Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๙. มหาสาโรปมสุตฺตวณฺณนา
9. Mahāsāropamasuttavaṇṇanā
๓๐๗. นจิรปกฺกเนฺตติ น จิรํ ปกฺกเนฺต, ปกฺกนฺตสฺส สโต น จิรเสฺสวฯ สลิเงฺคเนวาติ มุณฺฑิยกาสายคฺคหณาทินา อตฺตโน ปุริมลิเงฺคเนวฯ ปาฎิเยเกฺก ชาเตติ วิปนฺนาจารทิฎฺฐิตาย ปกาสนียกมฺมกรณโต ปรํ อญฺญติตฺถิยสทิเส วิสุํ ภูเตฯ กุลปุโตฺตติ ชาติมเตฺตน กุลปุโตฺตฯ อสมฺภินฺนายาติ สเมฺภทรหิตาย, ชาติสงฺกรวิรหิตายาติ อโตฺตฯ ชาติสีเสน อิธ ชาติวตฺถุกํ ทุกฺขํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โอติโณฺณติ ยสฺส ชาติ อโนฺต อนุปวิฎฺฐา’’ติฯ ชาโต หิ สโตฺต ชาตกาลโต ปฎฺฐาย ชาตินิมิเตฺตน ทุเกฺขน อโนฺต อนุปวิโฎฺฐ วิย วิพาธียติฯ ชรายาติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ จตฺตาโร ปจฺจยา ลพฺภนฺตีติ ลาภา, จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ลพฺภมานานํ สุกตภาโว สุฎฺฐุ อภิสงฺขตภาโวฯ วณฺณภณนนฺติ คุณกิตฺตนํฯ อปญฺญาตาติ สมฺภาวนาวเสน น ปญฺญาตาฯ ลาภาทินิพฺพตฺติยาภาวทสฺสนเญฺหตํฯ เตนาห ‘‘ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ น ลภนฺตี’’ติฯ อเปฺปสกฺขาติ อปฺปานุภาวาฯ สา ปน อเปฺปสกฺขตา อธิปเตยฺยสมฺปตฺติยา จ ปริวารสมฺปตฺติยา จ อภาเวน ปากฎา โหติฯ ตตฺถ ปริวารสมฺปตฺติยา อภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อปฺปปริวารา’’ติ อาหฯ
307.Nacirapakkanteti na ciraṃ pakkante, pakkantassa sato na cirasseva. Saliṅgenevāti muṇḍiyakāsāyaggahaṇādinā attano purimaliṅgeneva. Pāṭiyekke jāteti vipannācāradiṭṭhitāya pakāsanīyakammakaraṇato paraṃ aññatitthiyasadise visuṃ bhūte. Kulaputtoti jātimattena kulaputto. Asambhinnāyāti sambhedarahitāya, jātisaṅkaravirahitāyāti atto. Jātisīsena idha jātivatthukaṃ dukkhaṃ vuttanti āha ‘‘otiṇṇoti yassa jāti anto anupaviṭṭhā’’ti. Jāto hi satto jātakālato paṭṭhāya jātinimittena dukkhena anto anupaviṭṭho viya vibādhīyati. Jarāyātiādīsupi eseva nayo. Cattāro paccayā labbhantīti lābhā, catunnaṃ paccayānaṃ labbhamānānaṃ sukatabhāvo suṭṭhu abhisaṅkhatabhāvo. Vaṇṇabhaṇananti guṇakittanaṃ. Apaññātāti sambhāvanāvasena na paññātā. Lābhādinibbattiyābhāvadassanañhetaṃ. Tenāha ‘‘ghāsacchādanamattampi na labhantī’’ti. Appesakkhāti appānubhāvā. Sā pana appesakkhatā adhipateyyasampattiyā ca parivārasampattiyā ca abhāvena pākaṭā hoti. Tattha parivārasampattiyā abhāvaṃ dassento ‘‘appaparivārā’’ti āha.
สาเรนปิ เกจิ อชานเนน อญฺญาลาเภน วา อสารภูตมฺปิ กตฺตพฺพํ กโรนฺตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘สาเรน สารกรณีย’’นฺติ วุตฺตนฺติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อกฺขจกฺกยุคนงฺคลาทิก’’นฺติ อาหฯ พฺรหฺมจริยสฺสาติ สิกฺขาตฺตยสงฺคหสฺส สาสนพฺรหฺมจริยสฺสฯ มหารุกฺขสฺส มคฺคผลสารสฺส ญาณทสฺสนเผคฺคุกสฺส สมาธิตจสฺส สีลปปฎิกสฺส จญฺจลสภาวา สํสปฺปจารีติ จ จตฺตาโร ปจฺจยา สาขาปลาสํ นามฯ เตเนวาติ ลาภสกฺการสิโลกนิพฺพตฺตเนเนวฯ สาโร เม ปโตฺตติ อิมสฺมิํ สาสเน อธิคนฺตพฺพสาโร นาม อิมินา ลาภาทินิพฺพตฺตเนน อนุปฺปโตฺตติ โวสานํ นิฎฺฐิตกิจฺจํ อาปโนฺนฯ
Sārenapi keci ajānanena aññālābhena vā asārabhūtampi kattabbaṃ karontīti tato visesanatthaṃ ‘‘sārena sārakaraṇīya’’nti vuttanti taṃ dassento ‘‘akkhacakkayuganaṅgalādika’’nti āha. Brahmacariyassāti sikkhāttayasaṅgahassa sāsanabrahmacariyassa. Mahārukkhassa maggaphalasārassa ñāṇadassanapheggukassa samādhitacassa sīlapapaṭikassa cañcalasabhāvā saṃsappacārīti ca cattāro paccayā sākhāpalāsaṃ nāma. Tenevāti lābhasakkārasilokanibbattaneneva. Sāro me pattoti imasmiṃ sāsane adhigantabbasāro nāma iminā lābhādinibbattanena anuppattoti vosānaṃ niṭṭhitakiccaṃ āpanno.
๓๑๐. ญาณทสฺสนนฺติ ญาณภูตํ ทสฺสนํ วิสยสฺส สจฺฉิกรณวเสน ปวตฺตํ อภิญฺญาญาณํฯ สุขุมํ รูปนฺติ เทวาทีนํ, อญฺญมฺปิ วา สุขุมสภาวํ รูปํฯ เตนาห ‘‘อนฺตมโส…เป.… วิหรนฺตี’’ติ, ทิพฺพจกฺขุ หิ อิธ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน ‘‘ญาณทสฺสน’’นฺติ คหิตํฯ
310.Ñāṇadassananti ñāṇabhūtaṃ dassanaṃ visayassa sacchikaraṇavasena pavattaṃ abhiññāñāṇaṃ. Sukhumaṃ rūpanti devādīnaṃ, aññampi vā sukhumasabhāvaṃ rūpaṃ. Tenāha ‘‘antamaso…pe… viharantī’’ti, dibbacakkhu hi idha ukkaṭṭhaniddesena ‘‘ñāṇadassana’’nti gahitaṃ.
๓๑๑. อสมยวิโมกฺขํ อาราเธตีติ เอตฺถ อธิเปฺปตํ อสมยวิโมกฺขํ ปาฬิยา เอว ทเสฺสตุํ ‘‘กตโม อสมยวิโมโกฺข’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐนฺนญฺหิ สมาปชฺชนสมโยปิ อตฺถิ อสมโยปิ, มคฺควิโมเกฺขน ปน วิมุจฺจนสฺส สมโย วา อสมโย วา นตฺถิฯ ยสฺส สทฺธา พลวตี, วิปสฺสนา จ อารทฺธา, ตสฺส คจฺฉนฺตสฺส ติฎฺฐนฺตสฺส นิสีทนฺตสฺส ภุญฺชนฺตสฺส จ มคฺคผลปฎิเวโธ นาม น โหตีติ น วตฺตพฺพํ, อิติ มคฺควิโมเกฺขน วิมุจฺจนฺตสฺส สมโย วา อสมโย วา นตฺถีติ โส อสมยวิโมโกฺขฯ เตนาห ‘‘โลกิยสมาปตฺติโย หี’’ติอาทิฯ
311.Asamayavimokkhaṃārādhetīti ettha adhippetaṃ asamayavimokkhaṃ pāḷiyā eva dassetuṃ ‘‘katamo asamayavimokkho’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhannañhi samāpajjanasamayopi atthi asamayopi, maggavimokkhena pana vimuccanassa samayo vā asamayo vā natthi. Yassa saddhā balavatī, vipassanā ca āraddhā, tassa gacchantassa tiṭṭhantassa nisīdantassa bhuñjantassa ca maggaphalapaṭivedho nāma na hotīti na vattabbaṃ, iti maggavimokkhena vimuccantassa samayo vā asamayo vā natthīti so asamayavimokkho. Tenāha ‘‘lokiyasamāpattiyo hī’’tiādi.
น กุปฺปติ, น นสฺสตีติ อกุปฺปา, กทาจิปิ อปริหานสภาวาฯ สพฺพสํกิเลเสหิ ปฎิปฺปสฺสทฺธิวเสน เจตโส วิมุตฺตีติ เจโตวิมุตฺติฯ เตนาห ‘‘อรหตฺตผลวิมุตฺตี’’ติฯ อยมโตฺถ ปโยชนํ เอตสฺสาติ เอตทตฺถํ, สาสนพฺรหฺมจริยํ, ตสฺส เอสา ปรมโกฎิฯ ยถารทฺธสฺส สาโรปเมน ผเลน เทสนา นิฎฺฐาปิตาติ อาห ‘‘ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฎฺฐเปสี’’ติฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Na kuppati, na nassatīti akuppā, kadācipi aparihānasabhāvā. Sabbasaṃkilesehi paṭippassaddhivasena cetaso vimuttīti cetovimutti. Tenāha ‘‘arahattaphalavimuttī’’ti. Ayamattho payojanaṃ etassāti etadatthaṃ, sāsanabrahmacariyaṃ, tassa esā paramakoṭi. Yathāraddhassa sāropamena phalena desanā niṭṭhāpitāti āha ‘‘yathānusandhināva desanaṃ niṭṭhapesī’’ti. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ suviññeyyameva.
มหาสาโรปมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Mahāsāropamasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๙. มหาสาโรปมสุตฺตํ • 9. Mahāsāropamasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. มหาสาโรปมสุตฺตวณฺณนา • 9. Mahāsāropamasuttavaṇṇanā