Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    (๓) ปญฺญาวโคฺค

    (3) Paññāvaggo

    ๑. มหาปญฺญากถา

    1. Mahāpaññākathā

    มหาปญฺญากถาวณฺณนา

    Mahāpaññākathāvaṇṇanā

    . อิทานิ วิเสสโต ปญฺญาปทฎฺฐานภูตาย สุญฺญกถาย อนนฺตรํ กถิตาย ปญฺญากถาย อปุพฺพตฺถานุวณฺณนาฯ ตตฺถ อาทิโต ตาว สตฺตสุ อนุปสฺสนาสุ เอเกกมูลกา สตฺต ปญฺญา ปุจฺฉาปุพฺพงฺคมํ กตฺวา นิทฺทิฎฺฐา, ปุน สตฺตานุปสฺสนามูลกา เอเกกุตฺตรมูลกา จ ติโสฺส ปญฺญา ปุจฺฉํ อกตฺวาว นิทฺทิฎฺฐา, เอวมาทิโต ทสปญฺญาปาริปูรี นิทฺทิฎฺฐาฯ ตตฺถ อนิจฺจานุปสฺสนา ตาว ยสฺมา อนิจฺจโต ทิเฎฺฐสุ สงฺขาเรสุ ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺข’’นฺติ ทุกฺขโต จ ‘‘ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติ อนตฺตโต จ ชวติ, ตสฺมา สา ภาวิตา พหุลีกตา ชวนปญฺญํ ปริปูเรติฯ สา หิ สกวิสเยสุ ชวตีติ ชวนา, ชวนา จ สา ปญฺญา จาติ ชวนปญฺญาฯ ทุกฺขานุปสฺสนา สมาธินฺทฺริยนิสฺสิตตฺตา พลวตี หุตฺวา ปณิธิํ นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลติ, ตสฺมา นิเพฺพธิกปญฺญํ ปริปูเรติฯ สา หิ นิพฺพิชฺฌตีติ นิเพฺพธิกา, นิเพฺพธิกา จ สา ปญฺญา จาติ นิเพฺพธิกปญฺญาฯ อนตฺตานุปสฺสนา สุญฺญตาทสฺสเนน วุทฺธิปฺปตฺติยา มหตฺตปฺปตฺตตฺตา มหาปญฺญํ ปริปูเรติฯ สา หิ วุทฺธิปฺปตฺตตฺตา มหตี จ สา ปญฺญา จาติ มหาปญฺญาฯ นิพฺพิทานุปสฺสนา ยสฺมา ติสฺสนฺนํเยว อนุปสฺสนานํ ปุริมโตปิ อาเสวนาย พลปฺปตฺตาวตฺถตฺตา สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทนสมตฺถา หุตฺวา ติกฺขา โหติ, ตสฺมา ติกฺขปญฺญํ ปริปูเรติฯ วิราคานุปสฺสนาปิ ยสฺมา ติสฺสนฺนํเยว อนุปสฺสนานํ ปุริมโตปิ อาเสวนาพลปฺปตฺตานํ วุทฺธตราวตฺถตฺตา สพฺพสงฺขาเรหิ วิรชฺชนสมตฺถา หุตฺวา วิปุลา โหติ, ตสฺมา วิปุลปญฺญํ ปริปูเรติ

    1. Idāni visesato paññāpadaṭṭhānabhūtāya suññakathāya anantaraṃ kathitāya paññākathāya apubbatthānuvaṇṇanā. Tattha ādito tāva sattasu anupassanāsu ekekamūlakā satta paññā pucchāpubbaṅgamaṃ katvā niddiṭṭhā, puna sattānupassanāmūlakā ekekuttaramūlakā ca tisso paññā pucchaṃ akatvāva niddiṭṭhā, evamādito dasapaññāpāripūrī niddiṭṭhā. Tattha aniccānupassanā tāva yasmā aniccato diṭṭhesu saṅkhāresu ‘‘yadaniccaṃ, taṃ dukkha’’nti dukkhato ca ‘‘yaṃ dukkhaṃ, tadanattā’’ti anattato ca javati, tasmā sā bhāvitā bahulīkatā javanapaññaṃ paripūreti. Sā hi sakavisayesu javatīti javanā, javanā ca sā paññā cāti javanapaññā. Dukkhānupassanā samādhindriyanissitattā balavatī hutvā paṇidhiṃ nibbijjhati padāleti, tasmā nibbedhikapaññaṃ paripūreti. Sā hi nibbijjhatīti nibbedhikā, nibbedhikā ca sā paññā cāti nibbedhikapaññā. Anattānupassanā suññatādassanena vuddhippattiyā mahattappattattā mahāpaññaṃ paripūreti. Sā hi vuddhippattattā mahatī ca sā paññā cāti mahāpaññā. Nibbidānupassanā yasmā tissannaṃyeva anupassanānaṃ purimatopi āsevanāya balappattāvatthattā sabbasaṅkhāresu nibbindanasamatthā hutvā tikkhā hoti, tasmā tikkhapaññaṃ paripūreti. Virāgānupassanāpi yasmā tissannaṃyeva anupassanānaṃ purimatopi āsevanābalappattānaṃ vuddhatarāvatthattā sabbasaṅkhārehi virajjanasamatthā hutvā vipulā hoti, tasmā vipulapaññaṃ paripūreti.

    นิโรธานุปสฺสนาปิ ยสฺมา ติสฺสนฺนํเยว อนุปสฺสนานํ ปุริมโตปิ อาเสวนาพลปฺปตฺตานํ วุทฺธตราวตฺถตฺตา วยลกฺขณวเสน สพฺพสงฺขารานํ นิโรธทสฺสนสมตฺถา หุตฺวา คมฺภีรา โหติ, ตสฺมา คมฺภีรปญฺญํ ปริปูเรติฯ นิโรโธ หิ อุตฺตานปเญฺญหิ อลพฺภเนยฺยปติฎฺฐตฺตา คมฺภีโร, ตสฺมิํ คมฺภีเร คาธปฺปตฺตา ปญฺญาปิ คมฺภีราฯ ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสนาปิ ยสฺมา ติสฺสนฺนํเยว อนุปสฺสนานํ ปุริมโตปิ อาเสวนาพลปฺปตฺตานํ วุทฺธตราวตฺถตฺตา วยลกฺขณวเสน สพฺพสงฺขารปฎินิสฺสชฺชนสมตฺถา หุตฺวา อสามนฺตา โหติ, วุทฺธิปริยนฺตปฺปตฺตตฺตา ฉหิ ปญฺญาหิ ทูเร โหตีติ อโตฺถฯ ตสฺมา สยํ อสามนฺตตฺตา อสามนฺตปญฺญํ ปริปูเรติฯ สา หิ เหฎฺฐิมปญฺญาหิ ทูรตฺตา อสามนฺตา, อสมีปา วา ปญฺญาติ อสามนฺตปญฺญาฯ ปณฺฑิจฺจํ ปริปูเรนฺตีติ ปณฺฑิตภาวํ ปริปูเรนฺติฯ ยสฺมา ยถาวุตฺตา สตฺต ปญฺญา ปริปุณฺณา ภาเวตฺวา ปณฺฑิตลกฺขณปฺปโตฺต สิขปฺปตฺตวุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนาสงฺขาเตหิ สงฺขารุเปกฺขานุโลมโคตฺรภุญาเณหิ ปณฺฑิโต หุตฺวา ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคโต โหติ, ตสฺมา ‘‘ปณฺฑิจฺจํ ปริปูเรนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ

    Nirodhānupassanāpi yasmā tissannaṃyeva anupassanānaṃ purimatopi āsevanābalappattānaṃ vuddhatarāvatthattā vayalakkhaṇavasena sabbasaṅkhārānaṃ nirodhadassanasamatthā hutvā gambhīrā hoti, tasmā gambhīrapaññaṃ paripūreti. Nirodho hi uttānapaññehi alabbhaneyyapatiṭṭhattā gambhīro, tasmiṃ gambhīre gādhappattā paññāpi gambhīrā. Paṭinissaggānupassanāpi yasmā tissannaṃyeva anupassanānaṃ purimatopi āsevanābalappattānaṃ vuddhatarāvatthattā vayalakkhaṇavasena sabbasaṅkhārapaṭinissajjanasamatthā hutvā asāmantā hoti, vuddhipariyantappattattā chahi paññāhi dūre hotīti attho. Tasmā sayaṃ asāmantattā asāmantapaññaṃ paripūreti. Sā hi heṭṭhimapaññāhi dūrattā asāmantā, asamīpā vā paññāti asāmantapaññā. Paṇḍiccaṃ paripūrentīti paṇḍitabhāvaṃ paripūrenti. Yasmā yathāvuttā satta paññā paripuṇṇā bhāvetvā paṇḍitalakkhaṇappatto sikhappattavuṭṭhānagāminivipassanāsaṅkhātehi saṅkhārupekkhānulomagotrabhuñāṇehi paṇḍito hutvā paṇḍiccena samannāgato hoti, tasmā ‘‘paṇḍiccaṃ paripūrentī’’ti vuttaṃ.

    อฎฺฐ ปญฺญาติ ปณฺฑิจฺจสงฺขาตาย ปญฺญาย สห สพฺพา อฎฺฐ ปญฺญาฯ ปุถุปญฺญํ ปริปูเรนฺตีติ ยสฺมา เตน ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคโต หุตฺวา โส ปณฺฑิโต โคตฺรภุญาณานนฺตรํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา โลกุตฺตรภาวปฺปตฺติยา โลกิยโต ปุถุภูตตฺตา วิสุํภูตตฺตา ปุถุปญฺญาติสงฺขาตํ มคฺคผลปญฺญํ ปาปุณาติ, ตสฺมา ‘‘อฎฺฐ ปญฺญา ปุถุปญฺญํ ปริปูเรนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ

    Aṭṭha paññāti paṇḍiccasaṅkhātāya paññāya saha sabbā aṭṭha paññā. Puthupaññaṃ paripūrentīti yasmā tena paṇḍiccena samannāgato hutvā so paṇḍito gotrabhuñāṇānantaraṃ nibbānaṃ ārammaṇaṃ katvā lokuttarabhāvappattiyā lokiyato puthubhūtattā visuṃbhūtattā puthupaññātisaṅkhātaṃ maggaphalapaññaṃ pāpuṇāti, tasmā ‘‘aṭṭha paññā puthupaññaṃ paripūrentī’’ti vuttaṃ.

