Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๓. มหาปรินิพฺพานสุตฺตํ
3. Mahāparinibbānasuttaṃ
๑๓๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเตฯ เตน โข ปน สมเยน ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต วชฺชี อภิยาตุกาโม โหติฯ โส เอวมาห – ‘‘อหํ หิเม วชฺชี เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว อุเจฺฉจฺฉามิ 1 วชฺชี, วินาเสสฺสามิ วชฺชี, อนยพฺยสนํ อาปาเทสฺสามิ วชฺชี’’ติ 2ฯ
131. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati gijjhakūṭe pabbate. Tena kho pana samayena rājā māgadho ajātasattu vedehiputto vajjī abhiyātukāmo hoti. So evamāha – ‘‘ahaṃ hime vajjī evaṃmahiddhike evaṃmahānubhāve ucchecchāmi 3 vajjī, vināsessāmi vajjī, anayabyasanaṃ āpādessāmi vajjī’’ti 4.
๑๓๒. อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต วสฺสการํ พฺราหฺมณํ มคธมหามตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘ราชา, ภเนฺต, มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติฯ เอวญฺจ วเทหิ – ‘ราชา, ภเนฺต, มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต วชฺชี อภิยาตุกาโมฯ โส เอวมาห – ‘‘อหํ หิเม วชฺชี เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว อุเจฺฉจฺฉามิ วชฺชี, วินาเสสฺสามิ วชฺชี, อนยพฺยสนํ อาปาเทสฺสามี’’’ติฯ ยถา เต ภควา พฺยากโรติ, ตํ สาธุกํ อุคฺคเหตฺวา มม อาโรเจยฺยาสิฯ น หิ ตถาคตา วิตถํ ภณนฺตี’’ติฯ
132. Atha kho rājā māgadho ajātasattu vedehiputto vassakāraṃ brāhmaṇaṃ magadhamahāmattaṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, brāhmaṇa, yena bhagavā tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā mama vacanena bhagavato pāde sirasā vandāhi, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ puccha – ‘rājā, bhante, māgadho ajātasattu vedehiputto bhagavato pāde sirasā vandati, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchatī’ti. Evañca vadehi – ‘rājā, bhante, māgadho ajātasattu vedehiputto vajjī abhiyātukāmo. So evamāha – ‘‘ahaṃ hime vajjī evaṃmahiddhike evaṃmahānubhāve ucchecchāmi vajjī, vināsessāmi vajjī, anayabyasanaṃ āpādessāmī’’’ti. Yathā te bhagavā byākaroti, taṃ sādhukaṃ uggahetvā mama āroceyyāsi. Na hi tathāgatā vitathaṃ bhaṇantī’’ti.
วสฺสการพฺราหฺมโณ
Vassakārabrāhmaṇo
๑๓๓. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข วสฺสกาโร พฺราหฺมโณ มคธมหามโตฺต รโญฺญ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ภทฺทานิ ภทฺทานิ ยานานิ โยเชตฺวา ภทฺทํ ภทฺทํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภเทฺทหิ ภเทฺทหิ ยาเนหิ ราชคหมฺหา นิยฺยาสิ, เยน คิชฺฌกูโฎ ปพฺพโต เตน ปายาสิฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ, ยาเนน คนฺตฺวา, ยานา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข วสฺสกาโร พฺราหฺมโณ มคธมหามโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ราชา, โภ โคตม, มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต โภโต โคตมสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติฯ ราชา 5, โภ โคตม, มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต วชฺชี อภิยาตุกาโมฯ โส เอวมาห – ‘อหํ หิเม วชฺชี เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว อุเจฺฉจฺฉามิ วชฺชี, วินาเสสฺสามิ วชฺชี, อนยพฺยสนํ อาปาเทสฺสามี’’’ติฯ
133. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho vassakāro brāhmaṇo magadhamahāmatto rañño māgadhassa ajātasattussa vedehiputtassa paṭissutvā bhaddāni bhaddāni yānāni yojetvā bhaddaṃ bhaddaṃ yānaṃ abhiruhitvā bhaddehi bhaddehi yānehi rājagahamhā niyyāsi, yena gijjhakūṭo pabbato tena pāyāsi. Yāvatikā yānassa bhūmi, yānena gantvā, yānā paccorohitvā pattikova yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho vassakāro brāhmaṇo magadhamahāmatto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘rājā, bho gotama, māgadho ajātasattu vedehiputto bhoto gotamassa pāde sirasā vandati, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchati. Rājā 6, bho gotama, māgadho ajātasattu vedehiputto vajjī abhiyātukāmo. So evamāha – ‘ahaṃ hime vajjī evaṃmahiddhike evaṃmahānubhāve ucchecchāmi vajjī, vināsessāmi vajjī, anayabyasanaṃ āpādessāmī’’’ti.
ราชอปริหานิยธมฺมา
Rājaaparihāniyadhammā
๑๓๔. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปิฎฺฐิโต ฐิโต โหติ ภควนฺตํ พีชยมาโน 7ฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ, ‘วชฺชี อภิณฺหํ สนฺนิปาตา สนฺนิปาตพหุลา’ติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชี อภิณฺหํ สนฺนิปาตา สนฺนิปาตพหุลา’’ติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, วชฺชี อภิณฺหํ สนฺนิปาตา สนฺนิปาตพหุลา ภวิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
134. Tena kho pana samayena āyasmā ānando bhagavato piṭṭhito ṭhito hoti bhagavantaṃ bījayamāno 8. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘kinti te, ānanda, sutaṃ, ‘vajjī abhiṇhaṃ sannipātā sannipātabahulā’ti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjī abhiṇhaṃ sannipātā sannipātabahulā’’ti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, vajjī abhiṇhaṃ sannipātā sannipātabahulā bhavissanti, vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ , ‘วชฺชี สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ, สมคฺคา วุฎฺฐหนฺติ, สมคฺคา วชฺชิกรณียานิ กโรนฺตี’ติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชี สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ, สมคฺคา วุฎฺฐหนฺติ, สมคฺคา วชฺชิกรณียานิ กโรนฺตี’’ติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, วชฺชี สมคฺคา สนฺนิปติสฺสนฺติ, สมคฺคา วุฎฺฐหิสฺสนฺติ, สมคฺคา วชฺชิกรณียานิ กริสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Kinti te, ānanda, sutaṃ , ‘vajjī samaggā sannipatanti, samaggā vuṭṭhahanti, samaggā vajjikaraṇīyāni karontī’ti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjī samaggā sannipatanti, samaggā vuṭṭhahanti, samaggā vajjikaraṇīyāni karontī’’ti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, vajjī samaggā sannipatissanti, samaggā vuṭṭhahissanti, samaggā vajjikaraṇīyāni karissanti, vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ, ‘วชฺชี อปญฺญตฺตํ น ปญฺญเปนฺติ, ปญฺญตฺตํ น สมุจฺฉินฺทนฺติ, ยถาปญฺญเตฺต โปราเณ วชฺชิธเมฺม สมาทาย วตฺตนฺตี’’’ติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชี อปญฺญตฺตํ น ปญฺญเปนฺติ, ปญฺญตฺตํ น สมุจฺฉินฺทนฺติ, ยถาปญฺญเตฺต โปราเณ วชฺชิธเมฺม สมาทาย วตฺตนฺตี’’’ติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, ‘‘วชฺชี อปญฺญตฺตํ น ปญฺญเปสฺสนฺติ, ปญฺญตฺตํ น สมุจฺฉินฺทิสฺสนฺติ, ยถาปญฺญเตฺต โปราเณ วชฺชิธเมฺม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Kinti te, ānanda, sutaṃ, ‘vajjī apaññattaṃ na paññapenti, paññattaṃ na samucchindanti, yathāpaññatte porāṇe vajjidhamme samādāya vattantī’’’ti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjī apaññattaṃ na paññapenti, paññattaṃ na samucchindanti, yathāpaññatte porāṇe vajjidhamme samādāya vattantī’’’ti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, ‘‘vajjī apaññattaṃ na paññapessanti, paññattaṃ na samucchindissanti, yathāpaññatte porāṇe vajjidhamme samādāya vattissanti, vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ, ‘วชฺชี เย เต วชฺชีนํ วชฺชิมหลฺลกา, เต สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ 9 มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, เตสญฺจ โสตพฺพํ มญฺญนฺตี’’’ติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชี เย เต วชฺชีนํ วชฺชิมหลฺลกา, เต สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, เตสญฺจ โสตพฺพํ มญฺญนฺตี’’’ติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, วชฺชี เย เต วชฺชีนํ วชฺชิมหลฺลกา , เต สกฺกริสฺสนฺติ ครุํ กริสฺสนฺติ มาเนสฺสนฺติ ปูเชสฺสนฺติ, เตสญฺจ โสตพฺพํ มญฺญิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Kinti te, ānanda, sutaṃ, ‘vajjī ye te vajjīnaṃ vajjimahallakā, te sakkaronti garuṃ karonti 10 mānenti pūjenti, tesañca sotabbaṃ maññantī’’’ti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjī ye te vajjīnaṃ vajjimahallakā, te sakkaronti garuṃ karonti mānenti pūjenti, tesañca sotabbaṃ maññantī’’’ti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, vajjī ye te vajjīnaṃ vajjimahallakā , te sakkarissanti garuṃ karissanti mānessanti pūjessanti, tesañca sotabbaṃ maññissanti, vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ, ‘วชฺชี ยา ตา กุลิตฺถิโย กุลกุมาริโย, ตา น โอกฺกสฺส ปสยฺห วาเสนฺตี’’’ติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชี ยา ตา กุลิตฺถิโย กุลกุมาริโย ตา น โอกฺกสฺส ปสยฺห วาเสนฺตี’’’ติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, วชฺชี ยา ตา กุลิตฺถิโย กุลกุมาริโย, ตา น โอกฺกสฺส ปสยฺห วาเสสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Kinti te, ānanda, sutaṃ, ‘vajjī yā tā kulitthiyo kulakumāriyo, tā na okkassa pasayha vāsentī’’’ti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjī yā tā kulitthiyo kulakumāriyo tā na okkassa pasayha vāsentī’’’ti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, vajjī yā tā kulitthiyo kulakumāriyo, tā na okkassa pasayha vāsessanti, vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ, ‘วชฺชี ยานิ ตานิ
‘‘Kinti te, ānanda, sutaṃ, ‘vajjī yāni tāni
วชฺชีนํ วชฺชิเจติยานิ อพฺภนฺตรานิ เจว พาหิรานิ จ, ตานิ สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, เตสญฺจ ทินฺนปุพฺพํ กตปุพฺพํ ธมฺมิกํ พลิํ โน ปริหาเปนฺตี’’’ติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต – ‘วชฺชี ยานิ ตานิ วชฺชีนํ วชฺชิเจติยานิ อพฺภนฺตรานิ เจว พาหิรานิ จ, ตานิ สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ เตสญฺจ ทินฺนปุพฺพํ กตปุพฺพํ ธมฺมิกํ พลิํ โน ปริหาเปนฺตี’’’ติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, วชฺชี ยานิ ตานิ วชฺชีนํ วชฺชิเจติยานิ อพฺภนฺตรานิ เจว พาหิรานิ จ, ตานิ สกฺกริสฺสนฺติ ครุํ กริสฺสนฺติ มาเนสฺสนฺติ ปูเชสฺสนฺติ, เตสญฺจ ทินฺนปุพฺพํ กตปุพฺพํ ธมฺมิกํ พลิํ โน ปริหาเปสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
Vajjīnaṃ vajjicetiyāni abbhantarāni ceva bāhirāni ca, tāni sakkaronti garuṃ karonti mānenti pūjenti, tesañca dinnapubbaṃ katapubbaṃ dhammikaṃ baliṃ no parihāpentī’’’ti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante – ‘vajjī yāni tāni vajjīnaṃ vajjicetiyāni abbhantarāni ceva bāhirāni ca, tāni sakkaronti garuṃ karonti mānenti pūjenti tesañca dinnapubbaṃ katapubbaṃ dhammikaṃ baliṃ no parihāpentī’’’ti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, vajjī yāni tāni vajjīnaṃ vajjicetiyāni abbhantarāni ceva bāhirāni ca, tāni sakkarissanti garuṃ karissanti mānessanti pūjessanti, tesañca dinnapubbaṃ katapubbaṃ dhammikaṃ baliṃ no parihāpessanti, vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘กินฺติ เต, อานนฺท, สุตํ, ‘วชฺชีนํ อรหเนฺตสุ ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ สุสํวิหิตา, กินฺติ อนาคตา จ อรหโนฺต วิชิตํ อาคเจฺฉยฺยุํ, อาคตา จ อรหโนฺต วิชิเต ผาสุ วิหเรยฺยุ’’’นฺติ? ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต ‘วชฺชีนํ อรหเนฺตสุ ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ สุสํวิหิตา กินฺติ อนาคตา จ อรหโนฺต วิชิตํ อาคเจฺฉยฺยุํ, อาคตา จ อรหโนฺต วิชิเต ผาสุ วิหเรยฺยุ’’’นฺติฯ ‘‘ยาวกีวญฺจ, อานนฺท, วชฺชีนํ อรหเนฺตสุ ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ สุสํวิหิตา ภวิสฺสติ, กินฺติ อนาคตา จ อรหโนฺต วิชิตํ อาคเจฺฉยฺยุํ, อาคตา จ อรหโนฺต วิชิเต ผาสุ วิหเรยฺยุนฺติฯ วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติฯ
‘‘Kinti te, ānanda, sutaṃ, ‘vajjīnaṃ arahantesu dhammikā rakkhāvaraṇagutti susaṃvihitā, kinti anāgatā ca arahanto vijitaṃ āgaccheyyuṃ, āgatā ca arahanto vijite phāsu vihareyyu’’’nti? ‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante ‘vajjīnaṃ arahantesu dhammikā rakkhāvaraṇagutti susaṃvihitā kinti anāgatā ca arahanto vijitaṃ āgaccheyyuṃ, āgatā ca arahanto vijite phāsu vihareyyu’’’nti. ‘‘Yāvakīvañca, ānanda, vajjīnaṃ arahantesu dhammikā rakkhāvaraṇagutti susaṃvihitā bhavissati, kinti anāgatā ca arahanto vijitaṃ āgaccheyyuṃ, āgatā ca arahanto vijite phāsu vihareyyunti. Vuddhiyeva, ānanda, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihānī’’ti.
๑๓๕. อถ โข ภควา วสฺสการํ พฺราหฺมณํ มคธมหามตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอกมิทาหํ, พฺราหฺมณ, สมยํ เวสาลิยํ วิหรามิ สารนฺทเท 11 เจติเยฯ ตตฺราหํ วชฺชีนํ อิเม สตฺต อปริหานิเย ธเมฺม เทเสสิํฯ ยาวกีวญฺจ, พฺราหฺมณ, อิเม สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา วชฺชีสุ ฐสฺสนฺติ, อิเมสุ จ สตฺตสุ อปริหานิเยสุ ธเมฺมสุ วชฺชี สนฺทิสฺสิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, พฺราหฺมณ, วชฺชีนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติฯ
135. Atha kho bhagavā vassakāraṃ brāhmaṇaṃ magadhamahāmattaṃ āmantesi – ‘‘ekamidāhaṃ, brāhmaṇa, samayaṃ vesāliyaṃ viharāmi sārandade 12 cetiye. Tatrāhaṃ vajjīnaṃ ime satta aparihāniye dhamme desesiṃ. Yāvakīvañca, brāhmaṇa, ime satta aparihāniyā dhammā vajjīsu ṭhassanti, imesu ca sattasu aparihāniyesu dhammesu vajjī sandississanti, vuddhiyeva, brāhmaṇa, vajjīnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihānī’’ti.
เอวํ วุเตฺต, วสฺสกาโร พฺราหฺมโณ มคธมหามโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอกเมเกนปิ, โภ โคตม, อปริหานิเยน ธเมฺมน สมนฺนาคตานํ วชฺชีนํ วุทฺธิเยว ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิ ฯ โก ปน วาโท สตฺตหิ อปริหานิเยหิ ธเมฺมหิฯ อกรณียาว 13, โภ โคตม, วชฺชี 14 รญฺญา มาคเธน อชาตสตฺตุนา เวเทหิปุเตฺตน ยทิทํ ยุทฺธสฺส, อญฺญตฺร อุปลาปนาย อญฺญตฺร มิถุเภทาฯ หนฺท จ ทานิ มยํ, โภ โคตม, คจฺฉาม , พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติฯ ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ อถ โข วสฺสกาโร พฺราหฺมโณ มคธมหามโตฺต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ
Evaṃ vutte, vassakāro brāhmaṇo magadhamahāmatto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ekamekenapi, bho gotama, aparihāniyena dhammena samannāgatānaṃ vajjīnaṃ vuddhiyeva pāṭikaṅkhā, no parihāni . Ko pana vādo sattahi aparihāniyehi dhammehi. Akaraṇīyāva 15, bho gotama, vajjī 16 raññā māgadhena ajātasattunā vedehiputtena yadidaṃ yuddhassa, aññatra upalāpanāya aññatra mithubhedā. Handa ca dāni mayaṃ, bho gotama, gacchāma , bahukiccā mayaṃ bahukaraṇīyā’’ti. ‘‘Yassadāni tvaṃ, brāhmaṇa, kālaṃ maññasī’’ti. Atha kho vassakāro brāhmaṇo magadhamahāmatto bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi.
ภิกฺขุอปริหานิยธมฺมา
Bhikkhuaparihāniyadhammā
๑๓๖. อถ โข ภควา อจิรปกฺกเนฺต วสฺสกาเร พฺราหฺมเณ มคธมหามเตฺต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, อานนฺท, ยาวติกา ภิกฺขู ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, เต สเพฺพ อุปฎฺฐานสาลายํ สนฺนิปาเตหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา ยาวติกา ภิกฺขู ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, เต สเพฺพ อุปฎฺฐานสาลายํ สนฺนิปาเตตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สนฺนิปติโต, ภเนฺต, ภิกฺขุสโงฺฆ, ยสฺสทานิ, ภเนฺต, ภควา กาลํ มญฺญตี’’ติฯ
136. Atha kho bhagavā acirapakkante vassakāre brāhmaṇe magadhamahāmatte āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘gaccha tvaṃ, ānanda, yāvatikā bhikkhū rājagahaṃ upanissāya viharanti, te sabbe upaṭṭhānasālāyaṃ sannipātehī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paṭissutvā yāvatikā bhikkhū rājagahaṃ upanissāya viharanti, te sabbe upaṭṭhānasālāyaṃ sannipātetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sannipatito, bhante, bhikkhusaṅgho, yassadāni, bhante, bhagavā kālaṃ maññatī’’ti.
อถ โข ภควา อุฎฺฐายาสนา เยน อุปฎฺฐานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘สตฺต โว, ภิกฺขเว, อปริหานิเย ธเมฺม เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
Atha kho bhagavā uṭṭhāyāsanā yena upaṭṭhānasālā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘satta vo, bhikkhave, aparihāniye dhamme desessāmi, taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasikarotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘ยาวกีวญฺจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขู อภิณฺหํ สนฺนิปาตา สนฺนิปาตพหุลา ภวิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca , bhikkhave, bhikkhū abhiṇhaṃ sannipātā sannipātabahulā bhavissanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สมคฺคา สนฺนิปติสฺสนฺติ, สมคฺคา วุฎฺฐหิสฺสนฺติ, สมคฺคา สงฺฆกรณียานิ กริสฺสนฺติ , วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū samaggā sannipatissanti, samaggā vuṭṭhahissanti, samaggā saṅghakaraṇīyāni karissanti , vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อปญฺญตฺตํ น ปญฺญเปสฺสนฺติ, ปญฺญตฺตํ น สมุจฺฉินฺทิสฺสนฺติ, ยถาปญฺญเตฺตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū apaññattaṃ na paññapessanti, paññattaṃ na samucchindissanti, yathāpaññattesu sikkhāpadesu samādāya vattissanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู เย เต ภิกฺขู เถรา รตฺตญฺญู จิรปพฺพชิตา สงฺฆปิตโร สงฺฆปริณายกา, เต สกฺกริสฺสนฺติ ครุํ กริสฺสนฺติ มาเนสฺสนฺติ ปูเชสฺสนฺติ, เตสญฺจ โสตพฺพํ มญฺญิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū ye te bhikkhū therā rattaññū cirapabbajitā saṅghapitaro saṅghapariṇāyakā, te sakkarissanti garuṃ karissanti mānessanti pūjessanti, tesañca sotabbaṃ maññissanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อุปฺปนฺนาย ตณฺหาย โปโนพฺภวิกาย น วสํ คจฺฉิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū uppannāya taṇhāya ponobbhavikāya na vasaṃ gacchissanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อารญฺญเกสุ เสนาสเนสุ สาเปกฺขา ภวิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū āraññakesu senāsanesu sāpekkhā bhavissanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ปจฺจตฺตเญฺญว สติํ อุปฎฺฐเปสฺสนฺติ – ‘กินฺติ อนาคตา จ เปสลา สพฺรหฺมจารี อาคเจฺฉยฺยุํ, อาคตา จ เปสลา สพฺรหฺมจารี ผาสุ 17 วิหเรยฺยุ’นฺติฯ วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū paccattaññeva satiṃ upaṭṭhapessanti – ‘kinti anāgatā ca pesalā sabrahmacārī āgaccheyyuṃ, āgatā ca pesalā sabrahmacārī phāsu 18 vihareyyu’nti. Vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, อิเม สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา ภิกฺขูสุ ฐสฺสนฺติ, อิเมสุ จ สตฺตสุ อปริหานิเยสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขู สนฺทิสฺสิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, ime satta aparihāniyā dhammā bhikkhūsu ṭhassanti, imesu ca sattasu aparihāniyesu dhammesu bhikkhū sandississanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
๑๓๗. ‘‘อปเรปิ โว, ภิกฺขเว, สตฺต อปริหานิเย ธเมฺม เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
137. ‘‘Aparepi vo, bhikkhave, satta aparihāniye dhamme desessāmi, taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasikarotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู น กมฺมารามา ภวิสฺสนฺติ น กมฺมรตา น กมฺมารามตมนุยุตฺตา, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū na kammārāmā bhavissanti na kammaratā na kammārāmatamanuyuttā, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู น ภสฺสารามา ภวิสฺสนฺติ น ภสฺสรตา น ภสฺสารามตมนุยุตฺตา, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū na bhassārāmā bhavissanti na bhassaratā na bhassārāmatamanuyuttā, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู น นิทฺทารามา ภวิสฺสนฺติ น นิทฺทารตา น นิทฺทารามตมนุยุตฺตา, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū na niddārāmā bhavissanti na niddāratā na niddārāmatamanuyuttā, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู น สงฺคณิการามา ภวิสฺสนฺติ น สงฺคณิกรตา น สงฺคณิการามตมนุยุตฺตา, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū na saṅgaṇikārāmā bhavissanti na saṅgaṇikaratā na saṅgaṇikārāmatamanuyuttā, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู น ปาปิจฺฉา ภวิสฺสนฺติ น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū na pāpicchā bhavissanti na pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gatā, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู น ปาปมิตฺตา ภวิสฺสนฺติ น ปาปสหายา น ปาปสมฺปวงฺกา, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū na pāpamittā bhavissanti na pāpasahāyā na pāpasampavaṅkā, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู น โอรมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน อนฺตราโวสานํ อาปชฺชิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū na oramattakena visesādhigamena antarāvosānaṃ āpajjissanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, อิเม สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา ภิกฺขูสุ ฐสฺสนฺติ, อิเมสุ จ สตฺตสุ อปริหานิเยสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขู สนฺทิสฺสิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, ime satta aparihāniyā dhammā bhikkhūsu ṭhassanti, imesu ca sattasu aparihāniyesu dhammesu bhikkhū sandississanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
๑๓๘. ‘‘อปเรปิ โว, ภิกฺขเว, สตฺต อปริหานิเย ธเมฺม เทเสสฺสามิ…เป.… ‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สทฺธา ภวิสฺสนฺติ…เป.… หิริมนา ภวิสฺสนฺติ… โอตฺตปฺปี ภวิสฺสนฺติ… พหุสฺสุตา ภวิสฺสนฺติ… อารทฺธวีริยา ภวิสฺสนฺติ… อุปฎฺฐิตสฺสตี ภวิสฺสนฺติ… ปญฺญวโนฺต ภวิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, อิเม สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา ภิกฺขูสุ ฐสฺสนฺติ, อิเมสุ จ สตฺตสุ อปริหานิเยสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขู สนฺทิสฺสิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
138. ‘‘Aparepi vo, bhikkhave, satta aparihāniye dhamme desessāmi…pe… ‘‘yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū saddhā bhavissanti…pe… hirimanā bhavissanti… ottappī bhavissanti… bahussutā bhavissanti… āraddhavīriyā bhavissanti… upaṭṭhitassatī bhavissanti… paññavanto bhavissanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni. Yāvakīvañca, bhikkhave, ime satta aparihāniyā dhammā bhikkhūsu ṭhassanti, imesu ca sattasu aparihāniyesu dhammesu bhikkhū sandississanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
๑๓๙. ‘‘อปเรปิ โว, ภิกฺขเว, สตฺต อปริหานิเย ธเมฺม เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
139. ‘‘Aparepi vo, bhikkhave, satta aparihāniye dhamme desessāmi, taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasikarotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวสฺสนฺติ…เป.… ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวสฺสนฺติ… วีริยสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวสฺสนฺติ… ปีติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวสฺสนฺติ… ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวสฺสนฺติ… สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวสฺสนฺติ… อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว , ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhu satisambojjhaṅgaṃ bhāvessanti…pe… dhammavicayasambojjhaṅgaṃ bhāvessanti… vīriyasambojjhaṅgaṃ bhāvessanti… pītisambojjhaṅgaṃ bhāvessanti… passaddhisambojjhaṅgaṃ bhāvessanti… samādhisambojjhaṅgaṃ bhāvessanti… upekkhāsambojjhaṅgaṃ bhāvessanti, vuddhiyeva , bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, อิเม สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา ภิกฺขูสุ ฐสฺสนฺติ, อิเมสุ จ สตฺตสุ อปริหานิเยสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขู สนฺทิสฺสิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, ime satta aparihāniyā dhammā bhikkhūsu ṭhassanti, imesu ca sattasu aparihāniyesu dhammesu bhikkhū sandississanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā no parihāni.
๑๔๐. ‘‘อปเรปิ โว, ภิกฺขเว, สตฺต อปริหานิเย ธเมฺม เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
140. ‘‘Aparepi vo, bhikkhave, satta aparihāniye dhamme desessāmi, taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasikarotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อนิจฺจสญฺญํ ภาเวสฺสนฺติ…เป.… อนตฺตสญฺญํ ภาเวสฺสนฺติ… อสุภสญฺญํ ภาเวสฺสนฺติ… อาทีนวสญฺญํ ภาเวสฺสนฺติ… ปหานสญฺญํ ภาเวสฺสนฺติ… วิราคสญฺญํ ภาเวสฺสนฺติ… นิโรธสญฺญํ ภาเวสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū aniccasaññaṃ bhāvessanti…pe… anattasaññaṃ bhāvessanti… asubhasaññaṃ bhāvessanti… ādīnavasaññaṃ bhāvessanti… pahānasaññaṃ bhāvessanti… virāgasaññaṃ bhāvessanti… nirodhasaññaṃ bhāvessanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ , ภิกฺขเว, อิเม สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา ภิกฺขูสุ ฐสฺสนฺติ, อิเมสุ จ สตฺตสุ อปริหานิเยสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขู สนฺทิสฺสิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca , bhikkhave, ime satta aparihāniyā dhammā bhikkhūsu ṭhassanti, imesu ca sattasu aparihāniyesu dhammesu bhikkhū sandississanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
๑๔๑. ‘‘ฉ, โว ภิกฺขเว, อปริหานิเย ธเมฺม เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
141. ‘‘Cha, vo bhikkhave, aparihāniye dhamme desessāmi, taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasikarotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘ยาวกีวญฺจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขู เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐาเปสฺสนฺติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca , bhikkhave, bhikkhū mettaṃ kāyakammaṃ paccupaṭṭhāpessanti sabrahmacārīsu āvi ceva raho ca, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐาเปสฺสนฺติ …เป.… เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐาเปสฺสนฺติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū mettaṃ vacīkammaṃ paccupaṭṭhāpessanti …pe… mettaṃ manokammaṃ paccupaṭṭhāpessanti sabrahmacārīsu āvi ceva raho ca, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู, เย เต ลาภา ธมฺมิกา ธมฺมลทฺธา อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปิ ตถารูเปหิ ลาเภหิ อปฺปฎิวิภตฺตโภคี ภวิสฺสนฺติ สีลวเนฺตหิ สพฺรหฺมจารีหิ สาธารณโภคี, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū, ye te lābhā dhammikā dhammaladdhā antamaso pattapariyāpannamattampi tathārūpehi lābhehi appaṭivibhattabhogī bhavissanti sīlavantehi sabrahmacārīhi sādhāraṇabhogī, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ยานิ กานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิญฺญูปสตฺถานิ 19 อปรามฎฺฐานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ ตถารูเปสุ สีเลสุ สีลสามญฺญคตา วิหริสฺสนฺติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū yāni kāni sīlāni akhaṇḍāni acchiddāni asabalāni akammāsāni bhujissāni viññūpasatthāni 20 aparāmaṭṭhāni samādhisaṃvattanikāni tathārūpesu sīlesu sīlasāmaññagatā viharissanti sabrahmacārīhi āvi ceva raho ca, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ยายํ ทิฎฺฐิ อริยา นิยฺยานิกา, นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฎฺฐิยา ทิฎฺฐิสามญฺญคตา วิหริสฺสนฺติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิฯ
‘‘Yāvakīvañca, bhikkhave, bhikkhū yāyaṃ diṭṭhi ariyā niyyānikā, niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāya, tathārūpāya diṭṭhiyā diṭṭhisāmaññagatā viharissanti sabrahmacārīhi āvi ceva raho ca, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihāni.
‘‘ยาวกีวญฺจ , ภิกฺขเว, อิเม ฉ อปริหานิยา ธมฺมา ภิกฺขูสุ ฐสฺสนฺติ, อิเมสุ จ ฉสุ อปริหานิเยสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขู สนฺทิสฺสิสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติฯ
‘‘Yāvakīvañca , bhikkhave, ime cha aparihāniyā dhammā bhikkhūsu ṭhassanti, imesu ca chasu aparihāniyesu dhammesu bhikkhū sandississanti, vuddhiyeva, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pāṭikaṅkhā, no parihānī’’ti.
๑๔๒. ตตฺร สุทํ ภควา ราชคเห วิหรโนฺต คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเต เอตเทว พหุลํ ภิกฺขูนํ ธมฺมิํ กถํ กโรติ – ‘‘อิติ สีลํ, อิติ สมาธิ, อิติ ปญฺญาฯ สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโสฯ สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสาฯ ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ, เสยฺยถิทํ – กามาสวา, ภวาสวา, อวิชฺชาสวา’’ติฯ
142. Tatra sudaṃ bhagavā rājagahe viharanto gijjhakūṭe pabbate etadeva bahulaṃ bhikkhūnaṃ dhammiṃ kathaṃ karoti – ‘‘iti sīlaṃ, iti samādhi, iti paññā. Sīlaparibhāvito samādhi mahapphalo hoti mahānisaṃso. Samādhiparibhāvitā paññā mahapphalā hoti mahānisaṃsā. Paññāparibhāvitaṃ cittaṃ sammadeva āsavehi vimuccati, seyyathidaṃ – kāmāsavā, bhavāsavā, avijjāsavā’’ti.
๑๔๓. อถ โข ภควา ราชคเห ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน อมฺพลฎฺฐิกา เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน อมฺพลฎฺฐิกา ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา อมฺพลฎฺฐิกายํ วิหรติ ราชาคารเกฯ ตตฺราปิ สุทํ ภควา อมฺพลฎฺฐิกายํ วิหรโนฺต ราชาคารเก เอตเทว พหุลํ ภิกฺขูนํ ธมฺมิํ กถํ กโรติ – ‘‘อิติ สีลํ อิติ สมาธิ อิติ ปญฺญาฯ สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโสฯ สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสาฯ ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ, เสยฺยถิทํ – กามาสวา, ภวาสวา, อวิชฺชาสวา’’ติฯ
143. Atha kho bhagavā rājagahe yathābhirantaṃ viharitvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘āyāmānanda, yena ambalaṭṭhikā tenupasaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Atha kho bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena ambalaṭṭhikā tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā ambalaṭṭhikāyaṃ viharati rājāgārake. Tatrāpi sudaṃ bhagavā ambalaṭṭhikāyaṃ viharanto rājāgārake etadeva bahulaṃ bhikkhūnaṃ dhammiṃ kathaṃ karoti – ‘‘iti sīlaṃ iti samādhi iti paññā. Sīlaparibhāvito samādhi mahapphalo hoti mahānisaṃso. Samādhiparibhāvitā paññā mahapphalā hoti mahānisaṃsā. Paññāparibhāvitaṃ cittaṃ sammadeva āsavehi vimuccati, seyyathidaṃ – kāmāsavā, bhavāsavā, avijjāsavā’’ti.
๑๔๔. อถ โข ภควา อมฺพลฎฺฐิกายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน นาฬนฺทา เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน นาฬนฺทา ตทวสริ, ตตฺร สุทํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเน ฯ
144. Atha kho bhagavā ambalaṭṭhikāyaṃ yathābhirantaṃ viharitvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘āyāmānanda, yena nāḷandā tenupasaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Atha kho bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena nāḷandā tadavasari, tatra sudaṃ bhagavā nāḷandāyaṃ viharati pāvārikambavane .
สาริปุตฺตสีหนาโท
Sāriputtasīhanādo
๑๔๕. อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอวํ ปสโนฺน อหํ, ภเนฺต, ภควติ; น จาหุ น จ ภวิสฺสติ น เจตรหิ วิชฺชติ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร ยทิทํ สโมฺพธิย’’นฺติฯ ‘‘อุฬารา โข เต อยํ, สาริปุตฺต, อาสภี วาจา 21 ภาสิตา, เอกํโส คหิโต, สีหนาโท นทิโต – ‘เอวํปสโนฺน อหํ, ภเนฺต, ภควติ; น จาหุ น จ ภวิสฺสติ น เจตรหิ วิชฺชติ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร ยทิทํ สโมฺพธิย’นฺติฯ
145. Atha kho āyasmā sāriputto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘evaṃ pasanno ahaṃ, bhante, bhagavati; na cāhu na ca bhavissati na cetarahi vijjati añño samaṇo vā brāhmaṇo vā bhagavatā bhiyyobhiññataro yadidaṃ sambodhiya’’nti. ‘‘Uḷārā kho te ayaṃ, sāriputta, āsabhī vācā 22 bhāsitā, ekaṃso gahito, sīhanādo nadito – ‘evaṃpasanno ahaṃ, bhante, bhagavati; na cāhu na ca bhavissati na cetarahi vijjati añño samaṇo vā brāhmaṇo vā bhagavatā bhiyyobhiññataro yadidaṃ sambodhiya’nti.
‘‘กิํ เต 23, สาริปุตฺต, เย เต อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, สเพฺพ เต ภควโนฺต เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิตา – ‘เอวํสีลา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ, เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา เอวํวิหารี เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Kiṃ te 24, sāriputta, ye te ahesuṃ atītamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā, sabbe te bhagavanto cetasā ceto paricca viditā – ‘evaṃsīlā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipī’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’.
‘‘กิํ ปน เต 25, สาริปุตฺต, เย เต ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, สเพฺพ เต ภควโนฺต เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิตา – ‘เอวํสีลา เต ภควโนฺต ภวิสฺสนฺติ อิติปิ, เอวํธมฺมา เอวํปญฺญา เอวํวิหารี เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต ภวิสฺสนฺติ อิติปี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Kiṃ pana te 26, sāriputta, ye te bhavissanti anāgatamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā, sabbe te bhagavanto cetasā ceto paricca viditā – ‘evaṃsīlā te bhagavanto bhavissanti itipi, evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto bhavissanti itipī’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’.
‘‘กิํ ปน เต, สาริปุตฺต, อหํ เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต – ‘‘เอวํสีโล ภควา อิติปิ , เอวํธโมฺม เอวํปโญฺญ เอวํวิหารี เอวํวิมุโตฺต ภควา อิติปี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ
‘‘Kiṃ pana te, sāriputta, ahaṃ etarahi arahaṃ sammāsambuddho cetasā ceto paricca vidito – ‘‘evaṃsīlo bhagavā itipi , evaṃdhammo evaṃpañño evaṃvihārī evaṃvimutto bhagavā itipī’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’.
‘‘เอตฺถ จ หิ เต, สาริปุตฺต, อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุ อรหเนฺตสุ สมฺมาสมฺพุเทฺธสุ เจโตปริยญาณํ 27 นตฺถิฯ อถ กิญฺจรหิ เต อยํ, สาริปุตฺต, อุฬารา อาสภี วาจา ภาสิตา, เอกํโส คหิโต, สีหนาโท นทิโต – ‘เอวํปสโนฺน อหํ, ภเนฺต, ภควติ; น จาหุ น จ ภวิสฺสติ น เจตรหิ วิชฺชติ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร ยทิทํ สโมฺพธิย’’’นฺติ?
‘‘Ettha ca hi te, sāriputta, atītānāgatapaccuppannesu arahantesu sammāsambuddhesu cetopariyañāṇaṃ 28 natthi. Atha kiñcarahi te ayaṃ, sāriputta, uḷārā āsabhī vācā bhāsitā, ekaṃso gahito, sīhanādo nadito – ‘evaṃpasanno ahaṃ, bhante, bhagavati; na cāhu na ca bhavissati na cetarahi vijjati añño samaṇo vā brāhmaṇo vā bhagavatā bhiyyobhiññataro yadidaṃ sambodhiya’’’nti?
๑๔๖. ‘‘น โข เม, ภเนฺต, อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุ อรหเนฺตสุ สมฺมาสมฺพุเทฺธสุ เจโตปริยญาณํ อตฺถิ, อปิ จ เม ธมฺมนฺวโย วิทิโตฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, รโญฺญ ปจฺจนฺติมํ นครํ ทฬฺหุทฺธาปํ ทฬฺหปาการโตรณํ เอกทฺวารํ, ตตฺรสฺส โทวาริโก ปณฺฑิโต วิยโตฺต เมธาวี อญฺญาตานํ นิวาเรตา ญาตานํ ปเวเสตาฯ โส ตสฺส นครสฺส สมนฺตา อนุปริยายปถํ 29 อนุกฺกมมาโน น ปเสฺสยฺย ปาการสนฺธิํ วา ปาการวิวรํ วา, อนฺตมโส พิฬารนิกฺขมนมตฺตมฺปิฯ ตสฺส เอวมสฺส 30 – ‘เย โข เกจิ โอฬาริกา ปาณา อิมํ นครํ ปวิสนฺติ วา นิกฺขมนฺติ วา, สเพฺพ เต อิมินาว ทฺวาเรน ปวิสนฺติ วา นิกฺขมนฺติ วา’ติฯ เอวเมว โข เม, ภเนฺต, ธมฺมนฺวโย วิทิโต – ‘เย เต, ภเนฺต, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา , สเพฺพ เต ภควโนฺต ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปติฎฺฐิตจิตฺตา สตฺตโพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌิํสุฯ เยปิ เต, ภเนฺต, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา , สเพฺพ เต ภควโนฺต ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปติฎฺฐิตจิตฺตา สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌิสฺสนฺติฯ ภควาปิ, ภเนฺต, เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปติฎฺฐิตจิโตฺต สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธ’’’ติฯ
146. ‘‘Na kho me, bhante, atītānāgatapaccuppannesu arahantesu sammāsambuddhesu cetopariyañāṇaṃ atthi, api ca me dhammanvayo vidito. Seyyathāpi, bhante, rañño paccantimaṃ nagaraṃ daḷhuddhāpaṃ daḷhapākāratoraṇaṃ ekadvāraṃ, tatrassa dovāriko paṇḍito viyatto medhāvī aññātānaṃ nivāretā ñātānaṃ pavesetā. So tassa nagarassa samantā anupariyāyapathaṃ 31 anukkamamāno na passeyya pākārasandhiṃ vā pākāravivaraṃ vā, antamaso biḷāranikkhamanamattampi. Tassa evamassa 32 – ‘ye kho keci oḷārikā pāṇā imaṃ nagaraṃ pavisanti vā nikkhamanti vā, sabbe te imināva dvārena pavisanti vā nikkhamanti vā’ti. Evameva kho me, bhante, dhammanvayo vidito – ‘ye te, bhante, ahesuṃ atītamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā , sabbe te bhagavanto pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe catūsu satipaṭṭhānesu supatiṭṭhitacittā sattabojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhiṃsu. Yepi te, bhante, bhavissanti anāgatamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā , sabbe te bhagavanto pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe catūsu satipaṭṭhānesu supatiṭṭhitacittā satta bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhissanti. Bhagavāpi, bhante, etarahi arahaṃ sammāsambuddho pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe catūsu satipaṭṭhānesu supatiṭṭhitacitto satta bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho’’’ti.
๑๔๗. ตตฺรปิ สุทํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรโนฺต ปาวาริกมฺพวเน เอตเทว พหุลํ ภิกฺขูนํ ธมฺมิํ กถํ กโรติ – ‘‘อิติ สีลํ, อิติ สมาธิ, อิติ ปญฺญาฯ สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโสฯ สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสาฯ ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ, เสยฺยถิทํ – กามาสวา, ภวาสวา, อวิชฺชาสวา’’ติฯ
147. Tatrapi sudaṃ bhagavā nāḷandāyaṃ viharanto pāvārikambavane etadeva bahulaṃ bhikkhūnaṃ dhammiṃ kathaṃ karoti – ‘‘iti sīlaṃ, iti samādhi, iti paññā. Sīlaparibhāvito samādhi mahapphalo hoti mahānisaṃso. Samādhiparibhāvitā paññā mahapphalā hoti mahānisaṃsā. Paññāparibhāvitaṃ cittaṃ sammadeva āsavehi vimuccati, seyyathidaṃ – kāmāsavā, bhavāsavā, avijjāsavā’’ti.
ทุสฺสีลอาทีนวา
Dussīlaādīnavā
๑๔๘. อถ โข ภควา นาฬนฺทายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน ปาฎลิคาโม เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิ ฯ อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน ปาฎลิคาโม ตทวสริฯ อโสฺสสุํ โข ปาฎลิคามิกา อุปาสกา – ‘‘ภควา กิร ปาฎลิคามํ อนุปฺปโตฺต’’ติฯ อถ โข ปาฎลิคามิกา อุปาสกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข ปาฎลิคามิกา อุปาสกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อธิวาเสตุ โน, ภเนฺต, ภควา อาวสถาคาร’’นฺติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข ปาฎลิคามิกา อุปาสกา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา สพฺพสนฺถริํ 33 อาวสถาคารํ สนฺถริตฺวา อาสนานิ ปญฺญเปตฺวา อุทกมณิกํ ปติฎฺฐาเปตฺวา เตลปทีปํ อาโรเปตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข ปาฎลิคามิกา อุปาสกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘สพฺพสนฺถริสนฺถตํ 34, ภเนฺต, อาวสถาคารํ, อาสนานิ ปญฺญตฺตานิ, อุทกมณิโก ปติฎฺฐาปิโต, เตลปทีโป อาโรปิโต; ยสฺสทานิ, ภเนฺต, ภควา กาลํ มญฺญตี’’ติฯ อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ 35ฯ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา อาวสถาคารํ ปวิสิตฺวา มชฺฌิมํ ถมฺภํ นิสฺสาย ปุรตฺถาภิมุโข 36 นิสีทิฯ ภิกฺขุสโงฺฆปิ โข ปาเท ปกฺขาเลตฺวา อาวสถาคารํ ปวิสิตฺวา ปจฺฉิมํ ภิตฺติํ นิสฺสาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิ ภควนฺตเมว ปุรกฺขตฺวาฯ ปาฎลิคามิกาปิ โข อุปาสกา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา อาวสถาคารํ ปวิสิตฺวา ปุรตฺถิมํ ภิตฺติํ นิสฺสาย ปจฺฉิมาภิมุขา นิสีทิํสุ ภควนฺตเมว ปุรกฺขตฺวาฯ
148. Atha kho bhagavā nāḷandāyaṃ yathābhirantaṃ viharitvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘āyāmānanda, yena pāṭaligāmo tenupasaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi . Atha kho bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena pāṭaligāmo tadavasari. Assosuṃ kho pāṭaligāmikā upāsakā – ‘‘bhagavā kira pāṭaligāmaṃ anuppatto’’ti. Atha kho pāṭaligāmikā upāsakā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho pāṭaligāmikā upāsakā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘adhivāsetu no, bhante, bhagavā āvasathāgāra’’nti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena. Atha kho pāṭaligāmikā upāsakā bhagavato adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yena āvasathāgāraṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā sabbasanthariṃ 37 āvasathāgāraṃ santharitvā āsanāni paññapetvā udakamaṇikaṃ patiṭṭhāpetvā telapadīpaṃ āropetvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho pāṭaligāmikā upāsakā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘sabbasantharisanthataṃ 38, bhante, āvasathāgāraṃ, āsanāni paññattāni, udakamaṇiko patiṭṭhāpito, telapadīpo āropito; yassadāni, bhante, bhagavā kālaṃ maññatī’’ti. Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ 39. Nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena āvasathāgāraṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā pāde pakkhāletvā āvasathāgāraṃ pavisitvā majjhimaṃ thambhaṃ nissāya puratthābhimukho 40 nisīdi. Bhikkhusaṅghopi kho pāde pakkhāletvā āvasathāgāraṃ pavisitvā pacchimaṃ bhittiṃ nissāya puratthābhimukho nisīdi bhagavantameva purakkhatvā. Pāṭaligāmikāpi kho upāsakā pāde pakkhāletvā āvasathāgāraṃ pavisitvā puratthimaṃ bhittiṃ nissāya pacchimābhimukhā nisīdiṃsu bhagavantameva purakkhatvā.
๑๔๙. อถ โข ภควา ปาฎลิคามิเก อุปาสเก อามเนฺตสิ – ‘‘ปญฺจิเม, คหปตโย, อาทีนวา ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ กตเม ปญฺจ? อิธ, คหปตโย, ทุสฺสีโล สีลวิปโนฺน ปมาทาธิกรณํ มหติํ โภคชานิํ นิคจฺฉติฯ อยํ ปฐโม อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ
149. Atha kho bhagavā pāṭaligāmike upāsake āmantesi – ‘‘pañcime, gahapatayo, ādīnavā dussīlassa sīlavipattiyā. Katame pañca? Idha, gahapatayo, dussīlo sīlavipanno pamādādhikaraṇaṃ mahatiṃ bhogajāniṃ nigacchati. Ayaṃ paṭhamo ādīnavo dussīlassa sīlavipattiyā.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, ทุสฺสีลสฺส สีลวิปนฺนสฺส ปาปโก กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉติฯ อยํ ทุติโย อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, dussīlassa sīlavipannassa pāpako kittisaddo abbhuggacchati. Ayaṃ dutiyo ādīnavo dussīlassa sīlavipattiyā.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, ทุสฺสีโล สีลวิปโนฺน ยญฺญเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ – ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ยทิ คหปติปริสํ ยทิ สมณปริสํ – อวิสารโท อุปสงฺกมติ มงฺกุภูโตฯ อยํ ตติโย อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, dussīlo sīlavipanno yaññadeva parisaṃ upasaṅkamati – yadi khattiyaparisaṃ yadi brāhmaṇaparisaṃ yadi gahapatiparisaṃ yadi samaṇaparisaṃ – avisārado upasaṅkamati maṅkubhūto. Ayaṃ tatiyo ādīnavo dussīlassa sīlavipattiyā.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, ทุสฺสีโล สีลวิปโนฺน สมฺมูโฬฺห กาลงฺกโรติฯ อยํ จตุโตฺถ อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, dussīlo sīlavipanno sammūḷho kālaṅkaroti. Ayaṃ catuttho ādīnavo dussīlassa sīlavipattiyā.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, ทุสฺสีโล สีลวิปโนฺน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ อยํ ปญฺจโม อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ อิเม โข, คหปตโย, ปญฺจ อาทีนวา ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยาฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, dussīlo sīlavipanno kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Ayaṃ pañcamo ādīnavo dussīlassa sīlavipattiyā. Ime kho, gahapatayo, pañca ādīnavā dussīlassa sīlavipattiyā.
สีลวนฺตฺตอานิสํสา
Sīlavanttaānisaṃsā
๑๕๐. ‘‘ปญฺจิเม , คหปตโย, อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทายฯ กตเม ปญฺจ? อิธ, คหปตโย, สีลวา สีลสมฺปโนฺน อปฺปมาทาธิกรณํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺฉติฯ อยํ ปฐโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ
150. ‘‘Pañcime , gahapatayo, ānisaṃsā sīlavato sīlasampadāya. Katame pañca? Idha, gahapatayo, sīlavā sīlasampanno appamādādhikaraṇaṃ mahantaṃ bhogakkhandhaṃ adhigacchati. Ayaṃ paṭhamo ānisaṃso sīlavato sīlasampadāya.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉติฯ อยํ ทุติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, sīlavato sīlasampannassa kalyāṇo kittisaddo abbhuggacchati. Ayaṃ dutiyo ānisaṃso sīlavato sīlasampadāya.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวา สีลสมฺปโนฺน ยญฺญเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ – ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ยทิ คหปติปริสํ ยทิ สมณปริสํ วิสารโท อุปสงฺกมติ อมงฺกุภูโตฯ อยํ ตติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, sīlavā sīlasampanno yaññadeva parisaṃ upasaṅkamati – yadi khattiyaparisaṃ yadi brāhmaṇaparisaṃ yadi gahapatiparisaṃ yadi samaṇaparisaṃ visārado upasaṅkamati amaṅkubhūto. Ayaṃ tatiyo ānisaṃso sīlavato sīlasampadāya.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวา สีลสมฺปโนฺน อสมฺมูโฬฺห กาลงฺกโรติฯ อยํ จตุโตฺถ อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, sīlavā sīlasampanno asammūḷho kālaṅkaroti. Ayaṃ catuttho ānisaṃso sīlavato sīlasampadāya.
‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวา สีลสมฺปโนฺน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ อยํ ปญฺจโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายฯ อิเม โข, คหปตโย, ปญฺจ อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทายา’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapatayo, sīlavā sīlasampanno kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Ayaṃ pañcamo ānisaṃso sīlavato sīlasampadāya. Ime kho, gahapatayo, pañca ānisaṃsā sīlavato sīlasampadāyā’’ti.
๑๕๑. อถ โข ภควา ปาฎลิคามิเก อุปาสเก พหุเทว รตฺติํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุโยฺยเชสิ – ‘‘อภิกฺกนฺตา โข, คหปตโย, รตฺติ, ยสฺสทานิ ตุเมฺห กาลํ มญฺญถา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข ปาฎลิคามิกา อุปาสกา ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ อถ โข ภควา อจิรปกฺกเนฺตสุ ปาฎลิคามิเกสุ อุปาสเกสุ สุญฺญาคารํ ปาวิสิฯ
151. Atha kho bhagavā pāṭaligāmike upāsake bahudeva rattiṃ dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā uyyojesi – ‘‘abhikkantā kho, gahapatayo, ratti, yassadāni tumhe kālaṃ maññathā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho pāṭaligāmikā upāsakā bhagavato paṭissutvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkamiṃsu. Atha kho bhagavā acirapakkantesu pāṭaligāmikesu upāsakesu suññāgāraṃ pāvisi.
ปาฎลิปุตฺตนครมาปนํ
Pāṭaliputtanagaramāpanaṃ
๑๕๒. เตน โข ปน สมเยน สุนิธวสฺสการา 41 มคธมหามตฺตา ปาฎลิคาเม นครํ มาเปนฺติ วชฺชีนํ ปฎิพาหายฯ เตน สมเยน สมฺพหุลา เทวตาโย สหเสฺสว 42 ปาฎลิคาเม วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติฯ ยสฺมิํ ปเทเส มเหสกฺขา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ, มเหสกฺขานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ ยสฺมิํ ปเทเส มชฺฌิมา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ, มชฺฌิมานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ ยสฺมิํ ปเทเส นีจา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ, นีจานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ อทฺทสา โข ภควา ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตา เทวตาโย สหเสฺสว ปาฎลิคาเม วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติโยฯ อถ โข ภควา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘เก นุ โข 43, อานนฺท, ปาฎลิคาเม นครํ มาเปนฺตี’’ติ 44? ‘‘สุนิธวสฺสการา, ภเนฺต, มคธมหามตฺตา ปาฎลิคาเม นครํ มาเปนฺติ วชฺชีนํ ปฎิพาหายา’’ติฯ ‘‘เสยฺยถาปิ, อานนฺท, เทเวหิ ตาวติํเสหิ สทฺธิํ มเนฺตตฺวา, เอวเมว โข, อานนฺท, สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา ปาฎลิคาเม นครํ มาเปนฺติ วชฺชีนํ ปฎิพาหายฯ อิธาหํ, อานนฺท, อทฺทสํ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สมฺพหุลา เทวตาโย สหเสฺสว ปาฎลิคาเม วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติโยฯ ยสฺมิํ , อานนฺท, ปเทเส มเหสกฺขา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ, มเหสกฺขานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ ยสฺมิํ ปเทเส มชฺฌิมา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ, มชฺฌิมานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ ยสฺมิํ ปเทเส นีจา เทวตา วตฺถูนิ ปริคฺคณฺหนฺติ, นีจานํ ตตฺถ รญฺญํ ราชมหามตฺตานํ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุํฯ ยาวตา, อานนฺท, อริยํ อายตนํ ยาวตา วณิปฺปโถ อิทํ อคฺคนครํ ภวิสฺสติ ปาฎลิปุตฺตํ ปุฎเภทนํ ฯ ปาฎลิปุตฺตสฺส โข, อานนฺท, ตโย อนฺตรายา ภวิสฺสนฺติ – อคฺคิโต วา อุทกโต วา มิถุเภทา วา’’ติฯ
152. Tena kho pana samayena sunidhavassakārā 45 magadhamahāmattā pāṭaligāme nagaraṃ māpenti vajjīnaṃ paṭibāhāya. Tena samayena sambahulā devatāyo sahasseva 46 pāṭaligāme vatthūni pariggaṇhanti. Yasmiṃ padese mahesakkhā devatā vatthūni pariggaṇhanti, mahesakkhānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Yasmiṃ padese majjhimā devatā vatthūni pariggaṇhanti, majjhimānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Yasmiṃ padese nīcā devatā vatthūni pariggaṇhanti, nīcānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Addasā kho bhagavā dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena tā devatāyo sahasseva pāṭaligāme vatthūni pariggaṇhantiyo. Atha kho bhagavā rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘ke nu kho 47, ānanda, pāṭaligāme nagaraṃ māpentī’’ti 48? ‘‘Sunidhavassakārā, bhante, magadhamahāmattā pāṭaligāme nagaraṃ māpenti vajjīnaṃ paṭibāhāyā’’ti. ‘‘Seyyathāpi, ānanda, devehi tāvatiṃsehi saddhiṃ mantetvā, evameva kho, ānanda, sunidhavassakārā magadhamahāmattā pāṭaligāme nagaraṃ māpenti vajjīnaṃ paṭibāhāya. Idhāhaṃ, ānanda, addasaṃ dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena sambahulā devatāyo sahasseva pāṭaligāme vatthūni pariggaṇhantiyo. Yasmiṃ , ānanda, padese mahesakkhā devatā vatthūni pariggaṇhanti, mahesakkhānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Yasmiṃ padese majjhimā devatā vatthūni pariggaṇhanti, majjhimānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Yasmiṃ padese nīcā devatā vatthūni pariggaṇhanti, nīcānaṃ tattha raññaṃ rājamahāmattānaṃ cittāni namanti nivesanāni māpetuṃ. Yāvatā, ānanda, ariyaṃ āyatanaṃ yāvatā vaṇippatho idaṃ agganagaraṃ bhavissati pāṭaliputtaṃ puṭabhedanaṃ . Pāṭaliputtassa kho, ānanda, tayo antarāyā bhavissanti – aggito vā udakato vā mithubhedā vā’’ti.
๑๕๓. อถ โข สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุ, เอกมนฺตํ ฐิตา โข สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อธิวาเสตุ โน ภวํ โคตโม อชฺชตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา เยน สโก อาวสโถ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา สเก อาวสเถ ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสุํ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ
153. Atha kho sunidhavassakārā magadhamahāmattā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsu, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu, ekamantaṃ ṭhitā kho sunidhavassakārā magadhamahāmattā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘adhivāsetu no bhavaṃ gotamo ajjatanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena. Atha kho sunidhavassakārā magadhamahāmattā bhagavato adhivāsanaṃ viditvā yena sako āvasatho tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā sake āvasathe paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā bhagavato kālaṃ ārocāpesuṃ – ‘‘kālo, bho gotama, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti.
อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน สุนิธวสฺสการานํ มคธมหามตฺตานํ อาวสโถ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสุํ สมฺปวาเรสุํฯ อถ โข สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิเนฺน โข สุนิธวสฺสกาเร มคธมหามเตฺต ภควา อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ –
Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena sunidhavassakārānaṃ magadhamahāmattānaṃ āvasatho tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho sunidhavassakārā magadhamahāmattā buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesuṃ sampavāresuṃ. Atha kho sunidhavassakārā magadhamahāmattā bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ aññataraṃ nīcaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinne kho sunidhavassakāre magadhamahāmatte bhagavā imāhi gāthāhi anumodi –
‘‘ยสฺมิํ ปเทเส กเปฺปติ, วาสํ ปณฺฑิตชาติโย;
‘‘Yasmiṃ padese kappeti, vāsaṃ paṇḍitajātiyo;
‘‘ยา ตตฺถ เทวตา อาสุํ, ตาสํ ทกฺขิณมาทิเส;
‘‘Yā tattha devatā āsuṃ, tāsaṃ dakkhiṇamādise;
‘‘ตโต นํ อนุกมฺปนฺติ, มาตา ปุตฺตํว โอรสํ;
‘‘Tato naṃ anukampanti, mātā puttaṃva orasaṃ;
เทวตานุกมฺปิโต โปโส, สทา ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติฯ
Devatānukampito poso, sadā bhadrāni passatī’’ti.
อถ โข ภควา สุนิธวสฺสกาเร มคธมหามเตฺต อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ
Atha kho bhagavā sunidhavassakāre magadhamahāmatte imāhi gāthāhi anumoditvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi.
๑๕๔. เตน โข ปน สมเยน สุนิธวสฺสการา มคธมหามตฺตา ภควนฺตํ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธา โหนฺติ – ‘‘เยนชฺช สมโณ โคตโม ทฺวาเรน นิกฺขมิสฺสติ, ตํ โคตมทฺวารํ นาม ภวิสฺสติฯ เยน ติเตฺถน คงฺคํ นทิํ ตริสฺสติ, ตํ โคตมติตฺถํ นาม ภวิสฺสตี’’ติฯ อถ โข ภควา เยน ทฺวาเรน นิกฺขมิ , ตํ โคตมทฺวารํ นาม อโหสิฯ อถ โข ภควา เยน คงฺคา นที เตนุปสงฺกมิฯ เตน โข ปน สมเยน คงฺคา นที ปูรา โหติ สมติตฺติกา กากเปยฺยาฯ อเปฺปกเจฺจ มนุสฺสา นาวํ ปริเยสนฺติ, อเปฺปกเจฺจ อุฬุมฺปํ ปริเยสนฺติ, อเปฺปกเจฺจ กุลฺลํ พนฺธนฺติ อปารา 53, ปารํ คนฺตุกามาฯ อถ โข ภควา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมว – คงฺคาย นทิยา โอริมตีเร อนฺตรหิโต ปาริมตีเร ปจฺจุฎฺฐาสิ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนฯ อทฺทสา โข ภควา เต มนุเสฺส อเปฺปกเจฺจ นาวํ ปริเยสเนฺต อเปฺปกเจฺจ อุฬุมฺปํ ปริเยสเนฺต อเปฺปกเจฺจ กุลฺลํ พนฺธเนฺต อปารา ปารํ คนฺตุกาเมฯ อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
154. Tena kho pana samayena sunidhavassakārā magadhamahāmattā bhagavantaṃ piṭṭhito piṭṭhito anubandhā honti – ‘‘yenajja samaṇo gotamo dvārena nikkhamissati, taṃ gotamadvāraṃ nāma bhavissati. Yena titthena gaṅgaṃ nadiṃ tarissati, taṃ gotamatitthaṃ nāma bhavissatī’’ti. Atha kho bhagavā yena dvārena nikkhami , taṃ gotamadvāraṃ nāma ahosi. Atha kho bhagavā yena gaṅgā nadī tenupasaṅkami. Tena kho pana samayena gaṅgā nadī pūrā hoti samatittikā kākapeyyā. Appekacce manussā nāvaṃ pariyesanti, appekacce uḷumpaṃ pariyesanti, appekacce kullaṃ bandhanti apārā 54, pāraṃ gantukāmā. Atha kho bhagavā – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evameva – gaṅgāya nadiyā orimatīre antarahito pārimatīre paccuṭṭhāsi saddhiṃ bhikkhusaṅghena. Addasā kho bhagavā te manusse appekacce nāvaṃ pariyesante appekacce uḷumpaṃ pariyesante appekacce kullaṃ bandhante apārā pāraṃ gantukāme. Atha kho bhagavā etamatthaṃ viditvā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –
‘‘เย ตรนฺติ อณฺณวํ สรํ, เสตุํ กตฺวาน วิสชฺช ปลฺลลานิ;
‘‘Ye taranti aṇṇavaṃ saraṃ, setuṃ katvāna visajja pallalāni;
ปฐมภาณวาโรฯ
Paṭhamabhāṇavāro.
อริยสจฺจกถา
Ariyasaccakathā
๑๕๕. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน โกฎิคาโม เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน โกฎิคาโม ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา โกฎิคาเม วิหรติฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ –
155. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘āyāmānanda, yena koṭigāmo tenupasaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Atha kho bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena koṭigāmo tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā koṭigāme viharati. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi –
‘‘จตุนฺนํ , ภิกฺขเว, อริยสจฺจานํ อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมเญฺจว ตุมฺหากญฺจฯ กตเมสํ จตุนฺนํ? ทุกฺขสฺส, ภิกฺขเว, อริยสจฺจสฺส อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมเญฺจว ตุมฺหากญฺจฯ ทุกฺขสมุทยสฺส, ภิกฺขเว, อริยสจฺจสฺส อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมเญฺจว ตุมฺหากญฺจฯ ทุกฺขนิโรธสฺส, ภิกฺขเว, อริยสจฺจสฺส อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมเญฺจว ตุมฺหากญฺจฯ ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย, ภิกฺขเว, อริยสจฺจสฺส อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมเญฺจว ตุมฺหากญฺจฯ ตยิทํ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฎิวิทฺธํ, ทุกฺขสมุทยํ 59 อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฎิวิทฺธํ, ทุกฺขนิโรธํ 60 อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฎิวิทฺธํ, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฎิวิทฺธํ, อุจฺฉินฺนา ภวตณฺหา, ขีณา ภวเนตฺติ, นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘Catunnaṃ , bhikkhave, ariyasaccānaṃ ananubodhā appaṭivedhā evamidaṃ dīghamaddhānaṃ sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ mamañceva tumhākañca. Katamesaṃ catunnaṃ? Dukkhassa, bhikkhave, ariyasaccassa ananubodhā appaṭivedhā evamidaṃ dīghamaddhānaṃ sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ mamañceva tumhākañca. Dukkhasamudayassa, bhikkhave, ariyasaccassa ananubodhā appaṭivedhā evamidaṃ dīghamaddhānaṃ sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ mamañceva tumhākañca. Dukkhanirodhassa, bhikkhave, ariyasaccassa ananubodhā appaṭivedhā evamidaṃ dīghamaddhānaṃ sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ mamañceva tumhākañca. Dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya, bhikkhave, ariyasaccassa ananubodhā appaṭivedhā evamidaṃ dīghamaddhānaṃ sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ mamañceva tumhākañca. Tayidaṃ, bhikkhave, dukkhaṃ ariyasaccaṃ anubuddhaṃ paṭividdhaṃ, dukkhasamudayaṃ 61 ariyasaccaṃ anubuddhaṃ paṭividdhaṃ, dukkhanirodhaṃ 62 ariyasaccaṃ anubuddhaṃ paṭividdhaṃ, dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ anubuddhaṃ paṭividdhaṃ, ucchinnā bhavataṇhā, khīṇā bhavanetti, natthidāni punabbhavo’’ti. Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
‘‘จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ, ยถาภูตํ อทสฺสนา;
‘‘Catunnaṃ ariyasaccānaṃ, yathābhūtaṃ adassanā;
สํสิตํ ทีฆมทฺธานํ, ตาสุ ตาเสฺวว ชาติสุฯ
Saṃsitaṃ dīghamaddhānaṃ, tāsu tāsveva jātisu.
ตานิ เอตานิ ทิฎฺฐานิ, ภวเนตฺติ สมูหตา;
Tāni etāni diṭṭhāni, bhavanetti samūhatā;
อุจฺฉินฺนํ มูลํ ทุกฺขสฺส, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ
Ucchinnaṃ mūlaṃ dukkhassa, natthi dāni punabbhavo’’ti.
ตตฺรปิ สุทํ ภควา โกฎิคาเม วิหรโนฺต เอตเทว พหุลํ ภิกฺขูนํ ธมฺมิํ กถํ กโรติ – ‘‘อิติ สีลํ, อิติ สมาธิ, อิติ ปญฺญาฯ สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโสฯ สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสาฯ ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ, เสยฺยถิทํ – กามาสวา, ภวาสวา, อวิชฺชาสวา’’ติฯ
Tatrapi sudaṃ bhagavā koṭigāme viharanto etadeva bahulaṃ bhikkhūnaṃ dhammiṃ kathaṃ karoti – ‘‘iti sīlaṃ, iti samādhi, iti paññā. Sīlaparibhāvito samādhi mahapphalo hoti mahānisaṃso. Samādhiparibhāvitā paññā mahapphalā hoti mahānisaṃsā. Paññāparibhāvitaṃ cittaṃ sammadeva āsavehi vimuccati, seyyathidaṃ – kāmāsavā, bhavāsavā, avijjāsavā’’ti.
อนาวตฺติธมฺมสโมฺพธิปรายณา
Anāvattidhammasambodhiparāyaṇā
๑๕๖. อถ โข ภควา โกฎิคาเม ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน นาติกา 63 เตนุปงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน นาติกา ตทวสริฯ ตตฺรปิ สุทํ ภควา นาติเก วิหรติ คิญฺชกาวสเถฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาโฬฺห นาม, ภเนฺต, ภิกฺขุ นาติเก กาลงฺกโต, ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย? นนฺทา นาม, ภเนฺต, ภิกฺขุนี นาติเก กาลงฺกตา, ตสฺสา กา คติ, โก อภิสมฺปราโย? สุทโตฺต นาม, ภเนฺต, อุปาสโก นาติเก กาลงฺกโต, ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย? สุชาตา นาม, ภเนฺต, อุปาสิกา นาติเก กาลงฺกตา, ตสฺสา กา คติ , โก อภิสมฺปราโย? กุกฺกุโฎ 64 นาม, ภเนฺต, อุปาสโก นาติเก กาลงฺกโต, ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย? กาฬิโมฺพ 65 นาม, ภเนฺต, อุปาสโก…เป.… นิกโฎ นาม, ภเนฺต, อุปาสโก… กฎิสฺสโห 66 นาม, ภเนฺต, อุปาสโก… ตุโฎฺฐ นาม, ภเนฺต, อุปาสโก… สนฺตุโฎฺฐ นาม, ภเนฺต, อุปาสโก… ภโทฺท 67 นาม, ภเนฺต, อุปาสโก… สุภโทฺท 68 นาม, ภเนฺต, อุปาสโก นาติเก กาลงฺกโต, ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ?
156. Atha kho bhagavā koṭigāme yathābhirantaṃ viharitvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘āyāmānanda, yena nātikā 69 tenupaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Atha kho bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena nātikā tadavasari. Tatrapi sudaṃ bhagavā nātike viharati giñjakāvasathe. Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sāḷho nāma, bhante, bhikkhu nātike kālaṅkato, tassa kā gati, ko abhisamparāyo? Nandā nāma, bhante, bhikkhunī nātike kālaṅkatā, tassā kā gati, ko abhisamparāyo? Sudatto nāma, bhante, upāsako nātike kālaṅkato, tassa kā gati, ko abhisamparāyo? Sujātā nāma, bhante, upāsikā nātike kālaṅkatā, tassā kā gati , ko abhisamparāyo? Kukkuṭo 70 nāma, bhante, upāsako nātike kālaṅkato, tassa kā gati, ko abhisamparāyo? Kāḷimbo 71 nāma, bhante, upāsako…pe… nikaṭo nāma, bhante, upāsako… kaṭissaho 72 nāma, bhante, upāsako… tuṭṭho nāma, bhante, upāsako… santuṭṭho nāma, bhante, upāsako… bhaddo 73 nāma, bhante, upāsako… subhaddo 74 nāma, bhante, upāsako nātike kālaṅkato, tassa kā gati, ko abhisamparāyo’’ti?
๑๕๗. ‘‘สาโฬฺห, อานนฺท, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ นนฺทา, อานนฺท, ภิกฺขุนี ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายินี อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกาฯ สุทโตฺต, อานนฺท, อุปาสโก ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสติฯ สุชาตา, อานนฺท, อุปาสิกา ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สโมฺพธิปรายณา 75ฯ กุกฺกุโฎ, อานนฺท, อุปาสโก ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกาฯ กาฬิโมฺพ, อานนฺท, อุปาสโก…เป.… นิกโฎ, อานนฺท, อุปาสโก… กฎิสฺสโห , อานนฺท, อุปาสโก… ตุโฎฺฐ, อานนฺท, อุปาสโก … สนฺตุโฎฺฐ, อานนฺท, อุปาสโก… ภโทฺท, อานนฺท, อุปาสโก… สุภโทฺท, อานนฺท, อุปาสโก ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกา ฯ ปโรปญฺญาสํ, อานนฺท, นาติเก อุปาสกา กาลงฺกตา, ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกาฯ สาธิกา นวุติ 76, อานนฺท, นาติเก อุปาสกา กาลงฺกตา ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามิโน สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติฯ สาติเรกานิ 77, อานนฺท, ปญฺจสตานิ นาติเก อุปาสกา กาลงฺกตา, ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สโมฺพธิปรายณาฯ
157. ‘‘Sāḷho, ānanda, bhikkhu āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. Nandā, ānanda, bhikkhunī pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātikā tattha parinibbāyinī anāvattidhammā tasmā lokā. Sudatto, ānanda, upāsako tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā rāgadosamohānaṃ tanuttā sakadāgāmī sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karissati. Sujātā, ānanda, upāsikā tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpannā avinipātadhammā niyatā sambodhiparāyaṇā 78. Kukkuṭo, ānanda, upāsako pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātiko tattha parinibbāyī anāvattidhammo tasmā lokā. Kāḷimbo, ānanda, upāsako…pe… nikaṭo, ānanda, upāsako… kaṭissaho , ānanda, upāsako… tuṭṭho, ānanda, upāsako … santuṭṭho, ānanda, upāsako… bhaddo, ānanda, upāsako… subhaddo, ānanda, upāsako pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātiko tattha parinibbāyī anāvattidhammo tasmā lokā . Paropaññāsaṃ, ānanda, nātike upāsakā kālaṅkatā, pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātikā tattha parinibbāyino anāvattidhammā tasmā lokā. Sādhikā navuti 79, ānanda, nātike upāsakā kālaṅkatā tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā rāgadosamohānaṃ tanuttā sakadāgāmino sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karissanti. Sātirekāni 80, ānanda, pañcasatāni nātike upāsakā kālaṅkatā, tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpannā avinipātadhammā niyatā sambodhiparāyaṇā.
ธมฺมาทาสธมฺมปริยายา
Dhammādāsadhammapariyāyā
๑๕๘. ‘‘อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ, อานนฺท, ยํ มนุสฺสภูโต กาลงฺกเรยฺยฯ ตสฺมิํเยว 81 กาลงฺกเต ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิสฺสถ, วิเหสา เหสา, อานนฺท, ตถาคตสฺสฯ ตสฺมาติหานนฺท, ธมฺมาทาสํ นาม ธมฺมปริยายํ เทเสสฺสามิ, เยน สมนฺนาคโต อริยสาวโก อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปโนฺนหมสฺมิ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’ติฯ
158. ‘‘Anacchariyaṃ kho panetaṃ, ānanda, yaṃ manussabhūto kālaṅkareyya. Tasmiṃyeva 82 kālaṅkate tathāgataṃ upasaṅkamitvā etamatthaṃ pucchissatha, vihesā hesā, ānanda, tathāgatassa. Tasmātihānanda, dhammādāsaṃ nāma dhammapariyāyaṃ desessāmi, yena samannāgato ariyasāvako ākaṅkhamāno attanāva attānaṃ byākareyya – ‘khīṇanirayomhi khīṇatiracchānayoni khīṇapettivisayo khīṇāpāyaduggativinipāto, sotāpannohamasmi avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo’ti.
๑๕๙. ‘‘กตโม จ โส, อานนฺท, ธมฺมาทาโส ธมฺมปริยาโย, เยน สมนฺนาคโต อริยสาวโก อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปโนฺนหมสฺมิ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’ติ?
159. ‘‘Katamo ca so, ānanda, dhammādāso dhammapariyāyo, yena samannāgato ariyasāvako ākaṅkhamāno attanāva attānaṃ byākareyya – ‘khīṇanirayomhi khīṇatiracchānayoni khīṇapettivisayo khīṇāpāyaduggativinipāto, sotāpannohamasmi avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo’ti?
‘‘อิธานนฺท , อริยสาวโก พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ
‘‘Idhānanda , ariyasāvako buddhe aveccappasādena samannāgato hoti – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti.
‘‘ธเมฺม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม สนฺทิฎฺฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหี’ติฯ
‘‘Dhamme aveccappasādena samannāgato hoti – ‘svākkhāto bhagavatā dhammo sandiṭṭhiko akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhī’ti.
‘‘สเงฺฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘สุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, อุชุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, ญายปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ, สามีจิปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฎฺฐ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสโงฺฆ อาหุเนโยฺย ปาหุเนโยฺย ทกฺขิเณโยฺย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ โลกสฺสา’ติฯ
‘‘Saṅghe aveccappasādena samannāgato hoti – ‘suppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, ujuppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, ñāyappaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho, sāmīcippaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho yadidaṃ cattāri purisayugāni aṭṭha purisapuggalā, esa bhagavato sāvakasaṅgho āhuneyyo pāhuneyyo dakkhiṇeyyo añjalikaraṇīyo anuttaraṃ puññakkhettaṃ lokassā’ti.
‘‘อริยกเนฺตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขเณฺฑหิ อจฺฉิเทฺทหิ อสพเลหิ อกมฺมาเสหิ ภุชิเสฺสหิ วิญฺญูปสเตฺถหิ อปรามเฎฺฐหิ สมาธิสํวตฺตนิเกหิฯ
‘‘Ariyakantehi sīlehi samannāgato hoti akhaṇḍehi acchiddehi asabalehi akammāsehi bhujissehi viññūpasatthehi aparāmaṭṭhehi samādhisaṃvattanikehi.
‘‘อยํ โข โส, อานนฺท, ธมฺมาทาโส ธมฺมปริยาโย, เยน สมนฺนาคโต อริยสาวโก อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปโนฺนหมสฺมิ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’’’ติฯ
‘‘Ayaṃ kho so, ānanda, dhammādāso dhammapariyāyo, yena samannāgato ariyasāvako ākaṅkhamāno attanāva attānaṃ byākareyya – ‘khīṇanirayomhi khīṇatiracchānayoni khīṇapettivisayo khīṇāpāyaduggativinipāto, sotāpannohamasmi avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo’’’ti.
ตตฺรปิ สุทํ ภควา นาติเก วิหรโนฺต คิญฺชกาวสเถ เอตเทว พหุลํ ภิกฺขูนํ ธมฺมิํ กถํ กโรติ –
Tatrapi sudaṃ bhagavā nātike viharanto giñjakāvasathe etadeva bahulaṃ bhikkhūnaṃ dhammiṃ kathaṃ karoti –
‘‘อิติ สีลํ อิติ สมาธิ อิติ ปญฺญาฯ สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโสฯ สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสาฯ ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ, เสยฺยถิทํ – กามาสวา, ภวาสวา, อวิชฺชาสวา’’ติฯ
‘‘Iti sīlaṃ iti samādhi iti paññā. Sīlaparibhāvito samādhi mahapphalo hoti mahānisaṃso. Samādhiparibhāvitā paññā mahapphalā hoti mahānisaṃsā. Paññāparibhāvitaṃ cittaṃ sammadeva āsavehi vimuccati, seyyathidaṃ – kāmāsavā, bhavāsavā, avijjāsavā’’ti.
๑๖๐. อถ โข ภควา นาติเก ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน เวสาลี เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน เวสาลี ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ อมฺพปาลิวเนฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ –
160. Atha kho bhagavā nātike yathābhirantaṃ viharitvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘āyāmānanda, yena vesālī tenupasaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Atha kho bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena vesālī tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā vesāliyaṃ viharati ambapālivane. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi –
‘‘สโต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหเรยฺย สมฺปชาโน, อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนีฯ กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี…เป.… จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี…เป.… ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สโต โหติฯ
‘‘Sato, bhikkhave, bhikkhu vihareyya sampajāno, ayaṃ vo amhākaṃ anusāsanī. Kathañca, bhikkhave, bhikkhu sato hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu kāye kāyānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Vedanāsu vedanānupassī…pe… citte cittānupassī…pe… dhammesu dhammānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu sato hoti.
‘‘กถญฺจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺปชาโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อภิกฺกเนฺต ปฎิกฺกเนฺต สมฺปชานการี โหติ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี โหติ, สมิญฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฎิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกเมฺม สมฺปชานการี โหติ, คเต ฐิเต นิสิเนฺน สุเตฺต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺปชาโน โหติฯ สโต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหเรยฺย สมฺปชาโน, อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี’’ติฯ
‘‘Kathañca , bhikkhave, bhikkhu sampajāno hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu abhikkante paṭikkante sampajānakārī hoti, ālokite vilokite sampajānakārī hoti, samiñjite pasārite sampajānakārī hoti, saṅghāṭipattacīvaradhāraṇe sampajānakārī hoti, asite pīte khāyite sāyite sampajānakārī hoti, uccārapassāvakamme sampajānakārī hoti, gate ṭhite nisinne sutte jāgarite bhāsite tuṇhībhāve sampajānakārī hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu sampajāno hoti. Sato, bhikkhave, bhikkhu vihareyya sampajāno, ayaṃ vo amhākaṃ anusāsanī’’ti.
อมฺพปาลีคณิกา
Ambapālīgaṇikā
๑๖๑. อโสฺสสิ โข อมฺพปาลี คณิกา – ‘‘ภควา กิร เวสาลิํ อนุปฺปโตฺต เวสาลิยํ วิหรติ มยฺหํ อมฺพวเน’’ติฯ อถ โข อมฺพปาลี คณิกา ภทฺทานิ ภทฺทานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา ภทฺทํ ภทฺทํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภเทฺทหิ ภเทฺทหิ ยาเนหิ เวสาลิยา นิยฺยาสิฯ เยน สโก อาราโม เตน ปายาสิฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ, ยาเนน คนฺตฺวา, ยานา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติกาว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อมฺพปาลิํ คณิกํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ อถ โข อมฺพปาลี คณิกา ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุเตฺตชิตา สมฺปหํสิตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภเนฺต, ภควา สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข อมฺพปาลี คณิกา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
161. Assosi kho ambapālī gaṇikā – ‘‘bhagavā kira vesāliṃ anuppatto vesāliyaṃ viharati mayhaṃ ambavane’’ti. Atha kho ambapālī gaṇikā bhaddāni bhaddāni yānāni yojāpetvā bhaddaṃ bhaddaṃ yānaṃ abhiruhitvā bhaddehi bhaddehi yānehi vesāliyā niyyāsi. Yena sako ārāmo tena pāyāsi. Yāvatikā yānassa bhūmi, yānena gantvā, yānā paccorohitvā pattikāva yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho ambapāliṃ gaṇikaṃ bhagavā dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi. Atha kho ambapālī gaṇikā bhagavatā dhammiyā kathāya sandassitā samādapitā samuttejitā sampahaṃsitā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘adhivāsetu me, bhante, bhagavā svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena. Atha kho ambapālī gaṇikā bhagavato adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.
อโสฺสสุํ โข เวสาลิกา ลิจฺฉวี – ‘‘ภควา กิร เวสาลิํ อนุปฺปโตฺต เวสาลิยํ วิหรติ อมฺพปาลิวเน’’ติฯ อถ โข เต ลิจฺฉวี ภทฺทานิ ภทฺทานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา ภทฺทํ ภทฺทํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภเทฺทหิ ภเทฺทหิ ยาเนหิ เวสาลิยา นิยฺยิํสุฯ ตตฺร เอกเจฺจ ลิจฺฉวี นีลา โหนฺติ นีลวณฺณา นีลวตฺถา นีลาลงฺการา, เอกเจฺจ ลิจฺฉวี ปีตา โหนฺติ ปีตวณฺณา ปีตวตฺถา ปีตาลงฺการา, เอกเจฺจ ลิจฺฉวี โลหิตา โหนฺติ โลหิตวณฺณา โลหิตวตฺถา โลหิตาลงฺการา, เอกเจฺจ ลิจฺฉวี โอทาตา โหนฺติ โอทาตวณฺณา โอทาตวตฺถา โอทาตาลงฺการาฯ อถ โข อมฺพปาลี คณิกา ทหรานํ ทหรานํ ลิจฺฉวีนํ อเกฺขน อกฺขํ จเกฺกน จกฺกํ ยุเคน ยุคํ ปฎิวเฎฺฎสิ 83ฯ อถ โข เต ลิจฺฉวี อมฺพปาลิํ คณิกํ เอตทโวจุํ – ‘‘กิํ, เช อมฺพปาลิ , ทหรานํ ทหรานํ ลิจฺฉวีนํ อเกฺขน อกฺขํ จเกฺกน จกฺกํ ยุเคน ยุคํ ปฎิวเฎฺฎสี’’ติ? ‘‘ตถา หิ ปน เม, อยฺยปุตฺตา, ภควา นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ ‘‘เทหิ, เช อมฺพปาลิ, เอตํ 84 ภตฺตํ สตสหเสฺสนา’’ติฯ ‘‘สเจปิ เม, อยฺยปุตฺตา, เวสาลิํ สาหารํ ทสฺสถ 85, เอวมหํ ตํ 86 ภตฺตํ น ทสฺสามี’’ติ 87ฯ อถ โข เต ลิจฺฉวี องฺคุลิํ โผเฎสุํ – ‘‘ชิตมฺห 88 วต โภ อมฺพกาย, ชิตมฺห วต โภ อมฺพกายา’’ติ 89ฯ
Assosuṃ kho vesālikā licchavī – ‘‘bhagavā kira vesāliṃ anuppatto vesāliyaṃ viharati ambapālivane’’ti. Atha kho te licchavī bhaddāni bhaddāni yānāni yojāpetvā bhaddaṃ bhaddaṃ yānaṃ abhiruhitvā bhaddehi bhaddehi yānehi vesāliyā niyyiṃsu. Tatra ekacce licchavī nīlā honti nīlavaṇṇā nīlavatthā nīlālaṅkārā, ekacce licchavī pītā honti pītavaṇṇā pītavatthā pītālaṅkārā, ekacce licchavī lohitā honti lohitavaṇṇā lohitavatthā lohitālaṅkārā, ekacce licchavī odātā honti odātavaṇṇā odātavatthā odātālaṅkārā. Atha kho ambapālī gaṇikā daharānaṃ daharānaṃ licchavīnaṃ akkhena akkhaṃ cakkena cakkaṃ yugena yugaṃ paṭivaṭṭesi 90. Atha kho te licchavī ambapāliṃ gaṇikaṃ etadavocuṃ – ‘‘kiṃ, je ambapāli , daharānaṃ daharānaṃ licchavīnaṃ akkhena akkhaṃ cakkena cakkaṃ yugena yugaṃ paṭivaṭṭesī’’ti? ‘‘Tathā hi pana me, ayyaputtā, bhagavā nimantito svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. ‘‘Dehi, je ambapāli, etaṃ 91 bhattaṃ satasahassenā’’ti. ‘‘Sacepi me, ayyaputtā, vesāliṃ sāhāraṃ dassatha 92, evamahaṃ taṃ 93 bhattaṃ na dassāmī’’ti 94. Atha kho te licchavī aṅguliṃ phoṭesuṃ – ‘‘jitamha 95 vata bho ambakāya, jitamha vata bho ambakāyā’’ti 96.
อถ โข เต ลิจฺฉวี เยน อมฺพปาลิวนํ เตน ปายิํสุฯ อทฺทสา โข ภควา เต ลิจฺฉวี ทูรโตว อาคจฺฉเนฺตฯ ทิสฺวาน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เยสํ 97, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ เทวา ตาวติํสา อทิฎฺฐปุพฺพา, โอโลเกถ, ภิกฺขเว, ลิจฺฉวิปริสํ; อปโลเกถ, ภิกฺขเว , ลิจฺฉวิปริสํ; อุปสํหรถ, ภิกฺขเว, ลิจฺฉวิปริสํ – ตาวติํสสทิส’’นฺติฯ อถ โข เต ลิจฺฉวี ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ, ยาเนน คนฺตฺวา, ยานา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติกาว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิเนฺน โข เต ลิจฺฉวี ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ อถ โข เต ลิจฺฉวี ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุเตฺตชิตา สมฺปหํสิตา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อธิวาเสตุ โน, ภเนฺต, ภควา สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ อถ โข ภควา เต ลิจฺฉวี เอตทโวจ – ‘‘อธิวุตฺถํ 98 โข เม, ลิจฺฉวี, สฺวาตนาย อมฺพปาลิยา คณิกาย ภตฺต’’นฺติฯ อถ โข เต ลิจฺฉวี องฺคุลิํ โผเฎสุํ – ‘‘ชิตมฺห วต โภ อมฺพกาย, ชิตมฺห วต โภ อมฺพกายา’’ติฯ อถ โข เต ลิจฺฉวี ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ
Atha kho te licchavī yena ambapālivanaṃ tena pāyiṃsu. Addasā kho bhagavā te licchavī dūratova āgacchante. Disvāna bhikkhū āmantesi – ‘‘yesaṃ 99, bhikkhave, bhikkhūnaṃ devā tāvatiṃsā adiṭṭhapubbā, oloketha, bhikkhave, licchaviparisaṃ; apaloketha, bhikkhave , licchaviparisaṃ; upasaṃharatha, bhikkhave, licchaviparisaṃ – tāvatiṃsasadisa’’nti. Atha kho te licchavī yāvatikā yānassa bhūmi, yānena gantvā, yānā paccorohitvā pattikāva yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinne kho te licchavī bhagavā dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi. Atha kho te licchavī bhagavatā dhammiyā kathāya sandassitā samādapitā samuttejitā sampahaṃsitā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘adhivāsetu no, bhante, bhagavā svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Atha kho bhagavā te licchavī etadavoca – ‘‘adhivutthaṃ 100 kho me, licchavī, svātanāya ambapāliyā gaṇikāya bhatta’’nti. Atha kho te licchavī aṅguliṃ phoṭesuṃ – ‘‘jitamha vata bho ambakāya, jitamha vata bho ambakāyā’’ti. Atha kho te licchavī bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkamiṃsu.
๑๖๒. อถ โข อมฺพปาลี คณิกา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก อาราเม ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, ภเนฺต, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน อมฺพปาลิยา คณิกาย นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข อมฺพปาลี คณิกา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสิ สมฺปวาเรสิฯ อถ โข อมฺพปาลี คณิกา ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข อมฺพปาลี คณิกา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิมาหํ, ภเนฺต, อารามํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติฯ ปฎิคฺคเหสิ ภควา อารามํฯ อถ โข ภควา อมฺพปาลิํ คณิกํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ ตตฺรปิ สุทํ ภควา เวสาลิยํ วิหรโนฺต อมฺพปาลิวเน เอตเทว พหุลํ ภิกฺขูนํ ธมฺมิํ กถํ กโรติ – ‘‘อิติ สีลํ, อิติ สมาธิ, อิติ ปญฺญาฯ สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโสฯ สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสาฯ ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ, เสยฺยถิทํ – กามาสวา, ภวาสวา, อวิชฺชาสวา’’ติฯ
162. Atha kho ambapālī gaṇikā tassā rattiyā accayena sake ārāme paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā bhagavato kālaṃ ārocāpesi – ‘‘kālo, bhante, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena ambapāliyā gaṇikāya nivesanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho ambapālī gaṇikā buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesi sampavāresi. Atha kho ambapālī gaṇikā bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ aññataraṃ nīcaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnā kho ambapālī gaṇikā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘imāhaṃ, bhante, ārāmaṃ buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa dammī’’ti. Paṭiggahesi bhagavā ārāmaṃ. Atha kho bhagavā ambapāliṃ gaṇikaṃ dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi. Tatrapi sudaṃ bhagavā vesāliyaṃ viharanto ambapālivane etadeva bahulaṃ bhikkhūnaṃ dhammiṃ kathaṃ karoti – ‘‘iti sīlaṃ, iti samādhi, iti paññā. Sīlaparibhāvito samādhi mahapphalo hoti mahānisaṃso. Samādhiparibhāvitā paññā mahapphalā hoti mahānisaṃsā. Paññāparibhāvitaṃ cittaṃ sammadeva āsavehi vimuccati, seyyathidaṃ – kāmāsavā, bhavāsavā, avijjāsavā’’ti.
เวฬุวคามวสฺสูปคมนํ
Veḷuvagāmavassūpagamanaṃ
๑๖๓. อถ โข ภควา อมฺพปาลิวเน ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน เวฬุวคามโก 101 เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน เวฬุวคามโก ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา เวฬุวคามเก วิหรติฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เอถ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, สมนฺตา เวสาลิํ ยถามิตฺตํ ยถาสนฺทิฎฺฐํ ยถาสมฺภตฺตํ วสฺสํ อุเปถ 102ฯ อหํ ปน อิเธว เวฬุวคามเก วสฺสํ อุปคจฺฉามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา สมนฺตา เวสาลิํ ยถามิตฺตํ ยถาสนฺทิฎฺฐํ ยถาสมฺภตฺตํ วสฺสํ อุปคจฺฉิํสุฯ ภควา ปน ตเตฺถว เวฬุวคามเก วสฺสํ อุปคจฺฉิฯ
163. Atha kho bhagavā ambapālivane yathābhirantaṃ viharitvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘āyāmānanda, yena veḷuvagāmako 103 tenupasaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Atha kho bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena veḷuvagāmako tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā veḷuvagāmake viharati. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘etha tumhe, bhikkhave, samantā vesāliṃ yathāmittaṃ yathāsandiṭṭhaṃ yathāsambhattaṃ vassaṃ upetha 104. Ahaṃ pana idheva veḷuvagāmake vassaṃ upagacchāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paṭissutvā samantā vesāliṃ yathāmittaṃ yathāsandiṭṭhaṃ yathāsambhattaṃ vassaṃ upagacchiṃsu. Bhagavā pana tattheva veḷuvagāmake vassaṃ upagacchi.
๑๖๔. อถ โข ภควโต วสฺสูปคตสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, พาฬฺหา เวทนา วตฺตนฺติ มารณนฺติกาฯ ตา สุทํ ภควา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสสิ อวิหญฺญมาโนฯ อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘น โข เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ อนามเนฺตตฺวา อุปฎฺฐาเก อนปโลเกตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ ปรินิพฺพาเยยฺยํฯ ยํนูนาหํ อิมํ อาพาธํ วีริเยน ปฎิปณาเมตฺวา ชีวิตสงฺขารํ อธิฎฺฐาย วิหเรยฺย’’นฺติฯ อถ โข ภควา ตํ อาพาธํ วีริเยน ปฎิปณาเมตฺวา ชีวิตสงฺขารํ อธิฎฺฐาย วิหาสิฯ อถ โข ภควโต โส อาพาโธ ปฎิปสฺสมฺภิฯ อถ โข ภควา คิลานา วุฎฺฐิโต 105 อจิรวุฎฺฐิโต เคลญฺญา วิหารา นิกฺขมฺม วิหารปจฺฉายายํ ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทิโฎฺฐ เม, ภเนฺต, ภควโต ผาสุ; ทิฎฺฐํ เม, ภเนฺต, ภควโต ขมนียํ, อปิ จ เม, ภเนฺต, มธุรกชาโต วิย กาโยฯ ทิสาปิ เม น ปกฺขายนฺติ; ธมฺมาปิ มํ น ปฎิภนฺติ ภควโต เคลเญฺญน, อปิ จ เม, ภเนฺต, อโหสิ กาจิเทว อสฺสาสมตฺตา – ‘น ตาว ภควา ปรินิพฺพายิสฺสติ, น ยาว ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ อารพฺภ กิญฺจิเทว อุทาหรตี’’’ติฯ
164. Atha kho bhagavato vassūpagatassa kharo ābādho uppajji, bāḷhā vedanā vattanti māraṇantikā. Tā sudaṃ bhagavā sato sampajāno adhivāsesi avihaññamāno. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘na kho metaṃ patirūpaṃ, yvāhaṃ anāmantetvā upaṭṭhāke anapaloketvā bhikkhusaṅghaṃ parinibbāyeyyaṃ. Yaṃnūnāhaṃ imaṃ ābādhaṃ vīriyena paṭipaṇāmetvā jīvitasaṅkhāraṃ adhiṭṭhāya vihareyya’’nti. Atha kho bhagavā taṃ ābādhaṃ vīriyena paṭipaṇāmetvā jīvitasaṅkhāraṃ adhiṭṭhāya vihāsi. Atha kho bhagavato so ābādho paṭipassambhi. Atha kho bhagavā gilānā vuṭṭhito 106 aciravuṭṭhito gelaññā vihārā nikkhamma vihārapacchāyāyaṃ paññatte āsane nisīdi. Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘diṭṭho me, bhante, bhagavato phāsu; diṭṭhaṃ me, bhante, bhagavato khamanīyaṃ, api ca me, bhante, madhurakajāto viya kāyo. Disāpi me na pakkhāyanti; dhammāpi maṃ na paṭibhanti bhagavato gelaññena, api ca me, bhante, ahosi kācideva assāsamattā – ‘na tāva bhagavā parinibbāyissati, na yāva bhagavā bhikkhusaṅghaṃ ārabbha kiñcideva udāharatī’’’ti.
๑๖๕. ‘‘กิํ ปนานนฺท, ภิกฺขุสโงฺฆ มยิ ปจฺจาสีสติ 107? เทสิโต, อานนฺท, มยา ธโมฺม อนนฺตรํ อพาหิรํ กริตฺวาฯ นตฺถานนฺท, ตถาคตสฺส ธเมฺมสุ อาจริยมุฎฺฐิฯ ยสฺส นูน, อานนฺท, เอวมสฺส – ‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’ติ วา ‘มมุเทฺทสิโก ภิกฺขุสโงฺฆ’ติ วา, โส นูน, อานนฺท, ภิกฺขุสงฺฆํ อารพฺภ กิญฺจิเทว อุทาหเรยฺยฯ ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, น เอวํ โหติ – ‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’ติ วา ‘มมุเทฺทสิโก ภิกฺขุสโงฺฆ’ติ วาฯ สกิํ 108, อานนฺท, ตถาคโต ภิกฺขุสงฺฆํ อารพฺภ กิญฺจิเทว อุทาหริสฺสติฯ อหํ โข ปนานนฺท, เอตรหิ ชิโณฺณ วุโทฺธ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺตฯ อาสีติโก เม วโย วตฺตติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, ชชฺชรสกฎํ เวฐมิสฺสเกน 109 ยาเปติ, เอวเมว โข, อานนฺท, เวฐมิสฺสเกน มเญฺญ ตถาคตสฺส กาโย ยาเปติฯ ยสฺมิํ, อานนฺท, สมเย ตถาคโต สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา เอกจฺจานํ เวทนานํ นิโรธา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธิํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ผาสุตโร, อานนฺท, ตสฺมิํ สมเย ตถาคตสฺส กาโย โหติฯ ตสฺมาติหานนฺท, อตฺตทีปา วิหรถ อตฺตสรณา อนญฺญสรณา, ธมฺมทีปา ธมฺมสรณา อนญฺญสรณาฯ กถญฺจานนฺท, ภิกฺขุ อตฺตทีโป วิหรติ อตฺตสรโณ อนญฺญสรโณ, ธมฺมทีโป ธมฺมสรโณ อนญฺญสรโณ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เวทนาสุ…เป.… จิเตฺต…เป.… ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เอวํ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อตฺตทีโป วิหรติ อตฺตสรโณ อนญฺญสรโณ, ธมฺมทีโป ธมฺมสรโณ อนญฺญสรโณ ฯ เย หิ เกจิ, อานนฺท, เอตรหิ วา มม วา อจฺจเยน อตฺตทีปา วิหริสฺสนฺติ อตฺตสรณา อนญฺญสรณา, ธมฺมทีปา ธมฺมสรณา อนญฺญสรณา, ตมตเคฺค เม เต, อานนฺท, ภิกฺขู ภวิสฺสนฺติ เย เกจิ สิกฺขากามา’’ติฯ
165. ‘‘Kiṃ panānanda, bhikkhusaṅgho mayi paccāsīsati 110? Desito, ānanda, mayā dhammo anantaraṃ abāhiraṃ karitvā. Natthānanda, tathāgatassa dhammesu ācariyamuṭṭhi. Yassa nūna, ānanda, evamassa – ‘ahaṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharissāmī’ti vā ‘mamuddesiko bhikkhusaṅgho’ti vā, so nūna, ānanda, bhikkhusaṅghaṃ ārabbha kiñcideva udāhareyya. Tathāgatassa kho, ānanda, na evaṃ hoti – ‘ahaṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharissāmī’ti vā ‘mamuddesiko bhikkhusaṅgho’ti vā. Sakiṃ 111, ānanda, tathāgato bhikkhusaṅghaṃ ārabbha kiñcideva udāharissati. Ahaṃ kho panānanda, etarahi jiṇṇo vuddho mahallako addhagato vayoanuppatto. Āsītiko me vayo vattati. Seyyathāpi, ānanda, jajjarasakaṭaṃ veṭhamissakena 112 yāpeti, evameva kho, ānanda, veṭhamissakena maññe tathāgatassa kāyo yāpeti. Yasmiṃ, ānanda, samaye tathāgato sabbanimittānaṃ amanasikārā ekaccānaṃ vedanānaṃ nirodhā animittaṃ cetosamādhiṃ upasampajja viharati, phāsutaro, ānanda, tasmiṃ samaye tathāgatassa kāyo hoti. Tasmātihānanda, attadīpā viharatha attasaraṇā anaññasaraṇā, dhammadīpā dhammasaraṇā anaññasaraṇā. Kathañcānanda, bhikkhu attadīpo viharati attasaraṇo anaññasaraṇo, dhammadīpo dhammasaraṇo anaññasaraṇo? Idhānanda, bhikkhu kāye kāyānupassī viharati atāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Vedanāsu…pe… citte…pe… dhammesu dhammānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Evaṃ kho, ānanda, bhikkhu attadīpo viharati attasaraṇo anaññasaraṇo, dhammadīpo dhammasaraṇo anaññasaraṇo . Ye hi keci, ānanda, etarahi vā mama vā accayena attadīpā viharissanti attasaraṇā anaññasaraṇā, dhammadīpā dhammasaraṇā anaññasaraṇā, tamatagge me te, ānanda, bhikkhū bhavissanti ye keci sikkhākāmā’’ti.
ทุติยภาณวาโรฯ
Dutiyabhāṇavāro.
นิมิโตฺตภาสกถา
Nimittobhāsakathā
๑๖๖. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘คณฺหาหิ, อานนฺท, นิสีทนํ, เยน จาปาลํ เจติยํ 113 เตนุปสงฺกมิสฺสาม ทิวา วิหารายา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา นิสีทนํ อาทาย ภควนฺตํ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธิฯ อถ โข ภควา เยน จาปาลํ เจติยํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อายสฺมาปิ โข อานโนฺท ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ
166. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya vesāliṃ piṇḍāya pāvisi. Vesāliyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘gaṇhāhi, ānanda, nisīdanaṃ, yena cāpālaṃ cetiyaṃ 114 tenupasaṅkamissāma divā vihārāyā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paṭissutvā nisīdanaṃ ādāya bhagavantaṃ piṭṭhito piṭṭhito anubandhi. Atha kho bhagavā yena cāpālaṃ cetiyaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Āyasmāpi kho ānando bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi.
๑๖๗. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘รมณียา, อานนฺท, เวสาลี, รมณียํ อุเทนํ เจติยํ, รมณียํ โคตมกํ เจติยํ, รมณียํ สตฺตมฺพํ 115 เจติยํ, รมณียํ พหุปุตฺตํ เจติยํ, รมณียํ สารนฺททํ เจติยํ, รมณียํ จาปาลํ เจติยํฯ ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วาฯ ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน 116, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วา’’ติฯ เอวมฺปิ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควตา โอฬาริเก นิมิเตฺต กยิรมาเน โอฬาริเก โอภาเส กยิรมาเน นาสกฺขิ ปฎิวิชฺฌิตุํ; น ภควนฺตํ ยาจิ – ‘‘ติฎฺฐตุ, ภเนฺต, ภควา กปฺปํ, ติฎฺฐตุ สุคโต กปฺปํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติ, ยถา ตํ มาเรน ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา…เป.… ตติยมฺปิ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘รมณียา, อานนฺท, เวสาลี, รมณียํ อุเทนํ เจติยํ, รมณียํ โคตมกํ เจติยํ, รมณียํ สตฺตมฺพํ เจติยํ, รมณียํ พหุปุตฺตํ เจติยํ, รมณียํ สารนฺททํ เจติยํ, รมณียํ จาปาลํ เจติยํฯ ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วาฯ ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วา’’ติฯ เอวมฺปิ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควตา โอฬาริเก นิมิเตฺต กยิรมาเน โอฬาริเก โอภาเส กยิรมาเน นาสกฺขิ ปฎิวิชฺฌิตุํ ; น ภควนฺตํ ยาจิ – ‘‘ติฎฺฐตุ , ภเนฺต, ภควา กปฺปํ, ติฎฺฐตุ สุคโต กปฺปํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติ, ยถา ตํ มาเรน ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, อานนฺท, ยสฺสทานิ กาลํ มญฺญสี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิฯ
167. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ ānandaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘ramaṇīyā, ānanda, vesālī, ramaṇīyaṃ udenaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ gotamakaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ sattambaṃ 117 cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ bahuputtaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ sārandadaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ cāpālaṃ cetiyaṃ. Yassa kassaci, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā. Tathāgatassa kho, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno 118, ānanda, tathāgato kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā’’ti. Evampi kho āyasmā ānando bhagavatā oḷārike nimitte kayiramāne oḷārike obhāse kayiramāne nāsakkhi paṭivijjhituṃ; na bhagavantaṃ yāci – ‘‘tiṭṭhatu, bhante, bhagavā kappaṃ, tiṭṭhatu sugato kappaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’’nti, yathā taṃ mārena pariyuṭṭhitacitto. Dutiyampi kho bhagavā…pe… tatiyampi kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘ramaṇīyā, ānanda, vesālī, ramaṇīyaṃ udenaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ gotamakaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ sattambaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ bahuputtaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ sārandadaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ cāpālaṃ cetiyaṃ. Yassa kassaci, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā. Tathāgatassa kho, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno, ānanda, tathāgato kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā’’ti. Evampi kho āyasmā ānando bhagavatā oḷārike nimitte kayiramāne oḷārike obhāse kayiramāne nāsakkhi paṭivijjhituṃ ; na bhagavantaṃ yāci – ‘‘tiṭṭhatu , bhante, bhagavā kappaṃ, tiṭṭhatu sugato kappaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’’nti, yathā taṃ mārena pariyuṭṭhitacitto. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘gaccha tvaṃ, ānanda, yassadāni kālaṃ maññasī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paṭissutvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā avidūre aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi.
มารยาจนกถา
Mārayācanakathā
๑๖๘. อถ โข มาโร ปาปิมา อจิรปกฺกเนฺต อายสฺมเนฺต อานเนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข มาโร ปาปิมา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปรินิพฺพาตุทานิ, ภเนฺต, ภควา, ปรินิพฺพาตุ สุคโต, ปรินิพฺพานกาโล ทานิ, ภเนฺต, ภควโตฯ ภาสิตา โข ปเนสา, ภเนฺต, ภควตา วาจา – ‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม ภิกฺขู น สาวกา ภวิสฺสนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจาริโน, สกํ อาจริยกํ อุคฺคเหตฺวา อาจิกฺขิสฺสนฺติ เทเสสฺสนฺติ ปญฺญเปสฺสนฺติ ปฎฺฐเปสฺสนฺติ วิวริสฺสนฺติ วิภชิสฺสนฺติ อุตฺตานี 119 กริสฺสนฺติ, อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’ติ ฯ เอตรหิ โข ปน, ภเนฺต, ภิกฺขู ภควโต สาวกา วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจาริโน, สกํ อาจริยกํ อุคฺคเหตฺวา อาจิกฺขนฺติ เทเสนฺติ ปญฺญเปนฺติ ปฎฺฐเปนฺติ วิวรนฺติ วิภชนฺติ อุตฺตานีกโรนฺติ, อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสนฺติฯ ปรินิพฺพาตุทานิ, ภเนฺต, ภควา, ปรินิพฺพาตุ สุคโต, ปรินิพฺพานกาโลทานิ, ภเนฺต, ภควโตฯ
168. Atha kho māro pāpimā acirapakkante āyasmante ānande yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho māro pāpimā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘parinibbātudāni, bhante, bhagavā, parinibbātu sugato, parinibbānakālo dāni, bhante, bhagavato. Bhāsitā kho panesā, bhante, bhagavatā vācā – ‘na tāvāhaṃ, pāpima, parinibbāyissāmi, yāva me bhikkhū na sāvakā bhavissanti viyattā vinītā visāradā bahussutā dhammadharā dhammānudhammappaṭipannā sāmīcippaṭipannā anudhammacārino, sakaṃ ācariyakaṃ uggahetvā ācikkhissanti desessanti paññapessanti paṭṭhapessanti vivarissanti vibhajissanti uttānī 120 karissanti, uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammena suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desessantī’ti . Etarahi kho pana, bhante, bhikkhū bhagavato sāvakā viyattā vinītā visāradā bahussutā dhammadharā dhammānudhammappaṭipannā sāmīcippaṭipannā anudhammacārino, sakaṃ ācariyakaṃ uggahetvā ācikkhanti desenti paññapenti paṭṭhapenti vivaranti vibhajanti uttānīkaronti, uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammena suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desenti. Parinibbātudāni, bhante, bhagavā, parinibbātu sugato, parinibbānakālodāni, bhante, bhagavato.
‘‘ภาสิตา โข ปเนสา, ภเนฺต, ภควตา วาจา – ‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม ภิกฺขุนิโย น สาวิกา ภวิสฺสนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจารินิโย, สกํ อาจริยกํ อุคฺคเหตฺวา อาจิกฺขิสฺสนฺติ เทเสสฺสนฺติ ปญฺญเปสฺสนฺติ ปฎฺฐเปสฺสนฺติ วิวริสฺสนฺติ วิภชิสฺสนฺติ อุตฺตานีกริสฺสนฺติ, อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’ติ ฯ เอตรหิ โข ปน, ภเนฺต, ภิกฺขุนิโย ภควโต สาวิกา วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจารินิโย , สกํ อาจริยกํ อุคฺคเหตฺวา อาจิกฺขนฺติ เทเสนฺติ ปญฺญเปนฺติ ปฎฺฐเปนฺติ วิวรนฺติ วิภชนฺติ อุตฺตานีกโรนฺติ, อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสนฺติฯ ปรินิพฺพาตุทานิ, ภเนฺต, ภควา, ปรินิพฺพาตุ สุคโต, ปรินิพฺพานกาโลทานิ, ภเนฺต, ภควโตฯ
‘‘Bhāsitā kho panesā, bhante, bhagavatā vācā – ‘na tāvāhaṃ, pāpima, parinibbāyissāmi, yāva me bhikkhuniyo na sāvikā bhavissanti viyattā vinītā visāradā bahussutā dhammadharā dhammānudhammappaṭipannā sāmīcippaṭipannā anudhammacāriniyo, sakaṃ ācariyakaṃ uggahetvā ācikkhissanti desessanti paññapessanti paṭṭhapessanti vivarissanti vibhajissanti uttānīkarissanti, uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammena suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desessantī’ti . Etarahi kho pana, bhante, bhikkhuniyo bhagavato sāvikā viyattā vinītā visāradā bahussutā dhammadharā dhammānudhammappaṭipannā sāmīcippaṭipannā anudhammacāriniyo , sakaṃ ācariyakaṃ uggahetvā ācikkhanti desenti paññapenti paṭṭhapenti vivaranti vibhajanti uttānīkaronti, uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammena suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desenti. Parinibbātudāni, bhante, bhagavā, parinibbātu sugato, parinibbānakālodāni, bhante, bhagavato.
‘‘ภาสิตา โข ปเนสา, ภเนฺต, ภควตา วาจา – ‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม อุปาสกา น สาวกา ภวิสฺสนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจาริโน, สกํ อาจริยกํ อุคฺคเหตฺวา อาจิกฺขิสฺสนฺติ เทเสสฺสนฺติ ปญฺญเปสฺสนฺติ ปฎฺฐเปสฺสนฺติ วิวริสฺสนฺติ วิภชิสฺสนฺติ อุตฺตานีกริสฺสนฺติ, อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’ติฯ เอตรหิ โข ปน, ภเนฺต, อุปาสกา ภควโต สาวกา วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจาริโน, สกํ อาจริยกํ อุคฺคเหตฺวา อาจิกฺขนฺติ เทเสนฺติ ปญฺญเปนฺติ ปฎฺฐเปนฺติ วิวรนฺติ วิภชนฺติ อุตฺตานีกโรนฺติ, อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสนฺติฯ ปรินิพฺพาตุทานิ , ภเนฺต, ภควา, ปรินิพฺพาตุ สุคโต, ปรินิพฺพานกาโลทานิ , ภเนฺต, ภควโตฯ
‘‘Bhāsitā kho panesā, bhante, bhagavatā vācā – ‘na tāvāhaṃ, pāpima, parinibbāyissāmi, yāva me upāsakā na sāvakā bhavissanti viyattā vinītā visāradā bahussutā dhammadharā dhammānudhammappaṭipannā sāmīcippaṭipannā anudhammacārino, sakaṃ ācariyakaṃ uggahetvā ācikkhissanti desessanti paññapessanti paṭṭhapessanti vivarissanti vibhajissanti uttānīkarissanti, uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammena suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desessantī’ti. Etarahi kho pana, bhante, upāsakā bhagavato sāvakā viyattā vinītā visāradā bahussutā dhammadharā dhammānudhammappaṭipannā sāmīcippaṭipannā anudhammacārino, sakaṃ ācariyakaṃ uggahetvā ācikkhanti desenti paññapenti paṭṭhapenti vivaranti vibhajanti uttānīkaronti, uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammena suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desenti. Parinibbātudāni , bhante, bhagavā, parinibbātu sugato, parinibbānakālodāni , bhante, bhagavato.
‘‘ภาสิตา โข ปเนสา, ภเนฺต, ภควตา วาจา – ‘น ตาวาหํ, ปาปิม ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม อุปาสิกา น สาวิกา ภวิสฺสนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจารินิโย, สกํ อาจริยกํ อุคฺคเหตฺวา อาจิกฺขิสฺสนฺติ เทเสสฺสนฺติ ปญฺญเปสฺสนฺติ ปฎฺฐเปสฺสนฺติ วิวริสฺสนฺติ วิภชิสฺสนฺติ อุตฺตานีกริสฺสนฺติ, อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’ติฯ เอตรหิ โข ปน, ภเนฺต, อุปาสิกา ภควโต สาวิกา วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจารินิโย, สกํ อาจริยกํ อุคฺคเหตฺวา อาจิกฺขนฺติ เทเสนฺติ ปญฺญเปนฺติ ปฎฺฐเปนฺติ วิวรนฺติ วิภชนฺติ อุตฺตานีกโรนฺติ, อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสนฺติฯ ปรินิพฺพาตุทานิ, ภเนฺต, ภควา, ปรินิพฺพาตุ สุคโต, ปรินิพฺพานกาโลทานิ, ภเนฺต, ภควโตฯ
‘‘Bhāsitā kho panesā, bhante, bhagavatā vācā – ‘na tāvāhaṃ, pāpima parinibbāyissāmi, yāva me upāsikā na sāvikā bhavissanti viyattā vinītā visāradā bahussutā dhammadharā dhammānudhammappaṭipannā sāmīcippaṭipannā anudhammacāriniyo, sakaṃ ācariyakaṃ uggahetvā ācikkhissanti desessanti paññapessanti paṭṭhapessanti vivarissanti vibhajissanti uttānīkarissanti, uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammena suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desessantī’ti. Etarahi kho pana, bhante, upāsikā bhagavato sāvikā viyattā vinītā visāradā bahussutā dhammadharā dhammānudhammappaṭipannā sāmīcippaṭipannā anudhammacāriniyo, sakaṃ ācariyakaṃ uggahetvā ācikkhanti desenti paññapenti paṭṭhapenti vivaranti vibhajanti uttānīkaronti, uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammena suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desenti. Parinibbātudāni, bhante, bhagavā, parinibbātu sugato, parinibbānakālodāni, bhante, bhagavato.
‘‘ภาสิตา โข ปเนสา, ภเนฺต, ภควตา วาจา – ‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ , ยาว เม อิทํ พฺรหฺมจริยํ น อิทฺธํ เจว ภวิสฺสติ ผีตญฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิต’นฺติฯ เอตรหิ โข ปน, ภเนฺต, ภควโต พฺรหฺมจริยํ อิทฺธํ เจว ผีตญฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ ปุถุภูตํ, ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตํฯ ปรินิพฺพาตุทานิ, ภเนฺต, ภควา, ปรินิพฺพาตุ สุคโต, ปรินิพฺพานกาโลทานิ, ภเนฺต, ภควโต’’ติ ฯ
‘‘Bhāsitā kho panesā, bhante, bhagavatā vācā – ‘na tāvāhaṃ, pāpima, parinibbāyissāmi , yāva me idaṃ brahmacariyaṃ na iddhaṃ ceva bhavissati phītañca vitthārikaṃ bāhujaññaṃ puthubhūtaṃ yāva devamanussehi suppakāsita’nti. Etarahi kho pana, bhante, bhagavato brahmacariyaṃ iddhaṃ ceva phītañca vitthārikaṃ bāhujaññaṃ puthubhūtaṃ, yāva devamanussehi suppakāsitaṃ. Parinibbātudāni, bhante, bhagavā, parinibbātu sugato, parinibbānakālodāni, bhante, bhagavato’’ti .
เอวํ วุเตฺต ภควา มารํ ปาปิมนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อโปฺปสฺสุโกฺก ตฺวํ, ปาปิม, โหหิ, น จิรํ ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติฯ อิโต ติณฺณํ มาสานํ อจฺจเยน ตถาคโต ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติฯ
Evaṃ vutte bhagavā māraṃ pāpimantaṃ etadavoca – ‘‘appossukko tvaṃ, pāpima, hohi, na ciraṃ tathāgatassa parinibbānaṃ bhavissati. Ito tiṇṇaṃ māsānaṃ accayena tathāgato parinibbāyissatī’’ti.
อายุสงฺขารโอสฺสชฺชนํ
Āyusaṅkhāraossajjanaṃ
‘‘ตุลมตุลญฺจ สมฺภวํ, ภวสงฺขารมวสฺสชิ มุนิ;
‘‘Tulamatulañca sambhavaṃ, bhavasaṅkhāramavassaji muni;
อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต, อภินฺทิ กวจมิวตฺตสมฺภว’’นฺติฯ
Ajjhattarato samāhito, abhindi kavacamivattasambhava’’nti.
มหาภูมิจาลเหตุ
Mahābhūmicālahetu
๑๗๐. อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ, มหา วตายํ ภูมิจาโล; สุมหา วตายํ ภูมิจาโล ภิํสนโก สโลมหํโส; เทวทุนฺทุภิโย จ ผลิํสุฯ โก นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายา’’ติ?
170. Atha kho āyasmato ānandassa etadahosi – ‘‘acchariyaṃ vata bho, abbhutaṃ vata bho, mahā vatāyaṃ bhūmicālo; sumahā vatāyaṃ bhūmicālo bhiṃsanako salomahaṃso; devadundubhiyo ca phaliṃsu. Ko nu kho hetu ko paccayo mahato bhūmicālassa pātubhāvāyā’’ti?
อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต, มหา วตายํ, ภเนฺต, ภูมิจาโล; สุมหา วตายํ , ภเนฺต, ภูมิจาโล ภิํสนโก สโลมหํโส; เทวทุนฺทุภิโย จ ผลิํสุฯ โก นุ โข, ภเนฺต , เหตุ โก ปจฺจโย มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายา’’ติ?
Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi, ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante, mahā vatāyaṃ, bhante, bhūmicālo; sumahā vatāyaṃ , bhante, bhūmicālo bhiṃsanako salomahaṃso; devadundubhiyo ca phaliṃsu. Ko nu kho, bhante , hetu ko paccayo mahato bhūmicālassa pātubhāvāyā’’ti?
๑๗๑. ‘‘อฎฺฐ โข อิเม, อานนฺท, เหตู, อฎฺฐ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายฯ กตเม อฎฺฐ? อยํ, อานนฺท, มหาปถวี อุทเก ปติฎฺฐิตา, อุทกํ วาเต ปติฎฺฐิตํ, วาโต อากาสโฎฺฐฯ โหติ โข โส, อานนฺท, สมโย, ยํ มหาวาตา วายนฺติฯ มหาวาตา วายนฺตา อุทกํ กเมฺปนฺติฯ อุทกํ กมฺปิตํ ปถวิํ กเมฺปติฯ อยํ ปฐโม เหตุ ปฐโม ปจฺจโย มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายฯ
171. ‘‘Aṭṭha kho ime, ānanda, hetū, aṭṭha paccayā mahato bhūmicālassa pātubhāvāya. Katame aṭṭha? Ayaṃ, ānanda, mahāpathavī udake patiṭṭhitā, udakaṃ vāte patiṭṭhitaṃ, vāto ākāsaṭṭho. Hoti kho so, ānanda, samayo, yaṃ mahāvātā vāyanti. Mahāvātā vāyantā udakaṃ kampenti. Udakaṃ kampitaṃ pathaviṃ kampeti. Ayaṃ paṭhamo hetu paṭhamo paccayo mahato bhūmicālassa pātubhāvāya.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, สมโณ วา โหติ พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต, เทโว วา มหิทฺธิโก มหานุภาโว, ตสฺส ปริตฺตา ปถวีสญฺญา ภาวิตา โหติ, อปฺปมาณา อาโปสญฺญาฯ โส อิมํ ปถวิํ กเมฺปติ สงฺกเมฺปติ สมฺปกเมฺปติ สมฺปเวเธติฯ อยํ ทุติโย เหตุ ทุติโย ปจฺจโย มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, samaṇo vā hoti brāhmaṇo vā iddhimā cetovasippatto, devo vā mahiddhiko mahānubhāvo, tassa parittā pathavīsaññā bhāvitā hoti, appamāṇā āposaññā. So imaṃ pathaviṃ kampeti saṅkampeti sampakampeti sampavedheti. Ayaṃ dutiyo hetu dutiyo paccayo mahato bhūmicālassa pātubhāvāya.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ยทา โพธิสโตฺต ตุสิตกายา จวิตฺวา สโต สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมติ, ตทายํ ปถวี กมฺปติ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติฯ อยํ ตติโย เหตุ ตติโย ปจฺจโย มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, yadā bodhisatto tusitakāyā cavitvā sato sampajāno mātukucchiṃ okkamati, tadāyaṃ pathavī kampati saṅkampati sampakampati sampavedhati. Ayaṃ tatiyo hetu tatiyo paccayo mahato bhūmicālassa pātubhāvāya.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ยทา โพธิสโตฺต สโต สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมา นิกฺขมติ, ตทายํ ปถวี กมฺปติ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติฯ อยํ จตุโตฺถ เหตุ จตุโตฺถ ปจฺจโย มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, yadā bodhisatto sato sampajāno mātukucchismā nikkhamati, tadāyaṃ pathavī kampati saṅkampati sampakampati sampavedhati. Ayaṃ catuttho hetu catuttho paccayo mahato bhūmicālassa pātubhāvāya.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ยทา ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌติ, ตทายํ ปถวี กมฺปติ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติฯ อยํ ปญฺจโม เหตุ ปญฺจโม ปจฺจโย มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, yadā tathāgato anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhati, tadāyaṃ pathavī kampati saṅkampati sampakampati sampavedhati. Ayaṃ pañcamo hetu pañcamo paccayo mahato bhūmicālassa pātubhāvāya.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ยทา ตถาคโต อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตติ, ตทายํ ปถวี กมฺปติ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติฯ อยํ ฉโฎฺฐ เหตุ ฉโฎฺฐ ปจฺจโย มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, yadā tathāgato anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavatteti, tadāyaṃ pathavī kampati saṅkampati sampakampati sampavedhati. Ayaṃ chaṭṭho hetu chaṭṭho paccayo mahato bhūmicālassa pātubhāvāya.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ยทา ตถาคโต สโต สมฺปชาโน อายุสงฺขารํ โอสฺสชฺชติ, ตทายํ ปถวี กมฺปติ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติฯ อยํ สตฺตโม เหตุ สตฺตโม ปจฺจโย มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, yadā tathāgato sato sampajāno āyusaṅkhāraṃ ossajjati, tadāyaṃ pathavī kampati saṅkampati sampakampati sampavedhati. Ayaṃ sattamo hetu sattamo paccayo mahato bhūmicālassa pātubhāvāya.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ยทา ตถาคโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ตทายํ ปถวี กมฺปติ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติฯ อยํ อฎฺฐโม เหตุ อฎฺฐโม ปจฺจโย มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายฯ อิเม โข, อานนฺท, อฎฺฐ เหตู, อฎฺฐ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายา’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, yadā tathāgato anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyati, tadāyaṃ pathavī kampati saṅkampati sampakampati sampavedhati. Ayaṃ aṭṭhamo hetu aṭṭhamo paccayo mahato bhūmicālassa pātubhāvāya. Ime kho, ānanda, aṭṭha hetū, aṭṭha paccayā mahato bhūmicālassa pātubhāvāyā’’ti.
อฎฺฐ ปริสา
Aṭṭha parisā
๑๗๒. ‘‘อฎฺฐ โข อิมา, อานนฺท, ปริสาฯ กตมา อฎฺฐ? ขตฺติยปริสา, พฺราหฺมณปริสา, คหปติปริสา, สมณปริสา, จาตุมหาราชิกปริสา 125, ตาวติํสปริสา, มารปริสา, พฺรหฺมปริสาฯ อภิชานามิ โข ปนาหํ, อานนฺท , อเนกสตํ ขตฺติยปริสํ อุปสงฺกมิตาฯ ตตฺรปิ มยา สนฺนิสินฺนปุพฺพํ เจว สลฺลปิตปุพฺพญฺจ สากจฺฉา จ สมาปชฺชิตปุพฺพา ฯ ตตฺถ ยาทิสโก เตสํ วโณฺณ โหติ, ตาทิสโก มยฺหํ วโณฺณ โหติฯ ยาทิสโก เตสํ สโร โหติ, ตาทิสโก มยฺหํ สโร โหติฯ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสมิ สมาทเปมิ สมุเตฺตเชมิ สมฺปหํเสมิฯ ภาสมานญฺจ มํ น ชานนฺติ – ‘โก นุ โข อยํ ภาสติ เทโว วา มนุโสฺส วา’ติ? ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อนฺตรธายามิฯ อนฺตรหิตญฺจ มํ น ชานนฺติ – ‘โก นุ โข อยํ อนฺตรหิโต เทโว วา มนุโสฺส วา’ติ? อภิชานามิ โข ปนาหํ, อานนฺท, อเนกสตํ พฺราหฺมณปริสํ…เป.… คหปติปริสํ… สมณปริสํ… จาตุมหาราชิกปริสํ… ตาวติํสปริสํ… มารปริสํ… พฺรหฺมปริสํ อุปสงฺกมิตาฯ ตตฺรปิ มยา สนฺนิสินฺนปุพฺพํ เจว สลฺลปิตปุพฺพญฺจ สากจฺฉา จ สมาปชฺชิตปุพฺพาฯ ตตฺถ ยาทิสโก เตสํ วโณฺณ โหติ, ตาทิสโก มยฺหํ วโณฺณ โหติฯ ยาทิสโก เตสํ สโร โหติ, ตาทิสโก มยฺหํ สโร โหติฯ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสมิ สมาทเปมิ สมุเตฺตเชมิ สมฺปหํเสมิฯ ภาสมานญฺจ มํ น ชานนฺติ – ‘โก นุ โข อยํ ภาสติ เทโว วา มนุโสฺส วา’ติ? ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อนฺตรธายามิฯ อนฺตรหิตญฺจ มํ น ชานนฺติ – ‘โก นุ โข อยํ อนฺตรหิโต เทโว วา มนุโสฺส วา’ติ? อิมา โข, อานนฺท, อฎฺฐ ปริสาฯ
172. ‘‘Aṭṭha kho imā, ānanda, parisā. Katamā aṭṭha? Khattiyaparisā, brāhmaṇaparisā, gahapatiparisā, samaṇaparisā, cātumahārājikaparisā 126, tāvatiṃsaparisā, māraparisā, brahmaparisā. Abhijānāmi kho panāhaṃ, ānanda , anekasataṃ khattiyaparisaṃ upasaṅkamitā. Tatrapi mayā sannisinnapubbaṃ ceva sallapitapubbañca sākacchā ca samāpajjitapubbā . Tattha yādisako tesaṃ vaṇṇo hoti, tādisako mayhaṃ vaṇṇo hoti. Yādisako tesaṃ saro hoti, tādisako mayhaṃ saro hoti. Dhammiyā kathāya sandassemi samādapemi samuttejemi sampahaṃsemi. Bhāsamānañca maṃ na jānanti – ‘ko nu kho ayaṃ bhāsati devo vā manusso vā’ti? Dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā antaradhāyāmi. Antarahitañca maṃ na jānanti – ‘ko nu kho ayaṃ antarahito devo vā manusso vā’ti? Abhijānāmi kho panāhaṃ, ānanda, anekasataṃ brāhmaṇaparisaṃ…pe… gahapatiparisaṃ… samaṇaparisaṃ… cātumahārājikaparisaṃ… tāvatiṃsaparisaṃ… māraparisaṃ… brahmaparisaṃ upasaṅkamitā. Tatrapi mayā sannisinnapubbaṃ ceva sallapitapubbañca sākacchā ca samāpajjitapubbā. Tattha yādisako tesaṃ vaṇṇo hoti, tādisako mayhaṃ vaṇṇo hoti. Yādisako tesaṃ saro hoti, tādisako mayhaṃ saro hoti. Dhammiyā kathāya sandassemi samādapemi samuttejemi sampahaṃsemi. Bhāsamānañca maṃ na jānanti – ‘ko nu kho ayaṃ bhāsati devo vā manusso vā’ti? Dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā antaradhāyāmi. Antarahitañca maṃ na jānanti – ‘ko nu kho ayaṃ antarahito devo vā manusso vā’ti? Imā kho, ānanda, aṭṭha parisā.
อฎฺฐ อภิภายตนานิ
Aṭṭha abhibhāyatanāni
๑๗๓. ‘‘อฎฺฐ โข อิมานิ, อานนฺท, อภิภายตนานิฯ กตมานิ อฎฺฐ ? อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิฯ ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ปฐมํ อภิภายตนํฯ
173. ‘‘Aṭṭha kho imāni, ānanda, abhibhāyatanāni. Katamāni aṭṭha ? Ajjhattaṃ rūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati parittāni suvaṇṇadubbaṇṇāni. ‘Tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ paṭhamaṃ abhibhāyatanaṃ.
‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิฯ ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ทุติยํ อภิภายตนํฯ
‘‘Ajjhattaṃ rūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati appamāṇāni suvaṇṇadubbaṇṇāni. ‘Tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ dutiyaṃ abhibhāyatanaṃ.
‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิฯ ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ตติยํ อภิภายตนํฯ
‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati parittāni suvaṇṇadubbaṇṇāni. ‘Tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ tatiyaṃ abhibhāyatanaṃ.
‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิฯ ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ จตุตฺถํ อภิภายตนํฯ
‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati appamāṇāni suvaṇṇadubbaṇṇāni. ‘Tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ catutthaṃ abhibhāyatanaṃ.
‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ นีลานิ นีลวณฺณานิ นีลนิทสฺสนานิ นีลนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม อุมาปุปฺผํ นีลํ นีลวณฺณํ นีลนิทสฺสนํ นีลนิภาสํฯ เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฎฺฐํ นีลํ นีลวณฺณํ นีลนิทสฺสนํ นีลนิภาสํฯ เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ นีลานิ นีลวณฺณานิ นีลนิทสฺสนานิ นีลนิภาสานิฯ ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ปญฺจมํ อภิภายตนํฯ
‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati nīlāni nīlavaṇṇāni nīlanidassanāni nīlanibhāsāni. Seyyathāpi nāma umāpupphaṃ nīlaṃ nīlavaṇṇaṃ nīlanidassanaṃ nīlanibhāsaṃ. Seyyathā vā pana taṃ vatthaṃ bārāṇaseyyakaṃ ubhatobhāgavimaṭṭhaṃ nīlaṃ nīlavaṇṇaṃ nīlanidassanaṃ nīlanibhāsaṃ. Evameva ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati nīlāni nīlavaṇṇāni nīlanidassanāni nīlanibhāsāni. ‘Tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ pañcamaṃ abhibhāyatanaṃ.
‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปีตานิ ปีตวณฺณานิ ปีตนิทสฺสนานิ ปีตนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม กณิการปุปฺผํ ปีตํ ปีตวณฺณํ ปีตนิทสฺสนํ ปีตนิภาสํฯ เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฎฺฐํ ปีตํ ปีตวณฺณํ ปีตนิทสฺสนํ ปีตนิภาสํฯ เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปีตานิ ปีตวณฺณานิ ปีตนิทสฺสนานิ ปีตนิภาสานิฯ ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ ฉฎฺฐํ อภิภายตนํฯ
‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati pītāni pītavaṇṇāni pītanidassanāni pītanibhāsāni. Seyyathāpi nāma kaṇikārapupphaṃ pītaṃ pītavaṇṇaṃ pītanidassanaṃ pītanibhāsaṃ. Seyyathā vā pana taṃ vatthaṃ bārāṇaseyyakaṃ ubhatobhāgavimaṭṭhaṃ pītaṃ pītavaṇṇaṃ pītanidassanaṃ pītanibhāsaṃ. Evameva ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati pītāni pītavaṇṇāni pītanidassanāni pītanibhāsāni. ‘Tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ chaṭṭhaṃ abhibhāyatanaṃ.
‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โลหิตกานิ โลหิตกวณฺณานิ โลหิตกนิทสฺสนานิ โลหิตกนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม พนฺธุชีวกปุปฺผํ โลหิตกํ โลหิตกวณฺณํ โลหิตกนิทสฺสนํ โลหิตกนิภาสํฯ เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฎฺฐํ โลหิตกํ โลหิตกวณฺณํ โลหิตกนิทสฺสนํ โลหิตกนิภาสํฯ เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โลหิตกานิ โลหิตกวณฺณานิ โลหิตกนิทสฺสนานิ โลหิตกนิภาสานิฯ ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ สตฺตมํ อภิภายตนํฯ
‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati lohitakāni lohitakavaṇṇāni lohitakanidassanāni lohitakanibhāsāni. Seyyathāpi nāma bandhujīvakapupphaṃ lohitakaṃ lohitakavaṇṇaṃ lohitakanidassanaṃ lohitakanibhāsaṃ. Seyyathā vā pana taṃ vatthaṃ bārāṇaseyyakaṃ ubhatobhāgavimaṭṭhaṃ lohitakaṃ lohitakavaṇṇaṃ lohitakanidassanaṃ lohitakanibhāsaṃ. Evameva ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati lohitakāni lohitakavaṇṇāni lohitakanidassanāni lohitakanibhāsāni. ‘Tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ sattamaṃ abhibhāyatanaṃ.
‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โอทาตานิ โอทาตวณฺณานิ โอทาตนิทสฺสนานิ โอทาตนิภาสานิฯ เสยฺยถาปิ นาม โอสธิตารกา โอทาตา โอทาตวณฺณา โอทาตนิทสฺสนา โอทาตนิภาสาฯ เสยฺยถา วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฎฺฐํ โอทาตํ โอทาตวณฺณํ โอทาตนิทสฺสนํ โอทาตนิภาสํฯ เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โอทาตานิ โอทาตวณฺณานิ โอทาตนิทสฺสนานิ โอทาตนิภาสานิฯ ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสญฺญี โหติฯ อิทํ อฎฺฐมํ อภิภายตนํ ฯ อิมานิ โข, อานนฺท, อฎฺฐ อภิภายตนานิฯ
‘‘Ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati odātāni odātavaṇṇāni odātanidassanāni odātanibhāsāni. Seyyathāpi nāma osadhitārakā odātā odātavaṇṇā odātanidassanā odātanibhāsā. Seyyathā vā pana taṃ vatthaṃ bārāṇaseyyakaṃ ubhatobhāgavimaṭṭhaṃ odātaṃ odātavaṇṇaṃ odātanidassanaṃ odātanibhāsaṃ. Evameva ajjhattaṃ arūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati odātāni odātavaṇṇāni odātanidassanāni odātanibhāsāni. ‘Tāni abhibhuyya jānāmi passāmī’ti evaṃsaññī hoti. Idaṃ aṭṭhamaṃ abhibhāyatanaṃ . Imāni kho, ānanda, aṭṭha abhibhāyatanāni.
อฎฺฐ วิโมกฺขา
Aṭṭha vimokkhā
๑๗๔. ‘‘อฎฺฐ โข อิเม, อานนฺท, วิโมกฺขาฯ กตเม อฎฺฐ? รูปี รูปานิ ปสฺสติ, อยํ ปฐโม วิโมโกฺขฯ อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ, อยํ ทุติโย วิโมโกฺขฯ สุภเนฺตว อธิมุโตฺต โหติ, อยํ ตติโย วิโมโกฺขฯ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ จตุโตฺถ วิโมโกฺขฯ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ปญฺจโม วิโมโกฺขฯ สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ฉโฎฺฐ วิโมโกฺขฯ สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ สตฺตโม วิโมโกฺขฯ สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ อฎฺฐโม วิโมโกฺขฯ อิเม โข, อานนฺท, อฎฺฐ วิโมกฺขาฯ
174. ‘‘Aṭṭha kho ime, ānanda, vimokkhā. Katame aṭṭha? Rūpī rūpāni passati, ayaṃ paṭhamo vimokkho. Ajjhattaṃ arūpasaññī bahiddhā rūpāni passati, ayaṃ dutiyo vimokkho. Subhanteva adhimutto hoti, ayaṃ tatiyo vimokkho. Sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati, ayaṃ catuttho vimokkho. Sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati, ayaṃ pañcamo vimokkho. Sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja viharati, ayaṃ chaṭṭho vimokkho. Sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja viharati. Ayaṃ sattamo vimokkho. Sabbaso nevasaññānāsaññāyatanaṃ samatikkamma saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharati, ayaṃ aṭṭhamo vimokkho. Ime kho, ānanda, aṭṭha vimokkhā.
๑๗๕. ‘‘เอกมิทาหํ , อานนฺท, สมยํ อุรุเวลายํ วิหรามิ นชฺชา เนรญฺชราย ตีเร อชปาลนิโคฺรเธ ปฐมาภิสมฺพุโทฺธฯ อถ โข, อานนฺท, มาโร ปาปิมา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข, อานนฺท, มาโร ปาปิมา มํ เอตทโวจ – ‘ปรินิพฺพาตุทานิ, ภเนฺต, ภควา; ปรินิพฺพาตุ สุคโต, ปรินิพฺพานกาโลทานิ, ภเนฺต, ภควโต’ติฯ เอวํ วุเตฺต อหํ, อานนฺท, มารํ ปาปิมนฺตํ เอตทโวจํ –
175. ‘‘Ekamidāhaṃ , ānanda, samayaṃ uruvelāyaṃ viharāmi najjā nerañjarāya tīre ajapālanigrodhe paṭhamābhisambuddho. Atha kho, ānanda, māro pāpimā yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho, ānanda, māro pāpimā maṃ etadavoca – ‘parinibbātudāni, bhante, bhagavā; parinibbātu sugato, parinibbānakālodāni, bhante, bhagavato’ti. Evaṃ vutte ahaṃ, ānanda, māraṃ pāpimantaṃ etadavocaṃ –
‘‘‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม ภิกฺขู น สาวกา ภวิสฺสนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจาริโน, สกํ อาจริยกํ อุคฺคเหตฺวา อาจิกฺขิสฺสนฺติ เทเสสฺสนฺติ ปญฺญเปสฺสนฺติ ปฎฺฐเปสฺสนฺติ วิวริสฺสนฺติ วิภชิสฺสนฺติ อุตฺตานีกริสฺสนฺติ, อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺติฯ
‘‘‘Na tāvāhaṃ, pāpima, parinibbāyissāmi, yāva me bhikkhū na sāvakā bhavissanti viyattā vinītā visāradā bahussutā dhammadharā dhammānudhammappaṭipannā sāmīcippaṭipannā anudhammacārino, sakaṃ ācariyakaṃ uggahetvā ācikkhissanti desessanti paññapessanti paṭṭhapessanti vivarissanti vibhajissanti uttānīkarissanti, uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammena suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desessanti.
‘‘‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม ภิกฺขุนิโย น สาวิกา ภวิสฺสนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจารินิโย, สกํ อาจริยกํ อุคฺคเหตฺวา อาจิกฺขิสฺสนฺติ เทเสสฺสนฺติ ปญฺญเปสฺสนฺติ ปฎฺฐเปสฺสนฺติ วิวริสฺสนฺติ วิภชิสฺสนฺติ อุตฺตานีกริสฺสนฺติ, อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺติฯ
‘‘‘Na tāvāhaṃ, pāpima, parinibbāyissāmi, yāva me bhikkhuniyo na sāvikā bhavissanti viyattā vinītā visāradā bahussutā dhammadharā dhammānudhammappaṭipannā sāmīcippaṭipannā anudhammacāriniyo, sakaṃ ācariyakaṃ uggahetvā ācikkhissanti desessanti paññapessanti paṭṭhapessanti vivarissanti vibhajissanti uttānīkarissanti, uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammena suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desessanti.
‘‘‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม อุปาสกา น สาวกา ภวิสฺสนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจาริโน, สกํ อาจริยกํ อุคฺคเหตฺวา อาจิกฺขิสฺสนฺติ เทเสสฺสนฺติ ปญฺญเปสฺสนฺติ ปฎฺฐเปสฺสนฺติ วิวริสฺสนฺติ วิภชิสฺสนฺติ อุตฺตานีกริสฺสนฺติ, อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺติฯ
‘‘‘Na tāvāhaṃ, pāpima, parinibbāyissāmi, yāva me upāsakā na sāvakā bhavissanti viyattā vinītā visāradā bahussutā dhammadharā dhammānudhammappaṭipannā sāmīcippaṭipannā anudhammacārino, sakaṃ ācariyakaṃ uggahetvā ācikkhissanti desessanti paññapessanti paṭṭhapessanti vivarissanti vibhajissanti uttānīkarissanti, uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammena suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desessanti.
‘‘‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม อุปาสิกา น สาวิกา ภวิสฺสนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจารินิโย, สกํ อาจริยกํ อุคฺคเหตฺวา อาจิกฺขิสฺสนฺติ เทเสสฺสนฺติ ปญฺญเปสฺสนฺติ ปฎฺฐเปสฺสนฺติ วิวริสฺสนฺติ วิภชิสฺสนฺติ อุตฺตานีกริสฺสนฺติ, อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฎิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺติฯ
‘‘‘Na tāvāhaṃ, pāpima, parinibbāyissāmi, yāva me upāsikā na sāvikā bhavissanti viyattā vinītā visāradā bahussutā dhammadharā dhammānudhammappaṭipannā sāmīcippaṭipannā anudhammacāriniyo, sakaṃ ācariyakaṃ uggahetvā ācikkhissanti desessanti paññapessanti paṭṭhapessanti vivarissanti vibhajissanti uttānīkarissanti, uppannaṃ parappavādaṃ sahadhammena suniggahitaṃ niggahetvā sappāṭihāriyaṃ dhammaṃ desessanti.
‘‘‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม อิทํ พฺรหฺมจริยํ น อิทฺธเญฺจว ภวิสฺสติ ผีตญฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิต’นฺติฯ
‘‘‘Na tāvāhaṃ, pāpima, parinibbāyissāmi, yāva me idaṃ brahmacariyaṃ na iddhañceva bhavissati phītañca vitthārikaṃ bāhujaññaṃ puthubhūtaṃ yāva devamanussehi suppakāsita’nti.
๑๗๖. ‘‘อิทาเนว โข, อานนฺท, อชฺช จาปาเล เจติเย มาโร ปาปิมา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข, อานนฺท, มาโร ปาปิมา มํ เอตทโวจ – ‘ปรินิพฺพาตุทานิ, ภเนฺต, ภควา, ปรินิพฺพาตุ สุคโต, ปรินิพฺพานกาโลทานิ, ภเนฺต, ภควโตฯ ภาสิตา โข ปเนสา, ภเนฺต, ภควตา วาจา – ‘‘น ตาวาหํ, ปาปิม , ปรินิพฺพายิสฺสามิ , ยาว เม ภิกฺขู น สาวกา ภวิสฺสนฺติ…เป.… ยาว เม ภิกฺขุนิโย น สาวิกา ภวิสฺสนฺติ…เป.… ยาว เม อุปาสกา น สาวกา ภวิสฺสนฺติ…เป.… ยาว เม อุปาสิกา น สาวิกา ภวิสฺสนฺติ…เป.… ยาว เม อิทํ พฺรหฺมจริยํ น อิทฺธเญฺจว ภวิสฺสติ ผีตญฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ ปุถุภูตํ, ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิต’’นฺติฯ เอตรหิ โข ปน, ภเนฺต, ภควโต พฺรหฺมจริยํ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ ปุถุภูตํ, ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตํฯ ปรินิพฺพาตุทานิ, ภเนฺต, ภควา, ปรินิพฺพาตุ สุคโต, ปรินิพฺพานกาโลทานิ, ภเนฺต, ภควโต’ติฯ
176. ‘‘Idāneva kho, ānanda, ajja cāpāle cetiye māro pāpimā yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho, ānanda, māro pāpimā maṃ etadavoca – ‘parinibbātudāni, bhante, bhagavā, parinibbātu sugato, parinibbānakālodāni, bhante, bhagavato. Bhāsitā kho panesā, bhante, bhagavatā vācā – ‘‘na tāvāhaṃ, pāpima , parinibbāyissāmi , yāva me bhikkhū na sāvakā bhavissanti…pe… yāva me bhikkhuniyo na sāvikā bhavissanti…pe… yāva me upāsakā na sāvakā bhavissanti…pe… yāva me upāsikā na sāvikā bhavissanti…pe… yāva me idaṃ brahmacariyaṃ na iddhañceva bhavissati phītañca vitthārikaṃ bāhujaññaṃ puthubhūtaṃ, yāva devamanussehi suppakāsita’’nti. Etarahi kho pana, bhante, bhagavato brahmacariyaṃ iddhañceva phītañca vitthārikaṃ bāhujaññaṃ puthubhūtaṃ, yāva devamanussehi suppakāsitaṃ. Parinibbātudāni, bhante, bhagavā, parinibbātu sugato, parinibbānakālodāni, bhante, bhagavato’ti.
๑๗๗. ‘‘เอวํ วุเตฺต, อหํ, อานนฺท, มารํ ปาปิมนฺตํ เอตทโวจํ – ‘อโปฺปสฺสุโกฺก ตฺวํ, ปาปิม, โหหิ, นจิรํ ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติฯ อิโต ติณฺณํ มาสานํ อจฺจเยน ตถาคโต ปรินิพฺพายิสฺสตี’ติฯ อิทาเนว โข, อานนฺท, อชฺช จาปาเล เจติเย ตถาคเตน สเตน สมฺปชาเนน อายุสงฺขาโร โอสฺสโฎฺฐ’’ติฯ
177. ‘‘Evaṃ vutte, ahaṃ, ānanda, māraṃ pāpimantaṃ etadavocaṃ – ‘appossukko tvaṃ, pāpima, hohi, naciraṃ tathāgatassa parinibbānaṃ bhavissati. Ito tiṇṇaṃ māsānaṃ accayena tathāgato parinibbāyissatī’ti. Idāneva kho, ānanda, ajja cāpāle cetiye tathāgatena satena sampajānena āyusaṅkhāro ossaṭṭho’’ti.
อานนฺทยาจนกถา
Ānandayācanakathā
๑๗๘. เอวํ วุเตฺต อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ติฎฺฐตุ, ภเนฺต, ภควา กปฺปํ, ติฎฺฐตุ สุคโต กปฺปํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติฯ
178. Evaṃ vutte āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘tiṭṭhatu, bhante, bhagavā kappaṃ, tiṭṭhatu sugato kappaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’’nti.
‘‘อลํทานิ, อานนฺทฯ มา ตถาคตํ ยาจิ, อกาโลทานิ, อานนฺท, ตถาคตํ ยาจนายา’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา อานโนฺท…เป.… ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ติฎฺฐตุ, ภเนฺต, ภควา กปฺปํ, ติฎฺฐตุ สุคโต กปฺปํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติฯ
‘‘Alaṃdāni, ānanda. Mā tathāgataṃ yāci, akālodāni, ānanda, tathāgataṃ yācanāyā’’ti. Dutiyampi kho āyasmā ānando…pe… tatiyampi kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘tiṭṭhatu, bhante, bhagavā kappaṃ, tiṭṭhatu sugato kappaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’’nti.
‘‘สทฺทหสิ ตฺวํ, อานนฺท, ตถาคตสฺส โพธิ’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘อถ กิญฺจรหิ ตฺวํ, อานนฺท, ตถาคตํ ยาวตติยกํ อภินิปฺปีเฬสี’’ติ? ‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภเนฺต, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ – ‘ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วาฯ ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธาฯ โส อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วา’’’ติฯ ‘‘สทฺทหสิ ตฺวํ, อานนฺทา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, ตุเยฺหเวตํ ทุกฺกฎํ, ตุเยฺหเวตํ อปรทฺธํ, ยํ ตฺวํ ตถาคเตน เอวํ โอฬาริเก นิมิเตฺต กยิรมาเน โอฬาริเก โอภาเส กยิรมาเน นาสกฺขิ ปฎิวิชฺฌิตุํ, น ตถาคตํ ยาจิ – ‘ติฎฺฐตุ, ภเนฺต, ภควา กปฺปํ, ติฎฺฐตุ สุคโต กปฺปํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติฯ สเจ ตฺวํ, อานนฺท, ตถาคตํ ยาเจยฺยาสิ, เทฺวว เต วาจา ตถาคโต ปฎิกฺขิเปยฺย, อถ ตติยกํ อธิวาเสยฺยฯ ตสฺมาติหานนฺท, ตุเยฺหเวตํ ทุกฺกฎํ, ตุเยฺหเวตํ อปรทฺธํฯ
‘‘Saddahasi tvaṃ, ānanda, tathāgatassa bodhi’’nti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Atha kiñcarahi tvaṃ, ānanda, tathāgataṃ yāvatatiyakaṃ abhinippīḷesī’’ti? ‘‘Sammukhā metaṃ, bhante, bhagavato sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ – ‘yassa kassaci, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā. Tathāgatassa kho, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā. So ākaṅkhamāno, ānanda, tathāgato kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā’’’ti. ‘‘Saddahasi tvaṃ, ānandā’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda, tuyhevetaṃ dukkaṭaṃ, tuyhevetaṃ aparaddhaṃ, yaṃ tvaṃ tathāgatena evaṃ oḷārike nimitte kayiramāne oḷārike obhāse kayiramāne nāsakkhi paṭivijjhituṃ, na tathāgataṃ yāci – ‘tiṭṭhatu, bhante, bhagavā kappaṃ, tiṭṭhatu sugato kappaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’’nti. Sace tvaṃ, ānanda, tathāgataṃ yāceyyāsi, dveva te vācā tathāgato paṭikkhipeyya, atha tatiyakaṃ adhivāseyya. Tasmātihānanda, tuyhevetaṃ dukkaṭaṃ, tuyhevetaṃ aparaddhaṃ.
๑๗๙. ‘‘เอกมิทาหํ, อานนฺท, สมยํ ราชคเห วิหรามิ คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเตฯ ตตฺราปิ โข ตาหํ, อานนฺท, อามเนฺตสิํ – ‘รมณียํ, อานนฺท, ราชคหํ, รมณีโย, อานนฺท, คิชฺฌกูโฎ ปพฺพโตฯ ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วาฯ ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วา’ติฯ เอวมฺปิ โข ตฺวํ, อานนฺท, ตถาคเตน โอฬาริเก นิมิเตฺต กยิรมาเน โอฬาริเก โอภาเส กยิรมาเน นาสกฺขิ ปฎิวิชฺฌิตุํ, น ตถาคตํ ยาจิ – ‘ติฎฺฐตุ, ภเนฺต, ภควา กปฺปํ, ติฎฺฐตุ สุคโต กปฺปํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติฯ สเจ ตฺวํ, อานนฺท, ตถาคตํ ยาเจยฺยาสิ, เทฺว เต วาจา ตถาคโต ปฎิกฺขิเปยฺย, อถ ตติยกํ อธิวาเสยฺยฯ ตสฺมาติหานนฺท, ตุเยฺหเวตํ ทุกฺกฎํ, ตุเยฺหเวตํ อปรทฺธํฯ
179. ‘‘Ekamidāhaṃ, ānanda, samayaṃ rājagahe viharāmi gijjhakūṭe pabbate. Tatrāpi kho tāhaṃ, ānanda, āmantesiṃ – ‘ramaṇīyaṃ, ānanda, rājagahaṃ, ramaṇīyo, ānanda, gijjhakūṭo pabbato. Yassa kassaci, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā. Tathāgatassa kho, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno, ānanda, tathāgato kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā’ti. Evampi kho tvaṃ, ānanda, tathāgatena oḷārike nimitte kayiramāne oḷārike obhāse kayiramāne nāsakkhi paṭivijjhituṃ, na tathāgataṃ yāci – ‘tiṭṭhatu, bhante, bhagavā kappaṃ, tiṭṭhatu sugato kappaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’nti. Sace tvaṃ, ānanda, tathāgataṃ yāceyyāsi, dve te vācā tathāgato paṭikkhipeyya, atha tatiyakaṃ adhivāseyya. Tasmātihānanda, tuyhevetaṃ dukkaṭaṃ, tuyhevetaṃ aparaddhaṃ.
๑๘๐. ‘‘เอกมิทาหํ, อานนฺท, สมยํ ตเตฺถว ราชคเห วิหรามิ โคตมนิโคฺรเธ…เป.… ตเตฺถว ราชคเห วิหรามิ โจรปปาเต… ตเตฺถว ราชคเห วิหรามิ เวภารปเสฺส สตฺตปณฺณิคุหายํ… ตเตฺถว ราชคเห วิหรามิ อิสิคิลิปเสฺส กาฬสิลายํ… ตเตฺถว ราชคเห วิหรามิ สีตวเน สปฺปโสณฺฑิกปพฺภาเร… ตเตฺถว ราชคเห วิหรามิ ตโปทาราเม… ตเตฺถว ราชคเห วิหรามิ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป… ตเตฺถว ราชคเห วิหรามิ ชีวกมฺพวเน… ตเตฺถว ราชคเห วิหรามิ มทฺทกุจฺฉิสฺมิํ มิคทาเย ตตฺราปิ โข ตาหํ, อานนฺท, อามเนฺตสิํ – ‘รมณียํ, อานนฺท, ราชคหํ, รมณีโย คิชฺฌกูโฎ ปพฺพโต, รมณีโย โคตมนิโคฺรโธ, รมณีโย โจรปปาโต, รมณียา เวภารปเสฺส สตฺตปณฺณิคุหา, รมณียา อิสิคิลิปเสฺส กาฬสิลา, รมณีโย สีตวเน สปฺปโสณฺฑิกปพฺภาโร , รมณีโย ตโปทาราโม, รมณีโย เวฬุวเน กลนฺทกนิวาโป, รมณียํ ชีวกมฺพวนํ, รมณีโย มทฺทกุจฺฉิสฺมิํ มิคทาโยฯ ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา…เป.… อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วา’ติฯ เอวมฺปิ โข ตฺวํ, อานนฺท, ตถาคเตน โอฬาริเก นิมิเตฺต กยิรมาเน โอฬาริเก โอภาเส กยิรมาเน นาสกฺขิ ปฎิวิชฺฌิตุํ, น ตถาคตํ ยาจิ – ‘ติฎฺฐตุ, ภเนฺต, ภควา กปฺปํ, ติฎฺฐตุ สุคโต กปฺปํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติฯ สเจ ตฺวํ, อานนฺท, ตถาคตํ ยาเจยฺยาสิ, เทฺวว เต วาจา ตถาคโต ปฎิกฺขิเปยฺย, อถ ตติยกํ อธิวาเสยฺยฯ ตสฺมาติหานนฺท, ตุเยฺหเวตํ ทุกฺกฎํ, ตุเยฺหเวตํ อปรทฺธํฯ
180. ‘‘Ekamidāhaṃ, ānanda, samayaṃ tattheva rājagahe viharāmi gotamanigrodhe…pe… tattheva rājagahe viharāmi corapapāte… tattheva rājagahe viharāmi vebhārapasse sattapaṇṇiguhāyaṃ… tattheva rājagahe viharāmi isigilipasse kāḷasilāyaṃ… tattheva rājagahe viharāmi sītavane sappasoṇḍikapabbhāre… tattheva rājagahe viharāmi tapodārāme… tattheva rājagahe viharāmi veḷuvane kalandakanivāpe… tattheva rājagahe viharāmi jīvakambavane… tattheva rājagahe viharāmi maddakucchismiṃ migadāye tatrāpi kho tāhaṃ, ānanda, āmantesiṃ – ‘ramaṇīyaṃ, ānanda, rājagahaṃ, ramaṇīyo gijjhakūṭo pabbato, ramaṇīyo gotamanigrodho, ramaṇīyo corapapāto, ramaṇīyā vebhārapasse sattapaṇṇiguhā, ramaṇīyā isigilipasse kāḷasilā, ramaṇīyo sītavane sappasoṇḍikapabbhāro , ramaṇīyo tapodārāmo, ramaṇīyo veḷuvane kalandakanivāpo, ramaṇīyaṃ jīvakambavanaṃ, ramaṇīyo maddakucchismiṃ migadāyo. Yassa kassaci, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā…pe… ākaṅkhamāno, ānanda, tathāgato kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā’ti. Evampi kho tvaṃ, ānanda, tathāgatena oḷārike nimitte kayiramāne oḷārike obhāse kayiramāne nāsakkhi paṭivijjhituṃ, na tathāgataṃ yāci – ‘tiṭṭhatu, bhante, bhagavā kappaṃ, tiṭṭhatu sugato kappaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’nti. Sace tvaṃ, ānanda, tathāgataṃ yāceyyāsi, dveva te vācā tathāgato paṭikkhipeyya, atha tatiyakaṃ adhivāseyya. Tasmātihānanda, tuyhevetaṃ dukkaṭaṃ, tuyhevetaṃ aparaddhaṃ.
๑๘๑. ‘‘เอกมิทาหํ, อานนฺท, สมยํ อิเธว เวสาลิยํ วิหรามิ อุเทเน เจติเยฯ ตตฺราปิ โข ตาหํ, อานนฺท, อามเนฺตสิํ – ‘รมณียา, อานนฺท, เวสาลี, รมณียํ อุเทนํ เจติยํฯ ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วาฯ ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วา’ติฯ เอวมฺปิ โข ตฺวํ, อานนฺท, ตถาคเตน โอฬาริเก นิมิเตฺต กยิรมาเน โอฬาริเก โอภาเส กยิรมาเน นาสกฺขิ ปฎิวิชฺฌิตุํ, น ตถาคตํ ยาจิ – ‘ติฎฺฐตุ, ภเนฺต, ภควา กปฺปํ, ติฎฺฐตุ สุคโต กปฺปํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติฯ สเจ ตฺวํ, อานนฺท, ตถาคตํ ยาเจยฺยาสิ, เทฺวว เต วาจา ตถาคโต ปฎิกฺขิเปยฺย, อถ ตติยกํ อธิวาเสยฺย, ตสฺมาติหานนฺท, ตุเยฺหเวตํ ทุกฺกฎํ, ตุเยฺหเวตํ อปรทฺธํฯ
181. ‘‘Ekamidāhaṃ, ānanda, samayaṃ idheva vesāliyaṃ viharāmi udene cetiye. Tatrāpi kho tāhaṃ, ānanda, āmantesiṃ – ‘ramaṇīyā, ānanda, vesālī, ramaṇīyaṃ udenaṃ cetiyaṃ. Yassa kassaci, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā. Tathāgatassa kho, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno, ānanda, tathāgato kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā’ti. Evampi kho tvaṃ, ānanda, tathāgatena oḷārike nimitte kayiramāne oḷārike obhāse kayiramāne nāsakkhi paṭivijjhituṃ, na tathāgataṃ yāci – ‘tiṭṭhatu, bhante, bhagavā kappaṃ, tiṭṭhatu sugato kappaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’nti. Sace tvaṃ, ānanda, tathāgataṃ yāceyyāsi, dveva te vācā tathāgato paṭikkhipeyya, atha tatiyakaṃ adhivāseyya, tasmātihānanda, tuyhevetaṃ dukkaṭaṃ, tuyhevetaṃ aparaddhaṃ.
๑๘๒. ‘‘เอกมิทาหํ , อานนฺท, สมยํ อิเธว เวสาลิยํ วิหรามิ โคตมเก เจติเย …เป.… อิเธว เวสาลิยํ วิหรามิ สตฺตเมฺพ เจติเย… อิเธว เวสาลิยํ วิหรามิ พหุปุเตฺต เจติเย… อิเธว เวสาลิยํ วิหรามิ สารนฺทเท เจติเย… อิทาเนว โข ตาหํ, อานนฺท, อชฺช จาปาเล เจติเย อามเนฺตสิํ – ‘รมณียา, อานนฺท, เวสาลี, รมณียํ อุเทนํ เจติยํ, รมณียํ โคตมกํ เจติยํ, รมณียํ สตฺตมฺพํ เจติยํ, รมณียํ พหุปุตฺตํ เจติยํ, รมณียํ สารนฺททํ เจติยํ, รมณียํ จาปาลํ เจติยํฯ ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วาฯ ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วา’ติฯ เอวมฺปิ โข ตฺวํ, อานนฺท, ตถาคเตน โอฬาริเก นิมิเตฺต กยิรมาเน โอฬาริเก โอภาเส กยิรมาเน นาสกฺขิ ปฎิวิชฺฌิตุํ, น ตถาคตํ ยาจิ – ‘ติฎฺฐตุ ภควา กปฺปํ, ติฎฺฐตุ สุคโต กปฺปํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติฯ สเจ ตฺวํ, อานนฺท, ตถาคตํ ยาเจยฺยาสิ, เทฺวว เต วาจา ตถาคโต ปฎิกฺขิเปยฺย, อถ ตติยกํ อธิวาเสยฺยฯ ตสฺมาติหานนฺท, ตุเยฺหเวตํ ทุกฺกฎํ, ตุเยฺหเวตํ อปรทฺธํฯ
182. ‘‘Ekamidāhaṃ , ānanda, samayaṃ idheva vesāliyaṃ viharāmi gotamake cetiye …pe… idheva vesāliyaṃ viharāmi sattambe cetiye… idheva vesāliyaṃ viharāmi bahuputte cetiye… idheva vesāliyaṃ viharāmi sārandade cetiye… idāneva kho tāhaṃ, ānanda, ajja cāpāle cetiye āmantesiṃ – ‘ramaṇīyā, ānanda, vesālī, ramaṇīyaṃ udenaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ gotamakaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ sattambaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ bahuputtaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ sārandadaṃ cetiyaṃ, ramaṇīyaṃ cāpālaṃ cetiyaṃ. Yassa kassaci, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā. Tathāgatassa kho, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno, ānanda, tathāgato kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā’ti. Evampi kho tvaṃ, ānanda, tathāgatena oḷārike nimitte kayiramāne oḷārike obhāse kayiramāne nāsakkhi paṭivijjhituṃ, na tathāgataṃ yāci – ‘tiṭṭhatu bhagavā kappaṃ, tiṭṭhatu sugato kappaṃ bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’nti. Sace tvaṃ, ānanda, tathāgataṃ yāceyyāsi, dveva te vācā tathāgato paṭikkhipeyya, atha tatiyakaṃ adhivāseyya. Tasmātihānanda, tuyhevetaṃ dukkaṭaṃ, tuyhevetaṃ aparaddhaṃ.
๑๘๓. ‘‘นนุ เอตํ 127, อานนฺท, มยา ปฎิกเจฺจว 128 อกฺขาตํ – ‘สเพฺพเหว ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว อญฺญถาภาโวฯ ตํ กุเตตฺถ, อานนฺท, ลพฺภา, ยํ ตํ ชาตํ ภูตํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ วต มา ปลุชฺชีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติ’ฯ ยํ โข ปเนตํ, อานนฺท, ตถาคเตน จตฺตํ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฎินิสฺสฎฺฐํ โอสฺสโฎฺฐ อายุสงฺขาโร, เอกํเสน วาจา ภาสิตา – ‘น จิรํ ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติฯ อิโต ติณฺณํ มาสานํ อจฺจเยน ตถาคโต ปรินิพฺพายิสฺสตี’ติฯ ตญฺจ 129 ตถาคโต ชีวิตเหตุ ปุน ปจฺจาวมิสฺสตีติ 130 เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ อายามานนฺท, เยน มหาวนํ กูฎาคารสาลา เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ
183. ‘‘Nanu etaṃ 131, ānanda, mayā paṭikacceva 132 akkhātaṃ – ‘sabbeheva piyehi manāpehi nānābhāvo vinābhāvo aññathābhāvo. Taṃ kutettha, ānanda, labbhā, yaṃ taṃ jātaṃ bhūtaṃ saṅkhataṃ palokadhammaṃ, taṃ vata mā palujjīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati’. Yaṃ kho panetaṃ, ānanda, tathāgatena cattaṃ vantaṃ muttaṃ pahīnaṃ paṭinissaṭṭhaṃ ossaṭṭho āyusaṅkhāro, ekaṃsena vācā bhāsitā – ‘na ciraṃ tathāgatassa parinibbānaṃ bhavissati. Ito tiṇṇaṃ māsānaṃ accayena tathāgato parinibbāyissatī’ti. Tañca 133 tathāgato jīvitahetu puna paccāvamissatīti 134 netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Āyāmānanda, yena mahāvanaṃ kūṭāgārasālā tenupasaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi.
อถ โข ภควา อายสฺมตา อานเนฺทน สทฺธิํ เยน มหาวนํ กูฎาคารสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, อานนฺท, ยาวติกา ภิกฺขู เวสาลิํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, เต สเพฺพ อุปฎฺฐานสาลายํ สนฺนิปาเตหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา ยาวติกา ภิกฺขู เวสาลิํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ, เต สเพฺพ อุปฎฺฐานสาลายํ สนฺนิปาเตตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สนฺนิปติโต, ภเนฺต, ภิกฺขุสโงฺฆ, ยสฺสทานิ, ภเนฺต, ภควา กาลํ มญฺญตี’’ติฯ
Atha kho bhagavā āyasmatā ānandena saddhiṃ yena mahāvanaṃ kūṭāgārasālā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘gaccha tvaṃ, ānanda, yāvatikā bhikkhū vesāliṃ upanissāya viharanti, te sabbe upaṭṭhānasālāyaṃ sannipātehī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paṭissutvā yāvatikā bhikkhū vesāliṃ upanissāya viharanti, te sabbe upaṭṭhānasālāyaṃ sannipātetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sannipatito, bhante, bhikkhusaṅgho, yassadāni, bhante, bhagavā kālaṃ maññatī’’ti.
๑๘๔. อถ โข ภควา เยนุปฎฺฐานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เย เต มยา ธมฺมา อภิญฺญา เทสิตา, เต โว สาธุกํ อุคฺคเหตฺวา อาเสวิตพฺพา ภาเวตพฺพา พหุลีกาตพฺพา, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฎฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ กตเม จ เต, ภิกฺขเว, ธมฺมา มยา อภิญฺญา เทสิตา, เย โว สาธุกํ อุคฺคเหตฺวา อาเสวิตพฺพา ภาเวตพฺพา พหุลีกาตพฺพา, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฎฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ เสยฺยถิทํ – จตฺตาโร สติปฎฺฐานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ปญฺจินฺทฺริยานิ ปญฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺคา อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ อิเม โข เต, ภิกฺขเว, ธมฺมา มยา อภิญฺญา เทสิตา, เย โว สาธุกํ อุคฺคเหตฺวา อาเสวิตพฺพา ภาเวตพฺพา พหุลีกาตพฺพา, ยถยิทํ พฺรหฺมจริยํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฎฺฐิติกํ, ตทสฺส พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติฯ
184. Atha kho bhagavā yenupaṭṭhānasālā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘tasmātiha, bhikkhave, ye te mayā dhammā abhiññā desitā, te vo sādhukaṃ uggahetvā āsevitabbā bhāvetabbā bahulīkātabbā, yathayidaṃ brahmacariyaṃ addhaniyaṃ assa ciraṭṭhitikaṃ, tadassa bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ. Katame ca te, bhikkhave, dhammā mayā abhiññā desitā, ye vo sādhukaṃ uggahetvā āsevitabbā bhāvetabbā bahulīkātabbā, yathayidaṃ brahmacariyaṃ addhaniyaṃ assa ciraṭṭhitikaṃ, tadassa bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ. Seyyathidaṃ – cattāro satipaṭṭhānā cattāro sammappadhānā cattāro iddhipādā pañcindriyāni pañca balāni satta bojjhaṅgā ariyo aṭṭhaṅgiko maggo. Ime kho te, bhikkhave, dhammā mayā abhiññā desitā, ye vo sādhukaṃ uggahetvā āsevitabbā bhāvetabbā bahulīkātabbā, yathayidaṃ brahmacariyaṃ addhaniyaṃ assa ciraṭṭhitikaṃ, tadassa bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’’nti.
๑๘๕. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘หนฺททานิ, ภิกฺขเว, อามนฺตยามิ โว, วยธมฺมา สงฺขารา, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถฯ นจิรํ ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติฯ อิโต ติณฺณํ มาสานํ อจฺจเยน ตถาคโต ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติฯ อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา 135ฯ –
185. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘handadāni, bhikkhave, āmantayāmi vo, vayadhammā saṅkhārā, appamādena sampādetha. Naciraṃ tathāgatassa parinibbānaṃ bhavissati. Ito tiṇṇaṃ māsānaṃ accayena tathāgato parinibbāyissatī’’ti. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā 136. –
‘‘ปริปโกฺก วโย มยฺหํ, ปริตฺตํ มม ชีวิตํ;
‘‘Paripakko vayo mayhaṃ, parittaṃ mama jīvitaṃ;
ปหาย โว คมิสฺสามิ, กตํ เม สรณมตฺตโนฯ
Pahāya vo gamissāmi, kataṃ me saraṇamattano.
‘‘อปฺปมตฺตา สตีมโนฺต, สุสีลา โหถ ภิกฺขโว;
‘‘Appamattā satīmanto, susīlā hotha bhikkhavo;
สุสมาหิตสงฺกปฺปา, สจิตฺตมนุรกฺขถฯ
Susamāhitasaṅkappā, sacittamanurakkhatha.
‘‘โย อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย, อปฺปมโตฺต วิหสฺสติ;
‘‘Yo imasmiṃ dhammavinaye, appamatto vihassati;
ปหาย ชาติสํสารํ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ 137ฯ
Pahāya jātisaṃsāraṃ, dukkhassantaṃ karissatī’’ti 138.
ตติโย ภาณวาโรฯ
Tatiyo bhāṇavāro.
นาคาปโลกิตํ
Nāgāpalokitaṃ
๑๘๖. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต นาคาปโลกิตํ เวสาลิํ อปโลเกตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อิทํ ปจฺฉิมกํ, อานนฺท, ตถาคตสฺส เวสาลิยา ทสฺสนํ ภวิสฺสติฯ อายามานนฺท, เยน ภณฺฑคาโม 139 เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ
186. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya vesāliṃ piṇḍāya pāvisi. Vesāliyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkanto nāgāpalokitaṃ vesāliṃ apaloketvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘idaṃ pacchimakaṃ, ānanda, tathāgatassa vesāliyā dassanaṃ bhavissati. Āyāmānanda, yena bhaṇḍagāmo 140 tenupasaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi.
อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน ภณฺฑคาโม ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา ภณฺฑคาเม วิหรติฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘จตุนฺนํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมเญฺจว ตุมฺหากญฺจฯ กตเมสํ จตุนฺนํ? อริยสฺส, ภิกฺขเว, สีลสฺส อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมํ เจว ตุมฺหากญฺจฯ อริยสฺส, ภิกฺขเว, สมาธิสฺส อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมํ เจว ตุมฺหากญฺจฯ อริยาย, ภิกฺขเว, ปญฺญาย อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมํ เจว ตุมฺหากญฺจฯ อริยาย, ภิกฺขเว, วิมุตฺติยา อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมํ เจว ตุมฺหากญฺจฯ ตยิทํ, ภิกฺขเว, อริยํ สีลํ อนุพุทฺธํ ปฎิวิทฺธํ, อริโย สมาธิ อนุพุโทฺธ ปฎิวิโทฺธ, อริยา ปญฺญา อนุพุทฺธา ปฎิวิทฺธา, อริยา วิมุตฺติ อนุพุทฺธา ปฎิวิทฺธา, อุจฺฉินฺนา ภวตณฺหา, ขีณา ภวเนตฺติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
Atha kho bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena bhaṇḍagāmo tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā bhaṇḍagāme viharati. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘catunnaṃ, bhikkhave, dhammānaṃ ananubodhā appaṭivedhā evamidaṃ dīghamaddhānaṃ sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ mamañceva tumhākañca. Katamesaṃ catunnaṃ? Ariyassa, bhikkhave, sīlassa ananubodhā appaṭivedhā evamidaṃ dīghamaddhānaṃ sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ mamaṃ ceva tumhākañca. Ariyassa, bhikkhave, samādhissa ananubodhā appaṭivedhā evamidaṃ dīghamaddhānaṃ sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ mamaṃ ceva tumhākañca. Ariyāya, bhikkhave, paññāya ananubodhā appaṭivedhā evamidaṃ dīghamaddhānaṃ sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ mamaṃ ceva tumhākañca. Ariyāya, bhikkhave, vimuttiyā ananubodhā appaṭivedhā evamidaṃ dīghamaddhānaṃ sandhāvitaṃ saṃsaritaṃ mamaṃ ceva tumhākañca. Tayidaṃ, bhikkhave, ariyaṃ sīlaṃ anubuddhaṃ paṭividdhaṃ, ariyo samādhi anubuddho paṭividdho, ariyā paññā anubuddhā paṭividdhā, ariyā vimutti anubuddhā paṭividdhā, ucchinnā bhavataṇhā, khīṇā bhavanetti, natthi dāni punabbhavo’’ti. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
‘‘สีลํ สมาธิ ปญฺญา จ, วิมุตฺติ จ อนุตฺตรา;
‘‘Sīlaṃ samādhi paññā ca, vimutti ca anuttarā;
อนุพุทฺธา อิเม ธมฺมา, โคตเมน ยสสฺสินาฯ
Anubuddhā ime dhammā, gotamena yasassinā.
‘‘อิติ พุโทฺธ อภิญฺญาย, ธมฺมมกฺขาสิ ภิกฺขุนํ;
‘‘Iti buddho abhiññāya, dhammamakkhāsi bhikkhunaṃ;
ทุกฺขสฺสนฺตกโร สตฺถา, จกฺขุมา ปรินิพฺพุโต’’ติฯ
Dukkhassantakaro satthā, cakkhumā parinibbuto’’ti.
ตตฺราปิ สุทํ ภควา ภณฺฑคาเม วิหรโนฺต เอตเทว พหุลํ ภิกฺขูนํ ธมฺมิํ กถํ กโรติ – ‘‘อิติ สีลํ, อิติ สมาธิ, อิติ ปญฺญาฯ สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโสฯ สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสาฯ ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ, เสยฺยถิทํ – กามาสวา, ภวาสวา, อวิชฺชาสวา’’ติฯ
Tatrāpi sudaṃ bhagavā bhaṇḍagāme viharanto etadeva bahulaṃ bhikkhūnaṃ dhammiṃ kathaṃ karoti – ‘‘iti sīlaṃ, iti samādhi, iti paññā. Sīlaparibhāvito samādhi mahapphalo hoti mahānisaṃso. Samādhiparibhāvitā paññā mahapphalā hoti mahānisaṃsā. Paññāparibhāvitaṃ cittaṃ sammadeva āsavehi vimuccati, seyyathidaṃ – kāmāsavā, bhavāsavā, avijjāsavā’’ti.
จตุมหาปเทสกถา
Catumahāpadesakathā
๑๘๗. อถ โข ภควา ภณฺฑคาเม ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน หตฺถิคาโม, เยน อมฺพคาโม, เยน ชมฺพุคาโม, เยน โภคนครํ เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน โภคนครํ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา โภคนคเร วิหรติ อานเนฺท 141 เจติเยฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, มหาปเทเส เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ , ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
187. Atha kho bhagavā bhaṇḍagāme yathābhirantaṃ viharitvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘āyāmānanda, yena hatthigāmo, yena ambagāmo, yena jambugāmo, yena bhoganagaraṃ tenupasaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Atha kho bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena bhoganagaraṃ tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā bhoganagare viharati ānande 142 cetiye. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘cattārome, bhikkhave, mahāpadese desessāmi, taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasikarotha, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ , bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
๑๘๘. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘สมฺมุขา เมตํ, อาวุโส, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ, อยํ ธโมฺม อยํ วินโย อิทํ สตฺถุสาสน’นฺติฯ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ภาสิตํ เนว อภินนฺทิตพฺพํ นปฺปฎิโกฺกสิตพฺพํฯ อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา ตานิ ปทพฺยญฺชนานิ สาธุกํ อุคฺคเหตฺวา สุเตฺต โอสาเรตพฺพานิ 143, วินเย สนฺทเสฺสตพฺพานิฯ ตานิ เจ สุเตฺต โอสาริยมานานิ 144 วินเย สนฺทสฺสิยมานานิ น เจว สุเตฺต โอสรนฺติ 145, น จ วินเย สนฺทิสฺสนฺติ, นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํ – ‘อทฺธา, อิทํ น เจว ตสฺส ภควโต วจนํ; อิมสฺส จ ภิกฺขุโน ทุคฺคหิต’นฺติฯ อิติเหตํ, ภิกฺขเว, ฉเฑฺฑยฺยาถฯ ตานิ เจ สุเตฺต โอสาริยมานานิ วินเย สนฺทสฺสิยมานานิ สุเตฺต เจว โอสรนฺติ, วินเย จ สนฺทิสฺสนฺติ, นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํ – ‘อทฺธา, อิทํ ตสฺส ภควโต วจนํ; อิมสฺส จ ภิกฺขุโน สุคฺคหิต’นฺติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปฐมํ มหาปเทสํ ธาเรยฺยาถฯ
188. ‘‘Idha, bhikkhave, bhikkhu evaṃ vadeyya – ‘sammukhā metaṃ, āvuso, bhagavato sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ, ayaṃ dhammo ayaṃ vinayo idaṃ satthusāsana’nti. Tassa, bhikkhave, bhikkhuno bhāsitaṃ neva abhinanditabbaṃ nappaṭikkositabbaṃ. Anabhinanditvā appaṭikkositvā tāni padabyañjanāni sādhukaṃ uggahetvā sutte osāretabbāni 146, vinaye sandassetabbāni. Tāni ce sutte osāriyamānāni 147 vinaye sandassiyamānāni na ceva sutte osaranti 148, na ca vinaye sandissanti, niṭṭhamettha gantabbaṃ – ‘addhā, idaṃ na ceva tassa bhagavato vacanaṃ; imassa ca bhikkhuno duggahita’nti. Itihetaṃ, bhikkhave, chaḍḍeyyātha. Tāni ce sutte osāriyamānāni vinaye sandassiyamānāni sutte ceva osaranti, vinaye ca sandissanti, niṭṭhamettha gantabbaṃ – ‘addhā, idaṃ tassa bhagavato vacanaṃ; imassa ca bhikkhuno suggahita’nti. Idaṃ, bhikkhave, paṭhamaṃ mahāpadesaṃ dhāreyyātha.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘อมุกสฺมิํ นาม อาวาเส สโงฺฆ วิหรติ สเถโร สปาโมโกฺขฯ ตสฺส เม สงฺฆสฺส สมฺมุขา สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ, อยํ ธโมฺม อยํ วินโย อิทํ สตฺถุสาสน’นฺติฯ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ภาสิตํ เนว อภินนฺทิตพฺพํ นปฺปฎิโกฺกสิตพฺพํฯ อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา ตานิ ปทพฺยญฺชนานิ สาธุกํ อุคฺคเหตฺวา สุเตฺต โอสาเรตพฺพานิ, วินเย สนฺทเสฺสตพฺพานิฯ ตานิ เจ สุเตฺต โอสาริยมานานิ วินเย สนฺทสฺสิยมานานิ น เจว สุเตฺต โอสรนฺติ, น จ วินเย สนฺทิสฺสนฺติ, นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํ – ‘อทฺธา, อิทํ น เจว ตสฺส ภควโต วจนํ; ตสฺส จ สงฺฆสฺส ทุคฺคหิต’นฺติฯ อิติเหตํ, ภิกฺขเว, ฉเฑฺฑยฺยาถฯ ตานิ เจ สุเตฺต โอสาริยมานานิ วินเย สนฺทสฺสิยมานานิ สุเตฺต เจว โอสรนฺติ วินเย จ สนฺทิสฺสนฺติ, นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํ – ‘อทฺธา , อิทํ ตสฺส ภควโต วจนํ; ตสฺส จ สงฺฆสฺส สุคฺคหิต’นฺติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ มหาปเทสํ ธาเรยฺยาถฯ
‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu evaṃ vadeyya – ‘amukasmiṃ nāma āvāse saṅgho viharati sathero sapāmokkho. Tassa me saṅghassa sammukhā sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ, ayaṃ dhammo ayaṃ vinayo idaṃ satthusāsana’nti. Tassa, bhikkhave, bhikkhuno bhāsitaṃ neva abhinanditabbaṃ nappaṭikkositabbaṃ. Anabhinanditvā appaṭikkositvā tāni padabyañjanāni sādhukaṃ uggahetvā sutte osāretabbāni, vinaye sandassetabbāni. Tāni ce sutte osāriyamānāni vinaye sandassiyamānāni na ceva sutte osaranti, na ca vinaye sandissanti, niṭṭhamettha gantabbaṃ – ‘addhā, idaṃ na ceva tassa bhagavato vacanaṃ; tassa ca saṅghassa duggahita’nti. Itihetaṃ, bhikkhave, chaḍḍeyyātha. Tāni ce sutte osāriyamānāni vinaye sandassiyamānāni sutte ceva osaranti vinaye ca sandissanti, niṭṭhamettha gantabbaṃ – ‘addhā , idaṃ tassa bhagavato vacanaṃ; tassa ca saṅghassa suggahita’nti. Idaṃ, bhikkhave, dutiyaṃ mahāpadesaṃ dhāreyyātha.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘อมุกสฺมิํ นาม อาวาเส สมฺพหุลา เถรา ภิกฺขู วิหรนฺติ พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธราฯ เตสํ เม เถรานํ สมฺมุขา สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ – อยํ ธโมฺม อยํ วินโย อิทํ สตฺถุสาสน’นฺติฯ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ภาสิตํ เนว อภินนฺทิตพฺพํ…เป.… น จ วินเย สนฺทิสฺสนฺติ, นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํ – ‘อทฺธา, อิทํ น เจว ตสฺส ภควโต วจนํ; เตสญฺจ เถรานํ ทุคฺคหิต’นฺติฯ อิติเหตํ, ภิกฺขเว, ฉเฑฺฑยฺยาถฯ ตานิ เจ สุเตฺต โอสาริยมานานิ…เป.… วินเย จ สนฺทิสฺสนฺติ, นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํ – ‘อทฺธา, อิทํ ตสฺส ภควโต วจนํ; เตสญฺจ เถรานํ สุคฺคหิต’นฺติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ มหาปเทสํ ธาเรยฺยาถฯ
‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu evaṃ vadeyya – ‘amukasmiṃ nāma āvāse sambahulā therā bhikkhū viharanti bahussutā āgatāgamā dhammadharā vinayadharā mātikādharā. Tesaṃ me therānaṃ sammukhā sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ – ayaṃ dhammo ayaṃ vinayo idaṃ satthusāsana’nti. Tassa, bhikkhave, bhikkhuno bhāsitaṃ neva abhinanditabbaṃ…pe… na ca vinaye sandissanti, niṭṭhamettha gantabbaṃ – ‘addhā, idaṃ na ceva tassa bhagavato vacanaṃ; tesañca therānaṃ duggahita’nti. Itihetaṃ, bhikkhave, chaḍḍeyyātha. Tāni ce sutte osāriyamānāni…pe… vinaye ca sandissanti, niṭṭhamettha gantabbaṃ – ‘addhā, idaṃ tassa bhagavato vacanaṃ; tesañca therānaṃ suggahita’nti. Idaṃ, bhikkhave, tatiyaṃ mahāpadesaṃ dhāreyyātha.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘อมุกสฺมิํ นาม อาวาเส เอโก เถโร ภิกฺขุ วิหรติ พหุสฺสุโต อาคตาคโม ธมฺมธโร วินยธโร มาติกาธโรฯ ตสฺส เม เถรสฺส สมฺมุขา สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ – อยํ ธโมฺม อยํ วินโย อิทํ สตฺถุสาสน’นฺติฯ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ภาสิตํ เนว อภินนฺทิตพฺพํ นปฺปฎิโกฺกสิตพฺพํฯ อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา ตานิ ปทพฺยญฺชนานิ สาธุกํ อุคฺคเหตฺวา สุเตฺต โอสาริตพฺพานิ, วินเย สนฺทเสฺสตพฺพานิฯ ตานิ เจ สุเตฺต โอสาริยมานานิ วินเย สนฺทสฺสิยมานานิ น เจว สุเตฺต โอสรนฺติ, น จ วินเย สนฺทิสฺสนฺติ, นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํ – ‘อทฺธา, อิทํ น เจว ตสฺส ภควโต วจนํ; ตสฺส จ เถรสฺส ทุคฺคหิต’นฺติฯ อิติเหตํ, ภิกฺขเว, ฉเฑฺฑยฺยาถฯ ตานิ จ สุเตฺต โอสาริยมานานิ วินเย สนฺทสฺสิยมานานิ สุเตฺต เจว โอสรนฺติ, วินเย จ สนฺทิสฺสนฺติ , นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํ – ‘อทฺธา , อิทํ ตสฺส ภควโต วจนํ; ตสฺส จ เถรสฺส สุคฺคหิต’นฺติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, จตุตฺถํ มหาปเทสํ ธาเรยฺยาถฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร มหาปเทเส ธาเรยฺยาถา’’ติฯ
‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu evaṃ vadeyya – ‘amukasmiṃ nāma āvāse eko thero bhikkhu viharati bahussuto āgatāgamo dhammadharo vinayadharo mātikādharo. Tassa me therassa sammukhā sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ – ayaṃ dhammo ayaṃ vinayo idaṃ satthusāsana’nti. Tassa, bhikkhave, bhikkhuno bhāsitaṃ neva abhinanditabbaṃ nappaṭikkositabbaṃ. Anabhinanditvā appaṭikkositvā tāni padabyañjanāni sādhukaṃ uggahetvā sutte osāritabbāni, vinaye sandassetabbāni. Tāni ce sutte osāriyamānāni vinaye sandassiyamānāni na ceva sutte osaranti, na ca vinaye sandissanti, niṭṭhamettha gantabbaṃ – ‘addhā, idaṃ na ceva tassa bhagavato vacanaṃ; tassa ca therassa duggahita’nti. Itihetaṃ, bhikkhave, chaḍḍeyyātha. Tāni ca sutte osāriyamānāni vinaye sandassiyamānāni sutte ceva osaranti, vinaye ca sandissanti , niṭṭhamettha gantabbaṃ – ‘addhā , idaṃ tassa bhagavato vacanaṃ; tassa ca therassa suggahita’nti. Idaṃ, bhikkhave, catutthaṃ mahāpadesaṃ dhāreyyātha. Ime kho, bhikkhave, cattāro mahāpadese dhāreyyāthā’’ti.
ตตฺรปิ สุทํ ภควา โภคนคเร วิหรโนฺต อานเนฺท เจติเย เอตเทว พหุลํ ภิกฺขูนํ ธมฺมิํ กถํ กโรติ – ‘‘อิติ สีลํ, อิติ สมาธิ, อิติ ปญฺญาฯ สีลปริภาวิโต สมาธิ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส ฯ สมาธิปริภาวิตา ปญฺญา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสาฯ ปญฺญาปริภาวิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ, เสยฺยถิทํ – กามาสวา, ภวาสวา, อวิชฺชาสวา’’ติฯ
Tatrapi sudaṃ bhagavā bhoganagare viharanto ānande cetiye etadeva bahulaṃ bhikkhūnaṃ dhammiṃ kathaṃ karoti – ‘‘iti sīlaṃ, iti samādhi, iti paññā. Sīlaparibhāvito samādhi mahapphalo hoti mahānisaṃso . Samādhiparibhāvitā paññā mahapphalā hoti mahānisaṃsā. Paññāparibhāvitaṃ cittaṃ sammadeva āsavehi vimuccati, seyyathidaṃ – kāmāsavā, bhavāsavā, avijjāsavā’’ti.
กมฺมารปุตฺตจุนฺทวตฺถุ
Kammāraputtacundavatthu
๑๘๙. อถ โข ภควา โภคนคเร ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน ปาวา เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน ปาวา ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา ปาวายํ วิหรติ จุนฺทสฺส กมฺมารปุตฺตสฺส อมฺพวเนฯ อโสฺสสิ โข จุโนฺท กมฺมารปุโตฺต – ‘‘ภควา กิร ปาวํ อนุปฺปโตฺต, ปาวายํ วิหรติ มยฺหํ อมฺพวเน’’ติฯ อถ โข จุโนฺท กมฺมารปุโตฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข จุนฺทํ กมฺมารปุตฺตํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ อถ โข จุโนฺท กมฺมารปุโตฺต ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุเตฺตชิโต สมฺปหํสิโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภเนฺต, ภควา สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข จุโนฺท กมฺมารปุโตฺต ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
189. Atha kho bhagavā bhoganagare yathābhirantaṃ viharitvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘āyāmānanda, yena pāvā tenupasaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Atha kho bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena pāvā tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā pāvāyaṃ viharati cundassa kammāraputtassa ambavane. Assosi kho cundo kammāraputto – ‘‘bhagavā kira pāvaṃ anuppatto, pāvāyaṃ viharati mayhaṃ ambavane’’ti. Atha kho cundo kammāraputto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho cundaṃ kammāraputtaṃ bhagavā dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi. Atha kho cundo kammāraputto bhagavatā dhammiyā kathāya sandassito samādapito samuttejito sampahaṃsito bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘adhivāsetu me, bhante, bhagavā svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena. Atha kho cundo kammāraputto bhagavato adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.
อถ โข จุโนฺท กมฺมารปุโตฺต ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา ปหูตญฺจ สูกรมทฺทวํ ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, ภเนฺต, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน จุนฺทสฺส กมฺมารปุตฺตสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา จุนฺทํ กมฺมารปุตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘ยํ เต, จุนฺท, สูกรมทฺทวํ ปฎิยตฺตํ, เตน มํ ปริวิสฯ ยํ ปนญฺญํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยตฺตํ, เตน ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข จุโนฺท กมฺมารปุโตฺต ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา ยํ อโหสิ สูกรมทฺทวํ ปฎิยตฺตํ, เตน ภควนฺตํ ปริวิสิฯ ยํ ปนญฺญํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยตฺตํ , เตน ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิฯ อถ โข ภควา จุนฺทํ กมฺมารปุตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘ยํ เต, จุนฺท, สูกรมทฺทวํ อวสิฎฺฐํ, ตํ โสเพฺภ นิขณาหิฯ นาหํ ตํ, จุนฺท, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, ยสฺส ตํ ปริภุตฺตํ สมฺมา ปริณามํ คเจฺฉยฺย อญฺญตฺร ตถาคตสฺสา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข จุโนฺท กมฺมารปุโตฺต ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา ยํ อโหสิ สูกรมทฺทวํ อวสิฎฺฐํ, ตํ โสเพฺภ นิขณิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข จุนฺทํ กมฺมารปุตฺตํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ
Atha kho cundo kammāraputto tassā rattiyā accayena sake nivesane paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā pahūtañca sūkaramaddavaṃ bhagavato kālaṃ ārocāpesi – ‘‘kālo, bhante, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena cundassa kammāraputtassa nivesanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā cundaṃ kammāraputtaṃ āmantesi – ‘‘yaṃ te, cunda, sūkaramaddavaṃ paṭiyattaṃ, tena maṃ parivisa. Yaṃ panaññaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyattaṃ, tena bhikkhusaṅghaṃ parivisā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho cundo kammāraputto bhagavato paṭissutvā yaṃ ahosi sūkaramaddavaṃ paṭiyattaṃ, tena bhagavantaṃ parivisi. Yaṃ panaññaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyattaṃ , tena bhikkhusaṅghaṃ parivisi. Atha kho bhagavā cundaṃ kammāraputtaṃ āmantesi – ‘‘yaṃ te, cunda, sūkaramaddavaṃ avasiṭṭhaṃ, taṃ sobbhe nikhaṇāhi. Nāhaṃ taṃ, cunda, passāmi sadevake loke samārake sabrahmake sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya, yassa taṃ paribhuttaṃ sammā pariṇāmaṃ gaccheyya aññatra tathāgatassā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho cundo kammāraputto bhagavato paṭissutvā yaṃ ahosi sūkaramaddavaṃ avasiṭṭhaṃ, taṃ sobbhe nikhaṇitvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho cundaṃ kammāraputtaṃ bhagavā dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi.
๑๙๐. อถ โข ภควโต จุนฺทสฺส กมฺมารปุตฺตสฺส ภตฺตํ ภุตฺตาวิสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, โลหิตปกฺขนฺทิกา ปพาฬฺหา เวทนา วตฺตนฺติ มารณนฺติกาฯ ตา สุทํ ภควา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสสิ อวิหญฺญมาโนฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน กุสินารา เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ
190. Atha kho bhagavato cundassa kammāraputtassa bhattaṃ bhuttāvissa kharo ābādho uppajji, lohitapakkhandikā pabāḷhā vedanā vattanti māraṇantikā. Tā sudaṃ bhagavā sato sampajāno adhivāsesi avihaññamāno. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘āyāmānanda, yena kusinārā tenupasaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi.
จุนฺทสฺส ภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา, กมฺมารสฺสาติ เม สุตํ;
Cundassa bhattaṃ bhuñjitvā, kammārassāti me sutaṃ;
อาพาธํ สมฺผุสี ธีโร, ปพาฬฺหํ มารณนฺติกํฯ
Ābādhaṃ samphusī dhīro, pabāḷhaṃ māraṇantikaṃ.
ภุตฺตสฺส จ สูกรมทฺทเวน,
Bhuttassa ca sūkaramaddavena,
พฺยาธิปฺปพาโฬฺห อุทปาทิ สตฺถุโน;
Byādhippabāḷho udapādi satthuno;
คจฺฉามหํ กุสินารํ นครนฺติฯ
Gacchāmahaṃ kusināraṃ nagaranti.
ปานียาหรณํ
Pānīyāharaṇaṃ
๑๙๑. อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม เยน อญฺญตรํ รุกฺขมูลํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อิงฺฆ เม ตฺวํ, อานนฺท, จตุคฺคุณํ สงฺฆาฎิํ ปญฺญเปหิ, กิลโนฺตสฺมิ, อานนฺท, นิสีทิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา จตุคฺคุณํ สงฺฆาฎิํ ปญฺญเปสิฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ นิสชฺช โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อิงฺฆ เม ตฺวํ, อานนฺท, ปานียํ อาหร, ปิปาสิโตสฺมิ, อานนฺท, ปิวิสฺสามี’’ติฯ เอวํ วุเตฺต อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิทานิ, ภเนฺต, ปญฺจมตฺตานิ สกฎสตานิ อติกฺกนฺตานิ, ตํ จกฺกจฺฉินฺนํ อุทกํ ปริตฺตํ ลุฬิตํ อาวิลํ สนฺทติฯ อยํ, ภเนฺต, กกุธา 151 นที อวิทูเร อโจฺฉทกา สาโตทกา สีโตทกา เสโตทกา 152 สุปฺปติตฺถา รมณียาฯ เอตฺถ ภควา ปานียญฺจ ปิวิสฺสติ, คตฺตานิ จ สีตี 153 กริสฺสตี’’ติฯ
191. Atha kho bhagavā maggā okkamma yena aññataraṃ rukkhamūlaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘iṅgha me tvaṃ, ānanda, catugguṇaṃ saṅghāṭiṃ paññapehi, kilantosmi, ānanda, nisīdissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paṭissutvā catugguṇaṃ saṅghāṭiṃ paññapesi. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Nisajja kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘iṅgha me tvaṃ, ānanda, pānīyaṃ āhara, pipāsitosmi, ānanda, pivissāmī’’ti. Evaṃ vutte āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idāni, bhante, pañcamattāni sakaṭasatāni atikkantāni, taṃ cakkacchinnaṃ udakaṃ parittaṃ luḷitaṃ āvilaṃ sandati. Ayaṃ, bhante, kakudhā 154 nadī avidūre acchodakā sātodakā sītodakā setodakā 155 suppatitthā ramaṇīyā. Ettha bhagavā pānīyañca pivissati, gattāni ca sītī 156 karissatī’’ti.
ทุติยมฺปิ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อิงฺฆ เม ตฺวํ, อานนฺท, ปานียํ อาหร, ปิปาสิโตสฺมิ, อานนฺท, ปิวิสฺสามี’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิทานิ, ภเนฺต, ปญฺจมตฺตานิ สกฎสตานิ อติกฺกนฺตานิ, ตํ จกฺกจฺฉินฺนํ อุทกํ ปริตฺตํ ลุฬิตํ อาวิลํ สนฺทติฯ อยํ, ภเนฺต, กกุธา นที อวิทูเร อโจฺฉทกา สาโตทกา สีโตทกา เสโตทกา สุปฺปติตฺถา รมณียาฯ เอตฺถ ภควา ปานียญฺจ ปิวิสฺสติ, คตฺตานิ จ สีตีกริสฺสตี’’ติฯ
Dutiyampi kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘iṅgha me tvaṃ, ānanda, pānīyaṃ āhara, pipāsitosmi, ānanda, pivissāmī’’ti. Dutiyampi kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idāni, bhante, pañcamattāni sakaṭasatāni atikkantāni, taṃ cakkacchinnaṃ udakaṃ parittaṃ luḷitaṃ āvilaṃ sandati. Ayaṃ, bhante, kakudhā nadī avidūre acchodakā sātodakā sītodakā setodakā suppatitthā ramaṇīyā. Ettha bhagavā pānīyañca pivissati, gattāni ca sītīkarissatī’’ti.
ตติยมฺปิ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อิงฺฆ เม ตฺวํ, อานนฺท, ปานียํ อาหร, ปิปาสิโตสฺมิ, อานนฺท, ปิวิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา เยน สา นทิกา เตนุปสงฺกมิฯ อถ โข สา นทิกา จกฺกจฺฉินฺนา ปริตฺตา ลุฬิตา อาวิลา สนฺทมานา, อายสฺมเนฺต อานเนฺท อุปสงฺกมเนฺต อจฺฉา วิปฺปสนฺนา อนาวิลา สนฺทิตฺถ 157ฯ อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ, ตถาคตสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตาฯ อยญฺหิ สา นทิกา จกฺกจฺฉินฺนา ปริตฺตา ลุฬิตา อาวิลา สนฺทมานา มยิ อุปสงฺกมเนฺต อจฺฉา วิปฺปสนฺนา อนาวิลา สนฺทตี’’ติฯ ปเตฺตน ปานียํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต, ตถาคตสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตาฯ อิทานิ สา ภเนฺต นทิกา จกฺกจฺฉินฺนา ปริตฺตา ลุฬิตา อาวิลา สนฺทมานา มยิ อุปสงฺกมเนฺต อจฺฉา วิปฺปสนฺนา อนาวิลา สนฺทิตฺถฯ ปิวตุ ภควา ปานียํ ปิวตุ สุคโต ปานีย’’นฺติฯ อถ โข ภควา ปานียํ อปายิฯ
Tatiyampi kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘iṅgha me tvaṃ, ānanda, pānīyaṃ āhara, pipāsitosmi, ānanda, pivissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paṭissutvā pattaṃ gahetvā yena sā nadikā tenupasaṅkami. Atha kho sā nadikā cakkacchinnā parittā luḷitā āvilā sandamānā, āyasmante ānande upasaṅkamante acchā vippasannā anāvilā sandittha 158. Atha kho āyasmato ānandassa etadahosi – ‘‘acchariyaṃ vata, bho, abbhutaṃ vata, bho, tathāgatassa mahiddhikatā mahānubhāvatā. Ayañhi sā nadikā cakkacchinnā parittā luḷitā āvilā sandamānā mayi upasaṅkamante acchā vippasannā anāvilā sandatī’’ti. Pattena pānīyaṃ ādāya yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante, tathāgatassa mahiddhikatā mahānubhāvatā. Idāni sā bhante nadikā cakkacchinnā parittā luḷitā āvilā sandamānā mayi upasaṅkamante acchā vippasannā anāvilā sandittha. Pivatu bhagavā pānīyaṃ pivatu sugato pānīya’’nti. Atha kho bhagavā pānīyaṃ apāyi.
ปุกฺกุสมลฺลปุตฺตวตฺถุ
Pukkusamallaputtavatthu
๑๙๒. เตน โรโข ปน สมเยน ปุกฺกุโส มลฺลปุโตฺต อาฬารสฺส กาลามสฺส สาวโก กุสินาราย ปาวํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปฺปโนฺน โหติฯ อทฺทสา โข ปุกฺกุโส มลฺลปุโตฺต ภควนฺตํ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํฯ ทิสฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ปุกฺกุโส มลฺลปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต, สเนฺตน วต, ภเนฺต, ปพฺพชิตา วิหาเรน วิหรนฺติฯ ภูตปุพฺพํ, ภเนฺต , อาฬาโร กาลาโม อทฺธานมคฺคปฺปฎิปฺปโนฺน มคฺคา โอกฺกมฺม อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ อถ โข, ภเนฺต, ปญฺจมตฺตานิ สกฎสตานิ อาฬารํ กาลามํ นิสฺสาย นิสฺสาย อติกฺกมิํสุฯ อถ โข, ภเนฺต, อญฺญตโร ปุริโส ตสฺส สกฎสตฺถสฺส 159 ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อาคจฺฉโนฺต เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจ – ‘อปิ, ภเนฺต, ปญฺจมตฺตานิ สกฎสตานิ อติกฺกนฺตานิ อทฺทสา’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, อทฺทส’นฺติฯ ‘กิํ ปน, ภเนฺต, สทฺทํ อโสฺสสี’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, สทฺทํ อโสฺสสิ’นฺติฯ ‘กิํ ปน, ภเนฺต, สุโตฺต อโหสี’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, สุโตฺต อโหสิ’นฺติฯ ‘กิํ ปน, ภเนฺต, สญฺญี อโหสี’ติ? ‘เอวมาวุโส’ติฯ ‘โส ตฺวํ, ภเนฺต, สญฺญี สมาโน ชาคโร ปญฺจมตฺตานิ สกฎสตานิ นิสฺสาย นิสฺสาย อติกฺกนฺตานิ เนว อทฺทส, น ปน สทฺทํ อโสฺสสิ; อปิสุ 160 เต, ภเนฺต, สงฺฆาฎิ รเชน โอกิณฺณา’ติ? ‘เอวมาวุโส’ติฯ อถ โข, ภเนฺต, ตสฺส ปุริสสฺส เอตทโหสิ – ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ, สเนฺตน วต โภ ปพฺพชิตา วิหาเรน วิหรนฺติฯ ยตฺร หิ นาม สญฺญี สมาโน ชาคโร ปญฺจมตฺตานิ สกฎสตานิ นิสฺสาย นิสฺสาย อติกฺกนฺตานิ เนว ทกฺขติ, น ปน สทฺทํ โสสฺสตี’ติ! อาฬาเร กาลาเม อุฬารํ ปสาทํ ปเวเทตฺวา ปกฺกามี’’ติฯ
192. Tena rokho pana samayena pukkuso mallaputto āḷārassa kālāmassa sāvako kusinārāya pāvaṃ addhānamaggappaṭippanno hoti. Addasā kho pukkuso mallaputto bhagavantaṃ aññatarasmiṃ rukkhamūle nisinnaṃ. Disvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho pukkuso mallaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante, santena vata, bhante, pabbajitā vihārena viharanti. Bhūtapubbaṃ, bhante , āḷāro kālāmo addhānamaggappaṭippanno maggā okkamma avidūre aññatarasmiṃ rukkhamūle divāvihāraṃ nisīdi. Atha kho, bhante, pañcamattāni sakaṭasatāni āḷāraṃ kālāmaṃ nissāya nissāya atikkamiṃsu. Atha kho, bhante, aññataro puriso tassa sakaṭasatthassa 161 piṭṭhito piṭṭhito āgacchanto yena āḷāro kālāmo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āḷāraṃ kālāmaṃ etadavoca – ‘api, bhante, pañcamattāni sakaṭasatāni atikkantāni addasā’ti? ‘Na kho ahaṃ, āvuso, addasa’nti. ‘Kiṃ pana, bhante, saddaṃ assosī’ti? ‘Na kho ahaṃ, āvuso, saddaṃ assosi’nti. ‘Kiṃ pana, bhante, sutto ahosī’ti? ‘Na kho ahaṃ, āvuso, sutto ahosi’nti. ‘Kiṃ pana, bhante, saññī ahosī’ti? ‘Evamāvuso’ti. ‘So tvaṃ, bhante, saññī samāno jāgaro pañcamattāni sakaṭasatāni nissāya nissāya atikkantāni neva addasa, na pana saddaṃ assosi; apisu 162 te, bhante, saṅghāṭi rajena okiṇṇā’ti? ‘Evamāvuso’ti. Atha kho, bhante, tassa purisassa etadahosi – ‘acchariyaṃ vata bho, abbhutaṃ vata bho, santena vata bho pabbajitā vihārena viharanti. Yatra hi nāma saññī samāno jāgaro pañcamattāni sakaṭasatāni nissāya nissāya atikkantāni neva dakkhati, na pana saddaṃ sossatī’ti! Āḷāre kālāme uḷāraṃ pasādaṃ pavedetvā pakkāmī’’ti.
๑๙๓. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, ปุกฺกุส, กตมํ นุ โข ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา – โย วา สญฺญี สมาโน ชาคโร ปญฺจมตฺตานิ สกฎสตานิ นิสฺสาย นิสฺสาย อติกฺกนฺตานิ เนว ปเสฺสยฺย, น ปน สทฺทํ สุเณยฺย; โย วา สญฺญี สมาโน ชาคโร เทเว วสฺสเนฺต เทเว คฬคฬายเนฺต วิชฺชุลฺลตาสุ 163 นิจฺฉรนฺตีสุ อสนิยา ผลนฺติยา เนว ปเสฺสยฺย, น ปน สทฺทํ สุเณยฺยา’’ติ? ‘‘กิญฺหิ, ภเนฺต, กริสฺสนฺติ ปญฺจ วา สกฎสตานิ ฉ วา สกฎสตานิ สตฺต วา สกฎสตานิ อฎฺฐ วา สกฎสตานิ นว วา สกฎสตานิ 164, สกฎสหสฺสํ วา สกฎสตสหสฺสํ วาฯ อถ โข เอตเทว ทุกฺกรตรํ เจว ทุรภิสมฺภวตรญฺจ โย สญฺญี สมาโน ชาคโร เทเว วสฺสเนฺต เทเว คฬคฬายเนฺต วิชฺชุลฺลตาสุ นิจฺฉรนฺตีสุ อสนิยา ผลนฺติยา เนว ปเสฺสยฺย, น ปน สทฺทํ สุเณยฺยา’’ติฯ
193. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, pukkusa, katamaṃ nu kho dukkarataraṃ vā durabhisambhavataraṃ vā – yo vā saññī samāno jāgaro pañcamattāni sakaṭasatāni nissāya nissāya atikkantāni neva passeyya, na pana saddaṃ suṇeyya; yo vā saññī samāno jāgaro deve vassante deve gaḷagaḷāyante vijjullatāsu 165 niccharantīsu asaniyā phalantiyā neva passeyya, na pana saddaṃ suṇeyyā’’ti? ‘‘Kiñhi, bhante, karissanti pañca vā sakaṭasatāni cha vā sakaṭasatāni satta vā sakaṭasatāni aṭṭha vā sakaṭasatāni nava vā sakaṭasatāni 166, sakaṭasahassaṃ vā sakaṭasatasahassaṃ vā. Atha kho etadeva dukkarataraṃ ceva durabhisambhavatarañca yo saññī samāno jāgaro deve vassante deve gaḷagaḷāyante vijjullatāsu niccharantīsu asaniyā phalantiyā neva passeyya, na pana saddaṃ suṇeyyā’’ti.
‘‘เอกมิทาหํ, ปุกฺกุส, สมยํ อาตุมายํ วิหรามิ ภุสาคาเรฯ เตน โข ปน สมเยน เทเว วสฺสเนฺต เทเว คฬคฬายเนฺต วิชฺชุลฺลตาสุ นิจฺฉรนฺตีสุ อสนิยา ผลนฺติยา อวิทูเร ภุสาคารสฺส เทฺว กสฺสกา ภาตโร หตา จตฺตาโร จ พลิพทฺทา 167ฯ อถ โข, ปุกฺกุส, อาตุมาย มหาชนกาโย นิกฺขมิตฺวา เยน เต เทฺว กสฺสกา ภาตโร หตา จตฺตาโร จ พลิพทฺทา เตนุปสงฺกมิฯ เตน โข ปนาหํ, ปุกฺกุส, สมเยน ภุสาคารา นิกฺขมิตฺวา ภุสาคารทฺวาเร อโพฺภกาเส จงฺกมามิฯ อถ โข, ปุกฺกุส, อญฺญตโร ปุริโส ตมฺหา มหาชนกายา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตํ โข อหํ, ปุกฺกุส, ตํ ปุริสํ เอตทโวจํ – ‘กิํ นุ โข เอโส, อาวุโส, มหาชนกาโย สนฺนิปติโต’ติ? ‘อิทานิ , ภเนฺต, เทเว วสฺสเนฺต เทเว คฬคฬายเนฺต วิชฺชุลฺลตาสุ นิจฺฉรนฺตีสุ อสนิยา ผลนฺติยา เทฺว กสฺสกา ภาตโร หตา จตฺตาโร จ พลิพทฺทาฯ เอเตฺถโส มหาชนกาโย สนฺนิปติโตฯ ตฺวํ ปน, ภเนฺต, กฺว อโหสี’ติ? ‘อิเธว โข อหํ, อาวุโส, อโหสิ’นฺติฯ ‘กิํ ปน, ภเนฺต, อทฺทสา’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, อทฺทส’นฺติฯ ‘กิํ ปน, ภเนฺต, สทฺทํ อโสฺสสี’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, สทฺทํ อโสฺสสิ’นฺติฯ ‘กิํ ปน, ภเนฺต, สุโตฺต อโหสี’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, สุโตฺต อโหสิ’นฺติฯ ‘กิํ ปน, ภเนฺต, สญฺญี อโหสี’ติ? ‘เอวมาวุโส’ติฯ ‘โส ตฺวํ, ภเนฺต, สญฺญี สมาโน ชาคโร เทเว วสฺสเนฺต เทเว คฬคฬายเนฺต วิชฺชุลฺลตาสุ นิจฺฉรนฺตีสุ อสนิยา ผลนฺติยา เนว อทฺทส, น ปน สทฺทํ อโสฺสสี’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ?
‘‘Ekamidāhaṃ, pukkusa, samayaṃ ātumāyaṃ viharāmi bhusāgāre. Tena kho pana samayena deve vassante deve gaḷagaḷāyante vijjullatāsu niccharantīsu asaniyā phalantiyā avidūre bhusāgārassa dve kassakā bhātaro hatā cattāro ca balibaddā 168. Atha kho, pukkusa, ātumāya mahājanakāyo nikkhamitvā yena te dve kassakā bhātaro hatā cattāro ca balibaddā tenupasaṅkami. Tena kho panāhaṃ, pukkusa, samayena bhusāgārā nikkhamitvā bhusāgāradvāre abbhokāse caṅkamāmi. Atha kho, pukkusa, aññataro puriso tamhā mahājanakāyā yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitaṃ kho ahaṃ, pukkusa, taṃ purisaṃ etadavocaṃ – ‘kiṃ nu kho eso, āvuso, mahājanakāyo sannipatito’ti? ‘Idāni , bhante, deve vassante deve gaḷagaḷāyante vijjullatāsu niccharantīsu asaniyā phalantiyā dve kassakā bhātaro hatā cattāro ca balibaddā. Ettheso mahājanakāyo sannipatito. Tvaṃ pana, bhante, kva ahosī’ti? ‘Idheva kho ahaṃ, āvuso, ahosi’nti. ‘Kiṃ pana, bhante, addasā’ti? ‘Na kho ahaṃ, āvuso, addasa’nti. ‘Kiṃ pana, bhante, saddaṃ assosī’ti? ‘Na kho ahaṃ, āvuso, saddaṃ assosi’nti. ‘Kiṃ pana, bhante, sutto ahosī’ti? ‘Na kho ahaṃ, āvuso, sutto ahosi’nti. ‘Kiṃ pana, bhante, saññī ahosī’ti? ‘Evamāvuso’ti. ‘So tvaṃ, bhante, saññī samāno jāgaro deve vassante deve gaḷagaḷāyante vijjullatāsu niccharantīsu asaniyā phalantiyā neva addasa, na pana saddaṃ assosī’ti? ‘‘Evamāvuso’’ti?
‘‘อถ โข, ปุกฺกุส, ปุริสสฺส เอตทโหสิ – ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ, สเนฺตน วต โภ ปพฺพชิตา วิหาเรน วิหรนฺติฯ ยตฺร หิ นาม สญฺญี สมาโน ชาคโร เทเว วสฺสเนฺต เทเว คฬคฬายเนฺต วิชฺชุลฺลตาสุ นิจฺฉรนฺตีสุ อสนิยา ผลนฺติยา เนว ทกฺขติ, น ปน สทฺทํ โสสฺสตี’ติ 169ฯ มยิ อุฬารํ ปสาทํ ปเวเทตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามี’’ติฯ
‘‘Atha kho, pukkusa, purisassa etadahosi – ‘acchariyaṃ vata bho, abbhutaṃ vata bho, santena vata bho pabbajitā vihārena viharanti. Yatra hi nāma saññī samāno jāgaro deve vassante deve gaḷagaḷāyante vijjullatāsu niccharantīsu asaniyā phalantiyā neva dakkhati, na pana saddaṃ sossatī’ti 170. Mayi uḷāraṃ pasādaṃ pavedetvā maṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmī’’ti.
เอวํ วุเตฺต ปุกฺกุโส มลฺลปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอสาหํ, ภเนฺต, โย เม อาฬาเร กาลาเม ปสาโท ตํ มหาวาเต วา โอผุณามิ สีฆโสตาย 171 วา นทิยา ปวาเหมิฯ อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต! เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
Evaṃ vutte pukkuso mallaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘esāhaṃ, bhante, yo me āḷāre kālāme pasādo taṃ mahāvāte vā ophuṇāmi sīghasotāya 172 vā nadiyā pavāhemi. Abhikkantaṃ, bhante, abhikkantaṃ, bhante! Seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti; evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
๑๙๔. อถ โข ปุกฺกุโส มลฺลปุโตฺต อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิ – ‘‘อิงฺฆ เม ตฺวํ, ภเณ, สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฎฺฐํ ธารณียํ อาหรา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โส ปุริโส ปุกฺกุสสฺส มลฺลปุตฺตสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ตํ สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฎฺฐํ ธารณียํ อาหริ 173ฯ อถ โข ปุกฺกุโส มลฺลปุโตฺต ตํ สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฎฺฐํ ธารณียํ ภควโต อุปนาเมสิ – ‘‘อิทํ, ภเนฺต, สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฎฺฐํ ธารณียํ, ตํ เม ภควา ปฎิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ปุกฺกุส, เอเกน มํ อจฺฉาเทหิ, เอเกน อานนฺท’’นฺติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข ปุกฺกุโส มลฺลปุโตฺต ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา เอเกน ภควนฺตํ อจฺฉาเทติ, เอเกน อายสฺมนฺตํ อานนฺทํฯ อถ โข ภควา ปุกฺกุสํ มลฺลปุตฺตํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ อถ โข ปุกฺกุโส มลฺลปุโตฺต ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุเตฺตชิโต สมฺปหํสิโต อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
194. Atha kho pukkuso mallaputto aññataraṃ purisaṃ āmantesi – ‘‘iṅgha me tvaṃ, bhaṇe, siṅgīvaṇṇaṃ yugamaṭṭhaṃ dhāraṇīyaṃ āharā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho so puriso pukkusassa mallaputtassa paṭissutvā taṃ siṅgīvaṇṇaṃ yugamaṭṭhaṃ dhāraṇīyaṃ āhari 174. Atha kho pukkuso mallaputto taṃ siṅgīvaṇṇaṃ yugamaṭṭhaṃ dhāraṇīyaṃ bhagavato upanāmesi – ‘‘idaṃ, bhante, siṅgīvaṇṇaṃ yugamaṭṭhaṃ dhāraṇīyaṃ, taṃ me bhagavā paṭiggaṇhātu anukampaṃ upādāyā’’ti. ‘‘Tena hi, pukkusa, ekena maṃ acchādehi, ekena ānanda’’nti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho pukkuso mallaputto bhagavato paṭissutvā ekena bhagavantaṃ acchādeti, ekena āyasmantaṃ ānandaṃ. Atha kho bhagavā pukkusaṃ mallaputtaṃ dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi. Atha kho pukkuso mallaputto bhagavatā dhammiyā kathāya sandassito samādapito samuttejito sampahaṃsito uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.
๑๙๕. อถ โข อายสฺมา อานโนฺท อจิรปกฺกเนฺต ปุกฺกุเส มลฺลปุเตฺต ตํ สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฎฺฐํ ธารณียํ ภควโต กายํ อุปนาเมสิฯ ตํ ภควโต กายํ อุปนามิตํ หตจฺจิกํ วิย 175 ขายติฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต, ยาว ปริสุโทฺธ, ภเนฺต, ตถาคตสฺส ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโตฯ อิทํ, ภเนฺต, สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฎฺฐํ ธารณียํ ภควโต กายํ อุปนามิตํ หตจฺจิกํ วิย ขายตี’’ติฯ ‘‘เอวเมตํ, อานนฺท, เอวเมตํ, อานนฺท ทฺวีสุ กาเลสุ อติวิย ตถาคตสฺส กาโย ปริสุโทฺธ โหติ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโตฯ กตเมสุ ทฺวีสุ? ยญฺจ, อานนฺท, รตฺติํ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยญฺจ รตฺติํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติฯ อิเมสุ โข, อานนฺท, ทฺวีสุ กาเลสุ อติวิย ตถาคตสฺส กาโย ปริสุโทฺธ โหติ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโตฯ ‘‘อชฺช โข, ปนานนฺท, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน อนฺตเรน 176 ยมกสาลานํ ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติ 177ฯ อายามานนฺท, เยน กกุธา นที เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ
195. Atha kho āyasmā ānando acirapakkante pukkuse mallaputte taṃ siṅgīvaṇṇaṃ yugamaṭṭhaṃ dhāraṇīyaṃ bhagavato kāyaṃ upanāmesi. Taṃ bhagavato kāyaṃ upanāmitaṃ hataccikaṃ viya 178 khāyati. Atha kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante, yāva parisuddho, bhante, tathāgatassa chavivaṇṇo pariyodāto. Idaṃ, bhante, siṅgīvaṇṇaṃ yugamaṭṭhaṃ dhāraṇīyaṃ bhagavato kāyaṃ upanāmitaṃ hataccikaṃ viya khāyatī’’ti. ‘‘Evametaṃ, ānanda, evametaṃ, ānanda dvīsu kālesu ativiya tathāgatassa kāyo parisuddho hoti chavivaṇṇo pariyodāto. Katamesu dvīsu? Yañca, ānanda, rattiṃ tathāgato anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhati, yañca rattiṃ anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyati. Imesu kho, ānanda, dvīsu kālesu ativiya tathāgatassa kāyo parisuddho hoti chavivaṇṇo pariyodāto. ‘‘Ajja kho, panānanda, rattiyā pacchime yāme kusinārāyaṃ upavattane mallānaṃ sālavane antarena 179 yamakasālānaṃ tathāgatassa parinibbānaṃ bhavissati 180. Āyāmānanda, yena kakudhā nadī tenupasaṅkamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi.
สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฎฺฐํ, ปุกฺกุโส อภิหารยิ;
Siṅgīvaṇṇaṃ yugamaṭṭhaṃ, pukkuso abhihārayi;
เตน อจฺฉาทิโต สตฺถา, เหมวโณฺณ อโสภถาติฯ
Tena acchādito satthā, hemavaṇṇo asobhathāti.
๑๙๖. อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน กกุธา นที เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา กกุธํ นทิํ อโชฺฌคาเหตฺวา นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปจฺจุตฺตริตฺวา เยน อมฺพวนํ เตนุปสงฺกมิฯ อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ จุนฺทกํ อามเนฺตสิ – ‘‘อิงฺฆ เม ตฺวํ, จุนฺทก, จตุคฺคุณํ สงฺฆาฎิํ ปญฺญเปหิ, กิลโนฺตสฺมิ, จุนฺทก, นิปชฺชิสฺสามี’’ติฯ
196. Atha kho bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena kakudhā nadī tenupasaṅkami ; upasaṅkamitvā kakudhaṃ nadiṃ ajjhogāhetvā nhatvā ca pivitvā ca paccuttaritvā yena ambavanaṃ tenupasaṅkami. Upasaṅkamitvā āyasmantaṃ cundakaṃ āmantesi – ‘‘iṅgha me tvaṃ, cundaka, catugguṇaṃ saṅghāṭiṃ paññapehi, kilantosmi, cundaka, nipajjissāmī’’ti.
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา จุนฺทโก ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา จตุคฺคุณํ สงฺฆาฎิํ ปญฺญเปสิฯ อถ โข ภควา ทกฺขิเณน ปเสฺสน สีหเสยฺยํ กเปฺปสิ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฎฺฐานสญฺญํ มนสิกริตฺวาฯ อายสฺมา ปน จุนฺทโก ตเตฺถว ภควโต ปุรโต นิสีทิฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā cundako bhagavato paṭissutvā catugguṇaṃ saṅghāṭiṃ paññapesi. Atha kho bhagavā dakkhiṇena passena sīhaseyyaṃ kappesi pāde pādaṃ accādhāya sato sampajāno uṭṭhānasaññaṃ manasikaritvā. Āyasmā pana cundako tattheva bhagavato purato nisīdi.
คนฺตฺวาน พุโทฺธ นทิกํ กกุธํ,
Gantvāna buddho nadikaṃ kakudhaṃ,
อโจฺฉทกํ สาตุทกํ วิปฺปสนฺนํ;
Acchodakaṃ sātudakaṃ vippasannaṃ;
ปุรกฺขโต ภิกฺขุคณสฺส มเชฺฌ;
Purakkhato bhikkhugaṇassa majjhe;
อุปาคมิ อมฺพวนํ มเหสิฯ
Upāgami ambavanaṃ mahesi.
อามนฺตยิ จุนฺทกํ นาม ภิกฺขุํ,
Āmantayi cundakaṃ nāma bhikkhuṃ,
จตุคฺคุณํ สนฺถร เม นิปชฺชํ;
Catugguṇaṃ santhara me nipajjaṃ;
โส โจทิโต ภาวิตเตฺตน จุโนฺท,
So codito bhāvitattena cundo,
จตุคฺคุณํ สนฺถริ ขิปฺปเมวฯ
Catugguṇaṃ santhari khippameva.
นิปชฺชิ สตฺถา อกิลนฺตรูโป,
Nipajji satthā akilantarūpo,
๑๙๗. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘สิยา โข 191, ปนานนฺท, จุนฺทสฺส กมฺมารปุตฺตสฺส โกจิ วิปฺปฎิสารํ อุปฺปาเทยฺย – ‘ตสฺส เต, อาวุโส จุนฺท, อลาภา ตสฺส เต ทุลฺลทฺธํ, ยสฺส เต ตถาคโต ปจฺฉิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา ปรินิพฺพุโต’ติฯ จุนฺทสฺส, อานนฺท, กมฺมารปุตฺตสฺส เอวํ วิปฺปฎิสาโร ปฎิวิเนตโพฺพ – ‘ตสฺส เต, อาวุโส จุนฺท, ลาภา ตสฺส เต สุลทฺธํ, ยสฺส เต ตถาคโต ปจฺฉิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา ปรินิพฺพุโตฯ สมฺมุขา เมตํ, อาวุโส จุนฺท, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ – เทฺว เม ปิณฺฑปาตา สมสมผลา 192 สมวิปากา 193, อติวิย อเญฺญหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จฯ กตเม เทฺว? ยญฺจ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยญฺจ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา ตถาคโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติฯ อิเม เทฺว ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา , อติวิย อเญฺญหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จฯ อายุสํวตฺตนิกํ อายสฺมตา จุเนฺทน กมฺมารปุเตฺตน กมฺมํ อุปจิตํ, วณฺณสํวตฺตนิกํ อายสฺมตา จุเนฺทน กมฺมารปุเตฺตน กมฺมํ อุปจิตํ, สุขสํวตฺตนิกํ อายสฺมตา จุเนฺทน กมฺมารปุเตฺตน กมฺมํ อุปจิตํ, ยสสํวตฺตนิกํ อายสฺมตา จุเนฺทน กมฺมารปุเตฺตน กมฺมํ อุปจิตํ, สคฺคสํวตฺตนิกํ อายสฺมตา จุเนฺทน กมฺมารปุเตฺตน กมฺมํ อุปจิตํ, อาธิปเตยฺยสํวตฺตนิกํ อายสฺมตา จุเนฺทน กมฺมารปุเตฺตน กมฺมํ อุปจิต’นฺติฯ จุนฺทสฺส, อานนฺท, กมฺมารปุตฺตสฺส เอวํ วิปฺปฎิสาโร ปฎิวิเนตโพฺพ’’ติฯ อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
197. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘siyā kho 194, panānanda, cundassa kammāraputtassa koci vippaṭisāraṃ uppādeyya – ‘tassa te, āvuso cunda, alābhā tassa te dulladdhaṃ, yassa te tathāgato pacchimaṃ piṇḍapātaṃ paribhuñjitvā parinibbuto’ti. Cundassa, ānanda, kammāraputtassa evaṃ vippaṭisāro paṭivinetabbo – ‘tassa te, āvuso cunda, lābhā tassa te suladdhaṃ, yassa te tathāgato pacchimaṃ piṇḍapātaṃ paribhuñjitvā parinibbuto. Sammukhā metaṃ, āvuso cunda, bhagavato sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ – dve me piṇḍapātā samasamaphalā 195 samavipākā 196, ativiya aññehi piṇḍapātehi mahapphalatarā ca mahānisaṃsatarā ca. Katame dve? Yañca piṇḍapātaṃ paribhuñjitvā tathāgato anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhati, yañca piṇḍapātaṃ paribhuñjitvā tathāgato anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyati. Ime dve piṇḍapātā samasamaphalā samavipākā , ativiya aññehi piṇḍapātehi mahapphalatarā ca mahānisaṃsatarā ca. Āyusaṃvattanikaṃ āyasmatā cundena kammāraputtena kammaṃ upacitaṃ, vaṇṇasaṃvattanikaṃ āyasmatā cundena kammāraputtena kammaṃ upacitaṃ, sukhasaṃvattanikaṃ āyasmatā cundena kammāraputtena kammaṃ upacitaṃ, yasasaṃvattanikaṃ āyasmatā cundena kammāraputtena kammaṃ upacitaṃ, saggasaṃvattanikaṃ āyasmatā cundena kammāraputtena kammaṃ upacitaṃ, ādhipateyyasaṃvattanikaṃ āyasmatā cundena kammāraputtena kammaṃ upacita’nti. Cundassa, ānanda, kammāraputtassa evaṃ vippaṭisāro paṭivinetabbo’’ti. Atha kho bhagavā etamatthaṃ viditvā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –
‘‘ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ,
‘‘Dadato puññaṃ pavaḍḍhati,
สํยมโต เวรํ น จียติ;
Saṃyamato veraṃ na cīyati;
กุสโล จ ชหาติ ปาปกํ,
Kusalo ca jahāti pāpakaṃ,
ราคโทสโมหกฺขยา สนิพฺพุโต’’ติฯ
Rāgadosamohakkhayā sanibbuto’’ti.
จตุโตฺถ ภาณวาโรฯ
Catuttho bhāṇavāro.
ยมกสาลา
Yamakasālā
๑๙๘. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน หิรญฺญวติยา นทิยา ปาริมํ ตีรํ, เยน กุสินารา อุปวตฺตนํ มลฺลานํ สาลวนํ เตนุปสงฺกมิสฺสามา’’ติ ฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน หิรญฺญวติยา นทิยา ปาริมํ ตีรํ, เยน กุสินารา อุปวตฺตนํ มลฺลานํ สาลวนํ เตนุปสงฺกมิฯ อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อิงฺฆ เม ตฺวํ, อานนฺท, อนฺตเรน ยมกสาลานํ อุตฺตรสีสกํ มญฺจกํ ปญฺญเปหิ, กิลโนฺตสฺมิ, อานนฺท, นิปชฺชิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา อนฺตเรน ยมกสาลานํ อุตฺตรสีสกํ มญฺจกํ ปญฺญเปสิฯ อถ โข ภควา ทกฺขิเณน ปเสฺสน สีหเสยฺยํ กเปฺปสิ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโนฯ
198. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘āyāmānanda, yena hiraññavatiyā nadiyā pārimaṃ tīraṃ, yena kusinārā upavattanaṃ mallānaṃ sālavanaṃ tenupasaṅkamissāmā’’ti . ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Atha kho bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena hiraññavatiyā nadiyā pārimaṃ tīraṃ, yena kusinārā upavattanaṃ mallānaṃ sālavanaṃ tenupasaṅkami. Upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘iṅgha me tvaṃ, ānanda, antarena yamakasālānaṃ uttarasīsakaṃ mañcakaṃ paññapehi, kilantosmi, ānanda, nipajjissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paṭissutvā antarena yamakasālānaṃ uttarasīsakaṃ mañcakaṃ paññapesi. Atha kho bhagavā dakkhiṇena passena sīhaseyyaṃ kappesi pāde pādaṃ accādhāya sato sampajāno.
เตน โข ปน สมเยน ยมกสาลา สพฺพผาลิผุลฺลา โหนฺติ อกาลปุเปฺผหิฯ เต ตถาคตสฺส สรีรํ โอกิรนฺติ อโชฺฌกิรนฺติ อภิปฺปกิรนฺติ ตถาคตสฺส ปูชายฯ ทิพฺพานิปิ มนฺทารวปุปฺผานิ อนฺตลิกฺขา ปปตนฺติ, ตานิ ตถาคตสฺส สรีรํ โอกิรนฺติ อโชฺฌกิรนฺติ อภิปฺปกิรนฺติ ตถาคตสฺส ปูชายฯ ทิพฺพานิปิ จนฺทนจุณฺณานิ อนฺตลิกฺขา ปปตนฺติ, ตานิ ตถาคตสฺส สรีรํ โอกิรนฺติ อโชฺฌกิรนฺติ อภิปฺปกิรนฺติ ตถาคตสฺส ปูชายฯ ทิพฺพานิปิ ตูริยานิ อนฺตลิเกฺข วชฺชนฺติ ตถาคตสฺส ปูชายฯ ทิพฺพานิปิ สงฺคีตานิ อนฺตลิเกฺข วตฺตนฺติ ตถาคตสฺส ปูชายฯ
Tena kho pana samayena yamakasālā sabbaphāliphullā honti akālapupphehi. Te tathāgatassa sarīraṃ okiranti ajjhokiranti abhippakiranti tathāgatassa pūjāya. Dibbānipi mandāravapupphāni antalikkhā papatanti, tāni tathāgatassa sarīraṃ okiranti ajjhokiranti abhippakiranti tathāgatassa pūjāya. Dibbānipi candanacuṇṇāni antalikkhā papatanti, tāni tathāgatassa sarīraṃ okiranti ajjhokiranti abhippakiranti tathāgatassa pūjāya. Dibbānipi tūriyāni antalikkhe vajjanti tathāgatassa pūjāya. Dibbānipi saṅgītāni antalikkhe vattanti tathāgatassa pūjāya.
๑๙๙. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘สพฺพผาลิผุลฺลา โข, อานนฺท, ยมกสาลา อกาลปุเปฺผหิฯ เต ตถาคตสฺส สรีรํ โอกิรนฺติ อโชฺฌกิรนฺติ อภิปฺปกิรนฺติ ตถาคตสฺส ปูชายฯ ทิพฺพานิปิ มนฺทารวปุปฺผานิ อนฺตลิกฺขา ปปตนฺติ, ตานิ ตถาคตสฺส สรีรํ โอกิรนฺติ อโชฺฌกิรนฺติ อภิปฺปกิรนฺติ ตถาคตสฺส ปูชายฯ ทิพฺพานิปิ จนฺทนจุณฺณานิ อนฺตลิกฺขา ปปตนฺติ, ตานิ ตถาคตสฺส สรีรํ โอกิรนฺติ อโชฺฌกิรนฺติ อภิปฺปกิรนฺติ ตถาคตสฺส ปูชายฯ ทิพฺพานิปิ ตูริยานิ อนฺตลิเกฺข วชฺชนฺติ ตถาคตสฺส ปูชายฯ ทิพฺพานิปิ สงฺคีตานิ อนฺตลิเกฺข วตฺตนฺติ ตถาคตสฺส ปูชายฯ น โข, อานนฺท, เอตฺตาวตา ตถาคโต สกฺกโต วา โหติ ครุกโต วา มานิโต วา ปูชิโต วา อปจิโต วาฯ โย โข, อานนฺท, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน วิหรติ สามีจิปฺปฎิปโนฺน อนุธมฺมจารี, โส ตถาคตํ สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ อปจิยติ 197, ปรมาย ปูชายฯ ตสฺมาติหานนฺท, ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนา วิหริสฺสาม สามีจิปฺปฎิปนฺนา อนุธมฺมจาริโนติฯ เอวญฺหิ โว, อานนฺท, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ
199. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘sabbaphāliphullā kho, ānanda, yamakasālā akālapupphehi. Te tathāgatassa sarīraṃ okiranti ajjhokiranti abhippakiranti tathāgatassa pūjāya. Dibbānipi mandāravapupphāni antalikkhā papatanti, tāni tathāgatassa sarīraṃ okiranti ajjhokiranti abhippakiranti tathāgatassa pūjāya. Dibbānipi candanacuṇṇāni antalikkhā papatanti, tāni tathāgatassa sarīraṃ okiranti ajjhokiranti abhippakiranti tathāgatassa pūjāya. Dibbānipi tūriyāni antalikkhe vajjanti tathāgatassa pūjāya. Dibbānipi saṅgītāni antalikkhe vattanti tathāgatassa pūjāya. Na kho, ānanda, ettāvatā tathāgato sakkato vā hoti garukato vā mānito vā pūjito vā apacito vā. Yo kho, ānanda, bhikkhu vā bhikkhunī vā upāsako vā upāsikā vā dhammānudhammappaṭipanno viharati sāmīcippaṭipanno anudhammacārī, so tathāgataṃ sakkaroti garuṃ karoti māneti pūjeti apaciyati 198, paramāya pūjāya. Tasmātihānanda, dhammānudhammappaṭipannā viharissāma sāmīcippaṭipannā anudhammacārinoti. Evañhi vo, ānanda, sikkhitabba’’nti.
อุปวาณเตฺถโร
Upavāṇatthero
๒๐๐. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุปวาโณ ภควโต ปุรโต ฐิโต โหติ ภควนฺตํ พีชยมาโนฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ อปสาเรสิ – ‘‘อเปหิ, ภิกฺขุ, มา เม ปุรโต อฎฺฐาสี’’ติฯ อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา อุปวาโณ ทีฆรตฺตํ ภควโต อุปฎฺฐาโก สนฺติกาวจโร สมีปจารีฯ อถ จ ปน ภควา ปจฺฉิเม กาเล อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ อปสาเรติ – ‘อเปหิ ภิกฺขุ, มา เม ปุรโต อฎฺฐาสี’ติฯ โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย, ยํ ภควา อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ อปสาเรติ – ‘อเปหิ, ภิกฺขุ, มา เม ปุรโต อฎฺฐาสี’ติ? อถ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘อยํ, ภเนฺต, อายสฺมา อุปวาโณ ทีฆรตฺตํ ภควโต อุปฎฺฐาโก สนฺติกาวจโร สมีปจารีฯ อถ จ ปน ภควา ปจฺฉิเม กาเล อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ อปสาเรติ – ‘‘อเปหิ, ภิกฺขุ, มา เม ปุรโต อฎฺฐาสี’’ติฯ โก นุ โข, ภเนฺต, เหตุ, โก ปจฺจโย, ยํ ภควา อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ อปสาเรติ – ‘‘อเปหิ, ภิกฺขุ, มา เม ปุรโต อฎฺฐาสี’’ติ? ‘‘เยภุเยฺยน, อานนฺท, ทสสุ โลกธาตูสุ เทวตา สนฺนิปติตา ตถาคตํ ทสฺสนายฯ ยาวตา, อานนฺท, กุสินารา อุปวตฺตนํ มลฺลานํ สาลวนํ สมนฺตโต ทฺวาทส โยชนานิ, นตฺถิ โส ปเทโส วาลคฺคโกฎินิตุทนมโตฺตปิ มเหสกฺขาหิ เทวตาหิ อปฺผุโฎฯ เทวตา, อานนฺท, อุชฺฌายนฺติ – ‘ทูรา จ วตมฺห อาคตา ตถาคตํ ทสฺสนายฯ กทาจิ กรหจิ ตถาคตา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธาฯ อเชฺชว รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติฯ อยญฺจ มเหสโกฺข ภิกฺขุ ภควโต ปุรโต ฐิโต โอวาเรโนฺต, น มยํ ลภาม ปจฺฉิเม กาเล ตถาคตํ ทสฺสนายา’’’ติฯ
200. Tena kho pana samayena āyasmā upavāṇo bhagavato purato ṭhito hoti bhagavantaṃ bījayamāno. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ upavāṇaṃ apasāresi – ‘‘apehi, bhikkhu, mā me purato aṭṭhāsī’’ti. Atha kho āyasmato ānandassa etadahosi – ‘‘ayaṃ kho āyasmā upavāṇo dīgharattaṃ bhagavato upaṭṭhāko santikāvacaro samīpacārī. Atha ca pana bhagavā pacchime kāle āyasmantaṃ upavāṇaṃ apasāreti – ‘apehi bhikkhu, mā me purato aṭṭhāsī’ti. Ko nu kho hetu, ko paccayo, yaṃ bhagavā āyasmantaṃ upavāṇaṃ apasāreti – ‘apehi, bhikkhu, mā me purato aṭṭhāsī’ti? Atha kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘ayaṃ, bhante, āyasmā upavāṇo dīgharattaṃ bhagavato upaṭṭhāko santikāvacaro samīpacārī. Atha ca pana bhagavā pacchime kāle āyasmantaṃ upavāṇaṃ apasāreti – ‘‘apehi, bhikkhu, mā me purato aṭṭhāsī’’ti. Ko nu kho, bhante, hetu, ko paccayo, yaṃ bhagavā āyasmantaṃ upavāṇaṃ apasāreti – ‘‘apehi, bhikkhu, mā me purato aṭṭhāsī’’ti? ‘‘Yebhuyyena, ānanda, dasasu lokadhātūsu devatā sannipatitā tathāgataṃ dassanāya. Yāvatā, ānanda, kusinārā upavattanaṃ mallānaṃ sālavanaṃ samantato dvādasa yojanāni, natthi so padeso vālaggakoṭinitudanamattopi mahesakkhāhi devatāhi apphuṭo. Devatā, ānanda, ujjhāyanti – ‘dūrā ca vatamha āgatā tathāgataṃ dassanāya. Kadāci karahaci tathāgatā loke uppajjanti arahanto sammāsambuddhā. Ajjeva rattiyā pacchime yāme tathāgatassa parinibbānaṃ bhavissati. Ayañca mahesakkho bhikkhu bhagavato purato ṭhito ovārento, na mayaṃ labhāma pacchime kāle tathāgataṃ dassanāyā’’’ti.
๒๐๑. ‘‘กถํภูตา ปน, ภเนฺต, ภควา เทวตา มนสิกโรตี’’ติ 199? ‘‘สนฺตานนฺท, เทวตา อากาเส ปถวีสญฺญินิโย เกเส ปกิริย กนฺทนฺติ, พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ฉินฺนปาตํ ปปตนฺติ 200, อาวฎฺฎนฺติ, วิวฎฺฎนฺติ – ‘อติขิปฺปํ ภควา ปรินิพฺพายิสฺสติ, อติขิปฺปํ สุคโต ปรินิพฺพายิสฺสติ, อติขิปฺปํ จกฺขุํ 201 โลเก อนฺตรธํอายิสฺสตี’ติฯ
201. ‘‘Kathaṃbhūtā pana, bhante, bhagavā devatā manasikarotī’’ti 202? ‘‘Santānanda, devatā ākāse pathavīsaññiniyo kese pakiriya kandanti, bāhā paggayha kandanti, chinnapātaṃ papatanti 203, āvaṭṭanti, vivaṭṭanti – ‘atikhippaṃ bhagavā parinibbāyissati, atikhippaṃ sugato parinibbāyissati, atikhippaṃ cakkhuṃ 204 loke antaradhaṃāyissatī’ti.
‘‘สนฺตานนฺท, เทวตา ปถวิยํ ปถวีสญฺญินิโย เกเส ปกิริย กนฺทนฺติ, พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ฉินฺนปาตํ ปปตนฺติ, อาวฎฺฎนฺติ, วิวฎฺฎนฺติ – ‘อติขิปฺปํ ภควา ปรินิพฺพายิสฺสติ, อติขิปฺปํ สุคโต ปรินิพฺพายิสฺสติ, อติขิปฺปํ จกฺขุํ โลเก อนฺตรธายิสฺสตี’’’ติฯ
‘‘Santānanda, devatā pathaviyaṃ pathavīsaññiniyo kese pakiriya kandanti, bāhā paggayha kandanti, chinnapātaṃ papatanti, āvaṭṭanti, vivaṭṭanti – ‘atikhippaṃ bhagavā parinibbāyissati, atikhippaṃ sugato parinibbāyissati, atikhippaṃ cakkhuṃ loke antaradhāyissatī’’’ti.
‘‘ยา ปน ตา เทวตา วีตราคา, ตา สตา สมฺปชานา อธิวาเสนฺติ – ‘อนิจฺจา สงฺขารา, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติฯ
‘‘Yā pana tā devatā vītarāgā, tā satā sampajānā adhivāsenti – ‘aniccā saṅkhārā, taṃ kutettha labbhā’ti.
จตุสํเวชนียฎฺฐานานิ
Catusaṃvejanīyaṭṭhānāni
๒๐๒. ‘‘ปุเพฺพ , ภเนฺต, ทิสาสุ วสฺสํ วุฎฺฐา 205 ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ ตถาคตํ ทสฺสนายฯ เต มยํ ลภาม มโนภาวนีเย ภิกฺขู ทสฺสนาย, ลภาม ปยิรุปาสนายฯ ภควโต ปน มยํ, ภเนฺต, อจฺจเยน น ลภิสฺสาม มโนภาวนีเย ภิกฺขู ทสฺสนาย, น ลภิสฺสาม ปยิรุปาสนายา’’ติฯ
202. ‘‘Pubbe , bhante, disāsu vassaṃ vuṭṭhā 206 bhikkhū āgacchanti tathāgataṃ dassanāya. Te mayaṃ labhāma manobhāvanīye bhikkhū dassanāya, labhāma payirupāsanāya. Bhagavato pana mayaṃ, bhante, accayena na labhissāma manobhāvanīye bhikkhū dassanāya, na labhissāma payirupāsanāyā’’ti.
‘‘จตฺตาริมานิ, อานนฺท, สทฺธสฺส กุลปุตฺตสฺส ทสฺสนียานิ สํเวชนียานิ ฐานานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? ‘อิธ ตถาคโต ชาโต’ติ, อานนฺท, สทฺธสฺส กุลปุตฺตสฺส ทสฺสนียํ สํเวชนียํ ฐานํฯ ‘อิธ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธ’ติ, อานนฺท, สทฺธสฺส กุลปุตฺตสฺส ทสฺสนียํ สํเวชนียํ ฐานํฯ ‘อิธ ตถาคเตน อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติต’นฺติ, อานนฺท, สทฺธสฺส กุลปุตฺตสฺส ทสฺสนียํ สํเวชนียํ ฐานํฯ ‘อิธ ตถาคโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต’ติ, อานนฺท, สทฺธสฺส กุลปุตฺตสฺส ทสฺสนียํ สํเวชนียํ ฐานํฯ อิมานิ โข , อานนฺท, จตฺตาริ สทฺธสฺส กุลปุตฺตสฺส ทสฺสนียานิ สํเวชนียานิ ฐานานิฯ
‘‘Cattārimāni, ānanda, saddhassa kulaputtassa dassanīyāni saṃvejanīyāni ṭhānāni. Katamāni cattāri? ‘Idha tathāgato jāto’ti, ānanda, saddhassa kulaputtassa dassanīyaṃ saṃvejanīyaṃ ṭhānaṃ. ‘Idha tathāgato anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho’ti, ānanda, saddhassa kulaputtassa dassanīyaṃ saṃvejanīyaṃ ṭhānaṃ. ‘Idha tathāgatena anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattita’nti, ānanda, saddhassa kulaputtassa dassanīyaṃ saṃvejanīyaṃ ṭhānaṃ. ‘Idha tathāgato anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbuto’ti, ānanda, saddhassa kulaputtassa dassanīyaṃ saṃvejanīyaṃ ṭhānaṃ. Imāni kho , ānanda, cattāri saddhassa kulaputtassa dassanīyāni saṃvejanīyāni ṭhānāni.
‘‘อาคมิสฺสนฺติ โข, อานนฺท, สทฺธา ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย – ‘อิธ ตถาคโต ชาโต’ติปิ, ‘อิธ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธ’ติปิ, ‘อิธ ตถาคเตน อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติต’นฺติปิ, ‘อิธ ตถาคโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต’ติปิฯ เย หิ เกจิ, อานนฺท, เจติยจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา ปสนฺนจิตฺตา กาลงฺกริสฺสนฺติ, สเพฺพ เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสนฺตี’’ติฯ
‘‘Āgamissanti kho, ānanda, saddhā bhikkhū bhikkhuniyo upāsakā upāsikāyo – ‘idha tathāgato jāto’tipi, ‘idha tathāgato anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho’tipi, ‘idha tathāgatena anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattita’ntipi, ‘idha tathāgato anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbuto’tipi. Ye hi keci, ānanda, cetiyacārikaṃ āhiṇḍantā pasannacittā kālaṅkarissanti, sabbe te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjissantī’’ti.
อานนฺทปุจฺฉากถา
Ānandapucchākathā
๒๐๓. ‘‘กถํ มยํ, ภเนฺต, มาตุคาเม ปฎิปชฺชามา’’ติ? ‘‘อทสฺสนํ, อานนฺทา’’ติฯ ‘‘ทสฺสเน, ภควา, สติ กถํ ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? ‘‘อนาลาโป, อานนฺทา’’ติ ฯ ‘‘อาลปเนฺตน ปน, ภเนฺต, กถํ ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? ‘‘สติ, อานนฺท, อุปฎฺฐาเปตพฺพา’’ติฯ
203. ‘‘Kathaṃ mayaṃ, bhante, mātugāme paṭipajjāmā’’ti? ‘‘Adassanaṃ, ānandā’’ti. ‘‘Dassane, bhagavā, sati kathaṃ paṭipajjitabba’’nti? ‘‘Anālāpo, ānandā’’ti . ‘‘Ālapantena pana, bhante, kathaṃ paṭipajjitabba’’nti? ‘‘Sati, ānanda, upaṭṭhāpetabbā’’ti.
๒๐๔. ‘‘กถํ มยํ, ภเนฺต, ตถาคตสฺส สรีเร ปฎิปชฺชามา’’ติ? ‘‘อพฺยาวฎา ตุเมฺห, อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายฯ อิงฺฆ ตุเมฺห, อานนฺท, สารเตฺถ ฆฎถ อนุยุญฺชถ 207, สารเตฺถ อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถฯ สนฺตานนฺท, ขตฺติยปณฺฑิตาปิ พฺราหฺมณปณฺฑิตาปิ คหปติปณฺฑิตาปิ ตถาคเต อภิปฺปสนฺนา, เต ตถาคตสฺส สรีรปูชํ กริสฺสนฺตี’’ติฯ
204. ‘‘Kathaṃ mayaṃ, bhante, tathāgatassa sarīre paṭipajjāmā’’ti? ‘‘Abyāvaṭā tumhe, ānanda, hotha tathāgatassa sarīrapūjāya. Iṅgha tumhe, ānanda, sāratthe ghaṭatha anuyuñjatha 208, sāratthe appamattā ātāpino pahitattā viharatha. Santānanda, khattiyapaṇḍitāpi brāhmaṇapaṇḍitāpi gahapatipaṇḍitāpi tathāgate abhippasannā, te tathāgatassa sarīrapūjaṃ karissantī’’ti.
๒๐๕. ‘‘กถํ ปน, ภเนฺต, ตถาคตสฺส สรีเร ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ยถา โข, อานนฺท, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สรีเร ปฎิปชฺชนฺติ, เอวํ ตถาคตสฺส สรีเร ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติฯ ‘‘กถํ ปน, ภเนฺต, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สรีเร ปฎิปชฺชนฺตี’’ติ? ‘‘รโญฺญ, อานนฺท, จกฺกวตฺติสฺส สรีรํ อหเตน วเตฺถน เวเฐนฺติ, อหเตน วเตฺถน เวเฐตฺวา วิหเตน กปฺปาเสน เวเฐนฺติ, วิหเตน กปฺปาเสน เวเฐตฺวา อหเตน วเตฺถน เวเฐนฺติฯ เอเตนุปาเยน ปญฺจหิ ยุคสเตหิ รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สรีรํ 209 เวเฐตฺวา อายสาย เตลโทณิยา ปกฺขิปิตฺวา อญฺญิสฺสา อายสาย โทณิยา ปฎิกุชฺชิตฺวา สพฺพคนฺธานํ จิตกํ กริตฺวา รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สรีรํ ฌาเปนฺติฯ จาตุมหาปเถ 210 รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ถูปํ กโรนฺติ ฯ เอวํ โข, อานนฺท, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สรีเร ปฎิปชฺชนฺติฯ ยถา โข, อานนฺท, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สรีเร ปฎิปชฺชนฺติ, เอวํ ตถาคตสฺส สรีเร ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ จาตุมหาปเถ ตถาคตสฺส ถูโป กาตโพฺพฯ ตตฺถ เย มาลํ วา คนฺธํ วา จุณฺณกํ 211 วา อาโรเปสฺสนฺติ วา อภิวาเทสฺสนฺติ วา จิตฺตํ วา ปสาเทสฺสนฺติ เตสํ ตํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ
205. ‘‘Kathaṃ pana, bhante, tathāgatassa sarīre paṭipajjitabba’’nti? ‘‘Yathā kho, ānanda, rañño cakkavattissa sarīre paṭipajjanti, evaṃ tathāgatassa sarīre paṭipajjitabba’’nti. ‘‘Kathaṃ pana, bhante, rañño cakkavattissa sarīre paṭipajjantī’’ti? ‘‘Rañño, ānanda, cakkavattissa sarīraṃ ahatena vatthena veṭhenti, ahatena vatthena veṭhetvā vihatena kappāsena veṭhenti, vihatena kappāsena veṭhetvā ahatena vatthena veṭhenti. Etenupāyena pañcahi yugasatehi rañño cakkavattissa sarīraṃ 212 veṭhetvā āyasāya teladoṇiyā pakkhipitvā aññissā āyasāya doṇiyā paṭikujjitvā sabbagandhānaṃ citakaṃ karitvā rañño cakkavattissa sarīraṃ jhāpenti. Cātumahāpathe 213 rañño cakkavattissa thūpaṃ karonti . Evaṃ kho, ānanda, rañño cakkavattissa sarīre paṭipajjanti. Yathā kho, ānanda, rañño cakkavattissa sarīre paṭipajjanti, evaṃ tathāgatassa sarīre paṭipajjitabbaṃ. Cātumahāpathe tathāgatassa thūpo kātabbo. Tattha ye mālaṃ vā gandhaṃ vā cuṇṇakaṃ 214 vā āropessanti vā abhivādessanti vā cittaṃ vā pasādessanti tesaṃ taṃ bhavissati dīgharattaṃ hitāya sukhāya.
ถูปารหปุคฺคโล
Thūpārahapuggalo
๒๐๖. ‘‘จตฺตาโรเม, อานนฺท, ถูปารหาฯ กตเม จตฺตาโร? ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ถูปารโห, ปเจฺจกสมฺพุโทฺธ ถูปารโห, ตถาคตสฺส สาวโก ถูปารโห, ราชา จกฺกวตฺตี 215 ถูปารโหติฯ
206. ‘‘Cattārome, ānanda, thūpārahā. Katame cattāro? Tathāgato arahaṃ sammāsambuddho thūpāraho, paccekasambuddho thūpāraho, tathāgatassa sāvako thūpāraho, rājā cakkavattī 216 thūpārahoti.
‘‘กิญฺจานนฺท , อตฺถวสํ ปฎิจฺจ ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ถูปารโห? ‘อยํ ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ถูโป’ติ, อานนฺท, พหุชนา จิตฺตํ ปสาเทนฺติฯ เต ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติฯ อิทํ โข, อานนฺท, อตฺถวสํ ปฎิจฺจ ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ถูปารโหฯ
‘‘Kiñcānanda , atthavasaṃ paṭicca tathāgato arahaṃ sammāsambuddho thūpāraho? ‘Ayaṃ tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa thūpo’ti, ānanda, bahujanā cittaṃ pasādenti. Te tattha cittaṃ pasādetvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti. Idaṃ kho, ānanda, atthavasaṃ paṭicca tathāgato arahaṃ sammāsambuddho thūpāraho.
‘‘กิญฺจานนฺท, อตฺถวสํ ปฎิจฺจ ปเจฺจกสมฺพุโทฺธ ถูปารโห? ‘อยํ ตสฺส ภควโต ปเจฺจกสมฺพุทฺธสฺส ถูโป’ติ, อานนฺท, พหุชนา จิตฺตํ ปสาเทนฺติฯ เต ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติฯ อิทํ โข, อานนฺท, อตฺถวสํ ปฎิจฺจ ปเจฺจกสมฺพุโทฺธ ถูปารโหฯ
‘‘Kiñcānanda, atthavasaṃ paṭicca paccekasambuddho thūpāraho? ‘Ayaṃ tassa bhagavato paccekasambuddhassa thūpo’ti, ānanda, bahujanā cittaṃ pasādenti. Te tattha cittaṃ pasādetvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti. Idaṃ kho, ānanda, atthavasaṃ paṭicca paccekasambuddho thūpāraho.
‘‘กิญฺจานนฺท, อตฺถวสํ ปฎิจฺจ ตถาคตสฺส สาวโก ถูปารโห? ‘อยํ ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวกสฺส ถูโป’ติ อานนฺท, พหุชนา จิตฺตํ ปสาเทนฺติฯ เต ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติฯ อิทํ โข, อานนฺท, อตฺถวสํ ปฎิจฺจ ตถาคตสฺส สาวโก ถูปารโหฯ
‘‘Kiñcānanda, atthavasaṃ paṭicca tathāgatassa sāvako thūpāraho? ‘Ayaṃ tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa sāvakassa thūpo’ti ānanda, bahujanā cittaṃ pasādenti. Te tattha cittaṃ pasādetvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti. Idaṃ kho, ānanda, atthavasaṃ paṭicca tathāgatassa sāvako thūpāraho.
‘‘กิญฺจานนฺท, อตฺถวสํ ปฎิจฺจ ราชา จกฺกวตฺตี ถูปารโห? ‘อยํ ตสฺส ธมฺมิกสฺส ธมฺมรโญฺญ ถูโป’ติ, อานนฺท, พหุชนา จิตฺตํ ปสาเทนฺติฯ เต ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติฯ อิทํ โข, อานนฺท, อตฺถวสํ ปฎิจฺจ ราชา จกฺกวตฺตี ถูปารโหฯ อิเม โข, อานนฺท จตฺตาโร ถูปารหา’’ติฯ
‘‘Kiñcānanda, atthavasaṃ paṭicca rājā cakkavattī thūpāraho? ‘Ayaṃ tassa dhammikassa dhammarañño thūpo’ti, ānanda, bahujanā cittaṃ pasādenti. Te tattha cittaṃ pasādetvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti. Idaṃ kho, ānanda, atthavasaṃ paṭicca rājā cakkavattī thūpāraho. Ime kho, ānanda cattāro thūpārahā’’ti.
อานนฺทอจฺฉริยธโมฺม
Ānandaacchariyadhammo
๒๐๗. อถ โข อายสฺมา อานโนฺท วิหารํ ปวิสิตฺวา กปิสีสํ อาลมฺพิตฺวา โรทมาโน อฎฺฐาสิ – ‘‘อหญฺจ วตมฺหิ เสโข สกรณีโย, สตฺถุ จ เม ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติ, โย มม อนุกมฺปโก’’ติฯ อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘กหํ นุ โข, ภิกฺขเว, อานโนฺท’’ติ? ‘‘เอโส, ภเนฺต, อายสฺมา อานโนฺท วิหารํ ปวิสิตฺวา กปิสีสํ อาลมฺพิตฺวา โรทมาโน ฐิโต – ‘อหญฺจ วตมฺหิ เสโข สกรณีโย, สตฺถุ จ เม ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติ, โย มม อนุกมฺปโก’’’ติฯ อถ โข ภควา อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน อานนฺทํ อามเนฺตหิ – ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส อานนฺท, อามเนฺตตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ , ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส อานนฺท, อามเนฺตตี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ตสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘อลํ, อานนฺท, มา โสจิ มา ปริเทวิ, นนุ เอตํ, อานนฺท, มยา ปฎิกเจฺจว อกฺขาตํ – ‘สเพฺพเหว ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว อญฺญถาภาโว’; ตํ กุเตตฺถ, อานนฺท, ลพฺภาฯ ยํ ตํ ชาตํ ภูตํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ วต ตถาคตสฺสาปิ สรีรํ มา ปลุชฺชี’ติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ ทีฆรตฺตํ โข เต, อานนฺท, ตถาคโต ปจฺจุปฎฺฐิโต เมเตฺตน กายกเมฺมน หิเตน สุเขน อทฺวเยน อปฺปมาเณน, เมเตฺตน วจีกเมฺมน หิเตน สุเขน อทฺวเยน อปฺปมาเณน, เมเตฺตน มโนกเมฺมน หิเตน สุเขน อทฺวเยน อปฺปมาเณนฯ กตปุโญฺญสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยุญฺช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’’ติฯ
207. Atha kho āyasmā ānando vihāraṃ pavisitvā kapisīsaṃ ālambitvā rodamāno aṭṭhāsi – ‘‘ahañca vatamhi sekho sakaraṇīyo, satthu ca me parinibbānaṃ bhavissati, yo mama anukampako’’ti. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘kahaṃ nu kho, bhikkhave, ānando’’ti? ‘‘Eso, bhante, āyasmā ānando vihāraṃ pavisitvā kapisīsaṃ ālambitvā rodamāno ṭhito – ‘ahañca vatamhi sekho sakaraṇīyo, satthu ca me parinibbānaṃ bhavissati, yo mama anukampako’’’ti. Atha kho bhagavā aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, bhikkhu, mama vacanena ānandaṃ āmantehi – ‘satthā taṃ, āvuso ānanda, āmantetī’’’ti. ‘‘Evaṃ , bhante’’ti kho so bhikkhu bhagavato paṭissutvā yenāyasmā ānando tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘satthā taṃ, āvuso ānanda, āmantetī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā ānando tassa bhikkhuno paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ ānandaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘alaṃ, ānanda, mā soci mā paridevi, nanu etaṃ, ānanda, mayā paṭikacceva akkhātaṃ – ‘sabbeheva piyehi manāpehi nānābhāvo vinābhāvo aññathābhāvo’; taṃ kutettha, ānanda, labbhā. Yaṃ taṃ jātaṃ bhūtaṃ saṅkhataṃ palokadhammaṃ, taṃ vata tathāgatassāpi sarīraṃ mā palujjī’ti netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Dīgharattaṃ kho te, ānanda, tathāgato paccupaṭṭhito mettena kāyakammena hitena sukhena advayena appamāṇena, mettena vacīkammena hitena sukhena advayena appamāṇena, mettena manokammena hitena sukhena advayena appamāṇena. Katapuññosi tvaṃ, ānanda, padhānamanuyuñja, khippaṃ hohisi anāsavo’’ti.
๒๐๘. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เยปิ เต, ภิกฺขเว, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสมฺปิ ภควนฺตานํ เอตปฺปรมาเยว อุปฎฺฐากา อเหสุํ, เสยฺยถาปิ มยฺหํ อานโนฺทฯ เยปิ เต, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสมฺปิ ภควนฺตานํ เอตปฺปรมาเยว อุปฎฺฐากา ภวิสฺสนฺติ, เสยฺยถาปิ มยฺหํ อานโนฺทฯ ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, อานโนฺท; เมธาวี, ภิกฺขเว, อานโนฺทฯ ชานาติ ‘อยํ กาโล ตถาคตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ ภิกฺขูนํ, อยํ กาโล ภิกฺขุนีนํ, อยํ กาโล อุปาสกานํ , อยํ กาโล อุปาสิกานํ, อยํ กาโล รโญฺญ ราชมหามตฺตานํ ติตฺถิยานํ ติตฺถิยสาวกาน’นฺติฯ
208. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘yepi te, bhikkhave, ahesuṃ atītamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā, tesampi bhagavantānaṃ etapparamāyeva upaṭṭhākā ahesuṃ, seyyathāpi mayhaṃ ānando. Yepi te, bhikkhave, bhavissanti anāgatamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā, tesampi bhagavantānaṃ etapparamāyeva upaṭṭhākā bhavissanti, seyyathāpi mayhaṃ ānando. Paṇḍito, bhikkhave, ānando; medhāvī, bhikkhave, ānando. Jānāti ‘ayaṃ kālo tathāgataṃ dassanāya upasaṅkamituṃ bhikkhūnaṃ, ayaṃ kālo bhikkhunīnaṃ, ayaṃ kālo upāsakānaṃ , ayaṃ kālo upāsikānaṃ, ayaṃ kālo rañño rājamahāmattānaṃ titthiyānaṃ titthiyasāvakāna’nti.
๒๐๙. ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา 217 อานเนฺทฯ กตเม จตฺตาโร? สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุปริสา อานนฺทํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, ทสฺสเนน สา อตฺตมนา โหติฯ ตตฺร เจ อานโนฺท ธมฺมํ ภาสติ, ภาสิเตนปิ สา อตฺตมนา โหติฯ อติตฺตาว, ภิกฺขเว, ภิกฺขุปริสา โหติ, อถ โข อานโนฺท ตุณฺหี โหติฯ สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีปริสา อานนฺทํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, ทสฺสเนน สา อตฺตมนา โหติฯ ตตฺร เจ อานโนฺท ธมฺมํ ภาสติ, ภาสิเตนปิ สา อตฺตมนา โหติฯ อติตฺตาว, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีปริสา โหติ, อถ โข อานโนฺท ตุณฺหี โหติฯ สเจ, ภิกฺขเว, อุปาสกปริสา อานนฺทํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, ทสฺสเนน สา อตฺตมนา โหติฯ ตตฺร เจ อานโนฺท ธมฺมํ ภาสติ, ภาสิเตนปิ สา อตฺตมนา โหติฯ อติตฺตาว, ภิกฺขเว, อุปาสกปริสา โหติ, อถ โข อานโนฺท ตุณฺหี โหติฯ สเจ, ภิกฺขเว, อุปาสิกาปริสา อานนฺทํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, ทสฺสเนน สา อตฺตมนา โหติฯ ตตฺร เจ, อานโนฺท, ธมฺมํ ภาสติ, ภาสิเตนปิ สา อตฺตมนา โหติฯ อติตฺตาว, ภิกฺขเว, อุปาสิกาปริสา โหติ, อถ โข อานโนฺท ตุณฺหี โหติฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานเนฺทฯ
209. ‘‘Cattārome, bhikkhave, acchariyā abbhutā dhammā 218 ānande. Katame cattāro? Sace, bhikkhave, bhikkhuparisā ānandaṃ dassanāya upasaṅkamati, dassanena sā attamanā hoti. Tatra ce ānando dhammaṃ bhāsati, bhāsitenapi sā attamanā hoti. Atittāva, bhikkhave, bhikkhuparisā hoti, atha kho ānando tuṇhī hoti. Sace, bhikkhave, bhikkhunīparisā ānandaṃ dassanāya upasaṅkamati, dassanena sā attamanā hoti. Tatra ce ānando dhammaṃ bhāsati, bhāsitenapi sā attamanā hoti. Atittāva, bhikkhave, bhikkhunīparisā hoti, atha kho ānando tuṇhī hoti. Sace, bhikkhave, upāsakaparisā ānandaṃ dassanāya upasaṅkamati, dassanena sā attamanā hoti. Tatra ce ānando dhammaṃ bhāsati, bhāsitenapi sā attamanā hoti. Atittāva, bhikkhave, upāsakaparisā hoti, atha kho ānando tuṇhī hoti. Sace, bhikkhave, upāsikāparisā ānandaṃ dassanāya upasaṅkamati, dassanena sā attamanā hoti. Tatra ce, ānando, dhammaṃ bhāsati, bhāsitenapi sā attamanā hoti. Atittāva, bhikkhave, upāsikāparisā hoti, atha kho ānando tuṇhī hoti. Ime kho, bhikkhave, cattāro acchariyā abbhutā dhammā ānande.
‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา รเญฺญ จกฺกวตฺติมฺหิฯ กตเม จตฺตาโร ? สเจ, ภิกฺขเว, ขตฺติยปริสา ราชานํ จกฺกวตฺติํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, ทสฺสเนน สา อตฺตมนา โหติฯ ตตฺร เจ ราชา จกฺกวตฺตี ภาสติ, ภาสิเตนปิ สา อตฺตมนา โหติฯ อติตฺตาว, ภิกฺขเว, ขตฺติยปริสา โหติฯ อถ โข ราชา จกฺกวตฺตี ตุณฺหี โหติฯ สเจ ภิกฺขเว, พฺราหฺมณปริสา…เป.… คหปติปริสา…เป.… สมณปริสา ราชานํ จกฺกวตฺติํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, ทสฺสเนน สา อตฺตมนา โหติฯ ตตฺร เจ ราชา จกฺกวตฺตี ภาสติ, ภาสิเตนปิ สา อตฺตมนา โหติฯ อติตฺตาว, ภิกฺขเว, สมณปริสา โหติ, อถ โข ราชา จกฺกวตฺตี ตุณฺหี โหติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโรเม อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานเนฺทฯ สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุปริสา อานนฺทํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, ทสฺสเนน สา อตฺตมนา โหติฯ ตตฺร เจ อานโนฺท ธมฺมํ ภาสติ, ภาสิเตนปิ สา อตฺตมนา โหติฯ อติตฺตาว, ภิกฺขเว, ภิกฺขุปริสา โหติฯ อถ โข อานโนฺท ตุณฺหี โหติฯ สเจ, ภิกฺขเว ภิกฺขุนีปริสา…เป.… อุปาสกปริสา…เป.… อุปาสิกาปริสา อานนฺทํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, ทสฺสเนน สา อตฺตมนา โหติฯ ตตฺร เจ อานโนฺท ธมฺมํ ภาสติ, ภาสิเตนปิ สา อตฺตมนา โหติฯ อติตฺตาว, ภิกฺขเว, อุปาสิกาปริสา โหติฯ อถ โข อานโนฺท ตุณฺหี โหติฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานเนฺท’’ติฯ
‘‘Cattārome, bhikkhave, acchariyā abbhutā dhammā raññe cakkavattimhi. Katame cattāro ? Sace, bhikkhave, khattiyaparisā rājānaṃ cakkavattiṃ dassanāya upasaṅkamati, dassanena sā attamanā hoti. Tatra ce rājā cakkavattī bhāsati, bhāsitenapi sā attamanā hoti. Atittāva, bhikkhave, khattiyaparisā hoti. Atha kho rājā cakkavattī tuṇhī hoti. Sace bhikkhave, brāhmaṇaparisā…pe… gahapatiparisā…pe… samaṇaparisā rājānaṃ cakkavattiṃ dassanāya upasaṅkamati, dassanena sā attamanā hoti. Tatra ce rājā cakkavattī bhāsati, bhāsitenapi sā attamanā hoti. Atittāva, bhikkhave, samaṇaparisā hoti, atha kho rājā cakkavattī tuṇhī hoti. Evameva kho, bhikkhave, cattārome acchariyā abbhutā dhammā ānande. Sace, bhikkhave, bhikkhuparisā ānandaṃ dassanāya upasaṅkamati, dassanena sā attamanā hoti. Tatra ce ānando dhammaṃ bhāsati, bhāsitenapi sā attamanā hoti. Atittāva, bhikkhave, bhikkhuparisā hoti. Atha kho ānando tuṇhī hoti. Sace, bhikkhave bhikkhunīparisā…pe… upāsakaparisā…pe… upāsikāparisā ānandaṃ dassanāya upasaṅkamati, dassanena sā attamanā hoti. Tatra ce ānando dhammaṃ bhāsati, bhāsitenapi sā attamanā hoti. Atittāva, bhikkhave, upāsikāparisā hoti. Atha kho ānando tuṇhī hoti. Ime kho, bhikkhave, cattāro acchariyā abbhutā dhammā ānande’’ti.
มหาสุทสฺสนสุตฺตเทสนา
Mahāsudassanasuttadesanā
๒๑๐. เอวํ วุเตฺต อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มา, ภเนฺต, ภควา อิมสฺมิํ ขุทฺทกนครเก อุชฺชงฺคลนครเก สาขานครเก ปรินิพฺพายิฯ สนฺติ, ภเนฺต, อญฺญานิ มหานครานิ, เสยฺยถิทํ – จมฺปา ราชคหํ สาวตฺถี สาเกตํ โกสมฺพี พาราณสี; เอตฺถ ภควา ปรินิพฺพายตุฯ เอตฺถ พหู ขตฺติยมหาสาลา, พฺราหฺมณมหาสาลา คหปติมหาสาลา ตถาคเต อภิปฺปสนฺนาฯ เต ตถาคตสฺส สรีรปูชํ กริสฺสนฺตี’’ติ ‘‘มาเหวํ, อานนฺท, อวจ; มาเหวํ, อานนฺท, อวจ – ‘ขุทฺทกนครกํ อุชฺชงฺคลนครกํ สาขานครก’นฺติฯ
210. Evaṃ vutte āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘mā, bhante, bhagavā imasmiṃ khuddakanagarake ujjaṅgalanagarake sākhānagarake parinibbāyi. Santi, bhante, aññāni mahānagarāni, seyyathidaṃ – campā rājagahaṃ sāvatthī sāketaṃ kosambī bārāṇasī; ettha bhagavā parinibbāyatu. Ettha bahū khattiyamahāsālā, brāhmaṇamahāsālā gahapatimahāsālā tathāgate abhippasannā. Te tathāgatassa sarīrapūjaṃ karissantī’’ti ‘‘māhevaṃ, ānanda, avaca; māhevaṃ, ānanda, avaca – ‘khuddakanagarakaṃ ujjaṅgalanagarakaṃ sākhānagaraka’nti.
‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน นาม อโหสิ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรโนฺต วิชิตาวี ชนปฺปทตฺถาวริยปฺปโตฺต สตฺตรตนสมนฺนาคโตฯ รโญฺญ, อานนฺท, มหาสุทสฺสนสฺส อยํ กุสินารา กุสาวตี นาม ราชธานี อโหสิ, ปุรตฺถิเมน จ ปจฺฉิเมน จ ทฺวาทสโยชนานิ อายาเมน; อุตฺตเรน จ ทกฺขิเณน จ สตฺตโยชนานิ วิตฺถาเรนฯ กุสาวตี, อานนฺท, ราชธานี อิทฺธา เจว อโหสิ ผีตา จ พหุชนา จ อากิณฺณมนุสฺสา จ สุภิกฺขา จฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, เทวานํ อาฬกมนฺทา นาม ราชธานี อิทฺธา เจว โหติ ผีตา จ พหุชนา จ อากิณฺณยกฺขา จ สุภิกฺขา จ; เอวเมว โข, อานนฺท, กุสาวตี ราชธานี อิทฺธา เจว อโหสิ ผีตา จ พหุชนา จ อากิณฺณมนุสฺสา จ สุภิกฺขา จฯ กุสาวตี, อานนฺท, ราชธานี ทสหิ สเทฺทหิ อวิวิตฺตา อโหสิ ทิวา เจว รตฺติญฺจ, เสยฺยถิทํ – หตฺถิสเทฺทน อสฺสสเทฺทน รถสเทฺทน เภริสเทฺทน มุทิงฺคสเทฺทน วีณาสเทฺทน คีตสเทฺทน สงฺขสเทฺทน สมฺมสเทฺทน ปาณิตาฬสเทฺทน ‘อสฺนาถ ปิวถ ขาทถา’ติ ทสเมน สเทฺทนฯ
‘‘Bhūtapubbaṃ, ānanda, rājā mahāsudassano nāma ahosi cakkavattī dhammiko dhammarājā cāturanto vijitāvī janappadatthāvariyappatto sattaratanasamannāgato. Rañño, ānanda, mahāsudassanassa ayaṃ kusinārā kusāvatī nāma rājadhānī ahosi, puratthimena ca pacchimena ca dvādasayojanāni āyāmena; uttarena ca dakkhiṇena ca sattayojanāni vitthārena. Kusāvatī, ānanda, rājadhānī iddhā ceva ahosi phītā ca bahujanā ca ākiṇṇamanussā ca subhikkhā ca. Seyyathāpi, ānanda, devānaṃ āḷakamandā nāma rājadhānī iddhā ceva hoti phītā ca bahujanā ca ākiṇṇayakkhā ca subhikkhā ca; evameva kho, ānanda, kusāvatī rājadhānī iddhā ceva ahosi phītā ca bahujanā ca ākiṇṇamanussā ca subhikkhā ca. Kusāvatī, ānanda, rājadhānī dasahi saddehi avivittā ahosi divā ceva rattiñca, seyyathidaṃ – hatthisaddena assasaddena rathasaddena bherisaddena mudiṅgasaddena vīṇāsaddena gītasaddena saṅkhasaddena sammasaddena pāṇitāḷasaddena ‘asnātha pivatha khādathā’ti dasamena saddena.
‘‘คจฺฉ ตฺวํ, อานนฺท, กุสินารํ ปวิสิตฺวา โกสินารกานํ มลฺลานํ อาโรเจหิ – ‘อชฺช โข, วาเสฎฺฐา, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติฯ อภิกฺกมถ วาเสฎฺฐา, อภิกฺกมถ วาเสฎฺฐาฯ มา ปจฺฉา วิปฺปฎิสาริโน อหุวตฺถ – อมฺหากญฺจ โน คามเกฺขเตฺต ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ อโหสิ, น มยํ ลภิมฺหา ปจฺฉิเม กาเล ตถาคตํ ทสฺสนายา’’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อตฺตทุติโย กุสินารํ ปาวิสิฯ
‘‘Gaccha tvaṃ, ānanda, kusināraṃ pavisitvā kosinārakānaṃ mallānaṃ ārocehi – ‘ajja kho, vāseṭṭhā, rattiyā pacchime yāme tathāgatassa parinibbānaṃ bhavissati. Abhikkamatha vāseṭṭhā, abhikkamatha vāseṭṭhā. Mā pacchā vippaṭisārino ahuvattha – amhākañca no gāmakkhette tathāgatassa parinibbānaṃ ahosi, na mayaṃ labhimhā pacchime kāle tathāgataṃ dassanāyā’’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paṭissutvā nivāsetvā pattacīvaramādāya attadutiyo kusināraṃ pāvisi.
มลฺลานํ วนฺทนา
Mallānaṃ vandanā
๒๑๑. เตน โข ปน สมเยน โกสินารกา มลฺลา สนฺธาคาเร 219 สนฺนิปติตา โหนฺติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน โกสินารกานํ มลฺลานํ สนฺธาคารํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โกสินารกานํ มลฺลานํ อาโรเจสิ – ‘‘อชฺช โข, วาเสฎฺฐา, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติฯ อภิกฺกมถ วาเสฎฺฐา อภิกฺกมถ วาเสฎฺฐาฯ มา ปจฺฉา วิปฺปฎิสาริโน อหุวตฺถ – ‘อมฺหากญฺจ โน คามเกฺขเตฺต ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ อโหสิ, น มยํ ลภิมฺหา ปจฺฉิเม กาเล ตถาคตํ ทสฺสนายา’’’ติฯ อิทมายสฺมโต อานนฺทสฺส วจนํ สุตฺวา มลฺลา จ มลฺลปุตฺตา จ มลฺลสุณิสา จ มลฺลปชาปติโย จ อฆาวิโน ทุมฺมนา เจโตทุกฺขสมปฺปิตา อเปฺปกเจฺจ เกเส ปกิริย กนฺทนฺติ, พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ฉินฺนปาตํ ปปตนฺติ, อาวฎฺฎนฺติ วิวฎฺฎนฺติ – ‘อติขิปฺปํ ภควา ปรินิพฺพายิสฺสติ, อติขิปฺปํ สุคโต ปรินิพฺพายิสฺสติ, อติขิปฺปํ จกฺขุํ โลเก อนฺตรธายิสฺสตี’ติฯ อถ โข มลฺลา จ มลฺลปุตฺตา จ มลฺลสุณิสา จ มลฺลปชาปติโย จ อฆาวิโน ทุมฺมนา เจโตทุกฺขสมปฺปิตา เยน อุปวตฺตนํ มลฺลานํ สาลวนํ เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิํสุฯ อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สเจ โข อหํ โกสินารเก มเลฺล เอกเมกํ ภควนฺตํ วนฺทาเปสฺสามิ, อวนฺทิโต ภควา โกสินารเกหิ มเลฺลหิ ภวิสฺสติ, อถายํ รตฺติ วิภายิสฺสติฯ ยํนูนาหํ โกสินารเก มเลฺล กุลปริวตฺตโส กุลปริวตฺตโส ฐเปตฺวา ภควนฺตํ วนฺทาเปยฺยํ – ‘อิตฺถนฺนาโม, ภเนฺต, มโลฺล สปุโตฺต สภริโย สปริโส สามโจฺจ ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท โกสินารเก มเลฺล กุลปริวตฺตโส กุลปริวตฺตโส ฐเปตฺวา ภควนฺตํ วนฺทาเปสิ – ‘อิตฺถนฺนาโม, ภเนฺต, มโลฺล สปุโตฺต สภริโย สปริโส สามโจฺจ ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’’ติฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เอเตน อุปาเยน ปฐเมเนว ยาเมน โกสินารเก มเลฺล ภควนฺตํ วนฺทาเปสิฯ
211. Tena kho pana samayena kosinārakā mallā sandhāgāre 220 sannipatitā honti kenacideva karaṇīyena. Atha kho āyasmā ānando yena kosinārakānaṃ mallānaṃ sandhāgāraṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā kosinārakānaṃ mallānaṃ ārocesi – ‘‘ajja kho, vāseṭṭhā, rattiyā pacchime yāme tathāgatassa parinibbānaṃ bhavissati. Abhikkamatha vāseṭṭhā abhikkamatha vāseṭṭhā. Mā pacchā vippaṭisārino ahuvattha – ‘amhākañca no gāmakkhette tathāgatassa parinibbānaṃ ahosi, na mayaṃ labhimhā pacchime kāle tathāgataṃ dassanāyā’’’ti. Idamāyasmato ānandassa vacanaṃ sutvā mallā ca mallaputtā ca mallasuṇisā ca mallapajāpatiyo ca aghāvino dummanā cetodukkhasamappitā appekacce kese pakiriya kandanti, bāhā paggayha kandanti, chinnapātaṃ papatanti, āvaṭṭanti vivaṭṭanti – ‘atikhippaṃ bhagavā parinibbāyissati, atikhippaṃ sugato parinibbāyissati, atikhippaṃ cakkhuṃ loke antaradhāyissatī’ti. Atha kho mallā ca mallaputtā ca mallasuṇisā ca mallapajāpatiyo ca aghāvino dummanā cetodukkhasamappitā yena upavattanaṃ mallānaṃ sālavanaṃ yenāyasmā ānando tenupasaṅkamiṃsu. Atha kho āyasmato ānandassa etadahosi – ‘‘sace kho ahaṃ kosinārake malle ekamekaṃ bhagavantaṃ vandāpessāmi, avandito bhagavā kosinārakehi mallehi bhavissati, athāyaṃ ratti vibhāyissati. Yaṃnūnāhaṃ kosinārake malle kulaparivattaso kulaparivattaso ṭhapetvā bhagavantaṃ vandāpeyyaṃ – ‘itthannāmo, bhante, mallo saputto sabhariyo sapariso sāmacco bhagavato pāde sirasā vandatī’ti. Atha kho āyasmā ānando kosinārake malle kulaparivattaso kulaparivattaso ṭhapetvā bhagavantaṃ vandāpesi – ‘itthannāmo, bhante, mallo saputto sabhariyo sapariso sāmacco bhagavato pāde sirasā vandatī’’’ti. Atha kho āyasmā ānando etena upāyena paṭhameneva yāmena kosinārake malle bhagavantaṃ vandāpesi.
สุภทฺทปริพฺพาชกวตฺถุ
Subhaddaparibbājakavatthu
๒๑๒. เตน โข ปน สมเยน สุภโทฺท นาม ปริพฺพาชโก กุสินารายํ ปฎิวสติฯ อโสฺสสิ โข สุภโทฺท ปริพฺพาชโก – ‘‘อชฺช กิร รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม สมณสฺส โคตมสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสตี’’ติฯ อถ โข สุภทฺทสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สุตํ โข ปน เมตํ ปริพฺพาชกานํ วุฑฺฒานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘กทาจิ กรหจิ ตถาคตา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา’ติฯ อเชฺชว รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม สมณสฺส โคตมสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติฯ อตฺถิ จ เม อยํ กงฺขาธโมฺม อุปฺปโนฺน, เอวํ ปสโนฺน อหํ สมเณ โคตเม, ‘ปโหติ เม สมโณ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ, ยถาหํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺย’’’นฺติฯ อถ โข สุภโทฺท ปริพฺพาชโก เยน อุปวตฺตนํ มลฺลานํ สาลวนํ, เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, โภ อานนฺท, ปริพฺพาชกานํ วุฑฺฒานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘กทาจิ กรหจิ ตถาคตา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา’ติฯ อเชฺชว รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม สมณสฺส โคตมสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติฯ อตฺถิ จ เม อยํ กงฺขาธโมฺม อุปฺปโนฺน – เอวํ ปสโนฺน อหํ สมเณ โคตเม ‘ปโหติ เม สมโณ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ, ยถาหํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺย’นฺติฯ สาธาหํ, โภ อานนฺท, ลเภยฺยํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนายา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต อายสฺมา อานโนฺท สุภทฺทํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, อาวุโส สุภทฺท, มา ตถาคตํ วิเหเฐสิ, กิลโนฺต ภควา’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข สุภโทฺท ปริพฺพาชโก…เป.… ตติยมฺปิ โข สุภโทฺท ปริพฺพาชโก อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, โภ อานนฺท, ปริพฺพาชกานํ วุฑฺฒานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘กทาจิ กรหจิ ตถาคตา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา’ติฯ อเชฺชว รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม สมณสฺส โคตมสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติฯ อตฺถิ จ เม อยํ กงฺขาธโมฺม อุปฺปโนฺน – เอวํ ปสโนฺน อหํ สมเณ โคตเม, ‘ปโหติ เม สมโณ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ, ยถาหํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺย’นฺติฯ สาธาหํ, โภ อานนฺท, ลเภยฺยํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนายา’’ติฯ ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อานโนฺท สุภทฺทํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, อาวุโส สุภทฺท, มา ตถาคตํ วิเหเฐสิ, กิลโนฺต ภควา’’ติฯ
212. Tena kho pana samayena subhaddo nāma paribbājako kusinārāyaṃ paṭivasati. Assosi kho subhaddo paribbājako – ‘‘ajja kira rattiyā pacchime yāme samaṇassa gotamassa parinibbānaṃ bhavissatī’’ti. Atha kho subhaddassa paribbājakassa etadahosi – ‘‘sutaṃ kho pana metaṃ paribbājakānaṃ vuḍḍhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘kadāci karahaci tathāgatā loke uppajjanti arahanto sammāsambuddhā’ti. Ajjeva rattiyā pacchime yāme samaṇassa gotamassa parinibbānaṃ bhavissati. Atthi ca me ayaṃ kaṅkhādhammo uppanno, evaṃ pasanno ahaṃ samaṇe gotame, ‘pahoti me samaṇo gotamo tathā dhammaṃ desetuṃ, yathāhaṃ imaṃ kaṅkhādhammaṃ pajaheyya’’’nti. Atha kho subhaddo paribbājako yena upavattanaṃ mallānaṃ sālavanaṃ, yenāyasmā ānando tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bho ānanda, paribbājakānaṃ vuḍḍhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘kadāci karahaci tathāgatā loke uppajjanti arahanto sammāsambuddhā’ti. Ajjeva rattiyā pacchime yāme samaṇassa gotamassa parinibbānaṃ bhavissati. Atthi ca me ayaṃ kaṅkhādhammo uppanno – evaṃ pasanno ahaṃ samaṇe gotame ‘pahoti me samaṇo gotamo tathā dhammaṃ desetuṃ, yathāhaṃ imaṃ kaṅkhādhammaṃ pajaheyya’nti. Sādhāhaṃ, bho ānanda, labheyyaṃ samaṇaṃ gotamaṃ dassanāyā’’ti. Evaṃ vutte āyasmā ānando subhaddaṃ paribbājakaṃ etadavoca – ‘‘alaṃ, āvuso subhadda, mā tathāgataṃ viheṭhesi, kilanto bhagavā’’ti. Dutiyampi kho subhaddo paribbājako…pe… tatiyampi kho subhaddo paribbājako āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bho ānanda, paribbājakānaṃ vuḍḍhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘kadāci karahaci tathāgatā loke uppajjanti arahanto sammāsambuddhā’ti. Ajjeva rattiyā pacchime yāme samaṇassa gotamassa parinibbānaṃ bhavissati. Atthi ca me ayaṃ kaṅkhādhammo uppanno – evaṃ pasanno ahaṃ samaṇe gotame, ‘pahoti me samaṇo gotamo tathā dhammaṃ desetuṃ, yathāhaṃ imaṃ kaṅkhādhammaṃ pajaheyya’nti. Sādhāhaṃ, bho ānanda, labheyyaṃ samaṇaṃ gotamaṃ dassanāyā’’ti. Tatiyampi kho āyasmā ānando subhaddaṃ paribbājakaṃ etadavoca – ‘‘alaṃ, āvuso subhadda, mā tathāgataṃ viheṭhesi, kilanto bhagavā’’ti.
๒๑๓. อโสฺสสิ โข ภควา อายสฺมโต อานนฺทสฺส สุภเทฺทน ปริพฺพาชเกน สทฺธิํ อิมํ กถาสลฺลาปํฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘อลํ, อานนฺท, มา สุภทฺทํ วาเรสิ, ลภตํ, อานนฺท, สุภโทฺท ตถาคตํ ทสฺสนายฯ ยํ กิญฺจิ มํ สุภโทฺท ปุจฺฉิสฺสติ, สพฺพํ ตํ อญฺญาเปโกฺขว ปุจฺฉิสฺสติ, โน วิเหสาเปโกฺขฯ ยํ จสฺสาหํ ปุโฎฺฐ พฺยากริสฺสามิ, ตํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’’ติฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท สุภทฺทํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – ‘‘คจฺฉาวุโส สุภทฺท, กโรติ เต ภควา โอกาส’’นฺติฯ อถ โข สุภโทฺท ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข สุภโทฺท ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เยเม, โภ โคตม, สมณพฺราหฺมณา สงฺฆิโน คณิโน คณาจริยา ญาตา ยสสฺสิโน ติตฺถกรา สาธุสมฺมตา พหุชนสฺส, เสยฺยถิทํ – ปูรโณ กสฺสโป, มกฺขลิ โคสาโล, อชิโต เกสกมฺพโล, ปกุโธ กจฺจายโน, สญฺจโย เพลฎฺฐปุโตฺต, นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต, สเพฺพเต สกาย ปฎิญฺญาย อพฺภญฺญิํสุ, สเพฺพว น อพฺภญฺญิํสุ , อุทาหุ เอกเจฺจ อพฺภญฺญิํสุ, เอกเจฺจ น อพฺภญฺญิํสู’’ติ? ‘‘อลํ, สุภทฺท, ติฎฺฐเตตํ – ‘สเพฺพเต สกาย ปฎิญฺญาย อพฺภญฺญิํสุ, สเพฺพว น อพฺภญฺญิํสุ, อุทาหุ เอกเจฺจ อพฺภญฺญิํสุ, เอกเจฺจ น อพฺภญฺญิํสู’ติฯ ธมฺมํ เต, สุภทฺท, เทเสสฺสามิ; ตํ สุณาหิ สาธุกํ มนสิกโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข สุภโทฺท ปริพฺพาชโก ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –
213. Assosi kho bhagavā āyasmato ānandassa subhaddena paribbājakena saddhiṃ imaṃ kathāsallāpaṃ. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘alaṃ, ānanda, mā subhaddaṃ vāresi, labhataṃ, ānanda, subhaddo tathāgataṃ dassanāya. Yaṃ kiñci maṃ subhaddo pucchissati, sabbaṃ taṃ aññāpekkhova pucchissati, no vihesāpekkho. Yaṃ cassāhaṃ puṭṭho byākarissāmi, taṃ khippameva ājānissatī’’ti. Atha kho āyasmā ānando subhaddaṃ paribbājakaṃ etadavoca – ‘‘gacchāvuso subhadda, karoti te bhagavā okāsa’’nti. Atha kho subhaddo paribbājako yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho subhaddo paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yeme, bho gotama, samaṇabrāhmaṇā saṅghino gaṇino gaṇācariyā ñātā yasassino titthakarā sādhusammatā bahujanassa, seyyathidaṃ – pūraṇo kassapo, makkhali gosālo, ajito kesakambalo, pakudho kaccāyano, sañcayo belaṭṭhaputto, nigaṇṭho nāṭaputto, sabbete sakāya paṭiññāya abbhaññiṃsu, sabbeva na abbhaññiṃsu , udāhu ekacce abbhaññiṃsu, ekacce na abbhaññiṃsū’’ti? ‘‘Alaṃ, subhadda, tiṭṭhatetaṃ – ‘sabbete sakāya paṭiññāya abbhaññiṃsu, sabbeva na abbhaññiṃsu, udāhu ekacce abbhaññiṃsu, ekacce na abbhaññiṃsū’ti. Dhammaṃ te, subhadda, desessāmi; taṃ suṇāhi sādhukaṃ manasikarohi, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho subhaddo paribbājako bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –
๒๑๔. ‘‘ยสฺมิํ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค น อุปลพฺภติ, สมโณปิ ตตฺถ น อุปลพฺภติฯ ทุติโยปิ ตตฺถ สมโณ น อุปลพฺภติฯ ตติโยปิ ตตฺถ สมโณ น อุปลพฺภติฯ จตุโตฺถปิ ตตฺถ สมโณ น อุปลพฺภติฯ ยสฺมิญฺจ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค อุปลพฺภติ, สมโณปิ ตตฺถ อุปลพฺภติ, ทุติโยปิ ตตฺถ สมโณ อุปลพฺภติ, ตติโยปิ ตตฺถ สมโณ อุปลพฺภติ, จตุโตฺถปิ ตตฺถ สมโณ อุปลพฺภติฯ อิมสฺมิํ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค อุปลพฺภติ, อิเธว, สุภทฺท, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุโตฺถ สมโณ, สุญฺญา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อเญฺญหิ 221ฯ อิเม จ 222, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสาติฯ
214. ‘‘Yasmiṃ kho, subhadda, dhammavinaye ariyo aṭṭhaṅgiko maggo na upalabbhati, samaṇopi tattha na upalabbhati. Dutiyopi tattha samaṇo na upalabbhati. Tatiyopi tattha samaṇo na upalabbhati. Catutthopi tattha samaṇo na upalabbhati. Yasmiñca kho, subhadda, dhammavinaye ariyo aṭṭhaṅgiko maggo upalabbhati, samaṇopi tattha upalabbhati, dutiyopi tattha samaṇo upalabbhati, tatiyopi tattha samaṇo upalabbhati, catutthopi tattha samaṇo upalabbhati. Imasmiṃ kho, subhadda, dhammavinaye ariyo aṭṭhaṅgiko maggo upalabbhati, idheva, subhadda, samaṇo, idha dutiyo samaṇo, idha tatiyo samaṇo, idha catuttho samaṇo, suññā parappavādā samaṇebhi aññehi 223. Ime ca 224, subhadda, bhikkhū sammā vihareyyuṃ, asuñño loko arahantehi assāti.
‘‘เอกูนติํโส วยสา สุภทฺท,
‘‘Ekūnatiṃso vayasā subhadda,
ยํ ปพฺพชิํ กิํกุสลานุเอสี;
Yaṃ pabbajiṃ kiṃkusalānuesī;
วสฺสานิ ปญฺญาส สมาธิกานิ,
Vassāni paññāsa samādhikāni,
ยโต อหํ ปพฺพชิโต สุภทฺทฯ
Yato ahaṃ pabbajito subhadda.
ญายสฺส ธมฺมสฺส ปเทสวตฺตี,
Ñāyassa dhammassa padesavattī,
อิโต พหิทฺธา สมโณปิ นตฺถิฯ
Ito bahiddhā samaṇopi natthi.
‘‘ทุติโยปิ สมโณ นตฺถิฯ ตติโยปิ สมโณ นตฺถิฯ จตุโตฺถปิ สมโณ นตฺถิฯ สุญฺญา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อเญฺญหิฯ อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสา’’ติฯ
‘‘Dutiyopi samaṇo natthi. Tatiyopi samaṇo natthi. Catutthopi samaṇo natthi. Suññā parappavādā samaṇebhi aññehi. Ime ca, subhadda, bhikkhū sammā vihareyyuṃ, asuñño loko arahantehi assā’’ti.
๒๑๕. เอวํ วุเตฺต สุภโทฺท ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺตฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย, ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ, เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ ลเภยฺยาหํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติฯ ‘‘โย โข, สุภทฺท, อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, โส จตฺตาโร มาเส ปริวสติฯ จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวายฯ อปิ จ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา’’ติฯ ‘‘สเจ, ภเนฺต, อญฺญติตฺถิยปุพฺพา อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขนฺตา ปพฺพชฺชํ อากงฺขนฺตา อุปสมฺปทํ จตฺตาโร มาเส ปริวสนฺติ, จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวายฯ อหํ จตฺตาริ วสฺสานิ ปริวสิสฺสามิ, จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺตุ อุปสมฺปาเทนฺตุ ภิกฺขุภาวายา’’ติฯ
215. Evaṃ vutte subhaddo paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bhante, abhikkantaṃ, bhante. Seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya, ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti, evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Labheyyāhaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampada’’nti. ‘‘Yo kho, subhadda, aññatitthiyapubbo imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhati pabbajjaṃ, ākaṅkhati upasampadaṃ, so cattāro māse parivasati. Catunnaṃ māsānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājenti upasampādenti bhikkhubhāvāya. Api ca mettha puggalavemattatā viditā’’ti. ‘‘Sace, bhante, aññatitthiyapubbā imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhantā pabbajjaṃ ākaṅkhantā upasampadaṃ cattāro māse parivasanti, catunnaṃ māsānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājenti upasampādenti bhikkhubhāvāya. Ahaṃ cattāri vassāni parivasissāmi, catunnaṃ vassānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājentu upasampādentu bhikkhubhāvāyā’’ti.
อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘เตนหานนฺท, สุภทฺทํ ปพฺพาเชหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข สุภโทฺท ปริพฺพาชโก อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘ลาภา โว, อาวุโส อานนฺท; สุลทฺธํ โว, อาวุโส อานนฺท, เย เอตฺถ สตฺถุ 225 สมฺมุขา อเนฺตวาสิกาภิเสเกน อภิสิตฺตา’’ติฯ อลตฺถ โข สุภโทฺท ปริพฺพาชโก ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อจิรูปสมฺปโนฺน โข ปนายสฺมา สุภโทฺท เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ‘ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ’ ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา สุภโทฺท อรหตํ อโหสิฯ โส ภควโต ปจฺฉิโม สกฺขิสาวโก อโหสีติฯ
Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘tenahānanda, subhaddaṃ pabbājehī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Atha kho subhaddo paribbājako āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘lābhā vo, āvuso ānanda; suladdhaṃ vo, āvuso ānanda, ye ettha satthu 226 sammukhā antevāsikābhisekena abhisittā’’ti. Alattha kho subhaddo paribbājako bhagavato santike pabbajjaṃ, alattha upasampadaṃ. Acirūpasampanno kho panāyasmā subhaddo eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – ‘yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti’ tadanuttaraṃ brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti abbhaññāsi. Aññataro kho panāyasmā subhaddo arahataṃ ahosi. So bhagavato pacchimo sakkhisāvako ahosīti.
ปญฺจโม ภาณวาโรฯ
Pañcamo bhāṇavāro.
ตถาคตปจฺฉิมวาจา
Tathāgatapacchimavācā
๒๑๖. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘สิยา โข ปนานนฺท, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อตีตสตฺถุกํ ปาวจนํ, นตฺถิ โน สตฺถา’ติฯ น โข ปเนตํ, อานนฺท, เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ โย โว, อานนฺท, มยา ธโมฺม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญโตฺต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถาฯ ยถา โข ปนานนฺท, เอตรหิ ภิกฺขู อญฺญมญฺญํ อาวุโสวาเทน สมุทาจรนฺติ, น โข มมจฺจเยน เอวํ สมุทาจริตพฺพํฯ เถรตเรน, อานนฺท, ภิกฺขุนา นวกตโร ภิกฺขุ นาเมน วา โคเตฺตน วา อาวุโสวาเทน วา สมุทาจริตโพฺพฯ นวกตเรน ภิกฺขุนา เถรตโร ภิกฺขุ ‘ภเนฺต’ติ วา ‘อายสฺมา’ติ วา สมุทาจริตโพฺพฯ อากงฺขมาโน, อานนฺท, สโงฺฆ มมจฺจเยน ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนตุฯ ฉนฺนสฺส, อานนฺท, ภิกฺขุโน มมจฺจเยน พฺรหฺมทโณฺฑ ทาตโพฺพ’’ติฯ ‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, พฺรหฺมทโณฺฑ’’ติ? ‘‘ฉโนฺน, อานนฺท, ภิกฺขุ ยํ อิเจฺฉยฺย, ตํ วเทยฺยฯ โส ภิกฺขูหิ เนว วตฺตโพฺพ, น โอวทิตโพฺพ, น อนุสาสิตโพฺพ’’ติฯ
216. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘siyā kho panānanda, tumhākaṃ evamassa – ‘atītasatthukaṃ pāvacanaṃ, natthi no satthā’ti. Na kho panetaṃ, ānanda, evaṃ daṭṭhabbaṃ. Yo vo, ānanda, mayā dhammo ca vinayo ca desito paññatto, so vo mamaccayena satthā. Yathā kho panānanda, etarahi bhikkhū aññamaññaṃ āvusovādena samudācaranti, na kho mamaccayena evaṃ samudācaritabbaṃ. Theratarena, ānanda, bhikkhunā navakataro bhikkhu nāmena vā gottena vā āvusovādena vā samudācaritabbo. Navakatarena bhikkhunā therataro bhikkhu ‘bhante’ti vā ‘āyasmā’ti vā samudācaritabbo. Ākaṅkhamāno, ānanda, saṅgho mamaccayena khuddānukhuddakāni sikkhāpadāni samūhanatu. Channassa, ānanda, bhikkhuno mamaccayena brahmadaṇḍo dātabbo’’ti. ‘‘Katamo pana, bhante, brahmadaṇḍo’’ti? ‘‘Channo, ānanda, bhikkhu yaṃ iccheyya, taṃ vadeyya. So bhikkhūhi neva vattabbo, na ovaditabbo, na anusāsitabbo’’ti.
๒๑๗. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, เอกภิกฺขุสฺสาปิ กงฺขา วา วิมติ วา พุเทฺธ วา ธเมฺม วา สเงฺฆ วา มเคฺค วา ปฎิปทาย วา, ปุจฺฉถ, ภิกฺขเว, มา ปจฺฉา วิปฺปฎิสาริโน อหุวตฺถ – ‘สมฺมุขีภูโต โน สตฺถา อโหสิ , น มยํ สกฺขิมฺหา ภควนฺตํ สมฺมุขา ปฎิปุจฺฉิตุ’’’ นฺติฯ เอวํ วุเตฺต เต ภิกฺขู ตุณฺหี อเหสุํฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา…เป.… ตติยมฺปิ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, เอกภิกฺขุสฺสาปิ กงฺขา วา วิมติ วา พุเทฺธ วา ธเมฺม วา สเงฺฆ วา มเคฺค วา ปฎิปทาย วา, ปุจฺฉถ, ภิกฺขเว, มา ปจฺฉา วิปฺปฎิสาริโน อหุวตฺถ – ‘สมฺมุขีภูโต โน สตฺถา อโหสิ , น มยํ สกฺขิมฺหา ภควนฺตํ สมฺมุขา ปฎิปุจฺฉิตุ’’’ นฺติฯ ตติยมฺปิ โข เต ภิกฺขู ตุณฺหี อเหสุํฯ อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, สตฺถุคารเวนปิ น ปุเจฺฉยฺยาถฯ สหายโกปิ, ภิกฺขเว, สหายกสฺส อาโรเจตู’’ติฯ เอวํ วุเตฺต เต ภิกฺขู ตุณฺหี อเหสุํฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต, เอวํ ปสโนฺน อหํ, ภเนฺต, อิมสฺมิํ ภิกฺขุสเงฺฆ, ‘นตฺถิ เอกภิกฺขุสฺสาปิ กงฺขา วา วิมติ วา พุเทฺธ วา ธเมฺม วา สเงฺฆ วา มเคฺค วา ปฎิปทาย วา’’’ติฯ ‘‘ปสาทา โข ตฺวํ, อานนฺท, วเทสิ, ญาณเมว เหตฺถ, อานนฺท, ตถาคตสฺสฯ นตฺถิ อิมสฺมิํ ภิกฺขุสเงฺฆ เอกภิกฺขุสฺสาปิ กงฺขา วา วิมติ วา พุเทฺธ วา ธเมฺม วา สเงฺฆ วา มเคฺค วา ปฎิปทาย วาฯ อิเมสญฺหิ, อานนฺท, ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ โย ปจฺฉิมโก ภิกฺขุ, โส โสตาปโนฺน อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’’ติฯ
217. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘siyā kho pana, bhikkhave, ekabhikkhussāpi kaṅkhā vā vimati vā buddhe vā dhamme vā saṅghe vā magge vā paṭipadāya vā, pucchatha, bhikkhave, mā pacchā vippaṭisārino ahuvattha – ‘sammukhībhūto no satthā ahosi , na mayaṃ sakkhimhā bhagavantaṃ sammukhā paṭipucchitu’’’ nti. Evaṃ vutte te bhikkhū tuṇhī ahesuṃ. Dutiyampi kho bhagavā…pe… tatiyampi kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘siyā kho pana, bhikkhave, ekabhikkhussāpi kaṅkhā vā vimati vā buddhe vā dhamme vā saṅghe vā magge vā paṭipadāya vā, pucchatha, bhikkhave, mā pacchā vippaṭisārino ahuvattha – ‘sammukhībhūto no satthā ahosi , na mayaṃ sakkhimhā bhagavantaṃ sammukhā paṭipucchitu’’’ nti. Tatiyampi kho te bhikkhū tuṇhī ahesuṃ. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘siyā kho pana, bhikkhave, satthugāravenapi na puccheyyātha. Sahāyakopi, bhikkhave, sahāyakassa ārocetū’’ti. Evaṃ vutte te bhikkhū tuṇhī ahesuṃ. Atha kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante, evaṃ pasanno ahaṃ, bhante, imasmiṃ bhikkhusaṅghe, ‘natthi ekabhikkhussāpi kaṅkhā vā vimati vā buddhe vā dhamme vā saṅghe vā magge vā paṭipadāya vā’’’ti. ‘‘Pasādā kho tvaṃ, ānanda, vadesi, ñāṇameva hettha, ānanda, tathāgatassa. Natthi imasmiṃ bhikkhusaṅghe ekabhikkhussāpi kaṅkhā vā vimati vā buddhe vā dhamme vā saṅghe vā magge vā paṭipadāya vā. Imesañhi, ānanda, pañcannaṃ bhikkhusatānaṃ yo pacchimako bhikkhu, so sotāpanno avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo’’ti.
๒๑๘. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว, อามนฺตยามิ โว, วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติฯ อยํ ตถาคตสฺส ปจฺฉิมา วาจาฯ
218. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘handa dāni, bhikkhave, āmantayāmi vo, vayadhammā saṅkhārā appamādena sampādethā’’ti. Ayaṃ tathāgatassa pacchimā vācā.
ปรินิพฺพุตกถา
Parinibbutakathā
๒๑๙. อถ โข ภควา ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชิ, ปฐมชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ, ทุติยชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ, ตติยชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิฯ จตุตฺถชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา อากาสานญฺจายตนํ สมาปชฺชิ, อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติยา วุฎฺฐหิตฺวา วิญฺญาณญฺจายตนํ สมาปชฺชิ, วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติยา วุฎฺฐหิตฺวา อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปชฺชิ, อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติยา วุฎฺฐหิตฺวา เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปชฺชิ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยา วุฎฺฐหิตฺวา สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชิฯ
219. Atha kho bhagavā paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajji, paṭhamajjhānā vuṭṭhahitvā dutiyaṃ jhānaṃ samāpajji, dutiyajjhānā vuṭṭhahitvā tatiyaṃ jhānaṃ samāpajji, tatiyajjhānā vuṭṭhahitvā catutthaṃ jhānaṃ samāpajji. Catutthajjhānā vuṭṭhahitvā ākāsānañcāyatanaṃ samāpajji, ākāsānañcāyatanasamāpattiyā vuṭṭhahitvā viññāṇañcāyatanaṃ samāpajji, viññāṇañcāyatanasamāpattiyā vuṭṭhahitvā ākiñcaññāyatanaṃ samāpajji, ākiñcaññāyatanasamāpattiyā vuṭṭhahitvā nevasaññānāsaññāyatanaṃ samāpajji, nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyā vuṭṭhahitvā saññāvedayitanirodhaṃ samāpajji.
อถ โข อายสฺมา อานโนฺท อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจ – ‘‘ปรินิพฺพุโต, ภเนฺต อนุรุทฺธ , ภควา’’ติฯ ‘‘นาวุโส อานนฺท, ภควา ปรินิพฺพุโต, สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปโนฺน’’ติฯ
Atha kho āyasmā ānando āyasmantaṃ anuruddhaṃ etadavoca – ‘‘parinibbuto, bhante anuruddha , bhagavā’’ti. ‘‘Nāvuso ānanda, bhagavā parinibbuto, saññāvedayitanirodhaṃ samāpanno’’ti.
อถ โข ภควา สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฎฺฐหิตฺวา เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปชฺชิ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยา วุฎฺฐหิตฺวา อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปชฺชิ, อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติยา วุฎฺฐหิตฺวา วิญฺญาณญฺจายตนํ สมาปชฺชิ, วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติยา วุฎฺฐหิตฺวา อากาสานญฺจายตนํ สมาปชฺชิ, อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติยา วุฎฺฐหิตฺวา จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิ, จตุตฺถชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ, ตติยชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ, ทุติยชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชิ, ปฐมชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ, ทุติยชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ, ตติยชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิ, จตุตฺถชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา สมนนฺตรา ภควา ปรินิพฺพายิฯ
Atha kho bhagavā saññāvedayitanirodhasamāpattiyā vuṭṭhahitvā nevasaññānāsaññāyatanaṃ samāpajji, nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyā vuṭṭhahitvā ākiñcaññāyatanaṃ samāpajji, ākiñcaññāyatanasamāpattiyā vuṭṭhahitvā viññāṇañcāyatanaṃ samāpajji, viññāṇañcāyatanasamāpattiyā vuṭṭhahitvā ākāsānañcāyatanaṃ samāpajji, ākāsānañcāyatanasamāpattiyā vuṭṭhahitvā catutthaṃ jhānaṃ samāpajji, catutthajjhānā vuṭṭhahitvā tatiyaṃ jhānaṃ samāpajji, tatiyajjhānā vuṭṭhahitvā dutiyaṃ jhānaṃ samāpajji, dutiyajjhānā vuṭṭhahitvā paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajji, paṭhamajjhānā vuṭṭhahitvā dutiyaṃ jhānaṃ samāpajji, dutiyajjhānā vuṭṭhahitvā tatiyaṃ jhānaṃ samāpajji, tatiyajjhānā vuṭṭhahitvā catutthaṃ jhānaṃ samāpajji, catutthajjhānā vuṭṭhahitvā samanantarā bhagavā parinibbāyi.
๒๒๐. ปรินิพฺพุเต ภควติ สห ปรินิพฺพานา มหาภูมิจาโล อโหสิ ภิํสนโก สโลมหํโสฯ เทวทุนฺทุภิโย จ ผลิํสุฯ ปรินิพฺพุเต ภควติ สห ปรินิพฺพานา พฺรหฺมาสหมฺปติ อิมํ คาถํ อภาสิ –
220. Parinibbute bhagavati saha parinibbānā mahābhūmicālo ahosi bhiṃsanako salomahaṃso. Devadundubhiyo ca phaliṃsu. Parinibbute bhagavati saha parinibbānā brahmāsahampati imaṃ gāthaṃ abhāsi –
‘‘สเพฺพว นิกฺขิปิสฺสนฺติ, ภูตา โลเก สมุสฺสยํ;
‘‘Sabbeva nikkhipissanti, bhūtā loke samussayaṃ;
ยตฺถ เอตาทิโส สตฺถา, โลเก อปฺปฎิปุคฺคโล;
Yattha etādiso satthā, loke appaṭipuggalo;
ตถาคโต พลปฺปโตฺต, สมฺพุโทฺธ ปรินิพฺพุโต’’ติฯ
Tathāgato balappatto, sambuddho parinibbuto’’ti.
๒๒๑. ปรินิพฺพุเต ภควติ สห ปรินิพฺพานา สโกฺก เทวานมิโนฺท อิมํ คาถํ อภาสิ –
221. Parinibbute bhagavati saha parinibbānā sakko devānamindo imaṃ gāthaṃ abhāsi –
‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
‘‘Aniccā vata saṅkhārā, uppādavayadhammino;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติฯ
Uppajjitvā nirujjhanti, tesaṃ vūpasamo sukho’’ti.
๒๒๒. ปรินิพฺพุเต ภควติ สห ปรินิพฺพานา อายสฺมา อนุรุโทฺธ อิมา คาถาโย อภาสิ –
222. Parinibbute bhagavati saha parinibbānā āyasmā anuruddho imā gāthāyo abhāsi –
‘‘นาหุ อสฺสาสปสฺสาโส, ฐิตจิตฺตสฺส ตาทิโน;
‘‘Nāhu assāsapassāso, ṭhitacittassa tādino;
อเนโช สนฺติมารพฺภ, ยํ กาลมกรี มุนิฯ
Anejo santimārabbha, yaṃ kālamakarī muni.
‘‘อสลฺลีเนน จิเตฺตน, เวทนํ อชฺฌวาสยิ;
‘‘Asallīnena cittena, vedanaṃ ajjhavāsayi;
ปโชฺชตเสฺสว นิพฺพานํ, วิโมโกฺข เจตโส อหู’’ติฯ
Pajjotasseva nibbānaṃ, vimokkho cetaso ahū’’ti.
๒๒๓. ปรินิพฺพุเต ภควติ สห ปรินิพฺพานา อายสฺมา อานโนฺท อิมํ คาถํ อภาสิ –
223. Parinibbute bhagavati saha parinibbānā āyasmā ānando imaṃ gāthaṃ abhāsi –
‘‘ตทาสิ ยํ ภิํสนกํ, ตทาสิ โลมหํสนํ;
‘‘Tadāsi yaṃ bhiṃsanakaṃ, tadāsi lomahaṃsanaṃ;
สพฺพาการวรูเปเต, สมฺพุเทฺธ ปรินิพฺพุเต’’ติฯ
Sabbākāravarūpete, sambuddhe parinibbute’’ti.
๒๒๔. ปรินิพฺพุเต ภควติ เย เต ตตฺถ ภิกฺขู อวีตราคา อเปฺปกเจฺจ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ฉินฺนปาตํ ปปตนฺติ, อาวฎฺฎนฺติ วิวฎฺฎนฺติ, ‘‘อติขิปฺปํ ภควา ปรินิพฺพุโต , อติขิปฺปํ สุคโต ปรินิพฺพุโต, อติขิปฺปํ จกฺขุํ โลเก อนฺตรหิโต’’ติฯ เย ปน เต ภิกฺขู วีตราคา, เต สตา สมฺปชานา อธิวาเสนฺติ – ‘‘อนิจฺจา สงฺขารา, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’’ติฯ
224. Parinibbute bhagavati ye te tattha bhikkhū avītarāgā appekacce bāhā paggayha kandanti, chinnapātaṃ papatanti, āvaṭṭanti vivaṭṭanti, ‘‘atikhippaṃ bhagavā parinibbuto , atikhippaṃ sugato parinibbuto, atikhippaṃ cakkhuṃ loke antarahito’’ti. Ye pana te bhikkhū vītarāgā, te satā sampajānā adhivāsenti – ‘‘aniccā saṅkhārā, taṃ kutettha labbhā’’ti.
๒๒๕. อถ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ มา ปริเทวิตฺถฯ นนุ เอตํ, อาวุโส, ภควตา ปฎิกเจฺจว อกฺขาตํ – ‘สเพฺพเหว ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว อญฺญถาภาโว’ฯ ตํ กุเตตฺถ, อาวุโส, ลพฺภาฯ ‘ยํ ตํ ชาตํ ภูตํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ วต มา ปลุชฺชี’ติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติ ฯ เทวตา, อาวุโส, อุชฺฌายนฺตี’’ติฯ ‘‘กถํภูตา ปน, ภเนฺต, อายสฺมา อนุรุโทฺธ เทวตา มนสิ กโรตี’’ติ 227?
225. Atha kho āyasmā anuruddho bhikkhū āmantesi – ‘‘alaṃ, āvuso, mā socittha mā paridevittha. Nanu etaṃ, āvuso, bhagavatā paṭikacceva akkhātaṃ – ‘sabbeheva piyehi manāpehi nānābhāvo vinābhāvo aññathābhāvo’. Taṃ kutettha, āvuso, labbhā. ‘Yaṃ taṃ jātaṃ bhūtaṃ saṅkhataṃ palokadhammaṃ, taṃ vata mā palujjī’ti, netaṃ ṭhānaṃ vijjati . Devatā, āvuso, ujjhāyantī’’ti. ‘‘Kathaṃbhūtā pana, bhante, āyasmā anuruddho devatā manasi karotī’’ti 228?
‘‘สนฺตาวุโส อานนฺท, เทวตา อากาเส ปถวีสญฺญินิโย เกเส ปกิริย กนฺทนฺติ, พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ฉินฺนปาตํ ปปตนฺติ, อาวฎฺฎนฺติ, วิวฎฺฎนฺติ – ‘อติขิปฺปํ ภควา ปรินิพฺพุโต, อติขิปฺปํ สุคโต ปรินิพฺพุโต, อติขิปฺปํ จกฺขุํ โลเก อนฺตรหิโต’ติฯ สนฺตาวุโส อานนฺท, เทวตา ปถวิยา ปถวีสญฺญินิโย เกเส ปกิริย กนฺทนฺติ, พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ฉินฺนปาตํ ปปตนฺติ, อาวฎฺฎนฺติ, วิวฎฺฎนฺติ – ‘อติขิปฺปํ ภควา ปรินิพฺพุโต , อติขิปฺปํ สุคโต ปรินิพฺพุโต, อติขิปฺปํ จกฺขุํ โลเก อนฺตรหิโต’ติฯ ยา ปน ตา เทวตา วีตราคา, ตา สตา สมฺปชานา อธิวาเสนฺติ – ‘อนิจฺจา สงฺขารา, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติฯ อถ โข อายสฺมา จ อนุรุโทฺธ อายสฺมา จ อานโนฺท ตํ รตฺตาวเสสํ ธมฺมิยา กถาย วีตินาเมสุํฯ
‘‘Santāvuso ānanda, devatā ākāse pathavīsaññiniyo kese pakiriya kandanti, bāhā paggayha kandanti, chinnapātaṃ papatanti, āvaṭṭanti, vivaṭṭanti – ‘atikhippaṃ bhagavā parinibbuto, atikhippaṃ sugato parinibbuto, atikhippaṃ cakkhuṃ loke antarahito’ti. Santāvuso ānanda, devatā pathaviyā pathavīsaññiniyo kese pakiriya kandanti, bāhā paggayha kandanti, chinnapātaṃ papatanti, āvaṭṭanti, vivaṭṭanti – ‘atikhippaṃ bhagavā parinibbuto , atikhippaṃ sugato parinibbuto, atikhippaṃ cakkhuṃ loke antarahito’ti. Yā pana tā devatā vītarāgā, tā satā sampajānā adhivāsenti – ‘aniccā saṅkhārā, taṃ kutettha labbhā’ti. Atha kho āyasmā ca anuruddho āyasmā ca ānando taṃ rattāvasesaṃ dhammiyā kathāya vītināmesuṃ.
๒๒๖. อถ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘คจฺฉาวุโส อานนฺท, กุสินารํ ปวิสิตฺวา โกสินารกานํ มลฺลานํ อาโรเจหิ – ‘ปรินิพฺพุโต, วาเสฎฺฐา, ภควา, ยสฺสทานิ กาลํ มญฺญถา’’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อตฺตทุติโย กุสินารํ ปาวิสิฯ เตน โข ปน สมเยน โกสินารกา มลฺลา สนฺธาคาเร สนฺนิปติตา โหนฺติ เตเนว กรณีเยนฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน โกสินารกานํ มลฺลานํ สนฺธาคารํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โกสินารกานํ มลฺลานํ อาโรเจสิ – ‘ปรินิพฺพุโต, วาเสฎฺฐา, ภควา, ยสฺสทานิ กาลํ มญฺญถา’ติฯ อิทมายสฺมโต อานนฺทสฺส วจนํ สุตฺวา มลฺลา จ มลฺลปุตฺตา จ มลฺลสุณิสา จ มลฺลปชาปติโย จ อฆาวิโน ทุมฺมนา เจโตทุกฺขสมปฺปิตา อเปฺปกเจฺจ เกเส ปกิริย กนฺทนฺติ, พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ฉินฺนปาตํ ปปตนฺติ, อาวฎฺฎนฺติ, วิวฎฺฎนฺติ – ‘‘อติขิปฺปํ ภควา ปรินิพฺพุโต, อติขิปฺปํ สุคโต ปรินิพฺพุโต, อติขิปฺปํ จกฺขุํ โลเก อนฺตรหิโต’’ติฯ
226. Atha kho āyasmā anuruddho āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘gacchāvuso ānanda, kusināraṃ pavisitvā kosinārakānaṃ mallānaṃ ārocehi – ‘parinibbuto, vāseṭṭhā, bhagavā, yassadāni kālaṃ maññathā’’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando āyasmato anuruddhassa paṭissutvā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya attadutiyo kusināraṃ pāvisi. Tena kho pana samayena kosinārakā mallā sandhāgāre sannipatitā honti teneva karaṇīyena. Atha kho āyasmā ānando yena kosinārakānaṃ mallānaṃ sandhāgāraṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā kosinārakānaṃ mallānaṃ ārocesi – ‘parinibbuto, vāseṭṭhā, bhagavā, yassadāni kālaṃ maññathā’ti. Idamāyasmato ānandassa vacanaṃ sutvā mallā ca mallaputtā ca mallasuṇisā ca mallapajāpatiyo ca aghāvino dummanā cetodukkhasamappitā appekacce kese pakiriya kandanti, bāhā paggayha kandanti, chinnapātaṃ papatanti, āvaṭṭanti, vivaṭṭanti – ‘‘atikhippaṃ bhagavā parinibbuto, atikhippaṃ sugato parinibbuto, atikhippaṃ cakkhuṃ loke antarahito’’ti.
พุทฺธสรีรปูชา
Buddhasarīrapūjā
๒๒๗. อถ โข โกสินารกา มลฺลา ปุริเส อาณาเปสุํ – ‘‘เตน หิ, ภเณ, กุสินารายํ คนฺธมาลญฺจ สพฺพญฺจ ตาฬาวจรํ สนฺนิปาเตถา’’ติฯ อถ โข โกสินารกา มลฺลา คนฺธมาลญฺจ สพฺพญฺจ ตาฬาวจรํ ปญฺจ จ ทุสฺสยุคสตานิ อาทาย เยน อุปวตฺตนํ มลฺลานํ สาลวนํ, เยน ภควโต สรีรํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สรีรํ นเจฺจหิ คีเตหิ วาทิเตหิ มาเลหิ คเนฺธหิ สกฺกโรนฺตา ครุํ กโรนฺตา มาเนนฺตา ปูเชนฺตา เจลวิตานานิ กโรนฺตา มณฺฑลมาเฬ ปฎิยาเทนฺตา เอกทิวสํ วีตินาเมสุํฯ
227. Atha kho kosinārakā mallā purise āṇāpesuṃ – ‘‘tena hi, bhaṇe, kusinārāyaṃ gandhamālañca sabbañca tāḷāvacaraṃ sannipātethā’’ti. Atha kho kosinārakā mallā gandhamālañca sabbañca tāḷāvacaraṃ pañca ca dussayugasatāni ādāya yena upavattanaṃ mallānaṃ sālavanaṃ, yena bhagavato sarīraṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavato sarīraṃ naccehi gītehi vāditehi mālehi gandhehi sakkarontā garuṃ karontā mānentā pūjentā celavitānāni karontā maṇḍalamāḷe paṭiyādentā ekadivasaṃ vītināmesuṃ.
อถ โข โกสินารกานํ มลฺลานํ เอตทโหสิ – ‘‘อติวิกาโล โข อชฺช ภควโต สรีรํ ฌาเปตุํ, เสฺว ทานิ มยํ ภควโต สรีรํ ฌาเปสฺสามา’’ติฯ อถ โข โกสินารกา มลฺลา ภควโต สรีรํ นเจฺจหิ คีเตหิ วาทิเตหิ มาเลหิ คเนฺธหิ สกฺกโรนฺตา ครุํ กโรนฺตา มาเนนฺตา ปูเชนฺตา เจลวิตานานิ กโรนฺตา มณฺฑลมาเฬ ปฎิยาเทนฺตา ทุติยมฺปิ ทิวสํ วีตินาเมสุํ, ตติยมฺปิ ทิวสํ วีตินาเมสุํ, จตุตฺถมฺปิ ทิวสํ วีตินาเมสุํ, ปญฺจมมฺปิ ทิวสํ วีตินาเมสุํ, ฉฎฺฐมฺปิ ทิวสํ วีตินาเมสุํฯ
Atha kho kosinārakānaṃ mallānaṃ etadahosi – ‘‘ativikālo kho ajja bhagavato sarīraṃ jhāpetuṃ, sve dāni mayaṃ bhagavato sarīraṃ jhāpessāmā’’ti. Atha kho kosinārakā mallā bhagavato sarīraṃ naccehi gītehi vāditehi mālehi gandhehi sakkarontā garuṃ karontā mānentā pūjentā celavitānāni karontā maṇḍalamāḷe paṭiyādentā dutiyampi divasaṃ vītināmesuṃ, tatiyampi divasaṃ vītināmesuṃ, catutthampi divasaṃ vītināmesuṃ, pañcamampi divasaṃ vītināmesuṃ, chaṭṭhampi divasaṃ vītināmesuṃ.
อถ โข สตฺตมํ ทิวสํ โกสินารกานํ มลฺลานํ เอตทโหสิ – ‘‘มยํ ภควโต สรีรํ นเจฺจหิ คีเตหิ วาทิเตหิ มาเลหิ คเนฺธหิ สกฺกโรนฺตา ครุํ กโรนฺตา มาเนนฺตา ปูเชนฺตา ทกฺขิเณน ทกฺขิณํ นครสฺส หริตฺวา พาหิเรน พาหิรํ ทกฺขิณโต นครสฺส ภควโต สรีรํ ฌาเปสฺสามา’’ติฯ
Atha kho sattamaṃ divasaṃ kosinārakānaṃ mallānaṃ etadahosi – ‘‘mayaṃ bhagavato sarīraṃ naccehi gītehi vāditehi mālehi gandhehi sakkarontā garuṃ karontā mānentā pūjentā dakkhiṇena dakkhiṇaṃ nagarassa haritvā bāhirena bāhiraṃ dakkhiṇato nagarassa bhagavato sarīraṃ jhāpessāmā’’ti.
๒๒๘. เตน โข ปน สมเยน อฎฺฐ มลฺลปาโมกฺขา สีสํนฺหาตา อหตานิ วตฺถานิ นิวตฺถา ‘‘มยํ ภควโต สรีรํ อุจฺจาเรสฺสามา’’ติ น สโกฺกนฺติ อุจฺจาเรตุํฯ อถ โข โกสินารกา มลฺลา อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจุํ – ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต อนุรุทฺธ, เหตุ โก ปจฺจโย, เยนิเม อฎฺฐ มลฺลปาโมกฺขา สีสํนฺหาตา อหตานิ วตฺถานิ นิวตฺถา ‘มยํ ภควโต สรีรํ อุจฺจาเรสฺสามา’ติ น สโกฺกนฺติ อุจฺจาเรตุ’’นฺติ? ‘‘อญฺญถา โข, วาเสฎฺฐา, ตุมฺหากํ อธิปฺปาโย, อญฺญถา เทวตานํ อธิปฺปาโย’’ติฯ ‘‘กถํ ปน, ภเนฺต, เทวตานํ อธิปฺปาโย’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ โข, วาเสฎฺฐา, อธิปฺปาโย – ‘มยํ ภควโต สรีรํ นเจฺจหิ คีเตหิ วาทิเตหิ มาเลหิ คเนฺธหิ สกฺกโรนฺตา ครุํ กโรนฺตา มาเนนฺตา ปูเชนฺตา ทกฺขิเณน ทกฺขิณํ นครสฺส หริตฺวา พาหิเรน พาหิรํ ทกฺขิณโต นครสฺส ภควโต สรีรํ ฌาเปสฺสามา’ติ; เทวตานํ โข, วาเสฎฺฐา, อธิปฺปาโย – ‘มยํ ภควโต สรีรํ ทิเพฺพหิ นเจฺจหิ คีเตหิ วาทิเตหิ คเนฺธหิ สกฺกโรนฺตา ครุํ กโรนฺตา มาเนนฺตา ปูเชนฺตา อุตฺตเรน อุตฺตรํ นครสฺส หริตฺวา อุตฺตเรน ทฺวาเรน นครํ ปเวเสตฺวา มเชฺฌน มชฺฌํ นครสฺส หริตฺวา ปุรตฺถิเมน ทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ปุรตฺถิมโต นครสฺส มกุฎพนฺธนํ นาม มลฺลานํ เจติยํ เอตฺถ ภควโต สรีรํ ฌาเปสฺสามา’ติฯ ‘‘ยถา, ภเนฺต, เทวตานํ อธิปฺปาโย, ตถา โหตู’’ติฯ
228. Tena kho pana samayena aṭṭha mallapāmokkhā sīsaṃnhātā ahatāni vatthāni nivatthā ‘‘mayaṃ bhagavato sarīraṃ uccāressāmā’’ti na sakkonti uccāretuṃ. Atha kho kosinārakā mallā āyasmantaṃ anuruddhaṃ etadavocuṃ – ‘‘ko nu kho, bhante anuruddha, hetu ko paccayo, yenime aṭṭha mallapāmokkhā sīsaṃnhātā ahatāni vatthāni nivatthā ‘mayaṃ bhagavato sarīraṃ uccāressāmā’ti na sakkonti uccāretu’’nti? ‘‘Aññathā kho, vāseṭṭhā, tumhākaṃ adhippāyo, aññathā devatānaṃ adhippāyo’’ti. ‘‘Kathaṃ pana, bhante, devatānaṃ adhippāyo’’ti? ‘‘Tumhākaṃ kho, vāseṭṭhā, adhippāyo – ‘mayaṃ bhagavato sarīraṃ naccehi gītehi vāditehi mālehi gandhehi sakkarontā garuṃ karontā mānentā pūjentā dakkhiṇena dakkhiṇaṃ nagarassa haritvā bāhirena bāhiraṃ dakkhiṇato nagarassa bhagavato sarīraṃ jhāpessāmā’ti; devatānaṃ kho, vāseṭṭhā, adhippāyo – ‘mayaṃ bhagavato sarīraṃ dibbehi naccehi gītehi vāditehi gandhehi sakkarontā garuṃ karontā mānentā pūjentā uttarena uttaraṃ nagarassa haritvā uttarena dvārena nagaraṃ pavesetvā majjhena majjhaṃ nagarassa haritvā puratthimena dvārena nikkhamitvā puratthimato nagarassa makuṭabandhanaṃ nāma mallānaṃ cetiyaṃ ettha bhagavato sarīraṃ jhāpessāmā’ti. ‘‘Yathā, bhante, devatānaṃ adhippāyo, tathā hotū’’ti.
๒๒๙. เตน โข ปน สมเยน กุสินารา ยาว สนฺธิสมลสํกฎีรา ชณฺณุมเตฺตน โอธินา มนฺทารวปุเปฺผหิ สนฺถตา 229 โหติฯ อถ โข เทวตา จ โกสินารกา จ มลฺลา ภควโต สรีรํ ทิเพฺพหิ จ มานุสเกหิ จ นเจฺจหิ คีเตหิ วาทิเตหิ มาเลหิ คเนฺธหิ สกฺกโรนฺตา ครุํ กโรนฺตา มาเนนฺตา ปูเชนฺตา อุตฺตเรน อุตฺตรํ นครสฺส หริตฺวา อุตฺตเรน ทฺวาเรน นครํ ปเวเสตฺวา มเชฺฌน มชฺฌํ นครสฺส หริตฺวา ปุรตฺถิเมน ทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ปุรตฺถิมโต นครสฺส มกุฎพนฺธนํ นาม มลฺลานํ เจติยํ เอตฺถ จ ภควโต สรีรํ นิกฺขิปิํสุฯ
229. Tena kho pana samayena kusinārā yāva sandhisamalasaṃkaṭīrā jaṇṇumattena odhinā mandāravapupphehi santhatā 230 hoti. Atha kho devatā ca kosinārakā ca mallā bhagavato sarīraṃ dibbehi ca mānusakehi ca naccehi gītehi vāditehi mālehi gandhehi sakkarontā garuṃ karontā mānentā pūjentā uttarena uttaraṃ nagarassa haritvā uttarena dvārena nagaraṃ pavesetvā majjhena majjhaṃ nagarassa haritvā puratthimena dvārena nikkhamitvā puratthimato nagarassa makuṭabandhanaṃ nāma mallānaṃ cetiyaṃ ettha ca bhagavato sarīraṃ nikkhipiṃsu.
๒๓๐. อถ โข โกสินารกา มลฺลา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจุํ – ‘‘กถํ มยํ, ภเนฺต อานนฺท, ตถาคตสฺส สรีเร ปฎิปชฺชามา’’ติ? ‘‘ยถา โข, วาเสฎฺฐา, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สรีเร ปฎิปชฺชนฺติ, เอวํ ตถาคตสฺส สรีเร ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติฯ ‘‘กถํ ปน, ภเนฺต อานนฺท, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สรีเร ปฎิปชฺชนฺตี’’ติ? ‘‘รโญฺญ, วาเสฎฺฐา, จกฺกวตฺติสฺส สรีรํ อหเตน วเตฺถน เวเฐนฺติ, อหเตน วเตฺถน เวเฐตฺวา วิหเตน กปฺปาเสน เวเฐนฺติ, วิหเตน กปฺปาเสน เวเฐตฺวา อหเตน วเตฺถน เวเฐนฺติฯ เอเตน อุปาเยน ปญฺจหิ ยุคสเตหิ รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สรีรํ เวเฐตฺวา อายสาย เตลโทณิยา ปกฺขิปิตฺวา อญฺญิสฺสา อายสาย โทณิยา ปฎิกุชฺชิตฺวา สพฺพคนฺธานํ จิตกํ กริตฺวา รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สรีรํ ฌาเปนฺติฯ จาตุมหาปเถ รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ถูปํ กโรนฺติ ฯ เอวํ โข, วาเสฎฺฐา, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สรีเร ปฎิปชฺชนฺติฯ ยถา โข, วาเสฎฺฐา, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สรีเร ปฎิปชฺชนฺติ, เอวํ ตถาคตสฺส สรีเร ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ จาตุมหาปเถ ตถาคตสฺส ถูโป กาตโพฺพฯ ตตฺถ เย มาลํ วา คนฺธํ วา จุณฺณกํ วา อาโรเปสฺสนฺติ วา อภิวาเทสฺสนฺติ วา จิตฺตํ วา ปสาเทสฺสนฺติ, เตสํ ตํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ อถ โข โกสินารกา มลฺลา ปุริเส อาณาเปสุํ – ‘‘เตน หิ, ภเณ, มลฺลานํ วิหตํ กปฺปาสํ สนฺนิปาเตถา’’ติฯ
230. Atha kho kosinārakā mallā āyasmantaṃ ānandaṃ etadavocuṃ – ‘‘kathaṃ mayaṃ, bhante ānanda, tathāgatassa sarīre paṭipajjāmā’’ti? ‘‘Yathā kho, vāseṭṭhā, rañño cakkavattissa sarīre paṭipajjanti, evaṃ tathāgatassa sarīre paṭipajjitabba’’nti. ‘‘Kathaṃ pana, bhante ānanda, rañño cakkavattissa sarīre paṭipajjantī’’ti? ‘‘Rañño, vāseṭṭhā, cakkavattissa sarīraṃ ahatena vatthena veṭhenti, ahatena vatthena veṭhetvā vihatena kappāsena veṭhenti, vihatena kappāsena veṭhetvā ahatena vatthena veṭhenti. Etena upāyena pañcahi yugasatehi rañño cakkavattissa sarīraṃ veṭhetvā āyasāya teladoṇiyā pakkhipitvā aññissā āyasāya doṇiyā paṭikujjitvā sabbagandhānaṃ citakaṃ karitvā rañño cakkavattissa sarīraṃ jhāpenti. Cātumahāpathe rañño cakkavattissa thūpaṃ karonti . Evaṃ kho, vāseṭṭhā, rañño cakkavattissa sarīre paṭipajjanti. Yathā kho, vāseṭṭhā, rañño cakkavattissa sarīre paṭipajjanti, evaṃ tathāgatassa sarīre paṭipajjitabbaṃ. Cātumahāpathe tathāgatassa thūpo kātabbo. Tattha ye mālaṃ vā gandhaṃ vā cuṇṇakaṃ vā āropessanti vā abhivādessanti vā cittaṃ vā pasādessanti, tesaṃ taṃ bhavissati dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti. Atha kho kosinārakā mallā purise āṇāpesuṃ – ‘‘tena hi, bhaṇe, mallānaṃ vihataṃ kappāsaṃ sannipātethā’’ti.
อถ โข โกสินารกา มลฺลา ภควโต สรีรํ อหเตน วเตฺถน เวเฐตฺวา วิหเตน กปฺปาเสน เวเฐสุํ, วิหเตน กปฺปาเสน เวเฐตฺวา อหเตน วเตฺถน เวเฐสุํฯ เอเตน อุปาเยน ปญฺจหิ ยุคสเตหิ ภควโต สรีรํ เวเฐตฺวา อายสาย เตลโทณิยา ปกฺขิปิตฺวา อญฺญิสฺสา อายสาย โทณิยา ปฎิกุชฺชิตฺวา สพฺพคนฺธานํ จิตกํ กริตฺวา ภควโต สรีรํ จิตกํ อาโรเปสุํฯ
Atha kho kosinārakā mallā bhagavato sarīraṃ ahatena vatthena veṭhetvā vihatena kappāsena veṭhesuṃ, vihatena kappāsena veṭhetvā ahatena vatthena veṭhesuṃ. Etena upāyena pañcahi yugasatehi bhagavato sarīraṃ veṭhetvā āyasāya teladoṇiyā pakkhipitvā aññissā āyasāya doṇiyā paṭikujjitvā sabbagandhānaṃ citakaṃ karitvā bhagavato sarīraṃ citakaṃ āropesuṃ.
มหากสฺสปเตฺถรวตฺถุ
Mahākassapattheravatthu
๒๓๑. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหากสฺสโป ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปฺปโนฺน โหติ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป มคฺคา โอกฺกมฺม อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร อาชีวโก กุสินาราย มนฺทารวปุปฺผํ คเหตฺวา ปาวํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปฺปโนฺน โหติฯ อทฺทสา โข อายสฺมา มหากสฺสโป ตํ อาชีวกํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวา ตํ อาชีวกํ เอตทโวจ – ‘‘อปาวุโส, อมฺหากํ สตฺถารํ ชานาสี’’ติ? ‘‘อามาวุโส, ชานามิ, อชฺช สตฺตาหปรินิพฺพุโต สมโณ โคตโมฯ ตโต เม อิทํ มนฺทารวปุปฺผํ คหิต’’นฺติฯ ตตฺถ เย เต ภิกฺขู อวีตราคา อเปฺปกเจฺจ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ฉินฺนปาตํ ปปตนฺติ, อาวฎฺฎนฺติ, วิวฎฺฎนฺติ – ‘‘อติขิปฺปํ ภควา ปรินิพฺพุโต, อติขิปฺปํ สุคโต ปรินิพฺพุโต, อติขิปฺปํ จกฺขุํ โลเก อนฺตรหิโต’’ติฯ เย ปน เต ภิกฺขู วีตราคา, เต สตา สมฺปชานา อธิวาเสนฺติ – ‘‘อนิจฺจา สงฺขารา, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’’ติฯ
231. Tena kho pana samayena āyasmā mahākassapo pāvāya kusināraṃ addhānamaggappaṭippanno hoti mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi. Atha kho āyasmā mahākassapo maggā okkamma aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi. Tena kho pana samayena aññataro ājīvako kusinārāya mandāravapupphaṃ gahetvā pāvaṃ addhānamaggappaṭippanno hoti. Addasā kho āyasmā mahākassapo taṃ ājīvakaṃ dūratova āgacchantaṃ, disvā taṃ ājīvakaṃ etadavoca – ‘‘apāvuso, amhākaṃ satthāraṃ jānāsī’’ti? ‘‘Āmāvuso, jānāmi, ajja sattāhaparinibbuto samaṇo gotamo. Tato me idaṃ mandāravapupphaṃ gahita’’nti. Tattha ye te bhikkhū avītarāgā appekacce bāhā paggayha kandanti, chinnapātaṃ papatanti, āvaṭṭanti, vivaṭṭanti – ‘‘atikhippaṃ bhagavā parinibbuto, atikhippaṃ sugato parinibbuto, atikhippaṃ cakkhuṃ loke antarahito’’ti. Ye pana te bhikkhū vītarāgā, te satā sampajānā adhivāsenti – ‘‘aniccā saṅkhārā, taṃ kutettha labbhā’’ti.
๒๓๒. เตน โข ปน สมเยน สุภโทฺท นาม วุทฺธปพฺพชิโต ตสฺสํ ปริสายํ นิสิโนฺน โหติฯ อถ โข สุภโทฺท วุทฺธปพฺพชิโต เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, สุมุตฺตา มยํ เตน มหาสมเณนฯ อุปทฺทุตา จ โหม – ‘อิทํ โว กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตี’ติฯ อิทานิ ปน มยํ ยํ อิจฺฉิสฺสาม, ตํ กริสฺสาม, ยํ น อิจฺฉิสฺสาม, น ตํ กริสฺสามา’’ติฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถฯ นนุ เอตํ , อาวุโส, ภควตา ปฎิกเจฺจว อกฺขาตํ – ‘สเพฺพเหว ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว อญฺญถาภาโว’ฯ ตํ กุเตตฺถ, อาวุโส, ลพฺภาฯ ‘ยํ ตํ ชาตํ ภูตํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ ตถาคตสฺสาปิ สรีรํ มา ปลุชฺชี’ติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติฯ
232. Tena kho pana samayena subhaddo nāma vuddhapabbajito tassaṃ parisāyaṃ nisinno hoti. Atha kho subhaddo vuddhapabbajito te bhikkhū etadavoca – ‘‘alaṃ, āvuso, mā socittha, mā paridevittha, sumuttā mayaṃ tena mahāsamaṇena. Upaddutā ca homa – ‘idaṃ vo kappati, idaṃ vo na kappatī’ti. Idāni pana mayaṃ yaṃ icchissāma, taṃ karissāma, yaṃ na icchissāma, na taṃ karissāmā’’ti. Atha kho āyasmā mahākassapo bhikkhū āmantesi – ‘‘alaṃ, āvuso, mā socittha, mā paridevittha. Nanu etaṃ , āvuso, bhagavatā paṭikacceva akkhātaṃ – ‘sabbeheva piyehi manāpehi nānābhāvo vinābhāvo aññathābhāvo’. Taṃ kutettha, āvuso, labbhā. ‘Yaṃ taṃ jātaṃ bhūtaṃ saṅkhataṃ palokadhammaṃ, taṃ tathāgatassāpi sarīraṃ mā palujjī’ti, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’ti.
๒๓๓. เตน โข ปน สมเยน จตฺตาโร มลฺลปาโมกฺขา สีสํนฺหาตา อหตานิ วตฺถานิ นิวตฺถา – ‘‘มยํ ภควโต จิตกํ อาฬิเมฺปสฺสามา’’ติ น สโกฺกนฺติ อาฬิเมฺปตุํฯ อถ โข โกสินารกา มลฺลา อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจุํ – ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต อนุรุทฺธ, เหตุ โก ปจฺจโย, เยนิเม จตฺตาโร มลฺลปาโมกฺขา สีสํนฺหาตา อหตานิ วตฺถานิ นิวตฺถา – ‘มยํ ภควโต จิตกํ อาฬิเมฺปสฺสามา’ติ น สโกฺกนฺติ อาฬิเมฺปตุ’’นฺติ? ‘‘อญฺญถา โข, วาเสฎฺฐา, เทวตานํ อธิปฺปาโย’’ติฯ ‘‘กถํ ปน, ภเนฺต, เทวตานํ อธิปฺปาโย’’ติ? ‘‘เทวตานํ โข, วาเสฎฺฐา, อธิปฺปาโย – ‘อยํ อายสฺมา มหากสฺสโป ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปฺปโนฺน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิฯ น ตาว ภควโต จิตโก ปชฺชลิสฺสติ, ยาวายสฺมา มหากสฺสโป ภควโต ปาเท สิรสา น วนฺทิสฺสตี’’’ติฯ ‘‘ยถา, ภเนฺต, เทวตานํ อธิปฺปาโย, ตถา โหตู’’ติฯ
233. Tena kho pana samayena cattāro mallapāmokkhā sīsaṃnhātā ahatāni vatthāni nivatthā – ‘‘mayaṃ bhagavato citakaṃ āḷimpessāmā’’ti na sakkonti āḷimpetuṃ. Atha kho kosinārakā mallā āyasmantaṃ anuruddhaṃ etadavocuṃ – ‘‘ko nu kho, bhante anuruddha, hetu ko paccayo, yenime cattāro mallapāmokkhā sīsaṃnhātā ahatāni vatthāni nivatthā – ‘mayaṃ bhagavato citakaṃ āḷimpessāmā’ti na sakkonti āḷimpetu’’nti? ‘‘Aññathā kho, vāseṭṭhā, devatānaṃ adhippāyo’’ti. ‘‘Kathaṃ pana, bhante, devatānaṃ adhippāyo’’ti? ‘‘Devatānaṃ kho, vāseṭṭhā, adhippāyo – ‘ayaṃ āyasmā mahākassapo pāvāya kusināraṃ addhānamaggappaṭippanno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi. Na tāva bhagavato citako pajjalissati, yāvāyasmā mahākassapo bhagavato pāde sirasā na vandissatī’’’ti. ‘‘Yathā, bhante, devatānaṃ adhippāyo, tathā hotū’’ti.
๒๓๔. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป เยน กุสินารา มกุฎพนฺธนํ นาม มลฺลานํ เจติยํ, เยน ภควโต จิตโก เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา อญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ จิตกํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทิฯ ตานิปิ โข ปญฺจภิกฺขุสตานิ เอกํสํ จีวรํ กตฺวา อญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ จิตกํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทิํสุฯ วนฺทิเต จ ปนายสฺมตา มหากสฺสเปน เตหิ จ ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สยเมว ภควโต จิตโก ปชฺชลิฯ
234. Atha kho āyasmā mahākassapo yena kusinārā makuṭabandhanaṃ nāma mallānaṃ cetiyaṃ, yena bhagavato citako tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvā añjaliṃ paṇāmetvā tikkhattuṃ citakaṃ padakkhiṇaṃ katvā bhagavato pāde sirasā vandi. Tānipi kho pañcabhikkhusatāni ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvā añjaliṃ paṇāmetvā tikkhattuṃ citakaṃ padakkhiṇaṃ katvā bhagavato pāde sirasā vandiṃsu. Vandite ca panāyasmatā mahākassapena tehi ca pañcahi bhikkhusatehi sayameva bhagavato citako pajjali.
๒๓๕. ฌายมานสฺส โข ปน ภควโต สรีรสฺส ยํ อโหสิ ฉวีติ วา จมฺมนฺติ วา มํสนฺติ วา นฺหารูติ วา ลสิกาติ วา, ตสฺส เนว ฉาริกา ปญฺญายิตฺถ, น มสิ; สรีราเนว อวสิสฺสิํสุฯ เสยฺยถาปิ นาม สปฺปิสฺส วา เตลสฺส วา ฌายมานสฺส เนว ฉาริกา ปญฺญายติ, น มสิ; เอวเมว ภควโต สรีรสฺส ฌายมานสฺส ยํ อโหสิ ฉวีติ วา จมฺมนฺติ วา มํสนฺติ วา นฺหารูติ วา ลสิกาติ วา, ตสฺส เนว ฉาริกา ปญฺญายิตฺถ, น มสิ; สรีราเนว อวสิสฺสิํสุฯ เตสญฺจ ปญฺจนฺนํ ทุสฺสยุคสตานํ เทฺวว ทุสฺสานิ น ฑยฺหิํสุ ยญฺจ สพฺพอพฺภนฺตริมํ ยญฺจ พาหิรํฯ ทเฑฺฒ จ โข ปน ภควโต สรีเร อนฺตลิกฺขา อุทกธารา ปาตุภวิตฺวา ภควโต จิตกํ นิพฺพาเปสิฯ อุทกสาลโตปิ 231 อพฺภุนฺนมิตฺวา ภควโต จิตกํ นิพฺพาเปสิฯ โกสินารกาปิ มลฺลา สพฺพคโนฺธทเกน ภควโต จิตกํ นิพฺพาเปสุํฯ อถ โข โกสินารกา มลฺลา ภควโต สรีรานิ สตฺตาหํ สนฺธาคาเร สตฺติปญฺชรํ กริตฺวา ธนุปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา 232 นเจฺจหิ คีเตหิ วาทิเตหิ มาเลหิ คเนฺธหิ สกฺกริํสุ ครุํ กริํสุ มาเนสุํ ปูเชสุํฯ
235. Jhāyamānassa kho pana bhagavato sarīrassa yaṃ ahosi chavīti vā cammanti vā maṃsanti vā nhārūti vā lasikāti vā, tassa neva chārikā paññāyittha, na masi; sarīrāneva avasissiṃsu. Seyyathāpi nāma sappissa vā telassa vā jhāyamānassa neva chārikā paññāyati, na masi; evameva bhagavato sarīrassa jhāyamānassa yaṃ ahosi chavīti vā cammanti vā maṃsanti vā nhārūti vā lasikāti vā, tassa neva chārikā paññāyittha, na masi; sarīrāneva avasissiṃsu. Tesañca pañcannaṃ dussayugasatānaṃ dveva dussāni na ḍayhiṃsu yañca sabbaabbhantarimaṃ yañca bāhiraṃ. Daḍḍhe ca kho pana bhagavato sarīre antalikkhā udakadhārā pātubhavitvā bhagavato citakaṃ nibbāpesi. Udakasālatopi 233 abbhunnamitvā bhagavato citakaṃ nibbāpesi. Kosinārakāpi mallā sabbagandhodakena bhagavato citakaṃ nibbāpesuṃ. Atha kho kosinārakā mallā bhagavato sarīrāni sattāhaṃ sandhāgāre sattipañjaraṃ karitvā dhanupākāraṃ parikkhipāpetvā 234 naccehi gītehi vāditehi mālehi gandhehi sakkariṃsu garuṃ kariṃsu mānesuṃ pūjesuṃ.
สรีรธาตุวิภาชนํ
Sarīradhātuvibhājanaṃ
๒๓๖. อโสฺสสิ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต – ‘‘ภควา กิร กุสินารายํ ปรินิพฺพุโต’’ติฯ อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต โกสินารกานํ มลฺลานํ ทูตํ ปาเหสิ – ‘‘ภควาปิ ขตฺติโย อหมฺปิ ขตฺติโย, อหมฺปิ อรหามิ ภควโต สรีรานํ ภาคํ, อหมฺปิ ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ กริสฺสามี’’ติฯ
236. Assosi kho rājā māgadho ajātasattu vedehiputto – ‘‘bhagavā kira kusinārāyaṃ parinibbuto’’ti. Atha kho rājā māgadho ajātasattu vedehiputto kosinārakānaṃ mallānaṃ dūtaṃ pāhesi – ‘‘bhagavāpi khattiyo ahampi khattiyo, ahampi arahāmi bhagavato sarīrānaṃ bhāgaṃ, ahampi bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca karissāmī’’ti.
อโสฺสสุํ โข เวสาลิกา ลิจฺฉวี – ‘‘ภควา กิร กุสินารายํ ปรินิพฺพุโต’’ติฯ อถ โข เวสาลิกา ลิจฺฉวี โกสินารกานํ มลฺลานํ ทูตํ ปาเหสุํ – ‘‘ภควาปิ ขตฺติโย มยมฺปิ ขตฺติยา, มยมฺปิ อรหาม ภควโต สรีรานํ ภาคํ, มยมฺปิ ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ กริสฺสามา’’ติฯ
Assosuṃ kho vesālikā licchavī – ‘‘bhagavā kira kusinārāyaṃ parinibbuto’’ti. Atha kho vesālikā licchavī kosinārakānaṃ mallānaṃ dūtaṃ pāhesuṃ – ‘‘bhagavāpi khattiyo mayampi khattiyā, mayampi arahāma bhagavato sarīrānaṃ bhāgaṃ, mayampi bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca karissāmā’’ti.
อโสฺสสุํ โข กปิลวตฺถุวาสี สกฺยา – ‘‘ภควา กิร กุสินารายํ ปรินิพฺพุโต’’ติฯ อถ โข กปิลวตฺถุวาสี สกฺยา โกสินารกานํ มลฺลานํ ทูตํ ปาเหสุํ – ‘‘ภควา อมฺหากํ ญาติเสโฎฺฐ , มยมฺปิ อรหาม ภควโต สรีรานํ ภาคํ, มยมฺปิ ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ กริสฺสามา’’ติฯ
Assosuṃ kho kapilavatthuvāsī sakyā – ‘‘bhagavā kira kusinārāyaṃ parinibbuto’’ti. Atha kho kapilavatthuvāsī sakyā kosinārakānaṃ mallānaṃ dūtaṃ pāhesuṃ – ‘‘bhagavā amhākaṃ ñātiseṭṭho , mayampi arahāma bhagavato sarīrānaṃ bhāgaṃ, mayampi bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca karissāmā’’ti.
อโสฺสสุํ โข อลฺลกปฺปกา พุลโย 235 – ‘‘ภควา กิร กุสินารายํ ปรินิพฺพุโต’’ติฯ อถ โข อลฺลกปฺปกา พุลโย โกสินารกานํ มลฺลานํ ทูตํ ปาเหสุํ – ‘‘ภควาปิ ขตฺติโย มยมฺปิ ขตฺติยา, มยมฺปิ อรหาม ภควโต สรีรานํ ภาคํ, มยมฺปิ ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ กริสฺสามา’’ติ ฯ
Assosuṃ kho allakappakā bulayo 236 – ‘‘bhagavā kira kusinārāyaṃ parinibbuto’’ti. Atha kho allakappakā bulayo kosinārakānaṃ mallānaṃ dūtaṃ pāhesuṃ – ‘‘bhagavāpi khattiyo mayampi khattiyā, mayampi arahāma bhagavato sarīrānaṃ bhāgaṃ, mayampi bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca karissāmā’’ti .
อโสฺสสุํ โข รามคามกา โกฬิยา – ‘‘ภควา กิร กุสินารายํ ปรินิพฺพุโต’’ติฯ อถ โข รามคามกา โกฬิยา โกสินารกานํ มลฺลานํ ทูตํ ปาเหสุํ – ‘‘ภควาปิ ขตฺติโย มยมฺปิ ขตฺติยา, มยมฺปิ อรหาม ภควโต สรีรานํ ภาคํ, มยมฺปิ ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ กริสฺสามา’’ติฯ
Assosuṃ kho rāmagāmakā koḷiyā – ‘‘bhagavā kira kusinārāyaṃ parinibbuto’’ti. Atha kho rāmagāmakā koḷiyā kosinārakānaṃ mallānaṃ dūtaṃ pāhesuṃ – ‘‘bhagavāpi khattiyo mayampi khattiyā, mayampi arahāma bhagavato sarīrānaṃ bhāgaṃ, mayampi bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca karissāmā’’ti.
อโสฺสสิ โข เวฎฺฐทีปโก พฺราหฺมโณ – ‘‘ภควา กิร กุสินารายํ ปรินิพฺพุโต’’ติฯ อถ โข เวฎฺฐทีปโก พฺราหฺมโณ โกสินารกานํ มลฺลานํ ทูตํ ปาเหสิ – ‘‘ภควาปิ ขตฺติโย อหํ ปิสฺมิ พฺราหฺมโณ, อหมฺปิ อรหามิ ภควโต สรีรานํ ภาคํ, อหมฺปิ ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ กริสฺสามี’’ติฯ
Assosi kho veṭṭhadīpako brāhmaṇo – ‘‘bhagavā kira kusinārāyaṃ parinibbuto’’ti. Atha kho veṭṭhadīpako brāhmaṇo kosinārakānaṃ mallānaṃ dūtaṃ pāhesi – ‘‘bhagavāpi khattiyo ahaṃ pismi brāhmaṇo, ahampi arahāmi bhagavato sarīrānaṃ bhāgaṃ, ahampi bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca karissāmī’’ti.
อโสฺสสุํ โข ปาเวยฺยกา มลฺลา – ‘‘ภควา กิร กุสินารายํ ปรินิพฺพุโต’’ติฯ อถ โข ปาเวยฺยกา มลฺลา โกสินารกานํ มลฺลานํ ทูตํ ปาเหสุํ – ‘‘ภควาปิ ขตฺติโย มยมฺปิ ขตฺติยา, มยมฺปิ อรหาม ภควโต สรีรานํ ภาคํ, มยมฺปิ ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ กริสฺสามา’’ติฯ
Assosuṃ kho pāveyyakā mallā – ‘‘bhagavā kira kusinārāyaṃ parinibbuto’’ti. Atha kho pāveyyakā mallā kosinārakānaṃ mallānaṃ dūtaṃ pāhesuṃ – ‘‘bhagavāpi khattiyo mayampi khattiyā, mayampi arahāma bhagavato sarīrānaṃ bhāgaṃ, mayampi bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca karissāmā’’ti.
เอวํ วุเตฺต โกสินารกา มลฺลา เต สเงฺฆ คเณ เอตทโวจุํ – ‘‘ภควา อมฺหากํ คามเกฺขเตฺต ปรินิพฺพุโต, น มยํ ทสฺสาม ภควโต สรีรานํ ภาค’’นฺติฯ
Evaṃ vutte kosinārakā mallā te saṅghe gaṇe etadavocuṃ – ‘‘bhagavā amhākaṃ gāmakkhette parinibbuto, na mayaṃ dassāma bhagavato sarīrānaṃ bhāga’’nti.
๒๓๗. เอวํ วุเตฺต โทโณ พฺราหฺมโณ เต สเงฺฆ คเณ เอตทโวจ –
237. Evaṃ vutte doṇo brāhmaṇo te saṅghe gaṇe etadavoca –
‘‘สุณนฺตุ โภโนฺต มม เอกวาจํ,
‘‘Suṇantu bhonto mama ekavācaṃ,
น หิ สาธุ ยํ อุตฺตมปุคฺคลสฺส,
Na hi sādhu yaṃ uttamapuggalassa,
สรีรภาเค สิยา สมฺปหาโรฯ
Sarīrabhāge siyā sampahāro.
สเพฺพว โภโนฺต สหิตา สมคฺคา,
Sabbeva bhonto sahitā samaggā,
สโมฺมทมานา กโรมฎฺฐภาเค;
Sammodamānā karomaṭṭhabhāge;
วิตฺถาริกา โหนฺตุ ทิสาสุ ถูปา,
Vitthārikā hontu disāsu thūpā,
พหู ชนา จกฺขุมโต ปสนฺนา’’ติฯ
Bahū janā cakkhumato pasannā’’ti.
๒๓๘. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, ตฺวเญฺญว ภควโต สรีรานิ อฎฺฐธา สมํ สวิภตฺตํ วิภชาหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข โทโณ พฺราหฺมโณ เตสํ สงฺฆานํ คณานํ ปฎิสฺสุตฺวา ภควโต สรีรานิ อฎฺฐธา สมํ สุวิภตฺตํ วิภชิตฺวา เต สเงฺฆ คเณ เอตทโวจ – ‘‘อิมํ เม โภโนฺต ตุมฺพํ ททนฺตุ อหมฺปิ ตุมฺพสฺส ถูปญฺจ มหญฺจ กริสฺสามี’’ติฯ อทํสุ โข เต โทณสฺส พฺราหฺมณสฺส ตุมฺพํฯ
238. ‘‘Tena hi, brāhmaṇa, tvaññeva bhagavato sarīrāni aṭṭhadhā samaṃ savibhattaṃ vibhajāhī’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho doṇo brāhmaṇo tesaṃ saṅghānaṃ gaṇānaṃ paṭissutvā bhagavato sarīrāni aṭṭhadhā samaṃ suvibhattaṃ vibhajitvā te saṅghe gaṇe etadavoca – ‘‘imaṃ me bhonto tumbaṃ dadantu ahampi tumbassa thūpañca mahañca karissāmī’’ti. Adaṃsu kho te doṇassa brāhmaṇassa tumbaṃ.
อโสฺสสุํ โข ปิปฺปลิวนิยา 239 โมริยา – ‘‘ภควา กิร กุสินารายํ ปรินิพฺพุโต’’ติฯ อถ โข ปิปฺปลิวนิยา โมริยา โกสินารกานํ มลฺลานํ ทูตํ ปาเหสุํ – ‘‘ภควาปิ ขตฺติโย มยมฺปิ ขตฺติยา, มยมฺปิ อรหาม ภควโต สรีรานํ ภาคํ, มยมฺปิ ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ กริสฺสามา’’ติฯ ‘‘นตฺถิ ภควโต สรีรานํ ภาโค, วิภตฺตานิ ภควโต สรีรานิฯ อิโต องฺคารํ หรถา’’ติฯ เต ตโต องฺคารํ หริํสุ 240ฯ
Assosuṃ kho pippalivaniyā 241 moriyā – ‘‘bhagavā kira kusinārāyaṃ parinibbuto’’ti. Atha kho pippalivaniyā moriyā kosinārakānaṃ mallānaṃ dūtaṃ pāhesuṃ – ‘‘bhagavāpi khattiyo mayampi khattiyā, mayampi arahāma bhagavato sarīrānaṃ bhāgaṃ, mayampi bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca karissāmā’’ti. ‘‘Natthi bhagavato sarīrānaṃ bhāgo, vibhattāni bhagavato sarīrāni. Ito aṅgāraṃ harathā’’ti. Te tato aṅgāraṃ hariṃsu 242.
ธาตุถูปปูชา
Dhātuthūpapūjā
๒๓๙. อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุโตฺต ราชคเห ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ อกาสิฯ เวสาลิกาปิ ลิจฺฉวี เวสาลิยํ ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ อกํสุฯ กปิลวตฺถุวาสีปิ สกฺยา กปิลวตฺถุสฺมิํ ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ อกํสุฯ อลฺลกปฺปกาปิ พุลโย อลฺลกเปฺป ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ อกํสุฯ รามคามกาปิ โกฬิยา รามคาเม ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ อกํสุฯ เวฎฺฐทีปโกปิ พฺราหฺมโณ เวฎฺฐทีเป ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ อกาสิฯ ปาเวยฺยกาปิ มลฺลา ปาวายํ ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ อกํสุฯ โกสินารกาปิ มลฺลา กุสินารายํ ภควโต สรีรานํ ถูปญฺจ มหญฺจ อกํสุฯ โทโณปิ พฺราหฺมโณ ตุมฺพสฺส ถูปญฺจ มหญฺจ อกาสิฯ ปิปฺปลิวนิยาปิ โมริยา ปิปฺปลิวเน องฺคารานํ ถูปญฺจ มหญฺจ อกํสุฯ อิติ อฎฺฐ สรีรถูปา นวโม ตุมฺพถูโป ทสโม องฺคารถูโปฯ เอวเมตํ ภูตปุพฺพนฺติฯ
239. Atha kho rājā māgadho ajātasattu vedehiputto rājagahe bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca akāsi. Vesālikāpi licchavī vesāliyaṃ bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca akaṃsu. Kapilavatthuvāsīpi sakyā kapilavatthusmiṃ bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca akaṃsu. Allakappakāpi bulayo allakappe bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca akaṃsu. Rāmagāmakāpi koḷiyā rāmagāme bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca akaṃsu. Veṭṭhadīpakopi brāhmaṇo veṭṭhadīpe bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca akāsi. Pāveyyakāpi mallā pāvāyaṃ bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca akaṃsu. Kosinārakāpi mallā kusinārāyaṃ bhagavato sarīrānaṃ thūpañca mahañca akaṃsu. Doṇopi brāhmaṇo tumbassa thūpañca mahañca akāsi. Pippalivaniyāpi moriyā pippalivane aṅgārānaṃ thūpañca mahañca akaṃsu. Iti aṭṭha sarīrathūpā navamo tumbathūpo dasamo aṅgārathūpo. Evametaṃ bhūtapubbanti.
๒๔๐. อฎฺฐโทณํ จกฺขุมโต สรีรํ, สตฺตโทณํ ชมฺพุทีเป มเหนฺติฯ
240. Aṭṭhadoṇaṃ cakkhumato sarīraṃ, sattadoṇaṃ jambudīpe mahenti.
เอกญฺจ โทณํ ปุริสวรุตฺตมสฺส, รามคาเม นาคราชา มเหติฯ
Ekañca doṇaṃ purisavaruttamassa, rāmagāme nāgarājā maheti.
เอกาหิ ทาฐา ติทิเวหิ ปูชิตา, เอกา ปน คนฺธารปุเร มหียติ;
Ekāhi dāṭhā tidivehi pūjitā, ekā pana gandhārapure mahīyati;
กาลิงฺครโญฺญ วิชิเต ปุเนกํ, เอกํ ปน นาคราชา มเหติฯ
Kāliṅgarañño vijite punekaṃ, ekaṃ pana nāgarājā maheti.
ตเสฺสว เตเชน อยํ วสุนฺธรา,
Tasseva tejena ayaṃ vasundharā,
อายาคเสเฎฺฐหิ มหี อลงฺกตา;
Āyāgaseṭṭhehi mahī alaṅkatā;
เอวํ อิมํ จกฺขุมโต สรีรํ,
Evaṃ imaṃ cakkhumato sarīraṃ,
สุสกฺกตํ สกฺกตสกฺกเตหิฯ
Susakkataṃ sakkatasakkatehi.
เทวินฺทนาคินฺทนรินฺทปูชิโต ,
Devindanāgindanarindapūjito ,
มนุสฺสินฺทเสเฎฺฐหิ ตเถว ปูชิโต;
Manussindaseṭṭhehi tatheva pūjito;
พุโทฺธ หเว กปฺปสเตหิ ทุลฺลโภติฯ
Buddho have kappasatehi dullabhoti.
จตฺตาลีส สมา ทนฺตา, เกสา โลมา จ สพฺพโส;
Cattālīsa samā dantā, kesā lomā ca sabbaso;
เทวา หริํสุ เอเกกํ, จกฺกวาฬปรมฺปราติฯ
Devā hariṃsu ekekaṃ, cakkavāḷaparamparāti.
มหาปรินิพฺพานสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ
Mahāparinibbānasuttaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๓. มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahāparinibbānasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๓. มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahāparinibbānasuttavaṇṇanā