Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๔๐] ๑๐. มหาปิงฺคลชาตกวณฺณนา
[240] 10. Mahāpiṅgalajātakavaṇṇanā
สโพฺพ ชโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ เทวทเตฺต สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา นวมาสจฺจเยน เชตวนทฺวารโกฎฺฐเก ปถวิยํ นิมุเคฺค เชตวนวาสิโน จ สกลรฎฺฐวาสิโน จ ‘‘พุทฺธปฎิกณฺฎโก เทวทโตฺต ปถวิยา คิลิโต, นิหตปจฺจามิโตฺต ทานิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ชาโต’’ติ ตุฎฺฐหฎฺฐา อเหสุํฯ เตสํ กถํ สุตฺวา ปรมฺปรโฆเสน สกลชมฺพุทีปวาสิโน ยกฺขภูตเทวคณา จ ตุฎฺฐหฎฺฐา เอว อเหสุํฯ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทเตฺต ปถวิยํ นิมุเคฺค ‘พุทฺธปฎิกณฺฎโก เทวทโตฺต ปถวิยา คิลิโต’ติ มหาชโน อตฺตมโน ชาโต’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทเตฺต มเต มหาชโน ตุสฺสติ เจว หสติ จ, ปุเพฺพปิ ตุสฺสิ เจว หสิ จา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Sabbo janoti idaṃ satthā jetavane viharanto devadattaṃ ārabbha kathesi. Devadatte satthari āghātaṃ bandhitvā navamāsaccayena jetavanadvārakoṭṭhake pathaviyaṃ nimugge jetavanavāsino ca sakalaraṭṭhavāsino ca ‘‘buddhapaṭikaṇṭako devadatto pathaviyā gilito, nihatapaccāmitto dāni sammāsambuddho jāto’’ti tuṭṭhahaṭṭhā ahesuṃ. Tesaṃ kathaṃ sutvā paramparaghosena sakalajambudīpavāsino yakkhabhūtadevagaṇā ca tuṭṭhahaṭṭhā eva ahesuṃ. Athekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, devadatte pathaviyaṃ nimugge ‘buddhapaṭikaṇṭako devadatto pathaviyā gilito’ti mahājano attamano jāto’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva devadatte mate mahājano tussati ceva hasati ca, pubbepi tussi ceva hasi cā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ มหาปิงฺคโล นาม ราชา อธเมฺมน วิสเมน รชฺชํ กาเรสิ, ฉนฺทาทิวเสน ปาปกมฺมานิ กโรโนฺต ทณฺฑพลิชงฺฆกหาปณาทิคฺคหเณน อุจฺฉุยเนฺต อุจฺฉุํ วิย มหาชนํ ปีเฬสิ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, ปเรสุ อนุทฺทยามตฺตมฺปิ นามสฺส นตฺถิ, เคเห อิตฺถีนมฺปิ ปุตฺตธีตานมฺปิ อมจฺจพฺราหฺมณคหปติกาทีนมฺปิ อปฺปิโย อมนาโป, อกฺขิมฺหิ ปติตรชํ วิย, ภตฺตปิเณฺฑ สกฺขรา วิย, ปณฺหิํ วิชฺฌิตฺวา ปวิฎฺฐกณฺฎโก วิย จ อโหสิ ฯ ตทา โพธิสโตฺต มหาปิงฺคลสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ มหาปิงฺคโล ทีฆรตฺตํ รชฺชํ กาเรตฺวา กาลมกาสิฯ ตสฺมิํ กาลกเต สกลพาราณสิวาสิโน หฎฺฐตุฎฺฐา มหาหสิตํ หสิตฺวา ทารูนํ สกฎสหเสฺสน มหาปิงฺคลํ ฌาเปตฺวา อเนเกหิ ฆฎสหเสฺสหิ อาฬาหนํ นิพฺพาเปตฺวา โพธิสตฺตํ รเชฺช อภิสิญฺจิตฺวา ‘‘ธมฺมิโก โน ราชา ลโทฺธ’’ติ หฎฺฐตุฎฺฐา นคเร อุสฺสวเภริํ จราเปตฺวา สมุสฺสิตธชปฎากํ นครํ อลงฺกริตฺวา ทฺวาเร ทฺวาเร มณฺฑปํ กาเรตฺวา วิปฺปกิณฺณลาชกุสุมมณฺฑิตตเลสุ อลงฺกตมณฺฑเปสุ นิสีทิตฺวา ขาทิํสุ เจว ปิวิํสุ จฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ mahāpiṅgalo nāma rājā adhammena visamena rajjaṃ kāresi, chandādivasena pāpakammāni karonto daṇḍabalijaṅghakahāpaṇādiggahaṇena ucchuyante ucchuṃ viya mahājanaṃ pīḷesi kakkhaḷo pharuso sāhasiko, paresu anuddayāmattampi nāmassa natthi, gehe itthīnampi puttadhītānampi amaccabrāhmaṇagahapatikādīnampi appiyo amanāpo, akkhimhi patitarajaṃ viya, bhattapiṇḍe sakkharā viya, paṇhiṃ vijjhitvā paviṭṭhakaṇṭako viya ca ahosi . Tadā bodhisatto mahāpiṅgalassa putto hutvā nibbatti. Mahāpiṅgalo dīgharattaṃ rajjaṃ kāretvā kālamakāsi. Tasmiṃ kālakate sakalabārāṇasivāsino haṭṭhatuṭṭhā mahāhasitaṃ hasitvā dārūnaṃ sakaṭasahassena mahāpiṅgalaṃ jhāpetvā anekehi ghaṭasahassehi āḷāhanaṃ nibbāpetvā bodhisattaṃ rajje abhisiñcitvā ‘‘dhammiko no rājā laddho’’ti haṭṭhatuṭṭhā nagare ussavabheriṃ carāpetvā samussitadhajapaṭākaṃ nagaraṃ alaṅkaritvā dvāre dvāre maṇḍapaṃ kāretvā vippakiṇṇalājakusumamaṇḍitatalesu alaṅkatamaṇḍapesu nisīditvā khādiṃsu ceva piviṃsu ca.
โพธิสโตฺตปิ อลงฺกเต มหาตเล สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺตสฺส ปลฺลงฺกวรสฺส มเชฺฌ มหายสํ อนุภวโนฺต นิสีทิฯ อมจฺจา จ พฺราหฺมณคหปติรฎฺฐิกโทวาริกาทโย จ ราชานํ ปริวาเรตฺวา อฎฺฐํสุฯ อเถโก โทวาริโก นาติทูเร ฐตฺวา อสฺสสโนฺต ปสฺสสโนฺต ปโรทิฯ โพธิสโตฺต ตํ ทิสฺวา ‘‘สมฺม โทวาริก, มม ปิตริ กาลกเต สเพฺพ ตุฎฺฐปหฎฺฐา อุสฺสวํ กีฬนฺตา วิจรนฺติ, ตฺวํ ปน โรทมาโน ฐิโต , กิํ นุ โข มม ปิตา ตเวว ปิโย อโหสิ มนาโป’’ติ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Bodhisattopi alaṅkate mahātale samussitasetacchattassa pallaṅkavarassa majjhe mahāyasaṃ anubhavanto nisīdi. Amaccā ca brāhmaṇagahapatiraṭṭhikadovārikādayo ca rājānaṃ parivāretvā aṭṭhaṃsu. Atheko dovāriko nātidūre ṭhatvā assasanto passasanto parodi. Bodhisatto taṃ disvā ‘‘samma dovārika, mama pitari kālakate sabbe tuṭṭhapahaṭṭhā ussavaṃ kīḷantā vicaranti, tvaṃ pana rodamāno ṭhito , kiṃ nu kho mama pitā taveva piyo ahosi manāpo’’ti pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๗๙.
179.
‘‘สโพฺพ ชโน หิํสิโต ปิงฺคเลน, ตสฺมิํ มเต ปจฺจยา เวทยนฺติ;
‘‘Sabbo jano hiṃsito piṅgalena, tasmiṃ mate paccayā vedayanti;
ปิโย นุ เต อาสิ อกณฺหเนโตฺต, กสฺมา นุ ตฺวํ โรทสิ ทฺวารปาลา’’ติฯ
Piyo nu te āsi akaṇhanetto, kasmā nu tvaṃ rodasi dvārapālā’’ti.
ตตฺถ หิํสิโตติ นานปฺปกาเรหิ ทณฺฑพลิอาทีหิ ปีฬิโตฯ ปิงฺคเลนาติ ปิงฺคลเกฺขนฯ ตสฺส กิร เทฺวปิ อกฺขีนิ นิพฺพิทฺธปิงฺคลานิ พิฬารกฺขิวณฺณานิ อเหสุํ, เตเนวสฺส ‘‘ปิงฺคโล’’ติ นามํ อกํสุฯ ปจฺจยา เวทยนฺตีติ ปีติโย ปเวทยนฺติฯ อกณฺหเนโตฺตติ ปิงฺคลเนโตฺตฯ กสฺมา นุ ตฺวนฺติ เกน นุ การเณน ตฺวํ โรทสิฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘กสฺมา ตุว’’นฺติ ปาโฐฯ
Tattha hiṃsitoti nānappakārehi daṇḍabaliādīhi pīḷito. Piṅgalenāti piṅgalakkhena. Tassa kira dvepi akkhīni nibbiddhapiṅgalāni biḷārakkhivaṇṇāni ahesuṃ, tenevassa ‘‘piṅgalo’’ti nāmaṃ akaṃsu. Paccayā vedayantīti pītiyo pavedayanti. Akaṇhanettoti piṅgalanetto. Kasmā nu tvanti kena nu kāraṇena tvaṃ rodasi. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘kasmā tuva’’nti pāṭho.
โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘นาหํ, มหาราช, ‘มหาปิงฺคโล มโต’ติ โสเกน โรทามิ, สีสสฺส เม สุขํ ชาตํฯ ปิงฺคลราชา หิ ปาสาทา โอตรโนฺต จ อาโรหโนฺต จ กมฺมารมุฎฺฐิกาย ปหรโนฺต วิย มยฺหํ สีเส อฎฺฐฎฺฐ ขฎเก เทติ, โส ปรโลกํ คนฺตฺวาปิ มม สีเส ททมาโน วิย นิรยปาลานมฺปิ ยมสฺสปิ สีเล ขฎเก ทสฺสติ, อถ นํ เต ‘อติวิย อยํ อเมฺห พาธตี’ติ ปุน อิเธว อาเนตฺวา วิสฺสเชฺชยฺยุํ, อถ เม โส ปุนปิ สีเส ขฎเก ทเทยฺยาติ ภเยนาหํ โรทามี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสโนฺต ทุติยํ คาถมาห –
So tassa vacanaṃ sutvā ‘‘nāhaṃ, mahārāja, ‘mahāpiṅgalo mato’ti sokena rodāmi, sīsassa me sukhaṃ jātaṃ. Piṅgalarājā hi pāsādā otaranto ca ārohanto ca kammāramuṭṭhikāya paharanto viya mayhaṃ sīse aṭṭhaṭṭha khaṭake deti, so paralokaṃ gantvāpi mama sīse dadamāno viya nirayapālānampi yamassapi sīle khaṭake dassati, atha naṃ te ‘ativiya ayaṃ amhe bādhatī’ti puna idheva ānetvā vissajjeyyuṃ, atha me so punapi sīse khaṭake dadeyyāti bhayenāhaṃ rodāmī’’ti imamatthaṃ pakāsento dutiyaṃ gāthamāha –
๑๘๐.
180.
‘‘น เม ปิโย อาสิ อกณฺหเนโตฺต, ภายามิ ปจฺจาคมนาย ตสฺส;
‘‘Na me piyo āsi akaṇhanetto, bhāyāmi paccāgamanāya tassa;
อิโต คโต หิํเสยฺย มจฺจุราชํ, โส หิํสิโต อาเนยฺย ปุน อิธา’’ติฯ
Ito gato hiṃseyya maccurājaṃ, so hiṃsito āneyya puna idhā’’ti.
อถ นํ โพธิสโตฺต ‘‘โส ราชา ทารูนํ วาหสหเสฺสน ทโฑฺฒ อุทกฆฎสเตหิ สิโตฺต, สาปิสฺส อาฬาหนภูมิ สมนฺตโต ขตา, ปกติยาปิ จ ปรโลกํ คตา นาม อญฺญตฺถ คติวสา ปุน เตเนว สรีเรน นาคจฺฉนฺติ, มา ตฺวํ ภายี’’ติ ตํ สมสฺสาเสโนฺต อิมํ คาถมาห –
Atha naṃ bodhisatto ‘‘so rājā dārūnaṃ vāhasahassena daḍḍho udakaghaṭasatehi sitto, sāpissa āḷāhanabhūmi samantato khatā, pakatiyāpi ca paralokaṃ gatā nāma aññattha gativasā puna teneva sarīrena nāgacchanti, mā tvaṃ bhāyī’’ti taṃ samassāsento imaṃ gāthamāha –
๑๘๑.
181.
‘‘ทโฑฺฒ วาหสหเสฺสหิ, สิโตฺต ฆฎสเตหิ โส;
‘‘Daḍḍho vāhasahassehi, sitto ghaṭasatehi so;
ปริกฺขตา จ สา ภูมิ, มา ภายิ นาคมิสฺสตี’’ติฯ
Parikkhatā ca sā bhūmi, mā bhāyi nāgamissatī’’ti.
ตโต ปฎฺฐาย โทวาริโก อสฺสาสํ ปฎิลภิฯ โพธิสโตฺต ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโตฯ
Tato paṭṭhāya dovāriko assāsaṃ paṭilabhi. Bodhisatto dhammena rajjaṃ kāretvā dānādīni puññāni katvā yathākammaṃ gato.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มหาปิงฺคโล เทวทโตฺต อโหสิ, ปุโตฺต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā mahāpiṅgalo devadatto ahosi, putto pana ahameva ahosi’’nti.
มหาปิงฺคลชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Mahāpiṅgalajātakavaṇṇanā dasamā.
อุปาหนวโคฺค นวโมฯ
Upāhanavaggo navamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
อุปาหนํ วีณาถูณํ, วิกณฺณกํ อสิตาภุ;
Upāhanaṃ vīṇāthūṇaṃ, vikaṇṇakaṃ asitābhu;
วจฺฉนขํ พกเญฺจว, สาเกตญฺจ เอกปทํ;
Vacchanakhaṃ bakañceva, sāketañca ekapadaṃ;
หริตมาตุ ปิงฺคลํฯ
Haritamātu piṅgalaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๔๐. มหาปิงฺคลชาตกํ • 240. Mahāpiṅgalajātakaṃ