Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) |
๗. มหาสมยสุตฺตวณฺณนา
7. Mahāsamayasuttavaṇṇanā
นิทานวณฺณนา
Nidānavaṇṇanā
๓๓๑. เอวํ เม สุตนฺติ มหาสมยสุตฺตํฯ ตตฺรายมปุพฺพปทวณฺณนา – สเกฺกสูติ อมฺพฎฺฐสุเตฺต วุเตฺตน อุปฺปตฺตินเยน ‘‘สกฺยา วต, โภ กุมารา’’ติ อุทานํ ปฎิจฺจ สกฺกาติ ลทฺธนามานํ ราชกุมารานํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสเทฺทน ‘‘สกฺกา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมิํ สเกฺกสุ ชนปเทฯ มหาวเนติ สยํชาเต อโรปิเต หิมวเนฺตน สทฺธิํ เอกาพเทฺธ มหติ วเนฯ สเพฺพเหว อรหเนฺตหีติ อิมํ สุตฺตํ กถิตทิวเสเยว ปตฺตอรหเตฺตหิฯ
331.Evaṃme sutanti mahāsamayasuttaṃ. Tatrāyamapubbapadavaṇṇanā – sakkesūti ambaṭṭhasutte vuttena uppattinayena ‘‘sakyā vata, bho kumārā’’ti udānaṃ paṭicca sakkāti laddhanāmānaṃ rājakumārānaṃ nivāso ekopi janapado ruḷhīsaddena ‘‘sakkā’’ti vuccati, tasmiṃ sakkesu janapade. Mahāvaneti sayaṃjāte aropite himavantena saddhiṃ ekābaddhe mahati vane. Sabbeheva arahantehīti imaṃ suttaṃ kathitadivaseyeva pattaarahattehi.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – สากิยโกลิยา กิร กปิลวตฺถุนครสฺส จ โกลิยนครสฺส จ อนฺตเร โรหิณิํ นาม นทิํ เอเกเนว อาวรเณน พนฺธาเปตฺวา สสฺสานิ กโรนฺติ, อถ เชฎฺฐมูลมาเส สเสฺสสุ มิลายเนฺตสุ อุภยนครวาสิกานมฺปิ กมฺมกรา สนฺนิปติํสุฯ ตตฺถ โกลิยนครวาสิโน อาหํสุ – ‘‘อิทํ อุทกํ อุภโต หริยมานํ น ตุมฺหากํ น อมฺหากํ ปโหสฺสติ, อมฺหากํ ปน สสฺสํ เอเกน อุทเกเนว นิปฺผชฺชิสฺสติ, อิทํ อุทกํ อมฺหากํ เทถา’’ติฯ กปิลวตฺถุนครวาสิโน อาหํสุ – ‘‘ตุเมฺหสุ โกเฎฺฐ ปูเรตฺวา ฐิเตสุ มยํ รตฺตสุวณฺณนีลมณิกาฬกหาปเณ จ คเหตฺวา ปจฺฉิปสิพฺพกาทิหตฺถา น สกฺขิสฺสาม ตุมฺหากํ ฆรทฺวาเร วิจริตุํ, อมฺหากมฺปิ สสฺสํ เอเกเนว อุทเกน นิปฺผชฺชิสฺสติ, อิทํ อุทกํ อมฺหากํ เทถา’’ติฯ ‘‘น มยํ ทสฺสามา’’ติฯ ‘‘มยมฺปิ น ทสฺสามา’’ติฯ เอวํ กลหํ วเฑฺฒตฺวา เอโก อุฎฺฐาย เอกสฺส ปหารํ อทาสิ, โสปิ อญฺญสฺสาติ เอวํ อญฺญมญฺญํ ปหริตฺวา ราชกุลานํ ชาติํ ฆเฎฺฎตฺวา กลหํ วฑฺฒยิํสุฯ
Tatrāyaṃ anupubbikathā – sākiyakoliyā kira kapilavatthunagarassa ca koliyanagarassa ca antare rohiṇiṃ nāma nadiṃ ekeneva āvaraṇena bandhāpetvā sassāni karonti, atha jeṭṭhamūlamāse sassesu milāyantesu ubhayanagaravāsikānampi kammakarā sannipatiṃsu. Tattha koliyanagaravāsino āhaṃsu – ‘‘idaṃ udakaṃ ubhato hariyamānaṃ na tumhākaṃ na amhākaṃ pahossati, amhākaṃ pana sassaṃ ekena udakeneva nipphajjissati, idaṃ udakaṃ amhākaṃ dethā’’ti. Kapilavatthunagaravāsino āhaṃsu – ‘‘tumhesu koṭṭhe pūretvā ṭhitesu mayaṃ rattasuvaṇṇanīlamaṇikāḷakahāpaṇe ca gahetvā pacchipasibbakādihatthā na sakkhissāma tumhākaṃ gharadvāre vicarituṃ, amhākampi sassaṃ ekeneva udakena nipphajjissati, idaṃ udakaṃ amhākaṃ dethā’’ti. ‘‘Na mayaṃ dassāmā’’ti. ‘‘Mayampi na dassāmā’’ti. Evaṃ kalahaṃ vaḍḍhetvā eko uṭṭhāya ekassa pahāraṃ adāsi, sopi aññassāti evaṃ aññamaññaṃ paharitvā rājakulānaṃ jātiṃ ghaṭṭetvā kalahaṃ vaḍḍhayiṃsu.
โกลิยกมฺมกรา วทนฺติ – ‘‘ตุเมฺห กปิลวตฺถุวาสิเก คเหตฺวา คชฺชถ, เย โสณสิงฺคาลาทโย วิย อตฺตโน ภคินีหิ สทฺธิํ สํวสิํสุฯ เอเตสํ หตฺถิโน จ อสฺสา จ ผลกาวุธานิ จ อมฺหากํ กิํ กริสฺสนฺตี’’ติ? สากิยกมฺมกราปิ วทนฺติ – ‘‘ตุเมฺห ทานิ กุฎฺฐิโน ทารเก คเหตฺวา คชฺชถ, เย อนาถา นิคฺคติกา ติรจฺฉานา วิย โกลรุเกฺข วสิํสุ, เอเตสํ หตฺถิโน จ อสฺสา จ ผลกาวุธานิ จ อมฺหากํ กิํ กริสฺสนฺตี’’ติ? เต คนฺตฺวา ตสฺมิํ กเมฺม นิยุตฺตอมจฺจานํ กเถสุํ, อมจฺจา ราชกุลานํ กเถสุํ, ตโต สากิยา – ‘‘ภคินีหิ สทฺธิํ สํวาสิกานํ ถามญฺจ พลญฺจ ทเสฺสสฺสามา’’ติ ยุทฺธสชฺชา นิกฺขมิํสุฯ โกลิยาปิ – ‘‘โกลรุกฺขวาสีนํ ถามญฺจ พลญฺจ ทเสฺสสฺสามา’’ติ ยุทฺธสชฺชา นิกฺขมิํสุฯ
Koliyakammakarā vadanti – ‘‘tumhe kapilavatthuvāsike gahetvā gajjatha, ye soṇasiṅgālādayo viya attano bhaginīhi saddhiṃ saṃvasiṃsu. Etesaṃ hatthino ca assā ca phalakāvudhāni ca amhākaṃ kiṃ karissantī’’ti? Sākiyakammakarāpi vadanti – ‘‘tumhe dāni kuṭṭhino dārake gahetvā gajjatha, ye anāthā niggatikā tiracchānā viya kolarukkhe vasiṃsu, etesaṃ hatthino ca assā ca phalakāvudhāni ca amhākaṃ kiṃ karissantī’’ti? Te gantvā tasmiṃ kamme niyuttaamaccānaṃ kathesuṃ, amaccā rājakulānaṃ kathesuṃ, tato sākiyā – ‘‘bhaginīhi saddhiṃ saṃvāsikānaṃ thāmañca balañca dassessāmā’’ti yuddhasajjā nikkhamiṃsu. Koliyāpi – ‘‘kolarukkhavāsīnaṃ thāmañca balañca dassessāmā’’ti yuddhasajjā nikkhamiṃsu.
ภควาปิ รตฺติยา ปจฺจูสสมเยว มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย โลกํ โวโลเกโนฺต อิเม เอวํ ยุทฺธสเชฺช นิกฺขมเนฺต อทฺทสฯ ทิสฺวา – ‘‘มยิ คเต อยํ กลโห วูปสมิสฺสติ นุ โข อุทาหุ โน’’ติ อุปธาเรโนฺต – ‘‘อหเมตฺถ คนฺตฺวา กลหวูปสมนตฺถํ ตีณิ ชาตกานิ กเถสฺสามิ, ตโต กลโห วูปสมิสฺสติฯ อถ สามคฺคิทีปนตฺถาย เทฺว ชาตกานิ กเถตฺวา อตฺตทณฺฑสุตฺตํ เทเสสฺสามิฯ เทสนํ สุตฺวา อุภยนครวาสิโนปิ อฑฺฒติยานิ อฑฺฒติยานิ กุมารสตานิ ทสฺสนฺติ, อหํ เต ปพฺพชิสฺสามิ, ตทา มหาสมาคโม ภวิสฺสตี’’ติ สนฺนิฎฺฐานมกาสิฯ ตสฺมา อิเมสุ ยุทฺธสเชฺชสุ นิกฺขมเนฺตสุ กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา สยเมว ปตฺตจีวรมาทาย คนฺตฺวา ทฺวินฺนํ เสนานํ อนฺตเร อากาเส ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสเชฺชตฺวา นิสีทิฯ
Bhagavāpi rattiyā paccūsasamayeva mahākaruṇāsamāpattito vuṭṭhāya lokaṃ volokento ime evaṃ yuddhasajje nikkhamante addasa. Disvā – ‘‘mayi gate ayaṃ kalaho vūpasamissati nu kho udāhu no’’ti upadhārento – ‘‘ahamettha gantvā kalahavūpasamanatthaṃ tīṇi jātakāni kathessāmi, tato kalaho vūpasamissati. Atha sāmaggidīpanatthāya dve jātakāni kathetvā attadaṇḍasuttaṃ desessāmi. Desanaṃ sutvā ubhayanagaravāsinopi aḍḍhatiyāni aḍḍhatiyāni kumārasatāni dassanti, ahaṃ te pabbajissāmi, tadā mahāsamāgamo bhavissatī’’ti sanniṭṭhānamakāsi. Tasmā imesu yuddhasajjesu nikkhamantesu kassaci anārocetvā sayameva pattacīvaramādāya gantvā dvinnaṃ senānaṃ antare ākāse pallaṅkaṃ ābhujitvā chabbaṇṇarasmiyo vissajjetvā nisīdi.
กปิลวตฺถุวาสิโน ภควนฺตํ ทิสฺวาว – ‘‘อมฺหากํ ญาติเสโฎฺฐ สตฺถา อาคโต, ทิโฎฺฐ นุ โข เตน อมฺหากํ กลหการณภาโว’’ติ จิเนฺตตฺวา – ‘‘น โข ปน สกฺกา ภควติ อาคเต อเมฺหหิ ปรสฺส สรีเร สตฺถํ ปาเตตุํ, โกลิยนครวาสิโน อเมฺห หนนฺตุ วา ปจนฺตุ วา’’ติ อาวุธานิ ฉเฑฺฑตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา นิสีทิํสุฯ โกลิยนครวาสิโนปิ ตเถว จิเนฺตตฺวา อาวุธานิ ฉเฑฺฑตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา นิสีทิํสุฯ
Kapilavatthuvāsino bhagavantaṃ disvāva – ‘‘amhākaṃ ñātiseṭṭho satthā āgato, diṭṭho nu kho tena amhākaṃ kalahakāraṇabhāvo’’ti cintetvā – ‘‘na kho pana sakkā bhagavati āgate amhehi parassa sarīre satthaṃ pātetuṃ, koliyanagaravāsino amhe hanantu vā pacantu vā’’ti āvudhāni chaḍḍetvā bhagavantaṃ vanditvā nisīdiṃsu. Koliyanagaravāsinopi tatheva cintetvā āvudhāni chaḍḍetvā bhagavantaṃ vanditvā nisīdiṃsu.
ภควา ชานโนฺตว – ‘‘กสฺมา อาคตตฺถ มหาราชา’’ติ ปุจฺฉิฯ ภควา, น ติตฺถกีฬาย น ปพฺพตกีฬาย น นทีกีฬาย น คิริทสฺสนตฺถํ, อิมสฺมิํ ปน ฐาเน สงฺคามํ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา อาคตมฺหาติฯ กิํ นิสฺสาย โว กลโห มหาราชาติ? อุทกํ, ภเนฺตติฯ อุทกํ กิํ อคฺฆติ มหาราชาติ? อปฺปคฺฆํ, ภเนฺตติฯ ปถวี นาม กิํ อคฺฆติ มหาราชาติ? อนคฺฆา, ภเนฺตติฯ ขตฺติยา กิํ อคฺฆนฺติ มหาราชาติ? ขตฺติยา นาม อนคฺฆา ภเนฺตติฯ อปฺปมูลกํ อุทกํ นิสฺสาย กิมตฺถํ อนเคฺฆ ขตฺติเย นาเสถ, มหาราชาติ? ‘‘กลเห อสฺสาโท นาม นตฺถิ, กลหวเสน มหาราชา อฎฺฐาเน เวรํ กตฺวา เอกาย รุกฺขเทวตาย กาฬสีเหน สทฺธิํ พทฺธาฆาโต สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ อนุปฺปโตฺตเยวา’’ติ วตฺวา ผนฺทนชาตกํ กเถสิฯ ตโต ‘‘ปรปตฺติเยน นาม มหาราชา น ภวิตพฺพํฯ ปรปตฺติยา หุตฺวา หิ เอกสฺส สสกสฺส กถาย ติโยชนสหสฺสวิตฺถเต หิมวเนฺต จตุปฺปทคณา มหาสมุทฺทํ ปกฺขนฺทิโน อเหสุํฯ ตสฺมา ปรปตฺติเยน น ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปถวีอุนฺทฺริยชาตกํ กเถสิฯ ตโต – ‘‘กทาจิ, มหาราชา, ทุพฺพโลปิ มหพฺพลสฺส รนฺธํ วิวรํ ปสฺสติ, กทาจิ มหพฺพโล ทุพฺพลสฺสฯ ลฎุกิกาปิ หิ สกุณิกา หตฺถินาคํ ฆาเตสี’’ติ วตฺวา ลฎุกิกชาตกํ กเถสิฯ เอวํ กลหวูปสมตฺถาย ตีณิ ชาตกานิ กเถตฺวา สามคฺคิปริทีปนตฺถาย เทฺว ชาตกานิ กเถสิฯ กถํ? สมคฺคานญฺหิ มหาราชา โกจิ โอตารํ นาม ปสฺสิตุํ น สโกฺกตีติ วตฺวา รุกฺขธมฺมชาตกํ กเถสิฯ ตโต ‘‘สมคฺคานํ มหาราชา โกจิ วิวรํ ปสฺสิตุํ นาสกฺขิฯ ยทา ปน อญฺญมญฺญํ วิวาทมกํสุ, อถ เต เนสาทปุโตฺต ชีวิตา โวโรเปตฺวา อาทาย คโตฯ วิวาเท อสฺสาโท นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา วฎฺฎกชาตกํ กเถสิฯ เอวํ อิมานิ ปญฺจ ชาตกานิ กเถตฺวา อวสาเน อตฺตทณฺฑสุตฺตํ กเถสิฯ
Bhagavā jānantova – ‘‘kasmā āgatattha mahārājā’’ti pucchi. Bhagavā, na titthakīḷāya na pabbatakīḷāya na nadīkīḷāya na giridassanatthaṃ, imasmiṃ pana ṭhāne saṅgāmaṃ paccupaṭṭhapetvā āgatamhāti. Kiṃ nissāya vo kalaho mahārājāti? Udakaṃ, bhanteti. Udakaṃ kiṃ agghati mahārājāti? Appagghaṃ, bhanteti. Pathavī nāma kiṃ agghati mahārājāti? Anagghā, bhanteti. Khattiyā kiṃ agghanti mahārājāti? Khattiyā nāma anagghā bhanteti. Appamūlakaṃ udakaṃ nissāya kimatthaṃ anagghe khattiye nāsetha, mahārājāti? ‘‘Kalahe assādo nāma natthi, kalahavasena mahārājā aṭṭhāne veraṃ katvā ekāya rukkhadevatāya kāḷasīhena saddhiṃ baddhāghāto sakalampi imaṃ kappaṃ anuppattoyevā’’ti vatvā phandanajātakaṃ kathesi. Tato ‘‘parapattiyena nāma mahārājā na bhavitabbaṃ. Parapattiyā hutvā hi ekassa sasakassa kathāya tiyojanasahassavitthate himavante catuppadagaṇā mahāsamuddaṃ pakkhandino ahesuṃ. Tasmā parapattiyena na bhavitabba’’nti vatvā pathavīundriyajātakaṃ kathesi. Tato – ‘‘kadāci, mahārājā, dubbalopi mahabbalassa randhaṃ vivaraṃ passati, kadāci mahabbalo dubbalassa. Laṭukikāpi hi sakuṇikā hatthināgaṃ ghātesī’’ti vatvā laṭukikajātakaṃ kathesi. Evaṃ kalahavūpasamatthāya tīṇi jātakāni kathetvā sāmaggiparidīpanatthāya dve jātakāni kathesi. Kathaṃ? Samaggānañhi mahārājā koci otāraṃ nāma passituṃ na sakkotīti vatvā rukkhadhammajātakaṃ kathesi. Tato ‘‘samaggānaṃ mahārājā koci vivaraṃ passituṃ nāsakkhi. Yadā pana aññamaññaṃ vivādamakaṃsu, atha te nesādaputto jīvitā voropetvā ādāya gato. Vivāde assādo nāma natthī’’ti vatvā vaṭṭakajātakaṃ kathesi. Evaṃ imāni pañca jātakāni kathetvā avasāne attadaṇḍasuttaṃ kathesi.
ราชาโน ปสนฺนา – ‘‘สเจ สตฺถา นาคมิสฺส, มยํ สหตฺถา อญฺญมญฺญํเยว วธิตฺวา โลหิตนทิํ ปวตฺตยิสฺสาม, อมฺหากํ ปุตฺตภาตโร เคหทฺวาเร น ปเสฺสยฺยาม, สาสนปฎิสาสนมฺปิ โน อาหรณโก น ภวิสฺสติฯ สตฺถารํ นิสฺสาย โน ชีวิตํ ลทฺธํฯ สเจ ปน สตฺถา อคารํ อชฺฌาวสิสฺส, ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ รชฺชมสฺส หตฺถคตํ อภวิสฺส, อติเรกสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา อภวิสฺสํสุ, ตโต ขตฺติยปริวาโรว อวิจริสฺสฯ ตํ โข ปเนส สมฺปตฺติํ ปหาย นิกฺขมิตฺวา สโมฺพธิํ ปโตฺต, อิทานิปิ ขตฺติยปริวาโรเยว วิจรตู’’ติ อุภยนครวาสิโน อฑฺฒติยานิ อฑฺฒติยานิ กุมารสตานิ อทํสุฯ ภควา เต ปพฺพาเชตฺวา มหาวนํ อคมาสิฯ เตสํ ครุคารววเสน น อตฺตโน รุจิยา ปพฺพชิตานํ อนภิรติ อุปฺปชฺชิฯ ปุราณทุติยิกาโยปิ เนสํ ‘‘อยฺยปุตฺตา อุกฺกณฺฐนฺตุ, ฆราวาโส น สณฺฐาตี’’ติอาทีนิ วตฺวา สาสนํ เปเสนฺติฯ เต อติเรกตรํ อุกฺกณฺฐิํสุฯ
Rājāno pasannā – ‘‘sace satthā nāgamissa, mayaṃ sahatthā aññamaññaṃyeva vadhitvā lohitanadiṃ pavattayissāma, amhākaṃ puttabhātaro gehadvāre na passeyyāma, sāsanapaṭisāsanampi no āharaṇako na bhavissati. Satthāraṃ nissāya no jīvitaṃ laddhaṃ. Sace pana satthā agāraṃ ajjhāvasissa, dvisahassadīpaparivāresu catūsu mahādīpesu rajjamassa hatthagataṃ abhavissa, atirekasahassaṃ kho panassa puttā abhavissaṃsu, tato khattiyaparivārova avicarissa. Taṃ kho panesa sampattiṃ pahāya nikkhamitvā sambodhiṃ patto, idānipi khattiyaparivāroyeva vicaratū’’ti ubhayanagaravāsino aḍḍhatiyāni aḍḍhatiyāni kumārasatāni adaṃsu. Bhagavā te pabbājetvā mahāvanaṃ agamāsi. Tesaṃ garugāravavasena na attano ruciyā pabbajitānaṃ anabhirati uppajji. Purāṇadutiyikāyopi nesaṃ ‘‘ayyaputtā ukkaṇṭhantu, gharāvāso na saṇṭhātī’’tiādīni vatvā sāsanaṃ pesenti. Te atirekataraṃ ukkaṇṭhiṃsu.
ภควา อาวชฺชโนฺต เตสํ อนภิรตภาวํ ญตฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขู มาทิเสน พุเทฺธน สทฺธิํ เอกโต วสนฺตา อุกฺกณฺฐนฺติ, หนฺท เนสํ กุณาลทหสฺส วณฺณํ กเถตฺวา ตตฺถ เนตฺวา อนภิรติํ วิโนเทสฺสามี’’ติ กุณาลทหสฺส วณฺณํ กเถสิฯ เต ตํ ทฎฺฐุกามา อเหสุํฯ ทฎฺฐุกามตฺถ, ภิกฺขเว, กุณาลทหนฺติ? อาม ภควาติฯ ยทิ เอวํ, เอถ, คจฺฉามาติฯ อิทฺธิมนฺตานํ ภควา คมนฎฺฐานํ มยํ กถํ คมิสฺสามาติ? ตุเมฺห คนฺตุกามา โหถ, อหํ มมานุภาเวน คเหตฺวา คมิสฺสามีติฯ สาธุ, ภเนฺตติฯ อถ ภควา ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา กุณาลทเห ปติฎฺฐาย เต ภิกฺขู อาห – ‘‘ภิกฺขเว, อิมสฺมิํ กุณาลทเห เยสํ มจฺฉานํ นามํ น ชานาถ, เตสํ นามํ ปุจฺฉถา’’ติฯ
Bhagavā āvajjanto tesaṃ anabhiratabhāvaṃ ñatvā ‘‘ime bhikkhū mādisena buddhena saddhiṃ ekato vasantā ukkaṇṭhanti, handa nesaṃ kuṇāladahassa vaṇṇaṃ kathetvā tattha netvā anabhiratiṃ vinodessāmī’’ti kuṇāladahassa vaṇṇaṃ kathesi. Te taṃ daṭṭhukāmā ahesuṃ. Daṭṭhukāmattha, bhikkhave, kuṇāladahanti? Āma bhagavāti. Yadi evaṃ, etha, gacchāmāti. Iddhimantānaṃ bhagavā gamanaṭṭhānaṃ mayaṃ kathaṃ gamissāmāti? Tumhe gantukāmā hotha, ahaṃ mamānubhāvena gahetvā gamissāmīti. Sādhu, bhanteti. Atha bhagavā pañca bhikkhusatāni gahetvā ākāse uppatitvā kuṇāladahe patiṭṭhāya te bhikkhū āha – ‘‘bhikkhave, imasmiṃ kuṇāladahe yesaṃ macchānaṃ nāmaṃ na jānātha, tesaṃ nāmaṃ pucchathā’’ti.
เต ปุจฺฉิํสุ, ภควา ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ กเถสิฯ น เกวลํ มจฺฉานํเยว, ตสฺมิํ วนสเณฺฑ รุกฺขานมฺปิ ปพฺพตปาเท ทฺวิปทจตุปฺปทสกุณานมฺปิ นามานิ ปุจฺฉาเปตฺวา กเถสิฯ อถ ทฺวีหิ สกุเณหิ มุขตุณฺฑเกน ฑํสิตฺวา คหิตทณฺฑเก นิสิโนฺน กุณาลสกุณราชา ปุรโต ปจฺฉโต อุโภสุ ปเสฺสสุ สกุณสงฺฆปริวุโต อาคจฺฉติฯ ภิกฺขู ตํ ทิสฺวา – ‘‘เอส, ภเนฺต, อิเมสํ สกุณานํ ราชา ภวิสฺสติ, ปริวารา เอเต เอตสฺสา’’ติ มญฺญามาติฯ เอวเมว, ภิกฺขเว, อยมฺปิ มม วํโส มม ปเวณีติฯ อิทานิ ตาว มยํ, ภเนฺต, เอเต สกุเณ ปสฺสามฯ ยํ ปน ภควา ‘‘อยมฺปิ มม วํโส มม ปเวณี’’ติ อาห, ตํ โสตุกามมฺหาติฯ โสตุกามตฺถ ภิกฺขเวติ? อาม, ภควาติฯ เตน หิ สุณาถาติ ตีหิ คาถาสเตหิ มเณฺฑตฺวา กุณาลชาตกํ กเถโนฺต อนภิรติํ วิโนเทสิฯ เทสนาปริโยสาเน สเพฺพปิ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิํสุ, มเคฺคเนว จ เนสํ อิทฺธิปิ อาคตาฯ ภควา – ‘‘โหตุ ตาว เอตฺตกํ เอเตสํ ภิกฺขูน’’นฺติ อากาเส อุปฺปติตฺวา มหาวนเมว อคมาสิฯ เตปิ ภิกฺขู คมนกาเล ทสพลสฺส อานุภาเวน คนฺตฺวา อาคมนกาเล อตฺตโน อานุภาเวน ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา มหาวเน โอตริํสุฯ
Te pucchiṃsu, bhagavā pucchitapucchitaṃ kathesi. Na kevalaṃ macchānaṃyeva, tasmiṃ vanasaṇḍe rukkhānampi pabbatapāde dvipadacatuppadasakuṇānampi nāmāni pucchāpetvā kathesi. Atha dvīhi sakuṇehi mukhatuṇḍakena ḍaṃsitvā gahitadaṇḍake nisinno kuṇālasakuṇarājā purato pacchato ubhosu passesu sakuṇasaṅghaparivuto āgacchati. Bhikkhū taṃ disvā – ‘‘esa, bhante, imesaṃ sakuṇānaṃ rājā bhavissati, parivārā ete etassā’’ti maññāmāti. Evameva, bhikkhave, ayampi mama vaṃso mama paveṇīti. Idāni tāva mayaṃ, bhante, ete sakuṇe passāma. Yaṃ pana bhagavā ‘‘ayampi mama vaṃso mama paveṇī’’ti āha, taṃ sotukāmamhāti. Sotukāmattha bhikkhaveti? Āma, bhagavāti. Tena hi suṇāthāti tīhi gāthāsatehi maṇḍetvā kuṇālajātakaṃ kathento anabhiratiṃ vinodesi. Desanāpariyosāne sabbepi sotāpattiphale patiṭṭhahiṃsu, maggeneva ca nesaṃ iddhipi āgatā. Bhagavā – ‘‘hotu tāva ettakaṃ etesaṃ bhikkhūna’’nti ākāse uppatitvā mahāvanameva agamāsi. Tepi bhikkhū gamanakāle dasabalassa ānubhāvena gantvā āgamanakāle attano ānubhāvena bhagavantaṃ parivāretvā mahāvane otariṃsu.
ภควา ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิตฺวา เต ภิกฺขู อามเนฺตตฺวา – ‘‘เอถ, ภิกฺขเว, นิสีทถ, อุปริมคฺคตฺตยวชฺฌานํ โว กิเลสานํ ปหานาย กมฺมฎฺฐานํ กเถสฺสามี’’ติ กมฺมฎฺฐานํ กเถสิฯ ภิกฺขู จิเนฺตสุํ – ‘‘ภควา อมฺหากํ อนภิรตภาวํ ญตฺวา กุณาลทหํ เนตฺวา อนภิรติํ วิโนเทสิ, ตตฺถ โสตาปตฺติผลปฺปตฺตานํ โน อิทานิ อิธ ติณฺณํ มคฺคานํ กมฺมฎฺฐานํ อทาสิ, น โข ปนเมฺหหิ ‘โสตาปนฺนา มย’นฺติ วีตินาเมตุํ วฎฺฎติ, อุตฺตมปุริสสทิเสหิ โน ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติ เต ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา อุฎฺฐาย นิสีทนํ ปโปฺผเฎตฺวา วิสุํ วิสุํ ปพฺภารรุกฺขมูเลสุ นิสีทิํสุฯ
Bhagavā paññattāsane nisīditvā te bhikkhū āmantetvā – ‘‘etha, bhikkhave, nisīdatha, uparimaggattayavajjhānaṃ vo kilesānaṃ pahānāya kammaṭṭhānaṃ kathessāmī’’ti kammaṭṭhānaṃ kathesi. Bhikkhū cintesuṃ – ‘‘bhagavā amhākaṃ anabhiratabhāvaṃ ñatvā kuṇāladahaṃ netvā anabhiratiṃ vinodesi, tattha sotāpattiphalappattānaṃ no idāni idha tiṇṇaṃ maggānaṃ kammaṭṭhānaṃ adāsi, na kho panamhehi ‘sotāpannā maya’nti vītināmetuṃ vaṭṭati, uttamapurisasadisehi no bhavituṃ vaṭṭatī’’ti te dasabalassa pāde vanditvā uṭṭhāya nisīdanaṃ papphoṭetvā visuṃ visuṃ pabbhārarukkhamūlesu nisīdiṃsu.
ภควา จิเนฺตสิ – ‘‘อิเม ภิกฺขู ปกติยาปิ อวิสฺสฎฺฐกมฺมฎฺฐานา, ลทฺธุปายสฺส ปน ภิกฺขุโน กิลมนการณํ นาม นตฺถิฯ คจฺฉนฺตา คจฺฉนฺตา จ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา – ‘‘อตฺตนา อตฺตนา ปฎิลทฺธคุณํ อาโรเจสฺสามา’ติ มม สนฺติกํ อาคมิสฺสนฺติฯ เอเตสุ อาคเตสุ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวตา เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติสฺสนฺติ, มหาสมโย ภวิสฺสติ, วิวิเตฺต โอกาเส มยา นิสีทิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ ตโต วิวิเตฺต โอกาเส พุทฺธาสนํ ปญฺญเปตฺวา นิสีทิฯ
Bhagavā cintesi – ‘‘ime bhikkhū pakatiyāpi avissaṭṭhakammaṭṭhānā, laddhupāyassa pana bhikkhuno kilamanakāraṇaṃ nāma natthi. Gacchantā gacchantā ca vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ patvā – ‘‘attanā attanā paṭiladdhaguṇaṃ ārocessāmā’ti mama santikaṃ āgamissanti. Etesu āgatesu dasasahassacakkavāḷe devatā ekacakkavāḷe sannipatissanti, mahāsamayo bhavissati, vivitte okāse mayā nisīdituṃ vaṭṭatī’’ti. Tato vivitte okāse buddhāsanaṃ paññapetvā nisīdi.
สพฺพปฐมํ กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา คตเถโร สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ ตโต อปโร ตโต อปโรติ ปญฺจสตาปิ ปทุมินิยํ ปทุมานิ วิย วิกสิํสุฯ สพฺพปฐมํ อรหตฺตปฺปตฺตภิกฺขุ – ‘‘ภควโต อาโรเจสฺสามี’’ติ ปลฺลงฺกํ วินิพฺภุชิตฺวา นิสีทนํ ปโปฺผเฎตฺวา อุฎฺฐาย ทสพลาภิมุโข อโหสิฯ เอวํ อปโรปิ อปโรปีติ ปญฺจสตาปิ ภตฺตสาลํ ปวิสนฺตา วิย ปฎิปาฎิยาว อาคมํสุฯ ปฐมํ อาคโต วนฺทิตฺวา นิสีทนํ ปญฺญเปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ปฎิลทฺธคุณํ อาโรเจตุกาโม – ‘‘อตฺถิ นุ โข อโญฺญ โกจิ, นตฺถี’’ติ นิวตฺติตฺวา อาคมนมคฺคํ โอโลเกโนฺต อปรมฺปิ อทฺทส อปรมฺปิ อทฺทสฯ อิติ สเพฺพปิ เต อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา อยํ อิมสฺส หรายมาโน น กเถสิ, อยํ อิมสฺส หรายมาโน น กเถสีติฯ ขีณาสวานํ กิร เทฺว อาการา โหนฺติ – ‘‘อโห วต มยา ปฎิลทฺธคุณํ สเทวโก โลโก ขิปฺปเมว ปฎิวิเชฺฌยฺยา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติฯ ปฎิลทฺธภาวํ ปน นิธิลทฺธปุริโส วิย น อญฺญสฺส อาโรเจตุกาโม โหติฯ
Sabbapaṭhamaṃ kammaṭṭhānaṃ gahetvā gatathero saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tato aparo tato aparoti pañcasatāpi paduminiyaṃ padumāni viya vikasiṃsu. Sabbapaṭhamaṃ arahattappattabhikkhu – ‘‘bhagavato ārocessāmī’’ti pallaṅkaṃ vinibbhujitvā nisīdanaṃ papphoṭetvā uṭṭhāya dasabalābhimukho ahosi. Evaṃ aparopi aparopīti pañcasatāpi bhattasālaṃ pavisantā viya paṭipāṭiyāva āgamaṃsu. Paṭhamaṃ āgato vanditvā nisīdanaṃ paññapetvā ekamantaṃ nisīditvā paṭiladdhaguṇaṃ ārocetukāmo – ‘‘atthi nu kho añño koci, natthī’’ti nivattitvā āgamanamaggaṃ olokento aparampi addasa aparampi addasa. Iti sabbepi te āgantvā ekamantaṃ nisīditvā ayaṃ imassa harāyamāno na kathesi, ayaṃ imassa harāyamāno na kathesīti. Khīṇāsavānaṃ kira dve ākārā honti – ‘‘aho vata mayā paṭiladdhaguṇaṃ sadevako loko khippameva paṭivijjheyyā’’ti cittaṃ uppajjati. Paṭiladdhabhāvaṃ pana nidhiladdhapuriso viya na aññassa ārocetukāmo hoti.
เอวํ โอสีทมเตฺต ปน ตสฺมิํ อริยมณฺฑเล ปาจีนยุคนฺธรปริเกฺขปโต อพฺภา, มหิกา, ธูโม, รโช, ราหูติ อิเมหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺตํ พุทฺธุปฺปาทปฎิมณฺฑิตสฺส โลกสฺส รามเณยฺยกทสฺสนตฺถํ ปาจีนทิสาย อุกฺขิตฺตรชตมยมหาอาทาสมณฺฑลํ วิย, เนมิวฎฺฎิยํ คเหตฺวา ปริวตฺติยมานรชตจกฺกสสฺสิริกํ ปุณฺณจนฺทมณฺฑลํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อนิลปถํ ปฎิปชฺชิตฺถฯ อิติ เอวรูเป ขเณ ลเย มุหุเตฺต ภควา สเกฺกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ มหาวเน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ สเพฺพเหว อรหเนฺตหิฯ
Evaṃ osīdamatte pana tasmiṃ ariyamaṇḍale pācīnayugandharaparikkhepato abbhā, mahikā, dhūmo, rajo, rāhūti imehi upakkilesehi vippamuttaṃ buddhuppādapaṭimaṇḍitassa lokassa rāmaṇeyyakadassanatthaṃ pācīnadisāya ukkhittarajatamayamahāādāsamaṇḍalaṃ viya, nemivaṭṭiyaṃ gahetvā parivattiyamānarajatacakkasassirikaṃ puṇṇacandamaṇḍalaṃ ullaṅghitvā anilapathaṃ paṭipajjittha. Iti evarūpe khaṇe laye muhutte bhagavā sakkesu viharati kapilavatthusmiṃ mahāvane mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi sabbeheva arahantehi.
ตตฺถ ภควาปิ มหาสมฺมตสฺส วํเส อุปฺปโนฺน, เตปิ ปญฺจสตา ภิกฺขู มหาสมฺมตสฺส กุเล อุปฺปนฺนาฯ ภควาปิ ขตฺติยคเพฺภ ชาโต, เตปิ ขตฺติยคเพฺภ ชาตาฯ ภควาปิ ราชปพฺพชิโต, เตปิ ราชปพฺพชิตาฯ ภควาปิ เสตจฺฉตฺตํ ปหาย หตฺถคตํ จกฺกวตฺติรชฺชํ นิสฺสเชฺชตฺวา ปพฺพชิโต, เตปิ เสตจฺฉตฺตํ ปหาย หตฺถคตานิ รชฺชานิ นิสฺสเชฺชตฺวา ปพฺพชิตาฯ อิติ ภควา ปริสุเทฺธ โอกาเส ปริสุเทฺธ รตฺติภาเค สยํ ปริสุโทฺธ ปริสุทฺธปริวาโร วีตราโค วีตราคปริวาโร วีตโทโส วีตโทสปริวาโร วีตโมโห วีตโมหปริวาโร นิตฺตโณฺห นิตฺตณฺหปริวาโร นิกฺกิเลโส นิกฺกิเลสปริวาโร สโนฺต สนฺตปริวาโร ทโนฺต ทนฺตปริวาโร มุโตฺต มุตฺตปริวาโร อติวิย วิโรจตีติฯ วณฺณภูมิ นาเมสา, ยตฺตกํ สโกฺกติ, ตตฺตกํ วตฺตพฺพํฯ อิติ อิเม ภิกฺขู สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ สเพฺพเหว อรหเนฺตหี’’ติฯ
Tattha bhagavāpi mahāsammatassa vaṃse uppanno, tepi pañcasatā bhikkhū mahāsammatassa kule uppannā. Bhagavāpi khattiyagabbhe jāto, tepi khattiyagabbhe jātā. Bhagavāpi rājapabbajito, tepi rājapabbajitā. Bhagavāpi setacchattaṃ pahāya hatthagataṃ cakkavattirajjaṃ nissajjetvā pabbajito, tepi setacchattaṃ pahāya hatthagatāni rajjāni nissajjetvā pabbajitā. Iti bhagavā parisuddhe okāse parisuddhe rattibhāge sayaṃ parisuddho parisuddhaparivāro vītarāgo vītarāgaparivāro vītadoso vītadosaparivāro vītamoho vītamohaparivāro nittaṇho nittaṇhaparivāro nikkileso nikkilesaparivāro santo santaparivāro danto dantaparivāro mutto muttaparivāro ativiya virocatīti. Vaṇṇabhūmi nāmesā, yattakaṃ sakkoti, tattakaṃ vattabbaṃ. Iti ime bhikkhū sandhāya vuttaṃ – ‘‘pañcamattehi bhikkhusatehi sabbeheva arahantehī’’ti.
เยภุเยฺยนาติ พหุตรา สนฺนิปติตา, มนฺทา น สนฺนิปติตา อสญฺญา อรูปาวจรเทวตา สมาปนฺนเทวตา จฯ ตตฺรายํ สนฺนิปาตกฺกโม มหาวนสฺส กิร สามนฺตา เทวตา จลิํสุ – ‘‘อายาม, โภ พุทฺธทสฺสนํ นาม พหูปการํ, ธมฺมสฺสวนํ พหูปการํ, ภิกฺขุสงฺฆทสฺสนํ พหูปการํ, อายาม อายามา’’ติ มหาสทฺทํ กุรุมานา อาคนฺตฺวา ภควนฺตญฺจ ตํมุหุตฺตํ อรหตฺตปฺปตฺตขีณาสเว จ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอเตเนว อุปาเยน ตาสํ ตาสํ สทฺทํ สุตฺวา สทฺทนฺตรอฑฺฒคาวุตคาวุตอฑฺฒโยชนโยชนาทิวเสน ติโยชนสหสฺสวิตฺถเต หิมวเนฺต, ติกฺขตฺตุํ เตสฎฺฐิยา นครสหเสฺสสุ, นวนวุติยา โทณมุขสตสหเสฺสสุ, ฉนฺนวุติยา ปฎฺฎนโกฎิสตสหเสฺสสุ, ฉปณฺณาสาย รตนากเรสูติ สกลชมฺพุทีเป, ปุพฺพวิเทเห, อปรโคยาเน, อุตฺตรกุรุมฺหิ, ทฺวีสุ ปริตฺตทีปสหเสฺสสูติ สกลจกฺกวาเฬ, ตโต ทุติยตติยจกฺกวาเฬติ เอวํ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตา สนฺนิปติตาติ เวทิตพฺพาฯ ทสสหสฺสจกฺกวาฬญฺหิ อิธ ทสโลกธาตุโยติ อธิเปฺปตาฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ทสหิ จ โลกธาตูหิ เทวตา เยภุเยฺยน สนฺนิปติตา โหนฺตี’’ติฯ
Yebhuyyenāti bahutarā sannipatitā, mandā na sannipatitā asaññā arūpāvacaradevatā samāpannadevatā ca. Tatrāyaṃ sannipātakkamo mahāvanassa kira sāmantā devatā caliṃsu – ‘‘āyāma, bho buddhadassanaṃ nāma bahūpakāraṃ, dhammassavanaṃ bahūpakāraṃ, bhikkhusaṅghadassanaṃ bahūpakāraṃ, āyāma āyāmā’’ti mahāsaddaṃ kurumānā āgantvā bhagavantañca taṃmuhuttaṃ arahattappattakhīṇāsave ca vanditvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Eteneva upāyena tāsaṃ tāsaṃ saddaṃ sutvā saddantaraaḍḍhagāvutagāvutaaḍḍhayojanayojanādivasena tiyojanasahassavitthate himavante, tikkhattuṃ tesaṭṭhiyā nagarasahassesu, navanavutiyā doṇamukhasatasahassesu, channavutiyā paṭṭanakoṭisatasahassesu, chapaṇṇāsāya ratanākaresūti sakalajambudīpe, pubbavidehe, aparagoyāne, uttarakurumhi, dvīsu parittadīpasahassesūti sakalacakkavāḷe, tato dutiyatatiyacakkavāḷeti evaṃ dasasahassacakkavāḷesu devatā sannipatitāti veditabbā. Dasasahassacakkavāḷañhi idha dasalokadhātuyoti adhippetā. Tena vuttaṃ – ‘‘dasahi ca lokadhātūhi devatā yebhuyyena sannipatitā hontī’’ti.
เอวํ สนฺนิปติตาหิ เทวตาหิ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ยาว พฺรหฺมโลกา สูจิฆเร นิรนฺตรํ ปกฺขิตฺตสูจีหิ วิย ปริปุณฺณํ โหติฯ ตตฺร พฺรหฺมโลกสฺส เอวํ อุจฺจตฺตนํ เวทิตพฺพํฯ โลหปาสาเท กิร สตฺตกูฎาคารสโม ปาสาโณ พฺรหฺมโลเก ฐตฺวา อโธ ขิโตฺต จตูหิ มาเสหิ ปถวิํ ปาปุณาติฯ เอวํ มหเนฺต โอกาเส ยถา เหฎฺฐา ฐตฺวา ขิตฺตานิ ปุปฺผานิ วา ธูโม วา อุปริ คนฺตุํ, อุปริ วา ฐตฺวา ขิตฺตสาสปา เหฎฺฐา โอตริตุํ อนฺตรํ น ลภนฺติ, เอวํ นิรนฺตรํ เทวตา อเหสุํฯ ยถา โข ปน จกฺกวตฺติรโญฺญ นิสินฺนฎฺฐานํ อสมฺพาธํ โหติ, อาคตาคตา มเหสกฺขา ขตฺติยา โอกาสํ ลภนฺติเยว, ปรโต ปรโต ปน อติสมฺพาธํ โหติ, เอวเมว ภควโต นิสินฺนฎฺฐานํ อสมฺพาธํ, อาคตาคตา มเหสกฺขา เทวตา จ มหาพฺรหฺมาโน จ โอกาสํ ลภนฺติเยวฯ อปิสุทํ ภควโต อาสนฺนาสนฺนฎฺฐาเน มหาปรินิพฺพาเน วุตฺตนเยเนว วาลคฺคโกฎินิตุทนมเตฺต ปเทเส ทสปิ วีสมฺปิ สพฺพปรโต ติํสมฺปิ เทวตา สุขุเม สุขุเม อตฺตภาเว มาเปตฺวา อฎฺฐํสุฯ สฎฺฐิ สฎฺฐิ เทวตา อฎฺฐํสุฯ
Evaṃ sannipatitāhi devatāhi sakalacakkavāḷagabbhaṃ yāva brahmalokā sūcighare nirantaraṃ pakkhittasūcīhi viya paripuṇṇaṃ hoti. Tatra brahmalokassa evaṃ uccattanaṃ veditabbaṃ. Lohapāsāde kira sattakūṭāgārasamo pāsāṇo brahmaloke ṭhatvā adho khitto catūhi māsehi pathaviṃ pāpuṇāti. Evaṃ mahante okāse yathā heṭṭhā ṭhatvā khittāni pupphāni vā dhūmo vā upari gantuṃ, upari vā ṭhatvā khittasāsapā heṭṭhā otarituṃ antaraṃ na labhanti, evaṃ nirantaraṃ devatā ahesuṃ. Yathā kho pana cakkavattirañño nisinnaṭṭhānaṃ asambādhaṃ hoti, āgatāgatā mahesakkhā khattiyā okāsaṃ labhantiyeva, parato parato pana atisambādhaṃ hoti, evameva bhagavato nisinnaṭṭhānaṃ asambādhaṃ, āgatāgatā mahesakkhā devatā ca mahābrahmāno ca okāsaṃ labhantiyeva. Apisudaṃ bhagavato āsannāsannaṭṭhāne mahāparinibbāne vuttanayeneva vālaggakoṭinitudanamatte padese dasapi vīsampi sabbaparato tiṃsampi devatā sukhume sukhume attabhāve māpetvā aṭṭhaṃsu. Saṭṭhi saṭṭhi devatā aṭṭhaṃsu.
สุทฺธาวาสกายิกานนฺติ สุทฺธาวาสวาสีนํฯ สุทฺธาวาสา นาม สุทฺธานํ อนาคามิขีณาสวานํ อาวาสา ปญฺจ พฺรหฺมโลกาฯ เอตทโหสีติ กสฺมา อโหสิ? เต กิร พฺรหฺมาโน สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา ยถาปริเจฺฉเทน วุฎฺฐิตา พฺรหฺมภวนํ โอโลเกนฺตา ปจฺฉาภเตฺต ภตฺตเคหํ วิย สุญฺญตํ อทฺทสํสุฯ ตโต ‘‘กุหิํ พฺรหฺมาโน คตา’’ติ อาวชฺชนฺตา มหาสมาคมํ ญตฺวา – ‘‘อยํ สมาคโม มหา, มยํ โอหีนา, โอหีนกานํ โอกาโส ทุลฺลโภ โหติ, ตสฺมา คจฺฉนฺตา อตุจฺฉหตฺถา หุตฺวา เอเกกํ คาถํ อภิสงฺขริตฺวา คจฺฉามฯ ตาย มหาสมาคเม จ อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปสฺสาม, ทสพลสฺส จ วณฺณํ ภาสิสฺสามา’’ติฯ อิติ เตสํ สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย อาวชฺชิตตฺตา เอตทโหสิฯ
Suddhāvāsakāyikānanti suddhāvāsavāsīnaṃ. Suddhāvāsā nāma suddhānaṃ anāgāmikhīṇāsavānaṃ āvāsā pañca brahmalokā. Etadahosīti kasmā ahosi? Te kira brahmāno samāpattiṃ samāpajjitvā yathāparicchedena vuṭṭhitā brahmabhavanaṃ olokentā pacchābhatte bhattagehaṃ viya suññataṃ addasaṃsu. Tato ‘‘kuhiṃ brahmāno gatā’’ti āvajjantā mahāsamāgamaṃ ñatvā – ‘‘ayaṃ samāgamo mahā, mayaṃ ohīnā, ohīnakānaṃ okāso dullabho hoti, tasmā gacchantā atucchahatthā hutvā ekekaṃ gāthaṃ abhisaṅkharitvā gacchāma. Tāya mahāsamāgame ca attano āgatabhāvaṃ jānāpessāma, dasabalassa ca vaṇṇaṃ bhāsissāmā’’ti. Iti tesaṃ samāpattito vuṭṭhāya āvajjitattā etadahosi.
๓๓๒. ภควโต ปุรโต ปาตุรเหสุนฺติ ปาฬิยํ ภควโต สนฺติเก อภิมุขฎฺฐาเนเยว โอติณฺณา วิย กตฺวา วุตฺตา, น โข ปเนตฺถ เอวํ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เต ปน พฺรหฺมโลเก ฐิตาเยว คาถา อภิสงฺขริตฺวา เอโก ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ โอตริ, เอโก ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ, เอโก ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ, เอโก อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ โอตริฯ ตโต ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ โอติณฺณพฺรหฺมา นีลกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา นีลรสฺมิโย วิสฺสชฺชิตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ มณิจมฺมํ ปฎิมุญฺจโนฺต วิย อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา พุทฺธวีถิ นาม เกนจิ โอตฺถริตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ปหฎพุทฺธวีถิยาว อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต อตฺตนา อภิสงฺขตํ คาถํ อภาสิฯ
332.Bhagavato purato pāturahesunti pāḷiyaṃ bhagavato santike abhimukhaṭṭhāneyeva otiṇṇā viya katvā vuttā, na kho panettha evaṃ attho veditabbo. Te pana brahmaloke ṭhitāyeva gāthā abhisaṅkharitvā eko puratthimacakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ otari, eko dakkhiṇacakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ, eko pacchimacakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ, eko uttaracakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ otari. Tato puratthimacakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ otiṇṇabrahmā nīlakasiṇaṃ samāpajjitvā nīlarasmiyo vissajjitvā dasasahassacakkavāḷadevatānaṃ maṇicammaṃ paṭimuñcanto viya attano āgatabhāvaṃ jānāpetvā buddhavīthi nāma kenaci ottharituṃ na sakkā, tasmā pahaṭabuddhavīthiyāva āgantvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito attanā abhisaṅkhataṃ gāthaṃ abhāsi.
ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ โอติณฺณพฺรหฺมาปิ ปีตกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา ปีตรสฺมิโย สุวณฺณปภํ มุญฺจิตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ สุวณฺณปฎํ ปารุเปโนฺต วิย อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา ตเถว อฎฺฐาสิฯ ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ โอติณฺณพฺรหฺมาปิ โลหิตกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา โลหิตรสฺมิโย มุญฺจิตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ รตฺตวรกมฺพเลน ปริกฺขิปโนฺต วิย อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา ตเถว อฎฺฐาสิฯ อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ โอติณฺณพฺรหฺมาปิ โอทาตกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา โอทาตรสฺมิโย มุญฺจิตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ สุมนปฎํ ปารุปโนฺต วิย อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา ตเถว อฎฺฐาสิฯ
Dakkhiṇacakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ otiṇṇabrahmāpi pītakasiṇaṃ samāpajjitvā pītarasmiyo suvaṇṇapabhaṃ muñcitvā dasasahassacakkavāḷadevatānaṃ suvaṇṇapaṭaṃ pārupento viya attano āgatabhāvaṃ jānāpetvā tatheva aṭṭhāsi. Pacchimacakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ otiṇṇabrahmāpi lohitakasiṇaṃ samāpajjitvā lohitarasmiyo muñcitvā dasasahassacakkavāḷadevatānaṃ rattavarakambalena parikkhipanto viya attano āgatabhāvaṃ jānāpetvā tatheva aṭṭhāsi. Uttaracakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ otiṇṇabrahmāpi odātakasiṇaṃ samāpajjitvā odātarasmiyo muñcitvā dasasahassacakkavāḷadevatānaṃ sumanapaṭaṃ pārupanto viya attano āgatabhāvaṃ jānāpetvā tatheva aṭṭhāsi.
ปาฬิยํ ปน ‘‘ภควโต ปุรโต ปาตุรเหสุํฯ อถ โข ตา เทวตา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสู’’ติ เอวํ เอกกฺขณํ วิย ปุรโต ปาตุภาโว จ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ฐิตภาโว จ วุโตฺต, โส อิมินา อนุกฺกเมน อโหสิ, เอกโต กตฺวา ปน ทสฺสิโตฯ คาถาภาสนํ ปน ปาฬิยํ วิสุํ วิสุํเยว วุตฺตํฯ
Pāḷiyaṃ pana ‘‘bhagavato purato pāturahesuṃ. Atha kho tā devatā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsū’’ti evaṃ ekakkhaṇaṃ viya purato pātubhāvo ca abhivādetvā ekamantaṃ ṭhitabhāvo ca vutto, so iminā anukkamena ahosi, ekato katvā pana dassito. Gāthābhāsanaṃ pana pāḷiyaṃ visuṃ visuṃyeva vuttaṃ.
ตตฺถ มหาสมโยติ มหาสมูโหฯ ปวนํ วุจฺจติ วนสโณฺฑฯ อุภเยนปิ ภควา อิมสฺมิํ วนสเณฺฑ อชฺช มหาสมูโห มหาสนฺนิปาโตติ อาหฯ ตโต เยสํ โส สนฺนิปาโต, เต ทเสฺสตุํ เทวกายา สมาคตาติ อาหฯ ตตฺถ เทวกายาติ เทวฆฎาฯ อาคตมฺห อิมํ ธมฺมสมยนฺติ เอวํ สมาคเต เทวกาเย ทิสฺวา มยมฺปิ อิมํ ธมฺมสมูหํ อาคตาฯ กิํ การณา? ทกฺขิตาเย อปราชิตสงฺฆํ, เกนจิ อปราชิตํ อเชฺชว ตโย มาเร มทฺทิตฺวา วิชิตสงฺคามํ อิมํ อปราชิตสงฺฆํ ทสฺสนตฺถาย อาคตมฺหาติ อโตฺถฯ โส ปน พฺรหฺมา อิมํ คาถํ ภาสิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํเยว อฎฺฐาสิฯ
Tattha mahāsamayoti mahāsamūho. Pavanaṃ vuccati vanasaṇḍo. Ubhayenapi bhagavā imasmiṃ vanasaṇḍe ajja mahāsamūho mahāsannipātoti āha. Tato yesaṃ so sannipāto, te dassetuṃ devakāyāsamāgatāti āha. Tattha devakāyāti devaghaṭā. Āgatamha imaṃ dhammasamayanti evaṃ samāgate devakāye disvā mayampi imaṃ dhammasamūhaṃ āgatā. Kiṃ kāraṇā? Dakkhitāye aparājitasaṅghaṃ, kenaci aparājitaṃ ajjeva tayo māre madditvā vijitasaṅgāmaṃ imaṃ aparājitasaṅghaṃ dassanatthāya āgatamhāti attho. So pana brahmā imaṃ gāthaṃ bhāsitvā bhagavantaṃ abhivādetvā puratthimacakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃyeva aṭṭhāsi.
อถ ทุติโย วุตฺตนเยเนว อาคนฺตฺวา อภาสิฯ ตตฺถ ตตฺร ภิกฺขโวติ ตสฺมิํ สนฺนิปาตฎฺฐาเน ภิกฺขูฯ สมาทหํสูติ สมาธินา โยเชสุํฯ จิตฺตมตฺตโน อุชุกํ อกํสูติ อตฺตโน จิตฺตํ สเพฺพ วงฺกกุฎิลชิมฺหภาเว หริตฺวา อุชุกํ อกริํสุฯ สารถีว เนตฺตานิ คเหตฺวาติ ยถา สมปฺปวเตฺตสุ สินฺธเวสุ โอธสฺตปโตโท สารถิ สพฺพโยตฺตานิ คเหตฺวา อโจเทโนฺต อวาเรโนฺต ติฎฺฐติ, เอวํ ฉฬงฺคุเปกฺขาสมนฺนาคตา คุตฺตทฺวารา สเพฺพเปเต ปญฺจสตา ภิกฺขู อินฺทฺริยานิ รกฺขนฺติ ปณฺฑิตา, เอเต ทฎฺฐุํ อิธาคตมฺห ภควาติฯ โสปิ คนฺตฺวา ยถาฐาเนเยว อฎฺฐาสิฯ
Atha dutiyo vuttanayeneva āgantvā abhāsi. Tattha tatra bhikkhavoti tasmiṃ sannipātaṭṭhāne bhikkhū. Samādahaṃsūti samādhinā yojesuṃ. Cittamattano ujukaṃ akaṃsūti attano cittaṃ sabbe vaṅkakuṭilajimhabhāve haritvā ujukaṃ akariṃsu. Sārathīva nettāni gahetvāti yathā samappavattesu sindhavesu odhastapatodo sārathi sabbayottāni gahetvā acodento avārento tiṭṭhati, evaṃ chaḷaṅgupekkhāsamannāgatā guttadvārā sabbepete pañcasatā bhikkhū indriyāni rakkhanti paṇḍitā, ete daṭṭhuṃ idhāgatamha bhagavāti. Sopi gantvā yathāṭhāneyeva aṭṭhāsi.
อถ ตติโย วุตฺตนเยเนว อาคนฺตฺวา อภาสิฯ ตตฺถ เฉตฺวา ขีลนฺติ ราคโทสโมหขีลํ ฉินฺทิตฺวาฯ ปลิฆนฺติ ราคโทสโมหปลิฆเมวฯ อินฺทขีลนฺติปิ ราคโทสโมหอินฺทขีลเมวฯ อูหจฺจ มเนชาติ เอเต ตณฺหาเอชาย อภาเวน อเนชา ภิกฺขู อินฺทขีลํ อูหจฺจ สมูหนิตฺวาฯ เต จรนฺตีติ จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฎิหตจาริกํ จรนฺติฯ สุทฺธาติ นิรุปกฺกิเลสาฯ วิมลาติ นิมฺมลาฯ อิทํ ตเสฺสว เววจนํฯ จกฺขุมตาติ ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมเนฺตนฯ สุทนฺตาติ จกฺขุโตปิ ทนฺตา, โสตโตปิ ฆานโตปิ ชิวฺหาโตปิ กายโตปิ มนโตปิ ทนฺตาฯ สุสุนาคาติ ตรุณนาคาฯ เต เอวรูเปน อนุตฺตเรน โยคาจริเยน ทมิเต ตรุณนาเค ทสฺสนาย อาคตมฺห ภควาติฯ โสปิ คนฺตฺวา ยถาฐาเนเยว อฎฺฐาสิฯ
Atha tatiyo vuttanayeneva āgantvā abhāsi. Tattha chetvā khīlanti rāgadosamohakhīlaṃ chinditvā. Palighanti rāgadosamohapalighameva. Indakhīlantipi rāgadosamohaindakhīlameva. Ūhacca manejāti ete taṇhāejāya abhāvena anejā bhikkhū indakhīlaṃ ūhacca samūhanitvā. Te carantīti catūsu disāsu appaṭihatacārikaṃ caranti. Suddhāti nirupakkilesā. Vimalāti nimmalā. Idaṃ tasseva vevacanaṃ. Cakkhumatāti pañcahi cakkhūhi cakkhumantena. Sudantāti cakkhutopi dantā, sotatopi ghānatopi jivhātopi kāyatopi manatopi dantā. Susunāgāti taruṇanāgā. Te evarūpena anuttarena yogācariyena damite taruṇanāge dassanāya āgatamha bhagavāti. Sopi gantvā yathāṭhāneyeva aṭṭhāsi.
อถ จตุโตฺถ วุตฺตนเยเนว อาคนฺตฺวา อภาสิฯ ตตฺถ คตาเสติ นิเพฺพมติกสรณคมเนน คตาฯ โสปิ คนฺตฺวา ยถาฐาเนเยว อฎฺฐาสิฯ
Atha catuttho vuttanayeneva āgantvā abhāsi. Tattha gatāseti nibbematikasaraṇagamanena gatā. Sopi gantvā yathāṭhāneyeva aṭṭhāsi.
เทวตาสนฺนิปาตวณฺณนา
Devatāsannipātavaṇṇanā
๓๓๓. อถ ภควา โอโลเกโนฺต ปถวีตลโต ยาว จกฺกวาฬมุขวฎฺฎิปริเจฺฉทา ยาว อกนิฎฺฐพฺรหฺมโลกา เทวตาสนฺนิปาตํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘มหา อยํ เทวตาสมาคโม, ภิกฺขู ปน เอวํ มหา เทวตาย สมาคโมติ น ชานนฺติ, หนฺท, เนสํ อาจิกฺขามี’’ติ, เอวํ จิเนฺตตฺวา ‘‘อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสี’’ติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํฯ ตตฺถ เอตปรมาติ เอตํ ปรมํ ปมาณํ เอเตสนฺติ เอตปรมาฯ อิทานิ พุทฺธานํ ปน อภาวา ‘‘เยปิ เต, ภิกฺขเว, เอตรหี’’ติ ตติโย วาโร น วุโตฺตฯ อาจิกฺขิสฺสามิ, ภิกฺขเวติ กสฺมา อาห? เทวตานํ จิตฺตกลฺลตาชนนตฺถํฯ เทวตา กิร จิเนฺตสุํ – ‘‘ภควา เอวํ มหเนฺต สมาคเม มเหสกฺขานํเยว เทวตานํ นามโคตฺตานิ กเถสฺสติ, อเปฺปสกฺขานํ กิํ กเถสฺสตี’’ติ? อถ ภควา ‘‘อิมา เทวตา กิํ จิเนฺตนฺตี’’ติ อาวชฺชโนฺต มุเขน หตฺถํ ปเวเสตฺวา หทยมํสํ มทฺทโนฺต วิย สภณฺฑํ โจรํ คณฺหโนฺต วิย จ ตํ ตาสํ จิตฺตาจารํ ญตฺวา – ‘‘ทสสหสฺสจกฺกวาฬโต อาคตาคตานํ อเปฺปสกฺขมเหสกฺขานํ สพฺพาสมฺปิ เทวตานํ นามโคตฺตํ กเถสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ
333. Atha bhagavā olokento pathavītalato yāva cakkavāḷamukhavaṭṭiparicchedā yāva akaniṭṭhabrahmalokā devatāsannipātaṃ disvā cintesi – ‘‘mahā ayaṃ devatāsamāgamo, bhikkhū pana evaṃ mahā devatāya samāgamoti na jānanti, handa, nesaṃ ācikkhāmī’’ti, evaṃ cintetvā ‘‘atha kho bhagavā bhikkhū āmantesī’’ti sabbaṃ vitthāretabbaṃ. Tattha etaparamāti etaṃ paramaṃ pamāṇaṃ etesanti etaparamā. Idāni buddhānaṃ pana abhāvā ‘‘yepi te, bhikkhave, etarahī’’ti tatiyo vāro na vutto. Ācikkhissāmi, bhikkhaveti kasmā āha? Devatānaṃ cittakallatājananatthaṃ. Devatā kira cintesuṃ – ‘‘bhagavā evaṃ mahante samāgame mahesakkhānaṃyeva devatānaṃ nāmagottāni kathessati, appesakkhānaṃ kiṃ kathessatī’’ti? Atha bhagavā ‘‘imā devatā kiṃ cintentī’’ti āvajjanto mukhena hatthaṃ pavesetvā hadayamaṃsaṃ maddanto viya sabhaṇḍaṃ coraṃ gaṇhanto viya ca taṃ tāsaṃ cittācāraṃ ñatvā – ‘‘dasasahassacakkavāḷato āgatāgatānaṃ appesakkhamahesakkhānaṃ sabbāsampi devatānaṃ nāmagottaṃ kathessāmī’’ti cintesi.
พุทฺธา นาม มหนฺตา เอเต สตฺตวิเสสา, ยํ สเทวกสฺส โลกสฺส ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, น กิญฺจิ กตฺถจิ นีลาทิวเสน วิภตฺตรูปารมฺมเณสุ รูปารมฺมณํ วา เภรีสทฺทาทิวเสน วิภตฺตสทฺทารมฺมณาทีสุ วิสุํ วิสุํ สทฺทาทิอารมฺมณํ วา อตฺถิ, ยํ เอเตสํ ญาณมุเข อาปาถํ นาคจฺฉติฯ ยถาห –
Buddhā nāma mahantā ete sattavisesā, yaṃ sadevakassa lokassa diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ pattaṃ pariyesitaṃ anuvicaritaṃ manasā, na kiñci katthaci nīlādivasena vibhattarūpārammaṇesu rūpārammaṇaṃ vā bherīsaddādivasena vibhattasaddārammaṇādīsu visuṃ visuṃ saddādiārammaṇaṃ vā atthi, yaṃ etesaṃ ñāṇamukhe āpāthaṃ nāgacchati. Yathāha –
‘‘ยํ ภิกฺขเว สเทวกสฺส โลกสฺส…เป.… สเทวมนุสฺสาย ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ, ตมหํ ปสฺสามิ, ตมหํ อพฺภญฺญาสิ’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๒๔)ฯ
‘‘Yaṃ bhikkhave sadevakassa lokassa…pe… sadevamanussāya diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ pattaṃ pariyesitaṃ anuvicaritaṃ manasā, tamahaṃ jānāmi, tamahaṃ passāmi, tamahaṃ abbhaññāsi’’nti (a. ni. 4.24).
เอวํ สพฺพตฺถ อปฺปฎิหตญาโณ ภควา สพฺพาปิ ตา เทวตา ภพฺพาภพฺพวเสน เทฺว โกฎฺฐาเส อกาสิฯ ‘‘กมฺมาวรเณน วา สมนฺนาคตา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตา สตฺตา อภพฺพา นามฯ เต เอกวิหาเร วสเนฺตปิ พุทฺธา น โอโลเกนฺติฯ วิปรีตา ปน ภพฺพา นาม, เต ทูเร วสเนฺตปิ คนฺตฺวา สงฺคณฺหนฺติฯ ตสฺมา ตสฺมิมฺปิ เทวตาสนฺนิปาเต เย อภพฺพา, เต ปหาย ภเพฺพ ปริคฺคเหสิฯ ปริคฺคเหตฺวา – ‘‘เอตฺตกา เอตฺถ ราคจริตา, เอตฺตกา โทสจริตา, เอตฺตกา โมหจริตา’’ติ จริตวเสน ฉ โกฎฺฐาเส อกาสิฯ อถ เนสํ สปฺปายํ ธมฺมเทสนํ อุปธารยโนฺต – ‘‘ราคจริตานํ เทวตานํ สมฺมาปริพฺพาชนิยสุตฺตํ กเถสฺสามิ, โทสจริตานํ กลหวิวาทสุตฺตํ, โมหจริตานํ มหาพฺยูหสุตฺตํ, วิตกฺกจริตานํ จูฬพฺยูหสุตฺตํ, สทฺธาจริตานํ ตุวฎฺฎกปฎิปทํ, พุทฺธิจริตานํ ปุราเภทสุตฺตํ กเถสฺสามี’’ติ เทสนํ ววตฺถเปตฺวา ปุน ตํ ปริสํ มนสากาสิ – ‘‘อตฺตชฺฌาสเยน นุ โข ชาเนยฺย, ปรชฺฌาสเยน อตฺถุปฺปตฺติเกน ปุจฺฉาวเสนา’’ติฯ ตโต ‘‘ปุจฺฉาวเสน ชาเนยฺยา’’ติ ญตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ เทวตานํ อชฺฌาสยํ คเหตฺวา จริตวเสน ปญฺหํ ปุจฺฉิตุํ สมโตฺถ’’ติ ‘‘เตสุ ปญฺจสเตสุ ภิกฺขูสุ เอโกปิ น สโกฺกตี’’ติ อทฺทสฯ ตโต อสีติมหาสาวเก เทฺว อคฺคสาวเก จ สมนฺนาหริตฺวา ‘‘เตปิ น สโกฺกนฺตี’’ติ ทิสฺวา จิเนฺตสิ ‘‘สเจ ปเจฺจกพุโทฺธ ภเวยฺย, สกฺกุเณยฺย นุ โข’’ติ ‘‘โสปิ น สกฺกุเณยฺยา’’ติ ญตฺวา ‘‘สกฺกสุยามาทีสุ โกจิ สกฺกุเณยฺยา’’ติ สมนฺนาหริฯ สเจ หิ เตสุ โกจิ สกฺกุเณยฺย, ตํ ปุจฺฉาเปตฺวา อตฺตนา วิสฺสเชฺชยฺย, น ปน เตสุปิ โกจิ สโกฺกติฯ
Evaṃ sabbattha appaṭihatañāṇo bhagavā sabbāpi tā devatā bhabbābhabbavasena dve koṭṭhāse akāsi. ‘‘Kammāvaraṇena vā samannāgatā’’tiādinā nayena vuttā sattā abhabbā nāma. Te ekavihāre vasantepi buddhā na olokenti. Viparītā pana bhabbā nāma, te dūre vasantepi gantvā saṅgaṇhanti. Tasmā tasmimpi devatāsannipāte ye abhabbā, te pahāya bhabbe pariggahesi. Pariggahetvā – ‘‘ettakā ettha rāgacaritā, ettakā dosacaritā, ettakā mohacaritā’’ti caritavasena cha koṭṭhāse akāsi. Atha nesaṃ sappāyaṃ dhammadesanaṃ upadhārayanto – ‘‘rāgacaritānaṃ devatānaṃ sammāparibbājaniyasuttaṃ kathessāmi, dosacaritānaṃ kalahavivādasuttaṃ, mohacaritānaṃ mahābyūhasuttaṃ, vitakkacaritānaṃ cūḷabyūhasuttaṃ, saddhācaritānaṃ tuvaṭṭakapaṭipadaṃ, buddhicaritānaṃ purābhedasuttaṃ kathessāmī’’ti desanaṃ vavatthapetvā puna taṃ parisaṃ manasākāsi – ‘‘attajjhāsayena nu kho jāneyya, parajjhāsayena atthuppattikena pucchāvasenā’’ti. Tato ‘‘pucchāvasena jāneyyā’’ti ñatvā ‘‘atthi nu kho koci devatānaṃ ajjhāsayaṃ gahetvā caritavasena pañhaṃ pucchituṃ samattho’’ti ‘‘tesu pañcasatesu bhikkhūsu ekopi na sakkotī’’ti addasa. Tato asītimahāsāvake dve aggasāvake ca samannāharitvā ‘‘tepi na sakkontī’’ti disvā cintesi ‘‘sace paccekabuddho bhaveyya, sakkuṇeyya nu kho’’ti ‘‘sopi na sakkuṇeyyā’’ti ñatvā ‘‘sakkasuyāmādīsu koci sakkuṇeyyā’’ti samannāhari. Sace hi tesu koci sakkuṇeyya, taṃ pucchāpetvā attanā vissajjeyya, na pana tesupi koci sakkoti.
อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มาทิโส พุโทฺธเยว สกฺกุเณยฺย, อตฺถิ ปน กตฺถจิ อโญฺญ พุโทฺธ’’ติ อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตญาณํ ปตฺถริตฺวา โอโลเกโนฺต อญฺญํ พุทฺธํ น อทฺทสฯ อนจฺฉริยเญฺจตํ, ยํ อิทานิ อตฺตนา สมํ น ปเสฺสยฺย, โส ชาตทิวเสปิ พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ วุตฺตนเยน อตฺตนา สมํ อปสฺสโนฺต – ‘‘อโคฺคหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ อปฺปฎิวตฺติยํ สีหนาทํ นทิฯ เอวํ อญฺญํ อตฺตนา สมํ อปสฺสิตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘สเจ อหํ ปุจฺฉิตฺวา อหเมว วิสฺสเชฺชยฺยํ, เอวเมฺปตา เทวตา น สกฺขิสฺสนฺติ ปฎิวิชฺฌิตุํฯ อญฺญสฺมิํ ปน พุเทฺธเยว ปุจฺฉเนฺต มยิ จ วิสฺสชฺชเนฺต อเจฺฉรกํ ภวิสฺสติ, สกฺขิสฺสนฺติ จ เทวตา ปฎิวิชฺฌิตุํ, ตสฺมา นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสฺสามี’’ติ อภิญฺญาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย – ‘‘ปตฺตจีวรคหณํ อาโลกิตวิโลกิตํ สมิญฺชิตปสาริตญฺจ มม สทิสํเยว โหตู’’ติ กามาวจรจิเตฺตหิ ปริกมฺมํ กตฺวา ปาจีนยุคนฺธรปริเกฺขปโต อุลฺลงฺฆมานํ จนฺทมณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา นิกฺขมนฺตํ วิย รูปาวจรจิเตฺตน อธิฎฺฐาสิฯ
Athassa etadahosi – ‘‘mādiso buddhoyeva sakkuṇeyya, atthi pana katthaci añño buddho’’ti anantāsu lokadhātūsu anantañāṇaṃ pattharitvā olokento aññaṃ buddhaṃ na addasa. Anacchariyañcetaṃ, yaṃ idāni attanā samaṃ na passeyya, so jātadivasepi brahmajālavaṇṇanāyaṃ vuttanayena attanā samaṃ apassanto – ‘‘aggohamasmi lokassā’’ti appaṭivattiyaṃ sīhanādaṃ nadi. Evaṃ aññaṃ attanā samaṃ apassitvā cintesi – ‘‘sace ahaṃ pucchitvā ahameva vissajjeyyaṃ, evampetā devatā na sakkhissanti paṭivijjhituṃ. Aññasmiṃ pana buddheyeva pucchante mayi ca vissajjante accherakaṃ bhavissati, sakkhissanti ca devatā paṭivijjhituṃ, tasmā nimmitabuddhaṃ māpessāmī’’ti abhiññāpādakajjhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya – ‘‘pattacīvaragahaṇaṃ ālokitavilokitaṃ samiñjitapasāritañca mama sadisaṃyeva hotū’’ti kāmāvacaracittehi parikammaṃ katvā pācīnayugandharaparikkhepato ullaṅghamānaṃ candamaṇḍalaṃ bhinditvā nikkhamantaṃ viya rūpāvacaracittena adhiṭṭhāsi.
เทวสโงฺฆ ตํ ทิสฺวา – ‘‘อโญฺญปิ นุ โข, โภ, จโนฺท อุคฺคโต’’ติ อาหฯ อถ จนฺทํ โอหาย อาสนฺนตเร ชาเต ‘‘น จโนฺท, สูริโย อุคฺคโต’’ติ, ปุน อาสนฺนตเร ชาเต ‘‘น สูริโย, เทววิมานํ เอก’’นฺติ, ปุน อาสนฺนตเร ชาเต ‘‘น เทววิมานํ, เทวปุโตฺต เอโก’’ติ, ปุน อาสนฺนตเร ชาเต ‘‘น เทวปุโตฺต, มหาพฺรหฺมา เอโก’’ติ, ปุน อาสนฺนตเร ชาเต ‘‘น มหาพฺรหฺมา, อปโรปิ โภ พุโทฺธ อาคโต’’ติ อาหฯ ตตฺถ ปุถุชฺชนเทวตา จินฺตยิํสุ – ‘‘เอกพุทฺธสฺส ตาว อยํ เทวตาสนฺนิปาโต, ทฺวินฺนํ กีว มหโนฺต ภวิสฺสตี’’ติฯ อริยเทวตา จินฺตยิํสุ – ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา เทฺว พุทฺธา นาม นตฺถิ, อทฺธา ภควตา อตฺตนา สทิโส อโญฺญ เอโก พุโทฺธ นิมฺมิโต’’ติฯ
Devasaṅgho taṃ disvā – ‘‘aññopi nu kho, bho, cando uggato’’ti āha. Atha candaṃ ohāya āsannatare jāte ‘‘na cando, sūriyo uggato’’ti, puna āsannatare jāte ‘‘na sūriyo, devavimānaṃ eka’’nti, puna āsannatare jāte ‘‘na devavimānaṃ, devaputto eko’’ti, puna āsannatare jāte ‘‘na devaputto, mahābrahmā eko’’ti, puna āsannatare jāte ‘‘na mahābrahmā, aparopi bho buddho āgato’’ti āha. Tattha puthujjanadevatā cintayiṃsu – ‘‘ekabuddhassa tāva ayaṃ devatāsannipāto, dvinnaṃ kīva mahanto bhavissatī’’ti. Ariyadevatā cintayiṃsu – ‘‘ekissā lokadhātuyā dve buddhā nāma natthi, addhā bhagavatā attanā sadiso añño eko buddho nimmito’’ti.
อถ ตสฺส เทวสงฺฆสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว นิมฺมิตพุโทฺธ อาคนฺตฺวา ทสพลํ อวนฺทิตฺวาว สมฺมุขฎฺฐาเน สมสมํ กตฺวา มาปิเต อาสเน นิสีทิฯ ภควโตปิ ทฺวตฺติํส มหาปุริสลกฺขณานิ, นิมฺมิตสฺสาปิ ทฺวตฺติํสาว, ภควโตปิ สรีรา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิกฺขมนฺติ , นิมฺมิตสฺสาปิ, ภควโต สรีรรสฺมิโย นิมฺมิตสฺส สรีเร ปฎิหญฺญนฺติ, นิมฺมิตสฺส สรีรรสฺมิโย ภควโต กาเย ปฎิหญฺญนฺติฯ ตา ทฺวินฺนมฺปิ พุทฺธานํ สรีรโต อุคฺคมฺม อกนิฎฺฐภวนํ อาหจฺจ ตโต ปฎินิวตฺติตฺวา เทวตานํ มตฺถกปริยเนฺต โอตริตฺวา จกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ ปติฎฺฐหิํสุฯ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ สุวณฺณมยวงฺกโคปานสีวินทฺธมิว เจติยฆรํ วิโรจิตฺถฯ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา เอกจกฺกวาเฬ ราสิภูตา ทฺวินฺนํ พุทฺธานํ รสฺมิคพฺภนฺตรํ ปวิสิตฺวา อฎฺฐํสุฯ นิมฺมิตพุโทฺธ นิสีทโนฺตเยว ทสพลสฺส โพธิปลฺลเงฺก กิเลสปฺปหานํ อภิตฺถวโนฺต –
Atha tassa devasaṅghassa passantasseva nimmitabuddho āgantvā dasabalaṃ avanditvāva sammukhaṭṭhāne samasamaṃ katvā māpite āsane nisīdi. Bhagavatopi dvattiṃsa mahāpurisalakkhaṇāni, nimmitassāpi dvattiṃsāva, bhagavatopi sarīrā chabbaṇṇarasmiyo nikkhamanti , nimmitassāpi, bhagavato sarīrarasmiyo nimmitassa sarīre paṭihaññanti, nimmitassa sarīrarasmiyo bhagavato kāye paṭihaññanti. Tā dvinnampi buddhānaṃ sarīrato uggamma akaniṭṭhabhavanaṃ āhacca tato paṭinivattitvā devatānaṃ matthakapariyante otaritvā cakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ patiṭṭhahiṃsu. Sakalacakkavāḷagabbhaṃ suvaṇṇamayavaṅkagopānasīvinaddhamiva cetiyagharaṃ virocittha. Dasasahassacakkavāḷadevatā ekacakkavāḷe rāsibhūtā dvinnaṃ buddhānaṃ rasmigabbhantaraṃ pavisitvā aṭṭhaṃsu. Nimmitabuddho nisīdantoyeva dasabalassa bodhipallaṅke kilesappahānaṃ abhitthavanto –
‘‘ปุจฺฉามิ มุนิํ ปหูตปญฺญํ,
‘‘Pucchāmi muniṃ pahūtapaññaṃ,
ติณฺณํ ปารงฺคตํ ปรินิพฺพุตํ ฐิตตฺตํ;
Tiṇṇaṃ pāraṅgataṃ parinibbutaṃ ṭhitattaṃ;
นิกฺขมฺม ฆรา ปนุชฺช กาเม,
Nikkhamma gharā panujja kāme,
กถํ ภิกฺขุ สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺยา’’ติฯ (สุ. นิ. ๓๖๑) –
Kathaṃ bhikkhu sammā so loke paribbajeyyā’’ti. (su. ni. 361) –
คาถํ อภาสิฯ สตฺถา เทวตานํ ตาว จิตฺตกลฺลตาชนนตฺถํ อาคตาคตานํ นามโคตฺตานิ กเถสฺสามีติ จิเนฺตตฺวา อาจิกฺขิสฺสามิ, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ
Gāthaṃ abhāsi. Satthā devatānaṃ tāva cittakallatājananatthaṃ āgatāgatānaṃ nāmagottāni kathessāmīti cintetvā ācikkhissāmi, bhikkhavetiādimāha.
๓๓๔. ตตฺถ สิโลกมนุกสฺสามีติ อกฺขรปทนิยมิตํ วจนสงฺฆาตํ ปวตฺตยิสฺสามิฯ ยตฺถ ภุมฺมา ตทสฺสิตาติ เยสุ เยสุ ฐาเนสุ ภุมฺมา เทวตา ตํ ตํ นิสฺสิตาฯ เย สิตา คิริคพฺภรนฺติอาทีหิ เตสํ ภิกฺขูนํ วณฺณํ กเถสิ, เย ภิกฺขู คิริกุจฺฉิํ นิสฺสิตาติ อโตฺถฯ ปหิตตฺตาติ เปสิตจิตฺตาฯ สมาหิตาติ อวิกฺขิตฺตาฯ
334. Tattha silokamanukassāmīti akkharapadaniyamitaṃ vacanasaṅghātaṃ pavattayissāmi. Yattha bhummā tadassitāti yesu yesu ṭhānesu bhummā devatā taṃ taṃ nissitā. Ye sitā girigabbharantiādīhi tesaṃ bhikkhūnaṃ vaṇṇaṃ kathesi, ye bhikkhū girikucchiṃ nissitāti attho. Pahitattāti pesitacittā. Samāhitāti avikkhittā.
ปุถูติ พหุชนาฯ สีหาว สลฺลีนาติ สีหา วิย นิลีนา เอกตฺตํ อุปคตาฯ โลมหํสาภิสมฺภุโนติ โลมหํสํ อภิภวิตฺวา ฐิตา, นิพฺภยาติ วุตฺตํ โหติฯ โอทาตมนสา สุทฺธาติ โอทาตจิตฺตา หุตฺวา สุทฺธาฯ วิปฺปสนฺนามนาวิลาติ วิปฺปสนฺนอนาวิลาฯ
Puthūti bahujanā. Sīhāva sallīnāti sīhā viya nilīnā ekattaṃ upagatā. Lomahaṃsābhisambhunoti lomahaṃsaṃ abhibhavitvā ṭhitā, nibbhayāti vuttaṃ hoti. Odātamanasā suddhāti odātacittā hutvā suddhā. Vippasannāmanāvilāti vippasannaanāvilā.
ภิโยฺยปญฺจสเต ญตฺวาติ สมฺมาสมฺพุเทฺธน สทฺธิํ อติเรกปญฺจสเต ภิกฺขู ชานิตฺวาฯ วเน กาปิลวตฺถเวติ กปิลวตฺถุสมีปมฺหิ ชาเต วนสเณฺฑฯ ตโต อามนฺตยี สตฺถาติ ตทา อามนฺตยิฯ สาวเก สาสเน รเตติ อตฺตโน ธมฺมเทสนาย สวนเนฺต ชาตตฺตา สาวเก สิกฺขตฺตยสาสเน รตตฺตา สาสเน รเตฯ อิทํ สพฺพํ – ‘‘สิโลกมนุกสฺสามี’’ติ วจนโต อเญฺญน วุตฺตํ วิย กตฺวา วทติฯ
Bhiyyopañcasate ñatvāti sammāsambuddhena saddhiṃ atirekapañcasate bhikkhū jānitvā. Vane kāpilavatthaveti kapilavatthusamīpamhi jāte vanasaṇḍe. Tato āmantayī satthāti tadā āmantayi. Sāvakesāsane rateti attano dhammadesanāya savanante jātattā sāvake sikkhattayasāsane ratattā sāsane rate. Idaṃ sabbaṃ – ‘‘silokamanukassāmī’’ti vacanato aññena vuttaṃ viya katvā vadati.
เทวกายา อภิกฺกนฺตา, เต วิชานาถ ภิกฺขโวติ เต ทิพฺพจกฺขุนา วิชานาถาติ เนสํ ภิกฺขูนํ ทิพฺพจกฺขุญาณาภินีหารตฺถาย กเถสิฯ เต จ อาตปฺปมกรุํ, สุตฺวา พุทฺธสฺส สาสนนฺติ เต จ ภิกฺขู ตํ พุทฺธสาสนํ สุตฺวา ตาวเทว ตทตฺถาย วีริยํ กริํสุฯ
Devakāyā abhikkantā, te vijānātha bhikkhavoti te dibbacakkhunā vijānāthāti nesaṃ bhikkhūnaṃ dibbacakkhuñāṇābhinīhāratthāya kathesi. Te ca ātappamakaruṃ, sutvā buddhassa sāsananti te ca bhikkhū taṃ buddhasāsanaṃ sutvā tāvadeva tadatthāya vīriyaṃ kariṃsu.
เอวํ กตมตฺตาตปฺปานํเยว เตสํ ปาตุรหุ ญาณํฯ กีทิสํ? อมนุสฺสานํ ทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุญาณํ อุปฺปชฺชิฯ น ตํ เตหิ ตสฺมิํ ขเณ ปริกมฺมํ กตฺวา อุปฺปาทิตํฯ อริยมเคฺคเนว หิ ตํ นิปฺผนฺนํฯ อมนุสฺสทสฺสนตฺถํ ปนสฺส อภินีหารมตฺตเมว กตํฯ สตฺถาปิ – ‘‘อตฺถิ ตุมฺหากํ ญาณํ, ตํ นีหริตฺวา เตน หิ เต วิชานาถา’’ติ อิทเมว สนฺธาย ‘‘เต วิชานาถ, ภิกฺขโว’’ติ อาหฯ
Evaṃ katamattātappānaṃyeva tesaṃ pāturahu ñāṇaṃ. Kīdisaṃ? Amanussānaṃ dassanaṃ dibbacakkhuñāṇaṃ uppajji. Na taṃ tehi tasmiṃ khaṇe parikammaṃ katvā uppāditaṃ. Ariyamaggeneva hi taṃ nipphannaṃ. Amanussadassanatthaṃ panassa abhinīhāramattameva kataṃ. Satthāpi – ‘‘atthi tumhākaṃ ñāṇaṃ, taṃ nīharitvā tena hi te vijānāthā’’ti idameva sandhāya ‘‘te vijānātha, bhikkhavo’’ti āha.
อเปฺปเก สตมทฺทกฺขุนฺติ เตสุ ภิกฺขูสุ เอกเจฺจ ภิกฺขู อมนุสฺสานํ สตํ อทฺทสํสุฯ สหสฺสํ อถ สตฺตรินฺติ เอเก สหสฺสํฯ เอเก สตฺตติ สหสฺสานิฯ
Appeke satamaddakkhunti tesu bhikkhūsu ekacce bhikkhū amanussānaṃ sataṃ addasaṃsu. Sahassaṃ atha sattarinti eke sahassaṃ. Eke sattati sahassāni.
สตํ เอเก สหสฺสานนฺติ เอเก สตสหสฺสํ อทฺทสํสุฯ อเปฺปเกนนฺตมทฺทกฺขุนฺติ วิปุลํ อทฺทสํสุ, สตวเสน สหสฺสวเสน จ อปริจฺฉิเนฺนปิ อทฺทสํสูติ อโตฺถฯ กสฺมา? ยสฺมา ทิสา สพฺพา ผุฎา อหุํ, ภริตา สมฺปุณฺณาว อเหสุํฯ
Sataṃ eke sahassānanti eke satasahassaṃ addasaṃsu. Appekenantamaddakkhunti vipulaṃ addasaṃsu, satavasena sahassavasena ca aparicchinnepi addasaṃsūti attho. Kasmā? Yasmā disā sabbā phuṭā ahuṃ, bharitā sampuṇṇāva ahesuṃ.
ตญฺจ สพฺพํ อภิญฺญายาติ ยํ เตสุ เอเกเนเกน ทิฎฺฐํ, ตญฺจ สพฺพํ ชานิตฺวาฯ ววตฺถิตฺวาน จกฺขุมาติ หตฺถตเล เลขํ วิย ปจฺจกฺขโต ววตฺถเปตฺวา ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา สตฺถาฯ ตโต อามนฺตยีติ ปุเพฺพ วุตฺตคาถเมว นามโคตฺตกิตฺตนตฺถาย อาหฯ ตุเมฺห เอเต วิชานาถ, ปสฺสถ, โอโลเกถ, เย โวหํ กิตฺตยิสฺสามีติ อยเมตฺถ สมฺพโนฺธฯ คิราหีติ วจเนหิฯ อนุปุพฺพโสติ อนุปฎิปาฎิยาฯ
Tañca sabbaṃ abhiññāyāti yaṃ tesu ekenekena diṭṭhaṃ, tañca sabbaṃ jānitvā. Vavatthitvāna cakkhumāti hatthatale lekhaṃ viya paccakkhato vavatthapetvā pañcahi cakkhūhi cakkhumā satthā. Tato āmantayīti pubbe vuttagāthameva nāmagottakittanatthāya āha. Tumhe ete vijānātha, passatha, oloketha, ye vohaṃ kittayissāmīti ayamettha sambandho. Girāhīti vacanehi. Anupubbasoti anupaṭipāṭiyā.
๓๓๕. สตฺตสหสฺสา เต ยกฺขา, ภุมฺมา กาปิลวตฺถวาติ สตฺตสหสฺสา ตาเวตฺถ กปิลวตฺถุํ นิสฺสาย นิพฺพตฺตา ภุมฺมา ยกฺขาเยวาติ วทติ ฯ อิทฺธิมโนฺตติ ทิพฺพอิทฺธิยุตฺตาฯ ชุติมโนฺตติ อานุภาวสมฺปนฺนาฯ วณฺณวโนฺตติ สรีรวณฺณสมฺปนฺนาฯ ยสสฺสิโนติ ปริวารสมฺปนฺนาฯ โมทมานา อภิกฺกามุนฺติ ตุฎฺฐจิตฺตา อาคตาฯ ภิกฺขูนํ สมิติํ วนนฺติ อิมํ มหาวนํ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ ภิกฺขูนํ ทสฺสนตฺถาย อาคตาฯ อถ วา สมิตินฺติ สมูหํ, ภิกฺขุสมูหํ ทสฺสนาย อาคตาติปิ อโตฺถฯ
335.Sattasahassā te yakkhā, bhummā kāpilavatthavāti sattasahassā tāvettha kapilavatthuṃ nissāya nibbattā bhummā yakkhāyevāti vadati . Iddhimantoti dibbaiddhiyuttā. Jutimantoti ānubhāvasampannā. Vaṇṇavantoti sarīravaṇṇasampannā. Yasassinoti parivārasampannā. Modamānā abhikkāmunti tuṭṭhacittā āgatā. Bhikkhūnaṃ samitiṃ vananti imaṃ mahāvanaṃ bhikkhūnaṃ santikaṃ bhikkhūnaṃ dassanatthāya āgatā. Atha vā samitinti samūhaṃ, bhikkhusamūhaṃ dassanāya āgatātipi attho.
ฉสหสฺสา เหมวตา, ยกฺขา นานตฺตวณฺณิโนติ ฉสหสฺสา เหมวตปพฺพเต นิพฺพตฺตยกฺขา, เต จ สเพฺพปิ นีลาทิวณฺณวเสน นานตฺตวณฺณาฯ
Chasahassā hemavatā, yakkhā nānattavaṇṇinoti chasahassā hemavatapabbate nibbattayakkhā, te ca sabbepi nīlādivaṇṇavasena nānattavaṇṇā.
สาตาคิรา ติสหสฺสาติ สาตาคิริปพฺพเต นิพฺพตฺตยกฺขา ติสหสฺสาฯ
Sātāgirā tisahassāti sātāgiripabbate nibbattayakkhā tisahassā.
อิเจฺจเต โสฬสสหสฺสาติ เอเต สเพฺพปิ โสฬสสหสฺสา โหนฺติฯ
Iccete soḷasasahassāti ete sabbepi soḷasasahassā honti.
เวสฺสามิตฺตา ปญฺจสตาติ เวสฺสามิตฺตปพฺพเต นิพฺพตฺตา ปญฺจสตาฯ
Vessāmittā pañcasatāti vessāmittapabbate nibbattā pañcasatā.
กุมฺภีโร ราชคหิโกติ ราชคหนคเร นิพฺพโตฺต กุมฺภีโร นาม ยโกฺขฯ เวปุลฺลสฺส นิเวสนนฺติ ตสฺส เวปุลฺลปพฺพโต นิเวสนํ นิวาสนฎฺฐานนฺติ อโตฺถฯ ภิโยฺย นํ สตสหสฺสํ, ยกฺขานํ ปยิรุปาสตีติ ตํ อติเรกํ ยกฺขานํ สตสหสฺสํ ปยิรุปาสติฯ กุมฺภีโร ราชคหิโก, โสปาคา สมิติํ วนนฺติ โสปิ กุมฺภีโร สปริวาโร อิมํ วนํ ภิกฺขุสมิติํ ทสฺสนตฺถาย อาคโตฯ
Kumbhīro rājagahikoti rājagahanagare nibbatto kumbhīro nāma yakkho. Vepullassa nivesananti tassa vepullapabbato nivesanaṃ nivāsanaṭṭhānanti attho. Bhiyyo naṃ satasahassaṃ, yakkhānaṃ payirupāsatīti taṃ atirekaṃ yakkhānaṃ satasahassaṃ payirupāsati. Kumbhīro rājagahiko, sopāgā samitiṃ vananti sopi kumbhīro saparivāro imaṃ vanaṃ bhikkhusamitiṃ dassanatthāya āgato.
๓๓๖. ปุริมญฺจ ทิสํ ราชา, ธตรโฎฺฐ ปสาสตีติ ปาจีนทิสํ อนุสาสติฯ คนฺธพฺพานํ อธิปตีติ จตูสุปิ ทิสาสุ คนฺธพฺพานํ เชฎฺฐโกฯ สเพฺพ เต ตสฺส วเส วตฺตนฺติฯ มหาราชา ยสสฺสิโสติ มหาปริวาโร เอโส มหาราชาฯ
336.Purimañca disaṃ rājā, dhataraṭṭho pasāsatīti pācīnadisaṃ anusāsati. Gandhabbānaṃ adhipatīti catūsupi disāsu gandhabbānaṃ jeṭṭhako. Sabbe te tassa vase vattanti. Mahārājā yasassisoti mahāparivāro eso mahārājā.
ปุตฺตาปิ ตสฺส พหโว, อินฺทนามา มหพฺพลาติ ตสฺส ธตรฎฺฐสฺส พหโว มหพฺพลา ปุตฺตา, เต สเพฺพ สกฺกสฺส เทวรโญฺญ นามธารกาฯ
Puttāpitassa bahavo, indanāmā mahabbalāti tassa dhataraṭṭhassa bahavo mahabbalā puttā, te sabbe sakkassa devarañño nāmadhārakā.
วิรูโฬฺห ตํ ปสาสตีติ ตํ ทิสํ วิรูโฬฺห อนุสาสติฯ
Virūḷho taṃ pasāsatīti taṃ disaṃ virūḷho anusāsati.
ปุตฺตาปิ ตสฺสาติ ตสฺสาปิ ตาทิสาเยว ปุตฺตาฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘มหพฺพลา’’ติ ลิขนฺติฯ อฎฺฐกถายํ สพฺพวาเรสุ ‘‘มหาพลา’’ติ ปาโฐฯ
Puttāpi tassāti tassāpi tādisāyeva puttā. Pāḷiyaṃ pana ‘‘mahabbalā’’ti likhanti. Aṭṭhakathāyaṃ sabbavāresu ‘‘mahābalā’’ti pāṭho.
‘‘ปุริมํ ทิสํ ธตรโฎฺฐ, ทกฺขิเณน วิรูฬฺหโก;
‘‘Purimaṃ disaṃ dhataraṭṭho, dakkhiṇena virūḷhako;
ปจฺฉิเมน วิรูปโกฺข, กุเวโร อุตฺตรํ ทิสํฯ
Pacchimena virūpakkho, kuvero uttaraṃ disaṃ.
จตฺตาโร เต มหาราชา, สมนฺตา จตุโร ทิสา;
Cattāro te mahārājā, samantā caturo disā;
ททฺทลฺลมานา อฎฺฐํสุ, วเน กาปิลวตฺถเว’’ติฯ
Daddallamānā aṭṭhaṃsu, vane kāpilavatthave’’ti.
อิมา ปน คาถา สพฺพสงฺคาหิกวเสน วุตฺตาฯ
Imā pana gāthā sabbasaṅgāhikavasena vuttā.
อยเญฺจตฺถ อโตฺถ – ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ ธตรฎฺฐา นาม มหาราชาโน อตฺถิฯ เต สเพฺพปิ โกฎิสตสหสฺสโกฎิสตสหสฺสคนฺธพฺพปริวารา อาคนฺตฺวา ปุรตฺถิมาย ทิสาย กปิลวตฺถุมหาวนโต ปฎฺฐาย จกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรตฺวา ฐิตาฯ เอวํ ทกฺขิณทิสาทีสุ วิรูฬฺหกาทโยฯ เตเนวาห – ‘‘สมนฺตา จตุโร ทิสา, ททฺทลฺลมานา อฎฺฐํสู’’ติฯ อิทญฺหิ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สมนฺตา จกฺกวาเฬหิ อาคนฺตฺวา จตุโร ทิสา ปพฺพตมตฺถเกสุ อคฺคิกฺขนฺธา วิย สุฎฺฐุ ชลมานา ฐิตา’’ติฯ เต ปน ยสฺมา กปิลวตฺถุวนเมว สนฺธาย อาคตา, ตสฺมา จกฺกวาฬํ ปูเรตฺวา จกฺกวาเฬน สมสมา ฐิตาปิ – ‘‘วเน กาปิลวตฺถเว’’ติ วุตฺตาฯ
Ayañcettha attho – dasasahassacakkavāḷe dhataraṭṭhā nāma mahārājāno atthi. Te sabbepi koṭisatasahassakoṭisatasahassagandhabbaparivārā āgantvā puratthimāya disāya kapilavatthumahāvanato paṭṭhāya cakkavāḷagabbhaṃ pūretvā ṭhitā. Evaṃ dakkhiṇadisādīsu virūḷhakādayo. Tenevāha – ‘‘samantā caturo disā, daddallamānā aṭṭhaṃsū’’ti. Idañhi vuttaṃ hoti – ‘‘samantā cakkavāḷehi āgantvā caturo disā pabbatamatthakesu aggikkhandhā viya suṭṭhu jalamānā ṭhitā’’ti. Te pana yasmā kapilavatthuvanameva sandhāya āgatā, tasmā cakkavāḷaṃ pūretvā cakkavāḷena samasamā ṭhitāpi – ‘‘vane kāpilavatthave’’ti vuttā.
๓๓๗. เตสํ มายาวิโน ทาสา, อาคุํ วญฺจนิกา สฐาติ เตสํ มหาราชานํ กตปาปปฎิจฺฉาทนลกฺขณาย มายาย ยุตฺตา กุฎิลาจารา ทาสา อตฺถิ, เย สมฺมุขปรมฺมุขวญฺจนาหิ โลกํ วญฺจนโต ‘‘วญฺจนิกา’’ติ จ, เกราฎิยสาเฐเยฺยน สมนฺนาคตตฺตา ‘‘สฐา’’ติ จ วุจฺจนฺติ, เตปิ อาคตาติ อโตฺถฯ มายา กุเฎณฺฑุ วิเฎณฺฑุ, วิฎุจฺจ วิฎุโฎ สหาติ เต ทาสา สเพฺพปิ มายาการกาวฯ นาเมน ปเนตฺถ เอโก กุเฎณฺฑุ นาม, เอโก วิเฎณฺฑุ นามฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘เวเฎณฺฑู’’ติ ลิขนฺติฯ เอโก วิฎุจฺจ นาม, เอโก วิฎุโฎ นามฯ สหาติ โสปิ วิฎุโฎ เตหิ สเหว อาคโตฯ
337.Tesaṃ māyāvino dāsā, āguṃ vañcanikā saṭhāti tesaṃ mahārājānaṃ katapāpapaṭicchādanalakkhaṇāya māyāya yuttā kuṭilācārā dāsā atthi, ye sammukhaparammukhavañcanāhi lokaṃ vañcanato ‘‘vañcanikā’’ti ca, kerāṭiyasāṭheyyena samannāgatattā ‘‘saṭhā’’ti ca vuccanti, tepi āgatāti attho. Māyā kuṭeṇḍu viṭeṇḍu, viṭucca viṭuṭo sahāti te dāsā sabbepi māyākārakāva. Nāmena panettha eko kuṭeṇḍu nāma, eko viṭeṇḍu nāma. Pāḷiyaṃ pana ‘‘veṭeṇḍū’’ti likhanti. Eko viṭucca nāma, eko viṭuṭo nāma. Sahāti sopi viṭuṭo tehi saheva āgato.
จนฺทโน กามเสโฎฺฐ จ, กินฺนิฆณฺฑุ นิฆณฺฑุ จาติ อปโร กินฺนิฆณฺฑุ นามฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘กินฺนุฆณฺฑู’’ติ ลิขนฺติฯ นิฆณฺฑุ จาติ อโญฺญ นิฆณฺฑุ นาม, เอตฺตกา ทาสาฯ อิโต ปเร ปน –
Candanokāmaseṭṭho ca, kinnighaṇḍu nighaṇḍu cāti aparo kinnighaṇḍu nāma. Pāḷiyaṃ pana ‘‘kinnughaṇḍū’’ti likhanti. Nighaṇḍu cāti añño nighaṇḍu nāma, ettakā dāsā. Ito pare pana –
‘‘ปนาโท โอปมโญฺญ จ, เทวสุโต จ มาตลิ;
‘‘Panādo opamañño ca, devasuto ca mātali;
จิตฺตเสโน จ คนฺธโพฺพ, นโฬ ราชา ชเนสโภ;
Cittaseno ca gandhabbo, naḷo rājā janesabho;
อาคุํ ปญฺจสิโข เจว, ติมฺพรู สูริยวจฺฉสา’’ติฯ –
Āguṃ pañcasikho ceva, timbarū sūriyavacchasā’’ti. –
อิเม เทวราชาโนฯ ตตฺถ เทวสุโตติ เทวสารถิฯ จิตฺตเสโนติ จิโตฺต จ เสโน จ จิตฺตเสโน จฯ คนฺธโพฺพติ อยํ จิตฺตเสโน คนฺธพฺพกายิโก เทวปุโตฺต, น เกวลํ เจส, สเพฺพ เปเต ปนาทาทโย คนฺธพฺพา เอวฯ นโฬราชาติ นฬการเทวปุโตฺต นาเมโกฯ ชเนสโภติ ชนวสโภ เทวปุโตฺตฯ อาคุํ ปญฺจสิโข เจวาติ ปญฺจสิโข เจว เทวปุโตฺต อาคโตฯ ติมฺพรูติ ติมฺพรู นาม คนฺธพฺพเทวราชาฯ สูริยวจฺฉสาติ ตเสฺสว ธีตาฯ
Ime devarājāno. Tattha devasutoti devasārathi. Cittasenoti citto ca seno ca cittaseno ca. Gandhabboti ayaṃ cittaseno gandhabbakāyiko devaputto, na kevalaṃ cesa, sabbe pete panādādayo gandhabbā eva. Naḷorājāti naḷakāradevaputto nāmeko. Janesabhoti janavasabho devaputto. Āguṃ pañcasikho cevāti pañcasikho ceva devaputto āgato. Timbarūti timbarū nāma gandhabbadevarājā. Sūriyavacchasāti tasseva dhītā.
เอเต จเญฺญ จ ราชาโน, คนฺธพฺพา สห ราชุภีติ เอเต จ นามวเสน วุตฺตคนฺธพฺพราชาโน อเญฺญ จ เอเตหิ ราชูหิ สทฺธิํ พหู คนฺธพฺพาฯ โมทมานา อภิกฺกามุํ, ภิกฺขูนํ สมิติํ วนนฺติ หฎฺฐตุฎฺฐจิตฺตา ภิกฺขุสงฺฆสมิติํ อิมํ วนํ อาคตาติ อโตฺถฯ
Ete caññe ca rājāno, gandhabbā saha rājubhīti ete ca nāmavasena vuttagandhabbarājāno aññe ca etehi rājūhi saddhiṃ bahū gandhabbā. Modamānā abhikkāmuṃ, bhikkhūnaṃ samitiṃ vananti haṭṭhatuṭṭhacittā bhikkhusaṅghasamitiṃ imaṃ vanaṃ āgatāti attho.
๓๓๘. อถาคุํ นาคสา นาคา, เวสาลา สหตจฺฉกาติ นาคสทหวาสิกา จ เวสาลีวาสิกา จ นาคา สห ตจฺฉกนาคปริสาย อาคตาติ อโตฺถฯ กมฺพลสฺสตราติ กมฺพโล จ อสฺสตโร จฯ เอเต กิร สิเนรุปาเท วสนฺติ, สุปเณฺณหิปิ อนุทฺธรณียา มเหสกฺขนาคา ปายาคา สห ญาติภีติ ปยาคติตฺถวาสิโน จ สห ญาติสเงฺฆน อาคตาฯ
338.Athāguṃ nāgasā nāgā, vesālā sahatacchakāti nāgasadahavāsikā ca vesālīvāsikā ca nāgā saha tacchakanāgaparisāya āgatāti attho. Kambalassatarāti kambalo ca assataro ca. Ete kira sinerupāde vasanti, supaṇṇehipi anuddharaṇīyā mahesakkhanāgā pāyāgā saha ñātibhīti payāgatitthavāsino ca saha ñātisaṅghena āgatā.
ยามุนา ธตรฎฺฐา จาติ ยมุนวาสิโน จ ธตรฎฺฐกุเล อุปฺปนฺนา นาคา จฯ เอราวโณ มหานาโคติ เอราวโณ จ เทวปุโตฺต, ชาติยา นาโค น โหติฯ นาคโวหาเรน ปเนส โวหริยติฯ โสปาคาติ โสปิ อาคโตฯ
Yāmunā dhataraṭṭhā cāti yamunavāsino ca dhataraṭṭhakule uppannā nāgā ca. Erāvaṇo mahānāgoti erāvaṇo ca devaputto, jātiyā nāgo na hoti. Nāgavohārena panesa vohariyati. Sopāgāti sopi āgato.
เย นาคราเช สหสา หรนฺตีติ เย อิเม วุตฺตปฺปกาเร นาเค โลภาภิภูตา สาหสํ กตฺวา หรนฺติ คณฺหนฺติฯ ทิพฺพา ทิชา ปกฺขี วิสุทฺธจกฺขูติ ทิพฺพานุภาวโต ทิพฺพา มาตุกุจฺฉิโต จ อณฺฑโกสโต จาติ เทฺว วาเร ชาตาติ ทิชา ปกฺขยุตฺตตาย ปกฺขี โยชนสตนฺตเรปิ โยชนสหสฺสนฺตเรปิ นาเค ทสฺสนสมตฺถจกฺขุตาย วิสุทฺธจกฺขูฯ เวหายสา เต วนมชฺฌปฺปตฺตาติ เต อากาเสเนว อิมํ มหาวนํ สมฺปตฺตาฯ จิตฺรา สุปณฺณา อิติ เตส นามนฺติ เตสํ ‘‘จิตฺรสุปณฺณา’’ติ นามํฯ
Yenāgarāje sahasā harantīti ye ime vuttappakāre nāge lobhābhibhūtā sāhasaṃ katvā haranti gaṇhanti. Dibbā dijā pakkhī visuddhacakkhūti dibbānubhāvato dibbā mātukucchito ca aṇḍakosato cāti dve vāre jātāti dijā pakkhayuttatāya pakkhī yojanasatantarepi yojanasahassantarepi nāge dassanasamatthacakkhutāya visuddhacakkhū. Vehāyasāte vanamajjhappattāti te ākāseneva imaṃ mahāvanaṃ sampattā. Citrā supaṇṇā iti tesa nāmanti tesaṃ ‘‘citrasupaṇṇā’’ti nāmaṃ.
อภยํ ตทา นาคราชานมาสิ, สุปณฺณโต เขมมกาสิ พุโทฺธติ ตสฺมา สเพฺพปิ เต อญฺญมญฺญํ สณฺหาหิ วาจาหิ อุปวฺหยนฺตา มิตฺตา วิย พนฺธวา วิย จ สมุลฺลปนฺตา สโมฺมทมานา อาลิงฺคนฺตา หเตฺถ คณฺหนฺตา อํสกูเฎ หตฺถํ ฐเปนฺตา หฎฺฐตุฎฺฐจิตฺตาฯ นาคา สุปณฺณา สรณมกํสุ พุทฺธนฺติ พุทฺธํเยว สรณํ คตาฯ
Abhayaṃtadā nāgarājānamāsi, supaṇṇato khemamakāsi buddhoti tasmā sabbepi te aññamaññaṃ saṇhāhi vācāhi upavhayantā mittā viya bandhavā viya ca samullapantā sammodamānā āliṅgantā hatthe gaṇhantā aṃsakūṭe hatthaṃ ṭhapentā haṭṭhatuṭṭhacittā. Nāgā supaṇṇā saraṇamakaṃsu buddhanti buddhaṃyeva saraṇaṃ gatā.
๓๓๙. ชิตา วชิรหเตฺถนาติ อิเนฺทน เทวรญฺญา ชิตาฯ สมุทฺทํ อสุราสิตาติ มหาสมุทฺทวาสิโน สุชาตาย อสุรกญฺญาย การณา สเพฺพปิ ภาตโร วาสวเสฺสเต, อิทฺธิมโนฺต ยสสฺสิโนฯ
339.Jitā vajirahatthenāti indena devaraññā jitā. Samuddaṃ asurāsitāti mahāsamuddavāsino sujātāya asurakaññāya kāraṇā sabbepi bhātaro vāsavassete, iddhimanto yasassino.
เตสุ กาลกญฺจา มหาภิสฺมาติ กาลกญฺจา จ มหเนฺต ภิํสเน อตฺตภาเว มาเปตฺวา อาคมิํสุฯ อสุรา ทานเวฆสาติ ทานเวฆสา นาม อเญฺญ ธนุคฺคหอสุราฯ เวปจิตฺติ สุจิตฺติ จ, ปหาราโท นมุจี สหาติ เวปจิตฺติอสุโร, สุจิตฺติอสุโร จาติ เอเต จ อสุรา นมุจิ จ มาโร เทวปุโตฺต เอเตหิ สเหว อาคโตฯ อิเม อสุรา มหาสมุทฺทวาสิโน, อยํ ปรนิมฺมิตเทวโลกวาสี, กสฺมา เอเตหิ สหาคโตติ? อจฺฉนฺทิกตฺตาฯ เตปิ หิ อจฺฉนฺทิกา อภพฺพา, อยมฺปิ ตาทิโสเยวฯ ตสฺมา ธาตุโส สํสนฺทมาโน อาคโตฯ
Tesu kālakañcā mahābhismāti kālakañcā ca mahante bhiṃsane attabhāve māpetvā āgamiṃsu. Asurā dānaveghasāti dānaveghasā nāma aññe dhanuggahaasurā. Vepacitti sucitti ca, pahārādo namucī sahāti vepacittiasuro, sucittiasuro cāti ete ca asurā namuci ca māro devaputto etehi saheva āgato. Ime asurā mahāsamuddavāsino, ayaṃ paranimmitadevalokavāsī, kasmā etehi sahāgatoti? Acchandikattā. Tepi hi acchandikā abhabbā, ayampi tādisoyeva. Tasmā dhātuso saṃsandamāno āgato.
สตญฺจ พลิปุตฺตานนฺติ พลิโน มหาอสุรสฺส ปุตฺตานํ สตํฯ สเพฺพ เวโรจนามกาติ สเพฺพ อตฺตโน มาตุลสฺส ราหุเสฺสว นามธราฯ สนฺนยฺหิตฺวา พลิเสนนฺติ อตฺตโน พลิเสนํ สนฺนยฺหิตฺวา สเพฺพ กตสนฺนาหาว หุตฺวาฯ ราหุภทฺทมุปาคมุนฺติ ราหุอสุรินฺทํ อุปสงฺกมิํสุฯ สมโย ทานิ ภทฺทเนฺตติ ภทฺทํ ตว โหตุ, สมโย เต ภิกฺขูนํ สมิติํ วนํ อุปสงฺกมิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ ทสฺสนายาติ อโตฺถฯ
Satañca baliputtānanti balino mahāasurassa puttānaṃ sataṃ. Sabbe verocanāmakāti sabbe attano mātulassa rāhusseva nāmadharā. Sannayhitvā balisenanti attano balisenaṃ sannayhitvā sabbe katasannāhāva hutvā. Rāhubhaddamupāgamunti rāhuasurindaṃ upasaṅkamiṃsu. Samayodāni bhaddanteti bhaddaṃ tava hotu, samayo te bhikkhūnaṃ samitiṃ vanaṃ upasaṅkamitvā bhikkhusaṅghaṃ dassanāyāti attho.
๓๔๐. อาโป จ เทวา ปถวี, เตโช วาโย ตทาคมุนฺติ อาโปกสิณาทีสุ ปริกมฺมํ กตฺวา นิพฺพตฺตา อาโปติอาทินามกา เทวา อาคมุํฯ วรุณา วารณา เทวา, โสโม จ ยสสา สหาติ วรุณเทวตา , วารณเทวตา, โสมเทวตาติ เอวํ นามกา จ เทวา ยสสา นาม เทเวน สหาคตาติ อโตฺถฯ เมตฺตากรุณากายิกาติ เมตฺตาฌาเน จ กรุณาฌาเน จ ปริกมฺมํ กตฺวา นิพฺพตฺตเทวาฯ อาคุํ เทวา ยสสฺสิโนติ เอเตปิ มหายสา เทวา อาคตาฯ
340.Āpo ca devā pathavī, tejo vāyo tadāgamunti āpokasiṇādīsu parikammaṃ katvā nibbattā āpotiādināmakā devā āgamuṃ. Varuṇā vāraṇā devā, somo ca yasasā sahāti varuṇadevatā , vāraṇadevatā, somadevatāti evaṃ nāmakā ca devā yasasā nāma devena sahāgatāti attho. Mettākaruṇākāyikāti mettājhāne ca karuṇājhāne ca parikammaṃ katvā nibbattadevā. Āguṃ devā yasassinoti etepi mahāyasā devā āgatā.
ทเสเต ทสธา กายา, สเพฺพ นานตฺตวณฺณิโนติ เต ทสธา ฐิตา ทส เทวกายา สเพฺพ นีลาทิวเสน นานตฺตวณฺณา อาคตาติ อโตฺถฯ
Dasete dasadhā kāyā, sabbe nānattavaṇṇinoti te dasadhā ṭhitā dasa devakāyā sabbe nīlādivasena nānattavaṇṇā āgatāti attho.
เวณฺฑู จ เทวาติ เวณฺฑุเทวตา จฯ สหลิ จาติ สหลิเทวตา จฯ อสมา จ ทุเว ยมาติ อสมเทวตา จ เทฺว จ ยมกา เทวาฯ จนฺทสฺสุปนิสา เทวา, จนฺทมาคุํ ปุรกฺขตฺวาติ จนฺทนิสฺสิตกา เทวา จนฺทํ ปุรโต กตฺวา อาคตาฯ ตถา สูริยนิสฺสิตกา เทวา สูริยํ ปุรกฺขตฺวาฯ นกฺขตฺตานิ ปุรกฺขตฺวาติ นกฺขตฺตนิสฺสิตาปิ เทวา นกฺขตฺตานิ ปุรโต กตฺวา อาคตาฯ อาคุํ มนฺทวลาหกาติ วาตวลาหกา, อพฺภวลาหกา, อุณฺหวลาหกา เอเต สเพฺพปิ วลาหกายิกา ‘‘มนฺทวลาหกา’’ นาม วุจฺจนฺติฯ เตปิ อาคตาติ อโตฺถฯ วสูนํ วาสโว เสโฎฺฐ, สโกฺกปาคา ปุรินฺทโทติ วสูนํ เทวตานํ เสโฎฺฐ วาสโว โย สโกฺกติ จ, ปุรินฺทโทติ จ วุจฺจติ, โสปิ อาคโตฯ
Veṇḍūca devāti veṇḍudevatā ca. Sahali cāti sahalidevatā ca. Asamā ca duve yamāti asamadevatā ca dve ca yamakā devā. Candassupanisā devā, candamāguṃ purakkhatvāti candanissitakā devā candaṃ purato katvā āgatā. Tathā sūriyanissitakā devā sūriyaṃ purakkhatvā. Nakkhattāni purakkhatvāti nakkhattanissitāpi devā nakkhattāni purato katvā āgatā. Āguṃ mandavalāhakāti vātavalāhakā, abbhavalāhakā, uṇhavalāhakā ete sabbepi valāhakāyikā ‘‘mandavalāhakā’’ nāma vuccanti. Tepi āgatāti attho. Vasūnaṃ vāsavo seṭṭho, sakkopāgā purindadoti vasūnaṃ devatānaṃ seṭṭho vāsavo yo sakkoti ca, purindadoti ca vuccati, sopi āgato.
ทเสเต ทสธา กายาติ เอเตปิ ทส เทวกายา ทสธาว อาคตาฯ สเพฺพ นานตฺตวณฺณิโนติ นีลาทิวเสน นานตฺตวณฺณาฯ
Dasete dasadhā kāyāti etepi dasa devakāyā dasadhāva āgatā. Sabbe nānattavaṇṇinoti nīlādivasena nānattavaṇṇā.
อถาคุํ สหภู เทวาติ อถ สหภู นาม เทวา อาคตาฯ ชลมคฺคิสิขาริวาติ อคฺคิสิขา วิย ชลนฺตาฯ ชลมคฺคิ จ สิขาริวาติ อิมานิ เตสํ นามานีติปิ วุตฺตํฯ อริฎฺฐกา จ โรชา จาติ อริฎฺฐกเทวา จ โรชเทวา จฯ อุมาปุปฺผนิภาสิโนติ อุมาปุปฺผเทวา นาม เอเต เทวา ฯ อุมาปุปฺผสทิสา หิ เตสํ สรีราภา, ตสฺมา ‘‘อุมาปุปฺผนิภาสิโน’’ติ วุจฺจนฺติฯ
Athāguṃ sahabhū devāti atha sahabhū nāma devā āgatā. Jalamaggisikhārivāti aggisikhā viya jalantā. Jalamaggi ca sikhārivāti imāni tesaṃ nāmānītipi vuttaṃ. Ariṭṭhakā ca rojā cāti ariṭṭhakadevā ca rojadevā ca. Umāpupphanibhāsinoti umāpupphadevā nāma ete devā . Umāpupphasadisā hi tesaṃ sarīrābhā, tasmā ‘‘umāpupphanibhāsino’’ti vuccanti.
วรุณา สหธมฺมา จาติ เอเต จ เทฺว ชนาฯ อจฺจุตา จ อเนชกาติ อจฺจุตเทวตา จ อเนชกเทวตา จฯ สุเลยฺยรุจิรา อาคุนฺติ สุเลยฺยา จ รุจิรา จ อาคตาฯ อาคุํ วาสวเนสิโนติ วาสวเนสีเทวา นาม อาคตาฯ ทเสเต ทสธา กายาติ เอเตปิ ทสเทวกายา ทสธาว อาคตาฯ
Varuṇā sahadhammā cāti ete ca dve janā. Accutā ca anejakāti accutadevatā ca anejakadevatā ca. Suleyyarucirāāgunti suleyyā ca rucirā ca āgatā. Āguṃ vāsavanesinoti vāsavanesīdevā nāma āgatā. Dasete dasadhā kāyāti etepi dasadevakāyā dasadhāva āgatā.
สมานา มหาสมานาติ สมานา จ มหาสมานา จฯ มานุสา มานุสุตฺตมาติ มานุสา จ มานุสุตฺตมา จฯ ขิฑฺฑาปโทสิกา อาคุํ, อาคุํ มโนปโทสิกาติ ขิฑฺฑาปโทสิกา มโนปโทสิกา จ เทวา อาคตาฯ
Samānā mahāsamānāti samānā ca mahāsamānā ca. Mānusā mānusuttamāti mānusā ca mānusuttamā ca. Khiḍḍāpadosikā āguṃ, āguṃ manopadosikāti khiḍḍāpadosikā manopadosikā ca devā āgatā.
อถาคุํ หรโย เทวาติ หริเทวา นาม อาคตาฯ เย จ โลหิตวาสิโนติ โลหิตวาสิโน จ อาคตาฯ ปารคา มหาปารคาติ เอเต จ ทุวิธา อาคตาฯ ทเสเต ทสธา กายาติ เอเตปิ ทสเทวกายา ทสธาว อาคตาฯ
Athāguṃ harayo devāti haridevā nāma āgatā. Ye ca lohitavāsinoti lohitavāsino ca āgatā. Pāragā mahāpāragāti ete ca duvidhā āgatā. Dasete dasadhā kāyāti etepi dasadevakāyā dasadhāva āgatā.
สุกฺกา กรมฺภา อรุณา, อาคุํ เวฆนสา สหาติ เอเต สุกฺกาทโย ตโย, เตหิ สห เวฆนสา จ อาคตาฯ โอทาตคยฺหา ปาโมกฺขาติ โอทาตคยฺหา นาม ปาโมกฺขเทวา อาคตาฯ อาคุํ เทวา วิจกฺขณาติ วิจกฺขณา นาม เทวา อาคตาฯ
Sukkākarambhā aruṇā, āguṃ veghanasā sahāti ete sukkādayo tayo, tehi saha veghanasā ca āgatā. Odātagayhā pāmokkhāti odātagayhā nāma pāmokkhadevā āgatā. Āguṃ devā vicakkhaṇāti vicakkhaṇā nāma devā āgatā.
สทามตฺตา หารคชาติ สทามตฺตา จ หารคชา จฯ มิสฺสกา จ ยสสฺสิโนติ ยสสมฺปนฺนา มิสฺสกเทวา จฯ ถนยํ อาค ปชฺชุโนฺนติ ปชฺชุโนฺน จ เทวราชา ถนยโนฺต อาคโตฯ โย ทิสา อภิวสฺสตีติ โย ยํ ยํ ทิสํ ยาติ, ตตฺถ ตตฺถ เทโว วสฺสติฯ ทเสเต ทสธา กายาติ เอเตปิ ทสเทวกายา ทสธา อาคตาฯ
Sadāmattā hāragajāti sadāmattā ca hāragajā ca. Missakā ca yasassinoti yasasampannā missakadevā ca. Thanayaṃ āga pajjunnoti pajjunno ca devarājā thanayanto āgato. Yo disā abhivassatīti yo yaṃ yaṃ disaṃ yāti, tattha tattha devo vassati. Dasete dasadhā kāyāti etepi dasadevakāyā dasadhā āgatā.
เขมิยา ตุสิตา ยามาติ เขมิยา เทวา ตุสิตปุรวาสิโน จ ยามาเทวโลกวาสิโน จฯ กถกา จ ยสสฺสิโนติ ยสสมฺปนฺนา กถกเทวา จฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘กฎฺฐกา จา’’ติ ลิขนฺติฯ ลมฺพีตกา ลามเสฎฺฐาติ ลมฺพิตกเทวา จ ลามเสฎฺฐเทวา จฯ โชตินามา จ อาสวาติ ปพฺพตมตฺถเก กตนฬคฺคิกฺขโนฺธ วิย โชตมานา โชติเทวา นาม อตฺถิ, เต จ อาสา จ เทวา อาคตาติ อโตฺถฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘ชาตินามา’’ติ ลิขนฺติฯ อาสา เทวตา ฉนฺทวเสน อาสวาติ วุตฺตาฯ นิมฺมานรติโน อาคุํ, อถาคุํ ปรนิมฺมิตาฯ ทเสเต ทสธา กายาติ เอเตปิ ทส เทวกายา ทสธาว อาคตาฯ
Khemiyā tusitā yāmāti khemiyā devā tusitapuravāsino ca yāmādevalokavāsino ca. Kathakā ca yasassinoti yasasampannā kathakadevā ca. Pāḷiyaṃ pana ‘‘kaṭṭhakā cā’’ti likhanti. Lambītakā lāmaseṭṭhāti lambitakadevā ca lāmaseṭṭhadevā ca. Jotināmā ca āsavāti pabbatamatthake katanaḷaggikkhandho viya jotamānā jotidevā nāma atthi, te ca āsā ca devā āgatāti attho. Pāḷiyaṃ pana ‘‘jātināmā’’ti likhanti. Āsā devatā chandavasena āsavāti vuttā. Nimmānaratino āguṃ, athāguṃ paranimmitā. Dasete dasadhā kāyāti etepi dasa devakāyā dasadhāva āgatā.
สเฎฺฐเต เทวนิกายาติ เอเต จ อาโป จ เทวาติอาทิกา ฉ ทสกา สฎฺฐิ เทวนิกายา สเพฺพ นีลาทิวเสน นานตฺตวณฺณิโนฯ นามนฺวเยน อาคจฺฉุนฺติ นามภาเคน นามโกฎฺฐาเสน อาคตาฯ เย จเญฺญ สทิสา สหาติ เย จ อเญฺญปิ เตหิ สทิสา วณฺณโตปิ นามโตปิ เอตาทิสาเยว เสสจกฺกวาเฬสุ เทวา, เตปิ อาคตาเยวาติ เอกปเทเนว กลาปํ วิย ปุฎกํ วิย จ กตฺวา สพฺพา เทวตา นิทฺทิสติฯ
Saṭṭhetedevanikāyāti ete ca āpo ca devātiādikā cha dasakā saṭṭhi devanikāyā sabbe nīlādivasena nānattavaṇṇino. Nāmanvayena āgacchunti nāmabhāgena nāmakoṭṭhāsena āgatā. Ye caññe sadisā sahāti ye ca aññepi tehi sadisā vaṇṇatopi nāmatopi etādisāyeva sesacakkavāḷesu devā, tepi āgatāyevāti ekapadeneva kalāpaṃ viya puṭakaṃ viya ca katvā sabbā devatā niddisati.
เอวํ ทสสุ โลกธาตุสหเสฺสสุ เทวกาเย นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ยทตฺถํ เต อาคตา, ตํ ทเสฺสโนฺต ปวุฎฺฐชาตินฺติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ปวุฎฺฐา วิคตา ชาติ อสฺสาติ อริยสโงฺฆ ปวุฎฺฐชาติ นาม, ตํ ปวุฎฺฐชาติํ ราคโทสโมหขีลานํ อภาวา อขีลํ จตฺตาโร โอเฆ ตริตฺวา ฐิตตฺตา โอฆติณฺณํ จตุนฺนํ อาสวานํ อภาเวน อนาสวํ อริยสงฺฆํ ทเกฺขม ปสฺสิสฺสามฯ เตสเญฺญว โอฆานํ ติณฺณตฺตา โอฆตรํ อาคุํ อกรณโต นาคํฯ อสิตาติคนฺติ กาฬกภาวาตีตํ จนฺทํว สิริยา วิโรจมานํ ทสพลญฺจ ทเกฺขม ปสฺสิสฺสามาติ เอตทตฺถํ สเพฺพปิ เต นามนฺวเยน อาคจฺฉุํ, เย จเญฺญ สทิสา สหาติฯ
Evaṃ dasasu lokadhātusahassesu devakāye niddisitvā idāni yadatthaṃ te āgatā, taṃ dassento pavuṭṭhajātinti gāthamāha. Tassattho – pavuṭṭhā vigatā jāti assāti ariyasaṅgho pavuṭṭhajāti nāma, taṃ pavuṭṭhajātiṃ rāgadosamohakhīlānaṃ abhāvā akhīlaṃ cattāro oghe taritvā ṭhitattā oghatiṇṇaṃ catunnaṃ āsavānaṃ abhāvena anāsavaṃ ariyasaṅghaṃ dakkhema passissāma. Tesaññeva oghānaṃ tiṇṇattā oghataraṃ āguṃ akaraṇato nāgaṃ. Asitātiganti kāḷakabhāvātītaṃ candaṃva siriyā virocamānaṃ dasabalañca dakkhema passissāmāti etadatthaṃ sabbepi te nāmanvayena āgacchuṃ, ye caññe sadisā sahāti.
๓๔๑. อิทานิ พฺรหฺมาโน ทเสฺสโนฺต สุพฺรหฺมา ปรมโตฺต จาติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุพฺรหฺมาติ เอโก พฺรหฺมาฯ ปรมโตฺตปิ พฺรหฺมาวฯ ปุตฺตา อิทฺธิมโต สหาติ เอเต อิทฺธิมโต พุทฺธสฺส ภควโต ปุตฺตา อริยพฺรหฺมาโน สเหว อาคตาฯ สนงฺกุมาโร ติโสฺส จาติ สนงฺกุมาโร จ ติสฺสมหาพฺรหฺมา จฯ โสปาคาติ โสปิ อาคโตฯ
341. Idāni brahmāno dassento subrahmā paramatto cātiādimāha. Tattha subrahmāti eko brahmā. Paramattopi brahmāva. Puttā iddhimato sahāti ete iddhimato buddhassa bhagavato puttā ariyabrahmāno saheva āgatā. Sanaṅkumāro tisso cāti sanaṅkumāro ca tissamahābrahmā ca. Sopāgāti sopi āgato.
‘‘สหสฺสํ พฺรหฺมโลกานํ, มหาพฺรหฺมาภิติฎฺฐติ;
‘‘Sahassaṃ brahmalokānaṃ, mahābrahmābhitiṭṭhati;
อุปปโนฺน ชุติมโนฺต, ภิสฺมากาโย ยสสฺสิ โส’’ติฯ –
Upapanno jutimanto, bhismākāyo yasassi so’’ti. –
เอตฺถ สหสฺสํ พฺรหฺมโลกานนฺติ เอกงฺคุลิยา เอกสหสฺสจกฺกวาเฬ ทสหิ องฺคุลีหิ ทสสหสฺสิจกฺกวาเฬ อาโลกผรณสมตฺถานํ มหาพฺรหฺมานํ สหสฺสํ อาคตํฯ มหาพฺรหฺมาภิติฎฺฐตีติ ยตฺถ เอเกโก มหาพฺรหฺมา อเญฺญ พฺรเหฺม อภิภวิตฺวา ติฎฺฐติฯ อุปปโนฺนติ พฺรหฺมโลเก นิพฺพโตฺตฯ ชุติมโนฺตติ อานุภาวสมฺปโนฺนฯ ภิสฺมากาโยติ มหากาโย, ทฺวีหิ ตีหิ มาคธิเกหิ คามเกฺขเตฺตหิ สมปฺปมาณอตฺตภาโวฯ ยสสฺสิโสติ อตฺตภาวสิรีสงฺขาเตน ยเสน สมนฺนาคโตฯ
Ettha sahassaṃ brahmalokānanti ekaṅguliyā ekasahassacakkavāḷe dasahi aṅgulīhi dasasahassicakkavāḷe ālokapharaṇasamatthānaṃ mahābrahmānaṃ sahassaṃ āgataṃ. Mahābrahmābhitiṭṭhatīti yattha ekeko mahābrahmā aññe brahme abhibhavitvā tiṭṭhati. Upapannoti brahmaloke nibbatto. Jutimantoti ānubhāvasampanno. Bhismākāyoti mahākāyo, dvīhi tīhi māgadhikehi gāmakkhettehi samappamāṇaattabhāvo. Yasassisoti attabhāvasirīsaṅkhātena yasena samannāgato.
ทเสตฺถ อิสฺสรา อาคุํ, ปเจฺจกวสวตฺติโนติ เอตสฺมิญฺจ พฺรหฺมสหเสฺส เย ปาฎิเยกฺกํ ปาฎิเยกฺกํ วสํ วเตฺตนฺติ, เอวรูปา ทส อิสฺสรา มหาพฺรหฺมาโน อาคตาฯ เตสญฺจ มชฺฌโต อาค, หาริโต ปริวาริโตติ เตสํ พฺรหฺมานํ มเชฺฌ หาริโต นาม มหาพฺรหฺมา สตสหสฺสพฺรหฺมปริวาโร อาคโตฯ
Dasettha issarā āguṃ, paccekavasavattinoti etasmiñca brahmasahasse ye pāṭiyekkaṃ pāṭiyekkaṃ vasaṃ vattenti, evarūpā dasa issarā mahābrahmāno āgatā. Tesañca majjhato āga, hārito parivāritoti tesaṃ brahmānaṃ majjhe hārito nāma mahābrahmā satasahassabrahmaparivāro āgato.
๓๔๒. เต จ สเพฺพ อภิกฺกเนฺต, สอิเนฺท เทเว สพฺรหฺมเกติ เต สเพฺพปิ สกฺกํ เทวราชานํ เชฎฺฐกํ กตฺวา อาคเต เทวกาเย, หาริตมหาพฺรหฺมานํ เชฎฺฐกํ กตฺวา อาคเต พฺรหฺมกาเย จฯ มารเสนา อภิกฺกามีติ มารเสนา อภิคตาฯ ปสฺส กณฺหสฺส มนฺทิยนฺติ กาฬกสฺส มารส พาลภาวํ ปสฺสถฯ
342.Te ca sabbe abhikkante, sainde deve sabrahmaketi te sabbepi sakkaṃ devarājānaṃ jeṭṭhakaṃ katvā āgate devakāye, hāritamahābrahmānaṃ jeṭṭhakaṃ katvā āgate brahmakāye ca. Mārasenā abhikkāmīti mārasenā abhigatā. Passa kaṇhassa mandiyanti kāḷakassa mārasa bālabhāvaṃ passatha.
เอถ คณฺหถ พนฺธถาติ เอวํ อตฺตโน ปริสํ อาณาเปสิฯ ราเคน พทฺธมตฺถุ โวติ สพฺพํ โว อิทํ เทวมณฺฑลํ ราเคน พทฺธํ โหตุฯ สมนฺตา ปริวาเรถ, มา โว มุญฺจิตฺถ โกจิ นนฺติ ตุมฺหากํ เอโกปิ เอเตสุ เอกมฺปิ มา มุญฺจิฯ ‘‘มา โว มุเญฺจถา’’ติปิ ปาโฐ, เอเสวโตฺถฯ
Etha gaṇhatha bandhathāti evaṃ attano parisaṃ āṇāpesi. Rāgena baddhamatthu voti sabbaṃ vo idaṃ devamaṇḍalaṃ rāgena baddhaṃ hotu. Samantā parivāretha, mā vo muñcittha koci nanti tumhākaṃ ekopi etesu ekampi mā muñci. ‘‘Mā vo muñcethā’’tipi pāṭho, esevattho.
อิติ ตตฺถ มหาเสโน, กโณฺห เสนํ อเปสยีติ เอวํ ตตฺถ มหาสมเย มหาเสโน มาโร มารเสนํ อเปสยิฯ ปาณินา ตลมาหจฺจาติ หเตฺถน ปถวีตลํ ปหริตฺวาฯ สรํ กตฺวาน เภรวนฺติ มารวิภิํสกทสฺสนตฺถํ ภยานกํ สรญฺจ กตฺวาฯ
Iti tattha mahāseno, kaṇho senaṃ apesayīti evaṃ tattha mahāsamaye mahāseno māro mārasenaṃ apesayi. Pāṇinā talamāhaccāti hatthena pathavītalaṃ paharitvā. Saraṃ katvāna bheravanti māravibhiṃsakadassanatthaṃ bhayānakaṃ sarañca katvā.
ยถา ปาวุสฺสโก เมโฆ, ถนยโนฺต สวิชฺชุโกติ สวิชฺชุโก ปาวุสฺสกเมโฆ วิย มหาคชฺชิตํ คชฺชโนฺตฯ ตทา โส ปจฺจุทาวตฺตีติ ตสฺมิํ สมเย โส มาโร ตํ วิภิํสนกํ ทเสฺสตฺวา ปฎินิวโตฺต ฯ สงฺกุโทฺธ อสยํ วเสติ สุฎฺฐุ กุโทฺธ กุปิโต กญฺจิ วเส วเตฺตตุํ อสโกฺกโนฺต อสยํวเส อสยํวสี อตฺตโน วเสน อกามโก หุตฺวา นิวโตฺตฯ ภควา กิร ‘‘อยํ มาโร อิมํ มหาสมาคมํ ทิสฺวา ‘อภิสมยนฺตรายํ กริสฺสามี’ติ อนฺตรนฺตเร มารเสนํ เปเสตฺวา มารํ วิภิํสกํ ทเสฺสตี’’ติ อญฺญาสิฯ ปกติ เจสา ภควโต, ยตฺถ อภิสมโย น ภวิสฺสติ, ตตฺถ มารํ วิภิํสกํ ทเสฺสนฺตํ น นิวาเรติฯ ยตฺถ ปน อภิสมโย โหติ, ตตฺถ ยถา ปริสา เนว มารสฺส รูปํ ปสฺสติ, น สทฺทํ สุณาติ, เอวํ อธิฎฺฐาตีติฯ อิมสฺมิญฺจ สมาคเม มหาภิสมโย ภวิสฺสติ, ตสฺมา ยถา เทวตา เนว ตสฺส รูปํ ปสฺสนฺติ, น สทฺทํ สุณนฺติ, เอวํ อธิฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –‘‘ตทา โส ปจฺจุทาวตฺติ, สงฺกุโทฺธ อสยํวเส’’ติฯ
Yathā pāvussako megho, thanayanto savijjukoti savijjuko pāvussakamegho viya mahāgajjitaṃ gajjanto. Tadā so paccudāvattīti tasmiṃ samaye so māro taṃ vibhiṃsanakaṃ dassetvā paṭinivatto . Saṅkuddho asayaṃ vaseti suṭṭhu kuddho kupito kañci vase vattetuṃ asakkonto asayaṃvase asayaṃvasī attano vasena akāmako hutvā nivatto. Bhagavā kira ‘‘ayaṃ māro imaṃ mahāsamāgamaṃ disvā ‘abhisamayantarāyaṃ karissāmī’ti antarantare mārasenaṃ pesetvā māraṃ vibhiṃsakaṃ dassetī’’ti aññāsi. Pakati cesā bhagavato, yattha abhisamayo na bhavissati, tattha māraṃ vibhiṃsakaṃ dassentaṃ na nivāreti. Yattha pana abhisamayo hoti, tattha yathā parisā neva mārassa rūpaṃ passati, na saddaṃ suṇāti, evaṃ adhiṭṭhātīti. Imasmiñca samāgame mahābhisamayo bhavissati, tasmā yathā devatā neva tassa rūpaṃ passanti, na saddaṃ suṇanti, evaṃ adhiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –‘‘tadā so paccudāvatti, saṅkuddho asayaṃvase’’ti.
๓๔๓. ตญฺจ สพฺพํ อภิญฺญาย, ววตฺถิตฺวาน จกฺขุมาติ ตํ สพฺพํ ภควา ชานิตฺวา ววตฺถเปตฺวา จฯ
343.Tañca sabbaṃ abhiññāya, vavatthitvāna cakkhumāti taṃ sabbaṃ bhagavā jānitvā vavatthapetvā ca.
มารเสนา อภิกฺกนฺตา, เต วิชานาถ ภิกฺขโวติ ภิกฺขเว มารเสนา อภิกฺกนฺตา, เต ตุเมฺห อตฺตโน อนุรูปํ วิชานาถ, ผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชถาติ วทติฯ อาตปฺปมกรุนฺติ ผลสมาปตฺติํ ปวิสนตฺถาย วีริยํ อารภิํสุฯ วีตราเคหิ ปกฺกามุนฺติ มาโร จ มารเสนา จ วีตราเคหิ อริเยหิ ทูรโตว อปกฺกมุํฯ เนสํ โลมาปิ อิญฺชยุนฺติ เตสํ วีตราคานํ โลมานิปิ น จาลยิํสุฯ อถ มาโร ภิกฺขุสงฺฆํ อารพฺภ อิมํ คาถํ อภาสิ –
Mārasenā abhikkantā, te vijānātha bhikkhavoti bhikkhave mārasenā abhikkantā, te tumhe attano anurūpaṃ vijānātha, phalasamāpattiṃ samāpajjathāti vadati. Ātappamakarunti phalasamāpattiṃ pavisanatthāya vīriyaṃ ārabhiṃsu. Vītarāgehi pakkāmunti māro ca mārasenā ca vītarāgehi ariyehi dūratova apakkamuṃ. Nesaṃ lomāpi iñjayunti tesaṃ vītarāgānaṃ lomānipi na cālayiṃsu. Atha māro bhikkhusaṅghaṃ ārabbha imaṃ gāthaṃ abhāsi –
‘‘สเพฺพ วิชิตสงฺคามา, ภยาตีตา ยสสฺสิโน;
‘‘Sabbe vijitasaṅgāmā, bhayātītā yasassino;
โมทนฺติ สห ภูเตหิ, สาวกา เต ชเนสุตา’’ติฯ
Modanti saha bhūtehi, sāvakā te janesutā’’ti.
ตตฺถ โมทนฺติ สห ภูเตหีติ ทสพลสฺส สาสเน ภูเตหิ สญฺชาเตหิ อริเยหิ สทฺธิํ โมทนฺติ ปโมทนฺติฯ ชเนสุตาติ ชเน วิสฺสุตา ปากฎา อภิญฺญาตาฯ
Tattha modanti saha bhūtehīti dasabalassa sāsane bhūtehi sañjātehi ariyehi saddhiṃ modanti pamodanti. Janesutāti jane vissutā pākaṭā abhiññātā.
อิทํ ปน มหาสมยสุตฺตํ นาม เทวตานํ ปิยํ มนาปํ, ตสฺมา มงฺคลํ วทเนฺตน อภินวฎฺฐาเนสุ อิทเมว สุตฺตํ วตฺตพฺพํฯ เทวตา กิร –‘‘อิมํ สุตฺตํ สุณิสฺสามา’’ติ โอหิตโสตา วิจรนฺติฯ เทสนาปริโยสาเน ปนสฺส โกฎิสตสหสฺสเทวตา อรหตฺตํ ปตฺตา, โสตาปนฺนาทีนํ คณนา นตฺถิฯ
Idaṃ pana mahāsamayasuttaṃ nāma devatānaṃ piyaṃ manāpaṃ, tasmā maṅgalaṃ vadantena abhinavaṭṭhānesu idameva suttaṃ vattabbaṃ. Devatā kira –‘‘imaṃ suttaṃ suṇissāmā’’ti ohitasotā vicaranti. Desanāpariyosāne panassa koṭisatasahassadevatā arahattaṃ pattā, sotāpannādīnaṃ gaṇanā natthi.
เทวตานญฺจสฺส ปิยมนาปภาเว อิทํ วตฺถุ – โกฎิปพฺพตวิหาเร กิร นาคเลณทฺวาเร นาครุเกฺข เอกา เทวธีตา วสติฯ เอโก ทหโร อโนฺตเลเณ อิมํ สุตฺตํ สชฺฌายติฯ เทวธีตา สุตฺวา สุตฺตปริโยสาเน มหาสเทฺทน สาธุการมทาสิฯ โก เอโสติฯ อหํ, ภเนฺต, เทวธีตาติฯ กสฺมา สาธุการมทาสีติ? ภเนฺต, ทสพเลน มหาวเน นิสีทิตฺวา กถิตทิวเส อิมํ สุตฺตํ สุตฺวา อชฺช อโสฺสสิํ, ภควตา กถิตโต เอกกฺขรมฺปิ อหาเปตฺวา สุคฺคหิโต อยํ ธโมฺม ตุเมฺหหีติฯ ทสพลสฺส กถยโต สุตํ ตยาติ? อาม, ภเนฺตติฯ มหา กิร เทวตาสนฺนิปาโต อโหสิ, ตฺวํ กตฺถ ฐิตา สุณีติ?
Devatānañcassa piyamanāpabhāve idaṃ vatthu – koṭipabbatavihāre kira nāgaleṇadvāre nāgarukkhe ekā devadhītā vasati. Eko daharo antoleṇe imaṃ suttaṃ sajjhāyati. Devadhītā sutvā suttapariyosāne mahāsaddena sādhukāramadāsi. Ko esoti. Ahaṃ, bhante, devadhītāti. Kasmā sādhukāramadāsīti? Bhante, dasabalena mahāvane nisīditvā kathitadivase imaṃ suttaṃ sutvā ajja assosiṃ, bhagavatā kathitato ekakkharampi ahāpetvā suggahito ayaṃ dhammo tumhehīti. Dasabalassa kathayato sutaṃ tayāti? Āma, bhanteti. Mahā kira devatāsannipāto ahosi, tvaṃ kattha ṭhitā suṇīti?
อหํ, ภเนฺต, มหาวนวาสิยา เทวตา, มเหสกฺขาสุ ปน เทวตาสุ อาคจฺฉนฺตีสุ ชมฺพุทีเป โอกาสํ นาลตฺถํ, อถ อิมํ ตมฺพปณฺณิทีปํ อาคนฺตฺวา ชมฺพุโกลปฎฺฎเน ฐตฺวา โสตุํ อารทฺธมฺหิ, ตตฺราปิ มเหสกฺขาสุ เทวตาสุ อาคจฺฉนฺตีสุ อนุกฺกเมน ปฎิกฺกมมานา โรหณชนปเท มหาคามสฺส ปิฎฺฐิภาคโต สมุเทฺท คลปฺปมาณํ อุทกํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ ฐิตา อโสฺสสินฺติฯ ตุยฺหํ ฐิตฎฺฐานโต ทูเร สตฺถารํ ปสฺสสิ เทวเตติ? กิํ กเถถ, ภเนฺต, สตฺถา มหาวเน ธมฺมํ เทเสโนฺต นิรนฺตรํ มมเญฺญว โอโลเกตีติ มญฺญมานา โอตปฺปมานา อูมีสุ นิลยามีติฯ
Ahaṃ, bhante, mahāvanavāsiyā devatā, mahesakkhāsu pana devatāsu āgacchantīsu jambudīpe okāsaṃ nālatthaṃ, atha imaṃ tambapaṇṇidīpaṃ āgantvā jambukolapaṭṭane ṭhatvā sotuṃ āraddhamhi, tatrāpi mahesakkhāsu devatāsu āgacchantīsu anukkamena paṭikkamamānā rohaṇajanapade mahāgāmassa piṭṭhibhāgato samudde galappamāṇaṃ udakaṃ pavisitvā tattha ṭhitā assosinti. Tuyhaṃ ṭhitaṭṭhānato dūre satthāraṃ passasi devateti? Kiṃ kathetha, bhante, satthā mahāvane dhammaṃ desento nirantaraṃ mamaññeva oloketīti maññamānā otappamānā ūmīsu nilayāmīti.
ตํ ทิวสํ กิร โกฎิสตสหสฺสเทวตา อรหตฺตํ ปตฺตา, ตุเมฺหปิ ตทา อรหตฺตํ ปตฺตาติ? นตฺถิ, ภเนฺตฯ อนาคามิผลํ ปตฺตตฺถ มเญฺญติ? นตฺถิ, ภเนฺตฯ สกทาคามิผลํ ปตฺตตฺถ มเญฺญติ? นตฺถิ, ภเนฺตฯ ตโย มเคฺค ปตฺตา เทวตา กิร คณนปถํ อตีตา, โสตาปนฺนา ชาตตฺถ มเญฺญติ? เทวตา ตํ ทิวสํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตตฺตา หรายมานา –‘‘อปุจฺฉิตพฺพํ ปุจฺฉติ อโยฺย’’ติ อาหฯ ตโต นํ โส ภิกฺขุ อาห – ‘‘สกฺกา ปน เทวเต, ตว อตฺตภาวํ อมฺหากํ ทเสฺสตุ’’นฺติ? น สกฺกา ภเนฺต สกลกายํ ทเสฺสตุํ, องฺคุลิปพฺพมตฺตํ ทเสฺสสฺสามิ อยฺยสฺสาติ กุญฺจิกฉิเทฺทน องฺคุลิํ อโนฺตเลณาภิมุขํ อกาสิ, จนฺทสหสฺสสูริยสหสฺสอุคฺคมนกาโล วิย อโหสิฯ เทวธีตา ‘‘อปฺปมตฺตา, ภเนฺต, โหถา’’ติ ทหรภิกฺขุํ วนฺทิตฺวา อคมาสิฯ เอวํ อิมํ สุตฺตํ เทวตานํ ปิยํ มนาปํ, มมายนฺติ นํ เทวตาติฯ
Taṃ divasaṃ kira koṭisatasahassadevatā arahattaṃ pattā, tumhepi tadā arahattaṃ pattāti? Natthi, bhante. Anāgāmiphalaṃ pattattha maññeti? Natthi, bhante. Sakadāgāmiphalaṃ pattattha maññeti? Natthi, bhante. Tayo magge pattā devatā kira gaṇanapathaṃ atītā, sotāpannā jātattha maññeti? Devatā taṃ divasaṃ sotāpattiphalaṃ pattattā harāyamānā –‘‘apucchitabbaṃ pucchati ayyo’’ti āha. Tato naṃ so bhikkhu āha – ‘‘sakkā pana devate, tava attabhāvaṃ amhākaṃ dassetu’’nti? Na sakkā bhante sakalakāyaṃ dassetuṃ, aṅgulipabbamattaṃ dassessāmi ayyassāti kuñcikachiddena aṅguliṃ antoleṇābhimukhaṃ akāsi, candasahassasūriyasahassauggamanakālo viya ahosi. Devadhītā ‘‘appamattā, bhante, hothā’’ti daharabhikkhuṃ vanditvā agamāsi. Evaṃ imaṃ suttaṃ devatānaṃ piyaṃ manāpaṃ, mamāyanti naṃ devatāti.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ
Iti sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ
มหาสมยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahāsamayasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๗. มหาสมยสุตฺตํ • 7. Mahāsamayasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๗. มหาสมยสุตฺตวณฺณนา • 7. Mahāsamayasuttavaṇṇanā