Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๙. มหาปุณฺณมสุตฺตวณฺณนา

    9. Mahāpuṇṇamasuttavaṇṇanā

    ๘๕. เอวํ เม สุตนฺติ มหาปุณฺณมสุตฺตํฯ ตตฺถ ตทหูติ ตสฺมิํ อหุ, ตสฺมิํ ทิวเสติ อโตฺถฯ อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถฯ อุปวสนฺตีติ สีเลน วา อนสเนน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อโตฺถฯ อยํ ปเนตฺถ อตฺถุทฺธาโร – ‘‘อายาม, อาวุโส, กปฺปิน, อุโปสถํ คมิสฺสามา’’ติอาทีสุ หิ ปาติโมกฺขุเทฺทโส อุโปสโถฯ ‘‘อฎฺฐงฺคสมนฺนาคโต โข วิสาเข อุโปสโถ อุปวุโตฺถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๕๓) สีลํฯ ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคุ, สุทฺธสฺสุโปสโถ สทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๙) อุปวาโสฯ ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖) ปญฺญตฺติฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ สภิกฺขุกา อาวาสา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๘๑) อุปวสิตพฺพทิวโสฯ อิธาปิ โสเยว อธิเปฺปโต ฯ โส ปเนส อฎฺฐมีจาตุทฺทสีปนฺนรสีเภเทน ติวิโธฯ ตสฺมา เสสทฺวยนิวารณตฺถํ ปนฺนรเสติ วุตฺตํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ’’ติฯ มาสปุณฺณตาย ปุณฺณา สํปุณฺณาติ ปุณฺณาฯ มา-อิติ จโนฺท วุจฺจติ, โส เอตฺถ ปุโณฺณติ ปุณฺณมาฯ เอวํ ปุณฺณาย ปุณฺณมายาติ อิมสฺมิํ ปททฺวเย อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    85.Evaṃme sutanti mahāpuṇṇamasuttaṃ. Tattha tadahūti tasmiṃ ahu, tasmiṃ divaseti attho. Upavasanti etthāti uposatho. Upavasantīti sīlena vā anasanena vā upetā hutvā vasantīti attho. Ayaṃ panettha atthuddhāro – ‘‘āyāma, āvuso, kappina, uposathaṃ gamissāmā’’tiādīsu hi pātimokkhuddeso uposatho. ‘‘Aṭṭhaṅgasamannāgato kho visākhe uposatho upavuttho’’tiādīsu (a. ni. 8.53) sīlaṃ. ‘‘Suddhassa ve sadā phaggu, suddhassuposatho sadā’’tiādīsu (ma. ni. 1.79) upavāso. ‘‘Uposatho nāma nāgarājā’’tiādīsu (dī. ni. 2.246) paññatti. ‘‘Na, bhikkhave, tadahuposathe sabhikkhukā āvāsā’’tiādīsu (mahāva. 181) upavasitabbadivaso. Idhāpi soyeva adhippeto . So panesa aṭṭhamīcātuddasīpannarasībhedena tividho. Tasmā sesadvayanivāraṇatthaṃ pannaraseti vuttaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘upavasanti etthāti uposatho’’ti. Māsapuṇṇatāya puṇṇā saṃpuṇṇāti puṇṇā. Mā-iti cando vuccati, so ettha puṇṇoti puṇṇamā. Evaṃ puṇṇāya puṇṇamāyāti imasmiṃ padadvaye attho veditabbo.

    เทสนฺติ การณํฯ เตน หิ ตฺวํ ภิกฺขุ สเก อาสเน นิสีทิตฺวา ปุจฺฉาติ กสฺมา ภควา ฐิตสฺส อกเถตฺวา นิสีทาเปสีติฯ อยํ กิร ภิกฺขุ สฎฺฐิมตฺตานํ ปธานิยภิกฺขูนํ สงฺฆเตฺถโร สฎฺฐิ ภิกฺขู คเหตฺวา อรเญฺญ วสติ, เต ตสฺส สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา ฆเฎนฺติ วายมนฺติฯ มหาภูตานิ ปริคฺคณฺหนฺติ อุปาทารูปานิ, นามรูปปจฺจยลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนํ ปริคฺคณฺหนฺติฯ อถ เน อาจริยุปฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสิเนฺน เถโร มหาภูตปริคฺคหาทีนิ ปุจฺฉติฯ เต สพฺพํ กเถนฺติ, มคฺคผลปญฺหํ ปุจฺฉิตา ปน กเถตุํ น สโกฺกนฺติฯ อถ เถโร จิเนฺตสิ – ‘‘มม สนฺติเก เอเตสํ โอวาทสฺส ปริหานิ นตฺถิ, อิเม จ อารทฺธวีริยา วิหรนฺติฯ กุกฺกุฎสฺส ปานียปิวนกาลมตฺตมฺปิ เนสํ ปมาทกิริยา นตฺถิฯ เอวํ สเนฺตปิ มคฺคผลานิ นิพฺพเตฺตตุํ น สโกฺกนฺติฯ อหํ อิเมสํ อชฺฌาสยํ น ชานามิ, พุทฺธเวเนยฺยา เอเต ภวิสฺสนฺติ , คเหตฺวา เน สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉามิ, อถ เนสํ สตฺถา จริยวเสน ธมฺมํ เทเสสฺสตี’’ติ, เต ภิกฺขู คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคโตฯ

    Desanti kāraṇaṃ. Tena hi tvaṃ bhikkhu sake āsane nisīditvā pucchāti kasmā bhagavā ṭhitassa akathetvā nisīdāpesīti. Ayaṃ kira bhikkhu saṭṭhimattānaṃ padhāniyabhikkhūnaṃ saṅghatthero saṭṭhi bhikkhū gahetvā araññe vasati, te tassa santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā ghaṭenti vāyamanti. Mahābhūtāni pariggaṇhanti upādārūpāni, nāmarūpapaccayalakkhaṇārammaṇikavipassanaṃ pariggaṇhanti. Atha ne ācariyupaṭṭhānaṃ āgantvā vanditvā nisinne thero mahābhūtapariggahādīni pucchati. Te sabbaṃ kathenti, maggaphalapañhaṃ pucchitā pana kathetuṃ na sakkonti. Atha thero cintesi – ‘‘mama santike etesaṃ ovādassa parihāni natthi, ime ca āraddhavīriyā viharanti. Kukkuṭassa pānīyapivanakālamattampi nesaṃ pamādakiriyā natthi. Evaṃ santepi maggaphalāni nibbattetuṃ na sakkonti. Ahaṃ imesaṃ ajjhāsayaṃ na jānāmi, buddhaveneyyā ete bhavissanti , gahetvā ne satthu santikaṃ gacchāmi, atha nesaṃ satthā cariyavasena dhammaṃ desessatī’’ti, te bhikkhū gahetvā satthu santikaṃ āgato.

    สตฺถาปิ สายนฺหสมเย อานนฺทเตฺถเรน อุปนีตํ อุทกํ อาทาย สรีรํ อุตุํ คณฺหาเปตฺวา มิคารมาตุปาสาทปริเวเณ ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ, ภิกฺขุสโงฺฆปิ นํ ปริวาเรตฺวา นิสีทิฯ

    Satthāpi sāyanhasamaye ānandattherena upanītaṃ udakaṃ ādāya sarīraṃ utuṃ gaṇhāpetvā migāramātupāsādapariveṇe paññattavarabuddhāsane nisīdi, bhikkhusaṅghopi naṃ parivāretvā nisīdi.

    ตสฺมิํ สมเย สูริโย อตฺถงฺคเมติ, จโนฺท อุคฺคจฺฉติ, มชฺฌฎฺฐาเน จ ภควา นิสิโนฺนฯ จนฺทสฺส ปภา นตฺถิ, สูริยสฺส ปภา นตฺถิ, จนฺทิมสูริยานํ ปภํ มเกฺขตฺวา ฉพฺพณฺณา ยมกพุทฺธรสฺมิโย วิโชฺชตมานา ปุญฺชา ปุญฺชา หุตฺวา ทิสาวิทิสาสุ ธาวนฺตีติ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยน วิตฺถาเรตพฺพํฯ วณฺณภูมิ นาเมสา, ธมฺมกถิกเสฺสเวตฺถ ถาโม ปมาณํ, ยตฺตกํ สโกฺกติ, ตตฺตกํ กเถตพฺพํฯ ทุกฺกถิตนฺติ น วตฺตพฺพํฯ เอวํ สนฺนิสินฺนาย ปริสาย เถโร อุฎฺฐหิตฺวา สตฺถารํ ปญฺหสฺส โอกาสํ กาเรสิฯ ตโต ภควา – ‘‘สเจ อิมสฺมิํ ฐิตเก ปุจฺฉเนฺต ‘อาจริโย โน อุฎฺฐิโต’ติ เสสภิกฺขู อุฎฺฐหิสฺสนฺติ, เอวํ ตถาคเต อคารโว กโต ภวิสฺสติฯ อถ นิสินฺนาว ปุจฺฉิสฺสนฺติ, อาจริเย อคารโว กโต ภวิสฺสติ, เอกคฺคา หุตฺวา ธมฺมเทสนํ ปฎิจฺฉิตุํ น สกฺกุณิสฺสนฺติฯ อาจริเย ปน นิสิเนฺน เตปิ นิสีทิสฺสนฺติฯ ตโต เอกคฺคา ธมฺมเทสนํ ปฎิจฺฉิตุํ สกฺกุณิสฺสนฺตี’’ติ อิมินา การเณน ภควา ฐิตสฺส อกเถตฺวา นิสีทาเปตีติฯ

    Tasmiṃ samaye sūriyo atthaṅgameti, cando uggacchati, majjhaṭṭhāne ca bhagavā nisinno. Candassa pabhā natthi, sūriyassa pabhā natthi, candimasūriyānaṃ pabhaṃ makkhetvā chabbaṇṇā yamakabuddharasmiyo vijjotamānā puñjā puñjā hutvā disāvidisāsu dhāvantīti sabbaṃ heṭṭhā vuttanayena vitthāretabbaṃ. Vaṇṇabhūmi nāmesā, dhammakathikassevettha thāmo pamāṇaṃ, yattakaṃ sakkoti, tattakaṃ kathetabbaṃ. Dukkathitanti na vattabbaṃ. Evaṃ sannisinnāya parisāya thero uṭṭhahitvā satthāraṃ pañhassa okāsaṃ kāresi. Tato bhagavā – ‘‘sace imasmiṃ ṭhitake pucchante ‘ācariyo no uṭṭhito’ti sesabhikkhū uṭṭhahissanti, evaṃ tathāgate agāravo kato bhavissati. Atha nisinnāva pucchissanti, ācariye agāravo kato bhavissati, ekaggā hutvā dhammadesanaṃ paṭicchituṃ na sakkuṇissanti. Ācariye pana nisinne tepi nisīdissanti. Tato ekaggā dhammadesanaṃ paṭicchituṃ sakkuṇissantī’’ti iminā kāraṇena bhagavā ṭhitassa akathetvā nisīdāpetīti.

    อิเม นุ โข, ภเนฺตติ วิมติปุจฺฉา วิย กถิตาฯ เถโร ปน ปญฺจกฺขนฺธานํ อุทยพฺพยํ ปริคฺคณฺหิตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺต มหาขีณาสโว, นตฺถิ เอตสฺส วิมติฯ ชานเนฺตนปิ ปน อชานเนฺตน วิย หุตฺวา ปุจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ หิ ชานโนฺต วิย ปุจฺฉติ, ‘‘ชานาติ อย’’นฺติ ตสฺส ตสฺส วิสฺสเชฺชโนฺต เอกเทสเมว กเถติฯ อชานเนฺตน วิย ปุจฺฉิเต ปน กเถโนฺต อิโต จ เอโตฺต จ การณํ อาหริตฺวา ปากฎํ กตฺวา กเถติฯ โกจิ ปน อชานโนฺตปิ ชานโนฺต วิย ปุจฺฉติฯ เถโร เอวรูปํ วจนํ กิํ กริสฺสติ, ชานโนฺตเยว ปน อชานโนฺต วิย ปุจฺฉตีติ เวทิตโพฺพฯ

