Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๙๒] ๒. มหาสารชาตกวณฺณนา
[92] 2. Mahāsārajātakavaṇṇanā
อุกฺกเฎฺฐ สูรมิจฺฉนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อายสฺมนฺตํ อานนฺทเตฺถรํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกสฺมิญฺหิ สมเย โกสลรโญฺญ อิตฺถิโย จินฺตยิํสุ ‘‘พุทฺธุปฺปาโท นาม ทุลฺลโภ, ตถา มนุสฺสปฎิลาโภ, ปริปุณฺณายตนตา จฯ มยญฺจ อิมํ ทุลฺลภํ ขณสมวายํ ลภิตฺวาปิ อตฺตโน รุจิยา วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ วา โสตุํ พุทฺธปูชํ วา กาตุํ ทานํ วา ทาตุํ น ลภาม, มญฺชูสาย ปกฺขิตฺตา วิย วสาม, รโญฺญ กเถตฺวา อมฺหากํ ธมฺมํ เทเสตุํ อนุจฺฉวิกํ เอกํ ภิกฺขุํ ปโกฺกสาเปตฺวา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสสฺสาม, ตโต ยํ สกฺขิสฺสาม, ตํ อุคฺคณฺหิสฺสาม, ทานาทีนิ จ ปุญฺญานิ กริสฺสามฯ เอวํ โน อยํ ขณปฎิลาโภ สผโล ภวิสฺสตี’’ติฯ ตา สพฺพาปิ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตนา จินฺติตการณํ กถยิํสุฯ ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ
Ukkaṭṭhesūramicchantīti idaṃ satthā jetavane viharanto āyasmantaṃ ānandattheraṃ ārabbha kathesi. Ekasmiñhi samaye kosalarañño itthiyo cintayiṃsu ‘‘buddhuppādo nāma dullabho, tathā manussapaṭilābho, paripuṇṇāyatanatā ca. Mayañca imaṃ dullabhaṃ khaṇasamavāyaṃ labhitvāpi attano ruciyā vihāraṃ gantvā dhammaṃ vā sotuṃ buddhapūjaṃ vā kātuṃ dānaṃ vā dātuṃ na labhāma, mañjūsāya pakkhittā viya vasāma, rañño kathetvā amhākaṃ dhammaṃ desetuṃ anucchavikaṃ ekaṃ bhikkhuṃ pakkosāpetvā tassa santike dhammaṃ sossāma, tato yaṃ sakkhissāma, taṃ uggaṇhissāma, dānādīni ca puññāni karissāma. Evaṃ no ayaṃ khaṇapaṭilābho saphalo bhavissatī’’ti. Tā sabbāpi rājānaṃ upasaṅkamitvā attanā cintitakāraṇaṃ kathayiṃsu. Rājā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchi.
อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานกีฬํ กีฬิตุกาโม อุยฺยานปาลํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘อุยฺยานํ โสเธหี’’ติ อาหฯ อุยฺยานปาโล อุยฺยานํ โสเธโนฺต สตฺถารํ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สุทฺธํ, เทว, อุยฺยานํ, อปิเจตฺถ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ภควา นิสิโนฺน’’ติ อาหฯ ราชา ‘‘สาธุ, สมฺม, สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมมฺปิ โสสฺสามา’’ติ อลงฺกตรถํ อภิรุหิตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิฯ
Athekadivasaṃ rājā uyyānakīḷaṃ kīḷitukāmo uyyānapālaṃ pakkosāpetvā ‘‘uyyānaṃ sodhehī’’ti āha. Uyyānapālo uyyānaṃ sodhento satthāraṃ aññatarasmiṃ rukkhamūle nisinnaṃ disvā rañño santikaṃ gantvā ‘‘suddhaṃ, deva, uyyānaṃ, apicettha aññatarasmiṃ rukkhamūle bhagavā nisinno’’ti āha. Rājā ‘‘sādhu, samma, satthu santike dhammampi sossāmā’’ti alaṅkatarathaṃ abhiruhitvā uyyānaṃ gantvā satthu santikaṃ agamāsi.
ตสฺมิญฺจ สมเย ฉตฺตปาณิ นาเมโก อนาคามี อุปาสโก สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณมาโน นิสิโนฺน โหติฯ ราชา ตํ ทิสฺวา อาสงฺกมาโน มุหุตฺตํ ฐตฺวา ปุน ‘‘สจายํ ปาปโก ภเวยฺย, น สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิตฺวา ธมฺมํ สุเณยฺย, อปาปเกน อิมินา ภวิตพฺพ’’นฺติ จิเนฺตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อุปาสโก พุทฺธคารเวน รโญฺญ ปจฺจุฎฺฐานํ วา วนฺทนํ วา น อกาสิ, เตนสฺส ราชา อนตฺตมโน อโหสิฯ สตฺถา ตสฺส อนตฺตมนภาวํ ญตฺวา อุปาสกสฺส คุณํ กเถสิ ‘‘อยํ, มหาราช, อุปาสโก พหุสฺสุโต อาคตาคโม กาเมสุ วีตราโค’’ติ ราชา ‘‘น อิมินา โอรเกน ภวิตพฺพํ, ยสฺส สตฺถา คุณํ วเณฺณตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘อุปาสก, วเทยฺยาสิ เยน เต อโตฺถ’’ติ อาหฯ อุปาสโก ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ ราชา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สตฺถารํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
Tasmiñca samaye chattapāṇi nāmeko anāgāmī upāsako satthu santike dhammaṃ suṇamāno nisinno hoti. Rājā taṃ disvā āsaṅkamāno muhuttaṃ ṭhatvā puna ‘‘sacāyaṃ pāpako bhaveyya, na satthu santike nisīditvā dhammaṃ suṇeyya, apāpakena iminā bhavitabba’’nti cintetvā satthāraṃ upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ nisīdi. Upāsako buddhagāravena rañño paccuṭṭhānaṃ vā vandanaṃ vā na akāsi, tenassa rājā anattamano ahosi. Satthā tassa anattamanabhāvaṃ ñatvā upāsakassa guṇaṃ kathesi ‘‘ayaṃ, mahārāja, upāsako bahussuto āgatāgamo kāmesu vītarāgo’’ti rājā ‘‘na iminā orakena bhavitabbaṃ, yassa satthā guṇaṃ vaṇṇetī’’ti cintetvā ‘‘upāsaka, vadeyyāsi yena te attho’’ti āha. Upāsako ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchi. Rājā satthu santike dhammaṃ sutvā satthāraṃ padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.
โส เอกทิวสํ อุปริปาสาเท มหาวาตปานํ วิวริตฺวา ฐิโต ตํ อุปาสกํ ภุตฺตปาตราสํ ฉตฺตมาทาย เชตวนํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปโกฺกสาเปตฺวา เอวมาห ‘‘ตฺวํ กิร, อุปาสก, พหุสฺสุโต, อมฺหากญฺจ อิตฺถิโย ธมฺมํ โสตุกามา เจว อุคฺคเหตุกามา จ, สาธุ วตสฺส สเจ ตาสํ ธมฺมํ วาเจยฺยาสี’’ติฯ ‘‘เทว, คิหีนํ นาม ราชเนฺตปุเร ธมฺมํ เทเสตุํ วา วาเจตุํ วา นปฺปติรูปํ, อยฺยานํ เอว ปติรูป’’นฺติฯ ราชา ‘‘สจฺจํ เอส วทตี’’ติ อุโยฺยเชตฺวา อิตฺถิโย ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ภเทฺท, อหํ ตุมฺหากํ ธมฺมเทสนตฺถาย จ ธมฺมวาจนตฺถาย จ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ ยาจามิ, อสีติยา มหาสาวเกสุ กตรํ ยาจามี’’ติ อาหฯ ตา สพฺพาปิ มเนฺตตฺวา ธมฺมภณฺฑาคาริกํ อานนฺทเตฺถรเมว อาโรเจสุํฯ ราชา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน เอวมาห ‘‘ภเนฺต, อมฺหากํ เคเห อิตฺถิโย อานนฺทเตฺถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสตุญฺจ อุคฺคณฺหิตุญฺจ อิจฺฉนฺติ, สาธุ วต สเจ เถโร อมฺหากํ เคเห ธมฺมํ เทเสยฺย เจว วาเจยฺย จา’’ติฯ สตฺถา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา เถรํ อาณาเปสิฯ ตโต ปฎฺฐาย รโญฺญ อิตฺถิโย เถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺติ เจว อุคฺคณฺหนฺติ จฯ
So ekadivasaṃ uparipāsāde mahāvātapānaṃ vivaritvā ṭhito taṃ upāsakaṃ bhuttapātarāsaṃ chattamādāya jetavanaṃ gacchantaṃ disvā pakkosāpetvā evamāha ‘‘tvaṃ kira, upāsaka, bahussuto, amhākañca itthiyo dhammaṃ sotukāmā ceva uggahetukāmā ca, sādhu vatassa sace tāsaṃ dhammaṃ vāceyyāsī’’ti. ‘‘Deva, gihīnaṃ nāma rājantepure dhammaṃ desetuṃ vā vācetuṃ vā nappatirūpaṃ, ayyānaṃ eva patirūpa’’nti. Rājā ‘‘saccaṃ esa vadatī’’ti uyyojetvā itthiyo pakkosāpetvā ‘‘bhadde, ahaṃ tumhākaṃ dhammadesanatthāya ca dhammavācanatthāya ca satthu santikaṃ gantvā ekaṃ bhikkhuṃ yācāmi, asītiyā mahāsāvakesu kataraṃ yācāmī’’ti āha. Tā sabbāpi mantetvā dhammabhaṇḍāgārikaṃ ānandattherameva ārocesuṃ. Rājā satthu santikaṃ gantvā vanditvā ekamantaṃ nisinno evamāha ‘‘bhante, amhākaṃ gehe itthiyo ānandattherassa santike dhammaṃ sotuñca uggaṇhituñca icchanti, sādhu vata sace thero amhākaṃ gehe dhammaṃ deseyya ceva vāceyya cā’’ti. Satthā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā theraṃ āṇāpesi. Tato paṭṭhāya rañño itthiyo therassa santike dhammaṃ suṇanti ceva uggaṇhanti ca.
อเถกทิวสํ รโญฺญ จูฬามณิ นโฎฺฐฯ ราชา ตสฺส นฎฺฐภาวํ สุตฺวา อมเจฺจ อาณาเปสิ ‘‘สเพฺพ อโนฺตวฬญฺชนเก มนุเสฺส คเหตฺวา จูฬามณิํ อาหราเปถา’’ติฯ อมจฺจา มาตุคาเม อาทิํ กตฺวา จูฬามณิํ ปริปุจฺฉนฺตา อทิสฺวา มหาชนํ กิลเมนฺติฯ ตํ ทิวสํ อานนฺทเตฺถโร ราชนิเวสนํ ปวิโฎฺฐฯ ยถา ตา อิตฺถิโย ปุเพฺพ เถรํ ทิสฺวาว หฎฺฐตุฎฺฐา ธมฺมํ สุณนฺติ เจว อุคฺคณฺหนฺติ จ, ตถา อกตฺวา สพฺพา โทมนสฺสปฺปตฺตาว อเหสุํฯ ตโต เถเรน ‘‘กสฺมา ตุเมฺห อชฺช เอวรูปา ชาตา’’ติ ปุจฺฉิตา เอวมาหํสุ ‘‘ภเนฺต, รโญฺญ จูฬามณิํ ปริเยสามาติ อมจฺจา มาตุคาเม อุปาทาย อโนฺตวฬญฺชนเก กิลเมนฺติ, น ชานาม กสฺส ‘กิํ ภวิสฺสตี’ติ, เตนมฺห โทมนสฺสปฺปตฺตา’’ติฯ เถโร ‘‘มา จินฺตยิตฺถา’’ติ ตา สมสฺสาเสตฺวา รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘มณิ กิร เต, มหาราช, นโฎฺฐ’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘อสกฺขิ ปน ตํ อาหราเปตุ’’นฺติฯ ‘‘ภเนฺต, สพฺพํ อโนฺตชนํ คเหตฺวา กิลเมโนฺตปิ น สโกฺกมิ อาหราเปตุ’’นฺติฯ ‘‘มหาราช, มหาชนํ อกิลเมตฺวาว อาหรณูปาโย อตฺถี’’ติฯ ‘‘กตโร, ภเนฺต’’ติ? ‘‘ปิณฺฑทานํ, มหาราชา’’ติฯ ‘‘กตรํ ปิณฺฑทานํ, ภเนฺต’’ติ? ‘‘มหาราช, ยตฺตเกสุ อาสงฺกา อตฺถิ, เต คเหตฺวา เอเกกสฺส เอเกกํ ปลาลปิณฺฑํ วา มตฺติกาปิณฺฑํ วา ทตฺวา ‘อิมํ ปจฺจูสกาเล อาหริตฺวา อสุกฎฺฐาเน นาม ปาเตถา’ติ วตฺตพฺพํฯ เยน คหิโต ภวิสฺสติ, โส ตสฺมิํ ปกฺขิปิตฺวา อาหริสฺสติฯ สเจ ปฐมทิวเสเยว ปาเตนฺติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ปาเตนฺติ, ทุติยทิวเสปิ ตติยทิวเสปิ ตเถว กาตพฺพํฯ เอวํ มหาชโน จ น กิลมิสฺสติ, มณิญฺจ ลภิสฺสสี’’ติ เอวํ วตฺวา เถโร อคมาสิฯ
Athekadivasaṃ rañño cūḷāmaṇi naṭṭho. Rājā tassa naṭṭhabhāvaṃ sutvā amacce āṇāpesi ‘‘sabbe antovaḷañjanake manusse gahetvā cūḷāmaṇiṃ āharāpethā’’ti. Amaccā mātugāme ādiṃ katvā cūḷāmaṇiṃ paripucchantā adisvā mahājanaṃ kilamenti. Taṃ divasaṃ ānandatthero rājanivesanaṃ paviṭṭho. Yathā tā itthiyo pubbe theraṃ disvāva haṭṭhatuṭṭhā dhammaṃ suṇanti ceva uggaṇhanti ca, tathā akatvā sabbā domanassappattāva ahesuṃ. Tato therena ‘‘kasmā tumhe ajja evarūpā jātā’’ti pucchitā evamāhaṃsu ‘‘bhante, rañño cūḷāmaṇiṃ pariyesāmāti amaccā mātugāme upādāya antovaḷañjanake kilamenti, na jānāma kassa ‘kiṃ bhavissatī’ti, tenamha domanassappattā’’ti. Thero ‘‘mā cintayitthā’’ti tā samassāsetvā rañño santikaṃ gantvā paññattāsane nisīditvā ‘‘maṇi kira te, mahārāja, naṭṭho’’ti pucchi. ‘‘Āma, bhante’’ti. ‘‘Asakkhi pana taṃ āharāpetu’’nti. ‘‘Bhante, sabbaṃ antojanaṃ gahetvā kilamentopi na sakkomi āharāpetu’’nti. ‘‘Mahārāja, mahājanaṃ akilametvāva āharaṇūpāyo atthī’’ti. ‘‘Kataro, bhante’’ti? ‘‘Piṇḍadānaṃ, mahārājā’’ti. ‘‘Kataraṃ piṇḍadānaṃ, bhante’’ti? ‘‘Mahārāja, yattakesu āsaṅkā atthi, te gahetvā ekekassa ekekaṃ palālapiṇḍaṃ vā mattikāpiṇḍaṃ vā datvā ‘imaṃ paccūsakāle āharitvā asukaṭṭhāne nāma pātethā’ti vattabbaṃ. Yena gahito bhavissati, so tasmiṃ pakkhipitvā āharissati. Sace paṭhamadivaseyeva pātenti, iccetaṃ kusalaṃ. No ce pātenti, dutiyadivasepi tatiyadivasepi tatheva kātabbaṃ. Evaṃ mahājano ca na kilamissati, maṇiñca labhissasī’’ti evaṃ vatvā thero agamāsi.
ราชา วุตฺตนเยเนว ตโย ทิวเส ทาเปสิ, เนว มณิํ อาหริํสุฯ เถโร ตติยทิวเส อาคนฺตฺวา ‘‘กิํ, มหาราช, ปาติโต มณี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘น ปาเตนฺติ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, มหาตลสฺมิํเยว ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน มหาจาฎิํ ฐปาเปตฺวา อุทกสฺส ปูราเปตฺวา สาณิํ ปริกฺขิปาเปตฺวา ‘สเพฺพ อโนฺตวฬญฺชนกมนุสฺสา จ อิตฺถิโย จ อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา เอเกโกว อโนฺตสาณิํ ปวิสิตฺวา หตฺถํ โธวิตฺวา อาคจฺฉนฺตู’ติ วเทหี’’ติ เถโร อิมํ อุปายํ อาจิกฺขิตฺวา ปกฺกามิฯ ราชา ตถา กาเรสิฯ มณิโจโร จิเนฺตสิ ‘‘ธมฺมภณฺฑาคาริโก อิมํ อธิกรณํ อาทาย มณิํ อทเสฺสตฺวา โอสกฺกิสฺสตีติ อฎฺฐานเมตํ, ปาเตตุํ ทานิ วฎฺฎตี’’ติ มณิํ ปฎิจฺฉนฺนํ กตฺวา อาทาย อโนฺตสาณิํ ปวิสิตฺวา จาฎิยํ ปาเตตฺวา นิกฺขมิฯ สเพฺพสํ นิกฺขนฺตกาเล อุทกํ ฉเฑฺฑตฺวา มณิํ อทฺทสํสุฯ ราชา ‘‘เถรํ นิสฺสาย มหาชนํ อกิลเมตฺวาว เม มณิ ลโทฺธ’’ติ ตุสฺสิ, อโนฺตวฬญฺชนกมนุสฺสาปิ ‘‘เถรํ นิสฺสาย มหาทุกฺขโต มุตฺตมฺหา’’ติ ตุสฺสิํสุฯ ‘‘เถรสฺสานุภาเวน รโญฺญ จูฬามณิ ลโทฺธ’’ติ เถรสฺสานุภาโว สกลนคเร เจว ภิกฺขุสเงฺฆ จ ปากโฎ ชาโตฯ
Rājā vuttanayeneva tayo divase dāpesi, neva maṇiṃ āhariṃsu. Thero tatiyadivase āgantvā ‘‘kiṃ, mahārāja, pātito maṇī’’ti pucchi. ‘‘Na pātenti, bhante’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, mahātalasmiṃyeva paṭicchannaṭṭhāne mahācāṭiṃ ṭhapāpetvā udakassa pūrāpetvā sāṇiṃ parikkhipāpetvā ‘sabbe antovaḷañjanakamanussā ca itthiyo ca uttarāsaṅgaṃ katvā ekekova antosāṇiṃ pavisitvā hatthaṃ dhovitvā āgacchantū’ti vadehī’’ti thero imaṃ upāyaṃ ācikkhitvā pakkāmi. Rājā tathā kāresi. Maṇicoro cintesi ‘‘dhammabhaṇḍāgāriko imaṃ adhikaraṇaṃ ādāya maṇiṃ adassetvā osakkissatīti aṭṭhānametaṃ, pātetuṃ dāni vaṭṭatī’’ti maṇiṃ paṭicchannaṃ katvā ādāya antosāṇiṃ pavisitvā cāṭiyaṃ pātetvā nikkhami. Sabbesaṃ nikkhantakāle udakaṃ chaḍḍetvā maṇiṃ addasaṃsu. Rājā ‘‘theraṃ nissāya mahājanaṃ akilametvāva me maṇi laddho’’ti tussi, antovaḷañjanakamanussāpi ‘‘theraṃ nissāya mahādukkhato muttamhā’’ti tussiṃsu. ‘‘Therassānubhāvena rañño cūḷāmaṇi laddho’’ti therassānubhāvo sakalanagare ceva bhikkhusaṅghe ca pākaṭo jāto.
ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ภิกฺขู เถรสฺส คุณํ วณฺณยิํสุ ‘‘อาวุโส, อานนฺทเตฺถโร อตฺตโน พหุสฺสุตตาย ปณฺฑิเจฺจน อุปายกุสลตาย มหาชนํ อกิลเมตฺวา อุปาเยเนว รโญฺญ มณิํ ทเสฺสสี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ อานเนฺทเนว ปรหตฺถคตํ ภณฺฑํ ทสฺสิตํ, ปุเพฺพปิ ปณฺฑิตา มหาชนํ อกิลเมตฺวา อุปาเยเนว ติรจฺฉานหตฺถคตํ ภณฺฑํ ทสฺสยิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Dhammasabhāyaṃ sannisinnā bhikkhū therassa guṇaṃ vaṇṇayiṃsu ‘‘āvuso, ānandatthero attano bahussutatāya paṇḍiccena upāyakusalatāya mahājanaṃ akilametvā upāyeneva rañño maṇiṃ dassesī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāni ānandeneva parahatthagataṃ bhaṇḍaṃ dassitaṃ, pubbepi paṇḍitā mahājanaṃ akilametvā upāyeneva tiracchānahatthagataṃ bhaṇḍaṃ dassayiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สพฺพสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ ปโตฺต ตเสฺสว อมโจฺจ อโหสิฯ อเถกทิวสํ ราชา มหเนฺตน ปริวาเรน อุยฺยานํ คนฺตฺวา วนนฺตรานิ วิจริตฺวา อุทกกีฬํ กีฬิตุกาโม มงฺคลโปกฺขรณิํ โอตริตฺวา อิตฺถาคารมฺปิ ปโกฺกสิฯ อิตฺถิโย อตฺตโน อตฺตโน สีสูปคคีวูปคาทีนิ อาภรณานิ โอมุญฺจิตฺวา อุตฺตราสเงฺคสุ ปกฺขิปิตฺวา สมุคฺคปิเฎฺฐสุ ฐเปตฺวา ทาสิโย ปฎิจฺฉาเปตฺวา โปกฺขรณิํ โอตริํสุฯ อเถกา อุยฺยานมกฺกฎี สาขนฺตเร นิสินฺนา เทวิํ ปิฬนฺธนานิ โอมุญฺจิตฺวา อุตฺตราสเงฺค ปกฺขิปิตฺวา สมุคฺคปิเฎฺฐ ฐปยมานํ ทิสฺวา ตสฺสา มุตฺตาหารํ ปิฬนฺธิตุกามา หุตฺวา ทาสิยา ปมาทํ โอโลกยมานา นิสีทิ, ทาสีปิ ตํ รกฺขมานา ตหํ ตหํ โอโลเกตฺวา นิสินฺนาเยว นิทฺทายิตุํ อารภิฯ มกฺกฎี ตสฺสา ปมาทภาวํ ญตฺวา วาตเวเคน โอตริตฺวา มหามุตฺตาหารํ คีวาย ปฎิมุญฺจิตฺวา วาตเวเคน อุปฺปติตฺวา สาขนฺตเร นิสีทิตฺวา อญฺญาสํ มกฺกฎีนํ ทสฺสนภเยน เอกสฺมิํ รุกฺขสุสิรฎฺฐาเน ฐเปตฺวา อุปสนฺตูปสนฺตา วิย ตํ รกฺขมานา นิสีทิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto sabbasippesu nipphattiṃ patto tasseva amacco ahosi. Athekadivasaṃ rājā mahantena parivārena uyyānaṃ gantvā vanantarāni vicaritvā udakakīḷaṃ kīḷitukāmo maṅgalapokkharaṇiṃ otaritvā itthāgārampi pakkosi. Itthiyo attano attano sīsūpagagīvūpagādīni ābharaṇāni omuñcitvā uttarāsaṅgesu pakkhipitvā samuggapiṭṭhesu ṭhapetvā dāsiyo paṭicchāpetvā pokkharaṇiṃ otariṃsu. Athekā uyyānamakkaṭī sākhantare nisinnā deviṃ piḷandhanāni omuñcitvā uttarāsaṅge pakkhipitvā samuggapiṭṭhe ṭhapayamānaṃ disvā tassā muttāhāraṃ piḷandhitukāmā hutvā dāsiyā pamādaṃ olokayamānā nisīdi, dāsīpi taṃ rakkhamānā tahaṃ tahaṃ oloketvā nisinnāyeva niddāyituṃ ārabhi. Makkaṭī tassā pamādabhāvaṃ ñatvā vātavegena otaritvā mahāmuttāhāraṃ gīvāya paṭimuñcitvā vātavegena uppatitvā sākhantare nisīditvā aññāsaṃ makkaṭīnaṃ dassanabhayena ekasmiṃ rukkhasusiraṭṭhāne ṭhapetvā upasantūpasantā viya taṃ rakkhamānā nisīdi.
สาปิ โข ทาสี ปฎิพุชฺฌิตฺวา มุตฺตาหารํ อปสฺสนฺตี กมฺปมานา อญฺญํ อุปายํ อทิสฺวา ‘‘ปุริโส เทวิยา มุตฺตาหารํ คเหตฺวา ปลาโต’’ติ มหาวิรวํ วิรวิฯ อารกฺขมนุสฺสา ตโต ตโต สนฺนิปติตฺวา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา รโญฺญ อาโรจยิํสุฯ ราชา ‘‘โจรํ คณฺหถา’’ติ อาหฯ ปุริสา อุยฺยานา นิกฺขมิตฺวา ‘‘โจรํ คณฺหถ, โจรํ คณฺหถา’’ติ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺติฯ อเถโก ชานปโท พลิการกปุริโส ตํ สทฺทํ สุตฺวา กมฺปมาโน ปลายิฯ ตํ ทิสฺวา ราชปุริสา ‘‘อยํ โจโร ภวิสฺสตี’’ติ อนุพนฺธิตฺวา ตํ คเหตฺวา โปเถตฺวา ‘‘อเร, ทุฎฺฐโจร, เอวํ มหาสารํ นาม ปิฬนฺธนํ อวหริสฺสสี’’ติ ปริภาสิํสุฯ โส จิเนฺตสิ ‘‘สจาหํ ‘น คณฺหามี’ติ วกฺขามิ, อชฺช เม ชีวิตํ นตฺถิ, โปเถนฺตาเยว มํ มาเรสฺสนฺติ, สมฺปฎิจฺฉามิ น’’นฺติฯ โส ‘‘อาม, สามิ, คหิตํ เม’’ติ อาหฯ อถ นํ พนฺธิตฺวา รโญฺญ สนฺติกํ อานยิํสุฯ ราชาปิ นํ ปุจฺฉิ ‘‘คหิตํ เต มหาสารปิฬนฺธน’’นฺติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ ฯ ‘‘อิทานิ ตํ กห’’นฺติฯ ‘‘เทว, มยา มหาสารํ นาม มญฺจปีฐมฺปิ น ทิฎฺฐปุพฺพํ, เสฎฺฐิ ปน มํ มหาสารปิฬนฺธนํ คณฺหาเปสิ, โสหํ ตํ คเหตฺวาว ตสฺส อทาสิํ, โส นํ ชานาตี’’ติฯ
Sāpi kho dāsī paṭibujjhitvā muttāhāraṃ apassantī kampamānā aññaṃ upāyaṃ adisvā ‘‘puriso deviyā muttāhāraṃ gahetvā palāto’’ti mahāviravaṃ viravi. Ārakkhamanussā tato tato sannipatitvā tassā vacanaṃ sutvā rañño ārocayiṃsu. Rājā ‘‘coraṃ gaṇhathā’’ti āha. Purisā uyyānā nikkhamitvā ‘‘coraṃ gaṇhatha, coraṃ gaṇhathā’’ti ito cito ca olokenti. Atheko jānapado balikārakapuriso taṃ saddaṃ sutvā kampamāno palāyi. Taṃ disvā rājapurisā ‘‘ayaṃ coro bhavissatī’’ti anubandhitvā taṃ gahetvā pothetvā ‘‘are, duṭṭhacora, evaṃ mahāsāraṃ nāma piḷandhanaṃ avaharissasī’’ti paribhāsiṃsu. So cintesi ‘‘sacāhaṃ ‘na gaṇhāmī’ti vakkhāmi, ajja me jīvitaṃ natthi, pothentāyeva maṃ māressanti, sampaṭicchāmi na’’nti. So ‘‘āma, sāmi, gahitaṃ me’’ti āha. Atha naṃ bandhitvā rañño santikaṃ ānayiṃsu. Rājāpi naṃ pucchi ‘‘gahitaṃ te mahāsārapiḷandhana’’nti? ‘‘Āma, devā’’ti . ‘‘Idāni taṃ kaha’’nti. ‘‘Deva, mayā mahāsāraṃ nāma mañcapīṭhampi na diṭṭhapubbaṃ, seṭṭhi pana maṃ mahāsārapiḷandhanaṃ gaṇhāpesi, sohaṃ taṃ gahetvāva tassa adāsiṃ, so naṃ jānātī’’ti.
ราชา เสฎฺฐิํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘คหิตํ เต อิมสฺส หตฺถโต มหาสารปิฬนฺธน’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาม, เทวา’’ติฯ ‘‘กหํ ต’’นฺติฯ ‘‘ปุโรหิตสฺส เม ทินฺน’’นฺติฯ ปุโรหิตมฺปิ ปโกฺกสาเปตฺวา ตเถว ปุจฺฉิ, โสปิ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ‘‘คนฺธพฺพสฺส เม ทินฺน’’นฺติ อาหฯ ตมฺปิ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ปุโรหิตสฺส หตฺถโต เต มหาสารปิฬนฺธนํ คหิต’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาม, เทวา’’ติฯ ‘‘กหํ ต’’นฺติฯ ‘‘กิเลสวเสน เม วณฺณทาสิยา ทินฺน’’นฺติฯ ตมฺปิ ปโกฺกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ, สา ‘‘น คณฺหามี’’ติ อาหฯ เต ปญฺจ ชเน ปุจฺฉนฺตานเญฺญว สูริโย อตฺถํ คโตฯ ราชา ‘‘อิทานิ วิกาโล ชาโต, เสฺว ชานิสฺสามา’’ติ เต ปญฺจ ชเน อมจฺจานํ ทตฺวา นครํ ปาวิสิฯ
Rājā seṭṭhiṃ pakkosāpetvā ‘‘gahitaṃ te imassa hatthato mahāsārapiḷandhana’’nti pucchi. ‘‘Āma, devā’’ti. ‘‘Kahaṃ ta’’nti. ‘‘Purohitassa me dinna’’nti. Purohitampi pakkosāpetvā tatheva pucchi, sopi sampaṭicchitvā ‘‘gandhabbassa me dinna’’nti āha. Tampi pakkosāpetvā ‘‘purohitassa hatthato te mahāsārapiḷandhanaṃ gahita’’nti pucchi. ‘‘Āma, devā’’ti. ‘‘Kahaṃ ta’’nti. ‘‘Kilesavasena me vaṇṇadāsiyā dinna’’nti. Tampi pakkosāpetvā pucchi, sā ‘‘na gaṇhāmī’’ti āha. Te pañca jane pucchantānaññeva sūriyo atthaṃ gato. Rājā ‘‘idāni vikālo jāto, sve jānissāmā’’ti te pañca jane amaccānaṃ datvā nagaraṃ pāvisi.
โพธิสโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘อิทํ ปิฬนฺธนํ อโนฺตวฬเญฺช นฎฺฐํ, อยญฺจ คหปติโก พหิวฬโญฺช, ทฺวาเรปิ พลวารโกฺข, ตสฺมา อโนฺตวฬญฺชนกานมฺปิ ตํ คเหตฺวา ปลายิตุํ น สกฺกาฯ เอวํ เนว พหิวฬญฺชนกานํ, น อโนฺต, อุยฺยาเน วฬญฺชนกานํ คหณูปาโย ทิสฺสติฯ อิมินา ทุคฺคตมนุเสฺสน ‘เสฎฺฐิสฺส เม ทินฺน’นฺติ กเถเนฺตน อตฺตโน โมกฺขตฺถาย กถิตํ ภวิสฺสติ, เสฎฺฐินาปิ ‘ปุโรหิตสฺส เม ทินฺน’นฺติ กเถเนฺตน ‘เอกโต หุตฺวา นิตฺถริสฺสามี’ติ จิเนฺตตฺวา กถิตํ ภวิสฺสติ, ปุโรหิเตนาปิ ‘คนฺธพฺพสฺส เม ทินฺน’นฺติ กเถเนฺตน ‘พนฺธนาคาเร คนฺธพฺพํ นิสฺสาย สุเขน วสิสฺสามา’ติ จิเนฺตตฺวา กถิตํ ภวิสฺสติ, คนฺธเพฺพนาปิ ‘วณฺณทาสิยา เม ทินฺน’นฺติ กเถเนฺตน ‘เอกเนฺตน อนุกฺกณฺฐิตา ภวิสฺสามา’ติ จิเนฺตตฺวา กถิตํ ภวิสฺสติ, อิเมหิ ปญฺจหิปิ โจเรหิ น ภวิตพฺพํ, อุยฺยาเน มกฺกฎา พหู, ปิฬนฺธเนน เอกิสฺสา มกฺกฎิยา หเตฺถ อารุเฬฺหน ภวิตพฺพ’’นฺติฯ โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาราช, โจเร อมฺหากํ นิยฺยาเทถ, มยํ ตํ กิจฺจํ โสเธสฺสามา’’ติ อาหฯ ราชา ‘‘สาธุ, ปณฺฑิต, โสเธหี’’ติ ตสฺส นิยฺยาเทสิฯ
Bodhisatto cintesi – ‘‘idaṃ piḷandhanaṃ antovaḷañje naṭṭhaṃ, ayañca gahapatiko bahivaḷañjo, dvārepi balavārakkho, tasmā antovaḷañjanakānampi taṃ gahetvā palāyituṃ na sakkā. Evaṃ neva bahivaḷañjanakānaṃ, na anto, uyyāne vaḷañjanakānaṃ gahaṇūpāyo dissati. Iminā duggatamanussena ‘seṭṭhissa me dinna’nti kathentena attano mokkhatthāya kathitaṃ bhavissati, seṭṭhināpi ‘purohitassa me dinna’nti kathentena ‘ekato hutvā nittharissāmī’ti cintetvā kathitaṃ bhavissati, purohitenāpi ‘gandhabbassa me dinna’nti kathentena ‘bandhanāgāre gandhabbaṃ nissāya sukhena vasissāmā’ti cintetvā kathitaṃ bhavissati, gandhabbenāpi ‘vaṇṇadāsiyā me dinna’nti kathentena ‘ekantena anukkaṇṭhitā bhavissāmā’ti cintetvā kathitaṃ bhavissati, imehi pañcahipi corehi na bhavitabbaṃ, uyyāne makkaṭā bahū, piḷandhanena ekissā makkaṭiyā hatthe āruḷhena bhavitabba’’nti. So rājānaṃ upasaṅkamitvā ‘‘mahārāja, core amhākaṃ niyyādetha, mayaṃ taṃ kiccaṃ sodhessāmā’’ti āha. Rājā ‘‘sādhu, paṇḍita, sodhehī’’ti tassa niyyādesi.
โพธิสโตฺต อตฺตโน ทาสปุริเส ปโกฺกสาเปตฺวา เต ปญฺจ ชเน เอกสฺมิํเยว ฐาเน วสาเปตฺวา สมนฺตา อารกฺขํ กตฺวา กณฺณํ ทตฺวา ‘‘ยํ เต อญฺญมญฺญํ กเถนฺติ, ตํ มยฺหํ อาโรเจถา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิฯ เต ตถา อกํสุฯ ตโต มนุสฺสานํ สนฺนิสินฺนเวลาย เสฎฺฐิ ตํ คหปติกํ อาห – ‘‘อเร, ทุฎฺฐคหปติ, ตยา อหํ, มยา วา ตฺวํ กหํ ทิฎฺฐปุโพฺพ, กทา เต มยฺหํ ปิฬนฺธนํ ทินฺน’’นฺติ อาหฯ โส ‘‘สามิ มหาเสฎฺฐิ, อหํ มหาสารํ นาม รุกฺขสารปาทกํ มญฺจปีฐมฺปิ น ชานามิ, ‘ตํ นิสฺสาย ปน โมกฺขํ ลภิสฺสามี’ติ เอวํ อวจํ, มา เม กุชฺฌ, สามี’’ติ อาหฯ ปุโรหิโตปิ เสฎฺฐิํ อาห ‘‘มหาเสฎฺฐิ, ตฺวํ อิมินา อตฺตโน อทินฺนกเมว มยฺหํ กถํ อทาสี’’ติ? ‘‘มยมฺปิ เทฺว อิสฺสรา, อมฺหากํ เอกโต หุตฺวา ฐิตกาเล กมฺมํ ขิปฺปํ นิปฺผชฺชิสฺสตี’’ติ กเถสินฺติฯ คนฺธโพฺพปิ ปุโรหิตํ อาห ‘‘พฺราหฺมณ, กทา ตยา มยฺหํ ปิฬนฺธนํ ทินฺน’’นฺติ? ‘‘อหํ ตํ นิสฺสาย วสนฎฺฐาเน สุขํ วสิสฺสามี’’ติ กเถสินฺติฯ วณฺณทาสีปิ คนฺธพฺพํ อาห ‘‘อเร ทุฎฺฐคนฺธพฺพ, อหํ กทา ตว สนฺติกํ คตปุพฺพา, ตฺวํ วา มม สนฺติกํ อาคตปุโพฺพ, กทา เต มยฺหํ ปิฬนฺธนํ ทินฺน’’นฺติ? ภคินิ กิํการณา กุชฺฌสิ, ‘‘อเมฺหสุ ปญฺจสุ เอกโต วสเนฺตสุ ฆราวาโส ภวิสฺสติ, อนุกฺกณฺฐมานา สุขํ วสิสฺสามา’’ติ กเถสินฺติฯ โพธิสโตฺต ปโยชิตมนุสฺสานํ สนฺติกา ตํ กถํ สุตฺวา เตสํ ตถโต อโจรภาวํ ญตฺวา ‘‘มกฺกฎิยา คหิตปิฬนฺธนํ อุปาเยเนว ปาเตสฺสามี’’ติ เคณฺฑุมยานิ พหูนิ ปิฬนฺธนานิ กาเรตฺวา อุยฺยาเน มกฺกฎิโย คาหาเปตฺวา หตฺถปาทคีวาสุ เคณฺฑุปิฬนฺธนานิ ปิฬนฺธาเปตฺวา วิสฺสเชฺชสิฯ อิตรา มกฺกฎี ปิฬนฺธนํ รกฺขมานา อุยฺยาเน เอว นิสีทิฯ
Bodhisatto attano dāsapurise pakkosāpetvā te pañca jane ekasmiṃyeva ṭhāne vasāpetvā samantā ārakkhaṃ katvā kaṇṇaṃ datvā ‘‘yaṃ te aññamaññaṃ kathenti, taṃ mayhaṃ ārocethā’’ti vatvā pakkāmi. Te tathā akaṃsu. Tato manussānaṃ sannisinnavelāya seṭṭhi taṃ gahapatikaṃ āha – ‘‘are, duṭṭhagahapati, tayā ahaṃ, mayā vā tvaṃ kahaṃ diṭṭhapubbo, kadā te mayhaṃ piḷandhanaṃ dinna’’nti āha. So ‘‘sāmi mahāseṭṭhi, ahaṃ mahāsāraṃ nāma rukkhasārapādakaṃ mañcapīṭhampi na jānāmi, ‘taṃ nissāya pana mokkhaṃ labhissāmī’ti evaṃ avacaṃ, mā me kujjha, sāmī’’ti āha. Purohitopi seṭṭhiṃ āha ‘‘mahāseṭṭhi, tvaṃ iminā attano adinnakameva mayhaṃ kathaṃ adāsī’’ti? ‘‘Mayampi dve issarā, amhākaṃ ekato hutvā ṭhitakāle kammaṃ khippaṃ nipphajjissatī’’ti kathesinti. Gandhabbopi purohitaṃ āha ‘‘brāhmaṇa, kadā tayā mayhaṃ piḷandhanaṃ dinna’’nti? ‘‘Ahaṃ taṃ nissāya vasanaṭṭhāne sukhaṃ vasissāmī’’ti kathesinti. Vaṇṇadāsīpi gandhabbaṃ āha ‘‘are duṭṭhagandhabba, ahaṃ kadā tava santikaṃ gatapubbā, tvaṃ vā mama santikaṃ āgatapubbo, kadā te mayhaṃ piḷandhanaṃ dinna’’nti? Bhagini kiṃkāraṇā kujjhasi, ‘‘amhesu pañcasu ekato vasantesu gharāvāso bhavissati, anukkaṇṭhamānā sukhaṃ vasissāmā’’ti kathesinti. Bodhisatto payojitamanussānaṃ santikā taṃ kathaṃ sutvā tesaṃ tathato acorabhāvaṃ ñatvā ‘‘makkaṭiyā gahitapiḷandhanaṃ upāyeneva pātessāmī’’ti geṇḍumayāni bahūni piḷandhanāni kāretvā uyyāne makkaṭiyo gāhāpetvā hatthapādagīvāsu geṇḍupiḷandhanāni piḷandhāpetvā vissajjesi. Itarā makkaṭī piḷandhanaṃ rakkhamānā uyyāne eva nisīdi.
โพธิสโตฺต มนุเสฺส อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉถ ตุเมฺห, อุยฺยาเน สพฺพา มกฺกฎิโย อุปธาเรถ, ยสฺสา ตํ ปิฬนฺธนํ ปสฺสถ, ตํ อุตฺตาเสตฺวา ปิฬนฺธนํ คณฺหถา’’ติฯ ตาปิ โข มกฺกฎิโย ‘‘ปิฬนฺธนํ โน ลทฺธ’’นฺติ ตุฎฺฐปหฎฺฐา อุยฺยาเน วิจรนฺติโย ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปสฺส อมฺหากํ ปิฬนฺธน’’นฺติ อาหํสุฯ สา มกฺกฎี อสหมานา ‘‘กิํ อิมินา เคณฺฑุปิฬนฺธเนนา’’ติ มุตฺตาหารํ ปิฬนฺธิตฺวา นิกฺขมิฯ อถ นํ เต ปุริสา ทิสฺวา ปิฬนฺธนํ ฉฑฺฑาเปตฺวา อาหริตฺวา โพธิสตฺตสฺส อทํสุฯ โส ตํ อาทาย รโญฺญ ทเสฺสตฺวา ‘‘อิทํ เต เทว ปิฬนฺธนํ, เต ปญฺจปิ อโจรา, อิทํ ปน อุยฺยาเน มกฺกฎิยา อาภต’’นฺติ อาหฯ ‘‘กถํ ปน เต, ปณฺฑิต, มกฺกฎิยา หตฺถํ อารุฬฺหภาโว ญาโต, กถํ เต คหิต’’นฺติ? โส สพฺพํ อาจิกฺขิฯ ราชา ตุฎฺฐมานโส ‘‘สงฺคามสีสาทีสุ นาม สูราทโย อิจฺฉิตพฺพา โหนฺตี’’ติ โพธิสตฺตสฺส ถุติํ กโรโนฺต อิมํ คาถมาห –
Bodhisatto manusse āṇāpesi ‘‘gacchatha tumhe, uyyāne sabbā makkaṭiyo upadhāretha, yassā taṃ piḷandhanaṃ passatha, taṃ uttāsetvā piḷandhanaṃ gaṇhathā’’ti. Tāpi kho makkaṭiyo ‘‘piḷandhanaṃ no laddha’’nti tuṭṭhapahaṭṭhā uyyāne vicarantiyo tassā santikaṃ gantvā ‘‘passa amhākaṃ piḷandhana’’nti āhaṃsu. Sā makkaṭī asahamānā ‘‘kiṃ iminā geṇḍupiḷandhanenā’’ti muttāhāraṃ piḷandhitvā nikkhami. Atha naṃ te purisā disvā piḷandhanaṃ chaḍḍāpetvā āharitvā bodhisattassa adaṃsu. So taṃ ādāya rañño dassetvā ‘‘idaṃ te deva piḷandhanaṃ, te pañcapi acorā, idaṃ pana uyyāne makkaṭiyā ābhata’’nti āha. ‘‘Kathaṃ pana te, paṇḍita, makkaṭiyā hatthaṃ āruḷhabhāvo ñāto, kathaṃ te gahita’’nti? So sabbaṃ ācikkhi. Rājā tuṭṭhamānaso ‘‘saṅgāmasīsādīsu nāma sūrādayo icchitabbā hontī’’ti bodhisattassa thutiṃ karonto imaṃ gāthamāha –
๙๒.
92.
‘‘อุกฺกเฎฺฐ สูรมิจฺฉนฺติ, มนฺตีสุ อกุตูหลํ;
‘‘Ukkaṭṭhe sūramicchanti, mantīsu akutūhalaṃ;
ปิยญฺจ อนฺนปานมฺหิ, อเตฺถ ชาเต จ ปณฺฑิต’’นฺติฯ
Piyañca annapānamhi, atthe jāte ca paṇḍita’’nti.
ตตฺถ อุกฺกเฎฺฐติ อุปกเฎฺฐ, อุภโตพฺยูเฬฺห สงฺคาเม สมฺปหาเร วตฺตมาเนติ อโตฺถฯ สูรมิจฺฉนฺตีติ อสนิยาปิ มตฺถเก ปตมานาย อปลายินํ สูรํ อิจฺฉนฺติ, ตสฺมิํ ขเณ เอวรูโป สงฺคามโยโธ ปเตฺถตโพฺพ โหติฯ มนฺตีสุ อกุตูหลนฺติ กตฺตพฺพากตฺตพฺพกิจฺจํ สมฺมนฺตนกาเล อุปฺปเนฺน มนฺตีสุ โย อกุตูหโล อวิกิณฺณวาโจ มนฺตํ น ภินฺทติ, ตํ อิจฺฉนฺติ, ตาทิโส เตสุ ฐาเนสุ ปเตฺถตโพฺพ โหติฯ ปิยญฺจ อนฺนปานมฺหีติ มธุเร อนฺนปาเน ปจฺจุปฎฺฐิเต สหปริภุญฺชนตฺถาย ปิยปุคฺคลํ ปเตฺถนฺติ, ตาทิโส ตสฺมิํ กาเล ปเตฺถตโพฺพ โหติฯ อเตฺถ ชาเต จ ปณฺฑิตนฺติ อตฺถคมฺภีเร ธมฺมคมฺภีเร กิสฺมิญฺจิเทว การเณ วา ปเญฺห วา อุปฺปเนฺน ปณฺฑิตํ วิจกฺขณํ อิจฺฉนฺติฯ ตถารูโป หิ ตสฺมิํ สมเย ปเตฺถตโพฺพ โหตีติฯ
Tattha ukkaṭṭheti upakaṭṭhe, ubhatobyūḷhe saṅgāme sampahāre vattamāneti attho. Sūramicchantīti asaniyāpi matthake patamānāya apalāyinaṃ sūraṃ icchanti, tasmiṃ khaṇe evarūpo saṅgāmayodho patthetabbo hoti. Mantīsu akutūhalanti kattabbākattabbakiccaṃ sammantanakāle uppanne mantīsu yo akutūhalo avikiṇṇavāco mantaṃ na bhindati, taṃ icchanti, tādiso tesu ṭhānesu patthetabbo hoti. Piyañca annapānamhīti madhure annapāne paccupaṭṭhite sahaparibhuñjanatthāya piyapuggalaṃ patthenti, tādiso tasmiṃ kāle patthetabbo hoti. Atthe jāte ca paṇḍitanti atthagambhīre dhammagambhīre kismiñcideva kāraṇe vā pañhe vā uppanne paṇḍitaṃ vicakkhaṇaṃ icchanti. Tathārūpo hi tasmiṃ samaye patthetabbo hotīti.
เอวํ ราชา โพธิสตฺตํ วเณฺณตฺวา โถเมตฺวา ฆนวสฺสํ วเสฺสโนฺต มหาเมโฆ วิย สตฺตาหิ รตเนหิ ปูเชตฺวา ตโสฺสวาเท ฐตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต, โพธิสโตฺตปิ ยถากมฺมํ คโตฯ
Evaṃ rājā bodhisattaṃ vaṇṇetvā thometvā ghanavassaṃ vassento mahāmegho viya sattāhi ratanehi pūjetvā tassovāde ṭhatvā dānādīni puññāni katvā yathākammaṃ gato, bodhisattopi yathākammaṃ gato.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา เถรสฺส คุณํ กเถตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, ปณฺฑิตามโจฺจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā therassa guṇaṃ kathetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā ānando ahosi, paṇḍitāmacco pana ahameva ahosi’’nti.
มหาสารชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ
Mahāsārajātakavaṇṇanā dutiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๙๒. มหาสารชาตกํ • 92. Mahāsārajātakaṃ