    อิมา นว ปญฺญาติอาทีสุ ตเสฺสว กเมน อธิคตมคฺคผลสฺส อริยปุคฺคลสฺส ปณีตโลกุตฺตรธโมฺมปโยเคน ปณีตจิตฺตสนฺตานตฺตา ปหฎฺฐากาเรเนว จ ปวตฺตมานจิตฺตสนฺตานสฺส ผลานนฺตรํ โอติณฺณภวงฺคโต วุฎฺฐิตสฺส มคฺคปจฺจเวกฺขณา, ตโต จ ภวงฺคํ โอตริตฺวา วุฎฺฐิตสฺส ผลปจฺจเวกฺขณา, อิมินาว นเยน ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณา, อวสิฎฺฐกิเลสปจฺจเวกฺขณา, นิพฺพานปจฺจเวกฺขณาติ ปญฺจ ปจฺจเวกฺขณา ปวตฺตนฺติฯ ตาสุ ปจฺจเวกฺขณาสุ มคฺคปจฺจเวกฺขณา ผลปจฺจเวกฺขณา จ ปฎิภานปฎิสมฺภิทา โหติฯ กถํ? ‘‘ยํกิญฺจิ ปจฺจยสมฺภูตํ นิพฺพานํ ภาสิตโตฺถ วิปาโก กิริยาติ อิเม ปญฺจ ธมฺมา อโตฺถ’’ติ อภิธเมฺม ปาฬิํ อนุคนฺตฺวา ตทฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ นิพฺพานสฺส จ อตฺถตฺตา ตทารมฺมณํ มคฺคผลญาณํ ‘‘อเตฺถสุ ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘; ปฎิ. ม. ๑.๑๑๐) วจนโต อตฺถปฎิสมฺภิทา โหติฯ ตสฺส อตฺถปฎิสมฺภิทาภูตสฺส มคฺคผลญาณสฺส ปจฺจเวกฺขณญาณํ ‘‘ญาเณสุ ญาณํ ปฎิภานปฎิสมฺภิทา’’ติ วจนโต ปฎิภานปฎิสมฺภิทา โหติฯ สา จ ปจฺจเวกฺขณปญฺญา หาสากาเรน ปวตฺตมานจิตฺตสนฺตานสฺส หาสปญฺญา นาม โหติฯ ตสฺมา นว ปญฺญา หาสปญฺญํ ปริปูเรนฺตีติ จ หาสปญฺญา ปฎิภานปฎิสมฺภิทาติ จ วุตฺตํฯ สพฺพปฺปการาปิ ปญฺญา ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส ปากฎกรณสงฺขาเตน ปญฺญาปนเฎฺฐน ปญฺญา, เตน เตน วา ปกาเรน ธเมฺม ชานาตีติ ปญฺญาฯ

    Imā nava paññātiādīsu tasseva kamena adhigatamaggaphalassa ariyapuggalassa paṇītalokuttaradhammopayogena paṇītacittasantānattā pahaṭṭhākāreneva ca pavattamānacittasantānassa phalānantaraṃ otiṇṇabhavaṅgato vuṭṭhitassa maggapaccavekkhaṇā, tato ca bhavaṅgaṃ otaritvā vuṭṭhitassa phalapaccavekkhaṇā, imināva nayena pahīnakilesapaccavekkhaṇā, avasiṭṭhakilesapaccavekkhaṇā, nibbānapaccavekkhaṇāti pañca paccavekkhaṇā pavattanti. Tāsu paccavekkhaṇāsu maggapaccavekkhaṇā phalapaccavekkhaṇā ca paṭibhānapaṭisambhidā hoti. Kathaṃ? ‘‘Yaṃkiñci paccayasambhūtaṃ nibbānaṃ bhāsitattho vipāko kiriyāti ime pañca dhammā attho’’ti abhidhamme pāḷiṃ anugantvā tadaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Nibbānassa ca atthattā tadārammaṇaṃ maggaphalañāṇaṃ ‘‘atthesu ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā’’ti (vibha. 718; paṭi. ma. 1.110) vacanato atthapaṭisambhidā hoti. Tassa atthapaṭisambhidābhūtassa maggaphalañāṇassa paccavekkhaṇañāṇaṃ ‘‘ñāṇesu ñāṇaṃ paṭibhānapaṭisambhidā’’ti vacanato paṭibhānapaṭisambhidā hoti. Sā ca paccavekkhaṇapaññā hāsākārena pavattamānacittasantānassa hāsapaññā nāma hoti. Tasmā nava paññā hāsapaññaṃ paripūrentīti ca hāsapaññā paṭibhānapaṭisambhidāti ca vuttaṃ. Sabbappakārāpi paññā tassa tassa atthassa pākaṭakaraṇasaṅkhātena paññāpanaṭṭhena paññā, tena tena vā pakārena dhamme jānātīti paññā.

    ตสฺสาติ ตสฺส วุตฺตปฺปการสฺส อริยปุคฺคลสฺสฯ กรณเตฺถ สามิวจนํฯ อตฺถววตฺถานโตติ ยถาวุตฺตสฺส ปญฺจวิธสฺส อตฺถสฺส ววตฺถาปนวเสนฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ สมณกรณียกถายํ ‘‘เหตุผลํ นิพฺพานํ วจนโตฺถ อถ วิปากํ กิริยาติ อเตฺถ ปญฺจ ปเภเท ปฐมนฺตปเภทคตํ ญาณ’’นฺติฯ อธิคตา โหตีติ ปฎิลทฺธา โหติฯ สาเยว ปฎิลาภสจฺฉิกิริยาย สจฺฉิกตาฯ ปฎิลาภผเสฺสเนว ผสฺสิตา ปญฺญายฯ ธมฺมววตฺถานโตติ ‘‘โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตโก เหตุ อริยมโคฺค ภาสิตํ กุสลํ อกุสลนฺติ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ธโมฺม’’ติ อภิธเมฺม ปาฬิยานุสาเรน วุตฺตานํ ปญฺจนฺนํ ธมฺมานํ ววตฺถาปนวเสนฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ สมณกรณียกถายํ ‘‘เหตุ อริยมโคฺค วจนํ กุสลญฺจ อกุสลญฺจาติ ธเมฺม ปญฺจ ปเภเท ทุติยนฺตปเภทคตํ ญาณ’’นฺติฯ นิรุตฺติววตฺถานโตติ เตสํ เตสํ อตฺถธมฺมานํ อนุรูปนิรุตฺตีนํ ววตฺถาปนวเสนฯ ปฎิภานววตฺถานโตติ ปฎิภานสงฺขาตานํ ติณฺณํ ปฎิสมฺภิทาญาณานํ ววตฺถาปนวเสนฯ ตสฺสิมาติ นิคมนวจนเมตํฯ

    Tassāti tassa vuttappakārassa ariyapuggalassa. Karaṇatthe sāmivacanaṃ. Atthavavatthānatoti yathāvuttassa pañcavidhassa atthassa vavatthāpanavasena. Vuttampi cetaṃ samaṇakaraṇīyakathāyaṃ ‘‘hetuphalaṃ nibbānaṃ vacanattho atha vipākaṃ kiriyāti atthe pañca pabhede paṭhamantapabhedagataṃ ñāṇa’’nti. Adhigatā hotīti paṭiladdhā hoti. Sāyeva paṭilābhasacchikiriyāya sacchikatā. Paṭilābhaphasseneva phassitā paññāya. Dhammavavatthānatoti ‘‘yo koci phalanibbattako hetu ariyamaggo bhāsitaṃ kusalaṃ akusalanti ime pañca dhammā dhammo’’ti abhidhamme pāḷiyānusārena vuttānaṃ pañcannaṃ dhammānaṃ vavatthāpanavasena. Vuttampi cetaṃ samaṇakaraṇīyakathāyaṃ ‘‘hetu ariyamaggo vacanaṃ kusalañca akusalañcāti dhamme pañca pabhede dutiyantapabhedagataṃ ñāṇa’’nti. Niruttivavatthānatoti tesaṃ tesaṃ atthadhammānaṃ anurūpaniruttīnaṃ vavatthāpanavasena. Paṭibhānavavatthānatoti paṭibhānasaṅkhātānaṃ tiṇṇaṃ paṭisambhidāñāṇānaṃ vavatthāpanavasena. Tassimāti nigamanavacanametaṃ.

    . เอวํ สพฺพสงฺคาหกวเสน อนุปสฺสนานํ วิเสสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ วตฺถุเภทวเสน ทเสฺสโนฺต รูเป อนิจฺจานุปสฺสนาติอาทิมาหฯ ตํ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถเมวฯ ปุน รูปาทีสุเยว อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนวเสน ชวนปญฺญํ ทเสฺสตุกาโม เกวลํ รูปาทิวเสน จ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนรูปาทิวเสน จ ปุจฺฉํ กตฺวา ปุจฺฉากเมเนว วิสฺสชฺชนํ อกาสิฯ ตตฺถ สุทฺธรูปาทิวิสฺสชฺชเนสุ ปฐมํ นิทฺทิฎฺฐา เอว ปญฺญา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนมูลเกสุ สพฺพวิสฺสชฺชเนสุ เตสุ อตีตาทีสุ ชวนวเสน ชวนปญฺญาติ นิทฺทิฎฺฐาฯ

    2. Evaṃ sabbasaṅgāhakavasena anupassanānaṃ visesaṃ dassetvā idāni vatthubhedavasena dassento rūpe aniccānupassanātiādimāha. Taṃ heṭṭhā vuttatthameva. Puna rūpādīsuyeva atītānāgatapaccuppannavasena javanapaññaṃ dassetukāmo kevalaṃ rūpādivasena ca atītānāgatapaccuppannarūpādivasena ca pucchaṃ katvā pucchākameneva vissajjanaṃ akāsi. Tattha suddharūpādivissajjanesu paṭhamaṃ niddiṭṭhā eva paññā atītānāgatapaccuppannamūlakesu sabbavissajjanesu tesu atītādīsu javanavasena javanapaññāti niddiṭṭhā.

    . ปุน อเนกสุตฺตนฺตปุพฺพงฺคมํ ปญฺญาปเภทํ ทเสฺสตุกาโม ปฐมํ ตาว สุตฺตเนฺต อุทฺทิสิฯ ตตฺถ สปฺปุริสสํเสโวติ เหฎฺฐา วุตฺตปฺปการานํ สปฺปุริสานํ ภชนํฯ สทฺธมฺมสฺสวนนฺติ เตสํ สปฺปุริสานํ สนฺติเก สีลาทิปฎิปตฺติทีปกสฺส สทฺธมฺมวจนสฺส สวนํฯ โยนิโสมนสิกาโรติ สุตานํ ธมฺมานํ อตฺถูปปริกฺขณวเสน อุปาเยน มนสิกาโรฯ ธมฺมานุธมฺมปฎิปตฺตีติ โลกุตฺตรธเมฺม อนุคตสฺส สีลาทิปฎิปทาธมฺมสฺส ปฎิปชฺชนํฯ ปญฺญาปฎิลาภาย ปญฺญาวุทฺธิยา ปญฺญาเวปุลฺลาย ปญฺญาพาหุลฺลายาติ อิมานิ จตฺตาริ ปญฺญาวเสน ภาววจนานิฯ เสสานิ ทฺวาทส ปุคฺคลวเสน ภาววจนานิฯ

    3. Puna anekasuttantapubbaṅgamaṃ paññāpabhedaṃ dassetukāmo paṭhamaṃ tāva suttante uddisi. Tattha sappurisasaṃsevoti heṭṭhā vuttappakārānaṃ sappurisānaṃ bhajanaṃ. Saddhammassavananti tesaṃ sappurisānaṃ santike sīlādipaṭipattidīpakassa saddhammavacanassa savanaṃ. Yonisomanasikāroti sutānaṃ dhammānaṃ atthūpaparikkhaṇavasena upāyena manasikāro. Dhammānudhammapaṭipattīti lokuttaradhamme anugatassa sīlādipaṭipadādhammassa paṭipajjanaṃ. Paññāpaṭilābhāyapaññāvuddhiyā paññāvepullāya paññābāhullāyāti imāni cattāri paññāvasena bhāvavacanāni. Sesāni dvādasa puggalavasena bhāvavacanāni.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑. มหาปญฺญากถา • 1. Mahāpaññākathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact