Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๑๔. มหารถวิมานวณฺณนา

    14. Mahārathavimānavaṇṇanā

    สหสฺสยุตฺตํ หยวาหนํ สุภนฺติ มหารถวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน จ สมเยน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฎฺฐา วุตฺตนเยน เทวจาริกํ จรโนฺต ตาวติํสภวเน โคปาลสฺส นาม เทวปุตฺตสฺส อตฺตโน วิมานโต นิกฺขมิตฺวา สหสฺสยุตฺตํ มหนฺตํ ทิพฺพรถํ อภิรุยฺห มหเนฺตน ปริวาเรน มหติยา เทวิทฺธิยา อุยฺยานกีฬนตฺถํ คจฺฉนฺตสฺส อวิทูเร ปาตุรโหสิฯ ตํ ทิสฺวา เทวปุโตฺต สญฺชาตคารวพหุมาโน สหสา รถโต โอรุยฺห อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา อญฺชลิํ สิรสิ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ

    Sahassayuttaṃ hayavāhanaṃ subhanti mahārathavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena ca samayena āyasmā mahāmoggallāno heṭṭhā vuttanayena devacārikaṃ caranto tāvatiṃsabhavane gopālassa nāma devaputtassa attano vimānato nikkhamitvā sahassayuttaṃ mahantaṃ dibbarathaṃ abhiruyha mahantena parivārena mahatiyā deviddhiyā uyyānakīḷanatthaṃ gacchantassa avidūre pāturahosi. Taṃ disvā devaputto sañjātagāravabahumāno sahasā rathato oruyha upasaṅkamitvā pañcapatiṭṭhitena vanditvā añjaliṃ sirasi paggayha aṭṭhāsi.

    ตสฺสิทํ ปุพฺพกมฺมํ – โส กิร วิปสฺสิํ ภควนฺตํ สุวณฺณมาลาย ปูเชตฺวา ‘‘อิมสฺส ปุญฺญสฺส อานุภาเวน มยฺหํ ภเว ภเว โสวณฺณมยา อุรจฺฉทมาลา นิพฺพตฺตตู’’ติ กตปณิธานาย อเนกกเปฺปสุ สุคตีสุเยว สํสรนฺติยา กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กิกิสฺส กาสิรโญฺญ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตาย ยถาปณิธานํ สุวณฺณมาลาลาเภน ‘‘อุรจฺฉทมาลา’’ติ ลทฺธนามาย เทวกญฺญาสทิสาย ราชธีตาย อาจริโย โคปาโล นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สสาวกสงฺฆสฺส กสฺสปสฺส ภควโต อสทิสทานาทีนิ มหาทานานิ ปวเตฺตตฺวา อินฺทฺริยานํ อปริปกฺกภาเวน อตฺตานํ ราชธีตรญฺจ อุทฺทิสฺส สตฺถารา เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวาปิ วิเสสํ นิพฺพเตฺตตุํ อสโกฺกโนฺต ปุถุชฺชนกาลกิริยเมว กตฺวา ยถูปจิตปุญฺญานุภาเวน ตาวติํเสสุ โยชนสติเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ, อเนกโกฎิอจฺฉราปริวาโร อโหสิ, สตฺตรตนมโย จสฺส สหสฺสยุโตฺต สุวิภตฺตภิตฺติวิจิโตฺต สินิทฺธมธุรนิโคฺฆโส อตฺตโน ปภาสมุทเยน อวหสโนฺต วิย ทิวงฺกรมณฺฑลํ ทิโพฺพ อาชญฺญรโถ นิพฺพตฺติฯ

    Tassidaṃ pubbakammaṃ – so kira vipassiṃ bhagavantaṃ suvaṇṇamālāya pūjetvā ‘‘imassa puññassa ānubhāvena mayhaṃ bhave bhave sovaṇṇamayā uracchadamālā nibbattatū’’ti katapaṇidhānāya anekakappesu sugatīsuyeva saṃsarantiyā kassapassa bhagavato kāle kikissa kāsirañño aggamahesiyā kucchimhi nibbattāya yathāpaṇidhānaṃ suvaṇṇamālālābhena ‘‘uracchadamālā’’ti laddhanāmāya devakaññāsadisāya rājadhītāya ācariyo gopālo nāma brāhmaṇo hutvā sasāvakasaṅghassa kassapassa bhagavato asadisadānādīni mahādānāni pavattetvā indriyānaṃ aparipakkabhāvena attānaṃ rājadhītarañca uddissa satthārā desitaṃ dhammaṃ sutvāpi visesaṃ nibbattetuṃ asakkonto puthujjanakālakiriyameva katvā yathūpacitapuññānubhāvena tāvatiṃsesu yojanasatike kanakavimāne nibbatti, anekakoṭiaccharāparivāro ahosi, sattaratanamayo cassa sahassayutto suvibhattabhittivicitto siniddhamadhuranigghoso attano pabhāsamudayena avahasanto viya divaṅkaramaṇḍalaṃ dibbo ājaññaratho nibbatti.

    โส ตตฺถ ยาวตายุกํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา อปราปรํ เทเวสุเยว สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน ยถาวุตฺตสมฺปตฺติวิภโว โคปาโล เอว นาม เทวปุโตฺต หุตฺวา ตาวติํเสสุเยว นิพฺพตฺติฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เตน จ สมเยน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน…เป.… อญฺชลิํ สิรสิ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสี’’ติฯ

    So tattha yāvatāyukaṃ dibbasampattiṃ anubhavitvā aparāparaṃ devesuyeva saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde tasseva kammassa vipākāvasesena yathāvuttasampattivibhavo gopālo eva nāma devaputto hutvā tāvatiṃsesuyeva nibbatti. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘tena ca samayena āyasmā mahāmoggallāno…pe… añjaliṃ sirasi paggayha aṭṭhāsī’’ti.

    เอวํ ปน อุปสงฺกมิตฺวา ฐิตํ ตํ เทวปุตฺตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

    Evaṃ pana upasaṅkamitvā ṭhitaṃ taṃ devaputtaṃ āyasmā mahāmoggallāno imāhi gāthāhi pucchi –

    ๑๐๑๕.

    1015.

    ‘‘สหสฺสยุตฺตํ หยวาหนํ สุภํ, อารุยฺหิมํ สนฺทนํ เนกจิตฺตํ;

    ‘‘Sahassayuttaṃ hayavāhanaṃ subhaṃ, āruyhimaṃ sandanaṃ nekacittaṃ;

    อุยฺยานภูมิํ อภิโต อนุกฺกมํ, ปุรินฺทโท ภูตปตีว วาสโวฯ

    Uyyānabhūmiṃ abhito anukkamaṃ, purindado bhūtapatīva vāsavo.

    ๑๐๑๖.

    1016.

    ‘‘โสวณฺณมยา เต รถกุพฺพรา อุโภ, ผเลหิ อํเสหิ อตีว สงฺคตา;

    ‘‘Sovaṇṇamayā te rathakubbarā ubho, phalehi aṃsehi atīva saṅgatā;

    สุชาตคุมฺพา นรวีรนิฎฺฐิตา, วิโรจติ ปนฺนรเสว จโนฺทฯ

    Sujātagumbā naravīraniṭṭhitā, virocati pannaraseva cando.

    ๑๐๑๗.

    1017.

    ‘‘สุวณฺณชาลาวตโต รโถ อยํ, พหูหิ นานารตเนหิ จิตฺติโต;

    ‘‘Suvaṇṇajālāvatato ratho ayaṃ, bahūhi nānāratanehi cittito;

    สุนนฺทิโฆโส จ สุภสฺสโร จ, วิโรจตี จามรหตฺถพาหุภิฯ

    Sunandighoso ca subhassaro ca, virocatī cāmarahatthabāhubhi.

    ๑๐๑๘.

    1018.

    ‘‘อิมา จ นาโภฺย มนสาภินิมฺมิตา, รถสฺส ปาทนฺตรมชฺฌภูสิตา;

    ‘‘Imā ca nābhyo manasābhinimmitā, rathassa pādantaramajjhabhūsitā;

    อิมา จ นาโภฺย สตราชิจิตฺติตา, สเตรตา วิชฺชุริวปฺปภาสเรฯ

    Imā ca nābhyo satarājicittitā, sateratā vijjurivappabhāsare.

    ๑๐๑๙.

    1019.

    ‘‘อเนกจิตฺตาวตโต รโถ อยํ, ปุถู จ เนมี จ สหสฺสรํสิโก;

    ‘‘Anekacittāvatato ratho ayaṃ, puthū ca nemī ca sahassaraṃsiko;

    เตสํ สโร สุยฺยติ วคฺคุรูโป, ปญฺจงฺคิกํ ตูริยมิวปฺปวาทิตํฯ

    Tesaṃ saro suyyati vaggurūpo, pañcaṅgikaṃ tūriyamivappavāditaṃ.

    ๑๐๒๐.

    1020.

    ‘‘สิรสฺมิํ จิตฺตํ มณิจนฺทกปฺปิตํ, สทา วิสุทฺธํ รุจิรํ ปภสฺสรํ;

    ‘‘Sirasmiṃ cittaṃ maṇicandakappitaṃ, sadā visuddhaṃ ruciraṃ pabhassaraṃ;

    สุวณฺณราชีหิ อตีว สงฺคตํ, เวฬุริยราชีว อตีว โสภติฯ

    Suvaṇṇarājīhi atīva saṅgataṃ, veḷuriyarājīva atīva sobhati.

    ๑๐๒๑.

    1021.

    ‘‘อิเม จ วาฬี มณิจนฺทกปฺปิตา, อาโรหกมฺพู สุชวา พฺรหูปมา;

    ‘‘Ime ca vāḷī maṇicandakappitā, ārohakambū sujavā brahūpamā;

    พฺรหา มหนฺตา พลิโน มหาชวา, มโน ตวญฺญาย ตเถว สิํสเรฯ

    Brahā mahantā balino mahājavā, mano tavaññāya tatheva siṃsare.

    ๑๐๒๒.

    1022.

    ‘‘อิเม จ สเพฺพ สหิตา จตุกฺกมา, มโน ตวญฺญาย ตเถว สิํสเร;

    ‘‘Ime ca sabbe sahitā catukkamā, mano tavaññāya tatheva siṃsare;

    สมํ วหนฺตี มุทุกา อนุทฺธตา, อาโมทมานา ตุรคานมุตฺตมาฯ

    Samaṃ vahantī mudukā anuddhatā, āmodamānā turagānamuttamā.

    ๑๐๒๓.

    1023.

    ‘‘ธุนนฺติ วคฺคนฺติ ปตนฺติ จมฺพเร, อพฺภุทฺธุนนฺตา สุกเต ปิฬนฺธเน;

    ‘‘Dhunanti vagganti patanti cambare, abbhuddhunantā sukate piḷandhane;

    เตสํ สโร สุยฺยติ วคฺคุรูโป, ปญฺจงฺคิกํ ตูริยมิวปฺปวาทิตํฯ

    Tesaṃ saro suyyati vaggurūpo, pañcaṅgikaṃ tūriyamivappavāditaṃ.

    ๑๐๒๔.

    1024.

    ‘‘รถสฺส โฆโส อปิฬนฺธนาน จ, ขุรสฺส นาโท อภิหิํสนาย จ;

    ‘‘Rathassa ghoso apiḷandhanāna ca, khurassa nādo abhihiṃsanāya ca;

    โฆโส สุวคฺคู สมิตสฺส สุยฺยติ, คนฺธพฺพตูริยานิ วิจิตฺรสํวเนฯ

    Ghoso suvaggū samitassa suyyati, gandhabbatūriyāni vicitrasaṃvane.

    ๑๐๒๕.

    1025.

    ‘‘รเถ ฐิตาตา มิคมนฺทโลจนา, อาฬารปมฺหา หสิตา ปิยํวทา;

    ‘‘Rathe ṭhitātā migamandalocanā, āḷārapamhā hasitā piyaṃvadā;

    เวฬุริยชาลาวตตา ตนุจฺฉวา, สเทว คนฺธพฺพสูรคฺคปูชิตาฯ

    Veḷuriyajālāvatatā tanucchavā, sadeva gandhabbasūraggapūjitā.

    ๑๐๒๖.

    1026.

    ‘‘ตา รตฺตรตฺตมฺพรปีตวาสสา, วิสาลเนตฺตา อภิรตฺตโลจนา;

    ‘‘Tā rattarattambarapītavāsasā, visālanettā abhirattalocanā;

    กุเล สุชาตา สุตนู สุจิมฺหิตา, รเถ ฐิตา ปญฺชลิกา อุปฎฺฐิตาฯ

    Kule sujātā sutanū sucimhitā, rathe ṭhitā pañjalikā upaṭṭhitā.

    ๑๐๒๗.

    1027.

    ‘‘ตา กมฺพุเกยูรธรา สุวาสสา, สุมชฺฌิมา อูรุถนูปปนฺนา;

    ‘‘Tā kambukeyūradharā suvāsasā, sumajjhimā ūruthanūpapannā;

    วฎฺฎงฺคุลิโย สุมุขา สุทสฺสนา, รเถ ฐิตา ปญฺชลิกา อุปฎฺฐิตาฯ

    Vaṭṭaṅguliyo sumukhā sudassanā, rathe ṭhitā pañjalikā upaṭṭhitā.

    ๑๐๒๘.

    1028.

    ‘‘อญฺญา สุเวณี สุสุ มิสฺสเกสิโย, สมํ วิภตฺตาหิ ปภสฺสราหิ จ;

    ‘‘Aññā suveṇī susu missakesiyo, samaṃ vibhattāhi pabhassarāhi ca;

    อนุพฺพตา ตา ตว มานเส รตา, รเถ ฐิตา ปญฺชลิกา อุปฎฺฐิตาฯ

    Anubbatā tā tava mānase ratā, rathe ṭhitā pañjalikā upaṭṭhitā.

    ๑๐๒๙.

    1029.

    ‘‘อาเวฬินิโย ปทุมุปฺปลจฺฉทา, อลงฺกตา จนฺทนสารวาสิตา;

    ‘‘Āveḷiniyo padumuppalacchadā, alaṅkatā candanasāravāsitā;

    อนุพฺพตา ตา ตว มานเส รตา, รเถ ฐิตา ปญฺชลิกา อุปฎฺฐิตาฯ

    Anubbatā tā tava mānase ratā, rathe ṭhitā pañjalikā upaṭṭhitā.

    ๑๐๓๐.

    1030.

    ‘‘ตา มาลินิโย ปทุมุปฺปลจฺฉทา, อลงฺกตา จนฺทนสารวาสิตา;

    ‘‘Tā māliniyo padumuppalacchadā, alaṅkatā candanasāravāsitā;

    อนุพฺพตา ตา ตว มานเส รตา, รเถ ฐิตา ปญฺชลิกา อุปฎฺฐิตาฯ

    Anubbatā tā tava mānase ratā, rathe ṭhitā pañjalikā upaṭṭhitā.

    ๑๐๓๑.

    1031.

    ‘‘กเณฺฐสุ เต ยานิ ปิฬนฺธนานิ, หเตฺถสุ ปาเทสุ ตเถว สีเส;

    ‘‘Kaṇṭhesu te yāni piḷandhanāni, hatthesu pādesu tatheva sīse;

    โอภาสยนฺตี ทส สพฺพโส ทิสา, อพฺภุทฺทยํ สารทิโกว ภาณุมาฯ

    Obhāsayantī dasa sabbaso disā, abbhuddayaṃ sāradikova bhāṇumā.

    ๑๐๓๒.

    1032.

    ‘‘วาตสฺส เวเคน จ สมฺปกมฺปิตา, ภุเชสุ มาลา อปิฬนฺธนานิ จ;

    ‘‘Vātassa vegena ca sampakampitā, bhujesu mālā apiḷandhanāni ca;

    มุญฺจนฺติ โฆสํ รุจิรํ สุจิํ สุภํ, สเพฺพหิ วิญฺญูหิ สุตพฺพรูปํฯ

    Muñcanti ghosaṃ ruciraṃ suciṃ subhaṃ, sabbehi viññūhi sutabbarūpaṃ.

    ๑๐๓๓.

    1033.

    ‘‘อุยฺยานภูมฺยา จ ทุวทฺธโต ฐิตา, รถา จ นาคา ตูริยานิ จ สโร;

    ‘‘Uyyānabhūmyā ca duvaddhato ṭhitā, rathā ca nāgā tūriyāni ca saro;

    ตเมว เทวินฺท ปโมทยนฺติ, วีณา ยถา โปกฺขรปตฺตพาหุภิฯ

    Tameva devinda pamodayanti, vīṇā yathā pokkharapattabāhubhi.

    ๑๐๓๔.

    1034.

    ‘‘อิมาสุ วีณาสุ พหูสุ วคฺคูสุ, มนุญฺญรูปาสุ หทเยริตํ ปีติํ;

    ‘‘Imāsu vīṇāsu bahūsu vaggūsu, manuññarūpāsu hadayeritaṃ pītiṃ;

    ปวชฺชมานาสุ อตีว อจฺฉรา, ภมนฺติ กญฺญา ปทุเมสุ สิกฺขิตาฯ

    Pavajjamānāsu atīva accharā, bhamanti kaññā padumesu sikkhitā.

    ๑๐๓๕.

    1035.

    ‘‘ยทา จ คีตานิ จ วาทิตานิ จ, นจฺจานิ จิมานิ สเมนฺติ เอกโต;

    ‘‘Yadā ca gītāni ca vāditāni ca, naccāni cimāni samenti ekato;

    อเถตฺถ นจฺจนฺติ อเถตฺถ อจฺฉรา, โอภาสยนฺตี อุภโต วริตฺถิโยฯ

    Athettha naccanti athettha accharā, obhāsayantī ubhato varitthiyo.

    ๑๐๓๖.

    1036.

    ‘‘โส โมทสิ ตูริยคณปฺปโพธโน, มหียมาโน วชิราวุโธริว;

    ‘‘So modasi tūriyagaṇappabodhano, mahīyamāno vajirāvudhoriva;

    อิมาสุ วีณาสุ พหูสุ วคฺคูสุ, มนุญฺญรูปาสุ หทเยริตํ ปีติํฯ

    Imāsu vīṇāsu bahūsu vaggūsu, manuññarūpāsu hadayeritaṃ pītiṃ.

    ๑๐๓๗.

    1037.

    ‘‘กิํ ตฺวํ ปุเร กมฺมมกาสิ อตฺตนา, มนุสฺสภูโต ปุริมาย ชาติยา;

    ‘‘Kiṃ tvaṃ pure kammamakāsi attanā, manussabhūto purimāya jātiyā;

    อุโปสถํ กํ วา ตุวํ อุปาวสิ, กํ ธมฺมจริยํ วตมาภิโรจยิฯ

    Uposathaṃ kaṃ vā tuvaṃ upāvasi, kaṃ dhammacariyaṃ vatamābhirocayi.

    ๑๐๓๘.

    1038.

    ‘‘นยีทมปฺปสฺส กตสฺส กมฺมุโน, ปุเพฺพ สุจิณฺณสฺส อุโปสถสฺส วา;

    ‘‘Nayīdamappassa katassa kammuno, pubbe suciṇṇassa uposathassa vā;

    อิทฺธานุภาโว วิปุโล อยํ ตว, ยํ เทวสงฺฆํ อภิโรจเส ภุสํฯ

    Iddhānubhāvo vipulo ayaṃ tava, yaṃ devasaṅghaṃ abhirocase bhusaṃ.

    ๑๐๓๙.

    1039.

    ‘‘ทานสฺส เต อิทํ ผลํ, อโถ สีลสฺส วา ปน;

    ‘‘Dānassa te idaṃ phalaṃ, atho sīlassa vā pana;

    อโถ อญฺชลิกมฺมสฺส, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ

    Atho añjalikammassa, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti.

    ๑๐๑๕. ตตฺถ สหสฺสยุตฺตนฺติ สหเสฺสน ยุตฺตํ, สหสฺสํ วา ยุตฺตํ โยชิตํ เอตสฺมินฺติ สหสฺสยุตฺตํฯ กสฺส ปเนตํ สหสฺสนฺติ? ‘‘หยวาหน’’นฺติ อนนฺตรํ วุจฺจมานตฺตา หยานนฺติ อยมโตฺถ วิญฺญายเตวฯ หยา วาหนํ เอตสฺสาติ หยวาหนํฯ เกจิ ปน ‘‘สหสฺสยุตฺตหยวาหน’’นฺติ อนุนาสิกโลปํ เอกเมว สมาสปทํ กตฺวา วเณฺณนฺติ, เอตสฺมิํ ปเกฺข หยวาหนํ วิย วาหนนฺติ อโตฺถ ยุชฺชติฯ หยวาหนสหสฺสยุตฺตํ ยุตฺตหยวาหนสหสฺสนฺติ หิ อโตฺถฯ อปเร ปน ‘‘สหสฺสยุตฺตนฺติ สหสฺสทิพฺพาชญฺญยุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ สนฺทนนฺติ รถํฯ เนกจิตฺตนฺติ อเนกจิตฺตํ นานาวิธวิจิตฺตวนฺตํฯ อุยฺยานภูมิํ อภิโตติ อุยฺยานภูมิยา สมีเปฯ ‘‘อภิโต’’ติ หิ ปทํ อเปกฺขิตฺวา สามิอเตฺถ เอตํ อุปโยควจนํฯ เกจิ ปน ‘‘อุยฺยานภูมฺยา’’ติปิ ปฐนฺติ, เต สทฺทนยมฺปิ อนุปธาเรนฺตา ปฐนฺติฯ อนุกฺกมนฺติ คจฺฉโนฺต ปุรินฺทโท ภูตปตีว วาสโว วิโรจสีติ สมฺพโนฺธฯ

    1015. Tattha sahassayuttanti sahassena yuttaṃ, sahassaṃ vā yuttaṃ yojitaṃ etasminti sahassayuttaṃ. Kassa panetaṃ sahassanti? ‘‘Hayavāhana’’nti anantaraṃ vuccamānattā hayānanti ayamattho viññāyateva. Hayā vāhanaṃ etassāti hayavāhanaṃ. Keci pana ‘‘sahassayuttahayavāhana’’nti anunāsikalopaṃ ekameva samāsapadaṃ katvā vaṇṇenti, etasmiṃ pakkhe hayavāhanaṃ viya vāhananti attho yujjati. Hayavāhanasahassayuttaṃ yuttahayavāhanasahassanti hi attho. Apare pana ‘‘sahassayuttanti sahassadibbājaññayutta’’nti vadanti. Sandananti rathaṃ. Nekacittanti anekacittaṃ nānāvidhavicittavantaṃ. Uyyānabhūmiṃ abhitoti uyyānabhūmiyā samīpe. ‘‘Abhito’’ti hi padaṃ apekkhitvā sāmiatthe etaṃ upayogavacanaṃ. Keci pana ‘‘uyyānabhūmyā’’tipi paṭhanti, te saddanayampi anupadhārentā paṭhanti. Anukkamanti gacchanto purindado bhūtapatīva vāsavo virocasīti sambandho.

    ๑๐๑๖. โสวณฺณมยาติ สุวณฺณมยาฯ เตติ ตวฯ รถกุพฺพรา อุโภติ รถสฺส อุโภสุ ปเสฺสสุ เวทิกาฯ โย หิ รถสฺส โสภนตฺถเญฺจว อุปริ ฐิตานํ คุตฺตตฺถญฺจ อุโภสุ ปเสฺสสุ เวทิกากาเรน ปริเกฺขโป กรียติ, ตสฺส ปุริมภาเค อุโภสุ ปเสฺสสุ ยาว รถีสา, ตาว หเตฺถหิ คหณโยโคฺค รถสฺส อวยววิเสโส, อิธ โส เอว กุพฺพโรติ อธิเปฺปโตฯ เตเนวาห ‘‘อุโภ’’ติฯ อญฺญตฺถ ปน รถีสา กุพฺพโรติ วุจฺจติฯ ผเลหีติ รถูปตฺถมฺภสฺส ทกฺขิณวามเภเทหิ ทฺวีหิ ผเลหิ, ปริยนฺตาเวตฺถ ผลาติ วุตฺตาฯ อํเสหีติ กุพฺพรผเล ปติฎฺฐิเตหิ เหฎฺฐิมอํเสหิฯ อตีว สงฺคตาติ อติวิย สุฎฺฐุ สงฺคตา สุผสฺสิตา นิพฺพิวราฯ อิทญฺจ สิปฺปิวิรจิเต กิตฺติมรเถ ลพฺภมานวิเสสํ ตตฺถ อาโรเปตฺวา วุตฺตํฯ โส ปน อโปริสตาย อกิตฺติโม สยํชาโต เกนจิ อฆฎิโตเยวฯ สุชาตคุมฺพาติ สุสณฺฐิตถมฺภกสมุทายาฯ เย หิ เวทิกาย นิรนฺตรํ ฐิตา สุสณฺฐิตฆฎกาทิอวยววิเสสวโนฺต ถมฺภกสมุทายา, เตสํ วเสเนวํ วุตฺตํ ‘‘สุชาตคุมฺพา’’ติฯ นรวีรนิฎฺฐิตาติ สิปฺปาจริเยหิ นิฎฺฐาปิตสทิสาฯ สิปฺปาจริยา หิ อตฺตโน สรีรเขทํ อจิเนฺตตฺวา วีริยพเลน สิปฺปสฺส สุฎฺฐุ วิจารณโต นเรสุ วีริยวโนฺตติ อิธ ‘‘นรวีรา’’ติ วุตฺตาฯ นรวีราติ วา เทวปุตฺตสฺส อาลปนํฯ นิฎฺฐิตาติ ปริโยสิตา ปริปุณฺณโสภาติสยาฯ ‘‘นรวีรนิมฺมิตา’’ติ วา ปาโฐ, นเรสุ ธิติสมฺปเนฺนหิ นิมฺมิตสทิสาติ อโตฺถฯ เอวํวิธกุพฺพรตาย อยํ ตว รโถ วิโรจติฯ กิํ วิย? ปนฺนรเสว จโนฺท, สุกฺกปเกฺข ปนฺนรสิยํ ปริปุณฺณกาเล จนฺทิมา วิยฯ

    1016.Sovaṇṇamayāti suvaṇṇamayā. Teti tava. Rathakubbarā ubhoti rathassa ubhosu passesu vedikā. Yo hi rathassa sobhanatthañceva upari ṭhitānaṃ guttatthañca ubhosu passesu vedikākārena parikkhepo karīyati, tassa purimabhāge ubhosu passesu yāva rathīsā, tāva hatthehi gahaṇayoggo rathassa avayavaviseso, idha so eva kubbaroti adhippeto. Tenevāha ‘‘ubho’’ti. Aññattha pana rathīsā kubbaroti vuccati. Phalehīti rathūpatthambhassa dakkhiṇavāmabhedehi dvīhi phalehi, pariyantāvettha phalāti vuttā. Aṃsehīti kubbaraphale patiṭṭhitehi heṭṭhimaaṃsehi. Atīva saṅgatāti ativiya suṭṭhu saṅgatā suphassitā nibbivarā. Idañca sippiviracite kittimarathe labbhamānavisesaṃ tattha āropetvā vuttaṃ. So pana aporisatāya akittimo sayaṃjāto kenaci aghaṭitoyeva. Sujātagumbāti susaṇṭhitathambhakasamudāyā. Ye hi vedikāya nirantaraṃ ṭhitā susaṇṭhitaghaṭakādiavayavavisesavanto thambhakasamudāyā, tesaṃ vasenevaṃ vuttaṃ ‘‘sujātagumbā’’ti. Naravīraniṭṭhitāti sippācariyehi niṭṭhāpitasadisā. Sippācariyā hi attano sarīrakhedaṃ acintetvā vīriyabalena sippassa suṭṭhu vicāraṇato naresu vīriyavantoti idha ‘‘naravīrā’’ti vuttā. Naravīrāti vā devaputtassa ālapanaṃ. Niṭṭhitāti pariyositā paripuṇṇasobhātisayā. ‘‘Naravīranimmitā’’ti vā pāṭho, naresu dhitisampannehi nimmitasadisāti attho. Evaṃvidhakubbaratāya ayaṃ tava ratho virocati. Kiṃ viya? Pannaraseva cando, sukkapakkhe pannarasiyaṃ paripuṇṇakāle candimā viya.

    ๑๐๑๗. สุวณฺณชาลาวตโตติ สุวณฺณชาลเกหิ อวตโต ฉาทิโตฯ ‘‘สุวณฺณชาลาวิตโต’’ติปิ ปาโฐ, ควจฺฉิโตติ อโตฺถฯ พหูหีติ อเนเกหิฯ นานารตเนหีติ ปทุมราคผุสฺสราคาทินานาวิธรตเนหิฯ สุนนฺทิโฆโสติ สุฎฺฐุ นนฺทิตพฺพโฆโส, สวนียมธุรนินฺนาโทติ อโตฺถฯ สุนนฺทิโฆโสติ วา สุฎฺฐุ กตนนฺทิโฆโส, นจฺจนาทีนํ ทสฺสนาทีสุ ปวตฺติตสาธุการสทฺทาทิวเสน กตปโมทนินฺนาโทติ อโตฺถ, ‘‘กาเลน กาลํ อาสีวาทนวเสน สุฎฺฐุ ปยุตฺตนนฺทิโฆโส’’ติ จ วทนฺติฯ สุภสฺสโรติ สุฎฺฐุ อติวิย โอภาสนสภาโว, ตตฺถ วา ปวตฺตมานานํ เทวตานํ โสภเนน คีตวาทิตสฺสเรน สุภสฺสโรฯ จามรหตฺถพาหุภีติ จามรหตฺถยุตฺตพาหูหิ อิโต จิโต จ พีชยมาน จามรกลาเปหิ เทวตานํ ภุเชหิ, ตถาภูตาหิ เทวตาหิ วา วิโรจติฯ

    1017.Suvaṇṇajālāvatatoti suvaṇṇajālakehi avatato chādito. ‘‘Suvaṇṇajālāvitato’’tipi pāṭho, gavacchitoti attho. Bahūhīti anekehi. Nānāratanehīti padumarāgaphussarāgādinānāvidharatanehi. Sunandighosoti suṭṭhu nanditabbaghoso, savanīyamadhuraninnādoti attho. Sunandighosoti vā suṭṭhu katanandighoso, naccanādīnaṃ dassanādīsu pavattitasādhukārasaddādivasena katapamodaninnādoti attho, ‘‘kālena kālaṃ āsīvādanavasena suṭṭhu payuttanandighoso’’ti ca vadanti. Subhassaroti suṭṭhu ativiya obhāsanasabhāvo, tattha vā pavattamānānaṃ devatānaṃ sobhanena gītavāditassarena subhassaro. Cāmarahatthabāhubhīti cāmarahatthayuttabāhūhi ito cito ca bījayamāna cāmarakalāpehi devatānaṃ bhujehi, tathābhūtāhi devatāhi vā virocati.

    ๑๐๑๘. นาโภฺยติ รถจกฺกานํ นาภิโยฯ มนสาภินิมฺมิตาติ ‘‘อิเม อีทิสา โหนฺตู’’ติ จิเตฺตน นิมฺมิตสทิสาฯ รถสฺส ปาทนฺตรมชฺฌภูสิตาติ รถสฺส ปาทานํ รถจกฺกานํ อเนฺตน เนมินา นานารตนสมุชฺชเลน อรานํ เวมเชฺฌน จ มณฺฑิตาฯ สตราชิจิตฺติตาติ อเนกวณฺณาหิ อเนกสตาหิ ราชีหิ เลขาหิ จิตฺติตา วิจิตฺตภาวํ คตาฯ สเตรตา วิชฺชุริวาติ สเตรตสงฺขาตวิชฺชุลตา วิย ปภาสเร วิโชฺชตนฺติฯ

    1018.Nābhyoti rathacakkānaṃ nābhiyo. Manasābhinimmitāti ‘‘ime īdisā hontū’’ti cittena nimmitasadisā. Rathassapādantaramajjhabhūsitāti rathassa pādānaṃ rathacakkānaṃ antena neminā nānāratanasamujjalena arānaṃ vemajjhena ca maṇḍitā. Satarājicittitāti anekavaṇṇāhi anekasatāhi rājīhi lekhāhi cittitā vicittabhāvaṃ gatā. Sateratā vijjurivāti sateratasaṅkhātavijjulatā viya pabhāsare vijjotanti.

    ๑๐๑๙. อเนกจิตฺตาวตโตติ อเนเกหิ มาลากมฺมาทิจิเตฺตหิ อวตโต สโมกิโณฺณฯ ‘‘อเนกจิตฺตาวิตโต’’ติปิ ปฐนฺติ, โสเยว อโตฺถ, คาถาสุขตฺถํ ปน ทีฆกรณํฯ ปุถู จ เนมี จาติ ปุถุลเนมิ จ, เอโก จ-กาโร นิปาตมตฺตํฯ สหสฺสรํสิโกติ อเนกสหสฺสรํสิโกฯ ‘‘สหสฺสรํสิโย’’ติปิ ปาฬิฯ อปเร ปน ‘‘นตา รํสิโย’’ติ จ ปฐนฺติ, ตตฺถ นตาติ อชิยธนุทณฺฑโก วิย โอณตา เนมิปฺปเทสาฯ สหสฺสรํสิโยติ สูริยมณฺฑลํ วิย วิปฺผุรนฺตกิรณชาลาฯ เตสนฺติ โอลมฺพมานกิงฺกิณิกชาลานํ เนมิปฺปเทสานํฯ

    1019.Anekacittāvatatoti anekehi mālākammādicittehi avatato samokiṇṇo. ‘‘Anekacittāvitato’’tipi paṭhanti, soyeva attho, gāthāsukhatthaṃ pana dīghakaraṇaṃ. Puthū ca nemī cāti puthulanemi ca, eko ca-kāro nipātamattaṃ. Sahassaraṃsikoti anekasahassaraṃsiko. ‘‘Sahassaraṃsiyo’’tipi pāḷi. Apare pana ‘‘natā raṃsiyo’’ti ca paṭhanti, tattha natāti ajiyadhanudaṇḍako viya oṇatā nemippadesā. Sahassaraṃsiyoti sūriyamaṇḍalaṃ viya vipphurantakiraṇajālā. Tesanti olambamānakiṅkiṇikajālānaṃ nemippadesānaṃ.

    ๑๐๒๐. สิรสฺมินฺติ สีเส, รถสฺส สีเสติ อโตฺถฯ สิโร วา อสฺมิํ รเถฯ จิตฺตนฺติ วิจิตฺตํฯ มณิจนฺทกปฺปิตนฺติ มณิมยมณฺฑลานุวิทฺธํ จนฺทมณฺฑลสทิเสน มณินา อนุวิทฺธํฯ รุจิรํ ปภสฺสรนฺติ อิมินา ตสฺส จนฺทมณฺฑลสทิสตํเยว วิภาเวติ, สทา วิสุทฺธนฺติ อิมินา ปนสฺส จนฺทมณฺฑลโตปิ วิเสสํ ทเสฺสติฯ สุวณฺณราชีหีติ อนฺตรนฺตรา วฎฺฎากาเรน สณฺฐิตาหิ สุวณฺณเลขาหิฯ สงฺคตนฺติ สหิตํฯ เวฬุริยราชีวาติ อนฺตรนฺตรา สุวณฺณราชีหิ ขจิตมณิมณฺฑลตฺตา เวฬุริยราชีหิ วิย โสภติฯ ‘‘เวฬุริยราชีหี’’ติ จ ปฐนฺติฯ

    1020.Sirasminti sīse, rathassa sīseti attho. Siro vā asmiṃ rathe. Cittanti vicittaṃ. Maṇicandakappitanti maṇimayamaṇḍalānuviddhaṃ candamaṇḍalasadisena maṇinā anuviddhaṃ. Ruciraṃ pabhassaranti iminā tassa candamaṇḍalasadisataṃyeva vibhāveti, sadā visuddhanti iminā panassa candamaṇḍalatopi visesaṃ dasseti. Suvaṇṇarājīhīti antarantarā vaṭṭākārena saṇṭhitāhi suvaṇṇalekhāhi. Saṅgatanti sahitaṃ. Veḷuriyarājīvāti antarantarā suvaṇṇarājīhi khacitamaṇimaṇḍalattā veḷuriyarājīhi viya sobhati. ‘‘Veḷuriyarājīhī’’ti ca paṭhanti.

    ๑๐๒๑. วาฬีติ วาฬวโนฺต สมฺปนฺนวาฬธิโน, อเสฺส สนฺธาย วทติ ฯ ‘‘วาชี’’ติ วา ปาโฐฯ มณิจนฺทกปฺปิตาติ จามโรลมฺพนฎฺฐาเนสุ มณิมยจนฺทกานุวิทฺธาฯ อาโรหกมฺพูติ อุจฺจา เจว ตทนุรูปปริณาหา จ, อาโรหปริณาหสมฺปนฺนาติ อโตฺถฯ สุชวาติ สุนฺทรชวา ชววโนฺต มหาชวา, โสภนคติกาติ อโตฺถฯ พฺรหูปมาติ พฺรหา วิย ปมินิตพฺพา, อตฺตโน ปมาณโต อธิกา วิย ปญฺญายนฺตาติ อโตฺถฯ พฺรหาติ วุฑฺฒา ปวฑฺฒสพฺพงฺคปจฺจงฺคาฯ มหนฺตาติ มหานุภาวา มหิทฺธิกาฯ พลิโนติ สรีรพเลน จ อุสฺสาหพเลน จ พลวโนฺตฯ มหาชวาติ สีฆเวคาฯ มโน ตวญฺญายาติ ตว จิตฺตํ ญตฺวาฯ ตเถวาติ จิตฺตานุรูปเมวฯ สิํสเรติ สํสปฺปเร, ปวตฺตเรติ อโตฺถฯ

    1021.Vāḷīti vāḷavanto sampannavāḷadhino, asse sandhāya vadati . ‘‘Vājī’’ti vā pāṭho. Maṇicandakappitāti cāmarolambanaṭṭhānesu maṇimayacandakānuviddhā. Ārohakambūti uccā ceva tadanurūpapariṇāhā ca, ārohapariṇāhasampannāti attho. Sujavāti sundarajavā javavanto mahājavā, sobhanagatikāti attho. Brahūpamāti brahā viya paminitabbā, attano pamāṇato adhikā viya paññāyantāti attho. Brahāti vuḍḍhā pavaḍḍhasabbaṅgapaccaṅgā. Mahantāti mahānubhāvā mahiddhikā. Balinoti sarīrabalena ca ussāhabalena ca balavanto. Mahājavāti sīghavegā. Mano tavaññāyāti tava cittaṃ ñatvā. Tathevāti cittānurūpameva. Siṃsareti saṃsappare, pavattareti attho.

    ๑๐๒๒. อิเมติ ยถาวุตฺตอเสฺส สนฺธายาหฯ สเพฺพติ สหสฺสมตฺตาปิฯ สหิตาติ สมานชวตาย สมานคมนตาย จ คติยํ สหิตา, อญฺญมญฺญํ อนูนาธิกคมนาติ อโตฺถฯ จตูหิ ปาเทหิ กมนฺติ คจฺฉนฺตีติ จตุกฺกมาฯ สมํ วหนฺตีติ ‘‘สหิตา’’ติ ปเทน วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กโรติฯ มุทุกาติ มุทุสภาวา, ภทฺรา อาชานียาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อนุทฺธตา’’ติ, อุทฺธตรหิตา โขภํ อกโรนฺตาติ อโตฺถฯ อาโมทมานาติ ปโมทมานา, อขฬุงฺกตาย อญฺญมญฺญํ รถิกาทีนญฺจ ตุฎฺฐิํ ปเวทยนฺตาติ อโตฺถฯ

    1022.Imeti yathāvuttaasse sandhāyāha. Sabbeti sahassamattāpi. Sahitāti samānajavatāya samānagamanatāya ca gatiyaṃ sahitā, aññamaññaṃ anūnādhikagamanāti attho. Catūhi pādehi kamanti gacchantīti catukkamā. Samaṃ vahantīti ‘‘sahitā’’ti padena vuttamevatthaṃ pākaṭataraṃ karoti. Mudukāti mudusabhāvā, bhadrā ājānīyāti attho. Tenāha ‘‘anuddhatā’’ti, uddhatarahitā khobhaṃ akarontāti attho. Āmodamānāti pamodamānā, akhaḷuṅkatāya aññamaññaṃ rathikādīnañca tuṭṭhiṃ pavedayantāti attho.

    ๑๐๒๓. ธุนนฺตีติ จามรภารํ เกสรภารํ วาลธิญฺจ วิธุนนฺติฯ วคฺคนฺตีติ กทาจิ ปเท ปทํ นิกฺขิปนฺตา วคฺคเนน คมเนน คจฺฉนฺติฯ ปตนฺตีติ กทาจิ ปวตฺตนฺติ, ลงฺฆนฺตีติ อโตฺถฯ ‘‘ปฺลวนฺตี’’ติ จ เกจิ ปฐนฺติ, โสเยวโตฺถฯ อพฺภุทฺธุนนฺตาติ กมฺมสิปฺปินา สุกเต สุฎฺฐุ นิมฺมิเต ขุทฺทกฆณฺฎาทิอสฺสาลงฺกาเร อภิอุทฺธุนนฺตา อธิกํ อุทฺธุนนฺตาฯ เตสนฺติ เตสํ ปิฬนฺธนานํฯ

    1023.Dhunantīti cāmarabhāraṃ kesarabhāraṃ vāladhiñca vidhunanti. Vaggantīti kadāci pade padaṃ nikkhipantā vagganena gamanena gacchanti. Patantīti kadāci pavattanti, laṅghantīti attho. ‘‘Plavantī’’ti ca keci paṭhanti, soyevattho. Abbhuddhunantāti kammasippinā sukate suṭṭhu nimmite khuddakaghaṇṭādiassālaṅkāre abhiuddhunantā adhikaṃ uddhunantā. Tesanti tesaṃ piḷandhanānaṃ.

    ๑๐๒๔. รถสฺส โฆโสติ ยถาวุโตฺต รถนิโคฺฆโสฯ อปิฬนฺธนาน จาติ อ-กาโร นิปาตมตฺตํ ฯ ปิฬนฺธนานํ อาภรณานํฯ อปิฬนฺธนนฺติ จ อาภรณปริยาโยติ วา วทนฺติ, รถสฺสานํ อาภรณานญฺจโฆโสติ อโตฺถฯ ขุรสฺสนาโทติ ตุรงฺคานํ ขุรนิปาตสโทฺทฯ กิญฺจาปิ อสฺสา อากาเสน คจฺฉนฺติ, มธุรสฺส ปน ขุรนิปาตสทฺทสฺส อุปลทฺธิเหตุภูเตน กมฺมุนา เตสํ ขุรนิเกฺขเป ขุรนิเกฺขเป ปฎิฆาโต ลพฺภตีติ วทนฺติฯ อภิหิํสนาย จาติ อสฺสานํ อธิกหิํสเนน จ, อนฺตรนฺตรา อเสฺสหิ ปวตฺติตเหสเนน จาติ อโตฺถฯ ‘‘อภิเหสนาย จา’’ติ เกจิ ปฐนฺติฯ สมิตสฺสาติ สมุทิตสฺส ทิพฺพชนสฺส โฆโส จ สุวคฺคุ สุมธุรํ สุยฺยติฯ กิํ วิยาติ อาห ‘‘คนฺธพฺพตูริยานิ วิจิตฺรสํวเน’’ติ, จิตฺรลตาวเน คนฺธพฺพเทวปุตฺตานํ ปญฺจงฺคิกตูริยานิ วิยฯ ตูริยสนฺนิสฺสิโต หิ สโทฺท ‘‘ตูริยานี’’ติ วุโตฺต นิสฺสยโวหาเรนฯ ‘‘คนฺธพฺพตูริยาน จ วิจิตฺรสํวเน’’ติ จ ปาโฐ, ‘‘ตูริยานญฺจ’’อิติ อนุนาสิกํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ อปเร ‘‘คนฺธพฺพตูริยานิ วิจิตฺรปวเน’’ติ ปฐนฺติฯ

    1024.Rathassa ghosoti yathāvutto rathanigghoso. Apiḷandhanāna cāti a-kāro nipātamattaṃ . Piḷandhanānaṃ ābharaṇānaṃ. Apiḷandhananti ca ābharaṇapariyāyoti vā vadanti, rathassānaṃ ābharaṇānañcaghosoti attho. Khurassanādoti turaṅgānaṃ khuranipātasaddo. Kiñcāpi assā ākāsena gacchanti, madhurassa pana khuranipātasaddassa upaladdhihetubhūtena kammunā tesaṃ khuranikkhepe khuranikkhepe paṭighāto labbhatīti vadanti. Abhihiṃsanāya cāti assānaṃ adhikahiṃsanena ca, antarantarā assehi pavattitahesanena cāti attho. ‘‘Abhihesanāya cā’’ti keci paṭhanti. Samitassāti samuditassa dibbajanassa ghoso ca suvaggu sumadhuraṃ suyyati. Kiṃ viyāti āha ‘‘gandhabbatūriyāni vicitrasaṃvane’’ti, citralatāvane gandhabbadevaputtānaṃ pañcaṅgikatūriyāni viya. Tūriyasannissito hi saddo ‘‘tūriyānī’’ti vutto nissayavohārena. ‘‘Gandhabbatūriyāna ca vicitrasaṃvane’’ti ca pāṭho, ‘‘tūriyānañca’’iti anunāsikaṃ ānetvā yojetabbaṃ. Apare ‘‘gandhabbatūriyāni vicitrapavane’’ti paṭhanti.

    ๑๐๒๕. รเถ ฐิตาตาติ รเถ ฐิตา เอตาฯ มิคมนฺทโลจนาติ มิคจฺฉาปิกานํ วิย มุทุสินิทฺธทิฎฺฐินิปาตาฯ อาฬารปมฺหาติ พหลสงฺคตปขุมา, โคปขุมาติ อโตฺถฯ หสิตาติ ปหสิตา, ปหํสิตมุขาติ อโตฺถ ฯ ปิยํวทาติ ปิยวาทินิโยฯ เวฬุริยชาลาวตตาติ เวฬุริยมณิมเยน ชาเลน ฉาทิตสรีราฯ ตนุจฺฉวาติ สุขุมจฺฉวิโยฯ สเทวาติ สทา เอว สพฺพกาลเมวฯ คนฺธพฺพสูรคฺคปูชิตาติ คนฺธพฺพเทวตาหิ เจว อปราหิ จ อคฺคเทวตาหิ ลทฺธปูชาฯ

    1025.Rathe ṭhitātāti rathe ṭhitā etā. Migamandalocanāti migacchāpikānaṃ viya mudusiniddhadiṭṭhinipātā. Āḷārapamhāti bahalasaṅgatapakhumā, gopakhumāti attho. Hasitāti pahasitā, pahaṃsitamukhāti attho . Piyaṃvadāti piyavādiniyo. Veḷuriyajālāvatatāti veḷuriyamaṇimayena jālena chāditasarīrā. Tanucchavāti sukhumacchaviyo. Sadevāti sadā eva sabbakālameva. Gandhabbasūraggapūjitāti gandhabbadevatāhi ceva aparāhi ca aggadevatāhi laddhapūjā.

    ๑๐๒๖. ตา รตฺตรตฺตมฺพรปีตวาสสาติ รชนียรูปา จ รตฺตปีตวตฺถา จฯ อภิรตฺตโลจนาติ วิเสสโต รตฺตราชีหิ อุปโสภิตนยนาฯ กุเล สุชาตาติ สินฺธวกุเล สุชาตา วิสิฎฺฐเทวนิกาเย สมฺภวาฯ สุตนูติ สุนฺทรสรีราฯ สุจิมฺหิตาติ สุทฺธสิตกรณาฯ

    1026.Tā rattarattambarapītavāsasāti rajanīyarūpā ca rattapītavatthā ca. Abhirattalocanāti visesato rattarājīhi upasobhitanayanā. Kule sujātāti sindhavakule sujātā visiṭṭhadevanikāye sambhavā. Sutanūti sundarasarīrā. Sucimhitāti suddhasitakaraṇā.

    ๑๐๒๗. ตา กมฺพุเกยูรธราติ สุวณฺณมยเกยูรธราฯ สุมชฺฌิมาติ วิลคฺคมชฺฌาฯ อูรุถนูปปนฺนาติ สมฺปนฺนอูรุถนา, กทลิกฺขนฺธสทิสอูรุ เจว สมุคฺคสทิสถนา จฯ วฎฺฎงฺคุลิโยติ อนุปุพฺพโต วฎฺฎงฺคุลิโยฯ สุมุขาติ สุนฺทรมุขา, ปมุทิตมุขา วาฯ สุทสฺสนาติ ทสฺสนียาฯ

    1027.Tā kambukeyūradharāti suvaṇṇamayakeyūradharā. Sumajjhimāti vilaggamajjhā. Ūruthanūpapannāti sampannaūruthanā, kadalikkhandhasadisaūru ceva samuggasadisathanā ca. Vaṭṭaṅguliyoti anupubbato vaṭṭaṅguliyo. Sumukhāti sundaramukhā, pamuditamukhā vā. Sudassanāti dassanīyā.

    ๑๐๒๘. อญฺญาติ เอกจฺจาฯ สุเวณีติ สุนฺทรเกสเวณิโยฯ สุสูติ ทหราฯ มิสฺสเกสิโยติ รตฺตมาลาทีหิ มิสฺสิตเกสวฎฺฎิโยฯ กถํ? สมํ วิภตฺตาหิ ปภสฺสราหิ จาติ, สมํ อญฺญมญฺญสทิสํ นานาวิภตฺติวเสน วิภตฺตาหิ สุวณฺณจีราทิขจิตาหิ อินฺทนีลมณิอาทโย วิย ปภสฺสราหิ เกสวฎฺฎีหิ มิสฺสิตเกสิโยติ โยชนาฯ อนุพฺพตาติ อนุกูลกิริยาฯ ตาติ อจฺฉราโยฯ

    1028.Aññāti ekaccā. Suveṇīti sundarakesaveṇiyo. Susūti daharā. Missakesiyoti rattamālādīhi missitakesavaṭṭiyo. Kathaṃ? Samaṃ vibhattāhi pabhassarāhi cāti, samaṃ aññamaññasadisaṃ nānāvibhattivasena vibhattāhi suvaṇṇacīrādikhacitāhi indanīlamaṇiādayo viya pabhassarāhi kesavaṭṭīhi missitakesiyoti yojanā. Anubbatāti anukūlakiriyā. ti accharāyo.

    ๑๐๒๙. จนฺทนสารโวสิตาติ สารภูเตน ทิพฺพจนฺทเนน อุลฺลิตฺตา วิจฺฉุริตาฯ

    1029.Candanasāravositāti sārabhūtena dibbacandanena ullittā vicchuritā.

    ๑๐๓๑. กเณฺฐสูติอาทินา คีวูปคหตฺถูปคปาทูปคสีสูปคาทิอาภรณานิ ทเสฺสติฯ โอภาสยนฺตีติ กเณฺฐสุ ยานิ ปิฬนฺธนานิ, เตหิ โอภาสยนฺตีติ โยชนาฯ เอวํ เสเสสุปิฯ อพฺภุทฺทยนฺติ อภิอุคฺคจฺฉโนฺต, ‘‘อพฺภุทฺทส’’นฺติปิ ปาโฐ, โสเยวโตฺถฯ สารทิโกติ สรทกาลิโกฯ ภาณุมาติ สูริโยฯ โส หิ อพฺภาทิโทสวิรเหน ทสปิ ทิสา สุฎฺฐุ โอภาเสติฯ

    1031.Kaṇṭhesūtiādinā gīvūpagahatthūpagapādūpagasīsūpagādiābharaṇāni dasseti. Obhāsayantīti kaṇṭhesu yāni piḷandhanāni, tehi obhāsayantīti yojanā. Evaṃ sesesupi. Abbhuddayanti abhiuggacchanto, ‘‘abbhuddasa’’ntipi pāṭho, soyevattho. Sāradikoti saradakāliko. Bhāṇumāti sūriyo. So hi abbhādidosavirahena dasapi disā suṭṭhu obhāseti.

    ๑๐๓๒. วาตสฺส เวเคน จาติ มนุญฺญคนฺธูปหารํ สทฺทูปหารญฺจ กโรเนฺตน อุปหรเนฺตน วิย วายเนฺตน วาตสฺส เวเคน รถตุรงฺคเวเคน จฯ มุญฺจนฺตีติ วิสฺสเชฺชนฺติฯ รุจิรนฺติ ปญฺจงฺคิกตูริยานิ วิย อุปรูปริ รุจิทายกํฯ สุจินฺติ สุทฺธํ อสํสฎฺฐํฯ สุภนฺติ มนุญฺญํฯ สเพฺพหิ วิญฺญูหิ สุตพฺพรูปนฺติ สเพฺพหิปิ วิญฺญุชาติเกหิ คนฺธพฺพสมยญฺญูหิ โสตพฺพํ สวนียํ อุตฺตมสภาวํ โฆสํ มุญฺจนฺตีติ โยชนาฯ

    1032.Vātassa vegena cāti manuññagandhūpahāraṃ saddūpahārañca karontena upaharantena viya vāyantena vātassa vegena rathaturaṅgavegena ca. Muñcantīti vissajjenti. Ruciranti pañcaṅgikatūriyāni viya uparūpari rucidāyakaṃ. Sucinti suddhaṃ asaṃsaṭṭhaṃ. Subhanti manuññaṃ. Sabbehi viññūhi sutabbarūpanti sabbehipi viññujātikehi gandhabbasamayaññūhi sotabbaṃ savanīyaṃ uttamasabhāvaṃ ghosaṃ muñcantīti yojanā.

    ๑๐๓๓. อุยฺยานภูมฺยาติ อุยฺยานภูมิยํฯ ทุวทฺธโตติ ทฺวีหิ อทฺธปเสฺสหิฯ ‘‘ทุภโต จ ฐิตา’’ติปิ ปฐนฺติ, โสเยวโตฺถฯ รถาติ รเถฯ นาคาติ นาเคฯ อุปโยคเตฺถ หิ เอตํ ปจฺจตฺตวจนํฯ สโรติ รถนาคตูริยานิ ปฎิจฺจ นิพฺพโตฺต สโรฯ เทวินฺทาติ เทวปุตฺตํ อาลปติฯ วีณา ยถา โปกฺขรปตฺตพาหุภีติ ยถา วีณา สมฺมเทว โยชิเตหิ โทณิปตฺตพาหุทเณฺฑหิ ตํตํมุจฺฉนานุรูปํ อวฎฺฐิเตหิ วาทิยมานา สุณนฺตํ ชนํ ปโมเทติ, เอวํ ตํ รถาทโย อตฺตโน สเรน ปโมทยนฺติฯ สุสิกฺขิตภาเวน โปกฺขรภาวํ สุนฺทรภาวํ ปเตฺตหิ วีณาวาทกสฺส หเตฺถหิ ปวาทิตา วีณา ยถา มหาชนํ ปโมเทติ, เอวํ ตํ รถาทโย อตฺตโน สเรน ปโมทยนฺตีติฯ

    1033.Uyyānabhūmyāti uyyānabhūmiyaṃ. Duvaddhatoti dvīhi addhapassehi. ‘‘Dubhato ca ṭhitā’’tipi paṭhanti, soyevattho. Rathāti rathe. Nāgāti nāge. Upayogatthe hi etaṃ paccattavacanaṃ. Saroti rathanāgatūriyāni paṭicca nibbatto saro. Devindāti devaputtaṃ ālapati. Vīṇā yathā pokkharapattabāhubhīti yathā vīṇā sammadeva yojitehi doṇipattabāhudaṇḍehi taṃtaṃmucchanānurūpaṃ avaṭṭhitehi vādiyamānā suṇantaṃ janaṃ pamodeti, evaṃ taṃ rathādayo attano sarena pamodayanti. Susikkhitabhāvena pokkharabhāvaṃ sundarabhāvaṃ pattehi vīṇāvādakassa hatthehi pavāditā vīṇā yathā mahājanaṃ pamodeti, evaṃ taṃ rathādayo attano sarena pamodayantīti.

    ๑๐๓๔. อิมาสุ วีณาสูติ คาถาย อยํ สเงฺขปโตฺถ – อิมาสุ อุชุโกฎิวงฺกพฺรหตีนนฺทินีติสรอาทิเภทาสุ พหูสุ วีณาสุ สินิทฺธมธุรสฺสรตาย วคฺคูสุ ตโต เอว มนุญฺญรูปาสุ หทเยริตํ หทยงฺคมํ หทยหารินิํ ปีติํ ปีตินิมิตฺตํ ปวชฺชมานาสุ ปวาทิยมานาสุ อจฺฉรา เทวกญฺญา ปีติเวคุกฺขิตฺตตาย อตฺตโน สุสิกฺขิตตาย จ ทิพฺพปทุเมสุ ภมนฺติ นจฺจํ ทเสฺสนฺติโย สญฺจรนฺติฯ

    1034.Imāsu vīṇāsūti gāthāya ayaṃ saṅkhepattho – imāsu ujukoṭivaṅkabrahatīnandinītisaraādibhedāsu bahūsu vīṇāsu siniddhamadhurassaratāya vaggūsu tato eva manuññarūpāsu hadayeritaṃ hadayaṅgamaṃ hadayahāriniṃ pītiṃ pītinimittaṃ pavajjamānāsu pavādiyamānāsu accharā devakaññā pītivegukkhittatāya attano susikkhitatāya ca dibbapadumesu bhamanti naccaṃ dassentiyo sañcaranti.

    ๑๐๓๕. อิมานีติ อิทํ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํ ‘‘อิมานิ คีตานิ, อิมานิ วาทิตานิ, อิมานิ นจฺจานิ จา’’ติฯ สเมนฺติ เอกโตติ เอกชฺฌํ สมรสานิ โหนฺติฯ อถ วา สเมนฺติ เอกโตติ เอกโต เอกชฺฌํ สมานิ สมรสานิ กโรนฺติ, ตนฺติสฺสรํ คีตสฺสเรน, คีตสฺสรญฺจ ตนฺติสฺสเรน สํสนฺทนฺติโย นจฺจเนน ยถาธิคเต หสฺสาทิรเส อปริหาเปนฺติโย สเมนฺติ สมาเนนฺตีติ อโตฺถฯ อเตฺถตฺถ นจฺจนฺติ อเถตฺถ อจฺฉรา โอภาสยนฺตีติ เอวํ คีตาทีนิ สมรเส กโรนฺติโย อถ อญฺญา เอกจฺจา อจฺฉรา เอตฺถ เอตสฺมิํ ตว รเถ นจฺจนฺติ, อถ อญฺญา วริตฺถิโย อุตฺตมิตฺถิโย นจฺจํ ปสฺสนฺติโย อตฺตโน สรีโรภาเสน เจว วตฺถาภรณโอภาเสน จ เอตฺถ เอตสฺมิํ ปเทเส อุภโต ทฺวีสุ ปเสฺสสุ ทสปิ ทิสา เกวลํ โอภาสยนฺติ วิโชฺชตยนฺตีติ อโตฺถฯ

    1035.Imānīti idaṃ paccekaṃ yojetabbaṃ ‘‘imāni gītāni, imāni vāditāni, imāni naccāni cā’’ti. Samenti ekatoti ekajjhaṃ samarasāni honti. Atha vā samenti ekatoti ekato ekajjhaṃ samāni samarasāni karonti, tantissaraṃ gītassarena, gītassarañca tantissarena saṃsandantiyo naccanena yathādhigate hassādirase aparihāpentiyo samenti samānentīti attho. Atthettha naccanti athettha accharā obhāsayantīti evaṃ gītādīni samarase karontiyo atha aññā ekaccā accharā ettha etasmiṃ tava rathe naccanti, atha aññā varitthiyo uttamitthiyo naccaṃ passantiyo attano sarīrobhāsena ceva vatthābharaṇaobhāsena ca ettha etasmiṃ padese ubhato dvīsu passesu dasapi disā kevalaṃ obhāsayanti vijjotayantīti attho.

    ๑๐๓๖. โสติ โส ตฺวํ เอวํภูโตฯ ตูริยคณปฺปโพธโนติ ทิพฺพตูริยสมูเหน กตปีติปโพธโนฯ มหียมาโนติ ปูชียมาโนฯ วชิราวุโธริวาติ อิโนฺท วิยฯ

    1036.Soti so tvaṃ evaṃbhūto. Tūriyagaṇappabodhanoti dibbatūriyasamūhena katapītipabodhano. Mahīyamānoti pūjīyamāno. Vajirāvudhorivāti indo viya.

    ๑๐๓๗. อุโปสถํ กํ วา ตุวํ อุปาวสีติ อเญฺญหิปิ อุโปสโถ อุปวสียติ, ตฺวํ กํ วา กีทิสํ นาม อุโปสถํ อุปวสีติ ปุจฺฉติฯ ธมฺมจริยนฺติ ทานาทิปุญฺญปฎิปตฺติํฯ วตนฺติ วตสมาทานํฯ อภิโรจยีติ อภิโรเจสิ, รุจฺจิตฺวา ปูเรสีติ อโตฺถฯ ‘‘อภิราธยี’’ติปิ ปาโฐ, สาเธสิ นิปฺผาเทสีติ อโตฺถฯ

    1037.Uposathaṃ kaṃ vā tuvaṃ upāvasīti aññehipi uposatho upavasīyati, tvaṃ kaṃ vā kīdisaṃ nāma uposathaṃ upavasīti pucchati. Dhammacariyanti dānādipuññapaṭipattiṃ. Vatanti vatasamādānaṃ. Abhirocayīti abhirocesi, ruccitvā pūresīti attho. ‘‘Abhirādhayī’’tipi pāṭho, sādhesi nipphādesīti attho.

    ๑๐๓๘. อิทนฺติ นิปาตมตฺตํ, อิทํ วา ผลนฺติ อธิปฺปาโยฯ อภิโรจเสติ อภิภวิตฺวา วิโชฺชตสิฯ

    1038.Idanti nipātamattaṃ, idaṃ vā phalanti adhippāyo. Abhirocaseti abhibhavitvā vijjotasi.

    เอวํ มหาเถเรน ปุโฎฺฐ เทวปุโตฺต ตมตฺถํ อาจิกฺขิฯ เตน วุตฺตํ –

    Evaṃ mahātherena puṭṭho devaputto tamatthaṃ ācikkhi. Tena vuttaṃ –

    ๑๐๔๐.

    1040.

    ‘‘โส เทวปุโตฺต อตฺตมโน, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิโต;

    ‘‘So devaputto attamano, moggallānena pucchito;

    ปญฺหํ ปุโฎฺฐ วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ

    Pañhaṃ puṭṭho viyākāsi, yassa kammassidaṃ phala’’nti.

    ๑๐๔๑.

    1041.

    ‘‘ชิตินฺทฺริยํ พุทฺธมโนมนิกฺกมํ, นรุตฺตมํ กสฺสปมคฺคปุคฺคลํ;

    ‘‘Jitindriyaṃ buddhamanomanikkamaṃ, naruttamaṃ kassapamaggapuggalaṃ;

    อวาปุรนฺตํ อมตสฺส ทฺวารํ, เทวาติเทวํ สตปุญฺญลกฺขณํฯ

    Avāpurantaṃ amatassa dvāraṃ, devātidevaṃ satapuññalakkhaṇaṃ.

    ๑๐๔๒.

    1042.

    ‘‘ตมทฺทสํ กุญฺชรโมฆติณฺณํ, สุวณฺณสิงฺคีนทพิมฺพสาทิสํ;

    ‘‘Tamaddasaṃ kuñjaramoghatiṇṇaṃ, suvaṇṇasiṅgīnadabimbasādisaṃ;

    ทิสฺวาน ตํ ขิปฺปมหุํ สุจีมโน, ตเมว ทิสฺวาน สุภาสิตทฺธชํฯ

    Disvāna taṃ khippamahuṃ sucīmano, tameva disvāna subhāsitaddhajaṃ.

    ๑๐๔๓.

    1043.

    ‘‘ตมนฺนปานํ อถวาปิ จีวรํ, สุจิํ ปณีตํ รสสา อุเปตํ;

    ‘‘Tamannapānaṃ athavāpi cīvaraṃ, suciṃ paṇītaṃ rasasā upetaṃ;

    ปุปฺผาภิกิณฺณมฺหิ สเก นิเวสเน, ปติฎฺฐเปสิํ ส อสงฺคมานโสฯ

    Pupphābhikiṇṇamhi sake nivesane, patiṭṭhapesiṃ sa asaṅgamānaso.

    ๑๐๔๔.

    1044.

    ‘‘ตมนฺนปาเนน จ จีวเรน จ, ขเชฺชน โภเชฺชน จ สายเนน จ;

    ‘‘Tamannapānena ca cīvarena ca, khajjena bhojjena ca sāyanena ca;

    สนฺตปฺปยิตฺวา ทฺวิปทานมุตฺตมํ, โส สคฺคโส เทวปุเร รมามหํฯ

    Santappayitvā dvipadānamuttamaṃ, so saggaso devapure ramāmahaṃ.

    ๑๐๔๕.

    1045.

    ‘‘เอเตนุปาเยน อิมํ นิรคฺคฬํ, ยญฺญํ ยชิตฺวา ติวิธํ วิสุทฺธํ;

    ‘‘Etenupāyena imaṃ niraggaḷaṃ, yaññaṃ yajitvā tividhaṃ visuddhaṃ;

    ปหายหํ มานุสกํ สมุสฺสยํ, อินฺทูปโม เทวปุเร รมามหํฯ

    Pahāyahaṃ mānusakaṃ samussayaṃ, indūpamo devapure ramāmahaṃ.

    ๑๐๔๖.

    1046.

    ‘‘อายุญฺจ วณฺณญฺจ สุขํ พลญฺจ, ปณีตรูปํ อติกงฺขตา มุนิ;

    ‘‘Āyuñca vaṇṇañca sukhaṃ balañca, paṇītarūpaṃ atikaṅkhatā muni;

    อนฺนญฺจ ปานญฺจ พหุํ สุสงฺขตํ, ปติฎฺฐเปตพฺพมสงฺคมานเสฯ

    Annañca pānañca bahuṃ susaṅkhataṃ, patiṭṭhapetabbamasaṅgamānase.

    ๑๐๔๗.

    1047.

    ‘‘นยิมสฺมิํ โลเก ปรสฺมิํ วา ปน, พุเทฺธน เสโฎฺฐ ว สโม ว วิชฺชติ;

    ‘‘Nayimasmiṃ loke parasmiṃ vā pana, buddhena seṭṭho va samo va vijjati;

    อาหุเนยฺยานํ ปรมาหุติํ คโต, ปุญฺญตฺถิกานํ วิปุลปฺผเลสิน’’นฺติฯ

    Āhuneyyānaṃ paramāhutiṃ gato, puññatthikānaṃ vipulapphalesina’’nti.

    ๑๐๔๑. ตตฺถ ชิตินฺทฺริยนฺติ มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ โพธิมูเลเยว อคฺคมเคฺคน ชิตตฺตา นิพฺพิเสวนภาวสฺส กตตฺตา ชิตินฺทฺริยํฯ อภิเญฺญยฺยาทีนํ อภิเญฺญยฺยาทิภาวโต อนวเสสโต อภิสมฺพุทฺธตฺตา พุทฺธํฯ ปุริปุณฺณวีริยตาย อโนมนิกฺกมํ จตุรงฺคสมนฺนาคตสฺส วีริยสฺส จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานสฺส จ ปาริปูริยาติ อโตฺถฯ นรุตฺตมนฺติ นรานํ อุตฺตมํ ทฺวิปทุตฺตมํฯ กสฺสปนฺติ ภควนฺตํ โคเตฺตน วทติฯ อวาปุรนฺตํ อมตสฺส ทฺวารนฺติ โกณาคมนสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปภุติ ปิหิตํ นิพฺพานมหานครสฺส ทฺวารํ อริยมคฺคํ วิวรนฺตํฯ เทวาติเทวนฺติ สเพฺพสมฺปิ เทวานํ อติเทวํฯ สตปุญฺญลกฺขณนฺติ อเนกสตปุญฺญวเสน นิพฺพตฺตมหาปุริสลกฺขณํฯ

    1041. Tattha jitindriyanti manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ bodhimūleyeva aggamaggena jitattā nibbisevanabhāvassa katattā jitindriyaṃ. Abhiññeyyādīnaṃ abhiññeyyādibhāvato anavasesato abhisambuddhattā buddhaṃ. Puripuṇṇavīriyatāya anomanikkamaṃ caturaṅgasamannāgatassa vīriyassa catubbidhasammappadhānassa ca pāripūriyāti attho. Naruttamanti narānaṃ uttamaṃ dvipaduttamaṃ. Kassapanti bhagavantaṃ gottena vadati. Avāpurantaṃ amatassa dvāranti koṇāgamanassa bhagavato sāsanantaradhānato pabhuti pihitaṃ nibbānamahānagarassa dvāraṃ ariyamaggaṃ vivarantaṃ. Devātidevanti sabbesampi devānaṃ atidevaṃ. Satapuññalakkhaṇanti anekasatapuññavasena nibbattamahāpurisalakkhaṇaṃ.

    ๑๐๔๒. กุญฺชรนฺติ กิเลสปฎิสตฺตุนิมฺมทฺทเนน กุญฺชรสทิสํ, มหานาคนฺติ อโตฺถฯ จตุนฺนํ โอฆานํ สํสารมโหฆสฺส ตริตตฺตา โอฆติณฺณํสุวณฺณสิงฺคีนทพิมฺพสาทิสนฺติ สิงฺคีสุวณฺณชมฺพุนทสุวณฺณรูปสทิสํ, กญฺจนสนฺนิภตฺตจนฺติ อโตฺถฯ ทิสฺวาน ตํ ขิปฺปมหุํ สุจีมโนติ ตํ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา ขิปฺปํ ตาวเทว ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา’’ติ ปสาทวเสน กิเลสมลาปคมเนน สุจิมโน วิสุทฺธมโน อโหสิํ, ตญฺจ โข ตเมว ทิสฺวาน ตํ ทิสฺวา เอวฯ สุภาสิตทฺธชนฺติ ธมฺมทฺธชํฯ

    1042.Kuñjaranti kilesapaṭisattunimmaddanena kuñjarasadisaṃ, mahānāganti attho. Catunnaṃ oghānaṃ saṃsāramahoghassa taritattā oghatiṇṇaṃ. Suvaṇṇasiṅgīnadabimbasādisanti siṅgīsuvaṇṇajambunadasuvaṇṇarūpasadisaṃ, kañcanasannibhattacanti attho. Disvāna taṃ khippamahuṃ sucīmanoti taṃ kassapasammāsambuddhaṃ disvā khippaṃ tāvadeva ‘‘sammāsambuddho bhagavā’’ti pasādavasena kilesamalāpagamanena sucimano visuddhamano ahosiṃ, tañca kho tameva disvāna taṃ disvā eva. Subhāsitaddhajanti dhammaddhajaṃ.

    ๑๐๔๓. ตมนฺนปานนฺติ ตมฺหิ ภควติ อนฺนญฺจ ปานญฺจฯ อถวาปิ จีวรนฺติ อถ จีวรมฺปิฯ รสสา อุเปตนฺติ รเสน อุเปตํ สาทุรสํ, อุฬารนฺติ อโตฺถ ฯ ปุปฺผาภิกิณฺณมฺหีติ คนฺถิเตหิ จ อคนฺถิเกหิ จ ปุเปฺผหิ โอลมฺพนวเสน สนฺถรณวเสน จ อภิกิเณฺณฯ ปติฎฺฐเปสินฺติ ปฎิปาเทสิํ อทาสิํฯ อสงฺคมานโสติ กตฺถจิ อลคฺคจิโตฺต โส อหนฺติ โยชนาฯ

    1043.Tamannapānanti tamhi bhagavati annañca pānañca. Athavāpi cīvaranti atha cīvarampi. Rasasā upetanti rasena upetaṃ sādurasaṃ, uḷāranti attho . Pupphābhikiṇṇamhīti ganthitehi ca aganthikehi ca pupphehi olambanavasena santharaṇavasena ca abhikiṇṇe. Patiṭṭhapesinti paṭipādesiṃ adāsiṃ. Asaṅgamānasoti katthaci alaggacitto so ahanti yojanā.

    ๑๐๔๔. สคฺคโสติ อปราปรูปปตฺติวเสน สเคฺค สเคฺค, ตตฺถาปิ จ เทวปุเร สุทสฺสนมหานคเรฯ รมามีติ กีฬามิ โมทามิฯ

    1044.Saggasoti aparāparūpapattivasena sagge sagge, tatthāpi ca devapure sudassanamahānagare. Ramāmīti kīḷāmi modāmi.

    ๑๐๔๕. เอเตนุปาเยนาติ โคปาลพฺราหฺมณกาเล สสาวกสงฺฆสฺส กสฺสปภควโต ยถา อสทิสทานํ อทาสิํ, เอเตน อุปาเยนฯ อิมํ นิรคฺคฬํ ยญฺญํ ยชิตฺวา ติวิธํ วิสุทฺธนฺติ อนาวฎทฺวารตาย มุตฺตจาคตาย จ นิรคฺคฬํ, ตีสุปิ กาเลสุ ตีหิ ทฺวาเรหิ กรณการาปนานุสฺสรณวิธีหิ สมฺปนฺนตาย ติวิธํ, ตตฺถ สํกิเลสาภาเวน วิสุทฺธํ อปริมิตธนปริจฺจาคภาเวน มหาจาคตาย ยญฺญํ ยชิตฺวา, มหาทานํ ทตฺวาติ อโตฺถฯ ตํ ปน ทานํ จิรกตมฺปิ เขตฺตวตฺถุจิตฺตานํ อุฬารตาย อนฺตรนฺตรา อนุสฺสรเณน อตฺตโน ปากฎํ อาสนฺนํ ปจฺจกฺขํ วิย อุปฎฺฐิตํ คเหตฺวา อาห ‘‘อิม’’นฺติฯ

    1045.Etenupāyenāti gopālabrāhmaṇakāle sasāvakasaṅghassa kassapabhagavato yathā asadisadānaṃ adāsiṃ, etena upāyena. Imaṃ niraggaḷaṃ yaññaṃ yajitvā tividhaṃ visuddhanti anāvaṭadvāratāya muttacāgatāya ca niraggaḷaṃ, tīsupi kālesu tīhi dvārehi karaṇakārāpanānussaraṇavidhīhi sampannatāya tividhaṃ, tattha saṃkilesābhāvena visuddhaṃ aparimitadhanapariccāgabhāvena mahācāgatāya yaññaṃ yajitvā, mahādānaṃ datvāti attho. Taṃ pana dānaṃ cirakatampi khettavatthucittānaṃ uḷāratāya antarantarā anussaraṇena attano pākaṭaṃ āsannaṃ paccakkhaṃ viya upaṭṭhitaṃ gahetvā āha ‘‘ima’’nti.

    ๑๐๔๖. เอวํ เทวปุโตฺต อตฺตนา กตกมฺมํ เถรสฺส กเถตฺวา อิทานิ ตาทิสาย สมฺปตฺติยา ปเรปิ ปติฎฺฐาเปตุกามตํ ตถาคเต จ อุตฺตมํ อตฺตโน ปสาทพหุมานํ ปเวเทโนฺต ‘‘อายุญฺจ วณฺณญฺจา’’ติอาทินา คาถาทฺวยมาหฯ ตตฺถ อภิกงฺขตาติ อิจฺฉเนฺตนฯ มุนีติ เถรํ อาลปติฯ

    1046. Evaṃ devaputto attanā katakammaṃ therassa kathetvā idāni tādisāya sampattiyā parepi patiṭṭhāpetukāmataṃ tathāgate ca uttamaṃ attano pasādabahumānaṃ pavedento ‘‘āyuñca vaṇṇañcā’’tiādinā gāthādvayamāha. Tattha abhikaṅkhatāti icchantena. Munīti theraṃ ālapati.

    ๑๐๔๗. นยิมสฺมิํ โลเกติ เทวปุโตฺต อตฺตโน ปจฺจกฺขภูตํ โลกํ วทติฯ ปรสฺมินฺติ ตโต อญฺญสฺมิํฯ เอเตน สเพฺพปิ สเทวเก โลเก ทเสฺสติฯ สโม จ วิชฺชตีติ เสโฎฺฐ ตาว ติฎฺฐตุ , สโม เอว น วิชฺชตีติ อโตฺถฯ อาหุเนยฺยานํ ปรมาหุติํ คโตติ อิมสฺมิํ โลเก ยตฺตกา อาหุเนยฺยา นาม, เตสุ สเพฺพสุ ปรมาหุติํ ปรมํ อาหุเนยฺยภาวํ คโตฯ ‘‘ทกฺขิเณยฺยานํ ปรมคฺคตํ คโต’’ติ วา ปาโฐ, ตตฺถ ปรมคฺคตนฺติ ปรมํ อคฺคภาวํ, อคฺคทกฺขิเณยฺยภาวนฺติ อโตฺถฯ เกสนฺติ อาห ‘‘ปุญฺญตฺถิกานํ วิปุลปฺผเลสิน’’นฺติ, ปุเญฺญน อตฺถิกานํ วิปุลํ มหนฺตํ ปุญฺญผลํ อิจฺฉนฺตานํ, ตถาคโต เอว โลกสฺส ปุญฺญเกฺขตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ เกจิ ปน ‘‘อาหุเนยฺยานํ ปรมคฺคตํ คโต’’ติ ปฐนฺติ, โสเยวโตฺถฯ

    1047.Nayimasmiṃ loketi devaputto attano paccakkhabhūtaṃ lokaṃ vadati. Parasminti tato aññasmiṃ. Etena sabbepi sadevake loke dasseti. Samo ca vijjatīti seṭṭho tāva tiṭṭhatu , samo eva na vijjatīti attho. Āhuneyyānaṃ paramāhutiṃ gatoti imasmiṃ loke yattakā āhuneyyā nāma, tesu sabbesu paramāhutiṃ paramaṃ āhuneyyabhāvaṃ gato. ‘‘Dakkhiṇeyyānaṃ paramaggataṃ gato’’ti vā pāṭho, tattha paramaggatanti paramaṃ aggabhāvaṃ, aggadakkhiṇeyyabhāvanti attho. Kesanti āha ‘‘puññatthikānaṃ vipulapphalesina’’nti, puññena atthikānaṃ vipulaṃ mahantaṃ puññaphalaṃ icchantānaṃ, tathāgato eva lokassa puññakkhettanti dasseti. Keci pana ‘‘āhuneyyānaṃ paramaggataṃ gato’’ti paṭhanti, soyevattho.

    เอวํ กเถนฺตเมว ตํ เถโร กลฺลจิตฺตํ มุทุจิตฺตํ วินีวรณจิตฺตํ อุทคฺคจิตฺตํ ปสนฺนจิตฺตญฺจ ญตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิฯ โส สจฺจปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ อถ เถโร มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต ตมตฺถํ อตฺตนา จ เทวปุเตฺตน จ กถิตนิยาเมเนว อาโรเจสิฯ สตฺถา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริยาย ธมฺมํ เทเสสิฯ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ

    Evaṃ kathentameva taṃ thero kallacittaṃ muducittaṃ vinīvaraṇacittaṃ udaggacittaṃ pasannacittañca ñatvā saccāni pakāsesi. So saccapariyosāne sotāpattiphale patiṭṭhahi. Atha thero manussalokaṃ āgantvā bhagavato tamatthaṃ attanā ca devaputtena ca kathitaniyāmeneva ārocesi. Satthā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattapariyāya dhammaṃ desesi. Sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.

    มหารถวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahārathavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อิติ ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทกฎฺฐกถาย วิมานวตฺถุสฺมิํ

    Iti paramatthadīpaniyā khuddakaṭṭhakathāya vimānavatthusmiṃ

    จุทฺทสวตฺถุปฎิมณฺฑิตสฺส ปญฺจมสฺส มหารถวคฺคสฺส

    Cuddasavatthupaṭimaṇḍitassa pañcamassa mahārathavaggassa

    อตฺถวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Atthavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๑๔. มหารถวิมานวตฺถุ • 14. Mahārathavimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact