Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๒. มหาราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนา

    2. Mahārāhulovādasuttavaṇṇanā

    ๑๑๓. อิริยาปถานุพนฺธเนนาติ อิริยาปถคมนานุพนฺธเนน, น ปฎิปตฺติคมนานุพนฺธเนนฯ อญฺญเมว หิ พุทฺธานํ ปฎิปตฺติคมนํ อญฺญํ สาวกานํฯ วิลาสิตคมเนนาติ – ‘‘ทูเร ปาทํ น อุทฺธรติ, น อจฺจาสเนฺน ปาทํ นิกฺขิปติ, นาติสีฆํ คจฺฉติ นาติสณิก’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๔.๒๔๓; อุทา. อฎฺฐ. ๗๖; สารตฺถ. ฎี. มหาวคฺค ๓.๒๘๕) วุเตฺตน สภาวสีเลน พุทฺธานํ จาตุริยคมเนนฯ ตเทว หิ สนฺธาย ‘‘ปเท ปทํ นิกฺขิปโนฺต’’ติ วุตฺตํฯ ปทานุปทิโกติ ราหุลเตฺถรสฺสปิ ลกฺขณปาริปูริยา ตาทิสเมว คมนนฺติ ยตฺตกํ ปเทสํ อนฺตรํ อทตฺวา ภควโต ปิฎฺฐิโต คนฺตุํ อารโทฺธ, สพฺพตฺถ ตเมว คมนปทานุปทํ คจฺฉตีติ ปทานุปทิโกฯ

    113.Iriyāpathānubandhanenāti iriyāpathagamanānubandhanena, na paṭipattigamanānubandhanena. Aññameva hi buddhānaṃ paṭipattigamanaṃ aññaṃ sāvakānaṃ. Vilāsitagamanenāti – ‘‘dūre pādaṃ na uddharati, na accāsanne pādaṃ nikkhipati, nātisīghaṃ gacchati nātisaṇika’’ntiādinā (saṃ. ni. aṭṭha. 3.4.243; udā. aṭṭha. 76; sārattha. ṭī. mahāvagga 3.285) vuttena sabhāvasīlena buddhānaṃ cāturiyagamanena. Tadeva hi sandhāya ‘‘pade padaṃ nikkhipanto’’ti vuttaṃ. Padānupadikoti rāhulattherassapi lakkhaṇapāripūriyā tādisameva gamananti yattakaṃ padesaṃ antaraṃ adatvā bhagavato piṭṭhito gantuṃ āraddho, sabbattha tameva gamanapadānupadaṃ gacchatīti padānupadiko.

    วณฺณนาภูมิ จายํ ตตฺถ ภควนฺตํ เถรญฺจ อเนกรูปาหิ อุปมาหิ วเณฺณโนฺต ‘‘ตตฺถ ภควา’’ติอาทิมาหฯ นิกฺขนฺตคชโปตโก วิย วิโรจิตฺถาติ ปทํ อาเนตฺวา โยชนาฯ เอวํ ตํ เกสรสีโห วิยาติอาทีสุปิ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ ตารกราชา นาม จโนฺทฯ ทฺวินฺนํ จนฺทมณฺฑลานนฺติอาทิ ปริกปฺปวจนํ, พุทฺธาเวณิกสนฺตกํ วิย พุทฺธานํ อากปฺปโสภา อโหสิ, อโห สิรีสมฺปตฺตีติ โยชนาฯ

    Vaṇṇanābhūmi cāyaṃ tattha bhagavantaṃ therañca anekarūpāhi upamāhi vaṇṇento ‘‘tattha bhagavā’’tiādimāha. Nikkhantagajapotako viya virocitthāti padaṃ ānetvā yojanā. Evaṃ taṃ kesarasīho viyātiādīsupi ānetvā yojetabbaṃ. Tārakarājā nāma cando. Dvinnaṃ candamaṇḍalānantiādi parikappavacanaṃ, buddhāveṇikasantakaṃ viya buddhānaṃ ākappasobhā ahosi, aho sirīsampattīti yojanā.

    อาทิยมานาติ คณฺหนฺติฯ ‘‘ปจฺฉา ชานิสฺสามา’’ติ น อชฺชุเปกฺขิตโพฺพฯ อิทํ น กตฺตพฺพนฺติ วุเตฺตติ อิทํ ปาณอติปาตนํ น กตฺตพฺพนฺติ วุเตฺต อิทํ ทเณฺฑน วา เลฑฺฑุนา วา วิเหฐนํ น กตฺตพฺพํ, อิทํ ปาณินา ทณฺฑกทานญฺจ อนฺตมโส กุชฺฌิตฺวา โอโลกนมตฺตมฺปิ น กตฺตพฺพเมวาติ นยสเตนปิ นยสหเสฺสนปิ ปฎิวิชฺฌติ, ตถา อิธ ตาว สมฺมชฺชนํ กตฺตพฺพนฺติ วุเตฺตปิ ตตฺถ ปริภณฺฑกรณํ วิหารงฺคณสมฺมชฺชนํ กจวรฉฑฺฑนํ วาลิกาสมกิรณนฺติ เอวมาทินา นยสเตน นยสหเสฺสน ปฎิวิชฺฌติฯ เตนาห – ‘‘อิทํ กตฺตพฺพนฺติ วุเตฺตปิ เอเสว นโย’’ติฯ ปริภาสนฺติ ตชฺชนํฯ ลภามีติ ปจฺจาสีสติฯ

    Ādiyamānāti gaṇhanti. ‘‘Pacchā jānissāmā’’ti na ajjupekkhitabbo. Idaṃ na kattabbanti vutteti idaṃ pāṇaatipātanaṃ na kattabbanti vutte idaṃ daṇḍena vā leḍḍunā vā viheṭhanaṃ na kattabbaṃ, idaṃ pāṇinā daṇḍakadānañca antamaso kujjhitvā olokanamattampi na kattabbamevāti nayasatenapi nayasahassenapi paṭivijjhati, tathā idha tāva sammajjanaṃ kattabbanti vuttepi tattha paribhaṇḍakaraṇaṃ vihāraṅgaṇasammajjanaṃ kacavarachaḍḍanaṃ vālikāsamakiraṇanti evamādinā nayasatena nayasahassena paṭivijjhati. Tenāha – ‘‘idaṃ kattabbanti vuttepi eseva nayo’’ti. Paribhāsanti tajjanaṃ. Labhāmīti paccāsīsati.

    สพฺพเมตนฺติ สพฺพํ เอตํ มยิ ลพฺภมานํ สิกฺขากามตํฯ อภิญฺญายาติ ชานิตฺวาฯ สหาโยติ รฎฺฐปาลเตฺถรํ สนฺธายาหฯ โส หิ ภควตา สทฺธาปพฺพชิตภาเว เอตทเคฺค ฐปิโตฯ ธมฺมารโกฺขติ สตฺถุ สทฺธมฺมรตนานุปาลโก ธมฺมภณฺฑาคาริโกฯ เปตฺติโยติ จูฬปิตาฯ สพฺพํ เม ชินสาสนนฺติ สพฺพมฺปิ พุทฺธสาสนํ มยฺหเมวฯ

    Sabbametanti sabbaṃ etaṃ mayi labbhamānaṃ sikkhākāmataṃ. Abhiññāyāti jānitvā. Sahāyoti raṭṭhapālattheraṃ sandhāyāha. So hi bhagavatā saddhāpabbajitabhāve etadagge ṭhapito. Dhammārakkhoti satthu saddhammaratanānupālako dhammabhaṇḍāgāriko. Pettiyoti cūḷapitā. Sabbaṃ me jinasāsananti sabbampi buddhasāsanaṃ mayhameva.

    ฉนฺทราคํ ญตฺวาติ ฉนฺทราคํ มม จิเตฺต อุปฺปนฺนํ ญตฺวาฯ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเลติ วิหารปริยเนฺต อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูลฎฺฐาเน อนุจฺฉวิเกฯ

    Chandarāgaṃ ñatvāti chandarāgaṃ mama citte uppannaṃ ñatvā. Aññatarasmiṃ rukkhamūleti vihārapariyante aññatarasmiṃ rukkhamūlaṭṭhāne anucchavike.

    ตทาติ อคฺคสาวเกหิ ปสาทาปนกาเลฯ อญฺญกมฺมฎฺฐานานิ จงฺกมนอิริยาปเถปิ ปิฎฺฐิปสารณกาเลปิ สมิชฺฌนฺติ, น เอวมิทนฺติ อาห – ‘‘อิทมสฺส เอติสฺสา นิสชฺชาย กมฺมฎฺฐานํ อนุจฺฉวิก’’นฺติฯ อานาปานสฺสตินฺติ อานาปานสฺสติกมฺมฎฺฐานํฯ

    Tadāti aggasāvakehi pasādāpanakāle. Aññakammaṭṭhānāni caṅkamanairiyāpathepi piṭṭhipasāraṇakālepi samijjhanti, na evamidanti āha – ‘‘idamassa etissā nisajjāya kammaṭṭhānaṃ anucchavika’’nti. Ānāpānassatinti ānāpānassatikammaṭṭhānaṃ.

    สมสีสี โหตีติ สเจ สมสีสี หุตฺวา น ปรินิพฺพายติฯ ปเจฺจกโพธิํ สจฺฉิกโรติ โน เจ ปเจฺจกโพธิํ สจฺฉิกโรติฯ ขิปฺปาภิโญฺญติ ขิปฺปํ ลหุํเยว ปตฺตพฺพฉฬภิโญฺญฯ

    Samasīsī hotīti sace samasīsī hutvā na parinibbāyati. Paccekabodhiṃ sacchikaroti no ce paccekabodhiṃ sacchikaroti. Khippābhiññoti khippaṃ lahuṃyeva pattabbachaḷabhiñño.

    ปริปุณฺณาติ โสฬสสุ อากาเรสุ กสฺสจิปิ อตาปเนน สพฺพโส ปุณฺณาฯ สุภาวิตาติ สมถภาวนาย วิปสฺสนาภาวนาย จ อนุปุพฺพสมฺปาทเนน สุภาวิตาฯ คณนาวิธานานุปุพฺพิยา อาเสวิตตฺตา อนุปุพฺพํ ปริจิตา

    Paripuṇṇāti soḷasasu ākāresu kassacipi atāpanena sabbaso puṇṇā. Subhāvitāti samathabhāvanāya vipassanābhāvanāya ca anupubbasampādanena subhāvitā. Gaṇanāvidhānānupubbiyā āsevitattā anupubbaṃ paricitā.

    โอมานํ วาติ อวชานนํ อุญฺญาตนฺติ เอวํวิธํ มานํ วาฯ อติมานํ วาติ ‘‘กิํ อิเมหิ, มเมว อานุภาเวน ชีวิสฺสามี’’ติ เอวํ อติมานํ วา กุโต ชเนสฺสตีติฯ

    Omānaṃ vāti avajānanaṃ uññātanti evaṃvidhaṃ mānaṃ vā. Atimānaṃ vāti ‘‘kiṃ imehi, mameva ānubhāvena jīvissāmī’’ti evaṃ atimānaṃ vā kuto janessatīti.

    ๑๑๔. วิสงฺขริตฺวาติ วิสํยุเตฺต กตฺวา, ยถา สงฺคากาเรน คหณํ น คจฺฉติ, เอวํ วินิภุญฺชิตฺวาติ อโตฺถฯ มหาภูตานิ ตาว วิตฺถาเรตุ, สมฺมสนูปคตฺตา, อสมฺมสนูปคํ อากาสธาตุํ อถ กสฺมา วิตฺถาเรสีติ อาห ‘‘อุปาทารูปทสฺสนตฺถ’’นฺติฯ อาโปธาตุ สุขุมรูปํฯ อิตราสุ โอฬาริกสุขุมตาปิ ลพฺภตีติ อาห ‘‘อุปาทารูปทสฺสนตฺถ’’นฺติฯ เหฎฺฐา จตฺตาริ มหาภูตาเนว กถิตานิ, น อุปาทารูปนฺติ ตสฺส ปเนตฺถ ลกฺขณหารนเยน อากาสทสฺสเนน ทสฺสิตตา เวทิตพฺพาฯ เตนาห ‘‘อิมินา มุเขน ตํ ทเสฺสตุ’’นฺติฯ น เกวลํ อุปาทารูปคฺคหณทสฺสนตฺถเมว อากาสธาตุ วิตฺถาริตา, อถ โข ปริคฺคหสุขตายปีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปริจฺฉินฺทิตพฺพสฺส รูปสฺส นิรวเสสปริยาทานตฺถํ ‘‘อชฺฌตฺติเกนา’’ติ วิเสสนมาหฯ อากาเสนาติ อากาสธาตุยา คหิตายฯ ปริจฺฉินฺนรูปนฺติ ตาย ปริจฺฉินฺทิตกลาปคตมฺปิ ปากฎํ โหติ วิภูตํ หุตฺวา อุปฎฺฐาติฯ

    114.Visaṅkharitvāti visaṃyutte katvā, yathā saṅgākārena gahaṇaṃ na gacchati, evaṃ vinibhuñjitvāti attho. Mahābhūtāni tāva vitthāretu, sammasanūpagattā, asammasanūpagaṃ ākāsadhātuṃ atha kasmā vitthāresīti āha ‘‘upādārūpadassanattha’’nti. Āpodhātu sukhumarūpaṃ. Itarāsu oḷārikasukhumatāpi labbhatīti āha ‘‘upādārūpadassanattha’’nti. Heṭṭhā cattāri mahābhūtāneva kathitāni, na upādārūpanti tassa panettha lakkhaṇahāranayena ākāsadassanena dassitatā veditabbā. Tenāha ‘‘iminā mukhena taṃ dassetu’’nti. Na kevalaṃ upādārūpaggahaṇadassanatthameva ākāsadhātu vitthāritā, atha kho pariggahasukhatāyapīti dassento ‘‘apicā’’tiādimāha. Tattha paricchinditabbassa rūpassa niravasesapariyādānatthaṃ ‘‘ajjhattikenā’’ti visesanamāha. Ākāsenāti ākāsadhātuyā gahitāya. Paricchinnarūpanti tāya paricchinditakalāpagatampi pākaṭaṃ hoti vibhūtaṃ hutvā upaṭṭhāti.

    อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ สุขคฺคหณตฺถํ คาถาย ทเสฺสติฯ ตสฺสาติ อุปาทายรูปสฺสฯ เอวํ อาวิภาวตฺถนฺติ เอวํ ปริจฺฉินฺนตาย อากาสสฺส วเสน วิภูตภาวตฺถํฯ นฺติ อากาสธาตุํฯ

    Idāni vuttamevatthaṃ sukhaggahaṇatthaṃ gāthāya dasseti. Tassāti upādāyarūpassa. Evaṃ āvibhāvatthanti evaṃ paricchinnatāya ākāsassa vasena vibhūtabhāvatthaṃ. Tanti ākāsadhātuṃ.

    ๑๑๘. อากาสภาวํ คตนฺติ จตูหิ มหาภูเตหิ อสมฺผุฎฺฐานํ เตสํ ปริเจฺฉทกภาเวน อากาสนฺติ คเหตพฺพตํ คตํ, อากาสเมว วา อากาสคตํ ยถา ‘‘ทิฎฺฐิคตํ (ธ. ส. ๓๘๑; มหานิ. ๑๒), อตฺถงฺคต’’นฺติ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๑๓๐) จฯ อาทินฺนนฺติ อิมนฺติ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อาทินฺนํฯ เตนาห ‘‘คหิตํ ปรามฎฺฐ’’นฺติฯ อญฺญตฺถ กมฺมชํ ‘‘อุปาทินฺน’’นฺติ วุจฺจติ, น ตถา อิธาติ อาห ‘‘สรีรฎฺฐกนฺติ อโตฺถ’’ติฯ ปถวีธาตุอาทีสุ วุตฺตนเยเนวาติ มหาหตฺถิปโทปเม (ม. นิ. ๑.๓๐๐ อาทโย) วุตฺตนยทสฺสนํ สนฺธาย วทติฯ

    118.Ākāsabhāvaṃ gatanti catūhi mahābhūtehi asamphuṭṭhānaṃ tesaṃ paricchedakabhāvena ākāsanti gahetabbataṃ gataṃ, ākāsameva vā ākāsagataṃ yathā ‘‘diṭṭhigataṃ (dha. sa. 381; mahāni. 12), atthaṅgata’’nti (a. ni. aṭṭha. 1.1.130) ca. Ādinnanti imanti taṇhādiṭṭhīhi ādinnaṃ. Tenāha ‘‘gahitaṃ parāmaṭṭha’’nti. Aññattha kammajaṃ ‘‘upādinna’’nti vuccati, na tathā idhāti āha ‘‘sarīraṭṭhakanti attho’’ti. Pathavīdhātuādīsuvuttanayenevāti mahāhatthipadopame (ma. ni. 1.300 ādayo) vuttanayadassanaṃ sandhāya vadati.

    ๑๑๙. ตาทิภาโว นาม นิฎฺฐิตกิจฺจสฺส โหติ, อยญฺจ วิปสฺสนํ อนุยุญฺชติ, อถ กิมตฺถํ ตาทิภาวตา วุตฺตาติ? ปถวีสมตาทิลกฺขณาจิกฺขณาหิ วิปสฺสนาย สุขปฺปวตฺติอตฺถํฯ เตนาห ‘‘อิฎฺฐานิเฎฺฐสู’’ติอาทิฯ คเหตฺวาติ กุสลปฺปวตฺติยา โอกาสทานวเสน ปริคฺคเหตฺวาฯ น ปติฎฺฐิโตติ น นิสฺสิโต น ลโคฺคฯ

    119.Tādibhāvo nāma niṭṭhitakiccassa hoti, ayañca vipassanaṃ anuyuñjati, atha kimatthaṃ tādibhāvatā vuttāti? Pathavīsamatādilakkhaṇācikkhaṇāhi vipassanāya sukhappavattiatthaṃ. Tenāha ‘‘iṭṭhāniṭṭhesū’’tiādi. Gahetvāti kusalappavattiyā okāsadānavasena pariggahetvā. Na patiṭṭhitoti na nissito na laggo.

    ๑๒๐. พฺรหฺมวิหารภาวนา อสุภภาวนา อานาปานสฺสติภาวนา จ อุปจารํ วา อปฺปนํ วา ปาเปโนฺต วิปสฺสนาย ปาทกภาวาย อนิจฺจาทิสญฺญาย วิปสฺสนาภาเวน อุสฺสกฺกิตฺวา มคฺคปฎิปาฎิยา อรหตฺตาธิคมาย โหตีติ ‘‘เมตฺตาทิภาวนาย ปน โหตี’’ติ วุตฺตํฯ ยตฺถ กตฺถจิ สเตฺตสุ สงฺขาเรสุ จ ปฎิหญฺญนกิเลโสติ อาฆาตภาวเมว วทติ ญายภาวโต อเญฺญสมฺปิฯ อสฺมิมาโนติ รูปาทิเก ปเจฺจกํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘อยมหมสฺมี’’ติ เอวํ ปวตฺตมาโนฯ

    120. Brahmavihārabhāvanā asubhabhāvanā ānāpānassatibhāvanā ca upacāraṃ vā appanaṃ vā pāpento vipassanāya pādakabhāvāya aniccādisaññāya vipassanābhāvena ussakkitvā maggapaṭipāṭiyā arahattādhigamāya hotīti ‘‘mettādibhāvanāya pana hotī’’ti vuttaṃ. Yattha katthaci sattesu saṅkhāresu ca paṭihaññanakilesoti āghātabhāvameva vadati ñāyabhāvato aññesampi. Asmimānoti rūpādike paccekaṃ ekajjhaṃ gahetvā ‘‘ayamahamasmī’’ti evaṃ pavattamāno.

    ๑๒๑. อิทํ กมฺมฎฺฐานนฺติ เอตฺถ คณนาทิวเสน อาเสวิยมานา อสฺสาสปสฺสาสา โยคกมฺมสฺส ปติฎฺฐานตาย กมฺมฎฺฐานํฯ ตตฺถ ปน ตถาปวโตฺต มนสิกาโร ภาวนาฯ เอตฺถ จ ตเสฺสว เถรสฺส ภควตา พหูนํ กมฺมฎฺฐานานํ เทสิตตฺตา จริตํ อนาทิยิตฺวา กมฺมฎฺฐานานิ สเพฺพสํ ปุคฺคลานํ สปฺปายานีติ อยมโตฺถ สิโทฺธ, อติสปฺปายวเสน ปน กมฺมฎฺฐาเนสุ วิภาคกถา กถิตาติ เวทิตพฺพาฯ

    121.Idaṃ kammaṭṭhānanti ettha gaṇanādivasena āseviyamānā assāsapassāsā yogakammassa patiṭṭhānatāya kammaṭṭhānaṃ. Tattha pana tathāpavatto manasikāro bhāvanā. Ettha ca tasseva therassa bhagavatā bahūnaṃ kammaṭṭhānānaṃ desitattā caritaṃ anādiyitvā kammaṭṭhānāni sabbesaṃ puggalānaṃ sappāyānīti ayamattho siddho, atisappāyavasena pana kammaṭṭhānesu vibhāgakathā kathitāti veditabbā.

    มหาราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Mahārāhulovādasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๒. มหาราหุโลวาทสุตฺตํ • 2. Mahārāhulovādasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. มหาราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนา • 2. Mahārāhulovādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact