Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) |
๓. มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา
3. Mahāparinibbānasuttavaṇṇanā
๑๓๑. ปูชนียภาวโต , พุทฺธสมฺปทญฺจ ปหาย ปวตฺตตา มหนฺตญฺจ ตํ ปรินิพฺพานญฺจาติ มหาปรินิพฺพานํ; สวาสนปฺปหานโต มหนฺตํ กิเลสกฺขยํ นิสฺสาย ปวตฺตํ ปรินิพฺพานนฺติปิ มหาปรินิพฺพานํ; มหตา กาเลน มหตา วา คุณราสินา สาธิตํ ปรินิพฺพานนฺติปิ มหาปรินิพฺพานํ; มหนฺตภาวาย, ธาตูนํ พหุภาวาย ปรินิพฺพานนฺติปิ มหาปรินิพฺพานํ; มหโต โลกโต นิสฺสฎํ ปรินิพฺพานนฺติปิ มหาปรินิพฺพานํ; สพฺพโลกาสาธารณตฺตา พุทฺธานํ สีลาทิคุเณหิ มหโต พุทฺธสฺส ภควโต ปรินิพฺพานนฺติปิ มหาปรินิพฺพานํ; มหติ สาสเน ปติฎฺฐิเต ปรินิพฺพานนฺติปิ มหาปรินิพฺพานนฺติ พุทฺธสฺส ภควโต ปรินิพฺพานํ วุจฺจติ, ตปฺปฎิสํยุตฺตํ สุตฺตํ มหาปรินิพฺพานสุตฺตํฯ คิชฺฌา เอตฺถ วสนฺตีติ คิชฺฌํ, คิชฺฌํ กูฎํ เอตสฺสาติ คิชฺฌกูโฎ, คิชฺฌํ วิย วา คิชฺฌํ, กูฎํ, ตํ เอตสฺสาติ คิชฺฌกูโฎ, ปพฺพโต, ตสฺมิํ คิชฺฌกูเฎฯ เตนาห ‘‘คิชฺฌา’’ติอาทิฯ อภิยาตุกาโมติ เอตฺถ อภิ-สโทฺท อภิภวนโตฺถ, ‘‘อภิวิชานาตู’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๔; ๓.๘๕; ม. นิ. ๓.๒๕๖) วิยาติ อาห ‘‘อภิภวนตฺถาย ยาตุกาโม’’ติฯ วชฺชิราชาโนติ ‘‘วเชฺชตพฺพา อิเม’’ติอาทิโต ปวตฺตํ วจนํ อุปาทาย ‘‘วชฺชี’’ติ ลทฺธนามา ราชาโน, วชฺชีรฎฺฐสฺส วา ราชาโน วชฺชิราชาโนฯ วชฺชิรฎฺฐสฺส ปน วชฺชิสมญฺญา ตนฺนิวาสิราชกุมารวเสน เวทิตพฺพาฯ ราชิทฺธิยาติ ราชภาวานุคเตน สภาเวนฯ โส ปน สภาโว เนสํ คณราชูนํ มิโถ สามคฺคิยา โลเก ปากโฎ, จิรฎฺฐายี จ อโหสีติ ‘‘สมคฺคภาวํ กเถสี’’ติ วุตฺตํฯ อนุ อนุ ตํสมงฺคิโน ภาเวติ วเฑฺฒตีติ อนุภาโว, อนุภาโว เอว อานุภาโว, ปตาโป, โส ปน เนสํ ปตาโป หตฺถิอสฺสาทิวาหนสมฺปตฺติยา, ตตฺถ จ สุสิกฺขิตภาเวน โลเก ปากโฎ ชาโตติ ‘‘เอเตน…เป.… กเถสี’’ติ วุตฺตํฯ ตาฬจฺฉิคฺคเลนาติ กุญฺจิกาฉิเทฺทนฯ อสนนฺติ สรํฯ อติปาตยิสฺสนฺตีติ อติกฺกาเมนฺติฯ โปงฺขานุโปงฺขนฺติ โปงฺขสฺส อนุโปงฺขํ, ปุริมสรสฺส โปงฺขปทานุคตโปงฺขํ อิตรํ สรํ กตฺวาติ อโตฺถฯ อวิราธิตนฺติ อวิรชฺฌิตํฯ อุจฺฉินฺทิสฺสามีติ อุมฺมูลนวเสน กุลสนฺตติํ ฉินฺทิสฺสามิฯ อยนํ วฑฺฒนํ อโย, ตปฺปฎิเกฺขเปน อนโยติ อาห ‘‘อวฑฺฒิยา เอตํ นาม’’นฺติฯ วิกฺขิปตีติ วิทูรโต ขิปติ, อปเนตีติ อโตฺถฯ
131. Pūjanīyabhāvato , buddhasampadañca pahāya pavattatā mahantañca taṃ parinibbānañcāti mahāparinibbānaṃ; savāsanappahānato mahantaṃ kilesakkhayaṃ nissāya pavattaṃ parinibbānantipi mahāparinibbānaṃ; mahatā kālena mahatā vā guṇarāsinā sādhitaṃ parinibbānantipi mahāparinibbānaṃ; mahantabhāvāya, dhātūnaṃ bahubhāvāya parinibbānantipi mahāparinibbānaṃ; mahato lokato nissaṭaṃ parinibbānantipi mahāparinibbānaṃ; sabbalokāsādhāraṇattā buddhānaṃ sīlādiguṇehi mahato buddhassa bhagavato parinibbānantipi mahāparinibbānaṃ; mahati sāsane patiṭṭhite parinibbānantipi mahāparinibbānanti buddhassa bhagavato parinibbānaṃ vuccati, tappaṭisaṃyuttaṃ suttaṃ mahāparinibbānasuttaṃ. Gijjhā ettha vasantīti gijjhaṃ, gijjhaṃ kūṭaṃ etassāti gijjhakūṭo, gijjhaṃ viya vā gijjhaṃ, kūṭaṃ, taṃ etassāti gijjhakūṭo, pabbato, tasmiṃ gijjhakūṭe. Tenāha ‘‘gijjhā’’tiādi. Abhiyātukāmoti ettha abhi-saddo abhibhavanattho, ‘‘abhivijānātū’’tiādīsu (dī. ni. 2.244; 3.85; ma. ni. 3.256) viyāti āha ‘‘abhibhavanatthāya yātukāmo’’ti. Vajjirājānoti ‘‘vajjetabbā ime’’tiādito pavattaṃ vacanaṃ upādāya ‘‘vajjī’’ti laddhanāmā rājāno, vajjīraṭṭhassa vā rājāno vajjirājāno. Vajjiraṭṭhassa pana vajjisamaññā tannivāsirājakumāravasena veditabbā. Rājiddhiyāti rājabhāvānugatena sabhāvena. So pana sabhāvo nesaṃ gaṇarājūnaṃ mitho sāmaggiyā loke pākaṭo, ciraṭṭhāyī ca ahosīti ‘‘samaggabhāvaṃ kathesī’’ti vuttaṃ. Anu anu taṃsamaṅgino bhāveti vaḍḍhetīti anubhāvo, anubhāvo eva ānubhāvo, patāpo, so pana nesaṃ patāpo hatthiassādivāhanasampattiyā, tattha ca susikkhitabhāvena loke pākaṭo jātoti ‘‘etena…pe… kathesī’’ti vuttaṃ. Tāḷacchiggalenāti kuñcikāchiddena. Asananti saraṃ. Atipātayissantīti atikkāmenti. Poṅkhānupoṅkhanti poṅkhassa anupoṅkhaṃ, purimasarassa poṅkhapadānugatapoṅkhaṃ itaraṃ saraṃ katvāti attho. Avirādhitanti avirajjhitaṃ. Ucchindissāmīti ummūlanavasena kulasantatiṃ chindissāmi. Ayanaṃ vaḍḍhanaṃ ayo, tappaṭikkhepena anayoti āha ‘‘avaḍḍhiyā etaṃ nāma’’nti. Vikkhipatīti vidūrato khipati, apanetīti attho.
คงฺคายนฺติ คงฺคาสมีเปฯ ปฎฺฎนคามนฺติ สกฎปฎฺฎนคามํฯ อาณาติ อาณา วตฺตติฯ อฑฺฒโยชนนฺติ จ ตสฺมิํ ปฎฺฎเน อฑฺฒโยชนฎฺฐานวาสิโน สนฺธาย วุตฺตํฯ ตตฺราติ ตสฺมิํ ปฎฺฎเนฯ พลวาฆาตชาโตติ อุปฺปนฺนพลวโกโธฯ
Gaṅgāyanti gaṅgāsamīpe. Paṭṭanagāmanti sakaṭapaṭṭanagāmaṃ. Āṇāti āṇā vattati. Aḍḍhayojananti ca tasmiṃ paṭṭane aḍḍhayojanaṭṭhānavāsino sandhāya vuttaṃ. Tatrāti tasmiṃ paṭṭane. Balavāghātajātoti uppannabalavakodho.
เมติ มยฺหํฯ คเตนาติ คมเนนฯ
Meti mayhaṃ. Gatenāti gamanena.
ราชอปริหานิยธมฺมวณฺณนา
Rājaaparihāniyadhammavaṇṇanā
๑๓๔. สีตํ วา อุณฺหํ วา นตฺถิ, ตายํ เวลายํ ปุญฺญานุภาเวน พุทฺธานํ สพฺพกาลํ สมสีตุณฺหาว อุตุ โหติ, ตํ สนฺธาย ตถา วุตฺตํฯ อภิณฺหํ สนฺนิปาตาติ นิจฺจสนฺนิปาตา, ตํ ปน นิจฺจสนฺนิปาตตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทิวสสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สนฺนิปาตพหุลาติ ปจุรสนฺนิปาตาฯ โวสานนฺติ สโงฺกจํฯ ‘‘ยาวกีว’’นฺติ เอกเมเวตํ ปทํ อนิยมโต ปริมาณวาจี, กาโล เจตฺถ อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘ยตฺตกํ กาล’’นฺติฯ ‘‘วุทฺธิเยวา’’ติอาทินา วุตฺตมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน ทเสฺสตุํ ‘‘อภิณฺหํ อสนฺนิปตนฺตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อากุลาติ ขุภิตา, น ปสนฺนาฯ ภิชฺชิตฺวาติ วคฺคพนฺธโต วิภชฺช วิสุํ วิสุํ หุตฺวาฯ
134.Sītaṃ vā uṇhaṃ vā natthi, tāyaṃ velāyaṃ puññānubhāvena buddhānaṃ sabbakālaṃ samasītuṇhāva utu hoti, taṃ sandhāya tathā vuttaṃ. Abhiṇhaṃ sannipātāti niccasannipātā, taṃ pana niccasannipātataṃ dassetuṃ ‘‘divasassā’’tiādi vuttaṃ. Sannipātabahulāti pacurasannipātā. Vosānanti saṅkocaṃ. ‘‘Yāvakīva’’nti ekamevetaṃ padaṃ aniyamato parimāṇavācī, kālo cettha adhippetoti āha ‘‘yattakaṃ kāla’’nti. ‘‘Vuddhiyevā’’tiādinā vuttamatthaṃ byatirekamukhena dassetuṃ ‘‘abhiṇhaṃ asannipatantā hī’’tiādi vuttaṃ. Ākulāti khubhitā, na pasannā. Bhijjitvāti vaggabandhato vibhajja visuṃ visuṃ hutvā.
สนฺนิปาตเภริยาติ สนฺนิปาตาโรจนเภริยาฯ อฑฺฒภุตฺตา วาติ สามิภุตฺตา จฯ โอสีทมาเนติ หายมาเนฯ
Sannipātabheriyāti sannipātārocanabheriyā. Aḍḍhabhuttā vāti sāmibhuttā ca. Osīdamāneti hāyamāne.
ปุเพฺพ อกตนฺติ ปุเพฺพ อนิพฺพตฺตํฯ สุงฺกนฺติ ภณฺฑํ คเหตฺวา คจฺฉเนฺตหิ ปพฺพตขณฺฑ นทีติตฺถคามทฺวาราทีสุ ราชปุริสานํ ทาตพฺพภาคํฯ พลินฺติ นิปฺผนฺนสสฺสาทิโต ฉภาคํ, สตฺตภาคนฺติอาทินา ลทฺธกรํฯ ทณฺฑนฺติ ทสวีสติกหาปณาทิกํ อปราธานุรูปํ คเหตพฺพธนทณฺฑํฯ วชฺชิธมฺมนฺติ วชฺชิราชธมฺมํฯ อิทานิ อปญฺญตฺตปญฺญาปนาทีสุ ตปฺปฎิเกฺขป อาทีนวานิสํเส วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘เตสํ อปญฺญตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ปาริจริยกฺขมาติ อุปฎฺฐานกฺขมาฯ
Pubbe akatanti pubbe anibbattaṃ. Suṅkanti bhaṇḍaṃ gahetvā gacchantehi pabbatakhaṇḍa nadītitthagāmadvārādīsu rājapurisānaṃ dātabbabhāgaṃ. Balinti nipphannasassādito chabhāgaṃ, sattabhāgantiādinā laddhakaraṃ. Daṇḍanti dasavīsatikahāpaṇādikaṃ aparādhānurūpaṃ gahetabbadhanadaṇḍaṃ. Vajjidhammanti vajjirājadhammaṃ. Idāni apaññattapaññāpanādīsu tappaṭikkhepa ādīnavānisaṃse vitthārato dassetuṃ ‘‘tesaṃ apaññatta’’ntiādi vuttaṃ. Pāricariyakkhamāti upaṭṭhānakkhamā.
กุลโภคอิสฺสริยาทิวเสน มหตี มตฺตา ปมาณํ เอเตสนฺติ มหามตฺตา, นีติสตฺถวิหิเต วินิจฺฉเย ฐปิตา มหามตฺตา วินิจฺฉยมหามตฺตา, เตสํฯ เทนฺตีติ นิยฺยาเตนฺติฯ สเจ โจโรติ เอวํสญฺญิโน สเจ โหนฺติฯ ปาปภีรุตาย อตฺตนา กิญฺจิ อวตฺวาฯ ทณฺฑนีติสญฺญิเต โวหาเร นิยุตฺตาติ โวหาริกา, เย ‘‘ธมฺมฎฺฐา’’ติ วุจฺจนฺติฯ สุตฺตธรา นีติสุตฺตธรา , อีทิเส โวหารวินิจฺฉเย นิยเมตฺวา ฐปิตาฯ ปรมฺปราภเตสุ อฎฺฐสุ กุเลสุ ชาตา อคติคมนวิรตา อฎฺฐมหลฺลกปุริสา อฎฺฐกุลิกาฯ
Kulabhogaissariyādivasena mahatī mattā pamāṇaṃ etesanti mahāmattā, nītisatthavihite vinicchaye ṭhapitā mahāmattā vinicchayamahāmattā, tesaṃ. Dentīti niyyātenti. Sace coroti evaṃsaññino sace honti. Pāpabhīrutāya attanā kiñci avatvā. Daṇḍanītisaññite vohāre niyuttāti vohārikā, ye ‘‘dhammaṭṭhā’’ti vuccanti. Suttadharā nītisuttadharā , īdise vohāravinicchaye niyametvā ṭhapitā. Paramparābhatesu aṭṭhasu kulesu jātā agatigamanaviratā aṭṭhamahallakapurisā aṭṭhakulikā.
สกฺการนฺติ อุปการํฯ ครุภาวํ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวาติ ‘‘อิเม อมฺหากํ ครุโน’’ติ ตตฺถ ครุภาวํ ปติ ปติ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ มาเนนฺตีติ สมฺมาเนนฺติ, ตํ ปน สมฺมานนํ เตสุ เนสํ อตฺตมนตาปุพฺพกนฺติ อาห ‘‘มเนน ปิยายนฺตี’’ติฯ นิปจฺจการนฺติ ปณิปาตํฯ ทเสฺสนฺตีติ ‘‘อิเม อมฺหากํ ปิตามหา , มาตามหา’’ติอาทินา นีจจิตฺตา หุตฺวา ครุจิตฺตาการํ ทเสฺสนฺติฯ สนฺธาเรตุนฺติ สมฺพนฺธํ อวิจฺฉินฺนํ กตฺวา ฆเฎตุํฯ
Sakkāranti upakāraṃ. Garubhāvaṃ paccupaṭṭhapetvāti ‘‘ime amhākaṃ garuno’’ti tattha garubhāvaṃ pati pati upaṭṭhapetvā. Mānentīti sammānenti, taṃ pana sammānanaṃ tesu nesaṃ attamanatāpubbakanti āha ‘‘manena piyāyantī’’ti. Nipaccakāranti paṇipātaṃ. Dassentīti ‘‘ime amhākaṃ pitāmahā , mātāmahā’’tiādinā nīcacittā hutvā garucittākāraṃ dassenti. Sandhāretunti sambandhaṃ avicchinnaṃ katvā ghaṭetuṃ.
ปสยฺหาการสฺสาติ พลกฺการสฺสฯ กามํ วุทฺธิยา ปูชนียตาย ‘‘วุทฺธิหานิโย’’ติ วุตฺตํ, อโตฺถ ปน วุตฺตานุกฺกเมเนว โยเชตโพฺพ, ปาฬิยํ วา ยสฺมา ‘‘วุทฺธิเยว ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตทนุกฺกเมน ‘‘วุทฺธิหานิโย’’ติ วุตฺตํฯ
Pasayhākārassāti balakkārassa. Kāmaṃ vuddhiyā pūjanīyatāya ‘‘vuddhihāniyo’’ti vuttaṃ, attho pana vuttānukkameneva yojetabbo, pāḷiyaṃ vā yasmā ‘‘vuddhiyeva pāṭikaṅkhā, no parihānī’’ti vuttaṃ, tasmā tadanukkamena ‘‘vuddhihāniyo’’ti vuttaṃ.
วิปจฺจิตุํ อลโทฺธกาเส ปาปกเมฺม, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเก วา อนวสโรว เทวโตปสโคฺค, ตสฺมิํ ปน ลโทฺธกาเส สิยา เทวโตปสคฺคสฺส อวสโรติ อาห ‘‘อนุปฺปนฺนํ…เป.… วเฑฺฒนฺตี’’ติฯ เอเตเนว อนุปฺปนฺนํ สุขนฺติ เอตฺถาปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ‘‘พลกายสฺส ทิคุณติคุณตาทสฺสนํ, ปฎิภยภาวทสฺสน’’นฺติ เอวํ อาทินา เทวตานํ สงฺคามสีเส สหายตา เวทิตพฺพาฯ
Vipaccituṃ aladdhokāse pāpakamme, tassa kammassa vipāke vā anavasarova devatopasaggo, tasmiṃ pana laddhokāse siyā devatopasaggassa avasaroti āha ‘‘anuppannaṃ…pe… vaḍḍhentī’’ti. Eteneva anuppannaṃ sukhanti etthāpi attho veditabbo. ‘‘Balakāyassa diguṇatiguṇatādassanaṃ, paṭibhayabhāvadassana’’nti evaṃ ādinā devatānaṃ saṅgāmasīse sahāyatā veditabbā.
อนิจฺฉิตนฺติ อนิฎฺฐํฯ อาวรณโตติ นิเสธนโตฯ ยสฺส ธมฺมโต อนเปตา ธมฺมิยาติ อิธ ‘‘ธมฺมิกา’’ติ วุตฺตาฯ มิคสูกราทิฆาตาย สุนขาทีนํ กฑฺฒิตฺวา วนจรณํ วาโช, มิควา, ตตฺถ นิยุตฺตา, เต วา วาเชนฺติ เนนฺตีติ วาชิกา, มิควธจาริโนฯ จิตฺตปฺปวตฺติํ ปุจฺฉติฯ กายิกวาจสิกปโยเคน หิ สา โลเก ปากฎา ปกาสภูตาติฯ
Anicchitanti aniṭṭhaṃ. Āvaraṇatoti nisedhanato. Yassa dhammato anapetā dhammiyāti idha ‘‘dhammikā’’ti vuttā. Migasūkarādighātāya sunakhādīnaṃ kaḍḍhitvā vanacaraṇaṃ vājo, migavā, tattha niyuttā, te vā vājenti nentīti vājikā, migavadhacārino. Cittappavattiṃ pucchati. Kāyikavācasikapayogena hi sā loke pākaṭā pakāsabhūtāti.
๑๓๕. เทวายตนภาเวน จิตตฺตา, โลกสฺส จิตฺตีการฎฺฐานตฺตา จ เจติยํ อโหสิฯ
135. Devāyatanabhāvena citattā, lokassa cittīkāraṭṭhānattā ca cetiyaṃ ahosi.
กามํการวเสน กิญฺจิปิ น กรณียาติ อกรณียาฯ กามํกาโร ปน หตฺถคตกรณวเสนาติ อาห ‘‘อคฺคเหตพฺพาติ อโตฺถ’’ติฯ อภิมุขยุเทฺธนาติ อภิมุขํ อุชุกเมว สงฺคามกรเณนฯ อุปลาปนํ สามํ ทานญฺจาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อล’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เภโทปิ อิธ อุปาโย เอวาติ วุตฺตํ ‘‘อญฺญตฺร มิถุเภทายา’’ติฯ ยุทฺธสฺส ปน อนุปายตา ปเคว ปกาสิตาฯ อิทนฺติ ‘‘อญฺญตฺร อุปลาปนาย, อญฺญตฺร มิถุเภทา’’ติ จ อิทํ วจนํฯ กถาย นยํ ลภิตฺวาติ ‘‘ยาวกีวญฺจ…เป.… โน ปริหานี’’ติ อิมาย ภควโต กถาย นยํ อุปายํ ลภิตฺวาฯ
Kāmaṃkāravasena kiñcipi na karaṇīyāti akaraṇīyā. Kāmaṃkāro pana hatthagatakaraṇavasenāti āha ‘‘aggahetabbāti attho’’ti. Abhimukhayuddhenāti abhimukhaṃ ujukameva saṅgāmakaraṇena. Upalāpanaṃ sāmaṃ dānañcāti dassetuṃ ‘‘ala’’ntiādi vuttaṃ. Bhedopi idha upāyo evāti vuttaṃ ‘‘aññatra mithubhedāyā’’ti. Yuddhassa pana anupāyatā pageva pakāsitā. Idanti ‘‘aññatra upalāpanāya, aññatra mithubhedā’’ti ca idaṃ vacanaṃ. Kathāya nayaṃ labhitvāti ‘‘yāvakīvañca…pe… no parihānī’’ti imāya bhagavato kathāya nayaṃ upāyaṃ labhitvā.
อนุกมฺปายาติ วชฺชิราเชสุ อนุคฺคเหนฯ อสฺสาติ ภควโตฯ
Anukampāyāti vajjirājesu anuggahena. Assāti bhagavato.
กถนฺติ วชฺชีหิ สทฺธิํ กาตพฺพยุทฺธกถํฯ อุชุํ กริสฺสามีติ ปฎิราชาโน อาเนตฺวา ปาการปริขานํ อญฺญถาภาวาปาทเนน อุชุภาวํ กริสฺสามิฯ
Kathanti vajjīhi saddhiṃ kātabbayuddhakathaṃ. Ujuṃ karissāmīti paṭirājāno ānetvā pākāraparikhānaṃ aññathābhāvāpādanena ujubhāvaṃ karissāmi.
ปติฎฺฐิตคุโณติ ปติฎฺฐิตาจริยคุโณฯ อิสฺสรา สนฺนิปตนฺตุ, มยํ อนิสฺสรา, ตตฺถ คนฺตฺวา กิํ กริสฺสามาติ ลิจฺฉวิโน น สนฺนิปติํสูติ โยชนาฯ สูรา สนฺนิปตนฺตูติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ
Patiṭṭhitaguṇoti patiṭṭhitācariyaguṇo. Issarā sannipatantu, mayaṃ anissarā, tattha gantvā kiṃ karissāmāti licchavino na sannipatiṃsūti yojanā. Sūrā sannipatantūti etthāpi eseva nayo.
พลเภรินฺติ ยุทฺธาย พลกายสฺส อุฎฺฐานเภริํฯ
Balabherinti yuddhāya balakāyassa uṭṭhānabheriṃ.
ภิกฺขุอปริหานิยธมฺมวณฺณนา
Bhikkhuaparihāniyadhammavaṇṇanā
๑๓๖. อปริหานาย หิตาติ อปริหานิยา, น ปริหายนฺติ เอเตหีติ วา อปริหานิยา, เต ปน ยสฺมา อปริหานิยา การกา นาม โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อปริหานิกเร’’ติฯ ยสฺมา ปน เต ปริหานิกรานํ อุชุปฎิปกฺขภูตา, ตสฺมา อาห ‘‘วุทฺธิเหตุภูเต’’ติฯ ยสฺมา ภควโต เทสนา อุปรูปริ ญาณาโลกํ ปสาเทนฺตี สตฺตานํ หทยนฺธการํ วิธมติ, ปกาเสตเพฺพ จ อเตฺถ หตฺถตเล อามลกํ วิย สุฎฺฐุตรํ ปากเฎ กตฺวา ทเสฺสติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จนฺทสหสฺสํ…เป.… กถยิสฺสามี’’ติฯ
136. Aparihānāya hitāti aparihāniyā, na parihāyanti etehīti vā aparihāniyā, te pana yasmā aparihāniyā kārakā nāma honti, tasmā vuttaṃ ‘‘aparihānikare’’ti. Yasmā pana te parihānikarānaṃ ujupaṭipakkhabhūtā, tasmā āha ‘‘vuddhihetubhūte’’ti. Yasmā bhagavato desanā uparūpari ñāṇālokaṃ pasādentī sattānaṃ hadayandhakāraṃ vidhamati, pakāsetabbe ca atthe hatthatale āmalakaṃ viya suṭṭhutaraṃ pākaṭe katvā dasseti, tasmā vuttaṃ ‘‘candasahassaṃ…pe… kathayissāmī’’ti.
ยสฺมา ภควา ‘‘ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สมฺมุขา วชฺชีนํ อภิณฺหสนฺนิปาตาทิปฎิปตฺติํ กเถโนฺตเยว อยํ อปริหานิยกถา อนิยฺยานิกา วฎฺฎนิสฺสิตา, มยฺหํ ปน สาสเน ตถารูปี กถา กเถตพฺพา, สา โหติ นิยฺยานิกา วิวฎฺฎนิสฺสิตา, ยาย สาสนํ มยฺหํ ปรินิพฺพานโต ปรมฺปิ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฎฺฐิติก’’นฺติ จิเนฺตสิ, ตสฺมา ภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา เตสํ อปริหานิเย ธเมฺม เทเสโนฺต เตเนว นิยาเมน เทเสสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อิทํ วชฺชิสตฺตเก วุตฺตสทิสเมวา’’ติฯ เอวํ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสโนฺต ‘‘อิธาปิ จา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘ตโต’’ติอาทิ ทิสาสุ อาคตสาสเน วุตฺตํ ตํ กถนํฯ วิหารสีมา อากุลา ยสฺมา, ตสฺมา อุโปสถปวารณา ฐิตาฯ
Yasmā bhagavā ‘‘tassa brāhmaṇassa sammukhā vajjīnaṃ abhiṇhasannipātādipaṭipattiṃ kathentoyeva ayaṃ aparihāniyakathā aniyyānikā vaṭṭanissitā, mayhaṃ pana sāsane tathārūpī kathā kathetabbā, sā hoti niyyānikā vivaṭṭanissitā, yāya sāsanaṃ mayhaṃ parinibbānato parampi addhaniyaṃ assa ciraṭṭhitika’’nti cintesi, tasmā bhikkhū sannipātāpetvā tesaṃ aparihāniye dhamme desento teneva niyāmena desesi. Tena vuttaṃ ‘‘idaṃ vajjisattake vuttasadisamevā’’ti. Evaṃ saṅkhepato vuttamatthaṃ vitthārato dassento ‘‘idhāpi cā’’tiādimāha. Tattha ‘‘tato’’tiādi disāsu āgatasāsane vuttaṃ taṃ kathanaṃ. Vihārasīmā ākulā yasmā, tasmā uposathapavāraṇā ṭhitā.
โอลียมานโกติ ปาฬิโต, อตฺถโต จ วินสฺสมาโนฯ อุกฺขิปาเปนฺตาติ ปคุณภาวกรเณน, อตฺถสํวณฺณเนน จ ปคฺคณฺหนฺตาฯ
Olīyamānakoti pāḷito, atthato ca vinassamāno. Ukkhipāpentāti paguṇabhāvakaraṇena, atthasaṃvaṇṇanena ca paggaṇhantā.
สาวตฺถิยํ ภิกฺขู วิย ปาจิตฺติยํ เทสาเปตโพฺพติ (ปารา. ๕๖๕ วิตฺถารวตฺถุ)ฯ วชฺชิปุตฺตกา วิย ทสวตฺถุทีปเนน (จูฬว. ๔๔๖ วิตฺถารวตฺถุ)ฯ ‘‘คิหิคตานีติ คิหิปฎิสํยุตฺตานี’’ติ วทนฺติฯ คิหีสุ คตานิ, เตหิ ญาตานิ คิหิคตานิฯ ธูมกาโล เอตสฺสาติ ธูมกาลิกํ จิตกธูมวูปสมโต ปรํ อปฺปวตฺตนโตฯ
Sāvatthiyaṃ bhikkhū viya pācittiyaṃ desāpetabboti (pārā. 565 vitthāravatthu). Vajjiputtakā viya dasavatthudīpanena (cūḷava. 446 vitthāravatthu). ‘‘Gihigatānīti gihipaṭisaṃyuttānī’’ti vadanti. Gihīsu gatāni, tehi ñātāni gihigatāni. Dhūmakālo etassāti dhūmakālikaṃ citakadhūmavūpasamato paraṃ appavattanato.
ถิรภาวปฺปตฺตาติ สาสเน ถิรภาวํ อนิวตฺติตภาวํ อุปคตาฯ เถรการเกหีติ เถรภาวสาธเกหิ สีลาทิคุเณหิ อเสกฺขธเมฺมหิฯ พหู รตฺติโยติ ปพฺพชิตา หุตฺวา พหู รตฺติโย ชานนฺติฯ สีลาทิคุเณสุ ปติฎฺฐาปนเมว สาสเน ปริณายกตาติ อาห ‘‘ตีสุ สิกฺขาสุ ปวเตฺตนฺตี’’ติฯ
Thirabhāvappattāti sāsane thirabhāvaṃ anivattitabhāvaṃ upagatā. Therakārakehīti therabhāvasādhakehi sīlādiguṇehi asekkhadhammehi. Bahū rattiyoti pabbajitā hutvā bahū rattiyo jānanti. Sīlādiguṇesu patiṭṭhāpanameva sāsane pariṇāyakatāti āha ‘‘tīsu sikkhāsu pavattentī’’ti.
โอวาทํ น เทนฺติ อภาชนภาวโตฯ ปเวณีกถนฺติ อาจริยปรมฺปราภตํ สมฺมาปฎิปตฺติทีปนํ ธมฺมกถํฯ สารภูตํ ธมฺมปริยายนฺติ สมถวิปสฺสนามคฺคผลสมฺปาปเนน สารภูตํ โพชฺฌงฺคโกสลฺลอนุตฺตรสีตีภาวอธิจิตฺตสุตฺตาทิธมฺมตนฺติํฯ
Ovādaṃ na denti abhājanabhāvato. Paveṇīkathanti ācariyaparamparābhataṃ sammāpaṭipattidīpanaṃ dhammakathaṃ. Sārabhūtaṃ dhammapariyāyanti samathavipassanāmaggaphalasampāpanena sārabhūtaṃ bojjhaṅgakosallaanuttarasītībhāvaadhicittasuttādidhammatantiṃ.
ปุนพฺภวทานํ ปุนพฺภโว อุตฺตรปทโลเปนฯ อิตเรติ เย น ปจฺจยวสิกา น อามิสจกฺขุกา, เต น คจฺฉนฺติ ตณฺหาย วสํฯ
Punabbhavadānaṃ punabbhavo uttarapadalopena. Itareti ye na paccayavasikā na āmisacakkhukā, te na gacchanti taṇhāya vasaṃ.
อารญฺญเกสูติ อรญฺญภาเคสุ อรญฺญปริยาปเนฺนสุฯ นนุ ยตฺถ กตฺถจิปิ ตณฺหา สาวชฺชา เอวาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘คามนฺตเสนาสเนสุ หี’’ติอาทิ, เตน ‘‘อนุตฺตเรสุ วิโมเกฺขสุ ปิหํ อุปฎฺฐาปยโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตสิเนหาทโย วิย อารญฺญเกสุ เสนาสเนสุ สาลยตา เสวิตพฺพปกฺขิยา เอวาติ ทเสฺสติฯ
Āraññakesūti araññabhāgesu araññapariyāpannesu. Nanu yattha katthacipi taṇhā sāvajjā evāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘gāmantasenāsanesu hī’’tiādi, tena ‘‘anuttaresu vimokkhesu pihaṃ upaṭṭhāpayato’’ti ettha vuttasinehādayo viya āraññakesu senāsanesu sālayatā sevitabbapakkhiyā evāti dasseti.
อตฺตนาวาติ สยเมว, เตน ปเรหิ อนุสฺสาหิตานํ สรเสเนว อนาคตานํ เปสลานํ ภิกฺขูนํ อาคมนํ, อาคตานญฺจ ผาสุวิหารํ ปจฺจาสิสนฺตีติ ทเสฺสติฯ อิมินา นีหาเรนาติ อิมาย ปฎิปตฺติยาฯ อคฺคหิตธมฺมคฺคหณนฺติ อคฺคหิตสฺส ปริยตฺติธมฺมสฺส อุคฺคหณํฯ คหิตสชฺฌายกรณนฺติ อุคฺคหิตสฺส สุฎฺฐุ อตฺถจินฺตนํฯ จินฺตนโตฺถ หิ สชฺฌายสโทฺทฯ
Attanāvāti sayameva, tena parehi anussāhitānaṃ saraseneva anāgatānaṃ pesalānaṃ bhikkhūnaṃ āgamanaṃ, āgatānañca phāsuvihāraṃ paccāsisantīti dasseti. Iminā nīhārenāti imāya paṭipattiyā. Aggahitadhammaggahaṇanti aggahitassa pariyattidhammassa uggahaṇaṃ. Gahitasajjhāyakaraṇanti uggahitassa suṭṭhu atthacintanaṃ. Cintanattho hi sajjhāyasaddo.
เอนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติฯ นิสีทนฺติ อาสนปญฺญาปนาทินาฯ
Entīti upagacchanti. Nisīdanti āsanapaññāpanādinā.
๑๓๗. อารมิตพฺพเฎฺฐน กมฺมํ อาราโมฯ กเมฺม รตา, น คนฺถธุเร, วาสธุเร วาติ กมฺมรตา, อนุยุตฺตาติ ตปฺปรภาเวน ปุนปฺปุนํ ปสุตาฯ อิติ กาตพฺพกมฺมนฺติ ตํ ตํ ภิกฺขูนํ กาตพฺพํ อุจฺจาวจกมฺมํ จีวรวิจารณาทิฯ เตนาห ‘‘เสยฺยถิท’’นฺติอาทิฯ อุปตฺถมฺภนนฺติ ทุปฎฺฎติปฎฺฎาทิกรณํฯ ตญฺหิ ปฐมปฎลาทีนํ อุปตฺถมฺภนการณตฺตา ตถา วุตฺตํฯ ยทิ เอวํ กถํ อยํ กมฺมรามตา ปฎิกฺขิตฺตาติ อาห ‘‘เอกโจฺจ หี’’ติอาทิฯ
137. Āramitabbaṭṭhena kammaṃ ārāmo. Kamme ratā, na ganthadhure, vāsadhure vāti kammaratā, anuyuttāti tapparabhāvena punappunaṃ pasutā. Iti kātabbakammanti taṃ taṃ bhikkhūnaṃ kātabbaṃ uccāvacakammaṃ cīvaravicāraṇādi. Tenāha ‘‘seyyathida’’ntiādi. Upatthambhananti dupaṭṭatipaṭṭādikaraṇaṃ. Tañhi paṭhamapaṭalādīnaṃ upatthambhanakāraṇattā tathā vuttaṃ. Yadi evaṃ kathaṃ ayaṃ kammarāmatā paṭikkhittāti āha ‘‘ekacco hī’’tiādi.
กโรโนฺต เยวาติ ยถาวุตฺตติรจฺฉานกถํ กเถโนฺตเยวฯ อติรจฺฉานกถาภาเวปิ ตสฺส ตตฺถ ตปฺปรภาวทสฺสนตฺถํ อวธารณวจนํฯ ปริยนฺตการีติ สปริยนฺตํ กตฺวา วตฺตาฯ ‘‘ปริยนฺตวติํ วาจํ ภาสิตา’’ติ (ที. นิ. ๑.๙, ๑๙๔) หิ วุตฺตํฯ อปฺปภโสฺส วาติ ปริมิตกโถเยว เอกเนฺตน กเถตพฺพเสฺสว กถนโตฯ สมาปตฺติสมาปชฺชนํ อริโย ตุณฺหีภาโวฯ
Karonto yevāti yathāvuttatiracchānakathaṃ kathentoyeva. Atiracchānakathābhāvepi tassa tattha tapparabhāvadassanatthaṃ avadhāraṇavacanaṃ. Pariyantakārīti sapariyantaṃ katvā vattā. ‘‘Pariyantavatiṃ vācaṃ bhāsitā’’ti (dī. ni. 1.9, 194) hi vuttaṃ. Appabhasso vāti parimitakathoyeva ekantena kathetabbasseva kathanato. Samāpattisamāpajjanaṃ ariyo tuṇhībhāvo.
นิทฺทายติเยวาติ นิโทฺทกฺกมเน อนาทีนวทสฺสี นิทฺทายติเยวฯ อิริยาปถปริวตฺตนาทินา น นํ วิโนเทติฯ
Niddāyatiyevāti niddokkamane anādīnavadassī niddāyatiyeva. Iriyāpathaparivattanādinā na naṃ vinodeti.
เอวํ สํสโฎฺฐ วาติ วุตฺตนเยน คณสงฺคณิกาย สํสโฎฺฐ เอว วิหรติฯ
Evaṃ saṃsaṭṭho vāti vuttanayena gaṇasaṅgaṇikāya saṃsaṭṭho eva viharati.
ทุสฺสีลา ปาปิจฺฉา นามาติ สยํ นิสฺสีลา อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉาย สมนฺนาคตตฺตา ปาปา ลามกา อิจฺฉา เอเตสนฺติ ปาปิจฺฉาฯ
Dussīlā pāpicchā nāmāti sayaṃ nissīlā asantaguṇasambhāvanicchāya samannāgatattā pāpā lāmakā icchā etesanti pāpicchā.
ปาปปุคฺคเลหิ เมตฺติกรณโต ปาปมิตฺตาฯ เตหิ สทา สห ปวตฺตเนน ปาปสหายาฯ ตตฺถ นินฺนตาทินา ตทธิมุตฺตตาย ปาปสมฺปวงฺกาฯ
Pāpapuggalehi mettikaraṇato pāpamittā. Tehi sadā saha pavattanena pāpasahāyā. Tattha ninnatādinā tadadhimuttatāya pāpasampavaṅkā.
๑๓๘. สทฺธา เอเตสํ อตฺถีติ สทฺธาติ อาห ‘‘สทฺธาสมฺปนฺนา’’ติฯ อาคมนียปฎิปทาย อาคตสทฺธา อาคมนียสทฺธา, สา สาติสยา มหาโพธิสตฺตานํ ปโรปเทเสน วินา สเทฺธยฺยวตฺถุํ อวิปรีตโต โอคาเหตฺวา อธิมุจฺจนโตติ อาห ‘‘สพฺพญฺญุโพธิสตฺตานํ โหตี’’ติฯ สจฺจปฎิเวธโต อาคตสทฺธา อธิคมสทฺธา สุรพนฺธาทีนํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๑๘; ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.สุปฺปพุทฺธกุฎฺฐิวตฺถุ; อุทา. อฎฺฐ. ๔๓) วิยฯ ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา’’ติอาทินา พุทฺธาทีสุ อุปฺปชฺชนกปสาโท ปสาทสทฺธา มหากปฺปินราชาทีนํ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๓๑; ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.มหากปฺปินเตฺถรวตฺถุ; เถรคา. อฎฺฐ. ๒.มหากปฺปินเตฺถรคาถาวณฺณนา, วิตฺถาโร) วิยฯ ‘‘เอวเมต’’นฺติ โอกฺกนฺติตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา สทฺทหนวเสน กปฺปนํ โอกปฺปนํฯ ทุวิธาปีติ ปสาทสทฺธาปิ โอกปฺปนสทฺธาปิฯ ตตฺถ ปสาทสทฺธา อปรเนยฺยรูปา โหติ สวนมเตฺตน ปสีทนโตฯ โอกปฺปนสทฺธา สเทฺธยฺยวตฺถุํ โอคาเหตฺวา อนุปวิสิตฺวา ‘‘เอวเมต’’นฺติ ปจฺจกฺขํ กโรนฺตี วิย ปวตฺตติฯ เตนาห ‘‘สทฺธาธิมุโตฺต วกฺกลิเตฺถรสทิโส โหตี’’ติฯ ตสฺส หีติ โอกปฺปนสทฺธาย สมนฺนาคตสฺสฯ หิรี เอตสฺส อตฺถีติ หิริ, หิริ มโน เอเตสนฺติ หิริมนาติ อาห ‘‘ปาป…เป.… จิตฺตา’’ติฯ ปาปโต โอตฺตเปฺปนฺติ อุพฺพิชฺชนฺติ ภายนฺตีติ โอตฺตปฺปีฯ
138. Saddhā etesaṃ atthīti saddhāti āha ‘‘saddhāsampannā’’ti. Āgamanīyapaṭipadāya āgatasaddhā āgamanīyasaddhā, sā sātisayā mahābodhisattānaṃ paropadesena vinā saddheyyavatthuṃ aviparītato ogāhetvā adhimuccanatoti āha ‘‘sabbaññubodhisattānaṃ hotī’’ti. Saccapaṭivedhato āgatasaddhā adhigamasaddhā surabandhādīnaṃ (dī. ni. aṭṭha. 3.118; dha. pa. aṭṭha. 1.suppabuddhakuṭṭhivatthu; udā. aṭṭha. 43) viya. ‘‘Sammāsambuddho bhagavā’’tiādinā buddhādīsu uppajjanakapasādo pasādasaddhā mahākappinarājādīnaṃ (a. ni. aṭṭha. 1.1.231; dha. pa. aṭṭha. 1.mahākappinattheravatthu; theragā. aṭṭha. 2.mahākappinattheragāthāvaṇṇanā, vitthāro) viya. ‘‘Evameta’’nti okkantitvā pakkhanditvā saddahanavasena kappanaṃ okappanaṃ. Duvidhāpīti pasādasaddhāpi okappanasaddhāpi. Tattha pasādasaddhā aparaneyyarūpā hoti savanamattena pasīdanato. Okappanasaddhā saddheyyavatthuṃ ogāhetvā anupavisitvā ‘‘evameta’’nti paccakkhaṃ karontī viya pavattati. Tenāha ‘‘saddhādhimutto vakkalittherasadiso hotī’’ti. Tassa hīti okappanasaddhāya samannāgatassa. Hirī etassa atthīti hiri, hiri mano etesanti hirimanāti āha ‘‘pāpa…pe… cittā’’ti. Pāpato ottappenti ubbijjanti bhāyantīti ottappī.
พหุ สุตํ สุตฺตเคยฺยาทิ เอเตนาติ พหุสฺสุโต, สุตคฺคหณํ เจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ ธารณปริจยปริปุจฺฉานุเปกฺขนทิฎฺฐินิชฺฌานานํ เปตฺถ อิจฺฉิตพฺพตฺตาฯ สวนมูลกตฺตา วา เตสมฺปิ ตคฺคหเณเนว คหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ อตฺถกาเมน ปริยาปุณิตพฺพโต, ทิฎฺฐธมฺมิกาทิปุริสตฺถสิทฺธิยา ปริยตฺตภาวโต จ ปริยตฺติ, ตีณิ ปิฎกานิฯ สจฺจปฺปฎิเวโธ สจฺจานํ ปฎิวิชฺฌนํฯ ตทปิ พาหุสจฺจํ ยถาวุตฺตพาหุสจฺจกิจฺจนิปฺผตฺติโตฯ ปริยตฺติ อธิเปฺปตา สจฺจปฎิเวธาวเหน พาหุสเจฺจน พหุสฺสุตภาวสฺส อิธ อิจฺฉิตตฺตาฯ โสติ ปริยตฺติพหุสฺสุโตฯ จตุพฺพิโธ โหติ ปญฺจมสฺส ปการสฺส อภาวโตฯ สพฺพตฺถกพหุสฺสุโตติ นิสฺสยมุจฺจนกพหุสฺสุตาทโย วิย ปเทสิโก อหุตฺวา ปิฎกตฺตเย สพฺพตฺถกเมว พาหุสจฺจสพฺภาวโต สพฺพสฺส อตฺถสฺส กายนโต กถนโต สพฺพตฺถกพหุสฺสุโตฯ เต อิธ อธิเปฺปตา ปฎิปตฺติปฎิเวธสทฺธมฺมานํ มูลภูเต ปริยตฺติสทฺธเมฺม สุปฺปติฎฺฐิตภาวโตฯ
Bahu sutaṃ suttageyyādi etenāti bahussuto, sutaggahaṇaṃ cettha nidassanamattaṃ dhāraṇaparicayaparipucchānupekkhanadiṭṭhinijjhānānaṃ pettha icchitabbattā. Savanamūlakattā vā tesampi taggahaṇeneva gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Atthakāmena pariyāpuṇitabbato, diṭṭhadhammikādipurisatthasiddhiyā pariyattabhāvato ca pariyatti, tīṇi piṭakāni. Saccappaṭivedho saccānaṃ paṭivijjhanaṃ. Tadapi bāhusaccaṃ yathāvuttabāhusaccakiccanipphattito. Pariyatti adhippetā saccapaṭivedhāvahena bāhusaccena bahussutabhāvassa idha icchitattā. Soti pariyattibahussuto. Catubbidho hoti pañcamassa pakārassa abhāvato. Sabbatthakabahussutoti nissayamuccanakabahussutādayo viya padesiko ahutvā piṭakattaye sabbatthakameva bāhusaccasabbhāvato sabbassa atthassa kāyanato kathanato sabbatthakabahussuto. Te idha adhippetā paṭipattipaṭivedhasaddhammānaṃ mūlabhūte pariyattisaddhamme suppatiṭṭhitabhāvato.
อารทฺธนฺติ ปคฺคหิตํฯ ตํ ปน ทุวิธมฺปิ วีริยารมฺภวิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เอกกาติ เอกากิโน, วูปกฎฺฐวิหาริโนติ อโตฺถฯ
Āraddhanti paggahitaṃ. Taṃ pana duvidhampi vīriyārambhavibhāgena dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ekakāti ekākino, vūpakaṭṭhavihārinoti attho.
ปุจฺฉิตฺวาติ ปรโต ปุจฺฉิตฺวาฯ สมฺปฎิจฺฉาเปตุนฺติ ‘‘ตฺวํ อสุกนาโม’’ติ วตฺวา เตหิ ‘‘อามา’’ติ ปฎิชานาเปตุนฺติ อโตฺถฯ เอวํ จิรกตาทิอนุสฺสรณสมตฺถสติเนปกฺกานํ อปฺปกสิเรเนว สติสโมฺพชฺฌงฺคภาวนาปาริปูริํ คจฺฉตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เอวรูเป ภิกฺขู สนฺธายา’’ติ วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิฯ
Pucchitvāti parato pucchitvā. Sampaṭicchāpetunti ‘‘tvaṃ asukanāmo’’ti vatvā tehi ‘‘āmā’’ti paṭijānāpetunti attho. Evaṃ cirakatādianussaraṇasamatthasatinepakkānaṃ appakasireneva satisambojjhaṅgabhāvanāpāripūriṃ gacchatīti dassanatthaṃ ‘‘evarūpe bhikkhū sandhāyā’’ti vuttaṃ. Tenevāha ‘‘apicā’’tiādi.
๑๓๙. พุชฺฌติ เอตายาติ ‘‘โพธี’’ติ ลทฺธนามาย สมฺมาทิฎฺฐิอาทิธมฺมสามคฺคิยา อโงฺคติ โพชฺฌโงฺค, ปสโตฺถ, สุนฺทโร วา โพชฺฌโงฺค สโมฺพชฺฌโงฺคฯ อุปฎฺฐานลกฺขโณติ กายเวทนาจิตฺตธมฺมานํ อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตภาวสลฺลกฺขณสงฺขาตํ อารมฺมเณ อุปฎฺฐานํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อุปฎฺฐานลกฺขโณฯ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ปีฬนาทิปฺปการโต วิจโย อุปปริกฺขา ลกฺขณํ เอตสฺสาติ ปวิจยลกฺขโณฯ อนุปฺปนฺนา กุสลานุปฺปาทนาทิวเสน จิตฺตสฺส ปคฺคโห ปคฺคณฺหนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ ปคฺคหลกฺขโณฯ ผรณํ วิปฺผาริกตา ลกฺขณํ เอตสฺสาติ ผรณลกฺขโณฯ อุปสโม กายจิตฺตปริฬาหานํ วูปสมนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อุปสมลกฺขโณฯ อวิเกฺขโป วิเกฺขปวิทฺธํสนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อวิเกฺขปลกฺขโณฯ ลีนุทฺธจฺจรหิเต อธิจิเตฺต ปวตฺตมาเน ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ อพฺยาวฎตฺตา อชฺฌุเปกฺขนํ ปฎิสงฺขานํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ ปฎิสงฺขานลกฺขโณฯ
139. Bujjhati etāyāti ‘‘bodhī’’ti laddhanāmāya sammādiṭṭhiādidhammasāmaggiyā aṅgoti bojjhaṅgo, pasattho, sundaro vā bojjhaṅgo sambojjhaṅgo. Upaṭṭhānalakkhaṇoti kāyavedanācittadhammānaṃ asubhadukkhāniccānattabhāvasallakkhaṇasaṅkhātaṃ ārammaṇe upaṭṭhānaṃ lakkhaṇaṃ etassāti upaṭṭhānalakkhaṇo. Catunnaṃ ariyasaccānaṃ pīḷanādippakārato vicayo upaparikkhā lakkhaṇaṃ etassāti pavicayalakkhaṇo. Anuppannā kusalānuppādanādivasena cittassa paggaho paggaṇhanaṃ lakkhaṇaṃ etassāti paggahalakkhaṇo. Pharaṇaṃ vipphārikatā lakkhaṇaṃ etassāti pharaṇalakkhaṇo. Upasamo kāyacittapariḷāhānaṃ vūpasamanaṃ lakkhaṇaṃ etassāti upasamalakkhaṇo. Avikkhepo vikkhepaviddhaṃsanaṃ lakkhaṇaṃ etassāti avikkhepalakkhaṇo. Līnuddhaccarahite adhicitte pavattamāne paggahaniggahasampahaṃsanesu abyāvaṭattā ajjhupekkhanaṃ paṭisaṅkhānaṃ lakkhaṇaṃ etassāti paṭisaṅkhānalakkhaṇo.
จตูหิ การเณหีติ สติสมฺปชญฺญํ, มุฎฺฐสฺสติปุคฺคลปริวชฺชนา, อุปฎฺฐิตสฺสติปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิฯ ฉหิ การเณหีติ ปริปุจฺฉกตา, วตฺถุวิสทกิริยา, อินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนา, ทุปฺปญฺญปุคฺคลปริวชฺชนา, ปญฺญวนฺตปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ ฉหิ การเณหิฯ มหาสติปฎฺฐานวณฺณนายํ ปน ‘‘สตฺตหิ การเณหี’’ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๘๕; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๑๘) วกฺขติ, ตํ คมฺภีรญาณจริยาปจฺจเวกฺขณาติ อิมํ การณํ ปกฺขิปิตฺวา เวทิตพฺพํฯ นวหิ การเณหีติ อปายภยปจฺจเวกฺขณา, คมนวีถิปจฺจเวกฺขณา, ปิณฺฑปาตสฺส อปจายนตา, ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สตฺถุมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สพฺรหฺมจารีมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนา, อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ นวหิ การเณหิฯ มหาสติปฎฺฐานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๘๕; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๑๘) ปน อานิสํสทสฺสาวิตา, ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณาติ อิเมหิ สทฺธิํ ‘‘เอกาทสา’’ติ วกฺขติฯ ทสหิ การเณหีติ พุทฺธานุสฺสติ, ธมฺมานุสฺสติ, สงฺฆสีลจาคเทวตาอุปสมานุสฺสติ, ลูขปุคฺคลปริวชฺชนา, สินิทฺธปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ ทสหิฯ มหาสติปฎฺฐานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๘๕; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๑๘) ปน ปสาทนิยสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณาย สทฺธิํ ‘‘เอกาทสา’’ติ วกฺขติฯ สตฺตหิ การเณหีติ ปณีตโภชนเสวนตา , อุตุสุขเสวนตา, อิริยาปถสุขเสวนตา, มชฺฌตฺตปโยคตา, สารทฺธกายปุคฺคลปริวชฺชนตา , ปสฺสทฺธกายปุคฺคลเสวนตา, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ สตฺตหิฯ ทสหิ การเณหีติ วตฺถุวิสทกิริยา, อินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนา, นิมิตฺตกุสลตา, สมเย จิตฺตสฺส ปคฺคหณํ, สมเย จิตฺตสฺส นิคฺคหณํ, สมเย จิตฺตสฺส สมฺปหํสนํ, สมเย จิตฺตสฺส อชฺฌุเปกฺขนํ, อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนํ, สมาหิตปุคฺคลเสวนํ, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ ทสหิ การเณหิฯ มหาสติปฎฺฐานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๘๕; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๑๘) ปน ‘‘ฌานวิโมกฺขปจฺจเวกฺขณา’’ติ อิมินา สทฺธิํ ‘‘เอกาทสหี’’ติ วกฺขติฯ ปญฺจหิ การเณหีติ สตฺตมชฺฌตฺตตา, สงฺขารมชฺฌตฺตตา, สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนา, สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺตปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ ปญฺจหิ การเณหิฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ มหาสติปฎฺฐานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๘๕; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๑๘) อาคมิสฺสติฯ กามํ โพธิปกฺขิยธมฺมา นาม นิปฺปริยายโต อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา เอว นิยฺยานิกภาวโตฯ สุตฺตนฺตเทสนา นาม ปริยายกถาติ ‘‘อิมินา วิปสฺสนา…เป.… กเถสี’’ติ วุตฺตํฯ
Catūhi kāraṇehīti satisampajaññaṃ, muṭṭhassatipuggalaparivajjanā, upaṭṭhitassatipuggalasevanā, tadadhimuttatāti imehi catūhi kāraṇehi. Chahi kāraṇehīti paripucchakatā, vatthuvisadakiriyā, indriyasamattapaṭipādanā, duppaññapuggalaparivajjanā, paññavantapuggalasevanā, tadadhimuttatāti imehi chahi kāraṇehi. Mahāsatipaṭṭhānavaṇṇanāyaṃ pana ‘‘sattahi kāraṇehī’’ (dī. ni. aṭṭha. 2.385; ma. ni. aṭṭha. 1.118) vakkhati, taṃ gambhīrañāṇacariyāpaccavekkhaṇāti imaṃ kāraṇaṃ pakkhipitvā veditabbaṃ. Navahi kāraṇehīti apāyabhayapaccavekkhaṇā, gamanavīthipaccavekkhaṇā, piṇḍapātassa apacāyanatā, dāyajjamahattapaccavekkhaṇā, satthumahattapaccavekkhaṇā, sabrahmacārīmahattapaccavekkhaṇā, kusītapuggalaparivajjanā, āraddhavīriyapuggalasevanā, tadadhimuttatāti imehi navahi kāraṇehi. Mahāsatipaṭṭhānavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.385; ma. ni. aṭṭha. 1.118) pana ānisaṃsadassāvitā, jātimahattapaccavekkhaṇāti imehi saddhiṃ ‘‘ekādasā’’ti vakkhati. Dasahi kāraṇehīti buddhānussati, dhammānussati, saṅghasīlacāgadevatāupasamānussati, lūkhapuggalaparivajjanā, siniddhapuggalasevanā, tadadhimuttatāti imehi dasahi. Mahāsatipaṭṭhānavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.385; ma. ni. aṭṭha. 1.118) pana pasādaniyasuttantapaccavekkhaṇāya saddhiṃ ‘‘ekādasā’’ti vakkhati. Sattahi kāraṇehīti paṇītabhojanasevanatā , utusukhasevanatā, iriyāpathasukhasevanatā, majjhattapayogatā, sāraddhakāyapuggalaparivajjanatā , passaddhakāyapuggalasevanatā, tadadhimuttatāti imehi sattahi. Dasahi kāraṇehīti vatthuvisadakiriyā, indriyasamattapaṭipādanā, nimittakusalatā, samaye cittassa paggahaṇaṃ, samaye cittassa niggahaṇaṃ, samaye cittassa sampahaṃsanaṃ, samaye cittassa ajjhupekkhanaṃ, asamāhitapuggalaparivajjanaṃ, samāhitapuggalasevanaṃ, tadadhimuttatāti imehi dasahi kāraṇehi. Mahāsatipaṭṭhānavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.385; ma. ni. aṭṭha. 1.118) pana ‘‘jhānavimokkhapaccavekkhaṇā’’ti iminā saddhiṃ ‘‘ekādasahī’’ti vakkhati. Pañcahi kāraṇehīti sattamajjhattatā, saṅkhāramajjhattatā, sattasaṅkhārakelāyanapuggalaparivajjanā, sattasaṅkhāramajjhattapuggalasevanā, tadadhimuttatāti imehi pañcahi kāraṇehi. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ mahāsatipaṭṭhānavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.385; ma. ni. aṭṭha. 1.118) āgamissati. Kāmaṃ bodhipakkhiyadhammā nāma nippariyāyato ariyamaggasampayuttā eva niyyānikabhāvato. Suttantadesanā nāma pariyāyakathāti ‘‘iminā vipassanā…pe… kathesī’’ti vuttaṃ.
๑๔๐. เตภูมเก สงฺขาเร ‘‘อนิจฺจา’’ติ อนุปสฺสติ เอตายาติ อนิจฺจานุปสฺสนา, ตถา ปวตฺตา วิปสฺสนา, สา ปน ยสฺมา อตฺตนา สหคตสญฺญาย ภาวิตาย วิภาวิตา เอว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาย สทฺธิํ อุปฺปนฺนสญฺญา’’ติฯ สญฺญาสีเสน วายํ วิปสฺสนาย เอว นิเทฺทโสฯ อนตฺตสญฺญาทีสุปิ เอเสว นโยฯ โลกิยวิปสฺสนาปิ โหนฺติ, ยสฺมา ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ตา ปวตฺตนฺตีติฯ โลกิยวิปสฺสนาปีติ ปิ-สเทฺทน มิสฺสกาเปตฺถ สนฺตีติ อตฺถโต อาปนฺนนฺติ อตฺถาปตฺติสิทฺธมตฺถํ นิทฺธาเรตฺวา สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘วิราโค’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อาคตวเสนาติ ตถา อาคตปาฬิวเสน ‘‘วิราโค นิโรโธ’’ติ หิ ตตฺถ นิพฺพานํ วุตฺตนฺติ อิธ ‘‘วิราคสญฺญา, นิโรธสญฺญา’’ติ วุตฺตสญฺญา นิพฺพานารมฺมณาปิ สิยุํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เทฺว โลกุตฺตราปิ โหนฺตี’’ติฯ
140. Tebhūmake saṅkhāre ‘‘aniccā’’ti anupassati etāyāti aniccānupassanā, tathā pavattā vipassanā, sā pana yasmā attanā sahagatasaññāya bhāvitāya vibhāvitā eva hotīti vuttaṃ ‘‘aniccānupassanāya saddhiṃ uppannasaññā’’ti. Saññāsīsena vāyaṃ vipassanāya eva niddeso. Anattasaññādīsupi eseva nayo. Lokiyavipassanāpi honti, yasmā ‘‘anicca’’ntiādinā tā pavattantīti. Lokiyavipassanāpīti pi-saddena missakāpettha santīti atthato āpannanti atthāpattisiddhamatthaṃ niddhāretvā sarūpato dassetuṃ ‘‘virāgo’’tiādi vuttaṃ. Tattha āgatavasenāti tathā āgatapāḷivasena ‘‘virāgo nirodho’’ti hi tattha nibbānaṃ vuttanti idha ‘‘virāgasaññā, nirodhasaññā’’ti vuttasaññā nibbānārammaṇāpi siyuṃ. Tena vuttaṃ ‘‘dve lokuttarāpi hontī’’ti.
๑๔๑. เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, จิตฺตํฯ ตํสมุฎฺฐานํ กายกมฺมํ เมตฺตํ กายกมฺมํฯ เอส นโย เสสทฺวเยปิฯ อิมานิปิ เมตฺตากายกมฺมาทีนิ ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ เตสํ เสฎฺฐปริสภาวโตฯ ยถา ปน ภิกฺขูสุปิ ลพฺภนฺติ, เอวํ คิหีสุปิ ลพฺภนฺติ จตุปริสสาธารณตฺตาติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ภิกฺขูนญฺหี’’ติอาทิมาหฯ กามํ อาทิพฺรหฺมจริยกธมฺมสฺสวเนนปิ เมตฺตากายกมฺมานิ ลพฺภนฺติ, นิปฺปริยายโต ปน จาริตฺตธมฺมสฺสวเนน อยมโตฺถ อิจฺฉิโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อาภิสมาจาริกธมฺมปูรณ’’นฺติ อาหฯ เตปิฎกมฺปิ พุทฺธวจนํ ปริปุจฺฉนอตฺถกถนวเสน ปวตฺติยมานํ หิตชฺฌาสเยน ปวตฺติตพฺพโตฯ
141. Mettā etassa atthīti mettaṃ, cittaṃ. Taṃsamuṭṭhānaṃ kāyakammaṃ mettaṃ kāyakammaṃ. Esa nayo sesadvayepi. Imānipi mettākāyakammādīni bhikkhūnaṃ vasena āgatāni tesaṃ seṭṭhaparisabhāvato. Yathā pana bhikkhūsupi labbhanti, evaṃ gihīsupi labbhanti catuparisasādhāraṇattāti taṃ dassento ‘‘bhikkhūnañhī’’tiādimāha. Kāmaṃ ādibrahmacariyakadhammassavanenapi mettākāyakammāni labbhanti, nippariyāyato pana cārittadhammassavanena ayamattho icchitoti dassento ‘‘ābhisamācārikadhammapūraṇa’’nti āha. Tepiṭakampi buddhavacanaṃ paripucchanaatthakathanavasena pavattiyamānaṃ hitajjhāsayena pavattitabbato.
อาวีติ ปกาสํ, ปกาสภาโว เจตฺถ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กายกมฺมํ กรียติ, ตสฺส สมฺมุขภาวโตติ อาห ‘‘สมฺมุขา’’ติฯ รโหติ อปฺปกาสํ, อปฺปกาสตา จ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กายกมฺมํ กรียติ, ตสฺส ปจฺจกฺขาภาวโตติ อาห ‘‘ปรมฺมุขา’’ติฯ สหายภาวคมนํ เตสํ ปุรโตฯ อุภเยหีติ นวเกหิ, เถเรหิ จฯ
Āvīti pakāsaṃ, pakāsabhāvo cettha yaṃ uddissa taṃ kāyakammaṃ karīyati, tassa sammukhabhāvatoti āha ‘‘sammukhā’’ti. Rahoti appakāsaṃ, appakāsatā ca yaṃ uddissa taṃ kāyakammaṃ karīyati, tassa paccakkhābhāvatoti āha ‘‘parammukhā’’ti. Sahāyabhāvagamanaṃ tesaṃ purato. Ubhayehīti navakehi, therehi ca.
ปคฺคยฺหาติ ปคฺคณฺหิตฺวา อุจฺจํ กตฺวาฯ
Paggayhāti paggaṇhitvā uccaṃ katvā.
กามํ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานํ นยนานํ อุมฺมีลนา, ปสเนฺนน มุเขน โอโลกนญฺจ เมตฺตํ กายกมฺมเมว, ยสฺส ปน จิตฺตสฺส วเสน นยนานํ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธตา, มุขสฺส จ ปสนฺนตา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เมตฺตํ มโนกมฺมํ นามา’’ติฯ
Kāmaṃ mettāsinehasiniddhānaṃ nayanānaṃ ummīlanā, pasannena mukhena olokanañca mettaṃ kāyakammameva, yassa pana cittassa vasena nayanānaṃ mettāsinehasiniddhatā, mukhassa ca pasannatā, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘mettaṃ manokammaṃ nāmā’’ti.
ลาภสโทฺท กมฺมสาธโน ‘‘ลาภาวต, ลาโภ ลโทฺธ’’ติอาทีสุ วิย, โส เจตฺถ ‘‘ธมฺมลทฺธา’’ติ วจนโต อตีตกาลิโกติ อาห ‘‘จีวราทโย ลทฺธปจฺจยา’’ติฯ ธมฺมโต อาคตาติ ธมฺมิกาฯ เตนาห ‘‘ธมฺมลทฺธา’’ติฯ อิมเมว หิ อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘กุหนาที’’ติอาทิ วุตฺตํฯ จิเตฺตน วิภชนปุพฺพกํ กาเยน วิภชนนฺติ มูลเมว ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ จิเตฺตน วิภชน’’นฺติ วุตฺตํ, เตน จิตฺตุปฺปาทมเตฺตนปิ ปฎิวิภาโค น กาตโพฺพติ ทเสฺสติฯ อปฺปฎิวิภตฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิเทฺทโส, อปฺปฎิวิภตฺตํ วา ลาภํ ภุญฺชตีติ กมฺมนิเทฺทโส เอวฯ
Lābhasaddo kammasādhano ‘‘lābhāvata, lābho laddho’’tiādīsu viya, so cettha ‘‘dhammaladdhā’’ti vacanato atītakālikoti āha ‘‘cīvarādayo laddhapaccayā’’ti. Dhammato āgatāti dhammikā. Tenāha ‘‘dhammaladdhā’’ti. Imameva hi atthaṃ dassetuṃ ‘‘kuhanādī’’tiādi vuttaṃ. Cittena vibhajanapubbakaṃ kāyena vibhajananti mūlameva dassetuṃ ‘‘evaṃ cittena vibhajana’’nti vuttaṃ, tena cittuppādamattenapi paṭivibhāgo na kātabboti dasseti. Appaṭivibhattanti bhāvanapuṃsakaniddeso, appaṭivibhattaṃ vā lābhaṃ bhuñjatīti kammaniddeso eva.
ตํ ตํ เนว คิหีนํ เทติ อตฺตโน อาชีวโสธนตฺถํฯ น อตฺตนา ภุญฺชตีติ อตฺตนาว น ปริภุญฺชติ ‘‘มยฺหํ อสาธารณโภคิตา มา โหตู’’ติฯ ‘‘ปฎิคฺคณฺหโนฺต จ…เป.… ปสฺสตี’’ติ อิมินา ตสฺส ลาภสฺส ตีสุปิ กาเลสุ สาธารณโต ฐปนํ ทสฺสิตํฯ ‘‘ปฎิคฺคณฺหโนฺต จ สเงฺฆน สาธารณํ โหตู’’ติ อิมินา ปฎิคฺคหณกาโล ทสฺสิโต, ‘‘คเหตฺวา…เป.… ปสฺสตี’’ติ อิมินา ปฎิคฺคหิตกาโล, ตทุภยํ ปน ตาทิเสน ปุพฺพาโภเคน วินา น โหตีติ อตฺถสิโทฺธ ปุริมกาโลฯ ตยิทํ ปฎิคฺคหณโต ปุเพฺพ วสฺส โหติ ‘‘สเงฺฆน สาธารณํ โหตูติ ปฎิคฺคเหสฺสามี’’ติฯ ปฎิคฺคณฺหนฺตสฺส โหติ ‘‘สเงฺฆน สาธารณํ โหตูติ ปฎิคฺคณฺหามี’’ติฯ ปฎิคฺคเหตฺวา โหติ ‘‘สเงฺฆน สาธารณํ โหตูติ ปฎิคฺคหิตํ มยา’’ติ เอวํ ติลกฺขณสมฺปนฺนํ กตฺวา ลทฺธลาภํ โอสานลกฺขณํ อวิโกเปตฺวา ปริภุญฺชโนฺต สาธารณโภคี, อปฺปฎิวิภตฺตโภคี จ โหติฯ
Taṃtaṃ neva gihīnaṃ deti attano ājīvasodhanatthaṃ. Na attanā bhuñjatīti attanāva na paribhuñjati ‘‘mayhaṃ asādhāraṇabhogitā mā hotū’’ti. ‘‘Paṭiggaṇhanto ca…pe… passatī’’ti iminā tassa lābhassa tīsupi kālesu sādhāraṇato ṭhapanaṃ dassitaṃ. ‘‘Paṭiggaṇhanto ca saṅghena sādhāraṇaṃ hotū’’ti iminā paṭiggahaṇakālo dassito, ‘‘gahetvā…pe… passatī’’ti iminā paṭiggahitakālo, tadubhayaṃ pana tādisena pubbābhogena vinā na hotīti atthasiddho purimakālo. Tayidaṃ paṭiggahaṇato pubbe vassa hoti ‘‘saṅghena sādhāraṇaṃ hotūti paṭiggahessāmī’’ti. Paṭiggaṇhantassa hoti ‘‘saṅghena sādhāraṇaṃ hotūti paṭiggaṇhāmī’’ti. Paṭiggahetvā hoti ‘‘saṅghena sādhāraṇaṃ hotūti paṭiggahitaṃ mayā’’ti evaṃ tilakkhaṇasampannaṃ katvā laddhalābhaṃ osānalakkhaṇaṃ avikopetvā paribhuñjanto sādhāraṇabhogī, appaṭivibhattabhogī ca hoti.
อิมํ ปน สารณียธมฺมนฺติ อิมํ จตุตฺถํ สริตพฺพยุตฺตธมฺมํฯ น หิ…เป.… คณฺหนฺติ, ตสฺมา สาธารณโภคิตา เอว ทุสฺสีลสฺส นตฺถีติ อารโมฺภปิ ตาว น สมฺภวติ, กุโต ปูรณนฺติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘ปริสุทฺธสีโล’’ติ อิมินา ลาภสฺส ธมฺมิกภาวํ ทเสฺสติฯ ‘‘วตฺตํ อขเณฺฑโนฺต’’ติ อิมินา อปฺปฎิวิภตฺตโภคิตํ, สาธารณโภคิตญฺจ ทเสฺสติฯ สติ ปน ตทุภเย สารณียธโมฺม ปูริโต เอว โหตีติ อาห ‘‘ปูเรตี’’ติฯ ‘‘โอทิสฺสกํ กตฺวา’’ติ เอเตน อโนทิสฺสกํ กตฺวา ปิตุโน, อาจริยุปชฺฌายาทีนํ วา เถราสนโต ปฎฺฐาย เทนฺตสฺส สารณียธโมฺมเยว โหตีติฯ สารณียธโมฺม ปนสฺส น โหตีติ ปฎิชคฺคนฎฺฐาเน โอทิสฺสกํ กตฺวา ทินฺนตฺตาฯ เตนาห ‘‘ปลิโพธชคฺคนํ นาม โหตี’’ติอาทิฯ ยทิ เอวํ สเพฺพน สพฺพํ สารณียธมฺมปูรกสฺส โอทิสฺสกทานํ น วฎฺฎตีติ? โน น วฎฺฎติ ยุตฺตฎฺฐาเนติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เตน ปนา’’ติอาทิมาหฯ คิลานาทีนํ โอทิสฺสกํ กตฺวา ทานํ อปฺปฎิวิภาคปกฺขิกํ ‘‘อสุกสฺส น ทสฺสามี’’ติ ปฎิเกฺขปสฺส อภาวโตฯ พฺยติเรกปฺปธาโน หิ ปฎิวิภาโคฯ เตนาห ‘‘อวเสส’’นฺติอาทิฯ อทาตุมฺปีติ ปิ-สเทฺทน ทาตุมฺปิ วฎฺฎตีติ ทเสฺสติ, ตญฺจ โข กรุณายนวเสน, น วตฺตปูรณวเสนฯ
Imaṃ pana sāraṇīyadhammanti imaṃ catutthaṃ saritabbayuttadhammaṃ. Na hi…pe… gaṇhanti, tasmā sādhāraṇabhogitā eva dussīlassa natthīti ārambhopi tāva na sambhavati, kuto pūraṇanti adhippāyo. ‘‘Parisuddhasīlo’’ti iminā lābhassa dhammikabhāvaṃ dasseti. ‘‘Vattaṃ akhaṇḍento’’ti iminā appaṭivibhattabhogitaṃ, sādhāraṇabhogitañca dasseti. Sati pana tadubhaye sāraṇīyadhammo pūrito eva hotīti āha ‘‘pūretī’’ti. ‘‘Odissakaṃkatvā’’ti etena anodissakaṃ katvā pituno, ācariyupajjhāyādīnaṃ vā therāsanato paṭṭhāya dentassa sāraṇīyadhammoyeva hotīti. Sāraṇīyadhammo panassa na hotīti paṭijagganaṭṭhāne odissakaṃ katvā dinnattā. Tenāha ‘‘palibodhajagganaṃ nāma hotī’’tiādi. Yadi evaṃ sabbena sabbaṃ sāraṇīyadhammapūrakassa odissakadānaṃ na vaṭṭatīti? No na vaṭṭati yuttaṭṭhāneti dassento ‘‘tena panā’’tiādimāha. Gilānādīnaṃ odissakaṃ katvā dānaṃ appaṭivibhāgapakkhikaṃ ‘‘asukassa na dassāmī’’ti paṭikkhepassa abhāvato. Byatirekappadhāno hi paṭivibhāgo. Tenāha ‘‘avasesa’’ntiādi. Adātumpīti pi-saddena dātumpi vaṭṭatīti dasseti, tañca kho karuṇāyanavasena, na vattapūraṇavasena.
สุสิกฺขิตายาติ สารณียธมฺมปูรณวิธิมฺหิ สุฎฺฐุ สิกฺขิตาย, สุกุสลายาติ อโตฺถฯ อิทานิ ตสฺสา โกสลฺลํ ทเสฺสตุํ ‘‘สุสิกฺขิตาย หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ทฺวาทสหิ วเสฺสหิ ปูรติ, น ตโต โอร’’นฺติ อิมินา ตสฺส ทุปฺปูรณํ ทเสฺสติฯ ตถา หิ โส มหปฺผโล มหานิสํโส, ทิฎฺฐธมฺมิเกหิปิ ตาว ครุตเรหิ ผลานิสํเสหิ จ อนุคโตฯ ตํสมงฺคี จ ปุคฺคโล วิเสสลาภี อริยปุคฺคโล วิย โลเก อจฺฉริยพฺภุตธมฺมสมนฺนาคโต โหติฯ ตถา หิ โส ทุปฺปชหํ ทานมยสฺส, สีลมยสฺส จ ปุญฺญสฺส ปฎิปกฺขธมฺมํ สุทูเร วิกฺขมฺภิตํ กตฺวา สุวิสุเทฺธน เจตสา โลเก ปากโฎ ปญฺญาโต หุตฺวา วิหรติ, ตสฺสิมมตฺถํ พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ วิภาเวตุํ ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Susikkhitāyāti sāraṇīyadhammapūraṇavidhimhi suṭṭhu sikkhitāya, sukusalāyāti attho. Idāni tassā kosallaṃ dassetuṃ ‘‘susikkhitāya hī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Dvādasahi vassehi pūrati, na tato ora’’nti iminā tassa duppūraṇaṃ dasseti. Tathā hi so mahapphalo mahānisaṃso, diṭṭhadhammikehipi tāva garutarehi phalānisaṃsehi ca anugato. Taṃsamaṅgī ca puggalo visesalābhī ariyapuggalo viya loke acchariyabbhutadhammasamannāgato hoti. Tathā hi so duppajahaṃ dānamayassa, sīlamayassa ca puññassa paṭipakkhadhammaṃ sudūre vikkhambhitaṃ katvā suvisuddhena cetasā loke pākaṭo paññāto hutvā viharati, tassimamatthaṃ byatirekato, anvayato ca vibhāvetuṃ ‘‘sace hī’’tiādi vuttaṃ, taṃ suviññeyyameva.
อิทานิ เย สมฺปรายิเก, ทิฎฺฐธมฺมิเก จ อานิสํเส ทเสฺสตุํ ‘‘เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เนว อิสฺสา, น มจฺฉริยํ โหติ จิรกาลภาวนาย วิธุตภาวโตฯ มนุสฺสานํ ปิโย โหติ ปริจฺจาคสีลตาย วิสุทฺธตฺตาฯ เตนาห ‘‘ททํ ปิโย โหติ ภชนฺติ นํ พหู’’ติอาทิ (อ. นิ. ๕.๓๔)ฯ สุลภปจฺจโย โหติ ทานวเสน อุฬารชฺฌาสยานํ ปจฺจยลาภสฺส อิธานิสํสภาวโต ทานสฺสฯ ปตฺตคตํ อสฺส ทิยฺยมานํ น ขียติ ปตฺตคตวเสน ทฺวาทสวสฺสิกสฺส มหาปตฺตสฺส อวิเจฺฉเทน ปูริตตฺตาฯ อคฺคภณฺฑํ ลภติ เทวสิกํ ทกฺขิเณยฺยานํ อคฺคโต ปฎฺฐาย ทานสฺส ทินฺนตฺตาฯ ภเยวา…เป.… อาปชฺชนฺติ เทยฺยปฎิคฺคาหกวิกปฺปํ อกตฺวา อตฺตนิ นิรเปกฺขจิเตฺตน จิรกาลํ ทานปูรตาย ปสาทิตจิตฺตตฺตาฯ
Idāni ye samparāyike, diṭṭhadhammike ca ānisaṃse dassetuṃ ‘‘eva’’ntiādi vuttaṃ. Neva issā, na macchariyaṃ hoti cirakālabhāvanāya vidhutabhāvato. Manussānaṃ piyo hoti pariccāgasīlatāya visuddhattā. Tenāha ‘‘dadaṃ piyo hoti bhajanti naṃ bahū’’tiādi (a. ni. 5.34). Sulabhapaccayo hoti dānavasena uḷārajjhāsayānaṃ paccayalābhassa idhānisaṃsabhāvato dānassa. Pattagataṃ assa diyyamānaṃna khīyati pattagatavasena dvādasavassikassa mahāpattassa avicchedena pūritattā. Aggabhaṇḍaṃ labhati devasikaṃ dakkhiṇeyyānaṃ aggato paṭṭhāya dānassa dinnattā. Bhayevā…pe… āpajjanti deyyapaṭiggāhakavikappaṃ akatvā attani nirapekkhacittena cirakālaṃ dānapūratāya pasāditacittattā.
ตตฺราติ เตสุ อานิสํเสสุ วิภาเวตเพฺพสุฯ อิมานิ ตํ ทีปนานิ วตฺถูนิ การณานิฯ อลภนฺตาปีติ อมหาปุญฺญตาย น ลาภิโน สมานาปิฯ ภิกฺขาจารมคฺคสภาคนฺติ สภาคํ ตพฺภาคิยํ ภิกฺขาจารมคฺคํ ชานนฺติฯ
Tatrāti tesu ānisaṃsesu vibhāvetabbesu. Imāni taṃ dīpanāni vatthūni kāraṇāni. Alabhantāpīti amahāpuññatāya na lābhino samānāpi. Bhikkhācāramaggasabhāganti sabhāgaṃ tabbhāgiyaṃ bhikkhācāramaggaṃ jānanti.
อนุตฺตริมนุสฺสธมฺมตฺตา, เถรานํ สํสยวิโนทนตฺถญฺจ ‘‘สารณียธโมฺม เม ภเนฺต ปูริโต’’ติ อาหฯ ตถา หิ ทุติยวตฺถุสฺมิมฺปิ เถเรน อตฺตา ปกาสิโตฯ มนุสฺสานํ ปิยตาย, สุลภปจฺจยตายปิ อิทํ วตฺถุเมวฯ ปตฺตคตาขียนสฺส ปน วิเสสํ วิภาวนโต ‘‘อิทํ ตาว…เป.… เอตฺถ วตฺถุ’’นฺติ วุตฺตํฯ
Anuttarimanussadhammattā, therānaṃ saṃsayavinodanatthañca ‘‘sāraṇīyadhammo me bhante pūrito’’ti āha. Tathā hi dutiyavatthusmimpi therena attā pakāsito. Manussānaṃ piyatāya, sulabhapaccayatāyapi idaṃ vatthumeva. Pattagatākhīyanassa pana visesaṃ vibhāvanato ‘‘idaṃ tāva…pe… ettha vatthu’’nti vuttaṃ.
คิริภณฺฑมหาปูชายาติ เจติยคิริมฺหิ สกลลงฺกาทีเป, โยชนปฺปมาเณ สมุเทฺท จ นาวาสงฺฆาฎาทิเก ฐเปตฺวา ทีปปุปฺผคนฺธาทีหิ กริยมานมหาปูชายํฯ ปริยาเยนปีติ เลเสนปิฯ อนุจฺฉวิกนฺติ สารณียธมฺมปูรณโตปิ อิทํ ยถาภูตปฺปเวทนํ ตุมฺหากํ อนุจฺฉวิกนฺติ อโตฺถฯ
Giribhaṇḍamahāpūjāyāti cetiyagirimhi sakalalaṅkādīpe, yojanappamāṇe samudde ca nāvāsaṅghāṭādike ṭhapetvā dīpapupphagandhādīhi kariyamānamahāpūjāyaṃ. Pariyāyenapīti lesenapi. Anucchavikanti sāraṇīyadhammapūraṇatopi idaṃ yathābhūtappavedanaṃ tumhākaṃ anucchavikanti attho.
อนาโรเจตฺวาว ปลายิํสุ โจรภเยนฯ ‘‘อตฺตโน ทุชฺชีวิกายา’’ติ จ วทนฺติฯ
Anārocetvāva palāyiṃsu corabhayena. ‘‘Attano dujjīvikāyā’’ti ca vadanti.
วฎฺฎิสฺสตีติ กปฺปิสฺสติฯ เถรี สารณียธมฺมปูริกา อโหสิ, เถรสฺส ปน สีลเตเชเนว เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิฯ
Vaṭṭissatīti kappissati. Therī sāraṇīyadhammapūrikā ahosi, therassa pana sīlatejeneva devatā ussukkaṃ āpajji.
นตฺถิ เอเตสํ ขณฺฑนฺติ อขณฺฑานิฯ ตํ ปน เนสํ ขณฺฑํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อุปสมฺปนฺนสีลานํ อุเทฺทสกฺกเมน อาทิ อนฺตา เวทิตพฺพาฯ เตนาห ‘‘สตฺตสู’’ติอาทิฯ อนุปสมฺปนฺนสีลานํ ปน สมาทานกฺกเมนปิ อาทิ อนฺตา ลพฺภนฺติฯ ปริยเนฺต ฉินฺนสาฎโก วิยาติ วตฺถเนฺต, ทสเนฺต วา ฉินฺนวตฺถํ วิย, วิสทิสูทาหรณํ เจตํ ‘‘อขณฺฑานี’’ติ อิมสฺส อธิคตตฺตาฯ เอวํ เสสานิปิ อุทาหรณานิฯ ขณฺฑิตภินฺนตา ขณฺฑํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ ขณฺฑํ, สีลํฯ ‘‘ฉิทฺท’’นฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เวมเชฺฌ ภินฺนํ วินิวิชฺฌนวเสน วิสภาควเณฺณน คาวี วิยาติ สมฺพโนฺธฯ สพลรหิตานิ อสพลานิฯ ตถา อกมฺมาสานิฯ สีลสฺส ตณฺหาทาสพฺยโต โมจนํ วิวฎฺฎูปนิสฺสยภาวาปาทนํฯ ยสฺมา จ ตํสมงฺคีปุคฺคโล เสรี สยํวสี ภุชิโสฺส นาม โหติ, ตสฺมาปิ ภุชิสฺสานิฯ เตเนวาห ‘‘ภุชิสฺสภาวการณโต ภุชิสฺสานี’’ติฯ สุปริสุทฺธภาเวน ปาสํสตฺตา วิญฺญุปสตฺถานิฯ อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภเวยฺยํ, เทวญฺญตโร วา, ตตฺถ ‘‘นิโจฺจ ธุโว สสฺสโต’’ติ, ‘‘สีเลน สุทฺธี’’ติ จ เอวํ อาทินา ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อปรามฎฺฐตฺตาฯ ‘‘อยํ เต สีเลสุ โทโส’’ติ จตูสุปิ วิปตฺตีสุ ยาย กายจิ วิปตฺติยา ทสฺสเนน ปรามฎฺฐุํ อนุทฺธํเสตุํฯ สมาธิสํวตฺตนปฺปโยชนานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิฯ
Natthi etesaṃ khaṇḍanti akhaṇḍāni. Taṃ pana nesaṃ khaṇḍaṃ dassetuṃ ‘‘yassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha upasampannasīlānaṃ uddesakkamena ādi antā veditabbā. Tenāha ‘‘sattasū’’tiādi. Anupasampannasīlānaṃ pana samādānakkamenapi ādi antā labbhanti. Pariyante chinnasāṭako viyāti vatthante, dasante vā chinnavatthaṃ viya, visadisūdāharaṇaṃ cetaṃ ‘‘akhaṇḍānī’’ti imassa adhigatattā. Evaṃ sesānipi udāharaṇāni. Khaṇḍitabhinnatā khaṇḍaṃ, taṃ etassa atthīti khaṇḍaṃ, sīlaṃ. ‘‘Chidda’’ntiādīsupi eseva nayo. Vemajjhe bhinnaṃ vinivijjhanavasena visabhāgavaṇṇena gāvī viyāti sambandho. Sabalarahitāni asabalāni. Tathā akammāsāni. Sīlassa taṇhādāsabyato mocanaṃ vivaṭṭūpanissayabhāvāpādanaṃ. Yasmā ca taṃsamaṅgīpuggalo serī sayaṃvasī bhujisso nāma hoti, tasmāpi bhujissāni. Tenevāha ‘‘bhujissabhāvakāraṇatobhujissānī’’ti. Suparisuddhabhāvena pāsaṃsattā viññupasatthāni. Imināhaṃ sīlena devo vā bhaveyyaṃ, devaññataro vā, tattha ‘‘nicco dhuvo sassato’’ti, ‘‘sīlena suddhī’’ti ca evaṃ ādinā taṇhādiṭṭhīhi aparāmaṭṭhattā. ‘‘Ayaṃ te sīlesu doso’’ti catūsupi vipattīsu yāya kāyaci vipattiyā dassanena parāmaṭṭhuṃ anuddhaṃsetuṃ. Samādhisaṃvattanappayojanāni samādhisaṃvattanikāni.
สมานภาวูปคตสีลาติ สีลสมฺปตฺติยา สมานภาวํ อุปคตสีลา สภาควุตฺติกาฯ กามํ ปุถุชฺชนานญฺจ จตุปาริสุทฺธิสีเล นานตฺตํ น สิยา, ตํ ปน น เอกนฺติกํ, อิทํ เอกนฺติกํ นิยตภาวโตติ อาห ‘‘นตฺถิ มคฺคสีเล นานตฺต’’นฺติฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตนฺติ มคฺคสีลํ สนฺธาย เอตํ ‘‘ยานิ ตานิ สีลานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Samānabhāvūpagatasīlāti sīlasampattiyā samānabhāvaṃ upagatasīlā sabhāgavuttikā. Kāmaṃ puthujjanānañca catupārisuddhisīle nānattaṃ na siyā, taṃ pana na ekantikaṃ, idaṃ ekantikaṃ niyatabhāvatoti āha ‘‘natthi maggasīle nānatta’’nti. Taṃ sandhāyetaṃ vuttanti maggasīlaṃ sandhāya etaṃ ‘‘yāni tāni sīlānī’’tiādi vuttaṃ.
ยายนฺติ ยา อยํ มยฺหเญฺจว ตุมฺหากญฺจ ปจฺจกฺขภูตา ฯ ทิฎฺฐีติ มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิฯ นิโทฺทสาติ นิธุตโทสา, สมุจฺฉินฺนราคาทิปาปธมฺมาติ อโตฺถฯ นิยฺยาตีติ วฎฺฎทุกฺขโต นิสฺสรติ นิคจฺฉติฯ สยํ นิยฺยนฺตเสฺสว หิ ‘‘ตํสมงฺคีปุคฺคลํ วฎฺฎทุกฺขโต นิยฺยาเปตี’’ติ วุจฺจติฯ ยา สตฺถุ อนุสิฎฺฐิ, ตํ กโรตีติ ตกฺกโร, ตสฺส, ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชนกสฺสาติ อโตฺถฯ สมานทิฎฺฐิภาวนฺติ สทิสทิฎฺฐิภาวํ สจฺจสมฺปฎิเวเธน อภินฺนทิฎฺฐิภาวํฯ วุทฺธิเยวาติ อริยวินเย คุเณหิ วุฑฺฒิเยว, โน ปริหานีติ อยํ อปริหานิยธมฺมเทสนา อตฺตโนปิ สาสนสฺส อทฺธนิยตํ อากงฺขเนฺตน ภควตา อิธ เทสิตาฯ
Yāyanti yā ayaṃ mayhañceva tumhākañca paccakkhabhūtā . Diṭṭhīti maggasammādiṭṭhi. Niddosāti nidhutadosā, samucchinnarāgādipāpadhammāti attho. Niyyātīti vaṭṭadukkhato nissarati nigacchati. Sayaṃ niyyantasseva hi ‘‘taṃsamaṅgīpuggalaṃ vaṭṭadukkhato niyyāpetī’’ti vuccati. Yā satthu anusiṭṭhi, taṃ karotīti takkaro, tassa, yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjanakassāti attho. Samānadiṭṭhibhāvanti sadisadiṭṭhibhāvaṃ saccasampaṭivedhena abhinnadiṭṭhibhāvaṃ. Vuddhiyevāti ariyavinaye guṇehi vuḍḍhiyeva, no parihānīti ayaṃ aparihāniyadhammadesanā attanopi sāsanassa addhaniyataṃ ākaṅkhantena bhagavatā idha desitā.
๑๔๒. อาสนฺนปรินิพฺพานตฺตาติ กติปยมาสาธิเกน สํวจฺฉรมเตฺตน ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ เอตํเยวาติ ‘‘อิติ สีล’’นฺติอาทิกํเยว อิติ สีลนฺติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท ปการโตฺถ, ปริมาณโตฺถ จ เอกชฺฌํ กตฺวา คหิโตติ อาห ‘‘เอวํ สีลํ เอตฺตกํ สีล’’นฺติฯ เอวํ สีลนฺติ เอวํ ปเภทํ สีลํฯ เอตฺตกนฺติ เอตํ ปรมํ, น อิโต ภิโยฺยฯ จตุปาริสุทฺธิสีลนฺติ มคฺคสฺส สมฺภารภูตํ โลกิยจตุปาริสุทฺธิสีลํฯ จิเตฺตกคฺคตา สมาธีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ยสฺมิํ สีเล ฐตฺวาติ ยสฺมิํ โลกุตฺตรกุสลสฺส ปทฎฺฐานภูเต ‘‘ปุเพฺพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุโทฺธ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๓๑; กถา. ๘๗๔) เอวํ วุตฺตสีเล ปติฎฺฐายฯ เอโสติ มคฺคผลสมาธิฯ ปริภาวิโตติ เตน สีเลน สพฺพโส ภาวิโต สมฺภาวิโตฯ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโสติ มคฺคสมาธิ ตาว สามญฺญผเลหิ มหปฺผโล, วฎฺฎทุกฺขวูปสเมน มหานิสํโสฯ อิตโร ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหาเนน มหปฺผโล, นิพฺพุติสุขุปฺปตฺติยา มหานิสํโสฯ ยมฺหิ สมาธิมฺหิ ฐตฺวาติ ยสฺมิํ โลกุตฺตรกุสลสฺส ปทฎฺฐานภูเต ปาทกชฺฌานสมาธิมฺหิ เจว วุฎฺฐานคามินิสมาธิมฺหิ จ ฐตฺวาฯ สาติ มคฺคผลปญฺญาฯ เตน ปริภาวิตาติ เตน ยถาวุตฺตสมาธินา สพฺพโส ภาวิตา ปริภาวิตาฯ มหปฺผลมหานิสํสตา สมาธิมฺหิ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพาฯ อปิ จ เต โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺคปฺปเภทเหตุตาย มหปฺผลา สตฺตทกฺขิเณยฺยปุคฺคลวิภาคเหตุตาย มหานิสํสาติ เวทิตพฺพาฯ ยาย ปญฺญาย ฐตฺวาติ ยายํ วิปสฺสนาปญฺญายํ, สมาธิวิปสฺสนาปญฺญายํ วา ฐตฺวาฯ สมถยานิกสฺส หิ สมาธิสหคตาปิ ปญฺญา มคฺคาธิคมาย วิเสสปจฺจโย โหติเยวฯ สมฺมเทวาติ สุฎฺฐุเยว ยถา อาสวานํ เลโสปิ นาวสิสฺสติ, เอวํ สพฺพโส อาสเวหิ วิมุจฺจติฯ อคฺคมคฺคกฺขณญฺหิ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ
142.Āsannaparinibbānattāti katipayamāsādhikena saṃvaccharamattena parinibbānaṃ bhavissatīti katvā vuttaṃ. Etaṃyevāti ‘‘iti sīla’’ntiādikaṃyeva iti sīlanti ettha iti-saddo pakārattho, parimāṇattho ca ekajjhaṃ katvā gahitoti āha ‘‘evaṃ sīlaṃ ettakaṃ sīla’’nti. Evaṃ sīlanti evaṃ pabhedaṃ sīlaṃ. Ettakanti etaṃ paramaṃ, na ito bhiyyo. Catupārisuddhisīlanti maggassa sambhārabhūtaṃ lokiyacatupārisuddhisīlaṃ. Cittekaggatā samādhīti etthāpi eseva nayo. Yasmiṃ sīle ṭhatvāti yasmiṃ lokuttarakusalassa padaṭṭhānabhūte ‘‘pubbeva kho panassa kāyakammaṃ vacīkammaṃ ājīvo suparisuddho hotī’’ti (ma. ni. 3.431; kathā. 874) evaṃ vuttasīle patiṭṭhāya. Esoti maggaphalasamādhi. Paribhāvitoti tena sīlena sabbaso bhāvito sambhāvito. Mahapphalo hoti mahānisaṃsoti maggasamādhi tāva sāmaññaphalehi mahapphalo, vaṭṭadukkhavūpasamena mahānisaṃso. Itaro paṭippassaddhippahānena mahapphalo, nibbutisukhuppattiyā mahānisaṃso. Yamhi samādhimhiṭhatvāti yasmiṃ lokuttarakusalassa padaṭṭhānabhūte pādakajjhānasamādhimhi ceva vuṭṭhānagāminisamādhimhi ca ṭhatvā. Sāti maggaphalapaññā. Tena paribhāvitāti tena yathāvuttasamādhinā sabbaso bhāvitā paribhāvitā. Mahapphalamahānisaṃsatā samādhimhi vuttanayena veditabbā. Api ca te bojjhaṅgamaggaṅgajhānaṅgappabhedahetutāya mahapphalā sattadakkhiṇeyyapuggalavibhāgahetutāya mahānisaṃsāti veditabbā. Yāya paññāya ṭhatvāti yāyaṃ vipassanāpaññāyaṃ, samādhivipassanāpaññāyaṃ vā ṭhatvā. Samathayānikassa hi samādhisahagatāpi paññā maggādhigamāya visesapaccayo hotiyeva. Sammadevāti suṭṭhuyeva yathā āsavānaṃ lesopi nāvasissati, evaṃ sabbaso āsavehi vimuccati. Aggamaggakkhaṇañhi sandhāyetaṃ vuttaṃ.
๑๔๓. โลกิยตฺถสทฺทานํ วิย อภิรนฺต-สทฺทสฺส สิทฺธิ ทฎฺฐพฺพาฯ อภิรนฺตํ อภิรตํ อภิรตีติ หิ อตฺถโต เอกํฯ อภิรนฺต-สโทฺท จายํ อภิรุจิปริยาโย, น อสฺสาทปริยาโยฯ อสฺสาทวเสน หิ กตฺถจิ วสนฺตสฺส อสฺสาทวตฺถุวิคเมน สิยา ตสฺส ตตฺถ อนภิรติ, ยทิทํ ขีณาสวานํ นตฺถิ, ปเคว พุทฺธานนฺติ อาห ‘‘พุทฺธานํ…เป.… นตฺถี’’ติฯ อภิรติวเสน กตฺถจิ วสิตฺวา ตทภาวโต อญฺญตฺถ คมนํ นาม พุทฺธานํ นตฺถิฯ เวเนยฺยวินยนตฺถํ ปน กตฺถจิ วสิตฺวา ตสฺมิํ สิเทฺธ เวเนยฺยวินยนตฺถเมว ตโต อญฺญตฺถ คจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ ยถารุจิฯ อายามาติ เอตฺถ อา-สโทฺท ‘‘อาคจฺฉา’’ติ อิมินา สมานโตฺถติ อาห ‘‘เอหิ ยามา’’ติฯ อยามาติ ปน ปาเฐ อ-กาโร นิปาตมตฺตํฯ สนฺติกาวจรตฺตา เถรํ อาลปติ, น ปน ตทา สตฺถุ สนฺติเก วสนฺตานํ ภิกฺขูนํ อภาวโตฯ อปริจฺฉินฺนคณโน หิ ตทา ภควโต สนฺติเก ภิกฺขุสโงฺฆ ฯ เตนาห ‘‘มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิ’’นฺติฯ อมฺพลฎฺฐิกาคมนนฺติ อมฺพลฎฺฐิกาคมนปฎิสํยุตฺตปาฐมาหฯ ปาฎลิคมเนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อุตฺตานเมว อนนฺตรํ, เหฎฺฐา จ สํวณฺณิตรูปตฺตาฯ
143. Lokiyatthasaddānaṃ viya abhiranta-saddassa siddhi daṭṭhabbā. Abhirantaṃ abhirataṃ abhiratīti hi atthato ekaṃ. Abhiranta-saddo cāyaṃ abhirucipariyāyo, na assādapariyāyo. Assādavasena hi katthaci vasantassa assādavatthuvigamena siyā tassa tattha anabhirati, yadidaṃ khīṇāsavānaṃ natthi, pageva buddhānanti āha ‘‘buddhānaṃ…pe… natthī’’ti. Abhirativasena katthaci vasitvā tadabhāvato aññattha gamanaṃ nāma buddhānaṃ natthi. Veneyyavinayanatthaṃ pana katthaci vasitvā tasmiṃ siddhe veneyyavinayanatthameva tato aññattha gacchanti, ayamettha yathāruci. Āyāmāti ettha ā-saddo ‘‘āgacchā’’ti iminā samānatthoti āha ‘‘ehi yāmā’’ti. Ayāmāti pana pāṭhe a-kāro nipātamattaṃ. Santikāvacarattā theraṃ ālapati, na pana tadā satthu santike vasantānaṃ bhikkhūnaṃ abhāvato. Aparicchinnagaṇano hi tadā bhagavato santike bhikkhusaṅgho . Tenāha ‘‘mahatā bhikkhusaṅghena saddhi’’nti. Ambalaṭṭhikāgamananti ambalaṭṭhikāgamanapaṭisaṃyuttapāṭhamāha. Pāṭaligamaneti etthāpi eseva nayo. Uttānameva anantaraṃ, heṭṭhā ca saṃvaṇṇitarūpattā.
สาริปุตฺตสีหนาทวณฺณนา
Sāriputtasīhanādavaṇṇanā
๑๔๕. ‘‘อายสฺมา สาริปุโตฺต’’ติอาทิ ปาฐชาตํฯ สมฺปสาทนีเยติ สมฺปสาทนียสุเตฺต (ที. นิ. ๓.๑๔๑) วิตฺถาริตํ โปราณฎฺฐกถายํ, ตสฺมา มยมฺปิ ตเตฺถว นํ อตฺถโต วิตฺถารยิสฺสามาติ อธิปฺปาโยฯ
145.‘‘Āyasmā sāriputto’’tiādi pāṭhajātaṃ. Sampasādanīyeti sampasādanīyasutte (dī. ni. 3.141) vitthāritaṃ porāṇaṭṭhakathāyaṃ, tasmā mayampi tattheva naṃ atthato vitthārayissāmāti adhippāyo.
ทุสฺสีลอาทีนววณฺณนา
Dussīlaādīnavavaṇṇanā
๑๔๘. อาคนฺตฺวา วสนฺติ เอตฺถ อาคนฺตุกาติ อาวสโถ, ตเทว อคารนฺติ อาห ‘‘อาวสถาคารนฺติ อาคนฺตุกานํ อาวสถเคห’’นฺติฯ ทฺวินฺนํ ราชูนนฺติ ลิจฺฉวิราชมคธราชูนํฯ สหายกาติ เสวกาฯ กุลานีติ กุฎุมฺพิเกฯ สนฺถตนฺติ สนฺถริ, สพฺพํ สนฺถริ สพฺพสนฺถริ, ตํ สพฺพสนฺถริํฯ ภาวนปุํสกนิเทฺทโส จายํฯ เตนาห ‘‘ยถา สพฺพํ สนฺถตํ โหติ, เอว’’นฺติฯ
148. Āgantvā vasanti ettha āgantukāti āvasatho, tadeva agāranti āha ‘‘āvasathāgāranti āgantukānaṃ āvasathageha’’nti. Dvinnaṃrājūnanti licchavirājamagadharājūnaṃ. Sahāyakāti sevakā. Kulānīti kuṭumbike. Santhatanti santhari, sabbaṃ santhari sabbasanthari, taṃ sabbasanthariṃ. Bhāvanapuṃsakaniddeso cāyaṃ. Tenāha ‘‘yathā sabbaṃ santhataṃ hoti, eva’’nti.
๑๔๙. ทุสฺสีโลติ เอตฺถ ทุ-สโทฺท อภาวโตฺถ ‘‘ทุปฺปโญฺญ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๔๙; อ. นิ. ๕.๑๐) วิย, น ครหโตฺถติ อาห ‘‘อสีโล นิสฺสีโล’’ติฯ ภินฺนสํวโรติ เอตฺถ โย สมาทินฺนสีโล เกนจิ การเณน สีลเภทํ ปโตฺต, โส ตาว ภินฺนสํวโร โหติฯ โย ปน สเพฺพน สพฺพํ อสมาทินฺนสีโล อาจารหีโน, โส กถํ ภินฺนสํวโร นาม โหตีติ? โสปิ สาธุสมาจารสฺส ปริหานิยสฺส เภทิตตฺตา ภินฺนสํวโร เอว นามฯ วิสฺสฎฺฐสํวโร สํวรรหิโตติ หิ วุตฺตํ โหติฯ
149.Dussīloti ettha du-saddo abhāvattho ‘‘duppañño’’tiādīsu (ma. ni. 1.449; a. ni. 5.10) viya, na garahatthoti āha ‘‘asīlo nissīlo’’ti. Bhinnasaṃvaroti ettha yo samādinnasīlo kenaci kāraṇena sīlabhedaṃ patto, so tāva bhinnasaṃvaro hoti. Yo pana sabbena sabbaṃ asamādinnasīlo ācārahīno, so kathaṃ bhinnasaṃvaro nāma hotīti? Sopi sādhusamācārassa parihāniyassa bheditattā bhinnasaṃvaro eva nāma. Vissaṭṭhasaṃvaro saṃvararahitoti hi vuttaṃ hoti.
ตํ ตํ สิปฺปฎฺฐานํฯ มาฆาตกาเลติ ‘‘มา ฆาเตถ ปาณิโน’’ติ เอวํ มาฆาตาติ โฆสนํ โฆสิตทิวเสฯ
Taṃ taṃ sippaṭṭhānaṃ. Māghātakāleti ‘‘mā ghātetha pāṇino’’ti evaṃ māghātāti ghosanaṃ ghositadivase.
อพฺภุคฺคจฺฉติ ปาปโก กิตฺติสโทฺทฯ
Abbhuggacchati pāpako kittisaddo.
อชฺฌาสเยน มงฺกุ โหติเยว วิปฺปฎิสาริภาวโตฯ
Ajjhāsayena maṅku hotiyeva vippaṭisāribhāvato.
ตสฺสาติ ทุสฺสีลสฺสฯ สมาทาย ปวตฺติฎฺฐานนฺติ อุฎฺฐาย สมุฎฺฐาย กตการณํฯ อาปาถํ อาคจฺฉตีติ ตํ มนโส อุปฎฺฐาติฯ อุมฺมีเลตฺวา อิธโลกนฺติ อุมฺมีลนกาเล อตฺตโน ปุตฺตทาราทิทสฺสนวเสน อิธ โลกํ ปสฺสติฯ นิมีเลตฺวา ปรโลกนฺติ นิมีลนกาเล คตินิมิตฺตุปฎฺฐานวเสน ปรโลกํ ปสฺสติฯ เตนาห ‘‘จตฺตาโร อปายา’’ติอาทิฯ ปญฺจมปทนฺติ ‘‘กายสฺส เภทา’’ติอาทินา วุโตฺต ปญฺจโม อาทีนวโกฎฺฐาโสฯ
Tassāti dussīlassa. Samādāya pavattiṭṭhānanti uṭṭhāya samuṭṭhāya katakāraṇaṃ. Āpāthaṃ āgacchatīti taṃ manaso upaṭṭhāti. Ummīletvā idhalokanti ummīlanakāle attano puttadārādidassanavasena idha lokaṃ passati. Nimīletvā paralokanti nimīlanakāle gatinimittupaṭṭhānavasena paralokaṃ passati. Tenāha ‘‘cattāro apāyā’’tiādi. Pañcamapadanti ‘‘kāyassa bhedā’’tiādinā vutto pañcamo ādīnavakoṭṭhāso.
สีลวนฺตอานิสํสวณฺณนา
Sīlavantaānisaṃsavaṇṇanā
๑๕๐. วุตฺตวิปริยาเยนาติ วุตฺตาย อาทีนวกถาย วิปริยาเยนฯ ‘‘อปฺปมโตฺต ตํ ตํ กสิวาณิชฺชาทิํ ยถากาลํ สมฺปาเทตุํ สโกฺกตี’’ติอาทินา ‘‘ปาสํสํ สีลมสฺส อตฺถีติ สีลวาฯ สีลสมฺปโนฺนติ สีเลน สมนฺนาคโตฯ สมฺปนฺนสีโล’’ติ เอวมาทิกํ ปน อตฺถวจนํ สุกรนฺติ อนามฎฺฐํฯ
150.Vuttavipariyāyenāti vuttāya ādīnavakathāya vipariyāyena. ‘‘Appamatto taṃ taṃ kasivāṇijjādiṃ yathākālaṃ sampādetuṃ sakkotī’’tiādinā ‘‘pāsaṃsaṃ sīlamassa atthīti sīlavā. Sīlasampannoti sīlena samannāgato. Sampannasīlo’’ti evamādikaṃ pana atthavacanaṃ sukaranti anāmaṭṭhaṃ.
๑๕๑. ปาฬิมุตฺตกายาติ สงฺคีติอนารุฬฺหาย ธมฺมิกถายฯ ตเตฺถวาติ อาวสถาคาเร เอวฯ
151.Pāḷimuttakāyāti saṅgītianāruḷhāya dhammikathāya. Tatthevāti āvasathāgāre eva.
ปาฎลิปุตฺตนครมาปนวณฺณนา
Pāṭaliputtanagaramāpanavaṇṇanā
๑๕๒. อิสฺสริยมตฺตายาติ อิสฺสริยปฺปมาเณน, อิสฺสริเยน เจว วิตฺตูปกรเณน จาติ เอวํ วา อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อุปโภคูปกรณานิปิ หิ โลเก ‘‘มตฺตา’’ติ วุจฺจนฺติฯ ปาฎลิคามํ นครํ กตฺวาติ ปุเพฺพ ‘‘ปาฎลิคาโม’’ติ ลทฺธนามํ ฐานํ อิทานิ นครํ กตฺวาฯ มาเปนฺตีติ ปติฎฺฐาเปนฺติฯ อายมุขปจฺฉินฺทนตฺถนฺติ อายทฺวารานํ อุปเจฺฉทนายฯ ‘‘สหสฺสเสวา’’ติ วา ปาโฐ, สหสฺสโส เอวฯ เตนาห ‘‘เอเกกวคฺควเสน สหสฺสํ สหสฺสํ หุตฺวา’’ติฯ ฆรวตฺถูนีติ ฆรปติฎฺฐาปนฎฺฐานานิฯ จิตฺตานิ นมนฺตีติ ตํตํเทวตานุภาเวน ตตฺถ ตเตฺถว จิตฺตานิ นมนฺติ วตฺถุวิชฺชาปาฐกานํ, ยตฺถ ยตฺถ ตาหิ วตฺถูนิ ปริคฺคหิตานิฯ สิปฺปานุภาเวนาติ สิปฺปานุคตวิชฺชานุภาเวนฯ นาคคฺคาโหติ นาคานํ นิวาสปฺปริคฺคโหฯ เสสทฺวเยสุปิ เอเสว นโยฯ ปาสาโณติ อปฺปลกฺขณปาสาโณฯ ขาณุโกติ โย โกจิ ขาณุโก ฯ สิปฺปํ ชปฺปิตฺวา ตาทิสํ สารมฺภฎฺฐานํ ปริหริตฺวา อนารเมฺภ ฐาเน ตาหิ วตฺถุปริคฺคาหิกาหิ เทวตาหิ สทฺธิํ มนฺตยมานา วิย ตํตํเคหานิ มาเปนฺติ อุปเทสทานวเสนฯ เนสนฺติ วตฺถุวิชฺชาปาฐกานํ, สพฺพาสํ เทวตานํฯ มงฺคลํ วฑฺฒาเปสฺสนฺตีติ มงฺคลํ พฺรูเหสฺสนฺติฯ ปณฺฑิตทสฺสนาทีนิ หิ อุตฺตมมงฺคลานิฯ เตนาห ‘‘อถ มย’’นฺติอาทิฯ
152.Issariyamattāyāti issariyappamāṇena, issariyena ceva vittūpakaraṇena cāti evaṃ vā attho daṭṭhabbo. Upabhogūpakaraṇānipi hi loke ‘‘mattā’’ti vuccanti. Pāṭaligāmaṃ nagaraṃ katvāti pubbe ‘‘pāṭaligāmo’’ti laddhanāmaṃ ṭhānaṃ idāni nagaraṃ katvā. Māpentīti patiṭṭhāpenti. Āyamukhapacchindanatthanti āyadvārānaṃ upacchedanāya. ‘‘Sahassasevā’’ti vā pāṭho, sahassaso eva. Tenāha ‘‘ekekavaggavasena sahassaṃ sahassaṃ hutvā’’ti. Gharavatthūnīti gharapatiṭṭhāpanaṭṭhānāni. Cittāni namantīti taṃtaṃdevatānubhāvena tattha tattheva cittāni namanti vatthuvijjāpāṭhakānaṃ, yattha yattha tāhi vatthūni pariggahitāni. Sippānubhāvenāti sippānugatavijjānubhāvena. Nāgaggāhoti nāgānaṃ nivāsappariggaho. Sesadvayesupi eseva nayo. Pāsāṇoti appalakkhaṇapāsāṇo. Khāṇukoti yo koci khāṇuko . Sippaṃ jappitvā tādisaṃ sārambhaṭṭhānaṃ pariharitvā anārambhe ṭhāne tāhi vatthupariggāhikāhi devatāhi saddhiṃ mantayamānāviya taṃtaṃgehāni māpenti upadesadānavasena. Nesanti vatthuvijjāpāṭhakānaṃ, sabbāsaṃ devatānaṃ. Maṅgalaṃ vaḍḍhāpessantīti maṅgalaṃ brūhessanti. Paṇḍitadassanādīni hi uttamamaṅgalāni. Tenāha ‘‘atha maya’’ntiādi.
สโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉติ อวยวธเมฺมน สมุทายสฺส อปทิสิตพฺพโต ยถา ‘‘อลงฺกโต เทวทโตฺต’’ติฯ
Saddo abbhuggacchati avayavadhammena samudāyassa apadisitabbato yathā ‘‘alaṅkato devadatto’’ti.
อริยกมนุสฺสานนฺติ อริยเทสวาสิมนุสฺสานํฯ ราสิวเสเนวาติ ‘‘สหสฺสํ สตสหสฺส’’นฺติอาทินา ราสิวเสเนว, อปฺปกสฺส ปน ภณฺฑสฺส กยวิกฺกโย อญฺญตฺถาปิ ลพฺภเตวาติ ‘‘ราสิวเสเนวา’’ติ วุตฺตํฯ วาณิชาย ปโถ ปวตฺติฎฺฐานนฺติ วณิปฺปโถติ ปุริมวิกเปฺป อโตฺถ ทุติยวิกเปฺป ปน วาณิชานํ ปโถ ปวตฺติฎฺฐานนฺติ, วณิปฺปโถติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วาณิชานํ วสนฎฺฐาน’’นฺติ อาหฯ ภณฺฑปุเฎ ภินฺทนฺติ โมเจนฺติ เอตฺถาติ ปุฎเภทนนฺติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘ภณฺฑปุเฎ…เป.… วุตฺตํ โหตี’’ติฯ
Ariyakamanussānanti ariyadesavāsimanussānaṃ. Rāsivasenevāti ‘‘sahassaṃ satasahassa’’ntiādinā rāsivaseneva, appakassa pana bhaṇḍassa kayavikkayo aññatthāpi labbhatevāti ‘‘rāsivasenevā’’ti vuttaṃ. Vāṇijāya patho pavattiṭṭhānanti vaṇippathoti purimavikappe attho dutiyavikappe pana vāṇijānaṃ patho pavattiṭṭhānanti, vaṇippathoti imamatthaṃ dassento ‘‘vāṇijānaṃ vasanaṭṭhāna’’nti āha. Bhaṇḍapuṭe bhindanti mocenti etthāti puṭabhedananti ayamettha atthoti āha ‘‘bhaṇḍapuṭe…pe… vuttaṃ hotī’’ti.
จ-การโตฺถ สมุจฺจยโตฺถ วา-สโทฺทฯ
Ca-kārattho samuccayattho vā-saddo.
๑๕๓. กาฬกณฺณี สตฺตาติ อตฺตนา กณฺหธมฺมพหุลตาย ปเรสญฺจ กณฺหวิปากานตฺถนิพฺพตฺตินิมิตฺตตาย ‘‘กาฬกณฺณี’’ติ ลทฺธนามา ปรูปทฺทวกรา อเปฺปสกฺขสตฺตาฯ ตนฺติ ภควนฺตํฯ ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ปุพฺพเณฺห เอกํ สมยํฯ คามปฺปวิสนนีหาเรนาติ คามปฺปเวสน นิวสนากาเรนฯ กายปฎิพทฺธํ กตฺวาติ จีวรํ ปารุปิตฺวา, ปตฺตํ หเตฺถน คเหตฺวาติ อโตฺถฯ
153.Kāḷakaṇṇī sattāti attanā kaṇhadhammabahulatāya paresañca kaṇhavipākānatthanibbattinimittatāya ‘‘kāḷakaṇṇī’’ti laddhanāmā parūpaddavakarā appesakkhasattā. Tanti bhagavantaṃ. Pubbaṇhasamayanti pubbaṇhe ekaṃ samayaṃ. Gāmappavisananīhārenāti gāmappavesana nivasanākārena. Kāyapaṭibaddhaṃ katvāti cīvaraṃ pārupitvā, pattaṃ hatthena gahetvāti attho.
เอตฺถาติ เอตสฺมิํ วา สกปฺปิตปฺปเทเสฯ สญฺญเตติ สมฺมเทว สญฺญเต สุสํวุตกายวาจาจิเตฺตฯ
Etthāti etasmiṃ vā sakappitappadese. Saññateti sammadeva saññate susaṃvutakāyavācācitte.
ปตฺติํ ทเทยฺยาติ อตฺตนา ปสุตํ ปุญฺญํ ตาสํ เทวตานํ อนุปฺปทเชฺชยฺยฯ ‘‘ปูชิตา’’ติอาทีสุ ตเทว ปตฺติทานํ ปูชา, อนาคเต เอว อุปทฺทเว อารกฺขสํวิธานํ ปฎิปูชาฯ ‘‘เยภุเยฺยน ญาติมนุสฺสา ญาติเปตานํ ปตฺติทานาทินา ปูชนมานนาทีนิ กโรนฺติ อิเม ปน อญฺญาตกาปิ สมานา ตถา กโรนฺติ, ตสฺมา เนสํ สกฺกจฺจํ อารกฺขา สํวิธาตพฺพา’’ติ อญฺญมญฺญํ สมฺปวาเรตฺวา เทวตา ตตฺถ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิเม’’ติอาทิมาหฯ พลิกมฺมกรณํ มานนํ, สมฺปติ อุปฺปนฺนปริสฺสยหรณํ ปฎิมานนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอเต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Pattiṃ dadeyyāti attanā pasutaṃ puññaṃ tāsaṃ devatānaṃ anuppadajjeyya. ‘‘Pūjitā’’tiādīsu tadeva pattidānaṃ pūjā, anāgate eva upaddave ārakkhasaṃvidhānaṃ paṭipūjā. ‘‘Yebhuyyena ñātimanussā ñātipetānaṃ pattidānādinā pūjanamānanādīni karonti ime pana aññātakāpi samānā tathā karonti, tasmā nesaṃ sakkaccaṃ ārakkhā saṃvidhātabbā’’ti aññamaññaṃ sampavāretvā devatā tattha ussukkaṃ āpajjantīti dassento ‘‘ime’’tiādimāha. Balikammakaraṇaṃ mānanaṃ, sampati uppannaparissayaharaṇaṃ paṭimānanti dassetuṃ ‘‘ete’’tiādi vuttaṃ.
สุนฺทรานิ ปสฺสตีติ สุนฺทรานิ อิฎฺฐานิ เอว ปสฺสติ, น อนิฎฺฐานิฯ
Sundarāni passatīti sundarāni iṭṭhāni eva passati, na aniṭṭhāni.
๑๕๔. อาณิโย โกเฎฺฎตฺวาติ ลหุเก ทารุทเณฺฑ คเหตฺวา กวาฎผลเก วิย อญฺญมญฺญํ สมฺพเนฺธ กาตุํ อาณิโย โกเฎฺฎตฺวาฯ นาวาสเงฺขเปน กตํ อุฬุมฺปํ, เวฬุนฬาทิเก สงฺฆริตฺวา วลฺลิอาทีหิ กลาปวเสน พนฺธิตฺวา กตฺตพฺพํ กุลฺลํฯ
154.Āṇiyo koṭṭetvāti lahuke dārudaṇḍe gahetvā kavāṭaphalake viya aññamaññaṃ sambandhe kātuṃ āṇiyo koṭṭetvā. Nāvāsaṅkhepena kataṃ uḷumpaṃ, veḷunaḷādike saṅgharitvā valliādīhi kalāpavasena bandhitvā kattabbaṃ kullaṃ.
อุทกฎฺฐานเสฺสตํ อธิวจนนฺติ ยถาวุตฺตสฺส ยสฺส กสฺสจิ อุทกฎฺฐานสฺส เอตํ ‘‘อณฺณว’’นฺติ อธิวจนํ, สมุทฺทเสฺสวาติ อธิปฺปาโยฯ สรนฺติ อิธ นที อธิเปฺปตา สรติ สนฺทตีติ กตฺวาฯ คมฺภีรวิตฺถตนฺติ อคาธเฎฺฐน คมฺภีรํ, สกลโลกตฺตยพฺยาปิตาย วิตฺถตํฯ วิสชฺชาติ อนาสชฺช อปฺปตฺวาฯ ปลฺลลานิ เตสํ อตรณโตฯ วินาเยว กุเลฺลนาติ อีทิสํ อุทกํ กุเลฺลน อีทิเสน วินา เอว ติณฺณา เมธาวิโน ชนา, ตณฺหาสรํ ปน อริยมคฺคสงฺขาตํ เสตุํ กตฺวา นิตฺติณฺณาติ โยชนาฯ
Udakaṭṭhānassetaṃ adhivacananti yathāvuttassa yassa kassaci udakaṭṭhānassa etaṃ ‘‘aṇṇava’’nti adhivacanaṃ, samuddassevāti adhippāyo. Saranti idha nadī adhippetā sarati sandatīti katvā. Gambhīravitthatanti agādhaṭṭhena gambhīraṃ, sakalalokattayabyāpitāya vitthataṃ. Visajjāti anāsajja appatvā. Pallalāni tesaṃ ataraṇato. Vināyeva kullenāti īdisaṃ udakaṃ kullena īdisena vinā eva tiṇṇā medhāvino janā, taṇhāsaraṃ pana ariyamaggasaṅkhātaṃ setuṃ katvā nittiṇṇāti yojanā.
ปฐมภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
อริยสจฺจกถาวณฺณนา
Ariyasaccakathāvaṇṇanā
๑๕๕. มหาปนาทสฺส รโญฺญฯ ปาสาทโกฎิยํ กตคาโมติ ปาสาทสฺส ปติตถุปิกาย ปติฎฺฐิตฎฺฐาเน นิวิฎฺฐคาโมฯ อริยภาวกรานนฺติ เย ปฎิวิชฺฌนฺติ, เตสํ อริยภาวกรานํ นิมิตฺตสฺส กตฺตุภาวูปจารวเสเนว วุตฺตํฯ ตจฺฉาวิปลฺลาสภูตภาเวน สจฺจานํฯ อนุโพโธ ปุพฺพภาคิยํ ญาณํ, ปฎิเวโธ มคฺคญาเณน อภิสมโย, ตตฺถ ยสฺมา อนุโพธปุพฺพโก ปฎิเวโธ อนุโพเธน วินา น โหติ, อนุโพโธปิ เอกโจฺจ ปฎิเวเธน สมฺพโนฺธ, ตทุภยาภาวเหตุกญฺจ วเฎฺฎว สํสรณํ, ตสฺมา วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘อนนุโพธา…เป.… ตุมฺหากญฺจา’’ติฯ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน ภวโต ภวนฺตรูปคมนํ สนฺธาวนํ, อปราปรํ จวนุปปชฺชนวเสน สญฺจรณํ สํสรณนฺติ อาห ‘‘ภวโต’’ติอาทิฯ สนฺธาวิตสํสริตปทานํ กมฺมสาธนตํ สนฺธายาห ‘‘มยา จ ตุเมฺหหิ จา’’ติ ปฐมวิกเปฺปฯ ทุติยวิกเปฺป ปน ภาวสาธนตํ หทเย กตฺวา ‘‘มมเญฺจว ตุมฺหากญฺจา’’ติ ยถารุตวเสเนว วุตฺตํฯ นยนสมตฺถาติ ปาปนสมตฺถา, ทีฆรชฺชุนา พทฺธสกุณํ วิย รชฺชุหโตฺถ ปุริโส เทสนฺตรํ ตณฺหารชฺชุนา พทฺธํ สตฺตสนฺตานํ อภิสงฺขาโร ภวนฺตรํ เนติ เอตายาติ ภวเนตฺติ, ตณฺหา, สา อริยมคฺคสเตฺถน สุฎฺฐุ หตา ฉินฺนาติ ภวเนตฺติสมูหตาฯ
155.Mahāpanādassa rañño. Pāsādakoṭiyaṃkatagāmoti pāsādassa patitathupikāya patiṭṭhitaṭṭhāne niviṭṭhagāmo. Ariyabhāvakarānanti ye paṭivijjhanti, tesaṃ ariyabhāvakarānaṃ nimittassa kattubhāvūpacāravaseneva vuttaṃ. Tacchāvipallāsabhūtabhāvena saccānaṃ. Anubodho pubbabhāgiyaṃ ñāṇaṃ, paṭivedho maggañāṇena abhisamayo, tattha yasmā anubodhapubbako paṭivedho anubodhena vinā na hoti, anubodhopi ekacco paṭivedhena sambandho, tadubhayābhāvahetukañca vaṭṭeva saṃsaraṇaṃ, tasmā vuttaṃ pāḷiyaṃ ‘‘ananubodhā…pe… tumhākañcā’’ti. Paṭisandhiggahaṇavasena bhavato bhavantarūpagamanaṃ sandhāvanaṃ, aparāparaṃ cavanupapajjanavasena sañcaraṇaṃ saṃsaraṇanti āha ‘‘bhavato’’tiādi. Sandhāvitasaṃsaritapadānaṃ kammasādhanataṃ sandhāyāha ‘‘mayā ca tumhehi cā’’ti paṭhamavikappe. Dutiyavikappe pana bhāvasādhanataṃ hadaye katvā ‘‘mamañceva tumhākañcā’’ti yathārutavaseneva vuttaṃ. Nayanasamatthāti pāpanasamatthā, dīgharajjunā baddhasakuṇaṃ viya rajjuhattho puriso desantaraṃ taṇhārajjunā baddhaṃ sattasantānaṃ abhisaṅkhāro bhavantaraṃ neti etāyāti bhavanetti, taṇhā, sā ariyamaggasatthena suṭṭhu hatā chinnāti bhavanettisamūhatā.
อนาวตฺติธมฺมสโมฺพธิปรายณวณฺณนา
Anāvattidhammasambodhiparāyaṇavaṇṇanā
๑๕๖. เทฺว คามา ‘‘นาติกา’’ติ เอวํ ลทฺธนาโม, ญ-การสฺส จายํ น-การาเทเสน นิเทฺทโส ‘‘อนิมิตฺตา น นายเร’’ติอาทีสุ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๔; ชา. อฎฺฐ. ๒.๒.๓๔) วิยฯ เตนาห ‘‘ญาติคามเก’’ติ ฯ คิญฺชกา วุจฺจนฺติ อิฎฺฐกา, คิญฺชกาหิ เอว กโต อาวสโถติ คิญฺชกาวสโถ ฯ โส กิร อาวาโส ยถา สุธาปริกเมฺมน สมฺปโยชนํ นตฺถิ, เอวํ อิฎฺฐกาหิ เอว จินิตฺวา ฉาเทตฺวา กโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อิฎฺฐกามเย อาวสเถ’’ติฯ ตุลาทณฺฑกวาฎผลกานิ ปน ทารุมยาเนวฯ
156.Dve gāmā ‘‘nātikā’’ti evaṃ laddhanāmo, ña-kārassa cāyaṃ na-kārādesena niddeso ‘‘animittā na nāyare’’tiādīsu (visuddhi. 1.174; jā. aṭṭha. 2.2.34) viya. Tenāha ‘‘ñātigāmake’’ti . Giñjakā vuccanti iṭṭhakā, giñjakāhi eva kato āvasathoti giñjakāvasatho. So kira āvāso yathā sudhāparikammena sampayojanaṃ natthi, evaṃ iṭṭhakāhi eva cinitvā chādetvā kato. Tena vuttaṃ ‘‘iṭṭhakāmaye āvasathe’’ti. Tulādaṇḍakavāṭaphalakāni pana dārumayāneva.
๑๕๗. โอรํ วุจฺจติ กามธาตุ, ปจฺจยภาเวน ตํ โอรํ ภชนฺตีติ โอรมฺภาคิยานิ, โอรมฺภาคสฺส วา หิตานิ โอรมฺภาคิยานิฯ เตนาห ‘‘เหฎฺฐาภาคิยาน’’นฺติอาทิฯ ตีหิ มเคฺคหีติ เหฎฺฐิเมหิ ตีหิ มเคฺคหิฯ เตหิ ปหาตพฺพตาย หิ เนสํ สํโยชนานํ โอรมฺภาคิยตาฯ โอรมฺภญฺชิยานิ วา โอรมฺภาคิยานิ วุตฺตานิ นิรุตฺตินเยนฯ อิทานิ พฺยติเรกมุเขน เนสํ โอรมฺภาคิยภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วิกฺขมฺภิตานิ สมตฺถตาวิฆาเตน ปุถุชฺชนานํ, สมุจฺฉินฺนานิ สพฺพโส อภาเวน อริยานํ รูปารูปภวูปปตฺติยา วิพนฺธาย น โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อวิกฺขมฺภิตานิ อสมุจฺฉินฺนานี’’ติฯ นิพฺพตฺตวเสนาติ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสนฯ คนฺตุํ น เทนฺติ มหคฺคตคามิกมฺมายูหนสฺส วินิพนฺธนโตฯ สกฺกายทิฎฺฐิอาทีนิ ตีณิ สํโยชนานิ กามจฺฉนฺทพฺยาปาทา วิย มหคฺคตูปปตฺติยา อวินิพนฺธภูตานิปิ กามภวูปปตฺติยา วิเสสปจฺจยตฺตา ตตฺถ มหคฺคตภเว นิพฺพตฺตมฺปิ ตนฺนิพฺพตฺติเหตุกมฺมปริกฺขเย กามภวูปปตฺติปจฺจยตาย มหคฺคตภวโต อาเนตฺวา ปุน อิเธว กามภเว เอว นิพฺพตฺตาเปนฺติ, ตสฺมา สพฺพานิปิ ปญฺจปิ สํโยชนานิ โอรมฺภาคิยานิ เอวฯ ปฎิสนฺธิวเสน อนาคมนสภาวาติ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน ตสฺมา โลกา อิธ น อาคมนสภาวาฯ พุทฺธทสฺสนเถรทสฺสนธมฺมสฺสวนานํ ปนตฺถายสฺส อาคมนํ อนิวาริตํฯ
157.Oraṃ vuccati kāmadhātu, paccayabhāvena taṃ oraṃ bhajantīti orambhāgiyāni, orambhāgassa vā hitāni orambhāgiyāni. Tenāha ‘‘heṭṭhābhāgiyāna’’ntiādi. Tīhi maggehīti heṭṭhimehi tīhi maggehi. Tehi pahātabbatāya hi nesaṃ saṃyojanānaṃ orambhāgiyatā. Orambhañjiyāni vā orambhāgiyāni vuttāni niruttinayena. Idāni byatirekamukhena nesaṃ orambhāgiyabhāvaṃ vibhāvetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Vikkhambhitāni samatthatāvighātena puthujjanānaṃ, samucchinnāni sabbaso abhāvena ariyānaṃ rūpārūpabhavūpapattiyā vibandhāya na hontīti vuttaṃ ‘‘avikkhambhitāni asamucchinnānī’’ti. Nibbattavasenāti paṭisandhiggahaṇavasena. Gantuṃ na denti mahaggatagāmikammāyūhanassa vinibandhanato. Sakkāyadiṭṭhiādīni tīṇi saṃyojanāni kāmacchandabyāpādā viya mahaggatūpapattiyā avinibandhabhūtānipi kāmabhavūpapattiyā visesapaccayattā tattha mahaggatabhave nibbattampi tannibbattihetukammaparikkhaye kāmabhavūpapattipaccayatāya mahaggatabhavato ānetvā puna idheva kāmabhave eva nibbattāpenti, tasmā sabbānipi pañcapi saṃyojanāni orambhāgiyāni eva. Paṭisandhivasena anāgamanasabhāvāti paṭisandhiggahaṇavasena tasmā lokā idha na āgamanasabhāvā. Buddhadassanatheradassanadhammassavanānaṃ panatthāyassa āgamanaṃ anivāritaṃ.
กทาจิ กรหจิ อุปฺปตฺติยา สวิรฬาการตา ปริยุฎฺฐานมนฺทตาย อพหลตาติ เทฺวธาปิ ตนุภาโวฯ อภิณฺหนฺติ พหุโสฯ พหลพหลาติ ติพฺพติพฺพาฯ ยตฺถ อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ สนฺตานํ มทฺทนฺตา, ผรนฺตา, สาเธนฺตา, อนฺธการํ กโรนฺตา อุปฺปชฺชนฺติ, ทฺวีหิ ปน มเคฺคหิ ปหีนตฺตา ตนุกตนุกา มนฺทมนฺทา อุปฺปชฺชนฺติฯ ‘‘ปุตฺตธีตโร โหนฺตี’’ติ อิทํ อการณํฯ ตถา หิ องฺคปจฺจงฺคปรามสนมเตฺตนปิ เต โหนฺติฯ อิทนฺติ ‘‘ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา’’ติ อิทํ วจนํฯ ภวตนุกวเสนาติ อปฺปกภววเสนฯ ตนฺติ มหาสิวเตฺถรสฺส วจนํ ปฎิกฺขิตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ เย ภวา อริยานํ ลพฺภนฺติ, เต ปริปุณฺณลกฺขณภวา เอวฯ เย น ลพฺภนฺติ, ตตฺถ กีทิสํ ตํ ภวตนุกํ, ตสฺมา อุภยถาปิ ภวตนุกสฺส อสมฺภโว เอวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘โสตาปนฺนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐเม ภเว ภวตนุกํ นตฺถิ อฎฺฐมเสฺสว ภวสฺส สพฺพเสฺสว อภาวโตฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ
Kadāci karahaci uppattiyā saviraḷākāratā pariyuṭṭhānamandatāya abahalatāti dvedhāpi tanubhāvo. Abhiṇhanti bahuso. Bahalabahalāti tibbatibbā. Yattha uppajjanti, taṃ santānaṃ maddantā, pharantā, sādhentā, andhakāraṃ karontā uppajjanti, dvīhi pana maggehi pahīnattā tanukatanukā mandamandā uppajjanti. ‘‘Puttadhītaro hontī’’ti idaṃ akāraṇaṃ. Tathā hi aṅgapaccaṅgaparāmasanamattenapi te honti. Idanti ‘‘rāgadosamohānaṃ tanuttā’’ti idaṃ vacanaṃ. Bhavatanukavasenāti appakabhavavasena. Tanti mahāsivattherassa vacanaṃ paṭikkhittanti sambandho. Ye bhavā ariyānaṃ labbhanti, te paripuṇṇalakkhaṇabhavā eva. Ye na labbhanti, tattha kīdisaṃ taṃ bhavatanukaṃ, tasmā ubhayathāpi bhavatanukassa asambhavo evāti dassetuṃ ‘‘sotāpannassā’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhame bhave bhavatanukaṃ natthi aṭṭhamasseva bhavassa sabbasseva abhāvato. Sesesupi eseva nayo.
กามาวจรโลกํ สนฺธาย วุตฺตํ อิตรสฺส โลกสฺส วเสน ตถา วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตาฯ โย หิ สกทาคามี เทวมนุสฺสโลเกสุ โวมิสฺสกวเสน นิพฺพตฺตติ, โสปิ กามภววเสเนว ปริจฺฉินฺทิตโพฺพฯ ภควตา จ กามโลเก ฐตฺวา ‘‘สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา’’ติ จ อิมินา ปญฺจสุ สกทาคามีสุ จตฺตาโร วเชฺชตฺวา เอโกว คหิโตฯ เอกโจฺจ หิ อิธ สกทาคามิผลํ ปตฺวา อิเธว ปรินิพฺพายติ, เอกโจฺจ อิธ ปตฺวา เทวโลเก ปรินิพฺพายติ, เอกโจฺจ เทวโลเก ปตฺวา ตเตฺถว ปรินิพฺพายติ, เอกโจฺจ เทวโลเก ปตฺวา อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายติ, อิเม จตฺตาโร อิธ น ลพฺภนฺติฯ โย ปน อิธ ปตฺวา เทวโลเก ยาวตายุกํ วสิตฺวา ปุน อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อิธ อธิเปฺปโตฯ อฎฺฐกถายํ ปน อิมํ โลกนฺติ กามภโว อธิเปฺปโตติ อิมมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘สเจ หี’’ติอาทินา อญฺญํเยว จตุกฺกํ ทสฺสิตํฯ
Kāmāvacaralokaṃsandhāya vuttaṃ itarassa lokassa vasena tathā vattuṃ asakkuṇeyyattā. Yo hi sakadāgāmī devamanussalokesu vomissakavasena nibbattati, sopi kāmabhavavaseneva paricchinditabbo. Bhagavatā ca kāmaloke ṭhatvā ‘‘sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā’’ti vuttaṃ, ‘‘imaṃ lokaṃ āgantvā’’ti ca iminā pañcasu sakadāgāmīsu cattāro vajjetvā ekova gahito. Ekacco hi idha sakadāgāmiphalaṃ patvā idheva parinibbāyati, ekacco idha patvā devaloke parinibbāyati, ekacco devaloke patvā tattheva parinibbāyati, ekacco devaloke patvā idhūpapajjitvā parinibbāyati, ime cattāro idha na labbhanti. Yo pana idha patvā devaloke yāvatāyukaṃ vasitvā puna idhūpapajjitvā parinibbāyati, ayaṃ idha adhippeto. Aṭṭhakathāyaṃ pana imaṃ lokanti kāmabhavo adhippetoti imamatthaṃ vibhāvetuṃ ‘‘sace hī’’tiādinā aññaṃyeva catukkaṃ dassitaṃ.
จตูสุ …เป.… สภาโวติ อโตฺถ อปายคมนียานํ ปาปธมฺมานํ สพฺพโส ปหีนตฺตาฯ ธมฺมนิยาเมนาติ มคฺคธมฺมนิยาเมนฯ นิยโต อุปริมคฺคาธิคมสฺส อวสฺสํภาวิภาวโตฯ เตนาห ‘‘สโมฺพธิปรายโณ’’ติฯ
Catūsu…pe… sabhāvoti attho apāyagamanīyānaṃ pāpadhammānaṃ sabbaso pahīnattā. Dhammaniyāmenāti maggadhammaniyāmena. Niyato uparimaggādhigamassa avassaṃbhāvibhāvato. Tenāha ‘‘sambodhiparāyaṇo’’ti.
ธมฺมาทาสธมฺมปริยายวณฺณนา
Dhammādāsadhammapariyāyavaṇṇanā
๑๕๘. เตสํ เตสํ ญาณคตินฺติ เตสํ เตสํ สตฺตานํ ‘‘อสุโก โสตาปโนฺน, อสุโก สกทาคามี’’ติอาทินา ตํตํญาณาธิคมนํฯ ญาณูปปตฺติํ ญาณาภิสมฺปรายนฺติ ตโต ปรมฺปิ ‘‘นิยโต สโมฺพธิปรายโณ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติอาทินา จ ญาณสหิตํ อุปฺปตฺติปจฺจยภาวํฯ โอโลเกนฺตสฺส ญาณจกฺขุนา เปกฺขนฺตสฺส กายกิลมโถว, น เตน กาจิ เวเนยฺยานํ อตฺถสิทฺธีติ อธิปฺปาโยฯ จิตฺตวิเหสาติ จิตฺตเขโท, สา กิเลสูปสํหิตตฺตา พุทฺธานํ นตฺถิฯ อาทียติ อาโลกียติ อตฺตา เอเตนาติ อาทาสํ, ธมฺมภูตํ อาทาสํ ธมฺมาทาสํ, อริยมคฺคญาณเสฺสตํ อธิวจนํ, เตน อริยสาวกา จตูสุ อริยสเจฺจสุ วิทฺธสฺตสโมฺมหตฺตา อตฺตานมฺปิ ยาถาวโต ญตฺวา ยาถาวโต พฺยากเรยฺย, ตปฺปกาสนโต ปน ธมฺมปริยายสฺส สุตฺตสฺส ธมฺมาทาสตา เวทิตพฺพาฯ เยน ธมฺมาทาเสนาติ อิธ ปน มคฺคธมฺมเมว วทติฯ
158.Tesaṃ tesaṃ ñāṇagatinti tesaṃ tesaṃ sattānaṃ ‘‘asuko sotāpanno, asuko sakadāgāmī’’tiādinā taṃtaṃñāṇādhigamanaṃ. Ñāṇūpapattiṃ ñāṇābhisamparāyanti tato parampi ‘‘niyato sambodhiparāyaṇo, sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karissatī’’tiādinā ca ñāṇasahitaṃ uppattipaccayabhāvaṃ. Olokentassa ñāṇacakkhunā pekkhantassa kāyakilamathova, na tena kāci veneyyānaṃ atthasiddhīti adhippāyo. Cittavihesāti cittakhedo, sā kilesūpasaṃhitattā buddhānaṃ natthi. Ādīyati ālokīyati attā etenāti ādāsaṃ, dhammabhūtaṃ ādāsaṃ dhammādāsaṃ, ariyamaggañāṇassetaṃ adhivacanaṃ, tena ariyasāvakā catūsu ariyasaccesu viddhastasammohattā attānampi yāthāvato ñatvā yāthāvato byākareyya, tappakāsanato pana dhammapariyāyassa suttassa dhammādāsatā veditabbā. Yena dhammādāsenāti idha pana maggadhammameva vadati.
อเวจฺจ ยาถาวโต ชานิตฺวา ตนฺนิมิตฺตอุปฺปนฺนปสาโท อเวจฺจปสาโท, มคฺคาธิคเมน อุปฺปนฺนปสาโท , โส ปน ยสฺมา ปาสาณปพฺพโต วิย นิจฺจโล, น จ เกนจิ การเณน วิคจฺฉติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อจเลน อจฺจุเตนา’’ติฯ
Avecca yāthāvato jānitvā tannimittauppannapasādo aveccapasādo, maggādhigamena uppannapasādo , so pana yasmā pāsāṇapabbato viya niccalo, na ca kenaci kāraṇena vigacchati, tasmā vuttaṃ ‘‘acalena accutenā’’ti.
‘‘ปญฺจสีลานี’’ติ คหฎฺฐวเสเนตํ วุตฺตํ เตหิ เอกนฺตปริหรณียโตฯ อริยานํ ปน สพฺพานิ สีลานิ กนฺตาเนวฯ เตนาห ‘‘สโพฺพปิ ปเนตฺถ สํวโร ลพฺภติเยวา’’ติฯ
‘‘Pañcasīlānī’’ti gahaṭṭhavasenetaṃ vuttaṃ tehi ekantapariharaṇīyato. Ariyānaṃ pana sabbāni sīlāni kantāneva. Tenāha ‘‘sabbopi panettha saṃvaro labbhatiyevā’’ti.
สเพฺพสนฺติ สเพฺพสํ อริยานํฯ สิกฺขาปทาวิโรเธนาติ ยถา ภูตโรจนาปตฺติ น โหติ, เอวํฯ ยุตฺตฎฺฐาเนติ กาตุํ ยุตฺตฎฺฐาเนฯ
Sabbesanti sabbesaṃ ariyānaṃ. Sikkhāpadāvirodhenāti yathā bhūtarocanāpatti na hoti, evaṃ. Yuttaṭṭhāneti kātuṃ yuttaṭṭhāne.
อมฺพปาลีคณิกาวตฺถุวณฺณนา
Ambapālīgaṇikāvatthuvaṇṇanā
๑๖๑. ตทา กิร เวสาลี อิทฺธา ผีตา สพฺพงฺคสมฺปนฺนา อโหสิ เวปุลฺลปฺปตฺตา, ตํ สนฺธายาห ‘‘ขนฺธเก วุตฺตนเยน เวสาลิยา สมฺปนฺนภาโว เวทิตโพฺพ’’ติฯ ตสฺมิํ กิร ภิกฺขุสเงฺฆ ปญฺจสตมตฺตา ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อเหสุํ โอสนฺนวีริยา จฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ตตฺถ กิร เอกเจฺจ ภิกฺขู โอสนฺนวีริยา’’ติอาทิ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๑๖๕)ฯ สติปจฺจุปฎฺฐานตฺถนฺติ เตสํ สติปจฺจุปฎฺฐาปนตฺถํฯ สรตีติ กายาทิเก ยถาสภาวโต ญาณสมฺปยุตฺตาย สติยา อนุสฺสรติ อุปธาเรติฯ สมฺปชานาตีติ สมํ ปกาเรหิ ชานาติ อวพุชฺฌติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน ปรโต สติปฎฺฐานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๐๖) อาคมิสฺสติฯ
161. Tadā kira vesālī iddhā phītā sabbaṅgasampannā ahosi vepullappattā, taṃ sandhāyāha ‘‘khandhake vuttanayena vesāliyā sampannabhāvo veditabbo’’ti. Tasmiṃ kira bhikkhusaṅghe pañcasatamattā bhikkhū navā acirapabbajitā ahesuṃ osannavīriyā ca. Tathā hi vakkhati ‘‘tattha kira ekacce bhikkhū osannavīriyā’’tiādi (dī. ni. aṭṭha. 2.165). Satipaccupaṭṭhānatthanti tesaṃ satipaccupaṭṭhāpanatthaṃ. Saratīti kāyādike yathāsabhāvato ñāṇasampayuttāya satiyā anussarati upadhāreti. Sampajānātīti samaṃ pakārehi jānāti avabujjhati. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana parato satipaṭṭhānavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 2.373; ma. ni. aṭṭha. 1.106) āgamissati.
สพฺพสงฺคาหกนฺติ สรีรคตสฺส เจว วตฺถาลงฺการคตสฺส จาติ สพฺพสฺส นีลภาวสฺส สงฺคาหกํ วจนํฯ ตเสฺสวาติ นีลาติ สพฺพสงฺคาหกวเสน วุตฺตอตฺถเสฺสวฯ วิภาคทสฺสนนฺติ ปเภททสฺสนํฯ ยถา เต ลิจฺฉวิราชาโน อปีตาทิวณฺณา เอว เกจิ วิเลปนวเสน ปีตาทิวณฺณา ขายิํสุ, เอวํ อนีลาทิวณฺณา เอว เกจิ วิเลปนวเสน นีลาทิวณฺณา ขายิํสูติ วุตฺตํ ‘‘น เตสํ ปกติวโณฺณ นีโล’’ติอาทิฯ นีโล มณิ เอเตสูติ นีลมณิ, อินฺทนีลมหานีลาทินีลรตนวินทฺธา อลงฺการาฯ เต กิร สุวณฺณวิรจิเต หิ มณิโอภาเสหิ เอกนีลา วิย ขายนฺติฯ นีลมณิขจิตาติ นีลรตนปริกฺขิตฺตาฯ นีลวตฺถปริกฺขิตฺตาติ นีลวตฺถนีลกมฺปลปริเกฺขปาฯ นีลวมฺมิเกหีติ นีลกฆฎปริกฺขิเตฺตหิฯ สพฺพปเทสูติ ‘‘ปีตา โหนฺตี’’ติอาทิสพฺพปเทสุฯ ปริวเฎฺฎสีติ ปฎิฆเฎฺฎสิฯ อาหรนฺติ อิมสฺมา ราชปุริสา พลินฺติ อาหาโร, ตปฺปตฺตชนปโทติ อาห ‘‘สาหารนฺติ สชนปท’’นฺติฯ องฺคุลิโผโฎปิ องฺคุลิยา จาลนวเสเนว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘องฺคุลิํ จาเลสุ’’นฺติฯ อมฺพกายาติ มาตุคาเมนฯ อุปจารวจนํ เหตํ อิตฺถีสุ, ยทิทํ ‘‘อมฺพกา มาตุคาโม ชนนิกา’’ติฯ
Sabbasaṅgāhakanti sarīragatassa ceva vatthālaṅkāragatassa cāti sabbassa nīlabhāvassa saṅgāhakaṃ vacanaṃ. Tassevāti nīlāti sabbasaṅgāhakavasena vuttaatthasseva. Vibhāgadassananti pabhedadassanaṃ. Yathā te licchavirājāno apītādivaṇṇā eva keci vilepanavasena pītādivaṇṇā khāyiṃsu, evaṃ anīlādivaṇṇā eva keci vilepanavasena nīlādivaṇṇā khāyiṃsūti vuttaṃ ‘‘na tesaṃ pakativaṇṇo nīlo’’tiādi. Nīlo maṇi etesūti nīlamaṇi, indanīlamahānīlādinīlaratanavinaddhā alaṅkārā. Te kira suvaṇṇaviracite hi maṇiobhāsehi ekanīlā viya khāyanti. Nīlamaṇikhacitāti nīlaratanaparikkhittā. Nīlavatthaparikkhittāti nīlavatthanīlakampalaparikkhepā. Nīlavammikehīti nīlakaghaṭaparikkhittehi. Sabbapadesūti ‘‘pītā hontī’’tiādisabbapadesu. Parivaṭṭesīti paṭighaṭṭesi. Āharanti imasmā rājapurisā balinti āhāro, tappattajanapadoti āha ‘‘sāhāranti sajanapada’’nti. Aṅguliphoṭopi aṅguliyā cālanavaseneva hotīti vuttaṃ ‘‘aṅguliṃ cālesu’’nti. Ambakāyāti mātugāmena. Upacāravacanaṃ hetaṃ itthīsu, yadidaṃ ‘‘ambakā mātugāmo jananikā’’ti.
อวโลเกถาติ อปวตฺติตฺวา โอโลกนํ โอโลเกถฯ ตํ ปน อปวตฺติตฺวา โอโลกนํ อนุ อนุ ทสฺสนํ โหตีติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ ปสฺสถา’’ติฯ อุปเนถาติ ‘‘ยถายํ ลิจฺฉวิราชปริสา โสภาติสเยน ยุตฺตา, เอวํ ตาวติํสปริสา’’ติ อุปนยํ กโรถฯ เตนาห ‘‘ตาวติํเสหิ สมเก กตฺวา ปสฺสถา’’ติฯ
Avalokethāti apavattitvā olokanaṃ oloketha. Taṃ pana apavattitvā olokanaṃ anu anu dassanaṃ hotīti āha ‘‘punappunaṃ passathā’’ti. Upanethāti ‘‘yathāyaṃ licchavirājaparisā sobhātisayena yuttā, evaṃ tāvatiṃsaparisā’’ti upanayaṃ karotha. Tenāha ‘‘tāvatiṃsehi samake katvā passathā’’ti.
‘‘อุปสํหรถ ภิกฺขเว ลิจฺฉวิปริสํ ตาวติํสสทิส’’นฺติ นยิทํ นิมิตฺตคฺคาเห นิโยชนํ, เกวลํ ปน ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสา เอเตสํ ราชูนํ อิสฺสริยสมฺปตฺตีติ อนุปุพฺพิกถาย สคฺคสมฺปตฺติกถนํ วิย ทฎฺฐพฺพํฯ เตสุ ปน ภิกฺขูสุ เอกจฺจานํ ตตฺถ นิมิตฺตคฺคาโหปิ สิยา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิมิตฺตคฺคาเห อุโยฺยเชตี’’ติฯ หิตกามตาย เตสํ ภิกฺขูนํ ยถา อายสฺมโต นนฺทสฺส หิตกามตาย สคฺคสมฺปตฺติทสฺสนํฯ เตนาห ‘‘ตตฺร กิรา’’ติอาทิฯ โอสนฺนวีริยาติ สมฺมาปฎิปตฺติยํ อวสนฺนวีริยา, โอสฺสฎฺฐวีริยา วาติ อโตฺถฯ อนิจฺจลกฺขณวิภาวนตฺถนฺติ เตสํ ราชูนํ วเสน ภิกฺขูนํ อนิจฺจลกฺขณวิภูตภาวตฺถํฯ
‘‘Upasaṃharatha bhikkhave licchaviparisaṃ tāvatiṃsasadisa’’nti nayidaṃ nimittaggāhe niyojanaṃ, kevalaṃ pana dibbasampattisadisā etesaṃ rājūnaṃ issariyasampattīti anupubbikathāya saggasampattikathanaṃ viya daṭṭhabbaṃ. Tesu pana bhikkhūsu ekaccānaṃ tattha nimittaggāhopi siyā, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘nimittaggāhe uyyojetī’’ti. Hitakāmatāya tesaṃ bhikkhūnaṃ yathā āyasmato nandassa hitakāmatāya saggasampattidassanaṃ. Tenāha ‘‘tatra kirā’’tiādi. Osannavīriyāti sammāpaṭipattiyaṃ avasannavīriyā, ossaṭṭhavīriyā vāti attho. Aniccalakkhaṇavibhāvanatthanti tesaṃ rājūnaṃ vasena bhikkhūnaṃ aniccalakkhaṇavibhūtabhāvatthaṃ.
เวฬุวคามวสฺสูปคมนวณฺณนา
Veḷuvagāmavassūpagamanavaṇṇanā
๑๖๓. สมีเป เวฬุวคาโมติ ปุพฺพณฺหํ วา สายนฺหํ วา คนฺตฺวา นิวตฺตนโยเคฺย อาสนฺนฎฺฐาเน นิวิฎฺฐา ปริวารคาโมฯ สงฺคมฺมาติ สมฺมา คนฺตฺวาฯ อสฺสาติ ภควโตฯ
163.Samīpe veḷuvagāmoti pubbaṇhaṃ vā sāyanhaṃ vā gantvā nivattanayogye āsannaṭṭhāne niviṭṭhā parivāragāmo. Saṅgammāti sammā gantvā. Assāti bhagavato.
๑๖๔. ผรุโสติ กกฺขโฬ, ครุตโรติ อโตฺถฯ วิสภาคโรโคติ ธาตุวิสภาคตาย สมุฎฺฐิโต พหลตรโรโค, น อาพาธมตฺตํฯ ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ เวทนานํ ขณิกตํ, ทุกฺขตํ, อตฺตสุญฺญตญฺจ ยาถาวโต ญาเณน ปริจฺฉิชฺช ปริตุเลตฺวาฯ อธิวาเสสีติ ตา อภิภวโนฺต ยถาปริมทฺทิตาการสลฺลกฺขเณน อตฺตนิ อาโรเปตฺวา วาเสสิ, น ตาหิ อภิภุยฺยมาโนฯ เตนาห ‘‘อวิหญฺญมาโน’’ติอาทิฯ อทุกฺขิยมาโนติ เจโตทุกฺขวเสน อทุกฺขิยมาโน , กายทุกฺขํ ปน ‘‘นตฺถี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํฯ อสติ หิ ตสฺมิํ อธิวาสนาย เอว อสมฺภโวติฯ อนามเนฺตตฺวาติ อนาลปิตฺวาฯ อนปโลเกตฺวาติ อวิสฺสชฺชิตฺวาฯ เตนาห ‘‘โอวาทานุสาสนิํ อทตฺวาติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ ปุพฺพภาควีริเยนาติ ผลสมาปตฺติยา ปริกมฺมวีริเยนฯ ผลสมาปตฺติวีริเยนาติ ผลสมาปตฺติสมฺปยุตฺตวีริเยนฯ วิกฺขเมฺภตฺวาติ วิโนเทตฺวาฯ ยถา นาม ปุปฺผนสมเย จมฺปกาทิรุเกฺข เวเข ทิเนฺน ยาว โส เวโข นาปนียติ, ตาวสฺส ปุปฺผนสมตฺถตา วิกฺขมฺภิตา วิโนทิตา โหติ, เอวเมว ยถาวุตฺตวีริยเวขทาเนน ตา เวทนา สตฺถุ สรีเร ยถาปริจฺฉินฺนํ กาลํ วิกฺขมฺภิตา วิโนทิตา อเหสุํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘วิกฺขเมฺภตฺวาติ วิโนเทตฺวา’’ติฯ ชีวิตมฺปิ ชีวิตสงฺขาโร กมฺมุนา สงฺขรียตีติ กตฺวาฯ ฉิชฺชมานํ วิโรธิปจฺจยสมาโยเคน ปโยคสมฺปตฺติยา ฆเฎตฺวา ฐปียติฯ อธิฎฺฐายาติ อธิฎฺฐานํ กตฺวาฯ เตนาห ‘‘ทสมาเส มา อุปฺปชฺชิตฺถาติ สมาปตฺติํ สมาปชฺชี’’ติฯ ตํ ปน ‘‘อธิฎฺฐานํ, ปวตฺตน’’นฺติ จ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ วุตฺตํ ‘‘อธิฎฺฐหิตฺวา ปวเตฺตตฺวา’’ติฯ
164.Pharusoti kakkhaḷo, garutaroti attho. Visabhāgarogoti dhātuvisabhāgatāya samuṭṭhito bahalatararogo, na ābādhamattaṃ. Ñāṇena paricchinditvāti vedanānaṃ khaṇikataṃ, dukkhataṃ, attasuññatañca yāthāvato ñāṇena paricchijja parituletvā. Adhivāsesīti tā abhibhavanto yathāparimadditākārasallakkhaṇena attani āropetvā vāsesi, na tāhi abhibhuyyamāno. Tenāha ‘‘avihaññamāno’’tiādi. Adukkhiyamānoti cetodukkhavasena adukkhiyamāno , kāyadukkhaṃ pana ‘‘natthī’’ti na sakkā vattuṃ. Asati hi tasmiṃ adhivāsanāya eva asambhavoti. Anāmantetvāti anālapitvā. Anapaloketvāti avissajjitvā. Tenāha ‘‘ovādānusāsaniṃ adatvāti vuttaṃ hotī’’ti. Pubbabhāgavīriyenāti phalasamāpattiyā parikammavīriyena. Phalasamāpattivīriyenāti phalasamāpattisampayuttavīriyena. Vikkhambhetvāti vinodetvā. Yathā nāma pupphanasamaye campakādirukkhe vekhe dinne yāva so vekho nāpanīyati, tāvassa pupphanasamatthatā vikkhambhitā vinoditā hoti, evameva yathāvuttavīriyavekhadānena tā vedanā satthu sarīre yathāparicchinnaṃ kālaṃ vikkhambhitā vinoditā ahesuṃ. Tena vuttaṃ ‘‘vikkhambhetvāti vinodetvā’’ti. Jīvitampi jīvitasaṅkhāro kammunā saṅkharīyatīti katvā. Chijjamānaṃ virodhipaccayasamāyogena payogasampattiyā ghaṭetvā ṭhapīyati. Adhiṭṭhāyāti adhiṭṭhānaṃ katvā. Tenāha ‘‘dasamāse mā uppajjitthāti samāpattiṃ samāpajjī’’ti. Taṃ pana ‘‘adhiṭṭhānaṃ, pavattana’’nti ca vattabbataṃ arahatīti vuttaṃ ‘‘adhiṭṭhahitvā pavattetvā’’ti.
ขณิกสมาปตฺตีติ ตาทิสํ ปุพฺพาภิสงฺขารํ อกตฺวา ฐานโส สมาปชฺชิตพฺพสมาปตฺติฯ ปุน สรีรํ เวทนา อโชฺฌตฺถรติ สวิเสสปุพฺพาภิสงฺขารสฺส อกตตฺตาฯ รูปสตฺตกอรูปสตฺตกานิ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ฎี. ๒.๗๐๖, ๗๑๗) วิตฺถาริตนเยน เวทิตพฺพานิฯ สุฎฺฐุ วิกฺขเมฺภติ ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส สาติสยตฺตาฯ อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อปพฺยูโฬฺหติ อปนีโตฯ จุทฺทสหากาเรหิ สเนฺนตฺวาติ เตสํเยว รูปสตฺตกอรูปสตฺตกานํ วเสน จุทฺทสหิ ปกาเรหิ วิปสฺสนาจิตฺตํ, สกลเมว วา อตฺตภาวํ วิสภาคโรคสญฺชนิตลูขภาวนิโรคกรณาย สิเนเหตฺวา น อุปฺปชฺชิเยว สมฺมาสมฺพุเทฺธน สาติสยสมาปตฺติเวเคน สุวิกฺขมฺภิตตฺตาฯ
Khaṇikasamāpattīti tādisaṃ pubbābhisaṅkhāraṃ akatvā ṭhānaso samāpajjitabbasamāpatti. Puna sarīraṃ vedanā ajjhottharati savisesapubbābhisaṅkhārassa akatattā. Rūpasattakaarūpasattakāni visuddhimaggasaṃvaṇṇanāsu (visuddhi. ṭī. 2.706, 717) vitthāritanayena veditabbāni. Suṭṭhu vikkhambheti pubbābhisaṅkhārassa sātisayattā. Idāni tamatthaṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yathā nāmā’’tiādi vuttaṃ. Apabyūḷhoti apanīto. Cuddasahākārehi sannetvāti tesaṃyeva rūpasattakaarūpasattakānaṃ vasena cuddasahi pakārehi vipassanācittaṃ, sakalameva vā attabhāvaṃ visabhāgarogasañjanitalūkhabhāvanirogakaraṇāya sinehetvā na uppajjiyeva sammāsambuddhena sātisayasamāpattivegena suvikkhambhitattā.
คิลาโน หุตฺวา ปุน วุฎฺฐิโตติ ปุเพฺพ คิลาโน หุตฺวา ปุน ตโต คิลานภาวโต วุฎฺฐิโตฯ มธุรกภาโว นาม สรีรสฺส ถมฺภิตตฺตํ, ตํ ปน ครุภาวปุพฺพกนฺติ อาห ‘‘สญฺชาตครุภาโว สญฺชาตถทฺธภาโว’’ติฯ ‘‘นานาการโต น อุปฎฺฐหนฺตี’’ติ อิมินา ทิสาสโมฺมโหปิ เม อโหสิ โสกพเลนาติ ทเสฺสติฯ สติปฎฺฐานาทิธมฺมาติ กายานุปสฺสนาทโย อนุปสฺสนาธมฺมา ปุเพฺพ วิภูตา หุตฺวา อุปฎฺฐหนฺตาปิ อิทานิ มยฺหํ ปากฎา น โหนฺติฯ
Gilāno hutvā puna vuṭṭhitoti pubbe gilāno hutvā puna tato gilānabhāvato vuṭṭhito. Madhurakabhāvo nāma sarīrassa thambhitattaṃ, taṃ pana garubhāvapubbakanti āha ‘‘sañjātagarubhāvo sañjātathaddhabhāvo’’ti. ‘‘Nānākārato na upaṭṭhahantī’’ti iminā disāsammohopi me ahosi sokabalenāti dasseti. Satipaṭṭhānādidhammāti kāyānupassanādayo anupassanādhammā pubbe vibhūtā hutvā upaṭṭhahantāpi idāni mayhaṃ pākaṭā na honti.
๑๖๕. อพฺภนฺตรํ กโรติ นาม อตฺตนิเยว ฐปนโตฯ ปุคฺคลํ อพฺภนฺตรํ กโรติ นาม สมานตฺตตาวเสน ธเมฺมน ปุเพฺพ ตสฺส สงฺคณฺหโตฯ ทหรกาเลติ อตฺตโน ทหรกาเลฯ กสฺสจิ อกเถตฺวาติ กสฺสจิ อตฺตโน อเนฺตวาสิกสฺส อุปนิคูหภูตํ คนฺถํ อกเถตฺวาฯ มุฎฺฐิํ กตฺวาติ มุฎฺฐิคตํ วิย รหสิภูตํ กตฺวาฯ ยสฺมิํ วา นเฎฺฐ สโพฺพ ตํมูลโก ธโมฺม วินสฺสติ, โส อาทิโต มูลภูโต ธโมฺม, มุสฺสติ วินสฺสติ ธโมฺม เอเตน นเฎฺฐนาติ มุฎฺฐิ, ตํ ตถารูปํ มุฎฺฐิํ กตฺวา ปริหริตฺวา ฐปิตํ กิญฺจิ นตฺถีติ ทเสฺสติฯ
165.Abbhantaraṃ karoti nāma attaniyeva ṭhapanato. Puggalaṃ abbhantaraṃ karoti nāma samānattatāvasena dhammena pubbe tassa saṅgaṇhato. Daharakāleti attano daharakāle. Kassaci akathetvāti kassaci attano antevāsikassa upanigūhabhūtaṃ ganthaṃ akathetvā. Muṭṭhiṃ katvāti muṭṭhigataṃ viya rahasibhūtaṃ katvā. Yasmiṃ vā naṭṭhe sabbo taṃmūlako dhammo vinassati, so ādito mūlabhūto dhammo, mussati vinassati dhammo etena naṭṭhenāti muṭṭhi, taṃ tathārūpaṃ muṭṭhiṃ katvā pariharitvā ṭhapitaṃ kiñci natthīti dasseti.
อหเมวาติ อวธารณํ ภิกฺขุสงฺฆปริหรณสฺส อญฺญสาธารณิจฺฉาทสฺสนตฺถํ, อวธารเณน ปน วินา ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติอาทิ ภิกฺขุสงฺฆปริหรเณ อหํการมมํการาภาวทสฺสนนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อุทฺทิสิตพฺพเฎฺฐนาติ ‘‘สตฺถา’’ติ อุทฺทิสิตพฺพเฎฺฐนฯ มา วา อเหสุํ ภิกฺขูติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘มา วา อโหสี’’ติ วา ปาโฐฯ เอวํ น โหตีติ ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติอาทิ อากาเรน จิตฺตปฺปวตฺติ น โหติฯ ‘‘ปจฺฉิมวยอนุปฺปตฺตภาวทีปนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ อิมินา วโย วิย พุทฺธกิจฺจมฺปิ ปริโยสิตกมฺมนฺติ ทีเปติฯ สกฎสฺส พาหปฺปเทเส ทฬฺหีภาวาย เวฐทานํ พาหพโนฺธฯ จกฺกเนมิสนฺธีนํ ทฬฺหีภาวาย เวฐทานํ จกฺกพโนฺธฯ
Ahamevāti avadhāraṇaṃ bhikkhusaṅghapariharaṇassa aññasādhāraṇicchādassanatthaṃ, avadhāraṇena pana vinā ‘‘ahaṃ bhikkhusaṅgha’’ntiādi bhikkhusaṅghapariharaṇe ahaṃkāramamaṃkārābhāvadassananti daṭṭhabbaṃ. Uddisitabbaṭṭhenāti ‘‘satthā’’ti uddisitabbaṭṭhena. Mā vāahesuṃ bhikkhūti adhippāyo. ‘‘Mā vā ahosī’’ti vā pāṭho. Evaṃ na hotīti ‘‘ahaṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharissāmī’’tiādi ākārena cittappavatti na hoti. ‘‘Pacchimavayaanuppattabhāvadīpanatthaṃ vutta’’nti iminā vayo viya buddhakiccampi pariyositakammanti dīpeti. Sakaṭassa bāhappadese daḷhībhāvāya veṭhadānaṃ bāhabandho. Cakkanemisandhīnaṃ daḷhībhāvāya veṭhadānaṃ cakkabandho.
ตมตฺถนฺติ เวฐมิสฺสเกน มเญฺญติ วุตฺตมตฺถํฯ รูปาทโย เอว ธมฺมา สวิคฺคโห วิย อุปฎฺฐานโต รูปนิมิตฺตาทโย, เตสํ รูปนิมิตฺตาทีนํฯ โลกิยานํ เวทนานนฺติ ยาสํ นิโรธเนน ผลสมาปตฺติ สมาปชฺชิตพฺพา, ตาสํ นิโรธา ผาสุ โหติ, ตถา พาฬฺหเวทนาภิตุนฺนสรีรสฺสาปิฯ ตทตฺถายาติ ผลสมาปตฺติวิหารตฺถายฯ ทฺวีหิ ภาเคหิ อาโป คโต เอตฺถาติ ทีโป, โอเฆน ปริคโต หุตฺวา อนโชฺฌตฺถโฎ ภูมิภาโค, อิธ ปน จตูหิปิ โอเฆหิ, สํสารมโหเฆเนว วา อนโชฺฌตฺถโฎ อตฺตา ‘‘ทีโป’’ติ อธิเปฺปโตฯ เตนาห ‘‘มหาสมุทฺทคตา’’ติอาทิฯ อตฺตสฺสรณาติ อตฺตปฺปฎิสรณาฯ อตฺตคติกา วาติ อตฺตปรายณาว ฯ มา อญฺญคติกาติ อญฺญํ กิญฺจิ คติํ ปฎิสรณํ ปรายณํ มา จินฺตยิตฺถฯ กสฺมา? อตฺตา นาเมตฺถ ปรมตฺถโต ธโมฺม อพฺภนฺตรเฎฺฐน, โส เอวํ สมฺปาทิโต ตุมฺหากํ ทีปํ ตาณํ คติ ปรายณนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ธมฺมทีปา’’ติอาทิฯ ตถา จาห ‘‘อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ, โก หิ นาโถ ปโร สิยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๐, ๓๘๐) อุปเทสมตฺตเมว หิ ปรสฺมิํ ปฎิพทฺธํ, อญฺญา สพฺพา สมฺปตฺติ ปุริสสฺส อตฺตาธีนา เอวฯ เตนาห ภควา ‘‘ตุเมฺหหิ กิจฺจํ อาตปฺปํ, อกฺขาตาโร ตถาคตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๖)ฯ ตมเคฺคติ ตมโยคสฺส อเคฺค ตสฺส อติกฺกนฺตาภาวโตฯ เตเนวาห ‘‘อิเม อคฺคตมา’’ติอาทิฯ มมาติ มม สาสเนฯ สเพฺพปิ เต จตุสติปฎฺฐานโคจรา วาติ จตุพฺพิธํ สติปฎฺฐานํ ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา ตเทว โคจรํ อตฺตโน ปวตฺติฎฺฐานํ กตฺวา ฐิตา เอว ภิกฺขู อเคฺค ภวิสฺสนฺติฯ
Tamatthanti veṭhamissakena maññeti vuttamatthaṃ. Rūpādayo eva dhammā saviggaho viya upaṭṭhānato rūpanimittādayo, tesaṃ rūpanimittādīnaṃ. Lokiyānaṃ vedanānanti yāsaṃ nirodhanena phalasamāpatti samāpajjitabbā, tāsaṃ nirodhā phāsu hoti, tathā bāḷhavedanābhitunnasarīrassāpi. Tadatthāyāti phalasamāpattivihāratthāya. Dvīhi bhāgehi āpo gato etthāti dīpo, oghena parigato hutvā anajjhotthaṭo bhūmibhāgo, idha pana catūhipi oghehi, saṃsāramahogheneva vā anajjhotthaṭo attā ‘‘dīpo’’ti adhippeto. Tenāha ‘‘mahāsamuddagatā’’tiādi. Attassaraṇāti attappaṭisaraṇā. Attagatikā vāti attaparāyaṇāva . Mā aññagatikāti aññaṃ kiñci gatiṃ paṭisaraṇaṃ parāyaṇaṃ mā cintayittha. Kasmā? Attā nāmettha paramatthato dhammo abbhantaraṭṭhena, so evaṃ sampādito tumhākaṃ dīpaṃ tāṇaṃ gati parāyaṇanti. Tena vuttaṃ ‘‘dhammadīpā’’tiādi. Tathā cāha ‘‘attā hi attano nātho, ko hi nātho paro siyā’’ti (dha. pa. 160, 380) upadesamattameva hi parasmiṃ paṭibaddhaṃ, aññā sabbā sampatti purisassa attādhīnā eva. Tenāha bhagavā ‘‘tumhehi kiccaṃ ātappaṃ, akkhātāro tathāgatā’’ti (dha. pa. 276). Tamaggeti tamayogassa agge tassa atikkantābhāvato. Tenevāha ‘‘ime aggatamā’’tiādi. Mamāti mama sāsane. Sabbepi te catusatipaṭṭhānagocarā vāti catubbidhaṃ satipaṭṭhānaṃ bhāvetvā brūhetvā tadeva gocaraṃ attano pavattiṭṭhānaṃ katvā ṭhitā eva bhikkhū agge bhavissanti.
ทุติยภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
นิมิโตฺตภาสกถาวณฺณนา
Nimittobhāsakathāvaṇṇanā
๑๖๖. อเนกวารํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ, ตสฺมา อิมํ เวสาลิปฺปเวสนํ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘กทา ปาวิสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อาคมนโต ปฎฺฐาย ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ภควา กิรา’’ติอาทิมาหฯ อาคตมเคฺคเนวาติ ปุเพฺพ ยาว เวฬุวคามกา อาคตมเคฺคเนว ปฎินิวเตฺตโนฺตฯ ยถาปริเจฺฉเทนาติ ยถาปริจฺฉินฺนกาเลนฯ ตโตติ ผลสมาปตฺติโตฯ อยนฺติ อิทานิ วุจฺจมานากาโรฯ ทิวาฎฺฐาโนโลกนาทิ ปรินิพฺพานสฺส เอกนฺติกภาวทสฺสนํฯ โอสฺสโฎฺฐติ วิสฺสโฎฺฐ อายุสงฺขาโร ‘‘สตฺตาหเมว มยา ชีวิตพฺพ’’นฺติฯ
166. Anekavāraṃ bhagavā vesāliyaṃ viharati, tasmā imaṃ vesālippavesanaṃ niyametvā dassetuṃ ‘‘kadā pāvisī’’ti pucchitvā āgamanato paṭṭhāya taṃ dassento ‘‘bhagavā kirā’’tiādimāha. Āgatamaggenevāti pubbe yāva veḷuvagāmakā āgatamaggeneva paṭinivattento. Yathāparicchedenāti yathāparicchinnakālena. Tatoti phalasamāpattito. Ayanti idāni vuccamānākāro. Divāṭṭhānolokanādi parinibbānassa ekantikabhāvadassanaṃ. Ossaṭṭhoti vissaṭṭho āyusaṅkhāro ‘‘sattāhameva mayā jīvitabba’’nti.
เชฎฺฐกนิฎฺฐภาติกานนฺติ สเพฺพว สพฺรหฺมจาริโน สนฺธาย วทติฯ
Jeṭṭhakaniṭṭhabhātikānanti sabbeva sabrahmacārino sandhāya vadati.
ปฎิปาเทสฺสามีติ มคฺคปฎิปตฺติยา นิโยเชสฺสามิฯ มณิผลเกติ มณิขจิเต ปมุเข อตฺถตผลเกฯ ตํ ปฐมํ ทสฺสนนฺติ ยํ เวฬุวเน ปริพฺพาชกรูเปน อาคตสฺส สิทฺธํ ทสฺสนํ, ตํ ปฐมทสฺสนํฯ ยํ วา อโนมทสฺสิสฺส ภควโต วจนํ สทฺทหเนฺตน ตทา อภินีหารกาเล ปจฺจกฺขโต วิย ตุมฺหากํ ทสฺสนํ สิทฺธํ, ตํ ปฐมทสฺสนํฯ ปจฺจาคมนจาริกนฺติ ปจฺจาคมนตฺถํ จาริกํฯ
Paṭipādessāmīti maggapaṭipattiyā niyojessāmi. Maṇiphalaketi maṇikhacite pamukhe atthataphalake. Taṃ paṭhamaṃdassananti yaṃ veḷuvane paribbājakarūpena āgatassa siddhaṃ dassanaṃ, taṃ paṭhamadassanaṃ. Yaṃ vā anomadassissa bhagavato vacanaṃ saddahantena tadā abhinīhārakāle paccakkhato viya tumhākaṃ dassanaṃ siddhaṃ, taṃ paṭhamadassanaṃ. Paccāgamanacārikanti paccāgamanatthaṃ cārikaṃ.
สตฺตาหนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํฯ เถรสฺส ชาโตวรกเคหํ กิร อิตรเคหโต วิเวกฎฺฐํ, วิวฎงฺคณญฺจ, ตสฺมา เทวพฺรหฺมานํ อุปสงฺกมนโยคฺยนฺติ ‘‘ชาโตวรกํ ปฎิชคฺคถา’’ติ วุตฺตํฯ โสติ อุปเรวโตฯ ตํ ปวตฺตินฺติ ตตฺถ วสิตุกามตาย วุตฺตํ ตํฯ
Sattāhanti accantasaṃyoge upayogavacanaṃ. Therassa jātovarakagehaṃ kira itaragehato vivekaṭṭhaṃ, vivaṭaṅgaṇañca, tasmā devabrahmānaṃ upasaṅkamanayogyanti ‘‘jātovarakaṃ paṭijaggathā’’ti vuttaṃ. Soti uparevato. Taṃ pavattinti tattha vasitukāmatāya vuttaṃ taṃ.
‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺตี’’ติ (ปารา. ๑๖, ๑๖๕) อิมินา นีหาเรน เถโร ‘‘เก ตุเมฺห’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ตฺวํ จตูหิ มหาราเชหิ มหนฺตตโร’’ติ ปุโฎฺฐ อตฺตโน มหตฺตํ สตฺถุ อุปริ ปกฺขิปโนฺต ‘‘อารามิกสทิสา เอเต อุปาสิเก อมฺหากํ สตฺถุโน’’ติ อาหฯ สาวกสมฺปตฺติกิตฺตนมฺปิ หิ อตฺถโต สตฺถุ สมฺปตฺติํเยว วิภาเวติฯ
‘‘Jānantāpi tathāgatā pucchantī’’ti (pārā. 16, 165) iminā nīhārena thero ‘‘ke tumhe’’ti pucchi. ‘‘Tvaṃ catūhi mahārājehi mahantataro’’ti puṭṭho attano mahattaṃ satthu upari pakkhipanto ‘‘ārāmikasadisā ete upāsike amhākaṃ satthuno’’ti āha. Sāvakasampattikittanampi hi atthato satthu sampattiṃyeva vibhāveti.
โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐายาติ เถรสฺส เทสนานุภาเวน, อตฺตโน จ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ญาณสฺส ปริปกฺกตฺตา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิตฺวาฯ
Sotāpattiphale patiṭṭhāyāti therassa desanānubhāvena, attano ca upanissayasampattiyā ñāṇassa paripakkattā sotāpattiphale patiṭṭhahitvā.
อยนฺติ ยถาวุตฺตาฯ เอตฺถาติ ‘‘เวสาลิํ ปิณฺฑาย ปาวิสี’’ติ เอตสฺมิํ เวสาลีปเวเสฯ อนุปุพฺพีกถาติ อนุปุพฺพทีปนี กถาฯ
Ayanti yathāvuttā. Etthāti ‘‘vesāliṃ piṇḍāya pāvisī’’ti etasmiṃ vesālīpavese. Anupubbīkathāti anupubbadīpanī kathā.
๑๖๗. อุเทนยกฺขสฺส เจติยฎฺฐาเนติ อุเทนสฺส นาม ยกฺขสฺส อายตนภาเวน อิฎฺฐกาหิ จิเต มหาชนสฺส จิตฺตีกตฎฺฐาเนฯ กตวิหาโรติ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส กตวิหาโรฯ วุจฺจตีติ ปุริมโวหาเรน ‘‘อุเทนเจติย’’นฺติ วุจฺจติฯ โคตมกาทีสุปีติ ‘‘โคตมกเจติย’’นฺติ เอวํ อาทีสุปิฯ เอเสว นโยติ เจติยฎฺฐาเน กตวิหารภาวํ อติทิสติฯ วฑฺฒิตาติ ภาวนาปาริปูริวเสน ปริพฺรูหิตาฯ ปุนปฺปุนํ กตาติ ภาวนาย พหุลีกรเณน อปราปรํ ปวตฺติตาฯ ยุตฺตยานํ วิย กตาติ ยถา ยุตฺตํ อาชญฺญยานํ เฉเกน สารถินา อธิฎฺฐิตํ ยถารุจิ ปวตฺตติ, เอวํ ยถารุจิปวตฺติรหตํ คมิตาฯ ปติฎฺฐานเฎฺฐนาติ อธิฎฺฐานเฎฺฐนฯ วตฺถุ วิย กตาติ สพฺพโส อุปกฺกิเลสวิโสธเนน อิทฺธิวิสยตาย ปวตฺติฎฺฐานภาวโต สุวิโสธิตปริสฺสยวตฺถุ วิย กตาฯ อธิฎฺฐิตาติ ปฎิปกฺขทูรีภาวโต สุภาวิตภาเวน ตํตํอธิฎฺฐานโยคฺยตาย ฐปิตา ฯ สมนฺตโต จิตาติ สพฺพภาเคน ภาวนุปจยํ คมิตาฯ เตนาห ‘‘สุวฑฺฒิตา’’ติฯ สุฎฺฐุ สมารทฺธาติ อิทฺธิภาวนาย สิขาปฺปตฺติยา สมฺมเทว สํเสวิตาฯ
167.Udenayakkhassa cetiyaṭṭhāneti udenassa nāma yakkhassa āyatanabhāvena iṭṭhakāhi cite mahājanassa cittīkataṭṭhāne. Katavihāroti bhagavantaṃ uddissa katavihāro. Vuccatīti purimavohārena ‘‘udenacetiya’’nti vuccati. Gotamakādīsupīti ‘‘gotamakacetiya’’nti evaṃ ādīsupi. Eseva nayoti cetiyaṭṭhāne katavihārabhāvaṃ atidisati. Vaḍḍhitāti bhāvanāpāripūrivasena paribrūhitā. Punappunaṃ katāti bhāvanāya bahulīkaraṇena aparāparaṃ pavattitā. Yuttayānaṃ viya katāti yathā yuttaṃ ājaññayānaṃ chekena sārathinā adhiṭṭhitaṃ yathāruci pavattati, evaṃ yathārucipavattirahataṃ gamitā. Patiṭṭhānaṭṭhenāti adhiṭṭhānaṭṭhena. Vatthu viya katāti sabbaso upakkilesavisodhanena iddhivisayatāya pavattiṭṭhānabhāvato suvisodhitaparissayavatthu viya katā. Adhiṭṭhitāti paṭipakkhadūrībhāvato subhāvitabhāvena taṃtaṃadhiṭṭhānayogyatāya ṭhapitā . Samantato citāti sabbabhāgena bhāvanupacayaṃ gamitā. Tenāha ‘‘suvaḍḍhitā’’ti. Suṭṭhu samāraddhāti iddhibhāvanāya sikhāppattiyā sammadeva saṃsevitā.
อนิยเมนาติ ‘‘ยสฺส กสฺสจี’’ติ อนิยมวจเนนฯ นิยเมตฺวาติ ‘‘ตถาคตสฺสา’’ติ สรูปทสฺสเนน นิยเมตฺวาฯ อายุปฺปมาณนฺติ ปรมายุปฺปมาณํ วทติ, ตเสฺสว คหเณ การณํ พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๔๐; ที. นิ. ฎี. ๑.๔๐) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ มหาสิวเตฺถโร ปน ‘‘มหาโพธิสตฺตานํ จริมภเว ปฎิสนฺธิทายิโน กมฺมสฺส อสเงฺขฺยยฺยายุกตาสํวตฺตนสมตฺถตํ หทเย ฐเปตฺวา พุทฺธานํ อายุสงฺขารสฺส ปริสฺสยวิกฺขมฺภนสมตฺถตา ปาฬิยํ อาคตา เอวาติ อิมํ ภทฺทกปฺปเมว ติเฎฺฐยฺยา’’ติ อโวจฯ ‘‘ขณฺฑิจฺจาทีหิ อภิภุยฺยตี’’ติ เอเตน ยถา อิทฺธิพเลน ชราย น ปฎิฆาโต, เอวํ เตน มรณสฺสปิ น ปฎิฆาโตติ อตฺถโต อาปนฺนเมวาติฯ ‘‘กฺว สโร ขิโตฺต, กฺว จ นิปติโต’’ติ อญฺญถา วุฎฺฐิเตนาปิ เถรวาเทน อฎฺฐกถาวจนเมว สมตฺถิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํ ฯ เตนาห ‘‘โส น รุจฺจติ…เป.… นิยมิต’’นฺติฯ
Aniyamenāti ‘‘yassa kassacī’’ti aniyamavacanena. Niyametvāti ‘‘tathāgatassā’’ti sarūpadassanena niyametvā. Āyuppamāṇanti paramāyuppamāṇaṃ vadati, tasseva gahaṇe kāraṇaṃ brahmajālasuttavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 1.40; dī. ni. ṭī. 1.40) vuttanayeneva veditabbaṃ. Mahāsivatthero pana ‘‘mahābodhisattānaṃ carimabhave paṭisandhidāyino kammassa asaṅkhyeyyāyukatāsaṃvattanasamatthataṃ hadaye ṭhapetvā buddhānaṃ āyusaṅkhārassa parissayavikkhambhanasamatthatā pāḷiyaṃ āgatā evāti imaṃ bhaddakappameva tiṭṭheyyā’’ti avoca. ‘‘Khaṇḍiccādīhi abhibhuyyatī’’ti etena yathā iddhibalena jarāya na paṭighāto, evaṃ tena maraṇassapi na paṭighātoti atthato āpannamevāti. ‘‘Kva saro khitto, kva ca nipatito’’ti aññathā vuṭṭhitenāpi theravādena aṭṭhakathāvacanameva samatthitanti daṭṭhabbaṃ . Tenāha ‘‘so na ruccati…pe… niyamita’’nti.
ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตติ ยถา กิญฺจิ อตฺถานตฺถํ สลฺลเกฺขตุํ น สกฺกา, เอวํ อภิภูตจิโตฺตฯ โส ปน อภิภโว มหตา อุทโกเฆน อปฺปกสฺส อุทกสฺส อโชฺฌตฺถรณํ วิย อโหสีติ วุตฺตํ ‘‘อโชฺฌตฺถฎจิโตฺต’’ติฯ อโญฺญปีติ เถรโต, อริเยหิ วา อโญฺญปิ โย โกจิ ปุถุชฺชโนฯ ปุถุชฺชนคฺคหณเญฺจตฺถ ยถา สเพฺพน สพฺพํ อปฺปหีนวิปลฺลาโส มาเรน ปริยุฎฺฐิตจิโตฺต กิญฺจิ อตฺถํ สลฺลเกฺขตุํ น สโกฺกติ, เอวํ เถโร ภควตา กตํ นิมิโตฺตภาสํ สพฺพโส น สลฺลเกฺขสีติ ทสฺสนตฺถํฯ เตนาห ‘‘มาโร หี’’ติอาทิฯ จตฺตาโร วิปลฺลาสาติ อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ สญฺญาวิปลฺลาโส, จิตฺตวิปลฺลาโส, ทุเกฺข ‘‘สุข’’นฺติ สญฺญาวิปลฺลาโส, จิตฺตวิปลฺลาโสติ อิเม จตฺตาโร วิปลฺลาสาฯ เตนาติ ยทิปิ อิตเร อฎฺฐ วิปลฺลาสา ปหีนา, ตถาปิ ยถาวุตฺตานํ จตุนฺนํ วิปลฺลาสานํ อปฺปหีนภาเวนฯ อสฺสาติ เถรสฺสฯ มทฺทตีติ ผุสนมเตฺตน มทฺทโนฺต วิย โหติ, อญฺญถา เตน มทฺทิเต สตฺตานํ มรณเมว สิยาฯ กิํ สกฺขิสฺสติ, น สกฺขิสฺสตีติ อธิปฺปาโยฯ กสฺมา น สกฺขิสฺสติ, นนุ เอส อคฺคสาวกสฺส กุจฺฉิํ ปวิโฎฺฐติ? สจฺจํ ปวิโฎฺฐ, ตญฺจ โข อตฺตโน อานุภาวทสฺสนตฺถํ, น วิพาธนาธิปฺปาเยนฯ วิพาธนาธิปฺปาเยน ปน อิธ ‘‘กิํ สกฺขิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ หทยมทฺทนสฺส อธิคตตฺตาฯ นิมิโตฺตภาสนฺติ เอตฺถ ‘‘ติฎฺฐตุ ภควา กปฺป’’นฺติ สกลกปฺปํ อวฎฺฐานยาจนาย ‘‘ยสฺส กสฺสจิ อานนฺท จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา’’ติอาทินา อญฺญาปเทเสน อตฺตโน จตุริทฺธิปาทภาวนานุภาเวน กปฺปํ อวฎฺฐานสมตฺถตาวเสน สญฺญุปฺปาทนํ นิมิตฺตํ, ตถา ปน ปริยายํ มุญฺจิตฺวา อุชุกํเยว อตฺตโน อธิปฺปายวิภาวนํ โอภาโสฯ ชานโนฺตเยว วาติ มาเรน ปริยุฎฺฐิตภาวํ ชานโนฺต เอวฯ อตฺตโน อปราธเหตุโต สตฺตานํ โสโก ตนุโก โหติ, น พลวาติ อาห ‘‘โทสาโรปเนน โสกตนุกรณตฺถ’’นฺติฯ กิํ ปน เถโร มาเรน ปริยุฎฺฐิตจิตฺตกาเล ปวตฺติํ ปจฺฉา ชานาตีติ? น ชานาติ สภาเวน, พุทฺธานุภาเวน ปน อนุชานาติฯ
Pariyuṭṭhitacittoti yathā kiñci atthānatthaṃ sallakkhetuṃ na sakkā, evaṃ abhibhūtacitto. So pana abhibhavo mahatā udakoghena appakassa udakassa ajjhottharaṇaṃ viya ahosīti vuttaṃ ‘‘ajjhotthaṭacitto’’ti. Aññopīti therato, ariyehi vā aññopi yo koci puthujjano. Puthujjanaggahaṇañcettha yathā sabbena sabbaṃ appahīnavipallāso mārena pariyuṭṭhitacitto kiñci atthaṃ sallakkhetuṃ na sakkoti, evaṃ thero bhagavatā kataṃ nimittobhāsaṃ sabbaso na sallakkhesīti dassanatthaṃ. Tenāha ‘‘māro hī’’tiādi. Cattāro vipallāsāti asubhe ‘‘subha’’nti saññāvipallāso, cittavipallāso, dukkhe ‘‘sukha’’nti saññāvipallāso, cittavipallāsoti ime cattāro vipallāsā. Tenāti yadipi itare aṭṭha vipallāsā pahīnā, tathāpi yathāvuttānaṃ catunnaṃ vipallāsānaṃ appahīnabhāvena. Assāti therassa. Maddatīti phusanamattena maddanto viya hoti, aññathā tena maddite sattānaṃ maraṇameva siyā. Kiṃ sakkhissati, na sakkhissatīti adhippāyo. Kasmā na sakkhissati, nanu esa aggasāvakassa kucchiṃ paviṭṭhoti? Saccaṃ paviṭṭho, tañca kho attano ānubhāvadassanatthaṃ, na vibādhanādhippāyena. Vibādhanādhippāyena pana idha ‘‘kiṃ sakkhissatī’’ti vuttaṃ hadayamaddanassa adhigatattā. Nimittobhāsanti ettha ‘‘tiṭṭhatu bhagavā kappa’’nti sakalakappaṃ avaṭṭhānayācanāya ‘‘yassa kassaci ānanda cattāro iddhipādā bhāvitā’’tiādinā aññāpadesena attano caturiddhipādabhāvanānubhāvena kappaṃ avaṭṭhānasamatthatāvasena saññuppādanaṃ nimittaṃ, tathā pana pariyāyaṃ muñcitvā ujukaṃyeva attano adhippāyavibhāvanaṃ obhāso. Jānantoyeva vāti mārena pariyuṭṭhitabhāvaṃ jānanto eva. Attano aparādhahetuto sattānaṃ soko tanuko hoti, na balavāti āha ‘‘dosāropanena sokatanukaraṇattha’’nti. Kiṃ pana thero mārena pariyuṭṭhitacittakāle pavattiṃ pacchā jānātīti? Na jānāti sabhāvena, buddhānubhāvena pana anujānāti.
มารยาจนกถาวณฺณนา
Mārayācanakathāvaṇṇanā
๑๖๘. อนเตฺถ นิโยเชโนฺต คุณมารเณน มาเรติ, วิราควิพนฺธเนน วา ชาตินิมิตฺตตาย ตตฺถ ตตฺถ ชาตํ ชาตํ มาเรโนฺต วิย โหตีติ ‘‘มาเรตีติ มาโร’’ติ วุตฺตํฯ อติวิย ปาปตาย ปาปิมาฯ กณฺหธเมฺมหิ สมนฺนาคโต กโณฺหฯ วิราคาทิคุณานํ อนฺตกรณโต อนฺตโกฯ สตฺตานํ อนตฺถาวหปฎิปตฺติํ น มุจฺจตีติ นมุจิฯ อตฺตโน มารปาเสน ปมเตฺต พนฺธติ, ปมตฺตา วา พนฺธู เอตสฺสาติ ปมตฺตพนฺธุฯ สตฺตมสตฺตาหโต ปรํ สตฺต อหานิ สนฺธายาห ‘‘อฎฺฐเม สตฺตาเห’’ติ น ปน ปลฺลงฺกสตฺตาหาทิ วิย นิยตกิจฺจสฺส อฎฺฐมสตฺตาหสฺส นาม ลพฺภนโตฯ สตฺตมสตฺตาหสฺส หิ ปรโต อชปาลนิโคฺรธมูเล มหาพฺรหฺมุโน, สกฺกสฺส จ เทวรโญฺญ ปฎิญฺญาตธมฺมเทสนํ ภควนฺตํ ญตฺวา ‘‘อิทานิ สเตฺต ธมฺมเทสนาย มม วิสยํ อติกฺกมาเปสฺสตี’’ติ สญฺชาตโทมนโสฺส หุตฺวา ฐิโต จิเนฺตสิ ‘‘หนฺท ทานาหํ นํ อุปาเยน ปรินิพฺพาเปสฺสามิ, เอวมสฺส มโนรโถ อญฺญถตฺตํ คมิสฺสติ, มม จ มโนรโถ อิชฺฌิสฺสตี’’ติ ฯ เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํ อนฺตํ ฐิโต ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ ภเนฺต ภควา’’ติอาทินา ปรินิพฺพานํ ยาจิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อฎฺฐเม สตฺตาเห’’ติอาทิฯ ตตฺถ อชฺชาติ อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนทิวสํ สนฺธายาหฯ ภควา จสฺส อภิสนฺธิํ ชานโนฺตปิ ตํ อนาวิกตฺวา ปรินิพฺพานสฺส อกาลภาวเมว ปกาเสโนฺต ยาจนํ ปฎิกฺขิปิฯ เตนาห ‘‘น ตาวาห’’นฺติอาทิฯ
168.Anatthe niyojento guṇamāraṇena māreti, virāgavibandhanena vā jātinimittatāya tattha tattha jātaṃ jātaṃ mārento viya hotīti ‘‘māretīti māro’’ti vuttaṃ. Ativiya pāpatāya pāpimā. Kaṇhadhammehi samannāgato kaṇho. Virāgādiguṇānaṃ antakaraṇato antako. Sattānaṃ anatthāvahapaṭipattiṃ na muccatīti namuci. Attano mārapāsena pamatte bandhati, pamattā vā bandhū etassāti pamattabandhu. Sattamasattāhato paraṃ satta ahāni sandhāyāha ‘‘aṭṭhame sattāhe’’ti na pana pallaṅkasattāhādi viya niyatakiccassa aṭṭhamasattāhassa nāma labbhanato. Sattamasattāhassa hi parato ajapālanigrodhamūle mahābrahmuno, sakkassa ca devarañño paṭiññātadhammadesanaṃ bhagavantaṃ ñatvā ‘‘idāni satte dhammadesanāya mama visayaṃ atikkamāpessatī’’ti sañjātadomanasso hutvā ṭhito cintesi ‘‘handa dānāhaṃ naṃ upāyena parinibbāpessāmi, evamassa manoratho aññathattaṃ gamissati, mama ca manoratho ijjhissatī’’ti . Evaṃ pana cintetvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā ekaṃ antaṃ ṭhito ‘‘parinibbātu dāni bhante bhagavā’’tiādinā parinibbānaṃ yāci, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘aṭṭhame sattāhe’’tiādi. Tattha ajjāti āyusaṅkhārossajjanadivasaṃ sandhāyāha. Bhagavā cassa abhisandhiṃ jānantopi taṃ anāvikatvā parinibbānassa akālabhāvameva pakāsento yācanaṃ paṭikkhipi. Tenāha ‘‘na tāvāha’’ntiādi.
มคฺควเสน วิยตฺตาติ สจฺจสมฺปฎิเวธเวยฺยตฺติเยน พฺยตฺตาฯ ตเถว วินีตาติ มคฺควเสน กิเลสานํ สมุเจฺฉทวินยเนน วินีตาฯ ตถา วิสารทาติ อริยมคฺคาธิคเมเนว สตฺถุสาสเน เวสารชฺชปฺปตฺติยา วิสารทา , สารชฺชกรานํ ทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาทิปาปธมฺมานํ วิคเมน วิสารทภาวํ ปตฺตาติ อโตฺถฯ ยสฺส สุตสฺส วเสน วฎฺฎทุกฺขโต นิสฺสรณํ สมฺภวติ, ตํ อิธ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน ‘‘สุต’’นฺติ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘เตปิฎกวเสนา’’ติฯ ติณฺณํ ปิฎกานํ สมูโห เตปิฎกํ, ตีณิ วา ปิฎกานิ ติปิฎกํ, ติปิฎกเมว เตปิฎกํ, ตสฺส วเสนฯ ตเมวาติ ยํ ตํ เตปิฎกํ โสตพฺพภาเวน ‘‘สุต’’นฺติ วุตฺตํ, ตเมวฯ ธมฺมนฺติ ปริยตฺติธมฺมํฯ ธาเรนฺตีติ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสํ วิย อวินสฺสนฺตํ กตฺวา สุปฺปคุณสุปฺปวตฺติภาเวน ธาเรนฺติ หทเย ฐเปนฺติฯ อิติ ปริยตฺติธมฺมวเสน พหุสฺสุตธมฺมธรภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปฎิเวธธมฺมวเสนปิ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อริยธมฺมสฺสาติ มคฺคผลธมฺมสฺส, นววิธสฺสาปิ วา โลกุตฺตรธมฺมสฺสฯ อนุธมฺมภูตนฺติ อธิคมาย อนุรูปธมฺมภูตํฯ อนุจฺฉวิกปฎิปทนฺติ จ ตเมว วิปสฺสนาธมฺมมาห, ฉพฺพิธา วิสุทฺธิโย วาฯ อนุธมฺมนฺติ ตสฺสา ยถาวุตฺตปฎิปทาย อนุรูปํ อภิสเลฺลขิตํ อปฺปิจฺฉตาทิธมฺมํฯ จรณสีลาติ สมาทาย ปวตฺตนสีลาฯ อนุ มคฺคผลธโมฺม เอติสฺสาติ วา อนุธมฺมา, วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนา, ตสฺสา จรณสีลาฯ อตฺตโน อาจริยวาทนฺติ อตฺตโน อาจริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วาทํฯ สเทวกสฺส โลกสฺส อาจารสิกฺขาปเนน อาจริโย, ภควาฯ ตสฺส วาโท, จตุสจฺจเทสนาฯ
Maggavasena viyattāti saccasampaṭivedhaveyyattiyena byattā. Tatheva vinītāti maggavasena kilesānaṃ samucchedavinayanena vinītā. Tathā visāradāti ariyamaggādhigameneva satthusāsane vesārajjappattiyā visāradā , sārajjakarānaṃ diṭṭhivicikicchādipāpadhammānaṃ vigamena visāradabhāvaṃ pattāti attho. Yassa sutassa vasena vaṭṭadukkhato nissaraṇaṃ sambhavati, taṃ idha ukkaṭṭhaniddesena ‘‘suta’’nti adhippetanti āha ‘‘tepiṭakavasenā’’ti. Tiṇṇaṃ piṭakānaṃ samūho tepiṭakaṃ, tīṇi vā piṭakāni tipiṭakaṃ, tipiṭakameva tepiṭakaṃ, tassa vasena. Tamevāti yaṃ taṃ tepiṭakaṃ sotabbabhāvena ‘‘suta’’nti vuttaṃ, tameva. Dhammanti pariyattidhammaṃ. Dhārentīti suvaṇṇabhājane pakkhittasīhavasaṃ viya avinassantaṃ katvā suppaguṇasuppavattibhāvena dhārenti hadaye ṭhapenti. Iti pariyattidhammavasena bahussutadhammadharabhāvaṃ dassetvā idāni paṭivedhadhammavasenapi taṃ dassetuṃ ‘‘atha vā’’tiādi vuttaṃ. Ariyadhammassāti maggaphaladhammassa, navavidhassāpi vā lokuttaradhammassa. Anudhammabhūtanti adhigamāya anurūpadhammabhūtaṃ. Anucchavikapaṭipadanti ca tameva vipassanādhammamāha, chabbidhā visuddhiyo vā. Anudhammanti tassā yathāvuttapaṭipadāya anurūpaṃ abhisallekhitaṃ appicchatādidhammaṃ. Caraṇasīlāti samādāya pavattanasīlā. Anu maggaphaladhammo etissāti vā anudhammā, vuṭṭhānagāminivipassanā, tassā caraṇasīlā. Attano ācariyavādanti attano ācariyassa sammāsambuddhassa vādaṃ. Sadevakassa lokassa ācārasikkhāpanena ācariyo, bhagavā. Tassa vādo, catusaccadesanā.
อาจิกฺขิสฺสนฺตีติ อาทิโต กเถสฺสนฺติ, อตฺตนา อุคฺคหิตนิยาเมน ปเร อุคฺคณฺหาเปสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ เทเสสฺสนฺตีติ วาเจสฺสนฺติ, ปาฬิํ สมฺมา ปโพเธสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ ปญฺญาเปสฺสนฺตีติ ปชานาเปสฺสนฺติ, สงฺกาเปสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ ปฎฺฐเปสฺสนฺตีติ ปกาเรหิ ฐเปสฺสนฺติ, ปกาเสสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ วิวริสฺสนฺตีติ วิวฎํ กริสฺสนฺติฯ วิภชิสฺสนฺตีติ วิภตฺตํ กริสฺสนฺติฯ อุตฺตานิํ กริสฺสนฺตีติ อนุตฺตานํ คมฺภีรํ อุตฺตานํ ปากฎํ กริสฺสนฺติฯ สห ธเมฺมนาติ เอตฺถ ธมฺม-สโทฺท การณปริยาโย ‘‘เหตุมฺหิ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๒๗๐) วิยาติ อาห ‘‘สเหตุเกน สการเณน วจเนนา’’ติฯ สปฺปาฎิหาริยนฺติ สนิสฺสรณํ , ยถา ปรวาทํ ภญฺชิตฺวา สกวาโท ปติฎฺฐหติ, เอวํ เหตุทาหรเณหิ ยถาธิคตมตฺถํ สมฺปาเทตฺวา ธมฺมํ กเถสฺสนฺติฯ เตนาห ‘‘นิยฺยานิกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’’ติ, นววิธํ โลกุตฺตรธมฺมํ ปโพเธสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ‘‘ปญฺญาเปสฺสนฺตี’’ติอาทีหิ ฉหิ ปเทหิ ฉ อตฺถปทานิ ทสฺสิตานิ, อาทิโต ปน ทฺวีหิ ปเทหิ ฉ พฺยญฺชนปทานิฯ เอตฺตาวตา เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ สํวณฺณนานเยน สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตํ โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ เนตฺติยํ ‘‘ทฺวาทสปทานิ สุตฺตํ, ตํ สพฺพํ พฺยญฺชนญฺจ อโตฺถ จา’’ติ (เนตฺติ. สงฺขาเร)ฯ
Ācikkhissantīti ādito kathessanti, attanā uggahitaniyāmena pare uggaṇhāpessantīti attho. Desessantīti vācessanti, pāḷiṃ sammā pabodhessantīti attho. Paññāpessantīti pajānāpessanti, saṅkāpessantīti attho. Paṭṭhapessantīti pakārehi ṭhapessanti, pakāsessantīti attho. Vivarissantīti vivaṭaṃ karissanti. Vibhajissantīti vibhattaṃ karissanti. Uttāniṃ karissantīti anuttānaṃ gambhīraṃ uttānaṃ pākaṭaṃ karissanti. Saha dhammenāti ettha dhamma-saddo kāraṇapariyāyo ‘‘hetumhi ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā’’tiādīsu (vibha. 270) viyāti āha ‘‘sahetukena sakāraṇena vacanenā’’ti. Sappāṭihāriyanti sanissaraṇaṃ , yathā paravādaṃ bhañjitvā sakavādo patiṭṭhahati, evaṃ hetudāharaṇehi yathādhigatamatthaṃ sampādetvā dhammaṃ kathessanti. Tenāha ‘‘niyyānikaṃ katvā dhammaṃ desessantī’’ti, navavidhaṃ lokuttaradhammaṃ pabodhessantīti attho. Ettha ca ‘‘paññāpessantī’’tiādīhi chahi padehi cha atthapadāni dassitāni, ādito pana dvīhi padehi cha byañjanapadāni. Ettāvatā tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ saṃvaṇṇanānayena saṅgahetvā dassitaṃ hoti. Vuttañhetaṃ nettiyaṃ ‘‘dvādasapadāni suttaṃ, taṃ sabbaṃ byañjanañca attho cā’’ti (netti. saṅkhāre).
สิกฺขตฺตยสงฺคหิตนฺติ อธิสีลสิกฺขาทิสิกฺขตฺตยสงฺคหณํฯ สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยนฺติ อนวเสสํ สตฺถุสาสนภูตํ เสฎฺฐจริยํฯ สมิทฺธนฺติ สมฺมเทว วฑฺฒิตํฯ ฌานสฺสาทวเสนาติ เตหิ เตหิ ภิกฺขูหิ สมธิคตฌานสุขวเสนฯ วุทฺธิปฺปตฺตนฺติ อุฬารปณีตภาวคมเนน สพฺพโส ปริวุทฺธิํ อุปคตํฯ สพฺพปาลิผุลฺลํ วิย อภิญฺญาสมฺปตฺติวเสน อภิญฺญาสมฺปทาหิ สาสนาภิวุทฺธิยา มตฺถกปฺปตฺติโตฯ ปติฎฺฐิตวเสนาติ ปติฎฺฐานวเสน, ปติฎฺฐปฺปตฺติยาติ อโตฺถฯ ปฎิเวธวเสน พหุโน ชนสฺส หิตนฺติ พาหุชญฺญํฯ เตนาห ‘‘พหุชนาภิสมยวเสนา’’ติฯ ปุถุ ปุถุลํ ภูตํ ชาตํ, ปุถุ วา ปุถุตฺตํ ภูตํ ปตฺตนฺติ ปุถุภูตํฯ เตนาห ‘‘สพฺพาการ…เป.… ปตฺต’’นฺติฯ สุฎฺฐุ ปกาสิตนฺติ สุฎฺฐุ สมฺมเทว อาทิกลฺยาณาทิภาเวน ปเวทิตํฯ
Sikkhattayasaṅgahitanti adhisīlasikkhādisikkhattayasaṅgahaṇaṃ. Sakalaṃ sāsanabrahmacariyanti anavasesaṃ satthusāsanabhūtaṃ seṭṭhacariyaṃ. Samiddhanti sammadeva vaḍḍhitaṃ. Jhānassādavasenāti tehi tehi bhikkhūhi samadhigatajhānasukhavasena. Vuddhippattanti uḷārapaṇītabhāvagamanena sabbaso parivuddhiṃ upagataṃ. Sabbapāliphullaṃ viya abhiññāsampattivasena abhiññāsampadāhi sāsanābhivuddhiyā matthakappattito. Patiṭṭhitavasenāti patiṭṭhānavasena, patiṭṭhappattiyāti attho. Paṭivedhavasena bahuno janassa hitanti bāhujaññaṃ. Tenāha ‘‘bahujanābhisamayavasenā’’ti. Puthu puthulaṃ bhūtaṃ jātaṃ, puthu vā puthuttaṃ bhūtaṃ pattanti puthubhūtaṃ. Tenāha ‘‘sabbākāra…pe… patta’’nti. Suṭṭhu pakāsitanti suṭṭhu sammadeva ādikalyāṇādibhāvena paveditaṃ.
อายุสงฺขารโอสฺสชฺชนวณฺณนา
Āyusaṅkhāraossajjanavaṇṇanā
๑๖๙. สติํ สูปฎฺฐิตํ กตฺวาติ อยํ กายาทิวิภาโค อตฺตภาวสญฺญิโต ทุกฺขภาโร มยา เอตฺตกํ กาลํ วหิโต, อิทานิ ปน น วหิตโพฺพ, เอตสฺส อวหนตฺถํ จิรตรํ กาลํ อริยมคฺคสมฺภาโร สมฺภโต, สฺวายํ อริยมโคฺค ปฎิวิโทฺธ, ยโต อิเม กายาทโย อสุภาทิโต สมฺมเทว ปริญฺญาตา, จตุพฺพิธมฺปิ สมฺมาสติํ ยถาตถํ วิสเย สุฎฺฐุ อุปฎฺฐิตํ กตฺวาฯ ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ ยสฺมา อิมสฺส อตฺตภาวสญฺญิตสฺส ทุกฺขภารสฺส วหเน ปโยชนภูตํ อตฺตหิตํ ตาว มหาโพธิมูเล เอว ปริสมาปิตํ, ปรหิตํ ปน พุทฺธเวเนยฺยวินยนํ ปริสมาปิตพฺพํ, ตํ อิทานิ มาสตฺตเยเนว ปริสมาปนํ ปาปุณิสฺสติ, ตสฺมา อภาสิ ‘‘วิสาขปุณฺณมายํ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ, เอวํ พุทฺธญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา สพฺพภาเคน นิจฺฉยํ กตฺวาฯ อายุสงฺขารํ วิสฺสชฺชีติ อายุโน ชีวิตสฺส อภิสงฺขารกํ ผลสมาปตฺติธมฺมํ ‘‘น สมาปชฺชิสฺสามี’’ติ วิสฺสชฺชิ ตํวิสฺสชฺชเนเนว เตน อภิสงฺขริยมานํ ชีวิตสงฺขารํ ‘‘นปฺปวเตฺตสฺสามี’’ติ วิสฺสชฺชิฯ เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ ฐานมหนฺตตายปิ ปวตฺติอาการมหนฺตตายปิ มหโนฺต ปถวีกโมฺปฯ ตตฺถ ฐานมหนฺตตาย ภูมิจาลสฺส มหตฺตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตทา กิร…เป.… กมฺปิตฺถา’’ติ วุตฺตํฯ สา ปน ชาติเกฺขตฺตภูตา ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอว, น ยา กาจิ, ยา มหาภินีหารมหาชาติอาทีสุปิ กมฺปิตฺถฯ ตทาปิ ตตฺติกาย เอว กมฺปเน กิํ การณํ ? ชาติเกฺขตฺตภาเวน ตเสฺสว อาทิโต ปริคฺคหสฺส กตตฺตาฯ ปริคฺคหกรณํ จสฺส ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺพํฯ ตถา หิ ปุริมพุทฺธานมฺปิ ตาวตกเมว ชาติเกฺขตฺตํ อโหสิฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ทสสหสฺสี โลกธาตู, นิสฺสทฺทา โหนฺติ นิรากุลา…เป.… มหาสมุโทฺท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปตี’’ติ จ อาทิ (พุ. วํ. ๘๔-๙๑)ฯ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา ฉปฺปการปเวธเนน อวีตราเค ภิํเสตีติ ภิํสโน, โส เอว ภิํสนโกติ อาห ‘‘ภยชนโก’’ติฯ เทวเภริโยติ เทวทุนฺทุภิสทฺทสฺส ปริยายวจนมตฺตํฯ น เจตฺถ กาจิ เภรี ‘‘เทวทุนฺทุภี’’ติ อธิเปฺปตา, อถ โข อุปฺปาตภาเวน ลพฺภมาโน อากาสคโต นิโคฺฆสสโทฺทฯ เตนาห ‘‘เทโว’’ติอาทิฯ เทโวติ เมโฆฯ ตสฺส หิ อจฺฉภาเวน อากาสสฺส วสฺสาภาเวน สุกฺขคชฺชิตสญฺญิเต สเทฺท นิจฺฉรเนฺต เทวทุนฺทุภิสมญฺญาฯ เตนาห ‘‘เทโว สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชี’’ติฯ
169.Satiṃ sūpaṭṭhitaṃ katvāti ayaṃ kāyādivibhāgo attabhāvasaññito dukkhabhāro mayā ettakaṃ kālaṃ vahito, idāni pana na vahitabbo, etassa avahanatthaṃ cirataraṃ kālaṃ ariyamaggasambhāro sambhato, svāyaṃ ariyamaggo paṭividdho, yato ime kāyādayo asubhādito sammadeva pariññātā, catubbidhampi sammāsatiṃ yathātathaṃ visaye suṭṭhu upaṭṭhitaṃ katvā. Ñāṇena paricchinditvāti yasmā imassa attabhāvasaññitassa dukkhabhārassa vahane payojanabhūtaṃ attahitaṃ tāva mahābodhimūle eva parisamāpitaṃ, parahitaṃ pana buddhaveneyyavinayanaṃ parisamāpitabbaṃ, taṃ idāni māsattayeneva parisamāpanaṃ pāpuṇissati, tasmā abhāsi ‘‘visākhapuṇṇamāyaṃ parinibbāyissāmī’’ti, evaṃ buddhañāṇena paricchinditvā sabbabhāgena nicchayaṃ katvā. Āyusaṅkhāraṃ vissajjīti āyuno jīvitassa abhisaṅkhārakaṃ phalasamāpattidhammaṃ ‘‘na samāpajjissāmī’’ti vissajji taṃvissajjaneneva tena abhisaṅkhariyamānaṃ jīvitasaṅkhāraṃ ‘‘nappavattessāmī’’ti vissajji. Tenāha ‘‘tatthā’’tiādi. Ṭhānamahantatāyapi pavattiākāramahantatāyapi mahanto pathavīkampo. Tattha ṭhānamahantatāya bhūmicālassa mahattaṃ dassetuṃ ‘‘tadā kira…pe… kampitthā’’ti vuttaṃ. Sā pana jātikkhettabhūtā dasasahassī lokadhātu eva, na yā kāci, yā mahābhinīhāramahājātiādīsupi kampittha. Tadāpi tattikāya eva kampane kiṃ kāraṇaṃ ? Jātikkhettabhāvena tasseva ādito pariggahassa katattā. Pariggahakaraṇaṃ cassa dhammatāvasena veditabbaṃ. Tathā hi purimabuddhānampi tāvatakameva jātikkhettaṃ ahosi. Tathā hi vuttaṃ ‘‘dasasahassī lokadhātū, nissaddā honti nirākulā…pe… mahāsamuddo ābhujati, dasasahassī pakampatī’’ti ca ādi (bu. vaṃ. 84-91). Udakapariyantaṃ katvā chappakārapavedhanena avītarāge bhiṃsetīti bhiṃsano, so eva bhiṃsanakoti āha ‘‘bhayajanako’’ti. Devabheriyoti devadundubhisaddassa pariyāyavacanamattaṃ. Na cettha kāci bherī ‘‘devadundubhī’’ti adhippetā, atha kho uppātabhāvena labbhamāno ākāsagato nigghosasaddo. Tenāha ‘‘devo’’tiādi. Devoti megho. Tassa hi acchabhāvena ākāsassa vassābhāvena sukkhagajjitasaññite sadde niccharante devadundubhisamaññā. Tenāha ‘‘devo sukkhagajjitaṃ gajjī’’ti.
ปีติเวควิสฺสฎฺฐนฺติ ‘‘เอวํ จิรตรํ กาลํ วหิโต อยํ อตฺตภาวสญฺญิโต ทุกฺขภาโร, อิทานิ น จิรเสฺสว นิกฺขิปิสฺสตี’’ติ สญฺชาตโสมนโสฺส ภควา สภาเวเนว ปีติเวควิสฺสฎฺฐํ อุทานํ อุทาเนสิฯ เอวํ ปน อุทาเนเนฺตน อยมฺปิ อโตฺถ สาธิโต โหตีติ ทสฺสนตฺถํ อฎฺฐกถายํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Pītivegavissaṭṭhanti ‘‘evaṃ cirataraṃ kālaṃ vahito ayaṃ attabhāvasaññito dukkhabhāro, idāni na cirasseva nikkhipissatī’’ti sañjātasomanasso bhagavā sabhāveneva pītivegavissaṭṭhaṃ udānaṃ udānesi. Evaṃ pana udānentena ayampi attho sādhito hotīti dassanatthaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘kasmā’’tiādi vuttaṃ.
ตุลียตีติ ตุลนฺติ ตุล-สโทฺท กมฺมสาธโนติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตุลิต’’นฺติ วุตฺตํฯ อปฺปานุภาวตาย ปริจฺฉินฺนํฯ ตถา หิ ตํ ปริโต ขณฺฑิตภาเวน ‘‘ปริตฺต’’นฺติ วุจฺจติฯ ปฎิปกฺขวิกฺขมฺภนโต ทีฆสนฺตานตาย, วิปุลผลตาย จ น ตุลํ น ปริจฺฉินฺนํฯ เยหิ การเณหิ ปุเพฺพ อวิเสสโต มหคฺคตํ ‘‘อตุล’’นฺติ วุตฺตํ, ตานิ การณานิ รูปาวจรโต อารุปฺปสฺส สาติสยานิ วิชฺชนฺตีติ ‘‘อรูปาวจรํ อตุล’’นฺติ วุตฺตํ, อิตรญฺจ ‘‘ตุล’’นฺติ, อปฺปวิปากํ ตีสุปิ กเมฺมสุ ยํ ตนุวิปากํ หีนํ, ตํ ตุลํฯ พหุวิปากนฺติ ยํ มหาวิปากํ ปณีตํ, ตํ อตุลํฯ ยํ ปเนตฺถ มชฺฌิมํ, ตํ หีนํ, อุกฺกฎฺฐนฺติ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ทฺวีสุ ภาเคสุ ปกฺขิปิตพฺพํฯ หีนตฺติกวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว อปฺปพหุวิปากตํ นิทฺธาเรตฺวา ตสฺส วเสน ตุลาตุลภาโว เวทิตโพฺพฯ สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโวติ อาห ‘‘สมฺภวสฺส เหตุภูต’’นฺติฯ นิยกชฺฌตฺตรโตติ สสนฺตานธเมฺมสุ วิปสฺสนาวเสน, โคจราเสวนาย จ นิรโตฯ สวิปากํ สมานํ ปวตฺติวิปากมตฺตทายิกมฺมํ สวิปากเฎฺฐน สมฺภวํฯ น จ ตํ กามาทิภวาภิสงฺขารกนฺติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘สมฺภว’’นฺติ วตฺวา ‘‘ภวสงฺขาร’’นฺติ วุตฺตํฯ โอสฺสชฺชีติ อริยมเคฺคน อวสฺสชฺชิ ฯ กวจํ วิย อตฺตภาวํ ปริโยนนฺธิตฺวา ฐิตํ อตฺตนิ สมฺภูตตฺตา อตฺตสมฺภวํ กิเลสญฺจ อภินฺทีติ กิเลสเภทสหภาวิกโมฺมสฺสชฺชนํ ทเสฺสโนฺต ตทุภยสฺส การณํ อโวจ ‘‘อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต’’ติฯ
Tulīyatīti tulanti tula-saddo kammasādhanoti dassetuṃ ‘‘tulita’’nti vuttaṃ. Appānubhāvatāya paricchinnaṃ. Tathā hi taṃ parito khaṇḍitabhāvena ‘‘paritta’’nti vuccati. Paṭipakkhavikkhambhanato dīghasantānatāya, vipulaphalatāya ca na tulaṃ na paricchinnaṃ. Yehi kāraṇehi pubbe avisesato mahaggataṃ ‘‘atula’’nti vuttaṃ, tāni kāraṇāni rūpāvacarato āruppassa sātisayāni vijjantīti ‘‘arūpāvacaraṃ atula’’nti vuttaṃ, itarañca ‘‘tula’’nti, appavipākaṃ tīsupi kammesu yaṃ tanuvipākaṃ hīnaṃ, taṃ tulaṃ. Bahuvipākanti yaṃ mahāvipākaṃ paṇītaṃ, taṃ atulaṃ. Yaṃ panettha majjhimaṃ, taṃ hīnaṃ, ukkaṭṭhanti dvidhā bhinditvā dvīsu bhāgesu pakkhipitabbaṃ. Hīnattikavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva appabahuvipākataṃ niddhāretvā tassa vasena tulātulabhāvo veditabbo. Sambhavati etasmāti sambhavoti āha ‘‘sambhavassa hetubhūta’’nti. Niyakajjhattaratoti sasantānadhammesu vipassanāvasena, gocarāsevanāya ca nirato. Savipākaṃ samānaṃ pavattivipākamattadāyikammaṃ savipākaṭṭhena sambhavaṃ. Na ca taṃ kāmādibhavābhisaṅkhārakanti tato visesanatthaṃ ‘‘sambhava’’nti vatvā ‘‘bhavasaṅkhāra’’nti vuttaṃ. Ossajjīti ariyamaggena avassajji . Kavacaṃ viya attabhāvaṃ pariyonandhitvā ṭhitaṃ attani sambhūtattā attasambhavaṃ kilesañca abhindīti kilesabhedasahabhāvikammossajjanaṃ dassento tadubhayassa kāraṇaṃ avoca ‘‘ajjhattarato samāhito’’ti.
ตีเรโนฺตติ ‘‘อุปฺปาโท ภยํ, อนุปฺปาโท เขม’’นฺติอาทินา วีมํสโนฺตฯ ‘‘ตุเลโนฺต ตีเรโนฺต’’ติอาทินา สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘ปญฺจกฺขนฺธา’’ติ อาทิํ วตฺวา ภวสงฺขารสฺส อวสฺสชฺชนาการํ สรูปโต ทเสฺสสิฯ ‘‘เอว’’นฺติอาทินา ปน อุทานวณฺณนายํ อาทิโต วุตฺตมตฺถํ นิคมนวเสน ทเสฺสสิฯ
Tīrentoti ‘‘uppādo bhayaṃ, anuppādo khema’’ntiādinā vīmaṃsanto. ‘‘Tulento tīrento’’tiādinā saṅkhepato vuttamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘pañcakkhandhā’’ti ādiṃ vatvā bhavasaṅkhārassa avassajjanākāraṃ sarūpato dassesi. ‘‘Eva’’ntiādinā pana udānavaṇṇanāyaṃ ādito vuttamatthaṃ nigamanavasena dassesi.
มหาภูมิจาลวณฺณนา
Mahābhūmicālavaṇṇanā
๑๗๑. ยนฺติ กรเณ วา อธิกรเณ วา ปจฺจตฺตวจนนฺติ อธิปฺปาเยน อาห ‘‘เยน สมเยน, ยสฺมิํ วา สมเย’’ติฯ อุเกฺขปกวาตาติ อุทกสนฺธารกวาตํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ฐิตฎฺฐานโต เขปกวาตาฯ ‘‘สฎฺฐิ…เป.… พหล’’นฺติ อิทํ ตสฺส วาตสฺส อุเพฺพธปฺปมาณเมว คเหตฺวา วุตฺตํ, อายามวิตฺถารโต ปน ทสสหสฺสจกฺกวาฬปฺปมาณมฺปิ อุทกสนฺธารกวาตํ อุปจฺฉินฺทติเยวฯ อากาเสติ ปุเพฺพ วาเตน ปติฎฺฐิโตกาเสฯ ปุน วาโตติ อุเกฺขปกวาเต ตถากตฺวา วิคเต อุทกสนฺธารกวาโต ปุน อาพนฺธิตฺวา คณฺหาติ ยถา ตํ อุทกํ น ภสฺสติ, เอวํ อุตฺถเมฺภนฺตํ อาพนฺธนวิตานวเสน พนฺธิตฺวา คณฺหาติฯ ตโต อุทกํ อุคฺคจฺฉตีติ ตโต อาพนฺธิตฺวา คหณโต เตน วาเตน อุตฺถมฺภิตํ อุทกํ อุคฺคจฺฉติ อุปริ คจฺฉติฯ โหติเยวาติ อนฺตรนฺตรา โหติเยวฯ พหลภาเวนาติ มหาปถวิยา มหนฺตภาเวนฯ สกลา หิ มหาปถวี ตทา โอคฺคจฺฉติ, อุคฺคจฺฉติ จ, ตสฺมา กมฺปนํ น ปญฺญายติฯ
171. Yanti karaṇe vā adhikaraṇe vā paccattavacananti adhippāyena āha ‘‘yena samayena, yasmiṃ vā samaye’’ti. Ukkhepakavātāti udakasandhārakavātaṃ upacchinditvā ṭhitaṭṭhānato khepakavātā. ‘‘Saṭṭhi…pe… bahala’’nti idaṃ tassa vātassa ubbedhappamāṇameva gahetvā vuttaṃ, āyāmavitthārato pana dasasahassacakkavāḷappamāṇampi udakasandhārakavātaṃ upacchindatiyeva. Ākāseti pubbe vātena patiṭṭhitokāse. Puna vātoti ukkhepakavāte tathākatvā vigate udakasandhārakavāto puna ābandhitvāgaṇhāti yathā taṃ udakaṃ na bhassati, evaṃ utthambhentaṃ ābandhanavitānavasena bandhitvā gaṇhāti. Tato udakaṃ uggacchatīti tato ābandhitvā gahaṇato tena vātena utthambhitaṃ udakaṃ uggacchati upari gacchati. Hotiyevāti antarantarā hotiyeva. Bahalabhāvenāti mahāpathaviyā mahantabhāvena. Sakalā hi mahāpathavī tadā oggacchati, uggacchati ca, tasmā kampanaṃ na paññāyati.
อิชฺฌนสฺสาติ อิจฺฉิตตฺถสิชฺฌนสฺสฯ อนุภวิตพฺพสฺสอิสฺสริยสมฺปตฺติอาทิกสฺสฯ ปริตฺตาติ ปฎิลทฺธมตฺตา นาติสุภาวิตาฯ ตถา จ ภาวนา พลวตี น โหตีติ อาห ‘‘ทุพฺพลา’’ติฯ สญฺญาสีเสน หิ ภาวนา วุตฺตาฯ อปฺปมาณาติ ปคุณา สุภาวิตาฯ สา หิ ถิรา ทฬฺหตรา โหตีติ อาห ‘‘พลวา’’ติฯ ‘‘ปริตฺตา ปถวีสญฺญา, อปฺปมาณา อาโปสญฺญา’’ติ เทสนามตฺตเมว, อาโปสญฺญาย ปน สุภาวิตาย ปถวีกโมฺป สุเขเนว อิชฺฌตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ สํเวเชโนฺต ทิพฺพสมฺปตฺติยา ปมตฺตํ สกฺกํ เทวราชานํฯ วีมํสโนฺต วา ตาวเทว สมธิคตํ อตฺตโน อิทฺธิพลํฯ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส ปาสาทกมฺปนํ ปากฎนฺติ ตํ อนามสิตฺวา สงฺฆรกฺขิตสามเณรสฺส ปาสาทกมฺปนํ ทเสฺสตุํ ‘‘โส กิรายสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปูติมิโสฺส คโนฺธ เอตสฺสาติ ปูติคโนฺธ, เตน ปูติคเนฺธเนว อธิคตมาตุกุจฺฉิสมฺภวํ วิย คเนฺธเนว สีเสน, อติวิย ทารโก เอวาติ อโตฺถฯ
Ijjhanassāti icchitatthasijjhanassa. Anubhavitabbassaissariyasampattiādikassa. Parittāti paṭiladdhamattā nātisubhāvitā. Tathā ca bhāvanā balavatī na hotīti āha ‘‘dubbalā’’ti. Saññāsīsena hi bhāvanā vuttā. Appamāṇāti paguṇā subhāvitā. Sā hi thirā daḷhatarā hotīti āha ‘‘balavā’’ti. ‘‘Parittā pathavīsaññā, appamāṇā āposaññā’’ti desanāmattameva, āposaññāya pana subhāvitāya pathavīkampo sukheneva ijjhatīti ayamettha adhippāyo veditabbo. Saṃvejento dibbasampattiyā pamattaṃ sakkaṃ devarājānaṃ. Vīmaṃsanto vā tāvadeva samadhigataṃ attano iddhibalaṃ. Mahāmoggallānattherassa pāsādakampanaṃ pākaṭanti taṃ anāmasitvā saṅgharakkhitasāmaṇerassa pāsādakampanaṃ dassetuṃ ‘‘so kirāyasmā’’tiādi vuttaṃ. Pūtimisso gandho etassāti pūtigandho, tena pūtigandheneva adhigatamātukucchisambhavaṃ viya gandheneva sīsena, ativiya dārako evāti attho.
อาจริยนฺติ อาจริยูปเทสํฯ อิทฺธาภิสงฺขาโร นาม อิทฺธิวิธปฺปฎิปกฺขาทีภาเวน อิจฺฉิตโพฺพ, โส จ อุปาเย โกสลฺลสฺส อตฺตนา น สมฺมา อุคฺคหิตตฺตา น ตาว สิกฺขิโตติ อาห ‘‘อสิกฺขิตฺวาว ยุทฺธํ ปวิโฎฺฐสี’’ติฯ ‘‘ปิลวนฺต’’นฺติ อิมินา สกลเมว ปาสาทวตฺถุํ อุทกํ กตฺวา อธิฎฺฐาตพฺพปาสาโทว ตตฺถ ปิลวตีติ ทเสฺสติฯ อธิฎฺฐานกฺกมํ ปน อุปมาย ทเสฺสโนฺต ‘‘ตาต…เป.… ชานาหี’’ติ อาหฯ ตตฺถ กปลฺลกปูวนฺติ อาสิตฺตกปูวํ, ตํ ปจนฺตา กปาเล ปฐมํ กิญฺจิ ปิฎฺฐํ ฐเปตฺวา อนุกฺกเมน วเฑฺฒตฺวา อนฺตเนฺตน ปริจฺฉินฺทนฺติ ปูวํ สมนฺตโต ปริจฺฉินฺนํ กตฺวา ฐเปนฺติ, เอวํ ‘‘อาโปกสิณวเสน ‘ปาสาเทน ปติฎฺฐิตฎฺฐานํ อุทกํ โหตู’ติ อธิฎฺฐหโนฺต สมนฺตโต ปาสาทสฺส ยาว ปริยนฺตา ยถา อุทกํ โหติ, ตถา อธิฎฺฐาตพฺพ’’นฺติ อุปมาย อุปทิสติฯ
Ācariyanti ācariyūpadesaṃ. Iddhābhisaṅkhāro nāma iddhividhappaṭipakkhādībhāvena icchitabbo, so ca upāye kosallassa attanā na sammā uggahitattā na tāva sikkhitoti āha ‘‘asikkhitvāva yuddhaṃ paviṭṭhosī’’ti. ‘‘Pilavanta’’nti iminā sakalameva pāsādavatthuṃ udakaṃ katvā adhiṭṭhātabbapāsādova tattha pilavatīti dasseti. Adhiṭṭhānakkamaṃ pana upamāya dassento ‘‘tāta…pe… jānāhī’’ti āha. Tattha kapallakapūvanti āsittakapūvaṃ, taṃ pacantā kapāle paṭhamaṃ kiñci piṭṭhaṃ ṭhapetvā anukkamena vaḍḍhetvā antantena paricchindanti pūvaṃ samantato paricchinnaṃ katvā ṭhapenti, evaṃ ‘‘āpokasiṇavasena ‘pāsādena patiṭṭhitaṭṭhānaṃ udakaṃ hotū’ti adhiṭṭhahanto samantato pāsādassa yāva pariyantā yathā udakaṃ hoti, tathā adhiṭṭhātabba’’nti upamāya upadisati.
มหาปทาเน วุตฺตเมวาติ ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต ตุสิตา กายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘) วตฺวา ‘‘อยญฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘), ตถา ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๐) วตฺวา ‘‘อยญฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒) จ มหาโพธิสตฺตสฺส คโพฺภกฺกนฺติยํ, อภิชาติยญฺจ ธมฺมตาวเสน มหาปทาเนปถวีกมฺปสฺส วุตฺตตฺตา อิตเรสุปิ จตูสุ ฐาเนสุ ปถวีกโมฺป ธมฺมตาวเสเนวาติ มหาปทาเนอตฺถโต วุตฺตํ เอวาติ อธิปฺปาโยฯ
Mahāpadānevuttamevāti ‘‘dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto tusitā kāyā cavitvā mātukucchiṃ okkamatī’’ti (dī. ni. 2.18) vatvā ‘‘ayañca dasasahassī lokadhātu saṅkampati sampakampati sampavedhatī’’ti (dī. ni. 2.18), tathā ‘‘dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchimhā nikkhamatī’’ti (dī. ni. 2.30) vatvā ‘‘ayañca dasasahassī lokadhātu saṅkampati sampakampati sampavedhatī’’ti (dī. ni. 2.32) ca mahābodhisattassa gabbhokkantiyaṃ, abhijātiyañca dhammatāvasena mahāpadānepathavīkampassa vuttattā itaresupi catūsu ṭhānesu pathavīkampo dhammatāvasenevāti mahāpadāneatthato vuttaṃ evāti adhippāyo.
อิทานิ เนสํ ปถวีกมฺปนํ การณโต, ปวตฺติอาการโต จ วิภาคํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิติ อิเมสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ธาตุโกเปนาติ อุเกฺขปกธาตุสงฺขาตาย วาโยธาตุยา ปโกเปนฯ อิทฺธานุภาเวนาติ ญาณิทฺธิยา วา กมฺมวิปากชิทฺธิยา วา ปภาเวน, เตเชนาติ อโตฺถฯ ปุญฺญเตเชนาติ ปุญฺญานุภาเวน, มหาโพธิสตฺตสฺส ปุญฺญพเลนาติ อโตฺถฯ ญาณเตเชนาติ ปฎิเวธญาณานุภาเวนฯ สาธุการทานวเสนาติ ยถา อนญฺญสาธารเณน ปฎิเวธญาณานุภาเวน อภิหตา มหาปถวี อภิสโมฺพธิยํ อกมฺปิตฺถ, เอวํ อนญฺญสาธารเณน เทสนาญาณานุภาเวน อภิหตา มหาปถวี อกมฺปิตฺถ, ตํ ปนสฺสา สาธุการทานํ วิย โหตีติ ‘‘สาธุการทานวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ
Idāni nesaṃ pathavīkampanaṃ kāraṇato, pavattiākārato ca vibhāgaṃ dassetuṃ ‘‘iti imesū’’tiādi vuttaṃ. Dhātukopenāti ukkhepakadhātusaṅkhātāya vāyodhātuyā pakopena. Iddhānubhāvenāti ñāṇiddhiyā vā kammavipākajiddhiyā vā pabhāvena, tejenāti attho. Puññatejenāti puññānubhāvena, mahābodhisattassa puññabalenāti attho. Ñāṇatejenāti paṭivedhañāṇānubhāvena. Sādhukāradānavasenāti yathā anaññasādhāraṇena paṭivedhañāṇānubhāvena abhihatā mahāpathavī abhisambodhiyaṃ akampittha, evaṃ anaññasādhāraṇena desanāñāṇānubhāvena abhihatā mahāpathavī akampittha, taṃ panassā sādhukāradānaṃ viya hotīti ‘‘sādhukāradānavasenā’’ti vuttaṃ.
เยน ปน ภควา อสีติอนุพฺยญฺชนปฎิมณฺฑิตทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณ- (ที. นิ. ๒.๓๓; ๓.๑๙๘; ม. นิ. ๒.๓๘๕) วิจิตฺรรูปกาโย สพฺพาการปริสุทฺธสีลกฺขนฺธาทิคุณรตนสมิทฺธิธมฺมกาโย ปุญฺญมหตฺตถามมหตฺตยสมหอาอิทฺธิมหตฺตปญฺญามหตฺตานํ ปรมุกฺกํสคโต อสโม อสมสโม อปฺปฎิปุคฺคโล อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อตฺตโน อตฺตภาวสญฺญิตํ ขนฺธปญฺจกํ กปฺปํ วา กปฺปาวเสสํ วา ฐเปตุํ สมโตฺถปิ สงฺขตธมฺมํ ปฎิชิคุจฺฉนาการปฺปวเตฺตน ญาณวิเสเสน ติณายปิ อมญฺญมาโน อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนวิธินา นิรเปโกฺข โอสฺสชฺชิฯ ตทนุภาวาภิหตา มหาปถวี อายุสงฺขาโรสฺสชฺชเน อกมฺปิตฺถ, ตํ ปนสฺสา การุญฺญสภาวสณฺฐิตา วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘การุญฺญสภาเวนา’’ติ ฯ ยสฺมา ภควา ปรินิพฺพานสมเย จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสสงฺขฺยา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิ อนฺตรนฺตรา ผลสมาปตฺติสมาปชฺชเนน, ตสฺส ปุพฺพภาเค สาติสยํ ติกฺขํ สูรํ วิปสฺสนาญาณญฺจ ปวเตฺตสิ, ‘‘ยทตฺถญฺจ มยา เอวํ สุจิรกาลํ อนญฺญสาธารโณ ปรมุกฺกํสคโต ญาณสมฺภาโร สมฺภโต, อนุตฺตโร จ วิโมโกฺข สมธิคโต, ตสฺส วต เม สิขาปฺปตฺตผลภูตา อจฺจนฺตนิฎฺฐา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ อชฺช สมิชฺฌตี’’ติ ภิโยฺย อติวิย โสมนสฺสปฺปตฺตสฺส ภควโต ปีติวิปฺผาราทิคุณวิปุลตรานุภาโว ปเรหิ อสาธารณญาณาติสโย อุทปาทิ, ยสฺส สมาปตฺติพลสมุปพฺรูหิตสฺส ญาณาติสยสฺส อานุภาวํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘เทฺวเม ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมสมวิปากา’’ติอาทิ (อุทา. ๗๕), ตสฺมา ตสฺส อานุภาเวน สมภิหตา มหาปถวี อกมฺปิตฺถฯ ตํ ปนสฺสา ตสฺสํ เวลายํ อาโรทนาการปฺปตฺติ วิย โหตีติ ‘‘อฎฺฐโม อาโรทเนนา’’ติ วุตฺตํฯ
Yena pana bhagavā asītianubyañjanapaṭimaṇḍitadvattiṃsamahāpurisalakkhaṇa- (dī. ni. 2.33; 3.198; ma. ni. 2.385) vicitrarūpakāyo sabbākāraparisuddhasīlakkhandhādiguṇaratanasamiddhidhammakāyo puññamahattathāmamahattayasamahaāiddhimahattapaññāmahattānaṃ paramukkaṃsagato asamo asamasamo appaṭipuggalo arahaṃ sammāsambuddho attano attabhāvasaññitaṃ khandhapañcakaṃ kappaṃ vā kappāvasesaṃ vā ṭhapetuṃ samatthopi saṅkhatadhammaṃ paṭijigucchanākārappavattena ñāṇavisesena tiṇāyapi amaññamāno āyusaṅkhārossajjanavidhinā nirapekkho ossajji. Tadanubhāvābhihatā mahāpathavī āyusaṅkhārossajjane akampittha, taṃ panassā kāruññasabhāvasaṇṭhitā viya hotīti vuttaṃ ‘‘kāruññasabhāvenā’’ti . Yasmā bhagavā parinibbānasamaye catuvīsatikoṭisatasahassasaṅkhyā samāpattiyo samāpajji antarantarā phalasamāpattisamāpajjanena, tassa pubbabhāge sātisayaṃ tikkhaṃ sūraṃ vipassanāñāṇañca pavattesi, ‘‘yadatthañca mayā evaṃ sucirakālaṃ anaññasādhāraṇo paramukkaṃsagato ñāṇasambhāro sambhato, anuttaro ca vimokkho samadhigato, tassa vata me sikhāppattaphalabhūtā accantaniṭṭhā anupādisesanibbānadhātu ajja samijjhatī’’ti bhiyyo ativiya somanassappattassa bhagavato pītivipphārādiguṇavipulatarānubhāvo parehi asādhāraṇañāṇātisayo udapādi, yassa samāpattibalasamupabrūhitassa ñāṇātisayassa ānubhāvaṃ sandhāya idaṃ vuttaṃ ‘‘dveme piṇḍapātā samasamaphalā samasamavipākā’’tiādi (udā. 75), tasmā tassa ānubhāvena samabhihatā mahāpathavī akampittha. Taṃ panassā tassaṃ velāyaṃ ārodanākārappatti viya hotīti ‘‘aṭṭhamo ārodanenā’’ti vuttaṃ.
อิทานิ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมเนฺต’’ติอาทิมาหฯ อยํ ปนโตฺถติ ‘‘สาธุการทานวเสนา’’ติอาทินา วุโตฺต อโตฺถฯ ปถวีเทวตาย วเสนาติ เอตฺถ สมุทฺทเทวตา วิย มหาปถวิยา อธิเทวตา กิร นาม อตฺถิฯ ตาทิเส การเณ สติ ตสฺสา จิตฺตวเสน อยํ มหาปถวี สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติ, ยถา วาตวลาหกเทวตานํ จิตฺตวเสน วาตา วายนฺติ, สีตุณฺหอพฺภวสฺสวลาหกเทวตานํ จิตฺตวเสน สีตาทโย ภวนฺติฯ ตถา หิ วิสาขปุณฺณมายํ อภิสโมฺพธิอตฺถํ โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺนสฺส โลกนาถสฺส อนฺตรายกรณตฺถํ อุปฎฺฐิตํ มารพลํ วิธมิตุํ –
Idāni saṅkhepato vuttamatthaṃ vivaranto ‘‘mātukucchiṃ okkamante’’tiādimāha. Ayaṃ panatthoti ‘‘sādhukāradānavasenā’’tiādinā vutto attho. Pathavīdevatāya vasenāti ettha samuddadevatā viya mahāpathaviyā adhidevatā kira nāma atthi. Tādise kāraṇe sati tassā cittavasena ayaṃ mahāpathavī saṅkampati sampakampati sampavedhati, yathā vātavalāhakadevatānaṃ cittavasena vātā vāyanti, sītuṇhaabbhavassavalāhakadevatānaṃ cittavasena sītādayo bhavanti. Tathā hi visākhapuṇṇamāyaṃ abhisambodhiatthaṃ bodhirukkhamūle nisinnassa lokanāthassa antarāyakaraṇatthaṃ upaṭṭhitaṃ mārabalaṃ vidhamituṃ –
‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิญฺญาย สุขํ ทุขํ;
‘‘Acetanāyaṃ pathavī, aviññāya sukhaṃ dukhaṃ;
สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติฯ (จริยา. ๑.๑๒๔) –
Sāpi dānabalā mayhaṃ, sattakkhattuṃ pakampathā’’ti. (cariyā. 1.124) –
วจนสมนนฺตรํ มหาปถวี ภิชฺชิตฺวา สปริสํ มารํ ปริวเตฺตสิฯ เอตนฺติ สาธุการทานาทิฯ ยทิปิ นตฺถิ อเจตนตฺตา, ธมฺมตาวเสน ปน วุตฺตนเยน สิยาติ สกฺกา วตฺตุํฯ ธมฺมตา ปน อตฺถโต ธมฺมสภาโว, โส ปุญฺญธมฺมสฺส วา ญาณธมฺมสฺส วา อานุภาวสภาโวติฯ ตยิทํ สพฺพํ วิจาริตเมว, เอวญฺจ กตฺวา –
Vacanasamanantaraṃ mahāpathavī bhijjitvā saparisaṃ māraṃ parivattesi. Etanti sādhukāradānādi. Yadipi natthi acetanattā, dhammatāvasena pana vuttanayena siyāti sakkā vattuṃ. Dhammatā pana atthato dhammasabhāvo, so puññadhammassa vā ñāṇadhammassa vā ānubhāvasabhāvoti. Tayidaṃ sabbaṃ vicāritameva, evañca katvā –
‘‘อิเม ธเมฺม สมฺมสโต, สภาวสรสลกฺขเณ;
‘‘Ime dhamme sammasato, sabhāvasarasalakkhaṇe;
ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถา’’ติฯ (พุ. วํ. ๑.๑๖๖);
Dhammatejena vasudhā, dasasahassī pakampathā’’ti. (bu. vaṃ. 1.166);
อาทิ วจนญฺจ สมตฺถิตํ โหติฯ
Ādi vacanañca samatthitaṃ hoti.
นิทฺทิฎฺฐนิทสฺสนนฺติ นิทฺทิฎฺฐสฺส อตฺถสฺส นิยฺยาตนํ, นิคมนนฺติ อโตฺถฯ เอตฺตาวตาติ ปถวีกมฺปาทิอุปฺปาทชนเนน เจว ปถวีกมฺปสฺส ภควโต เหตุนิทสฺสเนน จฯ ‘‘อทฺธา อชฺช ภควตา อายุสงฺขาโร โอสฺสโฎฺฐ’’ติ สลฺลเกฺขสิ ปาริเสสญาเยนฯ เอวญฺหิ ตทา เถโร ตมตฺถํ วีมํเสยฺย นายํ ภูมิกโมฺป ธาตุปฺปโกปเหตุโก ตสฺส อปญฺญายมานรูปตฺตา, พาหิรโกปิ อิสิ เอวํ มหานุภาโว พุทฺธกาเล นตฺถิ, สาสนิโกปิ สตฺถุ อนาโรเจตฺวา เอวํ กโรโนฺต นาม นตฺถิ, เสสานํ ปญฺจนฺนํ อิทานิ อสมฺภโว, เอวํ ภูมิกโมฺป จายํ มหาภิํสนโก สโลมหํโส อโหสิ, ตสฺมา ปาริเสสโต อาห ‘‘อชฺช ภควตา อายุสงฺขาโร โอสฺสโฎฺฐติ สลฺลเกฺขสี’’ติฯ
Niddiṭṭhanidassananti niddiṭṭhassa atthassa niyyātanaṃ, nigamananti attho. Ettāvatāti pathavīkampādiuppādajananena ceva pathavīkampassa bhagavato hetunidassanena ca. ‘‘Addhā ajja bhagavatā āyusaṅkhāro ossaṭṭho’’ti sallakkhesi pārisesañāyena. Evañhi tadā thero tamatthaṃ vīmaṃseyya nāyaṃ bhūmikampo dhātuppakopahetuko tassa apaññāyamānarūpattā, bāhirakopi isi evaṃ mahānubhāvo buddhakāle natthi, sāsanikopi satthu anārocetvā evaṃ karonto nāma natthi, sesānaṃ pañcannaṃ idāni asambhavo, evaṃ bhūmikampo cāyaṃ mahābhiṃsanako salomahaṃso ahosi, tasmā pārisesato āha ‘‘ajja bhagavatā āyusaṅkhāro ossaṭṭhoti sallakkhesī’’ti.
อฎฺฐปริสวณฺณนา
Aṭṭhaparisavaṇṇanā
๑๗๒. โอกาสํ อทตฺวาติ ‘‘ติฎฺฐตุ ภเนฺต ภควา กปฺป’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๑๗๘) นยปฺปวตฺตาย เถรสฺส อายาจนาย อวสรํ อทตฺวาฯ อญฺญานิปิ อฎฺฐกานิ สมฺปิเณฺฑโนฺต เหตุอฎฺฐกโต อญฺญานิ ปริสาภิภายตนวิโมกฺขวเสน ตีณิ อฎฺฐกานิ สงฺคเหตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘อฎฺฐ โข อิมา’’ติอาทิมาหฯ ‘‘อายสฺมโต อานนฺทสฺส โสกุปฺปตฺติํ ปริหรโนฺต วิเกฺขปํ กโรโนฺต’’ติ เกจิ สหสา ภณิเต พลวโสโก อุปฺปเชฺชยฺยาติฯ
172.Okāsaṃ adatvāti ‘‘tiṭṭhatu bhante bhagavā kappa’’ntiādi (dī. ni. 2.178) nayappavattāya therassa āyācanāya avasaraṃ adatvā. Aññānipi aṭṭhakāni sampiṇḍento hetuaṭṭhakato aññāni parisābhibhāyatanavimokkhavasena tīṇi aṭṭhakāni saṅgahetvā dassento ‘‘aṭṭha kho imā’’tiādimāha. ‘‘Āyasmato ānandassa sokuppattiṃ pariharanto vikkhepaṃ karonto’’ti keci sahasā bhaṇite balavasoko uppajjeyyāti.
สมาคนฺตพฺพโต, สมาคจฺฉตีติ วา สมาคโม, ปริสาฯ พิมฺพิสารปมุโข สมาคโม พิมฺพิสารสมาคโมฯ เสสทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ พิมฺพิสาร…เป.… สมาคมาทิสทิสํ ขตฺติยปริสนฺติ โยชนาฯ อเญฺญสุ จกฺกวาเฬสุปิ ลพฺภเตเยว สตฺถุ ขตฺติยปริสาทิอุปสงฺกมนํฯ อาทิโต เตหิ สทฺธิํ สตฺถุ ภาสนํ อาลาโปฯ กถนปฎิกถนํ สลฺลาโปฯ ธมฺมุปสญฺหิตา ปุจฺฉา ปฎิปุจฺฉา ธมฺมสากจฺฉาฯ สณฺฐานํ ปฎิจฺจ กถนํ สณฺฐานปริยายตฺตา วณฺณ-สทฺทสฺส ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) วิยฯ ‘‘เตส’’นฺติ ปทํ อุภยปทาเปกฺขํ ‘‘เตสมฺปิ ลกฺขณสณฺฐานํ วิย สตฺถุ สรีรสณฺฐานํ, เตสํ เกวลํ ปญฺญายติ เอวา’’ติฯ นาปิ อามุกฺกมณิกุณฺฑโล ภควา โหตีติ โยชนาฯ ฉินฺนสฺสราติ ทฺวิธาภูตสฺสราฯ คคฺครสฺสราติ ชชฺชริตสฺสราฯ ภาสนฺตรนฺติ เตสํ สตฺตานํ ภาสโต อญฺญํ ภาสํฯ วีมํสาติ จินฺตนาฯ ‘‘กิมตฺถํ…เป.… เทเสตี’’ติ อิทํ นนุ อตฺตานํ ชานาเปตฺวา ธเมฺม กถิเต เตสํ สาติสโย ปสาโท โหตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ? เยสํ อตฺตานํ อชานาเปตฺวาว ธเมฺม กถิเต ปสาโท โหติ, น ชานาเปตฺวา, ตาทิเส สนฺธาย สตฺถา ตถา กโรติฯ ตตฺถ ปโยชนมาห ‘‘วาสนตฺถายา’’ติฯ เอวํ สุโตปีติ เอวํ อวิญฺญาตเทสโก อวิญฺญาตาคมโนปิ สุโต ธโมฺม อตฺตโน ธมฺมสุธมฺมตาเยว อนาคเต ปจฺจโย โหติ สุณนฺตสฺสฯ
Samāgantabbato, samāgacchatīti vā samāgamo, parisā. Bimbisārapamukho samāgamo bimbisārasamāgamo. Sesadvayepi eseva nayo. Bimbisāra…pe… samāgamādisadisaṃ khattiyaparisanti yojanā. Aññesu cakkavāḷesupi labbhateyeva satthu khattiyaparisādiupasaṅkamanaṃ. Ādito tehi saddhiṃ satthu bhāsanaṃ ālāpo. Kathanapaṭikathanaṃ sallāpo. Dhammupasañhitā pucchā paṭipucchā dhammasākacchā. Saṇṭhānaṃ paṭicca kathanaṃ saṇṭhānapariyāyattā vaṇṇa-saddassa ‘‘mahantaṃ hatthirājavaṇṇaṃ abhinimminitvā’’tiādīsu (saṃ. ni. 1.138) viya. ‘‘Tesa’’nti padaṃ ubhayapadāpekkhaṃ ‘‘tesampi lakkhaṇasaṇṭhānaṃ viya satthu sarīrasaṇṭhānaṃ, tesaṃ kevalaṃ paññāyati evā’’ti. Nāpi āmukkamaṇikuṇḍalo bhagavā hotīti yojanā. Chinnassarāti dvidhābhūtassarā. Gaggarassarāti jajjaritassarā. Bhāsantaranti tesaṃ sattānaṃ bhāsato aññaṃ bhāsaṃ. Vīmaṃsāti cintanā. ‘‘Kimatthaṃ…pe… desetī’’ti idaṃ nanu attānaṃ jānāpetvā dhamme kathite tesaṃ sātisayo pasādo hotīti iminā adhippāyena vuttaṃ? Yesaṃ attānaṃ ajānāpetvāva dhamme kathite pasādo hoti, na jānāpetvā, tādise sandhāya satthā tathā karoti. Tattha payojanamāha ‘‘vāsanatthāyā’’ti. Evaṃ sutopīti evaṃ aviññātadesako aviññātāgamanopi suto dhammo attano dhammasudhammatāyeva anāgate paccayo hoti suṇantassa.
‘‘อานนฺทา’’ติอาทิโก สงฺคีติอนารุโฬฺห ปาฬิธโมฺม เอว ตถา ทสฺสิโตฯ เอส นโย อิโต ปเรสุปิ เอวรูเปสุ ฐาเนสุฯ
‘‘Ānandā’’tiādiko saṅgītianāruḷho pāḷidhammo eva tathā dassito. Esa nayo ito paresupi evarūpesu ṭhānesu.
อฎฺฐอภิภายตนวณฺณนา
Aṭṭhaabhibhāyatanavaṇṇanā
๑๗๓. อภิภวตีติ อภิภุ, ปริกมฺมํ, ญาณํ วาฯ อภิภุ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ, ฌานํฯ อภิภวิตพฺพํ วา อารมฺมณสงฺขาตํ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํฯ อารมฺมณาภิภวนโต อภิภุ จ ตํ อายตนญฺจ โยคิโน สุขวิเสสานํ อธิฎฺฐานภาวโต, มนายตนธมฺมายตนภาวโต วาติปิ สสมฺปยุตฺตํ ฌานํ อภิภายตนํฯ เตนาห ‘‘อภิภวนการณานี’’ติอาทิฯ ตานิ หีติ อภิภายตนสญฺญิตานิ ฌานานิฯ ‘‘ปุคฺคลสฺส ญาณุตฺตริยตายา’’ติ อิทํ อุภยตฺถาปิ โยเชตพฺพํฯ กถํ? ปฎิปกฺขภาเวน ปจฺจนีกธเมฺม อภิภวนฺติ ปุคฺคลสฺส ญาณุตฺตริยตาย อารมฺมณานิ อภิภวนฺติฯ ญาณพเลเนว หิ อารมฺมณาภิภวนํ วิย ปฎิปกฺขาภิภโว ปีติฯ
173. Abhibhavatīti abhibhu, parikammaṃ, ñāṇaṃ vā. Abhibhu āyatanaṃ etassāti abhibhāyatanaṃ, jhānaṃ. Abhibhavitabbaṃ vā ārammaṇasaṅkhātaṃ āyatanaṃ etassāti abhibhāyatanaṃ. Ārammaṇābhibhavanato abhibhu ca taṃ āyatanañca yogino sukhavisesānaṃ adhiṭṭhānabhāvato, manāyatanadhammāyatanabhāvato vātipi sasampayuttaṃ jhānaṃ abhibhāyatanaṃ. Tenāha ‘‘abhibhavanakāraṇānī’’tiādi. Tāni hīti abhibhāyatanasaññitāni jhānāni. ‘‘Puggalassa ñāṇuttariyatāyā’’ti idaṃ ubhayatthāpi yojetabbaṃ. Kathaṃ? Paṭipakkhabhāvena paccanīkadhamme abhibhavanti puggalassa ñāṇuttariyatāya ārammaṇāni abhibhavanti. Ñāṇabaleneva hi ārammaṇābhibhavanaṃ viya paṭipakkhābhibhavo pīti.
ปริกมฺมวเสน อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี, น อปฺปนาวเสนฯ น หิ ปฎิภาคนิมิตฺตารมฺมณา อปฺปนา อชฺฌตฺตวิสยา สมฺภวติ, ตํ ปน อชฺฌตฺตปริกมฺมวเสน ลทฺธํ กสิณนิมิตฺตํ อวิสุทฺธเมว โหติ, น พหิทฺธาปริกมฺมวเสน ลทฺธํ วิย วิสุทฺธํฯ
Parikammavasena ajjhattaṃ rūpasaññī, na appanāvasena. Na hi paṭibhāganimittārammaṇā appanā ajjhattavisayā sambhavati, taṃ pana ajjhattaparikammavasena laddhaṃ kasiṇanimittaṃ avisuddhameva hoti, na bahiddhāparikammavasena laddhaṃ viya visuddhaṃ.
ปริตฺตานีติ ยถาลทฺธานิ สุปฺปสราวมตฺตานิฯ เตนาห ‘‘อวฑฺฒิตานี’’ติฯ ปริตฺตวเสเนวาติ วณฺณวเสน อาโภเค วิชฺชมาเนปิ ปริตฺตวเสเนว อิทํ อภิภายตนํ วุตฺตํฯ ปริตฺตตา เหตฺถ อภิภวนสฺส การณํฯ วณฺณาโภเค สติปิ อสติปิ อภิภายตนภาวนา นาม ติกฺขปญฺญเสฺสว สมฺภวติ, น อิตรสฺสาติ อาห ‘‘ญาณุตฺตริโก ปุคฺคโล’’ติฯ อภิภวิตฺวา สมาปชฺชตีติ เอตฺถ อภิภวนํ, สมาปชฺชนญฺจ อุปจารชฺฌานาธิคมสมนนฺตรเมว อปฺปนาฌานุปฺปาทนนฺติ อาห ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติฯ สห นิมิตฺตุปฺปาเทนาติ จ อปฺปนาปริวาสาภาวสฺส ลกฺขณํ วจนเมตํฯ โย ‘‘ขิปฺปาภิโญฺญ’’ติ วุจฺจติ, ตโตปิ ญาณุตฺตรเสฺสว อภิภายตนภาวนาฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ นิมิเตฺตฯ อปฺปนํ ปาเปตีติ ภาวนํ อปฺปนํ เนติฯ
Parittānīti yathāladdhāni suppasarāvamattāni. Tenāha ‘‘avaḍḍhitānī’’ti. Parittavasenevāti vaṇṇavasena ābhoge vijjamānepi parittavaseneva idaṃ abhibhāyatanaṃ vuttaṃ. Parittatā hettha abhibhavanassa kāraṇaṃ. Vaṇṇābhoge satipi asatipi abhibhāyatanabhāvanā nāma tikkhapaññasseva sambhavati, na itarassāti āha ‘‘ñāṇuttariko puggalo’’ti. Abhibhavitvā samāpajjatīti ettha abhibhavanaṃ, samāpajjanañca upacārajjhānādhigamasamanantarameva appanājhānuppādananti āha ‘‘saha nimittuppādenevettha appanaṃ pāpetī’’ti. Saha nimittuppādenāti ca appanāparivāsābhāvassa lakkhaṇaṃ vacanametaṃ. Yo ‘‘khippābhiñño’’ti vuccati, tatopi ñāṇuttarasseva abhibhāyatanabhāvanā. Etthāti etasmiṃ nimitte. Appanaṃ pāpetīti bhāvanaṃ appanaṃ neti.
เอตฺถ จ เกจิ ‘‘อุปฺปเนฺน อุปจารชฺฌาเน ตํ อารพฺภ เย เหฎฺฐิมเนฺตน เทฺว ตโย ชวนวารา ปวตฺตนฺติ, เต อุปจารชฺฌานปกฺขิกา เอว, ตทนนฺตรญฺจ ภวงฺคปริวาเสน, อุปจาราเสวนาย จ วินา อปฺปนา โหติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนว อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํฯ น หิ ปริวาสิตปริกเมฺมน อปฺปนาวาโร อิจฺฉิโต, นาปิ มหคฺคตปฺปมาณชฺฌาเนสุ วิย อุปจารชฺฌาเน เอกนฺตโต ปจฺจเวกฺขณา อิจฺฉิตพฺพา, ตสฺมา อุปจารชฺฌานาธิคมนโต ปรํ กติปยภวงฺคจิตฺตาวสาเน อปฺปนํ ปาปุณโนฺต ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วุโตฺตฯ สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนวาติ จ อธิปฺปายิกมิทํ วจนํ, น นีตตฺถํ, อธิปฺปาโย วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพ, น อโนฺตสมาปตฺติยํ ตทา ตถารูปสฺส อาโภคสฺส อสมฺภวโตฯ สมาปตฺติโต วุฎฺฐิตสฺส อาโภโค ปุพฺพภาคภาวนายวเสน ฌานกฺขเณ ปวตฺตํ อภิภวนาการํ คเหตฺวา ปวโตฺตติ ทฎฺฐพฺพํฯ อภิธมฺมฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อิมินา ตสฺส ปุพฺพาโภโค กถิโต’’ติ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๒๐๔) วุตฺตํฯ อโนฺตสมาปตฺติยํ ตถา อาโภคาภาเว กสฺมา ‘‘ฌานสญฺญายปี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อภิภวน…เป.… อตฺถี’’ติฯ
Ettha ca keci ‘‘uppanne upacārajjhāne taṃ ārabbha ye heṭṭhimantena dve tayo javanavārā pavattanti, te upacārajjhānapakkhikā eva, tadanantarañca bhavaṅgaparivāsena, upacārāsevanāya ca vinā appanā hoti, saha nimittuppādeneva appanaṃ pāpetī’’ti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ. Na hi parivāsitaparikammena appanāvāro icchito, nāpi mahaggatappamāṇajjhānesu viya upacārajjhāne ekantato paccavekkhaṇā icchitabbā, tasmā upacārajjhānādhigamanato paraṃ katipayabhavaṅgacittāvasāne appanaṃ pāpuṇanto ‘‘saha nimittuppādenevettha appanaṃ pāpetī’’ti vutto. Saha nimittuppādenevāti ca adhippāyikamidaṃ vacanaṃ, na nītatthaṃ, adhippāyo vuttanayeneva veditabbo, na antosamāpattiyaṃ tadā tathārūpassa ābhogassa asambhavato. Samāpattito vuṭṭhitassa ābhogo pubbabhāgabhāvanāyavasena jhānakkhaṇe pavattaṃ abhibhavanākāraṃ gahetvā pavattoti daṭṭhabbaṃ. Abhidhammaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘iminā tassa pubbābhogo kathito’’ti (dha. sa. aṭṭha. 204) vuttaṃ. Antosamāpattiyaṃ tathā ābhogābhāve kasmā ‘‘jhānasaññāyapī’’ti vuttanti āha ‘‘abhibhavana…pe… atthī’’ti.
วฑฺฒิตปฺปมาณานีติ วิปุลปฺปมาณานีติ อโตฺถ, น เอกงฺคุลทฺวงฺคุลาทิวเสน วฑฺฒิํ ปาปิตานีติ ตถา วฑฺฒนเสฺสเวตฺถ อสมฺภวโตฯ เตนาห ‘‘มหนฺตานี’’ติฯ ภตฺตวฑฺฒิตกนฺติ ภุญฺชนภาชนํ วเฑฺฒตฺวา ทินฺนภตฺตํ, เอกาสเน ปุริเสน ภุญฺชิตพฺพภตฺตโต อุปฑฺฒภตฺตนฺติ อโตฺถฯ
Vaḍḍhitappamāṇānīti vipulappamāṇānīti attho, na ekaṅguladvaṅgulādivasena vaḍḍhiṃ pāpitānīti tathā vaḍḍhanassevettha asambhavato. Tenāha ‘‘mahantānī’’ti. Bhattavaḍḍhitakanti bhuñjanabhājanaṃ vaḍḍhetvā dinnabhattaṃ, ekāsane purisena bhuñjitabbabhattato upaḍḍhabhattanti attho.
รูเป สญฺญา รูปสญฺญา, สา อสฺส อตฺถีติ รูปสญฺญี, น รูปสญฺญี อรูปสญฺญี, สญฺญาสีเสน ฌานํ วทติฯ รูปสญฺญาย อนุปฺปาทนํ เอเวตฺถ อลาภิตาฯ
Rūpe saññā rūpasaññā, sā assa atthīti rūpasaññī, na rūpasaññī arūpasaññī, saññāsīsena jhānaṃ vadati. Rūpasaññāya anuppādanaṃ evettha alābhitā.
พหิทฺธาว อุปฺปนฺนนฺติ พหิทฺธา วตฺถุสฺมิํเยว อุปฺปนฺนํฯ อภิธเมฺม ปน ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ…เป.… อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ (ธ. ส. ๒๒๐) เอวํ จตุนฺนํ อภิภายตนานํ อาคตตฺตา อภิธมฺมฎฺฐกถายํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๒๐๔) ‘‘กสฺมา ปน ‘ยถา สุตฺตเนฺต อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานีติอาทิ วุตฺตํ, เอวํ อวตฺวา อิธ จตูสุปิ อภิภายตเนสุ อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญิตาว วุตฺตา’ติ โจทนํ กตฺวา ‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’ติ การณํ วตฺวา, ตตฺถ วา หิ อิธ วา พหิทฺธา รูปาเนว อภิภวิตพฺพานิ, ตสฺมา ตานิ นิยมโต วตฺตพฺพานีติ ตตฺราปิ อิธาปิ วุตฺตานิฯ ‘อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี’ติ อิทํ ปน สตฺถุ เทสนาวิลาสมตฺตเมวา’’ติ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ วณฺณาโภครหิตานิ, สหิตานิ จ สพฺพานิ ปริตฺตานิ ‘‘ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ วุตฺตานิ, ตถา อปฺปมาณานิ ‘‘อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติฯ อตฺถิ หิ โส ปริยาโย ปริตฺตานิ อภิภุยฺย ตานิ เจ กทาจิ วณฺณวเสน อาภุชิตานิ โหนฺติ, สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ อภิภุยฺยาติฯ ปริยายกถา หิ สุตฺตนฺตเทสนาติฯ อภิธเมฺม (ธ. ส. ๒๒๒) ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วณฺณาโภครหิตานิ วิสุํ วุตฺตานิ, ตถา สหิตานิฯ อตฺถิ หิ อุภยตฺถ อภิภวนวิเสโสติฯ ตถา อิธ ปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขานมฺปิ อภิภวนปริยาโย อตฺถีติ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี’’ติอาทินา ปฐมทุติยอภิภายตเนสุ ปฐมวิโมโกฺข, ตติยจตุตฺถอภิภายตเนสุ ทุติยวิโมโกฺข, วณฺณาภิภายตเนสุ ตติยวิโมโกฺข จ อภิภวนปฺปวตฺติโต สงฺคหิโตฯ อภิธเมฺม ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขาภิภายตนานิ อสงฺกรโต ทเสฺสตุํ วิโมเกฺข วเชฺชตฺวา อภิภายตนานิ กถิตานิ ; สพฺพานิ จ วิโมกฺขกิจฺจานิ ฌานานิ วิโมกฺขเทสนายํ วุตฺตานิฯ ตเทตํ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี’’ติ อาคตสฺส อภิภายตนทฺวยสฺส อภิธเมฺม อภิภายตเนสุ อวจนโต ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนญฺจ สพฺพวิโมกฺขกิจฺจสาธารณวจนภาวโต ววตฺถานํ กตนฺติ วิญฺญายติฯ ‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ อิทํ กตฺถจิปิ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปานิ ปสฺสตี’’ติ อวตฺวา สพฺพตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ, ตสฺส การณวจนํ, เตน ยํ อญฺญเหตุกํ, ตํ เตน เหตุนา วุตฺตํฯ ยํ ปน เทสนาวิลาสเหตุกํ อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญิตาย เอว อภิธเมฺม (ธ. ส. ๒๒๓) วจนํ, น ตสฺส อญฺญํ การณํ มคฺคิตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียตา จ เตสํ พหิทฺธา รูปานํ วิย อภูตตฺตาฯ เทสนาวิลาโส จ ยถาวุตฺตววตฺถานวเสน เวทิตโพฺพ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน วิชฺชมานปริยายกถาภาวโตฯ ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ เอเตเนว สิทฺธตฺตา น นีลาทิ อภิภายตนานิ วตฺตพฺพานีติ เจ? ตํ น, นีลาทีสุ กตาธิการานํ นีลาทิภาวเสฺสว อภิภวนการณตฺตาฯ น หิ เตสํ ปริสุทฺธาปริสุทฺธวณฺณานํ ปริตฺตตา, อปฺปมาณตา วา อภิภวนการณํ, อถ โข นีลาทิภาโว เอวาติฯ เอเตสุ จ ปริตฺตาทิกสิณรูเปสุ ยํ ยํ จริตสฺส อิมานิ อภิภายตนานิ อิชฺฌนฺติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Bahiddhāvauppannanti bahiddhā vatthusmiṃyeva uppannaṃ. Abhidhamme pana ‘‘ajjhattaṃ arūpasaññī bahiddhā rūpāni passati parittāni suvaṇṇadubbaṇṇāni…pe… appamāṇāni suvaṇṇadubbaṇṇānī’’ti (dha. sa. 220) evaṃ catunnaṃ abhibhāyatanānaṃ āgatattā abhidhammaṭṭhakathāyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 204) ‘‘kasmā pana ‘yathā suttante ajjhattaṃ rūpasaññī eko bahiddhā rūpāni passati parittānītiādi vuttaṃ, evaṃ avatvā idha catūsupi abhibhāyatanesu ajjhattaṃ arūpasaññitāva vuttā’ti codanaṃ katvā ‘ajjhattarūpānaṃ anabhibhavanīyato’ti kāraṇaṃ vatvā, tattha vā hi idha vā bahiddhā rūpāneva abhibhavitabbāni, tasmā tāni niyamato vattabbānīti tatrāpi idhāpi vuttāni. ‘Ajjhattaṃ rūpasaññī’ti idaṃ pana satthu desanāvilāsamattamevā’’ti vuttaṃ. Ettha ca vaṇṇābhogarahitāni, sahitāni ca sabbāni parittāni ‘‘parittāni suvaṇṇadubbaṇṇānī’’ti vuttāni, tathā appamāṇāni ‘‘appamāṇāni suvaṇṇadubbaṇṇānī’’ti. Atthi hi so pariyāyo parittāni abhibhuyya tāni ce kadāci vaṇṇavasena ābhujitāni honti, suvaṇṇadubbaṇṇāni abhibhuyyāti. Pariyāyakathā hi suttantadesanāti. Abhidhamme (dha. sa. 222) pana nippariyāyadesanattā vaṇṇābhogarahitāni visuṃ vuttāni, tathā sahitāni. Atthi hi ubhayattha abhibhavanavisesoti. Tathā idha pariyāyadesanattā vimokkhānampi abhibhavanapariyāyo atthīti ‘‘ajjhattaṃ rūpasaññī’’tiādinā paṭhamadutiyaabhibhāyatanesu paṭhamavimokkho, tatiyacatutthaabhibhāyatanesu dutiyavimokkho, vaṇṇābhibhāyatanesu tatiyavimokkho ca abhibhavanappavattito saṅgahito. Abhidhamme pana nippariyāyadesanattā vimokkhābhibhāyatanāni asaṅkarato dassetuṃ vimokkhe vajjetvā abhibhāyatanāni kathitāni ; sabbāni ca vimokkhakiccāni jhānāni vimokkhadesanāyaṃ vuttāni. Tadetaṃ ‘‘ajjhattaṃ rūpasaññī’’ti āgatassa abhibhāyatanadvayassa abhidhamme abhibhāyatanesu avacanato ‘‘rūpī rūpāni passatī’’tiādīnañca sabbavimokkhakiccasādhāraṇavacanabhāvato vavatthānaṃ katanti viññāyati. ‘‘Ajjhattarūpānaṃ anabhibhavanīyato’’ti idaṃ katthacipi ‘‘ajjhattaṃ rūpāni passatī’’ti avatvā sabbattha yaṃ vuttaṃ ‘‘bahiddhā rūpāni passatī’’ti, tassa kāraṇavacanaṃ, tena yaṃ aññahetukaṃ, taṃ tena hetunā vuttaṃ. Yaṃ pana desanāvilāsahetukaṃ ajjhattaṃ arūpasaññitāya eva abhidhamme (dha. sa. 223) vacanaṃ, na tassa aññaṃ kāraṇaṃ maggitabbanti dasseti. Ajjhattarūpānaṃ anabhibhavanīyatā ca tesaṃ bahiddhā rūpānaṃ viya abhūtattā. Desanāvilāso ca yathāvuttavavatthānavasena veditabbo veneyyajjhāsayavasena vijjamānapariyāyakathābhāvato. ‘‘Suvaṇṇadubbaṇṇānī’’ti eteneva siddhattā na nīlādi abhibhāyatanāni vattabbānīti ce? Taṃ na, nīlādīsu katādhikārānaṃ nīlādibhāvasseva abhibhavanakāraṇattā. Na hi tesaṃ parisuddhāparisuddhavaṇṇānaṃ parittatā, appamāṇatā vā abhibhavanakāraṇaṃ, atha kho nīlādibhāvo evāti. Etesu ca parittādikasiṇarūpesu yaṃ yaṃ caritassa imāni abhibhāyatanāni ijjhanti, taṃ dassetuṃ ‘‘imesu panā’’tiādi vuttaṃ.
สพฺพสงฺคาหกวเสนาติ สกลนีลวณฺณนีลนิทสฺสนนีลนิภาสานํ สาธารณวเสนฯ วณฺณวเสนาติ สภาววณฺณวเสนฯ นิทสฺสนวเสนาติ ปสฺสิตพฺพตาวเสน จกฺขุวิญฺญาณาทิวิญฺญาณวีถิยา คเหตพฺพตาวเสนฯ โอภาสวเสนาติ สปฺปภาสตาย อวภาสนวเสนฯ อุมาปุปฺผนฺติ อตสิปุปฺผํฯ นีลเมว โหติ วณฺณสงฺกราภาวโตฯ พาราณสิสมฺภวนฺติ พาราณสิยํ สมุฎฺฐิตํฯ
Sabbasaṅgāhakavasenāti sakalanīlavaṇṇanīlanidassananīlanibhāsānaṃ sādhāraṇavasena. Vaṇṇavasenāti sabhāvavaṇṇavasena. Nidassanavasenāti passitabbatāvasena cakkhuviññāṇādiviññāṇavīthiyā gahetabbatāvasena. Obhāsavasenāti sappabhāsatāya avabhāsanavasena. Umāpupphanti atasipupphaṃ. Nīlameva hoti vaṇṇasaṅkarābhāvato. Bārāṇasisambhavanti bārāṇasiyaṃ samuṭṭhitaṃ.
เอกจฺจสฺส อิโต พาหิรกสฺส อปฺปมาณํ อติวิตฺถาริตํ กสิณนิมิตฺตํ โอโลเกนฺตสฺส ภยํ อุปฺปเชฺชยฺย ‘‘กิํ นุ โข อิทํ สกลํ โลกํ อภิภวิตฺวา อโชฺฌตฺถริตฺวา คณฺหาตี’’ติ, ตถาคตสฺส ปน ตาทิสํ ภยํ วา สารชฺชํ วา นตฺถีติ อภีตภาวทสฺสนตฺถเมว อานีตานิฯ
Ekaccassa ito bāhirakassa appamāṇaṃ ativitthāritaṃ kasiṇanimittaṃ olokentassa bhayaṃ uppajjeyya ‘‘kiṃ nu kho idaṃ sakalaṃ lokaṃ abhibhavitvā ajjhottharitvā gaṇhātī’’ti, tathāgatassa pana tādisaṃ bhayaṃ vā sārajjaṃ vā natthīti abhītabhāvadassanatthameva ānītāni.
อฎฺฐวิโมกฺขวณฺณนา
Aṭṭhavimokkhavaṇṇanā
๑๗๔. อุตฺตานตฺถาเยว เหฎฺฐา อตฺถโต วิภตฺตตฺตาฯ เอกจฺจสฺส วิโมโกฺขติ โฆโสปิ ภยาวโห วฎฺฎาภิรตภาวโต, ตถาคตสฺส ปน วิโมเกฺข อุปสมฺปชฺช วิหรโตปิ ตํ นตฺถีติ อภีตภาวทสฺสนตฺถเมว อานีตานิฯ
174.Uttānatthāyeva heṭṭhā atthato vibhattattā. Ekaccassa vimokkhoti ghosopi bhayāvaho vaṭṭābhiratabhāvato, tathāgatassa pana vimokkhe upasampajja viharatopi taṃ natthīti abhītabhāvadassanatthameva ānītāni.
อานนฺทยาจนกถาวณฺณนา
Ānandayācanakathāvaṇṇanā
๑๗๘. โพธีติ สพฺพญฺญุตญฺญาณํฯ ตญฺหิ ‘‘จตุมคฺคญาณปฎิเวธ’’เนฺตฺวว วุตฺตํ สพฺพญฺญุตญฺญาณปฺปฎิเวธสฺส ตํมูลกตฺตาฯ เอวํ วุตฺตภาวนฺติ ‘‘อากงฺขมาโน อานนฺท ตถาคโต กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๖๖) เอวํ วุตฺตภาวํฯ
178.Bodhīti sabbaññutaññāṇaṃ. Tañhi ‘‘catumaggañāṇapaṭivedha’’ntveva vuttaṃ sabbaññutaññāṇappaṭivedhassa taṃmūlakattā. Evaṃ vuttabhāvanti ‘‘ākaṅkhamāno ānanda tathāgato kappaṃ vā tiṭṭheyyā’’ti (dī. ni. 2.166) evaṃ vuttabhāvaṃ.
๑๗๙. ตมฺปิ โอฬาริกนิมิตฺตํ กตํ ตสฺส มาเรน ปริยุฎฺฐิตเจตโส น ปฎิวิทฺธํ น สลฺลกฺขิตํฯ
179.Tampi oḷārikanimittaṃ kataṃ tassa mārena pariyuṭṭhitacetaso na paṭividdhaṃ na sallakkhitaṃ.
๑๘๓. อาทิเกหีติ เอวมาทีหิ มิตฺตามจฺจสุหชฺชาหิฯ ปิยายิตพฺพโต ปิเยหิฯ มนวฑฺฒนโต มนาเปหิฯ ชาติยาติ ชาติอนุรูปคมเนนฯ นานาภาโว วิสุํภาโว อสมฺพทฺธภาโวฯ มรเณน วินาภาโวติ จุติยา เตนตฺตภาเวน อปุนราวตฺตนโต วิปฺปโยโคฯ ภเวน อญฺญถาภาโวติ ภวนฺตรคฺคหเณน ปุริมาการโต อญฺญาการตา ‘‘กามาวจรสโตฺต รูปาวจโร โหตี’’ติอาทินา, ตตฺถาปิ ‘‘มนุโสฺส เทโว โหตี’’ติอาทินาปิ โยเชตโพฺพฯ กุเตตฺถ ลพฺภาติ กุโต กุหิํ กิสฺมิํ นาม ฐาเน เอตฺถ เอตสฺมิํ ขนฺธปฺปวเตฺต ‘‘ยํ ตํ ชาตํ…เป.… มา ปลุชฺชี’’ติ ลทฺธุํ สกฺกาฯ น สกฺกา เอว ตาทิสสฺส การณสฺส อภาวโตติ อาห ‘‘เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติฯ เอวํ อจฺฉริยพฺภุตธมฺมํ ตถาคตสฺสาปิ สรีรํ, กิมงฺคํ ปน อเญฺญสนฺติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘ปจฺจาวมิสฺสตี’’ติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติ สติํ สูปฎฺฐิตํ กตฺวา ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อายุสงฺขารานํ โอสฺสฎฺฐตฺตา, พุทฺธกิจฺจสฺส จ ปริโยสาปิตตฺตาฯ น เหตฺถ มาสตฺตยโต ปรํ พุทฺธเวเนยฺยา ลพฺภนฺตีติฯ
183.Ādikehīti evamādīhi mittāmaccasuhajjāhi. Piyāyitabbato piyehi. Manavaḍḍhanato manāpehi. Jātiyāti jātianurūpagamanena. Nānābhāvo visuṃbhāvo asambaddhabhāvo. Maraṇena vinābhāvoti cutiyā tenattabhāvena apunarāvattanato vippayogo. Bhavena aññathābhāvoti bhavantaraggahaṇena purimākārato aññākāratā ‘‘kāmāvacarasatto rūpāvacaro hotī’’tiādinā, tatthāpi ‘‘manusso devo hotī’’tiādināpi yojetabbo. Kutettha labbhāti kuto kuhiṃ kismiṃ nāma ṭhāne ettha etasmiṃ khandhappavatte ‘‘yaṃ taṃ jātaṃ…pe… mā palujjī’’ti laddhuṃ sakkā. Na sakkā eva tādisassa kāraṇassa abhāvatoti āha ‘‘netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’ti. Evaṃ acchariyabbhutadhammaṃ tathāgatassāpi sarīraṃ, kimaṅgaṃ pana aññesanti adhippāyo. ‘‘Paccāvamissatī’’ti netaṃ ṭhānaṃ vijjati satiṃ sūpaṭṭhitaṃ katvā ñāṇena paricchinditvā āyusaṅkhārānaṃ ossaṭṭhattā, buddhakiccassa ca pariyosāpitattā. Na hettha māsattayato paraṃ buddhaveneyyā labbhantīti.
๑๘๔. สาสนสฺส จิรฎฺฐิติ นาม สสมฺภาเรหิ อริยมคฺคธเมฺมหิ เกวเลหีติ อาห ‘‘สพฺพํ โลกิยโลกุตฺตรวเสเนว กถิต’’นฺติ โลกิยาหิ สีลสมาธิปญฺญาหิ วินา โลกุตฺตรธมฺมสมธิคมสฺส อสมฺภวโตฯ
184. Sāsanassa ciraṭṭhiti nāma sasambhārehi ariyamaggadhammehi kevalehīti āha ‘‘sabbaṃ lokiyalokuttaravaseneva kathita’’nti lokiyāhi sīlasamādhipaññāhi vinā lokuttaradhammasamadhigamassa asambhavato.
ตติยภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
นาคาปโลกิตวณฺณนา
Nāgāpalokitavaṇṇanā
๑๘๖. นาคาปโลกิตนฺติ นาคสฺส วิย อปโลกิตํ, หตฺถินาคสฺส อปโลกนสทิสํ อปโลกนนฺติ อโตฺถฯ อาหจฺจาติ ผุสิตฺวาฯ องฺกุสกลคฺคานิ วิยาติ องฺกุสกานิ วิย อญฺญมญฺญสฺมิํ ลคฺคานิ อาสตฺตานิ หุตฺวา ฐิตานิฯ เอกาพทฺธานีติ อญฺญมญฺญํ เอกโต อาพทฺธานิฯ ตสฺมาติ คีวฎฺฐีนํ เอกคฺฆนานํ วิย เอกาพทฺธภาเวน, น เกวลํ คีวฎฺฐีนํเยว, อถ โข สพฺพานิปิ ตานิ พุทฺธานํ ฐเปตฺวา พาหุสนฺธิอาทิกา ทฺวาทส มหาสนฺธิโย, องฺคุลิสนฺธิโย จ อิตรสนฺธีสุ เอกาพทฺธานิ หุตฺวา ฐิตานิ, ยโต เนสํ ปกติหตฺถีนํ โกฎิสหสฺสพลปฺปมาณํ กายพลํ โหติฯ เวสาลินคราภิมุขํ อกาสิ กณฺฎกปริวตฺตเน วิย กปิลนคราภิมุขํฯ ยทิ เอวํ กถํ ตํ นาคาปโลกิตํ นาม ชาตํ? ตทชฺฌาสยํ อุปาทายฯ ภควา หิ นาคาปโลกิตวเสเนว อปโลเกตุกาโม ชาโต, ปุญฺญานุภาเวน ปนสฺส ปติฎฺฐิตฎฺฐานํ ปริวตฺติ, เตน ตํ ‘‘นาคาปโลกิตํ’’ เตฺวว วุจฺจติฯ
186.Nāgāpalokitanti nāgassa viya apalokitaṃ, hatthināgassa apalokanasadisaṃ apalokananti attho. Āhaccāti phusitvā. Aṅkusakalaggāni viyāti aṅkusakāni viya aññamaññasmiṃ laggāni āsattāni hutvā ṭhitāni. Ekābaddhānīti aññamaññaṃ ekato ābaddhāni. Tasmāti gīvaṭṭhīnaṃ ekagghanānaṃ viya ekābaddhabhāvena, na kevalaṃ gīvaṭṭhīnaṃyeva, atha kho sabbānipi tāni buddhānaṃ ṭhapetvā bāhusandhiādikā dvādasa mahāsandhiyo, aṅgulisandhiyo ca itarasandhīsu ekābaddhāni hutvā ṭhitāni, yato nesaṃ pakatihatthīnaṃ koṭisahassabalappamāṇaṃ kāyabalaṃ hoti. Vesālinagarābhimukhaṃ akāsi kaṇṭakaparivattane viya kapilanagarābhimukhaṃ. Yadi evaṃ kathaṃ taṃ nāgāpalokitaṃ nāma jātaṃ? Tadajjhāsayaṃ upādāya. Bhagavā hi nāgāpalokitavaseneva apaloketukāmo jāto, puññānubhāvena panassa patiṭṭhitaṭṭhānaṃ parivatti, tena taṃ ‘‘nāgāpalokitaṃ’’ tveva vuccati.
‘‘อิทํ ปจฺฉิมกํ อานนฺท ตถาคตสฺส เวสาลิยา ทสฺสน’’นฺติ นยิทํ เวสาลิยา อปโลกนสฺส การณวจนํ อเนกนฺติกตฺตา, ภูตกถนมตฺตํ ปเนตํฯ มคฺคโสธนวเสน ตํ ทเสฺสตฺวา อญฺญเทเวตฺถ อปโลกนการณํ ทเสฺสตุกาโม ‘‘นนุ จา’’ติอาทิมาหฯ ตํ ตํ สพฺพํ ปจฺฉิมทสฺสนเมว อนุกฺกเมน กุสินารํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพาตุกามตาย ตโต ตโต นิกฺขนฺตตฺตาฯ ‘‘อนจฺฉริยตฺตา’’ติ อิมินา ยถาวุตฺตํ อเนกนฺติกตฺตํ ปริหรติ, ตยิทํ โสธนมตฺตํฯ อิทํ ปเนตฺถ อวิปรีตํ การณนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ น หิ ภควา สาเปโกฺข เวสาลิํ อปโลเกสิ, ‘‘อิทํ ปน เม คมนํ อปุนราคมน’’นฺติ ทสฺสนมุเขน พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อปโลเกสิฯ เตนาห ‘‘อปิจ เวสาลิราชาโน’’ติอาทิฯ
‘‘Idaṃ pacchimakaṃ ānanda tathāgatassa vesāliyā dassana’’nti nayidaṃ vesāliyā apalokanassa kāraṇavacanaṃ anekantikattā, bhūtakathanamattaṃ panetaṃ. Maggasodhanavasena taṃ dassetvā aññadevettha apalokanakāraṇaṃ dassetukāmo ‘‘nanu cā’’tiādimāha. Taṃ taṃ sabbaṃ pacchimadassanameva anukkamena kusināraṃ gantvā parinibbātukāmatāya tato tato nikkhantattā. ‘‘Anacchariyattā’’ti iminā yathāvuttaṃ anekantikattaṃ pariharati, tayidaṃ sodhanamattaṃ. Idaṃ panettha aviparītaṃ kāraṇanti dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Na hi bhagavā sāpekkho vesāliṃ apalokesi, ‘‘idaṃ pana me gamanaṃ apunarāgamana’’nti dassanamukhena bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya apalokesi. Tenāha ‘‘apica vesālirājāno’’tiādi.
อนฺตกโรติ สกลวฎฺฎทุกฺขสฺส สกสนฺตาเน, ปรสนฺตาเน จ วินาสกโร อภาวกโรฯ พุทฺธจกฺขุธมฺมจกฺขุทิพฺพจกฺขุมํสจกฺขุสมนฺตจกฺขุสงฺขาเตหิ ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมาฯ สวาสนานํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา สาติสยํ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโตฯ
Antakaroti sakalavaṭṭadukkhassa sakasantāne, parasantāne ca vināsakaro abhāvakaro. Buddhacakkhudhammacakkhudibbacakkhumaṃsacakkhusamantacakkhusaṅkhātehi pañcahi cakkhūhi cakkhumā. Savāsanānaṃ kilesānaṃ samucchinnattā sātisayaṃ kilesaparinibbānena parinibbuto.
จตุมหาปเทสวณฺณนา
Catumahāpadesavaṇṇanā
๑๘๗. มหาโอกาเสติ มหเนฺต โอกาเสฯ มหนฺตานิ ธมฺมสฺส ปติฎฺฐาปนฎฺฐานานิฯ เยสุ ปติฎฺฐาปิโต ธโมฺม นิจฺฉียติ อสเนฺทหโต, กานิ ปน ตานิ? อาคมนวิสิฎฺฐานิ สุโตฺตตรณาทีนิฯ ทุติยวิกเปฺป อปทิสนฺตีติ อปเทสา, ‘‘สมฺมุขา เมตํ อาวุโส ภควโต สุต’’นฺติอาทินา เกนจิ อาภตสฺส ‘‘ธโมฺม’’ติ วินิจฺฉินเน การณํฯ กิํ ปน ตนฺติ? ตสฺส ยถาภตสฺส สุโตฺตตรณาทิ เอวฯ ยทิ เอวํ กถํ จตฺตาโรติ? ยสฺมา ธมฺมสฺส เทฺว สมฺปรายา สตฺถา, สาวกา จ, เตสุ จ สาวกา สงฺฆคณปุคฺคลวเสน ติวิธา , เอวํ ‘‘ตุมฺหากํ มยา ยํ ธโมฺม ปฎิคฺคหิโต’’ติ อปทิสิตพฺพานํ เภเทน จตฺตาโรฯ เตนาห ‘‘สมฺมุขา เม ตํ อาวุโส ภควโต สุต’’นฺติอาทิฯ ตถา จ วุตฺตํ เนตฺติยํ ‘‘จตฺตาโร มหาปเทสา พุทฺธาปเทโส สงฺฆาปเทโส สมฺพหุลเตฺถราปเทโส เอกเตฺถราปเทโสฯ อิเม จตฺตาโร มหาปเทสา’’ติ (เนตฺติ. ๑๘) พุโทฺธ อปเทโส เอตสฺสาติ พุทฺธาปเทโสฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ เตนาห ‘‘พุทฺธาทโย…เป.… มหาการณานี’’ติฯ
187.Mahāokāseti mahante okāse. Mahantāni dhammassa patiṭṭhāpanaṭṭhānāni. Yesu patiṭṭhāpito dhammo nicchīyati asandehato, kāni pana tāni? Āgamanavisiṭṭhāni suttotaraṇādīni. Dutiyavikappe apadisantīti apadesā, ‘‘sammukhā metaṃ āvuso bhagavato suta’’ntiādinā kenaci ābhatassa ‘‘dhammo’’ti vinicchinane kāraṇaṃ. Kiṃ pana tanti? Tassa yathābhatassa suttotaraṇādi eva. Yadi evaṃ kathaṃ cattāroti? Yasmā dhammassa dve samparāyā satthā, sāvakā ca, tesu ca sāvakā saṅghagaṇapuggalavasena tividhā , evaṃ ‘‘tumhākaṃ mayā yaṃ dhammo paṭiggahito’’ti apadisitabbānaṃ bhedena cattāro. Tenāha ‘‘sammukhā me taṃ āvuso bhagavato suta’’ntiādi. Tathā ca vuttaṃ nettiyaṃ ‘‘cattāro mahāpadesā buddhāpadeso saṅghāpadeso sambahulattherāpadeso ekattherāpadeso. Ime cattāro mahāpadesā’’ti (netti. 18) buddho apadeso etassāti buddhāpadeso. Esa nayo sesesupi. Tenāha ‘‘buddhādayo…pe… mahākāraṇānī’’ti.
๑๘๘. เนว อภินนฺทิตพฺพนฺติ น สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํฯ คนฺถสฺส สมฺปฎิจฺฉนํ นาม สวนนฺติ อาห ‘‘น โสตพฺพ’’นฺติฯ ปทพฺยญฺชนานีติ ปทานิ จ พฺยญฺชนานิ จ, อตฺถปทานิ, พฺยญฺชนปทานิ จาติ อโตฺถฯ ปชฺชติ อโตฺถ เอเตหีติ ปทานิ, อกฺขราทีนิ พฺยญฺชนปทานิฯ ปชฺชิตพฺพโต ปทานิ, สงฺกาสนาทีนิ อตฺถปทานิฯ อฎฺฐกถายํปน ‘‘‘ปทสงฺขาตานิ พฺยญฺชนานี’ติ พฺยญฺชนปทาเนว วุตฺตานี’’ติ เกจิ, ตํ น, อตฺถํ พฺยเญฺชนฺตีติ พฺยญฺชนานิ, พฺยญฺชนปทานิ, เตหิ พฺยญฺชิตพฺพโต พฺยญฺชนานิ, อตฺถปทานีติ อุภยสงฺคหโตฯ อิมสฺมิํ ฐาเนติ เตนาภตสุตฺตสฺส อิมสฺมิํ ปเทเสฯ ปาฬิ วุตฺตาติ เกวโล ปาฬิธโมฺม ปวโตฺตฯ อโตฺถ วุโตฺตติ ปาฬิยา อโตฺถ ปวโตฺต นิทฺทิโฎฺฐฯ อนุสนฺธิ กถิโตติ ยถารทฺธเทสนาย, อุปริ เทสนาย จ อนุสนฺธานํ กถิตํ สมฺพโนฺธ กถิโต ฯ ปุพฺพาปรํ กถิตนฺติ ปุเพฺพนาปรํ อวิรุชฺฌนเญฺจว วิเสสาธานญฺจ กถิตํ ปกาสิตํฯ เอวํ ปาฬิธมฺมาทีนิ สมฺมเทว สลฺลเกฺขตฺวา คหณํ สาธุกํ อุคฺคหณนฺติ อาห ‘‘สุฎฺฐุ คเหตฺวา’’ติฯ สุเตฺต โอตาเรตพฺพานีติ ญาเณน สุเตฺต โอคาเหตฺวา ตาเรตพฺพานิ, ตํ ปน โอคาเหตฺวา ตรณํ ตตฺถ โอตรณํ อนุปฺปเวสนํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สุเตฺต โอตาเรตพฺพานี’’ติฯ สํสเนฺทตฺวา ทสฺสนํ สนฺทสฺสนนฺติ อาห ‘‘วินเย สํสเนฺทตพฺพานี’’ติฯ
188.Nevaabhinanditabbanti na sampaṭicchitabbaṃ. Ganthassa sampaṭicchanaṃ nāma savananti āha ‘‘na sotabba’’nti. Padabyañjanānīti padāni ca byañjanāni ca, atthapadāni, byañjanapadāni cāti attho. Pajjati attho etehīti padāni, akkharādīni byañjanapadāni. Pajjitabbato padāni, saṅkāsanādīni atthapadāni. Aṭṭhakathāyaṃpana ‘‘‘padasaṅkhātāni byañjanānī’ti byañjanapadāneva vuttānī’’ti keci, taṃ na, atthaṃ byañjentīti byañjanāni, byañjanapadāni, tehi byañjitabbato byañjanāni, atthapadānīti ubhayasaṅgahato. Imasmiṃ ṭhāneti tenābhatasuttassa imasmiṃ padese. Pāḷi vuttāti kevalo pāḷidhammo pavatto. Attho vuttoti pāḷiyā attho pavatto niddiṭṭho. Anusandhi kathitoti yathāraddhadesanāya, upari desanāya ca anusandhānaṃ kathitaṃ sambandho kathito . Pubbāparaṃ kathitanti pubbenāparaṃ avirujjhanañceva visesādhānañca kathitaṃ pakāsitaṃ. Evaṃ pāḷidhammādīni sammadeva sallakkhetvā gahaṇaṃ sādhukaṃ uggahaṇanti āha ‘‘suṭṭhu gahetvā’’ti. Sutte otāretabbānīti ñāṇena sutte ogāhetvā tāretabbāni, taṃ pana ogāhetvā taraṇaṃ tattha otaraṇaṃ anuppavesanaṃ hotīti vuttaṃ ‘‘sutte otāretabbānī’’ti. Saṃsandetvā dassanaṃ sandassananti āha ‘‘vinaye saṃsandetabbānī’’ti.
กิํ ปน ตํ สุตฺตํ, โก วา วินโยติ วิจารณาย อาจริยานํ มติเภทมุเขน ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วินโยติ วิภงฺคปาฐมาหฯ โส หิ มาติกาสญฺญิตสฺส สุตฺตสฺส อตฺถสูจนโต ‘‘สุตฺต’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติฯ วิวิธนยตฺตา, วิสิฎฺฐนยตฺตา จ วินโย, ขนฺธกปาโฐฯ เอวนฺติ เอวํ สุตฺตวินเยสุ ปริคฺคยฺหมาเนสุ วินยปิฎกมฺปิ น ปริยาทียติ ปริวารปาฬิยา อสงฺคหิตตฺตาฯ สุตฺตนฺตาภิธมฺมปิฎกานิ วา สุตฺตํ อตฺถสูจนาทิอตฺถสมฺภวโตฯ เอวมฺปีติ ‘‘สุตฺตนฺตาภิธมฺมปิฎกานิ สุตฺตํ, วินยปิฎกํ วินโย’’ติ เอวํ สุตฺตวินยวิภาเค วุจฺจมาเนปิฯ น ตาว ปริยาทียนฺตีติ น ตาว อนวเสสโต ปริคฺคยฺหนฺติ, กสฺมาติ อาห ‘‘อสุตฺตนามกญฺหี’’ติอาทิฯ ยสฺมา ‘‘สุตฺต’’นฺติ อิมํ นามํ อนาโรเปตฺวา สงฺคีตมฺปิ ชาตกาทิพุทฺธวจนํ อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตนเยน ตีณิ ปิฎกานิ น ปริยาทิณฺณานีติฯ สุตฺตนิปาตอุทานอิติวุตฺตกาทีนิ ทีฆนิกายาทโย วิย สุตฺตนามํ อาโรเปตฺวา อสงฺคีตานีติ อธิปฺปาเย ปเนตฺถ ชาตกาทีหิ สทฺธิํ ตานิปิ คหิตานิฯ พุทฺธวํสจริยาปิฎกานํ ปเนตฺถ อคฺคหเณ การณํ มคฺคิตพฺพํ, กิํ วา เตน มคฺคเนน? สโพฺพปายํ วณฺณนานโย เถรวาทํ ทสฺสนมุเขน ปฎิกฺขิโตฺต เอวาติฯ
Kiṃ pana taṃ suttaṃ, ko vā vinayoti vicāraṇāya ācariyānaṃ matibhedamukhena tamatthaṃ dassetuṃ ‘‘ettha cā’’tiādi vuttaṃ. Vinayoti vibhaṅgapāṭhamāha. So hi mātikāsaññitassa suttassa atthasūcanato ‘‘sutta’’nti vattabbataṃ arahati. Vividhanayattā, visiṭṭhanayattā ca vinayo, khandhakapāṭho. Evanti evaṃ suttavinayesu pariggayhamānesu vinayapiṭakampi na pariyādīyati parivārapāḷiyā asaṅgahitattā. Suttantābhidhammapiṭakāni vā suttaṃ atthasūcanādiatthasambhavato. Evampīti ‘‘suttantābhidhammapiṭakāni suttaṃ, vinayapiṭakaṃ vinayo’’ti evaṃ suttavinayavibhāge vuccamānepi. Na tāva pariyādīyantīti na tāva anavasesato pariggayhanti, kasmāti āha ‘‘asuttanāmakañhī’’tiādi. Yasmā ‘‘sutta’’nti imaṃ nāmaṃ anāropetvā saṅgītampi jātakādibuddhavacanaṃ atthi, tasmā vuttanayena tīṇi piṭakāni na pariyādiṇṇānīti. Suttanipātaudānaitivuttakādīni dīghanikāyādayo viya suttanāmaṃ āropetvā asaṅgītānīti adhippāye panettha jātakādīhi saddhiṃ tānipi gahitāni. Buddhavaṃsacariyāpiṭakānaṃ panettha aggahaṇe kāraṇaṃ maggitabbaṃ, kiṃ vā tena magganena? Sabbopāyaṃ vaṇṇanānayo theravādaṃ dassanamukhena paṭikkhitto evāti.
อตฺถีติ กิํ อตฺถิ, อสุตฺตนามกํ พุทฺธวจนํ นตฺถิ เอวาติ ทเสฺสติฯ ตถา หิ นิทานวณฺณนายํ (ที. นิ. ฎี. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา; สารตฺถ. ฎี. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อเมฺหหิ วุตฺตํ ‘‘สุตฺตนฺติ สามญฺญวิธิ, วิเสสวิธโย ปเร’’ติฯ ตํ สพฺพํ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘สุตฺตนฺติ วินโย’’ติอาทินา วุตฺตํ สํวณฺณนานยํ ‘‘นายมโตฺถ อิธาธิเปฺปโต’’ติ ปฎิโสเธตฺวาฯ วิเนติ เอเตน กิเลเสติ วินโย, กิเลสวินยนูปาโย, โส เอว จ นํ กโรตีติ การณนฺติ อาห ‘‘วินโย ปน การณ’’นฺติฯ
Atthīti kiṃ atthi, asuttanāmakaṃ buddhavacanaṃ natthi evāti dasseti. Tathā hi nidānavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. ṭī. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathāvaṇṇanā; sārattha. ṭī. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathāvaṇṇanā) amhehi vuttaṃ ‘‘suttanti sāmaññavidhi, visesavidhayo pare’’ti. Taṃ sabbaṃ paṭikkhipitvā ‘‘suttanti vinayo’’tiādinā vuttaṃ saṃvaṇṇanānayaṃ ‘‘nāyamattho idhādhippeto’’ti paṭisodhetvā. Vineti etena kileseti vinayo, kilesavinayanūpāyo, so eva ca naṃ karotīti kāraṇanti āha ‘‘vinayo pana kāraṇa’’nti.
ธเมฺมติ ปริยตฺติธเมฺมฯ สราคายาติ สราคภาวาย กามราคภวราคปริพฺรูหนายฯ สโญฺญคายาติ ภวสํโยชนายฯ อาจยายาติ วฎฺฎสฺส วฑฺฒนตฺถายฯ มหิจฺฉตายาติ มหิจฺฉภาวายฯ อสนฺตุฎฺฐิยาติ อสนฺตุฎฺฐิภาวายฯ สงฺคณิกายาติ กิเลสสงฺคณคณสงฺคณวิหารายฯ โกสชฺชายาติ กุสีตภาวายฯ ทุพฺภรตายาติ ทุโปฺปสตายฯ วิราคายาติ สกลวฎฺฎโต วิรชฺชนตฺถายฯ วิสโญฺญคายาติ กามภวาทีหิ วิสํยุชฺชนตฺถายฯ อปจยายาติ สพฺพสฺสาปิ วฎฺฎสฺส อปจยนาย, นิพฺพานายาติ อโตฺถฯ อปฺปิจฺฉตายาติ ปจฺจยปฺปิจฺฉตาทิวเสน สพฺพโส อิจฺฉาปคมายฯ สนฺตุฎฺฐิยาติ ทฺวาทสวิธสนฺตุฎฺฐิภาวายฯ ปวิเวกายาติ ปวิวิตฺตภาวาย, กายวิเวกาทิตทงฺควิเวกาทิวิเวกสิทฺธิยาฯ วีริยารมฺภายาติ กายิกสฺส เจว, เจตสิกสฺส จ วีริยสฺส ปคฺคหณตฺถายฯ สุภรตายาติ สุขโปสนตฺถายฯ เอวํ โย ปริยตฺติธโมฺม อุคฺคหณธารณปริปุจฺฉามนสิการวเสน โยนิโส ปฎิปชฺชนฺตสฺส สราคาทิภาวปริวชฺชนสฺส การณํ หุตฺวา วิราคาทิภาวาย สํวตฺตติ, เอกํสโต เอโส ธโมฺมฯ เอโส วินโย, สมฺมเทว อปายาทีสุ อปตนวเสน ธารณโต, กิเลสานํ วินยนโต, สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอวาทานุสิฎฺฐิภาวโต เอตํ สตฺถุสาสนนฺติ ธาเรยฺยาสิ ชาเนยฺยาสิ, อวพุเชฺฌยฺยาสีติ อโตฺถฯ จตุสจฺจสฺส สูจนํ สุตฺตนฺติ อาห ‘‘สุเตฺตติ เตปิฎเก พุทฺธวจเน’’ติฯ เตปิฎกญฺหิ พุทฺธวจนํ สจฺจวินิมุตฺตํ นตฺถิฯ ราคาทิวินยนการณํ ตถาคเตน สุตฺตปเทน ปกาสิตนฺติ อาห ‘‘วินเยติ เอตสฺมิํ ราคาทิวินยการเณ’’ติฯ
Dhammeti pariyattidhamme. Sarāgāyāti sarāgabhāvāya kāmarāgabhavarāgaparibrūhanāya. Saññogāyāti bhavasaṃyojanāya. Ācayāyāti vaṭṭassa vaḍḍhanatthāya. Mahicchatāyāti mahicchabhāvāya. Asantuṭṭhiyāti asantuṭṭhibhāvāya. Saṅgaṇikāyāti kilesasaṅgaṇagaṇasaṅgaṇavihārāya. Kosajjāyāti kusītabhāvāya. Dubbharatāyāti dupposatāya. Virāgāyāti sakalavaṭṭato virajjanatthāya. Visaññogāyāti kāmabhavādīhi visaṃyujjanatthāya. Apacayāyāti sabbassāpi vaṭṭassa apacayanāya, nibbānāyāti attho. Appicchatāyāti paccayappicchatādivasena sabbaso icchāpagamāya. Santuṭṭhiyāti dvādasavidhasantuṭṭhibhāvāya. Pavivekāyāti pavivittabhāvāya, kāyavivekāditadaṅgavivekādivivekasiddhiyā. Vīriyārambhāyāti kāyikassa ceva, cetasikassa ca vīriyassa paggahaṇatthāya. Subharatāyāti sukhaposanatthāya. Evaṃ yo pariyattidhammo uggahaṇadhāraṇaparipucchāmanasikāravasena yoniso paṭipajjantassa sarāgādibhāvaparivajjanassa kāraṇaṃ hutvā virāgādibhāvāya saṃvattati, ekaṃsato eso dhammo. Eso vinayo, sammadeva apāyādīsu apatanavasena dhāraṇato, kilesānaṃ vinayanato, satthu sammāsambuddhassa ovādānusiṭṭhibhāvato etaṃ satthusāsananti dhāreyyāsi jāneyyāsi, avabujjheyyāsīti attho. Catusaccassa sūcanaṃ suttanti āha ‘‘sutteti tepiṭake buddhavacane’’ti. Tepiṭakañhi buddhavacanaṃ saccavinimuttaṃ natthi. Rāgādivinayanakāraṇaṃ tathāgatena suttapadena pakāsitanti āha ‘‘vinayeti etasmiṃ rāgādivinayakāraṇe’’ti.
สุเตฺต โอสรณเญฺจตฺถ เตปิฎเก พุทฺธวจเน ปริยาปนฺนตาวเสเนว เวทิตพฺพํ, น อญฺญถาติ อาห ‘‘สุตฺตปฎิปาฎิยา กตฺถจิ อนาคนฺตฺวา’’ติฯ ฉลฺลิํ อุฎฺฐเปตฺวาติ อโรคสฺส มหโต รุกฺขสฺส ติฎฺฐโต อุปกฺกเมน ฉลฺลิยา สกลิกาย, ปปฎิกาย วา อุฎฺฐปนํ วิย อโรคสฺส สาสนธมฺมสฺส ติฎฺฐโต พฺยญฺชนมเตฺตน ตปฺปริยาปนฺนํ วิย หุตฺวา ฉลฺลิสทิสํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธตาทิโทสํ อุฎฺฐเปตฺวา ปริทีเปตฺวา, ตาทิสานิ ปน เอกํสโต คุฬฺหเวสฺสนฺตราทิปริยาปนฺนานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘คุฬฺหเวสฺสนฺตร…เป.…ปญฺญายนฺตีติ อโตฺถ’’ติ ฯ ราคาทิวินเยติ ราคาทีนํ วินยนเตฺถฯ ตทาการตาย น ปญฺญายมานานิ น ทิสฺสมานานิ ฉเฑฺฑตพฺพานิ วชฺชิตพฺพานิ น คเหตพฺพานิฯ สพฺพตฺถาติ สพฺพวาเรสุฯ
Sutte osaraṇañcettha tepiṭake buddhavacane pariyāpannatāvaseneva veditabbaṃ, na aññathāti āha ‘‘suttapaṭipāṭiyā katthaci anāgantvā’’ti. Challiṃ uṭṭhapetvāti arogassa mahato rukkhassa tiṭṭhato upakkamena challiyā sakalikāya, papaṭikāya vā uṭṭhapanaṃ viya arogassa sāsanadhammassa tiṭṭhato byañjanamattena tappariyāpannaṃ viya hutvā challisadisaṃ pubbāparaviruddhatādidosaṃ uṭṭhapetvā paridīpetvā, tādisāni pana ekaṃsato guḷhavessantarādipariyāpannāni hontīti āha ‘‘guḷhavessantara…pe…paññāyantīti attho’’ti . Rāgādivinayeti rāgādīnaṃ vinayanatthe. Tadākāratāya na paññāyamānāni na dissamānāni chaḍḍetabbāni vajjitabbāni na gahetabbāni. Sabbatthāti sabbavāresu.
อิมสฺมิํ ปน ฐาเนติ อิมสฺมิํ มหาปเทสนิเทฺทสฎฺฐาเนฯ ‘‘สุเตฺต จตฺตาโร มหาปเทสา’’ติอาทินา วุตฺตมฺปิ อวุเตฺตน สทฺธิํ คเหตฺวา ปกิณฺณกกถาย มาติกํ อุทฺทิสติฯ ญาตุํ อิจฺฉิโต อโตฺถ ปโญฺห, ตสฺส วิสฺสชฺชนานิ ปญฺหาพฺยากรณานิ, อตฺถสูจนาทิอเตฺถน สุตฺตํ, ปาฬิ, ตํ สุตฺตํ อนุโลเมติ อนุกูเลตีติ สุตฺตานุโลมํ, มหาปเทโสฯ อาจริยา วทนฺติ สํวเณฺณนฺติ ปาฬิํ เอเตนาติ อาจริยวาโท อฎฺฐกถาฯ ตสฺส ตสฺส เถรสฺส อตฺตโน เอว มติ อธิปฺปาโยติ อตฺตโนมติฯ ธมฺมวินิจฺฉเย ปเตฺตติ ธเมฺม วินิจฺฉินิตเพฺพ อุปฎฺฐิเตฯ อิเมติ อนนฺตรํ วุตฺตา จตฺตาโร มหาปเทสาฯ ปมียติ ธโมฺม ปริจฺฉิชฺชติ วินิจฺฉียติ เอเตนาติ ปมาณํฯ เตนาห ‘‘ยํ เอตฺถ สเมตี’’ติอาทิฯ อิตรนฺติ มหาปเทเสสุ อสเมนฺตํฯ ปุน อิตรนฺติ อกปฺปิยํ อนุโลเมนฺตํ กปฺปิยํ ปฎิพาหนฺตํ สนฺธายาหฯ
Imasmiṃpana ṭhāneti imasmiṃ mahāpadesaniddesaṭṭhāne. ‘‘Sutte cattāro mahāpadesā’’tiādinā vuttampi avuttena saddhiṃ gahetvā pakiṇṇakakathāya mātikaṃ uddisati. Ñātuṃ icchito attho pañho, tassa vissajjanāni pañhābyākaraṇāni, atthasūcanādiatthena suttaṃ, pāḷi, taṃ suttaṃ anulometi anukūletīti suttānulomaṃ, mahāpadeso. Ācariyā vadanti saṃvaṇṇenti pāḷiṃ etenāti ācariyavādo aṭṭhakathā. Tassa tassa therassa attano eva mati adhippāyoti attanomati. Dhammavinicchaye patteti dhamme vinicchinitabbe upaṭṭhite. Imeti anantaraṃ vuttā cattāro mahāpadesā. Pamīyati dhammo paricchijjati vinicchīyati etenāti pamāṇaṃ. Tenāha ‘‘yaṃ ettha sametī’’tiādi. Itaranti mahāpadesesu asamentaṃ. Puna itaranti akappiyaṃ anulomentaṃ kappiyaṃ paṭibāhantaṃ sandhāyāha.
เอกํเสเนว พฺยากาตโพฺพ วิสฺสเชฺชตโพฺพติ เอกํสพฺยากรณีโยฯ วิภชฺชาติ ปุจฺฉิตมตฺถํ อวธารณาทิเภเทน วิภชิตฺวาฯ ปฎิปุจฺฉาติ ปุจฺฉนฺตํ ปุคฺคลํ ปฎิปุจฺฉิตฺวาฯ ฐปนีโยติ ติธาปิ อวิสฺสชฺชนียตฺตา ฐปนีโย พฺยากรณํ อกตฺวา ฐเปตโพฺพฯ ‘‘จกฺขุํ อนิจฺจ’’นฺติ ปเญฺห อุตฺตรปทาวธารณํ สนฺธาย ‘‘เอกํเสเนว พฺยากาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ นิจฺจตาย เลสสฺสาปิ ตตฺถ อภาวโตฯ ปุริมปทาวธารเณ ปน วิภชฺชพฺยากรณียตา จกฺขุโสเตสุ วิเสสตฺถสามญฺญตฺถานํ อสาธารณภาวโตฯ ทฺวินฺนํ เตสํ สทิสตาโจทนา ปฎิปุจฺฉนมุเขเนว พฺยากรณียา ปฎิเกฺขปวเสน, อนุญฺญาตวเสน จ วิสฺสชฺชิตพฺพโตติ อาห ‘‘ยถา จกฺขุ, ตถา โสตํ…เป.… อยํ ปฎิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปโญฺห’’ติฯ ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ ชีวสรีรานํ อนญฺญตาปโญฺหฯ ยสฺส เยน อนญฺญตาโจทิตา, โส เอว ปรมตฺถโต นุปลพฺภตีติ วญฺฌาตนยสฺส มเตฺตยฺยตากิตฺตนสทิโสติ อพฺยากาตพฺพตาย ฐปนีโย วุโตฺตติฯ อิมานิ จตฺตาริ ปญฺหพฺยากรณานิ ปมาณํ เตเนว นเยน เตสํ ปญฺหานํ พฺยากาตพฺพโตฯ
Ekaṃseneva byākātabbo vissajjetabboti ekaṃsabyākaraṇīyo. Vibhajjāti pucchitamatthaṃ avadhāraṇādibhedena vibhajitvā. Paṭipucchāti pucchantaṃ puggalaṃ paṭipucchitvā. Ṭhapanīyoti tidhāpi avissajjanīyattā ṭhapanīyo byākaraṇaṃ akatvā ṭhapetabbo. ‘‘Cakkhuṃ anicca’’nti pañhe uttarapadāvadhāraṇaṃ sandhāya ‘‘ekaṃseneva byākātabba’’nti vuttaṃ niccatāya lesassāpi tattha abhāvato. Purimapadāvadhāraṇe pana vibhajjabyākaraṇīyatā cakkhusotesu visesatthasāmaññatthānaṃ asādhāraṇabhāvato. Dvinnaṃ tesaṃ sadisatācodanā paṭipucchanamukheneva byākaraṇīyā paṭikkhepavasena, anuññātavasena ca vissajjitabbatoti āha ‘‘yathā cakkhu, tathā sotaṃ…pe… ayaṃ paṭipucchābyākaraṇīyo pañho’’ti. Taṃ jīvaṃ taṃ sarīranti jīvasarīrānaṃ anaññatāpañho. Yassa yena anaññatācoditā, so eva paramatthato nupalabbhatīti vañjhātanayassa matteyyatākittanasadisoti abyākātabbatāya ṭhapanīyo vuttoti. Imāni cattāri pañhabyākaraṇāni pamāṇaṃ teneva nayena tesaṃ pañhānaṃ byākātabbato.
วินยมหาปเทโส กปฺปิยานุโลมวิธานโต นิปฺปริยายโต อนุโลมกปฺปิยํ นาม, มหาปเทสภาเวน ปน ตํสทิสตาย สุตฺตนฺตมหาปเทเสสุปิ ‘‘อนุโลมกปฺปิย’’นฺติ อยํ อฎฺฐกถาโวหาโรฯ ยทิปิ ตตฺถ ตตฺถ ภควตา ปวตฺติตปกิณฺณกเทสนาว อฎฺฐกถา, สา ปน ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปฐมํ ตีณิ ปิฎกานิ สงฺคายิตฺวา ตสฺส อตฺถวณฺณนานุรูเปเนว วาจนามคฺคํ อาโรปิตตฺตา ‘‘อาจริยวาโท’’ติ วุจฺจติ อาจริยา วทนฺติ สํวเณฺณนฺติ ปาฬิํ เอเตนาติฯ เตนาห ‘‘อาจริยวาโท นาม อฎฺฐกถา’’ติฯ ติโสฺส สงฺคีติโย อารุโฬฺห เอว จ พุทฺธวจนสฺส อตฺถสํวณฺณนาภูโต กถามโคฺค มหินฺทเตฺถเรน ตมฺพปณฺณิทีปํ อาภโต ปจฺฉา ตมฺพปณฺณิเยหิ มหาเถเรหิ สีหฬภาสาย ฐปิโต นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรปริหรณตฺถํฯ อตฺตโนมติ นาม เถรวาโทฯ นยคฺคาเหนาติ สุตฺตาทิโต ลพฺภมานนยคฺคหเณนฯ อนุพุทฺธิยาติ สุตฺตาทีนิเยว อนุคตพุทฺธิยาฯ อตฺตโน ปฎิภานนฺติ อตฺตโน เอว ตสฺส อตฺถสฺส วุตฺตนเยน อุปฎฺฐานํ, ยถาอุปฎฺฐิตา อตฺถา เอว ตถา วุตฺตาฯ สเมนฺตเมว คเหตพฺพนฺติ ยถา สุเตฺตน สํสนฺทติ, เอวํ มหาปเทสโต อตฺถา อุทฺธริตพฺพาติ ทเสฺสติฯ ปมาทปาฐวเสน อาจริยวาทสฺส กทาจิ ปาฬิยา อสํสนฺทนาปิ สิยา, โส น คเหตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อาจริยวาโทปิ สุเตฺตน สเมโนฺตเยว คเหตโพฺพ’’ติฯ สพฺพทุพฺพลา ปุคฺคลสฺส สยํ ปฎิภานภาวโตฯ ตถา จ สาปิ คเหตพฺพา, กีทิสี? สุเตฺตน สเมนฺตา เยวาติ โยชนาฯ ตาสูติ ตีสุ สงฺคีตีสุฯ ‘‘อาคตเมว ปมาณ’’นฺติ อิมินา มหากสฺสปาทีหิ สงฺคีตเมว ‘‘สุตฺต’’นฺติ อิธาธิเปฺปตนฺติ ตทญฺญสฺส สุตฺตภาวเมว ปฎิกฺขิปติฯ ตทตฺถา เอว หิ ติโสฺส สงฺคีติโยฯ ตตฺถาติ คารยฺหสุเตฺตฯ น เจว สุเตฺต โอสรนฺติ, น จ วินเย สนฺทิสฺสนฺตีติ เวทิตพฺพานิ ตสฺส อสุตฺตภาวโต เตน ‘‘อนุโลมกปฺปิยํ สุเตฺตน สเมนฺตเมว คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ เอวตฺถํ นิคมนวเสน นิทเสฺสติฯ สพฺพตฺถ ‘‘น อิตร’’นฺติ วจนํ ตตฺถ ตตฺถ คหิตาวธารณผลทสฺสนํ ทฎฺฐพฺพํฯ
Vinayamahāpadeso kappiyānulomavidhānato nippariyāyato anulomakappiyaṃ nāma, mahāpadesabhāvena pana taṃsadisatāya suttantamahāpadesesupi ‘‘anulomakappiya’’nti ayaṃ aṭṭhakathāvohāro. Yadipi tattha tattha bhagavatā pavattitapakiṇṇakadesanāva aṭṭhakathā, sā pana dhammasaṅgāhakehi paṭhamaṃ tīṇi piṭakāni saṅgāyitvā tassa atthavaṇṇanānurūpeneva vācanāmaggaṃ āropitattā ‘‘ācariyavādo’’ti vuccati ācariyā vadanti saṃvaṇṇenti pāḷiṃ etenāti. Tenāha ‘‘ācariyavādo nāma aṭṭhakathā’’ti. Tisso saṅgītiyo āruḷho eva ca buddhavacanassa atthasaṃvaṇṇanābhūto kathāmaggo mahindattherena tambapaṇṇidīpaṃ ābhato pacchā tambapaṇṇiyehi mahātherehi sīhaḷabhāsāya ṭhapito nikāyantaraladdhisaṅkarapariharaṇatthaṃ. Attanomati nāma theravādo. Nayaggāhenāti suttādito labbhamānanayaggahaṇena. Anubuddhiyāti suttādīniyeva anugatabuddhiyā. Attano paṭibhānanti attano eva tassa atthassa vuttanayena upaṭṭhānaṃ, yathāupaṭṭhitā atthā eva tathā vuttā. Samentameva gahetabbanti yathā suttena saṃsandati, evaṃ mahāpadesato atthā uddharitabbāti dasseti. Pamādapāṭhavasena ācariyavādassa kadāci pāḷiyā asaṃsandanāpi siyā, so na gahetabboti dassento āha ‘‘ācariyavādopi suttena samentoyevagahetabbo’’ti. Sabbadubbalā puggalassa sayaṃ paṭibhānabhāvato. Tathā ca sāpi gahetabbā, kīdisī? Suttena samentā yevāti yojanā. Tāsūti tīsu saṅgītīsu. ‘‘Āgatameva pamāṇa’’nti iminā mahākassapādīhi saṅgītameva ‘‘sutta’’nti idhādhippetanti tadaññassa suttabhāvameva paṭikkhipati. Tadatthā eva hi tisso saṅgītiyo. Tatthāti gārayhasutte. Na ceva sutte osaranti, na ca vinaye sandissantīti veditabbāni tassa asuttabhāvato tena ‘‘anulomakappiyaṃ suttena samentameva gahetabba’’nti vuttaṃ evatthaṃ nigamanavasena nidasseti. Sabbattha ‘‘na itara’’nti vacanaṃ tattha tattha gahitāvadhāraṇaphaladassanaṃ daṭṭhabbaṃ.
กมฺมารปุตฺตจุนฺทวตฺถุวณฺณนา
Kammāraputtacundavatthuvaṇṇanā
๑๘๙. สูกรมทฺทวนฺติ วนวราหสฺส มุทุมํสํฯ ยสฺมา จุโนฺท อริยสาวโก โสตาปโนฺน, อเญฺญ จ ภควโต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อาหารํ ปฎิยาเทนฺตา อนวชฺชเมว ปฎิยาเทนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปวตฺตมํส’’นฺติฯ ตํ กิราติ ‘‘นาติตรุณสฺสา’’ติอาทินา วุตฺตวิเสสํฯ ตถา หิ ตํ ‘‘มุทุ เจว สินิทฺธญฺจา’’ติ วุตฺตํฯ มุทุมํสภาวโต หิ อภิสงฺขรณวิเสเสน จ ‘‘มทฺทว’’นฺติ วุตฺตํฯ โอชํ ปกฺขิปิํสุ ‘‘อยํ ภควโต ปจฺฉิมโก อาหาโร’’ติ ปุญฺญวิเสสาเปกฺขาย, ตํ ปน ตถาปกฺขิตฺตทิโพฺพชตาย ครุตรํ ชาตํฯ
189.Sūkaramaddavanti vanavarāhassa mudumaṃsaṃ. Yasmā cundo ariyasāvako sotāpanno, aññe ca bhagavato, bhikkhusaṅghassa ca āhāraṃ paṭiyādentā anavajjameva paṭiyādenti, tasmā vuttaṃ ‘‘pavattamaṃsa’’nti. Taṃ kirāti ‘‘nātitaruṇassā’’tiādinā vuttavisesaṃ. Tathā hi taṃ ‘‘mudu ceva siniddhañcā’’ti vuttaṃ. Mudumaṃsabhāvato hi abhisaṅkharaṇavisesena ca ‘‘maddava’’nti vuttaṃ. Ojaṃ pakkhipiṃsu ‘‘ayaṃ bhagavato pacchimako āhāro’’ti puññavisesāpekkhāya, taṃ pana tathāpakkhittadibbojatāya garutaraṃ jātaṃ.
อเญฺญ ยํ ทุชฺชีรํ, ตํ อชานนฺตา ‘‘กสฺสจิ อทตฺวา วินาสิต’’นฺติ อุปวเทยฺยุนฺติ ปรูปวาทโมจนตฺถํ ภควา ‘‘นาหํ ต’’นฺติอาทินา สีหนาทํ นทติฯ
Aññe yaṃ dujjīraṃ, taṃ ajānantā ‘‘kassaci adatvā vināsita’’nti upavadeyyunti parūpavādamocanatthaṃ bhagavā ‘‘nāhaṃ ta’’ntiādinā sīhanādaṃ nadati.
๑๙๐. กถํ ปนายํ สีหนาโท นนุ ตํ ภควโตปิ สมฺมาปริณามํ น คตนฺติ? นยิทํ เอวํ ทฎฺฐพฺพํ, ยสฺมา ‘‘สมฺมเทว ตํ ภควโต ปริณามํ คต’’นฺติ วตฺตุํ อรหติ ตปฺปจฺจยา อุปฺปนฺนสฺส วิการสฺส อภาวโต, อญฺญปจฺจยสฺส จ วิการสฺส มุทุภาวํ อาปาทิตตฺตาฯ เตนาห ‘‘น ปน ภุตฺตปฺปจฺจยา’’ติอาทิฯ น หิ ภควา, อเญฺญ วา ปน ขีณาสวา นวเวทนุปฺปาทนวเสน อาหารํ ปริภุญฺชนฺติ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตเมว กตฺวา อาหารสฺส อุปภุญฺชนโตฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘ภตฺตํ ภุตฺตาวิสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชี’’ติอาทิ วุตฺตํ? ตํ โภชนุตฺตรกาลํ อุปฺปนฺนตฺตา วุตฺตํฯ ‘‘น ปน ภุตฺตปจฺจยา’’ติ วุโตฺต วายมโตฺถ อฎฺฐกถายํฯ กตุปจิตสฺส ลโทฺธกาสสฺส กมฺมสฺส วเสน พลวติปิ โรเค อุปฺปเนฺน ครุสินิทฺธโภชนปฺปจฺจยา เวทนานิคฺคโห ชาโต, เตนาห ‘‘ยทิ หี’’ติอาทิฯ ปตฺถิตฎฺฐาเนติ อิจฺฉิตฎฺฐาเน, อิจฺฉา จสฺส ตตฺถ คนฺตฺวา วิเนตพฺพเวเนยฺยาเปกฺขา ทฎฺฐพฺพาฯ คาถายมฺปิ ‘‘สุต’’นฺติ อิมินา สุตมตฺตํ, ปเรสํ วจนมตฺตเมตํ, น ปน โภชนปฺปจฺจยา อาพาธํ ผุสิ ธีโรติ ทเสฺสติฯ
190. Kathaṃ panāyaṃ sīhanādo nanu taṃ bhagavatopi sammāpariṇāmaṃ na gatanti? Nayidaṃ evaṃ daṭṭhabbaṃ, yasmā ‘‘sammadeva taṃ bhagavato pariṇāmaṃ gata’’nti vattuṃ arahati tappaccayā uppannassa vikārassa abhāvato, aññapaccayassa ca vikārassa mudubhāvaṃ āpāditattā. Tenāha ‘‘na pana bhuttappaccayā’’tiādi. Na hi bhagavā, aññe vā pana khīṇāsavā navavedanuppādanavasena āhāraṃ paribhuñjanti aṭṭhaṅgasamannāgatameva katvā āhārassa upabhuñjanato. Yadi evaṃ kasmā pāḷiyaṃ ‘‘bhattaṃ bhuttāvissa kharo ābādho uppajjī’’tiādi vuttaṃ? Taṃ bhojanuttarakālaṃ uppannattā vuttaṃ. ‘‘Na pana bhuttapaccayā’’ti vutto vāyamattho aṭṭhakathāyaṃ. Katupacitassa laddhokāsassa kammassa vasena balavatipi roge uppanne garusiniddhabhojanappaccayā vedanāniggaho jāto, tenāha ‘‘yadi hī’’tiādi. Patthitaṭṭhāneti icchitaṭṭhāne, icchā cassa tattha gantvā vinetabbaveneyyāpekkhā daṭṭhabbā. Gāthāyampi ‘‘suta’’nti iminā sutamattaṃ, paresaṃ vacanamattametaṃ, na pana bhojanappaccayā ābādhaṃ phusi dhīroti dasseti.
ปานียาหรณวณฺณนา
Pānīyāharaṇavaṇṇanā
๑๙๑. ปสนฺนภาเวน อุทกสฺส อจฺฉภาโว เวทิตโพฺพติ อาห ‘‘อโจฺฉทกาติ ปสโนฺนทกา’’ติฯ สาทุรสตฺตา สาตตาติ อาห ‘‘มธุโรทกา’’ติฯ ตนุกเมว สลิลํ วิเสสโต สีตลํ, น พหลนฺติ อาห ‘‘ตนุสีตลสลิลา’’ติฯ นิกฺกทฺทมาติ เสตภาวสฺส การณมาหฯ ปงฺกจิกฺขลฺลาทิวเสน หิ อุทกสฺส วิวณฺณตา, สภาวโต ปน ตํ เสตวณฺณํ เอวาติฯ
191. Pasannabhāvena udakassa acchabhāvo veditabboti āha ‘‘acchodakāti pasannodakā’’ti. Sādurasattā sātatāti āha ‘‘madhurodakā’’ti. Tanukameva salilaṃ visesato sītalaṃ, na bahalanti āha ‘‘tanusītalasalilā’’ti. Nikkaddamāti setabhāvassa kāraṇamāha. Paṅkacikkhallādivasena hi udakassa vivaṇṇatā, sabhāvato pana taṃ setavaṇṇaṃ evāti.
ปุกฺกุสมลฺลปุตฺตวตฺถุวณฺณนา
Pukkusamallaputtavatthuvaṇṇanā
๑๙๒. ธุรวาเตติ ปฎิมุขวาเตฯ ทีฆปิงฺคโลติ ทีโฆ หุตฺวา ปิงฺคลจกฺขุโกฯ ปิงฺคลกฺขิโก หิ โส ‘‘อาฬาโร’’ติ ปญฺญายิตฺถฯ เอวรูปนฺติ ทกฺขติ กริสฺสติ ภวิสฺสตีติ อีทิสํฯ อีทิเสสูติ ยตฺร ยํจาติ เอวรูปนิปาตสทฺทยุตฺตฎฺฐาเนสุฯ
192.Dhuravāteti paṭimukhavāte. Dīghapiṅgaloti dīgho hutvā piṅgalacakkhuko. Piṅgalakkhiko hi so ‘‘āḷāro’’ti paññāyittha. Evarūpanti dakkhati karissati bhavissatīti īdisaṃ. Īdisesūti yatra yaṃcāti evarūpanipātasaddayuttaṭṭhānesu.
๑๙๓. วิจรนฺติโย เมฆคพฺภโต นิจฺฉรนฺติโย วิย โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘นิจฺฉรนฺตีสูติ วิจรนฺตีสู’’ติฯ นววิธายาติ นวปฺปการายฯ นวสุ หิ ปกาเรสุ เอกวิธาปิ อสนิ ตปฺปริยาปนฺนตาย ‘‘นววิธา’’ เตฺวว วุจฺจติฯ อีทิสี หิ เอสา รุฬฺหิ อฎฺฐวิโมกฺขปตฺติปิ สมญฺญา วิยฯ อสญฺญํ กโรติ, โย ตสฺสา สเทฺทน , เตชสา จ อโชฺฌตฺถโฎฯ เอกํ จกฺกนฺติ เอกํ มณฺฑลํฯ สงฺการํ ตีเรนฺตี ปริจฺฉิชฺชนฺตี วิย ทเสฺสตีติ สเตราฯ คคฺครายมานาติ คคฺคราติสทฺทํ กโรนฺตี, อนุรวทสฺสนเญฺหตํฯ กปิสีสาติ กปิสีสาการวตีฯ มจฺฉวิโลลิกาติ อุทเก ปริปฺผนฺทมานมโจฺฉ วิย วิลุฬิตาการาฯ กุกฺกุฎสทิสาติ ปสาริตปกฺขกุกฺกุฎาการาฯ นงฺคลสฺส กสฺสนกาเล กสฺสกานํ หเตฺถน คเหตพฺพฎฺฐาเน มณิกา โหติ, ตํ อุปาทาย นงฺคลํ ‘‘ทณฺฑมณิกา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ทณฺฑมณิกาการา ทณฺฑมณิกาฯ เตนาห ‘‘นงฺคลสทิสา’’ติฯ เทเว วสฺสเนฺตปิ สโชติภูตตาย อุทเกน อเตเมตพฺพโต มหาสนิ ‘‘สุกฺขาสนี’’ติ วุตฺตาฯ เตนาห ‘‘ปติตฎฺฐานํ สมุคฺฆาเฎตี’’ติฯ
193. Vicarantiyo meghagabbhato niccharantiyo viya hontīti vuttaṃ ‘‘niccharantīsūti vicarantīsū’’ti. Navavidhāyāti navappakārāya. Navasu hi pakāresu ekavidhāpi asani tappariyāpannatāya ‘‘navavidhā’’ tveva vuccati. Īdisī hi esā ruḷhi aṭṭhavimokkhapattipi samaññā viya. Asaññaṃ karoti, yo tassā saddena , tejasā ca ajjhotthaṭo. Ekaṃ cakkanti ekaṃ maṇḍalaṃ. Saṅkāraṃ tīrentī paricchijjantī viya dassetīti saterā. Gaggarāyamānāti gaggarātisaddaṃ karontī, anuravadassanañhetaṃ. Kapisīsāti kapisīsākāravatī. Macchavilolikāti udake paripphandamānamaccho viya viluḷitākārā. Kukkuṭasadisāti pasāritapakkhakukkuṭākārā. Naṅgalassa kassanakāle kassakānaṃ hatthena gahetabbaṭṭhāne maṇikā hoti, taṃ upādāya naṅgalaṃ ‘‘daṇḍamaṇikā’’ti vuccati, tasmā daṇḍamaṇikākārā daṇḍamaṇikā. Tenāha ‘‘naṅgalasadisā’’ti. Deve vassantepi sajotibhūtatāya udakena atemetabbato mahāsani ‘‘sukkhāsanī’’ti vuttā. Tenāha ‘‘patitaṭṭhānaṃ samugghāṭetī’’ti.
ภุสาคารเกติ ภุสมเย อคารเกฯ ตตฺถ กิร มหนฺตํ ปลาลปุญฺชํ อพฺภนฺตรโต ปลาลํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา สาลาสทิสํ ปพฺพชิตานํ วสนโยคฺคฎฺฐานํ กตํ, ตทา ภควา ตตฺถ วสิ, ตํ ปน ขลมณฺฑลํ สาลาสทิสนฺติ อาห ‘‘ขลสาลาย’’นฺติฯ เอตฺถาติ เหตุมฺหิ ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘เอตสฺมิํ การเณ’’ติ, อสนิปาเตน ฉนฺนํ ชนานํ หตการเณติ อโตฺถฯ โส ตฺวํ ภเนฺตติ อยเมว วา ปาโฐฯ
Bhusāgāraketi bhusamaye agārake. Tattha kira mahantaṃ palālapuñjaṃ abbhantarato palālaṃ nikkaḍḍhitvā sālāsadisaṃ pabbajitānaṃ vasanayoggaṭṭhānaṃ kataṃ, tadā bhagavā tattha vasi, taṃ pana khalamaṇḍalaṃ sālāsadisanti āha ‘‘khalasālāya’’nti. Etthāti hetumhi bhummavacananti āha ‘‘etasmiṃ kāraṇe’’ti, asanipātena channaṃ janānaṃ hatakāraṇeti attho. So tvaṃ bhanteti ayameva vā pāṭho.
๑๙๔. สิงฺคี นาม กิร อุตฺตมํ อติวิย ปภสฺสรํ พุทฺธานํ ฉวิวโณฺณภาสํ เทวโลกโต อาคตสุวณฺณํฯ เตเนวาห ‘‘สิงฺคีสุวณฺณวณฺณ’’นฺติฯ ‘‘กิํ ปน เถโร ตํ คณฺหี’’ติ สยเมว ปุจฺฉํ สมุฎฺฐาเปตฺวา ตตฺถ การณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘กิญฺจาปี’’ติอาทิมาหฯ เตเนว การเณนาติ อุปฎฺฐากฎฺฐานสฺส มตฺถกปฺปตฺติ, ปเรสํ วจโนกาสปเจฺฉทนํ, เตน วเตฺถน สตฺถุ ปูชนํ, สตฺถุ อชฺฌาสยานุวตฺตนนฺติ อิมินา เตเนว ยถาวุเตฺตน จตุพฺพิเธน การเณนฯ
194. Siṅgī nāma kira uttamaṃ ativiya pabhassaraṃ buddhānaṃ chavivaṇṇobhāsaṃ devalokato āgatasuvaṇṇaṃ. Tenevāha ‘‘siṅgīsuvaṇṇavaṇṇa’’nti. ‘‘Kiṃ pana thero taṃ gaṇhī’’ti sayameva pucchaṃ samuṭṭhāpetvā tattha kāraṇaṃ dassento ‘‘kiñcāpī’’tiādimāha. Teneva kāraṇenāti upaṭṭhākaṭṭhānassa matthakappatti, paresaṃ vacanokāsapacchedanaṃ, tena vatthena satthu pūjanaṃ, satthu ajjhāsayānuvattananti iminā teneva yathāvuttena catubbidhena kāraṇena.
๑๙๕. เถโร จ ตาวเทว ตํ สิงฺคีวณฺณํ มฎฺฐทุสฺสํ ภควโต อุปนาเมสิ ‘‘ปฎิคฺคณฺหตุ เม ภเนฺต ภควา อิมํ มฎฺฐทุสฺสํ, ตํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ ปฎิคฺคเหสิ ภควา, ปฎิคฺคเหตฺวาว นํ ปริภุญฺชิ ฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ภควาปิ ตโต เอกํ นิวาเสสิ, เอกํ ปารุปี’’ติฯ ตาวเทว กิร ตํ ภิกฺขู โอวฎฺฎิกรณมเตฺตน ตุนฺนกมฺมํ นิฎฺฐาเปตฺวา เถรสฺส อุปเนสุํ, เถโร ภควโต อุปนาเมสิฯ หตจฺจิกํ วิยาติ ปฎิหตปฺปภํ, วิย-สโทฺท นิปาตมตฺตํฯ ภควโต หิ สรีรปฺปภาหิ อภิภุยฺยมานา ตสฺส วตฺถยุคสฺส ปภสฺสรตา นาโหสิฯ อนฺตเนฺตเนวาติ อโนฺต อโนฺต เอว, อพฺภนฺตรโต เอวาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘พหิปนสฺส ปภา นตฺถี’’ติฯ
195. Thero ca tāvadeva taṃ siṅgīvaṇṇaṃ maṭṭhadussaṃ bhagavato upanāmesi ‘‘paṭiggaṇhatu me bhante bhagavā imaṃ maṭṭhadussaṃ, taṃ mamassa dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti. Paṭiggahesi bhagavā, paṭiggahetvāva naṃ paribhuñji . Tena vuttaṃ ‘‘bhagavāpi tato ekaṃ nivāsesi, ekaṃ pārupī’’ti. Tāvadeva kira taṃ bhikkhū ovaṭṭikaraṇamattena tunnakammaṃ niṭṭhāpetvā therassa upanesuṃ, thero bhagavato upanāmesi. Hataccikaṃ viyāti paṭihatappabhaṃ, viya-saddo nipātamattaṃ. Bhagavato hi sarīrappabhāhi abhibhuyyamānā tassa vatthayugassa pabhassaratā nāhosi. Antantenevāti anto anto eva, abbhantarato evāti attho. Tenāha ‘‘bahipanassa pabhā natthī’’ti.
‘‘ปสนฺนรูปํ สมุฎฺฐาเปตี’’ติ เอเตเนตสฺส อาหารสฺส ภุตฺตปฺปจฺจยา น โส โรโคติ อยมโตฺถ ทีปิโตฯ ทฺวีสุ กาเลสุ เอวํ โหติ ทฺวินฺนํ นิพฺพานธาตูนํ สมธิคมสมยภาวโตฯ อุปวตฺตเน อนฺตเรน ยมกสาลานนฺติ เอตฺถ วตฺตพฺพํ ปรโต อาคมิสฺสติฯ
‘‘Pasannarūpaṃ samuṭṭhāpetī’’ti etenetassa āhārassa bhuttappaccayā na so rogoti ayamattho dīpito. Dvīsu kālesu evaṃ hoti dvinnaṃ nibbānadhātūnaṃ samadhigamasamayabhāvato. Upavattane antarena yamakasālānanti ettha vattabbaṃ parato āgamissati.
๑๙๖. สพฺพํ สุวณฺณวณฺณเมว อโหสิ อติวิย ปริสุทฺธาย ปภสฺสราย เอกคฺฆนาย ภควโต สรีรปฺปภาย นิรนฺตรํ อภิภูตตฺตาฯ
196.Sabbaṃsuvaṇṇavaṇṇameva ahosi ativiya parisuddhāya pabhassarāya ekagghanāya bhagavato sarīrappabhāya nirantaraṃ abhibhūtattā.
ธเมฺมติ ปริยตฺติธเมฺมฯ ปวตฺตาติ ปาวจนภาเวน เทเสตาฯ ปุรโตว นิสีทิ โอวาทปฺปฎิกรณภาวโตฯ
Dhammeti pariyattidhamme. Pavattāti pāvacanabhāvena desetā. Puratova nisīdi ovādappaṭikaraṇabhāvato.
๑๙๗. ทานานิสํสสงฺขาตา ลาภาติ วณฺณทานพลทานาทิเภทา ทานสฺส อานิสํสสญฺญิตา ทิฎฺฐธมฺมิกา, สมฺปรายิกา จ ลาภา อิจฺฉิตพฺพาฯ เต อลาภาติ เต สเพฺพ ตุยฺหํ อลาภา, ลาภา เอว น โหนฺติฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ปจฺจกฺขภูเต อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว ภวา ทิฎฺฐธมฺมิกาฯ สมฺปเรตพฺพโต เปจฺจ คนฺตพฺพโต ‘‘สมฺปราโย’’ติ ลทฺธนาเม ปรโลเก ภวา สมฺปรายิกาฯ ทิฎฺฐธมฺมิกา จ สมฺปรายิกา จ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกาฯ ทานานิสํสสงฺขาตา ลาภาติ ทานานิสํสภูตา ลาภาฯ สพฺพถา สมเมว หุตฺวา สมํ ผลํ เอเตสํ น เอกเทเสนาติ สมสมผลาฯ ปิณฺฑปาตาติ ตพฺพิสยํ ทานมยํ ปุญฺญมาหฯ
197.Dānānisaṃsasaṅkhātālābhāti vaṇṇadānabaladānādibhedā dānassa ānisaṃsasaññitā diṭṭhadhammikā, samparāyikā ca lābhā icchitabbā. Te alābhāti te sabbe tuyhaṃ alābhā, lābhā eva na honti. Diṭṭheva dhamme paccakkhabhūte imasmiṃyeva attabhāve bhavā diṭṭhadhammikā. Samparetabbato pecca gantabbato ‘‘samparāyo’’ti laddhanāme paraloke bhavā samparāyikā. Diṭṭhadhammikā ca samparāyikā ca diṭṭhadhammikasamparāyikā. Dānānisaṃsasaṅkhātā lābhāti dānānisaṃsabhūtā lābhā. Sabbathā samameva hutvā samaṃ phalaṃ etesaṃ na ekadesenāti samasamaphalā. Piṇḍapātāti tabbisayaṃ dānamayaṃ puññamāha.
ยทิ เขตฺตวเสน เนสํ สมผลตา อธิเปฺปตา, สติปิ เอกสนฺตานภาเว ปุถุชฺชนอรหนฺตภาวสิทฺธํ นนุ เตสํ เขตฺตํ วิสิฎฺฐนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘นนุ จา’’ติอาทิมาหฯ ปรินิพฺพานสมตายาติ กิเลสปรินิพฺพานขนฺธปรินิพฺพานภาเวน ปรินิพฺพานสมตายฯ ‘‘ปริภุญฺชิตฺวา ปรินิพฺพุโต’’ติ เอเตน ยถา ปณีตปิณฺฑปาตปริโภคูปตฺถมฺภิตรูปกายสนฺนิสฺสโย ธมฺมกาโย สุเขเนว กิเลเส ปริจฺจชิ, โภชนสปฺปายสํสิทฺธิยา เอวํ สุเขเนว ขเนฺธ ปริจฺจชีติ เอวํ กิเลสปริจฺจาคสฺส, ขนฺธปริจฺจาคสฺส จ สุขสิทฺธินิมิตฺตตาย อุภินฺนํ ปิณฺฑปาตานํ สมผลตา โชติตาฯ ‘‘ปิณฺฑปาตสีเสน จ ปิณฺฑปาตทานํ โชติต’’นฺติ วุโตฺต วายมโตฺถฯ ยถา หิ สุชาตาย ‘‘อิมํ อาหารํ นิสฺสาย มยฺหํ เทวตาย วณฺณสุขพลาทิคุณา สมฺมเทว สมฺปเชฺชยฺยุ’’นฺติ อุฬาโร อชฺฌาสโย ตทา อโหสิ, เอวํ จุนฺทสฺสปิ กมฺมารปุตฺตสฺส ‘‘อิมํ อาหารํ นิสฺสาย ภควโต วณฺณสุขพลาทิคุณา สมฺมเทว สมฺปเชฺชยฺยุ’’นฺติ อุฬาโร อชฺฌาสโยติ เอวมฺปิ เนสํ อุภินฺนํ สมผลตา เวทิตพฺพาฯ สติปิ จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสสมาปตฺตีนํ เทวสิกํ วฬญฺชนสมาปตฺติภาเว ยถา ปน อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส อภินววิปสฺสนํ ปฎฺฐเปโนฺต รูปสตฺตกาทิ (วิสุทฺธิ. ฎี. ๒.๗๐๗ วิตฺถาโร) วเสน จุทฺทสหากาเรหิ สเนฺนตฺวา มหาวิปสฺสนามุเขน ตา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิ, เอวํ ปรินิพฺพานทิวเสปิ สพฺพา ตา สมาปชฺชีติ เอวํ สมาปตฺติสมตายปิ เตสํ สมผลตาฯ จุนฺทสฺส ตาว อนุสฺสรณํ อุฬารตรํ โหตุ ภควโต ทินฺนภาเวน อญฺญถตฺตาภาวโต, สุชาตาย ปน กถํ เทวตาย ทินฺนนฺติ? เอวํสญฺญิภาวโตติ อาห ‘‘สุชาตา จา’’ติอาทิฯ อปรภาเคติ อภิสโมฺพธิโต อปรภาเคฯ ปุน อปรภาเคติ ปรินิพฺพานโต ปรโตฯ ธมฺมสีสนฺติ ธมฺมานํ มตฺถกภูตํ นิพฺพานํฯ เม คหิตนฺติ มม วเสน คหิตํฯ เตนาห ‘‘มยฺหํ กิรา’’ติอาทิฯ
Yadi khettavasena nesaṃ samaphalatā adhippetā, satipi ekasantānabhāve puthujjanaarahantabhāvasiddhaṃ nanu tesaṃ khettaṃ visiṭṭhanti dassetuṃ ‘‘nanu cā’’tiādimāha. Parinibbānasamatāyāti kilesaparinibbānakhandhaparinibbānabhāvena parinibbānasamatāya. ‘‘Paribhuñjitvā parinibbuto’’ti etena yathā paṇītapiṇḍapātaparibhogūpatthambhitarūpakāyasannissayo dhammakāyo sukheneva kilese pariccaji, bhojanasappāyasaṃsiddhiyā evaṃ sukheneva khandhe pariccajīti evaṃ kilesapariccāgassa, khandhapariccāgassa ca sukhasiddhinimittatāya ubhinnaṃ piṇḍapātānaṃ samaphalatā jotitā. ‘‘Piṇḍapātasīsena ca piṇḍapātadānaṃ jotita’’nti vutto vāyamattho. Yathā hi sujātāya ‘‘imaṃ āhāraṃ nissāya mayhaṃ devatāya vaṇṇasukhabalādiguṇā sammadeva sampajjeyyu’’nti uḷāro ajjhāsayo tadā ahosi, evaṃ cundassapi kammāraputtassa ‘‘imaṃ āhāraṃ nissāya bhagavato vaṇṇasukhabalādiguṇā sammadeva sampajjeyyu’’nti uḷāro ajjhāsayoti evampi nesaṃ ubhinnaṃ samaphalatā veditabbā. Satipi catuvīsatikoṭisatasahassasamāpattīnaṃ devasikaṃ vaḷañjanasamāpattibhāve yathā pana abhisambujjhanadivase abhinavavipassanaṃ paṭṭhapento rūpasattakādi (visuddhi. ṭī. 2.707 vitthāro) vasena cuddasahākārehi sannetvā mahāvipassanāmukhena tā samāpattiyo samāpajji, evaṃ parinibbānadivasepi sabbā tā samāpajjīti evaṃ samāpattisamatāyapi tesaṃ samaphalatā. Cundassa tāva anussaraṇaṃ uḷārataraṃ hotu bhagavato dinnabhāvena aññathattābhāvato, sujātāya pana kathaṃ devatāya dinnanti? Evaṃsaññibhāvatoti āha ‘‘sujātā cā’’tiādi. Aparabhāgeti abhisambodhito aparabhāge. Puna aparabhāgeti parinibbānato parato. Dhammasīsanti dhammānaṃ matthakabhūtaṃ nibbānaṃ. Me gahitanti mama vasena gahitaṃ. Tenāha ‘‘mayhaṃ kirā’’tiādi.
อธิปติภาโว อาธิปเตยฺยนฺติ อาห ‘‘เชฎฺฐภาวสํวตฺตนิยก’’นฺติฯ
Adhipatibhāvo ādhipateyyanti āha ‘‘jeṭṭhabhāvasaṃvattaniyaka’’nti.
สํวเรติ สีลสํวเรฯ เวรนฺติ ปาณาติปาตาทิปญฺจวิธํ เวรํฯ ตญฺหิ เวริธมฺมภาวโต, เวรเหตุตาย จ ‘‘เวร’’นฺติ วุจฺจติฯ โกสลฺลํ วุจฺจติ ญาณํ, เตน ยุโตฺต กุสโลติ อาห ‘‘กุสโล ปน ญาณสมฺปโนฺน’’ติฯ ญาณสมฺปทา นาม ญาณปาริปูรี, สา จ อคฺคมคฺควเสน เวทิตพฺพา, อคฺคมโคฺค จ นิรวเสสโต กิเลเส ปชหตีติ อาห ‘‘อริยมเคฺคน…เป.… ชหาตี’’ติฯ อิมํ ปาปกํ ชหิตฺวาติ ทาเนน ตาว โลภมจฺฉริยาทิปาปกํ, สีเลน ปาณาติปาตาทิปาปกํ ชหิตฺวา ตทงฺควเสน ปหาย ตโต สมถวิปสฺสนาธเมฺมหิ วิกฺขมฺภนวเสน, ตโต มคฺคปฎิปาฎิยา สมุเจฺฉทวเสน อนวเสสํ ปาปกํ ปหายฯ ตถา ปหีนตฺตา เอว ราคาทีนํ ขยา กิเลสนิพฺพาเนน สพฺพโส กิเลสวูปสเมน นิพฺพุโต ปรินิพฺพุโตติ สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา เทสนาย กูฎํ คณฺหโนฺต ‘‘อิติ จุนฺทสฺส…เป.… สมฺปสฺสมาโน อุทานํ อุทาเนสี’’ติฯ
Saṃvareti sīlasaṃvare. Veranti pāṇātipātādipañcavidhaṃ veraṃ. Tañhi veridhammabhāvato, verahetutāya ca ‘‘vera’’nti vuccati. Kosallaṃ vuccati ñāṇaṃ, tena yutto kusaloti āha ‘‘kusalo pana ñāṇasampanno’’ti. Ñāṇasampadā nāma ñāṇapāripūrī, sā ca aggamaggavasena veditabbā, aggamaggo ca niravasesato kilese pajahatīti āha ‘‘ariyamaggena…pe… jahātī’’ti. Imaṃ pāpakaṃ jahitvāti dānena tāva lobhamacchariyādipāpakaṃ, sīlena pāṇātipātādipāpakaṃ jahitvā tadaṅgavasena pahāya tato samathavipassanādhammehi vikkhambhanavasena, tato maggapaṭipāṭiyā samucchedavasena anavasesaṃ pāpakaṃ pahāya. Tathā pahīnattā eva rāgādīnaṃ khayā kilesanibbānena sabbaso kilesavūpasamena nibbuto parinibbutoti saupādisesāya nibbānadhātuyā desanāya kūṭaṃ gaṇhanto ‘‘iti cundassa…pe… sampassamāno udānaṃ udānesī’’ti.
จตุตฺถภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catutthabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ยมกสาลวณฺณนา
Yamakasālavaṇṇanā
๑๙๘. เอวํ ตํ กุสินารายํ โหตีติ ยถา อนุราธปุรสฺส ถูปาราโม ทกฺขิณปจฺฉิมทิสายํ, เอวํ ตํ อุยฺยานํ กุสินาราย ทกฺขิณปจฺฉิมทิสายํ โหติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา นครํ ปวิสิตุกามา อุยฺยานโต อุเปจฺจ วตฺตนฺติ คจฺฉนฺติ เอเตนาติ ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ สาลปนฺติภาเวน ฐิตํ สาลวนํฯ อนฺตเรนาติ เวมเชฺฌฯ ตสฺส กิร มญฺจกสฺสาติ ตตฺถ ปญฺญปิยมานสฺส ตสฺส มญฺจกสฺสฯ ตตฺราปิ…เป.… เอโก ปาทภาคสฺส, ตสฺมา ‘‘อนฺตเรน ยมกสาลาน’’นฺติ วุตฺตํฯ สํสิพฺพิตฺวาติ อญฺญมญฺญอาสตฺตวิฎปสาขตาย สํสิพฺพิตฺวา วิยฯ ‘‘ฐิตสาขา’’ติปิ วุตฺตํ อฎฺฐกถายํฯ ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘อุตฺตรสีสกํ มญฺจกํ ปญฺญเปหี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปจฺฉิมทสฺสนํ ทฎฺฐุํ อาคตานํ เทวตานํ ทฎฺฐุํ โยคฺยตาวเสน วุตฺตํฯ เกจิ ปน ‘‘อุตฺตรทิสาวิโลกนมุขํ ปุพฺพทิสาสีสกํ กตฺวา มญฺจกํ ปญฺญเปหีติ อโตฺถ’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํฯ
198.Evaṃtaṃ kusinārāyaṃ hotīti yathā anurādhapurassa thūpārāmo dakkhiṇapacchimadisāyaṃ, evaṃ taṃ uyyānaṃ kusinārāya dakkhiṇapacchimadisāyaṃ hoti. Tasmāti yasmā nagaraṃ pavisitukāmā uyyānato upecca vattanti gacchanti etenāti ‘‘upavattana’’nti vuccati, taṃ sālapantibhāvena ṭhitaṃ sālavanaṃ. Antarenāti vemajjhe. Tassa kira mañcakassāti tattha paññapiyamānassa tassa mañcakassa. Tatrāpi…pe… eko pādabhāgassa, tasmā ‘‘antarena yamakasālāna’’nti vuttaṃ. Saṃsibbitvāti aññamaññaāsattaviṭapasākhatāya saṃsibbitvā viya. ‘‘Ṭhitasākhā’’tipi vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ. Yaṃ pana pāḷiyaṃ ‘‘uttarasīsakaṃ mañcakaṃ paññapehī’’ti vuttaṃ, taṃ pacchimadassanaṃ daṭṭhuṃ āgatānaṃ devatānaṃ daṭṭhuṃ yogyatāvasena vuttaṃ. Keci pana ‘‘uttaradisāvilokanamukhaṃ pubbadisāsīsakaṃ katvā mañcakaṃ paññapehīti attho’’ti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ.
เอเต นาคานมุตฺตมาติ เอเต โคตฺตโต โคจริอาทินามกา หตฺถินาเคสุ พเลน เสฎฺฐตมาฯ มชฺฌิมฎฺฐกถายํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๔๘) ปน เกจิ หตฺถิโน อิโต อญฺญถา อาคตา, โส ปน เนสํ นามมตฺตกโต เภโท ทฎฺฐโพฺพฯ
Ete nāgānamuttamāti ete gottato gocariādināmakā hatthināgesu balena seṭṭhatamā. Majjhimaṭṭhakathāyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 1.148) pana keci hatthino ito aññathā āgatā, so pana nesaṃ nāmamattakato bhedo daṭṭhabbo.
ปริภุตฺตกาลโต ปฎฺฐาย…เป.… ปริกฺขยํ คตํ, ‘‘น ปน ปริภุตฺตปฺปจฺจยา’’ติ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ จงฺควาเรติ อูมิยํฯ กโตกาสสฺส กมฺมสฺส วเสน ยถาสมุฎฺฐิโต โรโค อาโรคฺยํ อภิมทฺทตีติ กตฺวา เอตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิยา’’ติ วุตฺตํฯ ยสฺมา ภควา เหฎฺฐา วุตฺตนเยน กปฺปํ, กปฺปาวเสสํ วา ฐาตุํ สมโตฺถ เอว, ตตฺตกํ กาลํ ฐาเน ปโยชนาภาวโต อายุสงฺขาเร โอสฺสชฺชิตฺวา ตาทิสสฺส กมฺมสฺส โอกาสํ อทาสิ, ตสฺมา เอตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิยา’’ติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติเยวฯ
Paribhuttakālato paṭṭhāya…pe… parikkhayaṃ gataṃ, ‘‘na pana paribhuttappaccayā’’ti heṭṭhā vuttanayeneva attho daṭṭhabbo. Caṅgavāreti ūmiyaṃ. Katokāsassa kammassa vasena yathāsamuṭṭhito rogo ārogyaṃ abhimaddatīti katvā etamatthaṃ dassento ‘‘viyā’’ti vuttaṃ. Yasmā bhagavā heṭṭhā vuttanayena kappaṃ, kappāvasesaṃ vā ṭhātuṃ samattho eva, tattakaṃ kālaṃ ṭhāne payojanābhāvato āyusaṅkhāre ossajjitvā tādisassa kammassa okāsaṃ adāsi, tasmā etamatthaṃ dassento ‘‘viyā’’tipi vattuṃ yujjatiyeva.
กุสลํ กาตพฺพํ มญฺญิสฺสนฺติ ‘‘เอวํ มหปฺผลํ, เอวํ มหานิสํสํ, มหานุภาวญฺจ ตํ กุสล’’นฺติฯ
Kusalaṃ kātabbaṃ maññissanti ‘‘evaṃ mahapphalaṃ, evaṃ mahānisaṃsaṃ, mahānubhāvañca taṃ kusala’’nti.
เอกสฺสาปิ สตฺตสฺส วฎฺฎทุกฺขวูปสโม พุทฺธานํ ครุตโร หุตฺวา อุปฎฺฐาติ อติทุลฺลภภาวโต, ตสฺมา ‘‘อปรมฺปิ ปสฺสตี’’ติอาทิ วุตฺตํ, สฺวายมโตฺถ มาคณฺฑิยสุเตฺตน (สุ. นิ. ๘๔๑) ทีเปตโพฺพฯ
Ekassāpi sattassa vaṭṭadukkhavūpasamo buddhānaṃ garutaro hutvā upaṭṭhāti atidullabhabhāvato, tasmā ‘‘aparampi passatī’’tiādi vuttaṃ, svāyamattho māgaṇḍiyasuttena (su. ni. 841) dīpetabbo.
ตติยํ ปน การณํ สตฺตานํ อุปฺปชฺชนกอนตฺถปริหรณนฺติ ตํ ทเสฺสโนฺต ปุน ‘‘อปรมฺปิ ปสฺสตี’’ติอาทิมาหฯ
Tatiyaṃ pana kāraṇaṃ sattānaṃ uppajjanakaanatthapariharaṇanti taṃ dassento puna ‘‘aparampi passatī’’tiādimāha.
สีหเสยฺยนฺติฯ เอตฺถ สยนํ เสยฺยา, สีหสฺส วิย เสยฺยา สีหเสยฺยา, ตํ สีหเสยฺยํฯ อถ วา สีหเสยฺยนฺติ เสฎฺฐเสยฺยํ, ยทิทํ อตฺถทฺวยํ ปรโต อาคมิสฺสติฯ
Sīhaseyyanti. Ettha sayanaṃ seyyā, sīhassa viya seyyā sīhaseyyā, taṃ sīhaseyyaṃ. Atha vā sīhaseyyanti seṭṭhaseyyaṃ, yadidaṃ atthadvayaṃ parato āgamissati.
‘‘วาเมน ปเสฺสน เสนฺตี’’ติ เอวํ วุตฺตา กามโภคิเสยฺยา, ทกฺขิณปเสฺสน สยาโน นาม นตฺถิ ทกฺขิณหตฺถสฺส สรีรคฺคหณาทิโยคกฺขมโต, ปุริสวเสน เจตํ วุตฺตํฯ
‘‘Vāmena passena sentī’’ti evaṃ vuttā kāmabhogiseyyā,dakkhiṇapassena sayāno nāma natthi dakkhiṇahatthassa sarīraggahaṇādiyogakkhamato, purisavasena cetaṃ vuttaṃ.
เอเกน ปเสฺสน สยิตุํ น สโกฺกนฺติ ทุกฺขุปฺปตฺติโตฯ
Ekenapassena sayituṃ na sakkonti dukkhuppattito.
อยํ สีหเสยฺยาติ อยํ เอวํ วุตฺตา สีหเสยฺยาฯ ‘‘เตชุสฺสทตฺตา’’ติ อิมินา สีหสฺส อภีรุภาวํ ทเสฺสติฯ ภีรุกา หิ เสสมิคา อตฺตโน อาสยํ ปวิสิตฺวา สนฺตาสปุพฺพกํ ยถา ตถา สยนฺติ, สีโห ปน อภีรุภาวโต สโตการี ภิกฺขุ วิย สติํ อุปฎฺฐาเปตฺวาว สยติฯ เตนาห ‘‘ปุริมปาเท’’ติอาทิฯ ทกฺขิเณ ปุริมปาเท วามสฺส ปุริมปาทสฺส ฐปนวเสน เทฺว ปุริมปาเท เอกสฺมิํ ฐาเน ฐเปตฺวาฯ ปจฺฉิมปาเทติ เทฺว ปจฺฉิมปาเทฯ วุตฺตนเยเนว อิธาปิ เอกสฺมิํ ฐาเน ปาทฎฺฐปนํ เวทิตพฺพํ, ฐิโตกาสสลฺลกฺขณํ อภีรุภาเวเนวฯ ‘‘สีสํ ปน อุกฺขิปิตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตา สีหกิริยา อนุตฺราสปพุชฺฌนํ วิย อภีรุภาวสิทฺธา ธมฺมตาวเสเนวาติ เวทิตพฺพาฯ สีหวิชมฺภิตวิชมฺภนํ อติเวลํ เอกากาเรน ฐปิตานํ สรีราวยวานํ คมนาทิกิริยาสุ โยคฺยภาวาปาทนตฺถํฯ ติกฺขตฺตุํ สีหนาทนทนํ อเปฺปสกฺขมิคชาตปริหรณตฺถํฯ
Ayaṃ sīhaseyyāti ayaṃ evaṃ vuttā sīhaseyyā. ‘‘Tejussadattā’’ti iminā sīhassa abhīrubhāvaṃ dasseti. Bhīrukā hi sesamigā attano āsayaṃ pavisitvā santāsapubbakaṃ yathā tathā sayanti, sīho pana abhīrubhāvato satokārī bhikkhu viya satiṃ upaṭṭhāpetvāva sayati. Tenāha ‘‘purimapāde’’tiādi. Dakkhiṇe purimapāde vāmassa purimapādassa ṭhapanavasena dve purimapāde ekasmiṃ ṭhāne ṭhapetvā. Pacchimapādeti dve pacchimapāde. Vuttanayeneva idhāpi ekasmiṃ ṭhāne pādaṭṭhapanaṃ veditabbaṃ, ṭhitokāsasallakkhaṇaṃ abhīrubhāveneva. ‘‘Sīsaṃ pana ukkhipitvā’’tiādinā vuttā sīhakiriyā anutrāsapabujjhanaṃ viya abhīrubhāvasiddhā dhammatāvasenevāti veditabbā. Sīhavijambhitavijambhanaṃ ativelaṃ ekākārena ṭhapitānaṃ sarīrāvayavānaṃ gamanādikiriyāsu yogyabhāvāpādanatthaṃ. Tikkhattuṃ sīhanādanadanaṃ appesakkhamigajātapariharaṇatthaṃ.
เสติ อพฺยาวฎภาเวน ปวตฺตติ เอตฺถาติ เสยฺยา, จตุตฺถชฺฌานเมว เสยฺยา จตุตฺถชฺฌานเสยฺยาฯ กิํ ปน ตํ จตุตฺถชฺฌานนฺติ? อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ, ตโต หิ วุฎฺฐหิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา ภควา อนุกฺกเมน อคฺคมคฺคํ อธิคนฺตฺวา ตถาคโต ชาโตติฯ ‘‘ตยิทํ ปทฎฺฐานํ นาม, น เสยฺยา, ตถาปิ ยสฺมา ‘จตุตฺถชฺฌานา วุฎฺฐหิตฺวา สมนนฺตรา ภควา ปรินิพฺพายี’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๙) วกฺขติ, ตสฺมา โลกิยจตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติ เอว ตถาคตเสยฺยา’’ติ เกจิ, เอวํ สติ ปรินิพฺพานกาลิกาว ตถาคตเสยฺยาติ อาปชฺชติ, น จ ภควา โลกิยจตุตฺถชฺฌานสมาปชฺชนพหุโล วิหาสิฯ อคฺคผลวเสน ปวตฺตํ ปเนตฺถ จตุตฺถชฺฌานํ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ ยถา สตฺตานํ นิทฺทุปคมนลกฺขณา เสยฺยา ภวงฺคจิตฺตวเสน โหติ, สา จ เนสํ ปฐมชาติสมนฺวยา เยภุยฺยวุตฺติกา, เอวํ ภควโต อริยชาติสมนฺวยํ เยภุยฺยวุตฺติกํ อคฺคผลภูตํ จตุตฺถชฺฌานํ ‘‘ตถาคตเสยฺยา’’ติ เวทิตพฺพํฯ สีหเสยฺยา นาม เสฎฺฐเสยฺยาติ อาห ‘‘อุตฺตมเสยฺยา’’ติฯ
Seti abyāvaṭabhāvena pavattati etthāti seyyā, catutthajjhānameva seyyā catutthajjhānaseyyā. Kiṃ pana taṃ catutthajjhānanti? Ānāpānacatutthajjhānaṃ, tato hi vuṭṭhahitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā bhagavā anukkamena aggamaggaṃ adhigantvā tathāgato jātoti. ‘‘Tayidaṃ padaṭṭhānaṃ nāma, na seyyā, tathāpi yasmā ‘catutthajjhānā vuṭṭhahitvā samanantarā bhagavā parinibbāyī’ti (dī. ni. 2.219) vakkhati, tasmā lokiyacatutthajjhānasamāpatti eva tathāgataseyyā’’ti keci, evaṃ sati parinibbānakālikāva tathāgataseyyāti āpajjati, na ca bhagavā lokiyacatutthajjhānasamāpajjanabahulo vihāsi. Aggaphalavasena pavattaṃ panettha catutthajjhānaṃ veditabbaṃ. Tattha yathā sattānaṃ niddupagamanalakkhaṇā seyyā bhavaṅgacittavasena hoti, sā ca nesaṃ paṭhamajātisamanvayā yebhuyyavuttikā, evaṃ bhagavato ariyajātisamanvayaṃ yebhuyyavuttikaṃ aggaphalabhūtaṃ catutthajjhānaṃ ‘‘tathāgataseyyā’’ti veditabbaṃ. Sīhaseyyā nāma seṭṭhaseyyāti āha ‘‘uttamaseyyā’’ti.
นตฺถิ เอติสฺสา อุฎฺฐานนฺติ อนุฎฺฐานา, เสยฺยา, ตํ อนุฎฺฐานเสยฺยํฯ ‘‘อิโต อุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ มนสิการสฺส อภาวโต ‘‘อุฎฺฐานสญฺญํ มนสิ กริตฺวา’’ติ น วุตฺตํฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ อนุฎฺฐานเสยฺยุปคมเนฯ กายวเสน อนุฎฺฐานํ, น จิตฺตวเสน, จิตฺตวเสน จ อนุฎฺฐานํ นาม นิทฺทุปคมนนฺติ ตทภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘นิทฺทาวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ภวงฺคสฺสาติ นิทฺทุปคมนลกฺขณสฺส ภวงฺคสฺสฯ
Natthi etissā uṭṭhānanti anuṭṭhānā, seyyā, taṃ anuṭṭhānaseyyaṃ. ‘‘Ito uṭṭhahissāmī’’ti manasikārassa abhāvato ‘‘uṭṭhānasaññaṃ manasi karitvā’’ti na vuttaṃ.Etthāti etasmiṃ anuṭṭhānaseyyupagamane. Kāyavasena anuṭṭhānaṃ, na cittavasena, cittavasena ca anuṭṭhānaṃ nāma niddupagamananti tadabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘niddāvasenā’’tiādi vuttaṃ. Bhavaṅgassāti niddupagamanalakkhaṇassa bhavaṅgassa.
สพฺพปาลิผุลฺลาติ สพฺพตฺถกเมว วิกสนวเสน ผุลฺลา, น เอกเทสวิกสนวเสนฯ เตนาห ‘‘สเพฺพ สมนฺตโต ปุปฺผิตา’’ติฯ เอกจฺฉนฺนาติ สมฺผุลฺลปุเปฺผหิ เอกากาเรน สพฺพเตฺถว ฉาทิตาฯ อุโลฺลกปทุมานีติ เหฎฺฐา โอโลเกนฺตานิ วิย ติฎฺฐนปทุมานิฯ โมรปิญฺฉกลาโป วิย ปญฺจวณฺณปุปฺผสญฺฉาทิตตฺตาฯ
Sabbapāliphullāti sabbatthakameva vikasanavasena phullā, na ekadesavikasanavasena. Tenāha ‘‘sabbe samantato pupphitā’’ti. Ekacchannāti samphullapupphehi ekākārena sabbattheva chāditā. Ullokapadumānīti heṭṭhā olokentāni viya tiṭṭhanapadumāni. Morapiñchakalāpo viya pañcavaṇṇapupphasañchāditattā.
นนฺทโปกฺขรณีสมฺภวานีติ นนฺทโปกฺขรณีตีรสมฺภวานิฯ มหาตุมฺพมตฺตนฺติ อาฬฺหกมตฺตํฯ ปวิฎฺฐานีติ ขิตฺตานิฯ สรีรเมว โอกิรนฺตีติ สรีรเมว อโชฺฌกิรนฺติฯ
Nandapokkharaṇīsambhavānīti nandapokkharaṇītīrasambhavāni. Mahātumbamattanti āḷhakamattaṃ. Paviṭṭhānīti khittāni. Sarīrameva okirantīti sarīrameva ajjhokiranti.
เทวตานํ อุปกปฺปนจนฺทนจุณฺณานีติ สฎฺฐิปิ ปญฺญาสมฺปิ โยชนานิ วายนกเสตวณฺณจนฺทนจุณฺณานิฯ ทิพฺพคนฺธชาลจุณฺณานีติ ทิพฺพคนฺธทิพฺพจุณฺณานิฯ หริตาลอญฺชนจุณฺณาทีนิปิ ทิพฺพานิ ปรมสุคนฺธานิ เอวาติ เวทิตพฺพานิฯ เตเนวาห ‘‘สพฺพทิพฺพคนฺธวาสวิกติโย’’ติฯ
Devatānaṃupakappanacandanacuṇṇānīti saṭṭhipi paññāsampi yojanāni vāyanakasetavaṇṇacandanacuṇṇāni. Dibbagandhajālacuṇṇānīti dibbagandhadibbacuṇṇāni. Haritālaañjanacuṇṇādīnipi dibbāni paramasugandhāni evāti veditabbāni. Tenevāha ‘‘sabbadibbagandhavāsavikatiyo’’ti.
เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา อนฺตลิเกฺข วชฺชนฺติ มหาภินิกฺขมนกาเล วิยฯ
Ekacakkavāḷe sannipatitvā antalikkhe vajjanti mahābhinikkhamanakāle viya.
ตาติ เทวตาฯ คนฺถมานา วาติ มาลํ รจนฺติโย เอวฯ อปรินิฎฺฐิตา วาติ ยถาธิปฺปายํ ปริโยสิตา เอวฯ หเตฺถน หตฺถนฺติ อตฺตโน หเตฺถน ปรสฺส หตฺถํฯ คีวาย คีวนฺติ กณฺฐคาหวเสน อตฺตโน คีวาย ปรสฺส คีวํฯ คเหตฺวาติ อามสิตฺวาฯ มหายโส มหายโสติ อาเมฑิตวเสน อญฺญมญฺญํ อาลาปวจนํฯ
Tāti devatā. Ganthamānā vāti mālaṃ racantiyo eva. Apariniṭṭhitā vāti yathādhippāyaṃ pariyositā eva. Hatthena hatthanti attano hatthena parassa hatthaṃ. Gīvāya gīvanti kaṇṭhagāhavasena attano gīvāya parassa gīvaṃ. Gahetvāti āmasitvā. Mahāyaso mahāyasoti āmeḍitavasena aññamaññaṃ ālāpavacanaṃ.
๑๙๙. มหนฺตํ อุสฺสาหนฺติ ตถาคตสฺส ปูชาสกฺการวเสน ปวตฺติยมานํ มหนฺตํ อุสฺสาหํ ทิสฺวาฯ
199.Mahantaṃ ussāhanti tathāgatassa pūjāsakkāravasena pavattiyamānaṃ mahantaṃ ussāhaṃ disvā.
สาเยว ปน ปฎิปทาติ ปุพฺพภาคปฎิปทา เอวฯ อนุจฺฉวิกตฺตาติ อธิคนฺตพฺพสฺส นววิธโลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุรูปตฺตาฯ
Sāyevapana paṭipadāti pubbabhāgapaṭipadā eva. Anucchavikattāti adhigantabbassa navavidhalokuttaradhammassa anurūpattā.
สีลนฺติ จาริตฺตสีลมาหฯ อาจารปญฺญตฺตีติ จาริตฺตสีลํฯ ยาว โคตฺรภุโตติ ยาว โคตฺรภุญาณํ, ตาว ปวเตฺตตพฺพา สมถวิปสฺสนา สมฺมาปฎิปทาฯ อิทานิ ตํ สมฺมาปฎิปทํ พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ วิภาเวตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ชินกาฬสุตฺตนฺติ ชินมหาวฑฺฒกินา ฐปิตํ วเชฺชตพฺพคเหตพฺพธมฺมสนฺทสฺสนกาฬสุตฺตํ สิกฺขาปทมริยาทํ, อุปาสโกปาสิกาวาเรสุ ‘‘คนฺธปูชํ มาลาปูชํ กโรตี’’ติ วจนํ จาริตฺตสีลปเกฺข ฐเปตฺวา กรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตน ภิกฺขุภิกฺขุนีนมฺปิ ตถากรณํ อนุญฺญาตเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Sīlanti cārittasīlamāha. Ācārapaññattīti cārittasīlaṃ. Yāva gotrabhutoti yāva gotrabhuñāṇaṃ, tāva pavattetabbā samathavipassanā sammāpaṭipadā. Idāni taṃ sammāpaṭipadaṃ byatirekato, anvayato ca vibhāvetuṃ ‘‘tasmā’’tiādi vuttaṃ. Jinakāḷasuttanti jinamahāvaḍḍhakinā ṭhapitaṃ vajjetabbagahetabbadhammasandassanakāḷasuttaṃ sikkhāpadamariyādaṃ, upāsakopāsikāvāresu ‘‘gandhapūjaṃ mālāpūjaṃ karotī’’ti vacanaṃ cārittasīlapakkhe ṭhapetvā karaṇaṃ sandhāya vuttaṃ, tena bhikkhubhikkhunīnampi tathākaraṇaṃ anuññātamevāti daṭṭhabbaṃ.
อยญฺหีติ ธมฺมานุธมฺมปฎิปทํ สนฺธาย วทติฯ
Ayañhīti dhammānudhammapaṭipadaṃ sandhāya vadati.
อุปวาณเตฺถรวณฺณนา
Upavāṇattheravaṇṇanā
๒๐๐. อปเนสีติ ฐิตปฺปเทสโต ยถา อปคจฺฉติ, เอวมกาสิ, น ปน นิพฺภจฺฉิฯ เตนาห ‘‘อานโนฺท’’ติอาทิฯ วุตฺตสทิสา วาติ สมจิตฺตปริยายเทสนายํ (อ. นิ. ๒.๓๗) วุตฺตสทิสา เอวฯ อาวาเรโนฺตติ ฉาเทโนฺตฯ
200.Apanesīti ṭhitappadesato yathā apagacchati, evamakāsi, na pana nibbhacchi. Tenāha ‘‘ānando’’tiādi. Vuttasadisā vāti samacittapariyāyadesanāyaṃ (a. ni. 2.37) vuttasadisā eva. Āvārentoti chādento.
ยสฺมา กสฺสปสฺสพุทฺธสฺส เจติเย อารกฺขเทวตา อโหสิ, ตสฺมา เถโรว เตชุสฺสโท, น อเญฺญ อรหโนฺตติ อาเนตฺวา โยชนาฯ
Yasmā kassapassabuddhassa cetiye ārakkhadevatā ahosi, tasmā therova tejussado, na aññe arahantoti ānetvā yojanā.
อิทานิ อาคมนโต ปฎฺฐาย ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘วิปสฺสิมฺหิ กิร สมฺมาสมฺพุเทฺธ’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ‘‘จาตุมหาราชิกา เทวตา’’ติ อิทํ โคพลีพทฺทญาเยน คเหตพฺพํ ภุมฺมเทวตาทีนมฺปิ ตปฺปริยาปนฺนตฺตาฯ เตสํ มนุสฺสานํฯ
Idāni āgamanato paṭṭhāya tamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘vipassimhi kira sammāsambuddhe’’tiādi āraddhaṃ. ‘‘Cātumahārājikā devatā’’ti idaṃ gobalībaddañāyena gahetabbaṃ bhummadevatādīnampi tappariyāpannattā. Tesaṃ manussānaṃ.
ตตฺถาติ กสฺสปสฺส ภควโต เจติเยฯ
Tatthāti kassapassa bhagavato cetiye.
๒๐๑. อธิวาเสนฺตีติ โรเจนฺติฯ
201.Adhivāsentīti rocenti.
ฉินฺนปาโต วิย ฉินฺนปาโต, ตํ ฉินฺนปาตํ, ภาวนปุํสกนิเทฺทโส ยํฯ อาวฎฺฎนฺตีติ อภิมุขภาเวน วฎฺฎนฺติฯ ยตฺถ ปติตา, ตโต กติปยรตนฎฺฐานํ วฎฺฎนวเสเนว คนฺตฺวา ปุน ยถาปติตเมว ฐานํ วฎฺฎนวเสน อาคจฺฉนฺติฯ เตนาห ‘‘อาวฎฺฎนฺติโย ปติตฎฺฐานเมว อาคจฺฉนฺตี’’ติฯ วิวฎฺฎนฺตีติ ยตฺถ ปติตา, ตโต วินิวฎฺฎนฺติฯ เตนาห ‘‘ปติตฎฺฐานโต ปรภาคํ วฎฺฎมานา คจฺฉนฺตี’’ติฯ ปุรโต วฎฺฎนํ อาวฎฺฎนํ, อิตรํ ติวิธมฺปิ วิวฎฺฎนนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เทวตา ธาเรตุํ น สโกฺกติ อุทกํ วิย โอสีทนโตฯ เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ ตตฺถาติ ปกติปถวิยํฯ เทวตา โอสีทนฺติ ธาตูนํ สณฺหสุขุมาลภาวโตฯ ปถวิยํ ปถวิํ มาเปสุนฺติ ปกติปถวิยํ อตฺตโน สรีรํ ธาเรตุํ สมตฺถํ อิทฺธานุภาเวน ปถวิํ มาเปสุํฯ
Chinnapāto viya chinnapāto, taṃ chinnapātaṃ, bhāvanapuṃsakaniddeso yaṃ. Āvaṭṭantīti abhimukhabhāvena vaṭṭanti. Yattha patitā, tato katipayaratanaṭṭhānaṃ vaṭṭanavaseneva gantvā puna yathāpatitameva ṭhānaṃ vaṭṭanavasena āgacchanti. Tenāha ‘‘āvaṭṭantiyopatitaṭṭhānameva āgacchantī’’ti. Vivaṭṭantīti yattha patitā, tato vinivaṭṭanti. Tenāha ‘‘patitaṭṭhānato parabhāgaṃ vaṭṭamānā gacchantī’’ti. Purato vaṭṭanaṃ āvaṭṭanaṃ, itaraṃ tividhampi vivaṭṭananti dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Devatā dhāretuṃ na sakkoti udakaṃ viya osīdanato. Tenāha ‘‘tatthā’’tiādi. Tatthāti pakatipathaviyaṃ. Devatā osīdanti dhātūnaṃ saṇhasukhumālabhāvato. Pathaviyaṃpathaviṃ māpesunti pakatipathaviyaṃ attano sarīraṃ dhāretuṃ samatthaṃ iddhānubhāvena pathaviṃ māpesuṃ.
กามํ โทมนเสฺส อสติปิ เอกโจฺจ ราโค โหติเยว, ราเค ปน อสติ โทมนสฺสสฺส อสมฺภโว เอวาติ ตเทกฎฺฐภาวโตติ อาห ‘‘วีตราคาติ ปหีนโทมนสฺสา’’ติฯ สิลาถมฺภสทิสา อิฎฺฐานิเฎฺฐสุ นิพฺพิการตายฯ
Kāmaṃ domanasse asatipi ekacco rāgo hotiyeva, rāge pana asati domanassassa asambhavo evāti tadekaṭṭhabhāvatoti āha ‘‘vītarāgāti pahīnadomanassā’’ti. Silāthambhasadisā iṭṭhāniṭṭhesu nibbikāratāya.
จตุสํเวชนียฎฺฐานวณฺณนา
Catusaṃvejanīyaṭṭhānavaṇṇanā
๒๐๒. อปารคงฺคายาติ คงฺคาย โอรมฺภาเคฯ ‘‘สงฺการฉฑฺฑกสมฺมชฺชนิโย คเหตฺวา’’ติอาทิ อตฺตโน อตฺตโน วสนฎฺฐาเน วตฺตกรณาการทสฺสนํฯ ‘‘เอวํ ทฺวีสุ กาเลสู’’ติอาทิ นิทสฺสนตฺถํ ปจฺจามสนํ, ตํ เหฎฺฐา อธิคตํฯ
202.Apāragaṅgāyāti gaṅgāya orambhāge. ‘‘Saṅkārachaḍḍakasammajjaniyo gahetvā’’tiādi attano attano vasanaṭṭhāne vattakaraṇākāradassanaṃ. ‘‘Evaṃ dvīsu kālesū’’tiādi nidassanatthaṃ paccāmasanaṃ, taṃ heṭṭhā adhigataṃ.
กมฺมสาธโน สมฺภาวนโตฺถ ภาวนีย-สโทฺทติ อาห ‘‘มนสา ภาวิเต สมฺภาวิเต’’ติฯ ทุติยวิกเปฺป ปน ภาวนํ, วฑฺฒนญฺจ ปฎิปกฺขปหานโตติ อาห ‘‘เย วา’’ติอาทิฯ
Kammasādhano sambhāvanattho bhāvanīya-saddoti āha ‘‘manasā bhāvite sambhāvite’’ti. Dutiyavikappe pana bhāvanaṃ, vaḍḍhanañca paṭipakkhapahānatoti āha ‘‘ye vā’’tiādi.
พุทฺธาทีสุ ตีสุ วตฺถูสุ ปสนฺนจิตฺตสฺส, น กมฺมผลสทฺธามเตฺตนฯ สา จสฺส สทฺธาสมฺปทา เอวํ เวทิตพฺพาติ ผเลน เหตุํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วตฺตสมฺปนฺนสฺสา’’ติ อาหฯ สํเวโค นาม สโหตฺตปฺปญาณํ, อภิชาติฎฺฐานาทีนิปิ ตสฺส อุปฺปตฺติเหตูนิ ภวนฺตีติ อาห ‘‘สํเวคชนกานี’’ติฯ
Buddhādīsu tīsu vatthūsu pasannacittassa, na kammaphalasaddhāmattena. Sā cassa saddhāsampadā evaṃ veditabbāti phalena hetuṃ dassento ‘‘vattasampannassā’’ti āha. Saṃvego nāma sahottappañāṇaṃ, abhijātiṭṭhānādīnipi tassa uppattihetūni bhavantīti āha ‘‘saṃvegajanakānī’’ti.
เจติยปูชนตฺถํ จาริกา เจติยจาริกาฯ สเคฺค ปติฎฺฐหิสฺสนฺติเยว พุทฺธคุณารมฺมณาย กุสลเจตนาย สคฺคสํวตฺตนิยภาวโตฯ
Cetiyapūjanatthaṃ cārikā cetiyacārikā. Sagge patiṭṭhahissantiyeva buddhaguṇārammaṇāya kusalacetanāya saggasaṃvattaniyabhāvato.
อานนฺทปุจฺฉากถาวณฺณนา
Ānandapucchākathāvaṇṇanā
๒๐๓. เอตฺถาติ มาตุคาเมฯ อยํ อุตฺตมา ปฎิปตฺติ, ยทิทํ อทสฺสนํ, ทสฺสนมูลกตฺตา ตปฺปจฺจยานํ สพฺพานตฺถานํฯ โลโภติ กามราโคฯ จิตฺตจลนา ปฎิปตฺติอนฺตรายกโร จิตฺตโกฺขโภฯ มุรุมุราเปตฺวาติ สอฎฺฐิกํ กตฺวา ขาทเน อนุรวทสฺสนํฯ อปริมิตํ กาลํ ทุกฺขานุภวนํ อปริจฺฉินฺนทุกฺขานุภวนํฯ วิสฺสาโสติ วิสโงฺค ฆฎฺฎนาภาโวฯ โอตาโรติ ตตฺถ จิตฺตสฺส อนุปฺปเวโสฯ อสิหเตฺถน เวรีปุริเสน, ปิสาเจนาปิ ขาทิตุกาเมนฯ อาสีเทติ อกฺกมนาทิวเสน พาเธยฺยฯ อสฺสาติ มาตุคามสฺสฯ ปพฺพชิเตหิ กตฺตพฺพกมฺมนฺติ อามิสปฎิคฺคหณาทิ ปพฺพชิเตหิ กาตพฺพํ กมฺมํฯ สตีติ วา กายคตาสติ อุปฎฺฐาเปตพฺพาฯ
203.Etthāti mātugāme. Ayaṃ uttamā paṭipatti,yadidaṃ adassanaṃ, dassanamūlakattā tappaccayānaṃ sabbānatthānaṃ. Lobhoti kāmarāgo. Cittacalanā paṭipattiantarāyakaro cittakkhobho. Murumurāpetvāti saaṭṭhikaṃ katvā khādane anuravadassanaṃ. Aparimitaṃ kālaṃ dukkhānubhavanaṃ aparicchinnadukkhānubhavanaṃ. Vissāsoti visaṅgo ghaṭṭanābhāvo. Otāroti tattha cittassa anuppaveso. Asihatthena verīpurisena, pisācenāpi khāditukāmena. Āsīdeti akkamanādivasena bādheyya. Assāti mātugāmassa. Pabbajitehi kattabbakammanti āmisapaṭiggahaṇādi pabbajitehi kātabbaṃ kammaṃ. Satīti vā kāyagatāsati upaṭṭhāpetabbā.
๒๐๔. อตนฺติพทฺธาติ อภารวหาฯ เปสิตจิตฺตาติ นิพฺพานํ ปติ เปสิตจิตฺตาฯ
204.Atantibaddhāti abhāravahā. Pesitacittāti nibbānaṃ pati pesitacittā.
๒๐๕. วิหเตนาติ กปฺปาสวิหนนธนุนา ปพฺพชฎานํ วิชฎนวเสน หเตนฯ เตนาห ‘‘สุโปถิเตนา’’ติ, อสงฺกรณวเสน สุฎฺฐุ โปถิเตนาติ อโตฺถ, ทสฺสนียสํเวชนียฎฺฐานกิตฺตเนน จ วสนฎฺฐานํ กถิตํฯ
205.Vihatenāti kappāsavihananadhanunā pabbajaṭānaṃ vijaṭanavasena hatena. Tenāha ‘‘supothitenā’’ti, asaṅkaraṇavasena suṭṭhu pothitenāti attho, dassanīyasaṃvejanīyaṭṭhānakittanena ca vasanaṭṭhānaṃ kathitaṃ.
อานนฺทอจฺฉริยธมฺมวณฺณนา
Ānandaacchariyadhammavaṇṇanā
๒๐๗. เถรํ อทิสฺวา อามเนฺตสีติ ตตฺถ อทิสฺวา อาวชฺชโนฺต เถรสฺส ฐิตฎฺฐานํ, ปวตฺติญฺจ ญตฺวา อามเนฺตสิฯ
207.Theraṃ adisvā āmantesīti tattha adisvā āvajjanto therassa ṭhitaṭṭhānaṃ, pavattiñca ñatvā āmantesi.
กายกมฺมสฺส หิตภาโว หิตชฺฌาสเยน ปวตฺติตตฺตาติ อาห ‘‘หิตวุทฺธิยา กเตนา’’ติฯ สุขภาโว กายิกทุกฺขาภาโว, เจตสิกสุขภาโว เจตสิกสุขสมุฎฺฐิตตฺตา จาติ วุตฺตํ ‘‘สุขโสมนเสฺสเนว กเตนา’’ติฯ อาวิรโหวิภาคโต อทฺวยภาวโต อทฺวเยนาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สตฺถุ เขตฺตภาวสมฺปตฺติยา, เถรสฺส อชฺฌาสยสมฺปตฺติยา จ ‘‘เอตฺตกมิท’’นฺติ ปมาณํ คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ปมาณวิรหิตตฺตา ตสฺส กมฺมสฺสาติ อาห ‘‘จกฺกวาฬมฺปี’’ติอาทิฯ
Kāyakammassa hitabhāvo hitajjhāsayena pavattitattāti āha ‘‘hitavuddhiyā katenā’’ti. Sukhabhāvo kāyikadukkhābhāvo, cetasikasukhabhāvo cetasikasukhasamuṭṭhitattā cāti vuttaṃ ‘‘sukhasomanasseneva katenā’’ti. Āvirahovibhāgato advayabhāvato advayenāti imamatthaṃ dassetuṃ ‘‘yathā’’tiādi vuttaṃ. Satthu khettabhāvasampattiyā, therassa ajjhāsayasampattiyā ca ‘‘ettakamida’’nti pamāṇaṃ gahetuṃ asakkuṇeyyatāya pamāṇavirahitattā tassa kammassāti āha ‘‘cakkavāḷampī’’tiādi.
เอวํ ปวตฺติเตนาติ เอวํ โอทิสฺสกเมตฺตาภาวนาย วเสน ปวตฺติเตนฯ วิวฎฺฎูปนิสฺสยภูตํ กตํ อุปจิตํ ปุญฺญํ เอเตนาติ กตปุโญฺญ, อรหตฺตาธิคมาย กตาธิกาโรติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อภินีหารสมฺปโนฺนสีติ ทเสฺสตี’’ติฯ
Evaṃ pavattitenāti evaṃ odissakamettābhāvanāya vasena pavattitena. Vivaṭṭūpanissayabhūtaṃ kataṃ upacitaṃ puññaṃ etenāti katapuñño, arahattādhigamāya katādhikāroti attho. Tenāha ‘‘abhinīhārasampannosīti dassetī’’ti.
๒๐๘. กตฺถจิ สงฺกุจิตํ หุตฺวา ฐิตํ มหาปถวิํ ปตฺถรโนฺต วิย, ปฎิสํหฎํ หุตฺวา ฐิตํ อากาสํ วิตฺถาเรโนฺต วิย, จตุสฎฺฐาธิกโยชนสตสหสฺสุเพฺพธํ จกฺกวาฬคิริํ อโธ โอสาเรโนฺต วิย, อฎฺฐสฎฺฐาธิกสหสฺสโยชนสตสหสฺสุเพฺพธํ สิเนรุํ อุกฺขิเปโนฺต วิย, สตโยชนายามวิตฺถารํ มหาชมฺพุํ ขเนฺธ คเหตฺวา จาเลโนฺต วิยาติ ปญฺจ หิ อุปมา หิ เถรสฺส คุณกถา มหนฺตภาวทสฺสนตฺถเญฺจว อเญฺญสํ ทุกฺกฎภาวทสฺสนตฺถญฺจ อาคตาวฯ เอเตเนว จาติ จ-สเทฺทน ‘‘อหํ เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ (ที. นิ. ๒.๔), ‘‘สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ นตฺถิ เม ปฎิปุคฺคโล’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; มิ. ป. ๕.๑๑) จ เอวํ อาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ พฺยโตฺตติ ขนฺธโกสลฺลาทิสงฺขาเตน เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโตฯ เมธาวีติ เมธาสงฺขาตาย สมฺมาภาวิตาย ปญฺญาย สมนฺนาคโตฯ
208. Katthaci saṅkucitaṃ hutvā ṭhitaṃ mahāpathaviṃ pattharanto viya, paṭisaṃhaṭaṃ hutvā ṭhitaṃ ākāsaṃ vitthārento viya, catusaṭṭhādhikayojanasatasahassubbedhaṃ cakkavāḷagiriṃ adho osārento viya, aṭṭhasaṭṭhādhikasahassayojanasatasahassubbedhaṃ sineruṃ ukkhipento viya, satayojanāyāmavitthāraṃ mahājambuṃ khandhe gahetvā cālento viyāti pañca hi upamā hi therassa guṇakathā mahantabhāvadassanatthañceva aññesaṃ dukkaṭabhāvadassanatthañca āgatāva. Eteneva cāti ca-saddena ‘‘ahaṃ etarahi arahaṃ sammāsambuddho’’ (dī. ni. 2.4), ‘‘sadevakasmiṃ lokasmiṃ natthi me paṭipuggalo’’ti (ma. ni. 1.285; 2.341; mahāva. 11; kathā. 405; mi. pa. 5.11) ca evaṃ ādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Byattoti khandhakosallādisaṅkhātena veyyattiyena samannāgato. Medhāvīti medhāsaṅkhātāya sammābhāvitāya paññāya samannāgato.
๒๐๙. ปฎิสนฺถารธมฺมนฺติ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ, อุปคตานํ ปน ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนญฺจ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวเสน เจว จิตฺตรุจิวเสน จ ยถากาลํ ธมฺมํ เทเสติเยว, อุปาสโกปาสิกานํ ปน อุปนิสินฺนกถาวเสนฯ
209.Paṭisanthāradhammanti pakaticārittavasena vuttaṃ, upagatānaṃ pana bhikkhūnaṃ bhikkhunīnañca pucchāvissajjanavasena ceva cittarucivasena ca yathākālaṃ dhammaṃ desetiyeva, upāsakopāsikānaṃ pana upanisinnakathāvasena.
มหาสุทสฺสนสุตฺตเทสนาวณฺณนา
Mahāsudassanasuttadesanāvaṇṇanā
๒๑๐. ขุทฺทก-สโทฺท ปติรูปวาจี, ก-สโทฺท อปฺปโตฺถติ อาห ‘‘ขุทฺทกนครเกติ นครปติรูปเก สมฺพาเธ ขุทฺทกนครเก’’ติฯ ธุปรวิสาลสณฺฐานตาย ตํ ‘‘อุชฺชงฺคลนครก’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘วิสมนครเก’’ติฯ อเญฺญสํ มหานครานํ เอกเทสปฺปมาณตาย สาขาสทิเสฯ เอตฺถ จ ‘‘ขุทฺทกนครเก’’ติ อิมินา ตสฺส นครสฺส อปฺปกภาโว วุโตฺต, ‘‘อุชฺชงฺคลนครเก’’ติ อิมินา ภูมิวิปตฺติยา นิหีนภาโว, ‘‘สาขานครเก’’ติ อิมินา อปฺปธานภาโวฯ สารปฺปตฺตาติ วิภวสาราทินา สารมหตฺตํ ปตฺตาฯ
210.Khuddaka-saddo patirūpavācī, ka-saddo appatthoti āha ‘‘khuddakanagaraketi nagarapatirūpake sambādhe khuddakanagarake’’ti. Dhuparavisālasaṇṭhānatāya taṃ ‘‘ujjaṅgalanagaraka’’nti vuttanti āha ‘‘visamanagarake’’ti. Aññesaṃ mahānagarānaṃ ekadesappamāṇatāya sākhāsadise. Ettha ca ‘‘khuddakanagarake’’ti iminā tassa nagarassa appakabhāvo vutto, ‘‘ujjaṅgalanagarake’’ti iminā bhūmivipattiyā nihīnabhāvo, ‘‘sākhānagarake’’ti iminā appadhānabhāvo. Sārappattāti vibhavasārādinā sāramahattaṃ pattā.
กหาปณสกฎนฺติ เอตฺถ ‘‘ทฺวิกุมฺภํ สกฎํฯ กุโมฺภ ปน ทสมฺพโณ’’ติ วทนฺติฯ เทฺว ปวิสนฺตีติ เทฺว กหาปณสกฎานิ เทฺว อายวเสน ปวิสนฺติฯ
Kahāpaṇasakaṭanti ettha ‘‘dvikumbhaṃ sakaṭaṃ. Kumbho pana dasambaṇo’’ti vadanti. Dve pavisantīti dve kahāpaṇasakaṭāni dve āyavasena pavisanti.
สุภิกฺขาติ สุลภาหารา, สุนฺทราหารา จฯ เตนาห ‘‘ขชฺชโภชฺชสมฺปนฺนา’’ติฯ สทฺทํ กโรเนฺตติ รวสารินา ตุฎฺฐภาเวน โกญฺจนาทํ กโรเนฺตฯ อวิวิตฺตาติ อสุญฺญา, กทาจิ รโถ ปฐมํ คจฺฉติ, ตํ อโญฺญ อนุพนฺธโนฺต คจฺฉติ, กทาจิ ทุติยํ วุตฺตรโถ ปฐมํ คจฺฉติ, อิตโร ตํ อนุพนฺธติ เอวํ อญฺญมญฺญํ อนุพนฺธมานาฯ เอตฺถาติ กุสาวตีนคเรฯ ตสฺส มหนฺตภาวโต เจว อิทฺธาทิภาวโต จ นิจฺจํ ปโยชิตาเนว เภริอาทีนิ ตูริยานิ, สมฺม สมฺมาติ วา อญฺญมญฺญํ ปิยาลาปสโทฺท สมฺม-สโทฺทฯ กํสตาฬาทิสพฺพตาฬาวจรสโทฺท ตาฬ-สโทฺท, กูฎเภริ-สโทฺท กุมฺภถูณสโทฺทฯ
Subhikkhāti sulabhāhārā, sundarāhārā ca. Tenāha ‘‘khajjabhojjasampannā’’ti. Saddaṃ karonteti ravasārinā tuṭṭhabhāvena koñcanādaṃ karonte. Avivittāti asuññā, kadāci ratho paṭhamaṃ gacchati, taṃ añño anubandhanto gacchati, kadāci dutiyaṃ vuttaratho paṭhamaṃ gacchati, itaro taṃ anubandhati evaṃ aññamaññaṃ anubandhamānā. Etthāti kusāvatīnagare. Tassa mahantabhāvato ceva iddhādibhāvato ca niccaṃ payojitāneva bheriādīni tūriyāni, samma sammāti vā aññamaññaṃ piyālāpasaddo samma-saddo. Kaṃsatāḷādisabbatāḷāvacarasaddo tāḷa-saddo, kūṭabheri-saddo kumbhathūṇasaddo.
เอวรูปา สทฺทา โหนฺติ กจวรากิณฺณวีถิตาย, อรเญฺญ กนฺทมูลปณฺณาทิคฺคหณาย, ตตฺถ ทุกฺขชีวิกตาย จาติ ยถากฺกมํ โยเชตพฺพํฯ อิธ น เอวํ อโหสิ เทวโลเก วิย สพฺพโส ปริปุณฺณสมฺปตฺติกตายฯ
Evarūpāsaddā honti kacavarākiṇṇavīthitāya, araññe kandamūlapaṇṇādiggahaṇāya, tattha dukkhajīvikatāya cāti yathākkamaṃ yojetabbaṃ. Idha na evaṃ ahosi devaloke viya sabbaso paripuṇṇasampattikatāya.
มหนฺตํ โกลาหลนฺติ สทฺธาสมฺปนฺนานํ เทวตานํ, อุปาสกานญฺจ วเสน ปุรโต ปุรโต มหตี อุโคฺฆสนา โหติฯ ตตฺถ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส กตสฺส วิหารสฺส อภาวโต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหนฺตภาวโต เต อาคนฺตฺวา…เป.… เปเสสิฯ เปเสโนฺต จ ‘‘กถญฺหิ นาม ภควา ปจฺฉิเม กาเล อตฺตโน ปวตฺติํ อมฺหากํ นาโรเจสิ, เนสํ โทมนสฺสํ มา อโหสี’’ติ ‘‘อชฺช โข วาเสฎฺฐา’’ติอาทินา สาสนํ เปเสสิฯ
Mahantaṃ kolāhalanti saddhāsampannānaṃ devatānaṃ, upāsakānañca vasena purato purato mahatī ugghosanā hoti. Tattha bhagavantaṃ uddissa katassa vihārassa abhāvato, bhikkhusaṅghassa ca mahantabhāvato te āgantvā…pe… pesesi. Pesento ca ‘‘kathañhi nāma bhagavā pacchime kāle attano pavattiṃ amhākaṃ nārocesi, nesaṃ domanassaṃ mā ahosī’’ti ‘‘ajja kho vāseṭṭhā’’tiādinā sāsanaṃ pesesi.
มลฺลานํ วนฺทนาวณฺณนา
Mallānaṃ vandanāvaṇṇanā
๒๑๑. อฆํ ทุกฺขํ อาเวนฺติ ปกาเสนฺตีติ อฆาวิโน, ปากฎีภูตทุกฺขาติ อาห ‘‘อุปฺปนฺนทุกฺขา’’ติฯ ญาติสาโลหิตภาเวน กุลํ ปริวตฺตติ เอตฺถาติ กุลปริวตฺตํฯ ตํ ตํกุลีนภาเคน ฐิโต สตฺตนิกาโย ‘‘กุลปริวตฺตโส’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กุลปริวตฺต’’นฺติฯ เต ปน ตํตํกุลปริวตฺตปริจฺฉินฺนา มลฺลราชาโน ตสฺมิํ นคเร วีถิอาทิสภาเคน วสนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘วีถิสภาเคน เจว รจฺฉาสภาเคน จา’’ติฯ
211. Aghaṃ dukkhaṃ āventi pakāsentīti aghāvino, pākaṭībhūtadukkhāti āha ‘‘uppannadukkhā’’ti. Ñātisālohitabhāvena kulaṃ parivattati etthāti kulaparivattaṃ. Taṃ taṃkulīnabhāgena ṭhito sattanikāyo ‘‘kulaparivattaso’’ti vuttanti āha ‘‘kulaparivatta’’nti. Te pana taṃtaṃkulaparivattaparicchinnā mallarājāno tasmiṃ nagare vīthiādisabhāgena vasantīti vuttaṃ ‘‘vīthisabhāgena ceva racchāsabhāgena cā’’ti.
สุภทฺทปริพฺพาชกวตฺถุวณฺณนา
Subhaddaparibbājakavatthuvaṇṇanā
๒๑๒. กงฺขา เอว กงฺขาธโมฺมฯ เอกโต วาติ ภูมิํ อวิภชิตฺวา สาธารณโตวฯ พีชโต จ อคฺคํ คเหตฺวา อาหารํ สมฺปาเทตฺวา ทานํ พีชคฺคํฯ คพฺภกาเลติ คพฺภธารณโต ปรํ ขีรคฺคหณกาเลฯ เตนาห ‘‘คพฺภํ ผาเลตฺวา ขีรํ นิหริตฺวา’’ติอาทิฯ ปุถุกกาเลติ สสฺสานํ นาติปเกฺก ปุถุกโยคฺยผลกาเลฯ ลายนคฺคนฺติ ปกฺกสฺส สสฺสสฺส ลวเน ลวนารเมฺภ ทานํ อทาสิฯ ลุนสฺส สสฺสสฺส เวณิวเสน พนฺธิตฺวา ฐปนํ เวณิกรณํฯ ตสฺส อารเมฺภ ทานํ เวณคฺคํฯ เวณิโย ปน เอกโต กตฺวา ราสิกรณํ กลาโปฯ ตตฺถ อคฺคทานํ กลาปคฺคํฯ กลาปโต นีหริตฺวา มทฺทเน อคฺคทานํ ขลคฺคํฯ มทฺทิตํ โอผุณิตฺวา ธญฺญสฺส ราสิกรเณ อคฺคทานํ ขลภณฺฑคฺคํฯ ธญฺญสฺส ขลโต โกเฎฺฐ ปกฺขิปเน อคฺคทานํ โกฎฺฐคฺคํฯ อุทฺธริตฺวาติ โกฎฺฐโต อุทฺธริตฺวาฯ
212. Kaṅkhā eva kaṅkhādhammo. Ekato vāti bhūmiṃ avibhajitvā sādhāraṇatova. Bījato ca aggaṃ gahetvā āhāraṃ sampādetvā dānaṃ bījaggaṃ. Gabbhakāleti gabbhadhāraṇato paraṃ khīraggahaṇakāle. Tenāha ‘‘gabbhaṃ phāletvā khīraṃ niharitvā’’tiādi. Puthukakāleti sassānaṃ nātipakke puthukayogyaphalakāle. Lāyanagganti pakkassa sassassa lavane lavanārambhe dānaṃ adāsi. Lunassa sassassa veṇivasena bandhitvā ṭhapanaṃ veṇikaraṇaṃ. Tassa ārambhe dānaṃ veṇaggaṃ. Veṇiyo pana ekato katvā rāsikaraṇaṃ kalāpo. Tattha aggadānaṃ kalāpaggaṃ. Kalāpato nīharitvā maddane aggadānaṃ khalaggaṃ. Madditaṃ ophuṇitvā dhaññassa rāsikaraṇe aggadānaṃ khalabhaṇḍaggaṃ. Dhaññassa khalato koṭṭhe pakkhipane aggadānaṃ koṭṭhaggaṃ. Uddharitvāti koṭṭhato uddharitvā.
‘‘นว อคฺคทานานิ อทาสี’’ติ อิมินา ‘‘กถํ นุ โข อหํ สตฺถุ สนฺติเก อคฺคโตว มุเจฺจยฺย’’นฺติ อคฺคคฺคทานวเสน วิวฎฺฎูปนิสฺสยสฺส กุสลสฺส กตูปจิตตฺตา, ญาณสฺส จ ตถา ปริปากํ คตตฺตา อคฺคธมฺมเทสนาย ตสฺส ภาชนภาวํ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘อิมํ อคฺคธมฺมํ ตสฺส เทเสสฺสามี’’ติอาทิฯ โอหียิตฺวา สโงฺกจํ อาปชฺชิตฺวาฯ
‘‘Navaaggadānāni adāsī’’ti iminā ‘‘kathaṃ nu kho ahaṃ satthu santike aggatova mucceyya’’nti aggaggadānavasena vivaṭṭūpanissayassa kusalassa katūpacitattā, ñāṇassa ca tathā paripākaṃ gatattā aggadhammadesanāya tassa bhājanabhāvaṃ dasseti. Tenāha ‘‘imaṃ aggadhammaṃ tassa desessāmī’’tiādi. Ohīyitvā saṅkocaṃ āpajjitvā.
๒๑๓. อญฺญาตุกาโมว น สนฺทิฎฺฐิํ ปรามาสีฯ อพฺภญฺญิํสูติ สเนฺทหชาตสฺส ปุจฺฉาวจนนฺติ กตฺวา ชานิํสูติ อตฺถมาหฯ เตนาห ปาฬิยํ ‘‘สเพฺพว น อพฺภญฺญิํสู’’ติฯ เนสนฺติ ปูรณาทีนํฯ สา ปฎิญฺญาติ ‘‘กโรโต โข มหาราช การยโต’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๖๖) ปฎิญฺญาตา, สพฺพญฺญุปฎิญฺญา เอว วาฯ นิยฺยานิกาติ สปฺปาฎิหาริยา, เตสํ วา สิทฺธนฺตสงฺขาตา ปฎิญฺญา วฎฺฎโต นิสฺสรณเฎฺฐน นิยฺยานิกาติฯ สาสนสฺส สมฺปตฺติยา เตสํ สพฺพญฺญุตํ, ตพฺพิปริยายโต จ อสพฺพญฺญุตํ คจฺฉตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ อตฺถาภาวโตติ สุภทฺทสฺส สาเธตพฺพอตฺถาภาวโตฯ โอกาสาภาวโตติ ตถา วิตฺถาริตํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสตุํ อวสราภาวโตฯ อิทานิ ตเมว โอกาสาภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปฐมยามสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ
213.Aññātukāmova na sandiṭṭhiṃ parāmāsī. Abbhaññiṃsūti sandehajātassa pucchāvacananti katvā jāniṃsūti atthamāha. Tenāha pāḷiyaṃ ‘‘sabbeva na abbhaññiṃsū’’ti. Nesanti pūraṇādīnaṃ. Sā paṭiññāti ‘‘karoto kho mahārāja kārayato’’tiādinā (dī. ni. 1.166) paṭiññātā, sabbaññupaṭiññā eva vā. Niyyānikāti sappāṭihāriyā, tesaṃ vā siddhantasaṅkhātā paṭiññā vaṭṭato nissaraṇaṭṭhena niyyānikāti. Sāsanassa sampattiyā tesaṃ sabbaññutaṃ, tabbipariyāyato ca asabbaññutaṃ gacchatīti daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘tasmā’’tiādi. Atthābhāvatoti subhaddassa sādhetabbaatthābhāvato. Okāsābhāvatoti tathā vitthāritaṃ katvā dhammaṃ desetuṃ avasarābhāvato. Idāni tameva okāsābhāvaṃ dassetuṃ ‘‘paṭhamayāmasmi’’ntiādi vuttaṃ.
๒๑๔. เยสํ สมณภาวกรานํ ธมฺมานํ สมฺปาทเนน สมโณ, เต ปน อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน อริยมคฺคธมฺมาติ จตุมคฺคสํสิทฺธิยา ปาฬิยํ จตฺตาโร สมณา วุตฺตาติ เต พาหิรสมเย สเพฺพน สพฺพํ นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปฐโม โสตาปนฺนสมโณ’’ติอาทิมาหฯ ปุริมเทสนายาติ ‘‘ยสฺมิญฺจ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย’’ติอาทินา วุตฺตาย เทสนายฯ พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ อธิเปฺปโต อโตฺถ วิภาวียตีติ ปฐมนโยเปตฺถ ‘‘ปุริมเทสนายา’’ติ ปเทน สงฺคหิโต วาติ ทฎฺฐโพฺพฯ อตฺตโน สาสนํ นิยเมโนฺต อาห ‘‘อิมสฺมิํ โข’’ติ โยชนาฯ อารทฺธวิปสฺสเกหีติ สมาธิกมฺมิกวิปสฺสเกหิ, สิขาปฺปตฺตวิปสฺสเก สนฺธาย วุตฺตํ, น ปฎฺฐปิตวิปสฺสเนฯ อปเร ปน ‘‘พาหิรกสมเย วิปสฺสนารมฺภสฺส คโนฺถปิ นเตฺถวาติ อวิเสสวจนเมต’’นฺติ วทนฺติฯ อธิคตฎฺฐานนฺติ อธิคตสฺส การณํ, ตทตฺถํ ปุพฺพภาคปฎิปทนฺติ อโตฺถ, เยน โสตาปตฺติมโคฺค อธิคโต, น อุปริมโคฺค, โส โสตาปตฺติมเคฺค ฐิโต อกุปฺปธมฺมตาย ตสฺส, ตตฺถ วา สิทฺธิโต ฐิตปุโพฺพ ภูตปุพฺพคติยาติ โสตาปตฺติมคฺคโฎฺฐ โสตาปโนฺน, น เสสอริยา ภูมนฺตรุปฺปตฺติโตฯ โสตาปโนฺน หิ อตฺตนา อธิคตฎฺฐานํ โสตาปตฺติมคฺคํ อญฺญสฺส กเถตฺวา โสตาปตฺติมคฺคฎฺฐํ กเรยฺย, น อฎฺฐมโก อสมฺภวโตฯ เอส นโย เสสมคฺคเฎฺฐสูติ เอตฺถาปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปคุณํ กมฺมฎฺฐานนฺติ อตฺตโน ปคุณํ วิปสฺสนากมฺมฎฺฐานํ, เอเตเนว ‘‘อวิเสสวจน’’นฺติ วาโท ปฎิกฺขิโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ
214. Yesaṃ samaṇabhāvakarānaṃ dhammānaṃ sampādanena samaṇo, te pana ukkaṭṭhaniddesena ariyamaggadhammāti catumaggasaṃsiddhiyā pāḷiyaṃ cattāro samaṇā vuttāti te bāhirasamaye sabbena sabbaṃ natthīti dassento ‘‘paṭhamo sotāpannasamaṇo’’tiādimāha. Purimadesanāyāti ‘‘yasmiñca kho, subhadda, dhammavinaye’’tiādinā vuttāya desanāya. Byatirekato, anvayato ca adhippeto attho vibhāvīyatīti paṭhamanayopettha ‘‘purimadesanāyā’’ti padena saṅgahito vāti daṭṭhabbo. Attano sāsanaṃ niyamento āha ‘‘imasmiṃ kho’’ti yojanā. Āraddhavipassakehīti samādhikammikavipassakehi, sikhāppattavipassake sandhāya vuttaṃ, na paṭṭhapitavipassane. Apare pana ‘‘bāhirakasamaye vipassanārambhassa ganthopi natthevāti avisesavacanameta’’nti vadanti. Adhigataṭṭhānanti adhigatassa kāraṇaṃ, tadatthaṃ pubbabhāgapaṭipadanti attho, yena sotāpattimaggo adhigato, na uparimaggo, so sotāpattimagge ṭhito akuppadhammatāya tassa, tattha vā siddhito ṭhitapubbo bhūtapubbagatiyāti sotāpattimaggaṭṭho sotāpanno, na sesaariyā bhūmantaruppattito. Sotāpanno hi attanā adhigataṭṭhānaṃ sotāpattimaggaṃ aññassa kathetvā sotāpattimaggaṭṭhaṃ kareyya, na aṭṭhamako asambhavato. Esa nayo sesamaggaṭṭhesūti etthāpi imināva nayena attho veditabbo. Paguṇaṃ kammaṭṭhānanti attano paguṇaṃ vipassanākammaṭṭhānaṃ, eteneva ‘‘avisesavacana’’nti vādo paṭikkhittoti daṭṭhabbo.
สพฺพญฺญุตญฺญาณํ อธิเปฺปตํฯ ตญฺหิ สพฺพเญยฺยธมฺมาวโพธเน ‘‘กุสลํ เฉกํ นิปุณ’’นฺติ วุจฺจติ ตตฺถ อสงฺคอปฺปฎิหตํ ปวตฺตตีติ กตฺวาฯ สมธิกานิ เอเกน วเสฺสนฯ ญายนฺติ เอเตน จตุสจฺจธมฺมํ ยาถาวโต ปฎิวิชฺฌนฺตีติ ญาโย, โลกุตฺตรมโคฺคติ อาห ‘‘อริยมคฺคธมฺมสฺสา’’ติฯ ปทิสฺสติ เอเตน อริยมโคฺค ปจฺจกฺขโต ทิสฺสตีติ ปเทโส, วิปสฺสนาติ วุตฺตํ ‘‘ปเทเส วิปสฺสนามเคฺค’’ติฯ สมโณปีติ เอตฺถ ปิ-สโทฺท ‘‘ปเทสวตฺตี’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตโพฺพติ อาห ‘‘ปเทสวตฺติ…เป.… นตฺถีติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ
Sabbaññutaññāṇaṃadhippetaṃ. Tañhi sabbañeyyadhammāvabodhane ‘‘kusalaṃ chekaṃ nipuṇa’’nti vuccati tattha asaṅgaappaṭihataṃ pavattatīti katvā. Samadhikāni ekena vassena. Ñāyanti etena catusaccadhammaṃ yāthāvato paṭivijjhantīti ñāyo, lokuttaramaggoti āha ‘‘ariyamaggadhammassā’’ti. Padissati etena ariyamaggo paccakkhato dissatīti padeso, vipassanāti vuttaṃ ‘‘padese vipassanāmagge’’ti. Samaṇopīti ettha pi-saddo ‘‘padesavattī’’ti etthāpi ānetvā sambandhitabboti āha ‘‘padesavatti…pe… natthīti vuttaṃ hotī’’ti.
๒๑๕. โสติ ตถาวุโตฺต อเนฺตวาสีฯ เตนาติ อาจริเยนฯ อตฺตโน ฐาเน ฐปิโต โหติ ปรปพฺพาชนาทีสุ นิยุตฺตตฺตาฯ
215.Soti tathāvutto antevāsī. Tenāti ācariyena. Attano ṭhāne ṭhapito hoti parapabbājanādīsu niyuttattā.
สกฺขิสาวโกติ ปจฺจกฺขสาวโก, สมฺมุขสาวโกติ อโตฺถฯ ภควติ ธรมาเนติ ธรมานสฺส ภควโต สนฺติเกฯ เสสทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ สโพฺพปิ โสติ สโพฺพ โส ติวิโธปิฯ อยํ ปน อรหตฺตํ ปโตฺต, ตสฺมา ปริปุณฺณคตาย มตฺถกปฺปโตฺต ปจฺฉิโม สกฺขิสาวโกติฯ
Sakkhisāvakoti paccakkhasāvako, sammukhasāvakoti attho. Bhagavati dharamāneti dharamānassa bhagavato santike. Sesadvayepi eseva nayo. Sabbopi soti sabbo so tividhopi. Ayaṃ pana arahattaṃ patto, tasmā paripuṇṇagatāya matthakappatto pacchimo sakkhisāvakoti.
ปญฺจมภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañcamabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ตถาคตปจฺฉิมวาจาวณฺณนา
Tathāgatapacchimavācāvaṇṇanā
๒๑๖. ตนฺติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอวาทกงฺคํ ทเสฺสตุํ…เป.… วุตฺตํ ธมฺมสงฺคาหเกหีติ อธิปฺปาโยฯ สุตฺตาภิธมฺมสงฺคหิตสฺส ธมฺมสฺส อติสชฺชนํ สโมฺพธนํ เทสนา, ตเสฺสว ปการโต ญาปนํ เวเนยฺยสนฺตาเน ฐปนํ ปญฺญาปนนฺติ ‘‘ธโมฺมปิ เทสิโต เจว ปญฺญโตฺต จา’’ติ วุตฺตํฯ ตถา วินยตนฺติสงฺคหิตสฺส กายวาจานํ วินยนโต ‘‘วินโย’’ติ ลทฺธาธิวจนสฺส อตฺถสฺส อติสชฺชนํ สโมฺพธนํ เทสนา, ตเสฺสว ปการโต ญาปนํ อสงฺกรโต ฐปนํ ปญฺญาปนนฺติ ‘‘วินโยปิ เทสิโต เจว ปญฺญโตฺต จา’’ติ วุตฺตํฯ อธิสีลสิกฺขานิเทฺทสภาเวน สาสนสฺส มูลภูตตฺตา วินโย ปฐมํ สิกฺขิตโพฺพติ ตํ ตาว อยมุเทฺทสํ สรูปโต ทเสฺสโนฺต ‘‘มยา หิ โว’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สตฺตาปตฺติกฺขนฺธวเสนาติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมนียตาวเสน ฯ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ ‘‘อิทํ โว กตฺตพฺพํ, อิทํ โว น กตฺตพฺพ’’นฺติ กตฺตพฺพากตฺตพฺพสฺส วิภาเคน อนุสาสนโตฯ
216.Tanti bhikkhusaṅghassa ovādakaṅgaṃ dassetuṃ…pe… vuttaṃ dhammasaṅgāhakehīti adhippāyo. Suttābhidhammasaṅgahitassa dhammassa atisajjanaṃ sambodhanaṃ desanā, tasseva pakārato ñāpanaṃ veneyyasantāne ṭhapanaṃ paññāpananti ‘‘dhammopi desito cevapaññatto cā’’ti vuttaṃ. Tathā vinayatantisaṅgahitassa kāyavācānaṃ vinayanato ‘‘vinayo’’ti laddhādhivacanassa atthassa atisajjanaṃ sambodhanaṃ desanā, tasseva pakārato ñāpanaṃ asaṅkarato ṭhapanaṃ paññāpananti ‘‘vinayopi desito ceva paññatto cā’’ti vuttaṃ. Adhisīlasikkhāniddesabhāvena sāsanassa mūlabhūtattā vinayo paṭhamaṃ sikkhitabboti taṃ tāva ayamuddesaṃ sarūpato dassento ‘‘mayā hi vo’’tiādimāha. Tattha sattāpattikkhandhavasenāti sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ avītikkamanīyatāvasena . Satthukiccaṃ sādhessati ‘‘idaṃ vo kattabbaṃ, idaṃ vo na kattabba’’nti kattabbākattabbassa vibhāgena anusāsanato.
เตน เตนากาเรนาติ เตน เตน เวเนยฺยานํ อชฺฌาสยานุรูเปน ปกาเรนฯ อิเม ธเมฺมติ อิเม สตฺตติํสโพธิปกฺขิยธเมฺมฯ ตปฺปธานตฺตา สุตฺตนฺตเทสนาย ‘‘สุตฺตนฺตปิฎกํ เทสิต’’นฺติ วุตฺตํฯ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ ตํตํจริยานุรูปํ สมฺมาปฎิปตฺติยา อนุสาสนโตฯ กุสลากุสลาพฺยากตวเสน นว เหตูฯ ‘‘สตฺต ผสฺสา’’ติอาทิ สตฺตวิญฺญาณธาตุสมฺปโยควเสน วุตฺตํฯ ธมฺมานุโลเม ติกปฎฺฐานาทโย ฉ, ตถา ธมฺมปจฺจนีเย, ธมฺมานุโลมปจฺจนีเย, ธมฺมปจฺจนียานุโลเมติ จตุวีสติ สมนฺตปฎฺฐานานิ เอตสฺสาติ จตุวีสติสมนฺตปฎฺฐานํ, ตํ ปน ปจฺจยานุโลมาทิวเสน วิภชิยมานํ อปริมาณนยํ เอวาติ อาห ‘‘อนนฺตนยมหาปฎฺฐานปฎิมณฺฑิต’’นฺติฯ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสตีติ ขนฺธาทิวิภาเคน ญายมานํ จตุสจฺจสโมฺพธาวหตฺตา สตฺถารา สมฺมาสมฺพุเทฺธน กาตพฺพกิจฺจํ นิปฺผาเทสฺสติฯ
Tenatenākārenāti tena tena veneyyānaṃ ajjhāsayānurūpena pakārena. Ime dhammeti ime sattatiṃsabodhipakkhiyadhamme. Tappadhānattā suttantadesanāya ‘‘suttantapiṭakaṃ desita’’nti vuttaṃ. Satthukiccaṃ sādhessati taṃtaṃcariyānurūpaṃ sammāpaṭipattiyā anusāsanato. Kusalākusalābyākatavasena nava hetū. ‘‘Satta phassā’’tiādi sattaviññāṇadhātusampayogavasena vuttaṃ. Dhammānulome tikapaṭṭhānādayo cha, tathā dhammapaccanīye, dhammānulomapaccanīye, dhammapaccanīyānulometi catuvīsati samantapaṭṭhānāni etassāti catuvīsatisamantapaṭṭhānaṃ, taṃ pana paccayānulomādivasena vibhajiyamānaṃ aparimāṇanayaṃ evāti āha ‘‘anantanayamahāpaṭṭhānapaṭimaṇḍita’’nti. Satthukiccaṃ sādhessatīti khandhādivibhāgena ñāyamānaṃ catusaccasambodhāvahattā satthārā sammāsambuddhena kātabbakiccaṃ nipphādessati.
โอวทิสฺสนฺติ อนุสาสิสฺสนฺติ โอวาทานุสาสนีกิจฺจนิปฺผาทนโตฯ
Ovadissanti anusāsissanti ovādānusāsanīkiccanipphādanato.
จาริตฺตนฺติ สมุทาจารา, นเวสุ ปิยาลาปํ วุเฑฺฒสุ คารวาลาปนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ภเนฺตติ วา อายสฺมาติ วา’’ติฯ คารววจนํ เหตํ ยทิทํ ภเนฺตติ วา อายสฺมาติ วา, โลเก ปน ‘‘ตตฺร ภว’’นฺติ, ‘‘เทวานํ ปิยา’’ติ จ คารววจนเมวฯ
Cārittanti samudācārā, navesu piyālāpaṃ vuḍḍhesu gāravālāpanti attho. Tenāha ‘‘bhanteti vā āyasmāti vā’’ti. Gāravavacanaṃ hetaṃ yadidaṃ bhanteti vā āyasmāti vā, loke pana ‘‘tatra bhava’’nti, ‘‘devānaṃ piyā’’ti ca gāravavacanameva.
‘‘อากงฺขมาโน สมูหนตู’’ติ วุเตฺต ‘‘น อากงฺขมาโน น สมูหนตู’’ติปิ วุตฺตเมว โหตีติ อาห ‘‘วิกปฺปวจเนเนว ฐเปสี’’ติฯ พลนฺติ ญาณพลํฯ ยทิ อสมูหนนํ ทิฎฺฐํ, ตเทว จ อิจฺฉิตํ, อถ กสฺมา ภควา ‘‘อากงฺขมาโน สมูหนตู’’ติ อโวจาติ? ตถารูปปุคฺคลชฺฌาสยวเสนฯ สนฺติ หิ เกจิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมาทาย สํวตฺติตุํ อนิจฺฉนฺตา, เตสํ ตถา อวุจฺจมาเน ภควติ วิฆาโต อุปฺปเชฺชยฺย, ตํ เตสํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย, ตถา ปน วุเตฺต เตสํ วิฆาโต น อุปฺปเชฺชยฺย ‘‘อมฺหากํ เอวายํ โทโส, ยโต อเมฺหสุ เอว เกจิ สมูหนนํ น อิจฺฉนฺตี’’ติฯ เกจิ ‘‘สกลสฺส ปน สาสนสฺส สงฺฆายตฺตภาวกรณตฺถํ ตถา วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ ยญฺจ กิญฺจิ สตฺถารา สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ, ตํ สมณา สกฺยปุตฺติยา สิรสา สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ชีวิตํ วิย รกฺขนฺติฯ ตถา หิ เต ‘‘ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ อากงฺขมาโน สโงฺฆ สมูหนตู’’ติ วุเตฺตปิ น สมูหนิํสุ, อญฺญทตฺถุ ‘‘ปุรโต วิย ตสฺส อจฺจเยปิ รกฺขิํสุ เอวา’’ติ สตฺถุสาสนสฺส , สงฺฆสฺส จ มหนฺตภาวทสฺสนตฺถมฺปิ ตถา วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตถา หิ อายสฺมา อานโนฺท, อเญฺญปิ วา ภิกฺขู ‘‘กตมํ ปน ภเนฺต ขุทฺทกํ, กตมํ อนุขุทฺทก’’นฺติ น ปุจฺฉิํสุ สมูหนชฺฌาสยเสฺสว อภาวโตฯ
‘‘Ākaṅkhamāno samūhanatū’’ti vutte ‘‘na ākaṅkhamāno na samūhanatū’’tipi vuttameva hotīti āha ‘‘vikappavacaneneva ṭhapesī’’ti. Balanti ñāṇabalaṃ. Yadi asamūhananaṃ diṭṭhaṃ, tadeva ca icchitaṃ, atha kasmā bhagavā ‘‘ākaṅkhamāno samūhanatū’’ti avocāti? Tathārūpapuggalajjhāsayavasena. Santi hi keci khuddānukhuddakāni sikkhāpadāni samādāya saṃvattituṃ anicchantā, tesaṃ tathā avuccamāne bhagavati vighāto uppajjeyya, taṃ tesaṃ bhavissati dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya, tathā pana vutte tesaṃ vighāto na uppajjeyya ‘‘amhākaṃ evāyaṃ doso, yato amhesu eva keci samūhananaṃ na icchantī’’ti. Keci ‘‘sakalassa pana sāsanassa saṅghāyattabhāvakaraṇatthaṃ tathā vutta’’nti vadanti. Yañca kiñci satthārā sikkhāpadaṃ paññattaṃ, taṃ samaṇā sakyaputtiyā sirasā sampaṭicchitvā jīvitaṃ viya rakkhanti. Tathā hi te ‘‘khuddānukhuddakāni sikkhāpadāni ākaṅkhamāno saṅgho samūhanatū’’ti vuttepi na samūhaniṃsu, aññadatthu ‘‘purato viya tassa accayepi rakkhiṃsu evā’’ti satthusāsanassa , saṅghassa ca mahantabhāvadassanatthampi tathā vuttanti daṭṭhabbaṃ. Tathā hi āyasmā ānando, aññepi vā bhikkhū ‘‘katamaṃ pana bhante khuddakaṃ, katamaṃ anukhuddaka’’nti na pucchiṃsu samūhanajjhāsayasseva abhāvato.
น ตํ เอวํ คเหตพฺพนฺติ ‘‘นาคเสนเตฺถโร ขุทฺทานุขุทฺทกํ ชานาตี’’ติอาทินา วุตฺตํ ตํ เนสํ วจนํ อิมินา วุตฺตากาเรน น คเหตพฺพํ อธิปฺปายสฺส อวิทิตตฺตาฯ อิทานิ ตํ อธิปฺปายํ วิภาเวตุํ ‘‘นาคเสนเตฺถโร หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยสฺมา นาคเสนเตฺถโร (มิลินฺทปเญฺห อเภชฺชวเคฺค วิตฺถาโร) ปเรสํ วาทปโถปเจฺฉทนตฺถํ สงฺคีติกาเล ธมฺมสงฺคาหกมหาเถเรหิ คหิตโกฎฺฐาเสสุ จ อนฺติมโกฎฺฐาสเมว คเหตฺวา มิลินฺทราชานํ ปญฺญาเปสิฯ มหากสฺสปเตฺถโร ปน เอกสิกฺขาปทมฺปิ อสมูหนิตุกามตาย ตถา กมฺมวาจํ สาเวติ, ตสฺมา ตํ เตสํ วจนํ ตถา น คเหตพฺพํฯ
Na taṃ evaṃ gahetabbanti ‘‘nāgasenatthero khuddānukhuddakaṃ jānātī’’tiādinā vuttaṃ taṃ nesaṃ vacanaṃ iminā vuttākārena na gahetabbaṃ adhippāyassa aviditattā. Idāni taṃ adhippāyaṃ vibhāvetuṃ ‘‘nāgasenattherohī’’tiādi vuttaṃ. Yasmā nāgasenatthero (milindapañhe abhejjavagge vitthāro) paresaṃ vādapathopacchedanatthaṃ saṅgītikāle dhammasaṅgāhakamahātherehi gahitakoṭṭhāsesu ca antimakoṭṭhāsameva gahetvā milindarājānaṃ paññāpesi. Mahākassapatthero pana ekasikkhāpadampi asamūhanitukāmatāya tathā kammavācaṃ sāveti, tasmā taṃ tesaṃ vacanaṃ tathā na gahetabbaṃ.
๒๑๗. เทฺวฬฺหกนฺติ ทฺวิธาคาโห, อเนกํสคฺคาโหติ อโตฺถฯ วิมตีติ สํสยาปตฺติฯ เตนาห ‘‘วินิจฺฉิตุํ อสมตฺถตา’’ติฯ ตํ โว วทามีติ ตํ สํสยวนฺตํ ภิกฺขุํ สนฺธาย โว ตุเมฺห วทามิฯ
217.Dveḷhakanti dvidhāgāho, anekaṃsaggāhoti attho. Vimatīti saṃsayāpatti. Tenāha ‘‘vinicchituṃ asamatthatā’’ti. Taṃ vo vadāmīti taṃ saṃsayavantaṃ bhikkhuṃ sandhāya vo tumhe vadāmi.
นิกฺกงฺขภาวปจฺจกฺขกรณญาณํ เยวาติ พุทฺธาทีสุ เตสํ ภิกฺขูนํ นิกฺกงฺขภาวสฺส ปจฺจกฺขการิยาภาวโต ตมตฺถํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา ฐิตํ สพฺพญฺญุตญฺญาณเมวฯ เอตฺถ เอตสฺมิํ อเตฺถฯ
Nikkaṅkhabhāvapaccakkhakaraṇañāṇaṃ yevāti buddhādīsu tesaṃ bhikkhūnaṃ nikkaṅkhabhāvassa paccakkhakāriyābhāvato tamatthaṃ paṭivijjhitvā ṭhitaṃ sabbaññutaññāṇameva. Ettha etasmiṃ atthe.
๒๑๘. อปฺปมชฺชนํ อปฺปมาโท, โส ปน อตฺถโต ญาณูปสญฺหิตา สติฯ ยสฺมา ตตฺถ สติยา พฺยาปาโร สาติสโย, ตสฺมา ‘‘สติอวิปฺปวาเสนา’’ติ วุตฺตํฯ อปฺปมาทปเทเยว ปกฺขิปิตฺวา อทาสิ ตํ อตฺถโต, ตสฺส สกลสฺส พุทฺธวจนสฺส สงฺคณฺหนโต จฯ
218. Appamajjanaṃ appamādo, so pana atthato ñāṇūpasañhitā sati. Yasmā tattha satiyā byāpāro sātisayo, tasmā ‘‘satiavippavāsenā’’ti vuttaṃ. Appamādapadeyeva pakkhipitvā adāsi taṃ atthato, tassa sakalassa buddhavacanassa saṅgaṇhanato ca.
ปรินิพฺพุตกถาวณฺณนา
Parinibbutakathāvaṇṇanā
๒๑๙. ฌานาทีสุ, จิเตฺต จ ปรมุกฺกํสคตวสีภาวตาย ‘‘เอตฺตเก กาเล เอตฺตกา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ กาลปริเจฺฉทํ กตฺวา สมาปตฺติ สมาปชฺชนํ ‘‘ปรินิพฺพานปริกมฺม’’นฺติ อธิเปฺปตํฯ เถโรติ อนุรุทฺธเตฺถโรฯ
219. Jhānādīsu, citte ca paramukkaṃsagatavasībhāvatāya ‘‘ettake kāle ettakā samāpattiyo samāpajjitvā parinibbāyissāmī’’ti kālaparicchedaṃ katvā samāpatti samāpajjanaṃ ‘‘parinibbānaparikamma’’nti adhippetaṃ. Theroti anuruddhatthero.
อยมฺปิ จาติ ยถาวุตฺตปญฺจสฎฺฐิยา ฌานานํ สมาปนฺนภาวกถาปิ สเงฺขปกถา เอว, กสฺมา ? ยสฺมา ภควา ตทาปิ เทวสิกํ วฬญฺชนสมาปตฺติโย สพฺพาปิ อปริหาเปตฺวา สมาปชฺชิ เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘นิพฺพานปุรํ ปวิสโนฺต’’ติอาทิมาหฯ
Ayampicāti yathāvuttapañcasaṭṭhiyā jhānānaṃ samāpannabhāvakathāpi saṅkhepakathā eva, kasmā ? Yasmā bhagavā tadāpi devasikaṃ vaḷañjanasamāpattiyo sabbāpi aparihāpetvā samāpajji evāti dassento ‘‘nibbānapuraṃ pavisanto’’tiādimāha.
อิมานิ เทฺวปิ สมนนฺตราเนว ปจฺจเวกฺขณายปิ เยภุเยฺยนานนฺตริยกตาย ฌานปกฺขิกภาวโต, ยสฺมา ภวงฺคจิตฺตํ สพฺพปจฺฉิมํ, ตโต ภวโต จวนโต ‘‘จุตี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา น เกวลํ อยเมว ภควา, อถ โข สเพฺพปิ สตฺตา ภวงฺคจิเตฺตเนว จวนฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘เย หิ เกจี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Imāni dvepi samanantarāneva paccavekkhaṇāyapi yebhuyyenānantariyakatāya jhānapakkhikabhāvato, yasmā bhavaṅgacittaṃ sabbapacchimaṃ, tato bhavato cavanato ‘‘cutī’’ti vuccati, tasmā na kevalaṃ ayameva bhagavā, atha kho sabbepi sattā bhavaṅgacitteneva cavantīti dassetuṃ ‘‘ye hi kecī’’tiādi vuttaṃ.
๒๒๐. ปฎิภาคปุคฺคลวิรหิโตติ สีลาทิคุเณหิ อสทิสตาย สทิสปุคฺคลรหิโตฯ
220.Paṭibhāgapuggalavirahitoti sīlādiguṇehi asadisatāya sadisapuggalarahito.
๒๒๑. สงฺขารา วูปสมนฺติ เอตฺถาติ วูปสโมติ เอวํสงฺขาตํ ญาตํ กถิตํ นิพฺพานํฯ
221. Saṅkhārā vūpasamanti etthāti vūpasamoti evaṃsaṅkhātaṃ ñātaṃ kathitaṃ nibbānaṃ.
๒๒๒. ยนฺติ ปจฺจเตฺต อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘โย กาลํ อกรี’’ติฯ
222.Yanti paccatte upayogavacananti āha ‘‘yo kālaṃ akarī’’ti.
สุวิกสิเตเนวาติ ปีติโสมนสฺสโยคโต สุฎฺฐุ วิกสิเตน มุทิเตนฯ เวทนํ อธิวาเสสิ อภาวสมุทโย กโต สุฎฺฐุ ปริญฺญาตตฺตาฯ อนาวรณวิโมโกฺข สพฺพโส นิพฺพุตภาวโตฯ
Suvikasitenevāti pītisomanassayogato suṭṭhu vikasitena muditena. Vedanaṃ adhivāsesi abhāvasamudayo kato suṭṭhu pariññātattā. Anāvaraṇavimokkho sabbaso nibbutabhāvato.
๒๒๓. อากโรนฺติ อตฺตโน ผลานิ สมานากาเร กโรนฺตีติ อาการา, การณานิฯ สพฺพาการวรูเปเตติ สเพฺพหิ อาการวเรหิ อุตฺตมการเณหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคเตติ อโตฺถฯ
223. Ākaronti attano phalāni samānākāre karontīti ākārā, kāraṇāni. Sabbākāravarūpeteti sabbehi ākāravarehi uttamakāraṇehi sīlādiguṇehi samannāgateti attho.
๒๒๕. กถํภูตาติ กีทิสาภูตาฯ
225.Kathaṃbhūtāti kīdisābhūtā.
จุลฺลกทฺธานนฺติ ปริตฺตํ กาลํ ทฺวตฺตินาฑิกามตฺตํ เวลํฯ
Cullakaddhānanti parittaṃ kālaṃ dvattināḍikāmattaṃ velaṃ.
พุทฺธสรีรปูชาวณฺณนา
Buddhasarīrapūjāvaṇṇanā
๒๒๗. กํสตาฬาทิ ตาฬํ อวจรติ เอตฺถาติ ‘‘ตาฬาวจร’’นฺติ วุจฺจติ อาตตาทิตูริยภณฺฑํฯ เตนาห ‘‘สพฺพํ ตูริยภณฺฑ’’นฺติฯ
227. Kaṃsatāḷādi tāḷaṃ avacarati etthāti ‘‘tāḷāvacara’’nti vuccati ātatāditūriyabhaṇḍaṃ. Tenāha ‘‘sabbaṃ tūriyabhaṇḍa’’nti.
ทกฺขิณทิสาภาเคเนวาติ อเญฺญน ทิสาภาเคน อนาหริตฺวา ยมกสาลานํ ฐานโต ทกฺขิณทิสาภาเคเนว, ตโตปิ ทกฺขิณทิสาภาคํ หริตฺวา เนตฺวาฯ
Dakkhiṇadisābhāgenevāti aññena disābhāgena anāharitvā yamakasālānaṃ ṭhānato dakkhiṇadisābhāgeneva, tatopi dakkhiṇadisābhāgaṃ haritvā netvā.
เชตวนสทิเสติ สาวตฺถิยา เชตวนสทิเส ฐาเน, ‘‘เชตวนสทิเส ฐาเน’’ติปิ ปาโฐฯ
Jetavanasadiseti sāvatthiyā jetavanasadise ṭhāne, ‘‘jetavanasadise ṭhāne’’tipi pāṭho.
๒๒๘. ปสาธนมงฺคลสาลายาติ อภิเสกกาเล อลงฺกรณมงฺคลสาลายฯ
228.Pasādhanamaṅgalasālāyāti abhisekakāle alaṅkaraṇamaṅgalasālāya.
๒๒๙. เทวทานิโยติ ตสฺส โจรสฺส นามํฯ
229.Devadāniyoti tassa corassa nāmaṃ.
มหากสฺสปเตฺถรวตฺถุวณฺณนา
Mahākassapattheravatthuvaṇṇanā
๒๓๑. ปาวายาติ ปาวา นครโตฯ อาวชฺชนปฎิพทฺธตฺตา ชานนสฺส อนาวชฺชิตตฺตา สตฺถุ ปรินิพฺพานํ อชานโนฺต ‘‘ทสพลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ เถโร จิเนฺตสิ, สตฺถุ สรีเร วา สตฺถุสญฺญํ อุปฺปาเทโนฺต ตถา จิเนฺตสิฯ เตเนวาห ‘‘อถ ภควนฺตํ อุกฺขิปิตฺวา’’ติฯ ‘‘ธุวํ ปรินิพฺพุโต ภวิสฺสตี’’ติ จิเนฺตสิ ปาริเสสญาเยนฯ ชานโนฺตปิ เถโร อาชีวกํ ปุจฺฉิเยว, ปุจฺฉเน ปน การณํ สยเมว ปกาเสตุํ ‘‘กิํ ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ
231.Pāvāyāti pāvā nagarato. Āvajjanapaṭibaddhattā jānanassa anāvajjitattā satthu parinibbānaṃ ajānanto ‘‘dasabalaṃ passissāmī’’ti thero cintesi, satthu sarīre vā satthusaññaṃ uppādento tathā cintesi. Tenevāha ‘‘atha bhagavantaṃ ukkhipitvā’’ti. ‘‘Dhuvaṃ parinibbuto bhavissatī’’ti cintesi pārisesañāyena. Jānantopi thero ājīvakaṃ pucchiyeva, pucchane pana kāraṇaṃ sayameva pakāsetuṃ ‘‘kiṃ panā’’tiādi āraddhaṃ.
อชฺช สตฺตาหปรินิพฺพุโตติ อชฺช ทิวสโต ปฎิโลมโต สตฺตเม อหนิ ปรินิพฺพุโตฯ
Ajja sattāhaparinibbutoti ajja divasato paṭilomato sattame ahani parinibbuto.
๒๓๒. นาฬิยา วาปเกนาติ นาฬิยา เจว ถวิกาย จฯ
232.Nāḷiyā vāpakenāti nāḷiyā ceva thavikāya ca.
มญฺชุเกติ มญฺชุภาณิเน มธุรสฺสเรฯ ปฎิภาเนยฺยเกติ ปฎิภานวเนฺตฯ ภุญฺชิตฺวา ปาตพฺพยาคูติ ปฐมํ ภุญฺชิตฺวา ปิวิตพฺพยาคุฯ
Mañjuketi mañjubhāṇine madhurassare. Paṭibhāneyyaketi paṭibhānavante. Bhuñjitvā pātabbayāgūti paṭhamaṃ bhuñjitvā pivitabbayāgu.
ตสฺสาติ สุภทฺทสฺส วุฑฺฒปพฺพชิตสฺสฯ
Tassāti subhaddassa vuḍḍhapabbajitassa.
อาราธิตสาสเนติ สมาหิตสาสเนฯ อลนฺติ สมโตฺถฯ ปาโปติ ปาปปุคฺคโลฯ โอสกฺกาเปตุนฺติ หาเปตุํ อนฺตรธาเปตุํฯ
Ārādhitasāsaneti samāhitasāsane. Alanti samattho. Pāpoti pāpapuggalo. Osakkāpetunti hāpetuṃ antaradhāpetuṃ.
ปญฺหวาราติ ปญฺหา วิย วิสฺสชฺชนานิ ‘‘ยสฺมิํ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทินา, (ธ. ส. ๑.๑) ‘‘ยสฺมิํ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑.๒๕๑) จ ปวตฺตานิ เอกํ เทฺว ภูมนฺตรานิฯ มูเล นเฎฺฐ ปิสาจสทิสา ภวิสฺสามาติ ยถา รุเกฺข อธิวโตฺถ ปิสาโจ ตสฺส สาขาปริวาเร นเฎฺฐ ขนฺธํ นิสฺสาย วสติ, ขเนฺธ นเฎฺฐ มูลํ นิสฺสาย วสติ, มูเล ปน นเฎฺฐ อนิสฺสโยว โหติ, ตถา ภวิสฺสามาติ อโตฺถฯ อถ วา มูเล นเฎฺฐติ ปิสาเจน กิร รุกฺขคจฺฉาทีนํ กญฺจิเทว มูลํ ฉินฺทิตฺวา อตฺตโน ปุตฺตสฺส ทินฺนํ, ยาว ตํ ตสฺส หตฺถโต น วิคจฺฉติ, ตาว โส ตํ ปเทสํ อทิสฺสมานรูโป วิจรติฯ ยทา ปน ตสฺมิํ เกนจิ อจฺฉินฺนภาเวน วา สติวิปฺปวาสวเสน วา นเฎฺฐ มนุสฺสานมฺปิ ทิสฺสมานรูโป วิจรติ, ตํ สนฺธายาห ‘‘มูเล นเฎฺฐ ปิสาจสทิสา ภวิสฺสามา’’ติฯ
Pañhavārāti pañhā viya vissajjanāni ‘‘yasmiṃ samaye kāmāvacaraṃ kusalaṃ cittaṃ uppannaṃ hotī’’tiādinā, (dha. sa. 1.1) ‘‘yasmiṃ samaye rūpūpapattiyā maggaṃ bhāvetī’’tiādinā (dha. sa. 1.251) ca pavattāni ekaṃ dve bhūmantarāni.Mūle naṭṭhe pisācasadisā bhavissāmāti yathā rukkhe adhivattho pisāco tassa sākhāparivāre naṭṭhe khandhaṃ nissāya vasati, khandhe naṭṭhe mūlaṃ nissāya vasati, mūle pana naṭṭhe anissayova hoti, tathā bhavissāmāti attho. Atha vā mūle naṭṭheti pisācena kira rukkhagacchādīnaṃ kañcideva mūlaṃ chinditvā attano puttassa dinnaṃ, yāva taṃ tassa hatthato na vigacchati, tāva so taṃ padesaṃ adissamānarūpo vicarati. Yadā pana tasmiṃ kenaci acchinnabhāvena vā sativippavāsavasena vā naṭṭhe manussānampi dissamānarūpo vicarati, taṃ sandhāyāha ‘‘mūle naṭṭhe pisācasadisā bhavissāmā’’ti.
มํ กายสกฺขิํ กตฺวาติ ตํ ปฎิปทํ กาเยน สจฺฉิกตวนฺตํ ตสฺมา ตสฺสา เทสนาย สกฺขิภูตํ มํ กตฺวาฯ ปฎิจฺฉาเปสิ ตํ ปฎิจฺฉาปนํ กสฺสปสุเตฺตน ทีเปตพฺพํฯ
Maṃ kāyasakkhiṃ katvāti taṃ paṭipadaṃ kāyena sacchikatavantaṃ tasmā tassā desanāya sakkhibhūtaṃ maṃ katvā. Paṭicchāpesi taṃ paṭicchāpanaṃ kassapasuttena dīpetabbaṃ.
๒๓๓. จนฺทนฆฎิกาพาหุลฺลโต จนฺทนจิตกาฯ
233. Candanaghaṭikābāhullato candanacitakā.
ตํ สุตฺวาติ ตํ อายสฺมตา อนุรุทฺธเตฺถเรน วุตฺตํ เทวตานํ อธิปฺปายํ สุตฺวาฯ
Taṃ sutvāti taṃ āyasmatā anuruddhattherena vuttaṃ devatānaṃ adhippāyaṃ sutvā.
๒๓๔. ทสิกตนฺตํ วาติ ปลิเวฐิตอหตกาสิกวตฺถานํ ทสฐาเนน ตนฺตุมตฺตมฺปิ วาฯ ทารุกฺขนฺธํ วาติ จนฺทนาทิจิตกทารุกฺขนฺธํ วาฯ
234.Dasikatantaṃ vāti paliveṭhitaahatakāsikavatthānaṃ dasaṭhānena tantumattampi vā. Dārukkhandhaṃ vāti candanādicitakadārukkhandhaṃ vā.
๒๓๕. สมุทาเยสุ ปวตฺตโวหารานํ อวยเวสุ ทิสฺสนโต สรีรสฺส อวยวภูตานิ อฎฺฐีนิ ‘‘สรีรานี’’ติ วุตฺตานิฯ
235. Samudāyesu pavattavohārānaṃ avayavesu dissanato sarīrassa avayavabhūtāni aṭṭhīni ‘‘sarīrānī’’ti vuttāni.
น วิปฺปกิริํสูติ สรูเปเนว ฐิตาติ อโตฺถฯ ‘‘เสสา วิปฺปกิริํสู’’ติ วตฺวา ยถา ปน ตา วิปฺปกิณฺณา อเหสุํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Na vippakiriṃsūti sarūpeneva ṭhitāti attho. ‘‘Sesā vippakiriṃsū’’ti vatvā yathā pana tā vippakiṇṇā ahesuṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ.
อุทกธารา นิกฺขมิตฺวา นิพฺพาเปสุนฺติ เทวตานุภาเวนฯ เอวํ มหติโย พหู อุทกธารา กิมตฺถายาติ อาห ‘‘ภควโต จิตโก มหโนฺต’’ติฯ มหา หิ โส วีสรตนสติโกฯ อฎฺฐทนฺตเกหีติ นงฺคเลหิ อเฎฺฐว หิ เนสํ ทนฺตสทิสานิ โปตฺถานิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อฎฺฐทนฺตกานี’’ติ วุจฺจติฯ
Udakadhārā nikkhamitvā nibbāpesunti devatānubhāvena. Evaṃ mahatiyo bahū udakadhārā kimatthāyāti āha ‘‘bhagavato citako mahanto’’ti. Mahā hi so vīsaratanasatiko. Aṭṭhadantakehīti naṅgalehi aṭṭheva hi nesaṃ dantasadisāni potthāni honti, tasmā ‘‘aṭṭhadantakānī’’ti vuccati.
ธมฺมกถาว ปมาณนฺติ อติวิย อจฺฉริยพฺภุตภาวโต ปสฺสนฺตานํ, สุณนฺตานญฺจ สาติสยํ ปสาทาวหภาวโต, สวิเสสํ พุทฺธานุภาวทีปนโตฯ ปรินิพฺพุตสฺส หิ พุทฺธสฺส ภควโต เอวรูโป อานุภาโวติ ตํ ปวตฺติํ กเถนฺตานํ ธมฺมกถิกานํ อตฺตโน ญาณพลานุรูปํ ปวตฺติยมานา ธมฺมกถา เอเวตฺถ ปมาณํ วเณฺณตพฺพสฺส อตฺถสฺส มหาวิสยตฺตา, ตสฺมา วณฺณนาภูมิ นาเมสาติ อธิปฺปาโยฯ จตุชฺชาติยคนฺธปริภณฺฑํ กาเรตฺวาติ ตครกุงฺกุมยวนปุปฺผตมาลปตฺตานิ ปิสิตฺวา กตคเนฺธน ปริภณฺฑํ กาเรตฺวาฯ ขจิตฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ โอลมฺพนวเสน รเจตฺวา, คนฺธวตฺถูนิ คเหตฺวา คนฺถิตมาลา คนฺธทามานิ รตนาวฬิโย รตนทามานิฯ พหิกิลญฺชปริเกฺขปสฺส, อโนฺตสาณิปริเกฺขปสฺส กรเณน สาณิกิลญฺชปริเกฺขปํ กาเรตฺวาฯ วาตคฺคาหินิโย ปฎากา วาตปฎากาฯ สรภรูปปาทโก ปลฺลโงฺก สรภมยปลฺลโงฺก, ตสฺมิํ สรภมยปลฺลเงฺกฯ
Dhammakathāvapamāṇanti ativiya acchariyabbhutabhāvato passantānaṃ, suṇantānañca sātisayaṃ pasādāvahabhāvato, savisesaṃ buddhānubhāvadīpanato. Parinibbutassa hi buddhassa bhagavato evarūpo ānubhāvoti taṃ pavattiṃ kathentānaṃ dhammakathikānaṃ attano ñāṇabalānurūpaṃ pavattiyamānā dhammakathā evettha pamāṇaṃ vaṇṇetabbassa atthassa mahāvisayattā, tasmā vaṇṇanābhūmi nāmesāti adhippāyo. Catujjātiyagandhaparibhaṇḍaṃ kāretvāti tagarakuṅkumayavanapupphatamālapattāni pisitvā katagandhena paribhaṇḍaṃ kāretvā. Khacitvāti tattha tattha olambanavasena racetvā, gandhavatthūni gahetvā ganthitamālā gandhadāmāni ratanāvaḷiyo ratanadāmāni. Bahikilañjaparikkhepassa, antosāṇiparikkhepassa karaṇena sāṇikilañjaparikkhepaṃ kāretvā. Vātaggāhiniyo paṭākā vātapaṭākā. Sarabharūpapādako pallaṅko sarabhamayapallaṅko, tasmiṃ sarabhamayapallaṅke.
สตฺติหตฺถา ปุริสา สตฺติโย ตํสหจรณโต ยถา ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ, เตหิ สมนฺตโต รกฺขาปนํ ปญฺจกรณนฺติ อาห ‘‘สตฺติหเตฺถหิ ปุริเสหิ ปริกฺขิปาเปตฺวา’’ติฯ ธนูหีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สนฺนาหควจฺฉิกํ วิย กตฺวา นิรนฺตราวฎฺฐิตอารกฺขสนฺนาเหน ควจฺฉิชาลํ วิย กตฺวาฯ
Sattihatthā purisā sattiyo taṃsahacaraṇato yathā ‘‘kuntā pacarantī’’ti, tehi samantato rakkhāpanaṃ pañcakaraṇanti āha ‘‘sattihatthehi purisehi parikkhipāpetvā’’ti. Dhanūhīti etthāpi eseva nayo. Sannāhagavacchikaṃviya katvā nirantarāvaṭṭhitaārakkhasannāhena gavacchijālaṃ viya katvā.
สาธุกีฬิตนฺติ สปรหิตํ สาธนเฎฺฐน สาธู, เตสํ กีฬิตํ อุฬารปุญฺญปสวนโต, สมฺปรายิกตฺถาวิโรธิกํ กีฬาวิหารนฺติ อโตฺถฯ
Sādhukīḷitanti saparahitaṃ sādhanaṭṭhena sādhū, tesaṃ kīḷitaṃ uḷārapuññapasavanato, samparāyikatthāvirodhikaṃ kīḷāvihāranti attho.
สรีรธาตุวิภชนวณฺณนา
Sarīradhātuvibhajanavaṇṇanā
๒๓๖. อิมินาว นิยาเมนาติ เยน นีหาเรน มหาตเล นิสิโนฺน กญฺจิ ปริหารํ อกตฺวา เกวลํ อิมินา นิยาเมเนวฯ สุปินโกติ ทุสฺสุปินโกฯ ทุกูลทุปฎฺฎํ นิวาเสตฺวาติ เทฺว ทุกูลวตฺถานิ เอกชฺฌํ กตฺวา นิวาเสตฺวาฯ เอวญฺหิ ตานิ โสกสมปฺปิตสฺสาปิ อภสฺสิตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ
236.Imināva niyāmenāti yena nīhārena mahātale nisinno kañci parihāraṃ akatvā kevalaṃ iminā niyāmeneva. Supinakoti dussupinako. Dukūladupaṭṭaṃ nivāsetvāti dve dukūlavatthāni ekajjhaṃ katvā nivāsetvā. Evañhi tāni sokasamappitassāpi abhassitvā tiṭṭhanti.
อภิเสกสิญฺจโกติ รชฺชาภิเสเก อภิเสกมงฺคลสิญฺจโก อุตฺตมมงฺคลภาวโตฯ วิสญฺญี ชาโต ยถา ตํ ภควโต คุณวิเสสามตรสญฺญุตาย อวฎฺฐิตเปโม โปถุชฺชนิกสทฺธาย ปติฎฺฐิตปสาโท กตูปการตาย สญฺชนิตจิตฺตมทฺทโวฯ
Abhisekasiñcakoti rajjābhiseke abhisekamaṅgalasiñcako uttamamaṅgalabhāvato. Visaññī jāto yathā taṃ bhagavato guṇavisesāmatarasaññutāya avaṭṭhitapemo pothujjanikasaddhāya patiṭṭhitapasādo katūpakāratāya sañjanitacittamaddavo.
สุวณฺณพิมฺพิสกวณฺณนฺติ สุวิรจิต อปเสฺสนสทิสํฯ
Suvaṇṇabimbisakavaṇṇanti suviracita apassenasadisaṃ.
กสฺมา ปเนตฺถ ปาเวยฺยกา ปาฬิยํ สพฺพปจฺฉโต คหิตา, กิํ เต กุสินาราย อาสนฺนตราปิ สพฺพปจฺฉโต อุฎฺฐิตา? อาม, สพฺพปจฺฉโต อุฎฺฐิตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ ปาเวยฺยกา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Kasmā panettha pāveyyakā pāḷiyaṃ sabbapacchato gahitā, kiṃ te kusinārāya āsannatarāpi sabbapacchato uṭṭhitā? Āma, sabbapacchato uṭṭhitāti dassetuṃ ‘‘tattha pāveyyakā’’tiādi vuttaṃ.
ธาตุปาสนตฺถนฺติ สตฺถุ ธาตูนํ ปยิรุปาสนายฯ เนสํ ปกฺขา อเหสุํ ‘‘ญาเยน เตสํ สนฺตกา ธาตุโย’’ติฯ
Dhātupāsanatthanti satthu dhātūnaṃ payirupāsanāya. Nesaṃ pakkhā ahesuṃ ‘‘ñāyena tesaṃ santakā dhātuyo’’ti.
๒๓๗. โทณคชฺชิตํ นาม อโวจ สตฺถุ อวตฺถตฺตยูปสํหิตํฯ เอตทตฺถเมว หิ ภควา มคฺคํ คจฺฉโนฺต ‘‘ปจฺฉโต อาคจฺฉโนฺต โทโณ พฺราหฺมโณ ยาว เม ปทวฬญฺชํ ปสฺสติ, ตาว มา วิคจฺฉตู’’ติ อธิฎฺฐาย อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิฯ โทโณปิ โข พฺราหฺมโณ ‘‘อิมานิ สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส ปทานี’’ติ สลฺลเกฺขโนฺต ปทานุสาเรน สตฺถุ สนฺติกํ อุปคจฺฉิ, สตฺถาปิสฺส ธมฺมํ เทเสสิ, เตนปิ โส ภควติ นิวิฎฺฐสโทฺธ อโหสิฯ เอตทโวจ, กิํ อโวจาติ อาห ‘‘สุณนฺตุ…เป.… อโวจา’’ติฯ
237.Doṇagajjitaṃ nāma avoca satthu avatthattayūpasaṃhitaṃ. Etadatthameva hi bhagavā maggaṃ gacchanto ‘‘pacchato āgacchanto doṇo brāhmaṇo yāva me padavaḷañjaṃ passati, tāva mā vigacchatū’’ti adhiṭṭhāya aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi. Doṇopi kho brāhmaṇo ‘‘imāni sadevake loke aggapuggalassa padānī’’ti sallakkhento padānusārena satthu santikaṃ upagacchi, satthāpissa dhammaṃ desesi, tenapi so bhagavati niviṭṭhasaddho ahosi. Etadavoca, kiṃ avocāti āha ‘‘suṇantu…pe… avocā’’ti.
กาเยน เอกสนฺนิปาตา วาจาย เอกวจนา อภินฺนวจนา เอวํ สมคฺคา โหถฯ ตสฺส ปนิทํ การณนฺติ อาห ‘‘สโมฺมทมานา’’ติฯ เตนาห ‘‘จิเตฺตนาปิ อญฺญมญฺญํ สโมฺมทมานา โหถา’’ติฯ
Kāyena ekasannipātā vācāya ekavacanā abhinnavacanā evaṃ samaggā hotha. Tassa panidaṃ kāraṇanti āha ‘‘sammodamānā’’ti. Tenāha ‘‘cittenāpi aññamaññaṃ sammodamānā hothā’’ti.
๒๓๘. ตโต ตโต สมาคตสงฺฆานนฺติ ตโต ตโต อตฺตโน วสนฎฺฐานโต สมาคนฺตฺวา สนฺนิปติตภาเวน สมาคตสงฺฆานํฯ ตถา สมาปติตสมูหภาเวน สมาคตคณานํฯ วจนสมฺปฎิจฺฉเนน ปฎิสฺสุณิตฺวาฯ
238.Tato tato samāgatasaṅghānanti tato tato attano vasanaṭṭhānato samāgantvā sannipatitabhāvena samāgatasaṅghānaṃ. Tathā samāpatitasamūhabhāvena samāgatagaṇānaṃ. Vacanasampaṭicchanena paṭissuṇitvā.
ธาตุถูปปูชาวณฺณนา
Dhātuthūpapūjāvaṇṇanā
๒๓๙. ยกฺขคฺคาโห เทวตาเวโสฯ ขิปิตกํ ธาตุโกฺขภํ อุปฺปาเทตฺวา ขิปิตกโรโคฯ อโรจโก อาหารสฺส อรุจฺจนโรโคฯ
239.Yakkhaggāho devatāveso. Khipitakaṃ dhātukkhobhaṃ uppādetvā khipitakarogo. Arocako āhārassa aruccanarogo.
สตฺตมทิวเสติ สตฺตวสฺสสตฺตมาสโต ปรโต สตฺตเม ทิวเสฯ พลานุรูเปนาติ วิภวพลานุรูเปนฯ
Sattamadivaseti sattavassasattamāsato parato sattame divase. Balānurūpenāti vibhavabalānurūpena.
ปจฺฉา สงฺคีติการกาติ ทุติยํ ตติยํ สงฺคีติการกาฯ ธาตูนํ อนฺตรายํ ทิสฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ เจติเย ยถาปติฎฺฐาปิตภาเวเนว ฐิตานํ ธาตูนํ มิจฺฉาทิฎฺฐิกานํ วเสน อนฺตรายํ ทิสฺวา, มหาธาตุนิธาเนน สมฺมเทว รกฺขิตานํ อนาคเต อโสเกน ธมฺมรญฺญา ตโต อุทฺธริตฺวา วิตฺถาริตภาเว กเต สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขาวหภาวญฺจ ทิสฺวาติ อธิปฺปาโยฯ ปริจรณมตฺตเมวาติ คเหตฺวา ปริจริตพฺพธาตุมตฺตเมวฯ ราชูนํ หเตฺถ ฐเปตฺวา, น เจติเยสุฯ ตถา หิ ปจฺฉา อโสกมหาราชา เจติเยสุ ธาตูนํ น ลภติฯ
Pacchā saṅgītikārakāti dutiyaṃ tatiyaṃ saṅgītikārakā. Dhātūnaṃ antarāyaṃ disvāti tattha tattha cetiye yathāpatiṭṭhāpitabhāveneva ṭhitānaṃ dhātūnaṃ micchādiṭṭhikānaṃ vasena antarāyaṃ disvā, mahādhātunidhānena sammadeva rakkhitānaṃ anāgate asokena dhammaraññā tato uddharitvā vitthāritabhāve kate sadevakassa lokassa hitasukhāvahabhāvañca disvāti adhippāyo. Paricaraṇamattamevāti gahetvā paricaritabbadhātumattameva. Rājūnaṃ hatthe ṭhapetvā, na cetiyesu. Tathā hi pacchā asokamahārājā cetiyesu dhātūnaṃ na labhati.
ปุริมํ ปุริมํ กตสฺส คณฺหนโยคฺยํ ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ กาเรโนฺต อฎฺฐ อฎฺฐ หริจนฺทนาทิมเย กรเณฺฑ จ ถูเป จ กาเรสิฯ โลหิตจนฺทนมยาทีสุปิ เอเสว นโยฯ มณิกรเณฺฑสูติ โลหิตงฺกมสารคลฺลผลิกมเย ฐเปตฺวา อวเสสมณิวิจิตฺตเกสุ กรเณฺฑสุฯ
Purimaṃ purimaṃ katassa gaṇhanayogyaṃ pacchimaṃ pacchimaṃ kārento aṭṭha aṭṭha haricandanādimaye karaṇḍe ca thūpe ca kāresi. Lohitacandanamayādīsupi eseva nayo. Maṇikaraṇḍesūti lohitaṅkamasāragallaphalikamaye ṭhapetvā avasesamaṇivicittakesu karaṇḍesu.
ถูปารามเจติยปฺปมาณนฺติ เทวานํปิยติสฺสมหาราเชน การิตเจติยปฺปมาณํฯ
Thūpārāmacetiyappamāṇanti devānaṃpiyatissamahārājena kāritacetiyappamāṇaṃ.
มาลา มา มิลายนฺตูติ ‘‘ยาว อโสโก ธมฺมราชา พหิ เจติยานิ กาเรตุํ อิโต ธาตุโย อุทฺธริสฺสติ, ตาว มาลา มา มิลายนฺตู’’ติ อธิฎฺฐหิตฺวาฯ อาวิญฺฉนรชฺชุยนฺติ อคฺคฬาวิญฺฉนรชฺชุยํฯ กุญฺจิกมุทฺทิกนฺติ ทฺวารวิวรณตฺถํ กุญฺจิกเญฺจว มุทฺทิกญฺจฯ
Mālā mā milāyantūti ‘‘yāva asoko dhammarājā bahi cetiyāni kāretuṃ ito dhātuyo uddharissati, tāva mālā mā milāyantū’’ti adhiṭṭhahitvā. Āviñchanarajjuyanti aggaḷāviñchanarajjuyaṃ. Kuñcikamuddikanti dvāravivaraṇatthaṃ kuñcikañceva muddikañca.
วาฬสงฺฆาตยนฺตนฺติ กุกฺกุลํ ปฎิภยทสฺสนํ อญฺญมญฺญปฎิพทฺธคมนาทิตาย สงฺฆาฎิตรูปกยนฺตํ โยเชสิฯ เตนาห ‘‘กฎฺฐรูปกานี’’ติอาทิฯ อาณิยา พนฺธิตฺวาติ อเนกกฎฺฐรูปวิจิตฺตยนฺตํ อตฺตโน เทวานุภาเวน เอกาย เอว อาณิยา พนฺธิตฺวา วิสฺสกโมฺม เทวโลกเมว คโตฯ ‘‘สมนฺตโต’’ติอาทิ ปน ตสฺมิํ ธาตุนิทาเน อชาตสตฺตุโน กิจฺจวิเสสานุฎฺฐานทสฺสนํฯ
Vāḷasaṅghātayantanti kukkulaṃ paṭibhayadassanaṃ aññamaññapaṭibaddhagamanāditāya saṅghāṭitarūpakayantaṃ yojesi. Tenāha ‘‘kaṭṭharūpakānī’’tiādi. Āṇiyā bandhitvāti anekakaṭṭharūpavicittayantaṃ attano devānubhāvena ekāya eva āṇiyā bandhitvā vissakammo devalokameva gato. ‘‘Samantato’’tiādi pana tasmiṃ dhātunidāne ajātasattuno kiccavisesānuṭṭhānadassanaṃ.
‘‘อสุกฎฺฐาเน นาม ธาตุนิธาน’’นฺติ รญฺญา ปุจฺฉิเต ‘‘ตสฺมิํ สนฺนิปาเต วิเสสลาภิโน นาเหสุ’’นฺติ เกจิฯ ‘‘อตฺตานํ นิคูหิตฺวา ตสฺส วุฑฺฒตรสฺส วจนํ นิสฺสาย วีมํสโนฺต ชานิสฺสตีติ น กเถสุ’’นฺติ อปเรฯ ยกฺขทาสเกติ อุปหาราทิวิธินา เทวตาเวสนเก ภูตาวิคฺคาหเกฯ
‘‘Asukaṭṭhāne nāma dhātunidhāna’’nti raññā pucchite ‘‘tasmiṃ sannipāte visesalābhino nāhesu’’nti keci. ‘‘Attānaṃ nigūhitvā tassa vuḍḍhatarassa vacanaṃ nissāya vīmaṃsanto jānissatīti na kathesu’’nti apare. Yakkhadāsaketi upahārādividhinā devatāvesanake bhūtāviggāhake.
อิมํ ปทนฺติ ‘‘เอวเมตํ ภูตปุพฺพ’’นฺติ ทุติยสงฺคีติกาเรหิ ฐปิตํ อิมํ ปทํฯ มหาธาตุนิธานมฺปิ ตสฺส อตฺถํ กตฺวา ตติยสงฺคีติการาปิ ฐปยิํสุฯ
Imaṃpadanti ‘‘evametaṃ bhūtapubba’’nti dutiyasaṅgītikārehi ṭhapitaṃ imaṃ padaṃ. Mahādhātunidhānampi tassa atthaṃ katvā tatiyasaṅgītikārāpi ṭhapayiṃsu.
มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ
Mahāparinibbānasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๓. มหาปรินิพฺพานสุตฺตํ • 3. Mahāparinibbānasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๓. มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา • 3. Mahāparinibbānasuttavaṇṇanā