Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๖. มหาสจฺจกสุตฺตวณฺณนา
6. Mahāsaccakasuttavaṇṇanā
๓๖๔. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรตีติ อิมินา ตทา ภควโต เวสาลิยํ นิวาสปริจฺฉิโนฺน ปุพฺพณฺหาทิเภโท สโพฺพ สมโย สาธารณโต คหิโต, ตถา เตน โข ปน สมเยนาติ จ อิมินาฯ ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ปน อิมินา ตพฺพิเสโส, โย ภิกฺขาจารตฺถาย ปจฺจเวกฺขณกาโลฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘ตีหิ ปเทหิ เอโกว สมโย วุโตฺต’’ติ วุตฺตํ วิเสสสฺส สามญฺญโนฺตคธตฺตาฯ มุขโธวนสฺส ปุพฺพกาลกิริยาภาวสามญฺญโต วุตฺตํ ‘‘มุขํ โธวิตฺวา’’ติฯ มุขํ โธวิตฺวา เอว หิ วาสธุโร เจ, เวลํ สลฺลเกฺขตฺวา ยถาจิณฺณํ ภาวนานุโยคํ, คนฺถธุโร เจ, คนฺถปริจเย กติปเย นิสชฺชวาเร อนุยุญฺชิตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย วิตกฺกมาฬํ อุปคจฺฉติฯ
364.Ekaṃsamayaṃ bhagavā vesāliyaṃ viharatīti iminā tadā bhagavato vesāliyaṃ nivāsaparicchinno pubbaṇhādibhedo sabbo samayo sādhāraṇato gahito, tathā tena kho pana samayenāti ca iminā. Pubbaṇhasamayanti pana iminā tabbiseso, yo bhikkhācāratthāya paccavekkhaṇakālo. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘tīhi padehi ekova samayo vutto’’ti vuttaṃ visesassa sāmaññantogadhattā. Mukhadhovanassa pubbakālakiriyābhāvasāmaññato vuttaṃ ‘‘mukhaṃ dhovitvā’’ti. Mukhaṃ dhovitvā eva hi vāsadhuro ce, velaṃ sallakkhetvā yathāciṇṇaṃ bhāvanānuyogaṃ, ganthadhuro ce, ganthaparicaye katipaye nisajjavāre anuyuñjitvā pattacīvaraṃ ādāya vitakkamāḷaṃ upagacchati.
การณํ ยุตฺตํ, อนุจฺฉวิกนฺติ อโตฺถฯ ปุเพฺพ ยถาจินฺติตํ ปญฺหํ อปุจฺฉิตฺวา อญฺญํ ปุจฺฉโนฺต มคฺคํ ฐเปตฺวา อุมฺมคฺคโต ปริวเตฺตโนฺต วิย โหตีติ อาห ‘‘ปเสฺสน ตาว ปริหรโนฺต’’ติฯ
Kāraṇaṃ yuttaṃ, anucchavikanti attho. Pubbe yathācintitaṃ pañhaṃ apucchitvā aññaṃ pucchanto maggaṃ ṭhapetvā ummaggato parivattento viya hotīti āha ‘‘passena tāva pariharanto’’ti.
๓๖๕. อูรุกฺขโมฺภปิ นาม ภวิสฺสตีติ เอตฺถ นาม-สโทฺท วิมฺหยโตฺถติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘วิมฺหยตฺถวเสนา’’ติอาทิฯ ‘‘อโนฺธ นาม ปพฺพตํ อภิรุหิสฺสตี’’ติอาทีสุ วิย วิมฺหยวาจีสทฺทโยเคน หิ ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ อนาคตวจนํฯ กายนฺวยนฺติ กายานุคตํฯ ‘‘อยมฺปิ โข กาโย เอวํธโมฺม เอวํภาวี เอวํอนตีโต’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๙; ม. นิ. ๑.๑๑๒; ม. นิ. ๓.๑๕๔) กายสฺส อสุภานิจฺจาทิตาย อนุปสฺสนา กายภาวนาติ อาห ‘‘กายภาวนาติ ปน วิปสฺสนา วุจฺจตี’’ติฯ อนาคตรูปนฺติ อภีเต อเตฺถ อนาคตสทฺทาโรปนํ อนาคตปฺปโยโค น สเมติฯ อโตฺถปีติ ‘‘อูรุกฺขโมฺภปิ นาม ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺตอโตฺถปิ น สเมติฯ อยนฺติ อตฺตกิลมถานุโยโคฯ เตสนฺติ นิคณฺฐานํฯ
365.Ūrukkhambhopi nāma bhavissatīti ettha nāma-saddo vimhayatthoti katvā vuttaṃ ‘‘vimhayatthavasenā’’tiādi. ‘‘Andho nāma pabbataṃ abhiruhissatī’’tiādīsu viya vimhayavācīsaddayogena hi ‘‘bhavissatī’’ti anāgatavacanaṃ. Kāyanvayanti kāyānugataṃ. ‘‘Ayampi kho kāyo evaṃdhammo evaṃbhāvī evaṃanatīto’’tiādinā (dī. ni. 2.379; ma. ni. 1.112; ma. ni. 3.154) kāyassa asubhāniccāditāya anupassanā kāyabhāvanāti āha ‘‘kāyabhāvanāti pana vipassanā vuccatī’’ti. Anāgatarūpanti abhīte atthe anāgatasaddāropanaṃ anāgatappayogo na sameti. Atthopīti ‘‘ūrukkhambhopi nāma bhavissatī’’ti vuttaatthopi na sameti. Ayanti attakilamathānuyogo. Tesanti nigaṇṭhānaṃ.
๓๖๖. อตฺตโน อธิเปฺปตกายภาวนํ วิตฺถาเรโนฺต วิตฺถารโต ทเสฺสโนฺต เย ตํ อนุยุตฺตา, เต นามโคตฺตโต วิภาเวโนฺต ‘‘นโนฺท วโจฺฉ’’ติอาทิมาหฯ กิลิฎฺฐตปานนฺติ กายสฺส กิเลสนตปานํ ปุคฺคลานํฯ ชาตเมทนฺติ เมทภาวาปตฺติวเสน อุปฺปนฺนเมทํฯ ปุริมํ ปหายาติ กาลปริเจฺฉเทน อนาหารอปฺปาหารตาทิวเสน กายสฺส อปจินนํ เขทนํ ปริจฺจชิตฺวาฯ กายภาวนา ปน น ปญฺญายตีติ นิยมํ ปรมตฺถโต กายภาวนาปิ ตว ญาเณน น ญายติ, เสสโตปิ น ทิสฺสติฯ
366. Attano adhippetakāyabhāvanaṃ vitthārento vitthārato dassento ye taṃ anuyuttā, te nāmagottato vibhāvento ‘‘nando vaccho’’tiādimāha. Kiliṭṭhatapānanti kāyassa kilesanatapānaṃ puggalānaṃ. Jātamedanti medabhāvāpattivasena uppannamedaṃ. Purimaṃ pahāyāti kālaparicchedena anāhāraappāhāratādivasena kāyassa apacinanaṃ khedanaṃ pariccajitvā. Kāyabhāvanāpana na paññāyatīti niyamaṃ paramatthato kāyabhāvanāpi tava ñāṇena na ñāyati, sesatopi na dissati.
๓๖๗. อิมสฺมิํ ปน ฐาเนติ ‘‘กายภาวนมฺปิ โข ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, น อญฺญาสิ, กุโต ปน ตฺวํ จิตฺตภาวนํ ชานิสฺสสี’’ติ อิมสฺมิํ ฐาเนฯ ตถา ‘‘โย ตฺวํ เอวํ โอฬาริกํ ทุพฺพลํ กายภาวนํ น ชานาสิ, โส ตฺวํ กุโต สนฺตสุขุมํ จิตฺตภาวนํ ชานิสฺสสี’’ติ เอตสฺมิํ อตฺถวณฺณนาฐาเนฯ อพุทฺธวจนํ นาเมตํ ปทนฺติ กายภาวนาสญฺญิตวิปสฺสนาโต จิตฺตภาวนา สนฺตา, วิปสฺสนา ปน ปาทกชฺฌานโต โอฬาริกา เจว ทุพฺพลา จาติ อยญฺจ เอตสฺส ปทสฺส อโตฺถฯ ‘‘อพุทฺธวจนํ นาเมตํ วจนํ สิยา’’ติ วตฺวา เถโร ปกฺกมิตุํ อารภติฯ อถ นํ มหาสีวเตฺถโร ‘‘วิปสฺสนา นาเมสา น อาทิโต สุพฺรูหิตา พลวตี ติกฺขา วิสทา โหติ, ตสฺมา ตรุณวเสนายมโตฺถ เวทิตโพฺพ’’ติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทิสฺสติ, ภิกฺขเว’’ติ สุตฺตปทํ (สํ. นิ. ๒.๖๒) อาหริฯ ตตฺถ อาทานนฺติ ปฎิสนฺธิฯ นิเกฺขปนนฺติ จุติฯ โอฬาริกนฺติ อรูปธเมฺมหิ ทุฎฺฐุลฺลภาวตฺตา โอฬาริกํฯ กายนฺติ จตุสนฺตติรูปสมูหภูตํ กายํฯ โอฬาริกนฺติ ภาวนปุํสกนิเทฺทโส, โอฬาริกากาเรนาติ อโตฺถฯ เตเนว วุตฺตํ ‘‘อาทานมฺปิ นิเกฺขปนมฺปี’’ติฯ
367.Imasmiṃ pana ṭhāneti ‘‘kāyabhāvanampi kho tvaṃ, aggivessana, na aññāsi, kuto pana tvaṃ cittabhāvanaṃ jānissasī’’ti imasmiṃ ṭhāne. Tathā ‘‘yo tvaṃ evaṃ oḷārikaṃ dubbalaṃ kāyabhāvanaṃ na jānāsi, so tvaṃ kuto santasukhumaṃ cittabhāvanaṃ jānissasī’’ti etasmiṃ atthavaṇṇanāṭhāne. Abuddhavacanaṃ nāmetaṃ padanti kāyabhāvanāsaññitavipassanāto cittabhāvanā santā, vipassanā pana pādakajjhānato oḷārikā ceva dubbalā cāti ayañca etassa padassa attho. ‘‘Abuddhavacanaṃ nāmetaṃ vacanaṃ siyā’’ti vatvā thero pakkamituṃ ārabhati. Atha naṃ mahāsīvatthero ‘‘vipassanā nāmesā na ādito subrūhitā balavatī tikkhā visadā hoti, tasmā taruṇavasenāyamattho veditabbo’’ti dassento ‘‘dissati, bhikkhave’’ti suttapadaṃ (saṃ. ni. 2.62) āhari. Tattha ādānanti paṭisandhi. Nikkhepananti cuti. Oḷārikanti arūpadhammehi duṭṭhullabhāvattā oḷārikaṃ. Kāyanti catusantatirūpasamūhabhūtaṃ kāyaṃ. Oḷārikanti bhāvanapuṃsakaniddeso, oḷārikākārenāti attho. Teneva vuttaṃ ‘‘ādānampi nikkhepanampī’’ti.
๓๖๘. สุขสาราเคน สมนฺนาคโตติ สุขเวทนาย พลวตรราเคน สมงฺคีภูโตฯ ปฎฺฐาเน ปฎิสิทฺธา อวจเนเนวฯ ตสฺมาติ สุเข ฐิเต เอว ทุกฺขสฺสานุปฺปชฺชนโตฯ เอวํ วุตฺตนฺติ ‘‘สุขาย เวทนาย นิโรธา อุปฺปชฺชติ ทุกฺขา เวทนา’’ติ เอวํ วุตฺตํ, น อนนฺตราว อุปฺปชฺชนโตฯ เขเปตฺวาติ กุสลานิ เขเปตฺวาฯ คณฺหิตฺวา อตฺตโน เอว โอกาสํ คเหตฺวาฯ อุภโตปกฺขํ หุตฺวาติ ‘‘กทาจิ สุขเวทนา, กทาจิ ทุกฺขเวทนา’’ติ ปกฺขทฺวยวเสนปิ เวทนา จิตฺตสฺส ปริยาทาย โหติ ยถากฺกมํ อภาวิตกายสฺส อภาวิตจิตฺตสฺสฯ
368.Sukhasārāgena samannāgatoti sukhavedanāya balavatararāgena samaṅgībhūto. Paṭṭhāne paṭisiddhā avacaneneva. Tasmāti sukhe ṭhite eva dukkhassānuppajjanato. Evaṃ vuttanti ‘‘sukhāya vedanāya nirodhā uppajjati dukkhā vedanā’’ti evaṃ vuttaṃ, na anantarāva uppajjanato. Khepetvāti kusalāni khepetvā. Gaṇhitvā attano eva okāsaṃ gahetvā. Ubhatopakkhaṃ hutvāti ‘‘kadāci sukhavedanā, kadāci dukkhavedanā’’ti pakkhadvayavasenapi vedanā cittassa pariyādāya hoti yathākkamaṃ abhāvitakāyassa abhāvitacittassa.
๓๖๙. วิปสฺสนา จ สุขสฺส ปจฺจนีกาติ สุกฺขวิปสฺสกสฺสอาทิกมฺมิกสฺส มหาภูตปริคฺคหาทิกาเล พหิ จิตฺตจารํ นิเสเธตฺวา กมฺมฎฺฐาเน เอว สติํ สํหรนฺตสฺส อลทฺธสฺสาทํ กายสุขํ น วินฺทติ, สมฺพาเธ วเช สนฺนิรุโทฺธ โคคโณ วิย วิหญฺญติ วิปฺผนฺทติ, อจฺจาสนฺนเหตุกญฺจ สรีเร ทุกฺขํ อุปฺปชฺชเตวฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขสฺส อาสนฺนา’’ติฯ เตนาห ‘‘วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา’’ติอาทิฯ อทฺธาเน คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺตติ มหาภูตปริคฺคหาทิวเสน กาเล คจฺฉเนฺตฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สรีรปเทเสฯ ทุกฺขํ ทูราปคตํ โหติ สมาปตฺติพเลน วิกฺขมฺภิตตฺตา อปฺปนาภาวโตฯ อนปฺปกํ วิปุลํฯ สุขนฺติ ฌานสุขํ ฯ โอกฺกมตีติ ฌานสมุฎฺฐานปณีตรูปวเสน รูปกายํ อนุปวิสติ, นามกาโยกฺกมเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ กายปสฺสทฺธิกมฺมิกสฺสปิ สมฺมสนภาวนา ปฎฺฐเปตฺวา นิสินฺนสฺส กสฺสจิ อาทิโตว กายกิลมถจิตฺตุปฆาตาปิ สมฺภวนฺติ, สมาธิสฺส ปน อปจฺจนีกตฺตา สินิทฺธภาวโต จ น สุกฺขวิปสฺสนา วิย สุขสฺส วิปจฺจนีโก, อนุกฺกเมน จ ทุกฺขํ วิกฺขเมฺภตีติ อาห ‘‘ยถา สมาธี’’ติฯ ยถา สมาธิ, วิปสฺสนาย ปเนตํ นตฺถีติ อาห ‘‘น จ ตถา วิปสฺสนา’’ติฯ เตน วุตฺตนฺติ ยสฺมา วิปสฺสนา สุขสฺส ปจฺจนีกา, สา จ กายภาวนา, เตน วุตฺตํ ‘‘อุปฺปนฺนาปิ สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติ, ภาวิตตฺตา กายสฺสา’’ติฯ ตถา ยสฺมา สมาธิ ทุกฺขสฺส ปจฺจนีโก, โส จ จิตฺตภาวนา, เตน วุตฺตํ ‘‘อุปฺปนฺนาปิ ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติ, ภาวิตตฺตา จิตฺตสฺสา’’ติ โยชนาฯ
369.Vipassanā ca sukhassa paccanīkāti sukkhavipassakassaādikammikassa mahābhūtapariggahādikāle bahi cittacāraṃ nisedhetvā kammaṭṭhāne eva satiṃ saṃharantassa aladdhassādaṃ kāyasukhaṃ na vindati, sambādhe vaje sanniruddho gogaṇo viya vihaññati vipphandati, accāsannahetukañca sarīre dukkhaṃ uppajjateva. Tena vuttaṃ ‘‘dukkhassa āsannā’’ti. Tenāha ‘‘vipassanaṃ paṭṭhapetvā’’tiādi. Addhāne gacchante gacchanteti mahābhūtapariggahādivasena kāle gacchante. Tattha tatthāti tasmiṃ tasmiṃ sarīrapadese. Dukkhaṃ dūrāpagataṃ hoti samāpattibalena vikkhambhitattā appanābhāvato. Anappakaṃ vipulaṃ. Sukhanti jhānasukhaṃ . Okkamatīti jhānasamuṭṭhānapaṇītarūpavasena rūpakāyaṃ anupavisati, nāmakāyokkamane vattabbameva natthi. Kāyapassaddhikammikassapi sammasanabhāvanā paṭṭhapetvā nisinnassa kassaci āditova kāyakilamathacittupaghātāpi sambhavanti, samādhissa pana apaccanīkattā siniddhabhāvato ca na sukkhavipassanā viya sukhassa vipaccanīko, anukkamena ca dukkhaṃ vikkhambhetīti āha ‘‘yathā samādhī’’ti. Yathā samādhi, vipassanāya panetaṃ natthīti āha ‘‘na ca tathā vipassanā’’ti. Tena vuttanti yasmā vipassanā sukhassa paccanīkā, sā ca kāyabhāvanā, tena vuttaṃ ‘‘uppannāpi sukhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati, bhāvitattā kāyassā’’ti. Tathā yasmā samādhi dukkhassa paccanīko, so ca cittabhāvanā, tena vuttaṃ ‘‘uppannāpi dukkhā vedanā cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati, bhāvitattā cittassā’’ti yojanā.
๓๗๐. คุเณ ฆเฎฺฎตฺวาติ อปเทเสน วินา สมีปเมว เนตฺวาฯ ตํ วต มม จิตฺตํ อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา ปริยาทาย ฐสฺสตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตีติ โยชนาฯ
370.Guṇe ghaṭṭetvāti apadesena vinā samīpameva netvā. Taṃ vata mama cittaṃ uppannā sukhā vedanā pariyādāya ṭhassatīti netaṃ ṭhānaṃ vijjatīti yojanā.
๓๗๑. กิํ น ภวิสฺสติ, สุขาปิ ทุกฺขาปิ เวทนา ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชเตวาติ อโตฺถฯ ตมตฺถนฺติ สุขทุกฺขเวทนานํ อุปฺปตฺติยา อตฺตโน จิตฺตสฺส อนภิภวนียตาสงฺขาตํ อตฺถํฯ ตตฺถ ตาว ปาสราสิสุเตฺต โพธิปลฺลเงฺก นิสชฺชา ‘‘ตเตฺถว นิสีทิ’’นฺติ วุตฺตาฯ อิธ มหาสจฺจกสุเตฺต ทุกฺกรการิกาย ทุกฺกรจรเณ นิสชฺชา ‘‘ตเตฺถว นิสีทิ’’นฺติ วุตฺตาฯ
371.Kiṃ na bhavissati, sukhāpi dukkhāpi vedanā yathāpaccayaṃ uppajjatevāti attho. Tamatthanti sukhadukkhavedanānaṃ uppattiyā attano cittassa anabhibhavanīyatāsaṅkhātaṃ atthaṃ. Tattha tāva pāsarāsisutte bodhipallaṅke nisajjā ‘‘tattheva nisīdi’’nti vuttā. Idha mahāsaccakasutte dukkarakārikāya dukkaracaraṇe nisajjā ‘‘tattheva nisīdi’’nti vuttā.
๓๗๔. ฉนฺทกรณวเสนาติ ตณฺหายนวเสนาติ อโตฺถฯ สิเนหกรณวเสนาติ สิเนหนวเสนฯ มุจฺฉากรณวเสนาติ โมหนวเสน ปมาทาปาทเนนฯ วิปาสากรณวเสนาติ ปาตุกมฺยตาวเสนฯ อนุทหนวเสนาติ ราคคฺคินา อนุทหนวเสนฯ โลกุตฺตรมคฺคเววจนเมว วฎฺฎนิสฺสรณสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ
374.Chandakaraṇavasenāti taṇhāyanavasenāti attho. Sinehakaraṇavasenāti sinehanavasena. Mucchākaraṇavasenāti mohanavasena pamādāpādanena. Vipāsākaraṇavasenāti pātukamyatāvasena. Anudahanavasenāti rāgagginā anudahanavasena. Lokuttaramaggavevacanameva vaṭṭanissaraṇassa adhippetattā.
อลฺลคฺคหเณน กิเลสานํ อสมุจฺฉินฺนภาวํ ทเสฺสติ, สเสฺนหคฺคหเณน อวิกฺขมฺภิตภาวํ, อุทเก ปกฺขิตฺตภาวคฺคหเณน สมุทาจาราวตฺถํ, อุทุมฺพรกฎฺฐคฺคหเณน อตฺตภาวสฺส อสารกตฺตํฯ อิมินาว นเยนาติ ‘‘อลฺลํ อุทุมฺพรกฎฺฐ’’นฺติอาทินา วุตฺตนเยนฯ สปุตฺตภริยปพฺพชฺชายาติ ปุตฺตภริเยหิ สทฺธิํ กตปริพฺพาชกปพฺพชฺชาวเสน เวทิตพฺพาฯ กุฎีจกพหูทกหํส-ปรมหํสาทิเภทา พฺราหฺมณปพฺพชฺชาฯ
Allaggahaṇena kilesānaṃ asamucchinnabhāvaṃ dasseti, sasnehaggahaṇena avikkhambhitabhāvaṃ, udake pakkhittabhāvaggahaṇena samudācārāvatthaṃ, udumbarakaṭṭhaggahaṇena attabhāvassa asārakattaṃ. Imināva nayenāti ‘‘allaṃ udumbarakaṭṭha’’ntiādinā vuttanayena. Saputtabhariyapabbajjāyāti puttabhariyehi saddhiṃ kataparibbājakapabbajjāvasena veditabbā. Kuṭīcakabahūdakahaṃsa-paramahaṃsādibhedā brāhmaṇapabbajjā.
๓๗๖. กุโตปิ อิมสฺส อาโปสิเนโห นตฺถีติ โกฬาปํฯ เตนาห ‘‘ฉินฺนสิเนหํ นิราป’’นฺติฯ โกฬนฺติ วา สุกฺขกลิงฺครํ วุจฺจติ, โกฬํ โกฬภาวํ อาปนฺนนฺติ โกฬาปํฯ ปฎิปนฺนสฺส อุปกฺกมมหตฺตนิสฺสิตตา ปกติยา กิเลเสหิ อนภิภูตตายฯ อตินฺตตา ปฎิปกฺขภาวนายฯ ตถา หิ สุกฺขโกฬาปภาโว, อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตภาโว จ นิทสฺสิโตฯ โอปกฺกมิกาหีติ กิเลสอตินิคฺคณฺหนุปกฺกมปฺปภวาหิฯ เวทนาหีติ ปฎิปตฺติเวทนาหิฯ ทุกฺขา ปฎิปทา หิ อิธาธิเปฺปตาฯ
376. Kutopi imassa āposineho natthīti koḷāpaṃ. Tenāha ‘‘chinnasinehaṃ nirāpa’’nti. Koḷanti vā sukkhakaliṅgaraṃ vuccati, koḷaṃ koḷabhāvaṃ āpannanti koḷāpaṃ. Paṭipannassa upakkamamahattanissitatā pakatiyā kilesehi anabhibhūtatāya. Atintatā paṭipakkhabhāvanāya. Tathā hi sukkhakoḷāpabhāvo, ārakā udakā thale nikkhittabhāvo ca nidassito. Opakkamikāhīti kilesaatiniggaṇhanupakkamappabhavāhi. Vedanāhīti paṭipattivedanāhi. Dukkhā paṭipadā hi idhādhippetā.
๓๗๗. กิํ ปน น สมโตฺถ, ยโต เอวํ ปเรหิ จินฺติตุมฺปิ อสกฺกุเณยฺยํ ทุกฺกรจริยํ ฉพฺพสฺสานิ อกาสีติ อธิปฺปาโยฯ กตฺวาปิ อกตฺวาปิ สมโตฺถว การณสฺส นิปฺผนฺนตฺตาฯ ‘‘ยถาปิ สเพฺพสมฺปิ โข โพธิสตฺตานํ จริมภเว อนฺตมโส สตฺตาหมตฺตมฺปิ ธมฺมตาวเสน ทุกฺกรจริยา โหติเยว, เอวํ ภควา สมโตฺถ ทุกฺกรจริยํ กาตุํ, เอวญฺจ นํ อกาสิ, น ปน ตาย พุโทฺธ ชาโต, อถ โข มชฺฌิมาย เอว ปฎิปตฺติยา’’ติ ตสฺสา พฺยติเรกมุเขน สเทวกสฺส โลกสฺส โพธาย อมคฺคภาวทีปนตฺถํ, อิมสฺส ปน ภควโต กมฺมวิปากวเสน ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรจริยา อโหสิฯ วุตฺตเญฺหตํ –
377.Kiṃ pana na samattho, yato evaṃ parehi cintitumpi asakkuṇeyyaṃ dukkaracariyaṃ chabbassāni akāsīti adhippāyo. Katvāpi akatvāpi samatthova kāraṇassa nipphannattā. ‘‘Yathāpi sabbesampi kho bodhisattānaṃ carimabhave antamaso sattāhamattampi dhammatāvasena dukkaracariyā hotiyeva, evaṃ bhagavā samattho dukkaracariyaṃ kātuṃ, evañca naṃ akāsi, na pana tāya buddho jāto, atha kho majjhimāya eva paṭipattiyā’’ti tassā byatirekamukhena sadevakassa lokassa bodhāya amaggabhāvadīpanatthaṃ, imassa pana bhagavato kammavipākavasena chabbassāni dukkaracariyā ahosi. Vuttañhetaṃ –
‘‘อวจาหํ โชติปาโล, กสฺสปํ สุคตํ ตทา;
‘‘Avacāhaṃ jotipālo, kassapaṃ sugataṃ tadā;
กุโต นุ โพธิ มุณฺฑสฺส, โพธิ ปรมทุลฺลภาฯ
Kuto nu bodhi muṇḍassa, bodhi paramadullabhā.
เตน กมฺมวิปาเกน, อจริํ ทุกฺกรํ พหุํ;
Tena kammavipākena, acariṃ dukkaraṃ bahuṃ;
ฉพฺพสฺสานุรุเวลายํ, ตโต โพธิมปาปุณิํฯ
Chabbassānuruvelāyaṃ, tato bodhimapāpuṇiṃ.
นาหํ เอเตน มเคฺคน, ปาปุณิํ โพธิมุตฺตมํ;
Nāhaṃ etena maggena, pāpuṇiṃ bodhimuttamaṃ;
กุมเคฺคน คเวสิสฺสํ, ปุพฺพกเมฺมน วาริโต’’ติฯ
Kumaggena gavesissaṃ, pubbakammena vārito’’ti.
ทุกฺกรจริยาย โพธาย อมคฺคภาวทสฺสนตฺถํ ทุกฺกรจริยํ อกาสีติ เกจิฯ อถ วา โลกนาถสฺส อตฺตโน ปรกฺกมสมฺปตฺติทสฺสนตฺถาย ทุกฺกรจริยาฯ ปณีตาธิมุตฺติยา หิ ปรมุกฺกํสคตภาวโต อภินีหารานุรูปํ สโมฺพธิยํ ติพฺพฉนฺทตาย สิขาปฺปตฺติยา ตทตฺถํ อีทิสมฺปิ นาม ทุกฺกรจริยํ อกาสีติ โลเก อตฺตโน วีริยานุภาวํ วิภาเวตุํ – ‘‘โส จ เม ปจฺฉา ปีติโสมนสฺสาวโห ภวิสฺสตี’’ติ โลกนาโถ ทุกฺกรจริยํ อกาสิฯ เตนาห ‘‘สเทวกสฺส โลกสฺสา’’ติอาทิฯ ตตฺถ วีริยนิมฺมถนคุโณติ วีริยสฺส สํวฑฺฒนสมฺปาทนคุโณฯ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ปาสาเท’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สงฺคาเม เทฺว ตโย สมฺปหาเรติ ทฺวิกฺขตฺตุํ ติกฺขตฺตุํ วา ปรเสนาย ปหารปโยเคฯ ปธานวีริยนฺติ สมฺมปฺปธาเนหิ อาเสวนวีริยํ, สพฺพํ วา ปุพฺพภาควีริยํฯ
Dukkaracariyāya bodhāya amaggabhāvadassanatthaṃ dukkaracariyaṃ akāsīti keci. Atha vā lokanāthassa attano parakkamasampattidassanatthāya dukkaracariyā. Paṇītādhimuttiyā hi paramukkaṃsagatabhāvato abhinīhārānurūpaṃ sambodhiyaṃ tibbachandatāya sikhāppattiyā tadatthaṃ īdisampi nāma dukkaracariyaṃ akāsīti loke attano vīriyānubhāvaṃ vibhāvetuṃ – ‘‘so ca me pacchā pītisomanassāvaho bhavissatī’’ti lokanātho dukkaracariyaṃ akāsi. Tenāha ‘‘sadevakassa lokassā’’tiādi. Tattha vīriyanimmathanaguṇoti vīriyassa saṃvaḍḍhanasampādanaguṇo. Yathāvuttamatthaṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘pāsāde’’tiādi vuttaṃ. Saṅgāme dve tayo sampahāreti dvikkhattuṃ tikkhattuṃ vā parasenāya pahārapayoge. Padhānavīriyanti sammappadhānehi āsevanavīriyaṃ, sabbaṃ vā pubbabhāgavīriyaṃ.
อภิทนฺตนฺติ อภิภวนทนฺตํ, อุปริทนฺตนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อุปริทนฺต’’นฺติฯ โส หิ อิตรํ มุสลํ วิย อุทุกฺขลํ วิเสสโต กสฺสจิ ขาทนกาเล อภิภุยฺย วตฺตติฯ กุสลจิเตฺตนาติ พลวสมฺมาสงฺกปฺปยุเตฺตน กุสลจิเตฺตนฯ อกุสลจิตฺตนฺติ กามวิตกฺกาทิสหิตํ อกุสลจิตฺตํฯ อกุสลจิตฺตสฺส ปวตฺติตุํ อปฺปทานํ นิคฺคโหฯ ตํตํปฎิเกฺขปวเสน วิโนทนํ อภินิปฺปีฬนํฯ วีริยตาเปน วิกฺขมฺภนํ อภิสนฺตาปนํฯ สทรโถติ สปริฬาโหฯ ปธาเนนาติ ปทหเนน, กายสฺส กิลมถุปฺปาทเกน วีริเยนาติ อโตฺถฯ วิทฺธสฺสาติ ตุทสฺสฯ สโตติ สมานสฺสฯ
Abhidantanti abhibhavanadantaṃ, uparidantanti attho. Tenāha ‘‘uparidanta’’nti. So hi itaraṃ musalaṃ viya udukkhalaṃ visesato kassaci khādanakāle abhibhuyya vattati. Kusalacittenāti balavasammāsaṅkappayuttena kusalacittena. Akusalacittanti kāmavitakkādisahitaṃ akusalacittaṃ. Akusalacittassa pavattituṃ appadānaṃ niggaho. Taṃtaṃpaṭikkhepavasena vinodanaṃ abhinippīḷanaṃ. Vīriyatāpena vikkhambhanaṃ abhisantāpanaṃ. Sadarathoti sapariḷāho. Padhānenāti padahanena, kāyassa kilamathuppādakena vīriyenāti attho. Viddhassāti tudassa. Satoti samānassa.
๓๗๘. สีสเวฐนนฺติ สีสํ รชฺชุยา พนฺธิตฺวา ทณฺฑเกน ปริวตฺตกเวฐนํฯ อรหโนฺต นาม เอวรูปา โหนฺตีติ อิมินา ยถายํ, เอวํ วิสญฺญีภูตาปิ หุตฺวา วิหรนฺตีติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘มตกสทิสา’’ติ, เวทนาปฺปตฺตา วิย โหนฺตีติ อโตฺถฯ สุปินปฺปฎิคฺคหณโต ปฎฺฐายาติ ปฎิสนฺธิคฺคหเณ เสตวารณสุปินํ ปสฺสิตฺวา พฺราหฺมเณหิ พฺยากตกาลโต ปฎฺฐายฯ
378.Sīsaveṭhananti sīsaṃ rajjuyā bandhitvā daṇḍakena parivattakaveṭhanaṃ. Arahanto nāma evarūpā hontīti iminā yathāyaṃ, evaṃ visaññībhūtāpi hutvā viharantīti dasseti. Tenāha ‘‘matakasadisā’’ti, vedanāppattā viya hontīti attho. Supinappaṭiggahaṇato paṭṭhāyāti paṭisandhiggahaṇe setavāraṇasupinaṃ passitvā brāhmaṇehi byākatakālato paṭṭhāya.
๓๗๙. ธมฺมสรีรสฺส อโรคภาเวน สาธูติ มริสนิโยติ มาริโส, ปิยายนวจนเมตํฯ เตนาห ‘‘สมฺปิยายมานา’’ติอาทิฯ อชชฺชิตนฺติ เอวํ อภุญฺชิตํ ภการสฺส ชการาเทสํ กตฺวาฯ เตนาห ‘‘อโภชน’’นฺติฯ เอวํ มา กริตฺถาติ ‘‘โลมกูเปหิ อโชฺฌหาเรสฺสาม อนุปฺปเวเสสฺสามา’’ติ ยถา ตุเมฺหหิ วุตฺตํ, เอวํ มา กริตฺถฯ กสฺมา? ยาเปสฺสามหนฺติ อหญฺจ ยาวทตฺถํ อาหารมตฺตํ ภุญฺชโนฺต ยถา ยาเปสฺสามิ, เอวํ อาหารํ ปฎิเสวิสฺสามิฯ
379. Dhammasarīrassa arogabhāvena sādhūti marisaniyoti māriso, piyāyanavacanametaṃ. Tenāha ‘‘sampiyāyamānā’’tiādi. Ajajjitanti evaṃ abhuñjitaṃ bhakārassa jakārādesaṃ katvā. Tenāha ‘‘abhojana’’nti. Evaṃ mā karitthāti ‘‘lomakūpehi ajjhohāressāma anuppavesessāmā’’ti yathā tumhehi vuttaṃ, evaṃ mā karittha. Kasmā? Yāpessāmahanti ahañca yāvadatthaṃ āhāramattaṃ bhuñjanto yathā yāpessāmi, evaṃ āhāraṃ paṭisevissāmi.
๓๘๐-๘๑. เอตาว ปรมนฺติ เอตฺตกํ ปรมํ, น อิโต ปรํ โอปกฺกมิกทุกฺขเวทนาเวทิยนํ อตฺถีติ อโตฺถฯ รโญฺญ คเหตพฺพนงฺคลโต อญฺญานิ สนฺธาย ‘‘เอเกน อูน’’นฺติ วุตฺตํฯ ตํ สุวณฺณปริกฺขตํ, อิตรานิ รชตปริกฺขตานิฯ เตนาห ‘‘อมจฺจา เอเกนูนอฎฺฐสตรชตนงฺคลานี’’ติฯ อาฬารุทกสมาคเม ลทฺธชฺฌานานิ วฎฺฎปาทกานิ, อานาปานสมาธิ ปน กายคตาสติปริยาปนฺนตฺตา สเพฺพสญฺจ โพธิสตฺตานํ วิปสฺสนาปาทกตฺตา ‘‘โพธาย มโคฺค’’ติ วุโตฺตฯ พุชฺฌนตฺถายาติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ, สพฺพเสฺสว วา เญยฺยธมฺมสฺส อภิสมฺพุชฺฌนาย ฯ สติยา อนุสฺสรณกวิญฺญาณํ สตานุสาริวิญฺญาณํฯ กสฺสา ปน สติยาติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘นยิท’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ
380-81.Etāva paramanti ettakaṃ paramaṃ, na ito paraṃ opakkamikadukkhavedanāvediyanaṃ atthīti attho. Rañño gahetabbanaṅgalato aññāni sandhāya ‘‘ekena ūna’’nti vuttaṃ. Taṃ suvaṇṇaparikkhataṃ, itarāni rajataparikkhatāni. Tenāha ‘‘amaccā ekenūnaaṭṭhasatarajatanaṅgalānī’’ti. Āḷārudakasamāgame laddhajjhānāni vaṭṭapādakāni, ānāpānasamādhi pana kāyagatāsatipariyāpannattā sabbesañca bodhisattānaṃ vipassanāpādakattā ‘‘bodhāya maggo’’ti vutto. Bujjhanatthāyāti catunnaṃ ariyasaccānaṃ, sabbasseva vā ñeyyadhammassa abhisambujjhanāya . Satiyā anussaraṇakaviññāṇaṃ satānusāriviññāṇaṃ. Kassā pana satiyāti taṃ dassetuṃ ‘‘nayida’’ntiādi vuttaṃ.
๓๘๒. ปจฺจุปฎฺฐิตาติ ตํตํวตฺตกรณวเสน ปติอุปฎฺฐิตา อุปฎฺฐายกาฯ เตนาห ‘‘ปณฺณสาลา’’ติอาทิฯ ปจฺจยพาหุลฺลิโกติ ปจฺจยานํ พาหุลฺลาย ปฎิปโนฺนฯ อาวโตฺตติ ปุเพฺพ ปจฺจยเคธปฺปหานาย ปฎิปโนฺน, อิทานิ ตโต ปฎินิวโตฺตฯ เตนาห ‘‘รสคิโทฺธ…เป.… อาวโตฺต’’ติฯ ธมฺมนิยาเมนาติ ธมฺมตายฯ ตเมว ธมฺมตํ ทเสฺสตุํ ‘‘โพธิสตฺตสฺสา’’ติอาทิมาหฯ พาราณสิเมว ตตฺถาปิ จ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตธมฺมจกฺกปวตฺตนฎฺฐานเมว อคมํสุฯ ปญฺจวคฺคิยา กิร วิสาขมาสสฺส อทฺธมาสิยํ คตาฯ เตนาห ‘‘เตสุ คเตสุ อฑฺฒมาสํ กายวิเวกํ ลภิตฺวา’’ติฯ
382.Paccupaṭṭhitāti taṃtaṃvattakaraṇavasena patiupaṭṭhitā upaṭṭhāyakā. Tenāha ‘‘paṇṇasālā’’tiādi. Paccayabāhullikoti paccayānaṃ bāhullāya paṭipanno. Āvattoti pubbe paccayagedhappahānāya paṭipanno, idāni tato paṭinivatto. Tenāha ‘‘rasagiddho…pe… āvatto’’ti. Dhammaniyāmenāti dhammatāya. Tameva dhammataṃ dassetuṃ ‘‘bodhisattassā’’tiādimāha. Bārāṇasimeva tatthāpi ca sabbabuddhānaṃ avijahitadhammacakkapavattanaṭṭhānameva agamaṃsu. Pañcavaggiyā kira visākhamāsassa addhamāsiyaṃ gatā. Tenāha ‘‘tesu gatesu aḍḍhamāsaṃ kāyavivekaṃ labhitvā’’ti.
๓๘๗. ‘‘อทฺธาโภโต โคตมสฺส สาวกาจิตฺตภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, โน กายภาวน’’นฺติ อิมํ สนฺธายาห ‘‘เอกํ ปญฺหํ ปุจฺฉิ’’นฺติฯ อิมํ ธมฺมเทสนนฺติ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาห’’นฺติอาทิกํ ธมฺมเทสนํฯ อสลฺลีโน ตณฺหาทิฎฺฐิกิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา เตหิ สพฺพโส น ลิโตฺตฯ อนุปลิโตฺตติ ตเสฺสว เววจนํ ตณฺหานนฺทิยา อภาเวนฯ โคจรชฺฌตฺตเมวาติ โคจรชฺฌตฺตสญฺญิเต ผลสมาปตฺติยา อารมฺมเณ, นิพฺพาเนติ อโตฺถฯ ยํ สนฺธาย ปาฬิยํ ‘‘ปุริมสฺมิํ สมาธินิมิเตฺต’’ติ วุตฺตํ สนฺนิสีทาเปมีติ ผลสมาปตฺติสมาธินา อจฺจนฺตสมาทานวเสน จิตฺตํ สมฺมเทว นิสีทาเปมิฯ ปุพฺพาโภเคนาติ สมาปชฺชนโต ปุเพฺพ ปวตฺตอาโภเคนฯ ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ สมาปชฺชนกฺขณํ ปริจฺฉินฺทิตฺวาฯ เตนาห ‘‘สาธุการ…เป.… อวิจฺฉิเนฺนเยวา’’ติฯ เอวมสฺส ปริจฺฉินฺนกาลสมาปชฺชนํ ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ วุฎฺฐานญฺจ พุทฺธานํ น ภาริยํ วสีภาวสฺส ตถาสุปฺปคุณภาวโตติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘พุทฺธานํ หี’’ติอาทิฯ ธมฺมสมฺปฎิคฺคาหกานํ อสฺสาสวาเร วาฯ ตทา หิ เทสิยมานํ ธมฺมํ อุปธาเรตุํ น สโกฺกนฺติ, ตสฺมา ตสฺมิํ ขเณ เทสิตเทสนา นิรตฺถกา สิยาฯ น หิ พุทฺธานํ นิรตฺถกา กิริยา อตฺถิฯ
387. ‘‘Addhābhoto gotamassa sāvakācittabhāvanānuyogamanuyuttā viharanti, no kāyabhāvana’’nti imaṃ sandhāyāha ‘‘ekaṃ pañhaṃ pucchi’’nti. Imaṃ dhammadesananti ‘‘abhijānāmi kho panāha’’ntiādikaṃ dhammadesanaṃ. Asallīno taṇhādiṭṭhikilesānaṃ samucchinnattā tehi sabbaso na litto. Anupalittoti tasseva vevacanaṃ taṇhānandiyā abhāvena. Gocarajjhattamevāti gocarajjhattasaññite phalasamāpattiyā ārammaṇe, nibbāneti attho. Yaṃ sandhāya pāḷiyaṃ ‘‘purimasmiṃ samādhinimitte’’ti vuttaṃ sannisīdāpemīti phalasamāpattisamādhinā accantasamādānavasena cittaṃ sammadeva nisīdāpemi. Pubbābhogenāti samāpajjanato pubbe pavattaābhogena. Paricchinditvāti samāpajjanakkhaṇaṃ paricchinditvā. Tenāha ‘‘sādhukāra…pe… avicchinneyevā’’ti. Evamassa paricchinnakālasamāpajjanaṃ yathāparicchinnakālaṃ vuṭṭhānañca buddhānaṃ na bhāriyaṃ vasībhāvassa tathāsuppaguṇabhāvatoti dassento āha ‘‘buddhānaṃ hī’’tiādi. Dhammasampaṭiggāhakānaṃ assāsavāre vā. Tadā hi desiyamānaṃ dhammaṃ upadhāretuṃ na sakkonti, tasmā tasmiṃ khaṇe desitadesanā niratthakā siyā. Na hi buddhānaṃ niratthakā kiriyā atthi.
โอกปฺปนียเมตนฺติ ‘‘ตสฺสา เอว กถายา’’ติอาทินา วุตฺตํ อติวิย อจฺฉริยคตํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ สุตฺวา อีทิสี ปฎิปตฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธเสฺสว โหตีติ อุปวาทวเสน วทติ, น สภาเวนฯ เตนาห ‘‘สตฺถริ ปสาทมตฺตมฺปิ น อุปฺปนฺน’’นฺติฯ กายทรโถติ ปจฺจยวิเสสวเสน รูปกายสฺส ปริสฺสมากาโรฯ อุปาทินฺนเกติ อินฺทฺริยพเทฺธฯ อนุปาทินฺนเกติ อนินฺทฺริยพเทฺธฯ วิกสนฺติ สูริยรสฺมิสมฺผเสฺสนฯ ตทภาเวน มกุลานิ โหนฺติฯ เกสญฺจิ ตินฺตินิกาทิรุกฺขานํ ฯ ปติลียนฺติ นิสฺสยรูปธมฺมอวิปฺผาริกตายฯ อรูปธมฺมตาย ปญฺจวิญฺญาณานเญฺจว กิริยามยวิญฺญาณานญฺจ อปฺปวตฺติสญฺญิตา อวิปฺผาริกตา โหติ, ยตฺถ นิทฺทาสมญฺญาฯ เตนาห ‘‘ทรถวเสน ภวงฺคโสตญฺจ อิธ นิทฺทาติ อธิเปฺปต’’นฺติฯ ตตฺถ ทรถวเสนาติ ทรถวเสเนว, น ถินมิทฺธวเสนาติ อวธารณํ อวธารณผลญฺจ นิทฺธาเรตพฺพํฯ ตํ สนฺธายาติ กายสฺส ทรถสงฺขาตสรีรคิลานเหตุกํ นิทฺทํ สนฺธายฯ สรีรคิลานญฺจ ภควโต นตฺถีติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ปิฎฺฐิ เม อาคิลายตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๐; ม. นิ. ๒.๒๒; จูฬว. ๓๔๕) วจนโตฯ สโมฺมหวิหารสฺมินฺติ ปจฺจเตฺต เอตํ ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘สโมฺมหวิหาโรติ วทนฺตี’’ติ, สโมฺมหวิหารสฺมิํ วา ปริยาปนฺนํ เอตํ วทนฺติ, ยทิทํ ทิวา นิโทฺทกฺกมนนฺติ โยชนาฯ
Okappanīyametanti ‘‘tassā eva kathāyā’’tiādinā vuttaṃ ativiya acchariyagataṃ aṭṭhuppattiṃ sutvā īdisī paṭipatti sammāsambuddhasseva hotīti upavādavasena vadati, na sabhāvena. Tenāha ‘‘satthari pasādamattampi na uppanna’’nti. Kāyadarathoti paccayavisesavasena rūpakāyassa parissamākāro. Upādinnaketi indriyabaddhe. Anupādinnaketi anindriyabaddhe. Vikasanti sūriyarasmisamphassena. Tadabhāvena makulāni honti. Kesañci tintinikādirukkhānaṃ . Patilīyanti nissayarūpadhammaavipphārikatāya. Arūpadhammatāya pañcaviññāṇānañceva kiriyāmayaviññāṇānañca appavattisaññitā avipphārikatā hoti, yattha niddāsamaññā. Tenāha ‘‘darathavasena bhavaṅgasotañca idha niddāti adhippeta’’nti. Tattha darathavasenāti darathavaseneva, na thinamiddhavasenāti avadhāraṇaṃ avadhāraṇaphalañca niddhāretabbaṃ. Taṃ sandhāyāti kāyassa darathasaṅkhātasarīragilānahetukaṃ niddaṃ sandhāya. Sarīragilānañca bhagavato natthīti na sakkā vattuṃ ‘‘piṭṭhi me āgilāyatī’’ti (dī. ni. 3.300; ma. ni. 2.22; cūḷava. 345) vacanato. Sammohavihārasminti paccatte etaṃ bhummavacananti āha ‘‘sammohavihāroti vadantī’’ti, sammohavihārasmiṃ vā pariyāpannaṃ etaṃ vadanti, yadidaṃ divā niddokkamananti yojanā.
๓๘๙. อุปนีเตหีติ โทสมคฺคํ นินฺทาปถํ อุปนีเตหิฯ อภินนฺทิตฺวาติ สมฺปิยายิตฺวาฯ เตนาห ‘‘จิเตฺตน สมฺปฎิจฺฉโนฺต’’ติฯ อนุโมทิตฺวาติ ‘‘สาธุ สาธู’’ติ เทสนาย โถมนวเสน อนุโมทิตฺวาฯ เตนาห ‘‘วาจายปิ ปสํสโนฺต’’ติฯ สมฺปเตฺต กาเลติ ปพฺพชฺชาโยเคฺค กาเล อนุปฺปเตฺตฯ
389.Upanītehīti dosamaggaṃ nindāpathaṃ upanītehi. Abhinanditvāti sampiyāyitvā. Tenāha ‘‘cittena sampaṭicchanto’’ti. Anumoditvāti ‘‘sādhu sādhū’’ti desanāya thomanavasena anumoditvā. Tenāha ‘‘vācāyapi pasaṃsanto’’ti. Sampatte kāleti pabbajjāyogge kāle anuppatte.
คณํ วิโนเทตฺวาติ คณํ อปเนตฺวา คณปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวาฯ ปปญฺจนฺติ อวเสสกิเลสํฯ ‘‘ปุญฺญวา ราชปูชิโต’’ติ วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ตสฺมิญฺหิ กาเล’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ฉนฺทวาสหรเณน อุโปสถกมฺมํ กโรโนฺตฯ
Gaṇaṃ vinodetvāti gaṇaṃ apanetvā gaṇapalibodhaṃ chinditvā. Papañcanti avasesakilesaṃ. ‘‘Puññavā rājapūjito’’ti vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘tasmiñhi kāle’’tiādi vuttaṃ. Chandavāsaharaṇena uposathakammaṃ karonto.
สกลํ รตฺติํ พุทฺธคุณานํเยว กถิตตฺตา เถรสฺส ญาณํ เทสนาวิภวญฺจ วิภาเวโนฺต อาห ‘‘เอตฺตกาว, ภเนฺต, พุทฺธคุณา’’ติฯ อิมาย, ภเนฺต, ตุมฺหากํ ธมฺมกถาย อนวเสสโต พุทฺธคุณา กถิตา วิย ชายนฺติ, เอวํ สเนฺตปิ อนนฺตาปริเมยฺยาว เต, กิํ อิโต ปเรปิ วิชฺชเนฺตวาติ เถรํ ตตฺถ สีหนาทํ นทาเปตุกาโม อาห ‘‘อุทาหุ อเญฺญปิ อตฺถี’’ติอาทิฯ รชฺชสฺส ปเทสิกตฺตา, ยถาวุตฺตสุภาสิตสฺส จ อนคฺฆตฺตา วุตฺตํ ‘‘อยํ เม ทุคฺคตปณฺณากาโร’’ติฯ ติโยชนสติกนฺติ อิทํ ปริเกฺขปวเสน วุตฺตํ, ตญฺจ โข มนุสฺสานํ ปริโภควเสนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Sakalaṃ rattiṃ buddhaguṇānaṃyeva kathitattā therassa ñāṇaṃ desanāvibhavañca vibhāvento āha ‘‘ettakāva, bhante, buddhaguṇā’’ti. Imāya, bhante, tumhākaṃ dhammakathāya anavasesato buddhaguṇā kathitā viya jāyanti, evaṃ santepi anantāparimeyyāva te, kiṃ ito parepi vijjantevāti theraṃ tattha sīhanādaṃ nadāpetukāmo āha ‘‘udāhu aññepi atthī’’tiādi. Rajjassa padesikattā, yathāvuttasubhāsitassa ca anagghattā vuttaṃ ‘‘ayaṃ me duggatapaṇṇākāro’’ti. Tiyojanasatikanti idaṃ parikkhepavasena vuttaṃ, tañca kho manussānaṃ paribhogavasenāti daṭṭhabbaṃ.
มหาสจฺจกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Mahāsaccakasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. มหาสจฺจกสุตฺตํ • 6. Mahāsaccakasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. มหาสจฺจกสุตวณฺณนา • 6. Mahāsaccakasutavaṇṇanā