    Ime nu kho, bhanteti vimatipucchā viya kathitā. Thero pana pañcakkhandhānaṃ udayabbayaṃ pariggaṇhitvā arahattaṃ patto mahākhīṇāsavo, natthi etassa vimati. Jānantenapi pana ajānantena viya hutvā pucchituṃ vaṭṭati. Sace hi jānanto viya pucchati, ‘‘jānāti aya’’nti tassa tassa vissajjento ekadesameva katheti. Ajānantena viya pucchite pana kathento ito ca etto ca kāraṇaṃ āharitvā pākaṭaṃ katvā katheti. Koci pana ajānantopi jānanto viya pucchati. Thero evarūpaṃ vacanaṃ kiṃ karissati, jānantoyeva pana ajānanto viya pucchatīti veditabbo.

    ฉนฺทมูลกาติ ตณฺหามูลกาฯ เอวํรูโป สิยนฺติ สเจ โอทาโต โหตุกาโม, หริตาลวโณฺณ วา มโนสิลาวโณฺณ วา สิยนฺติ ปเตฺถติ ฯ สเจ กาโฬ โหตุกาโม, นีลุปฺปลวโณฺณ วา อญฺชนวโณฺณ วา อตสีปุปฺผวโณฺณ วา สิยนฺติ ปเตฺถติฯ เอวํเวทโนติ กุสลเวทโน วา สุขเวทโน วา สิยนฺติ ปเตฺถติฯ สญฺญาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ยสฺมา ปน อตีเต ปตฺถนา นาม นตฺถิ, ปเตฺถเนฺตนาปิ จ น สกฺกา ตํ ลทฺธุํ, ปจฺจุปฺปเนฺนปิ น โหติ, น หิ โอทาโต กาฬภาวํ ปเตฺถตฺวา ปจฺจุปฺปเนฺน กาโฬ โหติ, น กาโฬ วา โอทาโต, ทีโฆ วา รโสฺส, รโสฺส วา ทีโฆ, ทานํ ปน ทตฺวา สีลํ วา สมาทิยิตฺวา ‘‘อนาคเต ขตฺติโย วา โหมิ พฺราหฺมโณ วา’’ติ ปเตฺถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติฯ ตสฺมา อนาคตเมว คหิตํฯ

    Chandamūlakāti taṇhāmūlakā. Evaṃrūpo siyanti sace odāto hotukāmo, haritālavaṇṇo vā manosilāvaṇṇo vā siyanti pattheti . Sace kāḷo hotukāmo, nīluppalavaṇṇo vā añjanavaṇṇo vā atasīpupphavaṇṇo vā siyanti pattheti. Evaṃvedanoti kusalavedano vā sukhavedano vā siyanti pattheti. Saññādīsupi eseva nayo. Yasmā pana atīte patthanā nāma natthi, patthentenāpi ca na sakkā taṃ laddhuṃ, paccuppannepi na hoti, na hi odāto kāḷabhāvaṃ patthetvā paccuppanne kāḷo hoti, na kāḷo vā odāto, dīgho vā rasso, rasso vā dīgho, dānaṃ pana datvā sīlaṃ vā samādiyitvā ‘‘anāgate khattiyo vā homi brāhmaṇo vā’’ti patthentassa patthanā samijjhati. Tasmā anāgatameva gahitaṃ.

    ขนฺธาธิวจนนฺติ ขนฺธานํ ขนฺธปณฺณตฺติ กิตฺตเกน โหตีติ ปุจฺฉติฯ

    Khandhādhivacananti khandhānaṃ khandhapaṇṇatti kittakena hotīti pucchati.

    มหาภูตา เหตูติ ‘‘ตโย กุสลเหตู’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๔๔๑) หิ เหตุเหตุ วุโตฺตฯ อวิชฺชา ปุญฺญาภิสงฺขาราทีนํ สาธารณตฺตา สาธารณเหตุฯ กุสลากุสลํ อตฺตโน อตฺตโน วิปากทาเน อุตฺตมเหตุฯ อิธ ปจฺจยเหตุ อธิเปฺปโตฯ ตตฺถ ปถวีธาตุ มหาภูตํ อิตเรสํ ติณฺณํ ภูตานํ อุปาทารูปสฺส จ ปญฺญาปนาย ทสฺสนตฺถาย เหตุ เจว ปจฺจโย จฯ เอวํ เสเสสุปิ โยชนา เวทิตพฺพาฯ

    Mahābhūtā hetūti ‘‘tayo kusalahetū’’tiādīsu (dha. sa. 1441) hi hetuhetu vutto. Avijjā puññābhisaṅkhārādīnaṃ sādhāraṇattā sādhāraṇahetu. Kusalākusalaṃ attano attano vipākadāne uttamahetu. Idha paccayahetu adhippeto. Tattha pathavīdhātu mahābhūtaṃ itaresaṃ tiṇṇaṃ bhūtānaṃ upādārūpassa ca paññāpanāya dassanatthāya hetu ceva paccayo ca. Evaṃ sesesupi yojanā veditabbā.

    ผโสฺสติ ‘‘ผุโฎฺฐ, ภิกฺขเว, เวเทติ, ผุโฎฺฐ สญฺชานาติ, ผุโฎฺฐ เจเตตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๙๓) วจนโต ผโสฺส ติณฺณํ ขนฺธานํ ปญฺญาปนาย เหตุ เจว ปจฺจโย จฯ วิญฺญาณกฺขนฺธสฺสาติ เอตฺถ ปฎิสนฺธิวิญฺญาเณน ตาว สทฺธิํ คพฺภเสยฺยกานํ อุปริมปริเจฺฉเทน สมติํส รูปานิ สมฺปยุตฺตา จ ตโย ขนฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ นามรูปํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณสฺส ปญฺญาปนาย เหตุ เจว ปจฺจโย จฯ จกฺขุทฺวาเร จกฺขุปสาโท เจว รูปารมฺมณญฺจ รูปํ, สมฺปยุตฺตา ตโย ขนฺธา นามํฯ ตํ นามรูปํ จกฺขุวิญฺญาณสฺส ปญฺญาปนาย เหตุ เจว ปจฺจโย จฯ เอเสว นโย เสสวิญฺญาเณสุฯ

    Phassoti ‘‘phuṭṭho, bhikkhave, vedeti, phuṭṭho sañjānāti, phuṭṭho cetetī’’ti (saṃ. ni. 4.93) vacanato phasso tiṇṇaṃ khandhānaṃ paññāpanāya hetu ceva paccayo ca. Viññāṇakkhandhassāti ettha paṭisandhiviññāṇena tāva saddhiṃ gabbhaseyyakānaṃ uparimaparicchedena samatiṃsa rūpāni sampayuttā ca tayo khandhā uppajjanti, taṃ nāmarūpaṃ paṭisandhiviññāṇassa paññāpanāya hetu ceva paccayo ca. Cakkhudvāre cakkhupasādo ceva rūpārammaṇañca rūpaṃ, sampayuttā tayo khandhā nāmaṃ. Taṃ nāmarūpaṃ cakkhuviññāṇassa paññāpanāya hetu ceva paccayo ca. Eseva nayo sesaviññāṇesu.

    ๘๗. กถํ ปน, ภเนฺตติ อิทํ กิตฺตเกน นุ โขติ วฎฺฎํ ปุจฺฉโนฺต เอวมาหฯ สกฺกายทิฎฺฐิ น โหตีติ อิทํ วิวฎฺฎํ ปุจฺฉโนฺต เอวมาหฯ

    87.Kathaṃ pana, bhanteti idaṃ kittakena nu khoti vaṭṭaṃ pucchanto evamāha. Sakkāyadiṭṭhi na hotīti idaṃ vivaṭṭaṃ pucchanto evamāha.

    ๘๘. อยํ รูเป อสฺสาโทติ อิมินา ปริญฺญาปฎิเวโธ เจว ทุกฺขสจฺจญฺจ กถิตํฯ อยํ รูเป อาทีนโวติ อิมินา ปหานปฎิเวโธ เจว สมุทยสจฺจญฺจฯ อิทํ รูเป นิสฺสรณนฺติ อิมินา สจฺฉิกิริยาปฎิเวโธ เจว นิโรธสจฺจญฺจฯ เย อิเมสุ ตีสุ ฐาเนสุ สมฺมาทิฎฺฐิอาทโย ธมฺมา, อยํ ภาวนาปฎิเวโธ มคฺคสจฺจํฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ

    88.Ayaṃrūpe assādoti iminā pariññāpaṭivedho ceva dukkhasaccañca kathitaṃ. Ayaṃ rūpe ādīnavoti iminā pahānapaṭivedho ceva samudayasaccañca. Idaṃ rūpe nissaraṇanti iminā sacchikiriyāpaṭivedho ceva nirodhasaccañca. Ye imesu tīsu ṭhānesu sammādiṭṭhiādayo dhammā, ayaṃ bhāvanāpaṭivedho maggasaccaṃ. Sesapadesupi eseva nayo.

    ๘๙. พหิทฺธาติ ปรสฺส สวิญฺญาณเก กาเยฯ สพฺพนิมิเตฺตสูติ อิมินา ปน อนินฺทฺริยพทฺธมฺปิ สงฺคณฺหาติฯ ‘‘สวิญฺญาณเก กาเย’’ติ วจเนน วา อตฺตโน จ ปรสฺส จ กาโย คหิโตว, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺตคฺคหเณน อนินฺทฺริยพทฺธํ คณฺหาติฯ

    89.Bahiddhāti parassa saviññāṇake kāye. Sabbanimittesūti iminā pana anindriyabaddhampi saṅgaṇhāti. ‘‘Saviññāṇake kāye’’ti vacanena vā attano ca parassa ca kāyo gahitova, bahiddhā ca sabbanimittaggahaṇena anindriyabaddhaṃ gaṇhāti.

    ๙๐. อนตฺตกตานีติ อนตฺตนิ ฐตฺวา กตานิฯ กมตฺตานํ ผุสิสฺสนฺตีติ กตรสฺมิํ อตฺตนิ ฐตฺวา วิปากํ ทเสฺสนฺตีติ สสฺสตทสฺสนํ โอกฺกมโนฺต เอวมาหฯ ตณฺหาธิปเตเยฺยนาติ ตณฺหาเชฎฺฐเกนฯ ตตฺร ตตฺราติ เตสุ เตสุ ธเมฺมสุฯ สฎฺฐิมตฺตานนฺติ อิเม ภิกฺขู ปกติกมฺมฎฺฐานํ ชหิตฺวา อญฺญํ นวกมฺมฎฺฐานํ สมฺมสนฺตา ปลฺลงฺกํ อภินฺทิตฺวา ตสฺมิํเยว อาสเน อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    90.Anattakatānīti anattani ṭhatvā katāni. Kamattānaṃ phusissantīti katarasmiṃ attani ṭhatvā vipākaṃ dassentīti sassatadassanaṃ okkamanto evamāha. Taṇhādhipateyyenāti taṇhājeṭṭhakena. Tatra tatrāti tesu tesu dhammesu. Saṭṭhimattānanti ime bhikkhū pakatikammaṭṭhānaṃ jahitvā aññaṃ navakammaṭṭhānaṃ sammasantā pallaṅkaṃ abhinditvā tasmiṃyeva āsane arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    มหาปุณฺณมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahāpuṇṇamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๙. มหาปุณฺณมสุตฺตํ • 9. Mahāpuṇṇamasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๙. มหาปุณฺณมสุตฺตวณฺณนา • 9. Mahāpuṇṇamasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact