Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๗. มหาสฬายตนิกสุตฺตํ
7. Mahāsaḷāyatanikasuttaṃ
๔๒๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘มหาสฬายตนิกํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
428. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘mahāsaḷāyatanikaṃ vo, bhikkhave, desessāmi. Taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
๔๒๙. ‘‘จกฺขุํ, ภิกฺขเว, อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ, รูเป อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ, จกฺขุวิญฺญาณํ อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ, จกฺขุสมฺผสฺสํ อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ, ยมิทํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตมฺปิ อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ, จกฺขุสฺมิํ สารชฺชติ, รูเปสุ สารชฺชติ, จกฺขุวิญฺญาเณ สารชฺชติ, จกฺขุสมฺผเสฺส สารชฺชติ, ยมิทํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตสฺมิมฺปิ สารชฺชติฯ
429. ‘‘Cakkhuṃ, bhikkhave, ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ, rūpe ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ, cakkhuviññāṇaṃ ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ, cakkhusamphassaṃ ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ, yamidaṃ cakkhusamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tampi ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ, cakkhusmiṃ sārajjati, rūpesu sārajjati, cakkhuviññāṇe sārajjati, cakkhusamphasse sārajjati, yamidaṃ cakkhusamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tasmimpi sārajjati.
‘‘ตสฺส สารตฺตสฺส สํยุตฺตสฺส สมฺมูฬฺหสฺส อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต อายติํ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา อุปจยํ คจฺฉนฺติฯ ตณฺหา จสฺส โปโนพฺภวิกา นนฺทีราคสหคตา ตตฺรตตฺราภินนฺทินี, สา จสฺส ปวฑฺฒติฯ ตสฺส กายิกาปิ ทรถา ปวฑฺฒนฺติ, เจตสิกาปิ ทรถา ปวฑฺฒนฺติ; กายิกาปิ สนฺตาปา ปวฑฺฒนฺติ , เจตสิกาปิ สนฺตาปา ปวฑฺฒนฺติ; กายิกาปิ ปริฬาหา ปวฑฺฒนฺติ, เจตสิกาปิ ปริฬาหา ปวฑฺฒนฺติฯ โส กายทุกฺขมฺปิ 1 เจโตทุกฺขมฺปิ ปฎิสํเวเทติฯ
‘‘Tassa sārattassa saṃyuttassa sammūḷhassa assādānupassino viharato āyatiṃ pañcupādānakkhandhā upacayaṃ gacchanti. Taṇhā cassa ponobbhavikā nandīrāgasahagatā tatratatrābhinandinī, sā cassa pavaḍḍhati. Tassa kāyikāpi darathā pavaḍḍhanti, cetasikāpi darathā pavaḍḍhanti; kāyikāpi santāpā pavaḍḍhanti , cetasikāpi santāpā pavaḍḍhanti; kāyikāpi pariḷāhā pavaḍḍhanti, cetasikāpi pariḷāhā pavaḍḍhanti. So kāyadukkhampi 2 cetodukkhampi paṭisaṃvedeti.
‘‘โสตํ , ภิกฺขเว, อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ…เป.… ฆานํ, ภิกฺขเว, อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ…เป.… ชิวฺหํ, ภิกฺขเว, อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ…เป.… กายํ, ภิกฺขเว, อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ…เป.… มนํ, ภิกฺขเว, อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ, ธเมฺม, ภิกฺขเว, อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ, มโนวิญฺญาณํ, ภิกฺขเว, อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ , มโนสมฺผสฺสํ, ภิกฺขเว, อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ, ยมิทํ มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตมฺปิ อชานํ อปสฺสํ ยถาภูตํ, มนสฺมิํ สารชฺชติ, ธเมฺมสุ สารชฺชติ, มโนวิญฺญาเณ สารชฺชติ, มโนสมฺผเสฺส สารชฺชติ, ยมิทํ มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตสฺมิมฺปิ สารชฺชติฯ
‘‘Sotaṃ , bhikkhave, ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ…pe… ghānaṃ, bhikkhave, ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ…pe… jivhaṃ, bhikkhave, ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ…pe… kāyaṃ, bhikkhave, ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ…pe… manaṃ, bhikkhave, ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ, dhamme, bhikkhave, ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ, manoviññāṇaṃ, bhikkhave, ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ , manosamphassaṃ, bhikkhave, ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ, yamidaṃ manosamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tampi ajānaṃ apassaṃ yathābhūtaṃ, manasmiṃ sārajjati, dhammesu sārajjati, manoviññāṇe sārajjati, manosamphasse sārajjati, yamidaṃ manosamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tasmimpi sārajjati.
‘‘ตสฺส สารตฺตสฺส สํยุตฺตสฺส สมฺมูฬฺหสฺส อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต อายติํ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา อุปจยํ คจฺฉนฺติฯ ตณฺหา จสฺส โปโนพฺภวิกา นนฺทีราคสหคตา ตตฺรตตฺราภินนฺทินี, สา จสฺส ปวฑฺฒติฯ ตสฺส กายิกาปิ ทรถา ปวฑฺฒนฺติ, เจตสิกาปิ ทรถา ปวฑฺฒนฺติ; กายิกาปิ สนฺตาปา ปวฑฺฒนฺติ, เจตสิกาปิ สนฺตาปา ปวฑฺฒนฺติ; กายิกาปิ ปริฬาหา ปวฑฺฒนฺติ, เจตสิกาปิ ปริฬาหา ปวฑฺฒนฺติฯ โส กายทุกฺขมฺปิ เจโตทุกฺขมฺปิ ปฎิสํเวเทติฯ
‘‘Tassa sārattassa saṃyuttassa sammūḷhassa assādānupassino viharato āyatiṃ pañcupādānakkhandhā upacayaṃ gacchanti. Taṇhā cassa ponobbhavikā nandīrāgasahagatā tatratatrābhinandinī, sā cassa pavaḍḍhati. Tassa kāyikāpi darathā pavaḍḍhanti, cetasikāpi darathā pavaḍḍhanti; kāyikāpi santāpā pavaḍḍhanti, cetasikāpi santāpā pavaḍḍhanti; kāyikāpi pariḷāhā pavaḍḍhanti, cetasikāpi pariḷāhā pavaḍḍhanti. So kāyadukkhampi cetodukkhampi paṭisaṃvedeti.
๔๓๐. ‘‘จกฺขุญฺจ โข, ภิกฺขเว, ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ, รูเป ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ, จกฺขุวิญฺญาณํ ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ, จกฺขุสมฺผสฺสํ ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ, ยมิทํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตมฺปิ ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ, จกฺขุสฺมิํ น สารชฺชติ, รูเปสุ น สารชฺชติ, จกฺขุวิญฺญาเณ น สารชฺชติ, จกฺขุสมฺผเสฺส น สารชฺชติ, ยมิทํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตสฺมิมฺปิ น สารชฺชติฯ
430. ‘‘Cakkhuñca kho, bhikkhave, jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ, rūpe jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ, cakkhuviññāṇaṃ jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ, cakkhusamphassaṃ jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ, yamidaṃ cakkhusamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tampi jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ, cakkhusmiṃ na sārajjati, rūpesu na sārajjati, cakkhuviññāṇe na sārajjati, cakkhusamphasse na sārajjati, yamidaṃ cakkhusamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tasmimpi na sārajjati.
‘‘ตสฺส อสารตฺตสฺส อสํยุตฺตสฺส อสมฺมูฬฺหสฺส อาทีนวานุปสฺสิโน วิหรโต อายติํ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา อปจยํ คจฺฉนฺติฯ ตณฺหา จสฺส โปโนพฺภวิกา นนฺทีราคสหคตา ตตฺรตตฺราภินนฺทินี, สา จสฺส ปหียติฯ ตสฺส กายิกาปิ ทรถา ปหียนฺติ, เจตสิกาปิ ทรถา ปหียนฺติ; กายิกาปิ สนฺตาปา ปหียนฺติ, เจตสิกาปิ สนฺตาปา ปหียนฺติ; กายิกาปิ ปริฬาหา ปหียนฺตฺนฺตฺติ , เจตสิกาปิ ปริฬาหา ปหียนฺติฯ โส กายสุขมฺปิ เจโตสุขมฺปิ ปฎิสํเวเทติฯ
‘‘Tassa asārattassa asaṃyuttassa asammūḷhassa ādīnavānupassino viharato āyatiṃ pañcupādānakkhandhā apacayaṃ gacchanti. Taṇhā cassa ponobbhavikā nandīrāgasahagatā tatratatrābhinandinī, sā cassa pahīyati. Tassa kāyikāpi darathā pahīyanti, cetasikāpi darathā pahīyanti; kāyikāpi santāpā pahīyanti, cetasikāpi santāpā pahīyanti; kāyikāpi pariḷāhā pahīyantntti , cetasikāpi pariḷāhā pahīyanti. So kāyasukhampi cetosukhampi paṭisaṃvedeti.
๔๓๑. ‘‘ยา ตถาภูตสฺส 3 ทิฎฺฐิ สาสฺส โหติ สมฺมาทิฎฺฐิ; โย ตถาภูตสฺส 4 สงฺกโปฺป สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสงฺกโปฺป; โย ตถาภูตสฺส 5 วายาโม สฺวาสฺส โหติ สมฺมาวายาโม; ยา ตถาภูตสฺส 6 สติ สาสฺส โหติ สมฺมาสติ; โย ตถาภูตสฺส 7 สมาธิ สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสมาธิฯ ปุเพฺพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุโทฺธ โหติฯ เอวมสฺสายํ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉติฯ
431. ‘‘Yā tathābhūtassa 8 diṭṭhi sāssa hoti sammādiṭṭhi; yo tathābhūtassa 9 saṅkappo svāssa hoti sammāsaṅkappo; yo tathābhūtassa 10 vāyāmo svāssa hoti sammāvāyāmo; yā tathābhūtassa 11 sati sāssa hoti sammāsati; yo tathābhūtassa 12 samādhi svāssa hoti sammāsamādhi. Pubbeva kho panassa kāyakammaṃ vacīkammaṃ ājīvo suparisuddho hoti. Evamassāyaṃ ariyo aṭṭhaṅgiko maggo bhāvanāpāripūriṃ gacchati.
‘‘ตสฺส เอวํ อิมํ อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ภาวยโต จตฺตาโรปิ สติปฎฺฐานา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, จตฺตาโรปิ สมฺมปฺปธานา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, จตฺตาโรปิ อิทฺธิปาทา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, ปญฺจปิ อินฺทฺริยานิ ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, ปญฺจปิ พลานิ ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, สตฺตปิ โพชฺฌงฺคา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติฯ
‘‘Tassa evaṃ imaṃ ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bhāvayato cattāropi satipaṭṭhānā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, cattāropi sammappadhānā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, cattāropi iddhipādā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, pañcapi indriyāni bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, pañcapi balāni bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, sattapi bojjhaṅgā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti.
‘‘ตสฺสิเม เทฺว ธมฺมา ยุคนนฺธา 13 วตฺตนฺติ – สมโถ จ วิปสฺสนา จฯ โส เย ธมฺมา อภิญฺญา ปริเญฺญยฺยา เต ธเมฺม อภิญฺญา ปริชานาติฯ เย ธมฺมา อภิญฺญา ปหาตพฺพา เต ธเมฺม อภิญฺญา ปชหติฯ เย ธมฺมา อภิญฺญา ภาเวตพฺพา เต ธเมฺม อภิญฺญา ภาเวติฯ เย ธมฺมา อภิญฺญา สจฺฉิกาตพฺพา เต ธเมฺม อภิญฺญา สจฺฉิกโรติฯ
‘‘Tassime dve dhammā yuganandhā 14 vattanti – samatho ca vipassanā ca. So ye dhammā abhiññā pariññeyyā te dhamme abhiññā parijānāti. Ye dhammā abhiññā pahātabbā te dhamme abhiññā pajahati. Ye dhammā abhiññā bhāvetabbā te dhamme abhiññā bhāveti. Ye dhammā abhiññā sacchikātabbā te dhamme abhiññā sacchikaroti.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา อภิญฺญา ปริเญฺญยฺยา? ‘ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา’ ติสฺส วจนียํ, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ, เวทนุปาทานกฺขโนฺธ, สญฺญุปาทานกฺขโนฺธ, สงฺขารุปาทานกฺขโนฺธ, วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ อิเม ธมฺมา อภิญฺญา ปริเญฺญยฺยาฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā abhiññā pariññeyyā? ‘Pañcupādānakkhandhā’ tissa vacanīyaṃ, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho, vedanupādānakkhandho, saññupādānakkhandho, saṅkhārupādānakkhandho, viññāṇupādānakkhandho. Ime dhammā abhiññā pariññeyyā.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา อภิญฺญา ปหาตพฺพา? อวิชฺชา จ ภวตณฺหา จ – อิเม ธมฺมา อภิญฺญา ปหาตพฺพาฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā abhiññā pahātabbā? Avijjā ca bhavataṇhā ca – ime dhammā abhiññā pahātabbā.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา อภิญฺญา ภาเวตพฺพา? สมโถ จ วิปสฺสนา จ – อิเม ธมฺมา อภิญฺญา ภาเวตพฺพาฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā abhiññā bhāvetabbā? Samatho ca vipassanā ca – ime dhammā abhiññā bhāvetabbā.
‘‘กตเม , ภิกฺขเว, ธมฺมา อภิญฺญา สจฺฉิกาตพฺพา? วิชฺชา จ วิมุตฺติ จ – อิเม ธมฺมา อภิญฺญา สจฺฉิกาตพฺพาฯ
‘‘Katame , bhikkhave, dhammā abhiññā sacchikātabbā? Vijjā ca vimutti ca – ime dhammā abhiññā sacchikātabbā.
๔๓๒. ‘‘โสตํ , ภิกฺขเว, ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ…เป.… ฆานํ ภิกฺขเว, ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ…เป.… ชิวฺหํ, ภิกฺขเว, ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ… กายํ, ภิกฺขเว, ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ… มนํ, ภิกฺขเว, ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ, ธเมฺม ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ, มโนวิญฺญาณํ ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ, มโนสมฺผสฺสํ ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ, ยมิทํ มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตมฺปิ ชานํ ปสฺสํ ยถาภูตํ, มนสฺมิํ น สารชฺชติ, ธเมฺมสุ น สารชฺชติ, มโนวิญฺญาเณ น สารชฺชติ, มโนสมฺผเสฺส น สารชฺชติ, ยมิทํ มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตสฺมิมฺปิ น สารชฺชติฯ
432. ‘‘Sotaṃ , bhikkhave, jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ…pe… ghānaṃ bhikkhave, jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ…pe… jivhaṃ, bhikkhave, jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ… kāyaṃ, bhikkhave, jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ… manaṃ, bhikkhave, jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ, dhamme jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ, manoviññāṇaṃ jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ, manosamphassaṃ jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ, yamidaṃ manosamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tampi jānaṃ passaṃ yathābhūtaṃ, manasmiṃ na sārajjati, dhammesu na sārajjati, manoviññāṇe na sārajjati, manosamphasse na sārajjati, yamidaṃ manosamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tasmimpi na sārajjati.
‘‘ตสฺส อสารตฺตสฺส อสํยุตฺตสฺส อสมฺมูฬฺหสฺส อาทีนวานุปสฺสิโน วิหรโต อายติํ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา อปจยํ คจฺฉนฺติฯ ตณฺหา จสฺส โปโนพฺภวิกา นนฺทีราคสหคตา ตตฺรตตฺราภินนฺทินี , สา จสฺส ปหียติฯ ตสฺส กายิกาปิ ทรถา ปหียนฺติ, เจตสิกาปิ ทรถา ปหียนฺติ; กายิกาปิ สนฺตาปา ปหียนฺติ, เจตสิกาปิ สนฺตาปา ปหียนฺติ; กายิกาปิ ปริฬาหา ปหียนฺติ, เจตสิกาปิ ปริฬาหา ปหียนฺติฯ โส กายสุขมฺปิ เจโตสุขมฺปิ ปฎิสํเวเทติฯ
‘‘Tassa asārattassa asaṃyuttassa asammūḷhassa ādīnavānupassino viharato āyatiṃ pañcupādānakkhandhā apacayaṃ gacchanti. Taṇhā cassa ponobbhavikā nandīrāgasahagatā tatratatrābhinandinī , sā cassa pahīyati. Tassa kāyikāpi darathā pahīyanti, cetasikāpi darathā pahīyanti; kāyikāpi santāpā pahīyanti, cetasikāpi santāpā pahīyanti; kāyikāpi pariḷāhā pahīyanti, cetasikāpi pariḷāhā pahīyanti. So kāyasukhampi cetosukhampi paṭisaṃvedeti.
๔๓๓. ‘‘ยา ตถาภูตสฺส ทิฎฺฐิ สาสฺส โหติ สมฺมาทิฎฺฐิ; โย ตถาภูตสฺส สงฺกโปฺป สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสงฺกโปฺป; โย ตถาภูตสฺส วายาโม สฺวาสฺส โหติ สมฺมาวายาโม; ยา ตถาภูตสฺส สติ สาสฺส โหติ สมฺมาสติ; โย ตถาภูตสฺส สมาธิ สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสมาธิฯ ปุเพฺพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุโทฺธ โหติฯ เอวมสฺสายํ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉติฯ
433. ‘‘Yā tathābhūtassa diṭṭhi sāssa hoti sammādiṭṭhi; yo tathābhūtassa saṅkappo svāssa hoti sammāsaṅkappo; yo tathābhūtassa vāyāmo svāssa hoti sammāvāyāmo; yā tathābhūtassa sati sāssa hoti sammāsati; yo tathābhūtassa samādhi svāssa hoti sammāsamādhi. Pubbeva kho panassa kāyakammaṃ vacīkammaṃ ājīvo suparisuddho hoti. Evamassāyaṃ ariyo aṭṭhaṅgiko maggo bhāvanāpāripūriṃ gacchati.
‘‘ตสฺส เอวํ อิมํ อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ภาวยโต จตฺตาโรปิ สติปฎฺฐานา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, จตฺตาโรปิ สมฺมปฺปธานา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, จตฺตาโรปิ อิทฺธิปาทา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, ปญฺจปิ อินฺทฺริยานิ ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, ปญฺจปิ พลานิ ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, สตฺตปิ โพชฺฌงฺคา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติฯ
‘‘Tassa evaṃ imaṃ ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bhāvayato cattāropi satipaṭṭhānā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, cattāropi sammappadhānā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, cattāropi iddhipādā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, pañcapi indriyāni bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, pañcapi balāni bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, sattapi bojjhaṅgā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti.
‘‘ตสฺสิเม เทฺว ธมฺมา ยุคนนฺธา วตฺตนฺติ – สมโถ จ วิปสฺสนา จฯ โส เย ธมฺมา อภิญฺญา ปริเญฺญยฺยา เต ธเมฺม อภิญฺญา ปริชานาติฯ เย ธมฺมา อภิญฺญา ปหาตพฺพา เต ธเมฺม อภิญฺญา ปชหติฯ เย ธมฺมา อภิญฺญา ภาเวตพฺพา เต ธเมฺม อภิญฺญา ภาเวติฯ เย ธมฺมา อภิญฺญา สจฺฉิกาตพฺพา เต ธเมฺม อภิญฺญา สจฺฉิกโรติฯ
‘‘Tassime dve dhammā yuganandhā vattanti – samatho ca vipassanā ca. So ye dhammā abhiññā pariññeyyā te dhamme abhiññā parijānāti. Ye dhammā abhiññā pahātabbā te dhamme abhiññā pajahati. Ye dhammā abhiññā bhāvetabbā te dhamme abhiññā bhāveti. Ye dhammā abhiññā sacchikātabbā te dhamme abhiññā sacchikaroti.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา อภิญฺญา ปริเญฺญยฺยา? ‘ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา’ ติสฺส วจนียํ, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ, เวทนุปาทานกฺขโนฺธ, สญฺญุปาทานกฺขโนฺธ, สงฺขารุปาทานกฺขโนฺธ, วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ อิเม ธมฺมา อภิญฺญา ปริเญฺญยฺยาฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā abhiññā pariññeyyā? ‘Pañcupādānakkhandhā’ tissa vacanīyaṃ, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho, vedanupādānakkhandho, saññupādānakkhandho, saṅkhārupādānakkhandho, viññāṇupādānakkhandho. Ime dhammā abhiññā pariññeyyā.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา อภิญฺญา ปหาตพฺพา? อวิชฺชา จ ภวตณฺหา จ – อิเม ธมฺมา อภิญฺญา ปหาตพฺพาฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā abhiññā pahātabbā? Avijjā ca bhavataṇhā ca – ime dhammā abhiññā pahātabbā.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา อภิญฺญา ภาเวตพฺพา? สมโถ จ วิปสฺสนา จ – อิเม ธมฺมา อภิญฺญา ภาเวตพฺพาฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā abhiññā bhāvetabbā? Samatho ca vipassanā ca – ime dhammā abhiññā bhāvetabbā.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา อภิญฺญา สจฺฉิกาตพฺพา? วิชฺชา จ วิมุตฺติ จ – อิเม ธมฺมา อภิญฺญา สจฺฉิกาตพฺพา’’ติฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā abhiññā sacchikātabbā? Vijjā ca vimutti ca – ime dhammā abhiññā sacchikātabbā’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
มหาสฬายตนิกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ
Mahāsaḷāyatanikasuttaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. มหาสฬายตนิกสุตฺตวณฺณนา • 7. Mahāsaḷāyatanikasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๗. มหาสฬายตนิกสุตฺตวณฺณนา • 7. Mahāsaḷāyatanikasuttavaṇṇanā