Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๖. มหาสจฺจกสุตฺตํ
6. Mahāsaccakasuttaṃ
๓๖๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฎาคารสาลายํฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ สุนิวโตฺถ โหติ ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลิํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุกาโม 1ฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน มหาวนํ กูฎาคารสาลา เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข อายสฺมา อานโนฺท สจฺจกํ นิคณฺฐปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภเนฺต, สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต อาคจฺฉติ ภสฺสปฺปวาทโก ปณฺฑิตวาโท สาธุสมฺมโต พหุชนสฺสฯ เอโส โข, ภเนฺต, อวณฺณกาโม พุทฺธสฺส, อวณฺณกาโม ธมฺมสฺส, อวณฺณกาโม สงฺฆสฺสฯ สาธุ, ภเนฺต, ภควา มุหุตฺตํ นิสีทตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ –
364. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā vesāliyaṃ viharati mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ. Tena kho pana samayena bhagavā pubbaṇhasamayaṃ sunivattho hoti pattacīvaramādāya vesāliṃ piṇḍāya pavisitukāmo 2. Atha kho saccako nigaṇṭhaputto jaṅghāvihāraṃ anucaṅkamamāno anuvicaramāno yena mahāvanaṃ kūṭāgārasālā tenupasaṅkami. Addasā kho āyasmā ānando saccakaṃ nigaṇṭhaputtaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ayaṃ, bhante, saccako nigaṇṭhaputto āgacchati bhassappavādako paṇḍitavādo sādhusammato bahujanassa. Eso kho, bhante, avaṇṇakāmo buddhassa, avaṇṇakāmo dhammassa, avaṇṇakāmo saṅghassa. Sādhu, bhante, bhagavā muhuttaṃ nisīdatu anukampaṃ upādāyā’’ti. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Atha kho saccako nigaṇṭhaputto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho saccako nigaṇṭhaputto bhagavantaṃ etadavoca –
๓๖๕. ‘‘สนฺติ, โภ โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา กายภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, โน จิตฺตภาวนํฯ ผุสนฺติ หิ เต, โภ โคตม, สารีริกํ ทุกฺขํ เวทนํฯ ภูตปุพฺพํ, โภ โคตม, สารีริกาย ทุกฺขาย เวทนาย ผุฎฺฐสฺส สโต อูรุกฺขโมฺภปิ นาม ภวิสฺสติ, หทยมฺปิ นาม ผลิสฺสติ, อุณฺหมฺปิ โลหิตํ มุขโต อุคฺคมิสฺสติ, อุมฺมาทมฺปิ ปาปุณิสฺสติ 3 จิตฺตเกฺขปํฯ ตสฺส โข เอตํ, โภ โคตม, กายนฺวยํ จิตฺตํ โหติ, กายสฺส วเสน วตฺตติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อภาวิตตฺตา จิตฺตสฺสฯ สนฺติ ปน, โภ โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา จิตฺตภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, โน กายภาวนํฯ ผุสนฺติ หิ เต, โภ โคตม, เจตสิกํ ทุกฺขํ เวทนํฯ ภูตปุพฺพํ, โภ โคตม, เจตสิกาย ทุกฺขาย เวทนาย ผุฎฺฐสฺส สโต อูรุกฺขโมฺภปิ นาม ภวิสฺสติ, หทยมฺปิ นาม ผลิสฺสติ, อุณฺหมฺปิ โลหิตํ มุขโต อุคฺคมิสฺสติ, อุมฺมาทมฺปิ ปาปุณิสฺสติ จิตฺตเกฺขปํฯ ตสฺส โข เอโส, โภ โคตม, จิตฺตนฺวโย กาโย โหติ, จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อภาวิตตฺตา กายสฺส ฯ ตสฺส มยฺหํ, โภ โคตม, เอวํ โหติ – ‘อทฺธา โภโต โคตมสฺส สาวกา จิตฺตภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, โน กายภาวน’’’นฺติฯ
365. ‘‘Santi, bho gotama, eke samaṇabrāhmaṇā kāyabhāvanānuyogamanuyuttā viharanti, no cittabhāvanaṃ. Phusanti hi te, bho gotama, sārīrikaṃ dukkhaṃ vedanaṃ. Bhūtapubbaṃ, bho gotama, sārīrikāya dukkhāya vedanāya phuṭṭhassa sato ūrukkhambhopi nāma bhavissati, hadayampi nāma phalissati, uṇhampi lohitaṃ mukhato uggamissati, ummādampi pāpuṇissati 4 cittakkhepaṃ. Tassa kho etaṃ, bho gotama, kāyanvayaṃ cittaṃ hoti, kāyassa vasena vattati. Taṃ kissa hetu? Abhāvitattā cittassa. Santi pana, bho gotama, eke samaṇabrāhmaṇā cittabhāvanānuyogamanuyuttā viharanti, no kāyabhāvanaṃ. Phusanti hi te, bho gotama, cetasikaṃ dukkhaṃ vedanaṃ. Bhūtapubbaṃ, bho gotama, cetasikāya dukkhāya vedanāya phuṭṭhassa sato ūrukkhambhopi nāma bhavissati, hadayampi nāma phalissati, uṇhampi lohitaṃ mukhato uggamissati, ummādampi pāpuṇissati cittakkhepaṃ. Tassa kho eso, bho gotama, cittanvayo kāyo hoti, cittassa vasena vattati. Taṃ kissa hetu? Abhāvitattā kāyassa . Tassa mayhaṃ, bho gotama, evaṃ hoti – ‘addhā bhoto gotamassa sāvakā cittabhāvanānuyogamanuyuttā viharanti, no kāyabhāvana’’’nti.
๓๖๖. ‘‘กินฺติ ปน เต, อคฺคิเวสฺสน, กายภาวนา สุตา’’ติ? ‘‘เสยฺยถิทํ – นโนฺท วโจฺฉ, กิโส สํกิโจฺจ, มกฺขลิ โคสาโล – เอเตหิ, โภ โคตม, อเจลกา มุตฺตาจารา หตฺถาปเลขนา นเอหิภทฺทนฺติกา นติฎฺฐภทฺทนฺติกา 5 น อภิหฎํ น อุทฺทิสฺสกตํ น นิมนฺตนํ สาทิยนฺติ, เต น กุมฺภิมุขา ปฎิคฺคณฺหนฺติ น กโฬปิมุขา ปฎิคฺคณฺหนฺติ น เอฬกมนฺตรํ น ทณฺฑมนฺตรํ น มุสลมนฺตรํ น ทฺวินฺนํ ภุญฺชมานานํ น คพฺภินิยา น ปายมานาย น ปุริสนฺตรคตาย น สงฺกิตฺตีสุ น ยตฺถ สา อุปฎฺฐิโต โหติ น ยตฺถ มกฺขิกา สณฺฑสณฺฑจารินี , น มจฺฉํ น มํสํ น สุรํ น เมรยํ น ถุโสทกํ ปิวนฺติฯ เต เอกาคาริกา วา โหนฺติ เอกาโลปิกา, ทฺวาคาริกา วา โหนฺติ ทฺวาโลปิกา…เป.… สตฺตาคาริกา วา โหนฺติ สตฺตาโลปิกาฯ เอกิสฺสาปิ ทตฺติยา ยาเปนฺติ, ทฺวีหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปนฺติ…เป.… สตฺตหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปนฺติฯ เอกาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรนฺติ, ทฺวีหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรนฺติ…เป.… สตฺตาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรนฺติฯ อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกมฺปิ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺตี’’ติฯ
366. ‘‘Kinti pana te, aggivessana, kāyabhāvanā sutā’’ti? ‘‘Seyyathidaṃ – nando vaccho, kiso saṃkicco, makkhali gosālo – etehi, bho gotama, acelakā muttācārā hatthāpalekhanā naehibhaddantikā natiṭṭhabhaddantikā 6 na abhihaṭaṃ na uddissakataṃ na nimantanaṃ sādiyanti, te na kumbhimukhā paṭiggaṇhanti na kaḷopimukhā paṭiggaṇhanti na eḷakamantaraṃ na daṇḍamantaraṃ na musalamantaraṃ na dvinnaṃ bhuñjamānānaṃ na gabbhiniyā na pāyamānāya na purisantaragatāya na saṅkittīsu na yattha sā upaṭṭhito hoti na yattha makkhikā saṇḍasaṇḍacārinī , na macchaṃ na maṃsaṃ na suraṃ na merayaṃ na thusodakaṃ pivanti. Te ekāgārikā vā honti ekālopikā, dvāgārikā vā honti dvālopikā…pe… sattāgārikā vā honti sattālopikā. Ekissāpi dattiyā yāpenti, dvīhipi dattīhi yāpenti…pe… sattahipi dattīhi yāpenti. Ekāhikampi āhāraṃ āhārenti, dvīhikampi āhāraṃ āhārenti…pe… sattāhikampi āhāraṃ āhārenti. Iti evarūpaṃ addhamāsikampi pariyāyabhattabhojanānuyogamanuyuttā viharantī’’ti.
‘‘กิํ ปน เต, อคฺคิเวสฺสน, ตาวตเกเนว ยาเปนฺตี’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตมฯ อเปฺปกทา, โภ โคตม, อุฬารานิ อุฬารานิ ขาทนียานิ ขาทนฺติ, อุฬารานิ อุฬารานิ โภชนานิ ภุญฺชนฺติ, อุฬารานิ อุฬารานิ สายนียานิ สายนฺติ, อุฬารานิ อุฬารานิ ปานานิ ปิวนฺติฯ เต อิมํ กายํ พลํ คาเหนฺติ นาม, พฺรูเหนฺติ นาม, เมเทนฺติ นามา’’ติฯ
‘‘Kiṃ pana te, aggivessana, tāvatakeneva yāpentī’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama. Appekadā, bho gotama, uḷārāni uḷārāni khādanīyāni khādanti, uḷārāni uḷārāni bhojanāni bhuñjanti, uḷārāni uḷārāni sāyanīyāni sāyanti, uḷārāni uḷārāni pānāni pivanti. Te imaṃ kāyaṃ balaṃ gāhenti nāma, brūhenti nāma, medenti nāmā’’ti.
‘‘ยํ โข เต, อคฺคิเวสฺสน, ปุริมํ ปหาย ปจฺฉา อุปจินนฺติ, เอวํ อิมสฺส กายสฺส อาจยาปจโย โหติฯ กินฺติ ปน เต, อคฺคิเวสฺสน, จิตฺตภาวนา สุตา’’ติ? จิตฺตภาวนาย โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควตา ปุโฎฺฐ สมาโน น สมฺปายาสิฯ
‘‘Yaṃ kho te, aggivessana, purimaṃ pahāya pacchā upacinanti, evaṃ imassa kāyassa ācayāpacayo hoti. Kinti pana te, aggivessana, cittabhāvanā sutā’’ti? Cittabhāvanāya kho saccako nigaṇṭhaputto bhagavatā puṭṭho samāno na sampāyāsi.
๓๖๗. อถ โข ภควา สจฺจกํ นิคณฺฐปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยาปิ โข เต เอสา, อคฺคิเวสฺสน, ปุริมา กายภาวนา ภาสิตา สาปิ อริยสฺส วินเย โน ธมฺมิกา กายภาวนาฯ กายภาวนมฺปิ 7 โข ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, น อญฺญาสิ, กุโต ปน ตฺวํ จิตฺตภาวนํ ชานิสฺสสิ ? อปิ จ, อคฺคิเวสฺสน, ยถา อภาวิตกาโย จ โหติ อภาวิตจิโตฺต จ, ภาวิตกาโย จ โหติ ภาวิตจิโตฺต จฯ ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –
367. Atha kho bhagavā saccakaṃ nigaṇṭhaputtaṃ etadavoca – ‘‘yāpi kho te esā, aggivessana, purimā kāyabhāvanā bhāsitā sāpi ariyassa vinaye no dhammikā kāyabhāvanā. Kāyabhāvanampi 8 kho tvaṃ, aggivessana, na aññāsi, kuto pana tvaṃ cittabhāvanaṃ jānissasi ? Api ca, aggivessana, yathā abhāvitakāyo ca hoti abhāvitacitto ca, bhāvitakāyo ca hoti bhāvitacitto ca. Taṃ suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho saccako nigaṇṭhaputto bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –
๓๖๘. ‘‘กถญฺจ , อคฺคิเวสฺสน, อภาวิตกาโย จ โหติ อภาวิตจิโตฺต จ? อิธ, อคฺคิเวสฺสน, อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อุปฺปชฺชติ สุขา เวทนาฯ โส สุขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน สุขสาราคี จ โหติ สุขสาราคิตญฺจ อาปชฺชติฯ ตสฺส สา สุขา เวทนา นิรุชฺฌติฯ สุขาย เวทนาย นิโรธา อุปฺปชฺชติ ทุกฺขา เวทนาฯ โส ทุกฺขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ ตสฺส โข เอสา, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนาปิ สุขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐติ อภาวิตตฺตา กายสฺส, อุปฺปนฺนาปิ ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐติ อภาวิตตฺตา จิตฺตสฺสฯ ยสฺส กสฺสจิ, อคฺคิเวสฺสน, เอวํ อุภโตปกฺขํ อุปฺปนฺนาปิ สุขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐติ อภาวิตตฺตา กายสฺส, อุปฺปนฺนาปิ ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐติ อภาวิตตฺตา จิตฺตสฺส, เอวํ โข, อคฺคิเวสฺสน, อภาวิตกาโย จ โหติ อภาวิตจิโตฺต จฯ
368. ‘‘Kathañca , aggivessana, abhāvitakāyo ca hoti abhāvitacitto ca? Idha, aggivessana, assutavato puthujjanassa uppajjati sukhā vedanā. So sukhāya vedanāya phuṭṭho samāno sukhasārāgī ca hoti sukhasārāgitañca āpajjati. Tassa sā sukhā vedanā nirujjhati. Sukhāya vedanāya nirodhā uppajjati dukkhā vedanā. So dukkhāya vedanāya phuṭṭho samāno socati kilamati paridevati urattāḷiṃ kandati sammohaṃ āpajjati. Tassa kho esā, aggivessana, uppannāpi sukhā vedanā cittaṃ pariyādāya tiṭṭhati abhāvitattā kāyassa, uppannāpi dukkhā vedanā cittaṃ pariyādāya tiṭṭhati abhāvitattā cittassa. Yassa kassaci, aggivessana, evaṃ ubhatopakkhaṃ uppannāpi sukhā vedanā cittaṃ pariyādāya tiṭṭhati abhāvitattā kāyassa, uppannāpi dukkhā vedanā cittaṃ pariyādāya tiṭṭhati abhāvitattā cittassa, evaṃ kho, aggivessana, abhāvitakāyo ca hoti abhāvitacitto ca.
๓๖๙. ‘‘กถญฺจ, อคฺคิเวสฺสน, ภาวิตกาโย จ โหติ ภาวิตจิโตฺต จ? อิธ, อคฺคิเวสฺสน, สุตวโต อริยสาวกสฺส อุปฺปชฺชติ สุขา เวทนาฯ โส สุขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน น สุขสาราคี จ โหติ, น สุขสาราคิตญฺจ อาปชฺชติฯ ตสฺส สา สุขา เวทนา นิรุชฺฌติฯ สุขาย เวทนาย นิโรธา อุปฺปชฺชติ ทุกฺขา เวทนาฯ โส ทุกฺขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ น อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ น สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ ตสฺส โข เอสา, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนาปิ สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติ ภาวิตตฺตา กายสฺส, อุปฺปนฺนาปิ ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติ ภาวิตตฺตา จิตฺตสฺสฯ ยสฺส กสฺสจิ, อคฺคิเวสฺสน, เอวํ อุภโตปกฺขํ อุปฺปนฺนาปิ สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติ ภาวิตตฺตา กายสฺส, อุปฺปนฺนาปิ ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติ ภาวิตตฺตา จิตฺตสฺสฯ เอวํ โข, อคฺคิเวสฺสน, ภาวิตกาโย จ โหติ ภาวิตจิโตฺต จา’’ติฯ
369. ‘‘Kathañca, aggivessana, bhāvitakāyo ca hoti bhāvitacitto ca? Idha, aggivessana, sutavato ariyasāvakassa uppajjati sukhā vedanā. So sukhāya vedanāya phuṭṭho samāno na sukhasārāgī ca hoti, na sukhasārāgitañca āpajjati. Tassa sā sukhā vedanā nirujjhati. Sukhāya vedanāya nirodhā uppajjati dukkhā vedanā. So dukkhāya vedanāya phuṭṭho samāno na socati na kilamati na paridevati na urattāḷiṃ kandati na sammohaṃ āpajjati. Tassa kho esā, aggivessana, uppannāpi sukhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati bhāvitattā kāyassa, uppannāpi dukkhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati bhāvitattā cittassa. Yassa kassaci, aggivessana, evaṃ ubhatopakkhaṃ uppannāpi sukhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati bhāvitattā kāyassa, uppannāpi dukkhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati bhāvitattā cittassa. Evaṃ kho, aggivessana, bhāvitakāyo ca hoti bhāvitacitto cā’’ti.
๓๗๐. ‘‘เอวํ ปสโนฺน อหํ โภโต โคตมสฺส! ภวญฺหิ โคตโม ภาวิตกาโย จ โหติ ภาวิตจิโตฺต จา’’ติ ฯ ‘‘อทฺธา โข เต อยํ, อคฺคิเวสฺสน, อาสชฺช อุปนีย วาจา ภาสิตา, อปิ จ เต อหํ พฺยากริสฺสามิ ฯ ยโต โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, ตํ วต เม อุปฺปนฺนา วา สุขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสติ, อุปฺปนฺนา วา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสตีติ เนตํ ฐานํ 9 วิชฺชตี’’ติฯ
370. ‘‘Evaṃ pasanno ahaṃ bhoto gotamassa! Bhavañhi gotamo bhāvitakāyo ca hoti bhāvitacitto cā’’ti . ‘‘Addhā kho te ayaṃ, aggivessana, āsajja upanīya vācā bhāsitā, api ca te ahaṃ byākarissāmi . Yato kho ahaṃ, aggivessana, kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito, taṃ vata me uppannā vā sukhā vedanā cittaṃ pariyādāya ṭhassati, uppannā vā dukkhā vedanā cittaṃ pariyādāya ṭhassatīti netaṃ ṭhānaṃ 10 vijjatī’’ti.
‘‘น หิ นูน 11 โภโต โคตมสฺส อุปฺปชฺชติ ตถารูปา สุขา เวทนา ยถารูปา อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ติเฎฺฐยฺย; น หิ นูน โภโต โคตมสฺส อุปฺปชฺชติ ตถารูปา ทุกฺขา เวทนา ยถารูปา อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ติเฎฺฐยฺยา’’ติฯ
‘‘Na hi nūna 12 bhoto gotamassa uppajjati tathārūpā sukhā vedanā yathārūpā uppannā sukhā vedanā cittaṃ pariyādāya tiṭṭheyya; na hi nūna bhoto gotamassa uppajjati tathārūpā dukkhā vedanā yathārūpā uppannā dukkhā vedanā cittaṃ pariyādāya tiṭṭheyyā’’ti.
๓๗๑. ‘‘กิญฺหิ โน สิยา, อคฺคิเวสฺสน? อิธ เม, อคฺคิเวสฺสน, ปุเพฺพว สโมฺพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตเสฺสว สโต เอตทโหสิ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชาฯ นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํฯ ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, อปเรน สมเยน ทหโรว สมาโน, สุสุกาฬเกโส ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปฐเมน วยสา, อกามกานํ มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ รุทนฺตานํ, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิํฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กิํกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส กาลาม, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติฯ เอวํ วุเตฺต, อคฺคิเวสฺสน, อาฬาโร กาลาโม มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา, ตาทิโส อยํ ธโมฺม ยตฺถ วิญฺญู ปุริโส นจิรเสฺสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, นจิรเสฺสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิํฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตาวตเกเนว โอฎฺฐปหตมเตฺตน ลปิตลาปนมเตฺตน ญาณวาทญฺจ วทามิ เถรวาทญฺจ, ‘ชานามิ ปสฺสามี’ติ จ ปฎิชานามิ, อหเญฺจว อเญฺญ จฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ, อทฺธา อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหรตี’’’ติฯ
371. ‘‘Kiñhi no siyā, aggivessana? Idha me, aggivessana, pubbeva sambodhā anabhisambuddhassa bodhisattasseva sato etadahosi – ‘sambādho gharāvāso rajāpatho, abbhokāso pabbajjā. Nayidaṃ sukaraṃ agāraṃ ajjhāvasatā ekantaparipuṇṇaṃ ekantaparisuddhaṃ saṅkhalikhitaṃ brahmacariyaṃ carituṃ. Yaṃnūnāhaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajeyya’nti. So kho ahaṃ, aggivessana, aparena samayena daharova samāno, susukāḷakeso bhadrena yobbanena samannāgato paṭhamena vayasā, akāmakānaṃ mātāpitūnaṃ assumukhānaṃ rudantānaṃ, kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajiṃ. So evaṃ pabbajito samāno kiṃkusalagavesī anuttaraṃ santivarapadaṃ pariyesamāno yena āḷāro kālāmo tenupasaṅkamiṃ; upasaṅkamitvā āḷāraṃ kālāmaṃ etadavocaṃ – ‘icchāmahaṃ, āvuso kālāma, imasmiṃ dhammavinaye brahmacariyaṃ caritu’nti. Evaṃ vutte, aggivessana, āḷāro kālāmo maṃ etadavoca – ‘viharatāyasmā, tādiso ayaṃ dhammo yattha viññū puriso nacirasseva sakaṃ ācariyakaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihareyyā’ti. So kho ahaṃ, aggivessana, nacirasseva khippameva taṃ dhammaṃ pariyāpuṇiṃ. So kho ahaṃ, aggivessana, tāvatakeneva oṭṭhapahatamattena lapitalāpanamattena ñāṇavādañca vadāmi theravādañca, ‘jānāmi passāmī’ti ca paṭijānāmi, ahañceva aññe ca. Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘na kho āḷāro kālāmo imaṃ dhammaṃ kevalaṃ saddhāmattakena sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharāmīti pavedeti, addhā āḷāro kālāmo imaṃ dhammaṃ jānaṃ passaṃ viharatī’’’ti.
‘‘อถ ขฺวาหํ, อคฺคิเวสฺสน, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุเตฺต, อคฺคิเวสฺสน, อาฬาโร กาลาโม อากิญฺจญฺญายตนํ ปเวเทสิฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬารเสฺสว กาลามสฺส อตฺถิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข อาฬารเสฺสว กาลามสฺส อตฺถิ วีริยํ, มยฺหํปตฺถิ วีริยํ; น โข อาฬารเสฺสว กาลามสฺส อตฺถิ สติ, มยฺหํปตฺถิ สติ; น โข อาฬารเสฺสว กาลามสฺส อตฺถิ สมาธิ, มยฺหํปตฺถิ สมาธิ; น โข อาฬารเสฺสว กาลามสฺส อตฺถิ ปญฺญา, มยฺหํปตฺถิ ปญฺญา; ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ อาฬาโร กาลาโม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, นจิรเสฺสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ
‘‘Atha khvāhaṃ, aggivessana, yena āḷāro kālāmo tenupasaṅkamiṃ; upasaṅkamitvā āḷāraṃ kālāmaṃ etadavocaṃ – ‘kittāvatā no, āvuso kālāma, imaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharāmīti pavedesī’ti? Evaṃ vutte, aggivessana, āḷāro kālāmo ākiñcaññāyatanaṃ pavedesi. Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘na kho āḷārasseva kālāmassa atthi saddhā, mayhaṃpatthi saddhā; na kho āḷārasseva kālāmassa atthi vīriyaṃ, mayhaṃpatthi vīriyaṃ; na kho āḷārasseva kālāmassa atthi sati, mayhaṃpatthi sati; na kho āḷārasseva kālāmassa atthi samādhi, mayhaṃpatthi samādhi; na kho āḷārasseva kālāmassa atthi paññā, mayhaṃpatthi paññā; yaṃnūnāhaṃ yaṃ dhammaṃ āḷāro kālāmo sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharāmīti pavedeti tassa dhammassa sacchikiriyāya padaheyya’nti. So kho ahaṃ, aggivessana, nacirasseva khippameva taṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsiṃ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, อคฺคิเวสฺสน, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม , อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข อหํ, อาวุโส, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมี’ติฯ ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติฯ ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจาริํ ปสฺสามฯ อิติ ยาหํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ ตมหํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิฯ อิติ ยาหํ ธมฺมํ ชานามิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตมหํ ธมฺมํ ชานามิฯ อิติ ยาทิโส อหํ ตาทิโส ตุวํ, ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส อหํฯ เอหิ ทานิ, อาวุโส, อุโภว สนฺตา อิมํ คณํ ปริหรามา’ติฯ อิติ โข, อคฺคิเวสฺสน, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน (อตฺตโน) 13 อเนฺตวาสิํ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ ฐเปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธโมฺม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว อากิญฺจญฺญายตนูปปตฺติยา’ติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมิํฯ
‘‘Atha khvāhaṃ, aggivessana, yena āḷāro kālāmo tenupasaṅkamiṃ; upasaṅkamitvā āḷāraṃ kālāmaṃ etadavocaṃ – ‘ettāvatā no, āvuso kālāma , imaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja pavedesī’ti? ‘Ettāvatā kho ahaṃ, āvuso, imaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja pavedemī’ti. ‘Ahampi kho, āvuso, ettāvatā imaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharāmī’ti. ‘Lābhā no, āvuso, suladdhaṃ no, āvuso, ye mayaṃ āyasmantaṃ tādisaṃ sabrahmacāriṃ passāma. Iti yāhaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja pavedemi taṃ tvaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharasi; yaṃ tvaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharasi tamahaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja pavedemi. Iti yāhaṃ dhammaṃ jānāmi taṃ tvaṃ dhammaṃ jānāsi; yaṃ tvaṃ dhammaṃ jānāsi tamahaṃ dhammaṃ jānāmi. Iti yādiso ahaṃ tādiso tuvaṃ, yādiso tuvaṃ tādiso ahaṃ. Ehi dāni, āvuso, ubhova santā imaṃ gaṇaṃ pariharāmā’ti. Iti kho, aggivessana, āḷāro kālāmo ācariyo me samāno (attano) 14 antevāsiṃ maṃ samānaṃ attanā samasamaṃ ṭhapesi, uḷārāya ca maṃ pūjāya pūjesi. Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘nāyaṃ dhammo nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattati, yāvadeva ākiñcaññāyatanūpapattiyā’ti. So kho ahaṃ, aggivessana, taṃ dhammaṃ analaṅkaritvā tasmā dhammā nibbijja apakkamiṃ.
๓๗๒. ‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, กิํกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อุทโก รามปุโตฺต เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส 15 อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติฯ เอวํ วุเตฺต, อคฺคิเวสฺสน, อุทโก รามปุโตฺต มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา, ตาทิโส อยํ ธโมฺม ยตฺถ วิญฺญู ปุริโส นจิรเสฺสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, นจิรเสฺสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิํฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตาวตเกเนว โอฎฺฐปหตมเตฺตน ลปิตลาปนมเตฺตน ญาณวาทญฺจ วทามิ เถรวาทญฺจ, ‘ชานามิ ปสฺสามี’ติ จ ปฎิชานามิ, อหเญฺจว อเญฺญ จฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘น โข ราโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสิฯ อทฺธา ราโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหาสี’ติฯ อถ ขฺวาหํ, อคฺคิเวสฺสน, เยน อุทโก รามปุโตฺต เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส ราโม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุเตฺต, อคฺคิเวสฺสน, อุทโก รามปุโตฺต เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ปเวเทสิฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘น โข รามเสฺสว อโหสิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข รามเสฺสว อโหสิ วีริยํ, มยฺหํปตฺถิ วีริยํ; น โข รามเสฺสว อโหสิ สติ, มยฺหํปตฺถิ สติ; น โข รามเสฺสว อโหสิ สมาธิ, มยฺหํปตฺถิ สมาธิ; น โข รามเสฺสว อโหสิ ปญฺญา, มยฺหํปตฺถิ ปญฺญา; ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสิ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, นจิรเสฺสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ
372. ‘‘So kho ahaṃ, aggivessana, kiṃkusalagavesī anuttaraṃ santivarapadaṃ pariyesamāno yena udako rāmaputto tenupasaṅkamiṃ; upasaṅkamitvā udakaṃ rāmaputtaṃ etadavocaṃ – ‘icchāmahaṃ, āvuso 16 imasmiṃ dhammavinaye brahmacariyaṃ caritu’nti. Evaṃ vutte, aggivessana, udako rāmaputto maṃ etadavoca – ‘viharatāyasmā, tādiso ayaṃ dhammo yattha viññū puriso nacirasseva sakaṃ ācariyakaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihareyyā’ti. So kho ahaṃ, aggivessana, nacirasseva khippameva taṃ dhammaṃ pariyāpuṇiṃ. So kho ahaṃ, aggivessana, tāvatakeneva oṭṭhapahatamattena lapitalāpanamattena ñāṇavādañca vadāmi theravādañca, ‘jānāmi passāmī’ti ca paṭijānāmi, ahañceva aññe ca. Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘na kho rāmo imaṃ dhammaṃ kevalaṃ saddhāmattakena sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharāmīti pavedesi. Addhā rāmo imaṃ dhammaṃ jānaṃ passaṃ vihāsī’ti. Atha khvāhaṃ, aggivessana, yena udako rāmaputto tenupasaṅkamiṃ; upasaṅkamitvā udakaṃ rāmaputtaṃ etadavocaṃ – ‘kittāvatā no, āvuso rāmo, imaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharāmīti pavedesī’ti? Evaṃ vutte, aggivessana, udako rāmaputto nevasaññānāsaññāyatanaṃ pavedesi. Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘na kho rāmasseva ahosi saddhā, mayhaṃpatthi saddhā; na kho rāmasseva ahosi vīriyaṃ, mayhaṃpatthi vīriyaṃ; na kho rāmasseva ahosi sati, mayhaṃpatthi sati; na kho rāmasseva ahosi samādhi, mayhaṃpatthi samādhi; na kho rāmasseva ahosi paññā, mayhaṃpatthi paññā; yaṃnūnāhaṃ yaṃ dhammaṃ rāmo sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharāmīti pavedesi tassa dhammassa sacchikiriyāya padaheyya’nti. So kho ahaṃ, aggivessana, nacirasseva khippameva taṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsiṃ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, อคฺคิเวสฺสน, เยน อุทโก รามปุโตฺต เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติฯ ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติฯ ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจาริํ ปสฺสามฯ อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ, ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ, ตํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิฯ อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม อภิญฺญาสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตํ ธมฺมํ ราโม อภิญฺญาสิฯ อิติ ยาทิโส ราโม อโหสิ ตาทิโส ตุวํ; ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส ราโม อโหสิฯ เอหิ ทานิ, อาวุโส, ตุวํ อิมํ คณํ ปริหรา’ติฯ อิติ โข, อคฺคิเวสฺสน, อุทโก รามปุโตฺต สพฺรหฺมจารี เม สมาโน อาจริยฎฺฐาเน จ มํ ฐเปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธโมฺม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สโมฺพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปปตฺติยา’ติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมิํฯ
‘‘Atha khvāhaṃ, aggivessana, yena udako rāmaputto tenupasaṅkamiṃ; upasaṅkamitvā udakaṃ rāmaputtaṃ etadavocaṃ – ‘ettāvatā no, āvuso, rāmo imaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja pavedesī’ti? ‘Ettāvatā kho, āvuso, rāmo imaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja pavedesī’ti. ‘Ahampi kho, āvuso, ettāvatā imaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharāmī’ti. ‘Lābhā no, āvuso, suladdhaṃ no, āvuso, ye mayaṃ āyasmantaṃ tādisaṃ sabrahmacāriṃ passāma. Iti yaṃ dhammaṃ rāmo sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja pavedesi, taṃ tvaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharasi; yaṃ tvaṃ dhammaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharasi, taṃ dhammaṃ rāmo sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja pavedesi. Iti yaṃ dhammaṃ rāmo abhiññāsi taṃ tvaṃ dhammaṃ jānāsi; yaṃ tvaṃ dhammaṃ jānāsi taṃ dhammaṃ rāmo abhiññāsi. Iti yādiso rāmo ahosi tādiso tuvaṃ; yādiso tuvaṃ tādiso rāmo ahosi. Ehi dāni, āvuso, tuvaṃ imaṃ gaṇaṃ pariharā’ti. Iti kho, aggivessana, udako rāmaputto sabrahmacārī me samāno ācariyaṭṭhāne ca maṃ ṭhapesi, uḷārāya ca maṃ pūjāya pūjesi. Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘nāyaṃ dhammo nibbidāya na virāgāya na nirodhāya na upasamāya na abhiññāya na sambodhāya na nibbānāya saṃvattati, yāvadeva nevasaññānāsaññāyatanūpapattiyā’ti. So kho ahaṃ, aggivessana, taṃ dhammaṃ analaṅkaritvā tasmā dhammā nibbijja apakkamiṃ.
๓๗๓. ‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, กิํกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน มคเธสุ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน อุรุเวลา เสนานิคโม ตทวสริํฯ ตตฺถทฺทสํ รมณียํ ภูมิภาคํ, ปาสาทิกญฺจ วนสณฺฑํ, นทิญฺจ สนฺทนฺติํ เสตกํ สุปติตฺถํ รมณียํ, สมนฺตา จ โคจรคามํฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘รมณีโย วต, โภ, ภูมิภาโค, ปาสาทิโก จ วนสโณฺฑ, นที จ สนฺทติ เสตกา สุปติตฺถา รมณียา, สมนฺตา จ โคจรคาโมฯ อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’ติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตเตฺถว นิสีทิํ ‘อลมิทํ ปธานายา’ติฯ
373. ‘‘So kho ahaṃ, aggivessana, kiṃkusalagavesī anuttaraṃ santivarapadaṃ pariyesamāno magadhesu anupubbena cārikaṃ caramāno yena uruvelā senānigamo tadavasariṃ. Tatthaddasaṃ ramaṇīyaṃ bhūmibhāgaṃ, pāsādikañca vanasaṇḍaṃ, nadiñca sandantiṃ setakaṃ supatitthaṃ ramaṇīyaṃ, samantā ca gocaragāmaṃ. Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘ramaṇīyo vata, bho, bhūmibhāgo, pāsādiko ca vanasaṇḍo, nadī ca sandati setakā supatitthā ramaṇīyā, samantā ca gocaragāmo. Alaṃ vatidaṃ kulaputtassa padhānatthikassa padhānāyā’ti. So kho ahaṃ, aggivessana, tattheva nisīdiṃ ‘alamidaṃ padhānāyā’ti.
๓๗๔. ‘‘อปิสฺสุมํ, อคฺคิเวสฺสน, ติโสฺส อุปมา ปฎิภํสุ อนจฺฉริยา ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพาฯ เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, อลฺลํ กฎฺฐํ สเสฺนหํ อุทเก นิกฺขิตฺตํฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย อุตฺตรารณิํ อาทาย – ‘อคฺคิํ อภินิพฺพเตฺตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฎฺฐํ สเสฺนหํ, อุทเก นิกฺขิตฺตํ , อุตฺตรารณิํ อาทาย อภิมเนฺถโนฺต อคฺคิํ อภินิพฺพเตฺตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อทุญฺหิ, โภ โคตม, อลฺลํ กฎฺฐํ สเสฺนหํ, ตญฺจ ปน อุทเก นิกฺขิตฺตํฯ ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิเตฺตน จ กาเมหิ อวูปกฎฺฐา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉโนฺท กามเสฺนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห, โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ, น สุปฺปฎิปฺปสฺสโทฺธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สโมฺพธายฯ โน เจปิ เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สโมฺพธายฯ อยํ โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, ปฐมา อุปมา ปฎิภาสิ อนจฺฉริยา ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพาฯ
374. ‘‘Apissumaṃ, aggivessana, tisso upamā paṭibhaṃsu anacchariyā pubbe assutapubbā. Seyyathāpi, aggivessana, allaṃ kaṭṭhaṃ sasnehaṃ udake nikkhittaṃ. Atha puriso āgaccheyya uttarāraṇiṃ ādāya – ‘aggiṃ abhinibbattessāmi, tejo pātukarissāmī’ti. Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, api nu so puriso amuṃ allaṃ kaṭṭhaṃ sasnehaṃ, udake nikkhittaṃ , uttarāraṇiṃ ādāya abhimanthento aggiṃ abhinibbatteyya, tejo pātukareyyā’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Aduñhi, bho gotama, allaṃ kaṭṭhaṃ sasnehaṃ, tañca pana udake nikkhittaṃ. Yāvadeva ca pana so puriso kilamathassa vighātassa bhāgī assā’’ti. ‘‘Evameva kho, aggivessana, ye hi keci samaṇā vā brāhmaṇā vā kāyena ceva cittena ca kāmehi avūpakaṭṭhā viharanti, yo ca nesaṃ kāmesu kāmacchando kāmasneho kāmamucchā kāmapipāsā kāmapariḷāho, so ca ajjhattaṃ na suppahīno hoti, na suppaṭippassaddho, opakkamikā cepi te bhonto samaṇabrāhmaṇā dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedayanti, abhabbāva te ñāṇāya dassanāya anuttarāya sambodhāya. No cepi te bhonto samaṇabrāhmaṇā opakkamikā dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedayanti, abhabbāva te ñāṇāya dassanāya anuttarāya sambodhāya. Ayaṃ kho maṃ, aggivessana, paṭhamā upamā paṭibhāsi anacchariyā pubbe assutapubbā.
๓๗๕. ‘‘อปราปิ โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, ทุติยา อุปมา ปฎิภาสิ อนจฺฉริยา ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพาฯ เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, อลฺลํ กฎฺฐํ สเสฺนหํ, อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย อุตฺตรารณิํ อาทาย – ‘อคฺคิํ อภินิพฺพเตฺตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฎฺฐํ สเสฺนหํ, อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ, อุตฺตรารณิํ อาทาย อภิมเนฺถโนฺต อคฺคิํ อภินิพฺพเตฺตยฺย เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อทุญฺหิ, โภ โคตม, อลฺลํ กฎฺฐํ สเสฺนหํ, กิญฺจาปิ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํฯ ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสาติฯ เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิเตฺตน จ กาเมหิ วูปกฎฺฐา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉโนฺท กามเสฺนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ, น สุปฺปฎิปฺปสฺสโทฺธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สโมฺพธายฯ โน เจปิ เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สโมฺพธายฯ อยํ โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, ทุติยา อุปมา ปฎิภาสิ อนจฺฉริยา ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพา’’ฯ
375. ‘‘Aparāpi kho maṃ, aggivessana, dutiyā upamā paṭibhāsi anacchariyā pubbe assutapubbā. Seyyathāpi, aggivessana, allaṃ kaṭṭhaṃ sasnehaṃ, ārakā udakā thale nikkhittaṃ. Atha puriso āgaccheyya uttarāraṇiṃ ādāya – ‘aggiṃ abhinibbattessāmi, tejo pātukarissāmī’ti. Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, api nu so puriso amuṃ allaṃ kaṭṭhaṃ sasnehaṃ, ārakā udakā thale nikkhittaṃ, uttarāraṇiṃ ādāya abhimanthento aggiṃ abhinibbatteyya tejo pātukareyyā’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho gotama’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Aduñhi, bho gotama, allaṃ kaṭṭhaṃ sasnehaṃ, kiñcāpi ārakā udakā thale nikkhittaṃ. Yāvadeva ca pana so puriso kilamathassa vighātassa bhāgī assāti. Evameva kho, aggivessana, ye hi keci samaṇā vā brāhmaṇā vā kāyena ceva cittena ca kāmehi vūpakaṭṭhā viharanti, yo ca nesaṃ kāmesu kāmacchando kāmasneho kāmamucchā kāmapipāsā kāmapariḷāho so ca ajjhattaṃ na suppahīno hoti, na suppaṭippassaddho, opakkamikā cepi te bhonto samaṇabrāhmaṇā dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedayanti, abhabbāva te ñāṇāya dassanāya anuttarāya sambodhāya. No cepi te bhonto samaṇabrāhmaṇā opakkamikā dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedayanti, abhabbāva te ñāṇāya dassanāya anuttarāya sambodhāya. Ayaṃ kho maṃ, aggivessana, dutiyā upamā paṭibhāsi anacchariyā pubbe assutapubbā’’.
๓๗๖. ‘‘อปราปิ โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, ตติยา อุปมา ปฎิภาสิ อนจฺฉริยา ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพาฯ เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, สุกฺขํ กฎฺฐํ โกฬาปํ, อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย อุตฺตรารณิํ อาทาย – ‘อคฺคิํ อภินิพฺพเตฺตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ สุกฺขํ กฎฺฐํ โกฬาปํ, อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ, อุตฺตรารณิํ อาทาย อภิมเนฺถโนฺต อคฺคิํ อภินิพฺพเตฺตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อทุญฺหิ, โภ โคตม, สุกฺขํ กฎฺฐํ โกฬาปํ, ตญฺจ ปน อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺต’’นฺติ ฯ ‘‘เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิเตฺตน จ กาเมหิ วูปกฎฺฐา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉโนฺท กามเสฺนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห, โส จ อชฺฌตฺตํ สุปฺปหีโน โหติ สุปฺปฎิปฺปสฺสโทฺธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สโมฺพธายฯ โน เจปิ เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สโมฺพธายฯ อยํ โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, ตติยา อุปมา ปฎิภาสิ อนจฺฉริยา ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพาฯ อิมา โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, ติโสฺส อุปมา ปฎิภํสุ อนจฺฉริยา ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพาฯ’’
376. ‘‘Aparāpi kho maṃ, aggivessana, tatiyā upamā paṭibhāsi anacchariyā pubbe assutapubbā. Seyyathāpi, aggivessana, sukkhaṃ kaṭṭhaṃ koḷāpaṃ, ārakā udakā thale nikkhittaṃ. Atha puriso āgaccheyya uttarāraṇiṃ ādāya – ‘aggiṃ abhinibbattessāmi, tejo pātukarissāmī’ti. Taṃ kiṃ maññasi, aggivessana, api nu so puriso amuṃ sukkhaṃ kaṭṭhaṃ koḷāpaṃ, ārakā udakā thale nikkhittaṃ, uttarāraṇiṃ ādāya abhimanthento aggiṃ abhinibbatteyya, tejo pātukareyyā’’ti? ‘‘Evaṃ, bho gotama’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Aduñhi, bho gotama, sukkhaṃ kaṭṭhaṃ koḷāpaṃ, tañca pana ārakā udakā thale nikkhitta’’nti . ‘‘Evameva kho, aggivessana, ye hi keci samaṇā vā brāhmaṇā vā kāyena ceva cittena ca kāmehi vūpakaṭṭhā viharanti, yo ca nesaṃ kāmesu kāmacchando kāmasneho kāmamucchā kāmapipāsā kāmapariḷāho, so ca ajjhattaṃ suppahīno hoti suppaṭippassaddho, opakkamikā cepi te bhonto samaṇabrāhmaṇā dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedayanti, bhabbāva te ñāṇāya dassanāya anuttarāya sambodhāya. No cepi te bhonto samaṇabrāhmaṇā opakkamikā dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedayanti, bhabbāva te ñāṇāya dassanāya anuttarāya sambodhāya. Ayaṃ kho maṃ, aggivessana, tatiyā upamā paṭibhāsi anacchariyā pubbe assutapubbā. Imā kho maṃ, aggivessana, tisso upamā paṭibhaṃsu anacchariyā pubbe assutapubbā.’’
๓๗๗. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ทเนฺตภิ ทนฺตมาธาย 17, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคเณฺหยฺยํ อภินิปฺปีเฬยฺยํ อภิสนฺตาเปยฺย’นฺติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ทเนฺตภิ ทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหามิ อภินิปฺปีเฬมิ อภิสนฺตาเปมิฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, ทเนฺตภิ ทนฺตมาธาย ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กเจฺฉหิ เสทา มุจฺจนฺติฯ เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, พลวา ปุริโส ทุพฺพลตรํ ปุริสํ สีเส วา คเหตฺวา ขเนฺธ วา คเหตฺวา อภินิคฺคเณฺหยฺย อภินิปฺปีเฬยฺย อภิสนฺตาเปยฺย, เอวเมว โข เม, อคฺคิเวสฺสน, ทเนฺตภิ ทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กเจฺฉหิ เสทา มุจฺจนฺติฯ อารทฺธํ โข ปน เม, อคฺคิเวสฺสน, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฎฺฐิตา สติ อสมฺมุฎฺฐา, สารโทฺธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฎิปฺปสฺสโทฺธ เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโตฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ
377. ‘‘Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ dantebhi dantamādhāya 18, jivhāya tāluṃ āhacca, cetasā cittaṃ abhiniggaṇheyyaṃ abhinippīḷeyyaṃ abhisantāpeyya’nti. So kho ahaṃ, aggivessana, dantebhi dantamādhāya, jivhāya tāluṃ āhacca, cetasā cittaṃ abhiniggaṇhāmi abhinippīḷemi abhisantāpemi. Tassa mayhaṃ, aggivessana, dantebhi dantamādhāya jivhāya tāluṃ āhacca cetasā cittaṃ abhiniggaṇhato abhinippīḷayato abhisantāpayato kacchehi sedā muccanti. Seyyathāpi, aggivessana, balavā puriso dubbalataraṃ purisaṃ sīse vā gahetvā khandhe vā gahetvā abhiniggaṇheyya abhinippīḷeyya abhisantāpeyya, evameva kho me, aggivessana, dantebhi dantamādhāya, jivhāya tāluṃ āhacca, cetasā cittaṃ abhiniggaṇhato abhinippīḷayato abhisantāpayato kacchehi sedā muccanti. Āraddhaṃ kho pana me, aggivessana, vīriyaṃ hoti asallīnaṃ, upaṭṭhitā sati asammuṭṭhā, sāraddho ca pana me kāyo hoti appaṭippassaddho teneva dukkhappadhānena padhānābhitunnassa sato. Evarūpāpi kho me, aggivessana, uppannā dukkhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati.
๓๗๘. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธิํฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุเทฺธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ นิกฺขมนฺตานํ อธิมโตฺต สโทฺท โหติฯ เสยฺยถาปิ นาม กมฺมารคคฺคริยา ธมมานาย อธิมโตฺต สโทฺท โหติ, เอวเมว โข เม, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุเทฺธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ นิกฺขมนฺตานํ อธิมโตฺต สโทฺท โหติฯ อารทฺธํ โข ปน เม, อคฺคิเวสฺสน, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฎฺฐิตา สติ อสมฺมุฎฺฐาฯ สารโทฺธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฎิปฺปสฺสโทฺธ เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโตฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ
378. ‘‘Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ appāṇakaṃyeva jhānaṃ jhāyeyya’nti. So kho ahaṃ, aggivessana, mukhato ca nāsato ca assāsapassāse uparundhiṃ. Tassa mayhaṃ, aggivessana, mukhato ca nāsato ca assāsapassāsesu uparuddhesu kaṇṇasotehi vātānaṃ nikkhamantānaṃ adhimatto saddo hoti. Seyyathāpi nāma kammāragaggariyā dhamamānāya adhimatto saddo hoti, evameva kho me, aggivessana, mukhato ca nāsato ca assāsapassāsesu uparuddhesu kaṇṇasotehi vātānaṃ nikkhamantānaṃ adhimatto saddo hoti. Āraddhaṃ kho pana me, aggivessana, vīriyaṃ hoti asallīnaṃ upaṭṭhitā sati asammuṭṭhā. Sāraddho ca pana me kāyo hoti appaṭippassaddho teneva dukkhappadhānena padhānābhitunnassa sato. Evarūpāpi kho me, aggivessana, uppannā dukkhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธิํฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุเทฺธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ 19ฯ เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, พลวา ปุริโส ติเณฺหน สิขเรน มุทฺธนิ อภิมเตฺถยฺย 20, เอวเมว โข เม, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุเทฺธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติฯ อารทฺธํ โข ปน เม, อคฺคิเวสฺสน, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฎฺฐิตา สติ อสมฺมุฎฺฐาฯ สารโทฺธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฎิปฺปสฺสโทฺธ เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโตฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ appāṇakaṃyeva jhānaṃ jhāyeyya’nti. So kho ahaṃ, aggivessana, mukhato ca nāsato ca kaṇṇato ca assāsapassāse uparundhiṃ. Tassa mayhaṃ, aggivessana, mukhato ca nāsato ca kaṇṇato ca assāsapassāsesu uparuddhesu adhimattā vātā muddhani ūhananti 21. Seyyathāpi, aggivessana, balavā puriso tiṇhena sikharena muddhani abhimattheyya 22, evameva kho me, aggivessana, mukhato ca nāsato ca kaṇṇato ca assāsapassāsesu uparuddhesu adhimattā vātā muddhani ūhananti. Āraddhaṃ kho pana me, aggivessana, vīriyaṃ hoti asallīnaṃ upaṭṭhitā sati asammuṭṭhā. Sāraddho ca pana me kāyo hoti appaṭippassaddho teneva dukkhappadhānena padhānābhitunnassa sato. Evarūpāpi kho me, aggivessana, uppannā dukkhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธิํฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุเทฺธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติฯ เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, พลวา ปุริโส ทเฬฺหน วรตฺตกฺขเณฺฑน 23 สีเส สีสเวฐํ ทเทยฺย, เอวเมว โข เม, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุเทฺธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติฯ อารทฺธํ โข ปน เม, อคฺคิเวสฺสน, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฎฺฐิตา สติ อสมฺมุฎฺฐาฯ สารโทฺธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฎิปฺปสฺสโทฺธ เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโตฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ appāṇakaṃyeva jhānaṃ jhāyeyya’nti. So kho ahaṃ, aggivessana, mukhato ca nāsato ca kaṇṇato ca assāsapassāse uparundhiṃ. Tassa mayhaṃ, aggivessana, mukhato ca nāsato ca kaṇṇato ca assāsapassāsesu uparuddhesu adhimattā sīse sīsavedanā honti. Seyyathāpi, aggivessana, balavā puriso daḷhena varattakkhaṇḍena 24 sīse sīsaveṭhaṃ dadeyya, evameva kho me, aggivessana, mukhato ca nāsato ca kaṇṇato ca assāsapassāsesu uparuddhesu adhimattā sīse sīsavedanā honti. Āraddhaṃ kho pana me, aggivessana, vīriyaṃ hoti asallīnaṃ upaṭṭhitā sati asammuṭṭhā. Sāraddho ca pana me kāyo hoti appaṭippassaddho teneva dukkhappadhānena padhānābhitunnassa sato. Evarūpāpi kho me, aggivessana, uppannā dukkhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธิํฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุเทฺธสุ อธิมตฺตา วาตา กุจฺฉิํ ปริกนฺตนฺติฯ เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, ทโกฺข โคฆาตโก วา โคฆาตกเนฺตวาสี วา ติเณฺหน โควิกนฺตเนน กุจฺฉิํ ปริกเนฺตยฺย, เอวเมว โข เม, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุเทฺธสุ อธิมตฺตา วาตา กุจฺฉิํ ปริกนฺตนฺติฯ อารทฺธํ โข ปน เม, อคฺคิเวสฺสน, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฎฺฐิตา สติ อสมฺมุฎฺฐาฯ สารโทฺธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฎิปฺปสฺสโทฺธ เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโตฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ appāṇakaṃyeva jhānaṃ jhāyeyya’nti. So kho ahaṃ, aggivessana, mukhato ca nāsato ca kaṇṇato ca assāsapassāse uparundhiṃ. Tassa mayhaṃ, aggivessana, mukhato ca nāsato ca kaṇṇato ca assāsapassāsesu uparuddhesu adhimattā vātā kucchiṃ parikantanti. Seyyathāpi, aggivessana, dakkho goghātako vā goghātakantevāsī vā tiṇhena govikantanena kucchiṃ parikanteyya, evameva kho me, aggivessana, mukhato ca nāsato ca kaṇṇato ca assāsapassāsesu uparuddhesu adhimattā vātā kucchiṃ parikantanti. Āraddhaṃ kho pana me, aggivessana, vīriyaṃ hoti asallīnaṃ upaṭṭhitā sati asammuṭṭhā. Sāraddho ca pana me kāyo hoti appaṭippassaddho teneva dukkhappadhānena padhānābhitunnassa sato. Evarūpāpi kho me, aggivessana, uppannā dukkhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธิํฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุเทฺธสุ อธิมโตฺต กายสฺมิํ ฑาโห โหติฯ เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, เทฺว พลวโนฺต ปุริสา ทุพฺพลตรํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุยา สนฺตาเปยฺยุํ สมฺปริตาเปยฺยุํ, เอวเมว โข เม, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุเทฺธสุ อธิมโตฺต กายสฺมิํ ฑาโห โหติฯ อารทฺธํ โข ปน เม, อคฺคิเวสฺสน, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฎฺฐิตา สติ อสมฺมุฎฺฐาฯ สารโทฺธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฎิปฺปสฺสโทฺธ เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโตฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ อปิสฺสุ มํ, อคฺคิเวสฺสน, เทวตา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กาลงฺกโต สมโณ โคตโม’ติฯ เอกจฺจา เทวตา เอวมาหํสุ – ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, อปิ จ กาลงฺกโรตี’ติฯ เอกจฺจา เทวตา เอวมาหํสุ – ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, นปิ กาลงฺกโรติ, อรหํ สมโณ โคตโม, วิหาโรเตฺวว โส 25 อรหโต เอวรูโป โหตี’ติ 26ฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ appāṇakaṃyeva jhānaṃ jhāyeyya’nti. So kho ahaṃ, aggivessana, mukhato ca nāsato ca kaṇṇato ca assāsapassāse uparundhiṃ. Tassa mayhaṃ, aggivessana, mukhato ca nāsato ca kaṇṇato ca assāsapassāsesu uparuddhesu adhimatto kāyasmiṃ ḍāho hoti. Seyyathāpi, aggivessana, dve balavanto purisā dubbalataraṃ purisaṃ nānābāhāsu gahetvā aṅgārakāsuyā santāpeyyuṃ samparitāpeyyuṃ, evameva kho me, aggivessana, mukhato ca nāsato ca kaṇṇato ca assāsapassāsesu uparuddhesu adhimatto kāyasmiṃ ḍāho hoti. Āraddhaṃ kho pana me, aggivessana, vīriyaṃ hoti asallīnaṃ upaṭṭhitā sati asammuṭṭhā. Sāraddho ca pana me kāyo hoti appaṭippassaddho teneva dukkhappadhānena padhānābhitunnassa sato. Evarūpāpi kho me, aggivessana, uppannā dukkhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati. Apissu maṃ, aggivessana, devatā disvā evamāhaṃsu – ‘kālaṅkato samaṇo gotamo’ti. Ekaccā devatā evamāhaṃsu – ‘na kālaṅkato samaṇo gotamo, api ca kālaṅkarotī’ti. Ekaccā devatā evamāhaṃsu – ‘na kālaṅkato samaṇo gotamo, napi kālaṅkaroti, arahaṃ samaṇo gotamo, vihārotveva so 27 arahato evarūpo hotī’ti 28.
๓๗๙. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ สพฺพโส อาหารุปเจฺฉทาย ปฎิปเชฺชยฺย’นฺติฯ อถ โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘มา โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปเจฺฉทาย ปฎิปชฺชิฯ สเจ โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปเจฺฉทาย ปฎิปชฺชิสฺสสิ, ตสฺส เต มยํ ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อโชฺฌหาเรสฺสาม 29, ตาย ตฺวํ ยาเปสฺสสี’ติฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘อหเญฺจว โข ปน สพฺพโส อชชฺชิตํ 30 ปฎิชาเนยฺยํ, อิมา จ เม เทวตา ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อโชฺฌหาเรยฺยุํ 31, ตาย จาหํ ยาเปยฺยํ, ตํ มมสฺส มุสา’ติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตา เทวตา ปจฺจาจิกฺขามิ, ‘หล’นฺติ วทามิฯ
379. ‘‘Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ sabbaso āhārupacchedāya paṭipajjeyya’nti. Atha kho maṃ, aggivessana, devatā upasaṅkamitvā etadavocuṃ – ‘mā kho tvaṃ, mārisa, sabbaso āhārupacchedāya paṭipajji. Sace kho tvaṃ, mārisa, sabbaso āhārupacchedāya paṭipajjissasi, tassa te mayaṃ dibbaṃ ojaṃ lomakūpehi ajjhohāressāma 32, tāya tvaṃ yāpessasī’ti. Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘ahañceva kho pana sabbaso ajajjitaṃ 33 paṭijāneyyaṃ, imā ca me devatā dibbaṃ ojaṃ lomakūpehi ajjhohāreyyuṃ 34, tāya cāhaṃ yāpeyyaṃ, taṃ mamassa musā’ti. So kho ahaṃ, aggivessana, tā devatā paccācikkhāmi, ‘hala’nti vadāmi.
๓๘๐. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ, ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูส’นฺติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรสิํ, ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูสํฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, โถกํ โถกํ อาหารํ อาหารยโต, ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูสํ, อธิมตฺตกสิมานํ ปโตฺต กาโย โหติฯ เสยฺยถาปิ นาม อาสีติกปพฺพานิ วา กาฬปพฺพานิ วา, เอวเมวสฺสุ เม องฺคปจฺจงฺคานิ ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตายฯ เสยฺยถาปิ นาม โอฎฺฐปทํ, เอวเมวสฺสุ เม อานิสทํ โหติ ตาเยวปฺปาหารตายฯ เสยฺยถาปิ นาม วฎฺฎนาวฬี, เอวเมวสฺสุ เม ปิฎฺฐิกณฺฎโก อุณฺณตาวนโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตายฯ เสยฺยถาปิ นาม ชรสาลาย โคปาณสิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม ผาสุฬิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตายฯ เสยฺยถาปิ นาม คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม อกฺขิกูเปสุ อกฺขิตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ ตาเยวปฺปาหารตายฯ เสยฺยถาปิ นาม ติตฺตกาลาพุ อามกจฺฉิโนฺน วาตาตเปน สํผุฎิโต โหติ สมฺมิลาโต, เอวเมวสฺสุ เม สีสจฺฉวิ สํผุฎิตา โหติ สมฺมิลาตา ตาเยวปฺปาหารตายฯ
380. ‘‘Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ thokaṃ thokaṃ āhāraṃ āhāreyyaṃ, pasataṃ pasataṃ, yadi vā muggayūsaṃ, yadi vā kulatthayūsaṃ, yadi vā kaḷāyayūsaṃ, yadi vā hareṇukayūsa’nti. So kho ahaṃ, aggivessana, thokaṃ thokaṃ āhāraṃ āhāresiṃ, pasataṃ pasataṃ, yadi vā muggayūsaṃ, yadi vā kulatthayūsaṃ, yadi vā kaḷāyayūsaṃ, yadi vā hareṇukayūsaṃ. Tassa mayhaṃ, aggivessana, thokaṃ thokaṃ āhāraṃ āhārayato, pasataṃ pasataṃ, yadi vā muggayūsaṃ, yadi vā kulatthayūsaṃ, yadi vā kaḷāyayūsaṃ, yadi vā hareṇukayūsaṃ, adhimattakasimānaṃ patto kāyo hoti. Seyyathāpi nāma āsītikapabbāni vā kāḷapabbāni vā, evamevassu me aṅgapaccaṅgāni bhavanti tāyevappāhāratāya. Seyyathāpi nāma oṭṭhapadaṃ, evamevassu me ānisadaṃ hoti tāyevappāhāratāya. Seyyathāpi nāma vaṭṭanāvaḷī, evamevassu me piṭṭhikaṇṭako uṇṇatāvanato hoti tāyevappāhāratāya. Seyyathāpi nāma jarasālāya gopāṇasiyo oluggaviluggā bhavanti, evamevassu me phāsuḷiyo oluggaviluggā bhavanti tāyevappāhāratāya. Seyyathāpi nāma gambhīre udapāne udakatārakā gambhīragatā okkhāyikā dissanti, evamevassu me akkhikūpesu akkhitārakā gambhīragatā okkhāyikā dissanti tāyevappāhāratāya. Seyyathāpi nāma tittakālābu āmakacchinno vātātapena saṃphuṭito hoti sammilāto, evamevassu me sīsacchavi saṃphuṭitā hoti sammilātā tāyevappāhāratāya.
‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, อุทรจฺฉวิํ ปริมสิสฺสามีติ ปิฎฺฐิกณฺฎกํเยว ปริคฺคณฺหามิ, ปิฎฺฐิกณฺฎกํ ปริมสิสฺสามีติ อุทรจฺฉวิํเยว ปริคฺคณฺหามิ, ยาวสฺสุ เม, อคฺคิเวสฺสน, อุทรจฺฉวิ ปิฎฺฐิกณฺฎกํ อลฺลีนา โหติ ตาเยวปฺปาหารตายฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, วจฺจํ วา มุตฺตํ วา กริสฺสามีติ ตเตฺถว อวกุโชฺช ปปตามิ ตาเยวปฺปาหารตายฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, อิมเมว กายํ อสฺสาเสโนฺต ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชามิฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชโต ปูติมูลานิ โลมานิ กายสฺมา ปปตนฺติ ตาเยวปฺปาหารตายฯ อปิสฺสุ มํ, อคฺคิเวสฺสน, มนุสฺสา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กาโฬ สมโณ โคตโม’ติฯ เอกเจฺจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม, สาโม สมโณ โคตโม’ติฯ เอกเจฺจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม , นปิ สาโม, มงฺคุรจฺฉวิ สมโณ โคตโม’ติฯ ยาวสฺสุ เม, อคฺคิเวสฺสน, ตาว ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโต อุปหโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตายฯ
‘‘So kho ahaṃ, aggivessana, udaracchaviṃ parimasissāmīti piṭṭhikaṇṭakaṃyeva pariggaṇhāmi, piṭṭhikaṇṭakaṃ parimasissāmīti udaracchaviṃyeva pariggaṇhāmi, yāvassu me, aggivessana, udaracchavi piṭṭhikaṇṭakaṃ allīnā hoti tāyevappāhāratāya. So kho ahaṃ, aggivessana, vaccaṃ vā muttaṃ vā karissāmīti tattheva avakujjo papatāmi tāyevappāhāratāya. So kho ahaṃ, aggivessana, imameva kāyaṃ assāsento pāṇinā gattāni anumajjāmi. Tassa mayhaṃ, aggivessana, pāṇinā gattāni anumajjato pūtimūlāni lomāni kāyasmā papatanti tāyevappāhāratāya. Apissu maṃ, aggivessana, manussā disvā evamāhaṃsu – ‘kāḷo samaṇo gotamo’ti. Ekacce manussā evamāhaṃsu – ‘na kāḷo samaṇo gotamo, sāmo samaṇo gotamo’ti. Ekacce manussā evamāhaṃsu – ‘na kāḷo samaṇo gotamo , napi sāmo, maṅguracchavi samaṇo gotamo’ti. Yāvassu me, aggivessana, tāva parisuddho chavivaṇṇo pariyodāto upahato hoti tāyevappāhāratāya.
๓๘๑. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ อตีตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวทยิํสุ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิโยฺยฯ เยปิ หิ เกจิ อนาคตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวทยิสฺสนฺติ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิโยฺยฯ เยปิ หิ เกจิ เอตรหิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวทยนฺติ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิโยฺยฯ น โข ปนาหํ อิมาย กฎุกาย ทุกฺกรการิกาย อธิคจฺฉามิ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสสํฯ สิยา นุ โข อโญฺญ มโคฺค โพธายา’ติ? ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘อภิชานามิ โข ปนาหํ ปิตุ สกฺกสฺส กมฺมเนฺต สีตาย ชมฺพุจฺฉายาย นิสิโนฺน วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตาฯ สิยา นุ โข เอโส มโคฺค โพธายา’ติ? ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, สตานุสาริ วิญฺญาณํ อโหสิ – ‘เอเสว มโคฺค โพธายา’ติฯ ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘กิํ นุ โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ, ยํ ตํ สุขํ อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘น โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ, ยํ ตํ สุขํ อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธเมฺมหี’ติฯ
381. ‘‘Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘ye kho keci atītamaddhānaṃ samaṇā vā brāhmaṇā vā opakkamikā dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedayiṃsu, etāvaparamaṃ, nayito bhiyyo. Yepi hi keci anāgatamaddhānaṃ samaṇā vā brāhmaṇā vā opakkamikā dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedayissanti, etāvaparamaṃ, nayito bhiyyo. Yepi hi keci etarahi samaṇā vā brāhmaṇā vā opakkamikā dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedayanti, etāvaparamaṃ, nayito bhiyyo. Na kho panāhaṃ imāya kaṭukāya dukkarakārikāya adhigacchāmi uttari manussadhammā alamariyañāṇadassanavisesaṃ. Siyā nu kho añño maggo bodhāyā’ti? Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘abhijānāmi kho panāhaṃ pitu sakkassa kammante sītāya jambucchāyāya nisinno vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharitā. Siyā nu kho eso maggo bodhāyā’ti? Tassa mayhaṃ, aggivessana, satānusāri viññāṇaṃ ahosi – ‘eseva maggo bodhāyā’ti. Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘kiṃ nu kho ahaṃ tassa sukhassa bhāyāmi, yaṃ taṃ sukhaṃ aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehī’ti? Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘na kho ahaṃ tassa sukhassa bhāyāmi, yaṃ taṃ sukhaṃ aññatreva kāmehi aññatra akusalehi dhammehī’ti.
๓๘๒. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘น โข ตํ สุกรํ สุขํ อธิคนฺตุํ เอวํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกาเยน, ยํนูนาหํ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ โอทนกุมฺมาส’นฺติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสิํ โอทนกุมฺมาสํฯ เตน โข ปน มํ, อคฺคิเวสฺสน, สมเยน ปญฺจ 35 ภิกฺขู ปจฺจุปฎฺฐิตา โหนฺติ – ‘ยํ โข สมโณ โคตโม ธมฺมํ อธิคมิสฺสติ, ตํ โน อาโรเจสฺสตี’ติฯ ยโต โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสิํ โอทนกุมฺมาสํ, อถ เม เต ปญฺจ ภิกฺขู นิพฺพิชฺช ปกฺกมิํสุ – ‘พาหุลฺลิโก 36 สมโณ โคตโม, ปธานวิพฺภโนฺต, อาวโตฺต พาหุลฺลายา’ติฯ
382. ‘‘Tassa mayhaṃ, aggivessana, etadahosi – ‘na kho taṃ sukaraṃ sukhaṃ adhigantuṃ evaṃ adhimattakasimānaṃ pattakāyena, yaṃnūnāhaṃ oḷārikaṃ āhāraṃ āhāreyyaṃ odanakummāsa’nti. So kho ahaṃ, aggivessana, oḷārikaṃ āhāraṃ āhāresiṃ odanakummāsaṃ. Tena kho pana maṃ, aggivessana, samayena pañca 37 bhikkhū paccupaṭṭhitā honti – ‘yaṃ kho samaṇo gotamo dhammaṃ adhigamissati, taṃ no ārocessatī’ti. Yato kho ahaṃ, aggivessana, oḷārikaṃ āhāraṃ āhāresiṃ odanakummāsaṃ, atha me te pañca bhikkhū nibbijja pakkamiṃsu – ‘bāhulliko 38 samaṇo gotamo, padhānavibbhanto, āvatto bāhullāyā’ti.
๓๘๓. ‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตฺวา, พลํ คเหตฺวา, วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหาสิํ, สโต จ สมฺปชาโนฯ สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทสิํ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา, อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ
383. ‘‘So kho ahaṃ, aggivessana, oḷārikaṃ āhāraṃ āhāretvā, balaṃ gahetvā, vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ. Evarūpāpi kho me, aggivessana, uppannā sukhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati. Vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ. Evarūpāpi kho me, aggivessana, uppannā sukhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati. Pītiyā ca virāgā upekkhako ca vihāsiṃ, sato ca sampajāno. Sukhañca kāyena paṭisaṃvedesiṃ yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – ‘upekkhako satimā sukhavihārī’ti tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ. Evarūpāpi kho me, aggivessana, uppannā sukhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati. Sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā, pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā, adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ. Evarūpāpi kho me, aggivessana, uppannā sukhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati.
๓๘๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํฯ โส อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรามิ , เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาติํ…เป.… อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรามิฯ อยํ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, รตฺติยา ปฐเม ยาเม ปฐมา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปโนฺน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ
384. ‘‘So evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte pubbenivāsānussatiñāṇāya cittaṃ abhininnāmesiṃ. So anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarāmi , seyyathidaṃ – ekampi jātiṃ…pe… iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarāmi. Ayaṃ kho me, aggivessana, rattiyā paṭhame yāme paṭhamā vijjā adhigatā; avijjā vihatā, vijjā uppannā; tamo vihato, āloko uppanno; yathā taṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato. Evarūpāpi kho me, aggivessana, uppannā sukhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati.
๓๘๕. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต สตฺตานํ จุตูปปาตญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํฯ โส ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานามิ…เป.… อยํ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปโนฺน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต ฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน , อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ
385. ‘‘So evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte sattānaṃ cutūpapātañāṇāya cittaṃ abhininnāmesiṃ. So dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passāmi cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate yathākammūpage satte pajānāmi…pe… ayaṃ kho me, aggivessana, rattiyā majjhime yāme dutiyā vijjā adhigatā; avijjā vihatā, vijjā uppannā; tamo vihato, āloko uppanno; yathā taṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato . Evarūpāpi kho me, aggivessana , uppannā sukhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati.
๓๘๖. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต อาสวานํ ขยญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํฯ โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํฯ ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํฯ ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถฯ วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณํ อโหสิฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญาสิํฯ อยํ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปโนฺน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตฯ เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติฯ
386. ‘‘So evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte āsavānaṃ khayañāṇāya cittaṃ abhininnāmesiṃ. So ‘idaṃ dukkha’nti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ dukkhasamudayo’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ dukkhanirodho’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ. ‘Ime āsavā’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ āsavasamudayo’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ āsavanirodho’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ āsavanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ. Tassa me evaṃ jānato evaṃ passato kāmāsavāpi cittaṃ vimuccittha, bhavāsavāpi cittaṃ vimuccittha, avijjāsavāpi cittaṃ vimuccittha. Vimuttasmiṃ vimuttamiti ñāṇaṃ ahosi. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti abbhaññāsiṃ. Ayaṃ kho me, aggivessana, rattiyā pacchime yāme tatiyā vijjā adhigatā; avijjā vihatā, vijjā uppannā; tamo vihato, āloko uppanno; yathā taṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato. Evarūpāpi kho me, aggivessana, uppannā sukhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati.
๓๘๗. ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, อคฺคิเวสฺสน, อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสตาฯ อปิสฺสุ มํ เอกเมโก เอวํ มญฺญติ – ‘มเมวารพฺภ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสตี’ติฯ ‘น โข ปเนตํ, อคฺคิเวสฺสน, เอวํ ทฎฺฐพฺพํ; ยาวเทว วิญฺญาปนตฺถาย ตถาคโต ปเรสํ ธมฺมํ เทเสติฯ โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตสฺสาเยว กถาย ปริโยสาเน, ตสฺมิํเยว ปุริมสฺมิํ สมาธินิมิเตฺต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺฐเปมิ สนฺนิสาเทมิ เอโกทิํ กโรมิ สมาทหามิ, เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’’ติฯ
387. ‘‘Abhijānāmi kho panāhaṃ, aggivessana, anekasatāya parisāya dhammaṃ desetā. Apissu maṃ ekameko evaṃ maññati – ‘mamevārabbha samaṇo gotamo dhammaṃ desetī’ti. ‘Na kho panetaṃ, aggivessana, evaṃ daṭṭhabbaṃ; yāvadeva viññāpanatthāya tathāgato paresaṃ dhammaṃ deseti. So kho ahaṃ, aggivessana, tassāyeva kathāya pariyosāne, tasmiṃyeva purimasmiṃ samādhinimitte ajjhattameva cittaṃ saṇṭhapemi sannisādemi ekodiṃ karomi samādahāmi, yena sudaṃ niccakappaṃ viharāmī’’’ti.
‘‘โอกปฺปนิยเมตํ โภโต โคตมสฺส ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ อภิชานาติ โข ปน ภวํ โคตโม ทิวา สุปิตา’’ติ? ‘‘อภิชานามหํ, อคฺคิเวสฺสน, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต จตุคฺคุณํ สงฺฆาฎิํ ปญฺญเปตฺวา ทกฺขิเณน ปเสฺสน สโต สมฺปชาโน นิทฺทํ โอกฺกมิตา’’ติฯ ‘‘เอตํ โข, โภ โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา สโมฺมหวิหารสฺมิํ วทนฺตี’’ติ ? ‘‘น โข, อคฺคิเวสฺสน, เอตฺตาวตา สมฺมูโฬฺห วา โหติ อสมฺมูโฬฺห วาฯ อปิ จ, อคฺคิเวสฺสน, ยถา สมฺมูโฬฺห จ โหติ อสมฺมูโฬฺห จ, ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –
‘‘Okappaniyametaṃ bhoto gotamassa yathā taṃ arahato sammāsambuddhassa. Abhijānāti kho pana bhavaṃ gotamo divā supitā’’ti? ‘‘Abhijānāmahaṃ, aggivessana, gimhānaṃ pacchime māse pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto catugguṇaṃ saṅghāṭiṃ paññapetvā dakkhiṇena passena sato sampajāno niddaṃ okkamitā’’ti. ‘‘Etaṃ kho, bho gotama, eke samaṇabrāhmaṇā sammohavihārasmiṃ vadantī’’ti ? ‘‘Na kho, aggivessana, ettāvatā sammūḷho vā hoti asammūḷho vā. Api ca, aggivessana, yathā sammūḷho ca hoti asammūḷho ca, taṃ suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi, bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bho’’ti kho saccako nigaṇṭhaputto bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –
๓๘๘. ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อคฺคิเวสฺสน, เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายติํ ชาติชรามรณิยา อปฺปหีนา, ตมหํ ‘สมฺมูโฬฺห’ติ วทามิฯ อาสวานญฺหิ, อคฺคิเวสฺสน, อปฺปหานา สมฺมูโฬฺห โหติฯ ยสฺส กสฺสจิ, อคฺคิเวสฺสน, เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายติํ ชาติชรามรณิยา ปหีนา, ตมหํ ‘อสมฺมูโฬฺห’ติ วทามิฯ อาสวานญฺหิ, อคฺคิเวสฺสน, ปหานา อสมฺมูโฬฺห โหติฯ
388. ‘‘Yassa kassaci, aggivessana, ye āsavā saṃkilesikā ponobbhavikā sadarā dukkhavipākā āyatiṃ jātijarāmaraṇiyā appahīnā, tamahaṃ ‘sammūḷho’ti vadāmi. Āsavānañhi, aggivessana, appahānā sammūḷho hoti. Yassa kassaci, aggivessana, ye āsavā saṃkilesikā ponobbhavikā sadarā dukkhavipākā āyatiṃ jātijarāmaraṇiyā pahīnā, tamahaṃ ‘asammūḷho’ti vadāmi. Āsavānañhi, aggivessana, pahānā asammūḷho hoti.
‘‘ตถาคตสฺส โข, อคฺคิเวสฺสน, เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายติํ ชาติชรามรณิยา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมา ฯ เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, ตาโล มตฺถกจฺฉิโนฺน อภโพฺพ ปุน วิรูฬฺหิยา, เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, ตถาคตสฺส เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายติํ ชาติชรามรณิยา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายติํ อนุปฺปาทธมฺมา’’ติฯ
‘‘Tathāgatassa kho, aggivessana, ye āsavā saṃkilesikā ponobbhavikā sadarā dukkhavipākā āyatiṃ jātijarāmaraṇiyā pahīnā ucchinnamūlā tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā āyatiṃ anuppādadhammā . Seyyathāpi, aggivessana, tālo matthakacchinno abhabbo puna virūḷhiyā, evameva kho, aggivessana, tathāgatassa ye āsavā saṃkilesikā ponobbhavikā sadarā dukkhavipākā āyatiṃ jātijarāmaraṇiyā pahīnā ucchinnamūlā tālāvatthukatā anabhāvaṃkatā āyatiṃ anuppādadhammā’’ti.
๓๘๙. เอวํ วุเตฺต, สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! ยาวญฺจิทํ โภโต โคตมสฺส เอวํ อาสชฺช อาสชฺช วุจฺจมานสฺส, อุปนีเตหิ วจนปฺปเถหิ สมุทาจริยมานสฺส, ฉวิวโณฺณ เจว ปริโยทายติ, มุขวโณฺณ จ วิปฺปสีทติ, ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ อภิชานามหํ, โภ โคตม, ปูรณํ กสฺสปํ วาเทน วาทํ สมารภิตาฯ โสปิ มยา วาเทน วาทํ สมารโทฺธ อเญฺญนญฺญํ ปฎิจริ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมสิ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตฺวากาสิฯ โภโต ปน 39 โคตมสฺส เอวํ อาสชฺช อาสชฺช วุจฺจมานสฺส, อุปนีเตหิ วจนปฺปเถหิ สมุทาจริยมานสฺส, ฉวิวโณฺณ เจว ปริโยทายติ, มุขวโณฺณ จ วิปฺปสีทติ, ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ อภิชานามหํ, โภ โคตม, มกฺขลิํ โคสาลํ…เป.… อชิตํ เกสกมฺพลํ… ปกุธํ กจฺจายนํ… สญฺชยํ เพลฎฺฐปุตฺตํ… นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ วาเทน วาทํ สมารภิตา ฯ โสปิ มยา วาเทน วาทํ สมารโทฺธ อเญฺญนญฺญํ ปฎิจริ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมสิ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตฺวากาสิฯ โภโต ปน โคตมสฺส เอวํ อาสชฺช อาสชฺช วุจฺจมานสฺส, อุปนีเตหิ วจนปฺปเถหิ สมุทาจริยมานสฺส, ฉวิวโณฺณ เจว ปริโยทายติ, มุขวโณฺณ จ วิปฺปสีทติ, ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ หนฺท จ ทานิ มยํ, โภ โคตม, คจฺฉามฯ พหุกิจฺจา มยํ, พหุกรณียา’’ติฯ ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ
389. Evaṃ vutte, saccako nigaṇṭhaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bho gotama, abbhutaṃ, bho gotama! Yāvañcidaṃ bhoto gotamassa evaṃ āsajja āsajja vuccamānassa, upanītehi vacanappathehi samudācariyamānassa, chavivaṇṇo ceva pariyodāyati, mukhavaṇṇo ca vippasīdati, yathā taṃ arahato sammāsambuddhassa. Abhijānāmahaṃ, bho gotama, pūraṇaṃ kassapaṃ vādena vādaṃ samārabhitā. Sopi mayā vādena vādaṃ samāraddho aññenaññaṃ paṭicari, bahiddhā kathaṃ apanāmesi, kopañca dosañca appaccayañca pātvākāsi. Bhoto pana 40 gotamassa evaṃ āsajja āsajja vuccamānassa, upanītehi vacanappathehi samudācariyamānassa, chavivaṇṇo ceva pariyodāyati, mukhavaṇṇo ca vippasīdati, yathā taṃ arahato sammāsambuddhassa. Abhijānāmahaṃ, bho gotama, makkhaliṃ gosālaṃ…pe… ajitaṃ kesakambalaṃ… pakudhaṃ kaccāyanaṃ… sañjayaṃ belaṭṭhaputtaṃ… nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ vādena vādaṃ samārabhitā . Sopi mayā vādena vādaṃ samāraddho aññenaññaṃ paṭicari, bahiddhā kathaṃ apanāmesi, kopañca dosañca appaccayañca pātvākāsi. Bhoto pana gotamassa evaṃ āsajja āsajja vuccamānassa, upanītehi vacanappathehi samudācariyamānassa, chavivaṇṇo ceva pariyodāyati, mukhavaṇṇo ca vippasīdati, yathā taṃ arahato sammāsambuddhassa. Handa ca dāni mayaṃ, bho gotama, gacchāma. Bahukiccā mayaṃ, bahukaraṇīyā’’ti. ‘‘Yassadāni tvaṃ, aggivessana, kālaṃ maññasī’’ti.
อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุโตฺต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามีติฯ
Atha kho saccako nigaṇṭhaputto bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā pakkāmīti.
มหาสจฺจกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ
Mahāsaccakasuttaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. มหาสจฺจกสุตวณฺณนา • 6. Mahāsaccakasutavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. มหาสจฺจกสุตฺตวณฺณนา • 6. Mahāsaccakasuttavaṇṇanā