Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๖๔] ๔. มหาปนาทชาตกวณฺณนา

    [264] 4. Mahāpanādajātakavaṇṇanā

    ปนาโท นาม โส ราชาติ อิทํ สตฺถา คงฺคาตีเร นิสิโนฺน ภทฺทชิเตฺถรสฺสานุภาวํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกสฺมิญฺหิ สมเย สตฺถา สาวตฺถิยํ วสฺสํ วสิตฺวา ‘‘ภทฺทชิกุมารสฺส สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรมาโน ภทฺทิยนครํ ปตฺวา ชาติยาวเน ตโย มาเส วสิ กุมารสฺส ญาณปริปากํ อาคมยมาโนฯ ภทฺทชิกุมาโร มหายโส อสีติโกฎิวิภวสฺส ภทฺทิยเสฎฺฐิโน เอกปุตฺตโกฯ ตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิกา ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ เอเกกสฺมิํ จตฺตาโร จตฺตาโร มาเส วสติฯ เอกสฺมิํ วสิตฺวา นาฎกปริวุโต มหเนฺตน ยเสน อญฺญํ ปาสาทํ คจฺฉติฯ ตสฺมิํ ขเณ ‘‘กุมารสฺส ยสํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สกลนครํ สงฺขุภิ, ปาสาทนฺตเร จกฺกาติจกฺกานิ มญฺจาติมญฺจานิ พนฺธนฺติฯ

    Panādo nāma so rājāti idaṃ satthā gaṅgātīre nisinno bhaddajittherassānubhāvaṃ ārabbha kathesi. Ekasmiñhi samaye satthā sāvatthiyaṃ vassaṃ vasitvā ‘‘bhaddajikumārassa saṅgahaṃ karissāmī’’ti bhikkhusaṅghaparivuto cārikaṃ caramāno bhaddiyanagaraṃ patvā jātiyāvane tayo māse vasi kumārassa ñāṇaparipākaṃ āgamayamāno. Bhaddajikumāro mahāyaso asītikoṭivibhavassa bhaddiyaseṭṭhino ekaputtako. Tassa tiṇṇaṃ utūnaṃ anucchavikā tayo pāsādā ahesuṃ. Ekekasmiṃ cattāro cattāro māse vasati. Ekasmiṃ vasitvā nāṭakaparivuto mahantena yasena aññaṃ pāsādaṃ gacchati. Tasmiṃ khaṇe ‘‘kumārassa yasaṃ passissāmā’’ti sakalanagaraṃ saṅkhubhi, pāsādantare cakkāticakkāni mañcātimañcāni bandhanti.

    สตฺถา ตโย มาเส วสิตฺวา ‘‘มยํ คจฺฉามา’’ติ นครวาสีนํ อาโรเจสิฯ นาครา ‘‘ภเนฺต, เสฺว คมิสฺสถา’’ติ สตฺถารํ นิมเนฺตตฺวา ทุติยทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ สเชฺชตฺวา นครมเชฺฌ มณฺฑปํ กตฺวา อลงฺกริตฺวา อาสนานิ ปญฺญเปตฺวา กาลํ อาโรเจสุํฯ สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตตฺถ คนฺตฺวา นิสีทิ, มนุสฺสา มหาทานํ อทํสุฯ สตฺถา นิฎฺฐิตภตฺตกิโจฺจ มธุรสฺสเรน อนุโมทนํ อารภิฯ ตสฺมิํ ขเณ ภทฺทชิกุมาโรปิ ปาสาทโต ปาสาทํ คจฺฉติ , ตสฺส สมฺปตฺติทสฺสนตฺถาย ตํ ทิวสํ น โกจิ อคมาสิ, อตฺตโน มนุสฺสาว ปริวาเรสุํฯ โส มนุเสฺส ปุจฺฉิ – ‘‘อญฺญสฺมิํ กาเล มยิ ปาสาทโต ปาสาทํ คจฺฉเนฺต สกลนครํ สงฺขุภติ, จกฺกาติจกฺกานิ มญฺจาติมญฺจานิ พนฺธนฺติ, อชฺช ปน ฐเปตฺวา มยฺหํ มนุเสฺส อโญฺญ โกจิ นตฺถิ, กิํ นุ โข การณ’’นฺติฯ ‘‘สามิ, สมฺมาสมฺพุโทฺธ อิมํ ภทฺทิยนครํ อุปนิสฺสาย ตโย มาเส วสิตฺวา อเชฺชว คมิสฺสติ, โส ภตฺตกิจฺจํ นิฎฺฐาเปตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสติ, สกลนครวาสิโนปิ ตสฺส ธมฺมกถํ สุณนฺตี’’ติฯ โส ‘‘เตน หิ เอถ, มยมฺปิ สุณิสฺสามา’’ติ สพฺพาภรณปฎิมณฺฑิโตว มหเนฺตน ปริวาเรน อุปสงฺกมิตฺวา ปริสปริยเนฺต ฐิโต ธมฺมํ สุณโนฺต ฐิโตว สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ

    Satthā tayo māse vasitvā ‘‘mayaṃ gacchāmā’’ti nagaravāsīnaṃ ārocesi. Nāgarā ‘‘bhante, sve gamissathā’’ti satthāraṃ nimantetvā dutiyadivase buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ sajjetvā nagaramajjhe maṇḍapaṃ katvā alaṅkaritvā āsanāni paññapetvā kālaṃ ārocesuṃ. Satthā bhikkhusaṅghaparivuto tattha gantvā nisīdi, manussā mahādānaṃ adaṃsu. Satthā niṭṭhitabhattakicco madhurassarena anumodanaṃ ārabhi. Tasmiṃ khaṇe bhaddajikumāropi pāsādato pāsādaṃ gacchati , tassa sampattidassanatthāya taṃ divasaṃ na koci agamāsi, attano manussāva parivāresuṃ. So manusse pucchi – ‘‘aññasmiṃ kāle mayi pāsādato pāsādaṃ gacchante sakalanagaraṃ saṅkhubhati, cakkāticakkāni mañcātimañcāni bandhanti, ajja pana ṭhapetvā mayhaṃ manusse añño koci natthi, kiṃ nu kho kāraṇa’’nti. ‘‘Sāmi, sammāsambuddho imaṃ bhaddiyanagaraṃ upanissāya tayo māse vasitvā ajjeva gamissati, so bhattakiccaṃ niṭṭhāpetvā mahājanassa dhammaṃ deseti, sakalanagaravāsinopi tassa dhammakathaṃ suṇantī’’ti. So ‘‘tena hi etha, mayampi suṇissāmā’’ti sabbābharaṇapaṭimaṇḍitova mahantena parivārena upasaṅkamitvā parisapariyante ṭhito dhammaṃ suṇanto ṭhitova sabbakilese khepetvā aggaphalaṃ arahattaṃ pāpuṇi.

    สตฺถา ภทฺทิยเสฎฺฐิํ อามเนฺตตฺวา ‘‘มหาเสฎฺฐิ, ปุโตฺต เต อลงฺกตปฎิยโตฺตว ธมฺมกถํ สุณโนฺต อรหเตฺต ปติฎฺฐิโต, เตนสฺส อเชฺชว ปพฺพชิตุํ วา วฎฺฎติ ปรินิพฺพายิตุํ วา’’ติ อาหฯ ‘‘ภเนฺต, มยฺหํ ปุตฺตสฺส ปรินิพฺพาเนน กิจฺจํ นตฺถิ, ปพฺพาเชถ นํ, ปพฺพาเชตฺวา จ ปน นํ คเหตฺวา เสฺว อมฺหากํ เคหํ อุปสงฺกมถา’’ติฯ ภควา นิมนฺตนํ อธิวาเสตฺวา กุลปุตฺตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปทํ ทาเปสิฯ ตสฺส มาตาปิตโร สตฺตาหํ มหาสกฺการํ กริํสุฯ สตฺถา สตฺตาหํ วสิตฺวา กุลปุตฺตมาทาย จาริกํ จรโนฺต โกฎิคามํ ปาปุณิฯ โกฎิคามวาสิโน มนุสฺสา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทํสุฯ สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ อารภิฯ กุลปุโตฺต อนุโมทนกรณกาเล พหิคามํ คนฺตฺวา ‘‘สตฺถุ อาคตกาเลเยว อุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ คงฺคาติตฺถสมีเป เอกสฺมิํ รุกฺขมูเล ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ ฯ มหลฺลกเตฺถเรสุ อาคจฺฉเนฺตสุปิ อนุฎฺฐหิตฺวา สตฺถุ อาคตกาเลเยว อุฎฺฐหิฯ ปุถุชฺชนา ภิกฺขู ‘‘อยํ ปุเร วิย ปพฺพชิตฺวา มหาเถเร อาคจฺฉเนฺตปิ ทิสฺวา น อุฎฺฐหตี’’ติ กุชฺฌิํสุฯ

    Satthā bhaddiyaseṭṭhiṃ āmantetvā ‘‘mahāseṭṭhi, putto te alaṅkatapaṭiyattova dhammakathaṃ suṇanto arahatte patiṭṭhito, tenassa ajjeva pabbajituṃ vā vaṭṭati parinibbāyituṃ vā’’ti āha. ‘‘Bhante, mayhaṃ puttassa parinibbānena kiccaṃ natthi, pabbājetha naṃ, pabbājetvā ca pana naṃ gahetvā sve amhākaṃ gehaṃ upasaṅkamathā’’ti. Bhagavā nimantanaṃ adhivāsetvā kulaputtaṃ ādāya vihāraṃ gantvā pabbājetvā upasampadaṃ dāpesi. Tassa mātāpitaro sattāhaṃ mahāsakkāraṃ kariṃsu. Satthā sattāhaṃ vasitvā kulaputtamādāya cārikaṃ caranto koṭigāmaṃ pāpuṇi. Koṭigāmavāsino manussā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ adaṃsu. Satthā bhattakiccāvasāne anumodanaṃ ārabhi. Kulaputto anumodanakaraṇakāle bahigāmaṃ gantvā ‘‘satthu āgatakāleyeva uṭṭhahissāmī’’ti gaṅgātitthasamīpe ekasmiṃ rukkhamūle jhānaṃ samāpajjitvā nisīdi . Mahallakattheresu āgacchantesupi anuṭṭhahitvā satthu āgatakāleyeva uṭṭhahi. Puthujjanā bhikkhū ‘‘ayaṃ pure viya pabbajitvā mahāthere āgacchantepi disvā na uṭṭhahatī’’ti kujjhiṃsu.

    โกฎิคามวาสิโน มนุสฺสา นาวาสงฺฆาเต พนฺธิํสุฯ สตฺถา นาวาสงฺฆาเต ฐตฺวา ‘‘กหํ , ภทฺทชี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘เอส, ภเนฺต, อิเธวา’’ติฯ ‘‘เอหิ, ภทฺทชิ, อเมฺหหิ สทฺธิํ เอกนาวํ อภิรุหา’’ติฯ เถโรปิ อุปฺปติตฺวา เอกนาวาย อฎฺฐาสิฯ อถ นํ คงฺคาย มชฺฌํ คตกาเล สตฺถา อาห – ‘‘ภทฺทชิ, ตยา มหาปนาทราชกาเล อชฺฌาวุตฺถปาสาโท กห’’นฺติฯ อิมสฺมิํ ฐาเน นิมุโคฺค, ภเนฺตติฯ ปุถุชฺชนา ภิกฺขู ‘‘ภทฺทชิเตฺถโร อญฺญํ พฺยากโรตี’’ติ อาหํสุฯ สตฺถา ‘‘เตน หิ, ภทฺทชิ, สพฺรหฺมจารีนํ กงฺขํ ฉินฺทา’’ติ อาหฯ ตสฺมิํ ขเณ เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อิทฺธิพเลน คนฺตฺวา ปาสาทถูปิกํ ปาทงฺคุลิยา คเหตฺวา ปญฺจวีสติโยชนํ ปาสาทํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติฯ อุปฺปติโต จ ปน เหฎฺฐาปาสาเท ฐิตานํ ปาสาทํ ภินฺทิตฺวา ปญฺญายิฯ โส เอกโยชนํ ทฺวิโยชนํ ติโยชนนฺติ ยาว วีสติโยชนา อุทกโต ปาสาทํ อุกฺขิปิฯ อถสฺส ปุริมภเว ญาตกา ปาสาทโลเภน มจฺฉกจฺฉปนาคมณฺฑูกา หุตฺวา ตสฺมิํเยว ปาสาเท นิพฺพตฺตา ปาสาเท อุฎฺฐหเนฺต ปริวตฺติตฺวา ปริวตฺติตฺวา อุทเกเยว ปติํสุฯ สตฺถา เต ปตเนฺต ทิสฺวา ‘‘ญาตกา เต, ภทฺทชิ, กิลมนฺตี’’ติ อาหฯ เถโร สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ปาสาทํ วิสฺสเชฺชสิ, ปาสาโท ยถาฐาเนเยว ปติฎฺฐหิ, สตฺถา ปารคงฺคํ คโตฯ อถสฺส คงฺคาตีเรเยว อาสนํ ปญฺญาปยิํสุ, โส ปญฺญเตฺต วรพุทฺธาสเน ตรุณสูริโย วิย รสฺมิโย มุญฺจโนฺต นิสีทิฯ อถ นํ ภิกฺขู ‘‘กสฺมิํ กาเล, ภเนฺต, อยํ ปาสาโท ภทฺทชิเตฺถเรน อชฺฌาวุโตฺถ’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ สตฺถา ‘‘มหาปนาทราชกาเล’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Koṭigāmavāsino manussā nāvāsaṅghāte bandhiṃsu. Satthā nāvāsaṅghāte ṭhatvā ‘‘kahaṃ , bhaddajī’’ti pucchi. ‘‘Esa, bhante, idhevā’’ti. ‘‘Ehi, bhaddaji, amhehi saddhiṃ ekanāvaṃ abhiruhā’’ti. Theropi uppatitvā ekanāvāya aṭṭhāsi. Atha naṃ gaṅgāya majjhaṃ gatakāle satthā āha – ‘‘bhaddaji, tayā mahāpanādarājakāle ajjhāvutthapāsādo kaha’’nti. Imasmiṃ ṭhāne nimuggo, bhanteti. Puthujjanā bhikkhū ‘‘bhaddajitthero aññaṃ byākarotī’’ti āhaṃsu. Satthā ‘‘tena hi, bhaddaji, sabrahmacārīnaṃ kaṅkhaṃ chindā’’ti āha. Tasmiṃ khaṇe thero satthāraṃ vanditvā iddhibalena gantvā pāsādathūpikaṃ pādaṅguliyā gahetvā pañcavīsatiyojanaṃ pāsādaṃ gahetvā ākāse uppati. Uppatito ca pana heṭṭhāpāsāde ṭhitānaṃ pāsādaṃ bhinditvā paññāyi. So ekayojanaṃ dviyojanaṃ tiyojananti yāva vīsatiyojanā udakato pāsādaṃ ukkhipi. Athassa purimabhave ñātakā pāsādalobhena macchakacchapanāgamaṇḍūkā hutvā tasmiṃyeva pāsāde nibbattā pāsāde uṭṭhahante parivattitvā parivattitvā udakeyeva patiṃsu. Satthā te patante disvā ‘‘ñātakā te, bhaddaji, kilamantī’’ti āha. Thero satthu vacanaṃ sutvā pāsādaṃ vissajjesi, pāsādo yathāṭhāneyeva patiṭṭhahi, satthā pāragaṅgaṃ gato. Athassa gaṅgātīreyeva āsanaṃ paññāpayiṃsu, so paññatte varabuddhāsane taruṇasūriyo viya rasmiyo muñcanto nisīdi. Atha naṃ bhikkhū ‘‘kasmiṃ kāle, bhante, ayaṃ pāsādo bhaddajittherena ajjhāvuttho’’ti pucchiṃsu. Satthā ‘‘mahāpanādarājakāle’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต วิเทหรเฎฺฐ มิถิลายํ สุรุจิ นาม ราชา อโหสิ, ปุโตฺตปิ ตสฺส สุรุจิเยว, ตสฺส ปน ปุโตฺต มหาปนาโท นาม อโหสิ, เต อิมํ ปาสาทํ ปฎิลภิํสุฯ ปฎิลาภตฺถาย ปนสฺส อิทํ ปุพฺพกมฺมํ – เทฺว ปิตาปุตฺตา นเฬหิ จ อุทุมฺพรทารูหิ จ ปเจฺจกพุทฺธสฺส วสนปณฺณสาลํ กริํสุฯ อิมสฺมิํ ชาตเก สพฺพํ อตีตวตฺถุ ปกิณฺณกนิปาเต สุรุจิชาตเก (ชา. ๑.๑๔.๑๐๒ อาทโย) อาวิภวิสฺสติฯ

    Atīte videharaṭṭhe mithilāyaṃ suruci nāma rājā ahosi, puttopi tassa suruciyeva, tassa pana putto mahāpanādo nāma ahosi, te imaṃ pāsādaṃ paṭilabhiṃsu. Paṭilābhatthāya panassa idaṃ pubbakammaṃ – dve pitāputtā naḷehi ca udumbaradārūhi ca paccekabuddhassa vasanapaṇṇasālaṃ kariṃsu. Imasmiṃ jātake sabbaṃ atītavatthu pakiṇṇakanipāte surucijātake (jā. 1.14.102 ādayo) āvibhavissati.

    สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา สมฺมาสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –

    Satthā imaṃ atītaṃ āharitvā sammāsambuddho hutvā imā gāthā avoca –

    ๔๐.

    40.

    ‘‘ปนาโท นาม โส ราชา, ยสฺส ยูโป สุวณฺณโย;

    ‘‘Panādo nāma so rājā, yassa yūpo suvaṇṇayo;

    ติริยํ โสฬสุเพฺพโธ, อุทฺธมาหุ สหสฺสธาฯ

    Tiriyaṃ soḷasubbedho, uddhamāhu sahassadhā.

    ๔๑.

    41.

    ‘‘สหสฺสกโณฺฑ สตเคณฺฑุ, ธชาลุ หริตามโย;

    ‘‘Sahassakaṇḍo satageṇḍu, dhajālu haritāmayo;

    อนจฺจุํ ตตฺถ คนฺธพฺพา, ฉ สหสฺสานิ สตฺตธาฯ

    Anaccuṃ tattha gandhabbā, cha sahassāni sattadhā.

    ๔๒.

    42.

    ‘‘เอวเมตํ ตทา อาสิ, ยถา ภาสสิ ภทฺทชิ;

    ‘‘Evametaṃ tadā āsi, yathā bhāsasi bhaddaji;

    สโกฺก อหํ ตทา อาสิํ, เวยฺยาวจฺจกโร ตวา’’ติฯ

    Sakko ahaṃ tadā āsiṃ, veyyāvaccakaro tavā’’ti.

    ตตฺถ ยูโปติ ปาสาโทฯ ติริยํ โสฬสุเพฺพโธติ วิตฺถารโต โสฬสกณฺฑปาตวิตฺถาโร อโหสิฯ อุทฺธมาหุ สหสฺสธาติ อุเพฺพเธน สหสฺสกณฺฑคมนมตฺตํ อุโจฺจ อหุ, สหสฺสกณฺฑคมนคณนาย ปญฺจวีสติโยชนปฺปมาณํ โหติฯ วิตฺถาโร ปนสฺส อฎฺฐโยชนมโตฺตฯ

    Tattha yūpoti pāsādo. Tiriyaṃ soḷasubbedhoti vitthārato soḷasakaṇḍapātavitthāro ahosi. Uddhamāhu sahassadhāti ubbedhena sahassakaṇḍagamanamattaṃ ucco ahu, sahassakaṇḍagamanagaṇanāya pañcavīsatiyojanappamāṇaṃ hoti. Vitthāro panassa aṭṭhayojanamatto.

    สหสฺสกโณฺฑ สตเคณฺฑูติ โส ปเนส สหสฺสกณฺฑุเพฺพโธ ปาสาโท สตภูมิโก อโหสิฯ ธชาลูติ ธชสมฺปโนฺนฯ หริตามโยติ หริตมณิปริกฺขิโตฺตฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สมาลุหริตามโย’’ติ ปาโฐ, หริตมณิมเยหิ ทฺวารกวาฎวาตปาเนหิ สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ สมาลูติ กิร ทฺวารกวาฎวาตปานานํ นามํฯ คนฺธพฺพาติ นฎา, ฉ สหสฺสานิ สตฺตธาติ ฉ คนฺธพฺพสหสฺสานิ สตฺตธา หุตฺวา ตสฺส ปาสาทสฺส สตฺตสุ ฐาเนสุ รโญฺญ รติชนนตฺถาย นจฺจิํสูติ อโตฺถฯ เต เอวํ นจฺจนฺตาปิ ราชานํ หาเสตุํ นาสกฺขิํสุ, อถ สโกฺก เทวราชา เทวนฎํ เปเสตฺวา สมชฺชํ กาเรสิ, ตทา มหาปนาโท หสิฯ

    Sahassakaṇḍo satageṇḍūti so panesa sahassakaṇḍubbedho pāsādo satabhūmiko ahosi. Dhajālūti dhajasampanno. Haritāmayoti haritamaṇiparikkhitto. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘samāluharitāmayo’’ti pāṭho, haritamaṇimayehi dvārakavāṭavātapānehi samannāgatoti attho. Samālūti kira dvārakavāṭavātapānānaṃ nāmaṃ. Gandhabbāti naṭā, cha sahassāni sattadhāti cha gandhabbasahassāni sattadhā hutvā tassa pāsādassa sattasu ṭhānesu rañño ratijananatthāya nacciṃsūti attho. Te evaṃ naccantāpi rājānaṃ hāsetuṃ nāsakkhiṃsu, atha sakko devarājā devanaṭaṃ pesetvā samajjaṃ kāresi, tadā mahāpanādo hasi.

    ยถา ภาสสิ, ภทฺทชีติ ภทฺทชิเตฺถเรน หิ ‘‘ภทฺทชิ, ตยา มหาปนาทราชกาเล อชฺฌาวุตฺถปาสาโท กห’’นฺติ วุเตฺต ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน นิมุโคฺค, ภเนฺต’’ติ วทเนฺตน ตสฺมิํ กาเล อตฺตโน อตฺถาย ตสฺส ปาสาทสฺส นิพฺพตฺตภาโว จ มหาปนาทราชภาโว จ ภาสิโต โหติฯ ตํ คเหตฺวา สตฺถา ‘‘ยถา ตฺวํ, ภทฺทชิ, ภาสสิ, ตทา เอตํ ตเถว อโหสิ, อหํ ตทา ตว กายเวยฺยาวจฺจกโร สโกฺก เทวานมิโนฺท อโหสิ’’นฺติ อาหฯ ตสฺมิํ ขเณ ปุถุชฺชนภิกฺขู นิกฺกงฺขา อเหสุํฯ

    Yathā bhāsasi, bhaddajīti bhaddajittherena hi ‘‘bhaddaji, tayā mahāpanādarājakāle ajjhāvutthapāsādo kaha’’nti vutte ‘‘imasmiṃ ṭhāne nimuggo, bhante’’ti vadantena tasmiṃ kāle attano atthāya tassa pāsādassa nibbattabhāvo ca mahāpanādarājabhāvo ca bhāsito hoti. Taṃ gahetvā satthā ‘‘yathā tvaṃ, bhaddaji, bhāsasi, tadā etaṃ tatheva ahosi, ahaṃ tadā tava kāyaveyyāvaccakaro sakko devānamindo ahosi’’nti āha. Tasmiṃ khaṇe puthujjanabhikkhū nikkaṅkhā ahesuṃ.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มหาปนาโท ราชา ภทฺทชิ อโหสิ, สโกฺก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā mahāpanādo rājā bhaddaji ahosi, sakko pana ahameva ahosi’’nti.

    มหาปนาทชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ

    Mahāpanādajātakavaṇṇanā catutthā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๖๔. มหาปนาทชาตกํ • 264. Mahāpanādajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact