Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga

    ๗. มหาเปสการสิกฺขาปทํ

    7. Mahāpesakārasikkhāpadaṃ

    ๖๔๑. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ปุริโส ปวาสํ คจฺฉโนฺต ปชาปติํ เอตทโวจ – ‘‘สุตฺตํ ธารยิตฺวา อมุกสฺส ตนฺตวายสฺส เทหิ, จีวรํ วายาเปตฺวา นิกฺขิป, อาคโต อยฺยํ อุปนนฺทํ จีวเรน อจฺฉาเทสฺสามี’’ติฯ อโสฺสสิ โข อญฺญตโร ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ ตสฺส ปุริสสฺส อิมํ วาจํ ภาสมานสฺสฯ อถ โข โส ภิกฺขุ เยนายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุปนนฺทํ สกฺยปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มหาปุโญฺญสิ ตฺวํ, อาวุโส อุปนนฺท, อมุกสฺมิํ โอกาเส อญฺญตโร ปุริโส ปวาสํ คจฺฉโนฺต ปชาปติํ เอตทโวจ – ‘‘สุตฺตํ ธารยิตฺวา อมุกสฺส ตนฺตวายสฺส เทหิ, จีวรํ วายาเปตฺวา นิกฺขิป, อาคโต อยฺยํ อุปนนฺทํ จีวเรน อจฺฉาเทสฺสามี’’ติฯ ‘‘อตฺถาวุโส, มํ โส อุปฎฺฐาโก’’ติฯ โสปิ โข ตนฺตวาโย อายสฺมโต อุปนนฺทสฺส สกฺยปุตฺตสฺส อุปฎฺฐาโก โหติฯ อถ โข อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต เยน โส ตนฺตวาโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ตนฺตวายํ เอตทโวจ – ‘‘อิทํ โข, อาวุโส, จีวรํ มํ อุทฺทิสฺส วิยฺยติ; อายตญฺจ กโรหิ วิตฺถตญฺจฯ อปฺปิตญฺจ สุวีตญฺจ สุปฺปวายิตญฺจ สุวิเลขิตญฺจ สุวิตจฺฉิตญฺจ กโรหี’’ติฯ ‘‘เอเต โข เม, ภเนฺต, สุตฺตํ ธารยิตฺวา อทํสุ; อิมินา สุเตฺตน จีวรํ วินาหี’’ติฯ ‘‘น, ภเนฺต, สกฺกา อายตํ วา วิตฺถตํ วา อปฺปิตํ วา กาตุํฯ สกฺกา จ โข, ภเนฺต, สุวีตญฺจ สุปฺปวายิตญฺจ สุวิเลขิตญฺจ สุวิตจฺฉิตญฺจ กาตุ’’นฺติฯ ‘‘อิงฺฆ ตฺวํ, อาวุโส, อายตญฺจ กโรหิ วิตฺถตญฺจ อปฺปิตญฺจฯ น เตน สุเตฺตน ปฎิพทฺธํ ภวิสฺสตี’’ติฯ

    641. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena aññataro puriso pavāsaṃ gacchanto pajāpatiṃ etadavoca – ‘‘suttaṃ dhārayitvā amukassa tantavāyassa dehi, cīvaraṃ vāyāpetvā nikkhipa, āgato ayyaṃ upanandaṃ cīvarena acchādessāmī’’ti. Assosi kho aññataro piṇḍacāriko bhikkhu tassa purisassa imaṃ vācaṃ bhāsamānassa. Atha kho so bhikkhu yenāyasmā upanando sakyaputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ upanandaṃ sakyaputtaṃ etadavoca – ‘‘mahāpuññosi tvaṃ, āvuso upananda, amukasmiṃ okāse aññataro puriso pavāsaṃ gacchanto pajāpatiṃ etadavoca – ‘‘suttaṃ dhārayitvā amukassa tantavāyassa dehi, cīvaraṃ vāyāpetvā nikkhipa, āgato ayyaṃ upanandaṃ cīvarena acchādessāmī’’ti. ‘‘Atthāvuso, maṃ so upaṭṭhāko’’ti. Sopi kho tantavāyo āyasmato upanandassa sakyaputtassa upaṭṭhāko hoti. Atha kho āyasmā upanando sakyaputto yena so tantavāyo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ tantavāyaṃ etadavoca – ‘‘idaṃ kho, āvuso, cīvaraṃ maṃ uddissa viyyati; āyatañca karohi vitthatañca. Appitañca suvītañca suppavāyitañca suvilekhitañca suvitacchitañca karohī’’ti. ‘‘Ete kho me, bhante, suttaṃ dhārayitvā adaṃsu; iminā suttena cīvaraṃ vināhī’’ti. ‘‘Na, bhante, sakkā āyataṃ vā vitthataṃ vā appitaṃ vā kātuṃ. Sakkā ca kho, bhante, suvītañca suppavāyitañca suvilekhitañca suvitacchitañca kātu’’nti. ‘‘Iṅgha tvaṃ, āvuso, āyatañca karohi vitthatañca appitañca. Na tena suttena paṭibaddhaṃ bhavissatī’’ti.

    อถ โข โส ตนฺตวาโย ยถาภตํ สุตฺตํ ตเนฺต อุปเนตฺวา เยน สา อิตฺถี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อิตฺถิํ เอตทโวจ – ‘‘สุเตฺตน, อเยฺย, อโตฺถ’’ติฯ ‘‘นนุ ตฺวํ อโยฺย 1 มยา วุโตฺต – ‘อิมินา สุเตฺตน จีวรํ วินาหี’’’ติฯ ‘‘สจฺจาหํ, อเยฺย, ตยา วุโตฺต – ‘อิมินา สุเตฺตน จีวรํ วินาหี’ติฯ อปิจ, มํ อโยฺย อุปนโนฺท เอวมาห – ‘อิงฺฆ ตฺวํ, อาวุโส, อายตญฺจ กโรหิ วิตฺถตญฺจ อปฺปิตญฺจ, น เตน สุเตฺตน ปฎิพทฺธํ ภวิสฺสตี’’’ติฯ อถ โข สา อิตฺถี ยตฺตกํเยว สุตฺตํ ปฐมํ อทาสิ ตตฺตกํ ปจฺฉา อทาสิฯ อโสฺสสิ โข อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต – ‘‘โส กิร ปุริโส ปวาสโต อาคโต’’ติฯ อถ โข อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต เยน ตสฺส ปุริสสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข โส ปุริโส เยนายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุปนนฺทํ สกฺยปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส ปุริโส ปชาปติํ เอตทโวจ – ‘‘วีตํ ตํ จีวร’’นฺติ? ‘‘อามายฺย, วีตํ ตํ จีวร’’นฺติฯ ‘‘อาหร, อยฺยํ อุปนนฺทํ จีวเรน อจฺฉาเทสฺสามี’’ติฯ อถ โข สา อิตฺถี ตํ จีวรํ นีหริตฺวา สามิกสฺส ทตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ อถ โข โส ปุริโส อายสฺมโต อุปนนฺทสฺส สกฺยปุตฺตสฺส จีวรํ ทตฺวา อุชฺฌายติ ขิยฺยติ วิปาเจติ – ‘‘มหิจฺฉา อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา อสนฺตุฎฺฐาฯ นยิเม สุกรา จีวเรน อจฺฉาเทตุํฯ กถญฺหิ นาม อโยฺย อุปนโนฺท มยา ปุเพฺพ อปฺปวาริโต ตนฺตวาเย 2 อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปชฺชิสฺสตี’’ติฯ

    Atha kho so tantavāyo yathābhataṃ suttaṃ tante upanetvā yena sā itthī tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ itthiṃ etadavoca – ‘‘suttena, ayye, attho’’ti. ‘‘Nanu tvaṃ ayyo 3 mayā vutto – ‘iminā suttena cīvaraṃ vināhī’’’ti. ‘‘Saccāhaṃ, ayye, tayā vutto – ‘iminā suttena cīvaraṃ vināhī’ti. Apica, maṃ ayyo upanando evamāha – ‘iṅgha tvaṃ, āvuso, āyatañca karohi vitthatañca appitañca, na tena suttena paṭibaddhaṃ bhavissatī’’’ti. Atha kho sā itthī yattakaṃyeva suttaṃ paṭhamaṃ adāsi tattakaṃ pacchā adāsi. Assosi kho āyasmā upanando sakyaputto – ‘‘so kira puriso pavāsato āgato’’ti. Atha kho āyasmā upanando sakyaputto yena tassa purisassa nivesanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho so puriso yenāyasmā upanando sakyaputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ upanandaṃ sakyaputtaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho so puriso pajāpatiṃ etadavoca – ‘‘vītaṃ taṃ cīvara’’nti? ‘‘Āmāyya, vītaṃ taṃ cīvara’’nti. ‘‘Āhara, ayyaṃ upanandaṃ cīvarena acchādessāmī’’ti. Atha kho sā itthī taṃ cīvaraṃ nīharitvā sāmikassa datvā etamatthaṃ ārocesi. Atha kho so puriso āyasmato upanandassa sakyaputtassa cīvaraṃ datvā ujjhāyati khiyyati vipāceti – ‘‘mahicchā ime samaṇā sakyaputtiyā asantuṭṭhā. Nayime sukarā cīvarena acchādetuṃ. Kathañhi nāma ayyo upanando mayā pubbe appavārito tantavāye 4 upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpajjissatī’’ti.

    อโสฺสสุํ โข ภิกฺขู ตสฺส ปุริสสฺส อุชฺฌายนฺตสฺส ขิยฺยนฺตสฺส วิปาเจนฺตสฺสฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต ปุเพฺพ อปฺปวาริโต คหปติกสฺส ตนฺตวาเย อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปชฺชิสฺสตี’’ติ! อถ โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อุปนนฺทํ สกฺยปุตฺตํ อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, อุปนนฺท, ปุเพฺพ อปฺปวาริโต คหปติกสฺส ตนฺตวาเย อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปชฺชี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ ‘‘ญาตโก เต, อุปนนฺท, อญฺญาตโก’’ติ? ‘‘อญฺญาตโก, ภควา’’ติฯ ‘‘อญฺญาตโก, โมฆปุริส, อญฺญาตกสฺส น ชานาติ ปติรูปํ วา อปฺปติรูปํ วา สนฺตํ วา อสนฺตํ วาฯ ตตฺถ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, ปุเพฺพ อปฺปวาริโต อญฺญาตกสฺส คหปติกสฺส ตนฺตวาเย อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปชฺชิสฺสสิ! เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    Assosuṃ kho bhikkhū tassa purisassa ujjhāyantassa khiyyantassa vipācentassa. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma āyasmā upanando sakyaputto pubbe appavārito gahapatikassa tantavāye upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpajjissatī’’ti! Atha kho te bhikkhū āyasmantaṃ upanandaṃ sakyaputtaṃ anekapariyāyena vigarahitvā bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, upananda, pubbe appavārito gahapatikassa tantavāye upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpajjī’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. ‘‘Ñātako te, upananda, aññātako’’ti? ‘‘Aññātako, bhagavā’’ti. ‘‘Aññātako, moghapurisa, aññātakassa na jānāti patirūpaṃ vā appatirūpaṃ vā santaṃ vā asantaṃ vā. Tattha nāma tvaṃ, moghapurisa, pubbe appavārito aññātakassa gahapatikassa tantavāye upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpajjissasi! Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๖๔๒. ‘‘ภิกฺขุํ ปเนว อุทฺทิสฺส อญฺญาตโก คหปติ วา คหปตานี วา ตนฺตวาเยหิ จีวรํ วายาเปยฺย, ตตฺร เจ โส ภิกฺขุ ปุเพฺพ อปฺปวาริโต ตนฺตวาเย อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปเชฺชยฺย – ‘อิทํ โข, อาวุโส, จีวรํ มํ อุทฺทิสฺส วิยฺยติฯ อายตญฺจ กโรถ วิตฺถตญฺจฯ อปฺปิตญฺจ สุวีตญฺจ สุปฺปวายิตญฺจ สุวิเลขิตญฺจ สุวิตจฺฉิตญฺจ กโรถฯ อเปฺปว นาม มยมฺปิ อายสฺมนฺตานํ กิญฺจิมตฺตํ อนุปทเชฺชยฺยามา’ติฯ เอวญฺจ โส ภิกฺขุ วตฺวา กิญฺจิมตฺตํ อนุปทเชฺชยฺย อนฺตมโส ปิณฺฑปาตมตฺตมฺปิ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    642.‘‘Bhikkhuṃ paneva uddissa aññātako gahapati vā gahapatānī vā tantavāyehi cīvaraṃ vāyāpeyya, tatra ce so bhikkhu pubbe appavārito tantavāye upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpajjeyya – ‘idaṃ kho, āvuso, cīvaraṃ maṃ uddissa viyyati. Āyatañca karotha vitthatañca. Appitañca suvītañca suppavāyitañca suvilekhitañca suvitacchitañca karotha. Appeva nāma mayampi āyasmantānaṃ kiñcimattaṃ anupadajjeyyāmā’ti. Evañca so bhikkhu vatvā kiñcimattaṃ anupadajjeyya antamaso piṇḍapātamattampi, nissaggiyaṃ pācittiya’’nti.

    ๖๔๓. ภิกฺขุํ ปเนว อุทฺทิสฺสาติ ภิกฺขุสฺสตฺถาย ภิกฺขุํ อารมฺมณํ กริตฺวา ภิกฺขุํ อจฺฉาเทตุกาโมฯ

    643.Bhikkhuṃ paneva uddissāti bhikkhussatthāya bhikkhuṃ ārammaṇaṃ karitvā bhikkhuṃ acchādetukāmo.

    อญฺญาตโก นาม มาติโต วา ปิติโต วา ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อสมฺพโทฺธฯ

    Aññātako nāma mātito vā pitito vā yāva sattamā pitāmahayugā asambaddho.

    คหปติ นาม โย โกจิ อคารํ อชฺฌาวสติฯ

    Gahapati nāma yo koci agāraṃ ajjhāvasati.

    คหปตานี นาม ยา กาจิ อคารํ อชฺฌาวสติฯ

    Gahapatānī nāma yā kāci agāraṃ ajjhāvasati.

    ตนฺตวาเยหีติ เปสกาเรหิฯ

    Tantavāyehīti pesakārehi.

    จีวรํ นาม ฉนฺนํ จีวรานํ อญฺญตรํ จีวรํ วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิมํฯ

    Cīvaraṃ nāma channaṃ cīvarānaṃ aññataraṃ cīvaraṃ vikappanupagaṃ pacchimaṃ.

    วายาเปยฺยาติ วินาเปติฯ

    Vāyāpeyyāti vināpeti.

    ตตฺร เจ โส ภิกฺขูติ ยํ ภิกฺขุํ อุทฺทิสฺส จีวรํ วิยฺยติ โส ภิกฺขุฯ

    Tatra ce so bhikkhūti yaṃ bhikkhuṃ uddissa cīvaraṃ viyyati so bhikkhu.

    ปุเพฺพ อปฺปวาริโตติ ปุเพฺพ อวุโตฺต โหติ – ‘‘กีทิเสน เต, ภเนฺต, จีวเรน อโตฺถ, กีทิสํ เต จีวรํ วายาเปมี’’ติ?

    Pubbe appavāritoti pubbe avutto hoti – ‘‘kīdisena te, bhante, cīvarena attho, kīdisaṃ te cīvaraṃ vāyāpemī’’ti?

    ตนฺตวาเย อุปสงฺกมิตฺวาติ ฆรํ คนฺตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ อุปสงฺกมิตฺวาฯ

    Tantavāye upasaṅkamitvāti gharaṃ gantvā yattha katthaci upasaṅkamitvā.

    จีวเร วิกปฺปํ อาปเชฺชยฺยาติ – ‘‘อิทํ โข, อาวุโส, จีวรํ มํ อุทฺทิสฺส วิยฺยติ, อายตญฺจ กโรถ วิตฺถตญฺจฯ อปฺปิตญฺจ สุวีตญฺจ สุปฺปวายิตญฺจ สุวิเลขิตญฺจ สุวิตจฺฉิตญฺจ กโรถฯ อเปฺปว นาม มยมฺปิ อายสฺมนฺตานํ กิญฺจิมตฺตํ อนุปทเชฺชยฺยามา’’ติฯ

    Cīvare vikappaṃ āpajjeyyāti – ‘‘idaṃ kho, āvuso, cīvaraṃ maṃ uddissa viyyati, āyatañca karotha vitthatañca. Appitañca suvītañca suppavāyitañca suvilekhitañca suvitacchitañca karotha. Appeva nāma mayampi āyasmantānaṃ kiñcimattaṃ anupadajjeyyāmā’’ti.

    เอวญฺจ โส ภิกฺขุ วตฺวา กิญฺจิมตฺตํ อนุปทเชฺชยฺย อนฺตมโส ปิณฺฑปาตมตฺตมฺปีติฯ ปิณฺฑปาโต นาม ยาคุปิ ภตฺตมฺปิ ขาทนียมฺปิ จุณฺณปิโณฺฑปิ ทนฺตกฎฺฐมฺปิ ทสิกสุตฺตมฺปิ, อนฺตมโส ธมฺมมฺปิ ภณติฯ

    Evañca so bhikkhu vatvā kiñcimattaṃ anupadajjeyya antamaso piṇḍapātamattampīti. Piṇḍapāto nāma yāgupi bhattampi khādanīyampi cuṇṇapiṇḍopi dantakaṭṭhampi dasikasuttampi, antamaso dhammampi bhaṇati.

    ตสฺส วจเนน อายตํ วา วิตฺถตํ วา อปฺปิตํ วา กโรติ, ปโยเค ทุกฺกฎํฯ ปฎิลาเภน นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ นิสฺสชฺชิตพฺพํ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วาฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, นิสฺสชฺชิตพฺพํ…เป.… อิทํ เม, ภเนฺต, จีวรํ ปุเพฺพ อปฺปวาริโต อญฺญาตกสฺส คหปติกสฺส ตนฺตวาเย อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปนฺนํ นิสฺสคฺคิยํฯ อิมาหํ สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชามีติ…เป.… ทเทยฺยาติ…เป.… ทเทยฺยุนฺติ…เป.… อายสฺมโต ทมฺมีติฯ

    Tassa vacanena āyataṃ vā vitthataṃ vā appitaṃ vā karoti, payoge dukkaṭaṃ. Paṭilābhena nissaggiyaṃ hoti. Nissajjitabbaṃ saṅghassa vā gaṇassa vā puggalassa vā. Evañca pana, bhikkhave, nissajjitabbaṃ…pe… idaṃ me, bhante, cīvaraṃ pubbe appavārito aññātakassa gahapatikassa tantavāye upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpannaṃ nissaggiyaṃ. Imāhaṃ saṅghassa nissajjāmīti…pe… dadeyyāti…pe… dadeyyunti…pe… āyasmato dammīti.

    ๖๔๔. อญฺญาตเก อญฺญาตกสญฺญี ปุเพฺพ อปฺปวาริโต คหปติกสฺส ตนฺตวาเย อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปชฺชติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ อญฺญาตเก เวมติโก ปุเพฺพ อปฺปวาริโต คหปติกสฺส ตนฺตวาเย อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปชฺชติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ อญฺญาตเก ญาตกสญฺญี ปุเพฺพ อปฺปวาริโต คหปติกสฺส ตนฺตวาเย อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปชฺชติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    644. Aññātake aññātakasaññī pubbe appavārito gahapatikassa tantavāye upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpajjati, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Aññātake vematiko pubbe appavārito gahapatikassa tantavāye upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpajjati, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Aññātake ñātakasaññī pubbe appavārito gahapatikassa tantavāye upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpajjati, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    ญาตเก อญาตกสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ญาตเก เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ญาตเก ญาตกสญฺญี, อนาปตฺติฯ

    Ñātake añātakasaññī, āpatti dukkaṭassa. Ñātake vematiko, āpatti dukkaṭassa. Ñātake ñātakasaññī, anāpatti.

    ๖๔๕. อนาปตฺติ – ญาตกานํ, ปวาริตานํ, อญฺญสฺสตฺถาย, อตฺตโน ธเนน, มหคฺฆํ วายาเปตุกามสฺส อปฺปคฺฆํ วายาเปติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    645. Anāpatti – ñātakānaṃ, pavāritānaṃ, aññassatthāya, attano dhanena, mahagghaṃ vāyāpetukāmassa appagghaṃ vāyāpeti, ummattakassa, ādikammikassāti.

    มหาเปสการสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ

    Mahāpesakārasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.







    Footnotes:
    1. อยฺย (สฺยา.)
    2. คหปติกสฺส ตนฺตวาเย (ก.)
    3. ayya (syā.)
    4. gahapatikassa tantavāye (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๗. มหาเปสการสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Mahāpesakārasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๗. มหาเปสการสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Mahāpesakārasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๗. มหาเปสการสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Mahāpesakārasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๗. มหาเปสการสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Mahāpesakārasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact