjāsamudayāti avijjāya uppādā, atthibhāvāti attho. Nirodhanirodhī hi uppādo atthibhāvavācakopi hoti, tasmā purimabhavasiddhāya avijjāya sati imasmiṃ bhave rūpasamudayo, rūpassa uppādo hotīti attho. ‘‘Taṇhāsamudayā’’tiādīsupi eseva nayo. Āhārasamudayāti ettha pana pavattipaccayesu kabaḷīkārāhārassa balavatāya so eva gahito. Tasmiṃ pana gahite pavattipaccayatāsāmaññena utucittāni gahitāneva hontīti catusamuṭṭhānikarūpassa paccayato udayadassanaṃ vibhāvitamevāti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Nibbattilakkhaṇa’’ntiādinā kālavasena udayadassanamāha. Tattha nibbattilakkhaṇanti rūpassa uppādasaṅkhātaṃ saṅkhatalakkhaṇaṃ. Passantopīti na kevalaṃ paccayasamudayameva, atha kho khaṇato udayaṃ passantopi. Addhāvasena hi paṭhamaṃ udayaṃ passitvā ṭhito puna santativasena disvā anukkamena khaṇavasena passati. Avijjānirodhā rūpanirodhoti aggamaggena avijjāya anuppādanirodhato anāgatassa rūpassa anuppādanirodho hoti paccayābhāve abhāvato. Taṇhānirodhā kammanirodhoti etthāpi eseva nayo. Āhāranirodhāti pavattipaccayassa kabaḷīkārāhārassa abhāvena. Rūpanirodhoti taṃsamuṭṭhānarūpassa abhāvo hoti. Sesaṃ vuttanayameva. ‘‘Vipariṇāmalakkhaṇa’’nti bhaṅgakālavasena hetaṃ vayadassanaṃ, tasmā taṃ addhāvasena paṭhamaṃ passitvā puna santativasena disvā anukkamena khaṇavasena passati. Ayañca nayo pākatikavipassakavasena vutto, bodhisattānaṃ panetaṃ natthi. Esa nayo udayadassanepi.

    ‘‘อิติ เวทนา’’ติอาทีสุปิ เหฎฺฐา รูเป วุตฺตนยานุสาเรน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เตนาห ‘‘อยํ เวทนา, เอตฺตกา เวทนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เวทยิต…เป.… สภาวนฺติ เอตฺถ ‘‘เวทยิตสภาวํ…เป.… วิชานนสภาว’’นฺติ ปเจฺจกํ สภาว- สโทฺท โยเชตโพฺพฯ เวทยิตสภาวนฺติ อนุภวนสภาวํฯ สญฺชานนสภาวนฺติ ‘‘นีลํ ปีต’’นฺติอาทินา อารมฺมณสฺส สลฺลกฺขณสภาวํฯ อภิสงฺขรณสภาวนฺติ อายูหนสภาวํฯ วิชานนสภาวนฺติ อารมฺมณสฺส อุปลทฺธิสภาวํฯ สุขาทีติ อาทิ-สเทฺทน ทุกฺขโสมนสฺสโทมนสฺสุเปกฺขาเวทนานํ สงฺคโห รูปสญฺญาทีติ อาทิ-สเทฺทน สทฺทสญฺญาทีนํ, ผสฺสาทีติ อาทิ-สเทฺทน เจตนา วิตกฺกาทีนํ จกฺขุวิญฺญาณาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน สเพฺพสํ โลกิยวิญฺญาณานํ สงฺคโหฯ ยถา จ วิญฺญาเณ, เอส นโย เวทนาทีสุปิฯ เตสนฺติ ‘‘สมุทโย’’ติ วุตฺตธมฺมานํฯ ตีสุ ขเนฺธสูติ เวทนาสญฺญาสงฺขารกฺขเนฺธสุฯ ‘‘ผุโฎฺฐ เวเทติ, ผุโฎฺฐ สญฺชานาติ, ผุโฎฺฐ เจเตตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๙๓) วจนโต ‘‘ผสฺสสมุทยา’’ติ วตฺตพฺพํฯ ‘‘นามรูปปจฺจยาปิ วิญฺญาณ’’นฺติ (วิภ. ๒๔๖; ที. นิ. ๒.๙๗) วจนโต วิญฺญาณกฺขเนฺธ ‘‘นามรูปสมุทยา’’ติ วตฺตพฺพํฯ เตสํ เยวาติ ตีสุ ขเนฺธสุ ‘‘ผสฺสสฺส วิญฺญาณกฺขเนฺธ นามรูปสฺสา’’ติ ผสฺสนามรูปานํเยว วเสน อตฺถงฺคมปทมฺปิ โยเชตพฺพํ, อวิชฺชาทโย ปน รูเป วุตฺตสทิสา เอวาติ อธิปฺปาโยฯ

    ‘‘Iti vedanā’’tiādīsupi heṭṭhā rūpe vuttanayānusārena attho veditabbo. Tenāha ‘‘ayaṃ vedanā, ettakā vedanā’’tiādi. Tattha vedayita…pe… sabhāvanti ettha ‘‘vedayitasabhāvaṃ…pe… vijānanasabhāva’’nti paccekaṃ sabhāva- saddo yojetabbo. Vedayitasabhāvanti anubhavanasabhāvaṃ. Sañjānanasabhāvanti ‘‘nīlaṃ pīta’’ntiādinā ārammaṇassa sallakkhaṇasabhāvaṃ. Abhisaṅkharaṇasabhāvanti āyūhanasabhāvaṃ. Vijānanasabhāvanti ārammaṇassa upaladdhisabhāvaṃ. Sukhādīti ādi-saddena dukkhasomanassadomanassupekkhāvedanānaṃ saṅgaho rūpasaññādīti ādi-saddena saddasaññādīnaṃ, phassādīti ādi-saddena cetanā vitakkādīnaṃ cakkhuviññāṇādīnanti ādi-saddena sabbesaṃ lokiyaviññāṇānaṃ saṅgaho. Yathā ca viññāṇe, esa nayo vedanādīsupi. Tesanti ‘‘samudayo’’ti vuttadhammānaṃ. Tīsu khandhesūti vedanāsaññāsaṅkhārakkhandhesu. ‘‘Phuṭṭho vedeti, phuṭṭho sañjānāti, phuṭṭho cetetī’’ti (saṃ. ni. 4.93) vacanato ‘‘phassasamudayā’’ti vattabbaṃ. ‘‘Nāmarūpapaccayāpi viññāṇa’’nti (vibha. 246; dī. ni. 2.97) vacanato viññāṇakkhandhe ‘‘nāmarūpasamudayā’’ti vattabbaṃ. Tesaṃ yevāti tīsu khandhesu ‘‘phassassa viññāṇakkhandhe nāmarūpassā’’ti phassanāmarūpānaṃyeva vasena atthaṅgamapadampi yojetabbaṃ, avijjādayo pana rūpe vuttasadisā evāti adhippāyo.

    สมปญฺญาสลกฺขณวเสนาติ ปจฺจยโต วีสติ ขณโต ปญฺจาติ ปญฺจวีสติยา อุทยลกฺขณานํ, ปจฺจยโต วีสติ ขณโต ปญฺจาติ ปญฺจวีสติยา เอว วยลกฺขณานํ จาติ สมปญฺญาสาย อุทยวยลกฺขณานํ วเสนฯ ตตฺถ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทโย ลกฺขียติ เอเตหีติ ลกฺขณานีติ วุจฺจนฺติ อวิชฺชาทิสมุทโยติ, ตถา เตสํ อนุปฺปาทนิโรโธ ลกฺขียติ เอเตหีติ ลกฺขณานีติ วุจฺจนฺติ อวิชฺชาทีนํ อจฺจนฺตนิโรโธฯ นิพฺพตฺติวิปริณามลกฺขณานิ ปน สงฺขตลกฺขณเมวาติฯ เอวํ เอตานิ สมปญฺญาสลกฺขณานิ สรูปโต เวทิตพฺพานิฯ ยถานุกฺกเมน วฑฺฒิเตติ ยถาวุตฺตอุทยพฺพยญาเณ ติเกฺข สูเร ปสเนฺน หุตฺวา วหเนฺต ตโต ปรํ วตฺตพฺพานํ ภงฺคญาณาทีนํ อุปฺปตฺติปฎิปาฎิยา พุทฺธิปฺปเตฺต ปรมุกฺกํสคเต วิปสฺสนาญาเณฯ ปเคว หิ ฉตฺติํสโกฎิสตสหสฺสมุเขน ปวเตฺตน สพฺพญฺญุตญฺญาณานุจฺฉวิเกน มหาวชิรญาณสงฺขาเตน สมฺมสนญาเณน สมฺภตานุภาวํ คพฺภํ คณฺหนฺตํ ปริปากํ คจฺฉนฺตํ ปฎิปทาวิสุทฺธิญาณํ อปริมิตกาเล สมฺภตาย ปญฺญาปารมิยา อานุภาเวน อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตํ อนุกฺกเมน วุฎฺฐานคามินิภาวํ อุปคนฺตฺวา ยทา อริยมเคฺคน ฆเฎติ, ตทา อริยมคฺคจิตฺตํ สพฺพกิเลเสหิ มคฺคปฎิปาฎิยา วิมุจฺจติ , วิมุจฺจนฺตญฺจ ตถา วิมุจฺจติ, ยถา สพฺพเญยฺยาวรณปฺปหานํ โหติฯ ยํ กิเลสานํ ‘‘สวาสนปฺปหาน’’นฺติ วุจฺจติ, ตยิทํ ปหานํ อตฺถโต อนุปฺปตฺตินิโรโธติ อาห ‘‘อนุปฺปาทนิโรเธนา’’ติฯ อาสวสงฺขาเตหิ กิเลเสหีติ ภวโต อาภวคฺคํ, ธมฺมโต อาโคตฺรภุํ สวนโต ปวตฺตนโต อาสวสญฺญิเตหิ ราโค, ทิฎฺฐิ, โมโหติ อิเมหิ กิเลเสหิฯ ลกฺขณวจนเญฺจตํ, ปาฬิยํ ยทิทํ ‘‘อาสเวหี’’ติ, ตเทกฎฺฐตาย ปน สเพฺพหิปิ กิเลเสหิ สเพฺพหิปิ ปาปธเมฺมหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติฯ อคฺคเหตฺวาติ เตสํ กิเลสานํ เลสมตฺตมฺปิ อคฺคเหตฺวาฯ

    Samapaññāsalakkhaṇavasenāti paccayato vīsati khaṇato pañcāti pañcavīsatiyā udayalakkhaṇānaṃ, paccayato vīsati khaṇato pañcāti pañcavīsatiyā eva vayalakkhaṇānaṃ cāti samapaññāsāya udayavayalakkhaṇānaṃ vasena. Tattha pañcannaṃ khandhānaṃ udayo lakkhīyati etehīti lakkhaṇānīti vuccanti avijjādisamudayoti, tathā tesaṃ anuppādanirodho lakkhīyati etehīti lakkhaṇānīti vuccanti avijjādīnaṃ accantanirodho. Nibbattivipariṇāmalakkhaṇāni pana saṅkhatalakkhaṇamevāti. Evaṃ etāni samapaññāsalakkhaṇāni sarūpato veditabbāni. Yathānukkamena vaḍḍhiteti yathāvuttaudayabbayañāṇe tikkhe sūre pasanne hutvā vahante tato paraṃ vattabbānaṃ bhaṅgañāṇādīnaṃ uppattipaṭipāṭiyā buddhippatte paramukkaṃsagate vipassanāñāṇe. Pageva hi chattiṃsakoṭisatasahassamukhena pavattena sabbaññutaññāṇānucchavikena mahāvajirañāṇasaṅkhātena sammasanañāṇena sambhatānubhāvaṃ gabbhaṃ gaṇhantaṃ paripākaṃ gacchantaṃ paṭipadāvisuddhiñāṇaṃ aparimitakāle sambhatāya paññāpāramiyā ānubhāvena ukkaṃsapāramippattaṃ anukkamena vuṭṭhānagāminibhāvaṃ upagantvā yadā ariyamaggena ghaṭeti, tadā ariyamaggacittaṃ sabbakilesehi maggapaṭipāṭiyā vimuccati , vimuccantañca tathā vimuccati, yathā sabbañeyyāvaraṇappahānaṃ hoti. Yaṃ kilesānaṃ ‘‘savāsanappahāna’’nti vuccati, tayidaṃ pahānaṃ atthato anuppattinirodhoti āha ‘‘anuppādanirodhenā’’ti. Āsavasaṅkhātehi kilesehīti bhavato ābhavaggaṃ, dhammato āgotrabhuṃ savanato pavattanato āsavasaññitehi rāgo, diṭṭhi, mohoti imehi kilesehi. Lakkhaṇavacanañcetaṃ, pāḷiyaṃ yadidaṃ ‘‘āsavehī’’ti, tadekaṭṭhatāya pana sabbehipi kilesehi sabbehipi pāpadhammehi cittaṃ vimuccati. Aggahetvāti tesaṃ kilesānaṃ lesamattampi aggahetvā.

    มคฺคกฺขเณ วิมุจฺจติ นาม ตํตํมคฺควชฺฌกิเลเสหิ ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ นามฯ มคฺคกฺขเณ วา วิมุตฺตเญฺจว วิมุจฺจติ จาติ อุปริมคฺคกฺขเณ เหฎฺฐิมมคฺควเชฺฌหิ วิมุตฺตเญฺจว ยถาสกํ ปหาตเพฺพหิ วิมุจฺจติ จฯ ผลกฺขเณ วิมุตฺตเมวาติ สพฺพสฺมิมฺปิ ผลกฺขเณ วิมุตฺตเมว, น วิมุจฺจติ นามฯ

    Maggakkhaṇe vimuccati nāma taṃtaṃmaggavajjhakilesehi phalakkhaṇe vimuttaṃ nāma. Maggakkhaṇe vā vimuttañcevavimuccati cāti uparimaggakkhaṇe heṭṭhimamaggavajjhehi vimuttañceva yathāsakaṃ pahātabbehi vimuccati ca. Phalakkhaṇe vimuttamevāti sabbasmimpi phalakkhaṇe vimuttameva, na vimuccati nāma.

    สพฺพพนฺธนาติ โอรมฺภาคิยุทฺธมฺภาคิยสงฺคหิตา สพฺพสฺมาปิ ภวสโญฺญชนา, วิปฺปมุโตฺต วิเสสโต ปกาเรหิ มุโตฺตฯ สุวิกสิตจิตฺตสนฺตาโนติ สาติสยํ ญาณรสฺมิสมฺผเสฺสน สุฎฺฐุ สมฺมเทว สมฺผุลฺลจิตฺตสนฺตาโนฯ ‘‘จตฺตาริ มคฺคญาณานี’’ติอาทิ เยหิ ญาเณหิ สุวิกสิตจิตฺตสนฺตาโน, เตสํ เอกเทเสน ทสฺสนํฯ นิปฺปเทสโต ทสฺสนํ ปน ปรโต อาคมิสฺสติ, ตสฺมา ตเตฺถว ตานิ วิภชิสฺสามฯ สกเล จ พุทฺธคุเณติ อตีตํเส อปฺปฎิหตญาณาทิเก สเพฺพปิ พุทฺธคุเณฯ ยทา หิ โลกนาโถ อคฺคมคฺคํ อธิคจฺฉติ, ตทา สเพฺพ คุเณ หตฺถคเต กโรติ นามฯ ตโต ปรํ ‘‘หตฺถคเต กตฺวา ฐิโต’’ติ วุจฺจติฯ

    Sabbabandhanāti orambhāgiyuddhambhāgiyasaṅgahitā sabbasmāpi bhavasaññojanā, vippamutto visesato pakārehi mutto. Suvikasitacittasantānoti sātisayaṃ ñāṇarasmisamphassena suṭṭhu sammadeva samphullacittasantāno. ‘‘Cattāri maggañāṇānī’’tiādi yehi ñāṇehi suvikasitacittasantāno, tesaṃ ekadesena dassanaṃ. Nippadesato dassanaṃ pana parato āgamissati, tasmā tattheva tāni vibhajissāma. Sakale ca buddhaguṇeti atītaṃse appaṭihatañāṇādike sabbepi buddhaguṇe. Yadā hi lokanātho aggamaggaṃ adhigacchati, tadā sabbe guṇe hatthagate karoti nāma. Tato paraṃ ‘‘hatthagate katvā ṭhito’’ti vuccati.

    ‘‘ปริปุณฺณสงฺกโปฺป’’ติ วตฺวา ปริปุณฺณสงฺกปฺปตาปริทีปนํ อุทานํ ทเสฺสตุํ ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อาทิโต ทฺวินฺนํ คาถานมโตฺถ เหฎฺฐา พฺรหฺมชาลนิทานวณฺณนายํ (ที. นิ. ฎี. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุโตฺต เอวฯ ปรโต ปน อโยฆนหตสฺสาติ อโย หญฺญติ เอเตนาติ อโยฆนํ, กมฺมารานํ อโยกูฎํ, อโยมุฎฺฐิ จ, เตน อโยฆเนน หตสฺส ปหตสฺสฯ เอว-สโทฺท เจตฺถ นิปาตมตฺตํฯ ชลโต ชาตเวทโสติ ชลยมานสฺส อคฺคิสฺส, อนาทเร วา เอตํ สามิวจนํฯ อนุปุพฺพูปสนฺตสฺสาติ อนุกฺกเมน อุปสนฺตสฺส วิกฺขมฺภนฺตสฺส นิรุทฺธสฺสฯ ยถา น ญายเต คตีติ ยถา ตสฺส คติ น ญายติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อโยมุฎฺฐิกูฎาทินา ปหตตฺตา อโยฆเนน หตสฺส ปหตสฺส อโยคตสฺส, กํสภาชนาทิคตสฺส วา ชลมานสฺส อคฺคิสฺส อนุกฺกเมน อุปสนฺตสฺส ทสสุ ทิสาสุ น กตฺถจิ คติ ปญฺญายติ ปจฺจยนิโรเธน อปฺปฎิสนฺธิกนิรุทฺธตฺตาติฯ เอวํ สมฺมาวิมุตฺตานนฺติ สมฺมา เหตุนา ญาเยน ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺติปุพฺพงฺคมาย สมุเจฺฉทวิมุตฺติยา อริยมเคฺคน จตูหิปิ อุปาทาเนหิ, อาสเวหิ จ มุตฺตตฺตา สมฺมา วิมุตฺตานํ, ตโต เอว กามพนฺธนสงฺขาตํ กาโมฆภโวฆาทิเภทํ อวสิฎฺฐโอฆญฺจ ตริตฺวา ฐิตตฺตา กามพโนฺธฆตารีนํ สุฎฺฐุ ปฎิปสฺสมฺภิตสพฺพกิเลสวิปฺผนฺทิตตฺตา กิเลสาภิสงฺขารวาเตหิ อกมฺปนียตาย อจลํ นิพฺพานสงฺขาตํ สงฺขารูปสมํ สุขํ ปตฺตานํ อธิคตานํ ขีณาสวานํ คติ เทวมนุสฺสาทิเภทาสุ คตีสุ ‘‘อยํ นามา’’ติ ปญฺญาเปตพฺพตาย อภาวโต ปญฺญาเปตุํ นตฺถิ น อุปลพฺภติ, ยถาวุตฺตชาตเวโท วิย อปญฺญตฺติกภาวเมว เต คจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ เอวํ มนสิ กโรโนฺตติ ‘‘เอวํ อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๑๕๓) อตฺตโน กตกิจฺจตฺตํ มนสิ กโรโนฺต โพธิปลฺลเงฺก นิสิโนฺนว วิโรจิตฺถาติ โยชนาฯ

    ‘‘Paripuṇṇasaṅkappo’’ti vatvā paripuṇṇasaṅkappatāparidīpanaṃ udānaṃ dassetuṃ ‘‘anekajātisaṃsāra’’ntiādi vuttaṃ. Tattha ādito dvinnaṃ gāthānamattho heṭṭhā brahmajālanidānavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. ṭī. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathāvaṇṇanā) vutto eva. Parato pana ayoghanahatassāti ayo haññati etenāti ayoghanaṃ, kammārānaṃ ayokūṭaṃ, ayomuṭṭhi ca, tena ayoghanena hatassa pahatassa. Eva-saddo cettha nipātamattaṃ. Jalato jātavedasoti jalayamānassa aggissa, anādare vā etaṃ sāmivacanaṃ. Anupubbūpasantassāti anukkamena upasantassa vikkhambhantassa niruddhassa. Yathā na ñāyate gatīti yathā tassa gati na ñāyati. Idaṃ vuttaṃ hoti – ayomuṭṭhikūṭādinā pahatattā ayoghanena hatassa pahatassa ayogatassa, kaṃsabhājanādigatassa vā jalamānassa aggissa anukkamena upasantassa dasasu disāsu na katthaci gati paññāyati paccayanirodhena appaṭisandhikaniruddhattāti. Evaṃ sammāvimuttānanti sammā hetunā ñāyena tadaṅgavikkhambhanavimuttipubbaṅgamāya samucchedavimuttiyā ariyamaggena catūhipi upādānehi, āsavehi ca muttattā sammā vimuttānaṃ, tato eva kāmabandhanasaṅkhātaṃ kāmoghabhavoghādibhedaṃ avasiṭṭhaoghañca taritvā ṭhitattā kāmabandhoghatārīnaṃ suṭṭhu paṭipassambhitasabbakilesavipphanditattā kilesābhisaṅkhāravātehi akampanīyatāya acalaṃ nibbānasaṅkhātaṃ saṅkhārūpasamaṃ sukhaṃ pattānaṃ adhigatānaṃ khīṇāsavānaṃ gati devamanussādibhedāsu gatīsu ‘‘ayaṃ nāmā’’ti paññāpetabbatāya abhāvato paññāpetuṃ natthi na upalabbhati, yathāvuttajātavedo viya apaññattikabhāvameva te gacchantīti attho. Evaṃ manasi karontoti ‘‘evaṃ anekajātisaṃsāra’’ntiādinā (dha. pa. 153) attano katakiccattaṃ manasi karonto bodhipallaṅke nisinnova virocitthāti yojanā.

    ทุติยภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา

    Brahmayācanakathāvaṇṇanā

    ๖๔. ยนฺนูนาติ ปริวิตกฺกนเตฺถ นิปาโต, อหนฺติ ภควา อตฺตานํ นิทฺทิสตีติ อาห ‘‘ยทิ ปนาห’’นฺติฯ ‘‘อฎฺฐเม สตฺตาเห’’ติอาทิ ยถา อมฺหากํ ภควา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา วิมุตฺติสุขปฎิสํเวทนาทิวเสน สตฺตสุ สตฺตาเหสุ ปฎิปชฺชิ, ตโต ปรญฺจ ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขณาทิวเสน, เอวเมว สเพฺพปิ สมฺมาสมฺพุทฺธา อภิสมฺพุทฺธกาเล ปฎิปชฺชิํสุ, เต จ สตฺตาหาทโย ตเถว ววตฺถปียนฺตีติ อยํ สเพฺพสมฺปิ พุทฺธานํ ธมฺมตาฯ ตสฺมา วิปสฺสี ภควา อภิสมฺพุทฺธกาเล ตถา ปฎิปชฺชีติ ทเสฺสตุํ อารทฺธํฯ ตตฺถ ‘‘อฎฺฐเม สตฺตาเห’’ติ อิทํ สตฺตมสตฺตาหโต ปรํ, สตฺตาหโต โอริเม จ ปวตฺตาย ปฎิปตฺติยา วเสน วุตฺตํ, น ปลฺลงฺกสตฺตาหสฺส วิย อฎฺฐมสฺส นาม สตฺตาหสฺส ววตฺถิตสฺส ลพฺภมานตฺตาฯ อนนฺตโรติ ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธโมฺม’’ติอาทิโก วิตโกฺก (ที. นิ. ๒.๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗, ๘)ฯ

    64.Yannūnāti parivitakkanatthe nipāto, ahanti bhagavā attānaṃ niddisatīti āha ‘‘yadi panāha’’nti. ‘‘Aṭṭhame sattāhe’’tiādi yathā amhākaṃ bhagavā abhisambuddho hutvā vimuttisukhapaṭisaṃvedanādivasena sattasu sattāhesu paṭipajji, tato parañca dhammagambhīratāpaccavekkhaṇādivasena, evameva sabbepi sammāsambuddhā abhisambuddhakāle paṭipajjiṃsu, te ca sattāhādayo tatheva vavatthapīyantīti ayaṃ sabbesampi buddhānaṃ dhammatā. Tasmā vipassī bhagavā abhisambuddhakāle tathā paṭipajjīti dassetuṃ āraddhaṃ. Tattha ‘‘aṭṭhame sattāhe’’ti idaṃ sattamasattāhato paraṃ, sattāhato orime ca pavattāya paṭipattiyā vasena vuttaṃ, na pallaṅkasattāhassa viya aṭṭhamassa nāma sattāhassa vavatthitassa labbhamānattā. Anantaroti ‘‘adhigato kho myāyaṃ dhammo’’tiādiko vitakko (dī. ni. 2.67; ma. ni. 1.281; 2.337; saṃ. ni. 1.172; mahāva. 7, 8).

    ปฎิวิโทฺธติ สยมฺภุญาเณน ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ปฎิมุขํ ปฎิวิชฺฌนวเสน ปวโตฺต, ยถาภูตํ อวพุโทฺธติ อโตฺถฯ ธโมฺมติ จตุสจฺจธโมฺม ตพฺพินิมุตฺตสฺส ปฎิวิชฺฌิตพฺพธมฺมสฺส อภาวโตฯ คมฺภีโรติ มหาสมุโทฺท วิย มกสตุณฺฑสูจิยา อญฺญตฺร สมุปจิตปริปกฺกญาณสมฺภาเรหิ อเญฺญสํ ญาเณน อลพฺภเนยฺยปฺปติโฎฺฐฯ เตนาห ‘‘อุตฺตานภาวปฎิเกฺขปวจนเมต’’นฺติฯ อลพฺภเนยฺยปฺปติโฎฺฐ โอคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย สรูปโต วิเสสโต จ ปสฺสิตุํ น สกฺกาติ อาห ‘‘คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส’’ติฯ ทุเกฺขน ทฎฺฐโพฺพติ กิเจฺฉน เกนจิ กทาจิเทว ทฎฺฐโพฺพฯ ยํ ปน ทฎฺฐุเมว น สกฺกา, ตสฺส โอคาเหตฺวา อนุ อนุ พุชฺฌเน กถา เอว นตฺถีติ อาห ‘‘ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ’’ติฯ ทุเกฺขน อวพุชฺฌิตโพฺพ อวโพธสฺส ทุกฺกรภาวโตฯ อิมสฺมิํ ฐาเน ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ ภิกฺขเว ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕) สุตฺตปทํ วตฺตพฺพํฯ สนฺตารมฺมณตาย วา สโนฺตฯ นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตาย นิพฺพุโตฯ ปธานภาวํ นีโตติ วา ปณีโตฯ อติตฺติกรเฎฺฐน อตปฺปโก สาทุรสโภชนํ วิยฯ เอตฺถ จ นิโรธสจฺจํ สนฺตํ อารมฺมณนฺติ สนฺตารมฺมณํ, มคฺคสจฺจํ สนฺตํ, สนฺตารมฺมณญฺจาติ สนฺตารมฺมณํ อนุปสนฺตสภาวานํ กิเลสานํ, สงฺขารานญฺจ อภาวโต สโนฺต นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตฺตา นิพฺพุโต, สนฺตปณีตภาเวเนว ตทตฺถาย อเสจนกตาย อตปฺปกตา ทฎฺฐพฺพาฯ เตนาห ‘‘อิทํ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ อุตฺตมญาณสฺส วิสยตฺตา น ตเกฺกน อวจริตโพฺพ, ตโต เอว นิปุณญาณโคจรตาย, สณฺหสุขุมสภาวตฺตา จ นิปุโณฯ พาลานํ อวิสยตฺตา ปณฺฑิเตหิ เอว เวทิตโพฺพติ ปณฺฑิตเวทนีโยฯ อาลียนฺติ อภิรมิตพฺพเฎฺฐน เสวียนฺตีติ อาลยา, ปญฺจ กามคุณาฯ อาลยนฺติ อภิรมณวเสน เสวนฺตีติ อาลยา, ตณฺหาวิจริตานิฯ อาลยรตาติ อาลยนิรตาฯ สุฎฺฐุ มุทิตา อติวิย มุทิตา อนุกฺกณฺฐนโตฯ รมตีติ รติํ วินฺทติ กีฬติ ลฬติฯ อิเม สตฺตา ยถา กามคุเณ, เอวํ ราคมฺปิ อสฺสาเทนฺติ อภินนฺทนฺติ เยวาติ วุตฺตํ ‘‘ทุวิธมฺปี’’ติอาทิฯ

    Paṭividdhoti sayambhuñāṇena ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādinā paṭimukhaṃ paṭivijjhanavasena pavatto, yathābhūtaṃ avabuddhoti attho. Dhammoti catusaccadhammo tabbinimuttassa paṭivijjhitabbadhammassa abhāvato. Gambhīroti mahāsamuddo viya makasatuṇḍasūciyā aññatra samupacitaparipakkañāṇasambhārehi aññesaṃ ñāṇena alabbhaneyyappatiṭṭho. Tenāha ‘‘uttānabhāvapaṭikkhepavacanameta’’nti. Alabbhaneyyappatiṭṭho ogāhituṃ asakkuṇeyyatāya sarūpato visesato ca passituṃ na sakkāti āha ‘‘gambhīrattāva duddaso’’ti. Dukkhena daṭṭhabboti kicchena kenaci kadācideva daṭṭhabbo. Yaṃ pana daṭṭhumeva na sakkā, tassa ogāhetvā anu anu bujjhane kathā eva natthīti āha ‘‘duddasattāva duranubodho’’ti. Dukkhena avabujjhitabbo avabodhassa dukkarabhāvato. Imasmiṃ ṭhāne ‘‘taṃ kiṃ maññatha bhikkhave dukkarataraṃ vā durabhisambhavataraṃ vā’’ti (saṃ. ni. 5.1115) suttapadaṃ vattabbaṃ. Santārammaṇatāya vā santo. Nibbutasabbapariḷāhatāya nibbuto. Padhānabhāvaṃ nītoti vā paṇīto. Atittikaraṭṭhena atappako sādurasabhojanaṃ viya. Ettha ca nirodhasaccaṃ santaṃ ārammaṇanti santārammaṇaṃ, maggasaccaṃ santaṃ, santārammaṇañcāti santārammaṇaṃ anupasantasabhāvānaṃ kilesānaṃ, saṅkhārānañca abhāvato santo nibbutasabbapariḷāhattā nibbuto, santapaṇītabhāveneva tadatthāya asecanakatāya atappakatā daṭṭhabbā. Tenāha ‘‘idaṃ dvayaṃ lokuttarameva sandhāya vutta’’nti. Uttamañāṇassa visayattā na takkena avacaritabbo, tato eva nipuṇañāṇagocaratāya, saṇhasukhumasabhāvattā ca nipuṇo. Bālānaṃ avisayattā paṇḍitehi eva veditabboti paṇḍitavedanīyo. Ālīyanti abhiramitabbaṭṭhena sevīyantīti ālayā, pañca kāmaguṇā. Ālayanti abhiramaṇavasena sevantīti ālayā, taṇhāvicaritāni. Ālayaratāti ālayaniratā. Suṭṭhu muditā ativiya muditā anukkaṇṭhanato. Ramatīti ratiṃ vindati kīḷati laḷati. Ime sattā yathā kāmaguṇe, evaṃ rāgampi assādenti abhinandanti yevāti vuttaṃ ‘‘duvidhampī’’tiādi.

    ฐานํ สนฺธายาติ ฐาน-สทฺทํ สนฺธายฯ อตฺถโต ปน ‘‘ฐาน’’นฺติ จ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เอว อธิเปฺปโตฯ ติฎฺฐติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ฐานํ, สงฺขาราทีนํ ปจฺจยภูตา อวิชฺชาทโยฯ อิเมสํ สงฺขาราทีนํ ปจฺจยาติ อิทปฺปจฺจยา, อวิชฺชาทโยวฯ อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา ยถา เทโว เอว เทวตา , อิทปฺปจฺจยานํ วา อวิชฺชาทีนํ อตฺตโน ผลํ ปฎิจฺจ ปจฺจยภาโว อุปฺปาทนสมตฺถตา อิทปฺปจฺจยตา, เตน ปรมตฺถปจฺจยลกฺขโณ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต โหติฯ ปฎิจฺจ สมุปฺปชฺชติ ผลํ เอตสฺมาติ ปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ ปททฺวเยนาปิ ธมฺมานํ ปจฺจยโฎฺฐ เอว วิภาวิโตฯ เตนาห ‘‘สงฺขาราทิปจฺจยานํ อวิชฺชาทีนเมตํ อธิวจน’’นฺติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๗๐) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ

    Ṭhānaṃ sandhāyāti ṭhāna-saddaṃ sandhāya. Atthato pana ‘‘ṭhāna’’nti ca paṭiccasamuppādo eva adhippeto. Tiṭṭhati ettha phalaṃ tadāyattavuttitāyāti ṭhānaṃ, saṅkhārādīnaṃ paccayabhūtā avijjādayo. Imesaṃ saṅkhārādīnaṃ paccayāti idappaccayā, avijjādayova. Idappaccayā eva idappaccayatā yathā devo eva devatā , idappaccayānaṃ vā avijjādīnaṃ attano phalaṃ paṭicca paccayabhāvo uppādanasamatthatā idappaccayatā, tena paramatthapaccayalakkhaṇo paṭiccasamuppādo dassito hoti. Paṭicca samuppajjati phalaṃ etasmāti paṭiccasamuppādo. Padadvayenāpi dhammānaṃ paccayaṭṭho eva vibhāvito. Tenāha ‘‘saṅkhārādipaccayānaṃ avijjādīnametaṃ adhivacana’’nti. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimaggasaṃvaṇṇanāsu (visuddhi. 2.570) vuttanayena veditabbo.

    สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพนฺติ สพฺพสงฺขารสมถาทิปทาภิเธยฺยํ สพฺพํ, อตฺถโต นิพฺพานเมวฯ อิทานิ ตสฺส นิพฺพานภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺมา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นฺติ นิพฺพานํฯ อาคมฺมาติ ปฎิจฺจ อริยมคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยเหตุฯ สมฺมนฺตีติ อปฺปฎิสนฺธิกูปสมวเสน สมฺมนฺติฯ ตถา สนฺตา จ สวิเสสํ อุปสนฺตา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘วูปสมฺมนฺตี’’ติ, เอเตน สเพฺพ สงฺขารา สมฺมนฺติ เอตฺถาติ สพฺพสงฺขารสมโถ, นิพฺพานนฺติ ทเสฺสติฯ สพฺพสงฺขารวิสํยุเตฺต หิ นิพฺพาเน สพฺพสงฺขารวูปสมปริยาโย ญายาคโต เยวาติฯ เสเสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ อุปธียติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ อุปธิ, ขนฺธาทโยฯ ปฎินิสฺสฎฺฐาติ สมุเจฺฉทวเสน ปริจฺจตฺตา โหนฺติฯ สพฺพา ตณฺหาติ อฎฺฐสตปฺปเภทา สพฺพาปิ ตณฺหาฯ สเพฺพ กิเลสราคาติ กามราครูปราคาทิเภทา สเพฺพปิ กิเลสภูตา ราคา, สเพฺพปิ วา กิเลสา อิธ กิเลสราคาติ เวทิตพฺพา, น โลภวิเสสา เอว จิตฺตสฺส วิปรีตภาวาปาทนโตฯ ยถาห ‘‘รตฺตมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ, ทุฎฺฐมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ, มูฬฺหมฺปิ จิตฺตํ วิปริณต’’นฺติ (ปารา. ๒๗๑) วิรชฺชนฺตีติ อตฺตโน สภาวํ วิชหนฺติฯ สพฺพํ ทุกฺขนฺติ ชรามรณาทิเภทํ สพฺพํ วฎฺฎทุกฺขํฯ ภเวน ภวนฺติ เตน เตน ภเวน ภวนฺตรํฯ ภวนิกนฺติภาเวน สํสิพฺพติ, ผเลน วา สทฺธิํ กมฺมํ สตณฺหเสฺสว อายติํ ปุนพฺภวภาวโตฯ ตโต วานโต นิกฺขนฺตํ ตตฺถ ตสฺส สพฺพโส อภาวโตฯ จิรนิสชฺชาจิรภาสเนหิ ปิฎฺฐิอาคิลายนตาลุคลโสสาทิวเสน กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา เวทิตพฺพาฯ สา จ โข เทสนาย อตฺถํ อชานนฺตานํ, อปฺปฎิปชฺชนฺตานญฺจ วเสน, ชานนฺตานํ, ปน ปฎิปชฺชนฺตานญฺจ เทสนาย กายปริสฺสโมปิ สตฺถุ อปริสฺสโมวฯ เตนาห ภควา ‘‘น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสสี’’ติ (อุทา. ๑๐)ฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺสา’’ติฯ อุภยนฺติ จิตฺตกิลมโถ, จิตฺตวิเหสา จาติ อุภยํ เปตํ พุทฺธานํ นตฺถิ, โพธิมูเลเยว สมุจฺฉินฺนตฺตาฯ

    Sabbasaṅkhārasamathotiādi sabbanti sabbasaṅkhārasamathādipadābhidheyyaṃ sabbaṃ, atthato nibbānameva. Idāni tassa nibbānabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘yasmā hī’’tiādi vuttaṃ. Tanti nibbānaṃ. Āgammāti paṭicca ariyamaggassa ārammaṇapaccayahetu. Sammantīti appaṭisandhikūpasamavasena sammanti. Tathā santā ca savisesaṃ upasantā nāma hontīti āha ‘‘vūpasammantī’’ti, etena sabbe saṅkhārā sammanti etthāti sabbasaṅkhārasamatho, nibbānanti dasseti. Sabbasaṅkhāravisaṃyutte hi nibbāne sabbasaṅkhāravūpasamapariyāyo ñāyāgato yevāti. Sesepadesupi eseva nayo. Upadhīyati ettha dukkhanti upadhi, khandhādayo. Paṭinissaṭṭhāti samucchedavasena pariccattā honti. Sabbā taṇhāti aṭṭhasatappabhedā sabbāpi taṇhā. Sabbe kilesarāgāti kāmarāgarūparāgādibhedā sabbepi kilesabhūtā rāgā, sabbepi vā kilesā idha kilesarāgāti veditabbā, na lobhavisesā eva cittassa viparītabhāvāpādanato. Yathāha ‘‘rattampi cittaṃ vipariṇataṃ, duṭṭhampi cittaṃ vipariṇataṃ, mūḷhampi cittaṃ vipariṇata’’nti (pārā. 271) virajjantīti attano sabhāvaṃ vijahanti. Sabbaṃ dukkhanti jarāmaraṇādibhedaṃ sabbaṃ vaṭṭadukkhaṃ. Bhavena bhavanti tena tena bhavena bhavantaraṃ. Bhavanikantibhāvena saṃsibbati, phalena vā saddhiṃ kammaṃ sataṇhasseva āyatiṃ punabbhavabhāvato. Tato vānato nikkhantaṃ tattha tassa sabbaso abhāvato. Ciranisajjācirabhāsanehi piṭṭhiāgilāyanatālugalasosādivasena kāyakilamatho ceva kāyavihesāca veditabbā. Sā ca kho desanāya atthaṃ ajānantānaṃ, appaṭipajjantānañca vasena, jānantānaṃ, pana paṭipajjantānañca desanāya kāyaparissamopi satthu aparissamova. Tenāha bhagavā ‘‘na ca maṃ dhammādhikaraṇaṃ vihesesī’’ti (udā. 10). Tathā hi vuttaṃ ‘‘yā ajānantānaṃ desanā nāma, so mama kilamatho assā’’ti. Ubhayanti cittakilamatho, cittavihesā cāti ubhayaṃ petaṃ buddhānaṃ natthi, bodhimūleyeva samucchinnattā.

    ๖๕. อนุพฺรูหนํ สมฺปิณฺฑนํฯ โสติ ‘‘อปิสฺสู’’ติ นิปาโตฯ วิปสฺสินฺติ ปฎิ-สทฺทโยเคน สามิอเตฺถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสิสฺสา’’ติฯ วุทฺธิปฺปตฺตา อจฺฉริยา วา อนจฺฉริยาฯ วุทฺธิอโตฺถปิ หิ อกาโร โหติ ยถา‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกาย ๑๑)ฯ กปฺปานํ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ สตสหสฺสญฺจ สเทวกสฺส โลกสฺส ธมฺมสํวิภาคกรณตฺถเมว ปารมิโย ปูเรตฺวา อิทานิ สมธิคตธมฺมราชสฺส ตตฺถ อโปฺปสฺสุกฺกตาปตฺติทีปนตา, คาถาตฺถสฺส อจฺฉริยตา, ตสฺส วุทฺธิปฺปตฺติ จาติ เวทิตพฺพาฯ อตฺถทฺวาเรน หิ คาถานํ อนจฺฉริยตาฯ โคจรา อเหสุนฺติ อุปฎฺฐหิํสุฯ อุปฎฺฐานญฺจ วิตเกฺกตพฺพตาวาติ อาห ‘‘ปริวิตกฺกยิตพฺพตํ ปาปุณิํสู’’ติฯ

    65.Anubrūhanaṃ sampiṇḍanaṃ. Soti ‘‘apissū’’ti nipāto. Vipassinti paṭi-saddayogena sāmiatthe upayogavacananti āha ‘‘vipassissā’’ti. Vuddhippattā acchariyā vā anacchariyā. Vuddhiatthopi hi akāro hoti yathā‘‘asekkhā dhammā’’ti (dha. sa. tikamātikāya 11). Kappānaṃ cattāri asaṅkhyeyyāni satasahassañca sadevakassa lokassa dhammasaṃvibhāgakaraṇatthameva pāramiyo pūretvā idāni samadhigatadhammarājassa tattha appossukkatāpattidīpanatā, gāthātthassa acchariyatā, tassa vuddhippatti cāti veditabbā. Atthadvārena hi gāthānaṃ anacchariyatā. Gocarā ahesunti upaṭṭhahiṃsu. Upaṭṭhānañca vitakketabbatāvāti āha ‘‘parivitakkayitabbataṃ pāpuṇiṃsū’’ti.

    ยทิ สุขาปฎิปทาว กถํ กิจฺฉตาติ อาห ‘‘ปารมีปูรณกาเล’’ติอาทิฯ เอวมาทีนิ ทุปฺปริจฺจชานิ เทนฺตสฺสฯ ห-อิติ วา พฺยตฺตนฺติ เอตสฺมิํ อเตฺถ นิปาโต, ‘‘เอกํสเตฺถ’’ติ เกจิฯ พฺยตฺตํ, เอกํเสน วา อลํ นิปฺปโยชนํ เอวํ กิเจฺฉน อธิคตสฺส ธมฺมสฺส เทเสตุนฺติ โยชนาฯ หลนฺติ ‘‘อล’’นฺติ อิมินา สมานตฺถํ ปทํ ‘‘หลนฺติ วทามี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ฎี. ๑.๑๗๒) วิยฯ ราคโทสผุเฎฺฐหีติ ผุฎฺฐวิเสน วิย สเปฺปน ราเคน, โทเสน จ สมฺผุเฎฺฐหิ อภิภูเตหิฯ ราคโทสานุคเตหีติ ราคโทเสหิ อนุพเนฺธหิฯ

    Yadi sukhāpaṭipadāva kathaṃ kicchatāti āha ‘‘pāramīpūraṇakāle’’tiādi. Evamādīni duppariccajāni dentassa. Ha-iti vā byattanti etasmiṃ atthe nipāto, ‘‘ekaṃsatthe’’ti keci. Ha byattaṃ, ekaṃsena vā alaṃ nippayojanaṃ evaṃ kicchena adhigatassa dhammassa desetunti yojanā. Halanti ‘‘ala’’nti iminā samānatthaṃ padaṃ ‘‘halanti vadāmī’’tiādīsu (saṃ. ni. ṭī. 1.172) viya. Rāgadosaphuṭṭhehīti phuṭṭhavisena viya sappena rāgena, dosena ca samphuṭṭhehi abhibhūtehi. Rāgadosānugatehīti rāgadosehi anubandhehi.

    นิจฺจาทีนนฺติ นิจฺจคฺคาหาทีนํฯ เอวํ คตนฺติ เอวํ ปวตฺตํ อนิจฺจาทิอากาเรน ปวตฺตํฯ ‘‘จตุสจฺจธมฺม’’นฺติ อิทํ อนิจฺจาทีสุ, สเจฺจสุ จ ยถาลาภวเสน คเหตพฺพํฯ เอวํ คตนฺติ วา เอวํ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา อภินิวิสิตฺวา มยา, อเญฺญหิ จ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ คตํ, ญาตํ ปฎิวิทฺธนฺติ อโตฺถฯ กามราเคน, ภวราเคน จ รตฺตา นีวรเณหิ นิวุตจิตฺตตาย, ทิฎฺฐิราเคน รตฺตา วิปรีตาภินิเวเสน น ทกฺขนฺติ ยาถาวโต อิมํ ธมฺมํ นปฺปฎิวิชฺฌิสฺสนฺติฯ เอวํ คาหาเปตุนฺติ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา สภาเวน ยาถาวโต ธเมฺม ชานาเปตุํฯ ราคโทสปเรตตาปิ เนสํ สมฺมูฬฺหภาเวเนวาติ อาห ‘‘ตโมขเนฺธน อาวุฎา’’ติฯ

    Niccādīnanti niccaggāhādīnaṃ. Evaṃ gatanti evaṃ pavattaṃ aniccādiākārena pavattaṃ. ‘‘Catusaccadhamma’’nti idaṃ aniccādīsu, saccesu ca yathālābhavasena gahetabbaṃ. Evaṃ gatanti vā evaṃ ‘‘anicca’’ntiādinā abhinivisitvā mayā, aññehi ca sammāsambuddhehi gataṃ, ñātaṃ paṭividdhanti attho. Kāmarāgena, bhavarāgena ca rattā nīvaraṇehi nivutacittatāya, diṭṭhirāgena rattā viparītābhinivesena na dakkhanti yāthāvato imaṃ dhammaṃ nappaṭivijjhissanti. Evaṃ gāhāpetunti ‘‘anicca’’ntiādinā sabhāvena yāthāvato dhamme jānāpetuṃ. Rāgadosaparetatāpi nesaṃ sammūḷhabhāvenevāti āha ‘‘tamokhandhena āvuṭā’’ti.

    ธมฺมเทสนาย อโปฺปสฺสุกฺกตาปตฺติยา การณํ วิภาเวตุํ ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทินา สยเมว โจทนํ สมุฎฺฐาเปติฯ ตตฺถ ยถายํ อิทานิ ธมฺมเทสนาย อโปฺปสฺสุกฺกตาปตฺติ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณธมฺมตาวเสน, สพฺพโพธิสตฺตานํ อาทิโต ‘‘กิํ เม อญฺญาตเวเสนา’’ติอาทินา (พุ. วํ. ๒.๙๙) มหาภินีหาเร อตฺตโน จิตฺตสฺส สมุสฺสาหนํ อาจิณฺณสมาจิณฺณธมฺมตา วาติ อาห ‘‘กิํ เม’’ติอาทิฯ ตตฺถ อญฺญาตเวเสนาติ สเทวกํ โลกํ อุนฺนาเทโนฺต พุโทฺธ อหุตฺวา เกวลํ พุทฺธานํ สาวกภาวูปคมนวเสน อญฺญาตรูเปนฯ ติวิธํ การณํ อโปฺปสฺสุกฺกตาปตฺติยา ปฎิปกฺขสฺส พลวภาโว, ธมฺมสฺส ปรมคมฺภีรตา, ตตฺถ จ ภควโต สาติสยํ คารวนฺติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ปฎิปกฺขา นาม ราคาทโย กิเลสา สมฺมาปฎิปตฺติยา อนฺตรายกรตฺตาฯ เตสํ พลวภาวโต จิรปริภาวนาย สตฺตสนฺตานโต ทุพฺพิโสธิยตาย เต สเตฺต มตฺตหตฺถิโน วิย ทุพฺพลํ ปุริสํ อโชฺฌตฺถริตฺวา อนยพฺยสนํ อาปาเทนฺตา อเนกสตโยชนายามวิตฺถารํ สุนิจิตํ ฆนสนฺนิเวสํ กณฺฎกทุคฺคมฺปิ อธิเสนฺติฯ ทูรปฺปเภท ทุเจฺฉชฺชตาหิ ทุพฺพิโสธิยตํ ปน ทเสฺสตุํ ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ จ อโนฺต อามฎฺฐตาย กญฺชิกปุณฺณลาพุ จิรปริวาสิกตาย ตกฺกภริตจาฎิ เสฺนหตินฺตทุพฺพลภาเวน วสาเตลปีตปิโลติกา; เตลมิสฺสิตตาย อญฺชนมกฺขิตหตฺถา ทุพฺพิโสธนียา วุตฺตาฯ หีนูปมา เจตา รูปปฺปพนฺธภาวโต, อจิรกาลิกตฺตา จ มลีนตาย, กิเลสสํกิเลโส เอว ปน ทุพฺพิโสธนียตโร อนาทิกาลิกตฺตา, อนุสยิตตฺตา จฯ เตนาห ‘‘อติสํกิลิฎฺฐา’’ติฯ ยถา จ ทุพฺพิโสธนียตาย เอวํ คมฺภีรทุทฺทสทุรนุโพธานมฺปิ วุตฺตอุปมา หีนูปมาวฯ

    Dhammadesanāya appossukkatāpattiyā kāraṇaṃ vibhāvetuṃ ‘‘kasmā panā’’tiādinā sayameva codanaṃ samuṭṭhāpeti. Tattha yathāyaṃ idāni dhammadesanāya appossukkatāpatti sabbabuddhānaṃ āciṇṇasamāciṇṇadhammatāvasena, sabbabodhisattānaṃ ādito ‘‘kiṃ me aññātavesenā’’tiādinā (bu. vaṃ. 2.99) mahābhinīhāre attano cittassa samussāhanaṃ āciṇṇasamāciṇṇadhammatā vāti āha ‘‘kiṃ me’’tiādi. Tattha aññātavesenāti sadevakaṃ lokaṃ unnādento buddho ahutvā kevalaṃ buddhānaṃ sāvakabhāvūpagamanavasena aññātarūpena. Tividhaṃ kāraṇaṃ appossukkatāpattiyā paṭipakkhassa balavabhāvo, dhammassa paramagambhīratā, tattha ca bhagavato sātisayaṃ gāravanti taṃ dassetuṃ ‘‘tassa hī’’tiādi āraddhaṃ. Tattha paṭipakkhā nāma rāgādayo kilesā sammāpaṭipattiyā antarāyakarattā. Tesaṃ balavabhāvato ciraparibhāvanāya sattasantānato dubbisodhiyatāya te satte mattahatthino viya dubbalaṃ purisaṃ ajjhottharitvā anayabyasanaṃ āpādentā anekasatayojanāyāmavitthāraṃ sunicitaṃ ghanasannivesaṃ kaṇṭakaduggampi adhisenti. Dūrappabheda ducchejjatāhi dubbisodhiyataṃ pana dassetuṃ ‘‘athassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ca anto āmaṭṭhatāya kañjikapuṇṇalābu ciraparivāsikatāya takkabharitacāṭi snehatintadubbalabhāvena vasātelapītapilotikā; telamissitatāya añjanamakkhitahatthā dubbisodhanīyā vuttā. Hīnūpamā cetā rūpappabandhabhāvato, acirakālikattā ca malīnatāya, kilesasaṃkileso eva pana dubbisodhanīyataro anādikālikattā, anusayitattā ca. Tenāha ‘‘atisaṃkiliṭṭhā’’ti. Yathā ca dubbisodhanīyatāya evaṃ gambhīraduddasaduranubodhānampi vuttaupamā hīnūpamāva.

    คมฺภีโรปิ ธโมฺม ปฎิปกฺขวิธมเนน สุปากโฎ ภเวยฺย, ปฎิปกฺขวิธมนํ ปน สมฺมาปฎิปตฺติปฎิพทฺธํ, สา สทฺธมฺมสวนาธีนา, ตํ สตฺถริ, ธเมฺม จ ปสาทายตฺตํฯ โส วิเสสโต โลเก สมฺภาวนียสฺส ครุกาตพฺพสฺส อภิปตฺถนาเหตุโกติ ปนาฬิกาย สตฺตานํ ธมฺมสมฺปฎิปตฺติยา พฺรหฺมยาจนาทินิมิตฺตนฺติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ

    Gambhīropi dhammo paṭipakkhavidhamanena supākaṭo bhaveyya, paṭipakkhavidhamanaṃ pana sammāpaṭipattipaṭibaddhaṃ, sā saddhammasavanādhīnā, taṃ satthari, dhamme ca pasādāyattaṃ. So visesato loke sambhāvanīyassa garukātabbassa abhipatthanāhetukoti panāḷikāya sattānaṃ dhammasampaṭipattiyā brahmayācanādinimittanti taṃ dassento ‘‘apicā’’tiādimāha.

    ๖๖. ‘‘อญฺญตโร’’ติ อปฺปญฺญาโต วิย กิญฺจาปิ วุตฺตํ, อถ โข ปากโฎ ปญฺญาโตติ ทเสฺสตุํ ‘‘อิมสฺมิํ จกฺกวาเฬ เชฎฺฐกมหาพฺรหฺมา’’ติ วุตฺตํฯ มหาพฺรหฺมภวเน เชฎฺฐกมหาพฺรหฺมาฯ โส หิ สโกฺก วิย กามเทวโลเก, พฺรหฺมโลเก จ ปากโฎ ปญฺญาโตฯ อุปกฺกิเลสภูตํ อปฺปํ ราคาทิรชํ เอตสฺสาติ อปฺปรชํ, อปฺปรชํ อกฺขิ ปญฺญาจกฺขุ เยสํ เต ตํสภาวาติ กตฺวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปญฺญามเย’’ติอาทิมาหฯ อปฺปํ ราคาทิรชํ เยสํ เต ตํสภาวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อสฺสวนตาติ ‘‘สยํ อภิญฺญา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘, ๔๐๕; ม. นิ. ๑.๑๕๔, ๔๔๔) วิย กรเณ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘อสฺสวนตายา’’ติฯ ทสปุญฺญกิริยวตฺถุวเสนาติ ทานาทิทสวิธวิมุตฺติปริปาจนียปุญฺญกิริยวตฺถูนํ วเสนฯ เตนาห ‘‘กตาธิการา’’ติอาทิฯ ปปญฺจสูทนิยํ ปน ‘‘ทฺวาทสปุญฺญกิริยวเสนา’’ติ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒๘๒) วุตฺตํ, ตํ ทานาทีสุ สรณคมนปรหิตปริณามนทฺวย ปกฺขิปนวเสน วุตฺตํฯ

    66. ‘‘Aññataro’’ti appaññāto viya kiñcāpi vuttaṃ, atha kho pākaṭo paññātoti dassetuṃ ‘‘imasmiṃ cakkavāḷe jeṭṭhakamahābrahmā’’ti vuttaṃ. Mahābrahmabhavane jeṭṭhakamahābrahmā. So hi sakko viya kāmadevaloke, brahmaloke ca pākaṭo paññāto. Upakkilesabhūtaṃ appaṃ rāgādirajaṃ etassāti apparajaṃ, apparajaṃ akkhi paññācakkhu yesaṃ te taṃsabhāvāti katvā apparajakkhajātikāti imamatthaṃ dassetuṃ ‘‘paññāmaye’’tiādimāha. Appaṃ rāgādirajaṃ yesaṃ te taṃsabhāvā apparajakkhajātikāti evamettha attho veditabbo. Assavanatāti ‘‘sayaṃ abhiññā’’tiādīsu (dī. ni. 1.28, 405; ma. ni. 1.154, 444) viya karaṇe paccattavacananti āha ‘‘assavanatāyā’’ti. Dasapuññakiriyavatthuvasenāti dānādidasavidhavimuttiparipācanīyapuññakiriyavatthūnaṃ vasena. Tenāha ‘‘katādhikārā’’tiādi. Papañcasūdaniyaṃ pana ‘‘dvādasapuññakiriyavasenā’’ti (ma. ni. aṭṭha. 2.282) vuttaṃ, taṃ dānādīsu saraṇagamanaparahitapariṇāmanadvaya pakkhipanavasena vuttaṃ.

    ๖๙. ครุฎฺฐานิเยสุ คารววเสน ครุกรปตฺถนา อเชฺฌสนา, สาปิ อตฺถโต ปตฺถนา เอวาติ วุตฺตํ ‘‘ยาจน’’นฺติฯ ปเทสวิสยญาณทสฺสนํ หุตฺวา พุทฺธานํเยว อาเวณิกภาวโต อิทํ ญาณทฺวยํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘อิเมสญฺหิ ทฺวินฺนํ ญาณานํ พุทฺธจกฺขูติ นาม’’นฺติฯ ติณฺณํ มคฺคญาณานนฺติ เหฎฺฐิมานํ ติณฺณํ มคฺคญาณานํ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติ นามํ, จตุสจฺจธมฺมทสฺสนนฺติ กตฺวา ทสฺสนมตฺตภาวโตฯ ยโต ตานิ ญาณานิ วิชฺชูปมาภาเวน วุตฺตานิ, อคฺคมคฺคญาณํ ปน ญาณกิจฺจสฺส สิขาปฺปตฺติยา ทสฺสนมตฺตํ น โหตีติ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติ น วุจฺจตีติฯ ยโต ตํ วชิรูปมาภาเวน วุตฺตํฯ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘อปฺปรชกฺขชาติกา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนวฯ ยสฺมา มนฺทกิเลสา ‘‘อปฺปรชกฺขา’’ติ วุตฺตา, ตสฺมา พหลกิเลสา ‘‘มหารชกฺขา’’ติ เวทิตพฺพาฯ ปฎิปกฺขวิธมนสมตฺถตาย ติกฺขานิ สูรานิ วิสทานิ, วุตฺตวิปริยาเยน มุทูนิฯ สทฺธาทโย อาการาติ สทฺทหนาทิปฺปกาเร วทติฯ สุนฺทราติ กลฺยาณาฯ สโมฺมหวิโนทนิยํ ปน ‘‘เยสํ อาสยาทโย โกฎฺฐาสา สุนฺทรา, เต สฺวาการา’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๘๑๔) วุตฺตํ, ตํ อิมาย อตฺถวณฺณนาย อญฺญทตฺถุ สํสนฺทติ สเมตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยโต สทฺธาสมฺปทาทิวเสน อชฺฌาสยสฺส สุนฺทรตาติ, ตพฺพิปริยายโต อสุนฺทรตาติฯ การณํ นาม ปจฺจยากาโร, สจฺจานิ วาฯ ปรโลกนฺติ สมฺปรายํฯ ตํ ทุกฺขาวหํ วชฺชํ วิย ภยโต ปสฺสิตพฺพนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปรโลกเญฺจว วชฺชญฺจ ภยโต ปสฺสนฺตี’’ติฯ สมฺปตฺติภวโต วา อญฺญตฺตา วิปตฺติภโว ‘‘ปรโลโก’’ติ วุตฺตํ ‘‘ปร…เป.… ปสฺสนฺตี’’ติฯ

    69. Garuṭṭhāniyesu gāravavasena garukarapatthanā ajjhesanā, sāpi atthato patthanā evāti vuttaṃ ‘‘yācana’’nti. Padesavisayañāṇadassanaṃ hutvā buddhānaṃyeva āveṇikabhāvato idaṃ ñāṇadvayaṃ ‘‘buddhacakkhū’’ti vuccatīti āha ‘‘imesañhi dvinnaṃ ñāṇānaṃ buddhacakkhūti nāma’’nti. Tiṇṇaṃ maggañāṇānanti heṭṭhimānaṃ tiṇṇaṃ maggañāṇānaṃ ‘‘dhammacakkhū’’ti nāmaṃ, catusaccadhammadassananti katvā dassanamattabhāvato. Yato tāni ñāṇāni vijjūpamābhāvena vuttāni, aggamaggañāṇaṃ pana ñāṇakiccassa sikhāppattiyā dassanamattaṃ na hotīti ‘‘dhammacakkhū’’ti na vuccatīti. Yato taṃ vajirūpamābhāvena vuttaṃ. Vuttanayenevāti ‘‘apparajakkhajātikā’’ti ettha vuttanayeneva. Yasmā mandakilesā ‘‘apparajakkhā’’ti vuttā, tasmā bahalakilesā ‘‘mahārajakkhā’’ti veditabbā. Paṭipakkhavidhamanasamatthatāya tikkhāni sūrāni visadāni, vuttavipariyāyena mudūni. Saddhādayo ākārāti saddahanādippakāre vadati. Sundarāti kalyāṇā. Sammohavinodaniyaṃ pana ‘‘yesaṃ āsayādayo koṭṭhāsā sundarā, te svākārā’’ti (vibha. aṭṭha. 814) vuttaṃ, taṃ imāya atthavaṇṇanāya aññadatthu saṃsandati sametīti daṭṭhabbaṃ. Yato saddhāsampadādivasena ajjhāsayassa sundaratāti, tabbipariyāyato asundaratāti. Kāraṇaṃ nāma paccayākāro, saccāni vā. Paralokanti samparāyaṃ. Taṃ dukkhāvahaṃ vajjaṃ viya bhayato passitabbanti vuttaṃ ‘‘paralokañceva vajjañca bhayato passantī’’ti. Sampattibhavato vā aññattā vipattibhavo ‘‘paraloko’’ti vuttaṃ ‘‘para…pe… passantī’’ti.

    อยํ ปเนตฺถ ปาฬีติ เอตฺถ ‘‘อปฺปรชกฺขา’’ทิปทานํ อตฺถวิภาวเน อยํ ตสฺส ตถาภาวสาธกปาฬิฯ สทฺธาทีนญฺหิ วิมุตฺติปริปาจกธมฺมานํ พลวภาโว ตปฺปฎิปกฺขานํ ปาปธมฺมานํ ทุพฺพลภาเวเนว โหติ, เตสญฺจ พลวภาโว สทฺธาทีนํ ทุพฺพลภาเวนาติ วิมุตฺติปริปาจกธมฺมานํ สวิเสสํ อตฺถิตานตฺถิตาวเสน ‘‘อปฺปรชกฺขา มหารชกฺขา’’ติ อาทโย ปาฬิยํ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๑) วิภชิตฺวา ทสฺสิตาฯ อิติ สทฺธาทีนํ วเสน ปญฺจ อปฺปรชกฺขา, อสทฺธิยาทีนํ วเสน ปญฺจ มหารชกฺขาฯ เอวํ ติกฺขินฺทฺริยมุทินฺทฺริยาทโยติ วิภาวิตา ปญฺญาส ปุคฺคลาฯ สทฺธาทีนํ ปน อนฺตรเภเทน อเนกเภทา เวทิตพฺพาฯ ขนฺธาทโย เอว ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโก, สมฺปตฺติภวภูโต โลโก สมฺปตฺติภวโลโก, สุคติสงฺขาโต อุปปตฺติภโว, สมฺปตฺติ สมฺภวติ เอเตนาติ สมฺปตฺติสมฺภวโลโก สุคติสํวตฺตนิโย กมฺมภโวฯ ทุคฺคติสงฺขาตอุปปตฺติภวทุคฺคติสํวตฺตนิยกมฺมภวา วิปตฺติภวโลกวิปตฺติสมฺภวโลกาฯ

    Ayaṃpanettha pāḷīti ettha ‘‘apparajakkhā’’dipadānaṃ atthavibhāvane ayaṃ tassa tathābhāvasādhakapāḷi. Saddhādīnañhi vimuttiparipācakadhammānaṃ balavabhāvo tappaṭipakkhānaṃ pāpadhammānaṃ dubbalabhāveneva hoti, tesañca balavabhāvo saddhādīnaṃ dubbalabhāvenāti vimuttiparipācakadhammānaṃ savisesaṃ atthitānatthitāvasena ‘‘apparajakkhā mahārajakkhā’’ti ādayo pāḷiyaṃ (paṭi. ma. 1.111) vibhajitvā dassitā. Iti saddhādīnaṃ vasena pañca apparajakkhā, asaddhiyādīnaṃ vasena pañca mahārajakkhā. Evaṃ tikkhindriyamudindriyādayoti vibhāvitā paññāsa puggalā. Saddhādīnaṃ pana antarabhedena anekabhedā veditabbā. Khandhādayo eva lujjanapalujjanaṭṭhena loko, sampattibhavabhūto loko sampattibhavaloko, sugatisaṅkhāto upapattibhavo, sampatti sambhavati etenāti sampattisambhavaloko sugatisaṃvattaniyo kammabhavo. Duggatisaṅkhātaupapattibhavaduggatisaṃvattaniyakammabhavā vipattibhavalokavipattisambhavalokā.

    ปุน เอกกทุกาทิวเสน โลกํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘เอโก โลโก’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อาหาราทโย หิ ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโกติฯ ตตฺถ ‘‘เอโก โลโก สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๓; อ. นิ. ๑๐.๒๗, ๒๘; ปฎิ. ม. ๑.๒, ๑๑๒, ๒๐๘) ยายํ ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย กถาย สพฺพสงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตา วุตฺตา, ตาย สโพฺพ สงฺขารโลโก เอโก เอกวิโธ ปการนฺตรสฺสาภาวโตฯ ‘‘เทฺว โลกา’’ติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ นามคฺคหเณน เจตฺถ นิพฺพานสฺส อคฺคหณํ ตสฺส อโลกสภาวตฺตาฯ นนุ จ ‘‘อาหารฎฺฐิติกา’’ติ เอตฺถ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย มคฺคผลานมฺปิ โลกตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ ปริเญฺญยฺยานํ ทุกฺขสจฺจธมฺมานํ ‘‘อิธ โลโก’’ติ อธิเปฺปตตฺตาฯ อถ วา น ลุชฺชติ น ปลุชฺชตีติ โย คหิโต, ตถา น โหติ, โส โลโกติ ตํคหณรหิตานํ โลกุตฺตรานํ นตฺถิ โลกตาฯ อุปาทานานํ อารมฺมณภูตา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธาฯ อนุโรธาทิวตฺถุภูตา ลาภาทโย อฎฺฐ โลกธมฺมาฯ ทสายตนานีติ ทส รูปายตนานิ วิวฎฺฎชฺฌาสยสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ ตสฺส จ สพฺพํ เตภูมกกมฺมํ ครหิตพฺพํ, วชฺชิตพฺพญฺจ หุตฺวา อุปฎฺฐาตีติ วุตฺตํ ‘‘สเพฺพ อภิสงฺขารา วชฺชํ, สเพฺพ ภวคามิกมฺมา วชฺช’’นฺติฯ เยสํ ปุคฺคลานํ สทฺธาทโย มนฺทา, เต อิธ ‘‘อสฺสทฺธา’’ติอาทินา วุตฺตาฯ น ปน สเพฺพน สพฺพํ สทฺธาทีนํ อภาวโตติ อปฺปรชกฺขทุกาทีสุ ปญฺจสุ ทุเกสุ เอเกกสฺมิํ ทส ทส กตฺวา ‘‘ปญฺญาสาย อากาเรหิ อิมานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ ชานาตี’’ติ วุตฺตํฯ อถ วา อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปโรปริยตฺตํ ชานาตีติ กตฺวา ตถา วุตฺตํฯ เอตฺถ จ อปฺปรชกฺขาทิวเสน อาวชฺชนฺตสฺส ภควโต เต สตฺตา ปุญฺชปุญฺชาว หุตฺวา อุปฎฺฐหนฺติ, น เอเกกาฯ

    Puna ekakadukādivasena lokaṃ vibhajitvā dassetuṃ ‘‘eko loko’’tiādi vuttaṃ. Āhārādayo hi lujjanapalujjanaṭṭhena lokoti. Tattha ‘‘eko loko sabbe sattā āhāraṭṭhitikā’’ti (dī. ni. 3.303; a. ni. 10.27, 28; paṭi. ma. 1.2, 112, 208) yāyaṃ puggalādhiṭṭhānāya kathāya sabbasaṅkhārānaṃ paccayāyattavuttitā vuttā, tāya sabbo saṅkhāraloko eko ekavidho pakārantarassābhāvato. ‘‘Dve lokā’’tiādīsupi iminā nayena attho veditabbo. Nāmaggahaṇena cettha nibbānassa aggahaṇaṃ tassa alokasabhāvattā. Nanu ca ‘‘āhāraṭṭhitikā’’ti ettha paccayāyattavuttitāya maggaphalānampi lokatā āpajjatīti? Nāpajjati pariññeyyānaṃ dukkhasaccadhammānaṃ ‘‘idha loko’’ti adhippetattā. Atha vā na lujjati na palujjatīti yo gahito, tathā na hoti, so lokoti taṃgahaṇarahitānaṃ lokuttarānaṃ natthi lokatā. Upādānānaṃ ārammaṇabhūtā khandhā upādānakkhandhā. Anurodhādivatthubhūtā lābhādayo aṭṭha lokadhammā. Dasāyatanānīti dasa rūpāyatanāni vivaṭṭajjhāsayassa adhippetattā. Tassa ca sabbaṃ tebhūmakakammaṃ garahitabbaṃ, vajjitabbañca hutvā upaṭṭhātīti vuttaṃ ‘‘sabbe abhisaṅkhārā vajjaṃ, sabbe bhavagāmikammā vajja’’nti. Yesaṃ puggalānaṃ saddhādayo mandā, te idha ‘‘assaddhā’’tiādinā vuttā. Na pana sabbena sabbaṃ saddhādīnaṃ abhāvatoti apparajakkhadukādīsu pañcasu dukesu ekekasmiṃ dasa dasa katvā ‘‘paññāsāya ākārehi imāni pañcindriyāni jānātī’’ti vuttaṃ. Atha vā anvayato, byatirekato ca saddhādīnaṃ indriyānaṃ paropariyattaṃ jānātīti katvā tathā vuttaṃ. Ettha ca apparajakkhādivasena āvajjantassa bhagavato te sattā puñjapuñjāva hutvā upaṭṭhahanti, na ekekā.

    อุปฺปลานิ เอตฺถ สนฺตีติ อุปฺปลินี, คโจฺฉปิ ชลาสโยปิ, อิธ ปน ชลาสโย อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘อุปฺปลวเน’’ติฯ ยานิ อุทกสฺส อโนฺต นิมุคฺคาเนว หุตฺวา ปุสนฺติ วฑฺฒนฺติ, ตานิ อโนฺตนิมุคฺคโปสีนีฯ ทีปิตานีติ อฎฺฐกถายํ ปกาสิตานิ, อิเธว วา ‘‘อญฺญานิปี’’ติอาทินา ทีปิตานิฯ อุคฺฆฎิตญฺญูติ อุคฺฆฎนํ นาม ญาณุคฺฆฎนํ, ญาเณ อุคฺฆฎิตมเตฺต เอว ชานาตีติ อโตฺถฯ วิปญฺจิตํ วิตฺถารเมวมตฺถํ ชานาตีติ วิปญฺจิตญฺญูฯ อุเทฺทสาทีหิ เนตโพฺพติ เนโยฺยฯ สห อุทาหฎเวลายาติ อุทาหาเร ธมฺมสฺส อุเทฺทเส อุทาหฎมเตฺต เอวฯ ธมฺมาภิสมโยติ จตุสจฺจธมฺมสฺส ญาเณน สทฺธิํ อภิสมโยฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’’ติอาทินา นเยน สงฺขิเตฺตน มาติกาย ทีปิยมานาย เทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ สมโตฺถ ‘‘ปุคฺคโล อุคฺฆฎิตญฺญู’’ติ วุจฺจติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ สงฺขิเตฺตน มาติกํ ฐเปตฺวา วิตฺถาเรน อเตฺถ วิภชิยมาเน อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมโตฺถ ‘‘ปุคฺคโล วิปญฺจิตญฺญู’’ติ วุจฺจติฯ อุเทฺทสโตติ อุเทฺทสเหตุ, อุทฺทิสนฺตสฺส, อุทฺทิสาเปนฺตสฺส วาติ อโตฺถฯ ปริปุจฺฉโตติ อตฺถํ ปริปุจฺฉนฺตสฺสฯ อนุปุเพฺพน ธมฺมาภิสมโย โหตีติ อนุกฺกเมน อรหตฺตปฺปโตฺต โหติฯ น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหตีติ เตน อตฺตภาเวน มคฺคํ วา ผลํ วา อนฺตมโส ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา นิพฺพเตฺตตุํ น สโกฺกติฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโมติ อยํ ปุคฺคโล พฺยญฺชนปทเมว ปรมํ อสฺสาติ ‘‘ปทปรโม’’ติ วุจฺจติฯ

    Uppalāni ettha santīti uppalinī, gacchopi jalāsayopi, idha pana jalāsayo adhippetoti āha ‘‘uppalavane’’ti. Yāni udakassa anto nimuggāneva hutvā pusanti vaḍḍhanti, tāni antonimuggaposīnī.Dīpitānīti aṭṭhakathāyaṃ pakāsitāni, idheva vā ‘‘aññānipī’’tiādinā dīpitāni. Ugghaṭitaññūti ugghaṭanaṃ nāma ñāṇugghaṭanaṃ, ñāṇe ugghaṭitamatte eva jānātīti attho. Vipañcitaṃ vitthāramevamatthaṃ jānātīti vipañcitaññū. Uddesādīhi netabboti neyyo. Saha udāhaṭavelāyāti udāhāre dhammassa uddese udāhaṭamatte eva. Dhammābhisamayoti catusaccadhammassa ñāṇena saddhiṃ abhisamayo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ ‘‘cattāro satipaṭṭhānā’’tiādinā nayena saṅkhittena mātikāya dīpiyamānāya desanānusārena ñāṇaṃ pesetvā arahattaṃ gaṇhituṃ samattho ‘‘puggalo ugghaṭitaññū’’ti vuccati. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ saṅkhittena mātikaṃ ṭhapetvā vitthārena atthe vibhajiyamāne arahattaṃ pāpuṇituṃ samattho ‘‘puggalo vipañcitaññū’’ti vuccati. Uddesatoti uddesahetu, uddisantassa, uddisāpentassa vāti attho. Paripucchatoti atthaṃ paripucchantassa. Anupubbenadhammābhisamayo hotīti anukkamena arahattappatto hoti. Na tāya jātiyā dhammābhisamayo hotīti tena attabhāvena maggaṃ vā phalaṃ vā antamaso jhānaṃ vā vipassanaṃ vā nibbattetuṃ na sakkoti. Ayaṃ vuccati puggalo padaparamoti ayaṃ puggalo byañjanapadameva paramaṃ assāti ‘‘padaparamo’’ti vuccati.

    เยติ เย ทุวิเธ ปุคฺคเล สนฺธาย วุตฺตํ วิภเงฺค กมฺมาวรเณนาติ ปญฺจวิเธน อานนฺตริยกเมฺมนฯ วิปากาวรเณนาติ อเหตุกปฎิสนฺธิยาฯ ยสฺมา ทุเหตุกานมฺปิ อริยมคฺคปฎิเวโธ นตฺถิ, ตสฺมา ทุเหตุกปฎิสนฺธิปิ ‘‘วิปากาวรณเมวา’’ติ เวทิตพฺพาฯ กิเลสาวรเณนาติ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิยาฯ อสฺสทฺธาติ พุทฺธาทีสุ สทฺธา รหิตาฯ อจฺฉนฺทิกาติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทรหิตา, อุตฺตรกุรุกา มนุสฺสา อจฺฉนฺทิกฎฺฐานํ ปวิฎฺฐาฯ ทุปฺปญฺญาติ ภวงฺคปญฺญาย ปริหีนา, ภวงฺคปญฺญาย ปน ปริปุณฺณายปิ ยสฺส ภวงฺคํ โลกุตฺตรสฺส ปจฺจโย น โหติ, โสปิ ทุปฺปโญฺญ เอว นามฯ อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตนฺติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตนิยามสงฺขาตํ อริยมคฺคํ โอกฺกมิตุํ อธิคนฺตุํ อภพฺพาฯ ‘‘น กมฺมาวรเณนา’’ติอาทีนิ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพานิฯ

    Yeti ye duvidhe puggale sandhāya vuttaṃ vibhaṅge kammāvaraṇenāti pañcavidhena ānantariyakammena. Vipākāvaraṇenāti ahetukapaṭisandhiyā. Yasmā duhetukānampi ariyamaggapaṭivedho natthi, tasmā duhetukapaṭisandhipi ‘‘vipākāvaraṇamevā’’ti veditabbā. Kilesāvaraṇenāti niyatamicchādiṭṭhiyā. Assaddhāti buddhādīsu saddhā rahitā. Acchandikāti kattukamyatākusalacchandarahitā, uttarakurukā manussā acchandikaṭṭhānaṃ paviṭṭhā. Duppaññāti bhavaṅgapaññāya parihīnā, bhavaṅgapaññāya pana paripuṇṇāyapi yassa bhavaṅgaṃ lokuttarassa paccayo na hoti, sopi duppañño eva nāma. Abhabbā niyāmaṃ okkamituṃ kusalesu dhammesusammattanti kusalesu dhammesu sammattaniyāmasaṅkhātaṃ ariyamaggaṃ okkamituṃ adhigantuṃ abhabbā. ‘‘Na kammāvaraṇenā’’tiādīni vuttavipariyāyena veditabbāni.

    ‘‘ราคจริตา’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถทีปนิยํ [ปรมตฺถมญฺชูสายํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายนฺติ ภวิตพฺพํ –

    ‘‘Rāgacaritā’’tiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ paramatthadīpaniyaṃ [paramatthamañjūsāyaṃ visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyanti bhavitabbaṃ –

    ‘‘สา เอสา ปรมตฺถานํ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;

    ‘‘Sā esā paramatthānaṃ, tattha tattha yathārahaṃ;

    นิธานโต ปรมตฺถ-มญฺชูสา นาม นามโต’’ติฯ (วิสุทฺธิมคฺคมหาฎีกาย นิคมเน สยเมว วุตฺตตฺตา)] วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ;

    Nidhānato paramattha-mañjūsā nāma nāmato’’ti. (visuddhimaggamahāṭīkāya nigamane sayameva vuttattā)] visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ vuttanayena veditabbaṃ;

    ๗๐. อารพฺภาติ อตฺตโน อธิเปฺปตสฺส อตฺถสฺส ภควโต ชานาปนํ อุทฺทิสฺสาติ อโตฺถฯ เสโล ปพฺพโต อุโจฺจ โหติ ถิโร จ, น ปํสุปพฺพโต, มิสฺสกปพฺพโต วาติ อาห ‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนี’’ติฯ ธมฺมมยํ ปาสาทนฺติ โลกุตฺตรธมฺมมาหฯ โส หิ ปพฺพตสทิโส จ โหติ สพฺพธเมฺม อติกฺกมฺม อพฺภุคฺคตเฎฺฐน ปาสาทสทิโส จ, ปญฺญาปริยาโย วา อิธ ธมฺม-สโทฺท ฯ สา หิ อพฺภุคฺคตเฎฺฐน ปาสาโทติ อภิธเมฺม (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๖) นิทฺทิฎฺฐาฯ ตถา จาห –

    70.Ārabbhāti attano adhippetassa atthassa bhagavato jānāpanaṃ uddissāti attho. Selo pabbato ucco hoti thiro ca, na paṃsupabbato, missakapabbato vāti āha ‘‘sele yathā pabbatamuddhanī’’ti. Dhammamayaṃ pāsādanti lokuttaradhammamāha. So hi pabbatasadiso ca hoti sabbadhamme atikkamma abbhuggataṭṭhena pāsādasadiso ca, paññāpariyāyo vā idha dhamma-saddo . Sā hi abbhuggataṭṭhena pāsādoti abhidhamme (dha. sa. aṭṭha. 16) niddiṭṭhā. Tathā cāha –

    ‘‘ปญฺญาปาสาทมารุยฺห, อโสโก โสกินิํ ปชํ;

    ‘‘Paññāpāsādamāruyha, asoko sokiniṃ pajaṃ;

    ปพฺพตโฎฺฐว ภูมเฎฺฐ, ธีโร พาเล อเวกฺขตี’’ติฯ (ธ. ป. ๒๘);

    Pabbataṭṭhova bhūmaṭṭhe, dhīro bāle avekkhatī’’ti. (dha. pa. 28);

    ‘‘ยถา หี’’ติอาทีสุ ยถา ปพฺพเต ฐตฺวา รตฺตนฺธกาเร เหฎฺฐา โอโลเกนฺตสฺส ปุริสสฺส เขเตฺต เกทารปาฬิกุฎิโย, ตตฺถ สยิตมนุสฺสา จ น ปญฺญายนฺติ อนุชฺชลภาวโตฯ กุฎิกาสุ ปน อคฺคิชาลา ปญฺญายติ อุชฺชลภาวโต เอวํ ธมฺมปาสาทมารุยฺห สตฺตโลกํ โอโลกยโต ภควโต ญาณสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ อกตกลฺยาณา สตฺตา ญาณคฺคินา อนุชฺชลภาวโต, อนุฬารภาวโต จ รตฺติํ ขิตฺตา สรา วิย โหนฺติฯ กตกลฺยาณา ปน ภพฺพปุคฺคลา ทูเร ฐิตาปิ ภควโต ญาณสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ ปริปกฺกญาณคฺคิตาย สมุชฺชลภาวโต, อุฬารสนฺตานตาย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จาติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาฯ

    ‘‘Yathā hī’’tiādīsu yathā pabbate ṭhatvā rattandhakāre heṭṭhā olokentassa purisassa khette kedārapāḷikuṭiyo, tattha sayitamanussā ca na paññāyanti anujjalabhāvato. Kuṭikāsu pana aggijālā paññāyati ujjalabhāvato evaṃ dhammapāsādamāruyha sattalokaṃ olokayato bhagavato ñāṇassa āpāthaṃ nāgacchanti akatakalyāṇā sattā ñāṇagginā anujjalabhāvato, anuḷārabhāvato ca rattiṃ khittā sarā viya honti. Katakalyāṇā pana bhabbapuggalā dūre ṭhitāpi bhagavato ñāṇassa āpāthaṃ āgacchanti paripakkañāṇaggitāya samujjalabhāvato, uḷārasantānatāya himavantapabbato viya cāti evaṃ yojanā veditabbā.

    อุเฎฺฐหีติ ตฺวํ ธมฺมเทสนาย อโปฺปสฺสุกฺกตาสงฺขาตสโงฺกจาปตฺติโต กิลาสุภาวโต อุฎฺฐหฯ วีริยวนฺตตายาติ สาติสย จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยวนฺตตายฯ วีรสฺส หิ ภาโว, กมฺมํ วา วีริยํฯ กิเลสมารสฺส วิย มจฺจุมารสฺสปิ อายติํ อสมฺภวโต ‘‘มจฺจุกิเลสมาราน’’นฺติ วุตฺตํฯ อภิสงฺขารมารวิชยสฺส อคฺคหณํ กิเลสมารวิชเยเนว ตพฺพิชยสฺส โชติตภาวโตฯ วาหนสมตฺถตายาติ สํสารมหากนฺตารโต นิพฺพานสงฺขาตํ เขมปฺปเทสํ สมฺปาปนสมตฺถตายฯ

    Uṭṭhehīti tvaṃ dhammadesanāya appossukkatāsaṅkhātasaṅkocāpattito kilāsubhāvato uṭṭhaha. Vīriyavantatāyāti sātisaya catubbidhasammappadhānavīriyavantatāya. Vīrassa hi bhāvo, kammaṃ vā vīriyaṃ. Kilesamārassa viya maccumārassapi āyatiṃ asambhavato ‘‘maccukilesamārāna’’nti vuttaṃ. Abhisaṅkhāramāravijayassa aggahaṇaṃ kilesamāravijayeneva tabbijayassa jotitabhāvato. Vāhanasamatthatāyāti saṃsāramahākantārato nibbānasaṅkhātaṃ khemappadesaṃ sampāpanasamatthatāya.

    ๗๑. ‘‘อปารุตํ เตสํ อมตสฺส ทฺวาร’’นฺติ เกจิ ปฐนฺติฯ นิพฺพานสฺส ทฺวารํ ปวิสนมโคฺค วิวริตฺวา ฐปิโต มหากรุณูปนิสฺสเยน สยมฺภุญาเณน อธิคตตฺตาฯ สทฺธํ ปมุญฺจนฺตูติ สทฺธํ ปเวเทนฺตุ, อตฺตโน สทฺทหนาการํ อุปฎฺฐาเปนฺตูติ อโตฺถฯ สุเขน อกิเจฺฉน ปวตฺตนียตาย สุปฺปวตฺติตํฯ น ภาสิํ น ภาสิสฺสามีติ จิเนฺตสิฯ

    71. ‘‘Apārutaṃ tesaṃ amatassa dvāra’’nti keci paṭhanti. Nibbānassa dvāraṃ pavisanamaggo vivaritvā ṭhapito mahākaruṇūpanissayena sayambhuñāṇena adhigatattā. Saddhaṃ pamuñcantūti saddhaṃ pavedentu, attano saddahanākāraṃ upaṭṭhāpentūti attho. Sukhena akicchena pavattanīyatāya suppavattitaṃ. Na bhāsiṃ na bhāsissāmīti cintesi.

    อคฺคสาวกยุควณฺณนา

    Aggasāvakayugavaṇṇanā

    ๗๓. สลฺลปิตฺวาติ ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต อาวุโส อินฺทฺริยานี’’ติอาทินา (มหาว. ๖๐) อาลาปสลฺลาปํ กตฺวาฯ ตญฺหิสฺส อปรภาเค สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมนสฺส ปจฺจโย อโหสิฯ

    73.Sallapitvāti ‘‘vippasannāni kho te āvuso indriyānī’’tiādinā (mahāva. 60) ālāpasallāpaṃ katvā. Tañhissa aparabhāge satthu santikaṃ upasaṅkamanassa paccayo ahosi.

    ๗๕-๖. อนุปุพฺพิํ กถนฺติ อนุปุพฺพิยา อนุปุพฺพํ กเถตพฺพํ กถํฯ กา ปน สาติ? ทานาทิกถาฯ ตตฺถ ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุ ปวตฺติยา สพฺพสาธารณตฺตา, สุกรตฺตา, สีเล ปติฎฺฐานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโต กถิตาฯ ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฎฺฐิโต โหติฯ สีเลน ทายกปฎิคฺคาหกวิสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต, กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต, โภคสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กถิตา, ตเญฺจ ทานสีลํ วฎฺฎนิสฺสิตํ, อยํ ภวสมฺปตฺติ ตสฺส ผลนฺติ ทสฺสนตฺถํ, อิเมหิ จ ทานสีลมเยหิ ปณีตปณีตตราทิเภทภิเนฺนหิ ปุญฺญกิริยวตฺถูหิ เอตา จาตุมหาราชิกาทีสุ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺนา อปริเมยฺยา ทิพฺพโภคภวสมฺปตฺติโย โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สคฺคกถํฯ วตฺวา อยํ สโคฺค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิโฎฺฐ, สพฺพทา อนุปกฺกิลิโฎฺฐ อริยมโคฺคติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มคฺคกถา กเถตพฺพาฯ มคฺคญฺจ กเถเนฺตน ตทธิคมุปายทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ, ปเคว อิตเร สเพฺพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา, อนิจฺจา อธุวา, วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโว, หีนา, คมฺมา, โปถุชฺชนิกา, อนริยา, อนตฺถสญฺหิตาติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโว, สเพฺพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโส, สพฺพโส กิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขเมฺม อานิสํโส จ กเถตโพฺพติ อยมโตฺถ มคฺคนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สเทฺทน อาทิอตฺถโชตเกน โพธิโตติ เวทิตพฺพํฯ

    75-6.Anupubbiṃkathanti anupubbiyā anupubbaṃ kathetabbaṃ kathaṃ. Kā pana sāti? Dānādikathā. Tattha dānakathā tāva pacurajanesu pavattiyā sabbasādhāraṇattā, sukarattā, sīle patiṭṭhānassa upāyabhāvato ca ādito kathitā. Pariccāgasīlo hi puggalo pariggahavatthūsu nissaṅgabhāvato sukheneva sīlāni samādiyati, tattha ca suppatiṭṭhito hoti. Sīlena dāyakapaṭiggāhakavisuddhito parānuggahaṃ vatvā parapīḷānivattivacanato, kiriyadhammaṃ vatvā akiriyadhammavacanato, bhogasampattihetuṃ vatvā bhavasampattihetuvacanato ca dānakathānantaraṃ sīlakathā kathitā, tañce dānasīlaṃ vaṭṭanissitaṃ, ayaṃ bhavasampatti tassa phalanti dassanatthaṃ, imehi ca dānasīlamayehi paṇītapaṇītatarādibhedabhinnehi puññakiriyavatthūhi etā cātumahārājikādīsu paṇītapaṇītatarādibhedabhinnā aparimeyyā dibbabhogabhavasampattiyo hontīti dassanatthaṃ tadanantaraṃ saggakathaṃ. Vatvā ayaṃ saggo rāgādīhi upakkiliṭṭho, sabbadā anupakkiliṭṭho ariyamaggoti dassanatthaṃ saggānantaraṃ maggakathā kathetabbā. Maggañca kathentena tadadhigamupāyadassanatthaṃ saggapariyāpannāpi, pageva itare sabbepi kāmā nāma bahvādīnavā, aniccā adhuvā, vipariṇāmadhammāti kāmānaṃ ādīnavo, hīnā, gammā, pothujjanikā, anariyā, anatthasañhitāti tesaṃ okāro lāmakabhāvo, sabbepi bhavā kilesānaṃ vatthubhūtāti tattha saṃkileso, sabbaso kilesavippamuttaṃ nibbānanti nekkhamme ānisaṃso ca kathetabboti ayamattho maggantīti ettha iti-saddena ādiatthajotakena bodhitoti veditabbaṃ.

    สุขานํ นิทานนฺติ ทิฎฺฐธมฺมิกานํ, สมฺปรายิกานํ, นิพฺพานปฎิสํยุตฺตานญฺจาติ สเพฺพสมฺปิ สุขานํ การณํฯ ยญฺหิ กิญฺจิ โลเก โภคสุขํ นาม, ตํ สพฺพํ ทานนิทานนฺติ ปากโฎ ยมโตฺถฯ ยํ ปน ตํ ฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานปฎิสํยุตฺตํ สุขํ, ตสฺสาปิ ทานํ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติเยวฯ สมฺปตฺตีนํ มูลนฺติ ยา อิมา โลเก ปเทสรชฺชํ สิริสฺสริยํ สตฺตรตนสมุชฺชลจกฺกวตฺติสมฺปทาติ เอวํปเภทา มานุสิกา สมฺปตฺติโย, ยา จ จาตุมหาราชิกจาตุมหาราชาทิเภทา ทิพฺพสมฺปตฺติโย, ยา วา ปนญฺญาปิ สมฺปตฺติโย, ตาสํ สพฺพาสํ อิทํ ทานํ นาม มูลํ การณํฯ โภคานนฺติ ภุญฺชิตพฺพเฎฺฐน ‘‘โภโค’’ติ ลทฺธนามานํ มนาปิยรูปาทีนํ, ตนฺนิสฺสยานญฺจ อุปโภคสุขานํฯ อวสฺสยเฎฺฐน ปติฎฺฐาฯ วิสมคตสฺสาติ พฺยสนปฺปตฺตสฺสฯ ตาณนฺติ รกฺขา ตโต ปริปาลนโตฯ เลณนฺติ พฺยสเนหิ ปริปาจิยมานสฺส โอลียนปเทโสฯ คตีติ คนฺตพฺพฎฺฐานํฯ ปรายณนฺติ ปฎิสรณํฯ อวสฺสโยติ วินิปติตุํ อเทโนฺต นิสฺสโยฯ อารมฺมณนฺติ โอลุพฺภารมฺมณํฯ

    Sukhānaṃ nidānanti diṭṭhadhammikānaṃ, samparāyikānaṃ, nibbānapaṭisaṃyuttānañcāti sabbesampi sukhānaṃ kāraṇaṃ. Yañhi kiñci loke bhogasukhaṃ nāma, taṃ sabbaṃ dānanidānanti pākaṭo yamattho. Yaṃ pana taṃ jhānavipassanāmaggaphalanibbānapaṭisaṃyuttaṃ sukhaṃ, tassāpi dānaṃ upanissayapaccayo hotiyeva. Sampattīnaṃ mūlanti yā imā loke padesarajjaṃ sirissariyaṃ sattaratanasamujjalacakkavattisampadāti evaṃpabhedā mānusikā sampattiyo, yā ca cātumahārājikacātumahārājādibhedā dibbasampattiyo, yā vā panaññāpi sampattiyo, tāsaṃ sabbāsaṃ idaṃ dānaṃ nāma mūlaṃ kāraṇaṃ. Bhogānanti bhuñjitabbaṭṭhena ‘‘bhogo’’ti laddhanāmānaṃ manāpiyarūpādīnaṃ, tannissayānañca upabhogasukhānaṃ. Avassayaṭṭhena patiṭṭhā. Visamagatassāti byasanappattassa. Tāṇanti rakkhā tato paripālanato. Leṇanti byasanehi paripāciyamānassa olīyanapadeso. Gatīti gantabbaṭṭhānaṃ. Parāyaṇanti paṭisaraṇaṃ. Avassayoti vinipatituṃ adento nissayo. Ārammaṇanti olubbhārammaṇaṃ.

    รตนมยสีหาสนสทิสนฺติ สพฺพรตนมยสตฺตงฺคมหาสีหาสนสทิสํ มหคฺฆํ หุตฺวา สพฺพโส วินิปติตุํ อปฺปทานโตฯ มหาปถวิสทิสํ คตคตฎฺฐาเน ปติฎฺฐาย ลภาปนโตฯ อาลมฺพนรชฺชุสทิสนฺติ ยถา ทุพฺพลสฺส ปุริสสฺส อาลมฺพนรชฺชุ อุตฺติฎฺฐโต, ติฎฺฐโต จ อุปตฺถโมฺภ, เอวํ ทานํ สตฺตานํ สมฺปตฺติภเว อุปฺปตฺติยา, ฐิติยา จ ปจฺจยภาวโตฯ ทุกฺขนิตฺถรณเฎฺฐนาติ ทุคฺคติทุกฺขนิตฺถรณเฎฺฐนฯ สมสฺสาสนเฎฺฐนาติ โลภมจฺฉริยาทิปฎิสตฺตุปทฺทวโต สมฺมเทว อสฺสาสนเฎฺฐนฯ ภยปริตฺตาณเฎฺฐนาติ ทาลิทฺทิยภยโต ปริปาลนเฎฺฐนฯ มเจฺฉรมลาทีหีติ มเจฺฉรโลภโทสอิสฺสาวิจิกิจฺฉาทิฎฺฐิ อาทิจิตฺตมเลหิฯ อนุปลิตฺตเฎฺฐนาติ อนุปกฺกิลิฎฺฐตายฯ เตสนฺติ มเจฺฉรมลาทิกจวรานํฯ เอเตหิ เอว ทุราสทเฎฺฐนฯ อสนฺตาสนเฎฺฐนาติ อนภิภวนียตาย สนฺตาสาภาเวนฯ โย หิ ทายโก ทานปติ, โส สมฺปติปิ กุโตจิ น ภายติ, ปเคว อายติํฯ ธมฺมสีเสน ปุคฺคโล วุโตฺตฯ พลวนฺตเฎฺฐนาติ มหาพลวตายฯ ทายโก หิ ทานปติ สมฺปติ ปกฺขพเลน พลวา โหติ, อายติํ ปน กายพลาทีหิปิฯ อภิมงฺคลสมฺมตเฎฺฐนาติ ‘‘วฑฺฒิการณ’’นฺติ อภิสมฺมตภาเวนฯ วิปตฺติภวโต สมฺปตฺติภวูปนยนํ เขมนฺตภูมิสมฺปาปนํ, ภวสงฺคามโต โยคเกฺขมสมฺปาปนญฺจ เขมนฺตภูมิสมฺปาปนโฎฺฐฯ

    Ratanamayasīhāsanasadisanti sabbaratanamayasattaṅgamahāsīhāsanasadisaṃ mahagghaṃ hutvā sabbaso vinipatituṃ appadānato. Mahāpathavisadisaṃ gatagataṭṭhāne patiṭṭhāya labhāpanato. Ālambanarajjusadisanti yathā dubbalassa purisassa ālambanarajju uttiṭṭhato, tiṭṭhato ca upatthambho, evaṃ dānaṃ sattānaṃ sampattibhave uppattiyā, ṭhitiyā ca paccayabhāvato. Dukkhanittharaṇaṭṭhenāti duggatidukkhanittharaṇaṭṭhena. Samassāsanaṭṭhenāti lobhamacchariyādipaṭisattupaddavato sammadeva assāsanaṭṭhena. Bhayaparittāṇaṭṭhenāti dāliddiyabhayato paripālanaṭṭhena. Maccheramalādīhīti maccheralobhadosaissāvicikicchādiṭṭhi ādicittamalehi. Anupalittaṭṭhenāti anupakkiliṭṭhatāya. Tesanti maccheramalādikacavarānaṃ. Etehi eva durāsadaṭṭhena. Asantāsanaṭṭhenāti anabhibhavanīyatāya santāsābhāvena. Yo hi dāyako dānapati, so sampatipi kutoci na bhāyati, pageva āyatiṃ. Dhammasīsena puggalo vutto. Balavantaṭṭhenāti mahābalavatāya. Dāyako hi dānapati sampati pakkhabalena balavā hoti, āyatiṃ pana kāyabalādīhipi. Abhimaṅgalasammataṭṭhenāti ‘‘vaḍḍhikāraṇa’’nti abhisammatabhāvena. Vipattibhavato sampattibhavūpanayanaṃ khemantabhūmisampāpanaṃ, bhavasaṅgāmato yogakkhemasampāpanañca khemantabhūmisampāpanaṭṭho.

    อิทานิ ทานํ วฎฺฎคตา อุกฺกํสปฺปตฺตา สมฺปตฺติโย วิย วิวฎฺฎคตาปิ ตา สมฺปาเทตีติ โพธิจริยภาเวนปิ ทานคุเณ ทเสฺสตุํ ‘‘ทานญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺติโย อตฺตหิตาย เอว, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ ปน อตฺตหิตาย, ปรหิตาย จาติ ทเสฺสตุํ สา ตาสํ ปรโต วุตฺตา, เอตา โลกิยา, อิมา ปน โลกุตฺตราติ ทเสฺสตุํ ตโต ปรํ ‘‘สาวกปารมีญาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาปิ อุกฺกฎฺฐุกฺกฎฺฐตรุกฺกฎฺฐตมาติ ทเสฺสตุํ กเมน ญาณตฺตยํ วุตฺตํฯ เตสํ ปน ทานสฺส ปจฺจยภาโว เหฎฺฐา วุโตฺต เอวฯ เอเตเนวสฺส พฺรหฺมสมฺปตฺติยาปิ ปจฺจยภาโว ทีปิโตติ เวทิตโพฺพฯ

    Idāni dānaṃ vaṭṭagatā ukkaṃsappattā sampattiyo viya vivaṭṭagatāpi tā sampādetīti bodhicariyabhāvenapi dānaguṇe dassetuṃ ‘‘dānañhī’’tiādi vuttaṃ. Tattha sakkamārabrahmasampattiyo attahitāya eva, cakkavattisampatti pana attahitāya, parahitāya cāti dassetuṃ sā tāsaṃ parato vuttā, etā lokiyā, imā pana lokuttarāti dassetuṃ tato paraṃ ‘‘sāvakapāramīñāṇa’’ntiādi vuttaṃ. Tatthāpi ukkaṭṭhukkaṭṭhatarukkaṭṭhatamāti dassetuṃ kamena ñāṇattayaṃ vuttaṃ. Tesaṃ pana dānassa paccayabhāvo heṭṭhā vutto eva. Etenevassa brahmasampattiyāpi paccayabhāvo dīpitoti veditabbo.

    ทานญฺจ นาม ทกฺขิเณเยฺยสุ หิตชฺฌาสเยน วา ปูชนชฺฌาสเยน วา อตฺตโน สนฺตกสฺส ปเรสํ ปริจฺจชนํ, ตสฺมา ทายโก สเตฺตสุ เอกนฺตหิตชฺฌาสโย ปุริสปุคฺคโล, โส ‘‘ปเรสํ หิํสติ, ปเรสํ วา สนฺตกํ หรตี’’ติ อฎฺฐานเมตนฺติ อาห ‘‘ทานํ ททโนฺต สีลํ สมาทาตุํ สโกฺกตี’’ติฯ สีลสทิโส อลงฺกาโร นตฺถีติ อกิตฺติมํ หุตฺวา สพฺพกาลํ โสภาวิเสสาวหตฺตาฯ สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สีลคนฺธสทิโส คโนฺธ นตฺถีติ เอตฺถ ‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปี’’ติอาทิกา (ธ. ป. ๕๕) คาถา, ‘‘คโนฺธ อิสีนํ จิรทิกฺขิตานํ, กายา จุโต คจฺฉติ มาลุเตนา’’ติอาทิกา (ชา. ๒.๑๗.๕๕) จ วตฺตพฺพา ฯ สีลญฺหิ สตฺตานํ อาภรณเญฺจว อลงฺกาโร จ คนฺธวิเลปนญฺจ ปรสฺส ทสฺสนียภาวาวหญฺจฯ เตนาห ‘‘สีลาลงฺกาเรน หี’’ติอาทิฯ

    Dānañca nāma dakkhiṇeyyesu hitajjhāsayena vā pūjanajjhāsayena vā attano santakassa paresaṃ pariccajanaṃ, tasmā dāyako sattesu ekantahitajjhāsayo purisapuggalo, so ‘‘paresaṃ hiṃsati, paresaṃ vā santakaṃ haratī’’ti aṭṭhānametanti āha ‘‘dānaṃ dadanto sīlaṃ samādātuṃ sakkotī’’ti. Sīlasadiso alaṅkāro natthīti akittimaṃ hutvā sabbakālaṃ sobhāvisesāvahattā. Sīlapupphasadisaṃ pupphaṃ natthīti etthāpi eseva nayo. Sīlagandhasadiso gandho natthīti ettha ‘‘candanaṃ tagaraṃ vāpī’’tiādikā (dha. pa. 55) gāthā, ‘‘gandho isīnaṃ ciradikkhitānaṃ, kāyā cuto gacchati mālutenā’’tiādikā (jā. 2.17.55) ca vattabbā . Sīlañhi sattānaṃ ābharaṇañceva alaṅkāro ca gandhavilepanañca parassa dassanīyabhāvāvahañca. Tenāha ‘‘sīlālaṅkārena hī’’tiādi.

    ‘‘อยํ สโคฺค ลพฺภตี’’ติ อิทํ มชฺฌิเมหิ ฉนฺทาทีหิ อารทฺธํ สีลํ สนฺธายาหฯ เตนาห สโกฺก เทวราชา –

    ‘‘Ayaṃ saggo labbhatī’’ti idaṃ majjhimehi chandādīhi āraddhaṃ sīlaṃ sandhāyāha. Tenāha sakko devarājā –

    ‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;

    ‘‘Hīnena brahmacariyena, khattiye upapajjati;

    มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติฯ (ชา. ๒.๒๒.๔๒๙);

    Majjhimena ca devattaṃ, uttamena visujjhatī’’ti. (jā. 2.22.429);

    อิโฎฺฐติ สุโข, กโนฺตติ กมนีโย, มนาโปติ มนวฑฺฒนโก, ตํ ปนสฺส อิฎฺฐาทิภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘นิจฺจเมตฺถ กีฬา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นิจฺจนฺติ สพฺพกาลํ กีฬาติ กามูปสํหิตา สุขวิหาราฯ สมฺปตฺติโยติ โภคสมฺปตฺติโยฯ ทิพฺพนฺติ ทิพฺพภวํ เทวโลกปริยาปนฺนํฯ สุขนฺติ กายิกํ, เจตสิกญฺจ สุขํฯ ทิพฺพสมฺปตฺตินฺติ ทิพฺพภวํ อายุสมฺปตฺติํ, วณฺณยสอิสฺสริยสมฺปตฺติํ, รูปาทิสมฺปตฺติญฺจฯ เอวมาทีติ อาทิ-สเทฺทน ยามาทีหิ อนุภวิตพฺพํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ วทติฯ

    Iṭṭhoti sukho, kantoti kamanīyo, manāpoti manavaḍḍhanako, taṃ panassa iṭṭhādibhāvaṃ dassetuṃ ‘‘niccamettha kīḷā’’tiādi vuttaṃ. Niccanti sabbakālaṃ kīḷāti kāmūpasaṃhitā sukhavihārā. Sampattiyoti bhogasampattiyo. Dibbanti dibbabhavaṃ devalokapariyāpannaṃ. Sukhanti kāyikaṃ, cetasikañca sukhaṃ. Dibbasampattinti dibbabhavaṃ āyusampattiṃ, vaṇṇayasaissariyasampattiṃ, rūpādisampattiñca. Evamādīti ādi-saddena yāmādīhi anubhavitabbaṃ dibbasampattiṃ vadati.

    อปฺปสฺสาทาติ นิรสฺสาทา ปณฺฑิเตหิ ยถาภูตํ ปสฺสเนฺตหิ ตตฺถ อสฺสาเทตพฺพตาภาวโตฯ พหุทุกฺขาติ มหาทุกฺขา สมฺปติ, อายติญฺจ วิปุลทุกฺขานุพนฺธตฺตาฯ พหุปายาสาติ อเนกวิธปริสฺสยาฯ เอตฺถาติ กาเมสุฯ ภิโยฺยติ พหุํฯ โทโสติ อนิจฺจตาทินา, อปฺปสฺสาทตาทินา จ ทูสิตภาโว, ยโต เต วิญฺญูนํ จิตฺตํ นาราเธนฺติฯ อถ วา อาทีนํ วาติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, ปรมกปณตา, ตถา จ กามา ยถาภูตํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ ปจฺจุปติฎฺฐนฺติฯ ลามกภาโวติ นิหีนภาโว อเสเฎฺฐหิ เสวิตพฺพตฺตา, เสเฎฺฐหิ น เสวิตพฺพตฺตา จฯ สํกิลิสฺสนนฺติ วิพาเธตพฺพตา อุปตาเปตพฺพตาฯ เนกฺขเมฺม อานิสํสนฺติ เอตฺถ ยตฺตกา กาเมสุ อาทีนวา, ตปฺปฎิปกฺขโต ตตฺตกา เนกฺขเมฺม อานิสํสาฯ อปิ จ ‘‘เนกฺขมฺมํ นาเมตํ อสมฺพาธํ อสํกิลิฎฺฐํ, นิกฺขนฺตํ กาเมหิ, นิกฺขนฺตํ กามสญฺญาย, นิกฺขนฺตํ กามวิตเกฺกหิ, นิกฺขนฺตํ กามปริฬาเหหิ, นิกฺขนฺตํ พฺยาปาทโต’’ติอาทินา (สารตฺถ. ฎี. ๓.๒๖ มหาวเคฺค) นเยน เนกฺขเมฺม อานิสํเส ปกาเสสิ, ปพฺพชฺชาย, ฌานาทีสุ จ คุเณ วิภาเวสิ วเณฺณสิฯ

    Appassādāti nirassādā paṇḍitehi yathābhūtaṃ passantehi tattha assādetabbatābhāvato. Bahudukkhāti mahādukkhā sampati, āyatiñca vipuladukkhānubandhattā. Bahupāyāsāti anekavidhaparissayā. Etthāti kāmesu. Bhiyyoti bahuṃ. Dosoti aniccatādinā, appassādatādinā ca dūsitabhāvo, yato te viññūnaṃ cittaṃ nārādhenti. Atha vā ādīnaṃ vāti pavattatīti ādīnavo, paramakapaṇatā, tathā ca kāmā yathābhūtaṃ paccavekkhantānaṃ paccupatiṭṭhanti. Lāmakabhāvoti nihīnabhāvo aseṭṭhehi sevitabbattā, seṭṭhehi na sevitabbattā ca. Saṃkilissananti vibādhetabbatā upatāpetabbatā. Nekkhamme ānisaṃsanti ettha yattakā kāmesu ādīnavā, tappaṭipakkhato tattakā nekkhamme ānisaṃsā. Api ca ‘‘nekkhammaṃ nāmetaṃ asambādhaṃ asaṃkiliṭṭhaṃ, nikkhantaṃ kāmehi, nikkhantaṃ kāmasaññāya, nikkhantaṃ kāmavitakkehi, nikkhantaṃ kāmapariḷāhehi, nikkhantaṃ byāpādato’’tiādinā (sārattha. ṭī. 3.26 mahāvagge) nayena nekkhamme ānisaṃse pakāsesi, pabbajjāya, jhānādīsu ca guṇe vibhāvesi vaṇṇesi.

    วุตฺตนยนฺติ เอตฺถ ยํ อวุตฺตนยํ ‘‘กลฺลจิเตฺต’’ติอาทิ, ตตฺถ กลฺลจิเตฺตติ กมฺมนิยจิเตฺต, เหฎฺฐา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมกฺขมจิเตฺตติ อโตฺถฯ อสฺสทฺธิยาทโย หิ ยสฺมา จิตฺตสฺส โรคภูตา ตทา เต วิคตา, ตสฺมา อโรคจิเตฺตติ อโตฺถฯ ทิฎฺฐิมานาทิกิเลสวิคมเนน มุทุจิเตฺตฯ กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิเตฺตฯ สมฺมาปฎิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิเตฺตฯ ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิเตฺตฯ ยทา จ ภควา อญฺญาสีติ สมฺพโนฺธฯ อถ วา กลฺลจิเตฺตติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิเตฺตฯ มุทุจิเตฺตติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกถินจิเตฺตฯ วินีวรณจิเตฺตติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน วิเกฺขปสฺส วิคตตฺตา เตน อปิหิตจิเตฺตฯ อุทคฺคจิเตฺตติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหิตวเสน อลีนจิเตฺตฯ ปสนฺนจิเตฺตติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฎิปตฺติยํ อธิมุตฺตจิเตฺต, เอวเมฺปตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Vuttanayanti ettha yaṃ avuttanayaṃ ‘‘kallacitte’’tiādi, tattha kallacitteti kammaniyacitte, heṭṭhā pavattitadesanāya assaddhiyādīnaṃ cittadosānaṃ vigatattā uparidesanāya bhājanabhāvūpagamanena kammakkhamacitteti attho. Assaddhiyādayo hi yasmā cittassa rogabhūtā tadā te vigatā, tasmā arogacitteti attho. Diṭṭhimānādikilesavigamanena muducitte. Kāmacchandādivigamena vinīvaraṇacitte. Sammāpaṭipattiyaṃ uḷārapītipāmojjayogena udaggacitte. Tattha saddhāsampattiyā pasannacitte. Yadā ca bhagavā aññāsīti sambandho. Atha vā kallacitteti kāmacchandavigamena arogacitte. Muducitteti byāpādavigamena mettāvasena akathinacitte. Vinīvaraṇacitteti uddhaccakukkuccavigamena vikkhepassa vigatattā tena apihitacitte. Udaggacitteti thinamiddhavigamena sampaggahitavasena alīnacitte. Pasannacitteti vicikicchāvigamena sammāpaṭipattiyaṃ adhimuttacitte, evampettha attho veditabbo.

    ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทินา อุปมาวเสน เนสํ สํกิเลสปฺปหานํ, อริยมคฺคุปฺปาทญฺจ ทเสฺสติฯ อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํฯ สมฺมเทวาติ สุฎฺฐุ เอวฯ รชนนฺติ นีลปีตาทิรงฺคชาตํฯ ปฎิคฺคเณฺหยฺยาติ คเณฺหยฺย ปภสฺสรํ ภเวยฺยฯ ตสฺมิํเยว อาสเนติ ติสฺสเมว นิสชฺชายํ, เอเตน เนสํ ลหุวิปสฺสกตา, ติกฺขปญฺญตา, สุขปฎิปทาขิปฺปาภิญฺญตา จ ทสฺสิตา โหติฯ วิรชนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ วิคเมน วิรชํฯ อนวเสสทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉามลาปคมเนน วีตมลํฯ ปฐมมคฺควชฺฌกิเลสรชาภาเวน วา วิรชํฯ ปญฺจวิธทุสฺสีลฺยมลาปคมเนน วีตมลํฯ ธมฺมจกฺขุนฺติ พฺรหฺมายุสุเตฺต (ม. นิ. ๒.๓๘๓) เหฎฺฐิมา ตโย มคฺคา วุตฺตา, จูฬราหุโลวาเท (ม. นิ. ๓.๔๑๖) อาสวกฺขโย, อิธ ปน โสตาปตฺติมโคฺค อธิเปฺปโตฯ ‘‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนนฺติฯ นนุ จ มคฺคญาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณํ, น สงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ? สจฺจเมตํฯ ยสฺมา ตํ นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจวเสน สพฺพสงฺขตํ ปฎิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตถา วุตฺตํฯ

    ‘‘Seyyathāpī’’tiādinā upamāvasena nesaṃ saṃkilesappahānaṃ, ariyamagguppādañca dasseti. Apagatakāḷakanti vigatakāḷakaṃ. Sammadevāti suṭṭhu eva. Rajananti nīlapītādiraṅgajātaṃ. Paṭiggaṇheyyāti gaṇheyya pabhassaraṃ bhaveyya. Tasmiṃyeva āsaneti tissameva nisajjāyaṃ, etena nesaṃ lahuvipassakatā, tikkhapaññatā, sukhapaṭipadākhippābhiññatā ca dassitā hoti. Virajanti apāyagamanīyarāgarajādīnaṃ vigamena virajaṃ. Anavasesadiṭṭhivicikicchāmalāpagamanena vītamalaṃ. Paṭhamamaggavajjhakilesarajābhāvena vā virajaṃ. Pañcavidhadussīlyamalāpagamanena vītamalaṃ. Dhammacakkhunti brahmāyusutte (ma. ni. 2.383) heṭṭhimā tayo maggā vuttā, cūḷarāhulovāde (ma. ni. 3.416) āsavakkhayo, idha pana sotāpattimaggo adhippeto. ‘‘Yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti tassa uppattiākāradassananti. Nanu ca maggañāṇaṃ asaṅkhatadhammārammaṇaṃ, na saṅkhatadhammārammaṇanti? Saccametaṃ. Yasmā taṃ nirodhaṃ ārammaṇaṃ katvā kiccavasena sabbasaṅkhataṃ paṭivijjhantaṃ uppajjati, tasmā tathā vuttaṃ.

    ‘‘สุทฺธํ วตฺถ’’นฺติ นิทสฺสิตอุปมายํ อิทํ อุปมาสํสนฺทนํ วตฺถํ วิย จิตฺตํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฎฺฐภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฎฺฐภาโว , โธวนสิลา วิย อนุปุพฺพิกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเก เตเมตฺวา อูสโคมยฉาริกาภเรหิ กาฬกปเทเส สมุจฺฉินฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปโยโค วิย สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา เตเมตฺวา สติสมาธิปญฺญาหิ โทเส สิถิลี กตฺวา สุตาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารโมฺภ, เตน ปโยเคน วเตฺถ นานากาฬกาปคโม วิย วีริยารเมฺภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมโคฺค, เตน สุทฺธสฺส วตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มเคฺคน ปริโยทปนนฺติฯ ‘‘ทิฎฺฐธมฺมา’’ติ วตฺวา ทสฺสนํ นาม ญาณทสฺสนโต อญฺญมฺปิ อตฺถีติ ตํ นิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺมา’’ติ วุตฺตํฯ ปตฺติ จ ญาณสมฺปตฺติโต อญฺญมฺปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺมา’’ติ วุตฺตํฯ สา ปน วิทิตธมฺมตา ธเมฺมสุ เอกเทเสนาปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺมา’’ติ วุตฺตํ, เตน เนสํ สจฺจาภิสโมฺพธิํเยว วิภาเวติฯ มคฺคญาณญฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริญฺญาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทสโตว จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาหนฺตํ ปฎิวิชฺฌตีติฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ

    ‘‘Suddhaṃ vattha’’nti nidassitaupamāyaṃ idaṃ upamāsaṃsandanaṃ vatthaṃ viya cittaṃ, vatthassa āgantukamalehi kiliṭṭhabhāvo viya cittassa rāgādimalehi saṃkiliṭṭhabhāvo , dhovanasilā viya anupubbikathā, udakaṃ viya saddhā, udake temetvā ūsagomayachārikābharehi kāḷakapadese samucchinditvā vatthassa dhovanapayogo viya saddhāsinehena temetvā temetvā satisamādhipaññāhi dose sithilī katvā sutādividhinā cittassa sodhane vīriyārambho, tena payogena vatthe nānākāḷakāpagamo viya vīriyārambhena kilesavikkhambhanaṃ, raṅgajātaṃ viya ariyamaggo, tena suddhassa vatthassa pabhassarabhāvo viya vikkhambhitakilesassa cittassa maggena pariyodapananti. ‘‘Diṭṭhadhammā’’ti vatvā dassanaṃ nāma ñāṇadassanato aññampi atthīti taṃ nivattanatthaṃ ‘‘pattadhammā’’ti vuttaṃ. Patti ca ñāṇasampattito aññampi vijjatīti tato visesadassanatthaṃ ‘‘viditadhammā’’ti vuttaṃ. Sā pana viditadhammatā dhammesu ekadesenāpi hotīti nippadesato viditabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘pariyogāḷhadhammā’’ti vuttaṃ, tena nesaṃ saccābhisambodhiṃyeva vibhāveti. Maggañāṇañhi ekābhisamayavasena pariññādikiccaṃ sādhentaṃ nippadesatova catusaccadhammaṃ samantato ogāhantaṃ paṭivijjhatīti. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayameva.

    ๗๗. จีวรทานาทีนีติ จีวราทิปริกฺขารทานํ สนฺธายาหฯ โย หิ จีวราทิเก อฎฺฐ ปริกฺขาเร, ปตฺตจีวรเมว วา โสตาปนฺนาทิอริยสฺส, ปุถุชฺชนเสฺสว วา สีลสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา ‘‘อิทํ ปริกฺขารทานํ อนาคเต เอหิภิกฺขุภาวาย ปจฺจโย โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฎฺฐเปสิ, ตสฺส จ สติ อธิการสมฺปตฺติยํ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว อิทฺธิมยปริกฺขารลาภาย สํวตฺตตีติ เวทิตพฺพํฯ วสฺสสติกเตฺถรา วิย อากปฺปสมฺปนฺนาติ อธิปฺปาโยฯ

    77.Cīvaradānādīnīti cīvarādiparikkhāradānaṃ sandhāyāha. Yo hi cīvarādike aṭṭha parikkhāre, pattacīvarameva vā sotāpannādiariyassa, puthujjanasseva vā sīlasampannassa datvā ‘‘idaṃ parikkhāradānaṃ anāgate ehibhikkhubhāvāya paccayo hotū’’ti patthanaṃ paṭṭhapesi, tassa ca sati adhikārasampattiyaṃ buddhānaṃ sammukhībhāve iddhimayaparikkhāralābhāya saṃvattatīti veditabbaṃ. Vassasatikattherā viya ākappasampannāti adhippāyo.

    สนฺทเสฺสสีติ สุฎฺฐุ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ทเสฺสสิฯ อิธโลกตฺถนฺติ อิธโลกภูตํ ขนฺธปญฺจกสงฺขาตมตฺถํฯ ปรโลกตฺถนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ทเสฺสสีติ สามญฺญลกฺขณโต, สลกฺขณโต จ ทเสฺสสิฯ เตนาห ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ หุตฺวา อภาวโต อนิจฺจนฺติ ทเสฺสสิฯ อุทยพฺพยปฎิปีฬนโต ทุกฺขนฺติ ทเสฺสสิฯ อวสวตฺตนโต อนตฺตาติ ทเสฺสสิฯ อิเม รุปฺปนาทิลกฺขณา ปญฺจกฺขนฺธาติ ราสเฎฺฐน ขเนฺธ ทเสฺสสิฯ อิเม จกฺขาทิสภาวา นิสฺสตฺตนิชฺชีวเฎฺฐน อฎฺฐารส ธาตุโยติ ทเสฺสสิฯ อิมานิ จกฺขาทิสภาวาเนว ทฺวารารมฺมณภูตานิ ทฺวาทส อายตนานีติ ทเสฺสสิฯ อิเม อวิชฺชาทโย ชรามรณปริโยสานา ทฺวาทส ปจฺจยธมฺมา ปฎิจฺจสมุปฺปาโทติ ทเสฺสสิฯ รูปกฺขนฺธสฺส เหฎฺฐา วุตฺตนเยน ปจฺจยโต จตฺตาริ, ขณโต เอกนฺติ อิมานิ ปญฺจ ลกฺขณานิ ทเสฺสสิฯ ตถาติ อิมินา ‘‘ปญฺจ ลกฺขณานี’’ติ ปทํ อากฑฺฒติฯ ทเสฺสโนฺตติ อิติ-สโทฺท นิทสฺสนโตฺถ, เอวนฺติ อโตฺถฯ นิรยนฺติ อฎฺฐมหานิรยโสฬสอุสฺสทนิรยปฺปเภทํ สพฺพโส นิรยํ ทเสฺสสิฯ ติรจฺฉานโยนินฺติ อปททฺวิปทจตุปฺปทพหุปฺปทาทิเภทํ มิคปสุปกฺขิสรีสปาทิวิภาคํ นานาวิธํ ติรจฺฉานโลกํฯ เปตฺติวิสยนฺติ ขุปฺปิปาสิกวนฺตาสิกปรทตฺตูปชีวินิชฺฌามตณฺหิกาทิเภทภินฺนํ นานาวิธํ เปตสตฺตโลกํฯ อสุรกายนฺติ กาลกญฺจิกาสุรนิกายํฯ เอวํ ตาว ทุคฺคติภูตํ ปรโลกตฺถํ วตฺวา อิทานิ สุคติภูตํ วตฺตุํ ‘‘ติณฺณํ กุสลานํ วิปาก’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เวหปฺผเล สุภกิเณฺณเยว สงฺคเหตฺวา อสญฺญีสุ, อรูปีสุ จ สมฺปตฺติยา ทเสฺสตพฺพาย อภาวโต ทุวิเญฺญยฺยตาย ‘‘นวนฺนํ พฺรหฺมโลกาน’’เนฺตฺวว วุตฺตํฯ

    Sandassesīti suṭṭhu paccakkhaṃ katvā dassesi. Idhalokatthanti idhalokabhūtaṃ khandhapañcakasaṅkhātamatthaṃ. Paralokatthanti etthāpi eseva nayo. Dassesīti sāmaññalakkhaṇato, salakkhaṇato ca dassesi. Tenāha ‘‘anicca’’ntiādi. Tattha hutvā abhāvato aniccanti dassesi. Udayabbayapaṭipīḷanato dukkhanti dassesi. Avasavattanato anattāti dassesi. Ime ruppanādilakkhaṇā pañcakkhandhāti rāsaṭṭhena khandhe dassesi. Ime cakkhādisabhāvā nissattanijjīvaṭṭhena aṭṭhārasa dhātuyoti dassesi. Imāni cakkhādisabhāvāneva dvārārammaṇabhūtāni dvādasa āyatanānīti dassesi. Ime avijjādayo jarāmaraṇapariyosānā dvādasa paccayadhammā paṭiccasamuppādoti dassesi. Rūpakkhandhassa heṭṭhā vuttanayena paccayato cattāri, khaṇato ekanti imāni pañca lakkhaṇāni dassesi. Tathāti iminā ‘‘pañca lakkhaṇānī’’ti padaṃ ākaḍḍhati. Dassentoti iti-saddo nidassanattho, evanti attho. Nirayanti aṭṭhamahānirayasoḷasaussadanirayappabhedaṃ sabbaso nirayaṃ dassesi. Tiracchānayoninti apadadvipadacatuppadabahuppadādibhedaṃ migapasupakkhisarīsapādivibhāgaṃ nānāvidhaṃ tiracchānalokaṃ. Pettivisayanti khuppipāsikavantāsikaparadattūpajīvinijjhāmataṇhikādibhedabhinnaṃ nānāvidhaṃ petasattalokaṃ. Asurakāyanti kālakañcikāsuranikāyaṃ. Evaṃ tāva duggatibhūtaṃ paralokatthaṃ vatvā idāni sugatibhūtaṃ vattuṃ ‘‘tiṇṇaṃ kusalānaṃ vipāka’’ntiādi vuttaṃ. Vehapphale subhakiṇṇeyeva saṅgahetvā asaññīsu, arūpīsu ca sampattiyā dassetabbāya abhāvato duviññeyyatāya ‘‘navannaṃ brahmalokāna’’ntveva vuttaṃ.

    คณฺหาเปสีติ เต ธเมฺม สมาทิเนฺน การาเปสิฯ

    Gaṇhāpesīti te dhamme samādinne kārāpesi.

    สมุเตฺตชนํ นาม สมาทินฺนธมฺมานํ ยถา อนุปการกา ธมฺมา ปริหายนฺติ, ปหียนฺติ จ, อุปการกา ธมฺมา ปริวฑฺฒนฺติ, วิสุชฺฌนฺติ จ, ตถา เนสํ อุสฺสาหุปฺปาทนนฺติ อาห ‘‘อพฺภุสฺสาเหสี’’ติฯ ยถา ปน ตํ อุสฺสาหุปฺปาทนํ โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิธโลกตฺถเญฺจวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตาเสตฺวา ตาเสตฺวาติ ปริพฺยตฺตภาวาปาทเนน เตเชตฺวา เตเชตฺวาฯ อธิคตํ วิย กตฺวาติ เยสํ กเถติ, เตหิ ตมตฺถํ ปจฺจกฺขโต อนุภุยฺยมานํ วิย กตฺวาฯ เวเนยฺยานญฺหิ พุเทฺธหิ ปกาสิยมาโน อโตฺถ ปจฺจกฺขโตปิ ปากฎตโร หุตฺวา อุปฎฺฐาติฯ ตถา หิ ภควา เอวํ โถมียติ –

    Samuttejanaṃ nāma samādinnadhammānaṃ yathā anupakārakā dhammā parihāyanti, pahīyanti ca, upakārakā dhammā parivaḍḍhanti, visujjhanti ca, tathā nesaṃ ussāhuppādananti āha ‘‘abbhussāhesī’’ti. Yathā pana taṃ ussāhuppādanaṃ hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘idhalokatthañcevā’’tiādi vuttaṃ. Tāsetvā tāsetvāti paribyattabhāvāpādanena tejetvā tejetvā. Adhigataṃ viya katvāti yesaṃ katheti, tehi tamatthaṃ paccakkhato anubhuyyamānaṃ viya katvā. Veneyyānañhi buddhehi pakāsiyamāno attho paccakkhatopi pākaṭataro hutvā upaṭṭhāti. Tathā hi bhagavā evaṃ thomīyati –

    ‘‘อาทิโตฺตปิ อยํ โลโก, เอกาทสหิ อคฺคิภิ;

    ‘‘Ādittopi ayaṃ loko, ekādasahi aggibhi;

    น ตถา ยาติ สํเวคํ, สโมฺมหปลิคุณฺฐิโตฯ

    Na tathā yāti saṃvegaṃ, sammohapaliguṇṭhito.

    สุตฺวาทีนวสญฺญุตฺตํ, ยถา วาจํ มเหสิโน;

    Sutvādīnavasaññuttaṃ, yathā vācaṃ mahesino;

    ปจฺจกฺขโตปิ พุทฺธานํ, วจนํ สุฎฺฐุ ปากฎ’’นฺติฯ

    Paccakkhatopi buddhānaṃ, vacanaṃ suṭṭhu pākaṭa’’nti.

    เตนาห ‘‘ทฺวตฺติํสกมฺมการณปญฺจวีสติมหาภยปฺปเภทญฺหี’’ติอาทิฯ ทฺวตฺติํสกมฺมการณานิ ‘‘หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๗๘) ทุกฺขกฺขนฺธสุเตฺต อาคตนเยน เวทิตพฺพานิฯ ปญฺจวีสติมหาภยานิ ‘‘ชาติภยํ ชราภยํ พฺยาธิภยํ มรณภย’’นฺติอาทินา (จูฬนิ. ๑๒๓) ตตฺถ ตตฺถ สุเตฺต อาคตนเยน เวทิตพฺพานิฯ อาฆาตนภณฺฑิกา อธิกุฎฺฎนกฬิงฺครํ, ยํ ‘‘อจฺจาธาน’’นฺติปิ วุจฺจติฯ

    Tenāha ‘‘dvattiṃsakammakāraṇapañcavīsatimahābhayappabhedañhī’’tiādi. Dvattiṃsakammakāraṇāni ‘‘hatthampi chindantī’’tiādinā (ma. ni. 1.178) dukkhakkhandhasutte āgatanayena veditabbāni. Pañcavīsatimahābhayāni ‘‘jātibhayaṃ jarābhayaṃ byādhibhayaṃ maraṇabhaya’’ntiādinā (cūḷani. 123) tattha tattha sutte āgatanayena veditabbāni. Āghātanabhaṇḍikā adhikuṭṭanakaḷiṅgaraṃ, yaṃ ‘‘accādhāna’’ntipi vuccati.

    ปฎิลทฺธคุเณน โจเทสีติ ‘‘ตํตํคุณาธิคเมน อยมฺปิ ตุเมฺหหิ ปฎิลโทฺธ, อานิสํโส อยมฺปี’’ติ ปจฺจกฺขโต ทเสฺสโนฺต ‘‘กิํ อิโต ปุเพฺพ เอวรูปํ อตฺถี’’ติ โจเทโนฺต วิย อโหสิฯ เตนาห ‘‘มหานิสํสํ กตฺวา กเถสี’’ติฯ

    Paṭiladdhaguṇena codesīti ‘‘taṃtaṃguṇādhigamena ayampi tumhehi paṭiladdho, ānisaṃso ayampī’’ti paccakkhato dassento ‘‘kiṃ ito pubbe evarūpaṃ atthī’’ti codento viya ahosi. Tenāha ‘‘mahānisaṃsaṃ katvā kathesī’’ti.

    ตปฺปจฺจยญฺจ กิลมถนฺติ สงฺขารปวตฺติเหตุกํ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สตฺตสนฺตาเน อุปฺปชฺชนกปริสฺสมํ สํวิฆาตํ วิเหสํฯ อิธาติ เหฎฺฐา ปฐมมคฺคาธิคมตฺถาย กถายฯ สพฺพสงฺขารูปสมภาวโต สนฺตํฯ อติตฺติกรปรมสุขตาย ปณีตํฯ สกลสํสารพฺยสนโต ตายนเตฺถน ตาณํฯ ตโต นิพฺพินฺทหทยานํ นิลียนฎฺฐานตาย เลณํฯ อาทิ-สเทฺทน คติปฎิสรณํ ปรมสฺสาโสติ เอวมาทีนํ สงฺคโหฯ

    Tappaccayañca kilamathanti saṅkhārapavattihetukaṃ tasmiṃ tasmiṃ sattasantāne uppajjanakaparissamaṃ saṃvighātaṃ vihesaṃ. Idhāti heṭṭhā paṭhamamaggādhigamatthāya kathāya. Sabbasaṅkhārūpasamabhāvato santaṃ. Atittikaraparamasukhatāya paṇītaṃ. Sakalasaṃsārabyasanato tāyanatthena tāṇaṃ. Tato nibbindahadayānaṃ nilīyanaṭṭhānatāya leṇaṃ. Ādi-saddena gatipaṭisaraṇaṃ paramassāsoti evamādīnaṃ saṅgaho.

    มหาชนกายปพฺพชฺชาวณฺณนา

    Mahājanakāyapabbajjāvaṇṇanā

    ๘๐. สงฺฆปฺปโหนกานํ ภิกฺขูนํ อภาวา ‘‘สงฺฆสฺส อปริปุณฺณตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ เทฺว อคฺคสาวกา เอว หิ ตทา อเหสุํฯ

    80. Saṅghappahonakānaṃ bhikkhūnaṃ abhāvā ‘‘saṅghassa aparipuṇṇattā’’ti vuttaṃ. Dve aggasāvakā eva hi tadā ahesuṃ.

    จาริกาอนุชานนวณฺณนา

    Cārikāanujānanavaṇṇanā

    ๘๖. ‘‘กทา อุทปาที’’ติ ปุจฺฉํ ‘‘สโมฺพธิโต’’ติอาทินา สเงฺขปโต วิสฺสเชฺชตฺวา ปุน ตํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘ภควา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปิตุ สงฺคหํ กโรโนฺต วิหาสิ สโมฺพธิโต ‘‘สตฺต สํวจฺฉรานิ สตฺต มาเส สตฺต ทิวเส’’ติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธ, ตญฺจ โข เวเนยฺยานํ ตทา อภาวโตฯ กิลเญฺชหิ พหิ ฉาทาเปตฺวา, วเตฺถหิ อโนฺต ปฎิจฺฉาทาเปตฺวา, อุปริ จ วเตฺถหิ ฉาทาเปตฺวา, ตสฺส เหฎฺฐา สุวณฺณ…เป.… วิตานํ การาเปตฺวาฯ มาลาวจฺฉเกติ ปุปฺผมาลาหิ วจฺฉากาเรน เวฐิเตฯ คนฺธนฺตเรติ จาฎิภริตคนฺธสฺส อนฺตเรฯ ปุปฺผานีติ จาฎิอาทิภริตานิ ชลชปุปฺผานิ เจว จโงฺกตกาทิภริตานิ ถลชปุปฺผานิ จฯ

    86. ‘‘Kadā udapādī’’ti pucchaṃ ‘‘sambodhito’’tiādinā saṅkhepato vissajjetvā puna taṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘bhagavā kirā’’tiādi vuttaṃ. Pitu saṅgahaṃ karonto vihāsi sambodhito ‘‘satta saṃvaccharāni satta māse satta divase’’ti ānetvā sambandho, tañca kho veneyyānaṃ tadā abhāvato. Kilañjehi bahi chādāpetvā, vatthehi anto paṭicchādāpetvā, upari ca vatthehi chādāpetvā, tassa heṭṭhā suvaṇṇa…pe… vitānaṃ kārāpetvā. Mālāvacchaketi pupphamālāhi vacchākārena veṭhite. Gandhantareti cāṭibharitagandhassa antare. Pupphānīti cāṭiādibharitāni jalajapupphāni ceva caṅkotakādibharitāni thalajapupphāni ca.

    กามญฺจายํ ราชา พุทฺธปิตา, ตถาปิ พุทฺธา นาม โลกครุโน, น เต เกนจิ วเส วเตฺตตพฺพา, อถ โข เต เอว ปเร อตฺตโน วเส วเตฺตนฺติ, ตสฺมา ราชา ‘‘นาหํ ภิกฺขุสงฺฆํ เทมี’’ติ อาหฯ

    Kāmañcāyaṃ rājā buddhapitā, tathāpi buddhā nāma lokagaruno, na te kenaci vase vattetabbā, atha kho te eva pare attano vase vattenti, tasmā rājā ‘‘nāhaṃ bhikkhusaṅghaṃ demī’’ti āha.

    ทานมุขนฺติ ทานกรณูปายํ, ทานวตฺตนฺติ อโตฺถฯ น ทานิ เม อนุญฺญาตาติ อิทานิ เม ทานํ น อนุญฺญาตา, โน น อนุชานนฺตีติ อโตฺถฯ

    Dānamukhanti dānakaraṇūpāyaṃ, dānavattanti attho. Na dāni me anuññātāti idāni me dānaṃ na anuññātā, no na anujānantīti attho.

    ปริตสฺสนชีวิตนฺติ ทุกฺขชีวิกา ทาลิทฺทิยนฺติ อโตฺถฯ

    Paritassanajīvitanti dukkhajīvikā dāliddiyanti attho.

    สเพฺพสํ ภิกฺขูนํ ปโหสีติ ภควโต อฎฺฐสฎฺฐิ จ ภิกฺขุสตสหสฺสานํ ภาคโต ทาตุํ ปโหสิ, น สเพฺพสํ ปริยตฺตภาเวนฯ เตนาห ‘‘เสนาปติปิ อตฺตโน เทยฺยธมฺมํ อทาสี’’ติฯ เชฎฺฐิกฎฺฐาเนติ เชฎฺฐิกเทวิฎฺฐาเนฯ

    Sabbesaṃ bhikkhūnaṃ pahosīti bhagavato aṭṭhasaṭṭhi ca bhikkhusatasahassānaṃ bhāgato dātuṃ pahosi, na sabbesaṃ pariyattabhāvena. Tenāha ‘‘senāpatipi attano deyyadhammaṃ adāsī’’ti. Jeṭṭhikaṭṭhāneti jeṭṭhikadeviṭṭhāne.

    ตเถว กตฺวาติ จรปุริเส ฐเปตฺวาฯ สุจินฺติ สุทฺธํฯ ปณีตนฺติ อุฬารํ, ภาวนปุํสกเญฺจตํ ‘‘เอกมนฺต’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๒) วิยฯ ภญฺชิตฺวาติ มทฺทิตฺวา, ปีเฬตฺวาติ อโตฺถฯ ชาติสปฺปิขีราทีหิเยวาติ อโนฺตชาตสปฺปิขีราทีหิเยว, อมฺหากเมว คาวิอาทิโต คหิตสปฺปิอาทีหิเยวาติ อโตฺถฯ

    Tathevakatvāti carapurise ṭhapetvā. Sucinti suddhaṃ. Paṇītanti uḷāraṃ, bhāvanapuṃsakañcetaṃ ‘‘ekamanta’’ntiādīsu (pārā. 2) viya. Bhañjitvāti madditvā, pīḷetvāti attho. Jātisappikhīrādīhiyevāti antojātasappikhīrādīhiyeva, amhākameva gāviādito gahitasappiādīhiyevāti attho.

    ๙๐. ปราปวาทํ, ปราปการํ, สีตุณฺหาทิเภทญฺจ คุณาปราธํ ขมติ สหติ อธิวาเสตีติ ขนฺติฯ สา ปน ยสฺมา สีลาทีนํ ปฎิปกฺขธเมฺม สวิเสสํ ตปติ สนฺตปติ วิธมตีติ ปรมํ อุตฺตมํ ตโปฯ เตนาห ‘‘อธิวาสนขนฺติ นาม ปรมํ ตโป’’ติฯ ‘‘อธิวาสนขนฺตี’’ติ อิมินา ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติโต วิเสเสติฯ ติติกฺขนํ ขมนํ ติติกฺขาฯอกฺขรจินฺตกา หิ ขมายํ ติติกฺขา-สทฺทํ วเณฺณนฺติฯ เตเนวาห ‘‘ขนฺติยา เอว เววจน’’นฺติอาทิฯ สพฺพากาเรนาติ สนฺตปณีตนิปุณสิวเขมาทินา สพฺพปฺปกาเรนฯ โส ปพฺพชิโต นาม น โหติ ปพฺพาชิตพฺพธมฺมสฺส อปพฺพาชนโตฯ ตเสฺสว ตติยปทสฺส เววจนํ อนตฺถนฺตรตฺตาฯ

    90. Parāpavādaṃ, parāpakāraṃ, sītuṇhādibhedañca guṇāparādhaṃ khamati sahati adhivāsetīti khanti. Sā pana yasmā sīlādīnaṃ paṭipakkhadhamme savisesaṃ tapati santapati vidhamatīti paramaṃ uttamaṃ tapo. Tenāha ‘‘adhivāsanakhanti nāma paramaṃ tapo’’ti. ‘‘Adhivāsanakhantī’’ti iminā dhammanijjhānakkhantito viseseti. Titikkhanaṃ khamanaṃ titikkhā.Akkharacintakā hi khamāyaṃ titikkhā-saddaṃ vaṇṇenti. Tenevāha ‘‘khantiyā eva vevacana’’ntiādi. Sabbākārenāti santapaṇītanipuṇasivakhemādinā sabbappakārena. So pabbajito nāma na hoti pabbājitabbadhammassa apabbājanato. Tasseva tatiyapadassa vevacanaṃ anatthantarattā.

    ‘‘น หี’’ติอาทินา ตํ เอวตฺถํ วิวรติฯ อุตฺตมเตฺถน ปรมนฺติ วุจฺจติ ปร-สทฺทสฺส เสฎฺฐวาจกตฺตา, ‘‘ปุคฺคลปโรปรญฺญู’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๖๘; เนตฺติ. ๑๑๘) วิยฯ ปรนฺติ อญฺญํฯ อิทานิ ปร-สทฺทํ อญฺญปริยายเมว คเหตฺวา อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ มลสฺสาติ ปาปมลสฺสฯ อปพฺพาชิตตฺตาติ อนีหฎตฺตา อนิรากตตฺตา ฯ สมิตตฺตาติ นิโรธิตตฺตา เตสํ ปาปธมฺมานํฯ ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ สมโณติ ปวุจฺจตี’’ติ หิ วุตฺตํฯ

    ‘‘Na hī’’tiādinā taṃ evatthaṃ vivarati. Uttamatthena paramanti vuccati para-saddassa seṭṭhavācakattā, ‘‘puggalaparoparaññū’’tiādīsu (a. ni. 7.68; netti. 118) viya. Paranti aññaṃ. Idāni para-saddaṃ aññapariyāyameva gahetvā atthaṃ dassetuṃ ‘‘atha vā’’tiādi vuttaṃ. Malassāti pāpamalassa. Apabbājitattāti anīhaṭattā anirākatattā . Samitattāti nirodhitattā tesaṃ pāpadhammānaṃ. ‘‘Samitattā hi pāpānaṃ samaṇoti pavuccatī’’ti hi vuttaṃ.

    อปิจ ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสโนฺต ปาติโมกฺขกถาย จ สีลปธานตฺตา สีลสฺส จ วิเสสโต โทโส ปฎิปโกฺขติ ตสฺส นิคฺคณฺหนวิธิํ ทเสฺสตุํ อาทิโต ‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป’’ติ อาห, เตน อนิฎฺฐสฺส ปฎิหนนูปาโย วุโตฺต, ติติกฺขาคหเณน ปน อิฎฺฐสฺส, ตทุภเยนปิ อุปฺปนฺนํ รติํ อภิภุยฺย วิหรตีติ อยมโตฺถ ทสฺสิโตติฯ ตณฺหาวานสฺส วูปสมนโต นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธาฯ ตตฺถ ขนฺติคฺคหเณน ปโยควิปตฺติยา อภาโว ทสฺสิโต, ติติกฺขาคหเณน อาสยวิปตฺติยา อภาโวฯ ตถา ขนฺติคฺคหเณน ปราปราธสหตา, ติติกฺขาคหเณน ปเรสุ อนปรชฺฌนา ทสฺสิตาฯ เอวํ การณมุเขน อนฺวยโต ปาติโมกฺขํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ พฺยติเรกโต ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํ, เตน ยถา สตฺตานํ ชีวิตา โวโรปนํ, ปาณิเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ วิพาธนญฺจ ‘‘ปรูปฆาโต, ปรวิเหฐน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ เตสํ มูลสาปเตยฺยาวหรณํ, ทารปรามสนํ, วิสํวาทนํ, อญฺญมญฺญเภทนํ, ผรุสวจเนน มมฺมฆฎฺฎนํ, นิรตฺถกวิปฺปลาโป , ปรสนฺตกคิชฺฌนํ, อุเจฺฉทวินฺทนํ, มิจฺฉาภินิเวสนญฺจอุปฆาโต, วิเหฐนญฺจ โหตีติ ยสฺส กสฺสจิ อกุสลสฺส กมฺมปถสฺส, กมฺมสฺส จ กรเณน ปพฺพชิโต, สมโณ จ น โหตีติ ทเสฺสติฯ

    Apica bhagavā bhikkhūnaṃ pātimokkhaṃ uddisanto pātimokkhakathāya ca sīlapadhānattā sīlassa ca visesato doso paṭipakkhoti tassa niggaṇhanavidhiṃ dassetuṃ ādito ‘‘khantī paramaṃ tapo’’ti āha, tena aniṭṭhassa paṭihananūpāyo vutto, titikkhāgahaṇena pana iṭṭhassa, tadubhayenapi uppannaṃ ratiṃ abhibhuyya viharatīti ayamattho dassitoti. Taṇhāvānassa vūpasamanato nibbānaṃ paramaṃ vadanti buddhā. Tattha khantiggahaṇena payogavipattiyā abhāvo dassito, titikkhāgahaṇena āsayavipattiyā abhāvo. Tathā khantiggahaṇena parāparādhasahatā, titikkhāgahaṇena paresu anaparajjhanā dassitā. Evaṃ kāraṇamukhena anvayato pātimokkhaṃ dassetvā idāni byatirekato taṃ dassetuṃ ‘‘na hī’’tiādi vuttaṃ, tena yathā sattānaṃ jīvitā voropanaṃ, pāṇileḍḍudaṇḍādīhi vibādhanañca ‘‘parūpaghāto, paraviheṭhana’’nti vuccati, evaṃ tesaṃ mūlasāpateyyāvaharaṇaṃ, dāraparāmasanaṃ, visaṃvādanaṃ, aññamaññabhedanaṃ, pharusavacanena mammaghaṭṭanaṃ, niratthakavippalāpo , parasantakagijjhanaṃ, ucchedavindanaṃ, micchābhinivesanañcaupaghāto, viheṭhanañca hotīti yassa kassaci akusalassa kammapathassa, kammassa ca karaṇena pabbajito, samaṇo ca na hotīti dasseti.

    สพฺพากุสลสฺสาติ สพฺพสฺสาปิ ทฺวาทสากุสลจิตฺตุปฺปาทสงฺคหิตสฺส สาวชฺชธมฺมสฺสฯ กรณํ นาม ตสฺส อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนนฺติ ตปฺปฎิเกฺขปโต อกรณํ ‘‘อนุปฺปาทน’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘กุสลสฺสา’’ติ อิทํ ‘‘เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ วกฺขมานตฺตา อริยมคฺคธเมฺม, เตสญฺจ สมฺภารภูเต เตภูมกกุสลธเมฺม สโมฺพเธตีติ อาห ‘‘จตุภูมกกุสลสฺสา’’ติฯ อุปสมฺปทาติ อุปสมฺปาทนํ, ตํ ปน ตสฺส สมธิคโมติ อาห ‘‘ปฎิลาโภ’’ติฯ จิตฺตโชตนนฺติ จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณํ สพฺพโส ปริโสธนํฯ ยสฺมา อคฺคมคฺคสมงฺคิโน จิตฺตํ สพฺพโส ปริโยทปียติ นาม, อคฺคผลกฺขเณ ปน ปริโยทปิตํ โหติ ปุน ปริโยทเปตพฺพตาย อภาวโต, อิติ ปรินิฎฺฐิตปริโยทปนตํ สนฺธายาห ‘‘ตํ ปน อรหเตฺตน โหตี’’ติฯ สพฺพปาปํ ปหาย ตทงฺคาทิวเสเนวาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘สีลสํวเรนา’’ติ หิ อิมินา เตภูมกสฺสาปิ สงฺคเห อิตรปฺปหานานมฺปิ สงฺคโห โหตีติ, เอวญฺจ กตฺวา สพฺพคฺคหณํ สมตฺถิตํ โหติ ฯ สมถวิปสฺสนาหีติ โลกิยโลกุตฺตราหิ สมถวิปสฺสนาหิฯ สมฺปาเทตฺวาติ นิปฺผาเทตฺวาฯ สมฺปาทนเญฺจตฺถ เหตุภูตาหิ ผลภูตสฺส สหชาตาหิปิ, ปเคว ปุริมสิทฺธาหีติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Sabbākusalassāti sabbassāpi dvādasākusalacittuppādasaṅgahitassa sāvajjadhammassa. Karaṇaṃ nāma tassa attano santāne uppādananti tappaṭikkhepato akaraṇaṃ ‘‘anuppādana’’nti vuttaṃ. ‘‘Kusalassā’’ti idaṃ ‘‘etaṃ buddhāna sāsana’’nti vakkhamānattā ariyamaggadhamme, tesañca sambhārabhūte tebhūmakakusaladhamme sambodhetīti āha ‘‘catubhūmakakusalassā’’ti. Upasampadāti upasampādanaṃ, taṃ pana tassa samadhigamoti āha ‘‘paṭilābho’’ti. Cittajotananti cittassa pabhassarabhāvakaraṇaṃ sabbaso parisodhanaṃ. Yasmā aggamaggasamaṅgino cittaṃ sabbaso pariyodapīyati nāma, aggaphalakkhaṇe pana pariyodapitaṃ hoti puna pariyodapetabbatāya abhāvato, iti pariniṭṭhitapariyodapanataṃ sandhāyāha ‘‘taṃ pana arahattena hotī’’ti. Sabbapāpaṃ pahāya tadaṅgādivasenevāti adhippāyo. ‘‘Sīlasaṃvarenā’’ti hi iminā tebhūmakassāpi saṅgahe itarappahānānampi saṅgaho hotīti, evañca katvā sabbaggahaṇaṃ samatthitaṃ hoti . Samathavipassanāhīti lokiyalokuttarāhi samathavipassanāhi. Sampādetvāti nipphādetvā. Sampādanañcettha hetubhūtāhi phalabhūtassa sahajātāhipi, pageva purimasiddhāhīti daṭṭhabbaṃ.

    กสฺสจีติ หีนาทีสุ กสฺสจิ สตฺตสฺส กสฺสจิ อุปวาทสฺส, เตน ทวกมฺยตายปิ อุปวทนํ ปฎิกฺขิปติฯ อุปฆาตสฺส อกรณนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘กสฺสจี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ กาเยนาติ จ นิทสฺสนมตฺตเมตํ มนสาปิ ปเรสํ อนตฺถจินฺตนาทิวเสน อุปฆาตกรณสฺส วเชฺชตพฺพตฺตาฯ กาเยนาติ วา เอตฺถ อรูปกายสฺสาปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพ, น โจปนกายกรชกายานเมวฯ ป อติโมกฺขนฺติ ปการโต อติวิย สีเลสุ มุขฺยภูตํฯ ‘‘อติปโมกฺข’’นฺติ ตเมว ปทํ อุปสคฺคพฺยตฺตเยน วทติฯ เอวํ เภทโต ปทวณฺณนํ กตฺวา ตตฺวโต วทติ ‘‘อุตฺตมสีล’’นฺติฯ ‘‘ปาติ วา’’ติอาทินา ปาลนโต รกฺขณโต อติวิย โมกฺขนโต อติวิย โมจนโต ปาติโมกฺขนฺติ ทเสฺสติฯ ‘‘ปาปา อติ โมเกฺขตีติ อติโมโกฺข’’ติ นิมิตฺตสฺส กตฺตุภาเวน อุปจริตพฺพโตฯ โย วา นนฺติ โย วา ปุคฺคโล นํ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ปาติ สมาทิยิตฺวา อวิโกเปโนฺต รกฺขติ, ตํ ‘‘ปาตี’’ติ ลทฺธนามํ ปาติโมกฺขสํวรสีเล ฐิตํ โมเกฺขตีติ ปาติโมกฺขนฺติ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปน ปาติโมกฺขปทสฺส อโตฺถ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ฎี. ๑.๑๔) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ

    Kassacīti hīnādīsu kassaci sattassa kassaci upavādassa, tena davakamyatāyapi upavadanaṃ paṭikkhipati. Upaghātassa akaraṇanti etthāpi ‘‘kassacī’’ti ānetvā sambandho. Kāyenāti ca nidassanamattametaṃ manasāpi paresaṃ anatthacintanādivasena upaghātakaraṇassa vajjetabbattā. Kāyenāti vā ettha arūpakāyassāpi saṅgaho daṭṭhabbo, na copanakāyakarajakāyānameva. Pa atimokkhanti pakārato ativiya sīlesu mukhyabhūtaṃ. ‘‘Atipamokkha’’nti tameva padaṃ upasaggabyattayena vadati. Evaṃ bhedato padavaṇṇanaṃ katvā tatvato vadati ‘‘uttamasīla’’nti. ‘‘Pāti vā’’tiādinā pālanato rakkhaṇato ativiya mokkhanato ativiya mocanato pātimokkhanti dasseti. ‘‘Pāpā ati mokkhetīti atimokkho’’ti nimittassa kattubhāvena upacaritabbato. Yo vā nanti yo vā puggalo naṃ pātimokkhasaṃvarasīlaṃ pāti samādiyitvā avikopento rakkhati, taṃ ‘‘pātī’’ti laddhanāmaṃ pātimokkhasaṃvarasīle ṭhitaṃ mokkhetīti pātimokkhanti ayamettha saṅkhepo, vitthārato pana pātimokkhapadassa attho visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ (visuddhi. ṭī. 1.14) vuttanayena veditabbo.

    มตฺตญฺญุตาติ โภชเน มตฺตญฺญุตา, สา ปน วิเสสโต ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลวเสน คเหตพฺพาติ อาห ‘‘ปฎิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณญฺญุตา’’ติฯ อาชีวปาริสุทฺธิสีลวเสนาปิ คยฺหมาเน ‘‘ปริเยสนวิสฺสชฺชนวเสนา’’ติปิ วตฺตพฺพํฯ สงฺฆฎฺฎนวิรหิตนฺติ ชนสงฺฆฎฺฎนวิรหิตํ, นิรชนสมฺพาธํ วิวิตฺตนฺติ อโตฺถฯ จตุปจฺจยสโนฺตโส ทีปิโต ปจฺจยสโนฺตสตาสามเญฺญน อิตรทฺวยสฺสาปิ ลกฺขณหารนเยน โชติตภาวโตฯ ‘‘อฎฺฐสมาปตฺติวสิภาวายา’’ติ อิมินา ปโยชนทสฺสนวเสน ยทตฺถํ วิวิตฺตเสนาสนเสวนํ อิจฺฉิตํ, โส อธิจิตฺตานุโยโค วุโตฺตฯ อฎฺฐ สมาปตฺติโย เจตฺถ วิปสฺสนาย ปาทกภูตา อธิเปฺปตา, น ยา กาจีติ สกลสฺสาปิ อธิจิตฺตานุโยคสฺส โชติตภาโว เวทิตโพฺพฯ

    Mattaññutāti bhojane mattaññutā, sā pana visesato paccayasannissitasīlavasena gahetabbāti āha ‘‘paṭiggahaṇaparibhogavasena pamāṇaññutā’’ti. Ājīvapārisuddhisīlavasenāpi gayhamāne ‘‘pariyesanavissajjanavasenā’’tipi vattabbaṃ. Saṅghaṭṭanavirahitanti janasaṅghaṭṭanavirahitaṃ, nirajanasambādhaṃ vivittanti attho. Catupaccayasantoso dīpito paccayasantosatāsāmaññena itaradvayassāpi lakkhaṇahāranayena jotitabhāvato. ‘‘Aṭṭhasamāpattivasibhāvāyā’’ti iminā payojanadassanavasena yadatthaṃ vivittasenāsanasevanaṃ icchitaṃ, so adhicittānuyogo vutto. Aṭṭha samāpattiyo cettha vipassanāya pādakabhūtā adhippetā, na yā kācīti sakalassāpi adhicittānuyogassa jotitabhāvo veditabbo.

    เทวตาโรจนวณฺณนา

    Devatārocanavaṇṇanā

    ๙๑. เอตฺตาวตาติ เอตฺตเกน สุตฺตปเทเสนฯ ตตฺถาปิ จ อิมินา…เป.… กถเนน สุปฺปฎิวิทฺธภาวํ ปกาเสตฺวาติ โยชนาฯ -สโทฺท พฺยติเรกโตฺถ, เตน อิทานิ วุจฺจมานตฺถํ อุลฺลเงฺคติฯ เอกมิทาหนฺติ เอกํ อหํฯ อิทํ-สโทฺท นิปาตมตฺตํฯ อาทิ-สเทฺทน ‘‘ภิกฺขเว สมย’’นฺติ เอวมาทิ ปาโฐ สงฺคหิโตฯ อหํ ภิกฺขเว เอกํ สมยนฺติ เอวํ เปตฺถ ปทโยชนาฯ

    91.Ettāvatāti ettakena suttapadesena. Tatthāpi ca iminā…pe… kathanena suppaṭividdhabhāvaṃ pakāsetvāti yojanā. Ca-saddo byatirekattho, tena idāni vuccamānatthaṃ ullaṅgeti. Ekamidāhanti ekaṃ ahaṃ. Idaṃ-saddo nipātamattaṃ. Ādi-saddena ‘‘bhikkhave samaya’’nti evamādi pāṭho saṅgahito. Ahaṃ bhikkhave ekaṃ samayanti evaṃ pettha padayojanā.

    สุภควเนติ สุภคตฺตา สุภคํ, สุนฺทรสิริกตฺตา , สุนฺทรกามตฺตา วาติ อโตฺถฯ สุภคญฺหิ ตํ สิริสมฺปตฺติยา, สุนฺทเร เจตฺถ กาเม มนุสฺสา ปเตฺถนฺติฯ พหุชนกนฺตตายปิ ตํ สุภคํฯ วนยตีติ วนํ, อตฺตสมฺปตฺติยา อตฺตนิ สิเนหํ อุปฺปาเทตีติ อโตฺถฯ วนุเต อิติ วา วนํ, อตฺตสมฺปตฺติยา เอว ‘‘มํ ปริภุญฺชถา’’ติ สเตฺต ยาจติ วิยาติ อโตฺถฯ สุภคญฺจ ตํ วนญฺจาติ สุภควนํ, ตสฺมิํ สุภควเนฯ อฎฺฐกถายํปน กิํ อิมินา ปปเญฺจนาติ ‘‘เอวํ นามเก วเน’’ติ วุตฺตํฯ กามํ สาลรุโกฺขปิ ‘‘สาโล’’ติ วุจฺจติ, โย โกจิ รุโกฺขปิ วนปฺปติ เชฎฺฐกรุโกฺขปิฯ อิธ ปน ปจฺฉิโม เอว อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘วนปฺปติเชฎฺฐกสฺส มูเล’’ติฯ มูลสมุคฺฆาตวเสนาติ อนุสยสมุจฺฉินฺทนวเสนฯ

    Subhagavaneti subhagattā subhagaṃ, sundarasirikattā , sundarakāmattā vāti attho. Subhagañhi taṃ sirisampattiyā, sundare cettha kāme manussā patthenti. Bahujanakantatāyapi taṃ subhagaṃ. Vanayatīti vanaṃ, attasampattiyā attani sinehaṃ uppādetīti attho. Vanute iti vā vanaṃ, attasampattiyā eva ‘‘maṃ paribhuñjathā’’ti satte yācati viyāti attho. Subhagañca taṃ vanañcāti subhagavanaṃ, tasmiṃ subhagavane.Aṭṭhakathāyaṃpana kiṃ iminā papañcenāti ‘‘evaṃ nāmake vane’’ti vuttaṃ. Kāmaṃ sālarukkhopi ‘‘sālo’’ti vuccati, yo koci rukkhopi vanappati jeṭṭhakarukkhopi. Idha pana pacchimo eva adhippetoti āha ‘‘vanappatijeṭṭhakassa mūle’’ti. Mūlasamugghātavasenāti anusayasamucchindanavasena.

    น วิหายนฺตีติ อกุปฺปธมฺมตาย น วิชหนฺติฯ ‘‘น กญฺจิ สตฺตํ ตปนฺตีติ อตปฺปา’’ติ อิทํ เตสุ ตสฺสา สมญฺญาย นิรุฬฺหตาย วุตฺตํ, อญฺญถา สเพฺพปิ สุทฺธาวาสา น กญฺจิ สตฺตํ ตปนฺตีติ อตปฺปา นาม สิยุํฯ ‘‘น วิหายนฺตี’’ติอาทินิพฺพจเนสุปิ เอเสว นโยฯ สุนฺทรทสฺสนาติ ทสฺสนียาติ อยมโตฺถติ อาห ‘‘อภิรูปา’’ติอาทิฯ สุนฺทรเมเตสํ ทสฺสนนฺติ โสภนเมเตสํ จกฺขุนา ทสฺสนํ, วิญฺญาเณน ทสฺสนํ ปีติ อโตฺถฯ สเพฺพ เหว…เป.… เชฎฺฐา ปญฺจโวการภเว ตโต วิสิฎฺฐานํ อภาวโตฯ

    Na vihāyantīti akuppadhammatāya na vijahanti. ‘‘Na kañci sattaṃ tapantīti atappā’’ti idaṃ tesu tassā samaññāya niruḷhatāya vuttaṃ, aññathā sabbepi suddhāvāsā na kañci sattaṃ tapantīti atappā nāma siyuṃ. ‘‘Na vihāyantī’’tiādinibbacanesupi eseva nayo. Sundaradassanāti dassanīyāti ayamatthoti āha ‘‘abhirūpā’’tiādi. Sundarametesaṃ dassananti sobhanametesaṃ cakkhunā dassanaṃ, viññāṇena dassanaṃ pīti attho. Sabbe heva…pe… jeṭṭhā pañcavokārabhave tato visiṭṭhānaṃ abhāvato.

    สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ วเสนาติ สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อปทานวเสนฯ อวิเหหิ อชฺฌิเฎฺฐน เอเกน อวิหาพฺรหฺมุนา กถิตา เตหิ สเพฺพหิ กถิตา นาม โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘ตถา อวิเหหี’’ติฯ เอเสว นโย เสเสสุปิฯ เตนาห ภควา ‘‘เทวตา มํ เอตทโวจุ’’นฺติฯ ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘อเนกานิ เทวตาสตานี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สพฺพํ ปจฺฉา อตฺตโน สาสเน วิเสสํ อธิคนฺตฺวา ตตฺถ อุปฺปนฺนานํ วเสน วุตฺตํฯ อนุสนฺธิทฺวยมฺปีติ ธมฺมธาตุปทานุสนฺธิ, เทวตาโรจนปทานุสนฺธีติ ทุวิธํ อนุสนฺธิํฯ นิยฺยาเตโนฺตติ นิคเมโนฺตฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ

    Sattannaṃ buddhānaṃ vasenāti sattannaṃ sammāsambuddhānaṃ apadānavasena. Avihehi ajjhiṭṭhena ekena avihābrahmunā kathitā tehi sabbehi kathitā nāma hontīti vuttaṃ ‘‘tathā avihehī’’ti. Eseva nayo sesesupi. Tenāha bhagavā ‘‘devatā maṃ etadavocu’’nti. Yaṃ pana pāḷiyaṃ ‘‘anekāni devatāsatānī’’ti vuttaṃ, taṃ sabbaṃ pacchā attano sāsane visesaṃ adhigantvā tattha uppannānaṃ vasena vuttaṃ. Anusandhidvayampīti dhammadhātupadānusandhi, devatārocanapadānusandhīti duvidhaṃ anusandhiṃ. Niyyātentoti nigamento. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ suviññeyyamevāti.

    มหาปทานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ

    Mahāpadānasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๑. มหาปทานสุตฺตํ • 1. Mahāpadānasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๑. มหาปทานสุตฺตวณฺณนา • 1. Mahāpadānasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact