Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā)

    ๙. มหาสติปฎฺฐานสุตฺตวณฺณนา

    9. Mahāsatipaṭṭhānasuttavaṇṇanā

    อุเทฺทสวารกถาวณฺณนา

    Uddesavārakathāvaṇṇanā

    ๓๗๓. ‘‘กสฺมา ภควา อิทํ สุตฺตมภาสี’’ติ อสาธารณํ สมุฎฺฐานํ ปุจฺฉติ, สาธารณํ ปน ‘‘ปากฎ’’นฺติ อนามสิตฺวา ‘‘กุรุรฎฺฐวาสีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ สมุฎฺฐานนฺติ หิ เทสนานิทานํ, ตํ สาธารณาสาธารณเภทโต ทุวิธํ, สาธารณมฺปิ อชฺฌตฺติกพาหิรเภทโต ทุวิธํฯ ตตฺถ สาธารณํ อชฺฌตฺติกํ สมุฎฺฐานํ นาม ภควโต มหากรุณาฯ ตาย หิ สมุสฺสาหิตสฺส ภควโต เวเนยฺยานํ ธมฺมเทสนาย จิตฺตํ อุทปาทิฯ ยถาห ‘‘สเตฺตสุ จ การุญฺญตํ ปฎิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสี’’ติอาทิฯ (ที. นิ. ๒.๖๙; ม. นิ. ๑.๒๘๓; ๒.๓๓๙; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๙) พาหิรํ ปน สาธารณํ สมุฎฺฐานํ นาม ทสสหสฺสมหาพฺรหฺมปริวารสฺส สหมฺปติมหาพฺรหฺมุโน อเชฺฌสนํฯ ตถา จาห ‘‘พฺรหฺมุโน จ อเชฺฌสนํ วิทิตฺวา’’ติฯ (ที. นิ. ๒.๖๙; ม. นิ. ๑.๒๘๓; ๒.๓๓๙; สํ. นิ. ๑.๑๗๙; มหาว. ๙) ตทเชฺฌสนุตฺตรกาลญฺหิ ธมฺมปจฺจเวกฺขณาชนิตํ อโปฺปสฺสุกฺกตํ ปฎิปสฺสเมฺภตฺวา ภควา ธมฺมํ เทเสตุํ อุสฺสาหชาโต อโหสิฯ ยถา จ มหากรุณา, เอวํ ทสพลญาณาทโย จ เทสนาย อชฺฌตฺตสมุฎฺฐานภาเว วตฺตพฺพาฯ สพฺพญฺหิ เญยฺยธมฺมํ, เตสํ เทเสตพฺพปฺปการํ, สตฺตานญฺจ อาสยานุสยาทิํ ยาถาวโต ชานิตฺวา ภควา ฐานาฎฺฐานาทีสุ โกสเลฺลน เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิจิตฺตนยเทสนํ ปวเตฺตสีติฯ อสาธารณมฺปิ อชฺฌตฺติกพาหิรเภทโต ทุวิธเมวฯ ตตฺถ อชฺฌตฺติกํ ยาย มหากรุณาย, เยน จ เทสนาญาเณน อิทํ สุตฺตํ ปวตฺติตํ, ตทุภยํ เวทิตพฺพํ, พาหิรํ ปน ทเสฺสตุํ ‘‘กุรุรฎฺฐวาสีน’’นฺติอาทิมาหฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อสาธารณํ สมุฎฺฐานํ ปุจฺฉตี’’ติ, เตน ‘‘อตฺตชฺฌาสยาทีสุ จตูสุ สุตฺตนิเกฺขเปสุ กตโรย’’นฺติ สุตฺตนิเกฺขโป ปุจฺฉิโต โหตีติ อิตโร ‘‘กุรุรฎฺฐวาสีน’’นฺติอาทินา ‘‘ปรชฺฌาสโยยํ สุตฺตนิเกฺขโป’’ติ ทเสฺสติฯ

    373. ‘‘Kasmā bhagavā idaṃ suttamabhāsī’’ti asādhāraṇaṃ samuṭṭhānaṃ pucchati, sādhāraṇaṃ pana ‘‘pākaṭa’’nti anāmasitvā ‘‘kururaṭṭhavāsīna’’ntiādi vuttaṃ. Samuṭṭhānanti hi desanānidānaṃ, taṃ sādhāraṇāsādhāraṇabhedato duvidhaṃ, sādhāraṇampi ajjhattikabāhirabhedato duvidhaṃ. Tattha sādhāraṇaṃ ajjhattikaṃ samuṭṭhānaṃ nāma bhagavato mahākaruṇā. Tāya hi samussāhitassa bhagavato veneyyānaṃ dhammadesanāya cittaṃ udapādi. Yathāha ‘‘sattesu ca kāruññataṃ paṭicca buddhacakkhunā lokaṃ volokesī’’tiādi. (Dī. ni. 2.69; ma. ni. 1.283; 2.339; saṃ. ni. 1.172; mahāva. 9) bāhiraṃ pana sādhāraṇaṃ samuṭṭhānaṃ nāma dasasahassamahābrahmaparivārassa sahampatimahābrahmuno ajjhesanaṃ. Tathā cāha ‘‘brahmuno ca ajjhesanaṃ viditvā’’ti. (Dī. ni. 2.69; ma. ni. 1.283; 2.339; saṃ. ni. 1.179; mahāva. 9) tadajjhesanuttarakālañhi dhammapaccavekkhaṇājanitaṃ appossukkataṃ paṭipassambhetvā bhagavā dhammaṃ desetuṃ ussāhajāto ahosi. Yathā ca mahākaruṇā, evaṃ dasabalañāṇādayo ca desanāya ajjhattasamuṭṭhānabhāve vattabbā. Sabbañhi ñeyyadhammaṃ, tesaṃ desetabbappakāraṃ, sattānañca āsayānusayādiṃ yāthāvato jānitvā bhagavā ṭhānāṭṭhānādīsu kosallena veneyyajjhāsayānurūpaṃ vicittanayadesanaṃ pavattesīti. Asādhāraṇampi ajjhattikabāhirabhedato duvidhameva. Tattha ajjhattikaṃ yāya mahākaruṇāya, yena ca desanāñāṇena idaṃ suttaṃ pavattitaṃ, tadubhayaṃ veditabbaṃ, bāhiraṃ pana dassetuṃ ‘‘kururaṭṭhavāsīna’’ntiādimāha. Tena vuttaṃ ‘‘asādhāraṇaṃ samuṭṭhānaṃ pucchatī’’ti, tena ‘‘attajjhāsayādīsu catūsu suttanikkhepesu kataroya’’nti suttanikkhepo pucchito hotīti itaro ‘‘kururaṭṭhavāsīna’’ntiādinā ‘‘parajjhāsayoyaṃ suttanikkhepo’’ti dasseti.

    กุรุรฎฺฐํ กิร ตทา ตํนิวาสิสตฺตานํ โยนิโสมนสิการวนฺตตาทินา เยภุเยฺยน สุปฺปฎิปนฺนตาย, ปุเพฺพ จ กตปุญฺญตาพเลน ตทา อุตุอาทิสมฺปตฺติยุตฺตเมว อโหสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อุตุปจฺจยาทิสมฺปนฺนตฺตา’’ติฯ อาทิ-สเทฺทน โภชนาทิสมฺปตฺติํ สงฺคณฺหาติฯ เกจิ ปน ‘‘ปุเพฺพ ปวตฺตกุรุวตฺตธมฺมานุฎฺฐานวาสนาย อุตฺตรกุรุ วิย เยภุเยฺยน อุตุอาทิสมฺปนฺนเมว โหนฺตํ ภควโต กาเล สาติสยํ อุตุสปฺปายาทิยุตฺตํ ตํ รฎฺฐํ อโหสี’’ติ วทนฺติฯ จิตฺตสรีรกลฺลตายาติ จิตฺตสฺส, สรีรสฺส จ อโรคตายฯ อนุคฺคหิตปญฺญาพลาติ ลทฺธูปการญาณานุภาวา, อนุ อนุ วา อาจิณฺณปญฺญาเตชาฯ เอกวีสติยา ฐาเนสุติ กายานุปสฺสนาวเสน จุทฺทสสุ ฐาเนสุ, เวทนานุปสฺสนาวเสน เอกสฺมิํ ฐาเน, ตถา จิตฺตานุปสฺสนาวเสน, ธมฺมานุปสฺสนาวเสน ปญฺจสุ ฐาเนสูติ เอวํ เอกวีสติยา ฐาเนสุฯ กมฺมฎฺฐานํ อรหเตฺต ปกฺขิปิตฺวาติ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานํ ยถา อรหตฺตํ ปาเปติ, เอวํ เทสนาวเสน อรหเตฺต ปกฺขิปิตฺวาฯ สุวณฺณจโงฺกฎกสุวณฺณมญฺชูสาสุ ปกฺขิตฺตานิ สุมนจมฺปกาทินานาปุปฺผานิ, มณิมุตฺตาทิสตฺตรตนานิ จ ยถา ภาชนสมฺปตฺติยา สวิเสสํ โสภนฺติ, กิจฺจกรานิ จ โหนฺติ มนุญฺญภาวโต, เอวํ สีลทสฺสนาทิสมฺปตฺติยา ภาชนวิเสสภูตาย กุรุรฎฺฐวาสิปริสาย เทสิตา ภควโต อยํ เทสนา ภิโยฺยโส มตฺตาย โสภติ, กิจฺจการี จ โหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘ยถา หิ ปุริโส’’ติอาทินาฯ เอตฺถาติ กุรุรเฎฺฐฯ

    Kururaṭṭhaṃ kira tadā taṃnivāsisattānaṃ yonisomanasikāravantatādinā yebhuyyena suppaṭipannatāya, pubbe ca katapuññatābalena tadā utuādisampattiyuttameva ahosi. Tena vuttaṃ ‘‘utupaccayādisampannattā’’ti. Ādi-saddena bhojanādisampattiṃ saṅgaṇhāti. Keci pana ‘‘pubbe pavattakuruvattadhammānuṭṭhānavāsanāya uttarakuru viya yebhuyyena utuādisampannameva hontaṃ bhagavato kāle sātisayaṃ utusappāyādiyuttaṃ taṃ raṭṭhaṃ ahosī’’ti vadanti. Cittasarīrakallatāyāti cittassa, sarīrassa ca arogatāya. Anuggahitapaññābalāti laddhūpakārañāṇānubhāvā, anu anu vā āciṇṇapaññātejā. Ekavīsatiyā ṭhānesuti kāyānupassanāvasena cuddasasu ṭhānesu, vedanānupassanāvasena ekasmiṃ ṭhāne, tathā cittānupassanāvasena, dhammānupassanāvasena pañcasu ṭhānesūti evaṃ ekavīsatiyā ṭhānesu. Kammaṭṭhānaṃ arahatte pakkhipitvāti catusaccakammaṭṭhānaṃ yathā arahattaṃ pāpeti, evaṃ desanāvasena arahatte pakkhipitvā. Suvaṇṇacaṅkoṭakasuvaṇṇamañjūsāsu pakkhittāni sumanacampakādinānāpupphāni, maṇimuttādisattaratanāni ca yathā bhājanasampattiyā savisesaṃ sobhanti, kiccakarāni ca honti manuññabhāvato, evaṃ sīladassanādisampattiyā bhājanavisesabhūtāya kururaṭṭhavāsiparisāya desitā bhagavato ayaṃ desanā bhiyyoso mattāya sobhati, kiccakārī ca hotīti imamatthaṃ dasseti ‘‘yathā hi puriso’’tiādinā. Etthāti kururaṭṭhe.

    ปกติยาติ สรสโตปิ, อิมิสฺสา สติปฎฺฐานสุตฺตเทสนาย ปุเพฺพปีติ อธิปฺปาโยฯ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ สตฺถุ เทสนานุสารโต ภาวนานุโยคํฯ

    Pakatiyāti sarasatopi, imissā satipaṭṭhānasuttadesanāya pubbepīti adhippāyo. Anuyuttā viharanti satthu desanānusārato bhāvanānuyogaṃ.

    วิสฺสฎฺฐอตฺตภาเวนาติ อนิจฺจาทิวเสน กิสฺมิญฺจิ โยนิโสมนสิกาเร จิตฺตํ อนิโยเชตฺวา รูปาทิอารมฺมเณ อภิรติวเสน วิสฺสฎฺฐจิเตฺตน ภวิตุํ น วฎฺฎติ, ปมาทวิหารํ ปหาย อปฺปมเตฺตน ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Vissaṭṭhaattabhāvenāti aniccādivasena kismiñci yonisomanasikāre cittaṃ aniyojetvā rūpādiārammaṇe abhirativasena vissaṭṭhacittena bhavituṃ na vaṭṭati, pamādavihāraṃ pahāya appamattena bhavitabbanti adhippāyo.

    เอกายโนติ เอตฺถ อยน-สโทฺท มคฺคปริยาโยฯ น เกวลํ อยนเมว, อถ โข อเญฺญปิ พหู มคฺคปริยายาติ ปทุทฺธารํ กโรโนฺต ‘‘มคฺคสฺส หี’’ติ อาทิํ วตฺวา ยทิ มคฺคปริยาโย อยน-สโทฺท, กสฺมา ปุน ‘‘มโคฺค’’ติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เอกมโคฺคติ เอโก เอว มโคฺคฯ น หิ นิพฺพานคามิมโคฺค อโญฺญ อตฺถีติฯ นนุ สติปฎฺฐานํ อิธ มโคฺคติ อธิเปฺปตํ, ตทเญฺญ จ พหู มคฺคธมฺมา อตฺถีติ? สจฺจํ อตฺถิ, เต ปน สติปฎฺฐานคฺคหเณเนว คหิตา ตทวินาภาวโตฯ ตถา หิ ญาณวีริยาทโย นิเทฺทเส คหิตา, อุเทฺทเส ปน สติยา เอว คหณํ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘น ทฺวิธาปถภูโต’’ติ อิมินา อิมสฺส มคฺคสฺส อเนกมคฺคภาวาภาวํ วิย อนิพฺพานคามิภาวาภาวญฺจ ทเสฺสติฯ เอเกนาติ อสหาเยนฯ อสหายตา จ ทุวิธา อตฺตทุติยตาภาเวน วา, ยา ‘‘วูปกฎฺฐกายตา’’ติ วุจฺจติ, ตณฺหาทุติยตาภาเวน วา, ยา ‘‘ปวิวิตฺตจิตฺตตา’’ติ วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘วูปกเฎฺฐน ปวิวิตฺตจิเตฺตนา’’ติฯ เสโฎฺฐปิ โลเก ‘‘เอโก’’ติ วุจฺจติ ‘‘ยาว ปเร เอกาหํ โว กโรมี’’ติอาทีสูติ อาห ‘‘เอกสฺสาติ เสฎฺฐสฺสา’’ติฯ ยทิ สํสารโต นิสฺสรณโฎฺฐ อยนโฎฺฐ, อเญฺญสมฺปิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺนานํ สาธารณโต, กถํ ภควโตติ อาห ‘‘กิญฺจาปี’’ติอาทิฯ อิมสฺมิํ โขติ เอตฺถ โข-สโทฺท อวธารเณ, ตสฺมา อิมสฺมิํ เยวาติ อโตฺถฯ เทสนาเภโทเยว เหโส, ยทิทํ ‘‘มโคฺค’’ติ วา ‘‘อยโน’’ติ วาฯ อยน-สโทฺท วา กมฺมกรณาทิวิภาโคฯ เตนาห ‘‘อตฺถโต ปน เอโก วา’’ติฯ

    Ekāyanoti ettha ayana-saddo maggapariyāyo. Na kevalaṃ ayanameva, atha kho aññepi bahū maggapariyāyāti paduddhāraṃ karonto ‘‘maggassa hī’’ti ādiṃ vatvā yadi maggapariyāyo ayana-saddo, kasmā puna ‘‘maggo’’ti vuttanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘tasmā’’tiādi. Tattha ekamaggoti eko eva maggo. Na hi nibbānagāmimaggo añño atthīti. Nanu satipaṭṭhānaṃ idha maggoti adhippetaṃ, tadaññe ca bahū maggadhammā atthīti? Saccaṃ atthi, te pana satipaṭṭhānaggahaṇeneva gahitā tadavinābhāvato. Tathā hi ñāṇavīriyādayo niddese gahitā, uddese pana satiyā eva gahaṇaṃ veneyyajjhāsayavasenāti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Na dvidhāpathabhūto’’ti iminā imassa maggassa anekamaggabhāvābhāvaṃ viya anibbānagāmibhāvābhāvañca dasseti. Ekenāti asahāyena. Asahāyatā ca duvidhā attadutiyatābhāvena vā, yā ‘‘vūpakaṭṭhakāyatā’’ti vuccati, taṇhādutiyatābhāvena vā, yā ‘‘pavivittacittatā’’ti vuccati. Tenāha ‘‘vūpakaṭṭhena pavivittacittenā’’ti. Seṭṭhopi loke ‘‘eko’’ti vuccati ‘‘yāva pare ekāhaṃ vo karomī’’tiādīsūti āha ‘‘ekassāti seṭṭhassā’’ti. Yadi saṃsārato nissaraṇaṭṭho ayanaṭṭho, aññesampi upanissayasampannānaṃ sādhāraṇato, kathaṃ bhagavatoti āha ‘‘kiñcāpī’’tiādi. Imasmiṃ khoti ettha kho-saddo avadhāraṇe, tasmā imasmiṃ yevāti attho. Desanābhedoyeva heso, yadidaṃ ‘‘maggo’’ti vā ‘‘ayano’’ti vā. Ayana-saddo vā kammakaraṇādivibhāgo. Tenāha ‘‘atthato pana eko vā’’ti.

    นานามุขภาวนานยปฺปวโตฺตติ กายานุปสฺสนาทิมุเขน ตตฺถาปิ อานาปานาทิมุเขน ภาวนานเยน ปวโตฺตฯ เอกายนนฺติ เอกคามินํ, นิพฺพานคามินนฺติ อโตฺถฯ นิพฺพานญฺหิ อทุติยภาวโต, เสฎฺฐภาวโต จ ‘‘เอก’’นฺติ วุจฺจติฯ ยถาห ‘‘เอกญฺหิ สจฺจํ น ทุตียมตฺถี’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๐)ฯ ‘‘ยาวตา ภิกฺขเว ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา วิราโค เตสํ อคฺคํ อกฺขายตี’’ติฯ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) ขโย เอว อโนฺตติ ขยโนฺต, ชาติยา ขยนฺตํ ทิฎฺฐวาติ ชาติขยนฺตทสฺสีฯ อวิภาเคน สเพฺพปิ สเตฺต หิเตน อนุกมฺปตีติ หิตานุกมฺปีฯ อตริํสูติ ตริํสุฯ ปุเพฺพติ ปุริมกา พุทฺธา, ปุเพฺพ วา อตีตกาเลฯ

    Nānāmukhabhāvanānayappavattoti kāyānupassanādimukhena tatthāpi ānāpānādimukhena bhāvanānayena pavatto. Ekāyananti ekagāminaṃ, nibbānagāminanti attho. Nibbānañhi adutiyabhāvato, seṭṭhabhāvato ca ‘‘eka’’nti vuccati. Yathāha ‘‘ekañhi saccaṃ na dutīyamatthī’’ti (su. ni. 890). ‘‘Yāvatā bhikkhave dhammā saṅkhatā vā asaṅkhatā vā virāgo tesaṃ aggaṃ akkhāyatī’’ti. (A. ni. 4.34; itivu. 90) khayo eva antoti khayanto, jātiyā khayantaṃ diṭṭhavāti jātikhayantadassī. Avibhāgena sabbepi satte hitena anukampatīti hitānukampī. Atariṃsūti tariṃsu. Pubbeti purimakā buddhā, pubbe vā atītakāle.

    นฺติ เตสํ วจนํ, ตํ วา กิริยาวุตฺติวาจกตฺตํ น ยุชฺชติฯ น หิ สเงฺขยฺยปฺปธานตาย สตฺตวาจิโน เอกสทฺทสฺส กิริยาวุตฺติวาจกตา อตฺถิฯ ‘‘สกิมฺปิ อุทฺธํ คเจฺฉยฺยา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๗๒) วิย สกิํ อยโนติ อิมินา พฺยญฺชเนน ภวิตพฺพํฯ เอวมตฺถํ โยเชตฺวาติ ‘‘เอกํ อยนํ อสฺสา’’ติ เอวํ สมาสปทตฺถํ โยเชตฺวาฯ อุภยถาปีติ ปุริมนเยน, ปจฺฉิมนเยน จฯ น ยุชฺชติ อิธาธิเปฺปตมคฺคสฺส อเนกวารํ ปวตฺติสพฺภาวโตฯ เตนาห ‘‘กสฺมา’’ติอาทิฯ ‘‘อเนกวารมฺปิ อยตี’’ติ ปุริมนยสฺส อยุตฺตตาทสฺสนํ, ‘‘อเนกญฺจสฺส อยนํ โหตี’’ติ ปจฺฉิมนยสฺสฯ

    Tanti tesaṃ vacanaṃ, taṃ vā kiriyāvuttivācakattaṃ na yujjati. Na hi saṅkheyyappadhānatāya sattavācino ekasaddassa kiriyāvuttivācakatā atthi. ‘‘Sakimpi uddhaṃ gaccheyyā’’tiādīsu (a. ni. 7.72) viya sakiṃ ayanoti iminā byañjanena bhavitabbaṃ. Evamatthaṃ yojetvāti ‘‘ekaṃ ayanaṃ assā’’ti evaṃ samāsapadatthaṃ yojetvā. Ubhayathāpīti purimanayena, pacchimanayena ca. Na yujjati idhādhippetamaggassa anekavāraṃ pavattisabbhāvato. Tenāha ‘‘kasmā’’tiādi. ‘‘Anekavārampi ayatī’’ti purimanayassa ayuttatādassanaṃ, ‘‘anekañcassa ayanaṃ hotī’’ti pacchimanayassa.

    อิมสฺมิํ ปเทติ ‘‘เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มโคฺค’’ติ อิมสฺมิํ วาเกฺย, อิมสฺมิํ วา ‘‘ปุพฺพภาคมโคฺค, โลกุตฺตรมโคฺค’’ติ วิธานปเทฯ มิสฺสกมโคฺคติ โลกิเยน มิสฺสโก โลกุตฺตรมโคฺค ฯ วิสุทฺธิอาทีนํ นิปฺปริยายเหตุกํ สงฺคณฺหโนฺต อาจริยเตฺถโร ‘‘มิสฺสกมโคฺค’’ติ อาหฯ อิตโร ปริยายเหตุ อิธาธิเปฺปโตติ ‘‘ปุพฺพภาคมโคฺค’’ติ อโวจฯ

    Imasmiṃpadeti ‘‘ekāyano ayaṃ bhikkhave maggo’’ti imasmiṃ vākye, imasmiṃ vā ‘‘pubbabhāgamaggo, lokuttaramaggo’’ti vidhānapade. Missakamaggoti lokiyena missako lokuttaramaggo . Visuddhiādīnaṃ nippariyāyahetukaṃ saṅgaṇhanto ācariyatthero ‘‘missakamaggo’’ti āha. Itaro pariyāyahetu idhādhippetoti ‘‘pubbabhāgamaggo’’ti avoca.

    สทฺทํ สุตฺวาติ ‘‘กาโล ภเนฺต ธมฺมสวนายา’’ติ กาลาโรจนสทฺทํ ปจฺจกฺขโต, ปรมฺปราย จ สุตฺวาฯ เอวํ อุกฺขิปิตฺวาติ เอวํ ‘‘สุนฺทรํ มโนหรํ อิมํ กถํ ฉเฑฺฑมา’’ติ อฉเฑฺฑนฺตา อุจฺฉุภารํ วิย ปคฺคเหตฺวา น วิจรนฺติฯ อาลุเฬตีติ วิลุฬิโต อากุโล โหตีติ อโตฺถฯ เอกายนมโคฺค วุจฺจติ ปุพฺพภาคสติปฎฺฐานมโคฺคติ เอตฺตาวตา อิธาธิเปฺปตเตฺถ สิเทฺธ ตเสฺสว อลงฺการตฺถํ โส ปน ยสฺส ปุพฺพภาคมโคฺค, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘มคฺคานฎฺฐงฺคิโก’’ติอาทิกา คาถาปิ ปฎิสมฺภิทามคฺคโตว อาเนตฺวา ฐปิตาฯ

    Saddaṃ sutvāti ‘‘kālo bhante dhammasavanāyā’’ti kālārocanasaddaṃ paccakkhato, paramparāya ca sutvā. Evaṃ ukkhipitvāti evaṃ ‘‘sundaraṃ manoharaṃ imaṃ kathaṃ chaḍḍemā’’ti achaḍḍentā ucchubhāraṃ viya paggahetvā na vicaranti. Āluḷetīti viluḷito ākulo hotīti attho. Ekāyanamaggo vuccati pubbabhāgasatipaṭṭhānamaggoti ettāvatā idhādhippetatthe siddhe tasseva alaṅkāratthaṃ so pana yassa pubbabhāgamaggo, taṃ dassetuṃ ‘‘maggānaṭṭhaṅgiko’’tiādikā gāthāpi paṭisambhidāmaggatova ānetvā ṭhapitā.

    นิพฺพานคมนเฎฺฐนาติ นิพฺพานํ คจฺฉติ อธิคจฺฉติ เอเตนาติ นิพฺพานคมนํ,โสเยว อวิปรีตสภาวตาย อโตฺถ, เตน นิพฺพานคมนเฎฺฐน, นิพฺพานาธิคมูปายตายาติ อโตฺถฯ มคฺคนียเฎฺฐนาติ คเวสิตพฺพตายฯ ‘‘คมนียเฎฺฐนา’’ติ วา ปาโฐ, อุปคนฺตพฺพตายาติ อโตฺถฯ ‘‘ราคาทีหี’’ติ อิมินา ราคโทสโมหานํเยว คหณํ ‘‘ราโค มลํ, โทโส มลํ, โมโห มล’’นฺติ (วิภ. ๙๒๔) วจนโตฯ ‘‘อภิชฺฌาวิสมโลภาทีหี’’ติ ปน อิมินา สเพฺพสมฺปิ อุปกฺกิเลสานํ สงฺคณฺหนตฺถํ เต วิสุํ อุทฺธฎาฯ ‘‘สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส เอกนฺติกตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตถา หี’’ติอาทิมาหฯ กามํ ‘‘วิสุทฺธิยา’’ติ สามญฺญโชตนา, จิตฺตเสฺสว ปน วิสุทฺธิ อิธาธิเปฺปตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘รูปมลวเสน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ น เกวลํ อฎฺฐกถาวจนเมว, อถ โข อิทํ เอตฺถ อาหจฺจ ภาสิตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตถา หี’’ติอาทิมาหฯ

    Nibbānagamanaṭṭhenāti nibbānaṃ gacchati adhigacchati etenāti nibbānagamanaṃ,soyeva aviparītasabhāvatāya attho, tena nibbānagamanaṭṭhena, nibbānādhigamūpāyatāyāti attho. Magganīyaṭṭhenāti gavesitabbatāya. ‘‘Gamanīyaṭṭhenā’’ti vā pāṭho, upagantabbatāyāti attho. ‘‘Rāgādīhī’’ti iminā rāgadosamohānaṃyeva gahaṇaṃ ‘‘rāgo malaṃ, doso malaṃ, moho mala’’nti (vibha. 924) vacanato. ‘‘Abhijjhāvisamalobhādīhī’’ti pana iminā sabbesampi upakkilesānaṃ saṅgaṇhanatthaṃ te visuṃ uddhaṭā. ‘‘Sattānaṃ visuddhiyā’’ti vuttassa atthassa ekantikataṃ dassento ‘‘tathā hī’’tiādimāha. Kāmaṃ ‘‘visuddhiyā’’ti sāmaññajotanā, cittasseva pana visuddhi idhādhippetāti dassetuṃ ‘‘rūpamalavasena panā’’tiādi vuttaṃ. Na kevalaṃ aṭṭhakathāvacanameva, atha kho idaṃ ettha āhacca bhāsitanti dassento ‘‘tathā hī’’tiādimāha.

    สา ปนายํ จิตฺตวิสุทฺธิ สิชฺฌมานา ยสฺมา โสกาทีนํ อนุปฺปาทาย สํวตฺตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายา’’ติอาทิฯ ตตฺถ โสจนํ ญาติพฺยสนาทินิมิตฺตํ เจตโส สนฺตาโป อโนฺตนิชฺฌานํ โสโกฯ ญาติพฺยสนาทินิมิตฺตเมว โสกาวติณฺณโต ‘‘กหํ เอกปุตฺตก กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๓๕๓, ๓๕๔; สํ. นิ. ๒.๖๓) ปริเทวนวเสน วาจาวิปฺปลาโป ปริทวนํ ปริเทโวฯ อายติํ อนุปฺปชฺชนํ อิธ สมติกฺกโมติ อาห ‘‘ปหานายา’’ติฯ ตํ ปนสฺส สมติกฺกมาวหตํ นิทสฺสนวเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘อยญฺหี’’ติอาทิมาหฯ

    Sā panāyaṃ cittavisuddhi sijjhamānā yasmā sokādīnaṃ anuppādāya saṃvattati, tasmā vuttaṃ ‘‘sokaparidevānaṃ samatikkamāyā’’tiādi. Tattha socanaṃ ñātibyasanādinimittaṃ cetaso santāpo antonijjhānaṃ soko. Ñātibyasanādinimittameva sokāvatiṇṇato ‘‘kahaṃ ekaputtaka kahaṃ ekaputtakā’’tiādinā (ma. ni. 2.353, 354; saṃ. ni. 2.63) paridevanavasena vācāvippalāpo paridavanaṃ paridevo. Āyatiṃ anuppajjanaṃ idha samatikkamoti āha ‘‘pahānāyā’’ti. Taṃ panassa samatikkamāvahataṃ nidassanavasena dassento ‘‘ayañhī’’tiādimāha.

    ตตฺถ ยํ ปุเพฺพ, ตํ วิโสเธหีติ อตีเตสุ ขเนฺธสุ ตณฺหาสํกิเลสวิโสธนํ วุตฺตํฯ ปจฺฉาติ ปรโต ฯ เตติ ตุยฺหํฯ มาหูติ มา อหุฯ กิญฺจนนฺติ ราคาทิกิญฺจนํ, เอเตน อนาคเตสุ ขเนฺธสุ สํกิเลสวิโสธนํ วุตฺตํฯ มเชฺฌติ ตทุภยเวมเชฺฌฯ โน เจ คเหสฺสสีติ น อุปาทิยิสฺสสิ เจ, เอเตน ปจฺจุปฺปเนฺน ขนฺธปฺปพเนฺธ อุปาทานปฺปวตฺติ วุตฺตาฯ อุปสโนฺต จริสฺสสีติ เอวํ อทฺธตฺตยคตสํกิเลสวิโสธเน สติ นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตาย อุปสโนฺต หุตฺวา วิหริสฺสสีติ อรหตฺตนิกูเฎน คาถํ นิฎฺฐเปสิฯ เตนาห ‘‘อิมํ คาถ’’นฺติอาทิฯ

    Tattha yaṃ pubbe, taṃ visodhehīti atītesu khandhesu taṇhāsaṃkilesavisodhanaṃ vuttaṃ. Pacchāti parato . Teti tuyhaṃ. Māhūti mā ahu. Kiñcananti rāgādikiñcanaṃ, etena anāgatesu khandhesu saṃkilesavisodhanaṃ vuttaṃ. Majjheti tadubhayavemajjhe. No ce gahessasīti na upādiyissasi ce, etena paccuppanne khandhappabandhe upādānappavatti vuttā. Upasanto carissasīti evaṃ addhattayagatasaṃkilesavisodhane sati nibbutasabbapariḷāhatāya upasanto hutvā viharissasīti arahattanikūṭena gāthaṃ niṭṭhapesi. Tenāha ‘‘imaṃ gātha’’ntiādi.

    ปุตฺตาติ โอรสา, อเญฺญปิ วา ทินฺนกกิตฺติมาทโย เย เกจิฯ ปิตาติ ชนโก, อเญฺญปิ วา ปิตุฎฺฐานิยาฯ พนฺธวาติ ญาตกาฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ปุตฺตา วา ปิตา วา พนฺธวา วา อนฺตเกน มจฺจุนา อธิปนฺนสฺส อภิภูตสฺส มรณโต ตาณาย น โหนฺติฯ กสฺมา? นตฺถิ ญาตีสุ ตาณตาติฯ น หิ ญาตีนํ วเสน มรณโต อารกฺขา อตฺถิ, ตสฺมา ปฎาจาเร ‘‘อุโภ ปุตฺตา กาลงฺกตา’’ติอาทินา (อป. เถรี ๑.๔๙๘) มา นิรตฺถกํ ปริเทวิ, ธมฺมํเยว ปน ยาถาวโต ปสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐิตาติ ยถานุโลมํ ปวตฺติตาย สามุกฺกํสิกาย ธมฺมเทสนาย ปริโยสาเน สหสฺสนยปฎิมณฺฑิเต โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ กถํ ปนายํ สติปฎฺฐานมคฺควเสน โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสีติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ น หิ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานกถาย วินา สาวกานํ อริยมคฺคาธิคโม อตฺถิฯ ‘‘อิมํ คาถํ สุตฺวา’’ติ ปนิทํ โสกวิโนทนวเสน ปวตฺติตาย คาถาย ปฐมํ สุตตฺตา วุตฺตํ, สาปิ หิ สจฺจเทสนาย ปริวารพนฺธา เอว อนิจฺจตากถาติ กตฺวาฯ อิตรคาถายํ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ภาวนาติ ปญฺญาภาวนาฯ สา หิ อิธ อธิเปฺปตาฯ ตสฺมาติ ยสฺมา รูปาทีนํ อนิจฺจาทิโต อนุปสฺสนาปิ สติปฎฺฐานภาวนาว, ตสฺมาฯ เตปีติ สนฺตติมหามตฺตปฎาจาราปิฯ

    Puttāti orasā, aññepi vā dinnakakittimādayo ye keci. Pitāti janako, aññepi vā pituṭṭhāniyā. Bandhavāti ñātakā. Ayañhettha attho – puttā vā pitā vā bandhavā vā antakena maccunā adhipannassa abhibhūtassa maraṇato tāṇāya na honti. Kasmā? Natthi ñātīsu tāṇatāti. Na hi ñātīnaṃ vasena maraṇato ārakkhā atthi, tasmā paṭācāre ‘‘ubho puttā kālaṅkatā’’tiādinā (apa. therī 1.498) mā niratthakaṃ paridevi, dhammaṃyeva pana yāthāvato passāti adhippāyo. Sotāpattiphale patiṭṭhitāti yathānulomaṃ pavattitāya sāmukkaṃsikāya dhammadesanāya pariyosāne sahassanayapaṭimaṇḍite sotāpattiphale patiṭṭhahi. Kathaṃ panāyaṃ satipaṭṭhānamaggavasena sotāpattiphale patiṭṭhāsīti āha ‘‘yasmā panā’’tiādi. Na hi catusaccakammaṭṭhānakathāya vinā sāvakānaṃ ariyamaggādhigamo atthi. ‘‘Imaṃ gāthaṃ sutvā’’ti panidaṃ sokavinodanavasena pavattitāya gāthāya paṭhamaṃ sutattā vuttaṃ, sāpi hi saccadesanāya parivārabandhā eva aniccatākathāti katvā. Itaragāthāyaṃ pana vattabbameva natthi. Bhāvanāti paññābhāvanā. Sā hi idha adhippetā. Tasmāti yasmā rūpādīnaṃ aniccādito anupassanāpi satipaṭṭhānabhāvanāva, tasmā. Tepīti santatimahāmattapaṭācārāpi.

    ปญฺจสเต โจเรติ สตสตโจรปริวาเร ปญฺจโจเร ปฎิปาฎิยา เปเสสิ, เต อรญฺญํ ปวิสิตฺวา เถรํ ปริเยสนฺตา อนุกฺกเมน เถรสฺส สมีเป สมาคจฺฉิํสุฯ เตนาห ‘‘เต คนฺตฺวา เถรํ ปริวาเรตฺวา นิสีทิํสู’’ติฯ เวทนํ วิกฺขเมฺภตฺวาติ อูรุฎฺฐิเภทปจฺจยํ ทุกฺขเวทนํ อมนสิกาเรน วิโนเทตฺวาฯ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชิ วิปฺปฎิสารเลสสฺสปิ อสมฺภวโตฯ เตนาห ‘‘ปริสุทฺธํ สีลํ นิสฺสายา’’ติฯ เถรสฺส หิ สีลํ ปจฺจเวกฺขโต ปริสุทฺธํ สีลํ นิสฺสาย อุฬารํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชมานํ อูรุฎฺฐิเภทชนิตํ ทุกฺขเวทนํ วิกฺขเมฺภสิฯ ติยามรตฺตินฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ, เตนสฺส วิปสฺสนายํ อปฺปมาทํ, ปฎิปตฺติอุสฺสุกฺกาปนญฺจ ทเสฺสติฯ ปาทานีติ ปาเทฯ สํยเมสฺสามีติ สญฺญเปสฺสามิ, สญฺญตฺติํ กริสฺสามีติ อโตฺถฯ อฎฺฎิยามีติ ชิคุจฺฉามิฯ หรายามีติ ลชฺชามิฯ วิปสฺสิสนฺติ สมฺปสฺสิํฯ

    Pañcasatecoreti satasatacoraparivāre pañcacore paṭipāṭiyā pesesi, te araññaṃ pavisitvā theraṃ pariyesantā anukkamena therassa samīpe samāgacchiṃsu. Tenāha ‘‘te gantvā theraṃ parivāretvā nisīdiṃsū’’ti. Vedanaṃ vikkhambhetvāti ūruṭṭhibhedapaccayaṃ dukkhavedanaṃ amanasikārena vinodetvā. Pītipāmojjaṃ uppajji vippaṭisāralesassapi asambhavato. Tenāha ‘‘parisuddhaṃ sīlaṃ nissāyā’’ti. Therassa hi sīlaṃ paccavekkhato parisuddhaṃ sīlaṃ nissāya uḷāraṃ pītipāmojjaṃ uppajjamānaṃ ūruṭṭhibhedajanitaṃ dukkhavedanaṃ vikkhambhesi. Tiyāmarattinti accantasaṃyoge upayogavacanaṃ, tenassa vipassanāyaṃ appamādaṃ, paṭipattiussukkāpanañca dasseti. Pādānīti pāde. Saṃyamessāmīti saññapessāmi, saññattiṃ karissāmīti attho. Aṭṭiyāmīti jigucchāmi. Harāyāmīti lajjāmi. Vipassisanti sampassiṃ.

    ปจลายนฺตานนฺติ ปจลายิกานํ นิทฺทํ อุปคตานํฯ อคตินฺติ อโคจรํฯ วตสมฺปโนฺนติ ธุตคุณสมฺปโนฺนฯ ปมาทนฺติ ปจลายนํ สนฺธายาหฯ โอรุทฺธมานโสติ อุปรุทฺธอธิจิโตฺตฯ ปญฺชรสฺมินฺติ สรีเรฯ สรีรญฺหิ นฺหารุสมฺพนฺธอฎฺฐิสงฺฆาฎตาย อิธ ‘‘ปญฺชร’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Pacalāyantānanti pacalāyikānaṃ niddaṃ upagatānaṃ. Agatinti agocaraṃ. Vatasampannoti dhutaguṇasampanno. Pamādanti pacalāyanaṃ sandhāyāha. Oruddhamānasoti uparuddhaadhicitto. Pañjarasminti sarīre. Sarīrañhi nhārusambandhaaṭṭhisaṅghāṭatāya idha ‘‘pañjara’’nti vuttaṃ.

    ปีตวณฺณาย ปน ปฎากาย กายํ ปริหรณโต, มลฺลยุทฺธจิตฺตกตาย จ ‘‘ปีตมโลฺล’’ติ ปญฺญาโต ปพฺพชิตฺวา ปีตมลฺลเตฺถโร นาม ชาโตฯ ตีสุ รเชฺชสูติ ปณฺฑุโจฬโคฬรเชฺชสุฯ ‘‘สพฺพมลฺลา สีหฬทีเป สกฺการสมฺมานํ ลภนฺตี’’ติ ตมฺพปณฺณิทีปํ อาคมฺมฯ ตํเยว องฺกุสํ กตฺวาติ ‘‘รูปาทโย ‘มมา’ติ น คเหตพฺพา’’ติ นตุมฺหากวเคฺคน ปกาสิตมตฺถํ อตฺตโน จิตฺตมตฺตหตฺถิโน องฺกุสํ กตฺวาฯ ปาเทสุ อวหเนฺตสูติ อติเวลํ จงฺกมเนน อกฺกมิตุํ อสมเตฺถสุฯ ชณฺณุเกหิ จงฺกมติ ‘‘นิสิเนฺน นิทฺทาย อวสโร โหตี’’ติฯ พฺยากริตฺวาติ อตฺตโน วีริยารมฺภสฺส สผลตาปเวทนมุเขน สพฺรหฺมจารีนํ ตตฺถ อุสฺสาหํ ชเนโนฺต อญฺญํ พฺยากริตฺวาฯ ภาสิตนฺติ วจนํ, กสฺส ปน ตนฺติ อาห ‘‘พุทฺธเสฎฺฐสฺส สพฺพโลกคฺควาทิโน’’ติฯ ‘‘น ตุมฺหาก’’นฺติอาทิ ตสฺส ปวตฺติอาการทสฺสนํฯ ตยิทํ เม สงฺขารานํ อจฺจนฺตวูปสมการณนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนิจฺจา วตา’’ติ คาถมาหริ, เตน อิทานาหํ สงฺขารานํ ขเณ ขเณ ภงฺคสงฺขาตสฺส โรคสฺส อภาเวน อโรโค ปรินิพฺพุโตติ ทเสฺสติฯ

    Pītavaṇṇāya pana paṭākāya kāyaṃ pariharaṇato, mallayuddhacittakatāya ca ‘‘pītamallo’’ti paññāto pabbajitvā pītamallatthero nāma jāto. Tīsu rajjesūti paṇḍucoḷagoḷarajjesu. ‘‘Sabbamallā sīhaḷadīpe sakkārasammānaṃ labhantī’’ti tambapaṇṇidīpaṃ āgamma. Taṃyeva aṅkusaṃ katvāti ‘‘rūpādayo ‘mamā’ti na gahetabbā’’ti natumhākavaggena pakāsitamatthaṃ attano cittamattahatthino aṅkusaṃ katvā. Pādesu avahantesūti ativelaṃ caṅkamanena akkamituṃ asamatthesu. Jaṇṇukehi caṅkamati ‘‘nisinne niddāya avasaro hotī’’ti. Byākaritvāti attano vīriyārambhassa saphalatāpavedanamukhena sabrahmacārīnaṃ tattha ussāhaṃ janento aññaṃ byākaritvā. Bhāsitanti vacanaṃ, kassa pana tanti āha ‘‘buddhaseṭṭhassa sabbalokaggavādino’’ti. ‘‘Na tumhāka’’ntiādi tassa pavattiākāradassanaṃ. Tayidaṃ me saṅkhārānaṃ accantavūpasamakāraṇanti dassento ‘‘aniccā vatā’’ti gāthamāhari, tena idānāhaṃ saṅkhārānaṃ khaṇe khaṇe bhaṅgasaṅkhātassa rogassa abhāvena arogo parinibbutoti dasseti.

    อสฺสาติ สกฺกสฺสฯ อุปปตฺตีติ เทวูปปตฺติฯ ปุน ปากติกาว อโหสิ สกฺกภาเวเนว อุปปนฺนตฺตาฯ

    Assāti sakkassa. Upapattīti devūpapatti. Puna pākatikāva ahosi sakkabhāveneva upapannattā.

    สุพฺรหฺมาติ เอวํนาโมฯ อจฺฉรานํ นิรยูปปตฺติํ ทิสฺวา ตโต ปภุติ สตตํ ปวตฺตมานํ อตฺตโน จิตฺตุตฺราสํ สนฺธายาห ‘‘นิจฺจํ อุตฺรสฺตมิทํ จิตฺต’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ อุตฺรสฺตนฺติ สนฺตสฺตํ ภีตํ ฯ อุพฺพิคฺคนฺติ สํวิคฺคํฯ อุตฺรสฺตนฺติ วา สํวิคฺคํฯ อุพฺพิคฺคนฺติ ภยวเสน สห นิสฺสเยน สญฺจลิตํฯ อนุปฺปเนฺนสูติ อนาคเตสุฯ กิเจฺจสูติ เตสุ เตสุ อิติกตฺตเพฺพสุฯ ‘‘กิเจฺฉสู’’ติ วา ปาโฐ, ทุเกฺขสูติ อโตฺถ, นิมิตฺตเตฺถ เจตํ ภุมฺมํ, ภาวิทุกฺขนิมิตฺตนฺติ อโตฺถฯ อุปฺปติเตสูติ อุปฺปเนฺนสุ กิเจฺจสูติ โยชนาฯ ตทา อตฺตโน ปริวารสฺส อุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ สนฺธาย วทติฯ

    Subrahmāti evaṃnāmo. Accharānaṃ nirayūpapattiṃ disvā tato pabhuti satataṃ pavattamānaṃ attano cittutrāsaṃ sandhāyāha ‘‘niccaṃ utrastamidaṃ citta’’ntiādi. Tattha utrastanti santastaṃ bhītaṃ . Ubbigganti saṃviggaṃ. Utrastanti vā saṃviggaṃ. Ubbigganti bhayavasena saha nissayena sañcalitaṃ. Anuppannesūti anāgatesu. Kiccesūti tesu tesu itikattabbesu. ‘‘Kicchesū’’ti vā pāṭho, dukkhesūti attho, nimittatthe cetaṃ bhummaṃ, bhāvidukkhanimittanti attho. Uppatitesūti uppannesu kiccesūti yojanā. Tadā attano parivārassa uppannaṃ dukkhaṃ sandhāya vadati.

    โพชฺฌาติ โพธิโต, อริยมคฺคโตติ อโตฺถฯ ‘‘อญฺญตฺรา’’ติ จ ปทํ อเปกฺขิตฺวา นิสฺสกฺกวจนํ, โพธิํ ฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ ตปสาติ ตโปกมฺมโต, เตน มคฺคาธิคมสฺส อุปายภูตํ สเลฺลขปฎิปทํ ทเสฺสติฯ อินฺทฺริยสํวราติ มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ สํวรณโต , เอเตน สติสํวรสีเสน สพฺพมฺปิ สํวรสีลํ, ลกฺขณหารนเยน วา สพฺพมฺปิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ทเสฺสติฯ สพฺพนิสฺสคฺคาติ สพฺพสฺสปิ นิสฺสชฺชนโต สพฺพกิเลสปฺปหานโตฯ กิเลเสสุ หิ นิสฺสเฎฺฐสุ กมฺมวฎฺฎํ, วิปากวฎฺฎญฺจ นิสฺสฎฺฐเมว โหตีติฯ โสตฺถินฺติ เขมํ อนุปทฺทวตํฯ

    Bojjhāti bodhito, ariyamaggatoti attho. ‘‘Aññatrā’’ti ca padaṃ apekkhitvā nissakkavacanaṃ, bodhiṃ ṭhapetvāti attho. Sesesupi eseva nayo. Tapasāti tapokammato, tena maggādhigamassa upāyabhūtaṃ sallekhapaṭipadaṃ dasseti. Indriyasaṃvarāti manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ saṃvaraṇato , etena satisaṃvarasīsena sabbampi saṃvarasīlaṃ, lakkhaṇahāranayena vā sabbampi catupārisuddhisīlaṃ dasseti. Sabbanissaggāti sabbassapi nissajjanato sabbakilesappahānato. Kilesesu hi nissaṭṭhesu kammavaṭṭaṃ, vipākavaṭṭañca nissaṭṭhameva hotīti. Sotthinti khemaṃ anupaddavataṃ.

    ญายติ นิจฺฉเยน กมติ นิพฺพานํ, ตํ วา ญายติ ปฎิวิชฺฌียติ เอเตนาติ ญาโย, อริยมโคฺคติ อาห ‘‘ญาโย วุจฺจติ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค’’ติฯ ตณฺหาวานวิรหิตตฺตาติ ตณฺหาสงฺขาตวานวิวิตฺตตฺตาฯ ตณฺหา หิ ขเนฺธหิ ขนฺธํ, กมฺมุนา ผลํ, สเตฺตหิ จ ทุกฺขํ วินติ สํสิพฺพตีติ ‘‘วาน’’นฺติ วุจฺจติ, ตยิทํ นตฺถิ เอตฺถ วานํ, น วา เอตสฺมิํ อธิคเต ปุคฺคลสฺส วานนฺติ นิพฺพานํ, อสงฺขตา ธาตุฯ ปรปฺปจฺจเยน วินา ปจฺจกฺขกรณํ สจฺฉิกิริยาติ อาห ‘‘อตฺตปจฺจกฺขตายา’’ติฯ

    Ñāyati nicchayena kamati nibbānaṃ, taṃ vā ñāyati paṭivijjhīyati etenāti ñāyo, ariyamaggoti āha ‘‘ñāyo vuccati ariyo aṭṭhaṅgiko maggo’’ti. Taṇhāvānavirahitattāti taṇhāsaṅkhātavānavivittattā. Taṇhā hi khandhehi khandhaṃ, kammunā phalaṃ, sattehi ca dukkhaṃ vinati saṃsibbatīti ‘‘vāna’’nti vuccati, tayidaṃ natthi ettha vānaṃ, na vā etasmiṃ adhigate puggalassa vānanti nibbānaṃ, asaṅkhatā dhātu. Parappaccayena vinā paccakkhakaraṇaṃ sacchikiriyāti āha ‘‘attapaccakkhatāyā’’ti.

    นนุ ‘‘วิสุทฺธิยา’’ติ จิตฺตวิสุทฺธิยา อธิเปฺปตตฺตา วิสุทฺธิคฺคหเณเนเวตฺถ โสกสมติกฺกมาทโยปิ คหิตา เอว โหนฺติ, เต ปุน กสฺมา คหิตาติ อนุโยคํ สนฺธาย ‘‘ตตฺถ กิญฺจาปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สาสนยุตฺติโกวิเทติ สจฺจปฎิจฺจสมุปฺปาทาทิลกฺขณายํ ธมฺมนีติยํ เฉเกฯ ตํ ตมตฺถํ ญาเปตีติ เย เย โพธเนยฺยปุคฺคลา สเงฺขปวิตฺถาราทิวเสน ยถา ยถา โพเธตพฺพา, อตฺตโน เทสนาวิลาเสน ภควา เต เต ตถา ตถา โพเธโนฺต ตํ ตมตฺถํ ญาเปติฯ ตํ ตํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสโนฺตติ อตฺถาปตฺติํ อคเณโนฺต ตํ ตมตฺถํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสโนฺตฯ น หิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อตฺถาปตฺติญาปกาทิสาธนียวจนาติฯ สํวตฺตตีติ ชายติ, โหตีติ อโตฺถฯ ยสฺมา อนติกฺกนฺตโสกปริเทวสฺส น กทาจิ จิตฺตวิสุทฺธิ อตฺถิ โสกปริเทวสมติกฺกมนมุเขเนว จิตฺตวิสุทฺธิยา อิชฺฌนโต, ตสฺมา อาห ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกเมน โหตี’’ติฯ ยสฺมา ปน โทมนสฺสปจฺจเยหิ ทุกฺขธเมฺมหิ ผุฎฺฐํ ปุถุชฺชนํ โสกาทโย อภิภวนฺติ, ปริญฺญาเตสุ จ เตสุ เต น โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกโม ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคเมนา’’ติฯ ญายสฺสาติ อคฺคมคฺคสฺส, ตติยมคฺคสฺส จฯ ตทธิคเมน หิ ยถากฺกมํ ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคโมฯ สจฺฉิกิริยาภิสมยสหภาวีปิ อิตราภิสมโย ตทวินาภาวโต สจฺฉิกิริยาภิสมยเหตุโก วิย วุโตฺตฯ ญายสฺสาธิคโม นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายาติ ผลญาเณน วา ปจฺจกฺขกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, ‘‘นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ สมฺปทานวจนเญฺจตํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Nanu ‘‘visuddhiyā’’ti cittavisuddhiyā adhippetattā visuddhiggahaṇenevettha sokasamatikkamādayopi gahitā eva honti, te puna kasmā gahitāti anuyogaṃ sandhāya ‘‘tattha kiñcāpī’’tiādi vuttaṃ. Sāsanayuttikovideti saccapaṭiccasamuppādādilakkhaṇāyaṃ dhammanītiyaṃ cheke. Taṃ tamatthaṃñāpetīti ye ye bodhaneyyapuggalā saṅkhepavitthārādivasena yathā yathā bodhetabbā, attano desanāvilāsena bhagavā te te tathā tathā bodhento taṃ tamatthaṃ ñāpeti. Taṃ taṃ pākaṭaṃ katvā dassentoti atthāpattiṃ agaṇento taṃ tamatthaṃ pākaṭaṃ katvā dassento. Na hi sammāsambuddho atthāpattiñāpakādisādhanīyavacanāti. Saṃvattatīti jāyati, hotīti attho. Yasmā anatikkantasokaparidevassa na kadāci cittavisuddhi atthi sokaparidevasamatikkamanamukheneva cittavisuddhiyā ijjhanato, tasmā āha ‘‘sokaparidevānaṃ samatikkamena hotī’’ti. Yasmā pana domanassapaccayehi dukkhadhammehi phuṭṭhaṃ puthujjanaṃ sokādayo abhibhavanti, pariññātesu ca tesu te na honti, tasmā vuttaṃ ‘‘sokaparidevānaṃ samatikkamo dukkhadomanassānaṃ atthaṅgamenā’’ti. Ñāyassāti aggamaggassa, tatiyamaggassa ca. Tadadhigamena hi yathākkamaṃ dukkhadomanassānaṃ atthaṅgamo. Sacchikiriyābhisamayasahabhāvīpi itarābhisamayo tadavinābhāvato sacchikiriyābhisamayahetuko viya vutto. Ñāyassādhigamo nibbānassa sacchikiriyāyāti phalañāṇena vā paccakkhakaraṇaṃ sandhāya vuttaṃ, ‘‘nibbānassa sacchikiriyāyā’’ti sampadānavacanañcetaṃ daṭṭhabbaṃ.

    วณฺณภณนนฺติ ปสํสาวจนํฯ ตยิทํ น อิเธว, อถ โข อญฺญตฺถาปิ สตฺถุ อาจิณฺณํ เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยเถว หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อาทิมฺหิ กลฺยาณมาทิ วา กลฺยาณํ เอตสฺสาติ อาทิกลฺยาณํฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํฯ พฺยญฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยญฺชนํฯ สีลาทิปญฺจธมฺมกฺขนฺธปาริปูริโต, อุปเนตพฺพสฺส อภาวโต จ เกวลปริปุณฺณํฯ นิรุปกฺกิเลสโต อปเนตพฺพสฺส จ อภาวโต ปริสุทฺธํฯ เสฎฺฐจริยภาวโต สาสนพฺรหฺมจริยํ, มคฺคพฺรหฺมจริยญฺจ โว ปกาเสสฺสามีติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๗) วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อริยวํสาติ อริยานํ พุทฺธาทีนํ วํสา ปเวณิโยฯ อคฺคญฺญาติ อคฺคาติ ชานิตพฺพา สพฺพวํเสหิ เสฎฺฐภาวโตฯ รตฺตญฺญาติ จิรรตฺตาติ ชานิตพฺพาฯ วํสญฺญาติ พุทฺธาทีนํ วํสาติ ชานิตพฺพาฯ โปราณาติ ปุราตนา อนธุนาตนตฺตาฯ อสงฺกิณฺณาติ อวิกิณฺณา อนปนีตาฯ อสงฺกิณฺณปุพฺพาติ ‘‘กิํ อิเมหี’’ติ อริเยหิ น อปนีตปุพฺพา ฯ น สงฺกียนฺตีติ อิทานิปิ เตหิ น อปนียนฺติฯ น สงฺกียิสฺสนฺตีติ อนาคเตปิ เตหิ น อปนียิสฺสนฺติฯ อปฺปฎิกุฎฺฐา…เป.… วิญฺญูหีติ เย โลเก วิญฺญู สมณพฺราหฺมณา, เตหิ อปฺปจฺจกฺขตา อนินฺทิตา, อครหิตาติ อโตฺถฯ ‘‘วิสุทฺธิยา’’ติอาทีหีติ วิสุทฺธิอาทิทีปเนหิฯ ปเทหีติ วาเกฺยหิ, วิสุทฺธิอตฺถตาทิเภทภิเนฺนหิ วา ธมฺมโกฎฺฐาเสหิฯ อุปทฺทเวติ อนเตฺถฯ วิสุทฺธินฺติ วิสุชฺฌนํ สํกิเลสปฺปหานํฯ วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโหฯ ปริยาปุณนํ ปริจโยฯ อตฺถสฺส หทเย ฐปนํ ธารณํฯ ปริวตฺตนํ วาจนํฯ

    Vaṇṇabhaṇananti pasaṃsāvacanaṃ. Tayidaṃ na idheva, atha kho aññatthāpi satthu āciṇṇaṃ evāti dassento ‘‘yatheva hī’’tiādimāha. Tattha ādimhi kalyāṇamādi vā kalyāṇaṃ etassāti ādikalyāṇaṃ. Sesapadadvayepi eseva nayo. Atthasampattiyā sātthaṃ. Byañjanasampattiyā sabyañjanaṃ. Sīlādipañcadhammakkhandhapāripūrito, upanetabbassa abhāvato ca kevalaparipuṇṇaṃ. Nirupakkilesato apanetabbassa ca abhāvato parisuddhaṃ. Seṭṭhacariyabhāvato sāsanabrahmacariyaṃ, maggabrahmacariyañca vo pakāsessāmīti. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimagge (visuddhi. 1.147) vuttanayeneva veditabbo. Ariyavaṃsāti ariyānaṃ buddhādīnaṃ vaṃsā paveṇiyo. Aggaññāti aggāti jānitabbā sabbavaṃsehi seṭṭhabhāvato. Rattaññāti cirarattāti jānitabbā. Vaṃsaññāti buddhādīnaṃ vaṃsāti jānitabbā. Porāṇāti purātanā anadhunātanattā. Asaṅkiṇṇāti avikiṇṇā anapanītā. Asaṅkiṇṇapubbāti ‘‘kiṃ imehī’’ti ariyehi na apanītapubbā . Na saṅkīyantīti idānipi tehi na apanīyanti. Na saṅkīyissantīti anāgatepi tehi na apanīyissanti. Appaṭikuṭṭhā…pe… viññūhīti ye loke viññū samaṇabrāhmaṇā, tehi appaccakkhatā aninditā, agarahitāti attho. ‘‘Visuddhiyā’’tiādīhīti visuddhiādidīpanehi. Padehīti vākyehi, visuddhiatthatādibhedabhinnehi vā dhammakoṭṭhāsehi. Upaddaveti anatthe. Visuddhinti visujjhanaṃ saṃkilesappahānaṃ. Vācuggatakaraṇaṃ uggaho. Pariyāpuṇanaṃ paricayo. Atthassa hadaye ṭhapanaṃ dhāraṇaṃ. Parivattanaṃ vācanaṃ.

    คนฺธารโกติ คนฺธารเทเส อุปฺปโนฺนฯ ปโหนฺตีติ สโกฺกนฺติฯ อนิยฺยานิกมคฺคาติ มิจฺฉามคฺคา, มิจฺฉตฺตนิยตานิยตมคฺคาปิ วาฯ สุวณฺณนฺติ กูฎสุวณฺณมฺปิ วุจฺจติฯ มณีติ กาจมณิปิ, มุตฺตาติ เวฬุชาปิ, ปวาฬนฺติ ปลฺลโวปิ วุจฺจตีติ รตฺตชมฺพุนทาทิปเทหิ เต วิเสสิตาฯ

    Gandhārakoti gandhāradese uppanno. Pahontīti sakkonti. Aniyyānikamaggāti micchāmaggā, micchattaniyatāniyatamaggāpi vā. Suvaṇṇanti kūṭasuvaṇṇampi vuccati. Maṇīti kācamaṇipi, muttāti veḷujāpi, pavāḷanti pallavopi vuccatīti rattajambunadādipadehi te visesitā.

    น ตโต เหฎฺฐาติ อิธาธิเปฺปตกายาทีนํ เวทนาทิสภาวตฺตาภาวา, กายเวทนาจิตฺตวิมุตฺตสฺส เตภูมกธมฺมสฺส วิสุํ วิปลฺลาสวตฺถนฺตรภาเวน คหิตตฺตา จ เหฎฺฐา คหเณสุ วิปลฺลาสวตฺถูนํ อนิฎฺฐานํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปญฺจมสฺส ปน วิปลฺลาสวตฺถุโน อภาวา ‘‘น อุทฺธ’’นฺติ อาหฯ อารมฺมณวิภาเคน เหตฺถ สติปฎฺฐานวิภาโคติฯ ตโย สติปฎฺฐานาติ สติปฎฺฐาน-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธารทสฺสนํ, น อิธ ปาฬิยํ วุตฺตสฺส สติปฎฺฐาน-สทฺทสฺส อตฺถทสฺสนนฺติฯ อาทีสุ หิ สติโคจโรติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ‘‘ผสฺสสมุทยา เวทนานํ สมุทโย, นามรูปสมุทยา จิตฺตสฺส สมุทโย, มนสิการสมุทยา ธมฺมานํ สมุทโย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๔๐๘) ‘‘สติปฎฺฐานา’’ติ วุตฺตานํ สภิโคจรานํ ปกาสเก สุตฺตปฺปเทเส สงฺคณฺหาติฯ เอวํ ‘‘ปฎิสมฺภิทาปาฬิย’’มฺปิ (ปฎิ. ม. ๒.๓๔) อวเสสปาฬิปฺปเทสทสฺสนโตฺถ อาทิ-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ สติยา ปฎฺฐานนฺติ สติยา ปติฎฺฐาตพฺพฎฺฐานํฯ ทานาทีนิ กโรนฺตสฺส รูปาทีนิ สติยา ฐานํ โหนฺตีติ ตํนิวารณตฺถมาห ‘‘ปธานํ ฐาน’’นฺติฯ -สโทฺท หิ อิธ ‘‘ปณีตา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. สํ. มาติกา ๑๔) วิย ปธานตฺถทีปโกติ อธิปฺปาโยฯ

    Na tato heṭṭhāti idhādhippetakāyādīnaṃ vedanādisabhāvattābhāvā, kāyavedanācittavimuttassa tebhūmakadhammassa visuṃ vipallāsavatthantarabhāvena gahitattā ca heṭṭhā gahaṇesu vipallāsavatthūnaṃ aniṭṭhānaṃ sandhāya vuttaṃ, pañcamassa pana vipallāsavatthuno abhāvā ‘‘na uddha’’nti āha. Ārammaṇavibhāgena hettha satipaṭṭhānavibhāgoti. Tayo satipaṭṭhānāti satipaṭṭhāna-saddassa atthuddhāradassanaṃ, na idha pāḷiyaṃ vuttassa satipaṭṭhāna-saddassa atthadassananti. Ādīsu hi satigocaroti ettha ādi-saddena ‘‘phassasamudayā vedanānaṃ samudayo, nāmarūpasamudayā cittassa samudayo, manasikārasamudayā dhammānaṃ samudayo’’ti (saṃ. ni. 5.408) ‘‘satipaṭṭhānā’’ti vuttānaṃ sabhigocarānaṃ pakāsake suttappadese saṅgaṇhāti. Evaṃ ‘‘paṭisambhidāpāḷiya’’mpi (paṭi. ma. 2.34) avasesapāḷippadesadassanattho ādi-saddo daṭṭhabbo. Satiyā paṭṭhānanti satiyā patiṭṭhātabbaṭṭhānaṃ. Dānādīni karontassa rūpādīni satiyā ṭhānaṃ hontīti taṃnivāraṇatthamāha ‘‘padhānaṃ ṭhāna’’nti. Pa-saddo hi idha ‘‘paṇītā dhammā’’tiādīsu (dha. saṃ. mātikā 14) viya padhānatthadīpakoti adhippāyo.

    อริโยติ อริยํ สพฺพสตฺตเสฎฺฐํ สมฺมาสมฺพุทฺธมาหฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ สฬายตนวิภงฺคสุเตฺตฯ(ม. นิ. ๓.๓๑๐) สุเตฺตกเทเสน หิ สุตฺตํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ หิ –

    Ariyoti ariyaṃ sabbasattaseṭṭhaṃ sammāsambuddhamāha. Etthāti etasmiṃ saḷāyatanavibhaṅgasutte.(Ma. ni. 3.310) suttekadesena hi suttaṃ dasseti. Tattha hi –

    ‘‘ตโย สติปฎฺฐานา ยทริโย…เป.… อรหตีติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ อิธ, ภิกฺขเว, สตฺถา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ อนุกมฺปโก หิเตสี อนุกมฺปํ อุปาทาย ‘อิทํ โว หิตาย อิทํ โว สุขายา’ติฯ ตสฺส สาวกา น สุสฺสูสนฺติฯ น โสตํ โอทหนฺติ, น อญฺญา จิตฺตํ อุปฎฺฐเปนฺติ, โวกฺกมฺม จ สตฺถุ สาสนา วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต น เจว อนตฺตมโน โหติ, น จ อนตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติ, อนวสฺสุโต จ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปฐมํ สติปฎฺฐานํฯ ยทริโย เสวติ…เป.… อรหติฯ

    ‘‘Tayo satipaṭṭhānā yadariyo…pe… arahatīti iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ. Idha, bhikkhave, satthā sāvakānaṃ dhammaṃ deseti anukampako hitesī anukampaṃ upādāya ‘idaṃ vo hitāya idaṃ vo sukhāyā’ti. Tassa sāvakā na sussūsanti. Na sotaṃ odahanti, na aññā cittaṃ upaṭṭhapenti, vokkamma ca satthu sāsanā vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato na ceva anattamano hoti, na ca anattamanataṃ paṭisaṃvedeti, anavassuto ca viharati sato sampajāno. Idaṃ, bhikkhave, paṭhamaṃ satipaṭṭhānaṃ. Yadariyo sevati…pe… arahati.

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สตฺถา…เป...อิทํ โว สุขายาติ ฯ ตสฺส เอกเจฺจ สาวกา น สุสฺสูสนฺติ…เป.… น จ โวกฺกมฺม สตฺถุ สาสนา วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต น เจว อนตฺตมโน โหติ, น จ อนตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติ, น จ อตฺตมโน โหติ, น จ อตฺตมนตํ ปฎิสํเวเทติ, อนตฺตมนตา จ อตฺตมนตา จ ตทุภยํ อภินิวเชฺชตฺวา อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุติยํฯ

    Puna caparaṃ, bhikkhave, satthā…pe...idaṃ vo sukhāyāti . Tassa ekacce sāvakā na sussūsanti…pe… na ca vokkamma satthu sāsanā vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato na ceva anattamano hoti, na ca anattamanataṃ paṭisaṃvedeti, na ca attamano hoti, na ca attamanataṃ paṭisaṃvedeti, anattamanatā ca attamanatā ca tadubhayaṃ abhinivajjetvā upekkhako viharati sato sampajāno. Idaṃ vuccati, bhikkhave, dutiyaṃ.

    ปุน จปรํ, ภิกฺขเว…เป.… สุขายาติ, ตสฺส สาวกา สุสฺสูสนฺติ…เป.… วตฺตนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต อตฺตมโน เจว โหติ, อตฺตมนตญฺจ ปฎิสํเวเทติ, อนวสฺสุโต จ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ตติย’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๑๑)ฯ

    Puna caparaṃ, bhikkhave…pe… sukhāyāti, tassa sāvakā sussūsanti…pe… vattanti. Tatra, bhikkhave, tathāgato attamano ceva hoti, attamanatañca paṭisaṃvedeti, anavassuto ca viharati sato sampajāno. Idaṃ vuccati, bhikkhave, tatiya’’nti (ma. ni. 3.311).

    เอวํ ปฎิฆานุนเยหิ อนวสฺสุตตา, นิจฺจํ อุปฎฺฐิตสฺสติตาย ตทุภยวีติวตฺตตา ‘‘สติปฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตาฯ พุทฺธานํเยว หิ นิจฺจํ อุปฎฺฐิตสฺสติตา โหติ อาเวณิกธมฺมภาวโต, น ปเจฺจกพุทฺธาทีนํฯ -สโทฺท อารมฺภํ โชเตติ, อารโมฺภ จ ปวตฺตีติ กตฺวา อาห ‘‘ปวตฺตยิตพฺพโตติ อโตฺถ’’ติฯ สติยา กรณภูตาย ปฎฺฐานํ ปฎฺฐเปตพฺพํ สติปฎฺฐานํฯ อน-สโทฺท หิ พหุลํวจเนน กมฺมโตฺถปิ โหตีติฯ ตถาสฺส กตฺตุอโตฺถปิ ลพฺภตีติ ‘‘ปฎฺฐาตีติ ปฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ปฎฺฐาตีติ เอตฺถ -สโทฺท ภุสตฺถวิสิฎฺฐํ ปกฺขนฺทนํ ทีเปตีติ ‘‘โอกฺกนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปตฺถริตฺวา ปวตฺตตีติ อโตฺถ’’ติ อาหฯ ปุน ภาวตฺถํ สติ, สทฺทํ, ปฎฺฐานสทฺทญฺจ วเณฺณโนฺต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห, เตน ปุริมวิกเปฺป สติ, สโทฺท, ปฎฺฐาน-สโทฺท จ กตฺตุอโตฺถติ วิญฺญายติฯ สรณเฎฺฐนาติ จิรกตสฺส, จิรภาสิตสฺส จ อนุสฺสรณเฎฺฐนฯ อิทนฺติ ยํ ‘‘สติเยว สติปฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํ, อิทํฯ อิธ อิมสฺมิํ สุตฺตปเทเส อธิเปฺปตํฯ

    Evaṃ paṭighānunayehi anavassutatā, niccaṃ upaṭṭhitassatitāya tadubhayavītivattatā ‘‘satipaṭṭhāna’’nti vuttā. Buddhānaṃyeva hi niccaṃ upaṭṭhitassatitā hoti āveṇikadhammabhāvato, na paccekabuddhādīnaṃ. Pa-saddo ārambhaṃ joteti, ārambho ca pavattīti katvā āha ‘‘pavattayitabbatoti attho’’ti. Satiyā karaṇabhūtāya paṭṭhānaṃ paṭṭhapetabbaṃ satipaṭṭhānaṃ. Ana-saddo hi bahulaṃvacanena kammatthopi hotīti. Tathāssa kattuatthopi labbhatīti ‘‘paṭṭhātīti paṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Paṭṭhātīti ettha pa-saddo bhusatthavisiṭṭhaṃ pakkhandanaṃ dīpetīti ‘‘okkanditvā pakkhanditvā pattharitvā pavattatīti attho’’ti āha. Puna bhāvatthaṃ sati, saddaṃ, paṭṭhānasaddañca vaṇṇento ‘‘atha vā’’tiādimāha, tena purimavikappe sati, saddo, paṭṭhāna-saddo ca kattuatthoti viññāyati. Saraṇaṭṭhenāti cirakatassa, cirabhāsitassa ca anussaraṇaṭṭhena. Idanti yaṃ ‘‘satiyeva satipaṭṭhāna’’nti vuttaṃ, idaṃ. Idha imasmiṃ suttapadese adhippetaṃ.

    ยทิ เอวนฺติฯ ยทิ สติ เอว สติปฎฺฐานํ, สติ นาม เอโก ธโมฺม, เอวํ สเนฺต กสฺมา ‘‘สติปฎฺฐานา’’ติ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘สติพหุตฺตา’’ติอาทิฯ ยทิ พหุกา ตา สติโย, อถ กสฺมา ‘‘มโคฺค’’ติ เอกวจนนฺติ โยชนาฯ มคฺคเฎฺฐนาติ นิยฺยานเฎฺฐนฯ นิยฺยานิโก หิ มคฺคธโมฺม, เตเนว นิยฺยานิกภาเวน เอกตฺตูปคโต เอกนฺตโต นิพฺพานํ คจฺฉติ, อตฺถิเกหิ จ ตทตฺถํ มคฺคียตีติ อาห ‘‘วุตฺตเญฺหต’’นฺติ, อตฺตนาว ปุเพฺพ วุตฺตํ ปจฺจาหรติฯ ตตฺถ จตโสฺสปิ เจตาติ กายานุปสฺสนาทิวเสน จตุพฺพิธาปิ จ เอตา สติโยฯ อปรภาเคติ อริยมคฺคกฺขเณฯ กิจฺจํ สาธยมานาติ ปุพฺพภาเค กายาทีสุ สุภสญฺญาทิวิธมนวเสน วิสุํ วิสุํ ปวตฺติตฺวา มคฺคกฺขเณ สติเยว ตตฺถ จตุพฺพิธสฺสปิ วิปลฺลาสสฺส สมุเจฺฉทวเสน ปหานกิจฺจํ สาธยมานา อารมฺมณกรณวเสน นิพฺพานํ คจฺฉติฯ จตุกิจฺจสาธเนเนว เหตฺถ พหุวจนนิเทฺทโสฯ เอวญฺจ สตีติ เอวํ มคฺคเฎฺฐน เอกตฺตํ อุปาทาย ‘‘มโคฺค’’ติ เอกวจเนน, อารมฺมณเภเทน จตุพฺพิธตํ อุปาทาย ‘‘จตฺตาโร’’ติ จ วตฺตพฺพตาย สติ วิชฺชมานตฺตาฯ วจนานุสนฺธินา ‘‘เอกายโน อย’’นฺติอาทิกา เทสนา สานุสนฺธิกาว, น อนนุสนฺธิกาติ อธิปฺปาโยฯ วุตฺตเมวตฺถํ นิทสฺสเนน ปฎิปาเทตุํ ‘‘มารเสนปฺปมทฺทน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๒๒๔) สุตฺตปทํ อาเนตฺวา ‘‘ยถา’’ติอาทินา นิทสฺสนํ สํสนฺทติฯ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ นิคมนํฯ

    Yadi evanti. Yadi sati eva satipaṭṭhānaṃ, sati nāma eko dhammo, evaṃ sante kasmā ‘‘satipaṭṭhānā’’ti bahuvacananti āha ‘‘satibahuttā’’tiādi. Yadi bahukā tā satiyo, atha kasmā ‘‘maggo’’ti ekavacananti yojanā. Maggaṭṭhenāti niyyānaṭṭhena. Niyyāniko hi maggadhammo, teneva niyyānikabhāvena ekattūpagato ekantato nibbānaṃ gacchati, atthikehi ca tadatthaṃ maggīyatīti āha ‘‘vuttañheta’’nti, attanāva pubbe vuttaṃ paccāharati. Tattha catassopi cetāti kāyānupassanādivasena catubbidhāpi ca etā satiyo. Aparabhāgeti ariyamaggakkhaṇe. Kiccaṃ sādhayamānāti pubbabhāge kāyādīsu subhasaññādividhamanavasena visuṃ visuṃ pavattitvā maggakkhaṇe satiyeva tattha catubbidhassapi vipallāsassa samucchedavasena pahānakiccaṃ sādhayamānā ārammaṇakaraṇavasena nibbānaṃ gacchati. Catukiccasādhaneneva hettha bahuvacananiddeso. Evañca satīti evaṃ maggaṭṭhena ekattaṃ upādāya ‘‘maggo’’ti ekavacanena, ārammaṇabhedena catubbidhataṃ upādāya ‘‘cattāro’’ti ca vattabbatāya sati vijjamānattā. Vacanānusandhinā ‘‘ekāyano aya’’ntiādikā desanā sānusandhikāva, na ananusandhikāti adhippāyo. Vuttamevatthaṃ nidassanena paṭipādetuṃ ‘‘mārasenappamaddana’’nti (saṃ. ni. 5.224) suttapadaṃ ānetvā ‘‘yathā’’tiādinā nidassanaṃ saṃsandati. ‘‘Tasmā’’tiādi nigamanaṃ.

    วิเสสโต กาโย, เวทนา จ อสฺสาทสฺส การณนฺติ ตปฺปหานตฺถํ เตสุ ตณฺหาวตฺถูสุ โอฬาริกสุขุเมสุ อสุภทุกฺขภาวทสฺสนานิ มนฺทติกฺขปเญฺญหิ ตณฺหาจริเตหิ สุกรานีติ ตานิ เตสํ ‘‘วิสุทฺธิมโคฺค’’ติ วุตฺตานิฯ ตถา ‘‘นิจฺจํ อตฺตา’’ติ อภินิเวสวตฺถุตาย ทิฎฺฐิยา วิเสสการเณสุ จิตฺตธเมฺมสุ อนิจฺจานตฺตตาทสฺสนานิ สราคาทิวเสน, สญฺญาผสฺสาทิวเสน, นีวรณาทิวเสน จ นาติปฺปเภทาติปฺปเภทคเตสุ เตสุ ตปฺปหานตฺถํ มนฺทติกฺขปญฺญานํ ทิฎฺฐิจริตานํ สุกรานีติ เตสํ ตานิ ‘‘วิสุทฺธิมโคฺค’’ติ วุตฺตานิฯ เอตฺถ จ ยถา จิตฺตธมฺมานมฺปิ ตณฺหาย วตฺถุภาโว สมฺภวติ, ตถา กายเวทนานมฺปิ ทิฎฺฐิยาติ สติปิ เนสํ จตุนฺนมฺปิ ตณฺหาทิฎฺฐิวตฺถุภาเว โย ยสฺสา สาติสยปจฺจโย, ตํ ทสฺสนตฺถํ วิเสสคฺคหณํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ติกฺขปญฺญสมถยานิโก โอฬาริการมฺมณํ ปริคฺคณฺหโนฺต ตตฺถ อฎฺฐตฺวา ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อุฎฺฐาย เวทนํ ปริคฺคณฺหาตีติ วุตฺตํ ‘‘โอฬาริการมฺมเณ อสณฺฐหนโต’’ติฯ วิปสฺสนายานิกสฺส ปน สุขุเม จิเตฺต, ธเมฺมสุ จ จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ จิตฺตธมฺมานุปสฺสนานํ มนฺทติกฺขปญฺญวิปสฺสนายานิกานํ วิสุทฺธิมคฺคตา วุตฺตาฯ

    Visesato kāyo, vedanā ca assādassa kāraṇanti tappahānatthaṃ tesu taṇhāvatthūsu oḷārikasukhumesu asubhadukkhabhāvadassanāni mandatikkhapaññehi taṇhācaritehi sukarānīti tāni tesaṃ ‘‘visuddhimaggo’’ti vuttāni. Tathā ‘‘niccaṃ attā’’ti abhinivesavatthutāya diṭṭhiyā visesakāraṇesu cittadhammesu aniccānattatādassanāni sarāgādivasena, saññāphassādivasena, nīvaraṇādivasena ca nātippabhedātippabhedagatesu tesu tappahānatthaṃ mandatikkhapaññānaṃ diṭṭhicaritānaṃ sukarānīti tesaṃ tāni ‘‘visuddhimaggo’’ti vuttāni. Ettha ca yathā cittadhammānampi taṇhāya vatthubhāvo sambhavati, tathā kāyavedanānampi diṭṭhiyāti satipi nesaṃ catunnampi taṇhādiṭṭhivatthubhāve yo yassā sātisayapaccayo, taṃ dassanatthaṃ visesaggahaṇaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Tikkhapaññasamathayāniko oḷārikārammaṇaṃ pariggaṇhanto tattha aṭṭhatvā jhānaṃ samāpajjitvā uṭṭhāya vedanaṃ pariggaṇhātīti vuttaṃ ‘‘oḷārikārammaṇe asaṇṭhahanato’’ti. Vipassanāyānikassa pana sukhume citte, dhammesu ca cittaṃ pakkhandatīti cittadhammānupassanānaṃ mandatikkhapaññavipassanāyānikānaṃ visuddhimaggatā vuttā.

    เตสํ ตตฺถาติ เอตฺถ ตตฺถ-สทฺทสฺส ‘‘ปหานตฺถ’’นฺติ เอเตน โยชนาฯ ปรโต เตสํ ตตฺถาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ปญฺจ กามคุณา สวิเสสา กาเย ลพฺภนฺตีติ วิเสเสน กาโย กาโมฆสฺส วตฺถุ, ภเวสุ สุขคฺคหณวเสน ภวสฺสาโท โหตีติ ภโวฆสฺส เวทนา วตฺถุ, สนฺตติฆนคฺคหณวเสน วิเสสโต จิเตฺต อตฺตาภินิเวโส โหตีติ ทิโฎฺฐฆสฺส จิตฺตํ วตฺถุ, ธเมฺมสุ วินิโพฺภคสฺส ทุกฺกรตฺตา, ธมฺมานํ ธมฺมมตฺตตาย ทุปฺปฎิวิชฺฌตฺตา จ สโมฺมโห โหตีติ อวิโชฺชฆสฺส ธมฺมา วตฺถุ, ตสฺมา เตสุ เตสํ ปหานตฺถํ จตฺตาโรว วุตฺตาฯ

    Tesaṃ tatthāti ettha tattha-saddassa ‘‘pahānattha’’nti etena yojanā. Parato tesaṃ tatthāti etthāpi eseva nayo. Pañca kāmaguṇā savisesā kāye labbhantīti visesena kāyo kāmoghassa vatthu, bhavesu sukhaggahaṇavasena bhavassādo hotīti bhavoghassa vedanā vatthu, santatighanaggahaṇavasena visesato citte attābhiniveso hotīti diṭṭhoghassa cittaṃ vatthu, dhammesu vinibbhogassa dukkarattā, dhammānaṃ dhammamattatāya duppaṭivijjhattā ca sammoho hotīti avijjoghassa dhammā vatthu, tasmā tesu tesaṃ pahānatthaṃ cattārova vuttā.

    เอวํ กายาทีนํ กาโมฆาทิวตฺถุภาวกถเนเนว กามโยคกามาสวาทีนมฺปิ วตฺถุภาโว ทีปิโต โหติ โอเฆหิ เตสํ อตฺถโต อนญฺญตฺตาฯ ยทเคฺคน จ กาโย กาโมฆาทีนํ วตฺถุ, ตทเคฺคน อภิชฺฌากายคนฺถสฺส วตฺถุฯ ‘‘ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย อนุเสตี’’ติ ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขภูตา เวทนา วิเสเสน พฺยาปาทกายคนฺถสฺส วตฺถุฯ จิเตฺต นิจฺจคฺคหณวเสน สสฺสตสฺส อตฺตโน สีเลน สุทฺธีติ อาทิ ปรามสนํ โหตีติ สีลพฺพตปรามาสสฺส จิตฺตํ วตฺถุฯ นามรูปปริเจฺฉเทน ภูตํ ภูตโต อปสฺสนฺตสฺส ภววิภวทิฎฺฐิสงฺขาโต อิทํสจฺจาภินิเวโส โหตีติ ตสฺส ธมฺมา วตฺถุฯ กายสฺส กามุปาทานวตฺถุตา วุตฺตนยาวฯ ยทเคฺคน หิ กาโย กาโมฆสฺส วตฺถุ, ตทเคฺคน กามุปาทานสฺสปิ วตฺถุ อตฺถโต อภินฺนตฺตาฯ สุขเวทนสฺสาทวเสน ปรโลกนิรเปโกฺข ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกํ (ที. นิ. ๑.๑๗๑; ม. นิ. ๑.๔๔๕; ๒.๙๕, ๒๒๕; ๓.๙๑, ๑๑๖; สํ. นิ. ๓.๒๑๐; ธ. ส. ๑๒๒๑; วิภ. ๙๓๘) ปรามาสํ อุปฺปาเทตีติ ทิฎฺฐุปาทานสฺส เวทนา วตฺถุ ฯ จิตฺตธมฺมานํ อิตรุปาทานวตฺถุตา ตติยจตุตฺถคนฺถโยชนายํ วุตฺตนยา เอวฯ กายเวทนานํ ฉนฺทโทสาคติวตฺถุตา กาโมฆพฺยาปาทกายคนฺถโยชนายํ วุตฺตนยา เอวฯ สนฺตติฆนคฺคหณวเสน สราคาทิจิเตฺต สโมฺมโห โหตีติ โมหาคติยา จิตฺตํ วตฺถุฯ ธมฺมสภาวานวโพเธ ภยํ โหตีติ ภยาคติยา ธมฺมา วตฺถุฯ

    Evaṃ kāyādīnaṃ kāmoghādivatthubhāvakathaneneva kāmayogakāmāsavādīnampi vatthubhāvo dīpito hoti oghehi tesaṃ atthato anaññattā. Yadaggena ca kāyo kāmoghādīnaṃ vatthu, tadaggena abhijjhākāyaganthassa vatthu. ‘‘Dukkhāya vedanāya paṭighānusayo anusetī’’ti dukkhadukkhavipariṇāmadukkhasaṅkhāradukkhabhūtā vedanā visesena byāpādakāyaganthassa vatthu. Citte niccaggahaṇavasena sassatassa attano sīlena suddhīti ādi parāmasanaṃ hotīti sīlabbataparāmāsassa cittaṃ vatthu. Nāmarūpaparicchedena bhūtaṃ bhūtato apassantassa bhavavibhavadiṭṭhisaṅkhāto idaṃsaccābhiniveso hotīti tassa dhammā vatthu. Kāyassa kāmupādānavatthutā vuttanayāva. Yadaggena hi kāyo kāmoghassa vatthu, tadaggena kāmupādānassapi vatthu atthato abhinnattā. Sukhavedanassādavasena paralokanirapekkho ‘‘natthi dinna’’ntiādikaṃ (dī. ni. 1.171; ma. ni. 1.445; 2.95, 225; 3.91, 116; saṃ. ni. 3.210; dha. sa. 1221; vibha. 938) parāmāsaṃ uppādetīti diṭṭhupādānassa vedanā vatthu . Cittadhammānaṃ itarupādānavatthutā tatiyacatutthaganthayojanāyaṃ vuttanayā eva. Kāyavedanānaṃ chandadosāgativatthutā kāmoghabyāpādakāyaganthayojanāyaṃ vuttanayā eva. Santatighanaggahaṇavasena sarāgādicitte sammoho hotīti mohāgatiyā cittaṃ vatthu. Dhammasabhāvānavabodhe bhayaṃ hotīti bhayāgatiyā dhammā vatthu.

    อาหารสมุทยา กายสฺส สมุทยา, ผสฺสสมุทยา เวทนานํ สมุทโย, (สํ. นิ. ๕.๔๐๘) สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปนฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; อุทา. ๑; วิภ. ๒๒๕) วจนโต กายาทีนํ สมุทยภูตา กพฬีการผสฺสมโนสเญฺจตนาวิญฺญาณาหารา กายาทิปริชานเนน ปริญฺญาตา โหนฺตีติ อาห ‘‘จตุพฺพิธาหารปริญฺญตฺถ’’นฺติฯ ปกรณนโยติ เนตฺติปกรณวเสน สุตฺตนฺตสํวณฺณนานโยฯ

    Āhārasamudayā kāyassa samudayā, phassasamudayā vedanānaṃ samudayo, (saṃ. ni. 5.408) saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpanti (ma. ni. 3.126; udā. 1; vibha. 225) vacanato kāyādīnaṃ samudayabhūtā kabaḷīkāraphassamanosañcetanāviññāṇāhārā kāyādiparijānanena pariññātā hontīti āha ‘‘catubbidhāhārapariññattha’’nti. Pakaraṇanayoti nettipakaraṇavasena suttantasaṃvaṇṇanānayo.

    สรณวเสนาติ กายาทีนํ, กุสลาทิธมฺมานญฺจ อุปธารณวเสนฯ สรนฺติ คจฺฉนฺติ นิพฺพานํ เอตายาติ สตีติ อิมสฺมิํ อเตฺถ เอกเตฺต เอกสภาเว นิพฺพาเน สโมสรณํ สมาคโม เอกตฺตสโมสรณํฯ เอตเทว หิ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Saraṇavasenāti kāyādīnaṃ, kusalādidhammānañca upadhāraṇavasena. Saranti gacchanti nibbānaṃ etāyāti satīti imasmiṃ atthe ekatte ekasabhāve nibbāne samosaraṇaṃ samāgamo ekattasamosaraṇaṃ. Etadeva hi dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ.

    เอกนิพฺพานปเวสเหตุภูโต วา สมานตาย เอโก สติปฎฺฐานสภาโว เอกตฺตํ, ตตฺถ สโมสรณํ เอกตฺตสโมสรณํ, ตํสภาคตาว, เอกนิพฺพานปเวสเหตุภาวํ ปน ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิมาหฯ เอตสฺมิํ อเตฺถ สรเณกตฺตสโมสรณานิ สเหว สติปฎฺฐาเนกภาวสฺส การณเตฺตน วุตฺตานีติ ทฎฺฐพฺพานิ, ปุริมสฺมิํ วิสุํฯ สรณวเสนาติ วา คมนวเสนาติ อเตฺถ สติ ตเทว คมนํ สโมสรณนฺติ, สโมสรเณ วา สติ-สทฺทตฺถวเสน อวุจฺจมาเน ธารณตาว สตีติ สติ-สทฺทตฺถนฺตราภาวา ปุริมํ สติภาวสฺส การณํ, ปจฺฉิมํ เอกภาวสฺสาติ นิพฺพานสโมสรเณปิ สหิตาเนว ตานิ สติปฎฺฐาเนกภาวสฺส การณานิ วุตฺตานิ โหนฺติฯ

    Ekanibbānapavesahetubhūto vā samānatāya eko satipaṭṭhānasabhāvo ekattaṃ, tattha samosaraṇaṃ ekattasamosaraṇaṃ, taṃsabhāgatāva, ekanibbānapavesahetubhāvaṃ pana dassetuṃ ‘‘yathā’’tiādimāha. Etasmiṃ atthe saraṇekattasamosaraṇāni saheva satipaṭṭhānekabhāvassa kāraṇattena vuttānīti daṭṭhabbāni, purimasmiṃ visuṃ. Saraṇavasenāti vā gamanavasenāti atthe sati tadeva gamanaṃ samosaraṇanti, samosaraṇe vā sati-saddatthavasena avuccamāne dhāraṇatāva satīti sati-saddatthantarābhāvā purimaṃ satibhāvassa kāraṇaṃ, pacchimaṃ ekabhāvassāti nibbānasamosaraṇepi sahitāneva tāni satipaṭṭhānekabhāvassa kāraṇāni vuttāni honti.

    ‘‘จุทฺทสวิเธน, นววิเธน, โสฬสวิเธน, ปญฺจวิเธนา’’ติ อิทํ อุปริ ปาฬิยํ (ที. นิ. ๒.๓๗๔) อาคตานํ อานาปานปพฺพาทีนํ วเสน วุตฺตํ, เตสํ ปน อนนฺตรเภทวเสน, ตทนุคตเภทวเสน จ ภาวนาย อเนกวิธตา ลพฺภติเยว, จตูสุ ทิสาสุ อุฎฺฐานกภณฺฑสทิสตา กายานุปสฺสนาทิตํตํสติปฎฺฐานภาวนานุภาวสฺส ทฎฺฐพฺพาฯ

    ‘‘Cuddasavidhena, navavidhena, soḷasavidhena, pañcavidhenā’’ti idaṃ upari pāḷiyaṃ (dī. ni. 2.374) āgatānaṃ ānāpānapabbādīnaṃ vasena vuttaṃ, tesaṃ pana anantarabhedavasena, tadanugatabhedavasena ca bhāvanāya anekavidhatā labbhatiyeva, catūsu disāsu uṭṭhānakabhaṇḍasadisatā kāyānupassanāditaṃtaṃsatipaṭṭhānabhāvanānubhāvassa daṭṭhabbā.

    กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา อิตราสํ ปุจฺฉานํ อิธ อสมฺภวโต, นิเทฺทสาทิวเสน เทเสตุกมฺยตาย จ ตถา วุตฺตตฺตาฯ ‘‘อิธา’’ติ วุจฺจมานปฎิปตฺติสมฺปาทกสฺส ภิกฺขุโน สนฺนิสฺสยทสฺสนํ, โส จสฺส สนฺนิสฺสโย สาสนโต อโญฺญ นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘อิธาติ อิมสฺมิํ สาสเน’’ติฯ ธมฺม…เป.… ลปนเมตํ เตสํ อตฺตโน สมฺมุขาภิมุขภาวกรณตฺถํ, ตญฺจ ธมฺมสฺส สกฺกจฺจสวนตฺถํฯ ‘‘โคจเร ภิกฺขเว จรถ สเก เปตฺติเก วิสเย’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๘๐; สํ. นิ. ๕.๓๗๒) วจนโต ภิกฺขุโคจรา เอเต ธมฺมา, ยทิทํ กายานุปสฺสนาทโยฯ ตตฺถ ยสฺมา กายานุปสฺสนาทิปฎิปตฺติยา ภิกฺขุ โหติ, ตสฺมา ‘‘กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติอาทินา ภิกฺขุํ ทเสฺสติ ภิกฺขุมฺหิ ตํนิยมโตติ อาห ‘‘ปฎิปตฺติยา ภิกฺขุภาวทสฺสนโต’’ติฯ สตฺถุจริยานุวิธายกตฺตา, สกลสาสนสมฺปฎิคฺคาหกตฺตา จ สพฺพปฺปการาย อนุสาสนิยา ภาชนภาโวฯ ตสฺมิํ คหิเตติ ภิกฺขุมฺหิ คหิเตฯ ภิกฺขุปริสาย เชฎฺฐภาวโต ราชคมนญาเยน อิตรา ปริสาปิ อตฺถโต คหิตาว โหนฺตีติ อาห ‘‘เสสา’’ติอาทิฯ เอวํ ปฐมํ การณํ วิภชิตฺวา อิตรมฺปิ วิภชิตุํ ‘‘โย จ อิม’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ

    Kathetukamyatāpucchā itarāsaṃ pucchānaṃ idha asambhavato, niddesādivasena desetukamyatāya ca tathā vuttattā. ‘‘Idhā’’ti vuccamānapaṭipattisampādakassa bhikkhuno sannissayadassanaṃ, so cassa sannissayo sāsanato añño natthīti vuttaṃ ‘‘idhāti imasmiṃ sāsane’’ti. Dhamma…pe… lapanametaṃ tesaṃ attano sammukhābhimukhabhāvakaraṇatthaṃ, tañca dhammassa sakkaccasavanatthaṃ. ‘‘Gocare bhikkhave caratha sake pettike visaye’’tiādi (dī. ni. 3.80; saṃ. ni. 5.372) vacanato bhikkhugocarā ete dhammā, yadidaṃ kāyānupassanādayo. Tattha yasmā kāyānupassanādipaṭipattiyā bhikkhu hoti, tasmā ‘‘kāyānupassī viharatī’’tiādinā bhikkhuṃ dasseti bhikkhumhi taṃniyamatoti āha ‘‘paṭipattiyā bhikkhubhāvadassanato’’ti. Satthucariyānuvidhāyakattā, sakalasāsanasampaṭiggāhakattā ca sabbappakārāya anusāsaniyā bhājanabhāvo. Tasmiṃ gahiteti bhikkhumhi gahite. Bhikkhuparisāya jeṭṭhabhāvato rājagamanañāyena itarā parisāpi atthato gahitāva hontīti āha ‘‘sesā’’tiādi. Evaṃ paṭhamaṃ kāraṇaṃ vibhajitvā itarampi vibhajituṃ ‘‘yo ca ima’’ntiādi vuttaṃ.

    สมํ จเรยฺยาติ กายาทิ วิสมจริยํ ปหาย กายาทีหิ สมํ จเรยฺยฯ ราคาทิวูปสเมน สโนฺต, อินฺทฺริยทเมน ทโนฺต, จตุมคฺคนิยาเมน นิยโต, เสฎฺฐจริตาย พฺรหฺมจารี, สพฺพตฺถ กายทณฺฑาทิโอโรปเนน นิธาย ทณฺฑํฯ อริยภาเว ฐิโต โส เอวรูโป พาหิตปาปสมิตปาปภินฺนกิเลสตาหิ ‘‘พฺราหฺมโณ, สมโณ, ภิกฺขู’’ติ จ เวทิตโพฺพฯ

    Samaṃ careyyāti kāyādi visamacariyaṃ pahāya kāyādīhi samaṃ careyya. Rāgādivūpasamena santo, indriyadamena danto, catumagganiyāmena niyato, seṭṭhacaritāya brahmacārī, sabbattha kāyadaṇḍādioropanena nidhāya daṇḍaṃ. Ariyabhāve ṭhito so evarūpo bāhitapāpasamitapāpabhinnakilesatāhi ‘‘brāhmaṇo, samaṇo, bhikkhū’’ti ca veditabbo.

    ‘‘อยเญฺจว กาโย, พหิทฺธา จ นามรูป’’นฺติอาทีสุ ขนฺธปญฺจกํ, ตถา ‘‘สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๗๑, ๒๘๗; ปารา. ๑๑), ‘‘ยา ตสฺมิํ สมเย กายสฺส ปสฺสทฺธิ ปฎิปฺปสฺสทฺธี’’ติอาทีสุ จ เวทนาทโย เจตสิกา ขนฺธา กาโยติ วุจฺจนฺตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘กาเยติ รูปกาเย’’ติ อาหฯ เกสาทีนญฺจ ธมฺมานนฺติ เกสาทิสญฺญิตานํ ภูตุปาทาธมฺมานํฯ เอวํ ‘‘จยโฎฺฐ สรีรโฎฺฐ กายโฎฺฐ’’ติ สทฺทนเยน กาย-สทฺทํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ นิรุตฺตินเยนปิ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อายนฺตีติ อุปฺปชฺชนฺติฯ

    ‘‘Ayañceva kāyo, bahiddhā ca nāmarūpa’’ntiādīsu khandhapañcakaṃ, tathā ‘‘sukhañca kāyena paṭisaṃvedetī’’tiādīsu (ma. ni. 1.271, 287; pārā. 11), ‘‘yā tasmiṃ samaye kāyassa passaddhi paṭippassaddhī’’tiādīsu ca vedanādayo cetasikā khandhā kāyoti vuccantīti tato visesanatthaṃ ‘‘kāyeti rūpakāye’’ti āha. Kesādīnañca dhammānanti kesādisaññitānaṃ bhūtupādādhammānaṃ. Evaṃ ‘‘cayaṭṭho sarīraṭṭho kāyaṭṭho’’ti saddanayena kāya-saddaṃ dassetvā idāni niruttinayenapi taṃ dassetuṃ ‘‘yathā cā’’tiādi vuttaṃ. Āyantīti uppajjanti.

    อสมฺมิสฺสโตติ เวทนาทโยปิ เอตฺถ สิตา, เอตฺถ ปฎิพทฺธาติ กาเย เวทนาทิอนุปสฺสนาปสเงฺคปิ อาปเนฺน ตโต อสมฺมิสฺสโตติ อโตฺถฯ สมูหวิสยตาย จสฺส กาย-สทฺทสฺส, สมุทายุปาทานตาย จ อสุภาการสฺส ‘‘กาเย’’ติ เอกวจนํ, ตถา อารมฺมณาทิวิภาเคน อเนกเภทภินฺนมฺปิ จิตฺตํ จิตฺตภาวสามเญฺญน เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘จิเตฺต’’ติ เอกวจนํ, เวทนา ปน สุขาทิเภทภินฺนา วิสุํ วิสุํ อนุปสฺสิตพฺพาติ ทเสฺสเนฺตน ‘‘เวทนาสู’’ติ พหุวจเนน วุตฺตา, ตเถว จ นิเทฺทโส ปวตฺติโต, ธมฺมา จ ปโรปณฺณาสเภทา, อนุปสฺสิตพฺพากาเรน จ อเนกเภทา เอวาติ เตปิ พหุวจนวเสเนว วุตฺตาฯ

    Asammissatoti vedanādayopi ettha sitā, ettha paṭibaddhāti kāye vedanādianupassanāpasaṅgepi āpanne tato asammissatoti attho. Samūhavisayatāya cassa kāya-saddassa, samudāyupādānatāya ca asubhākārassa ‘‘kāye’’ti ekavacanaṃ, tathā ārammaṇādivibhāgena anekabhedabhinnampi cittaṃ cittabhāvasāmaññena ekajjhaṃ gahetvā ‘‘citte’’ti ekavacanaṃ, vedanā pana sukhādibhedabhinnā visuṃ visuṃ anupassitabbāti dassentena ‘‘vedanāsū’’ti bahuvacanena vuttā, tatheva ca niddeso pavattito, dhammā ca paropaṇṇāsabhedā, anupassitabbākārena ca anekabhedā evāti tepi bahuvacanavaseneva vuttā.

    อวยวีคาหสมญฺญาติธาวนสาราทานาภินิเวสนิเสธนตฺถํ กายํ องฺคปจฺจเงฺคหิ, ตานิ จ เกสาทีหิ, เกสาทิเก จ ภูตุปาทายรูเปหิ วินิพฺภุญฺชโนฺต ‘‘ตถา น กาเย’’ติอาทิมาหฯ ปาสาทาทินคราวยวสมูเห อวยวีวาทิโนปิ อวยวีคาหํ น กโรนฺติ, ‘‘นครํ นาม โกจิ อโตฺถ อตฺถี’’ติ ปน เกสญฺจิ สมญฺญาติธาวนํ สิยาติ อิตฺถิปุริสาทิสมญฺญาติธาวเน นครนิทสฺสนํ วุตฺตํฯ องฺคปจฺจงฺคสมูโห, เกสโลมาทิสมูโห, ภูตุปาทายสมูโห จ ยถาวุตฺตสมูโห, ตพฺพินิมุโตฺต กาโยปิ นาม โกจิ นตฺถิ, ปเคว อิตฺถิอาทโยติ อาห ‘‘กาโย วา อิตฺถี วา ปุริโส วา อโญฺญ วา โกจิ ธโมฺม ทิสฺสตี’’ติฯ ‘‘โกจิ ธโมฺม’’ติ อิมินา สตฺตชีวาทิํ ปฎิกฺขิปติ, อวยวี ปน กายปฎิเกฺขเปเนว ปฎิกฺขิโตฺตติฯ ยทิ เอวํ กถํ กายาทิสมญฺญาติธาวนานีติ อาห ‘‘ยถาวุตฺตธมฺม…เป.… กโรนฺตี’’ติฯ ตถา ตถาติ กายาทิอากาเรนฯ

    Avayavīgāhasamaññātidhāvanasārādānābhinivesanisedhanatthaṃ kāyaṃ aṅgapaccaṅgehi, tāni ca kesādīhi, kesādike ca bhūtupādāyarūpehi vinibbhuñjanto ‘‘tathā na kāye’’tiādimāha. Pāsādādinagarāvayavasamūhe avayavīvādinopi avayavīgāhaṃ na karonti, ‘‘nagaraṃ nāma koci attho atthī’’ti pana kesañci samaññātidhāvanaṃ siyāti itthipurisādisamaññātidhāvane nagaranidassanaṃ vuttaṃ. Aṅgapaccaṅgasamūho, kesalomādisamūho, bhūtupādāyasamūho ca yathāvuttasamūho, tabbinimutto kāyopi nāma koci natthi, pageva itthiādayoti āha ‘‘kāyo vā itthī vā puriso vā añño vā koci dhammo dissatī’’ti. ‘‘Koci dhammo’’ti iminā sattajīvādiṃ paṭikkhipati, avayavī pana kāyapaṭikkhepeneva paṭikkhittoti. Yadi evaṃ kathaṃ kāyādisamaññātidhāvanānīti āha ‘‘yathāvuttadhamma…pe… karontī’’ti. Tathā tathāti kāyādiākārena.

    ยํ ปสฺสตีติ ยํ อิตฺถิํ, ปุริสํ วา ปสฺสติฯ นนุ จกฺขุนา อิตฺถิปุริสทสฺสนํ นตฺถีติ? สจฺจเมตํ, ‘‘อิตฺถิํ ปสฺสามิ, ปุริสํ ปสฺสามี’’ติ ปน ปวตฺตสญฺญาย วเสน ‘‘ยํ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ มิจฺฉาทสฺสเนน วา ทิฎฺฐิยา ยํ ปสฺสติ, น ตํ ทิฎฺฐํ ตํ รูปายตนํ น โหตีติ อโตฺถ วิปรีตคฺคาหวเสน มิจฺฉาปริกปฺปิตรูปตฺตาฯ อถ วา ตํ เกสาทิภูตุปาทายสมูหสงฺขาตํ ทิฎฺฐํ น โหติ, อจกฺขุวิญฺญาณวิเญฺญยฺยตฺตา ทิฎฺฐํ วา ตํ น โหติฯ ยํ ทิฎฺฐํ, ตํ น ปสฺสตีติ ยํ รูปายตนํ เกสาทิภูตุปาทายสมูหสงฺขาตํ ทิฎฺฐํ, ตํ ปญฺญาจกฺขุนา ภูตโต น ปสฺสตีติ อโตฺถฯ อปสฺสํ พชฺฌเตติ อิมํ อตฺตภาวํ ยถาภูตํ ปญฺญาจกฺขุนา อปสฺสโนฺต ‘‘เอตํ มม, เอโส หมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ กิเลสพนฺธเนน พชฺฌติฯ

    Yaṃpassatīti yaṃ itthiṃ, purisaṃ vā passati. Nanu cakkhunā itthipurisadassanaṃ natthīti? Saccametaṃ, ‘‘itthiṃ passāmi, purisaṃ passāmī’’ti pana pavattasaññāya vasena ‘‘yaṃ passatī’’ti vuttaṃ micchādassanena vā diṭṭhiyā yaṃ passati, na taṃ diṭṭhaṃ taṃ rūpāyatanaṃ na hotīti attho viparītaggāhavasena micchāparikappitarūpattā. Atha vā taṃ kesādibhūtupādāyasamūhasaṅkhātaṃ diṭṭhaṃ na hoti, acakkhuviññāṇaviññeyyattā diṭṭhaṃ vā taṃ na hoti. Yaṃ diṭṭhaṃ, taṃ na passatīti yaṃ rūpāyatanaṃ kesādibhūtupādāyasamūhasaṅkhātaṃ diṭṭhaṃ, taṃ paññācakkhunā bhūtato na passatīti attho. Apassaṃ bajjhateti imaṃ attabhāvaṃ yathābhūtaṃ paññācakkhunā apassanto ‘‘etaṃ mama, eso hamasmi, eso me attā’’ti kilesabandhanena bajjhati.

    น อญฺญธมฺมานุปสฺสีติ น อญฺญสภาวานุปสฺสี, อสุภาทิโต อญฺญาการานุปสฺสี น โหตีติ อโตฺถฯ ‘‘กิํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทินา ตํ เอวตฺถํ ปากฎํ กโรติฯ ปถวีกายนฺติ เกสาทิโกฎฺฐาสํ ปถวิํ ธมฺมสมูหตฺตา ‘‘กาโย’’ติ วทติ, ลกฺขณปถวิเมว วา อเนกปฺปเภทํ สกลสรีรคตํ, ปุพฺพาปริยภาเวน จ ปวตฺตมานํ สมูหวเสน คเหตฺวา ‘‘กาโย’’ติ วทติฯ ‘‘อาโปกาย’’นฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    Na aññadhammānupassīti na aññasabhāvānupassī, asubhādito aññākārānupassī na hotīti attho. ‘‘Kiṃ vuttaṃ hotī’’tiādinā taṃ evatthaṃ pākaṭaṃ karoti. Pathavīkāyanti kesādikoṭṭhāsaṃ pathaviṃ dhammasamūhattā ‘‘kāyo’’ti vadati, lakkhaṇapathavimeva vā anekappabhedaṃ sakalasarīragataṃ, pubbāpariyabhāvena ca pavattamānaṃ samūhavasena gahetvā ‘‘kāyo’’ti vadati. ‘‘Āpokāya’’ntiādīsupi eseva nayo.

    เอวํ คเหตพฺพสฺสาติ ‘‘อหํ มม’’นฺติ เอวํ อตฺตตฺตนิยภาเวน อนฺธพาเลหิ คเหตพฺพสฺสฯ

    Evaṃ gahetabbassāti ‘‘ahaṃ mama’’nti evaṃ attattaniyabhāvena andhabālehi gahetabbassa.

    อิทานิ สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนาการานมฺปิ วเสน กายานุปสฺสนํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ อนิจฺจโต อนุปสฺสตีติ จตุสมุฎฺฐานิกํ กายํ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ อนุปสฺสติ, เอวํ ปสฺสโนฺต เอวญฺจสฺส อนิจฺจาการมฺปิ ‘‘อนุปสฺสตี’’ติ วุจฺจติฯ ตถาภูตสฺส จสฺส นิจฺจคฺคาหสฺส เลโสปิ น โหตีติ วุตฺตํ ‘‘โน นิจฺจโต’’ติฯ ตถา เหส ‘‘นิจฺจสญฺญํ ปชหตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๓.๓๕) วุโตฺตฯ เอตฺถ จ ‘‘อนิจฺจโต เอว อนุปสฺสตี’’ติ เอว-กาโร ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ เตน นิวตฺติตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘โน นิจฺจโต’’ติ วุตฺตํฯ น เจตฺถ ทุกฺขโต อนุปสฺสนาทินิวตฺตนํ อาสงฺกิตพฺพํ ปฎิโยคีนิวตฺตนปรตฺตา เอว-การสฺส, อุปริ เทสนารุฬฺหตฺตา จ ตาสํฯ ‘‘ทุกฺขโต อนุปสฺสตี’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – อนิจฺจสฺส ทุกฺขตฺตา ตเมว จ กายํ ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, ทุกฺขสฺส อนตฺตตฺตา อนตฺตโต อนุปสฺสติฯ ยสฺมา ปน ยํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, น ตํ อภินนฺทิตพฺพํ, ยญฺจ น อภินนฺทิตพฺพํ, น ตตฺถ รญฺชิตพฺพํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นิพฺพินฺทติ, โน นนฺทติฯ วิรชฺชติ, โน รชฺชตี’’ติฯ โส เอวํ อรชฺชโนฺต ราคํ นิโรเธติ, โน สมุเทติ สมุทยํ น กโรตีติ อโตฺถฯ เอวํ ปฎิปโนฺน จ ปฎินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยติฯ อยญฺหิ อนิจฺจาทิอนุปสฺสนา ตทงฺควเสน สทฺธิํ กายํ ตนฺนิสฺสยขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลสานํ ปริจฺจชนโต, สงฺขตโทสทสฺสเนน ตพฺพิปรีเต นิพฺพาเน ตนฺนินฺนตาย ปกฺขนฺทนโต ‘‘ปริจฺจาคปฎินิสฺสโคฺค เจว ปกฺขนฺทนปฎินิสฺสโคฺค จา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ตาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ วุตฺตนเยน กิเลเส ปริจฺจชติ, นิพฺพาเน จ ปกฺขนฺทติ, ตถาภูโต จ นิพฺพตฺตนวเสน กิเลเส น อาทิยติ, นาปิ อโทสทสฺสิตาวเสน สงฺขตารมฺมณํ, เตน วุตฺตํ ‘‘ปฎินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยตี’’ติฯ อิทานิสฺส ตาหิ อนุปสฺสนาหิ เยสํ ธมฺมานํ ปหานํ โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อนิจฺจโต อนุปสฺสโนฺต นิจฺจสญฺญํ ปชหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นิจฺจสญฺญนฺติ ‘‘สงฺขารา นิจฺจา’’ติ เอวํ ปวตฺตํ วิปรีตสญฺญํฯ ทิฎฺฐิจิตฺตวิปลฺลาสปฺปหานมุเขเนว สญฺญาวิปลฺลาสปฺปหานนฺติ สญฺญาคฺคหณํ, สญฺญาสีเสน วา เตสมฺปิ คหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ นนฺทินฺติ สปฺปีติกตณฺหํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Idāni sattannaṃ anupassanākārānampi vasena kāyānupassanaṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha aniccato anupassatīti catusamuṭṭhānikaṃ kāyaṃ ‘‘anicca’’nti anupassati, evaṃ passanto evañcassa aniccākārampi ‘‘anupassatī’’ti vuccati. Tathābhūtassa cassa niccaggāhassa lesopi na hotīti vuttaṃ ‘‘no niccato’’ti. Tathā hesa ‘‘niccasaññaṃ pajahatī’’ti (paṭi. ma. 3.35) vutto. Ettha ca ‘‘aniccato eva anupassatī’’ti eva-kāro luttaniddiṭṭhoti tena nivattitamatthaṃ dassetuṃ ‘‘no niccato’’ti vuttaṃ. Na cettha dukkhato anupassanādinivattanaṃ āsaṅkitabbaṃ paṭiyogīnivattanaparattā eva-kārassa, upari desanāruḷhattā ca tāsaṃ. ‘‘Dukkhato anupassatī’’tiādīsupi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – aniccassa dukkhattā tameva ca kāyaṃ dukkhato anupassati, dukkhassa anattattā anattato anupassati. Yasmā pana yaṃ aniccaṃ dukkhaṃ anattā, na taṃ abhinanditabbaṃ, yañca na abhinanditabbaṃ, na tattha rañjitabbaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘nibbindati, no nandati. Virajjati, no rajjatī’’ti. So evaṃ arajjanto rāgaṃ nirodheti, no samudeti samudayaṃ na karotīti attho. Evaṃ paṭipanno ca paṭinissajjati, no ādiyati. Ayañhi aniccādianupassanā tadaṅgavasena saddhiṃ kāyaṃ tannissayakhandhābhisaṅkhārehi kilesānaṃ pariccajanato, saṅkhatadosadassanena tabbiparīte nibbāne tanninnatāya pakkhandanato ‘‘pariccāgapaṭinissaggo ceva pakkhandanapaṭinissaggo cā’’ti vuccati, tasmā tāya samannāgato bhikkhu vuttanayena kilese pariccajati, nibbāne ca pakkhandati, tathābhūto ca nibbattanavasena kilese na ādiyati, nāpi adosadassitāvasena saṅkhatārammaṇaṃ, tena vuttaṃ ‘‘paṭinissajjati, no ādiyatī’’ti. Idānissa tāhi anupassanāhi yesaṃ dhammānaṃ pahānaṃ hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘aniccato anupassanto niccasaññaṃ pajahatī’’tiādi vuttaṃ. Tattha niccasaññanti ‘‘saṅkhārā niccā’’ti evaṃ pavattaṃ viparītasaññaṃ. Diṭṭhicittavipallāsappahānamukheneva saññāvipallāsappahānanti saññāggahaṇaṃ, saññāsīsena vā tesampi gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Nandinti sappītikataṇhaṃ. Sesaṃ vuttanayameva.

    ‘‘วิหรตี’’ติ อิมินา กายานุปสฺสนาสมงฺคิโน อิริยาปถวิหาโร วุโตฺตติ อาห ‘‘อิริยตี’’ติ, อิริยาปถํ ปวเตฺตตีติ อโตฺถฯ อารมฺมณกรณวเสน อภิพฺยาปนโต ‘‘ตีสุ ภเวสู’’ติ วุตฺตํ, อุปฺปชฺชนวเสน ปน กิเลสา ปริตฺตภูมกา เอวาติฯ ยทิปิ กิเลสานํ ปหานํ อาตาปนนฺติ ตํ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนมฺปิ อเตฺถว, อาตปฺป-สโทฺท วิย ปน อาตาปสโทฺท วีริเยเยว นิรุโฬฺหติ วุตฺตํ ‘‘วีริยเสฺสตํ นาม’’นฺติฯ อถ วา ปฎิปกฺขปฺปหาเน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อพฺภุสฺสหนวเสน ปวตฺตมานสฺส วีริยสฺส สาติสยํ ตทาตาปนนฺติ วีริยเมว ตถา วุจฺจติ, น อเญฺญ ธมฺมาฯ อาตาปีติ จายมีกาโร ปสํสาย, อติสยสฺส วา ทีปโกติ อาตาปีคหเณน สมฺมปฺปธานสมงฺคิตํ ทเสฺสติฯ สมฺมา, สมนฺตโต, สามญฺจ ปชานโนฺต สมฺปชาโน, อสมฺมิสฺสโต ววตฺถาเน อญฺญธมฺมานุปสฺสิตาภาเวน สมฺมา อวิปรีตํ, สพฺพาการปชานเนน สมนฺตโต, อุปรูปริ วิเสสาวหภาเวน ปวตฺติยา สามํ ปชานโนฺตติ อโตฺถ ฯ ยทิ ปญฺญาย อนุปสฺสติ, กถํ สติปฎฺฐานตาติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ สพฺพตฺถิกนฺติ สพฺพตฺถ ภวํ สพฺพตฺถ ลีเน, อุทฺธเต จ จิเตฺต อิจฺฉิตพฺพตฺตาฯ สเพฺพ วา ลีเน, อุทฺธเต จ ภาเวตพฺพา โพชฺฌงฺคา อตฺถิกา เอตายาติ สพฺพตฺถิกาฯ สติยา ลทฺธุปการาย เอว ปญฺญาย เอตฺถ ยถาวุเตฺต กาเย กมฺมฎฺฐานิโก ภิกฺขุ กายานุปสฺสี วิหรติฯ อโนฺต สเงฺขโป อโนฺตโอลียโน, โกสชฺชนฺติ อโตฺถฯ อุปายปริคฺคเหติ เอตฺถ สีลวิโสธนาทิ, คณนาทิ, อุคฺคหโกสลฺลาทิ จ อุปาโย, ตพฺพิปริยายโต อนุปาโย เวทิตโพฺพฯ ยสฺมา จ อุปฎฺฐิตสฺสติ ยถาวุตฺตํ อุปายํ น ปริจฺจชติ, อนุปายญฺจ น อุปาทิยติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มุฎฺฐสฺสตี …เป.… อสมโตฺถ โหตี’’ติฯ เตนาติ อุปายานุปายานํ ปริคฺคหปริวชฺชเนสุ, ปริจฺจาคาปริคฺคเหสุ จ อสมตฺถภาเวนฯ อสฺส โยคิโนฯ

    ‘‘Viharatī’’ti iminā kāyānupassanāsamaṅgino iriyāpathavihāro vuttoti āha ‘‘iriyatī’’ti, iriyāpathaṃ pavattetīti attho. Ārammaṇakaraṇavasena abhibyāpanato ‘‘tīsu bhavesū’’ti vuttaṃ, uppajjanavasena pana kilesā parittabhūmakā evāti. Yadipi kilesānaṃ pahānaṃ ātāpananti taṃ sammādiṭṭhiādīnampi attheva, ātappa-saddo viya pana ātāpasaddo vīriyeyeva niruḷhoti vuttaṃ ‘‘vīriyassetaṃ nāma’’nti. Atha vā paṭipakkhappahāne sampayuttadhammānaṃ abbhussahanavasena pavattamānassa vīriyassa sātisayaṃ tadātāpananti vīriyameva tathā vuccati, na aññe dhammā. Ātāpīti cāyamīkāro pasaṃsāya, atisayassa vā dīpakoti ātāpīgahaṇena sammappadhānasamaṅgitaṃ dasseti. Sammā, samantato, sāmañca pajānanto sampajāno, asammissato vavatthāne aññadhammānupassitābhāvena sammā aviparītaṃ, sabbākārapajānanena samantato, uparūpari visesāvahabhāvena pavattiyā sāmaṃ pajānantoti attho . Yadi paññāya anupassati, kathaṃ satipaṭṭhānatāti āha ‘‘na hī’’tiādi. Sabbatthikanti sabbattha bhavaṃ sabbattha līne, uddhate ca citte icchitabbattā. Sabbe vā līne, uddhate ca bhāvetabbā bojjhaṅgā atthikā etāyāti sabbatthikā. Satiyā laddhupakārāya eva paññāya ettha yathāvutte kāye kammaṭṭhāniko bhikkhu kāyānupassī viharati. Anto saṅkhepo antoolīyano, kosajjanti attho. Upāyapariggaheti ettha sīlavisodhanādi, gaṇanādi, uggahakosallādi ca upāyo, tabbipariyāyato anupāyo veditabbo. Yasmā ca upaṭṭhitassati yathāvuttaṃ upāyaṃ na pariccajati, anupāyañca na upādiyati, tasmā vuttaṃ ‘‘muṭṭhassatī…pe… asamattho hotī’’ti. Tenāti upāyānupāyānaṃ pariggahaparivajjanesu, pariccāgāpariggahesu ca asamatthabhāvena. Assa yogino.

    ยสฺมา สติเยเวตฺถ สติปฎฺฐานํ วุตฺตํ, ตสฺมาสฺส สมฺปยุตฺตธมฺมา วีริยาทโย องฺคนฺติ อาห ‘‘สมฺปโยคงฺคญฺจสฺส ทเสฺสตฺวา’’ติฯ องฺค-สโทฺท เจตฺถ การณปริยาโย ทฎฺฐโพฺพฯ สติคฺคหเณเนว เจตฺถ สมาธิสฺสาปิ คหณํ ทฎฺฐพฺพํ ตสฺสา สมาธิกฺขเนฺธ สงฺคหิตตฺตาฯ ยสฺมา วา สติสีเสนายํ เทสนาฯ น หิ เกวลาย สติยา กิเลสปฺปหานํ สมฺภวติ, นิพฺพานาธิคโม วา, นาปิ เกวลา สติ ปวตฺตติ, ตสฺมาสฺส ฌานเทสนายํ สวิตกฺกาทิวจนสฺส วิย สมฺปโยคงฺคทสฺสนตาติ องฺค-สทฺทสฺส อวยวปริยายตา ทฎฺฐพฺพาฯ ปหานงฺคนฺติ ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๒๖; ม. นิ. ๑.๒๗๑, ๒๘๗, ๒๙๗; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓; ปารา. ๑๑) วิย ปหาตพฺพงฺคํ ทเสฺสตุํฯ ยสฺมา เอตฺถ โลกิยมโคฺค อธิเปฺปโต, น โลกุตฺตรมโคฺค, ตสฺมา ปุพฺพภาคิยเมว วินยํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตทงฺควินเยน วา วิกฺขมฺภนวินเยน วา’’ติ อาหฯ เตสํ ธมฺมานนฺติ เวทนาทิธมฺมานํฯ เตสญฺหิ ตตฺถ อนธิเปฺปตตฺตา ‘‘อตฺถุทฺธารนเยเนตํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ วิภเงฺคฯ เอตฺถาติ ‘‘โลเก’’ติ เอตสฺมิํ ปเทฯ

    Yasmā satiyevettha satipaṭṭhānaṃ vuttaṃ, tasmāssa sampayuttadhammā vīriyādayo aṅganti āha ‘‘sampayogaṅgañcassa dassetvā’’ti. Aṅga-saddo cettha kāraṇapariyāyo daṭṭhabbo. Satiggahaṇeneva cettha samādhissāpi gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ tassā samādhikkhandhe saṅgahitattā. Yasmā vā satisīsenāyaṃ desanā. Na hi kevalāya satiyā kilesappahānaṃ sambhavati, nibbānādhigamo vā, nāpi kevalā sati pavattati, tasmāssa jhānadesanāyaṃ savitakkādivacanassa viya sampayogaṅgadassanatāti aṅga-saddassa avayavapariyāyatā daṭṭhabbā. Pahānaṅganti ‘‘vivicceva kāmehī’’tiādīsu (dī. ni. 1.226; ma. ni. 1.271, 287, 297; saṃ. ni. 2.152; a. ni. 4.123; pārā. 11) viya pahātabbaṅgaṃ dassetuṃ. Yasmā ettha lokiyamaggo adhippeto, na lokuttaramaggo, tasmā pubbabhāgiyameva vinayaṃ dassento ‘‘tadaṅgavinayena vā vikkhambhanavinayena vā’’ti āha. Tesaṃ dhammānanti vedanādidhammānaṃ. Tesañhi tattha anadhippetattā ‘‘atthuddhāranayenetaṃ vutta’’nti vuttaṃ. Tatthāti vibhaṅge. Etthāti ‘‘loke’’ti etasmiṃ pade.

    อวิเสเสน ทฺวีหิปิ นีวรณปฺปหานํ วุตฺตนฺติ กตฺวา ปุน เอเกเกน วุตฺตํ ปหานวิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘วิเสเสนา’’ติ อาหฯ อถ วา ‘‘วิเนยฺย นีวรณานี’’ติ อวตฺวา อภิชฺฌาโทมนสฺสวินยวจนสฺส ปโยชนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิเสเสนา’’ติอาทิมาหฯ กายานุปสฺสนาภาวนาย หิ อุชุวิปจฺจนีกานํ อนุโรธวิโรธาทีนํ ปหานทสฺสนํ เอตสฺส ปโยชนนฺติฯ กายสมฺปตฺติมูลกสฺสาติ รูปพลโยพฺพนาโรคฺยาทิสรีรสมฺปทานิมิตฺตสฺสฯ วุตฺตวิปริยายโต กายวิปตฺติมูลโก วิโรโธ เวทิตโพฺพฯ กายภาวนายาติ กายานุปสฺสนาภาวนายฯ สา หิ อิธ กายภาวนาติ อธิเปฺปตาฯ สุภสุขภาวาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน มนุญฺญนิจฺจตาทิสงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อสุภาสุขภาวาทีนนฺติ เอตฺถ ปน อาทิ-สเทฺทน อมนุญฺญอนิจฺจตาทีนํฯ เตนาติ อนุโรธาทิปฺปหานวจเนนฯ ‘‘โยคานุภาโว หี’’ติอาทิ วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส ปากฎกรณํฯ โยคานุภาโว หิ ภาวนานุภาโวฯ โยคสมโตฺถติ โยคมนุยุญฺชิตุํ สมโตฺถฯ ปุริเมน หิ ‘‘อนุโรธวิโรธวิปฺปมุโตฺต’’ติอาทิวจเนน ภาวนํ อนุยุตฺตสฺส อานิสํโส วุโตฺต, ทุติเยน ภาวนํ อนุยุญฺชนฺตสฺส ปฎิปตฺติฯ น หิ อนุโรธวิโรธาทีหิ อุปทฺทุตสฺส ภาวนา อิชฺฌติฯ

    Avisesena dvīhipi nīvaraṇappahānaṃ vuttanti katvā puna ekekena vuttaṃ pahānavisesaṃ dassetuṃ ‘‘visesenā’’ti āha. Atha vā ‘‘vineyya nīvaraṇānī’’ti avatvā abhijjhādomanassavinayavacanassa payojanaṃ dassento ‘‘visesenā’’tiādimāha. Kāyānupassanābhāvanāya hi ujuvipaccanīkānaṃ anurodhavirodhādīnaṃ pahānadassanaṃ etassa payojananti. Kāyasampattimūlakassāti rūpabalayobbanārogyādisarīrasampadānimittassa. Vuttavipariyāyato kāyavipattimūlako virodho veditabbo. Kāyabhāvanāyāti kāyānupassanābhāvanāya. Sā hi idha kāyabhāvanāti adhippetā. Subhasukhabhāvādīnanti ādi-saddena manuññaniccatādisaṅgaho daṭṭhabbo. Asubhāsukhabhāvādīnanti ettha pana ādi-saddena amanuññaaniccatādīnaṃ. Tenāti anurodhādippahānavacanena. ‘‘Yogānubhāvo hī’’tiādi vuttassevatthassa pākaṭakaraṇaṃ. Yogānubhāvo hi bhāvanānubhāvo. Yogasamatthoti yogamanuyuñjituṃ samattho. Purimena hi ‘‘anurodhavirodhavippamutto’’tiādivacanena bhāvanaṃ anuyuttassa ānisaṃso vutto, dutiyena bhāvanaṃ anuyuñjantassa paṭipatti. Na hi anurodhavirodhādīhi upaddutassa bhāvanā ijjhati.

    อนุปสฺสีติ เอตฺถาติ ‘‘อนุปสฺสี’’ติ เอตสฺมิํ ปเท ลพฺภมานาย อนุปสฺสนาย อนุปสฺสนาโชตนาย กมฺมฎฺฐานํ วุตฺตนฺติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ, อญฺญถา ‘‘อนุปสฺสนายา’’ติ กรณวจนํ น ยุเชฺชยฺยฯ อนุปสฺสนา เอว หิ กมฺมฎฺฐานํ, น เอตฺถ อารมฺมณํ อธิเปฺปตํ, ยุชฺชติ วาฯ กายปริหรณํ วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ กมฺมฎฺฐานปริหรณสฺส เจตฺถ อตฺถสิทฺธตฺตา ‘‘กายปริหรณ’’เนฺตฺวว วุตฺตํฯ กมฺมฎฺฐานิกสฺส หิ กายปริหรณํ ยาวเทว กมฺมฎฺฐานํ ปริหรณตฺถนฺติฯ กมฺมฎฺฐานปริหรณสฺส วา ‘‘อาตาปี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๓) วุจฺจมานตฺตา ‘‘กายปริหรณ’’เนฺตฺวว วุตฺตํฯ กายคฺคหเณน วา นามกายสฺสาปิ คหณํ, น รูปกายเสฺสว, เตเนว กมฺมฎฺฐานปริหรณมฺปิ สงฺคหิตํ โหติ, เอวญฺจ กตฺวา ‘‘วิหรตีติ เอตฺถ วุตฺตวิหาเรนา’’ติ เอตฺถคฺคหณญฺจ สมตฺถิตํ โหติ ‘‘กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติ วิหารสฺส วิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตาฯ ‘‘อาตาปี’’ติอาทิ ปน สเงฺขปโต วุตฺตสฺส กมฺมฎฺฐานปริหรณสฺส สห สาธเนน วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสนํฯ อาตาเปนาติ อาตาปคฺคหเณนฯ ‘‘สติสมฺปชเญฺญนา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ สพฺพตฺถกกมฺมฎฺฐานนฺติ พุทฺธานุสฺสติ, เมตฺตา, มรณสฺสติ , อสุภภาวนา จฯ อิทญฺหิ จตุกฺกํ โยคินา ปริหริยมานํ ‘‘สพฺพตฺถกกมฺมฎฺฐาน’’นฺติ วุจฺจติ, สพฺพตฺถ กมฺมฎฺฐานานุโยคสฺสารกฺขภูตตฺตา สติสมฺปชญฺญพเลน อวิจฺฉินฺนสฺส ปริหริตพฺพตฺตา สติสมฺปชญฺญคฺคหเณน ตสฺส วุตฺตตา วุตฺตาฯ สติยา วา สมโถ วุโตฺต ตสฺสา สมาธิกฺขเนฺธน สงฺคหิตตฺตาฯ

    Anupassītietthāti ‘‘anupassī’’ti etasmiṃ pade labbhamānāya anupassanāya anupassanājotanāya kammaṭṭhānaṃ vuttanti evamattho daṭṭhabbo, aññathā ‘‘anupassanāyā’’ti karaṇavacanaṃ na yujjeyya. Anupassanā eva hi kammaṭṭhānaṃ, na ettha ārammaṇaṃ adhippetaṃ, yujjati vā. Kāyapariharaṇaṃ vuttanti sambandho. Kammaṭṭhānapariharaṇassa cettha atthasiddhattā ‘‘kāyapariharaṇa’’ntveva vuttaṃ. Kammaṭṭhānikassa hi kāyapariharaṇaṃ yāvadeva kammaṭṭhānaṃ pariharaṇatthanti. Kammaṭṭhānapariharaṇassa vā ‘‘ātāpī’’tiādinā (dī. ni. 2.373) vuccamānattā ‘‘kāyapariharaṇa’’ntveva vuttaṃ. Kāyaggahaṇena vā nāmakāyassāpi gahaṇaṃ, na rūpakāyasseva, teneva kammaṭṭhānapariharaṇampi saṅgahitaṃ hoti, evañca katvā ‘‘viharatīti ettha vuttavihārenā’’ti etthaggahaṇañca samatthitaṃ hoti ‘‘kāyānupassī viharatī’’ti vihārassa visesetvā vuttattā. ‘‘Ātāpī’’tiādi pana saṅkhepato vuttassa kammaṭṭhānapariharaṇassa saha sādhanena vitthāretvā dassanaṃ. Ātāpenāti ātāpaggahaṇena. ‘‘Satisampajaññenā’’tiādīsupi eseva nayo. Sabbatthakakammaṭṭhānanti buddhānussati, mettā, maraṇassati , asubhabhāvanā ca. Idañhi catukkaṃ yoginā parihariyamānaṃ ‘‘sabbatthakakammaṭṭhāna’’nti vuccati, sabbattha kammaṭṭhānānuyogassārakkhabhūtattā satisampajaññabalena avicchinnassa pariharitabbattā satisampajaññaggahaṇena tassa vuttatā vuttā. Satiyā vā samatho vutto tassā samādhikkhandhena saṅgahitattā.

    วิภเงฺค(วิภ. กายานุปสฺสนานิเทฺทเส) ปน อโตฺถ วุโตฺตติ โยชนาฯ เตนาติ สทฺทตฺถํ อนาทิยิตฺวา ภาวตฺถเสฺสว วิภชนวเสน ปวเตฺตน วิภงฺคปาเฐน สหฯ อฎฺฐกถานโยติ สทฺทตฺถสฺสาปิ วิวรณวเสน ยถารหํ วุโตฺต อตฺถสํวณฺณนานโยฯ ยถา สํสนฺทตีติ ยถา อตฺถโต, อธิปฺปายโต จ อวิโลเมโนฺต อญฺญทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติ, เอวํ เวทิตโพฺพฯ

    Vibhaṅge(vibha. kāyānupassanāniddese) pana attho vuttoti yojanā. Tenāti saddatthaṃ anādiyitvā bhāvatthasseva vibhajanavasena pavattena vibhaṅgapāṭhena saha. Aṭṭhakathānayoti saddatthassāpi vivaraṇavasena yathārahaṃ vutto atthasaṃvaṇṇanānayo. Yathā saṃsandatīti yathā atthato, adhippāyato ca avilomento aññadatthu saṃsandati sameti, evaṃ veditabbo.

    เวทนาทีนํ ปุน วจเนติ เอตฺถ นิสฺสยปจฺจยภาววเสน จิตฺตธมฺมานํ เวทนาสนฺนิสฺสิตตฺตา, ปญฺจโวการภเว อรูปธมฺมานํ รูปปฎิพทฺธวุตฺติโต จ เวทนาย กายาทิอนุปสฺสนาปฺปสเงฺคปิ อาปเนฺน ตโต อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานํ ทสฺสนตฺถํ, ฆนวินิโพฺภคาทิทสฺสนตฺถญฺจ ทุติยํ เวทนาคฺคหณํ, เตน น เวทนายํ กายานุปสฺสี, จิตฺตธมฺมานุปสฺสี วา, อถ โข เวทนานุปสฺสี เอวาติ เวทนาสงฺขาเต วตฺถุสฺมิํ เวทนานุปสฺสนาการเสฺสว ทสฺสเนน อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติฯ ตถา ‘‘ยสฺมิํ สมเย สุขา เวทนา, น ตสฺมิํ สมเย ทุกฺขา, อทุกฺขมสุขา วา เวทนา, ยสฺมิํ วา ปน สมเย ทุกฺขา, อทุกฺขมสุขา วา เวทนา, น ตสฺมิํ สมเย อิตรา เวทนา’’ติ เวทนาภาวสามเญฺญ อวตฺวา ตํ ตํ เวทนํ วินิพฺภุชฺชิตฺวา ทสฺสเนน ฆนวินิโพฺภโค ธุวภาววิเวโก ทสฺสิโต โหติ, เตน ตาสํ ขณมตฺตาวฎฺฐานทสฺสเนน อนิจฺจตาย , ตโต เอว ทุกฺขตาย, อนตฺตตาย จ ทสฺสนํ วิภาวิตํ โหติฯ ฆนวินิโพฺภคาทีติ อาทิ-สเทฺทน อยมฺปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยญฺหิ เวทนายํ เวทนานุปสฺสี เอว, น อญฺญธมฺมานุปสฺสีฯ กิํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม พาโล อมณิสภาเวปิ อุทกปุพฺพุฬเก มณิอาการานุปสฺสี โหติ, น เอวํ อยํ ฐิติรมณีเยปิ เวทยิเต, ปเคว อิตรสฺมิํ มนุญฺญาการานุปสฺสี, อถ โข ขณปภงฺคุรตาย, อวสวตฺติตาย กิเลสาสุจิปคฺฆรณตาย จ อนิจฺจอนตฺตอสุภาการานุปสฺสี, วิปริณามทุกฺขตาย, สงฺขารทุกฺขตาย จ วิเสสโต ทุกฺขานุปสฺสี เยวาติฯ เอวํ จิตฺต ธเมฺมสุปิ ยถารหํ ปุนวจเน ปโยชนํ วตฺตพฺพํฯ โลกิยา เอว สมฺมสนจารสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ ‘‘เกวลํ ปนิธา’’ติอาทินา ‘‘อิธ เอตฺตกํ เวทิตพฺพ’’นฺติ เวทิตพฺพปริเจฺฉทํ ทเสฺสติฯ ‘‘เอส นโย’’ติ อิมินา ยถา จิตฺตํ, ธมฺมา จ อนุปสฺสิตพฺพา, ตถา ตานิ อนุปสฺสโนฺต จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี, ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสีติ เวทิตโพฺพติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ ทุกฺขโตติ ทุกฺขสภาวโต, ทุกฺขนฺติ อนุปสฺสิตพฺพาติ อโตฺถฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ

    Vedanādīnaṃ puna vacaneti ettha nissayapaccayabhāvavasena cittadhammānaṃ vedanāsannissitattā, pañcavokārabhave arūpadhammānaṃ rūpapaṭibaddhavuttito ca vedanāya kāyādianupassanāppasaṅgepi āpanne tato asammissato vavatthānaṃ dassanatthaṃ, ghanavinibbhogādidassanatthañca dutiyaṃ vedanāggahaṇaṃ, tena na vedanāyaṃ kāyānupassī, cittadhammānupassī vā, atha kho vedanānupassī evāti vedanāsaṅkhāte vatthusmiṃ vedanānupassanākārasseva dassanena asammissato vavatthānaṃ dassitaṃ hoti. Tathā ‘‘yasmiṃ samaye sukhā vedanā, na tasmiṃ samaye dukkhā, adukkhamasukhā vā vedanā, yasmiṃ vā pana samaye dukkhā, adukkhamasukhā vā vedanā, na tasmiṃ samaye itarā vedanā’’ti vedanābhāvasāmaññe avatvā taṃ taṃ vedanaṃ vinibbhujjitvā dassanena ghanavinibbhogo dhuvabhāvaviveko dassito hoti, tena tāsaṃ khaṇamattāvaṭṭhānadassanena aniccatāya , tato eva dukkhatāya, anattatāya ca dassanaṃ vibhāvitaṃ hoti. Ghanavinibbhogādīti ādi-saddena ayampi attho veditabbo. Ayañhi vedanāyaṃ vedanānupassī eva, na aññadhammānupassī. Kiṃ vuttaṃ hoti – yathā nāma bālo amaṇisabhāvepi udakapubbuḷake maṇiākārānupassī hoti, na evaṃ ayaṃ ṭhitiramaṇīyepi vedayite, pageva itarasmiṃ manuññākārānupassī, atha kho khaṇapabhaṅguratāya, avasavattitāya kilesāsucipaggharaṇatāya ca aniccaanattaasubhākārānupassī, vipariṇāmadukkhatāya, saṅkhāradukkhatāya ca visesato dukkhānupassī yevāti. Evaṃ citta dhammesupi yathārahaṃ punavacane payojanaṃ vattabbaṃ. Lokiyā eva sammasanacārassa adhippetattā. ‘‘Kevalaṃ panidhā’’tiādinā ‘‘idha ettakaṃ veditabba’’nti veditabbaparicchedaṃ dasseti. ‘‘Esa nayo’’ti iminā yathā cittaṃ, dhammā ca anupassitabbā, tathā tāni anupassanto citte cittānupassī, dhammesu dhammānupassīti veditabboti imamatthaṃ atidisati. Dukkhatoti dukkhasabhāvato, dukkhanti anupassitabbāti attho. Sesapadadvayepi eseva nayo.

    โย สุขํ ทุกฺขโต อทฺทาติ โย ภิกฺขุ สุขํ เวทนํ วิปริณามทุกฺขตาย ‘‘ทุกฺขา’’ติ ปญฺญาจกฺขุนา อทฺทกฺขิฯ ทุกฺขํ อทฺทกฺขิ สลฺลโตติ ทุกฺขํ เวทนํ ปีฬาชนนโต, อโนฺตตุทนโต, ทุนฺนีหรณโต จ สลฺลโต อทฺทกฺขิ ปสฺสิฯ อทุกฺขมสุขนฺติ อุเปกฺขาเวทนํฯ สนฺตนฺติ สุขทุกฺขานิ วิย อโนฬาริกตาย, ปจฺจยวเสน วูปสนฺตสภาวตาย จ สนฺตํฯ อนิจฺจโตติ หุตฺวาอภาวโต, อุทยวยวนฺตโต, ตาวกาลิกโต, นิจฺจปฎิปกฺขโต จ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ โย อทฺทกฺขิฯ ส เว สมฺมทฺทโส ภิกฺขุ เอกํเสน, ปริพฺยตฺตํ วา เวทนาย สมฺมาปสฺสนโกติ อโตฺถฯ

    Yo sukhaṃ dukkhato addāti yo bhikkhu sukhaṃ vedanaṃ vipariṇāmadukkhatāya ‘‘dukkhā’’ti paññācakkhunā addakkhi. Dukkhaṃ addakkhi sallatoti dukkhaṃ vedanaṃ pīḷājananato, antotudanato, dunnīharaṇato ca sallato addakkhi passi. Adukkhamasukhanti upekkhāvedanaṃ. Santanti sukhadukkhāni viya anoḷārikatāya, paccayavasena vūpasantasabhāvatāya ca santaṃ. Aniccatoti hutvāabhāvato, udayavayavantato, tāvakālikato, niccapaṭipakkhato ca ‘‘anicca’’nti yo addakkhi. Sa ve sammaddasobhikkhu ekaṃsena, paribyattaṃ vā vedanāya sammāpassanakoti attho.

    ทุกฺขาติปีติ สงฺขารทุกฺขตาย ทุกฺขา อิติปิฯ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ สพฺพํ ตํ เวทยิตํ ทุกฺขสฺมิํ อโนฺตคธํ ปริยาปนฺนํ วทามิ สงฺขารทุกฺขตานติวตฺตนโตฯ สุขทุกฺขโตปิ จาติ สุขาทีนํ ฐิติวิปริณามญาณสุขตาย, วิปริณามฐิติอญฺญาณทุกฺขตาย จ วุตฺตตฺตา ติโสฺสปิ จ สุขโต, ติโสฺสปิ จ ทุกฺขโต อนุปสฺสิตพฺพาติ อโตฺถฯ สตฺต อนุปสฺสนา เหฎฺฐา ปกาสิตา เอวฯ เสสนฺติ ยถาวุตฺตํ สุขาทิวิภาคโต เสสํ สามิสนิรามิสาทิเภทํ เวทนานุปสฺสนายํ วตฺตพฺพํฯ

    Dukkhātipīti saṅkhāradukkhatāya dukkhā itipi. Taṃ dukkhasminti sabbaṃ taṃ vedayitaṃ dukkhasmiṃ antogadhaṃ pariyāpannaṃ vadāmi saṅkhāradukkhatānativattanato. Sukhadukkhatopi cāti sukhādīnaṃ ṭhitivipariṇāmañāṇasukhatāya, vipariṇāmaṭhitiaññāṇadukkhatāya ca vuttattā tissopi ca sukhato, tissopi ca dukkhato anupassitabbāti attho. Satta anupassanā heṭṭhā pakāsitā eva. Sesanti yathāvuttaṃ sukhādivibhāgato sesaṃ sāmisanirāmisādibhedaṃ vedanānupassanāyaṃ vattabbaṃ.

    อารมฺมณ…เป.… เภทานนฺติ รูปาทิอารมฺมณนานตฺตสฺส นีลาทิตเพฺภทสฺส, ฉนฺทาทิอธิปตินานตฺตสฺส หีนาทิตเพฺภทสฺส, ญาณฌานาทิสหชาตนานตฺตสฺส สสงฺขาริกาสงฺขาริกสวิตกฺกาทิตเพฺภทสฺส, กามาวจราทิภูมินานตฺตสฺส อุกฺกฎฺฐมชฺฌิมาทิตเพฺภทสฺส, กุสลาทิกมฺมนานตฺตสฺส เทวคติสํวตฺตนิยตาทิตเพฺภทสฺส, กณฺหสุกฺกวิปากนานตฺตสฺส ทิฎฺฐธมฺมเวทนียตาทิตเพฺภทสฺส, ปริตฺตภูมกาทิกิริยานานตฺตสฺส ติเหตุกาทิตเพฺภทสฺส วเสน อนุปสฺสิตพฺพนฺติ โยชนาฯ อาทิ-สเทฺทน สวตฺถุกาวตฺถุกาทินานตฺตสฺส ปุคฺคลตฺตยสาธารณาทิตเพฺภทสฺส จ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ สลกฺขณสามญฺญลกฺขณานนฺติ ผุสนาทิตํตํลกฺขณานเญฺจว อนิจฺจตาทิสามญฺญลกฺขณานญฺจ วเสนาติ โยชนาฯ สุญฺญตธมฺมสฺสาติ อนตฺตตาสงฺขาตสุญฺญตาสภาวสฺสฯ ยํ วิภาเวตุํ อภิธเมฺม‘‘ตสฺมิํ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺติ, ขนฺธา โหนฺตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๒๑) สุญฺญตาวารเทสนา ปวตฺตา, ตํ ปหีนเมว ปุเพฺพ ปหีนตฺตา, ตสฺมา ตสฺส ตสฺส ปุน ปหานํ น วตฺตพฺพํฯ น หิ กิเลสา ปหียมานา อารมฺมณวิภาเคน ปหียนฺติ อนาคตานํเยว อุปฺปชฺชนารหานํ ปหาตพฺพตฺตา, ตสฺมา อภิชฺฌาทีนํ เอกตฺถ ปหานํ วตฺวา อิตรตฺถ น วตฺตพฺพํ เอวาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘กามเญฺจตฺถา’’ติอาทินาฯ อถ วา มคฺคจิตฺตกฺขเณ เอกตฺถ ปหีนํ สพฺพตฺถ ปหีนเมว โหตีติ วิสุํ วิสุํ ปหานํ น วตฺตพฺพํฯ มเคฺคน หิ ปหีนาติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติฯ ตตฺถ ปุริมาย โจทนาย นานาปุคฺคลปริหาโร, น หิ เอกสฺส ปหีนํ ตโต อญฺญสฺส ปหีนํ นาม โหติฯ ปจฺฉิมาย นานาจิตฺตกฺขณิกปริหาโรฯ นานาจิตฺตกฺขเณติ หิ โลกิยมคฺคจิตฺตกฺขเณติ อธิปฺปาโยฯ ปุพฺพภาคมโคฺค หิ อิธาธิเปฺปโตฯ โลกิยภาวนาย จ กาเย ปหีนํ น เวทนาทีสุ วิกฺขมฺภิตํ โหติฯ ยทิปิ นปฺปวเตฺตยฺย, ปฎิปกฺขภาวนาย สุปฺปหีนตฺตา ตตฺถ สา ‘‘อภิชฺฌาโทมนสฺสสฺส อปฺปวตฺตี’’ติ น วตฺตพฺพา, ตสฺมา ปุนปิ ตปฺปหานํ วตฺตพฺพเมวฯ เอกตฺถ ปหีนํ เสเสสุปิ ปหีนํ โหตีติ โลกุตฺตรสติปฎฺฐานภาวนํ, โลกิยภาวนาย วา สพฺพตฺถ อปฺปวตฺติมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘ปญฺจปิ ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา โลโก’’ติ (วิภ. ๓๖๒, ๓๖๔, ๓๖๖) หิ วิภเงฺคจตูสุปิ ฐาเนสุ วุตฺตนฺติฯ

    Ārammaṇa…pe… bhedānanti rūpādiārammaṇanānattassa nīlāditabbhedassa, chandādiadhipatinānattassa hīnāditabbhedassa, ñāṇajhānādisahajātanānattassa sasaṅkhārikāsaṅkhārikasavitakkāditabbhedassa, kāmāvacarādibhūminānattassa ukkaṭṭhamajjhimāditabbhedassa, kusalādikammanānattassa devagatisaṃvattaniyatāditabbhedassa, kaṇhasukkavipākanānattassa diṭṭhadhammavedanīyatāditabbhedassa, parittabhūmakādikiriyānānattassa tihetukāditabbhedassa vasena anupassitabbanti yojanā. Ādi-saddena savatthukāvatthukādinānattassa puggalattayasādhāraṇāditabbhedassa ca saṅgaho daṭṭhabbo. Salakkhaṇasāmaññalakkhaṇānanti phusanāditaṃtaṃlakkhaṇānañceva aniccatādisāmaññalakkhaṇānañca vasenāti yojanā. Suññatadhammassāti anattatāsaṅkhātasuññatāsabhāvassa. Yaṃ vibhāvetuṃ abhidhamme‘‘tasmiṃ kho pana samaye dhammā honti, khandhā hontī’’tiādinā (dha. sa. 121) suññatāvāradesanā pavattā, taṃ pahīnameva pubbe pahīnattā, tasmā tassa tassa puna pahānaṃ na vattabbaṃ. Na hi kilesā pahīyamānā ārammaṇavibhāgena pahīyanti anāgatānaṃyeva uppajjanārahānaṃ pahātabbattā, tasmā abhijjhādīnaṃ ekattha pahānaṃ vatvā itarattha na vattabbaṃ evāti imamatthaṃ dasseti ‘‘kāmañcetthā’’tiādinā. Atha vā maggacittakkhaṇe ekattha pahīnaṃ sabbattha pahīnameva hotīti visuṃ visuṃ pahānaṃ na vattabbaṃ. Maggena hi pahīnāti vattabbataṃ arahanti. Tattha purimāya codanāya nānāpuggalaparihāro, na hi ekassa pahīnaṃ tato aññassa pahīnaṃ nāma hoti. Pacchimāya nānācittakkhaṇikaparihāro. Nānācittakkhaṇeti hi lokiyamaggacittakkhaṇeti adhippāyo. Pubbabhāgamaggo hi idhādhippeto. Lokiyabhāvanāya ca kāye pahīnaṃ na vedanādīsu vikkhambhitaṃ hoti. Yadipi nappavatteyya, paṭipakkhabhāvanāya suppahīnattā tattha sā ‘‘abhijjhādomanassassa appavattī’’ti na vattabbā, tasmā punapi tappahānaṃ vattabbameva. Ekattha pahīnaṃ sesesupi pahīnaṃ hotīti lokuttarasatipaṭṭhānabhāvanaṃ, lokiyabhāvanāya vā sabbattha appavattimattaṃ sandhāya vuttaṃ. ‘‘Pañcapi khandhā upādānakkhandhā loko’’ti (vibha. 362, 364, 366) hi vibhaṅgecatūsupi ṭhānesu vuttanti.

    อุเทฺทสวารวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ

    Uddesavāravaṇṇanāya līnatthappakāsanā.

    กายานุปสฺสนา

    Kāyānupassanā

    อานาปานปพฺพวณฺณนา

    Ānāpānapabbavaṇṇanā

    ๓๗๔. อารมฺมณวเสนาติ อนุปสฺสิตพฺพกายาทิอารมฺมณวเสนฯ จตุธา ภินฺทิตฺวาติ อุเทฺทสวเสน จตุธา ภินฺทิตฺวาฯ ตโต จตุพฺพิธสติปฎฺฐานโต เอเกกํ สติปฎฺฐานํ คเหตฺวา กายํ วิภชโนฺตติ ปาฐเสโสฯ

    374.Ārammaṇavasenāti anupassitabbakāyādiārammaṇavasena. Catudhā bhinditvāti uddesavasena catudhā bhinditvā. Tato catubbidhasatipaṭṭhānato ekekaṃ satipaṭṭhānaṃ gahetvā kāyaṃ vibhajantoti pāṭhaseso.

    กถญฺจาติ เอตฺถ กถนฺติ ปการปุจฺฉา, เตน นิทฺทิสิยมาเน กายานุปสฺสนาปกาเร ปุจฺฉติฯ -สโทฺท พฺยติเรโก, เตน อุเทฺทสวาเรน อปากฎํ นิเทฺทสวาเรน วิภาวิยมานํ วิเสสํ โชเตติฯ พาหิรเกสุปิ อิโต เอกเทสสฺส สมฺภวโต สพฺพปฺปการคฺคหณํ กตํ ‘‘สพฺพปฺปการกายานุปสฺสนานิพฺพตฺตกสฺสา’’ติ, เตน เย อิเม อานาปานปพฺพาทิวเสน อาคตา จุทฺทสปฺปการา, ตทโนฺตคธา จ อชฺฌตฺตาทิอนุปสฺสนาปฺปการา, ตถา กายคตาสติสุเตฺต (ม. นิ. ๓.๑๕๓) วุตฺตา เกสาทิวณฺณสณฺฐานกสิณารมฺมณจตุกฺกชฺฌานปฺปการา, โลกิยาทิปฺปการา จ, เต สเพฺพปิ อนวเสสโต สงฺคณฺหาติฯ อิเม จ ปการา อิมสฺมิํเยว สาสเน, น อิโต พหิทฺธาติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพปฺปการ…เป.… ปฎิเสธโน จา’’ติฯ ตตฺถ ตถาภาวปฎิเสธโนติ สพฺพปฺปการกายานุปสฺสนานิพฺพตฺตกสฺส ปุคฺคลสฺส อญฺญสาสนสฺส นิสฺสยภาวปฎิเสธโน, เอเตน อิธ ภิกฺขเวติ เอตฺถ อิธ-สโทฺท อโนฺตคธเอวสทฺทโตฺถติ ทเสฺสติฯ สนฺติ หิ เอกปทานิปิ อวธารณานิ ยถา ‘‘วายุภโกฺข’’ติฯ เตนาห ‘‘อิเธว ภิกฺขเว สมโณ’’ติอาทิฯ ปริปุณฺณสมณปฺปกรณธโมฺม หิ โส ปุคฺคโล, โย สพฺพปฺปการกายานุปสฺสนานิพฺพตฺตโกฯ ปรปฺปวาทาติ ปเรสํ อญฺญติตฺถิยานํ นานปฺปการา วาทา ติตฺถายตนานิฯ

    Kathañcāti ettha kathanti pakārapucchā, tena niddisiyamāne kāyānupassanāpakāre pucchati. Ca-saddo byatireko, tena uddesavārena apākaṭaṃ niddesavārena vibhāviyamānaṃ visesaṃ joteti. Bāhirakesupi ito ekadesassa sambhavato sabbappakāraggahaṇaṃ kataṃ ‘‘sabbappakārakāyānupassanānibbattakassā’’ti, tena ye ime ānāpānapabbādivasena āgatā cuddasappakārā, tadantogadhā ca ajjhattādianupassanāppakārā, tathā kāyagatāsatisutte (ma. ni. 3.153) vuttā kesādivaṇṇasaṇṭhānakasiṇārammaṇacatukkajjhānappakārā, lokiyādippakārā ca, te sabbepi anavasesato saṅgaṇhāti. Ime ca pakārā imasmiṃyeva sāsane, na ito bahiddhāti vuttaṃ ‘‘sabbappakāra…pe… paṭisedhano cā’’ti. Tattha tathābhāvapaṭisedhanoti sabbappakārakāyānupassanānibbattakassa puggalassa aññasāsanassa nissayabhāvapaṭisedhano, etena idha bhikkhaveti ettha idha-saddo antogadhaevasaddatthoti dasseti. Santi hi ekapadānipi avadhāraṇāni yathā ‘‘vāyubhakkho’’ti. Tenāha ‘‘idheva bhikkhavesamaṇo’’tiādi. Paripuṇṇasamaṇappakaraṇadhammo hi so puggalo, yo sabbappakārakāyānupassanānibbattako. Parappavādāti paresaṃ aññatitthiyānaṃ nānappakārā vādā titthāyatanāni.

    อรญฺญาทิกเสฺสว ภาวนานุรูปเสนาสนตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิมสฺสหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ทุทฺทโม ทมถํ อนุปคโต โคโณ กูฎโคโณฯ โทหนกาเล ยถา ถเนหิ อนวเสสโต ขีรํ น ปคฺฆรติ, เอวํ โทหปฎิพนฺธินี กูฎเธนุฯ รูป-สทฺทาทิเก ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชนกอสฺสาโท รูปารมฺมณาทิรโสฯ ปุเพฺพ อาจิณฺณารมฺมณนฺติ ปพฺพชฺชโต ปุเพฺพ, อนาทิมติ วา สํสาเร ปริจิตารมฺมณํฯ นิพเนฺธยฺยาติ พเนฺธยฺยฯ สติยาติ สมฺมเทว กมฺมฎฺฐานสฺส สลฺลกฺขณวเสน ปวตฺตาย สติยาฯ อารมฺมเณติ กมฺมฎฺฐานารมฺมเณฯ ทฬฺหนฺติ ถิรํ, ยถา สโตการิสฺส อุปจารปฺปนาเภโท สมาธิ อิชฺฌติ, ตถา ถามคตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ

    Araññādikasseva bhāvanānurūpasenāsanataṃ dassetuṃ ‘‘imassahī’’tiādi vuttaṃ. Duddamo damathaṃ anupagato goṇo kūṭagoṇo. Dohanakāle yathā thanehi anavasesato khīraṃ na paggharati, evaṃ dohapaṭibandhinī kūṭadhenu. Rūpa-saddādike paṭicca uppajjanakaassādo rūpārammaṇādiraso. Pubbe āciṇṇārammaṇanti pabbajjato pubbe, anādimati vā saṃsāre paricitārammaṇaṃ. Nibandheyyāti bandheyya. Satiyāti sammadeva kammaṭṭhānassa sallakkhaṇavasena pavattāya satiyā. Ārammaṇeti kammaṭṭhānārammaṇe. Daḷhanti thiraṃ, yathā satokārissa upacārappanābhedo samādhi ijjhati, tathā thāmagataṃ katvāti attho.

    วิเสสาธิคมทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารปทฎฺฐานนฺติ สเพฺพสํ พุทฺธานํ, เอกจฺจานํ ปเจฺจกพุทฺธานํ, พุทฺธสาวกานญฺจ วิเสสาธิคมสฺส อเญฺญน กมฺมฎฺฐาเนน อธิคตวิเสสานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารสฺส ปทฎฺฐานภูตํฯ

    Visesādhigamadiṭṭhadhammasukhavihārapadaṭṭhānanti sabbesaṃ buddhānaṃ, ekaccānaṃ paccekabuddhānaṃ, buddhasāvakānañca visesādhigamassa aññena kammaṭṭhānena adhigatavisesānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārassa padaṭṭhānabhūtaṃ.

    วตฺถุวิชฺชาจริโย วิย ภควา โยคีนํ อนุรูปนิวาสฎฺฐานุปทิสนโตฯ ภิกฺขุ ทีปิสทิโส อรเญฺญ เอกโก วิหริตฺวา ปฎิปกฺขนิมฺมถนวเสน อิจฺฉิตตฺถสาธนโต ผลมุตฺตมนฺติ สามญฺญผลํ สนฺธาย วทติฯ ปรกฺกมชวโยคฺคภูมินฺติ ภาวนุสฺสาหชวสฺส โยคฺคกรณภูมิภูตํฯ

    Vatthuvijjācariyo viya bhagavā yogīnaṃ anurūpanivāsaṭṭhānupadisanato. Bhikkhu dīpisadiso araññe ekako viharitvā paṭipakkhanimmathanavasena icchitatthasādhanato phalamuttamanti sāmaññaphalaṃ sandhāya vadati. Parakkamajavayoggabhūminti bhāvanussāhajavassa yoggakaraṇabhūmibhūtaṃ.

    อทฺธานวเสน ปวตฺตานํ อสฺสาสปสฺสาสานํ วเสน ทีฆํ วา อสฺสสโนฺต, อิตฺตรวเสน ปวตฺตานํ อสฺสาสปสฺสาสานํ วเสน รสฺสํ วา อสฺสสโนฺตติ โยชนาฯ เอวํ สิกฺขโตติ อสฺสาสปสฺสาสานํ ทีฆรสฺสตาปชานนสพฺพกายปฺปฎิสํเวทนโอฬาริโกฬาริกปฎิปฺปสฺสมฺภนวเสน ภาวนํ สิกฺขโต, ตถาภูโต วา หุตฺวา ติโสฺส สิกฺขา ปวตฺตยโตฯ อสฺสาสปสฺสาสนิมิเตฺตติ อสฺสาสปสฺสาสสนฺนิสฺสเยน อุปฎฺฐิตปฎิภาคนิมิเตฺตฯ อสฺสาสปสฺสาเส ปริคฺคณฺหาติ รูปมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสโนฺต, โย ‘‘อสฺสาสปสฺสาสกมฺมิโก’’ติ วุโตฺตฯ ฌานงฺคานิ ปริคฺคณฺหาติ อรูปมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสโนฺตฯ วตฺถุ นาม กรชกาโย จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติฎฺฐานภาวโตฯ อโญฺญ สโตฺต วา ปุคฺคโล วา นตฺถีติ วิสุทฺธิทิฎฺฐิ ‘‘ตยิทํ ธมฺมมตฺตํ, น อเหตุกํ, นาปิ อิสฺสราทิวิสมเหตุกํ, อถ โข อวิชฺชาทิเหตุก’’นฺติ อทฺธาตฺตเยปิ กงฺขาวิตรเณน วิติณฺณกโงฺขฯ ‘‘ยํ กิญฺจิ ภิกฺขุ รูป’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๖๑; ๒.๑๑๓; ๓.๘๖, ๘๙; ปฎิ. ม. ๑.๕๔) นเยน กลาปสมฺมสนวเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวาฯ อุทยวยานุปสฺสนาทิวเสน วิปสฺสนํ วเฑฺฒโนฺตฯ อนุกฺกเมน มคฺคปฎิปาฎิยาฯ

    Addhānavasena pavattānaṃ assāsapassāsānaṃ vasena dīghaṃ vā assasanto, ittaravasena pavattānaṃ assāsapassāsānaṃ vasena rassaṃ vā assasantoti yojanā. Evaṃ sikkhatoti assāsapassāsānaṃ dīgharassatāpajānanasabbakāyappaṭisaṃvedanaoḷārikoḷārikapaṭippassambhanavasena bhāvanaṃ sikkhato, tathābhūto vā hutvā tisso sikkhā pavattayato. Assāsapassāsanimitteti assāsapassāsasannissayena upaṭṭhitapaṭibhāganimitte. Assāsapassāse pariggaṇhāti rūpamukhena vipassanaṃ abhinivisanto, yo ‘‘assāsapassāsakammiko’’ti vutto. Jhānaṅgāni pariggaṇhāti arūpamukhena vipassanaṃ abhinivisanto. Vatthu nāma karajakāyo cittacetasikānaṃ pavattiṭṭhānabhāvato. Añño satto vā puggalo vā natthīti visuddhidiṭṭhi ‘‘tayidaṃ dhammamattaṃ, na ahetukaṃ, nāpi issarādivisamahetukaṃ, atha kho avijjādihetuka’’nti addhāttayepi kaṅkhāvitaraṇena vitiṇṇakaṅkho. ‘‘Yaṃ kiñci bhikkhu rūpa’’ntiādinā (ma. ni. 1.361; 2.113; 3.86, 89; paṭi. ma. 1.54) nayena kalāpasammasanavasena tilakkhaṇaṃ āropetvā. Udayavayānupassanādivasena vipassanaṃ vaḍḍhento. Anukkamena maggapaṭipāṭiyā.

    ‘‘ปรสฺส วา อสฺสาสปสฺสาสกาเย’’ติ อิทํ สมฺมสนวารวเสนายํ ปาฬิ ปวตฺตาติ กตฺวา วุตฺตํ, สมถวเสน ปน ปรสฺส อสฺสาสปสฺสาสกาเย อปฺปนานิมิตฺตุปฺปตฺติ เอว นตฺถิฯ อฎฺฐเปตฺวาติ อนฺตรนฺตรา น ฐเปตฺวาฯ อปราปรํ สญฺจรณกาโลติ อชฺฌตฺตพหิทฺธาธเมฺมสุปิ นิรนฺตรํ วา ภาวนาย ปวตฺตนกาโล กถิโตฯ เอกสฺมิํ กาเล ปนิทํ อุภยํ น ลพฺภตีติ ‘‘อชฺฌตฺตํ, พหิทฺธา’’ติ จ วุตฺตํ อิทํ ธมฺมทฺวยํ ฆฎิตํ เอกสฺมิํ กาเล เอกโต อารมฺมณภาเวน น ลพฺภติ, เอกชฺฌํ อาลมฺพิตุํ น สกฺกาติ อโตฺถฯ

    ‘‘Parassa vā assāsapassāsakāye’’ti idaṃ sammasanavāravasenāyaṃ pāḷi pavattāti katvā vuttaṃ, samathavasena pana parassa assāsapassāsakāye appanānimittuppatti eva natthi. Aṭṭhapetvāti antarantarā na ṭhapetvā. Aparāparaṃ sañcaraṇakāloti ajjhattabahiddhādhammesupi nirantaraṃ vā bhāvanāya pavattanakālo kathito. Ekasmiṃ kāle panidaṃ ubhayaṃ na labbhatīti ‘‘ajjhattaṃ, bahiddhā’’ti ca vuttaṃ idaṃ dhammadvayaṃ ghaṭitaṃ ekasmiṃ kāle ekato ārammaṇabhāvena na labbhati, ekajjhaṃ ālambituṃ na sakkāti attho.

    สมุเทติ เอตสฺมาติ สมุทโย, โส เอว การณเฎฺฐน ธโมฺมติ สมุทยธโมฺมฯ อสฺสาสปสฺสาสานํ อุปฺปตฺติเหตุ กรชกายาทิ, ตสฺส อนุปสฺสนสีโล สมุทยธมฺมานุปสฺสี, ตํ ปน สมุทยธมฺมํ อุปมาย ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ภสฺตนฺติ รุตฺติํฯ คคฺครนาฬินฺติ อุกฺกาปนาฬิํฯ เตติ กรชกายาทิเกฯ ยถา อสฺสาสปสฺสาสกาโย กรชกายาทิสมฺพนฺธี ตํนิมิตฺตตาย, เอวํ กรชกายาทโยปิ อสฺสาสปสฺสาสกายสมฺพนฺธิโน ตํนิมิตฺตภาเวนาติ ‘‘สมุทยธมฺมา กายสฺมิ’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘สมุทย…เป.… วุจฺจตี’’ติฯ ปกติวาจี วา ธมฺม-สโทฺท ‘‘ชาติธมฺมาน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๓๑; ๓.๓๑๐; ปฎิ. ม. ๑.๓๓) วิยาติ กายสฺส ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนกปกติกายานุปสฺสี วา ‘‘สมุทยธมฺมานุปสฺสี’’ติ วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘กรชกายญฺจา’’ติอาทิฯ เอวญฺจ กตฺวา กายสฺมินฺติ ภุมฺมวจนํ สุฎฺฐุตรํ ยุชฺชติฯ

    Samudeti etasmāti samudayo, so eva kāraṇaṭṭhena dhammoti samudayadhammo. Assāsapassāsānaṃ uppattihetu karajakāyādi, tassa anupassanasīlo samudayadhammānupassī, taṃ pana samudayadhammaṃ upamāya dassento ‘‘yathā nāmā’’tiādimāha. Tattha bhastanti ruttiṃ. Gaggaranāḷinti ukkāpanāḷiṃ. Teti karajakāyādike. Yathā assāsapassāsakāyo karajakāyādisambandhī taṃnimittatāya, evaṃ karajakāyādayopi assāsapassāsakāyasambandhino taṃnimittabhāvenāti ‘‘samudayadhammā kāyasmi’’nti vattabbataṃ labhantīti vuttaṃ ‘‘samudaya…pe… vuccatī’’ti. Pakativācī vā dhamma-saddo ‘‘jātidhammāna’’ntiādīsu (ma. ni. 1.131; 3.310; paṭi. ma. 1.33) viyāti kāyassa paccayasamavāye uppajjanakapakatikāyānupassī vā ‘‘samudayadhammānupassī’’ti vutto. Tenāha ‘‘karajakāyañcā’’tiādi. Evañca katvā kāyasminti bhummavacanaṃ suṭṭhutaraṃ yujjati.

    วยธมฺมานุปสฺสีติ เอตฺถ อเหตุกเตฺตปิ วินาสสฺส เยสํ เหตุธมฺมานํ อภาเว ยํ น โหติ, ตทภาโว ตสฺส อภาวสฺส เหตุ วิย โวหรียตีติ อุปจารโต กรชกายาทิอภาโว อสฺสาสปสฺสาสกายสฺส วยการณํ วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘ยถา ภสฺตายา’’ติอาทิ ฯ อยํ ตาเวตฺถ ปฐมวิกปฺปวเสน อตฺถวิภาวนาฯ ทุติยวิกปฺปวเสน อุปจาเรน วินาเยว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Vayadhammānupassīti ettha ahetukattepi vināsassa yesaṃ hetudhammānaṃ abhāve yaṃ na hoti, tadabhāvo tassa abhāvassa hetu viya voharīyatīti upacārato karajakāyādiabhāvo assāsapassāsakāyassa vayakāraṇaṃ vutto. Tenāha ‘‘yathā bhastāyā’’tiādi . Ayaṃ tāvettha paṭhamavikappavasena atthavibhāvanā. Dutiyavikappavasena upacārena vināyeva attho veditabbo.

    อชฺฌตฺตพหิทฺธานุปสฺสนา วิย ภินฺนวตฺถุวิสยตาย สมุทยวยธมฺมานุปสฺสนาปิ เอกกาเล น ลพฺภตีติ อาห ‘‘กาเลน สมุทยํ กาเลน วยํ อนุปสฺสโนฺต’’ติฯ ‘‘อตฺถิ กาโย’’ติ เอว-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ ‘‘กาโยว อตฺถี’’ติ วตฺวา อวธารเณน นิวตฺติตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘น สโตฺต’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – โย รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย, ปเรสญฺจ สชฺชาปนเฎฺฐน, สตฺวคุณโยคโต วา ‘‘สโตฺต’’ติ ปเรหิ ปริกปฺปิโต, ตสฺส สตฺตนิกายสฺส ปูรณโต จ จวนุปปชฺชนธมฺมตาย คลนโต จ ‘‘ปุคฺคโล’’ติ, ถียติ สํหญฺญติ เอตฺถ คโพฺภติ ‘‘อิตฺถี’’ติ, ปุริ ปุเร ภาเค เสติ ปวตฺตตีติ ‘‘ปุริโส’’ติ, อาหิโต อหํ มาโน เอตฺถาติ ‘‘อตฺตา’’ติ, อตฺตโน สนฺตกภาเวน ‘‘อตฺตนิย’’นฺติ, ปโร น โหตีติ กตฺวา ‘‘อห’’นฺติ, มม สนฺตกนฺติ กตฺวา ‘‘มมา’’ติ, วุตฺตปฺปการวินิมุโตฺต อโญฺญติ กตฺวา ‘‘โกจี’’ติ, ตสฺส สนฺตกภาเวน ‘‘กสฺสจี’’ติ, วิกเปฺปตโพฺพ โกจิ นตฺถิ, เกวลํ ‘‘กาโย เอว อตฺถี’’ติฯ ทสหิปิ ปเทหิ อตฺตตฺตนิยสุญฺญตเมว กายสฺส วิภาเวติฯ เอวนฺติ ‘‘กาโยว อตฺถี’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรนฯ

    Ajjhattabahiddhānupassanā viya bhinnavatthuvisayatāya samudayavayadhammānupassanāpi ekakāle na labbhatīti āha ‘‘kālena samudayaṃ kālena vayaṃ anupassanto’’ti. ‘‘Atthi kāyo’’ti eva-saddo luttaniddiṭṭhoti ‘‘kāyova atthī’’ti vatvā avadhāraṇena nivattitaṃ dassento ‘‘na satto’’tiādimāha. Tassattho – yo rūpādīsu sattavisattatāya, paresañca sajjāpanaṭṭhena, satvaguṇayogato vā ‘‘satto’’ti parehi parikappito, tassa sattanikāyassa pūraṇato ca cavanupapajjanadhammatāya galanato ca ‘‘puggalo’’ti, thīyati saṃhaññati ettha gabbhoti ‘‘itthī’’ti, puri pure bhāge seti pavattatīti ‘‘puriso’’ti, āhito ahaṃ māno etthāti ‘‘attā’’ti, attano santakabhāvena ‘‘attaniya’’nti, paro na hotīti katvā ‘‘aha’’nti, mama santakanti katvā ‘‘mamā’’ti, vuttappakāravinimutto aññoti katvā ‘‘kocī’’ti, tassa santakabhāvena ‘‘kassacī’’ti, vikappetabbo koci natthi, kevalaṃ ‘‘kāyo eva atthī’’ti. Dasahipi padehi attattaniyasuññatameva kāyassa vibhāveti. Evanti ‘‘kāyova atthī’’tiādinā vuttappakārena.

    ญาณปมาณตฺถายาติ กายานุปสฺสนาญาณํ ปรํ ปมาณํ ปาปนตฺถายฯ สติปมาณตฺถายาติ กายปริคฺคาหิกํ สติํ ปวตฺตนสติํ ปรํ ปมาณํ ปาปนตฺถายฯ อิมสฺส หิ วุตฺตนเยน ‘‘อตฺถิ กาโย’’ติ อปราปรุปฺปตฺติวเสน ปจฺจุปฎฺฐิตา สติ ภิโยฺยโส มตฺตาย ตตฺถ ญาณสฺส, สติยา จ ปริพฺรูหนาย โหติฯ เตนาห ‘‘สติสมฺปชญฺญานํ วุฑฺฒตฺถายา’’ติฯ อิมิสฺสา ภาวนาย ตณฺหาทิฎฺฐิคฺคาหานํ อุชุปฎิปกฺขตฺตา วุตฺตํ ‘‘ตณฺหา…เป.… วิหรตี’’ติฯ ตถาภูโต จ โลเก กิญฺจิปิ ‘‘อห’’นฺติ วา ‘‘มม’’นฺติ วา คเหตพฺพํ น ปสฺสติ, กุโต คเณฺหยฺยาติ อาห ‘‘น จ กิญฺจี’’ติอาทิฯ เอวมฺปีติ เอตฺถ ปิ-สโทฺท เหฎฺฐา นิทฺทิฎฺฐสฺส ตาทิสสฺส อตฺถสฺส อภาวโต อวุตฺตสมุจฺจยโตฺถติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อุปริ อตฺถํ อุปาทายา’’ติ อาห ยถา ‘‘อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปิ, อยมฺปิ ปาราชิโก โหตี’’ติฯ (ปารา. ๔๒) เอวนฺติ ปน นิทฺทิฎฺฐาการสฺส ปจฺจามสนํ นิคมนวเสน กตนฺติ อาห ‘‘อิมินา ปน…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ

    Ñāṇapamāṇatthāyāti kāyānupassanāñāṇaṃ paraṃ pamāṇaṃ pāpanatthāya. Satipamāṇatthāyāti kāyapariggāhikaṃ satiṃ pavattanasatiṃ paraṃ pamāṇaṃ pāpanatthāya. Imassa hi vuttanayena ‘‘atthi kāyo’’ti aparāparuppattivasena paccupaṭṭhitā sati bhiyyoso mattāya tattha ñāṇassa, satiyā ca paribrūhanāya hoti. Tenāha ‘‘satisampajaññānaṃ vuḍḍhatthāyā’’ti. Imissā bhāvanāya taṇhādiṭṭhiggāhānaṃ ujupaṭipakkhattā vuttaṃ ‘‘taṇhā…pe… viharatī’’ti. Tathābhūto ca loke kiñcipi ‘‘aha’’nti vā ‘‘mama’’nti vā gahetabbaṃ na passati, kuto gaṇheyyāti āha ‘‘na ca kiñcī’’tiādi. Evampīti ettha pi-saddo heṭṭhā niddiṭṭhassa tādisassa atthassa abhāvato avuttasamuccayatthoti dassento ‘‘upari atthaṃ upādāyā’’ti āha yathā ‘‘antamaso tiracchānagatāyapi, ayampi pārājiko hotī’’ti. (Pārā. 42) evanti pana niddiṭṭhākārassa paccāmasanaṃ nigamanavasena katanti āha ‘‘iminā pana…pe… dassetī’’ti.

    ปุพฺพภาคสติปฎฺฐานสฺส อิธ อธิเปฺปตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สติ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติฯ สา ปน สติ ยสฺมิํ อตฺตภาเว, ตสฺส สมุฎฺฐาปิกา ตณฺหา, ตสฺสาปิ สมุฎฺฐาปิกา เอว นาม โหติ ตทภาเว อภาวโตติ อาห ‘‘ตสฺสา สมุฎฺฐาปิกา ปุริมตณฺหา’’ติ, ยถา ‘‘สงฺขารปจฺจยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; อุทา. ๑; วิภ. ๔๘๔)ฯ ตํวิญฺญาณพีชตํสนฺตติสมฺภูโต สโพฺพปิ โลกิโย วิญฺญาณปฺปพโนฺธ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ’’ เตฺวว วุจฺจติ สุตฺตนฺตนเยนฯ อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติยา นิมิตฺตภูโตติ อโตฺถฯ น ปวตฺตติ เอตฺถาติ วา อปฺปวตฺติฯ ‘‘ทุกฺขปริชานโน’’ติอาทิ เอกนฺตโต จตุกิจฺจสาธนวเสเนว อริยมคฺคสฺส ปวตฺตีติ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ อวุตฺตสิโทฺธ หิ ตสฺส ภาวนาปฎิเวโธฯ จตุสจฺจวเสนาติ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานวเสนฯ อุสฺสกฺกิตฺวาติ วิสุทฺธิปรมฺปราย อารุหิตฺวา, ภาวนํ อุปริ เนตฺวาติ อโตฺถฯ นิยฺยานมุขนฺติ วฎฺฎทุกฺขโต นิสฺสรณูปาโยฯ

    Pubbabhāgasatipaṭṭhānassa idha adhippetattā vuttaṃ ‘‘sati dukkhasacca’’nti. Sā pana sati yasmiṃ attabhāve, tassa samuṭṭhāpikā taṇhā, tassāpi samuṭṭhāpikā eva nāma hoti tadabhāve abhāvatoti āha ‘‘tassā samuṭṭhāpikā purimataṇhā’’ti, yathā ‘‘saṅkhārapaccayā’’ti (ma. ni. 3.126; udā. 1; vibha. 484). Taṃviññāṇabījataṃsantatisambhūto sabbopi lokiyo viññāṇappabandho ‘‘saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ’’ tveva vuccati suttantanayena. Appavattīti appavattinimittaṃ, ubhinnaṃ appavattiyā nimittabhūtoti attho. Na pavattati etthāti vā appavatti. ‘‘Dukkhaparijānano’’tiādi ekantato catukiccasādhanavaseneva ariyamaggassa pavattīti dassetuṃ vuttaṃ. Avuttasiddho hi tassa bhāvanāpaṭivedho. Catusaccavasenāti catusaccakammaṭṭhānavasena. Ussakkitvāti visuddhiparamparāya āruhitvā, bhāvanaṃ upari netvāti attho. Niyyānamukhanti vaṭṭadukkhato nissaraṇūpāyo.

    อานาปานปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ānāpānapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อิริยาปถปพฺพวณฺณนา

    Iriyāpathapabbavaṇṇanā

    ๓๗๕. อิริยาปถวเสนาติ อิริยนํ อิริยา, กิริยา, อิธ ปน กายิกปโยโค เวทิตโพฺพฯ อิริยานํ ปโถ ปวตฺติมโคฺคติ อิริยาปโถ, คมนาทิวเสน ปวตฺตา สรีราวตฺถาฯ คจฺฉโนฺต วา หิ สโตฺต กาเยน กาตพฺพกิริยํ กโรติ ฐิโต วา นิสิโนฺน วา นิปโนฺน วาติ, เตสํ อิริยาปถานํ วเสน, อิริยาปถวิภาเคนาติ อโตฺถฯ ปุน จปรนฺติ ปุน จ อปรํ, ยถาวุตฺตอานาปานกมฺมฎฺฐานโต ภิโยฺยปิ อญฺญํ กายานุปสฺสนากมฺมฎฺฐานํ กเถมิ, สุณาถาติ วา อธิปฺปาโย ฯ ‘‘คจฺฉโนฺต วา’’ติอาทิ คมนาทิมตฺตชานนสฺส, คมนาทิคตวิเสสชานนสฺส จ สาธารณวจนํ, ตตฺถ คมนาทิมตฺตชานนํ น อิธ นาธิเปฺปตํ, คมนาทิคตวิเสสชานนํ ปน อธิเปฺปตนฺติ ตํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ กาม’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ สตฺตูปลทฺธินฺติ ‘‘สโตฺต อตฺถี’’ติ อุปลทฺธิํ สตฺตคฺคาหํฯ น ปชหติ น ปริจฺจชติ ‘‘อหํ คจฺฉามิ, มม คมน’’นฺติ คาหสพฺภาวโตฯ ตโต เอว อตฺตสญฺญํ ‘‘อตฺถิ อตฺตา การโก เวทโก’’ติ เอวํ ปวตฺตํ วิปรีตสญฺญํ น อุคฺฆาเฎติ นาปเนติ อปฺปฎิปกฺขภาวโต, อนนุพฺรูหนโต วาฯ เอวํ ภูตสฺส จสฺส กุโต กมฺมฎฺฐานาทิภาโวติ อาห ‘‘กมฺมฎฺฐานํ วา สติปฎฺฐานภาวนา วา น โหตี’’ติฯ ‘‘อิมสฺส ปนา’’ติอาทิ สุกฺกปโกฺข, ตสฺส วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตเมว หิ อตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อิทญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    375.Iriyāpathavasenāti iriyanaṃ iriyā, kiriyā, idha pana kāyikapayogo veditabbo. Iriyānaṃ patho pavattimaggoti iriyāpatho, gamanādivasena pavattā sarīrāvatthā. Gacchanto vā hi satto kāyena kātabbakiriyaṃ karoti ṭhito vā nisinno vā nipanno vāti, tesaṃ iriyāpathānaṃ vasena, iriyāpathavibhāgenāti attho. Puna caparanti puna ca aparaṃ, yathāvuttaānāpānakammaṭṭhānato bhiyyopi aññaṃ kāyānupassanākammaṭṭhānaṃ kathemi, suṇāthāti vā adhippāyo . ‘‘Gacchanto vā’’tiādi gamanādimattajānanassa, gamanādigatavisesajānanassa ca sādhāraṇavacanaṃ, tattha gamanādimattajānanaṃ na idha nādhippetaṃ, gamanādigatavisesajānanaṃ pana adhippetanti taṃ vibhajitvā dassetuṃ ‘‘tattha kāma’’ntiādi vuttaṃ. Sattūpaladdhinti ‘‘satto atthī’’ti upaladdhiṃ sattaggāhaṃ. Na pajahati na pariccajati ‘‘ahaṃ gacchāmi, mama gamana’’nti gāhasabbhāvato. Tato eva attasaññaṃ ‘‘atthi attā kārako vedako’’ti evaṃ pavattaṃ viparītasaññaṃ na ugghāṭeti nāpaneti appaṭipakkhabhāvato, ananubrūhanato vā. Evaṃ bhūtassa cassa kuto kammaṭṭhānādibhāvoti āha ‘‘kammaṭṭhānaṃ vā satipaṭṭhānabhāvanā vā na hotī’’ti. ‘‘Imassa panā’’tiādi sukkapakkho, tassa vuttavipariyāyena attho veditabbo. Tameva hi atthaṃ vivarituṃ ‘‘idañhī’’tiādi vuttaṃ.

    ตตฺถ โก คจฺฉตีติ สาธนํ, กิริยญฺจ อวินิพฺภุตฺตํ กตฺวา คมนกิริยาย กตฺตุปุจฺฉา, สา กตฺตุภาววิสิฎฺฐอตฺตปฎิเกฺขปตฺถา ธมฺมมตฺตเสฺสว คมนสิทฺธิทสฺสนโตฯ กสฺส คมนนฺติ ตเมวตฺถํ ปริยายนฺตเรน วทติ สาธนํ, กิริยญฺจ วินิพฺภุตฺตํ กตฺวา คมนกิริยาย อกตฺตุสมฺพนฺธีภาววิภาวนโตฯ ปฎิเกฺขปตฺถญฺหิ อโนฺตนีตํ กตฺวา อุภยตฺถํ กิํ-สโทฺท ปวโตฺตฯ กิํ การณาติ ปน ปฎิกฺขิตฺตกตฺตุกาย คมนกิริยาย อวิปรีตการณปุจฺฉาฯ อิทญฺหิ คมนํ นาม อตฺตา มนสา สํยุชฺชติ, มโน อินฺทฺริเยหิ, อินฺทฺริยานิ อเตฺตหีติ เอวมาทิ มิจฺฉาการณวินิมุตฺตอนุรูปปจฺจยเหตุโก ธมฺมานํ ปวตฺติอาการวิเสโสฯ เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ

    Tattha ko gacchatīti sādhanaṃ, kiriyañca avinibbhuttaṃ katvā gamanakiriyāya kattupucchā, sā kattubhāvavisiṭṭhaattapaṭikkhepatthā dhammamattasseva gamanasiddhidassanato. Kassa gamananti tamevatthaṃ pariyāyantarena vadati sādhanaṃ, kiriyañca vinibbhuttaṃ katvā gamanakiriyāya akattusambandhībhāvavibhāvanato. Paṭikkhepatthañhi antonītaṃ katvā ubhayatthaṃ kiṃ-saddo pavatto. Kiṃ kāraṇāti pana paṭikkhittakattukāya gamanakiriyāya aviparītakāraṇapucchā. Idañhi gamanaṃ nāma attā manasā saṃyujjati, mano indriyehi, indriyāni attehīti evamādi micchākāraṇavinimuttaanurūpapaccayahetuko dhammānaṃ pavattiākāraviseso. Tenāha ‘‘tatthā’’tiādi.

    น โกจิ สโตฺต วา ปุคฺคโล วา คจฺฉติ ธมฺมมตฺตเสฺสว คมนสิทฺธิโต, ตพฺพินิมุตฺตสฺส จ กสฺสจิ อภาวโตฯ อิทานิ ธมฺมมตฺตเสฺสว คมนสิทฺธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘จิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผาเรนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ จิตฺตกิริยา จ สา, วาโยธาตุยา วิปฺผาโร วิปฺผนฺทนญฺจาติ จิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผาโร, เตนฯ เอตฺถ จ จิตฺตกิริยคฺคหเณน อนินฺทฺริยพทฺธวาโยธาตุวิปฺผารํ นิวเตฺตติ, วาโยธาตุวิปฺผารคฺคหเณน เจตนาวจีวิญฺญตฺติเภทํ จิตฺตกิริยํ นิวเตฺตติ, อุภเยน ปน กายวิญฺญตฺติํ วิภาเวติฯ ‘‘คจฺฉตี’’ติ วตฺวา ยถา ปวตฺตมาเน กาเย ‘‘คจฺฉตี’’ติ โวหาโร โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นฺติ คนฺตุกามตาวเสน ปวตฺตจิตฺตํฯ วายํ ชเนตีติ วาโยธาตุอธิกํ รูปกลาปํ อุปฺปาเทติ, อธิกตา เจตฺถ สามตฺถิยโต, น ปมาณโตฯ คมนจิตฺตสมุฎฺฐิตํ สหชาตรูปกายสฺส ถมฺภนสนฺธารณจลนานํ ปจฺจยภูเตน อาการวิเสเสน ปวตฺตมานํ วาโยธาตุํ สนฺธายาห ‘‘วาโย วิญฺญตฺติํ ชเนตี’’ติฯ อธิปฺปายสหภาวี หิ วิกาโร วิญฺญตฺติฯ ยถาวุตฺตอธิกภาเวเนว จ วาโยคหณํ , น วาโยธาตุยา เอว ชนกภาวโต, อญฺญถา วิญฺญตฺติยา อุปาทายรูปภาโว ทุรุปปาโท สิยาฯ ปุรโต อภินีหาโร ปุรโตภาเคน กายสฺส ปวตฺตนํ, โย ‘‘อภิกฺกโม’’ติ วุจฺจติฯ

    Na koci satto vā puggalo vā gacchati dhammamattasseva gamanasiddhito, tabbinimuttassa ca kassaci abhāvato. Idāni dhammamattasseva gamanasiddhiṃ dassetuṃ ‘‘cittakiriyāvāyodhātuvipphārenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha cittakiriyā ca sā, vāyodhātuyā vipphāro vipphandanañcāti cittakiriyāvāyodhātuvipphāro, tena. Ettha ca cittakiriyaggahaṇena anindriyabaddhavāyodhātuvipphāraṃ nivatteti, vāyodhātuvipphāraggahaṇena cetanāvacīviññattibhedaṃ cittakiriyaṃ nivatteti, ubhayena pana kāyaviññattiṃ vibhāveti. ‘‘Gacchatī’’ti vatvā yathā pavattamāne kāye ‘‘gacchatī’’ti vohāro hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘tasmā’’tiādi vuttaṃ. Tanti gantukāmatāvasena pavattacittaṃ. Vāyaṃ janetīti vāyodhātuadhikaṃ rūpakalāpaṃ uppādeti, adhikatā cettha sāmatthiyato, na pamāṇato. Gamanacittasamuṭṭhitaṃ sahajātarūpakāyassa thambhanasandhāraṇacalanānaṃ paccayabhūtena ākāravisesena pavattamānaṃ vāyodhātuṃ sandhāyāha ‘‘vāyo viññattiṃ janetī’’ti. Adhippāyasahabhāvī hi vikāro viññatti. Yathāvuttaadhikabhāveneva ca vāyogahaṇaṃ , na vāyodhātuyā eva janakabhāvato, aññathā viññattiyā upādāyarūpabhāvo durupapādo siyā. Purato abhinīhāro puratobhāgena kāyassa pavattanaṃ, yo ‘‘abhikkamo’’ti vuccati.

    ‘‘เอเสว นโย’’ติ อติเทเสน สเงฺขปโต วตฺวา ตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ตตฺราปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โกฎิโต ปฎฺฐายาติ เหฎฺฐิมโกฎิโต ปฎฺฐาย ปาทตลโต ปฎฺฐายฯ อุสฺสิตภาโวติ อุพฺพิทฺธภาโวฯ

    ‘‘Eseva nayo’’ti atidesena saṅkhepato vatvā tamatthaṃ vivarituṃ ‘‘tatrāpi hī’’tiādi vuttaṃ. Koṭito paṭṭhāyāti heṭṭhimakoṭito paṭṭhāya pādatalato paṭṭhāya. Ussitabhāvoti ubbiddhabhāvo.

    เอวํ ปชานโตติ เอวํ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว คมนาทิ โหตีติ ปชานโตฯ ตสฺส เอวํ ปชานนาย นิจฺฉยคมนตฺถํ ‘‘เอวํ โหตี’’ติ วิจารณา วุจฺจติ โลเก ยถาภูตํ อชานเนฺตหิ มิจฺฉาภินิเวสวเสน, โลกโวหารวเสน วาฯ อตฺถิ ปนาติ อตฺตโน เอวํ วีมํสนวเสน ปุจฺฉาวจนํฯ นตฺถีติ นิจฺฉยวเสน สตฺตสฺส ปฎิเกฺขปวจนํฯ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ ตเสฺสว อตฺถสฺส อุปมาย วิภาวนํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Evaṃ pajānatoti evaṃ cittakiriyavāyodhātuvipphāreneva gamanādi hotīti pajānato. Tassa evaṃ pajānanāya nicchayagamanatthaṃ ‘‘evaṃ hotī’’ti vicāraṇā vuccati loke yathābhūtaṃ ajānantehi micchābhinivesavasena, lokavohāravasena vā. Atthi panāti attano evaṃ vīmaṃsanavasena pucchāvacanaṃ. Natthīti nicchayavasena sattassa paṭikkhepavacanaṃ. ‘‘Yathā panā’’tiādi tasseva atthassa upamāya vibhāvanaṃ, taṃ suviññeyyameva.

    นาวา มาลุตเวเคนาติ ยถา อเจตนา นาวา วาตเวเคน เทสนฺตรํ ยาติ, ยถา จ อเจตโน เตชนํ กโณฺฑ ชิยาเวเคน เทสนฺตรํ ยาติ, ตถา อเจตโน กาโย วาตาหโต ยถาวุตฺตวายุนา นีโต เทสนฺตรํ ยาตีติ เอวํ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํฯ สเจ ปน โกจิ วเทยฺย ‘‘ยถา นาวาเตชนานํ เปลฺลกสฺส ปุริสสฺส วเสน เทสนฺตรคมนํ, เอวํ กายสฺสาปี’’ติ, โหตุ, เอวํ อิจฺฉิโต วายมโตฺถ ยถา หิ นาวาเตชนานํ สํหตลกฺขณเสฺสว ปุริสสฺส วเสน คมนํ, น อสํหตลกฺขณสฺส, เอวํ กายสฺสาปีติฯ กา โน หานิ, ภิโยฺยปิ ธมฺมมตฺตตาว ปติฎฺฐํ ลภติ, น ปุริสวาโทฯ เตนาห ‘‘ยนฺตสุตฺตวเสนา’’ติอาทิฯ

    Nāvā mālutavegenāti yathā acetanā nāvā vātavegena desantaraṃ yāti, yathā ca acetano tejanaṃ kaṇḍo jiyāvegena desantaraṃ yāti, tathā acetano kāyo vātāhato yathāvuttavāyunā nīto desantaraṃ yātīti evaṃ upamāsaṃsandanaṃ veditabbaṃ. Sace pana koci vadeyya ‘‘yathā nāvātejanānaṃ pellakassa purisassa vasena desantaragamanaṃ, evaṃ kāyassāpī’’ti, hotu, evaṃ icchito vāyamattho yathā hi nāvātejanānaṃ saṃhatalakkhaṇasseva purisassa vasena gamanaṃ, na asaṃhatalakkhaṇassa, evaṃ kāyassāpīti. Kā no hāni, bhiyyopi dhammamattatāva patiṭṭhaṃ labhati, na purisavādo. Tenāha ‘‘yantasuttavasenā’’tiādi.

    ตตฺถ ปยุตฺตนฺติ เหฎฺฐา วุตฺตนเยน คมนาทิกิริยาวเสน ปจฺจเยหิ ปโยชิตํฯ ฐาตีติ ติฎฺฐติฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ โลเกฯ วินา เหตุปจฺจเยติ คนฺตุกามตาจิตฺตตํสมุฎฺฐานวาโยธาตุอาทิเหตุปจฺจเยหิ วินาฯ ติเฎฺฐติ ติเฎฺฐยฺยฯ วเชติ วเชยฺย คเจฺฉยฺย โก นามาติ สมฺพโนฺธฯ ปฎิเกฺขปโตฺถ เจตฺถ กิํ-สโทฺทติ เหตุปจฺจยวิรเหน ฐานคมนปฎิเกฺขปมุเขน สพฺพายปิ ธมฺมปฺปวตฺติยา ปจฺจยาธีนวุตฺติตาวิภาวเนน อตฺตสุญฺญตา วิย อนิจฺจทุกฺขตาปิ วิภาวิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ

    Tattha payuttanti heṭṭhā vuttanayena gamanādikiriyāvasena paccayehi payojitaṃ. Ṭhātīti tiṭṭhati. Etthāti imasmiṃ loke. Vinā hetupaccayeti gantukāmatācittataṃsamuṭṭhānavāyodhātuādihetupaccayehi vinā. Tiṭṭheti tiṭṭheyya. Vajeti vajeyya gaccheyya ko nāmāti sambandho. Paṭikkhepattho cettha kiṃ-saddoti hetupaccayavirahena ṭhānagamanapaṭikkhepamukhena sabbāyapi dhammappavattiyā paccayādhīnavuttitāvibhāvanena attasuññatā viya aniccadukkhatāpi vibhāvitāti daṭṭhabbā.

    ปณิหิโตติ ยถา ยถา ปจฺจเยหิ ปกาเรหิ นิหิโต ฐปิโตฯ สพฺพสงฺคาหิกวจนนฺติ สเพฺพสมฺปิ จตุนฺนํ อิริยาปถานํ เอกชฺฌํ สงฺคณฺหนวจนํ, ปุเพฺพ วิสุํ วิสุํ อิริยาปถานํ วุตฺตตฺตา อิทํ เนสํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา วจนนฺติ อโตฺถฯ ปุริมนโย วา อิริยาปถปฺปธาโน วุโตฺตติ ตตฺถ กาโย อปฺปธาโน อนุนิปฺผาทีติ อิธ กายํ ปธานํ, อปธานญฺจ อิริยาปถํ อนุนิปฺผาทิํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ทุติยนโย วุโตฺตติ เอวเมฺปตฺถ ทฺวินฺนํ นยานํ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ ฐิโตติ ปวโตฺตฯ

    Paṇihitoti yathā yathā paccayehi pakārehi nihito ṭhapito. Sabbasaṅgāhikavacananti sabbesampi catunnaṃ iriyāpathānaṃ ekajjhaṃ saṅgaṇhanavacanaṃ, pubbe visuṃ visuṃ iriyāpathānaṃ vuttattā idaṃ nesaṃ ekajjhaṃ gahetvā vacananti attho. Purimanayo vā iriyāpathappadhāno vuttoti tattha kāyo appadhāno anunipphādīti idha kāyaṃ padhānaṃ, apadhānañca iriyāpathaṃ anunipphādiṃ katvā dassetuṃ dutiyanayo vuttoti evampettha dvinnaṃ nayānaṃ viseso veditabbo. Ṭhitoti pavatto.

    อิริยาปถปริคฺคณฺหนมฺปิ อิริยาปถวโต กายเสฺสว ปริคฺคณฺหนํ ตสฺส อวตฺถาวิเสสภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘อิริยาปถปริคฺคณฺหเนน กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติฯ เตเนเวตฺถ รูปกฺขนฺธวเสเนว สมุทยาทโย อุทฺธฎาฯ เอส นโย เสสวาเรสุปิฯ อาทินาติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ยถา ‘‘ตณฺหาสมุทยา กมฺมสมุทยา อาหารสมุทยา’’ติ นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสโนฺตปิ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสตีติ อิเม จตฺตาโร อาการา สงฺคยฺหนฺติ, เอวํ ‘‘อวิชฺชานิโรธา’’ติ อาทโยปิ ปญฺจ อาการา สงฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Iriyāpathapariggaṇhanampi iriyāpathavato kāyasseva pariggaṇhanaṃ tassa avatthāvisesabhāvatoti vuttaṃ ‘‘iriyāpathapariggaṇhanena kāye kāyānupassī viharatī’’ti. Tenevettha rūpakkhandhavaseneva samudayādayo uddhaṭā. Esa nayo sesavāresupi. Ādināti ettha ādi-saddena yathā ‘‘taṇhāsamudayā kammasamudayā āhārasamudayā’’ti nibbattilakkhaṇaṃ passantopi rūpakkhandhassa udayaṃ passatīti ime cattāro ākārā saṅgayhanti, evaṃ ‘‘avijjānirodhā’’ti ādayopi pañca ākārā saṅgahitāti daṭṭhabbā. Sesaṃ vuttanayameva.

    อิริยาปถปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Iriyāpathapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.

    จตุสมฺปชญฺญปพฺพวณฺณนา

    Catusampajaññapabbavaṇṇanā

    ๓๗๖. จตุสมฺปชญฺญวเสนาติ สมนฺตโต ปกาเรหิ, ปกฎฺฐํ วา สวิเสสํ ชานาตีติ สมฺปชาโน, สมฺปชานสฺส ภาโว สมฺปชญฺญํ, ตถาปวตฺตํ ญาณํ, หตฺถวิการาทิเภทภินฺนตฺตา จตฺตาริ สมฺปชญฺญานิ สมาหฎานิ จตุสมฺปชญฺญํ, ตสฺส วเสนฯ ‘‘อภิกฺกเนฺต’’ติอาทีนิ สามญฺญผเล (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๑๔; ที. นิ. ฎี. ๑.๒๑๔ วากฺยขเนฺธปิ) วณฺณิตานิ, น ปุน วเณฺณตพฺพานิ, ตสฺมา ตํตํสํวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาปิ ตตฺถ วิหิตนเยเนว คเหตพฺพาฯ ‘‘อภิกฺกเนฺต ปฎิกฺกเนฺต สมฺปชานการี โหตี’’ติอาทิ วจนโต อภิกฺกมาทิคตจตุสมฺปชญฺญปริคฺคณฺหเนน รูปกายเสฺสเวตฺถ สมุทยธมฺมานุปสฺสิตาทิ อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘รูปกฺขนฺธเสฺสว สมุทโย จ วโย จ นีหริตโพฺพ’’ติฯ รูปธมฺมานํเยว หิ ปวตฺติอาการวิเสสา อภิกฺกมาทโยติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    376.Catusampajaññavasenāti samantato pakārehi, pakaṭṭhaṃ vā savisesaṃ jānātīti sampajāno, sampajānassa bhāvo sampajaññaṃ, tathāpavattaṃ ñāṇaṃ, hatthavikārādibhedabhinnattā cattāri sampajaññāni samāhaṭāni catusampajaññaṃ, tassa vasena. ‘‘Abhikkante’’tiādīni sāmaññaphale (dī. ni. aṭṭha. 1.214; dī. ni. ṭī. 1.214 vākyakhandhepi) vaṇṇitāni, na puna vaṇṇetabbāni, tasmā taṃtaṃsaṃvaṇṇanāya līnatthappakāsanāpi tattha vihitanayeneva gahetabbā. ‘‘Abhikkante paṭikkante sampajānakārī hotī’’tiādi vacanato abhikkamādigatacatusampajaññapariggaṇhanena rūpakāyassevettha samudayadhammānupassitādi adhippetoti āha ‘‘rūpakkhandhasseva samudayo ca vayo canīharitabbo’’ti. Rūpadhammānaṃyeva hi pavattiākāravisesā abhikkamādayoti. Sesaṃ vuttanayameva.

    จตุสมฺปชญฺญปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catusampajaññapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ปฎิกฺกูลมนสิการปพฺพวณฺณนา

    Paṭikkūlamanasikārapabbavaṇṇanā

    ๓๗๗. ปฎิกฺกูลมนสิการวเสนาติ ชิคุจฺฉนียตาย ปฎิกูลเมว ปฎิกฺกูลํ, โย ปฎิกฺกูลสภาโว ปฎิกฺกูลากาโร, ตสฺส มนสิ กรณวเสนฯ อนฺตเรนาปิ หิ ภาววาจินํ สทฺทํ ภาวโตฺถ วิญฺญายติ ยถา ‘‘ปฎสฺส สุกฺก’’นฺติฯ ยสฺมา วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘๒) วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ, ตํสํวณฺณนายญฺจ (วิสุทฺธิ. ฎี. ๑.๑๘๒ อาทโย) วุตฺตนเยน ‘‘อิมเมว กาย’’นฺติ อาทีนมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    377.Paṭikkūlamanasikāravasenāti jigucchanīyatāya paṭikūlameva paṭikkūlaṃ, yo paṭikkūlasabhāvo paṭikkūlākāro, tassa manasi karaṇavasena. Antarenāpi hi bhāvavācinaṃ saddaṃ bhāvattho viññāyati yathā ‘‘paṭassa sukka’’nti. Yasmā visuddhimagge (visuddhi. 1.182) vuttaṃ, tasmā tattha, taṃsaṃvaṇṇanāyañca (visuddhi. ṭī. 1.182 ādayo) vuttanayena ‘‘imameva kāya’’nti ādīnamattho veditabbo.

    วตฺถาทีหิ ปสิพฺพกากาเรน พนฺธิตฺวา กตํ อาวาฎนํ ปุโตฬิฯ นานาการา เอกสฺมิํ ฐาเน สมฺมิสฺสาติ เอตฺตาวตา นานาวณฺณานํ เกสาทีนญฺจ อุปเมยฺยตาฯ วิภูตกาโลติ ปณฺณตฺติํ สมติกฺกมิตฺวา เกสาทีนํ อสุภาการสฺส อุปฎฺฐิตกาโลฯ อิติ-สทฺทสฺส อาการตฺถตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอว’’นฺติ วตฺวา ตํ อาการํ สรูปโต ทเสฺสโนฺต ‘‘เกสาทิปริคฺคณฺหเนนา’’ติอาทิมาหฯ เกสาทิสญฺญิตานญฺหิ อสุจิภาวานํ ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฎิกฺกูลาการสฺส สมุทยโต อนุปสฺสนา อิธ กายานุปสฺสนาติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Vatthādīhi pasibbakākārena bandhitvā kataṃ āvāṭanaṃ putoḷi. Nānākārā ekasmiṃ ṭhāne sammissāti ettāvatā nānāvaṇṇānaṃ kesādīnañca upameyyatā. Vibhūtakāloti paṇṇattiṃ samatikkamitvā kesādīnaṃ asubhākārassa upaṭṭhitakālo. Iti-saddassa ākāratthataṃ dassento ‘‘eva’’nti vatvā taṃ ākāraṃ sarūpato dassento ‘‘kesādipariggaṇhanenā’’tiādimāha. Kesādisaññitānañhi asucibhāvānaṃ paramaduggandhajegucchapaṭikkūlākārassa samudayato anupassanā idha kāyānupassanāti. Sesaṃ vuttanayameva.

    ปฎิกฺกูลมนสิการปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭikkūlamanasikārapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ธาตุมนสิการปพฺพวณฺณนา

    Dhātumanasikārapabbavaṇṇanā

    ๓๗๘. ธาตุมนสิการวเสนาติ ปถวีธาตุอาทิกา จตโสฺส ธาตุโย อารพฺภ ปวตฺตภาวนามนสิการวเสน, จตุธาตุววตฺถานวเสนาติ อโตฺถฯ ธาตุมนสิกาโร, ธาตุกมฺมฎฺฐานํ, จตุธาตุววตฺถานนฺติ หิ อตฺถโต เอกํฯ โคฆาตโกติ ชีวิกตฺถาย คุนฺนํ ฆาตโกฯ อเนฺตวาสิโกติ กมฺมกรณวเสน ตสฺส สมีปวาสี ตํ นิสฺสาย ชีวนโก ฯ วินิวิชฺฌิตฺวาติ เอกสฺมิํ ฐาเน อญฺญมญฺญํ วินิวิชฺฌิตฺวาฯ มหาปถานํ เวมชฺฌฎฺฐานสงฺขาเตติ จตุนฺนํ มหาปถานํ ตาย เอว วินิวิชฺฌนฎฺฐานตาย เวมชฺฌสงฺขาเตฯ ยสฺมา เต จตฺตาโร มหาปถา จตูหิ ทิสาหิ อาคนฺตฺวา ตตฺถ สโมหิตา วิย โหนฺติ, ตสฺมา ตํ ฐานํ จตุมหาปถํ, ตสฺมิํ จตุมหาปเถฯ ฐิต-สโทฺท ‘‘ฐิโต วา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๖๓; อ. นิ. ๕.๒๘) ฐานสงฺขาตอิริยาปถสมงฺคิตาย, ฐา-สทฺทสฺส วา คตินิวตฺติอตฺถตาย อญฺญตฺถ ฐเปตฺวา คมนํ เสสอิริยาปถสมงฺคิตาย โพธโก, อิธ ปน ยถา ตถา รูปกายสฺส ปวตฺติอาการโพธโก อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘จตุนฺนํ อิริยาปถานํ เยน เกนจิ อากาเรน ฐิตตฺตา ยถา ฐิต’’นฺติฯ ตตฺถ อากาเรนาติ ฐานาทินา รูปกายสฺส ปวตฺติอากาเรนฯ ฐานาทโย หิ อิริยาปถสงฺขาตาย กิริยาย ปโถ ปวตฺติมโคฺคติ ‘‘อิริยาปโถ’’ติ วุจฺจนฺตีติ วุโตฺต วายมโตฺถฯ ยถาฐิตนฺติ ยถาปวตฺตํ, ยถาวุตฺตํ ฐานเมเวตฺถ ปณิธานนฺติ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘ยถา ฐิตตฺตา จ ยถาปณิหิต’’นฺติฯ ‘‘ฐิต’’นฺติ วา กายสฺส ฐานสงฺขาตอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ, ‘‘ปณิหิต’’นฺติ ตทญฺญอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํฯ ‘‘ฐิต’’นฺติ วา กายสงฺขาตานํ รูปธมฺมานํ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ขเณ สกิจฺจวเสน อวฎฺฐานปริทีปนํ, ปณิหิตนฺติ ปจฺจยวเสน เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ ปการโต นิหิตํ ปณิหิตนฺติ เอวเมฺปตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปจฺจเวกฺขตีติ ปติ ปติ อเวกฺขติ, ญาณจกฺขุนา วินิพฺภุชฺชิตฺวา วิสุํ วิสุํ ปสฺสติฯ

    378.Dhātumanasikāravasenāti pathavīdhātuādikā catasso dhātuyo ārabbha pavattabhāvanāmanasikāravasena, catudhātuvavatthānavasenāti attho. Dhātumanasikāro, dhātukammaṭṭhānaṃ, catudhātuvavatthānanti hi atthato ekaṃ. Goghātakoti jīvikatthāya gunnaṃ ghātako. Antevāsikoti kammakaraṇavasena tassa samīpavāsī taṃ nissāya jīvanako . Vinivijjhitvāti ekasmiṃ ṭhāne aññamaññaṃ vinivijjhitvā. Mahāpathānaṃ vemajjhaṭṭhānasaṅkhāteti catunnaṃ mahāpathānaṃ tāya eva vinivijjhanaṭṭhānatāya vemajjhasaṅkhāte. Yasmā te cattāro mahāpathā catūhi disāhi āgantvā tattha samohitā viya honti, tasmā taṃ ṭhānaṃ catumahāpathaṃ, tasmiṃ catumahāpathe. Ṭhita-saddo ‘‘ṭhito vā’’tiādīsu (dī. ni. 1.263; a. ni. 5.28) ṭhānasaṅkhātairiyāpathasamaṅgitāya, ṭhā-saddassa vā gatinivattiatthatāya aññattha ṭhapetvā gamanaṃ sesairiyāpathasamaṅgitāya bodhako, idha pana yathā tathā rūpakāyassa pavattiākārabodhako adhippetoti āha ‘‘catunnaṃ iriyāpathānaṃ yena kenaci ākārena ṭhitattā yathā ṭhita’’nti. Tattha ākārenāti ṭhānādinā rūpakāyassa pavattiākārena. Ṭhānādayo hi iriyāpathasaṅkhātāya kiriyāya patho pavattimaggoti ‘‘iriyāpatho’’ti vuccantīti vutto vāyamattho. Yathāṭhitanti yathāpavattaṃ, yathāvuttaṃ ṭhānamevettha paṇidhānanti adhippetanti āha ‘‘yathā ṭhitattā ca yathāpaṇihita’’nti. ‘‘Ṭhita’’nti vā kāyassa ṭhānasaṅkhātairiyāpathasamāyogaparidīpanaṃ, ‘‘paṇihita’’nti tadaññairiyāpathasamāyogaparidīpanaṃ. ‘‘Ṭhita’’nti vā kāyasaṅkhātānaṃ rūpadhammānaṃ tasmiṃ tasmiṃ khaṇe sakiccavasena avaṭṭhānaparidīpanaṃ, paṇihitanti paccayavasena tehi tehi paccayehi pakārato nihitaṃ paṇihitanti evampettha attho veditabbo. Paccavekkhatīti pati pati avekkhati, ñāṇacakkhunā vinibbhujjitvā visuṃ visuṃ passati.

    อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ภาวตฺถวิภาวนวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา โคฆาตกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โปเสนฺตสฺสาติ มํสูปจยปริพฺรูหนาย กุณฺฑกภตฺตกปฺปาสฎฺฐิอาทีหิ สํวเฑฺฒนฺตสฺสฯ วธิตํ มตนฺติ หิํสิตํ หุตฺวา มตํฯ มตนฺติ จ มตมตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘ตาวเทวา’’ติฯ คาวีติ สญฺญา น อนฺตรธายตีติ ยานิ องฺคปจฺจงฺคานิ ยถาสนฺนิวิฎฺฐานิ อุปาทาย คาวีสมญฺญา มตมตฺตายปิ คาวิยา เตสํ ตํสนฺนิเวสสฺส อวินฎฺฐตฺตาฯ วิลียนฺติ ภิชฺชนฺติ วิภุชฺชนฺตีติ พีลา, ภาคา ว-การสฺส พ-การํ, อิการสฺส จ อีการํ กตฺวาฯ พีลโสติ พีลํ พีลํ กตฺวาฯ วิภชิตฺวาติ อฎฺฐิสงฺฆาตโต มํสํ วิเวเจตฺวา, ตโต วา วิเวจิตํ มํสํ ภาคโส กตฺวาฯ เตเนวาห ‘‘มํสสญฺญา ปวตฺตตี’’ติฯ ปพฺพชิตสฺสาปิ อปริคฺคหิตกมฺมฎฺฐานสฺสฯ ฆนวินิโพฺภคนฺติ สนฺตติสมูหกิจฺจฆนานํ วินิพฺภุชฺชนํ วิเวจนํฯ ธาตุโส ปจฺจเวกฺขโตติ ฆนวินิโพฺภคกรเณน ธาตุํ ธาตุํ ปถวีอาทิธาตุํ วิสุํ วิสุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสฯ สตฺตสญฺญาติ อตฺตานุทิฎฺฐิวเสน ปวตฺตา สตฺตสญฺญาติ วทนฺติ, โวหารวเสน ปวตฺตสตฺตสญฺญายปิ ตทา อนฺตรธานํ ยุตฺตเมว ยาถาวโต ฆนวินิโพฺภคสฺส สมฺปาทนโตฯ เอวญฺหิ สติ ยถาวุตฺตโอปมฺมเตฺถน อุปเมยฺยโตฺถ อญฺญทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติฯ เตเนวาห ‘‘ธาตุวเสเนว จิตฺตํ สนฺติฎฺฐตี’’ติฯ ทโกฺขติ เฉโก ตํตํสมญฺญาย กุสโล ‘‘ยถาชาเต สูนสฺมิํ นงฺคุฎฺฐขุรวิสาณาทิวเนฺต อฎฺฐิมํสาทิอวยวสมุทาเย อวิภเตฺต คาวีสมญฺญา, น วิภเตฺตฯ วิภเตฺต ปน อฎฺฐิมํสาทิอวยวสมญฺญา’’ติ ชานนโตฯ จตุมหาปโถ วิย จตุอิริยาปโถติ คาวิยา ฐิตจตุมหาปโถ วิย กายสฺส ปวตฺติมคฺคภูโต จตุพฺพิโธ อิริยาปโถ ยสฺมา วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๕) วิตฺถาริตา, ตสฺมา ตตฺถ, ตํสํวณฺณนายญฺจ (วิสุทฺธิ. ฎี. ๑.๓๐๖) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Idāni vuttamevatthaṃ bhāvatthavibhāvanavasena dassetuṃ ‘‘yathā goghātakassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha posentassāti maṃsūpacayaparibrūhanāya kuṇḍakabhattakappāsaṭṭhiādīhi saṃvaḍḍhentassa. Vadhitaṃ matanti hiṃsitaṃ hutvā mataṃ. Matanti ca matamattaṃ. Tenevāha ‘‘tāvadevā’’ti. Gāvīti saññā na antaradhāyatīti yāni aṅgapaccaṅgāni yathāsanniviṭṭhāni upādāya gāvīsamaññā matamattāyapi gāviyā tesaṃ taṃsannivesassa avinaṭṭhattā. Vilīyanti bhijjanti vibhujjantīti bīlā, bhāgā va-kārassa ba-kāraṃ, ikārassa ca īkāraṃ katvā. Bīlasoti bīlaṃ bīlaṃ katvā. Vibhajitvāti aṭṭhisaṅghātato maṃsaṃ vivecetvā, tato vā vivecitaṃ maṃsaṃ bhāgaso katvā. Tenevāha ‘‘maṃsasaññā pavattatī’’ti. Pabbajitassāpi apariggahitakammaṭṭhānassa. Ghanavinibbhoganti santatisamūhakiccaghanānaṃ vinibbhujjanaṃ vivecanaṃ. Dhātusopaccavekkhatoti ghanavinibbhogakaraṇena dhātuṃ dhātuṃ pathavīādidhātuṃ visuṃ visuṃ katvā paccavekkhantassa. Sattasaññāti attānudiṭṭhivasena pavattā sattasaññāti vadanti, vohāravasena pavattasattasaññāyapi tadā antaradhānaṃ yuttameva yāthāvato ghanavinibbhogassa sampādanato. Evañhi sati yathāvuttaopammatthena upameyyattho aññadatthu saṃsandati sameti. Tenevāha ‘‘dhātuvaseneva cittaṃ santiṭṭhatī’’ti. Dakkhoti cheko taṃtaṃsamaññāya kusalo ‘‘yathājāte sūnasmiṃ naṅguṭṭhakhuravisāṇādivante aṭṭhimaṃsādiavayavasamudāye avibhatte gāvīsamaññā, na vibhatte. Vibhatte pana aṭṭhimaṃsādiavayavasamaññā’’ti jānanato. Catumahāpatho viya catuiriyāpathoti gāviyā ṭhitacatumahāpatho viya kāyassa pavattimaggabhūto catubbidho iriyāpatho yasmā visuddhimagge (visuddhi. 1.305) vitthāritā, tasmā tattha, taṃsaṃvaṇṇanāyañca (visuddhi. ṭī. 1.306) vuttanayena veditabbo. Sesaṃ vuttanayameva.

    ธาตุมนสิการปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dhātumanasikārapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นวสิวถิกปพฺพวณฺณนา

    Navasivathikapabbavaṇṇanā

    ๓๗๙. สิวถิกาย อปวิทฺธอุทฺธุมาตกาทิปฎิสํยุตฺตานํ โอธิโส ปวตฺตานํ กถานํ, ตทภิเธยฺยานญฺจ อุทฺธุมาตกาทิอสุภภาคานํ สิวถิกปพฺพานีติ สงฺคีติกาเรหิ คหิตสมญฺญา ฯ เตนาห ‘‘สิวถิกปเพฺพหิ วิภชิตุ’’นฺติฯ มริตฺวา เอกาหาติกฺกนฺตํ เอกาหมตํฯ อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานาติ ชีวิตกฺขยโต อุปริ มรณโต ปรํฯ สมุคฺคเตนาติ สมุฎฺฐิเตนฯ อุทฺธุมาตตฺตาติ อุทฺธํ อุทฺธํ ธุมาตตฺตา สูนตฺตาฯ เสตรเตฺตหิ วิปริภินฺนํ วิมิสฺสิตํ นีลํ วินีลํ, ปุริมวณฺณวิปริณามภูตํ วา นีลํ วินีลํฯ วินีลเมว วินีลกนฺติ ก-กาเรน ปทวฑฺฒนํ อนตฺถนฺตรโต ยถา ‘‘ปีตกํ โลหิตก’’นฺติ (ธ. ส. ๖๑๖)ฯ ปฎิกฺกูลตฺตาติ ชิคุจฺฉนียตฺตาฯ กุจฺฉิตํ วินีลนฺติ วินีลกนฺติ กุจฺฉนโตฺถ วา อยํ ก-กาโรติ ทเสฺสตุํ วุตฺตํ ยถา ‘‘ปาปโก กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติฯ (ที. นิ. ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕) ปริภินฺนฎฺฐาเนหิ กากกงฺกาทีหิฯ วิสฺสนฺทมานปุพฺพนฺติ วิสฺสวนฺตปุพฺพํ, ตหํ ตหํ ปคฺฆรนฺตปุพฺพนฺติ อโตฺถฯ ตถาภาวนฺติ วิสฺสนฺทมานปุพฺพภาวํฯ

    379. Sivathikāya apaviddhauddhumātakādipaṭisaṃyuttānaṃ odhiso pavattānaṃ kathānaṃ, tadabhidheyyānañca uddhumātakādiasubhabhāgānaṃ sivathikapabbānīti saṅgītikārehi gahitasamaññā . Tenāha ‘‘sivathikapabbehi vibhajitu’’nti. Maritvā ekāhātikkantaṃ ekāhamataṃ. Uddhaṃ jīvitapariyādānāti jīvitakkhayato upari maraṇato paraṃ. Samuggatenāti samuṭṭhitena. Uddhumātattāti uddhaṃ uddhaṃ dhumātattā sūnattā. Setarattehi viparibhinnaṃ vimissitaṃ nīlaṃ vinīlaṃ, purimavaṇṇavipariṇāmabhūtaṃ vā nīlaṃ vinīlaṃ. Vinīlameva vinīlakanti ka-kārena padavaḍḍhanaṃ anatthantarato yathā ‘‘pītakaṃ lohitaka’’nti (dha. sa. 616). Paṭikkūlattāti jigucchanīyattā. Kucchitaṃ vinīlanti vinīlakanti kucchanattho vā ayaṃ ka-kāroti dassetuṃ vuttaṃ yathā ‘‘pāpako kittisaddo abbhuggacchatī’’ti. (Dī. ni. 3.316; a. ni. 5.213; mahāva. 285) paribhinnaṭṭhānehi kākakaṅkādīhi. Vissandamānapubbanti vissavantapubbaṃ, tahaṃ tahaṃ paggharantapubbanti attho. Tathābhāvanti vissandamānapubbabhāvaṃ.

    โส ภิกฺขูติ โย ‘‘ปเสฺสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิต’’นฺติ วุโตฺต, โส ภิกฺขุฯ อุปสํหรติ สทิสตํฯ ‘‘อยมฺปิ โข’’ติอาทิ อุปสํหรณาการทสฺสนํฯ อายูติ รูปชีวิตินฺทฺริยํ, อรูปชีวิตินฺทฺริยํ ปเนตฺถ วิญฺญาณคติกเมวฯ อุสฺมาติ กมฺมชเตโชฯ เอวํ ปูติกสภาโวเยวาติ เอวํ อติวิย ทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฎิกฺกูลปูภิกสภาโว เอว, น อายุอาทีนํ อวิคเม วิย มตฺตโสติ อธิปฺปาโยฯ เอทิโส ภวิสฺสตีติ เอวํภาวีติ อาห ‘‘เอวํ อุทฺธุมาตาทิเภโท ภวิสฺสตี’’ติฯ

    Sobhikkhūti yo ‘‘passeyya sarīraṃ sivathikāya chaḍḍita’’nti vutto, so bhikkhu. Upasaṃharati sadisataṃ. ‘‘Ayampi kho’’tiādi upasaṃharaṇākāradassanaṃ. Āyūti rūpajīvitindriyaṃ, arūpajīvitindriyaṃ panettha viññāṇagatikameva. Usmāti kammajatejo. Evaṃ pūtikasabhāvoyevāti evaṃ ativiya duggandhajegucchapaṭikkūlapūbhikasabhāvo eva, na āyuādīnaṃ avigame viya mattasoti adhippāyo. Ediso bhavissatīti evaṃbhāvīti āha ‘‘evaṃ uddhumātādibhedo bhavissatī’’ti.

    ลุญฺจิตฺวา ลุญฺจิตฺวาติ อุปฺปาเฎตฺวา อุปฺปาเฎตฺวาฯ สาวเสสมํสโลหิตยุตฺตนฺติ สพฺพโส อขาทิตตฺตา ตหํ ตหํ เสเสน อปฺปาวเสเสน มํสโลหิเตน ยุตฺตํฯ ‘‘อเญฺญน หตฺถฎฺฐิก’’นฺติ อวิเสเสน หตฺถฎฺฐิกานํ วิปฺปกิณฺณตา โชติตาติ อนวเสสโต เตสํ วิปฺปกิณฺณตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘จตุสฎฺฐิเภทมฺปี’’ติอาทิมาห ฯ

    Luñcitvā luñcitvāti uppāṭetvā uppāṭetvā. Sāvasesamaṃsalohitayuttanti sabbaso akhāditattā tahaṃ tahaṃ sesena appāvasesena maṃsalohitena yuttaṃ. ‘‘Aññena hatthaṭṭhika’’nti avisesena hatthaṭṭhikānaṃ vippakiṇṇatā jotitāti anavasesato tesaṃ vippakiṇṇataṃ dassento ‘‘catusaṭṭhibhedampī’’tiādimāha .

    เตโรวสฺสิกานีติ ติโรวสฺสํ คตานิ, ตานิ ปน สํวจฺฉรํ วีติวตฺตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘อติกฺกนฺตสํวจฺฉรานี’’ติฯ ปุราณตาย ฆนภาววิคเมน วิจุณฺณตา อิธ ปูติภาโวติ โส ยถา โหติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อโพฺภกาเส’’ติอาทิมาหฯ เตโรวสฺสิกาเนวาติ สํวจฺฉรมตฺตาติกฺกนฺตานิ เอวฯ ขชฺชมานตาทิวเสน ทุติยสิวถิกปพฺพาทีนํ ววตฺถาปิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ขชฺชมานตาทีนํ วเสน โยชนา กาตพฺพา’’ติฯ

    Terovassikānīti tirovassaṃ gatāni, tāni pana saṃvaccharaṃ vītivattāni hontīti āha ‘‘atikkantasaṃvaccharānī’’ti. Purāṇatāya ghanabhāvavigamena vicuṇṇatā idha pūtibhāvoti so yathā hoti, taṃ dassento ‘‘abbhokāse’’tiādimāha. Terovassikānevāti saṃvaccharamattātikkantāni eva. Khajjamānatādivasena dutiyasivathikapabbādīnaṃ vavatthāpitattā vuttaṃ ‘‘khajjamānatādīnaṃ vasena yojanā kātabbā’’ti.

    นวสิวถิกปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Navasivathikapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อิมาเนว เทฺวติ อวธารเณน อปฺปนากมฺมฎฺฐานํ ตตฺถ นิยเมติ อญฺญปเพฺพสุ ตทภาวโตฯ ยโต หิ เอว-กาโร, ตโต อญฺญตฺถ นิยเมติ, เตน ปพฺพทฺวยสฺส วิปสฺสนากมฺมฎฺฐานตาปิ อปฺปฎิสิทฺธา ทฎฺฐพฺพา อนิจฺจตาทิทสฺสนโตฯ สงฺขาเรสุ อาทีนววิภาวนานิ สิวถิกปพฺพานีติ อาห ‘‘สิวถิกานํ อาทีนวานุปสฺสนาวเสน วุตฺตตฺตา’’ติฯ อิริยาปถปพฺพาทีนํ อปฺปนาวหตา ปากฎา เอวาติ ‘‘เสสานิ ทฺวาทสปี’’ติ วุตฺตํฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํฯ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Imāneva dveti avadhāraṇena appanākammaṭṭhānaṃ tattha niyameti aññapabbesu tadabhāvato. Yato hi eva-kāro, tato aññattha niyameti, tena pabbadvayassa vipassanākammaṭṭhānatāpi appaṭisiddhā daṭṭhabbā aniccatādidassanato. Saṅkhāresu ādīnavavibhāvanāni sivathikapabbānīti āha ‘‘sivathikānaṃ ādīnavānupassanāvasena vuttattā’’ti. Iriyāpathapabbādīnaṃ appanāvahatā pākaṭā evāti ‘‘sesāni dvādasapī’’ti vuttaṃ. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ. Taṃ suviññeyyameva.

    กายานุปสฺสนาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kāyānupassanāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    เวทนานุปสฺสนาวณฺณนา

    Vedanānupassanāvaṇṇanā

    ๓๘๐. สุขํ เวทนนฺติ เอตฺถ สุขยตีติ สุขาฯ สมฺปยุตฺตธเมฺม, กายญฺจ ลทฺธสฺสาเท กโรตีติ อโตฺถฯ สุฎฺฐุ วา ขาทติ, ขนติ วา กายิกํ, เจตสิกญฺจาพาธนฺติ สุขาฯ ‘‘สุกรํ โอกาสทานํ เอติสฺสาติ สุขา’’ติ อปเรฯ เวทยติ อารมฺมณรสํ อนุภวตีติ เวทนาฯ เวทยมาโนติ อนุภวมาโนฯ ‘‘กาม’’นฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อิริยาปถปเพฺพ วุตฺตนยเมวฯ สมฺปชานสฺส เวทิยนํ สมฺปชานเวทิยนํฯ

    380.Sukhaṃvedananti ettha sukhayatīti sukhā. Sampayuttadhamme, kāyañca laddhassāde karotīti attho. Suṭṭhu vā khādati, khanati vā kāyikaṃ, cetasikañcābādhanti sukhā. ‘‘Sukaraṃ okāsadānaṃ etissāti sukhā’’ti apare. Vedayati ārammaṇarasaṃ anubhavatīti vedanā. Vedayamānoti anubhavamāno. ‘‘Kāma’’ntiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ iriyāpathapabbe vuttanayameva. Sampajānassa vediyanaṃ sampajānavediyanaṃ.

    วตฺถุอารมฺมณาติ รูปาทิอารมฺมณาฯ รูปาทิอารมฺมณเญฺหตฺถ เวทนาย ปวตฺติฎฺฐานตาย ‘‘วตฺถู’’ติ อธิเปฺปตํ ฯ อสฺสาติ ภเวยฺยฯ ธมฺมวินิมุตฺตสฺส กตฺตุ อภาวโต ธมฺมเสฺสว กตฺตุภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เวทนาว เวทยตี’’ติ อาหฯ ‘‘โวหารมตฺตํ โหตี’’ติ เอเตน ‘‘สุขํ เวทนํ เวทยมาโน สุขํ เวทนํ เวทยามี’’ติ อิทํ โวหารมตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ

    Vatthuārammaṇāti rūpādiārammaṇā. Rūpādiārammaṇañhettha vedanāya pavattiṭṭhānatāya ‘‘vatthū’’ti adhippetaṃ . Assāti bhaveyya. Dhammavinimuttassa kattu abhāvato dhammasseva kattubhāvaṃ dassento ‘‘vedanāva vedayatī’’ti āha. ‘‘Vohāramattaṃ hotī’’ti etena ‘‘sukhaṃ vedanaṃ vedayamāno sukhaṃ vedanaṃ vedayāmī’’ti idaṃ vohāramattanti dasseti.

    นิตฺถุนโนฺตติ พลวโต เวทนาเวคสฺส นิโรธเน อาทีนวํ ทิสฺวา ตสฺส อวสรทานวเสน นิตฺถุนโนฺต ฯ เวคสนฺธารเณ หิ อติมหนฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชตีติ อญฺญมฺปิ วิการํ อุปฺปาเทยฺย, เตน เถโร อปราปรํ ปริวตฺตติฯ วีริยสมถํ โยเชตฺวาติ อธิวาสนวีริยสฺส อธิมตฺตตฺตา ตสฺส หาปนวเสน สมาธินา สมรสตาปาทเนน วีริยสมถํ โยเชตฺวาฯ สห ปฎิสมฺภิทาหีติ โลกุตฺตรปฎิสมฺภิทาหิ สหฯ อริยมคฺคกฺขเณ หิ ปฎิสมฺภิทานํ อสโมฺมหวเสน อธิคโม, อตฺถปฎิสมฺภิทาย ปน อารมฺมณกรณวเสนปิฯ โลกิยานมฺปิ วา สติ อุปฺปตฺติกาเล ตตฺถ สมตฺถตํ สนฺธายาห ‘‘สห ปฎิสมฺภิทาหี’’ติฯ สมสีสีติ วารสมสีสี หุตฺวา, ปจฺจเวกฺขณวารสฺส อนนฺตรวาเร ปรินิพฺพายีติ อโตฺถฯ

    Nitthunantoti balavato vedanāvegassa nirodhane ādīnavaṃ disvā tassa avasaradānavasena nitthunanto . Vegasandhāraṇe hi atimahantaṃ dukkhaṃ uppajjatīti aññampi vikāraṃ uppādeyya, tena thero aparāparaṃ parivattati. Vīriyasamathaṃ yojetvāti adhivāsanavīriyassa adhimattattā tassa hāpanavasena samādhinā samarasatāpādanena vīriyasamathaṃ yojetvā. Saha paṭisambhidāhīti lokuttarapaṭisambhidāhi saha. Ariyamaggakkhaṇe hi paṭisambhidānaṃ asammohavasena adhigamo, atthapaṭisambhidāya pana ārammaṇakaraṇavasenapi. Lokiyānampi vā sati uppattikāle tattha samatthataṃ sandhāyāha ‘‘saha paṭisambhidāhī’’ti. Samasīsīti vārasamasīsī hutvā, paccavekkhaṇavārassa anantaravāre parinibbāyīti attho.

    ยถา จ สุขํ, เอวํ ทุกฺขนฺติ ยถา ‘‘สุขํ โก เวทยตี’’ติอาทินา สมฺปชานเวทิยนํ สนฺธาย วุตฺตํ, เอวํ ทุกฺขมฺปิฯ ตตฺถ ทุกฺขยตีติ ทุกฺขา, สมฺปยุตฺตธเมฺม, กายญฺจ ปีเฬติ วิพาธตีติ อโตฺถฯ ทุฎฺฐุํ วา ขาทติ, ขนติ กายิกํ, เจตสิกญฺจ สาตนฺติ ทุกฺขาฯ ‘‘ทุกฺกรํ โอกาสทานํ เอติสฺสาติ ทุกฺขา’’ติ อปเรฯ อรูปกมฺมฎฺฐานนฺติ อรูปปริคฺคหํ, อรูปธมฺมมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสนนฺติ อโตฺถฯ น ปากฎํ โหติ ผสฺสสฺส, จิตฺตสฺส จ อวิภูตาการตฺตาฯ เตนาห ‘‘อนฺธการํ วิย ขายตี’’ติฯ ‘‘น ปากฎํ โหตี’’ติ จ อิทํ ตาทิเส ปุคฺคเล สนฺธาย วุตฺตํ, เตสํ อาทิโต เวทนาว วิภูตตรา หุตฺวา อุปฎฺฐาติฯ เอวญฺหิ ยํ วุตฺตํ สกฺกปญฺหวณฺณนา ทีสุ ‘‘ผโสฺส ปากโฎ โหติ, วิญฺญาณํ ปากฎํ โหตี’’ติ, (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๕๙) ตํ อวิโรธิตํ โหติฯ เวทนาวเสน กถิยมานํ กมฺมฎฺฐานํ ปากฎํ โหตีติ โยชนาฯ ‘‘เวทนานํ อุปฺปตฺติปากฎตายา’’ติ จ อิทํ สุขทุกฺขเวทนานํ วเสน วุตฺตํฯ ตาสญฺหิ ปวตฺติ โอฬาริกา, น อิตรายฯ ตทุภยคฺคหณมุเขน วา คเหตพฺพตฺตา อิตรายปิ ปวตฺติ วิญฺญูนํ ปากฎา เอวาติ ‘‘เวทนาน’’นฺติ อวิเสสคฺคหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ สกฺกปเญฺห วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพ, ตสฺมา ตตฺถ วตฺตโพฺพ อตฺถวิเสโส ตตฺถ ลีนตฺถปฺปกาสนิยํ วุตฺตนเยเนว คเหตโพฺพฯ

    Yathā ca sukhaṃ, evaṃ dukkhanti yathā ‘‘sukhaṃ ko vedayatī’’tiādinā sampajānavediyanaṃ sandhāya vuttaṃ, evaṃ dukkhampi. Tattha dukkhayatīti dukkhā, sampayuttadhamme, kāyañca pīḷeti vibādhatīti attho. Duṭṭhuṃ vā khādati, khanati kāyikaṃ, cetasikañca sātanti dukkhā. ‘‘Dukkaraṃ okāsadānaṃ etissāti dukkhā’’ti apare. Arūpakammaṭṭhānanti arūpapariggahaṃ, arūpadhammamukhena vipassanābhinivesananti attho. Na pākaṭaṃ hoti phassassa, cittassa ca avibhūtākārattā. Tenāha ‘‘andhakāraṃ viya khāyatī’’ti. ‘‘Na pākaṭaṃhotī’’ti ca idaṃ tādise puggale sandhāya vuttaṃ, tesaṃ ādito vedanāva vibhūtatarā hutvā upaṭṭhāti. Evañhi yaṃ vuttaṃ sakkapañhavaṇṇanā dīsu ‘‘phasso pākaṭo hoti, viññāṇaṃ pākaṭaṃ hotī’’ti, (dī. ni. aṭṭha. 2.359) taṃ avirodhitaṃ hoti. Vedanāvasena kathiyamānaṃ kammaṭṭhānaṃ pākaṭaṃ hotīti yojanā. ‘‘Vedanānaṃ uppattipākaṭatāyā’’ti ca idaṃ sukhadukkhavedanānaṃ vasena vuttaṃ. Tāsañhi pavatti oḷārikā, na itarāya. Tadubhayaggahaṇamukhena vā gahetabbattā itarāyapi pavatti viññūnaṃ pākaṭā evāti ‘‘vedanāna’’nti avisesaggahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Sakkapañhe vuttanayeneva veditabbo, tasmā tattha vattabbo atthaviseso tattha līnatthappakāsaniyaṃ vuttanayeneva gahetabbo.

    ปุเพฺพ ‘‘วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทยตี’’ติ เวทนาย อารมฺมณาธีนวุตฺติตาย จ อนตฺตตาย จ ปชานนํ วุตฺตํ, อิทานิ ตสฺสา อนิจฺจตาทิปชานนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อยํ อปโรปิ ปชานนปริยาโย’’ติ อาหฯ ยถา เอกสฺมิํ ขเณ จิตฺตทฺวยสฺส อสมฺภโว เอกชฺฌํ อเนกนฺตปจฺจยาภาวโต, เอวํ เวทนาทฺวยสฺส วิสิฎฺฐารมฺมณวุตฺติโต จาติ อาห ‘‘สุขเวทนากฺขเณ ทุกฺขาย เวทนาย อภาวโต’’ติฯ นิทสฺสนมตฺตเญฺจตํ ตทา อุเปกฺขาเวทนายปิ อภาวโต, เตน สุขเวทนากฺขเณ ภูตปุพฺพานํ อิตรเวทนานํ หุตฺวาอภาวปชานเนน สุขเวทนายปิ หุตฺวา อภาโว ญาโต เอว โหตีติ ตสฺสา ปากฎภาวเมว ทเสฺสโนฺต ‘‘อิมิสฺสา จ สุขาย เวทนาย อิโต ปฐมํ อภาวโต’’ติ อาห, เอเตเนว จ ตาสมฺปิ เวทนานํ ปากฎภาโว ทสฺสิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘เวทนา นาม อนิจฺจา อธุวา วิปริณามธมฺมา’’ติฯ อนิจฺจคฺคหเณน หิ เวทนานํ วิทฺธํสนภาโว ทสฺสิโต วิทฺธเสฺต อนิจฺจตาย สุวิเญฺญยฺยตฺตาฯ อธุวคฺคหเณน ปากฎภาโว ตสฺส อสทาภาวิตาทิภาวนโตฯ วิปริณามคฺคหเณน ทุกฺขภาโว ตสฺส อญฺญถตฺตทีปนโต, เตน สุขาปิ เวทนา ทุกฺขา, ปเคว อิตราติ ติสฺสนฺนมฺปิ เวทนานํ ทุกฺขตา ทสฺสิตา โหติฯ อิติ ‘‘ยทนิจฺจํ ทุกฺขํ, ตํ เอกนฺตโต อนตฺตา’’ติ ตีสุปิ เวทนาสุ ลกฺขณตฺตยปชานนา โชติตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหตี’’ติฯ

    Pubbe ‘‘vatthuṃ ārammaṇaṃ katvā vedanāva vedayatī’’ti vedanāya ārammaṇādhīnavuttitāya ca anattatāya ca pajānanaṃ vuttaṃ, idāni tassā aniccatādipajānanaṃ dassento ‘‘ayaṃ aparopi pajānanapariyāyo’’ti āha. Yathā ekasmiṃ khaṇe cittadvayassa asambhavo ekajjhaṃ anekantapaccayābhāvato, evaṃ vedanādvayassa visiṭṭhārammaṇavuttito cāti āha ‘‘sukhavedanākkhaṇe dukkhāya vedanāya abhāvato’’ti. Nidassanamattañcetaṃ tadā upekkhāvedanāyapi abhāvato, tena sukhavedanākkhaṇe bhūtapubbānaṃ itaravedanānaṃ hutvāabhāvapajānanena sukhavedanāyapi hutvā abhāvo ñāto eva hotīti tassā pākaṭabhāvameva dassento ‘‘imissā casukhāya vedanāya ito paṭhamaṃabhāvato’’ti āha, eteneva ca tāsampi vedanānaṃ pākaṭabhāvo dassitoti daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘vedanā nāma aniccā adhuvā vipariṇāmadhammā’’ti. Aniccaggahaṇena hi vedanānaṃ viddhaṃsanabhāvo dassito viddhaste aniccatāya suviññeyyattā. Adhuvaggahaṇena pākaṭabhāvo tassa asadābhāvitādibhāvanato. Vipariṇāmaggahaṇena dukkhabhāvo tassa aññathattadīpanato, tena sukhāpi vedanā dukkhā, pageva itarāti tissannampi vedanānaṃ dukkhatā dassitā hoti. Iti ‘‘yadaniccaṃ dukkhaṃ, taṃ ekantato anattā’’ti tīsupi vedanāsu lakkhaṇattayapajānanā jotitāti daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘itiha tattha sampajāno hotī’’ti.

    อิทานิ ตมตฺถํ สุเตฺตน (ม. นิ. ๒.๒๐๕) สาเธตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ เนว ตสฺมิํ สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทตีติ ตสฺมิํ สุขเวทนาสมงฺคิสมเย เนว ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ นิรุทฺธตฺตา, อนุปฺปนฺนตฺตา จ ยถากฺกมํ อตีตานาคตานํฯ ปจฺจุปฺปนฺนาย ปน อสมฺภโว วุโตฺต เอวฯ สกิจฺจกฺขณมตฺตาวฎฺฐานโต อนิจฺจาฯ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตตฺตา สงฺขตาฯ วตฺถารมฺมณาทิปจฺจยํ ปฎิจฺจ อุปฺปนฺนตฺตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนาฯ ขยวยปลุชฺชนนิรุชฺฌนปกติตาย ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมาติ ทฎฺฐพฺพาฯ

    Idāni tamatthaṃ suttena (ma. ni. 2.205) sādhetuṃ ‘‘vuttampi ceta’’ntiādimāha. Tattha neva tasmiṃ samaye dukkhaṃ vedanaṃ vedetīti tasmiṃ sukhavedanāsamaṅgisamaye neva dukkhaṃ vedanaṃ vedeti niruddhattā, anuppannattā ca yathākkamaṃ atītānāgatānaṃ. Paccuppannāya pana asambhavo vutto eva. Sakiccakkhaṇamattāvaṭṭhānato aniccā. Samecca sambhuyya paccayehi katattā saṅkhatā. Vatthārammaṇādipaccayaṃ paṭicca uppannattā paṭiccasamuppannā. Khayavayapalujjananirujjhanapakatitāya khayadhammā vayadhammā virāgadhammā nirodhadhammāti daṭṭhabbā.

    กิเลเสหิ อามสิตพฺพโต อามิสํ นาม, ปญฺจ กามคุณา, อารมฺมณกรณวเสน สห อามิเสหีติ สามิสํฯ เตนาห ‘‘ปญฺจกามคุณามิสนิสฺสิตา’’ติฯ

    Kilesehi āmasitabbato āmisaṃ nāma, pañca kāmaguṇā, ārammaṇakaraṇavasena saha āmisehīti sāmisaṃ. Tenāha ‘‘pañcakāmaguṇāmisanissitā’’ti.

    อิโต ปรนฺติ ‘‘อตฺถิ เวทนา’’ติ เอวมาทิ ปาฬิํ สนฺธายาห ‘‘กายานุปสฺสนายํ วุตฺตนยเมวา’’ติฯ

    Ito paranti ‘‘atthi vedanā’’ti evamādi pāḷiṃ sandhāyāha ‘‘kāyānupassanāyaṃ vuttanayamevā’’ti.

    เวทนานุปสฺสนาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vedanānupassanāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    จิตฺตานุปสฺสนาวณฺณนา

    Cittānupassanāvaṇṇanā

    ๓๘๑. สมฺปโยควเสน ปวตฺตมาเนน สห ราเคนาติ สราคํฯ เตนาห ‘‘โลภสหคต’’นฺติฯ วีตราคนฺติ เอตฺถ กามํ สราคปทปฎิโยคินา วีตราคปเทน ภวิตพฺพํ, สมฺมสนจารสฺส ปน อธิเปฺปตตฺตา เตภูมกเสฺสว คหณนฺติ ‘‘โลกิยกุสลาพฺยากต’’นฺติ วตฺวา ‘‘อิทํ ปนา’’ติอาทินา ตเมว อธิปฺปายํ วิวรติฯ เสสานิ เทฺว โทสมูลานิ, เทฺว โมหมูลานีติ จตฺตาริ อกุสลจิตฺตานิฯ เตสญฺหิ ราเคน สมฺปโยคาภาวโต นเตฺถว สราคตา, ตํนิมิตฺตกตาย ปน สิยา ตํสหิตกาเล โสติ นเตฺถว วีตราคตาปีติ ทุกฺขวินิมุตฺตตา เอเวตฺถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เนว ปุริมปทํ น ปจฺฉิมปทํ ภชนฺตี’’ติฯ ยทิ เอวํ ปเทสิกํ ปชานนํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, ทุกนฺตรปริยาปนฺนตฺตา เตสํฯ เย ปน ‘‘ปฎิปกฺขภาเว อคยฺหมาเน สมฺปโยคาภาโว เอเวตฺถ ปมาณํ เอกจฺจอพฺยากตานํ วิยา’’ติ อิจฺฉนฺติ, เตสํ มเตน เสสากุสลจิตฺตานมฺปิ ทุติยปทสงฺคโห เวทิตโพฺพ ฯ ทุติยทุเกปิ วุตฺตนเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อกุสลมูเลสุ สห โมเหเนว วตฺตตีติ สโมหนฺติ อาห ‘‘วิจิกิจฺฉาสหคตเญฺจว อุทฺธจฺจสหคตญฺจา’’ติฯ ยสฺมา เจตฺถ ‘‘สเหว โมเหนาติ สโมห’’นฺติ ปุริมปทาวธารณมฺปิ ลพฺภติเยว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ ยถา ปน อติมูฬฺหตาย ปาฎิปุคฺคลิกนเยน สวิเสสโมหวนฺตตาย ‘‘โมมูหจิตฺต’’นฺติ วตฺตพฺพโต วิจิกิจฺฉาอุทฺธจฺจสหคตทฺวยํ วิเสสโต ‘‘สโมห’’นฺติ วุจฺจติ, น ตถา เสสากุสลจิตฺตานีติ ‘‘วฎฺฎนฺติเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติฯ สมฺปโยควเสน ถินมิเทฺธน อนุปติตํ อนุคตนฺติ ถินมิทฺธานุปติตํ, ปญฺจวิธํสสงฺขาริกากุสลจิตฺตํ สงฺกุจิตจิตฺตํ, สงฺกุจิตจิตฺตํ นาม อารมฺมเณ สโงฺกจนวเสน ปวตฺตนโตฯ ปจฺจยวิเสสวเสน ถามชาเตน อุทฺธเจฺจน สหคตํ สํสฎฺฐนฺติ อุทฺธจฺจสหคตํ, อญฺญถา สพฺพมฺปิ อกุสลจิตฺตํ อุทฺธจฺจสหคตเมวาติฯ ปสฎจิตฺตํ นาม อารมฺมเณ สวิเสสํ วิเกฺขปวเสน วิสฎภาเวน ปวตฺตนโตฯ

    381. Sampayogavasena pavattamānena saha rāgenāti sarāgaṃ. Tenāha ‘‘lobhasahagata’’nti. Vītarāganti ettha kāmaṃ sarāgapadapaṭiyoginā vītarāgapadena bhavitabbaṃ, sammasanacārassa pana adhippetattā tebhūmakasseva gahaṇanti ‘‘lokiyakusalābyākata’’nti vatvā ‘‘idaṃ panā’’tiādinā tameva adhippāyaṃ vivarati. Sesāni dve dosamūlāni, dve mohamūlānīti cattāri akusalacittāni. Tesañhi rāgena sampayogābhāvato nattheva sarāgatā, taṃnimittakatāya pana siyā taṃsahitakāle soti nattheva vītarāgatāpīti dukkhavinimuttatā evettha labbhatīti āha ‘‘neva purimapadaṃ na pacchimapadaṃ bhajantī’’ti. Yadi evaṃ padesikaṃ pajānanaṃ āpajjatīti? Nāpajjati, dukantarapariyāpannattā tesaṃ. Ye pana ‘‘paṭipakkhabhāve agayhamāne sampayogābhāvo evettha pamāṇaṃ ekaccaabyākatānaṃ viyā’’ti icchanti, tesaṃ matena sesākusalacittānampi dutiyapadasaṅgaho veditabbo . Dutiyadukepi vuttanayena attho veditabbo. Akusalamūlesu saha moheneva vattatīti samohanti āha ‘‘vicikicchāsahagatañceva uddhaccasahagatañcā’’ti. Yasmā cettha ‘‘saheva mohenāti samoha’’nti purimapadāvadhāraṇampi labbhatiyeva, tasmā vuttaṃ ‘‘yasmā panā’’tiādi. Yathā pana atimūḷhatāya pāṭipuggalikanayena savisesamohavantatāya ‘‘momūhacitta’’nti vattabbato vicikicchāuddhaccasahagatadvayaṃ visesato ‘‘samoha’’nti vuccati, na tathā sesākusalacittānīti ‘‘vaṭṭantiyevā’’ti sāsaṅkaṃ vadati. Sampayogavasena thinamiddhena anupatitaṃ anugatanti thinamiddhānupatitaṃ, pañcavidhaṃsasaṅkhārikākusalacittaṃ saṅkucitacittaṃ, saṅkucitacittaṃ nāma ārammaṇe saṅkocanavasena pavattanato. Paccayavisesavasena thāmajātena uddhaccena sahagataṃ saṃsaṭṭhanti uddhaccasahagataṃ, aññathā sabbampi akusalacittaṃ uddhaccasahagatamevāti. Pasaṭacittaṃ nāma ārammaṇe savisesaṃ vikkhepavasena visaṭabhāvena pavattanato.

    กิเลสวิกฺขมฺภนสมตฺถตาย วิปุลผลตาย จ ทีฆสนฺตานตาย จ มหนฺตภาวํ คตํ, มหเนฺตหิ วา อุฬารจฺฉนฺทาทีหิ คตํ ปฎิปนฺนนฺติ มหคฺคตํ, ตํ ปน รูปารูปภูมิคตํ ตโต มหนฺตสฺส โลเก อภาวโตฯ เตนาห ‘‘รูปารูปาวจร’’นฺติฯ ตสฺส เจตฺถ ปฎิโยคี ปริตฺตํ เอวาติ อาห ‘‘อมหคฺคตนฺติ กามาวจร’’นฺติฯ อตฺตานํ อุตฺตริตุํ สมเตฺถหิ สห อุตฺตเรหีติ สอุตฺตรํฯ ตปฺปฎิปเกฺขน อนุตฺตรํฯ ตทุภยํ อุปาทายุปาทาย เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สอุตฺตรนฺติ กามาวจรนฺติอาทิฯ ปฎิปกฺขวิกฺขมฺภนสมเตฺถน สมาธินา สมฺมเทว อาหิตํ สมาหิตํฯ เตนาห ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิฯ ยสฺสาติ ยสฺส จิตฺตสฺสฯ ยถาวุเตฺตน สมาธินา น สมาหิตนฺติ อสมาหิตํฯ เตนาห ‘‘อุภยสมาธิรหิต’’นฺติฯ ตทงฺควิมุตฺติยา วิมุตฺตํ, กามาวจรกุสลจิตฺตํ, วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา วิมุตฺตํ, มหคฺคตจิตฺตนฺติ ตทุภยํ สนฺธายาห ‘‘ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺตีหิ วิมุตฺต’’นฺติฯ ยตฺถ ตทุภยวิมุตฺติ นตฺถิ, ตํ อุภยวิมุตฺติรหิตนฺติ คยฺหมาเน โลกุตฺตรจิเตฺตปิ สิยาสงฺกาติ ตํ นิวตฺตนตฺถํ ‘‘สมุเจฺฉท…เป.… โอกาโสว นตฺถี’’ติ อาหฯ โอกาสภาโว จ สมฺมสนจารสฺส อธิเปฺปตตฺตา เวทิตโพฺพฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมวฯ

    Kilesavikkhambhanasamatthatāya vipulaphalatāya ca dīghasantānatāya ca mahantabhāvaṃ gataṃ, mahantehi vā uḷāracchandādīhi gataṃ paṭipannanti mahaggataṃ, taṃ pana rūpārūpabhūmigataṃ tato mahantassa loke abhāvato. Tenāha ‘‘rūpārūpāvacara’’nti. Tassa cettha paṭiyogī parittaṃ evāti āha ‘‘amahaggatanti kāmāvacara’’nti. Attānaṃ uttarituṃ samatthehi saha uttarehīti sauttaraṃ. Tappaṭipakkhena anuttaraṃ. Tadubhayaṃ upādāyupādāya veditabbanti āha ‘‘sauttaranti kāmāvacarantiādi. Paṭipakkhavikkhambhanasamatthena samādhinā sammadeva āhitaṃ samāhitaṃ. Tenāha ‘‘yassā’’tiādi. Yassāti yassa cittassa. Yathāvuttena samādhinā na samāhitanti asamāhitaṃ. Tenāha ‘‘ubhayasamādhirahita’’nti. Tadaṅgavimuttiyā vimuttaṃ, kāmāvacarakusalacittaṃ, vikkhambhanavimuttiyā vimuttaṃ, mahaggatacittanti tadubhayaṃ sandhāyāha ‘‘tadaṅgavikkhambhanavimuttīhi vimutta’’nti. Yattha tadubhayavimutti natthi, taṃ ubhayavimuttirahitanti gayhamāne lokuttaracittepi siyāsaṅkāti taṃ nivattanatthaṃ ‘‘samuccheda…pe… okāsova natthī’’ti āha. Okāsabhāvo ca sammasanacārassa adhippetattā veditabbo. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayattā uttānameva.

    จิตฺตานุปสฺสนาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Cittānupassanāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    ธมฺมานุปสฺสนา

    Dhammānupassanā

    นีวรณปพฺพวณฺณนา

    Nīvaraṇapabbavaṇṇanā

    ๓๘๒. ปหาตพฺพาทิธมฺมวิภาคทสฺสนวเสน ปญฺจธา ธมฺมานุปสฺสนา นิทฺทิฎฺฐาติ อยมโตฺถ ปาฬิโต เอว วิญฺญายตีติ ตมตฺถํ อุลฺลิเงฺคโนฺต ‘‘ปญฺจวิเธน ธมฺมานุปสฺสนํ กเถตุ’’นฺติ อาหฯ ยทิ เอวํ กสฺมา นีวรณาทิวเสเนว นิทฺทิฎฺฐนฺติ? วิเนยฺยชฺฌาสยโตฯ เยสญฺหิ เวเนยฺยานํ ปหาตพฺพธเมฺมสุ ปฐมํ นีวรณานิ วิภาเคน วตฺตพฺพานิ, เตสํ วเสเนตฺถ ภควตา ปฐมํ นีวรเณสุ ธมฺมานุปสฺสนา กถิตาฯ ตถา หิ กายานุปสฺสนาปิ สมถปุพฺพงฺคมา เทสิตา, ตโต ปริเญฺญเยฺยสุ ขเนฺธสุ, อายตเนสุ จ ภาเวตเพฺพสุ โพชฺฌเงฺคสุ, ปริเญฺญยฺยาทิวิภาเคสุ สเจฺจสุ จ อุตฺตรา เทสนา, ตสฺมา เจตฺถ สมถภาวนาปิ ยาวเทว วิปสฺสนตฺถา อิจฺฉิตาฯ วิปสฺสนาปธานา, วิปสฺสนาพหุลา จ สติปฎฺฐานเทสนาติ ตสฺสา วิปสฺสนาภินิเวสวิภาเคน เทสิตภาวํ วิภาเวโนฺต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ขนฺธายตนทุกฺขสจฺจวเสน มิสฺสกปริคฺคหกถนํ ทฎฺฐพฺพํฯ สญฺญาสงฺขารกฺขนฺธปริคฺคหมฺปีติ ปิ-สเทฺทน สกลปญฺจุปาทานกฺขนฺธปริคฺคหํ สมฺปิเณฺฑติ อิตเรสํ ตทโนฺตคธตฺตาฯ

    382. Pahātabbādidhammavibhāgadassanavasena pañcadhā dhammānupassanā niddiṭṭhāti ayamattho pāḷito eva viññāyatīti tamatthaṃ ulliṅgento ‘‘pañcavidhena dhammānupassanaṃ kathetu’’nti āha. Yadi evaṃ kasmā nīvaraṇādivaseneva niddiṭṭhanti? Vineyyajjhāsayato. Yesañhi veneyyānaṃ pahātabbadhammesu paṭhamaṃ nīvaraṇāni vibhāgena vattabbāni, tesaṃ vasenettha bhagavatā paṭhamaṃ nīvaraṇesu dhammānupassanā kathitā. Tathā hi kāyānupassanāpi samathapubbaṅgamā desitā, tato pariññeyyesu khandhesu, āyatanesu ca bhāvetabbesu bojjhaṅgesu, pariññeyyādivibhāgesu saccesu ca uttarā desanā, tasmā cettha samathabhāvanāpi yāvadeva vipassanatthā icchitā. Vipassanāpadhānā, vipassanābahulā ca satipaṭṭhānadesanāti tassā vipassanābhinivesavibhāgena desitabhāvaṃ vibhāvento ‘‘apicā’’tiādimāha. Tattha khandhāyatanadukkhasaccavasena missakapariggahakathanaṃ daṭṭhabbaṃ. Saññāsaṅkhārakkhandhapariggahampīti pi-saddena sakalapañcupādānakkhandhapariggahaṃ sampiṇḍeti itaresaṃ tadantogadhattā.

    ‘‘กณฺหสุกฺกธมฺมานํ ยุคนนฺธตา นตฺถี’’ติ ปชานนกาเล อภาวา ‘‘อภิณฺหสมุทาจารวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ สํวิชฺชมานนฺติ อตฺตโน สนฺตาเน อุปลพฺภมานํฯ ยถาติ เยนากาเรน, โส ปน ‘‘กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา กามจฺฉนฺทสฺส การณากาโรว, อตฺถโต การณเมวาติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติฯ -สโทฺท วกฺขมานตฺถสมุจฺจยโตฺถฯ

    ‘‘Kaṇhasukkadhammānaṃ yuganandhatā natthī’’ti pajānanakāle abhāvā ‘‘abhiṇhasamudācāravasenā’’ti vuttaṃ. Saṃvijjamānanti attano santāne upalabbhamānaṃ. Yathāti yenākārena, so pana ‘‘kāmacchandassa uppādo hotī’’ti vuttattā kāmacchandassa kāraṇākārova, atthato kāraṇamevāti āha ‘‘yena kāraṇenā’’ti. Ca-saddo vakkhamānatthasamuccayattho.

    ตตฺถาติ ‘‘ยถา จา’’ติอาทินา วุตฺตปเทฯ สุภมฺปีติ กามจฺฉโนฺทปิฯ โส หิ อตฺตโน คหณากาเรน ‘‘สุภ’’นฺติ วุโตฺต, เตนากาเรน ปวตฺตนกสฺส อญฺญสฺส กามจฺฉนฺทสฺส นิมิตฺตตฺตา ‘‘นิมิตฺต’’นฺติ จฯ อิฎฺฐํ, อิฎฺฐากาเรน วา คยฺหมานํ รูปาทิ สุภารมฺมณํฯ อากงฺขิตสฺส หิตสุขสฺส ปตฺติยา อนุปายภูโต มนสิกาโร อนุปายมนสิกาโรฯ ตนฺติ อโยนิโสมนสิการํ ฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ สภาคเหตุภูเต, อารมฺมณภูเต จ ทุวิเธ สุภนิมิเตฺตฯ อาหาโรติ ปจฺจโย อตฺตโน ผลํ อาหรตีติ กตฺวาฯ

    Tatthāti ‘‘yathā cā’’tiādinā vuttapade. Subhampīti kāmacchandopi. So hi attano gahaṇākārena ‘‘subha’’nti vutto, tenākārena pavattanakassa aññassa kāmacchandassa nimittattā ‘‘nimitta’’nti ca. Iṭṭhaṃ, iṭṭhākārena vā gayhamānaṃ rūpādi subhārammaṇaṃ. Ākaṅkhitassa hitasukhassa pattiyā anupāyabhūto manasikāro anupāyamanasikāro. Tanti ayonisomanasikāraṃ . Tatthāti tasmiṃ sabhāgahetubhūte, ārammaṇabhūte ca duvidhe subhanimitte. Āhāroti paccayo attano phalaṃ āharatīti katvā.

    อสุภนฺติ อสุภชฺฌานํ อุตฺตรปทโลเปน, ตํ ปน ทสสุ อวิญฺญาณกอสุเภสุ จ เกสาทีสุ สวิญฺญาณกอสุเภสุ จ ปวตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ เกสาทีสุ หิ สญฺญา ‘‘อสุภสญฺญา’’ติ คิริมานนฺทสุเตฺต (อ. นิ. ๑๐.๖๐) วุตฺตาฯ เอตฺถ จ จตุพฺพิธสฺส อโยนิโสมนสิการสฺส, โยนิโสมนสิการสฺส จ คหณํ นิรวเสสทสฺสนตฺถํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํ, เตสุ ปน อสุเภสุ ‘‘สุภ’’นฺติ, ‘‘อสุภ’’นฺติ จ มนสิกาโร อิธาธิเปฺปโต, ตทนุกูลตฺตา ปน อิตเร ปีติฯ

    Asubhanti asubhajjhānaṃ uttarapadalopena, taṃ pana dasasu aviññāṇakaasubhesu ca kesādīsu saviññāṇakaasubhesu ca pavattaṃ daṭṭhabbaṃ. Kesādīsu hi saññā ‘‘asubhasaññā’’ti girimānandasutte (a. ni. 10.60) vuttā. Ettha ca catubbidhassa ayonisomanasikārassa, yonisomanasikārassa ca gahaṇaṃ niravasesadassanatthaṃ katanti daṭṭhabbaṃ, tesu pana asubhesu ‘‘subha’’nti, ‘‘asubha’’nti ca manasikāro idhādhippeto, tadanukūlattā pana itare pīti.

    เอกาทสสุ อสุเภสุ ปฎิกฺกูลาการสฺส อุคฺคณฺหนํ, ยถา วา ตตฺถ อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตถา ปฎิปตฺติ อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโหฯ อุปจารปฺปนาวหาย อสุภภาวนาย อนุยุญฺชนา อสุภภาวนานุโยโคฯ ‘‘โภชเน มตฺตญฺญุโน มิตาหารสฺส ถินมิทฺธาภิภวาภาวา โอตารํ อลภมาโน กามจฺฉโนฺท ปหียตี’’ติ วทนฺติ, อยเมว จ อโตฺถ นิเทฺทเสปิ วุจฺจติฯ โย ปน โภชนสฺส ปฎิกฺกูลตํ, ตพฺพิปริณามสฺส ตทาธารสฺส ตสฺส จ อุปนิสฺสยภูตสฺส อติวิย เชคุจฺฉตํ, กายสฺส จ อาหารฎฺฐิติกตฺตํ สมฺมเทว ชานาติ, โส สพฺพโส โภชเน ปมาณสฺส ชานเนน โภชเนมตฺตญฺญู นามฯ ตาทิสสฺส หิ กามจฺฉโนฺท ปหียเตวฯ

    Ekādasasu asubhesu paṭikkūlākārassa uggaṇhanaṃ, yathā vā tattha uggahanimittaṃ uppajjati, tathā paṭipatti asubhanimittassa uggaho. Upacārappanāvahāya asubhabhāvanāya anuyuñjanā asubhabhāvanānuyogo. ‘‘Bhojane mattaññuno mitāhārassa thinamiddhābhibhavābhāvā otāraṃ alabhamāno kāmacchando pahīyatī’’ti vadanti, ayameva ca attho niddesepi vuccati. Yo pana bhojanassa paṭikkūlataṃ, tabbipariṇāmassa tadādhārassa tassa ca upanissayabhūtassa ativiya jegucchataṃ, kāyassa ca āhāraṭṭhitikattaṃ sammadeva jānāti, so sabbaso bhojane pamāṇassa jānanena bhojanemattaññū nāma. Tādisassa hi kāmacchando pahīyateva.

    อสุภกมฺมิกติสฺสเตฺถโร ทนฺตฎฺฐิทสฺสาวีฯ ปหีนสฺสาติ วิกฺขมฺภนวเสน ปหีนสฺสฯ อิโต ปเรสุปิ เอวรูเปสุ ฐาเนสุ เอเสว นโยฯ อภิธมฺมปริยาเยน (ธ. ส. ๑๑๕๙, ๑๕๐๓) สโพฺพปิ โลโภ กามจฺฉนฺทนีวรณนฺติ อาห ‘‘อรหตฺตมเคฺคนา’’ติฯ

    Asubhakammikatissatthero dantaṭṭhidassāvī. Pahīnassāti vikkhambhanavasena pahīnassa. Ito paresupi evarūpesu ṭhānesu eseva nayo. Abhidhammapariyāyena (dha. sa. 1159, 1503) sabbopi lobho kāmacchandanīvaraṇanti āha ‘‘arahattamaggenā’’ti.

    ปฎิฆมฺปิ ปุริมุปฺปนฺนํ ปฎิฆนิมิตฺตํ ปรโต อุปฺปชฺชนกสฺส ปฎิฆสฺส การณนฺติ กตฺวาฯ

    Paṭighampi purimuppannaṃ paṭighanimittaṃ parato uppajjanakassa paṭighassa kāraṇanti katvā.

    เมชฺชติ สินิยฺหตีติ มิโตฺต, หิเตสี ปุคฺคโล, ตสฺมิํ มิเตฺต ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสาติ เมตฺตา, หิเตสิตา, ตสฺสา เมตฺตายฯ อปฺปนาปิ อุปจาโรปิ วฎฺฎติ สาธารณวจนภาวโตฯ ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ วุเตฺต อปฺปนาว วฎฺฎติ อปฺปนํ อปฺปตฺตาย ปฎิปกฺขโต สุฎฺฐุ มุจฺจนสฺส อภาวโตฯ นฺติ โยนิโสมนสิการํฯ ตตฺถาติ เมตฺตายฯ พหุลํ ปวตฺตยโตติ พหุลีการวโตฯ

    Mejjati siniyhatīti mitto, hitesī puggalo, tasmiṃ mitte bhavā, mittassa vā esāti mettā, hitesitā, tassā mettāya. Appanāpi upacāropi vaṭṭati sādhāraṇavacanabhāvato. ‘‘Cetovimuttī’’ti vutte appanāva vaṭṭati appanaṃ appattāya paṭipakkhato suṭṭhu muccanassa abhāvato. Tanti yonisomanasikāraṃ. Tatthāti mettāya. Bahulaṃ pavattayatoti bahulīkāravato.

    สเตฺตสุ เมตฺตายนสฺส หิตูปสํหารสฺส อุปฺปาทนํ ปวตฺตนํ เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, ปฐมุปฺปโนฺน เมตฺตามนสิกาโร ปรโต อุปฺปชฺชนกสฺส การณภาวโต เมตฺตามนสิกาโรว เมตฺตานิมิตฺตํฯ กมฺมเมว สกํ เอเตสนฺติ กมฺมสฺสกา, สตฺตา, ตพฺภาโว กมฺมสฺสกตา, กมฺมทายาทตาฯ โทสเมตฺตาสุ ยาถาวโต อาทีนวานิสํสานํ ปฎิสงฺขานํ วีมํสา อิธ ปฎิสงฺขานํฯ เมตฺตาวิหาริกลฺยาณมิตฺตวนฺตตา อิธ กลฺยาณมิตฺตตาฯ โอทิสฺสกอโนทิสฺสกทิสาผรณานนฺติ (โอธิสกอโนธิสกทิสาผรณานํ ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๑๕) อตฺตอติปิยสหายมชฺฌตฺตเวริวเสน โอทิสฺสกตา, สีมาสเมฺภเท กเต อโนทิสฺสกตาฯ เอกาทิทิสาผรณวเสน ทิสาผรณตา เมตฺตาย อุคฺคหเณ เวทิตพฺพาฯ วิหารรจฺฉาคามาทิวเสน วา โอทิสฺสกทิสาผรณํฯ วิหาราทิอุเทฺทสรหิตํ ปุรตฺถิมาทิทิสาวเสน อโนทิสฺสกทิสาผรณนฺติ เอวํ ทฺวิธา อุคฺคหณํ สนฺธาย ‘‘โอทิสฺสกอโนทิสฺสกทิสาผรณาน’’นฺติ วุตฺตํฯ อุคฺคโหติ จ ยาว อุปจารา ทฎฺฐโพฺพฯ อุคฺคหิตาย อาเสวนา ภาวนาฯ ตตฺถ สเพฺพ สตฺตา, ปาณา, ภูตา, ปุคฺคลา, อตฺตภาวปริยาปนฺนาติ เอเตสํ วเสน ปญฺจวิธา, เอเกกสฺมิํ อเวรา โหนฺตุ , อพฺยาปชฺฌา, อนีฆา, สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตูติ จตุธา ปวตฺติโต วีสติวิธา อโนทิสฺสกผรณา เมตฺตาฯ สพฺพา อิตฺถิโย, ปุริสา, อริยา, อนริยา, เทวา, มนุสฺสา, วินิปาติกาติ สโตฺตธิกรณวเสน ปวตฺตา สตฺตวิธา, อฎฺฐวีสติ วิธา วา, ทสหิ ทิสาหิ ทิโสธิกรณวเสน ปวตฺตา ทสวิธา, เอเกกาย วา ทิสาย สตฺตาทิอิตฺถาทิอเวราทิเภเทน อสีตาธิกจตุสตปฺปเภทา จ โอธิโส ผรณา เวทิตพฺพาฯ

    Sattesu mettāyanassa hitūpasaṃhārassa uppādanaṃ pavattanaṃ mettānimittassa uggaho, paṭhamuppanno mettāmanasikāro parato uppajjanakassa kāraṇabhāvato mettāmanasikārova mettānimittaṃ. Kammameva sakaṃ etesanti kammassakā, sattā, tabbhāvo kammassakatā, kammadāyādatā. Dosamettāsu yāthāvato ādīnavānisaṃsānaṃ paṭisaṅkhānaṃ vīmaṃsā idha paṭisaṅkhānaṃ. Mettāvihārikalyāṇamittavantatā idha kalyāṇamittatā. Odissakaanodissakadisāpharaṇānanti (odhisakaanodhisakadisāpharaṇānaṃ ma. ni. aṭṭha. 1.115) attaatipiyasahāyamajjhattaverivasena odissakatā, sīmāsambhede kate anodissakatā. Ekādidisāpharaṇavasena disāpharaṇatā mettāya uggahaṇe veditabbā. Vihāraracchāgāmādivasena vā odissakadisāpharaṇaṃ. Vihārādiuddesarahitaṃ puratthimādidisāvasena anodissakadisāpharaṇanti evaṃ dvidhā uggahaṇaṃ sandhāya ‘‘odissakaanodissakadisāpharaṇāna’’nti vuttaṃ. Uggahoti ca yāva upacārā daṭṭhabbo. Uggahitāya āsevanā bhāvanā. Tattha sabbe sattā, pāṇā, bhūtā, puggalā, attabhāvapariyāpannāti etesaṃ vasena pañcavidhā, ekekasmiṃ averā hontu , abyāpajjhā, anīghā, sukhī attānaṃ pariharantūti catudhā pavattito vīsatividhā anodissakapharaṇā mettā. Sabbā itthiyo, purisā, ariyā, anariyā, devā, manussā, vinipātikāti sattodhikaraṇavasena pavattā sattavidhā, aṭṭhavīsati vidhā vā, dasahi disāhi disodhikaraṇavasena pavattā dasavidhā, ekekāya vā disāya sattādiitthādiaverādibhedena asītādhikacatusatappabhedā ca odhiso pharaṇā veditabbā.

    เยน อโยนิโสมนสิกาเรน อรติอาทิกานิ อุปฺปชฺชนฺติ, โส อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิกาโรฯ เตน นิปฺผาเทตเพฺพ หิ อิทํ ภุมฺมํฯ เอส นโย อิโต ปเรสุปิฯ อุกฺกณฺฐิตา ปนฺตเสนาสเนสุ, อธิกุสลธเมฺมสุ จ อุปฺปชฺชนภาวริญฺจนาฯ กายวินมนาติ กรชกายสฺส วิรูเปนากาเรน นมนาฯ ลีนากาโรติ สโงฺกจาปตฺติฯ

    Yena ayonisomanasikārena aratiādikāni uppajjanti, so aratiādīsu ayonisomanasikāro. Tena nipphādetabbe hi idaṃ bhummaṃ. Esa nayo ito paresupi. Ukkaṇṭhitā pantasenāsanesu, adhikusaladhammesu ca uppajjanabhāvariñcanā. Kāyavinamanāti karajakāyassa virūpenākārena namanā. Līnākāroti saṅkocāpatti.

    กุสลธมฺมปฎิปตฺติยา ปฎฺฐปนสภาวตาย, ตปฺปฎิปกฺขานํ วิโสสนสภาวตาย จ อารมฺภธาตุอาทิโต ปวตฺตวีริยนฺติ อาห ‘‘ปฐมารมฺภวีริย’’นฺติฯ ยสฺมา ปฐมารมฺภมตฺตสฺส โกสชฺชวิธมนํ, ถามคมนญฺจ นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตาย ตโต พลวตร’’นฺติ ฯ ยสฺมา ปน อปราปรุปฺปตฺติยา ลทฺธาเสวนํ อุปรูปริ วิเสสํ อาวหนฺตํ อติวิย ถามคตเมว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปรํ ปรํ ฐานํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตร’’นฺติฯ

    Kusaladhammapaṭipattiyā paṭṭhapanasabhāvatāya, tappaṭipakkhānaṃ visosanasabhāvatāya ca ārambhadhātuādito pavattavīriyanti āha ‘‘paṭhamārambhavīriya’’nti. Yasmā paṭhamārambhamattassa kosajjavidhamanaṃ, thāmagamanañca natthi, tasmā vuttaṃ ‘‘kosajjato nikkhantatāya tato balavatara’’nti . Yasmā pana aparāparuppattiyā laddhāsevanaṃ uparūpari visesaṃ āvahantaṃ ativiya thāmagatameva hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘paraṃ paraṃ ṭhānaṃ akkamanato tatopi balavatara’’nti.

    อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโหติ อติโภชเน ถินมิทฺธสฺส นิมิตฺตคฺคาโห , เอตฺตเก ภุเตฺต ตํ โภชนํ ถินมิทฺธสฺส การณํ โหติ, เอตฺตเก น โหตีติ ถินมิทฺธสฺส การณาการณคาโห โหตีติ อโตฺถฯ พฺยติเรกวเสน เจตํ วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘เอตฺตเก ภุเตฺต ตํ โภชนํ ถินมิทฺธสฺส การณํ น โหตี’’ติ โภชเน มตฺตญฺญุตา จ อตฺถโต ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘จตุปญฺจ…เป.… น โหตี’’ติฯ ทิวา สูริยาโลกนฺติ ทิวา คหิตนิมิตฺตํ สูริยาโลกํ รตฺติยํ มนสิ กโรนฺตสฺสาปีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ธุตงฺคานํ วีริยนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปี’’ติฯ

    Atibhojane nimittaggāhoti atibhojane thinamiddhassa nimittaggāho , ettake bhutte taṃ bhojanaṃ thinamiddhassa kāraṇaṃ hoti, ettake na hotīti thinamiddhassa kāraṇākāraṇagāho hotīti attho. Byatirekavasena cetaṃ vuttaṃ, tasmā ‘‘ettake bhutte taṃ bhojanaṃ thinamiddhassa kāraṇaṃ na hotī’’ti bhojane mattaññutā ca atthato dassitāti daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘catupañca…pe… na hotī’’ti. Divā sūriyālokanti divā gahitanimittaṃ sūriyālokaṃ rattiyaṃ manasi karontassāpīti evamettha attho veditabbo. Dhutaṅgānaṃ vīriyanissitattā vuttaṃ ‘‘dhutaṅganissitasappāyakathāyapī’’ti.

    กุกฺกุจฺจมฺปิ กตากตานุโสจนวเสน ปวตฺตมานํ เจตโส อวูปสมาวหตาย อุทฺธเจฺจน สมานลกฺขณเมวาติ ‘‘อวูปสโม นาม อวูปสนฺตากาโร, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเมเวตํ อตฺถโต’’ติ วุตฺตํฯ

    Kukkuccampi katākatānusocanavasena pavattamānaṃ cetaso avūpasamāvahatāya uddhaccena samānalakkhaṇamevāti ‘‘avūpasamo nāma avūpasantākāro, uddhaccakukkuccamevetaṃ atthato’’ti vuttaṃ.

    พหุสฺสุตสฺส คนฺถโต, อตฺถโต จ สุตฺตาทีนิ วิจาเรนฺตสฺส ตพฺพหุลวิหาริโน อตฺถเวทาทิปฎิลาภสพฺภาวโต วิเกฺขโป น โหตีติ, ยถาวิธิปฎิปตฺติยา, ยถานุรูปปติการปฺปวตฺติยา จ กตากตานุโสจนญฺจ น โหตีติ ‘‘พาหุสเจฺจนปิ…เป.… อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียตี’’ติ อาหฯ ยทเคฺคน พาหุสเจฺจน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, ตทเคฺคน ปริปุจฺฉกตาวินยปกตญฺญุตาหิปิ ตํ ปหียตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ วุทฺธเสวิตา จ วุทฺธสีลิตํ อาวหตีติ เจโตวูปสมกรตฺตา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปฺปหานการี วุตฺตาฯ วุทฺธตฺตํ ปน อนเปกฺขิตฺวา กุกฺกุจฺจวิโนทกา วินยธรา กลฺยาณมิตฺตา วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ วิเกฺขโป จ ปพฺพชิตานํ เยภุเยฺยน กุกฺกุจฺจเหตุโก โหตีติ ‘‘กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉาพหุลสฺสา’’ติอาทินา วินยนเยเนว ปริปุจฺฉกตาทโย นิทฺทิฎฺฐาฯ ปหีเน อุทฺธจฺจกุกฺกุเจฺจติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํฯ กุกฺกุจฺจสฺส โทมนสฺสสหคตตฺตา อนาคามิมเคฺคน อายติํ อนุปฺปาโท วุโตฺตฯ

    Bahussutassa ganthato, atthato ca suttādīni vicārentassa tabbahulavihārino atthavedādipaṭilābhasabbhāvato vikkhepo na hotīti, yathāvidhipaṭipattiyā, yathānurūpapatikārappavattiyā ca katākatānusocanañca na hotīti ‘‘bāhusaccenapi…pe… uddhaccakukkuccaṃ pahīyatī’’ti āha. Yadaggena bāhusaccena uddhaccakukkuccaṃ pahīyati, tadaggena paripucchakatāvinayapakataññutāhipi taṃ pahīyatīti daṭṭhabbaṃ. Vuddhasevitā ca vuddhasīlitaṃ āvahatīti cetovūpasamakarattā uddhaccakukkuccappahānakārī vuttā. Vuddhattaṃ pana anapekkhitvā kukkuccavinodakā vinayadharā kalyāṇamittā vuttāti daṭṭhabbā. Vikkhepo ca pabbajitānaṃ yebhuyyena kukkuccahetuko hotīti ‘‘kappiyākappiyaparipucchābahulassā’’tiādinā vinayanayeneva paripucchakatādayo niddiṭṭhā. Pahīne uddhaccakukkucceti niddhāraṇe bhummaṃ. Kukkuccassa domanassasahagatattā anāgāmimaggena āyatiṃ anuppādo vutto.

    ติฎฺฐติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ ฐานียา วิจิกิจฺฉาย ฐานียา วิจิกิจฺฉาฐานียา, วิจิกิจฺฉาย การณภูตา ธมฺมา, ติฎฺฐตีติ วา ฐานียา, วิจิกิจฺฉา ฐานียา เอติสฺสาติ วิจิกิจฺฉาฐานียา, อตฺถโต วิจิกิจฺฉา เอวฯ สา หิ ปุริมุปฺปนฺนา ปรโต อุปฺปชฺชนกวิจิกิจฺฉาย สภาคเหตุตาย อสาธารณํ การณํฯ

    Tiṭṭhati pavattati etthāti ṭhānīyā vicikicchāya ṭhānīyā vicikicchāṭhānīyā, vicikicchāya kāraṇabhūtā dhammā, tiṭṭhatīti vā ṭhānīyā, vicikicchā ṭhānīyā etissāti vicikicchāṭhānīyā, atthato vicikicchā eva. Sā hi purimuppannā parato uppajjanakavicikicchāya sabhāgahetutāya asādhāraṇaṃ kāraṇaṃ.

    กุสลากุสลาติ โกสลฺลสมฺภูตเฎฺฐน กุสลา, ตปฺปฎิปกฺขโต อกุสลาฯ เย อกุสลา, เต สาวชฺชา, อเสวิตพฺพา, หีนา จฯ เย กุสลา, เต อนวชฺชา, เสวิตพฺพา, ปณีตา จฯ กุสลา วา หีเนหิ ฉนฺทาทีหิ อารทฺธา หีนา, ปณีเตหิ ปณีตาฯ กณฺหาติ กาฬกา จิตฺตสฺส อปภสฺสรภาวกรณาฯ สุกฺกาติ โอทาตา จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณาฯ กณฺหาภิชาติเหตุโต วา กณฺหาฯ สุกฺกาภิชาติเหตุโต สุกฺกาฯ เต เอว สปฺปฎิภาคาฯ กณฺหา หิ อุชุวิปจฺจนีกตาย สุกฺกสปฺปฎิภาคา, ตถา สุกฺกาปิ อิตเรหิฯ อถ วา กณฺหสุกฺกา จ สปฺปฎิภาคา จ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคาฯ สุขา หิ เวทนา ทุกฺขาย เวทนาย สปฺปฎิภาคา, ทุกฺขา จ เวทนา สุขาย เวทนาย สปฺปฎิภาคาติฯ

    Kusalākusalāti kosallasambhūtaṭṭhena kusalā, tappaṭipakkhato akusalā. Ye akusalā, te sāvajjā, asevitabbā, hīnā ca. Ye kusalā, te anavajjā, sevitabbā,paṇītā ca. Kusalā vā hīnehi chandādīhi āraddhā hīnā, paṇītehi paṇītā. Kaṇhāti kāḷakā cittassa apabhassarabhāvakaraṇā. Sukkāti odātā cittassa pabhassarabhāvakaraṇā. Kaṇhābhijātihetuto vā kaṇhā. Sukkābhijātihetuto sukkā. Te eva sappaṭibhāgā. Kaṇhā hi ujuvipaccanīkatāya sukkasappaṭibhāgā, tathā sukkāpi itarehi. Atha vā kaṇhasukkā ca sappaṭibhāgā ca kaṇhasukkasappaṭibhāgā. Sukhā hi vedanā dukkhāya vedanāya sappaṭibhāgā, dukkhā ca vedanā sukhāya vedanāya sappaṭibhāgāti.

    กามํ พาหุสจฺจปริปุจฺฉกตาหิ สพฺพาปิ อฎฺฐวตฺถุกา วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตถาปิ รตนตฺตยวิจิกิจฺฉามูลิกา เสสวิจิกิจฺฉาติ กตฺวา อาห ‘‘ตีณิ รตนานิ อารพฺภา’’ติฯ รตนตฺตยคุณาวโพเธ ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๐๐๘, ๑๑๒๓, ๑๑๖๗, ๑๒๔๑, ๑๒๖๓, ๑๒๗๐; วิภ. ๙๑๕) วิจิกิจฺฉาย อสมฺภโวติฯ วินเย ปกตญฺญุตา ‘‘สิกฺขาย กงฺขตี’’ติ วุตฺตาย วิจิกิจฺฉาย ปหานํ กโรตีติ อาห ‘‘วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสาปี’’ติฯ โอกปฺปนิยสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺขพหุลสฺสาติ สเทฺธยฺยวตฺถุโน อนุปวิสนสทฺธาสงฺขาตอธิโมเกฺขน อธิมุจฺจนพหุลสฺส, อธิมุจฺจนญฺจ อธิโมกฺขุปฺปาทนเมวาติ ทฎฺฐพฺพํ, สทฺธาย วา นินฺนโปณตาอธิมุตฺติ อธิโมโกฺขฯ

    Kāmaṃ bāhusaccaparipucchakatāhi sabbāpi aṭṭhavatthukā vicikicchā pahīyati, tathāpi ratanattayavicikicchāmūlikā sesavicikicchāti katvā āha ‘‘tīṇi ratanāni ārabbhā’’ti. Ratanattayaguṇāvabodhe ‘‘satthari kaṅkhatī’’tiādi (dha. sa. 1008, 1123, 1167, 1241, 1263, 1270; vibha. 915) vicikicchāya asambhavoti. Vinaye pakataññutā ‘‘sikkhāya kaṅkhatī’’ti vuttāya vicikicchāya pahānaṃ karotīti āha ‘‘vinaye ciṇṇavasībhāvassāpī’’ti. Okappaniyasaddhāsaṅkhātaadhimokkhabahulassāti saddheyyavatthuno anupavisanasaddhāsaṅkhātaadhimokkhena adhimuccanabahulassa, adhimuccanañca adhimokkhuppādanamevāti daṭṭhabbaṃ, saddhāya vā ninnapoṇatāadhimutti adhimokkho.

    สมุทยวยาติ สมุทยวยธมฺมาฯ สุภนิมิตฺตอสุภนิมิตฺตาทีสูติ ‘‘สุภนิมิตฺตาทีสุ อสุภนิมิตฺตาทีสู’’ติ อาทิ-สโทฺท ปเจฺจกํ โยเชตโพฺพฯ ตตฺถ ปฐเมน อาทิ-สเทฺทน ปฎิฆนิมิตฺตาทีนํ สงฺคโห, ทุติเยนเมตฺตาเจโตวิมุตฺติอาทีนํฯ เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตนยเมวฯ

    Samudayavayāti samudayavayadhammā. Subhanimittaasubhanimittādīsūti ‘‘subhanimittādīsu asubhanimittādīsū’’ti ādi-saddo paccekaṃ yojetabbo. Tattha paṭhamena ādi-saddena paṭighanimittādīnaṃ saṅgaho, dutiyenamettācetovimuttiādīnaṃ. Sesamettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ vuttanayameva.

    นีวรณปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nīvaraṇapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ขนฺธปพฺพวณฺณนา

    Khandhapabbavaṇṇanā

    ๓๘๓. อุปาทาเนหิ อารมฺมณกรณาทิวเสน อุปาทาตพฺพา วา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธาฯ

    383. Upādānehi ārammaṇakaraṇādivasena upādātabbā vā khandhā upādānakkhandhā.

    อิติ รูปนฺติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อิทํ-สเทฺทน สมานโตฺถติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อิทํ รูป’’นฺติฯ ตยิทํ สรูปคฺคหณภาวโต อนวเสสปริยาทานํ โหตีติ อาห ‘‘เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต ปรํ รูปํ อตฺถี’’ติฯ อิตีติ วา ปการเตฺถ นิปาโต, ตสฺมา ‘‘อิติ รูป’’นฺติ อิมินา ภูตุปาทาทิวเสน ยตฺตโก รูปสฺส ปเภโท, เตน สทฺธิํ รูปํ อนวเสสโต ปริยาทิยิตฺวา ทเสฺสติฯ สภาวโตติ รุปฺปนสภาวโต, จกฺขาทิวณฺณาทิสภาวโต จฯ เวทนาทีสุปีติ เอตฺถ ‘‘อยํ เวทนา, เอตฺตกา เวทนา, น อิโต ปรํ เวทนา อตฺถีติ สภาวโต เวทนํ ปชานาตี’’ติอาทินา, สภาวโตติ จ ‘‘อนุภวนสภาวโต, สาตาทิสภาวโต จา’’ติ เอวมาทินา โยเชตพฺพํฯ เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Itirūpanti ettha iti-saddo idaṃ-saddena samānatthoti adhippāyenāha ‘‘idaṃ rūpa’’nti. Tayidaṃ sarūpaggahaṇabhāvato anavasesapariyādānaṃ hotīti āha ‘‘ettakaṃ rūpaṃ, na ito paraṃ rūpaṃ atthī’’ti. Itīti vā pakāratthe nipāto, tasmā ‘‘iti rūpa’’nti iminā bhūtupādādivasena yattako rūpassa pabhedo, tena saddhiṃ rūpaṃ anavasesato pariyādiyitvā dasseti. Sabhāvatoti ruppanasabhāvato, cakkhādivaṇṇādisabhāvato ca. Vedanādīsupīti ettha ‘‘ayaṃ vedanā, ettakā vedanā, na ito paraṃ vedanā atthīti sabhāvato vedanaṃ pajānātī’’tiādinā, sabhāvatoti ca ‘‘anubhavanasabhāvato, sātādisabhāvato cā’’ti evamādinā yojetabbaṃ. Sesaṃ vuttanayattā suviññeyyameva.

    ขนฺธปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Khandhapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อายตนปพฺพวณฺณนา

    Āyatanapabbavaṇṇanā

    ๓๘๔. ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสูติ ‘‘ฉสุ อชฺฌตฺติเกสุ ฉสุ พาหิเรสู’’ติ ‘‘ฉสู’’ติ ปทํ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ กสฺมา ปเนตานิ อุภยานิ ฉเฬว วุตฺตานิ? ฉวิญฺญาณกายุปฺปตฺติทฺวารารมฺมณววตฺถานโตฯ จกฺขุวิญฺญาณวีถิยา ปริยาปนฺนสฺส หิ วิญฺญาณกายสฺส จกฺขายตนเมว อุปฺปตฺติทฺวารํ, รูปายตนเมว จ อารมฺมณํ, ตถา อิตรานิ อิตเรสํ, ฉฎฺฐสฺส ปน ภวงฺคมนสงฺขาโต มนายตเนกเทโส อุปฺปตฺติทฺวารํ, อสาธารณญฺจ ธมฺมายตนํ อารมฺมณํฯ จกฺขตีติ จกฺขุ, รูปํ อสฺสาเทติ, วิภาเวติ จาติ อโตฺถฯ สุณาตีติ โสตํฯ ฆายตีติ ฆานํฯ ชีวิตนิมิตฺตตาย รโส ชีวิตํ, ตํ ชีวิตํ อวฺหายตีติ ชิวฺหาฯ กุจฺฉิตานํ สาสวธมฺมานํ อาโย อุปฺปตฺติเทโสติ กาโยฯ มุนาติ อารมฺมณํ วิชานาตีติ มโนฯ รูปยติ วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ รูปํฯ สปฺปติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ หรียติ โสตวิเญฺญยฺยภาวํ คมียตีติ สโทฺทฯ คนฺธยติ อตฺตโน วตฺถุํ สูเจตีติ คโนฺธ ฯ รสนฺติ ตํ สตฺตา อสฺสาเทนฺตีติ รโสฯ ผุสียตีติ โผฎฺฐพฺพํฯ อตฺตโน สภาวํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมาฯ สพฺพานิ ปน อายานํ ตนนาทิอเตฺถน อายตนานิฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๑๐, ๕๑๑, ๕๑๒; วิสุทฺธิ. ฎี. ๒.๕๑๐) วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ

    384.Chasu ajjhattikabāhiresūti ‘‘chasu ajjhattikesu chasu bāhiresū’’ti ‘‘chasū’’ti padaṃ paccekaṃ yojetabbaṃ. Kasmā panetāni ubhayāni chaḷeva vuttāni? Chaviññāṇakāyuppattidvārārammaṇavavatthānato. Cakkhuviññāṇavīthiyā pariyāpannassa hi viññāṇakāyassa cakkhāyatanameva uppattidvāraṃ, rūpāyatanameva ca ārammaṇaṃ, tathā itarāni itaresaṃ, chaṭṭhassa pana bhavaṅgamanasaṅkhāto manāyatanekadeso uppattidvāraṃ, asādhāraṇañca dhammāyatanaṃ ārammaṇaṃ. Cakkhatīti cakkhu, rūpaṃ assādeti, vibhāveti cāti attho. Suṇātīti sotaṃ. Ghāyatīti ghānaṃ. Jīvitanimittatāya raso jīvitaṃ, taṃ jīvitaṃ avhāyatīti jivhā. Kucchitānaṃ sāsavadhammānaṃ āyo uppattidesoti kāyo. Munāti ārammaṇaṃ vijānātīti mano. Rūpayati vaṇṇavikāraṃ āpajjamānaṃ hadayaṅgatabhāvaṃ pakāsetīti rūpaṃ. Sappati attano paccayehi harīyati sotaviññeyyabhāvaṃ gamīyatīti saddo. Gandhayati attano vatthuṃ sūcetīti gandho. Rasanti taṃ sattā assādentīti raso. Phusīyatīti phoṭṭhabbaṃ. Attano sabhāvaṃ dhārentīti dhammā. Sabbāni pana āyānaṃ tananādiatthena āyatanāni. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ (visuddhi. 2.510, 511, 512; visuddhi. ṭī. 2.510) vuttanayeneva veditabbo.

    จกฺขุญฺจ ปชานาตีติ (ที. นิ. ๒.๓๘๔; ม. นิ. ๑.๑๑๗) เอตฺถ จกฺขุ นาม ปสาทจกฺขุ, น สสมฺภารจกฺขุ, นาปิ ทิพฺพจกฺขุอาทิกนฺติ อาห จกฺขุปสาทนฺติฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยํ จกฺขุ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท’’ติฯ (ธ. ส. ๕๙๖) -สโทฺท วกฺขมานตฺถสมุจฺจยโตฺถฯ ยาถาวสรสลกฺขณวเสนาติ อวิปรีตสฺส อตฺตโน รสสฺส เจว ลกฺขณสฺส จ วเสน, รูเปสุ อาวิญฺฉนกิจฺจสฺส เจว รูปาภิฆาตารหภูตปสาทลกฺขณสฺส จ ทฎฺฐุกามตานิทานกมฺมสมุฎฺฐานภูตปสาทลกฺขณสฺส จ วเสนาติ อโตฺถฯ อถ วา ยาถาวสรสลกฺขณวเสนาติ ยาถาวสรสวเสน เจว ลกฺขณวเสน จ, ยาถาวสรโสติ จ อวิปรีตสภาโว เวทิตโพฺพฯ โส หิ รสียติ อวิรทฺธปฎิเวธวเสน อสฺสาทียติ รมียตีติ ‘‘รโส’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา สลกฺขณวเสนาติ วุตฺตํ โหติฯ ลกฺขณวเสนาติ อนิจฺจาทิสามญฺญลกฺขณวเสนฯ

    Cakkhuñcapajānātīti (dī. ni. 2.384; ma. ni. 1.117) ettha cakkhu nāma pasādacakkhu, na sasambhāracakkhu, nāpi dibbacakkhuādikanti āha cakkhupasādanti. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘yaṃ cakkhu catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādo’’ti. (Dha. sa. 596) ca-saddo vakkhamānatthasamuccayattho. Yāthāvasarasalakkhaṇavasenāti aviparītassa attano rasassa ceva lakkhaṇassa ca vasena, rūpesu āviñchanakiccassa ceva rūpābhighātārahabhūtapasādalakkhaṇassa ca daṭṭhukāmatānidānakammasamuṭṭhānabhūtapasādalakkhaṇassa ca vasenāti attho. Atha vā yāthāvasarasalakkhaṇavasenāti yāthāvasarasavasena ceva lakkhaṇavasena ca, yāthāvasarasoti ca aviparītasabhāvo veditabbo. So hi rasīyati aviraddhapaṭivedhavasena assādīyati ramīyatīti ‘‘raso’’ti vuccati, tasmā salakkhaṇavasenāti vuttaṃ hoti. Lakkhaṇavasenāti aniccādisāmaññalakkhaṇavasena.

    ‘‘จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ม. นิ. ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓, ๔๕; ๒.๔.๖๐) สมุทิตานิเยว รูปายตนานิ จกฺขุวิญฺญาณุปฺปตฺติเหตุ, น วิสุํ วิสุนฺติ อิมสฺส อตฺถสฺส โชตนตฺถํ ‘‘รูเป จา’’ติ ปุถุวจนคฺคหณํ, ตาย เอว จ เทสนาคติยา กามํ อิธาปิ ‘‘รูเป จ ปชานาตี’’ติ วุตฺตํ, รูปภาวสามเญฺญน ปน สพฺพํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา พหิทฺธา จตุสมุฎฺฐานิกรูปญฺจาติ เอกวจนวเสน อโตฺถฯ สรสลกฺขณ วเสนาติ จกฺขุวิญฺญาณสฺส วิสยภาวกิจฺจสฺส วเสน เจว จกฺขุปฎิหนนลกฺขณสฺส วเสน จาติ โยเชตพฺพํฯ

    ‘‘Cakkhuñca paṭicca rūpe ca uppajjati cakkhuviññāṇa’’ntiādīsu (ma. ni. 1.204, 400; ma. ni. 3.421, 425, 426; saṃ. ni. 2.43, 45; 2.4.60) samuditāniyeva rūpāyatanāni cakkhuviññāṇuppattihetu, na visuṃ visunti imassa atthassa jotanatthaṃ ‘‘rūpe cā’’ti puthuvacanaggahaṇaṃ, tāya eva ca desanāgatiyā kāmaṃ idhāpi ‘‘rūpe ca pajānātī’’ti vuttaṃ, rūpabhāvasāmaññena pana sabbaṃ ekajjhaṃ gahetvā bahiddhā catusamuṭṭhānikarūpañcāti ekavacanavasena attho. Sarasalakkhaṇa vasenāti cakkhuviññāṇassa visayabhāvakiccassa vasena ceva cakkhupaṭihananalakkhaṇassa vasena cāti yojetabbaṃ.

    อุภยํ ปฎิจฺจาติ จกฺขุํ อุปนิสฺสยปจฺจยวเสน ปจฺจยภูตํ, รูเป อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยวเสน ปจฺจยภูเต จ ปฎิจฺจฯ กามํ อยํ สุตฺตนฺตสํวณฺณนา, นิปฺปริยายกถา นาม อภิธมฺมสนฺนิสฺสิตา เอวาติ อภิธมฺมนเยเนว สํโยชนานิ ทเสฺสโนฺต ‘‘กามราค…เป.… อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ กาเมสุ ราโค, กาโม จ โส ราโค จาติ วา กามราโคฯ โส เอว พนฺธนเฎฺฐน สํโยชนํฯ อยญฺหิ ยสฺส สํวิชฺชติ, ตํ ปุคฺคลํ วฎฺฎสฺมิํ สํโยเชติ พนฺธติ อิติ ทุเกฺขน สตฺตํ, ภวาทิเก วา ภวนฺตราทีหิ, กมฺมุนา วา วิปากํ สํโยเชติ พนฺธตีติ สํโยชนํฯ เอวํ ปฎิฆสํโยชํอาทีนมฺปิ ยถารหมโตฺถ วตฺตโพฺพฯ สรสลกฺขณวเสนาติ เอตฺถ ปน สตฺตสฺส วฎฺฎโต อนิสฺสชฺชนสงฺขาตสฺส อตฺตโน กิจฺจสฺส เจว ยถาวุตฺตพนฺธนสงฺขาตสฺส ลกฺขณสฺส จ วเสนาติ โยเชตพฺพํฯ

    Ubhayaṃ paṭiccāti cakkhuṃ upanissayapaccayavasena paccayabhūtaṃ, rūpe ārammaṇādhipatiārammaṇūpanissayavasena paccayabhūte ca paṭicca. Kāmaṃ ayaṃ suttantasaṃvaṇṇanā, nippariyāyakathā nāma abhidhammasannissitā evāti abhidhammanayeneva saṃyojanāni dassento ‘‘kāmarāga…pe… avijjāsaṃyojana’’nti āha. Tattha kāmesu rāgo, kāmo ca so rāgo cāti vā kāmarāgo. So eva bandhanaṭṭhena saṃyojanaṃ. Ayañhi yassa saṃvijjati, taṃ puggalaṃ vaṭṭasmiṃ saṃyojeti bandhati iti dukkhena sattaṃ, bhavādike vā bhavantarādīhi, kammunā vā vipākaṃ saṃyojeti bandhatīti saṃyojanaṃ. Evaṃ paṭighasaṃyojaṃādīnampi yathārahamattho vattabbo. Sarasalakkhaṇavasenāti ettha pana sattassa vaṭṭato anissajjanasaṅkhātassa attano kiccassa ceva yathāvuttabandhanasaṅkhātassa lakkhaṇassa ca vasenāti yojetabbaṃ.

    ภวสฺสาททิฎฺฐิสฺสาทนิวตฺตนตฺถํ กามสฺสาทคฺคหณํฯ อสฺสาทยโตติ อภิรมนฺตสฺสฯ อภินนฺทโตติ สปฺปีติกตณฺหาวเสน นนฺทนฺตสฺสฯ ปททฺวเยนาปิ พลวโต กามราคสฺส ปจฺจยภูตา กามราคุปฺปตฺติ วุตฺตาฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ อนิฎฺฐารมฺมเณติ เอตฺถ ‘‘อาปาถคเต’’ติ วิภตฺติวิปริณามนวเสน ‘‘อาปาถคต’’นฺติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เอตํ อารมฺมณนฺติ เอตํ เอวํสุขุมํ เอวํทุพฺพิภาคํ อารมฺมณํฯ ‘‘นิจฺจํ ธุว’’นฺติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํฯ ‘‘อุจฺฉิชฺชิสฺสติ วินสฺสิสฺสตีติ คณฺหโต’’ติ เอวมาทีนมฺปิ สงฺคโห อิจฺฉิตโพฺพฯ ปฐมาย สกฺกายทิฎฺฐิยา อนุโรธวเสน ‘‘สโตฺต นุ โข’’ติ, อิตราย อนุโรธวเสน ‘‘สตฺตสฺส นุ โข’’ติ วิจิกิจฺฉโตฯ อตฺตตฺตนิยาทิคาหานุคตา หิ วิจิกิจฺฉา ทิฎฺฐิยา อสติ อภาวโตฯ ภวํ ปเตฺถนฺตสฺสาติ ‘‘อีทิเส สมฺปตฺติภเว ยสฺมา อมฺหากํ อิทํ อิฎฺฐํ รูปารมฺมณํ สุลภํ ชาตํ, ตสฺมา อายติมฺปิ เอทิโส, อิโต วา อุตฺตริตโร สมฺปตฺติภโว ภเวยฺยา’’ติ ภวํ นิกาเมนฺตสฺสฯ เอวรูปนฺติ เอวรูปํ รูปํฯ ตํสทิเส หิ ตโพฺพหารวเสเนวํ วุตฺตํฯ ภวติ หิ ตํสทิเสสุ ตโพฺพหาโร ยถา ‘‘สา เอว ติตฺติรี, ตานิ เอว โอสธานี’’ติฯ อุสูยโตติ อุสูยํ อิสฺสํ อุปฺปาทยโตฯ อญฺญสฺส มจฺฉรายโตติ อเญฺญน อสาธารณภาวกรเณน มจฺฉริยํ กโรโตฯ สเพฺพเหว ยถาวุเตฺตหิ นวหิ สํโยชเนหิฯ

    Bhavassādadiṭṭhissādanivattanatthaṃ kāmassādaggahaṇaṃ. Assādayatoti abhiramantassa. Abhinandatoti sappītikataṇhāvasena nandantassa. Padadvayenāpi balavato kāmarāgassa paccayabhūtā kāmarāguppatti vuttā. Esa nayo sesesupi. Aniṭṭhārammaṇeti ettha ‘‘āpāthagate’’ti vibhattivipariṇāmanavasena ‘‘āpāthagata’’nti padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ. Etaṃ ārammaṇanti etaṃ evaṃsukhumaṃ evaṃdubbibhāgaṃ ārammaṇaṃ. ‘‘Niccaṃ dhuva’’nti idaṃ nidassanamattaṃ. ‘‘Ucchijjissati vinassissatīti gaṇhato’’ti evamādīnampi saṅgaho icchitabbo. Paṭhamāya sakkāyadiṭṭhiyā anurodhavasena ‘‘satto nu kho’’ti, itarāya anurodhavasena ‘‘sattassa nu kho’’ti vicikicchato. Attattaniyādigāhānugatā hi vicikicchā diṭṭhiyā asati abhāvato. Bhavaṃ patthentassāti ‘‘īdise sampattibhave yasmā amhākaṃ idaṃ iṭṭhaṃ rūpārammaṇaṃ sulabhaṃ jātaṃ, tasmā āyatimpi ediso, ito vā uttaritaro sampattibhavo bhaveyyā’’ti bhavaṃ nikāmentassa. Evarūpanti evarūpaṃ rūpaṃ. Taṃsadise hi tabbohāravasenevaṃ vuttaṃ. Bhavati hi taṃsadisesu tabbohāro yathā ‘‘sā eva tittirī, tāni eva osadhānī’’ti. Usūyatoti usūyaṃ issaṃ uppādayato. Aññassa maccharāyatoti aññena asādhāraṇabhāvakaraṇena macchariyaṃ karoto. Sabbeheva yathāvuttehi navahi saṃyojanehi.

    ตญฺจ การณนฺติ สุภนิมิตฺตปฎิฆนิมิตฺตาทิวิภาคํ อิฎฺฐานิฎฺฐาทิรูปารมฺมณเญฺจว ตชฺชาโยนิโสมนสิการญฺจาติ ตสฺส ตสฺส สํโยชนสฺส การณํฯ อวิกฺขมฺภิตาสมูหตภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ ตํ สนฺธาย ‘‘อปฺปหีนเฎฺฐน อุปฺปนฺนสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ วตฺตมานุปฺปนฺนตา สมุทาจารคฺคหเณเนว คหิตาฯ เยน การเณนาติ เยน วิปสฺสนาสมถภาวนาสงฺขาเตน การเณน ฯ ตญฺหิ ตสฺส ตทงฺควเสน เจว วิกฺขมฺภนวเสน จ ปหานการณํฯ อิสฺสามจฺฉริยานํ อปายคมนียตาย ปฐมมคฺควชฺฌตา วุตฺตาฯ ยทิ เอวํ ‘‘ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปโนฺน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑) สุตฺตปทํ กถนฺติ? ตํ สุตฺตนฺตปริยาเยน วุตฺตํฯ ยถานุโลมสาสนา หิ สุตฺตนฺตเทสนา, อยํ ปน อภิธมฺมนเยน สํวณฺณนาติ นายํ โทโสติฯ โอฬาริกสฺสาติ ถูลสฺส, ยโต อภิณฺหสมุปฺปตฺติปริยุฎฺฐานติพฺพตาว โหติฯ อณุสหคตสฺสาติ วุตฺตปฺปการาภาเวน อณุภาวํ สุขุมภาวํ คตสฺสฯ อุทฺธจฺจสํโยชนสฺสเปตฺถ อนุปฺปาโท วุโตฺตเยวาติ ทฎฺฐโพฺพ ยถาวุตฺตสํโยชเนหิ อวินาภาวโตฯ เอกตฺถตาย โสตาทีนํ สภาวสรสลกฺขณวเสน ปชานนา, ตปฺปจฺจยานํ สํโยชนานํ อุปฺปาทาทิปชานนา จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอเสว นโย’’ติ อติทิสติฯ

    Tañca kāraṇanti subhanimittapaṭighanimittādivibhāgaṃ iṭṭhāniṭṭhādirūpārammaṇañceva tajjāyonisomanasikārañcāti tassa tassa saṃyojanassa kāraṇaṃ. Avikkhambhitāsamūhatabhūmiladdhuppannaṃ taṃ sandhāya ‘‘appahīnaṭṭhena uppannassā’’ti vuttaṃ. Vattamānuppannatā samudācāraggahaṇeneva gahitā. Yena kāraṇenāti yena vipassanāsamathabhāvanāsaṅkhātena kāraṇena . Tañhi tassa tadaṅgavasena ceva vikkhambhanavasena ca pahānakāraṇaṃ. Issāmacchariyānaṃ apāyagamanīyatāya paṭhamamaggavajjhatā vuttā. Yadi evaṃ ‘‘tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpanno hotī’’ti (a. ni. 4.241) suttapadaṃ kathanti? Taṃ suttantapariyāyena vuttaṃ. Yathānulomasāsanā hi suttantadesanā, ayaṃ pana abhidhammanayena saṃvaṇṇanāti nāyaṃ dosoti. Oḷārikassāti thūlassa, yato abhiṇhasamuppattipariyuṭṭhānatibbatāva hoti. Aṇusahagatassāti vuttappakārābhāvena aṇubhāvaṃ sukhumabhāvaṃ gatassa. Uddhaccasaṃyojanassapettha anuppādo vuttoyevāti daṭṭhabbo yathāvuttasaṃyojanehi avinābhāvato. Ekatthatāya sotādīnaṃ sabhāvasarasalakkhaṇavasena pajānanā, tappaccayānaṃ saṃyojanānaṃ uppādādipajānanā ca vuttanayeneva veditabbāti dassento ‘‘eseva nayo’’ti atidisati.

    อตฺตโน วา ธเมฺมสูติ อตฺตโน อชฺฌตฺติกายตนธเมฺมสุ, อตฺตโน อุภยธเมฺมสุ วาฯ อิมสฺมิํ ปเกฺข อชฺฌตฺติกายตนปริคฺคณฺหเนนาติ อชฺฌตฺติกายตนปริคฺคณฺหนมุเขนาติ อโตฺถฯ เอวญฺจ อนวเสสโต สปรสนฺตาเนสุ อายตนานํ ปริคฺคโห สิโทฺธ โหติฯ ปรสฺส วา ธเมฺมสูติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ รูปายตนสฺสาติ อเฑฺฒกาทสปฺปเภทสฺส รูปสภาวสฺส อายตนสฺส รูปกฺขเนฺธ ‘‘วุตฺตนเยน นีหริตโพฺพ’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เสสกฺขเนฺธสูติ เวทนาสญฺญาสงฺขารกฺขเนฺธสุฯ วุตฺตนเยนาติ อิมินา อติเทเสน รูปกฺขเนฺธ ‘‘อาหารสมุทยา’’ติ วิญฺญาณกฺขเนฺธ ‘‘นามรูปสมุทยา’’ติ เสสขเนฺธสุ ‘‘ผสฺสสมุทยา’’ติ อิมํ วิเสสํ วิภาเวติ, อิตรํ ปน สพฺพตฺถ สมานนฺติ ขนฺธปเพฺพ วิย อายตนปเพฺพปิ โลกุตฺตรนิวตฺตนํ ปาฬิยํ คหิตํ นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘โลกุตฺตรธมฺมา น คเหตพฺพา’’ติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Attano vā dhammesūti attano ajjhattikāyatanadhammesu, attano ubhayadhammesu vā. Imasmiṃ pakkhe ajjhattikāyatanapariggaṇhanenāti ajjhattikāyatanapariggaṇhanamukhenāti attho. Evañca anavasesato saparasantānesu āyatanānaṃ pariggaho siddho hoti. Parassavā dhammesūti etthāpi eseva nayo. Rūpāyatanassāti aḍḍhekādasappabhedassa rūpasabhāvassa āyatanassa rūpakkhandhe ‘‘vuttanayena nīharitabbo’’ti ānetvā sambandhitabbaṃ. Sesakkhandhesūti vedanāsaññāsaṅkhārakkhandhesu. Vuttanayenāti iminā atidesena rūpakkhandhe ‘‘āhārasamudayā’’ti viññāṇakkhandhe ‘‘nāmarūpasamudayā’’ti sesakhandhesu ‘‘phassasamudayā’’ti imaṃ visesaṃ vibhāveti, itaraṃ pana sabbattha samānanti khandhapabbe viya āyatanapabbepi lokuttaranivattanaṃ pāḷiyaṃ gahitaṃ natthīti vuttaṃ ‘‘lokuttaradhammā na gahetabbā’’ti. Sesaṃ vuttanayameva.

    อายตนปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Āyatanapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.

    โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนา

    Bojjhaṅgapabbavaṇṇanā

    ๓๘๕. พุชฺฌนกสตฺตสฺสาติ กิเลสนิทฺทาย ปฎิพุชฺฌนกสตฺตสฺส, อริยสจฺจานํ วา ปฎิวิชฺฌนกสตฺตสฺสฯ อเงฺคสูติ การเณสุ, อวยเวสุ วา ฯ อุทยวยญาณุปฺปตฺติโต ปฎฺฐาย สโมฺพธิปฎิปทายํ ฐิโต นาม โหตีติ อาห ‘‘อารทฺธวิปสฺสกโต ปฎฺฐาย โยคาวจโรติ สโมฺพธี’’ติฯ สุตฺตนฺตเทสนา นาม ปริยายกถา, อยญฺจ สติปฎฺฐานเทสนา โลกิยมคฺควเสน ปวตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘โยคาวจโรติ สโมฺพธี’’ติ, อญฺญถา ‘‘อริยสาวโก’’ติ วเทยฺยฯ

    385.Bujjhanakasattassāti kilesaniddāya paṭibujjhanakasattassa, ariyasaccānaṃ vā paṭivijjhanakasattassa. Aṅgesūti kāraṇesu, avayavesu vā . Udayavayañāṇuppattito paṭṭhāya sambodhipaṭipadāyaṃ ṭhito nāma hotīti āha ‘‘āraddhavipassakato paṭṭhāya yogāvacaroti sambodhī’’ti. Suttantadesanā nāma pariyāyakathā, ayañca satipaṭṭhānadesanā lokiyamaggavasena pavattāti vuttaṃ ‘‘yogāvacaroti sambodhī’’ti, aññathā ‘‘ariyasāvako’’ti vadeyya.

    ‘‘สติสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียา’’ติ ปทสฺส อโตฺถ ‘‘วิจิกิจฺฉาฎฺฐานียา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ นฺติ โยนิโสมนสิการํฯ ตตฺถาติ สติยํ, นิปฺผาเทตเพฺพ เจตํ ภุมฺมํฯ

    ‘‘Satisambojjhaṅgaṭṭhānīyā’’ti padassa attho ‘‘vicikicchāṭṭhānīyā’’ti ettha vuttanayena veditabbo. Tanti yonisomanasikāraṃ. Tatthāti satiyaṃ, nipphādetabbe cetaṃ bhummaṃ.

    สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ สติสมฺปชญฺญํฯ อถ วา สติปฺปธานํ อภิกฺกนฺตาทิสาตฺถกภาวปริคฺคณฺหนญาณํ สติสมฺปชญฺญํฯ ตํ สพฺพตฺถ สโตการีภาวาวหตฺตา สติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย โหติฯ ยถา ปจฺจนีกธมฺมปฺปหานํ, อนุรูปธมฺมเสวนา จ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย โหติ, เอวํ สติรหิตปุคฺคลวิวชฺชนา, สโตการีปุคฺคลเสวนา, ตตฺถ จ ยุตฺตปฺปยุตฺตตา สติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย โหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘สติสมฺปชญฺญ’’นฺติอาทินาฯ ติสฺสทตฺตเตฺถโร นาม, โย โพธิมเณฺฑ สุวณฺณสลากํ คเหตฺวา ‘‘อฎฺฐารสสุ ภาสาสุ กตรภาสาย ธมฺมํ กเถมี’’ติ ปริสํ ปวาเรสิฯ อภยเตฺถโรติ ทตฺตาภยเตฺถรมาหฯ

    Sati ca sampajaññañca satisampajaññaṃ. Atha vā satippadhānaṃ abhikkantādisātthakabhāvapariggaṇhanañāṇaṃ satisampajaññaṃ. Taṃ sabbattha satokārībhāvāvahattā satisambojjhaṅgassa uppādāya hoti. Yathā paccanīkadhammappahānaṃ, anurūpadhammasevanā ca anuppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ uppādāya hoti, evaṃ satirahitapuggalavivajjanā, satokārīpuggalasevanā, tattha ca yuttappayuttatā satisambojjhaṅgassa uppādāya hotīti imamatthaṃ dasseti ‘‘satisampajañña’’ntiādinā. Tissadattatthero nāma, yo bodhimaṇḍe suvaṇṇasalākaṃ gahetvā ‘‘aṭṭhārasasu bhāsāsu katarabhāsāya dhammaṃ kathemī’’ti parisaṃ pavāresi. Abhayattheroti dattābhayattheramāha.

    ธมฺมานํ, ธเมฺมสุ วา วิจโย ธมฺมวิจโย, โส เอว สโมฺพชฺฌโงฺค, ตสฺส ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺสฯ ‘‘กุสลากุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโรติ กุสลาทีนํ ตํตํสภาวสรสลกฺขณอาทิกสฺส ยาถาวโต อวพุชฺฌนวเสน อุปฺปโนฺน ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาโทฯ โส หิ อวิปรีตมนสิการตาย ‘‘โยนิโสมนสิกาโร’’ติ วุโตฺต, ตทาโภคตาย อาวชฺชนาปิ ตคฺคติกา เอว, ตสฺส อภิณฺหํ ปวตฺตนํ พหุลีกาโรฯ ภิโยฺยภาวายาติ ปุนปฺปุนํ ภาวายฯ เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวายฯ ปาริปูริยาติ ปริพฺรูหนายฯ

    Dhammānaṃ, dhammesu vā vicayo dhammavicayo, so eva sambojjhaṅgo, tassa dhammavicayasambojjhaṅgassa. ‘‘Kusalākusalā dhammā’’tiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayameva. Tattha yonisomanasikārabahulīkāroti kusalādīnaṃ taṃtaṃsabhāvasarasalakkhaṇaādikassa yāthāvato avabujjhanavasena uppanno ñāṇasampayuttacittuppādo. So hi aviparītamanasikāratāya ‘‘yonisomanasikāro’’ti vutto, tadābhogatāya āvajjanāpi taggatikā eva, tassa abhiṇhaṃ pavattanaṃ bahulīkāro. Bhiyyobhāvāyāti punappunaṃ bhāvāya. Vepullāyāti vipulabhāvāya. Pāripūriyāti paribrūhanāya.

    ปริปุจฺฉกตาติ ปริโยคาเหตฺวา ปุจฺฉกภาโวฯ อาจริเย ปยิรุปาสิตฺวา ปญฺจปิ นิกาเย สห อฎฺฐกถาย ปริโยคาเหตฺวา ยํ ยํ ตตฺถ คณฺฐิฎฺฐานภูตํ, ตํ ตํ ‘‘อิทํ ภเนฺต กถํ, อิมสฺส โก อโตฺถ’’ติ ขนฺธายตนาทิอตฺถํ ปุจฺฉนฺตสฺส ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค อุปฺปชฺชติฯ เตนาห ‘‘ขนฺธธาตุ…เป.… พหุลตา’’ติฯ วตฺถูนํ วิสทภาวกรณนฺติ เอตฺถ จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติฎฺฐานภาวโต สรีรํ, ตปฺปฎิพทฺธานิ จีวรานิ จ ‘‘วตฺถูนี’’ติ อธิเปฺปตานิ, ตานิ ยถา จิตฺตสฺส สุขาวหานิ โหนฺติ, ตถา กรณํ เตสํ วิสทภาวกรณํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อชฺฌตฺติกพาหิราน’’นฺติอาทิฯ อุสฺสนฺนโทสนฺติ วาตาทิอุสฺสนฺนโทสํฯ เสทมลมกฺขิตนฺติ เสเทน เจว ชลฺลิกาสงฺขาเตน สรีรมเลน จ มกฺขิตํฯ -สเทฺทน อญฺญมฺปิ สรีรสฺส, จิตฺตสฺส จ ปีฬาวหํ สงฺคณฺหาติฯ เสนาสนํ วาติ วา-สเทฺทน ปตฺตาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อวิสเท สติ, วิสยภูเต วาฯ กถํ ภาวนมนุยุตฺตสฺส ตานิ วิสโย? อนฺตรนฺตรา ปวตฺตนกจิตฺตุปฺปาทวเสเนวํ วุตฺตํฯ เต หิ จิตฺตุปฺปาทา จิเตฺตกคฺคตาย อปริสุทฺธภาวาย สํวตฺตนฺติฯ จิตฺตเจตสิเกสุ นิสฺสยาทิปจฺจยภูเตสุฯ ญาณมฺปีติ ปิ-สโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถ, เตน น เกวลํ ตํ วตฺถุเยว, อถ โข ตสฺมิํ อปริสุเทฺธ ญาณมฺปิ อปริสุทฺธํ โหตีติ นิสฺสยาปริสุทฺธิยา ตํนิสฺสิตาปริสุทฺธิ วิย วิสยสฺส อปริสุทฺธตาย วิสยิโน อปริสุทฺธิํ ทเสฺสติฯ

    Paripucchakatāti pariyogāhetvā pucchakabhāvo. Ācariye payirupāsitvā pañcapi nikāye saha aṭṭhakathāya pariyogāhetvā yaṃ yaṃ tattha gaṇṭhiṭṭhānabhūtaṃ, taṃ taṃ ‘‘idaṃ bhante kathaṃ, imassa ko attho’’ti khandhāyatanādiatthaṃ pucchantassa dhammavicayasambojjhaṅgo uppajjati. Tenāha ‘‘khandhadhātu…pe… bahulatā’’ti. Vatthūnaṃ visadabhāvakaraṇanti ettha cittacetasikānaṃ pavattiṭṭhānabhāvato sarīraṃ, tappaṭibaddhāni cīvarāni ca ‘‘vatthūnī’’ti adhippetāni, tāni yathā cittassa sukhāvahāni honti, tathā karaṇaṃ tesaṃ visadabhāvakaraṇaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘ajjhattikabāhirāna’’ntiādi. Ussannadosanti vātādiussannadosaṃ. Sedamalamakkhitanti sedena ceva jallikāsaṅkhātena sarīramalena ca makkhitaṃ. Ca-saddena aññampi sarīrassa, cittassa ca pīḷāvahaṃ saṅgaṇhāti. Senāsanaṃ vāti -saddena pattādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Avisade sati, visayabhūte vā. Kathaṃ bhāvanamanuyuttassa tāni visayo? Antarantarā pavattanakacittuppādavasenevaṃ vuttaṃ. Te hi cittuppādā cittekaggatāya aparisuddhabhāvāya saṃvattanti. Cittacetasikesu nissayādipaccayabhūtesu. Ñāṇampīti pi-saddo sampiṇḍanattho, tena na kevalaṃ taṃ vatthuyeva, atha kho tasmiṃ aparisuddhe ñāṇampi aparisuddhaṃ hotīti nissayāparisuddhiyā taṃnissitāparisuddhi viya visayassa aparisuddhatāya visayino aparisuddhiṃ dasseti.

    สมภาวกรณนฺติ กิจฺจโต อนูนาธิกภาวกรณํฯ สเทฺธยฺยวตฺถุสฺมิํ ปจฺจยวเสน อธิโมกฺขกิจฺจสฺส ปฎุตรภาเวน, ปญฺญาย อวิสทตาย, วีริยาทีนญฺจ สิถิลตาทินา สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติฯ เตนาห ‘‘อิตรานิ มนฺทานี’’ติฯ ตโตติ ตสฺมา สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาวโต , อิตเรสญฺจ มนฺทตฺตาฯ โกสชฺชปเกฺข ปติตุํ อทตฺวา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปคฺคณฺหนํ อนุพลปฺปทานํ ปคฺคโห, ปคฺคโหว กิจฺจํ ปคฺคหกิจฺจํ, ‘‘กาตุํ น สโกฺกตี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ฐานํ, อนิสฺสชฺชนํ วา อุปฎฺฐานํฯ วิเกฺขปปฎิเกฺขโป, เยน วา สมฺปยุตฺตา อวิกฺขิตฺตา โหนฺติ, โส อวิเกฺขโปฯ รูปคตํ วิย จกฺขุนา เยน ยาถาวโต วิสยสภาวํ ปสฺสติ, ตํ ทสฺสนกิจฺจํฯ กาตุํ น สโกฺกติ พลวตา สทฺธินฺทฺริเยน อภิภูตตฺตาฯ สหชาตธเมฺมสุ หิ อินฺทฎฺฐํ กาเรนฺตานํ สหปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ เอกรสตาวเสเนว อตฺถสิทฺธิ, น อญฺญถาฯ ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติฯ นฺติ สทฺธินฺทฺริยํ ฯ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณนาติ ยสฺส สเทฺธยฺยสฺส วตฺถุโน อุฬารตาทิคุเณ อธิมุจฺจนสฺส สาติสยปฺปวตฺติยา สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, ตสฺส ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตาทิวิภาคโต ยาถาวโต วีมํสเนนฯ เอวญฺหิ เอวํธมฺมตานเยน สภาวสรสโต ปริคฺคยฺหมาเน สวิปฺผาโร อธิโมโกฺข น โหติ ‘‘อยํ อิเมสํ ธมฺมานํ สภาโว’’ติ ปริชานนวเสน ปญฺญาพฺยาปารสฺส สาติสยตฺตาฯ ธุริยธเมฺมสุ หิ ยถา สทฺธาย พลวภาเว ปญฺญาย มนฺทภาโว โหติ, เอวํ ปญฺญาย พลวภาเว สทฺธาย มนฺทภาโว โหตีติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตํ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน วา, ยถา วา มนสิกโรโต พลวํ ชาตํ, ตถา อมนสิกาเรน หาเปตพฺพ’’นฺติฯ ตถา อมนสิกาเรนาติ เยนากาเรน ภาวนํ อนุยุญฺชนฺตสฺส สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, เตนากาเรน ภาวนาย อนนุยุญฺชนโตติ วุตฺตํ โหติฯ อิธ ทุวิเธน สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาโว อตฺตโน วา ปจฺจยวิเสเสน กิจฺจุตฺตริยโต, วีริยาทีนํ วา มนฺทกิจฺจตายฯ ตตฺถ ปฐมวิกเปฺป หาปนวิธิ ทสฺสิโตฯ ทุติยกเปฺป ปน ยถา มนสิ กโรโต วีริยาทีนํ มนฺทกิจฺจตาย สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, ตถา อมนสิกาเรน, วีริยาทีนํ ปฎุกิจฺจภาวาวเหน มนสิกาเรน สทฺธินฺทฺริยํ เตหิ สมรสํ กโรเนฺตน หาเปตพฺพํฯ อิมินา นเยน เสสินฺทฺริเยสุปิ หาปนวิธิ เวทิตโพฺพฯ

    Samabhāvakaraṇanti kiccato anūnādhikabhāvakaraṇaṃ. Saddheyyavatthusmiṃ paccayavasena adhimokkhakiccassa paṭutarabhāvena, paññāya avisadatāya, vīriyādīnañca sithilatādinā saddhindriyaṃ balavaṃ hoti. Tenāha ‘‘itarāni mandānī’’ti. Tatoti tasmā saddhindriyassa balavabhāvato , itaresañca mandattā. Kosajjapakkhe patituṃ adatvā sampayuttadhammānaṃ paggaṇhanaṃ anubalappadānaṃ paggaho, paggahova kiccaṃ paggahakiccaṃ, ‘‘kātuṃ na sakkotī’’ti ānetvā sambandhitabbaṃ. Ārammaṇaṃ upagantvā ṭhānaṃ, anissajjanaṃ vā upaṭṭhānaṃ. Vikkhepapaṭikkhepo, yena vā sampayuttā avikkhittā honti, so avikkhepo. Rūpagataṃ viya cakkhunā yena yāthāvato visayasabhāvaṃ passati, taṃ dassanakiccaṃ. Kātuṃ na sakkoti balavatā saddhindriyena abhibhūtattā. Sahajātadhammesu hi indaṭṭhaṃ kārentānaṃ sahapavattamānānaṃ dhammānaṃ ekarasatāvaseneva atthasiddhi, na aññathā. Tasmāti vuttamevatthaṃ kāraṇabhāvena paccāmasati. Tanti saddhindriyaṃ . Dhammasabhāvapaccavekkhaṇenāti yassa saddheyyassa vatthuno uḷāratādiguṇe adhimuccanassa sātisayappavattiyā saddhindriyaṃ balavaṃ jātaṃ, tassa paccayapaccayuppannatādivibhāgato yāthāvato vīmaṃsanena. Evañhi evaṃdhammatānayena sabhāvasarasato pariggayhamāne savipphāro adhimokkho na hoti ‘‘ayaṃ imesaṃ dhammānaṃ sabhāvo’’ti parijānanavasena paññābyāpārassa sātisayattā. Dhuriyadhammesu hi yathā saddhāya balavabhāve paññāya mandabhāvo hoti, evaṃ paññāya balavabhāve saddhāya mandabhāvo hotīti. Tena vuttaṃ ‘‘taṃ dhammasabhāvapaccavekkhaṇena vā, yathā vā manasikaroto balavaṃ jātaṃ, tathā amanasikārena hāpetabba’’nti. Tathā amanasikārenāti yenākārena bhāvanaṃ anuyuñjantassa saddhindriyaṃ balavaṃ jātaṃ, tenākārena bhāvanāya ananuyuñjanatoti vuttaṃ hoti. Idha duvidhena saddhindriyassa balavabhāvo attano vā paccayavisesena kiccuttariyato, vīriyādīnaṃ vā mandakiccatāya. Tattha paṭhamavikappe hāpanavidhi dassito. Dutiyakappe pana yathā manasi karoto vīriyādīnaṃ mandakiccatāya saddhindriyaṃ balavaṃ jātaṃ, tathā amanasikārena, vīriyādīnaṃ paṭukiccabhāvāvahena manasikārena saddhindriyaṃ tehi samarasaṃ karontena hāpetabbaṃ. Iminā nayena sesindriyesupi hāpanavidhi veditabbo.

    วกฺกลิเตฺถรวตฺถูติฯ โส หิ อายสฺมา สทฺธาธิมุตฺตตาย กตาธิกาโร สตฺถุ รูปกายทสฺสนปฺปสุโต เอว หุตฺวา วิหรโนฺต สตฺถารา ‘‘กิํ เต วกฺกลิ อิมินา ปูติกาเยน ทิเฎฺฐน, โย โข วกฺกลิ ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๘๗; ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถา; อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๐๘; ธ. ป. อฎฺฐ. ๒.๓๘๐; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๒.๒.๑๓๐; ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๐๐๗; เถรคา. อฎฺฐ. ๒.วกฺกลิเตฺถรคาถาวณฺณนา) โอวทิตฺวา กมฺมฎฺฐาเน นิโยชิโตปิ ตํ อนนุยุญฺชโนฺต ปณามิโต อตฺตานํ วินิปาเตตุํ ปปาตฎฺฐานํ อภิรุหิ, อถ นํ สตฺถา ยถานิสิโนฺนว โอภาสํ วิสฺสชฺชเนน อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา –

    Vakkalittheravatthūti. So hi āyasmā saddhādhimuttatāya katādhikāro satthu rūpakāyadassanappasuto eva hutvā viharanto satthārā ‘‘kiṃ te vakkali iminā pūtikāyena diṭṭhena, yo kho vakkali dhammaṃ passati, so maṃ passatī’’tiādinā (saṃ. ni. 3.87; dī. ni. aṭṭha. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathā; a. ni. aṭṭha. 1.1.208; dha. pa. aṭṭha. 2.380; paṭi. ma. aṭṭha. 2.2.130; dha. sa. aṭṭha. 1007; theragā. aṭṭha. 2.vakkalittheragāthāvaṇṇanā) ovaditvā kammaṭṭhāne niyojitopi taṃ ananuyuñjanto paṇāmito attānaṃ vinipātetuṃ papātaṭṭhānaṃ abhiruhi, atha naṃ satthā yathānisinnova obhāsaṃ vissajjanena attānaṃ dassetvā –

    ‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสโนฺน พุทฺธสาสเน;

    ‘‘Pāmojjabahulo bhikkhu, pasanno buddhasāsane;

    อธิคเจฺฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๘๑) –

    Adhigacche padaṃ santaṃ, saṅkhārūpasamaṃ sukha’’nti. (dha. pa. 381) –

    คาถํ วตฺวา ‘‘เอหิ วกฺกลี’’ติ อาหฯ โส เตน อมเตเนว อภิสิโตฺต หฎฺฐตุโฎฺฐ หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปสิฯ สทฺธาย พลวภาวโต วิปสฺสนาวีถิํ น โอตรติ, ตํ ญตฺวา ภควา ตสฺส อินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนาย กมฺมฎฺฐานํ โสเธตฺวา อทาสิฯ โส สตฺถารา ทินฺนนเย ฐตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฺปฎิปาฎิยา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตเนตํ วุตฺตํ ‘‘วกฺกลิเตฺถรวตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสน’’นฺติฯ เอตฺถาติ สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตภาเว เสสินฺทฺริยานํ สกิจฺจากรเณฯ

    Gāthaṃ vatvā ‘‘ehi vakkalī’’ti āha. So tena amateneva abhisitto haṭṭhatuṭṭho hutvā vipassanaṃ paṭṭhapesi. Saddhāya balavabhāvato vipassanāvīthiṃ na otarati, taṃ ñatvā bhagavā tassa indriyasamattapaṭipādanāya kammaṭṭhānaṃ sodhetvā adāsi. So satthārā dinnanaye ṭhatvā vipassanaṃ ussukkāpetvā maggappaṭipāṭiyā arahattaṃ pāpuṇi. Tenetaṃ vuttaṃ ‘‘vakkalittheravatthu cettha nidassana’’nti. Etthāti saddhindriyassa adhimattabhāve sesindriyānaṃ sakiccākaraṇe.

    อิตรกิจฺจเภทนฺติ อุปฎฺฐานาทิกิจฺจวิเสสํฯ ปสฺสทฺธาทีติ อาทิ-สเทฺทน สมาธิอุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคานํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ หาเปตพฺพนฺติ ยถา สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาโว ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน หายติ, เอวํ วีริยินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตา ปสฺสทฺธิอาทิภาวนาย หายติ สมาธิปกฺขิยตฺตา ตสฺสาฯ ตถา หิ สมาธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตํ โกสชฺชปาตโต รกฺขนฺตี วีริยาทิภาวนา วิย วีริยินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตํ อุทฺธจฺจปาตโต รกฺขนฺตี เอกํสโต หาเปติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปสฺสทฺธอาทิภาวนาย หาเปตพฺพ’’นฺติฯ โสณเตฺถรสฺส วตฺถูติ สุกุมารโสณเตฺถรสฺส วตฺถุฯ (มหาว. ๒๔๒; อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๐๕) โส หิ อายสฺมา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา สีตวเน วิหรโนฺต ‘‘มม สรีรํ สุขุมาลํ, น จ สกฺกา สุเขเนว สุขํ อธิคนฺตุํ, กิลเมตฺวาปิ สมณธโมฺม กาตโพฺพ’’ติ ตํ ฐานจงฺกมเมว อธิฎฺฐาย ปธานํ อนุยุญฺชโนฺต ปาทตเลสุ โผเฎสุ อุฎฺฐิเตสุปิ เวทนํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ทฬฺหํ วีริยํ กโรโนฺต อจฺจารทฺธวีริยตาย วิเสสํ นิพฺพเตฺตตุํ นาสกฺขิฯ สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา วีณูปโมวาเทน โอวทิตฺวา วีริยสมตาโยชนวีถิํ ทเสฺสโนฺต กมฺมฎฺฐานํ โสเธตฺวา คิชฺฌกูฎํ คโตฯ เถโรปิ สตฺถารา ทินฺนนเยน วีริยสมตํ โยเชตฺวา ภาเวโนฺต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โสณเตฺถรสฺส วตฺถุ ทเสฺสตพฺพ’’นฺติฯ เสเสสุปีติ สติสมาธิปญฺญินฺทฺริเยสุปิฯ

    Itarakiccabhedanti upaṭṭhānādikiccavisesaṃ. Passaddhādīti ādi-saddena samādhiupekkhāsambojjhaṅgānaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Hāpetabbanti yathā saddhindriyassa balavabhāvo dhammasabhāvapaccavekkhaṇena hāyati, evaṃ vīriyindriyassa adhimattatā passaddhiādibhāvanāya hāyati samādhipakkhiyattā tassā. Tathā hi samādhindriyassa adhimattataṃ kosajjapātato rakkhantī vīriyādibhāvanā viya vīriyindriyassa adhimattataṃ uddhaccapātato rakkhantī ekaṃsato hāpeti. Tena vuttaṃ ‘‘passaddhaādibhāvanāya hāpetabba’’nti. Soṇattherassa vatthūti sukumārasoṇattherassa vatthu. (Mahāva. 242; a. ni. aṭṭha. 1.1.205) so hi āyasmā satthu santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā sītavane viharanto ‘‘mama sarīraṃ sukhumālaṃ, na ca sakkā sukheneva sukhaṃ adhigantuṃ, kilametvāpi samaṇadhammo kātabbo’’ti taṃ ṭhānacaṅkamameva adhiṭṭhāya padhānaṃ anuyuñjanto pādatalesu phoṭesu uṭṭhitesupi vedanaṃ ajjhupekkhitvā daḷhaṃ vīriyaṃ karonto accāraddhavīriyatāya visesaṃ nibbattetuṃ nāsakkhi. Satthā tattha gantvā vīṇūpamovādena ovaditvā vīriyasamatāyojanavīthiṃ dassento kammaṭṭhānaṃ sodhetvā gijjhakūṭaṃ gato. Theropi satthārā dinnanayena vīriyasamataṃ yojetvā bhāvento vipassanaṃ ussukkāpetvā arahatte patiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ ‘‘soṇattherassa vatthu dassetabba’’nti. Sesesupīti satisamādhipaññindriyesupi.

    สมตนฺติ สทฺธาปญฺญานํ อญฺญมญฺญํ อนูนานธิกภาวํ, ตถา สมาธิวีริยานํฯ ยถา หิ สทฺธาปญฺญานํ วิสุํ วิสุํ ธุริยธมฺมภูตานํ กิจฺจโต อญฺญมญฺญํ นาติวตฺตนํ วิเสสโต อิจฺฉิตพฺพํ, ยโต เนสํ สมธุรตาย อปฺปนา สมฺปชฺชติ, เอวํ สมาธิวีริยานํ โกสชฺชุทฺธจฺจปกฺขิกานํ สมรสตาย สติ อญฺญมญฺญูปตฺถมฺภนโต สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อนฺตทฺวยปาตาภาเวน สมฺมเทว อปฺปนา อิชฺฌติฯ ‘‘พลวสโทฺธ’’ติอาทิ พฺยติเรกมุเขน วุตฺตเสฺสว อตฺถสฺส สมตฺถนํฯ ตสฺสโตฺถ โย พลวติยา สทฺธาย สมนฺนาคโต อวิสทญาโณ, โส มุธปฺปสโนฺน โหติ, น อเวจฺจปฺปสโนฺนฯ ตถา หิ อวตฺถุสฺมิํ ปสีทติ เสยฺยถาปิ ติตฺถิยสาวกาฯ เกราฎิกปกฺขนฺติ สาเฐยฺยปกฺขํ ภชติฯ สทฺธาหีนาย ปญฺญาย อติธาวโนฺต ‘‘เทยฺยวตฺถุปริจฺจาเคน วินา จิตฺตุปฺปาทมเตฺตนปิ ทานมยํ ปุญฺญํ โหตี’’ติอาทีนิ ปริกเปฺปติ เหตุปติรูปเกหิ วญฺจิโต, เอวํภูโต จ สุกฺขตกฺกวิลุตฺตจิโตฺต ปณฺฑิตานํ วจนํ นาทิยติ สญฺญตฺติํ น คจฺฉติฯ เตนาห ‘‘เภสชฺชสมุฎฺฐิโต วิย โรโค อเตกิโจฺฉ โหตี’’ติฯ ยถา เจตฺถ สทฺธาปญฺญานํ อญฺญมญฺญํ วิสมภาโว น อตฺถาวโห, อนตฺถาวโหว, เอวํ, สมาธิวีริยานํ อญฺญมญฺญํ วิสมภาโว น อตฺถาวโห, อนตฺถาวโหว, ตถา น อวิเกฺขปาวโห, วิเกฺขปาวโหวาติฯ โกสชฺชํ อภิภวติ, เตน อปฺปนํ น ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโยฯ อุทฺธจฺจํ อภิภวตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ตทุภยนฺติ สทฺธาปญฺญาทฺวยํ, สมาธิวีริยทฺวยญฺจฯ สมํ กาตพฺพนฺติ สมรสํ กาตพฺพํ ฯ

    Samatanti saddhāpaññānaṃ aññamaññaṃ anūnānadhikabhāvaṃ, tathā samādhivīriyānaṃ. Yathā hi saddhāpaññānaṃ visuṃ visuṃ dhuriyadhammabhūtānaṃ kiccato aññamaññaṃ nātivattanaṃ visesato icchitabbaṃ, yato nesaṃ samadhuratāya appanā sampajjati, evaṃ samādhivīriyānaṃ kosajjuddhaccapakkhikānaṃ samarasatāya sati aññamaññūpatthambhanato sampayuttadhammānaṃ antadvayapātābhāvena sammadeva appanā ijjhati. ‘‘Balavasaddho’’tiādi byatirekamukhena vuttasseva atthassa samatthanaṃ. Tassattho yo balavatiyā saddhāya samannāgato avisadañāṇo, so mudhappasanno hoti, na aveccappasanno. Tathā hi avatthusmiṃ pasīdati seyyathāpi titthiyasāvakā. Kerāṭikapakkhanti sāṭheyyapakkhaṃ bhajati. Saddhāhīnāya paññāya atidhāvanto ‘‘deyyavatthupariccāgena vinā cittuppādamattenapi dānamayaṃ puññaṃ hotī’’tiādīni parikappeti hetupatirūpakehi vañcito, evaṃbhūto ca sukkhatakkaviluttacitto paṇḍitānaṃ vacanaṃ nādiyati saññattiṃ na gacchati. Tenāha ‘‘bhesajjasamuṭṭhito viya rogo atekiccho hotī’’ti. Yathā cettha saddhāpaññānaṃ aññamaññaṃ visamabhāvo na atthāvaho, anatthāvahova, evaṃ, samādhivīriyānaṃ aññamaññaṃ visamabhāvo na atthāvaho, anatthāvahova, tathā na avikkhepāvaho, vikkhepāvahovāti. Kosajjaṃ abhibhavati, tena appanaṃ na pāpuṇātīti adhippāyo. Uddhaccaṃ abhibhavatīti etthāpi eseva nayo. Tadubhayanti saddhāpaññādvayaṃ, samādhivīriyadvayañca. Samaṃ kātabbanti samarasaṃ kātabbaṃ .

    สมาธิกมฺมิกสฺสาติ สมถกมฺมฎฺฐานิกสฺสฯ เอวนฺติ เอวํ สเนฺต, สทฺธาย โถกํ พลวภาเว สตีติ อโตฺถฯ สทฺทหโนฺตติ ‘‘ปถวี ปถวีติ มนสิกรณมเตฺตน กถํ ฌานุปฺปตฺตี’’ติ อจิเนฺตตฺวา ‘‘อทฺธา สมฺมาสมฺพุเทฺธน วุตฺตวิธิ อิชฺฌิสฺสตี’’ติ สทฺทหโนฺต สทฺธํ ชเนโนฺตฯ โอกเปฺปโนฺตติ อารมฺมณํ อนุปวิสิตฺวา วิย อธิมุจฺจนวเสน อวกเปฺปโนฺต ปกฺขนฺทโนฺตฯ เอกคฺคตา พลวตี วฎฺฎติ สมาธิปฺปธานตฺตา ฌานสฺสฯ อุภินฺนนฺติ สมาธิปญฺญานํฯ สมาธิกมฺมิกสฺส สมาธิโน อธิมตฺตตาย ปญฺญาย อธิมตฺตตาปิ อิจฺฉิตพฺพาติ อาห ‘‘สมตายปี’’ติ, สมภาเวนาปีติ อโตฺถฯ อปฺปนาติ โลกิยปฺปนาฯ ตถา หิ ‘‘โหติเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติฯ โลกุตฺตรปฺปนา ปน เตสํ สมภาเวเนว อิจฺฉิตาฯ ยถาห ‘‘สมถวิปสฺสนํ ยุคนนฺธํ ภาเวตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๗๐; ปฎิ. ม. ๒.๕)ฯ

    Samādhikammikassāti samathakammaṭṭhānikassa. Evanti evaṃ sante, saddhāya thokaṃ balavabhāve satīti attho. Saddahantoti ‘‘pathavī pathavīti manasikaraṇamattena kathaṃ jhānuppattī’’ti acintetvā ‘‘addhā sammāsambuddhena vuttavidhi ijjhissatī’’ti saddahanto saddhaṃ janento. Okappentoti ārammaṇaṃ anupavisitvā viya adhimuccanavasena avakappento pakkhandanto. Ekaggatā balavatī vaṭṭati samādhippadhānattā jhānassa. Ubhinnanti samādhipaññānaṃ. Samādhikammikassa samādhino adhimattatāya paññāya adhimattatāpi icchitabbāti āha ‘‘samatāyapī’’ti, samabhāvenāpīti attho. Appanāti lokiyappanā. Tathā hi ‘‘hotiyevā’’ti sāsaṅkaṃ vadati. Lokuttarappanā pana tesaṃ samabhāveneva icchitā. Yathāha ‘‘samathavipassanaṃ yuganandhaṃ bhāvetī’’ti (a. ni. 4.170; paṭi. ma. 2.5).

    ยทิ วิเสสโต สทฺธาปญฺญานํ, สมาธิวีริยานญฺจ สมตาว อิจฺฉิตา, กถํ สตีติ อาห ‘‘สติ ปน สพฺพตฺถ พลวตี วฎฺฎตี’’ติฯ สพฺพตฺถาติ ลีนุทฺธจฺจปกฺขิเกสุ ปญฺจสุ อินฺทฺริเยสุฯ อุทฺธจฺจปกฺขิเกกเทเส คณฺหโนฺต ‘‘สทฺธาวีริยปญฺญาน’’นฺติ อาหฯ อญฺญถา ปีติ จ คเหตพฺพา สิยาฯ ตถา หิ ‘‘โกสชฺชปกฺขิเกน สมาธินา’’ อิเจฺจว วุตฺตํ, น ‘‘ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาหี’’ติฯ สาติ สติฯ สเพฺพสุ ราชกเมฺมสุ นิยุโตฺต สพฺพกมฺมิโกฯ เตนาติ เตน สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพเฎฺฐน การเณนฯ อาห อฎฺฐกถายํฯ สพฺพตฺถ นิยุตฺตา สพฺพตฺถิกา สพฺพตฺถ ลีเน, อุทฺธเต จ จิเตฺต อิจฺฉิตพฺพตฺตา, สเพฺพ วา ลีเน, อุทฺธเต จ จิเตฺต ภาเวตพฺพา โพชฺฌงฺคา อตฺถิกา เอตายาติ สพฺพตฺถิกาฯ จิตฺตนฺติ กุสลํ จิตฺตํฯ ตสฺส หิ สติ ปฎิสรณํ ปรายณํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมายฯ เตนาห ‘‘อารกฺขปจฺจุปฎฺฐานา’’ติอาทิฯ

    Yadi visesato saddhāpaññānaṃ, samādhivīriyānañca samatāva icchitā, kathaṃ satīti āha ‘‘sati pana sabbattha balavatī vaṭṭatī’’ti. Sabbatthāti līnuddhaccapakkhikesu pañcasu indriyesu. Uddhaccapakkhikekadese gaṇhanto ‘‘saddhāvīriyapaññāna’’nti āha. Aññathā pīti ca gahetabbā siyā. Tathā hi ‘‘kosajjapakkhikena samādhinā’’ icceva vuttaṃ, na ‘‘passaddhisamādhiupekkhāhī’’ti. ti sati. Sabbesu rājakammesu niyutto sabbakammiko. Tenāti tena sabbattha icchitabbaṭṭhena kāraṇena. Āha aṭṭhakathāyaṃ. Sabbattha niyuttā sabbatthikā sabbattha līne, uddhate ca citte icchitabbattā, sabbe vā līne, uddhate ca citte bhāvetabbā bojjhaṅgā atthikā etāyāti sabbatthikā. Cittanti kusalaṃ cittaṃ. Tassa hi sati paṭisaraṇaṃ parāyaṇaṃ appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya. Tenāha ‘‘ārakkhapaccupaṭṭhānā’’tiādi.

    ขนฺธาทิเภเท อโนคาฬฺหปญฺญานนฺติ ปริยตฺติพาหุสจฺจวเสนปิ ขนฺธายตนาทีสุ อปฺปติฎฺฐิตพุทฺธีนํฯ พหุสฺสุตเสวนา หิ สุตมยญาณาวหาฯ ตรุณวิปสฺสนาสมงฺคีปิ ภาวนามยญาเณ ฐิตตฺตา เอกํสโต ปญฺญวา เอว นาม โหตีติ อาห ‘‘สมปญฺญาส ลกฺขณปริคฺคาหิกาย อุทยพฺพยปญฺญาย สมนฺนาคตปุคฺคลเสวนา’’ติฯ เญยฺยธมฺมสฺส คมฺภีรภาววเสน ตปฺปริเจฺฉทกญาณสฺส คมฺภีรภาวคฺคหณนฺติ อาห ‘‘คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย คมฺภีรปญฺญายา’’ติฯ ตญฺหิ เญยฺยํ ตาทิสาย ปญฺญาย จริตพฺพโต คมฺภีรญาณจริยํ, ตสฺสา วา ปญฺญาย ตตฺถ ปเภทโต ปวตฺติ คมฺภีรญาณจริยา, ตสฺสา ปจฺจเวกฺขณาติ อาห ‘‘คมฺภีรปญฺญาย ปเภทปจฺจเวกฺขณา’’ติฯ ยถา สติเวปุลฺลปฺปโตฺต นาม อรหา เอว, เอวํ ปญฺญาเวปุลฺลปฺปโตฺตติปิ โส เอวาติ อาห ‘‘อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูรี โหตี’’ติฯ วีริยาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    Khandhādibhede anogāḷhapaññānanti pariyattibāhusaccavasenapi khandhāyatanādīsu appatiṭṭhitabuddhīnaṃ. Bahussutasevanā hi sutamayañāṇāvahā. Taruṇavipassanāsamaṅgīpi bhāvanāmayañāṇe ṭhitattā ekaṃsato paññavā eva nāma hotīti āha ‘‘samapaññāsa lakkhaṇapariggāhikāya udayabbayapaññāya samannāgatapuggalasevanā’’ti. Ñeyyadhammassa gambhīrabhāvavasena tapparicchedakañāṇassa gambhīrabhāvaggahaṇanti āha ‘‘gambhīresu khandhādīsu pavattāya gambhīrapaññāyā’’ti. Tañhi ñeyyaṃ tādisāya paññāya caritabbato gambhīrañāṇacariyaṃ, tassā vā paññāya tattha pabhedato pavatti gambhīrañāṇacariyā, tassā paccavekkhaṇāti āha ‘‘gambhīrapaññāya pabhedapaccavekkhaṇā’’ti. Yathā sativepullappatto nāma arahā eva, evaṃ paññāvepullappattotipi so evāti āha ‘‘arahattamaggena bhāvanāpāripūrī hotī’’ti. Vīriyādīsupi eseva nayo.

    ‘‘ตตฺตํ อโยขิลํ หเตฺถ คเมนฺตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๕๐, ๒๖๗; อ. นิ. ๓.๓๖) วุตฺตปญฺจวิธพนฺธนกมฺมการณา นิรเย นิพฺพตฺตสตฺตสฺส เยภุเยฺยน สพฺพปฐมํ กโรนฺตีติ, เทวทูตสุตฺตาทีสุ ตสฺส อาทิโต วุตฺตตฺตา จ อาห ‘‘ปญฺจวิธพนฺธนกมฺมการณโต ปฎฺฐายา’’ติฯ สกฎวหนาทิกาเลติ อาทิ-สเทฺทน ตทญฺญมนุเสฺสหิ, ติรจฺฉาเนหิ จ วิพาธิยมานกาลํ สงฺคณฺหาติฯ ‘‘เอกํ พุทฺธนฺตร’’นฺติ อิทํ อปราปรํ เปเตสุ เอว อุปฺปชฺชนกสตฺตวเสน วุตฺตํ, เอกจฺจานํ วา เปตานํ เอกจฺจติรจฺฉานานํ วิย ตถา ทีฆายุกตาปิ สิยาติ ตถา วุตฺตํฯ ตถา หิ ‘‘กาโล นาคราชา จตุนฺนํ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาวํ ลภิตฺวา ฐิโต เมเตฺตยฺยสฺสปิ ภควโต สมฺมุขีภาวํ ลภิสฺสตี’’ติ วทนฺติ, ยํ ตสฺส กปฺปายุกตา วุตฺตาฯ

    ‘‘Tattaṃ ayokhilaṃ hatthe gamentī’’tiādinā (ma. ni. 3.250, 267; a. ni. 3.36) vuttapañcavidhabandhanakammakāraṇā niraye nibbattasattassa yebhuyyena sabbapaṭhamaṃ karontīti, devadūtasuttādīsu tassa ādito vuttattā ca āha ‘‘pañcavidhabandhanakammakāraṇato paṭṭhāyā’’ti. Sakaṭavahanādikāleti ādi-saddena tadaññamanussehi, tiracchānehi ca vibādhiyamānakālaṃ saṅgaṇhāti. ‘‘Ekaṃ buddhantara’’nti idaṃ aparāparaṃ petesu eva uppajjanakasattavasena vuttaṃ, ekaccānaṃ vā petānaṃ ekaccatiracchānānaṃ viya tathā dīghāyukatāpi siyāti tathā vuttaṃ. Tathā hi ‘‘kālo nāgarājā catunnaṃ buddhānaṃ sammukhībhāvaṃ labhitvā ṭhito metteyyassapi bhagavato sammukhībhāvaṃ labhissatī’’ti vadanti, yaṃ tassa kappāyukatā vuttā.

    อานิสํสทสฺสาวิโนติ ‘‘วีริยายโตฺต เอว สโพฺพ โลกุตฺตโร, โลกิโย จ วิเสสาธิคโม’’ติ เอวํ วีริเย อานิสํสทสฺสนสีลสฺสฯ คมนวีถินฺติ สปุพฺพภาคํ นิพฺพานคามินิํ ปฎิปทํ, สห วิปสฺสนาย อริยมคฺคปฎิปาฎิ , สตฺตวิสุทฺธิปรมฺปรา วาฯ สา หิ ภิกฺขุโน วฎฺฎนิยฺยานาย คนฺตพฺพา ปฎิปทาติ กตฺวา คมนวีถิ นามฯ กายทฬฺหีพหุโลติ ยถา ตถา กายสฺส ทฬฺหีกมฺมปฺปสุโตฯ ปิณฺฑนฺติ รฎฺฐปิณฺฑํฯ ปจฺจยทายกานํ อตฺตนิ การสฺส อตฺตโน สมฺมาปฎิปตฺติยา มหปฺผลภาวสฺส กรเณน ปิณฺฑสฺส ภิกฺขาย ปฎิปูชนา ปิณฺฑาปจายนํฯ

    Ānisaṃsadassāvinoti ‘‘vīriyāyatto eva sabbo lokuttaro, lokiyo ca visesādhigamo’’ti evaṃ vīriye ānisaṃsadassanasīlassa. Gamanavīthinti sapubbabhāgaṃ nibbānagāminiṃ paṭipadaṃ, saha vipassanāya ariyamaggapaṭipāṭi , sattavisuddhiparamparā vā. Sā hi bhikkhuno vaṭṭaniyyānāya gantabbā paṭipadāti katvā gamanavīthi nāma. Kāyadaḷhībahuloti yathā tathā kāyassa daḷhīkammappasuto. Piṇḍanti raṭṭhapiṇḍaṃ. Paccayadāyakānaṃ attani kārassa attano sammāpaṭipattiyā mahapphalabhāvassa karaṇena piṇḍassa bhikkhāya paṭipūjanā piṇḍāpacāyanaṃ.

    นีหรโนฺตติ ปตฺตถวิกโต นีหรโนฺตฯ ตํ สทฺทํ สุตฺวาติ ตํ อุปาสิกาย วจนํ อตฺตโน วสนปณฺณสาลทฺวาเร ฐิโตว ปญฺจาภิญฺญตาย ทิพฺพโสเตน สุตฺวาฯ มนุสฺสสมฺปตฺติ, ทิพฺพสมฺปตฺติ, นิพฺพานสมฺปตฺตีติ อิมา ติโสฺส สมฺปตฺติโยฯ ทาตุํ สกฺขิสฺสสีติ ‘‘ตยิ กเตน ทานมเยน, เวยฺยาวจฺจมเยน จ ปุญฺญกเมฺมน เขตฺตวิเสสภาวูปคมเนน อปราปรํ เทวมนุสฺสสมฺปตฺติโย, อเนฺต นิพฺพานสมฺปตฺติญฺจ ทาตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ เถโร อตฺตานํ ปุจฺฉติฯ สิตํ กโรโนฺต วาติ ‘‘อกิเจฺฉเนว มยา วฎฺฎทุกฺขํ สมติกฺกนฺต’’นฺติ ปจฺจเวกฺขณาวสาเน สญฺชาตปาโมชฺชวเสน สิตํ กโรโนฺต เอวฯ

    Nīharantoti pattathavikato nīharanto. Taṃ saddaṃ sutvāti taṃ upāsikāya vacanaṃ attano vasanapaṇṇasāladvāre ṭhitova pañcābhiññatāya dibbasotena sutvā. Manussasampatti, dibbasampatti, nibbānasampattīti imā tisso sampattiyo. Dātuṃ sakkhissasīti ‘‘tayi katena dānamayena, veyyāvaccamayena ca puññakammena khettavisesabhāvūpagamanena aparāparaṃ devamanussasampattiyo, ante nibbānasampattiñca dātuṃ sakkhissasī’’ti thero attānaṃ pucchati. Sitaṃ karonto vāti ‘‘akiccheneva mayā vaṭṭadukkhaṃ samatikkanta’’nti paccavekkhaṇāvasāne sañjātapāmojjavasena sitaṃ karonto eva.

    วิปฺปฎิปนฺนนฺติ ชาติธมฺมกุลธมฺมาทิลงฺฆเนน อสมฺมาปฎิปนฺนํฯ เอวํ ยถา อสมฺมาปฎิปโนฺน ปุโตฺต ตาย เอว อสมฺมาปฎิปตฺติยา กุลสนฺตานโต พาหิโร หุตฺวา ปิตุ สนฺติกา ทายชฺชสฺส น ภาคี, เอวํฯ กุสีโตปิ เตน กุสีตภาเวน อสมฺมาปฎิปโนฺน สตฺถุ สนฺติกา ลทฺธพฺพอริยธนทายชฺชสฺส น ภาคีฯ อารทฺธวีริโยว ลภติ สมฺมาปฎิปชฺชนโตฯ อุปฺปชฺชติ วีริยสโมฺพชฺฌโงฺคติ โยชนา, เอวํ สพฺพตฺถฯ

    Vippaṭipannanti jātidhammakuladhammādilaṅghanena asammāpaṭipannaṃ. Evaṃ yathā asammāpaṭipanno putto tāya eva asammāpaṭipattiyā kulasantānato bāhiro hutvā pitu santikā dāyajjassa na bhāgī, evaṃ. Kusītopi tena kusītabhāvena asammāpaṭipanno satthu santikā laddhabbaariyadhanadāyajjassa na bhāgī. Āraddhavīriyova labhati sammāpaṭipajjanato. Uppajjati vīriyasambojjhaṅgoti yojanā, evaṃ sabbattha.

    มหาติ สีลาทีหิ คุเณหิ มหโนฺต วิปุโล อนญฺญสาธารโณฯ ตํ ปนสฺส คุณมหตฺตํ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปเนน โลเก ปากฎนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สตฺถุโน หี’’ติอาทิมาหฯ

    Mahāti sīlādīhi guṇehi mahanto vipulo anaññasādhāraṇo. Taṃ panassa guṇamahattaṃ dasasahassilokadhātukampanena loke pākaṭanti dassento ‘‘satthuno hī’’tiādimāha.

    ยสฺมา สตฺถุสาสเน ปพฺพชิตสฺส ปพฺพชฺชูปคเมน สกฺยปุตฺตสฺสภาโว สมฺปชายติ, ตสฺมา พุทฺธปุตฺตภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อสมฺภินฺนายา’’ติอาทิมาหฯ

    Yasmā satthusāsane pabbajitassa pabbajjūpagamena sakyaputtassabhāvo sampajāyati, tasmā buddhaputtabhāvaṃ dassento ‘‘asambhinnāyā’’tiādimāha.

    อลสานํ ภาวนาย นามมตฺตมฺปิ อชานนฺตานํ กายทฬฺหีพหุลานํ ยาวทตฺถํ ภุญฺชิตฺวา เสยฺยสุขาทิอนุยุญฺชนกานํ ติรจฺฉานกถิกานํ ปุคฺคลานํ ทูรโต วชฺชนา กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนาฯ ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๒๓; ๓.๖๕; สํ. นิ. ๔.๑๒๐; มหานิ. ๑๖๑) ภาวนารทฺธวเสน อารทฺธวีริยานํ ทฬฺหปรกฺกมานํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนา อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนาฯ เตนาห ‘‘กุจฺฉิํ ปูเรตฺวา’’ติอาทิฯ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๖๔) ปน ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สพฺรหฺมจารีมหตฺตปจฺจเวกฺขณาติ อิทํ ทฺวยํ น คหิตํ, ถินมิทฺธวิโนทนตา, สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณตาติ อิทํ ทฺวยํ คหิตํฯ ตตฺถ อานิสํสทสฺสาวิตาย เอว สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณา คหิตา โหติ โลกิยโลกุตฺตรวิเสสาธิคมสฺส วีริยายตฺตตาทสฺสนภาวโตฯ ถินมิทฺธวิโนทนํ ตทธิมุตฺตตาย เอว คหิตํ โหติ, วีริยุปฺปาทเน ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺส ถินมิทฺธวิโนทนํ อตฺถสิทฺธเมวฯ ตตฺถ ถินมิทฺธวิโนทนกุสีตปุคฺคลปริวชฺชนอารทฺธวีริยปุคฺคลเสวน- ตทธิมุตฺตตาปฎิปกฺขวิธมนปจฺจยูปสํหารวเสน, อปายภยปจฺจเวกฺขณาทโย สมุเตฺตชนวเสน วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทกา ทฎฺฐพฺพาฯ

    Alasānaṃ bhāvanāya nāmamattampi ajānantānaṃ kāyadaḷhībahulānaṃ yāvadatthaṃ bhuñjitvā seyyasukhādianuyuñjanakānaṃ tiracchānakathikānaṃ puggalānaṃ dūrato vajjanā kusītapuggalaparivajjanā. ‘‘Divasaṃ caṅkamena nisajjāyā’’tiādinā (ma. ni. 1.423; 3.65; saṃ. ni. 4.120; mahāni. 161) bhāvanāraddhavasena āraddhavīriyānaṃ daḷhaparakkamānaṃ kālena kālaṃ upasaṅkamanā āraddhavīriyapuggalasevanā. Tenāha ‘‘kucchiṃ pūretvā’’tiādi. Visuddhimagge (visuddhi. 1.64) pana jātimahattapaccavekkhaṇā, sabrahmacārīmahattapaccavekkhaṇāti idaṃ dvayaṃ na gahitaṃ, thinamiddhavinodanatā, sammappadhānapaccavekkhaṇatāti idaṃ dvayaṃ gahitaṃ. Tattha ānisaṃsadassāvitāya eva sammappadhānapaccavekkhaṇā gahitā hoti lokiyalokuttaravisesādhigamassa vīriyāyattatādassanabhāvato. Thinamiddhavinodanaṃ tadadhimuttatāya eva gahitaṃ hoti, vīriyuppādane yuttappayuttassa thinamiddhavinodanaṃ atthasiddhameva. Tattha thinamiddhavinodanakusītapuggalaparivajjanaāraddhavīriyapuggalasevana- tadadhimuttatāpaṭipakkhavidhamanapaccayūpasaṃhāravasena, apāyabhayapaccavekkhaṇādayo samuttejanavasena vīriyasambojjhaṅgassa uppādakā daṭṭhabbā.

    ปุริมุปฺปนฺนา ปีติ ปรโต อุปฺปชฺชนกปีติยา วิเสสการณสภาคเหตุภาวโต ‘‘ปีติเยว ปีติสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียา ธมฺมา’’ติ วุตฺตา, ตสฺสา ปน พหุโส ปวตฺติยา ปุถุตฺตํ อุปาทาย พหุวจนนิเทฺทโสฯ ยถา สา อุปฺปชฺชติ, เอวํ ปฎิปตฺติ ตสฺสา อุปฺปาทกมนสิกาโรฯ

    Purimuppannā pīti parato uppajjanakapītiyā visesakāraṇasabhāgahetubhāvato ‘‘pītiyeva pītisambojjhaṅgaṭṭhānīyā dhammā’’ti vuttā, tassā pana bahuso pavattiyā puthuttaṃ upādāya bahuvacananiddeso. Yathā sā uppajjati, evaṃ paṭipatti tassā uppādakamanasikāro.

    ‘‘พุทฺธานุสฺสตี’’ติอาทีสุ วตฺตพฺพํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๓) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    ‘‘Buddhānussatī’’tiādīsu vattabbaṃ visuddhimagge (visuddhi. 1.123) vuttanayeneva veditabbaṃ.

    พุทฺธานุสฺสติยา อุปจารสมาธินิฎฺฐตฺตา วุตฺตํ ‘‘ยาว อุปจารา’’ติฯ สกลสรีรํ ผรมาโนติ ปีติสมุฎฺฐาเนหิ ปณีตรูเปหิ สกลสรีรํ ผรมาโนฯ ธมฺมคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ ยาว อุปจารา สกลสรีรํ ผรมาโน ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค อุปฺปชฺชตีติ โยชนา, เอวํ เสสอนุสฺสตีสุฯ ปสาทนียสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณายญฺจ โยเชตพฺพํ ตสฺสาปิ วิมุตฺตายตนภาเวน ตคฺคติกตฺตาฯ สงฺขารานํ สปฺปเทสวูปสเมปิ นิปฺปเทสวูปสเม วิย ตถา ปญฺญาย ปวตฺติโต ภาวนามนสิกาโร กิเลสวิกฺขมฺภนสมโตฺถ หุตฺวา อุปจารสมาธิํ อาวหโนฺต ตถารูปปีติโสมนสฺสสมนฺนาคโต ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย โหตีติ อาห ‘‘สมาปตฺติยา…เป.… ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปี’’ติฯ ตตฺถ ‘‘วิกฺขมฺภิตา กิเลสา’’ติ ปาโฐฯ เต หิ น สมุทาจรนฺตีติฯ อิติ-สโทฺท การณโตฺถ, ยสฺมา น สมุทาจรนฺติ, ตสฺมา ตํ เนสํ อสมุทาจารํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาติ โยชนา ฯ น หิ กิเลเส ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส โพชฺฌงฺคุปฺปตฺติ ยุตฺตาฯ ปสาทนีเยสุ ฐาเนสุ ปสาทสิเนหาภาเวน ถูสสมหทยตา ลูขตา, สา ตตฺถ อาทรคารวากรเณน วิญฺญายตีติ อาห ‘‘อสกฺกจฺจกิริยาย สํสูจิตลูขภาเว’’ติฯ

    Buddhānussatiyā upacārasamādhiniṭṭhattā vuttaṃ ‘‘yāva upacārā’’ti. Sakalasarīraṃ pharamānoti pītisamuṭṭhānehi paṇītarūpehi sakalasarīraṃ pharamāno. Dhammaguṇe anussarantassāpi yāva upacārā sakalasarīraṃ pharamāno pītisambojjhaṅgo uppajjatīti yojanā, evaṃ sesaanussatīsu. Pasādanīyasuttantapaccavekkhaṇāyañca yojetabbaṃ tassāpi vimuttāyatanabhāvena taggatikattā. Saṅkhārānaṃ sappadesavūpasamepi nippadesavūpasame viya tathā paññāya pavattito bhāvanāmanasikāro kilesavikkhambhanasamattho hutvā upacārasamādhiṃ āvahanto tathārūpapītisomanassasamannāgato pītisambojjhaṅgassa uppādāya hotīti āha ‘‘samāpattiyā…pe… paccavekkhantassāpī’’ti. Tattha ‘‘vikkhambhitā kilesā’’ti pāṭho. Te hi na samudācarantīti. Iti-saddo kāraṇattho, yasmā na samudācaranti, tasmā taṃ nesaṃ asamudācāraṃ paccavekkhantassāti yojanā . Na hi kilese paccavekkhantassa bojjhaṅguppatti yuttā. Pasādanīyesu ṭhānesu pasādasinehābhāvena thūsasamahadayatā lūkhatā, sā tattha ādaragāravākaraṇena viññāyatīti āha ‘‘asakkaccakiriyāya saṃsūcitalūkhabhāve’’ti.

    กายจิตฺตทรถวูปสมลกฺขณา ปสฺสทฺธิ เอว ยถาวุตฺตโพธิองฺคภูโต ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค, ตสฺส ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส เอวํ อุปฺปาโท โหตีติ โยชนาฯ

    Kāyacittadarathavūpasamalakkhaṇā passaddhi eva yathāvuttabodhiaṅgabhūto passaddhisambojjhaṅgo, tassa passaddhisambojjhaṅgassa evaṃ uppādo hotīti yojanā.

    ปณีตโภชนเสวนตาติ ปณีตสปฺปายโภชนเสว นตา ฯ อุตุอิริยาปถสุขคฺคหเณน สปฺปายอุตุอิริยาปถคฺคหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตญฺหิ ติวิธมฺปิ สปฺปายํ เสวิยมานํ กายสฺส กลฺลตาปาทนวเสน จิตฺตสฺส กลฺลตํ อาวหนฺตํ ทุวิธายปิ ปสฺสทฺธิยา การณํ โหติฯ อเหตุกํ สเตฺตสุ ลพฺภมานํ สุขทุกฺขนฺติ อยเมโก อโนฺต, อิสฺสราทิวิสมเหตุกนฺติ ปน อยํ ทุติโยฯ เอเต อุโภ อเนฺต อนุปคมฺม ยถาสกํ กมฺมุนา โหตีติ อยํ มชฺฌิมา ปฎิปตฺติฯ มชฺฌโตฺต ปโยโค ยสฺส โส มชฺฌตฺตปโยโค, ตสฺส ภาโว มชฺฌตฺตปโยคตาฯ อยญฺหิ ปหาย สารทฺธกายตํ ปสฺสทฺธกายตาย การณํ โหนฺตี ปสฺสทฺธิทฺวยํ อาวหติ, เอเตเนว สารทฺธกายปุคฺคลปริวชฺชนปสฺสทฺธกายปุคฺคลเสวนานํ ตทาวหนตา สํวณฺณิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Paṇītabhojanasevanatāti paṇītasappāyabhojanaseva natā . Utuiriyāpathasukhaggahaṇena sappāyautuiriyāpathaggahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Tañhi tividhampi sappāyaṃ seviyamānaṃ kāyassa kallatāpādanavasena cittassa kallataṃ āvahantaṃ duvidhāyapi passaddhiyā kāraṇaṃ hoti. Ahetukaṃ sattesu labbhamānaṃ sukhadukkhanti ayameko anto, issarādivisamahetukanti pana ayaṃ dutiyo. Ete ubho ante anupagamma yathāsakaṃ kammunā hotīti ayaṃ majjhimā paṭipatti. Majjhatto payogo yassa so majjhattapayogo, tassa bhāvo majjhattapayogatā. Ayañhi pahāya sāraddhakāyataṃ passaddhakāyatāya kāraṇaṃ hontī passaddhidvayaṃ āvahati, eteneva sāraddhakāyapuggalaparivajjanapassaddhakāyapuggalasevanānaṃ tadāvahanatā saṃvaṇṇitāti daṭṭhabbaṃ.

    ยถาสมาหิตาการสลฺลกฺขณวเสน คยฺหมาโน ปุริมุปฺปโนฺน สมโถ เอว สมถนิมิตฺตํฯ นานารมฺมเณ ปริพฺภมเนน วิวิธํ อคฺคํ เอตสฺสาติ พฺยโคฺค, วิเกฺขโปฯ ตถา หิ โส อนวฎฺฐานรโส, ภนฺตตาปจฺจุปฎฺฐาโน จ วุโตฺต, เอกคฺคตาภาวโต พฺยคฺคปฎิปโกฺขติ อพฺยโคฺค, สมาธิฯ โส เอว นิมิตฺตนฺติ ปุเพฺพ วิย วตฺตพฺพํฯ เตนาห ‘‘อวิเกฺขปเฎฺฐน จ อพฺยคฺคนิมิตฺต’’นฺติฯ

    Yathāsamāhitākārasallakkhaṇavasena gayhamāno purimuppanno samatho eva samathanimittaṃ. Nānārammaṇe paribbhamanena vividhaṃ aggaṃ etassāti byaggo, vikkhepo. Tathā hi so anavaṭṭhānaraso, bhantatāpaccupaṭṭhāno ca vutto, ekaggatābhāvato byaggapaṭipakkhoti abyaggo, samādhi. So eva nimittanti pubbe viya vattabbaṃ. Tenāha ‘‘avikkhepaṭṭhena ca abyagganimitta’’nti.

    วตฺถุวิสทกิริยา, อินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนา จ ปญฺญาวหา วุตฺตา, สมาธานาวหาปิ ตา โหนฺติ สมาธานาวหภาเวเนว ปญฺญาวหภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘วตฺถุวิสท…เป.… เวทิตพฺพา’’ติฯ

    Vatthuvisadakiriyā, indriyasamattapaṭipādanā ca paññāvahā vuttā, samādhānāvahāpi tā honti samādhānāvahabhāveneva paññāvahabhāvatoti vuttaṃ ‘‘vatthuvisada…pe… veditabbā’’ti.

    กรณภาวนาโกสลฺลานํ อวินาภาวโต, รกฺขนโกสลฺลสฺส จ ตํมูลกตฺตา ‘‘นิมิตฺตกุสลตา นาม กสิณนิมิตฺตสฺส อุคฺคหณกุสลตา’’ อิเจฺจว วุตฺตํฯ กสิณนิมิตฺตสฺสาติ จ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ อสุภนิมิตฺตสฺสาปิ หิ ยสฺส กสฺสจิ ฌานุปฺปตฺตินิมิตฺตสฺส อุคฺคหณโกสลฺลํ นิมิตฺตกุสลตา เอวาติฯ อติสิถิลวีริยตาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน ปญฺญาปโยคมนฺทตํ , ปโมทเวกลฺลญฺจ สงฺคณฺหาติฯ ตสฺส ปคฺคณฺหนนฺติ ตสฺส ลีนสฺส จิตฺตสฺส ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคาทิสมุฎฺฐาปเนน ลยาปตฺติโต สมุทฺธรณํฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –

    Karaṇabhāvanākosallānaṃ avinābhāvato, rakkhanakosallassa ca taṃmūlakattā ‘‘nimittakusalatā nāma kasiṇanimittassa uggahaṇakusalatā’’ icceva vuttaṃ. Kasiṇanimittassāti ca nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ. Asubhanimittassāpi hi yassa kassaci jhānuppattinimittassa uggahaṇakosallaṃ nimittakusalatā evāti. Atisithilavīriyatādīhīti ādi-saddena paññāpayogamandataṃ , pamodavekallañca saṅgaṇhāti. Tassa paggaṇhananti tassa līnassa cittassa dhammavicayasambojjhaṅgādisamuṭṭhāpanena layāpattito samuddharaṇaṃ. Vuttañhetaṃ bhagavatā –

    ‘‘ยสฺมิญฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย ลีนํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมิํ สมเย ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ลีนํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ ตํ เอเตหิ ธเมฺมหิ สุสมุฎฺฐาปยํ โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคิํ อุชฺชาลิตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ สุกฺขานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺย, สุกฺขานิ โคมยานิ ปกฺขิเปยฺย, สุกฺขานิ กฎฺฐานิ ปกฺขิเปยฺย, มุขวาตญฺจ ทเทยฺย, น จ ปํสุเกน โอกิเรยฺย, ภโพฺพ นุ โข โส ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคิํ อุชฺชาลิตุนฺติฯ เอวํ ภเนฺต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔)ฯ

    ‘‘Yasmiñca kho, bhikkhave, samaye līnaṃ cittaṃ hoti, kālo tasmiṃ samaye dhammavicayasambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo vīriyasambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo pītisambojjhaṅgassa bhāvanāya. Taṃ kissa hetu? Līnaṃ, bhikkhave, cittaṃ taṃ etehi dhammehi susamuṭṭhāpayaṃ hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, puriso parittaṃ aggiṃ ujjālitukāmo assa, so tattha sukkhāni ceva tiṇāni pakkhipeyya, sukkhāni gomayāni pakkhipeyya, sukkhāni kaṭṭhāni pakkhipeyya, mukhavātañca dadeyya, na ca paṃsukena okireyya, bhabbo nu kho so puriso parittaṃ aggiṃ ujjālitunti. Evaṃ bhante’’ti (saṃ. ni. 5.234).

    เอตฺถ จ ยถาสกํ อาหารวเสน ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนาสมุฎฺฐาปนาติ เวทิตพฺพา, สา อนนฺตรํ วิภาวิตา เอวฯ อารทฺธวีริยตาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน ปญฺญาปโยคพลวตํ, ปโมทุพฺพิลาวนญฺจ สงฺคณฺหาติฯ ตสฺส นิคฺคณฺหนนฺติ ตสฺส อุทฺธตสฺส จิตฺตสฺส สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคาทิสมุฎฺฐาปเนน อุทฺธตาปตฺติโต นิเสธนํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –

    Ettha ca yathāsakaṃ āhāravasena dhammavicayasambojjhaṅgādīnaṃ bhāvanāsamuṭṭhāpanāti veditabbā, sā anantaraṃ vibhāvitā eva. Āraddhavīriyatādīhīti ādi-saddena paññāpayogabalavataṃ, pamodubbilāvanañca saṅgaṇhāti. Tassa niggaṇhananti tassa uddhatassa cittassa samādhisambojjhaṅgādisamuṭṭhāpanena uddhatāpattito nisedhanaṃ. Vuttampi cetaṃ bhagavatā –

    ‘‘ยสฺมิญฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมิํ สมเย ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อุทฺธตํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ ตํ เอเตหิ ธเมฺมหิ สุวูปสมยํ โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ อลฺลานิ เจว ติณานิ…เป.… ปํสุเกน จ โอกิเรยฺย, ภโพฺพ นุ โข โส ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุนฺติฯ เอวํ ภเนฺต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔)ฯ

    ‘‘Yasmiñca kho, bhikkhave, samaye uddhataṃ cittaṃ hoti, kālo tasmiṃ samaye passaddhisambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo samādhisambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo upekkhāsambojjhaṅgassa bhāvanāya. Taṃ kissa hetu? Uddhataṃ, bhikkhave, cittaṃ taṃ etehi dhammehi suvūpasamayaṃ hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, puriso mahantaṃ aggikkhandhaṃ nibbāpetukāmo assa, so tattha allāni ceva tiṇāni…pe… paṃsukena ca okireyya, bhabbo nu kho so puriso mahantaṃ aggikkhandhaṃ nibbāpetunti. Evaṃ bhante’’ti (saṃ. ni. 5.234).

    เอตฺถาปิ ยถาสกํ อาหารวเสน ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนาสมุฎฺฐาปนาติ เวทิตพฺพา, ตตฺถ ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนา วุตฺตา เอวฯ สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อนนฺตรํ วกฺขติฯ ปญฺญาปโยคมนฺทตายาติ ปญฺญาพฺยาปารสฺส อปฺปภาเวนฯ ยถา หิ ทานํ อโลภปธานํ, สีลํ อโทสปธานํ, เอวํ ภาวนา อโมหปธานาฯ ตตฺถ ยทา ปญฺญา น พลวตี โหติ, ตทา ภาวนา ปุเพฺพนาปรํ วิเสสาวหา น โหติ, อนภิสงฺขโต วิย อาหาโร ปุริสสฺส โยคิโน จิตฺตสฺส อภิรุจิํ น ชเนติ, เตน ตํ นิรสฺสาทํ โหติ, ตถา ภาวนาย สมฺมเทว อวีถิปฎิปตฺติยา อุปสมสุขํ น วินฺทติ, เตนาปิ จิตฺตํ นิรสฺสาทํ โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปญฺญาปโยค…เป.… นิรสฺสาทํ โหตี’’ติฯ ตสฺส สํเวคุปฺปาทนํ, ปสาทุปฺปาทนญฺจ ติกิจฺฉนนฺติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อฎฺฐ สํเวควตฺถูนี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ชาติชราพฺยาธิมรณานิ ยถารหํ สุคติยํ, ทุคฺคติยญฺจ โหนฺตีติ ตทญฺญเมว ปญฺจวิธพนฺธนาทิขุปฺปิปาสาทิ อญฺญมญฺญํ วิพาธนาทิเหตุกํ อปายทุกฺขํ ทฎฺฐพฺพํ, ตยิทํ สพฺพํ เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปจฺจุปฺปนฺนภวนิสฺสิตํ คหิตนฺติ อตีเต อนาคเต จ กาเล วฎฺฎมูลกทุกฺขานิ วิสุํ คหิตานิฯ เย ปน สตฺตา อาหารูปชีวิโน, ตตฺถ จ อุฎฺฐานผลูปชีวิโน, เตสํ อเญฺญหิ อสาธารณํ ชีวิกาทุกฺขํ อฎฺฐมํ สํเวควตฺถุ คหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อยํ วุจฺจติ สมเย สมฺปหํสนาติ อยํ ภาวนาจิตฺตสฺส สมฺปหํสิตพฺพสมเย วุตฺตนเยน สํเวคชนนวเสน เจว ปสาทุปฺปาทนวเสน จ สมฺมเทว ปหํสนา, สํเวคชนนปุพฺพกปสาทุปฺปาทเนน โตสนาติ อโตฺถฯ

    Etthāpi yathāsakaṃ āhāravasena passaddhisambojjhaṅgādīnaṃ bhāvanāsamuṭṭhāpanāti veditabbā, tattha passaddhisambojjhaṅgassa bhāvanā vuttā eva. Samādhisambojjhaṅgassa anantaraṃ vakkhati. Paññāpayogamandatāyāti paññābyāpārassa appabhāvena. Yathā hi dānaṃ alobhapadhānaṃ, sīlaṃ adosapadhānaṃ, evaṃ bhāvanā amohapadhānā. Tattha yadā paññā na balavatī hoti, tadā bhāvanā pubbenāparaṃ visesāvahā na hoti, anabhisaṅkhato viya āhāro purisassa yogino cittassa abhiruciṃ na janeti, tena taṃ nirassādaṃ hoti, tathā bhāvanāya sammadeva avīthipaṭipattiyā upasamasukhaṃ na vindati, tenāpi cittaṃ nirassādaṃ hoti. Tena vuttaṃ ‘‘paññāpayoga…pe… nirassādaṃ hotī’’ti. Tassa saṃveguppādanaṃ, pasāduppādanañca tikicchananti taṃ dassento ‘‘aṭṭha saṃvegavatthūnī’’tiādimāha. Tattha jātijarābyādhimaraṇāni yathārahaṃ sugatiyaṃ, duggatiyañca hontīti tadaññameva pañcavidhabandhanādikhuppipāsādi aññamaññaṃ vibādhanādihetukaṃ apāyadukkhaṃ daṭṭhabbaṃ, tayidaṃ sabbaṃ tesaṃ tesaṃ sattānaṃ paccuppannabhavanissitaṃ gahitanti atīte anāgate ca kāle vaṭṭamūlakadukkhāni visuṃ gahitāni. Ye pana sattā āhārūpajīvino, tattha ca uṭṭhānaphalūpajīvino, tesaṃ aññehi asādhāraṇaṃ jīvikādukkhaṃ aṭṭhamaṃ saṃvegavatthu gahitanti daṭṭhabbaṃ. Ayaṃ vuccati samaye sampahaṃsanāti ayaṃ bhāvanācittassa sampahaṃsitabbasamaye vuttanayena saṃvegajananavasena ceva pasāduppādanavasena ca sammadeva pahaṃsanā, saṃvegajananapubbakapasāduppādanena tosanāti attho.

    สมฺมาปฎิปตฺติํ อาคมฺมาติ ลีนุทฺธจฺจวิรเหน, สมถวีถิปฎิปตฺติยา จ สมฺมา อวิสมํ สมฺมเทว ภาวนาปฎิปตฺติํ อาคมฺมฯ ‘‘อลีน’’นฺติอาทีสุ โกสชฺชปกฺขิกานํ ธมฺมานํ อนธิมตฺตตาย อลีนํ, อุทฺธจฺจปกฺขิกานํ อนธิมตฺตตาย อนุทฺธตํ, ปญฺญาปโยคสมฺปตฺติยา, อุปสมสุขาธิคเมน จ อนิรสฺสาทํ, ตโต เอว อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ สมถวีถิปฎิปนฺนํฯ ตตฺถ อลีนตาย ปคฺคเห, อนุทฺธตตาย นิคฺคเห, อนิรสฺสาทตาย สมฺปหํสเน น พฺยาปารํ อาปชฺชติฯ อลีนานุทฺธตตา หิ อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ, อนิรสฺสาทตาย สมถวีถิปฎิปนฺนํ, สมปฺปวตฺติยา วา อลีนํ อนุทฺธตํฯ สมถวีถิปฎิปตฺติยา อนิรสฺสาทนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อยํ วุจฺจติ สมเย อชฺฌุเปกฺขนตาติ อยํ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพสมเย ภาวนาจิตฺตสฺส ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ อพฺยาวฎตาสงฺขาตํ ปฎิปกฺขํ อภิภุยฺย เปกฺขนา วุจฺจติฯ ปฎิปกฺขวิกฺขมฺภนโต, วิปสฺสนาย อธิฎฺฐานภาวูปคมนโต จ อุปจารชฺฌานมฺปิ สมาธาน กิจฺจนิปฺผตฺติยา ปุคฺคลสฺส สมาหิตภาวสาธนํ เอวาติ ตตฺถ สมธุรภาเวนาห ‘‘อุปจารํ วา อปฺปนํ วา’’ติฯ

    Sammāpaṭipattiṃ āgammāti līnuddhaccavirahena, samathavīthipaṭipattiyā ca sammā avisamaṃ sammadeva bhāvanāpaṭipattiṃ āgamma. ‘‘Alīna’’ntiādīsu kosajjapakkhikānaṃ dhammānaṃ anadhimattatāya alīnaṃ, uddhaccapakkhikānaṃ anadhimattatāya anuddhataṃ, paññāpayogasampattiyā, upasamasukhādhigamena ca anirassādaṃ, tato eva ārammaṇe samappavattaṃsamathavīthipaṭipannaṃ. Tattha alīnatāya paggahe, anuddhatatāya niggahe, anirassādatāya sampahaṃsane na byāpāraṃ āpajjati. Alīnānuddhatatā hi ārammaṇe samappavattaṃ, anirassādatāya samathavīthipaṭipannaṃ, samappavattiyā vā alīnaṃ anuddhataṃ. Samathavīthipaṭipattiyā anirassādanti daṭṭhabbaṃ. Ayaṃ vuccati samaye ajjhupekkhanatāti ayaṃ ajjhupekkhitabbasamaye bhāvanācittassa paggahaniggahasampahaṃsanesu abyāvaṭatāsaṅkhātaṃ paṭipakkhaṃ abhibhuyya pekkhanā vuccati. Paṭipakkhavikkhambhanato, vipassanāya adhiṭṭhānabhāvūpagamanato ca upacārajjhānampi samādhāna kiccanipphattiyā puggalassa samāhitabhāvasādhanaṃ evāti tattha samadhurabhāvenāha ‘‘upacāraṃ vā appanaṃ vā’’ti.

    อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียา ธมฺมาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ อนุโรธวิโรธวิปฺปหานวเสน มชฺฌตฺตภาโว อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส การณํ ตสฺมิํ สติ สิชฺฌนโต, อสติ จ อสิชฺฌนโตฯ โส จ มชฺฌตฺตภาโว วิสยวเสน ทุวิโธติ อาห ‘‘สตฺตมชฺฌตฺตตา สงฺขารมชฺฌตฺตตา’’ติฯ ตทุภเย จ วิรุชฺฌนํ ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคภาวนาย เอว ทูรีกตนฺติ อนุรุชฺฌนเสฺสว ปหานวิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘สตฺตมชฺฌตฺตตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตา’’ติฯ อุเปกฺขาย หิ วิเสสโต ราโค ปฎิปโกฺขฯ ตถา จาห ‘‘อุเปกฺขา ราคพหุลสฺส วิสุทฺธิมโคฺค’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖๗)ฯ ทฺวีหากาเรหีติ กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณํ, อตฺตสุญฺญตาปจฺจเวกฺขณนฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิฯ ทฺวีเหวาติ อวธารณํ สงฺขฺยาสมานตาทสฺสนตฺถํฯ สงฺขฺยา เอเวตฺถ สมานา, น สเงฺขฺยยฺยํ สพฺพถา สมานนฺติฯ อสฺสามิกภาโว อนตฺตนิยตาฯ สติ หิ อตฺตนิ ตสฺส กิญฺจนภาเวน จีวรํ, อญฺญํ วา กิญฺจิ อตฺตนิยํ นาม สิยา, โส ปน โกจิ นเตฺถวาติ อธิปฺปาโยฯ อนทฺธนิยนฺติ น อทฺธานกฺขมํ น จิรฎฺฐายิ, อิตฺตรํ อนิจฺจนฺติ อโตฺถฯ ตาวกาลิกนฺติ ตเสฺสว เววจนํฯ

    Upekkhāsambojjhaṅgaṭṭhānīyā dhammāti ettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayānusārena veditabbaṃ. Anurodhavirodhavippahānavasena majjhattabhāvo upekkhāsambojjhaṅgassa kāraṇaṃ tasmiṃ sati sijjhanato, asati ca asijjhanato. So ca majjhattabhāvo visayavasena duvidhoti āha ‘‘sattamajjhattatā saṅkhāramajjhattatā’’ti. Tadubhaye ca virujjhanaṃ passaddhisambojjhaṅgabhāvanāya eva dūrīkatanti anurujjhanasseva pahānavidhiṃ dassetuṃ ‘‘sattamajjhattatā’’tiādi vuttaṃ. Tenāha ‘‘sattasaṅkhārakelāyanapuggalaparivajjanatā’’ti. Upekkhāya hi visesato rāgo paṭipakkho. Tathā cāha ‘‘upekkhā rāgabahulassa visuddhimaggo’’ti (visuddhi. 1.267). Dvīhākārehīti kammassakatāpaccavekkhaṇaṃ, attasuññatāpaccavekkhaṇanti imehi dvīhi kāraṇehi. Dvīhevāti avadhāraṇaṃ saṅkhyāsamānatādassanatthaṃ. Saṅkhyā evettha samānā, na saṅkhyeyyaṃ sabbathā samānanti. Assāmikabhāvo anattaniyatā. Sati hi attani tassa kiñcanabhāvena cīvaraṃ, aññaṃ vā kiñci attaniyaṃ nāma siyā, so pana koci natthevāti adhippāyo. Anaddhaniyanti na addhānakkhamaṃ na ciraṭṭhāyi, ittaraṃ aniccanti attho. Tāvakālikanti tasseva vevacanaṃ.

    มมายตีติ มมตฺตํ กโรติ ‘‘มมา’’ติ ตณฺหาย ปริคฺคยฺห ติฎฺฐติฯ

    Mamāyatīti mamattaṃ karoti ‘‘mamā’’ti taṇhāya pariggayha tiṭṭhati.

    มมายนฺตาติ มานํ ทพฺพํ กโรนฺตาฯ

    Mamāyantāti mānaṃ dabbaṃ karontā.

    อยํ สติปฎฺฐานเทสนา ปุพฺพภาคมคฺควเสน เทสิตาติ ปุพฺพภาคิยโพชฺฌเงฺค สนฺธายาห ‘‘โพชฺฌงฺคปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติฯ เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Ayaṃ satipaṭṭhānadesanā pubbabhāgamaggavasena desitāti pubbabhāgiyabojjhaṅge sandhāyāha ‘‘bojjhaṅgapariggāhikā sati dukkhasacca’’nti. Sesaṃ vuttanayattā suviññeyyameva.

    โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Bojjhaṅgapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ปฐมภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    จตุสจฺจปพฺพวณฺณนา

    Catusaccapabbavaṇṇanā

    ๓๘๖. ยถาสภาวโตติ อวิปรีตสภาวโตฯ พาธนกฺขณโต โย โย วา สภาโว ยถาสภาโว, ตโต, รุปฺปนาทิ กกฺขฬาทิสภาวโตติ อโตฺถฯ ชนิกํ สมุฎฺฐาปิกนฺติ ปวตฺตลกฺขณสฺส ทุกฺขสฺส ชนิกํ นิมิตฺตลกฺขณสฺส สมุฎฺฐาปิกํฯ ปุริมตณฺหนฺติ ยถาปริคฺคหิตสฺส ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติโต ปุเรตรํ สิทฺธํ ตณฺหํฯ สิเทฺธ หิ การเณ ตสฺส ผลุปฺปตฺติฯ อยํ ทุกฺขสมุทโยติ ปชานาตีติ โยชนาฯ อยํ ทุกฺขนิโรโธติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อุภินฺนํ อปฺปวตฺตินฺติ ทุกฺขํ, สมุทโย จาติ ทฺวินฺนํ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ, ตทุภยํ น ปวตฺติ เอตายาติ อปฺปวตฺติ, อสงฺขตา ธาตุฯ ทุกฺขํ ทุกฺขสจฺจํ ปริชานาติ ปริญฺญาภิสมยวเสน ปริจฺฉินฺทตีติ ทุกฺขปริชานโน, อริยมโคฺค, ตํ ทุกฺขปริชานนํฯ เสสปททฺวเยปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    386.Yathāsabhāvatoti aviparītasabhāvato. Bādhanakkhaṇato yo yo vā sabhāvo yathāsabhāvo, tato, ruppanādi kakkhaḷādisabhāvatoti attho. Janikaṃ samuṭṭhāpikanti pavattalakkhaṇassa dukkhassa janikaṃ nimittalakkhaṇassa samuṭṭhāpikaṃ. Purimataṇhanti yathāpariggahitassa dukkhassa nibbattito puretaraṃ siddhaṃ taṇhaṃ. Siddhe hi kāraṇe tassa phaluppatti. Ayaṃ dukkhasamudayoti pajānātīti yojanā. Ayaṃ dukkhanirodhoti etthāpi eseva nayo. Ubhinnaṃ appavattinti dukkhaṃ, samudayo cāti dvinnaṃ appavattinimittaṃ, tadubhayaṃ na pavatti etāyāti appavatti, asaṅkhatā dhātu. Dukkhaṃ dukkhasaccaṃ parijānāti pariññābhisamayavasena paricchindatīti dukkhaparijānano, ariyamaggo, taṃ dukkhaparijānanaṃ. Sesapadadvayepi iminā nayena attho veditabbo.

    ทุกฺขสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา

    Dukkhasaccaniddesavaṇṇanā

    ๓๘๘. เอวํ วุตฺตาติ เอวํ อุเทฺทสวเสน วุตฺตาฯ สพฺพสตฺตานํ ปริยาทานวจนํ พฺยาปนิจฺฉาวเสน อาเมฑิตนิเทฺทสภาวโตฯ สตฺตนิกาเยติ สตฺตานํ นิกาเย, สตฺตฆเฎ สตฺตสมูเหติ อโตฺถฯ เทวมนุสฺสาทิเภทาสุ หิ คตีสุ ภุมฺมเทวาทิขตฺติยาทิหตฺถิอาทิขุปฺปิปาสิกาทิตํตํชาติวิสิโฎฺฐ สตฺตสมูโห สตฺตนิกาโยฯ นิปฺปริยายโต ขนฺธานํ ปฐมาภินิพฺพตฺติ ชาตีติ กตฺวา ‘‘ชนนํ ชาตี’’ติ วตฺวา สฺวายํ อุปฺปาทวิกาโร อปรินิปฺผโนฺน เยสุ ขเนฺธสุ อิจฺฉิตโพฺพ, เต เตเนว สทฺธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘สวิการาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ สวิการานนฺติ อุปฺปาทสงฺขาเตน วิกาเรน สวิการานํฯ ชาติอาทีนิ หิ ตีณิ ลกฺขณานิ ธมฺมานํ วิการวิเสสาติฯ ‘‘อุปสคฺคมณฺฑิตเววจน’’นฺติ อิมินา เกวลํ อุปสเคฺคน ปทวฑฺฒนํ กตนฺติ ทเสฺสติฯ อนุปวิฎฺฐากาเรนาติ อณฺฑโกสํ, วตฺถิโกสญฺจ โอคาหนากาเรนฯ นิพฺพตฺติสงฺขาเตนาติ อายตนานํ ปาริปูริสํสิทฺธิสงฺขาเตนฯ

    388.Evaṃ vuttāti evaṃ uddesavasena vuttā. Sabbasattānaṃ pariyādānavacanaṃ byāpanicchāvasena āmeḍitaniddesabhāvato. Sattanikāyeti sattānaṃ nikāye, sattaghaṭe sattasamūheti attho. Devamanussādibhedāsu hi gatīsu bhummadevādikhattiyādihatthiādikhuppipāsikāditaṃtaṃjātivisiṭṭho sattasamūho sattanikāyo. Nippariyāyato khandhānaṃ paṭhamābhinibbatti jātīti katvā ‘‘jananaṃ jātī’’ti vatvā svāyaṃ uppādavikāro aparinipphanno yesu khandhesu icchitabbo, te teneva saddhiṃ dassetuṃ ‘‘savikārāna’’ntiādi vuttaṃ. Savikārānanti uppādasaṅkhātena vikārena savikārānaṃ. Jātiādīni hi tīṇi lakkhaṇāni dhammānaṃ vikāravisesāti. ‘‘Upasaggamaṇḍitavevacana’’nti iminā kevalaṃ upasaggena padavaḍḍhanaṃ katanti dasseti. Anupaviṭṭhākārenāti aṇḍakosaṃ, vatthikosañca ogāhanākārena. Nibbattisaṅkhātenāti āyatanānaṃ pāripūrisaṃsiddhisaṅkhātena.

    อถ วา ชนนํ ชาตีติ อปริปุณฺณายตนํ ชาติมาหฯ สญฺชาตีติ สมฺปุณฺณายตนํฯ สมฺปุณฺณา หิ ชาติ สญฺชาติฯ โอกฺกมนเฎฺฐน โอกฺกนฺตีติ อณฺฑชชลาพุชวเสน ชาติฯ เต หิ อณฺฑโกสํ, วตฺถิโกสญฺจ โอกฺกมนฺตา ปวิสนฺตา วิย ปฎิสนฺธิํ คณฺหนฺติฯ อภินิพฺพตฺตนเฎฺฐน อภินิพฺพตฺตีติ สํเสทชโอปปาติกวเสนฯ เต หิ ปากฎา เอว หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติฯ อภิพฺยตฺตา นิพฺพตฺติ อภินิพฺพตฺติฯ ‘‘ชนนํ ชาตี’’ติอาทิ อายตนวเสน, โยนิวเสน จ ทฺวีหิ ทฺวีหิ ปเทหิ สพฺพสเตฺต ปริยาทิยิตฺวา ชาติํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ‘‘เตสํ เตสํ สตฺตานํ…เป.… อภินิพฺพตฺตี’’ติ สตฺตวเสน วุตฺตตฺตา สมฺมุติกถาฯ ปาตุภาโวติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, ปการโตฺถ วา, เตน ‘‘อายตนานํ ปฎิลาโภ’’ติ อิมสฺส ปทสฺส สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อยมฺปิ หิ ปรมตฺถกถาติฯ เอกโวการภวาทีสูติ เอกจตุปญฺจโวการภเวสุฯ ตสฺมิํ ขนฺธานํ ปาตุภาเว สติฯ อายตนานํ ปฎิลาโภติ เอกจตุโวการภเวสุ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ อายตนานํ วเสน, เสเสสุ รูปธาตุยํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ อุปฺปชฺชมานานํ ปญฺจนฺนํ, กามธาตุยํ วิกลาวิกลินฺทฺริยานํ วเสน สตฺตนฺนํ, นวนฺนํ, ทสนฺนํ, ปุนทสนฺนํ, เอกาทสนฺนญฺจ อายตนานํ วเสน สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ปาตุภวนฺตาเนว, น กุโตจิ อาคตานิฯ ปฎิลทฺธานิ นาม โหนฺติ สตฺตสนฺตานสฺส ตสฺส สํวิชฺชมานตฺตาฯ อายตนานํ ปฎิลาโภติ วา อายตนานํ อตฺตลาโภ เวทิตโพฺพฯ

    Atha vā jananaṃ jātīti aparipuṇṇāyatanaṃ jātimāha. Sañjātīti sampuṇṇāyatanaṃ. Sampuṇṇā hi jāti sañjāti. Okkamanaṭṭhena okkantīti aṇḍajajalābujavasena jāti. Te hi aṇḍakosaṃ, vatthikosañca okkamantā pavisantā viya paṭisandhiṃ gaṇhanti. Abhinibbattanaṭṭhena abhinibbattīti saṃsedajaopapātikavasena. Te hi pākaṭā eva hutvā nibbattanti. Abhibyattā nibbatti abhinibbatti. ‘‘Jananaṃ jātī’’tiādi āyatanavasena, yonivasena ca dvīhi dvīhi padehi sabbasatte pariyādiyitvā jātiṃ dassetuṃ vuttaṃ. ‘‘Tesaṃ tesaṃ sattānaṃ…pe… abhinibbattī’’ti sattavasena vuttattā sammutikathā. Pātubhāvoti ettha iti-saddo ādiattho, pakārattho vā, tena ‘‘āyatanānaṃ paṭilābho’’ti imassa padassa saṅgaho daṭṭhabbo. Ayampi hi paramatthakathāti. Ekavokārabhavādīsūti ekacatupañcavokārabhavesu. Tasmiṃ khandhānaṃ pātubhāve sati. Āyatanānaṃ paṭilābhoti ekacatuvokārabhavesu dvinnaṃ dvinnaṃ āyatanānaṃ vasena, sesesu rūpadhātuyaṃ paṭisandhikkhaṇe uppajjamānānaṃ pañcannaṃ, kāmadhātuyaṃ vikalāvikalindriyānaṃ vasena sattannaṃ, navannaṃ, dasannaṃ, punadasannaṃ, ekādasannañca āyatanānaṃ vasena saṅgaho daṭṭhabbo. Pātubhavantāneva, na kutoci āgatāni. Paṭiladdhāni nāma honti sattasantānassa tassa saṃvijjamānattā. Āyatanānaṃ paṭilābhoti vā āyatanānaṃ attalābho veditabbo.

    ๓๘๙. สภาวนิเทฺทโสติ สรูปนิเทฺทโสฯ สรูปเญฺหตํ ชิณฺณตาย, ยทิทํ ‘‘ชรา’’ติ, ‘‘วโยหานีติ วาฯ ชีรณเมว ชีรณตา, ชีรนฺตสฺส วา อากาโร ตา-สเทฺทน วุโตฺตติ อาห ‘‘อาการภาวนิเทฺทโส’’ติฯ ขณฺฑิตทนฺตา ขณฺฑิตา นาม อุตฺตรปทโลเปนฯ ยสฺส วิการสฺส วเสน สโตฺต ‘‘ขณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, ตํ ขณฺฑิจฺจํฯ ตถา ปลิตานิ อสฺส สนฺตีติ ‘‘ปลิโต’’ติ วุจฺจติ, ตํ ปาลิจฺจํฯ วลิตฺตจตาย วา วลิ ตโจ อสฺสาติ วลิตฺตโจฯ

    389.Sabhāvaniddesoti sarūpaniddeso. Sarūpañhetaṃ jiṇṇatāya, yadidaṃ ‘‘jarā’’ti, ‘‘vayohānīti vā. Jīraṇameva jīraṇatā, jīrantassa vā ākāro -saddena vuttoti āha ‘‘ākārabhāvaniddeso’’ti. Khaṇḍitadantā khaṇḍitā nāma uttarapadalopena. Yassa vikārassa vasena satto ‘‘khaṇḍito’’ti vuccati, taṃ khaṇḍiccaṃ. Tathā palitāni assa santīti ‘‘palito’’ti vuccati, taṃ pāliccaṃ. Valittacatāya vā vali taco assāti valittaco.

    ผลูปจาเรนาติ ผลโวหาเรนฯ

    Phalūpacārenāti phalavohārena.

    ๓๙๐. จวนเมว จวนตา, จวนฺตสฺส วา อากาโร ตา-สเทฺทน วุโตฺตฯ ขนฺธา ภิชฺชนฺตีติ เอกภวปริยาปนฺนสฺส ขนฺธสนฺตานสฺส ปริโยสานภูตา ขนฺธา ภิชฺชนฺติ, เตเนว เภเทน นิโรธนํ อทสฺสนํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา เภโท อนฺตรธานํ มรณํฯ มจฺจุมรณนฺติ มจฺจุสงฺขาตํ เอกภวปริยาปนฺนชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทภูตํ มรณํฯ เตนาห ‘‘น ขณิกมรณ’’นฺติฯ ‘‘มจฺจุ มรณ’’นฺติ สมาสํ อกตฺวา โย ‘‘มจฺจู’’ติ วุจฺจติ เภโท, ยญฺจ มรณํ ปาณจาโค, อิทํ วุจฺจติ มรณนฺติ วิสุํ สมฺพโนฺธ น น ยุชฺชติฯ กาลกิริยาติ มรณกาโล, อนติกฺกมนียตฺตา วิเสเสน ‘‘กาโล’’ติ วุโตฺตติ ตสฺส กิริยา, อตฺถโต จุติขนฺธานํ เภทปฺปตฺติเยว, กาลสฺส วา อนฺตกสฺส กิริยาติ ยา โลเก วุจฺจติ, สา จุติ, มรณนฺติ อโตฺถฯ อยํ สพฺพาปิ สมฺมุติกถาว ‘‘ยํ เตสํ เตสํ สตฺตาน’’นฺติอาทินา สตฺตวเสน วุตฺตตฺตาฯ อยํ ปรมตฺถกถา ปรมตฺถโต ลพฺภมานานํ รุปฺปนาทิสภาวานํ ธมฺมานํ วินสฺสนโชตนาภาวโตฯ

    390. Cavanameva cavanatā, cavantassa vā ākāro -saddena vutto. Khandhā bhijjantīti ekabhavapariyāpannassa khandhasantānassa pariyosānabhūtā khandhā bhijjanti, teneva bhedena nirodhanaṃ adassanaṃ gacchanti, tasmā bhedo antaradhānaṃ maraṇaṃ. Maccumaraṇanti maccusaṅkhātaṃ ekabhavapariyāpannajīvitindriyupacchedabhūtaṃ maraṇaṃ. Tenāha ‘‘na khaṇikamaraṇa’’nti. ‘‘Maccu maraṇa’’nti samāsaṃ akatvā yo ‘‘maccū’’ti vuccati bhedo, yañca maraṇaṃ pāṇacāgo, idaṃ vuccati maraṇanti visuṃ sambandho na na yujjati. Kālakiriyāti maraṇakālo, anatikkamanīyattā visesena ‘‘kālo’’ti vuttoti tassa kiriyā, atthato cutikhandhānaṃ bhedappattiyeva, kālassa vā antakassa kiriyāti yā loke vuccati, sā cuti, maraṇanti attho. Ayaṃ sabbāpi sammutikathāva ‘‘yaṃ tesaṃ tesaṃ sattāna’’ntiādinā sattavasena vuttattā. Ayaṃ paramatthakathā paramatthato labbhamānānaṃ ruppanādisabhāvānaṃ dhammānaṃ vinassanajotanābhāvato.

    อตฺตาติ ภวติ เอตฺถ จิตฺตนฺติ อตฺตภาโว, ขนฺธสมูโห, ตสฺส นิเกฺขโป นิกฺขิปนํ, ปาตนํ วินาโสติ อโตฺถฯ อฎฺฐกถายํปน ‘‘มรณํ ปตฺตสฺสา’’ติอาทินา นิเกฺขปเหตุตาย ปตนํ ‘‘นิเกฺขโป’’ติ ผลูปจาเรน วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ ‘‘ขนฺธานํ เภโท’’ติ ปพนฺธวเสน ปวตฺตมานสฺส ธมฺมสมูหสฺส วินาสโชตนาติ เอกเทสโต ปรมตฺถกถา, ‘‘ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปเจฺฉโท’’ติ ปเนตฺถ น โกจิ โวหารเลโส ปีติ อาห ‘‘ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปเจฺฉโท ปน สพฺพาการโต ปรมตฺถโต มรณ’’นฺติฯ เอวํ สเนฺตปิ ยสฺส ขนฺธเภทสฺส ปวตฺตตฺตา ‘‘ติโสฺส มโต, ผุโสฺส มโต’’ติ โวหาโร โหติ, โส เภโท ขนฺธปฺปพนฺธสฺส อนุปจฺฉินฺนตาย ‘‘สมฺมุติมรณ’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ อาห ‘‘เอตเทว สมฺมุติมรณนฺติปิ วุจฺจตี’’ติฯ เตนาห ‘‘ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทเมว หี’’ติอาทิฯ สพฺพโส ปพนฺธสมุเจฺฉโท หิ สมุเจฺฉทมรณนฺติฯ

    Attāti bhavati ettha cittanti attabhāvo, khandhasamūho, tassa nikkhepo nikkhipanaṃ, pātanaṃ vināsoti attho. Aṭṭhakathāyaṃpana ‘‘maraṇaṃ pattassā’’tiādinā nikkhepahetutāya patanaṃ ‘‘nikkhepo’’ti phalūpacārena vuttanti dasseti. ‘‘Khandhānaṃ bhedo’’ti pabandhavasena pavattamānassa dhammasamūhassa vināsajotanāti ekadesato paramatthakathā, ‘‘jīvitindriyassa upacchedo’’ti panettha na koci vohāraleso pīti āha ‘‘jīvitindriyassa upacchedo pana sabbākārato paramatthato maraṇa’’nti. Evaṃ santepi yassa khandhabhedassa pavattattā ‘‘tisso mato, phusso mato’’ti vohāro hoti, so bhedo khandhappabandhassa anupacchinnatāya ‘‘sammutimaraṇa’’nti vattabbataṃ arahatīti āha ‘‘etadeva sammutimaraṇantipi vuccatī’’ti. Tenāha ‘‘jīvitindriyupacchedameva hī’’tiādi. Sabbaso pabandhasamucchedo hi samucchedamaraṇanti.

    ๓๙๑. พฺยสเนนาติ อนเตฺถนฯ ‘‘ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๒๑) วิย ธมฺม-สโทฺท เหตุปริยาโยติ อาห ‘‘ทุกฺขการเณนา’’ติฯ โสจนนฺติ ลกฺขิตพฺพตาย โสจนลกฺขโณฯ โสจิตสฺส โสจนกสฺส ปุคฺคลสฺส, จิตฺตสฺส วา ภาโว โสจิตภาโวฯ อพฺภนฺตเรติ อตฺตภาวสฺส อโนฺตฯ อตฺตโน ลูขสภาวตาย โสเสโนฺตฯ ถามคมเนน สมนฺตโต โสสนวเสน ปริโสเสโนฺตฯ

    391.Byasanenāti anatthena. ‘‘Dhammapaṭisambhidā’’tiādīsu (vibha. 721) viya dhamma-saddo hetupariyāyoti āha ‘‘dukkhakāraṇenā’’ti. Socananti lakkhitabbatāya socanalakkhaṇo. Socitassa socanakassa puggalassa, cittassa vā bhāvo socitabhāvo. Abbhantareti attabhāvassa anto. Attano lūkhasabhāvatāya sosento. Thāmagamanena samantato sosanavasena parisosento.

    ๓๙๒. ‘‘อาทิสฺส อาทิสฺส เทวนฺติ ปริเทวนฺติ เอเตนาติ อาเทโว’’ติ อาเทวน-สทฺทํ กตฺวา อสฺสุโมจนาทิวิการํ อาปชฺชนฺตานํ ตพฺพิการาปตฺติยา โส สโทฺท การณภาเวน วุโตฺตฯ ตํ ตํ วณฺณนฺติ ตํ ตํ คุณํฯ ตเสฺสวาติ อาเทวปริเทวเสฺสวฯ ภาวนิเทฺทสาติ ‘‘อาเทวิตตฺตํ ปริเทวิตตฺต’’นฺติ ภาวนิเทฺทสาฯ

    392.‘‘Ādissa ādissa devanti paridevanti etenāti ādevo’’ti ādevana-saddaṃ katvā assumocanādivikāraṃ āpajjantānaṃ tabbikārāpattiyā so saddo kāraṇabhāvena vutto. Taṃtaṃ vaṇṇanti taṃ taṃ guṇaṃ. Tassevāti ādevaparidevasseva. Bhāvaniddesāti ‘‘ādevitattaṃ paridevitatta’’nti bhāvaniddesā.

    ๓๙๓. นิสฺสยภูโต กาโย เอตสฺส อตฺถีติ กายิกํฯ เตนาห ‘‘กายปสาทวตฺถุก’’นฺติฯ ทุกฺกรํ ขมนํ เอตสฺสาติ ทุกฺขมนํ, โส เอว อโตฺถ สภาโวติ ทุกฺขมนโฎฺฐ, เตนฯ สาตวิธุรตาย อสาตํฯ

    393. Nissayabhūto kāyo etassa atthīti kāyikaṃ. Tenāha ‘‘kāyapasādavatthuka’’nti. Dukkaraṃ khamanaṃ etassāti dukkhamanaṃ, so eva attho sabhāvoti dukkhamanaṭṭho, tena. Sātavidhuratāya asātaṃ.

    ๓๙๔. เจตสิ ภวนฺติ เจตสิกํ, ตํ ปน ยสฺมา จิเตฺตน สมํ ปกาเรหิ ยุตฺตํ, ตสฺมา อาห ‘‘จิตฺตสมฺปยุตฺต’’นฺติฯ

    394. Cetasi bhavanti cetasikaṃ, taṃ pana yasmā cittena samaṃ pakārehi yuttaṃ, tasmā āha ‘‘cittasampayutta’’nti.

    ๓๙๕. สพฺพวิสยปฎิปตฺตินิวารณวเสน สมนฺตโต สีทนํ สํสีทนํฯ อุฎฺฐาตุมฺปิ อสกฺกุเณยฺยตากรณวเสน อติพลวํ, วิรูปํ วา สีทนํ วิสีทนํฯ จิตฺตกิลมโถติ วิสีทนากาเรน จิตฺตสฺส ปริเขโทฯ อุปายาโส, สยํ น ทุโกฺข โทสตฺตา, สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนธมฺมนฺตรตฺตา วาฯ เย ปน โทมนสฺสเมว ‘‘อุปายาโส’’ติ วเทยฺยุํ, เต ‘‘อุปายาโส ตีหิ ขเนฺธหิ เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา สมฺปยุโตฺต, เอเกน ขเนฺธน เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา เกหิจิ สมฺปยุโตฺต’’ติ (ธาตุ. ๒๔๙)ฯ อิมาย ปาฬิยา ปฎิกฺขิปิตพฺพาฯ อุป-สโทฺท ภุสโตฺถติ อาห ‘‘พลวตรํ อายาโส อุปายาโส’’ติฯ ธมฺมมตฺตตาทีปโน ภาวนิเทฺทโส ธมฺมโต อญฺญสฺส กตฺตุอภาวโชตโน, อสติ จ กตฺตริ เตน กตฺตพฺพสฺส, ปริคฺคเหตพฺพสฺส จ อภาโว เอวาติ อาห ‘‘อตฺตตฺตนิยาภาวทีปกาภาวนิเทฺทสา’’ติฯ

    395. Sabbavisayapaṭipattinivāraṇavasena samantato sīdanaṃ saṃsīdanaṃ. Uṭṭhātumpi asakkuṇeyyatākaraṇavasena atibalavaṃ, virūpaṃ vā sīdanaṃ visīdanaṃ. Cittakilamathoti visīdanākārena cittassa parikhedo. Upāyāso, sayaṃ na dukkho dosattā, saṅkhārakkhandhapariyāpannadhammantarattā vā. Ye pana domanassameva ‘‘upāyāso’’ti vadeyyuṃ, te ‘‘upāyāso tīhi khandhehi ekenāyatanena ekāya dhātuyā sampayutto, ekena khandhena ekenāyatanena ekāya dhātuyā kehici sampayutto’’ti (dhātu. 249). Imāya pāḷiyā paṭikkhipitabbā. Upa-saddo bhusatthoti āha ‘‘balavataraṃ āyāso upāyāso’’ti. Dhammamattatādīpano bhāvaniddeso dhammato aññassa kattuabhāvajotano, asati ca kattari tena kattabbassa, pariggahetabbassa ca abhāvo evāti āha ‘‘attattaniyābhāvadīpakābhāvaniddesā’’ti.

    ๓๙๘. ชาติธมฺมานนฺติ เอตฺถ ธมฺม-สโทฺท ปกติปริยาโยติ อาห ‘‘ชาติสภาวาน’’นฺติ, ชายนปกติกานนฺติ วุตฺตํ โหติฯ มคฺคภาวนาย มคฺคภาวนิจฺฉาเหตุกตา อิจฺฉิตพฺพาติ ตาทิสํ อิจฺฉํ นิวเตฺตโนฺต ‘‘วินา มคฺคภาวน’’นฺติ อาหฯ อปโร นโย น โข ปเนตนฺติ ยเมตํ ‘‘อโห วต มยํ น ชาติธมฺมา อสฺสาม, น จ วต โน ชาติ อาคเจฺฉยฺยา’’ติ เอวํ ปหีนสมุทเยสุ อริเยสุ วิชฺชมานํ อชาติธมฺมตฺตํ, ปรินิพฺพุเตสุ จ วิชฺชมานํ ชาติยา อนาคมนํ อิจฺฉิตํ, ตํ อิจฺฉนฺตสฺสาปิ มคฺคภาวนาย วินา อปฺปตฺตพฺพโต , อนิจฺฉนฺตสฺสาปิ ภาวนาย ปตฺตพฺพโต น อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํ นาม โหตีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ วกฺขมานตฺถสมฺปิณฺฑนโตฺถ ปิ-สโทฺทติ อาห ‘‘อุปริ เสสานิ อุปาทาย ปิ-กาโร’’ติฯ นฺติ เหตุอเตฺถ กรเณ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘เยนปิ ธเมฺมนา’’ติฯ เหตุอโตฺถ หิ อยํ ธมฺม-สโทฺท , อลพฺภเนยฺยภาโว เอตฺถ เหตุ เวทิตโพฺพฯ นฺติ วา อิจฺฉิตสฺส วตฺถุโน อลพฺภนํ, เอวเมตฺถ ‘‘ยมฺปีติ เยนปี’’ติ วิภตฺติวิปลฺลาเสน อโตฺถ วุโตฺตฯ ยทา ปน ยํ-สโทฺท ‘‘อิจฺฉ’’นฺติ เอตํ อเปกฺขติ, ตทา อลาภวิสิฎฺฐา อิจฺฉา วุตฺตา โหติฯ ยทา ปน ‘‘น ลภตี’’ติ เอตํ อเปกฺขติ, ตทา อิจฺฉาวิสิโฎฺฐ อลาโภ วุโตฺต โหติ, โส ปน อตฺถโต อโญฺญ ธโมฺม นตฺถิ, ตถาปิ อลพฺภเนยฺยวตฺถุคตา อิจฺฉาว วุตฺตา โหติฯ สพฺพตฺถาติ ‘‘ชราธมฺมาน’’นฺติอาทินา อาคเตสุ สพฺพวาเรสุฯ

    398.Jātidhammānanti ettha dhamma-saddo pakatipariyāyoti āha ‘‘jātisabhāvāna’’nti, jāyanapakatikānanti vuttaṃ hoti. Maggabhāvanāya maggabhāvanicchāhetukatā icchitabbāti tādisaṃ icchaṃ nivattento ‘‘vinā maggabhāvana’’nti āha. Aparo nayo na kho panetanti yametaṃ ‘‘aho vata mayaṃ na jātidhammā assāma, na ca vata no jāti āgaccheyyā’’ti evaṃ pahīnasamudayesu ariyesu vijjamānaṃ ajātidhammattaṃ, parinibbutesu ca vijjamānaṃ jātiyā anāgamanaṃ icchitaṃ, taṃ icchantassāpi maggabhāvanāya vinā appattabbato , anicchantassāpi bhāvanāya pattabbato na icchāya pattabbaṃ nāma hotīti evamettha attho daṭṭhabbo. Vakkhamānatthasampiṇḍanattho pi-saddoti āha ‘‘upari sesāni upādāya pi-kāro’’ti. Yanti hetuatthe karaṇe paccattavacananti āha ‘‘yenapi dhammenā’’ti. Hetuattho hi ayaṃ dhamma-saddo , alabbhaneyyabhāvo ettha hetu veditabbo. Tanti vā icchitassa vatthuno alabbhanaṃ, evamettha ‘‘yampīti yenapī’’ti vibhattivipallāsena attho vutto. Yadā pana yaṃ-saddo ‘‘iccha’’nti etaṃ apekkhati, tadā alābhavisiṭṭhā icchā vuttā hoti. Yadā pana ‘‘na labhatī’’ti etaṃ apekkhati, tadā icchāvisiṭṭho alābho vutto hoti, so pana atthato añño dhammo natthi, tathāpi alabbhaneyyavatthugatā icchāva vuttā hoti. Sabbatthāti ‘‘jarādhammāna’’ntiādinā āgatesu sabbavāresu.

    สมุทยสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา

    Samudayasaccaniddesavaṇṇanā

    ๔๐๐. ปุนพฺภวกรณํ ปุโนพฺภโว อุตฺตรปทโลปํ กตฺวา มโน-สทฺทสฺส วิย ปุริมปทสฺส โอ-การนฺตตา ทฎฺฐพฺพาฯ อถ วา สีลนเฎฺฐน อิก-สเทฺทน คมิตตฺถตฺตา กิริยาวาจกสฺส สทฺทสฺส อทสฺสนํ ทฎฺฐพฺพํ ยถา ‘‘อสูปภกฺขนสีโล อสูปิโก’’ติฯ สโมฺมหวิโนทนิยํ ปน ‘‘ปุนพฺภวํ เทติ, ปุนพฺภวาย สํวตฺตติ, ปุนปฺปุนํ ภเว นิพฺพเตฺตตีติ โปโนพฺภวิกา’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๐๓) อโตฺถ วุโตฺต โส ‘‘ตทฺธิตา’’ อิติ พหุวจนนิเทฺทสโต, วิจิตฺตตฺตา วา ตทฺธิตวุตฺติยา, อภิธานลกฺขณตฺตา วา ตทฺธิตานํ เตสุปิ อเตฺถสุ โปโนพฺภวิกสทฺทสิทฺธิ สมฺภเวยฺยาติ กตฺวา วุโตฺตฯ ตตฺถ กมฺมุนา สหชาตา ปุนพฺภวํ เทติ, อสหชาตา กมฺมสหายภูตา ปุนพฺภวาย สํวตฺตติ, ทุวิธาปิ ปุนปฺปุนํ ภเว นิพฺพเตฺตตีติ ทฎฺฐพฺพาฯ นนฺทนเฎฺฐน, รญฺชนเฎฺฐน จ นนฺทีราโค, โย จ นนฺทีราโค, ยา จ ตณฺหายนเฎฺฐน ตณฺหา, อุภยเมตํ เอกตฺถํ, พฺยญฺชนเมว นานนฺติ ตณฺหา ‘‘นนฺทีราเคน สทฺธิํ อตฺถโต เอกตฺตเมว คตา’’ติ วุตฺตาฯ ตพฺภาวโตฺถ เหตฺถ สห-สโทฺท ‘‘สนิทสฺสนา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๙) วิยฯ ตสฺมา นนฺทีราคสหคตาติ นนฺทีราคภาวํ คตา สพฺพาสุปิ อวตฺถาสุ นนฺทีราคภาวสฺส อปจฺจกฺขาย วตฺตนโตติ อโตฺถฯ ราคสมฺพเนฺธน อุปฺปนฺนสฺสาติ วุตฺตํฯ รูปารูปภวราคสฺส วิสุํ วุจฺจมานตฺตา กามภเว เอว ภวปตฺถนุปฺปตฺติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ

    400.Punabbhavakaraṇaṃ punobbhavo uttarapadalopaṃ katvā mano-saddassa viya purimapadassa o-kārantatā daṭṭhabbā. Atha vā sīlanaṭṭhena ika-saddena gamitatthattā kiriyāvācakassa saddassa adassanaṃ daṭṭhabbaṃ yathā ‘‘asūpabhakkhanasīlo asūpiko’’ti. Sammohavinodaniyaṃ pana ‘‘punabbhavaṃ deti, punabbhavāya saṃvattati, punappunaṃ bhave nibbattetīti ponobbhavikā’’ti (vibha. aṭṭha. 203) attho vutto so ‘‘taddhitā’’ iti bahuvacananiddesato, vicittattā vā taddhitavuttiyā, abhidhānalakkhaṇattā vā taddhitānaṃ tesupi atthesu ponobbhavikasaddasiddhi sambhaveyyāti katvā vutto. Tattha kammunā sahajātā punabbhavaṃ deti, asahajātā kammasahāyabhūtā punabbhavāya saṃvattati, duvidhāpi punappunaṃ bhave nibbattetīti daṭṭhabbā. Nandanaṭṭhena, rañjanaṭṭhena ca nandīrāgo, yo ca nandīrāgo, yā ca taṇhāyanaṭṭhena taṇhā, ubhayametaṃ ekatthaṃ, byañjanameva nānanti taṇhā ‘‘nandīrāgena saddhiṃ atthato ekattameva gatā’’ti vuttā. Tabbhāvattho hettha saha-saddo ‘‘sanidassanā dhammā’’tiādīsu (dha. sa. dukamātikā 9) viya. Tasmā nandīrāgasahagatāti nandīrāgabhāvaṃ gatā sabbāsupi avatthāsu nandīrāgabhāvassa apaccakkhāya vattanatoti attho. Rāgasambandhena uppannassāti vuttaṃ. Rūpārūpabhavarāgassa visuṃ vuccamānattā kāmabhave eva bhavapatthanuppatti vuttāti veditabbā.

    ตสฺมิํ ตสฺมิํ ปิยรูเป ปฐมุปฺปตฺติวเสน ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ปุนปฺปุนํ ปวตฺติวเสน ‘‘นิวิสตี’’ติฯ ปริยุฎฺฐานานุสยวเสน วา อุปฺปตฺตินิเวสา โยเชตพฺพาฯ สมฺปตฺติยนฺติ มนุสฺสโสภเคฺค, เทวเตฺต จฯ อตฺตโน จกฺขุนฺติ สวตฺถุกํ จกฺขุํ วทติ, สปสาทํ วา มํสปิณฺฑํฯ วิปฺปสนฺนํ ปญฺจปสาทนฺติ ปริสุทฺธสุปฺปสนฺนนีลปีตโลหิตกณฺหโอทาตวณฺณวนฺตํฯ รชตปนาฬิกํ วิย ฉิทฺทํ อพฺภนฺตเร โอทาตตฺตาฯ ปามงฺคสุตฺตํ วิย อาลมฺพกณฺณพทฺธํฯ ตุงฺคา อุจฺจา ทีฆา นาสิกา ตุงฺคนาสา, เอวํ ลทฺธโวหารํ อตฺตโน ฆานํฯ ‘‘ลทฺธโวหารา’’ติ วา ปาโฐ, ตสฺมิํ สติ ตุงฺคา นาสา เยสํ เต ตุงฺคนาสา, เอวํ ลทฺธโวหารา สตฺตา อตฺตโน ฆานนฺติ โยชนา กาตพฺพาฯ ชิวฺหํ…เป.… มญฺญนฺติ วณฺณสณฺฐานโต, กิจฺจโต จฯ กายํ…เป.… มญฺญนฺติ อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยาฯ มนํ…เป.… มญฺญนฺติ อตีตาทิอตฺถจินฺตนสมตฺถํฯ อตฺตนา ปฎิลทฺธานิ อชฺฌตฺตญฺจ สรีรคนฺธาทีนิ, พหิทฺธา จ วิเลปนคนฺธาทีนิฯ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตีติ ยทา อุปฺปชฺชมานา โหติ, ตทา เอตฺถ อุปฺปชฺชตีติ สามเญฺญน คหิตา อุปฺปาทกิริยา ลกฺขณภาเวน วุตฺตา, วิสยวิสิฎฺฐา จ ลกฺขิตพฺพภาเวนฯ น หิ สามญฺญวิเสเสหิ นานตฺตโวหาโร น โหตีติฯ อุปฺปชฺชมานาติ วา อนิจฺฉิโต อุปฺปาโท เหตุภาเวน วุโตฺต, อุปฺปชฺชตีติ นิจฺฉิโต ผลภาเวน ยทิ อุปฺปชฺชมานา โหติ, เอตฺถ อุปฺปชฺชตีติฯ

    Tasmiṃ tasmiṃ piyarūpe paṭhamuppattivasena ‘‘uppajjatī’’ti vuttaṃ, punappunaṃ pavattivasena ‘‘nivisatī’’ti. Pariyuṭṭhānānusayavasena vā uppattinivesā yojetabbā. Sampattiyanti manussasobhagge, devatte ca. Attano cakkhunti savatthukaṃ cakkhuṃ vadati, sapasādaṃ vā maṃsapiṇḍaṃ. Vippasannaṃ pañcapasādanti parisuddhasuppasannanīlapītalohitakaṇhaodātavaṇṇavantaṃ. Rajatapanāḷikaṃ viya chiddaṃ abbhantare odātattā. Pāmaṅgasuttaṃ viya ālambakaṇṇabaddhaṃ. Tuṅgā uccā dīghā nāsikā tuṅganāsā, evaṃ laddhavohāraṃ attano ghānaṃ. ‘‘Laddhavohārā’’ti vā pāṭho, tasmiṃ sati tuṅgā nāsā yesaṃ te tuṅganāsā, evaṃ laddhavohārā sattā attano ghānanti yojanā kātabbā. Jivhaṃ…pe… maññanti vaṇṇasaṇṭhānato, kiccato ca. Kāyaṃ…pe… maññanti ārohapariṇāhasampattiyā. Manaṃ…pe… maññanti atītādiatthacintanasamatthaṃ. Attanā paṭiladdhāni ajjhattañca sarīragandhādīni, bahiddhā ca vilepanagandhādīni. Uppajjamānā uppajjatīti yadā uppajjamānā hoti, tadā ettha uppajjatīti sāmaññena gahitā uppādakiriyā lakkhaṇabhāvena vuttā, visayavisiṭṭhā ca lakkhitabbabhāvena. Na hi sāmaññavisesehi nānattavohāro na hotīti. Uppajjamānāti vā anicchito uppādo hetubhāvena vutto, uppajjatīti nicchito phalabhāvena yadi uppajjamānā hoti, ettha uppajjatīti.

    นิโรธสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา

    Nirodhasaccaniddesavaṇṇanā

    ๔๐๑. ‘‘สพฺพานิ นิพฺพานเววจนาเนวา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘นิพฺพานญฺหี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ อาคมฺมาติ นิมิตฺตํ กตฺวาฯ นิพฺพานเหตุโก หิ ตณฺหาย อเสสวิราคนิโรโธฯ ขยคมนวเสน วิรชฺชติฯ อปฺปวตฺติคมนวเสน นิรุชฺฌติฯ อนเปกฺขตาย จชนวเสน, หานิวเสน วา จชียติฯ ปุน ยถา นปฺปวตฺตติ, ตถา ทูร ขิปนวเสน ปฎินิสฺสชฺชียติฯ พนฺธนภูตาย โมจนวเสน มุจฺจติฯ อสํกิเลสวเสน น อลฺลียติฯ กสฺมา ปเนตํ นิพฺพานํ เอกเมว สมานํ นานานาเมหิ วุจฺจตีติ? ปฎิปกฺขนานตายาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอกเมว หี’’ติอาทิมาหฯ สงฺขตธมฺมวิธุรสภาวตฺตา นิพฺพานสฺส นามานิปิ คุณเนมิตฺติกตฺตา สงฺขตธมฺมวิธุราเนว โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพสงฺขตานํ นามปฎิปกฺขวเสนา’’ติฯ อเสสํ วิรชฺชติ ตณฺหา เอตฺถาติ อเสสวิราโคติฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ อยํ ปน วิเสโส – นตฺถิ เอตสฺส อุปฺปาโท, น วา เอตสฺมิํ อธิคเต ปุคฺคลสฺส อุปฺปาโทติ อนุปฺปาโท, อสงฺขตธโมฺมฯ ‘‘อปฺปวตฺต’’นฺติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อายูหนํ สมุทโย, ตปฺปฎิปกฺขวเสน อนายูหนํฯ

    401. ‘‘Sabbāni nibbānavevacanānevā’’ti vatvā tamatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘nibbānañhī’’tiādi āraddhaṃ. Tattha āgammāti nimittaṃ katvā. Nibbānahetuko hi taṇhāya asesavirāganirodho. Khayagamanavasena virajjati. Appavattigamanavasena nirujjhati. Anapekkhatāya cajanavasena, hānivasena vā cajīyati. Puna yathā nappavattati, tathā dūra khipanavasena paṭinissajjīyati. Bandhanabhūtāya mocanavasena muccati. Asaṃkilesavasena na allīyati. Kasmā panetaṃ nibbānaṃ ekameva samānaṃ nānānāmehi vuccatīti? Paṭipakkhanānatāyāti dassento ‘‘ekameva hī’’tiādimāha. Saṅkhatadhammavidhurasabhāvattā nibbānassa nāmānipi guṇanemittikattā saṅkhatadhammavidhurāneva hontīti vuttaṃ ‘‘sabbasaṅkhatānaṃ nāmapaṭipakkhavasenā’’ti. Asesaṃ virajjati taṇhā etthāti asesavirāgoti. Esa nayo sesesupi. Ayaṃ pana viseso – natthi etassa uppādo, na vā etasmiṃ adhigate puggalassa uppādoti anuppādo, asaṅkhatadhammo. ‘‘Appavatta’’ntiādīsupi iminā nayena attho veditabbo. Āyūhanaṃ samudayo, tappaṭipakkhavasena anāyūhanaṃ.

    ตณฺหา อปฺปหีเน สติ ยตฺถ อุปฺปชฺชติ, ปหาเน ปน สติ ตตฺถ ตเตฺถวสฺสา อภาโว สุทสฺสิโตติ อาห ‘‘ตเตฺถว อภาวํ ทเสฺสตุ’’นฺติฯ อปญฺญตฺตินฺติ อปญฺญาปนํ, ‘‘ติตฺต อลาพุ อตฺถี’’ติ โวหาราภาวํ วาฯ ติตฺตอลาพุวลฺลิยา อปฺปวตฺติํ อิจฺฉโนฺต ปุริโส วิย อริยมโคฺค, ตสฺส ตสฺสา อปฺปวตฺตินินฺนจิตฺตสฺส มูลเจฺฉทนํ วิย มคฺคสฺส นิพฺพานารมฺมณสฺส ตณฺหาย ปหานํ, ตทปฺปวตฺติ วิย ตณฺหาย อปฺปวตฺติภูตํ นิพฺพานํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Taṇhā appahīne sati yattha uppajjati, pahāne pana sati tattha tatthevassā abhāvo sudassitoti āha ‘‘tattheva abhāvaṃ dassetu’’nti. Apaññattinti apaññāpanaṃ, ‘‘titta alābu atthī’’ti vohārābhāvaṃ vā. Tittaalābuvalliyā appavattiṃ icchanto puriso viya ariyamaggo, tassa tassā appavattininnacittassa mūlacchedanaṃ viya maggassa nibbānārammaṇassa taṇhāya pahānaṃ, tadappavatti viya taṇhāya appavattibhūtaṃ nibbānaṃ daṭṭhabbaṃ.

    ทุติยอุปมายํ ทกฺขิณทฺวารํ วิย นิพฺพานํ, โจรฆาตกา วิย มโคฺคฯ ทกฺขิณทฺวาเร ฆาติตาปิ โจรา ปจฺฉา ‘‘อฎวิยํ โจรา ฆาติตา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ นิพฺพานํ อาคมฺม นิรุทฺธาปิ ตณฺหา ‘‘จกฺขาทีสุ นิรุทฺธา’’ติ วุจฺจติ ตตฺถ กิจฺจกรณาภาวโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปุริมา วา อุปมา มเคฺคน นิรุทฺธาย ‘‘ปิยรูปสาตรูเปสุ นิรุทฺธา’’ติ วตฺตพฺพตาทสฺสนตฺถํ วุตฺตา, ปจฺฉิมา นิพฺพานํ อาคมฺม นิรุทฺธาย ‘‘ปิยรูปสาตรูเปสุ นิรุทฺธา’’ติ วตฺตพฺพตาทสฺสนตฺถํ วุตฺตาติ อยํ เอตาสํ วิเสโสฯ

    Dutiyaupamāyaṃ dakkhiṇadvāraṃ viya nibbānaṃ, coraghātakā viya maggo. Dakkhiṇadvāre ghātitāpi corā pacchā ‘‘aṭaviyaṃ corā ghātitā’’ti vuccanti, evaṃ nibbānaṃ āgamma niruddhāpi taṇhā ‘‘cakkhādīsu niruddhā’’ti vuccati tattha kiccakaraṇābhāvatoti daṭṭhabbaṃ. Purimā vā upamā maggena niruddhāya ‘‘piyarūpasātarūpesu niruddhā’’ti vattabbatādassanatthaṃ vuttā, pacchimā nibbānaṃ āgamma niruddhāya ‘‘piyarūpasātarūpesu niruddhā’’ti vattabbatādassanatthaṃ vuttāti ayaṃ etāsaṃ viseso.

    มคฺคสจฺจนิเทฺทสวณฺณนา

    Maggasaccaniddesavaṇṇanā

    ๔๐๒. อญฺญมคฺคปฎิเกฺขปนตฺถนฺติ ติตฺถิเยหิ ปริกปฺปิตสฺส มคฺคสฺส ทุกฺขนิโรธคามินิปฎิปทาภาวปฎิเกฺขปนตฺถํ, อญฺญสฺส วา มคฺคภาวปฎิเกฺขโป อญฺญมคฺคปฎิเกฺขโป, ตทตฺถํฯ ‘‘อย’’นฺติ ปน อตฺตโน, เตสุ จ ภิกฺขูสุ เอกจฺจานํ ปจฺจกฺขภาวโต อาสนฺนปจฺจกฺขวจนํฯ อารกตฺตาติ นิรุตฺตินเยน อริยสทฺทสิทฺธิมาหฯ อริยภาวกรตฺตาติ อริยกรโณ อริโยติ อุตฺตรปทโลเปน, ปุคฺคลสฺส อริยภาวกรตฺตา อริยํ กโรตีติ วา อริโย, อริยผลปฎิลาภกรตฺตา วา อริยํ ผลํ ลภาเปติ ชเนตีติ อริโยฯ ปุริเมน เจตฺถ อตฺตโน กิจฺจวเสน, ปจฺฉิเมน ผลวเสน อริยนามลาโภ วุโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ จตุสจฺจปฎิเวธาวหํ กมฺมฎฺฐานํ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานํ , จตุสจฺจํ วา อุทฺทิสฺส ปวตฺตํ ภาวนากมฺมํ โยคิโน สุขวิเสสานํ ฐานภูตนฺติ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานํฯ ปุริมานิ เทฺว สจฺจานิ วฎฺฎํ ปวตฺติเหตุภาวโตฯ ปจฺฉิมานิ วิวฎฺฎํ นิวตฺติตทธิคมุปายภาวโตฯ วเฎฺฎ กมฺมฎฺฐานาภินิเวโส สรูปโต ปริคฺคหสพฺภาวโตฯ วิวเฎฺฎ นตฺถิ อวิสยตฺตา, วิสยเตฺต จ ปโยชนาภาวโตฯ ปุริมานิ เทฺว สจฺจานิ อุคฺคณฺหิตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ กมฺมฎฺฐานปาฬิยา หิ ตทตฺถสลฺลกฺขเณน วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโหฯ เตนาห ‘‘วาจาย ปุนปฺปุนํ ปริวเตฺตโนฺต’’ติฯ อิฎฺฐํ กนฺตนฺติ นิโรธมเคฺคสุ นินฺนภาวํ ทเสฺสติ, น อภินนฺทนํ, ตนฺนินฺนภาโวเยว จ ตตฺถ กมฺมกรณํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    402.Aññamaggapaṭikkhepanatthanti titthiyehi parikappitassa maggassa dukkhanirodhagāminipaṭipadābhāvapaṭikkhepanatthaṃ, aññassa vā maggabhāvapaṭikkhepo aññamaggapaṭikkhepo, tadatthaṃ. ‘‘Aya’’nti pana attano, tesu ca bhikkhūsu ekaccānaṃ paccakkhabhāvato āsannapaccakkhavacanaṃ. Ārakattāti niruttinayena ariyasaddasiddhimāha. Ariyabhāvakarattāti ariyakaraṇo ariyoti uttarapadalopena, puggalassa ariyabhāvakarattā ariyaṃ karotīti vā ariyo, ariyaphalapaṭilābhakarattā vā ariyaṃ phalaṃ labhāpeti janetīti ariyo. Purimena cettha attano kiccavasena, pacchimena phalavasena ariyanāmalābho vuttoti daṭṭhabbo. Catusaccapaṭivedhāvahaṃ kammaṭṭhānaṃ catusaccakammaṭṭhānaṃ, catusaccaṃ vā uddissa pavattaṃ bhāvanākammaṃ yogino sukhavisesānaṃ ṭhānabhūtanti catusaccakammaṭṭhānaṃ. Purimāni dve saccānivaṭṭaṃ pavattihetubhāvato. Pacchimāni vivaṭṭaṃ nivattitadadhigamupāyabhāvato. Vaṭṭe kammaṭṭhānābhiniveso sarūpato pariggahasabbhāvato. Vivaṭṭe natthi avisayattā, visayatte ca payojanābhāvato. Purimāni dve saccāni uggaṇhitvāti sambandho. Kammaṭṭhānapāḷiyā hi tadatthasallakkhaṇena vācuggatakaraṇaṃ uggaho. Tenāha ‘‘vācāya punappunaṃ parivattento’’ti. Iṭṭhaṃ kantanti nirodhamaggesu ninnabhāvaṃ dasseti, na abhinandanaṃ, tanninnabhāvoyeva ca tattha kammakaraṇaṃ daṭṭhabbaṃ.

    เอกปฎิเวเธเนวาติ เอกญาเณเนว ปฎิวิชฺฌเนนฯ ปฎิเวโธ ปฎิฆาตาภาเวน วิสเย นิสฺสงฺคจารสงฺขาตํ นิพฺพิชฺฌนํฯ อภิสมโย อวิรชฺฌิตฺวา วิสยสฺส อธิคมสงฺขาโต อวโพโธฯ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิโยฺย’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชานนเมว วุตฺตนเยน ปฎิเวโธติ ปริญฺญาปฎิเวโธ, เตนฯ อิทญฺจ ยถา ตสฺมิํ ญาเณ ปวเตฺต ปจฺฉา ทุกฺขสฺส สรูปาทิปริเจฺฉเท สโมฺมโห น โหติ, ตถา ปวตฺติํ คเหตฺวา วุตฺตํ, น ปน มคฺคญาณสฺส ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๒.๔๘๔; ๓.๑๐๔) ปวตฺตนโตฯ ปหีนสฺส ปุน อปฺปหาตพฺพตาย ปกฎฺฐํ หานํ จชนํ สมุจฺฉินฺทนํ, ปหานเมว วุตฺตนเยน ปฎิเวโธติ ปหานปฎิเวโธ, เตนฯ อยมฺปิ ยสฺมิํ กิเลเส อปฺปหียมาเน มคฺคภาวนาย น ภวิตพฺพํ, อสติ จ มคฺคภาวนาย โย อุปฺปเชฺชยฺย, ตสฺส กิเลสสฺส ปฎิฆาตํ กโรนฺตสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺตสฺส ญาณสฺส ตถาปวตฺติยํ ปฎิฆาตาภาเวน นิสฺสงฺคจารํ อุปาทาย เอวํ วุโตฺตฯ สจฺฉิกิริยา ปจฺจกฺขกรณํ อนุสฺสวาการปริวิตกฺกาทิเก มุญฺจิตฺวา สรูปโต อารมฺมณกรณํ ‘‘อิทํ ต’’นฺติ ยถาสภาวโต คหณํ, สา เอว วุตฺตนเยน ปฎิเวโธติ สจฺฉิกิริยาปฎิเวโธ, เตนฯ อยํ ปนสฺส อาวรณสฺส อสมุจฺฉินฺทนโต ญาณํ นิโรธํ อาลมฺพิตุํ น สโกฺกติ, ตสฺส สมุจฺฉินฺทนโต ตํ สรูปโต วิภาเวนฺตเมว ปวตฺตตีติ เอวํ วุโตฺตฯ ภาวนา อุปฺปาทนา, วฑฺฒนา จฯ ตตฺถ ปฐมมเคฺค อุปฺปาทนเฎฺฐน, ทุติยาทีสุ วฑฺฒนเฎฺฐน, อุภยตฺถาปิ วา อุภยถาปิ เวทิตพฺพํฯ ปฐมมเคฺคปิ หิ ยถารหํ วุฎฺฐานคามินิยํ ปวตฺตํ ปริชานนาทิํ วเฑฺฒโนฺต ปวโตฺตติ วฑฺฒนเฎฺฐน ภาวนา สกฺกา วิญฺญาตุํฯ ทุติยาทีสุปิ อปฺปหีนกิเลสปฺปหานโต, ปุคฺคลนฺตรภาวสาธนโต จ อุปฺปาทนเฎฺฐน ภาวนา สกฺกา วิญฺญาตุํ, สา เอว วุตฺตนเยน ปฎิเวโธติ ภาวนาปฎิเวโธ, เตนฯ อยมฺปิ หิ ยถา ญาเณ ปวเตฺต ปจฺฉา มคฺคธมฺมานํ สรูปปริเจฺฉเท สโมฺมโห น โหติ, ตถา ปวตฺติเมว คเหตฺวา วุโตฺตฯ

    Ekapaṭivedhenevāti ekañāṇeneva paṭivijjhanena. Paṭivedho paṭighātābhāvena visaye nissaṅgacārasaṅkhātaṃ nibbijjhanaṃ. Abhisamayo avirajjhitvā visayassa adhigamasaṅkhāto avabodho. ‘‘Idaṃ dukkhaṃ, ettakaṃ dukkhaṃ, na ito bhiyyo’’ti paricchinditvā jānanameva vuttanayena paṭivedhoti pariññāpaṭivedho, tena. Idañca yathā tasmiṃ ñāṇe pavatte pacchā dukkhassa sarūpādiparicchede sammoho na hoti, tathā pavattiṃ gahetvā vuttaṃ, na pana maggañāṇassa ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādinā (ma. ni. 2.484; 3.104) pavattanato. Pahīnassa puna appahātabbatāya pakaṭṭhaṃ hānaṃ cajanaṃ samucchindanaṃ, pahānameva vuttanayena paṭivedhoti pahānapaṭivedho, tena. Ayampi yasmiṃ kilese appahīyamāne maggabhāvanāya na bhavitabbaṃ, asati ca maggabhāvanāya yo uppajjeyya, tassa kilesassa paṭighātaṃ karontassa anuppattidhammataṃ āpādentassa ñāṇassa tathāpavattiyaṃ paṭighātābhāvena nissaṅgacāraṃ upādāya evaṃ vutto. Sacchikiriyā paccakkhakaraṇaṃ anussavākāraparivitakkādike muñcitvā sarūpato ārammaṇakaraṇaṃ ‘‘idaṃ ta’’nti yathāsabhāvato gahaṇaṃ, sā eva vuttanayena paṭivedhoti sacchikiriyāpaṭivedho, tena. Ayaṃ panassa āvaraṇassa asamucchindanato ñāṇaṃ nirodhaṃ ālambituṃ na sakkoti, tassa samucchindanato taṃ sarūpato vibhāventameva pavattatīti evaṃ vutto. Bhāvanā uppādanā, vaḍḍhanā ca. Tattha paṭhamamagge uppādanaṭṭhena, dutiyādīsu vaḍḍhanaṭṭhena, ubhayatthāpi vā ubhayathāpi veditabbaṃ. Paṭhamamaggepi hi yathārahaṃ vuṭṭhānagāminiyaṃ pavattaṃ parijānanādiṃ vaḍḍhento pavattoti vaḍḍhanaṭṭhena bhāvanā sakkā viññātuṃ. Dutiyādīsupi appahīnakilesappahānato, puggalantarabhāvasādhanato ca uppādanaṭṭhena bhāvanā sakkā viññātuṃ, sā eva vuttanayena paṭivedhoti bhāvanāpaṭivedho, tena. Ayampi hi yathā ñāṇe pavatte pacchā maggadhammānaṃ sarūpaparicchede sammoho na hoti, tathā pavattimeva gahetvā vutto.

    ติฎฺฐนฺตุ ตาว ยถาธิคตา มคฺคธมฺมา, ยถาปวเตฺตสุ ผลธเมฺมสุปิ อยํ ยถาธิคตสจฺจธเมฺมสุ วิย วิคตสโมฺมโหว โหติฯ เตเนวาห ‘‘ทิฎฺฐธโมฺม ปตฺตธโมฺม วิทิตธโมฺม ปริโยคาฬฺหธโมฺม’’ติ (มหาว. ๑๘; ที. นิ. ๑.๒๙๙; ม. นิ. ๒.๖๙) ยโต สจสฺส ธมฺมตาสโญฺจทิตา ยถาธิคตสจฺจธมฺมาลมฺพนิโย มคฺควีถิโต ปรโต มคฺคผลปหีนาวสิฎฺฐกิเลสนิพฺพานานํ ปจฺจเวกฺขณา ปวตฺตนฺติ, ทุกฺขสจฺจโมฺมปิ สกฺกายทิฎฺฐิอาทโยฯ อยญฺจ อตฺถวณฺณนา ‘‘ปริญฺญาภิสมเยนา’’ติอาทีสุปิ วิภาเวตพฺพาฯ เอกาภิสมเยน อภิสเมตีติ เอตฺถาห วิตณฺฑวาที ‘‘อริยมคฺคญาณํ จตูสุ สเจฺจสุ นานาภิสมยวเสน กิจฺจกร’’นฺติ, โส อภิธเมฺม (กถา. ๒๗๔) โอธิโสกถาย สญฺญาเปตโพฺพฯ อิทานิ ตเมว เอกาภิสมยํ วิตฺถารวเสน วิภาเวตุํ ‘‘เอวมสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ปุพฺพภาเค…เป.… ปฎิเวโธ โหตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ปฎิเวโธ ปุพฺพภาคิโย น โหตีติ? สจฺจเมตํ นิปฺปริยายโต, อิธ ปน อุคฺคหาทิวเสน ปวโตฺต อวโพโธ ปริยายโต ตถา วุโตฺตฯ ปฎิเวธนิมิตฺตตฺตา วา อุคฺคหาทิวเสน ปวตฺตํ ทุกฺขาทีสุ ปุพฺพภาเค ญาณํ ‘‘ปฎิเวโธ’’ติ วุตฺตํ, น ปฎิวิชฺฌนสภาวํฯ กิจฺจโตติ ปุพฺพภาเคหิ ทุกฺขาทิญาเณหิ กาตพฺพกิจฺจสฺส อิธ นิปฺผตฺติโต, อิมเสฺสว วา ญาณสฺส ทุกฺขาทิปฺปกาสนกิจฺจโต, ปริญฺญาทิโตติ อโตฺถฯ อารมฺมณปฎิเวโธติ สจฺฉิกิริยาปฎิเวธมาหฯ สาติ ปจฺจเวกฺขณาฯ อิธาติ อิมสฺมิํ ฐาเนฯ อุคฺคหาทีสุ วุจฺจมาเนสุ น วุตฺตา อนวสรตฺตาฯ อธิคเม หิ สติ ตสฺสา สิยา อวสโรฯ

    Tiṭṭhantu tāva yathādhigatā maggadhammā, yathāpavattesu phaladhammesupi ayaṃ yathādhigatasaccadhammesu viya vigatasammohova hoti. Tenevāha ‘‘diṭṭhadhammo pattadhammo viditadhammo pariyogāḷhadhammo’’ti (mahāva. 18; dī. ni. 1.299; ma. ni. 2.69) yato sacassa dhammatāsañcoditā yathādhigatasaccadhammālambaniyo maggavīthito parato maggaphalapahīnāvasiṭṭhakilesanibbānānaṃ paccavekkhaṇā pavattanti, dukkhasaccammopi sakkāyadiṭṭhiādayo. Ayañca atthavaṇṇanā ‘‘pariññābhisamayenā’’tiādīsupi vibhāvetabbā. Ekābhisamayena abhisametīti etthāha vitaṇḍavādī ‘‘ariyamaggañāṇaṃ catūsu saccesu nānābhisamayavasena kiccakara’’nti, so abhidhamme (kathā. 274) odhisokathāya saññāpetabbo. Idāni tameva ekābhisamayaṃ vitthāravasena vibhāvetuṃ ‘‘evamassā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Pubbabhāge…pe… paṭivedho hotī’’ti kasmā vuttaṃ, nanu paṭivedho pubbabhāgiyo na hotīti? Saccametaṃ nippariyāyato, idha pana uggahādivasena pavatto avabodho pariyāyato tathā vutto. Paṭivedhanimittattā vā uggahādivasena pavattaṃ dukkhādīsu pubbabhāge ñāṇaṃ ‘‘paṭivedho’’ti vuttaṃ, na paṭivijjhanasabhāvaṃ. Kiccatoti pubbabhāgehi dukkhādiñāṇehi kātabbakiccassa idha nipphattito, imasseva vā ñāṇassa dukkhādippakāsanakiccato, pariññāditoti attho. Ārammaṇapaṭivedhoti sacchikiriyāpaṭivedhamāha. ti paccavekkhaṇā. Idhāti imasmiṃ ṭhāne. Uggahādīsu vuccamānesu na vuttā anavasarattā. Adhigame hi sati tassā siyā avasaro.

    ตํเยว หิ อนวสรํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิมสฺส จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปุเพฺพ ปริคฺคหโตติ กมฺมฎฺฐานปริคฺคหโต ปุเพฺพฯ อุคฺคหาทิวเสน สจฺจานํ ปริคฺคณฺหนญฺหิ ปริคฺคโหฯ ตถา ตานิ ปริคฺคณฺหนโต มนสิการทฬฺหตาย ปุพฺพภาคิยา ทุกฺขปริญฺญาทโย โหนฺติ เยวาติ อาห ‘‘ปริคฺคหโต ปฎฺฐาย โหตี’’ติฯ อปรภาเคติ มคฺคกฺขเณฯ ทุทฺทสตฺตาติ อตฺตโน ปวตฺติกฺขณวเสน ปากฎานิปิ ปกติญาเณน สภาวรสโต ทฎฺฐุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตาฯ คมฺภีเรเนว จ ภาวนาญาเณน, ตถาปิ มตฺถกปฺปเตฺตน อริยมคฺคญาเณเนว ยาถาวโต ปสฺสิตพฺพตฺตา คมฺภีรานิ ฯ เตนาห ‘‘ลกฺขณปฎิเวธโต ปน อุภยมฺปิ คมฺภีร’’นฺติฯ อิตรานิ อสํกิลิฎฺฐอสํกิเลสิกตาย อจฺจนฺตสุขปฺปตฺตาย อนุปฺปตฺติภวตาย, อนุปฺปนฺนปุพฺพตาย จ ปวตฺติวเสน อปากฎตฺตา จ ปรมคมฺภีรตฺตา, ตถา ปรมคมฺภีรญาเณเนว ปสฺสิตพฺพตาย ปกติญาเณน ทฎฺฐุํ น สกฺกุเณยฺยานีติ ทุทฺทสานิฯ เตนาห ‘‘อิตเรสํ ปนา’’ติอาทิฯ ปโยโคติ กิริยา, วายาโม วาฯ ตสฺส มหนฺตตรสฺส อิจฺฉิตพฺพตํ, ทุกฺกรตรตญฺจ อุปมาหิ ทเสฺสติ ‘‘ภวคฺคคฺคหณตฺถ’’นฺติอาทินาฯ ปฎิเวธกฺขเณติ อริยสฺส มคฺคสฺส จตุสจฺจสมฺปฎิเวธกฺขเณฯ เอกเมว ตํ ญาณนฺติ ทุกฺขาทีสุ ปริญฺญาทิกิจฺจสาธนวเสน เอกเมว ตํ มคฺคญาณํ โหติฯ

    Taṃyeva hi anavasaraṃ dassetuṃ ‘‘imassa cā’’tiādi vuttaṃ. Pubbe pariggahatoti kammaṭṭhānapariggahato pubbe. Uggahādivasena saccānaṃ pariggaṇhanañhi pariggaho. Tathā tāni pariggaṇhanato manasikāradaḷhatāya pubbabhāgiyā dukkhapariññādayo honti yevāti āha ‘‘pariggahato paṭṭhāya hotī’’ti. Aparabhāgeti maggakkhaṇe. Duddasattāti attano pavattikkhaṇavasena pākaṭānipi pakatiñāṇena sabhāvarasato daṭṭhuṃ asakkuṇeyyattā. Gambhīreneva ca bhāvanāñāṇena, tathāpi matthakappattena ariyamaggañāṇeneva yāthāvato passitabbattā gambhīrāni. Tenāha ‘‘lakkhaṇapaṭivedhato pana ubhayampi gambhīra’’nti. Itarāni asaṃkiliṭṭhaasaṃkilesikatāya accantasukhappattāya anuppattibhavatāya, anuppannapubbatāya ca pavattivasena apākaṭattā ca paramagambhīrattā, tathā paramagambhīrañāṇeneva passitabbatāya pakatiñāṇena daṭṭhuṃ na sakkuṇeyyānīti duddasāni. Tenāha ‘‘itaresaṃ panā’’tiādi. Payogoti kiriyā, vāyāmo vā. Tassa mahantatarassa icchitabbataṃ, dukkarataratañca upamāhi dasseti ‘‘bhavaggaggahaṇattha’’ntiādinā. Paṭivedhakkhaṇeti ariyassa maggassa catusaccasampaṭivedhakkhaṇe. Ekameva taṃ ñāṇanti dukkhādīsu pariññādikiccasādhanavasena ekameva taṃ maggañāṇaṃ hoti.

    อิเมสุ ตีสุ ฐาเนสูติ อิเมสุ วิรมิตพฺพตาวเสน โชติเตสุ ตีสุ กามพฺยาปาทวิหิํสาวิตกฺกวตฺถูสุฯ วิสุํ วิสุํ อุปฺปนฺนสฺส ติวิธอกุสลสงฺกปฺปสฺสฯ ปทปเจฺฉทโตติ เอตฺถ คตมโคฺค ‘‘ปท’’นฺติ วุจฺจติ, เยน จ อุปาเยน การเณน กามวิตโกฺก อุปฺปชฺชติ, โส ตสฺส คตมโคฺคติ ตสฺส ปเจฺฉโท ฆาโต ปทปเจฺฉโท, ตโต ปทปเจฺฉทโตฯ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนํ อนุปฺปตฺติสาธนํ, ตสฺส วเสนฯ มคฺคกิจฺจสาธเนน มคฺคงฺคํ ปูรยมาโน เอโกว ติวิธกิจฺจสาธโน กุสลสงฺกโปฺป อุปฺปชฺชติฯ ติวิธากุสลสงฺกปฺปสมุเจฺฉทนเมว เหตฺถ ติวิธกิจฺจสาธนํ ทฎฺฐพฺพํฯ อิมินา นเยน ‘‘อิเมสุ จตูสุ ฐาเนสู’’ติอาทีสุปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Imesu tīsu ṭhānesūti imesu viramitabbatāvasena jotitesu tīsu kāmabyāpādavihiṃsāvitakkavatthūsu. Visuṃ visuṃ uppannassa tividhaakusalasaṅkappassa. Padapacchedatoti ettha gatamaggo ‘‘pada’’nti vuccati, yena ca upāyena kāraṇena kāmavitakko uppajjati, so tassa gatamaggoti tassa pacchedo ghāto padapacchedo, tato padapacchedato. Anuppattidhammatāpādanaṃ anuppattisādhanaṃ, tassa vasena. Maggakiccasādhanena maggaṅgaṃ pūrayamāno ekova tividhakiccasādhano kusalasaṅkappo uppajjati. Tividhākusalasaṅkappasamucchedanameva hettha tividhakiccasādhanaṃ daṭṭhabbaṃ. Iminā nayena ‘‘imesu catūsu ṭhānesū’’tiādīsupi attho veditabbo.

    มุสาวาทาเวรมณิอาทโยติ เอตฺถ ยสฺมา สิกฺขาปทวิภเงฺค (วิภ. ๗๐๓) วิรติเจตนา, สเพฺพ สมฺปยุตฺตธมฺมา จ สิกฺขาปทานีติ อาคตานีติ ตตฺถ ปธานานํ วิรติเจตนานํ วเสน ‘‘วิรติโยปิ โหนฺติ เจตนาโยปี’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๗๐๓) สโมฺมหวิโนทนิยํ วุตฺตํ, ตสฺมา เกจิ ‘‘อาทิ-สเทฺทน น เกวลํ ปิสุณวาจา เวรมณิอาทีนํเยว สงฺคโห, อถ โข ตาทิสานํ เจตนานมฺปิ สงฺคโห’’ติ วทนฺติ, ตํ ปุพฺพภาควเสน วุจฺจมานตฺตา ยุเชฺชยฺย, มุสาวาทาทีหิ วิรมณกาเล วา วิรติโย, สุภาสิตาทิวาจาภาสนาทิกาเล จ เจตนาโย โยเชตพฺพา, มคฺคกฺขเณ ปน วิรติโยว อิจฺฉิตพฺพา เจตนานํ อมคฺคงฺคตฺตาฯ เอกสฺส ญาณสฺส ทุกฺขาทิญาณตา วิย, เอกาย วิรติยา มุสาวาทาทิวิรติภาโว วิย จ เอกาย เจตนาย สมฺมาวาจาทิกิจฺจตฺตยสาธนสภาวาภาวา สมฺมาวาจาทิภาวาสิทฺธิโต, ตํสิทฺธิยํ องฺคตฺตยตาสิทฺธิโต จฯ

    Musāvādāveramaṇiādayoti ettha yasmā sikkhāpadavibhaṅge (vibha. 703) viraticetanā, sabbe sampayuttadhammā ca sikkhāpadānīti āgatānīti tattha padhānānaṃ viraticetanānaṃ vasena ‘‘viratiyopi honti cetanāyopī’’ti (vibha. aṭṭha. 703) sammohavinodaniyaṃ vuttaṃ, tasmā keci ‘‘ādi-saddena na kevalaṃ pisuṇavācā veramaṇiādīnaṃyeva saṅgaho, atha kho tādisānaṃ cetanānampi saṅgaho’’ti vadanti, taṃ pubbabhāgavasena vuccamānattā yujjeyya, musāvādādīhi viramaṇakāle vā viratiyo, subhāsitādivācābhāsanādikāle ca cetanāyo yojetabbā, maggakkhaṇe pana viratiyova icchitabbā cetanānaṃ amaggaṅgattā. Ekassa ñāṇassa dukkhādiñāṇatā viya, ekāya viratiyā musāvādādiviratibhāvo viya ca ekāya cetanāya sammāvācādikiccattayasādhanasabhāvābhāvā sammāvācādibhāvāsiddhito, taṃsiddhiyaṃ aṅgattayatāsiddhito ca.

    ภิกฺขุสฺส อาชีวเหตุกํ กายวจีทุจฺจริตํ นาม อโยนิโส อาหารปริเยสนเหตุกเมว สิยาติ อาห ‘‘ขาทนีย…เป.… ทุจฺจริต’’นฺติฯ กายวจีทุจฺจริตคฺคหณญฺจ กายวจีทฺวาเรเยว อาชีวปโกโป, น มโนทฺวาเรติ ทสฺสนตฺถํฯ เตนาห ‘‘อิเมสุเยว สตฺตสุ ฐาเนสู’’ติฯ

    Bhikkhussa ājīvahetukaṃ kāyavacīduccaritaṃ nāma ayoniso āhārapariyesanahetukameva siyāti āha ‘‘khādanīya…pe… duccarita’’nti. Kāyavacīduccaritaggahaṇañca kāyavacīdvāreyeva ājīvapakopo, na manodvāreti dassanatthaṃ. Tenāha ‘‘imesuyeva sattasu ṭhānesū’’ti.

    อนุปฺปนฺนานนฺติ อสมุทาจารวเสน วา อนนุภูตารมฺมณวเสน วา อนุปฺปนฺนานํฯ อญฺญถา หิ อนมตเคฺค สํสาเร อนุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา นาม น สนฺติฯ เตนาห ‘‘เอกสฺมิํ ภเว’’ติอาทิฯ ยสฺมิํ ภเว อยํ อิมํ วีริยํ อารภติ, ตสฺมิํ เอกสฺมิํ ภเวฯ ชเนตีติ อุปฺปาเทติฯ ตาทิสํ ฉนฺทํ กุรุมาโน เอวํ ฉนฺทํ ชเนติ นามฯ วายามํ กโรตีติ ปโยคํ ปรกฺกมํ กโรติฯ วีริยํ ปวเตฺตตีติ กายิกเจตสิกวีริยํ ปการโต วเตฺตติฯ วีริเยน จิตฺตํ ปคฺคหิตํ กโรตีติ เตเนว สหชาตวีริเยน จิตฺตํ อุกฺขิเปโนฺต โกสชฺชปาตโต นิเสธเนน ปคฺคหิตํ กโรติฯ ปทหนํ ปวเตฺตตีติ ปธานํ วีริยํ กโรติฯ ปฎิปาฎิยา ปเนตานิ จตฺตาริ ปทานิ อาเสวนาภาวนาพหุลีกมฺมสาตจฺจกิริยาหิ โยเชตพฺพานิฯ

    Anuppannānanti asamudācāravasena vā ananubhūtārammaṇavasena vā anuppannānaṃ. Aññathā hi anamatagge saṃsāre anuppannā pāpakā akusalā dhammā nāma na santi. Tenāha ‘‘ekasmiṃ bhave’’tiādi. Yasmiṃ bhave ayaṃ imaṃ vīriyaṃ ārabhati, tasmiṃ ekasmiṃ bhave.Janetīti uppādeti. Tādisaṃ chandaṃ kurumāno evaṃ chandaṃ janeti nāma. Vāyāmaṃ karotīti payogaṃ parakkamaṃ karoti. Vīriyaṃpavattetīti kāyikacetasikavīriyaṃ pakārato vatteti. Vīriyena cittaṃ paggahitaṃ karotīti teneva sahajātavīriyena cittaṃ ukkhipento kosajjapātato nisedhanena paggahitaṃ karoti. Padahanaṃ pavattetīti padhānaṃ vīriyaṃ karoti. Paṭipāṭiyā panetāni cattāri padāni āsevanābhāvanābahulīkammasātaccakiriyāhi yojetabbāni.

    อุปฺปนฺนปุพฺพานนฺติ สทิสโวหาเรน วุตฺตํฯ ภวติ หิ ตํสทิเสสุ ตโพฺพหาโร ยถา ‘‘สา เอว ติตฺติริ, ตานิ เอว โอสธานี’’ติฯ เตนาห ‘‘อิทานิ ตาทิเส’’ติฯ อุปฺปนฺนานนฺติ ‘‘อนุปฺปนฺนา’’ติ อวตฺตพฺพตํ อาปนฺนานํฯ ปหานายาติ ปชหนตฺถายฯ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานนฺติ เอตฺถ กุสลาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อธิเปฺปตา, เตสญฺจ อุปฺปาโท นาม อธิคโม ปฎิลาโภ, ตปฺปฎิเกฺขเปน อนุปฺปาโท อปฺปฎิลาโภติ อาห ‘‘อปฺปฎิลทฺธานํ ปฐมชฺฌานาทีน’’นฺติฯ ‘‘ฐิติยา วีริยํ อารภตี’’ติ วุเตฺต น ขณฐิติ อธิเปฺปตา ตทตฺถํ วีริยารเพฺภน ปโยชนาภาวโต, อถ โข ปพนฺธฐิติ อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติปพนฺธวเสน ฐิตตฺถ’’นฺติฯ สมฺมุสฺสนํ ปฎิปกฺขธมฺมวเสน อทสฺสนมุปคมนนฺติ ตปฺปฎิเกฺขเปน อสมฺมุสฺสนํ อสโมฺมโสติ อาห ‘‘อสโมฺมสายาติ อวินาสนตฺถ’’นฺติฯ ภิโยฺยภาโว ปุนปฺปุนํ ภวนํ, โส ปน อุปรูปริ อุปฺปตฺตีติ อาห ‘‘อุปริภาวายา’’ติฯ เวปุลฺลํ อภิณฺหปฺปวตฺติยา ปคุณพลวภาวาปตฺตีติ วุตฺตํ ‘‘เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวายา’’ติ, มหนฺตภาวายาติ อโตฺถฯ ภาวนาย ปริปูรณตฺถนฺติ ฌานาทิภาวนาปริพฺรูหนตฺถํฯ

    Uppannapubbānanti sadisavohārena vuttaṃ. Bhavati hi taṃsadisesu tabbohāro yathā ‘‘sā eva tittiri, tāni eva osadhānī’’ti. Tenāha ‘‘idāni tādise’’ti. Uppannānanti ‘‘anuppannā’’ti avattabbataṃ āpannānaṃ. Pahānāyāti pajahanatthāya. Anuppannānaṃ kusalānanti ettha kusalāti uttarimanussadhammā adhippetā, tesañca uppādo nāma adhigamo paṭilābho, tappaṭikkhepena anuppādo appaṭilābhoti āha ‘‘appaṭiladdhānaṃ paṭhamajjhānādīna’’nti. ‘‘Ṭhitiyā vīriyaṃ ārabhatī’’ti vutte na khaṇaṭhiti adhippetā tadatthaṃ vīriyārabbhena payojanābhāvato, atha kho pabandhaṭhiti adhippetāti āha ‘‘punappunaṃ uppattipabandhavasena ṭhitattha’’nti. Sammussanaṃ paṭipakkhadhammavasena adassanamupagamananti tappaṭikkhepena asammussanaṃ asammosoti āha ‘‘asammosāyāti avināsanattha’’nti. Bhiyyobhāvo punappunaṃ bhavanaṃ, so pana uparūpari uppattīti āha ‘‘uparibhāvāyā’’ti. Vepullaṃ abhiṇhappavattiyā paguṇabalavabhāvāpattīti vuttaṃ ‘‘vepullāyāti vipulabhāvāyā’’ti, mahantabhāvāyāti attho. Bhāvanāya paripūraṇatthanti jhānādibhāvanāparibrūhanatthaṃ.

    จตูสุ ฐาเนสูติ อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทีสุ จตูสุ ฐาเนสุฯ กิจฺจสาธนวเสนาติ จตุพฺพิธสฺสปิ กิจฺจสฺส เอกชฺฌํ นิปฺผาทนวเสนฯ

    Catūsuṭhānesūti anuppannākusalānuppādanādīsu catūsu ṭhānesu. Kiccasādhanavasenāti catubbidhassapi kiccassa ekajjhaṃ nipphādanavasena.

    ฌานานิ ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ นานาติ ยทิปิ สมาธิอุปการเกหิ อภินิโรปนานุมชฺชนสมฺปิยายนพฺรูหนสนฺตสุขสภาเวหิ วิตกฺกาทีหิ สมฺปโยคเภทโต ภาวนาติสยปฺปวตฺตานํ จตุนฺนํ ฌานานํ วเสน สมฺมาสมาธิ วิภโตฺต, ตถาปิ วายาโม วิย อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทิจตุวายามกิจฺจํ, สติ วิย จ อสุภาสุขานิจฺจานเตฺตสุ กายาทีสุ สุภาทิสญฺญาปฺปหานจตุสติกิจฺจํ, เอโก สมาธิ จตุฌานสมาธิกิจฺจํ น สาเธตีติ ปุพฺพภาเคปิ ปฐมชฺฌานสมาธิ เอว มคฺคกฺขเณปิ, ตถา ปุพฺพภาเคปิ จตุตฺถชฺฌานสมาธิ เอว มคฺคกฺขเณ ปีติ อโตฺถฯ นานามคฺควเสนาติ ปฐมมคฺคาทินานามคฺควเสน ฌานานิ นานาฯ ทุติยาทโยปิ มคฺคา ทุติยาทีนํ ฌานานํฯ อยํ ปนสฺสาติ เอตฺถ มคฺคภาเวน จตุพฺพิธมฺปิ เอกเตฺตน คเหตฺวา ‘‘อสฺสา’’ติ วุตฺตํ, อสฺส มคฺคสฺสาติ อโตฺถฯ อยนฺติ ปน อยํ ฌานวเสน สพฺพสทิสสพฺพาสทิเสกจฺจสทิสตา วิเสโสฯ

    Jhānāni pubbabhāgepi maggakkhaṇepi nānāti yadipi samādhiupakārakehi abhiniropanānumajjanasampiyāyanabrūhanasantasukhasabhāvehi vitakkādīhi sampayogabhedato bhāvanātisayappavattānaṃ catunnaṃ jhānānaṃ vasena sammāsamādhi vibhatto, tathāpi vāyāmo viya anuppannākusalānuppādanādicatuvāyāmakiccaṃ, sati viya ca asubhāsukhāniccānattesu kāyādīsu subhādisaññāppahānacatusatikiccaṃ, eko samādhi catujhānasamādhikiccaṃ na sādhetīti pubbabhāgepi paṭhamajjhānasamādhi eva maggakkhaṇepi, tathā pubbabhāgepi catutthajjhānasamādhi eva maggakkhaṇe pīti attho. Nānāmaggavasenāti paṭhamamaggādinānāmaggavasena jhānāni nānā. Dutiyādayopi maggā dutiyādīnaṃ jhānānaṃ. Ayaṃ panassāti ettha maggabhāvena catubbidhampi ekattena gahetvā ‘‘assā’’ti vuttaṃ, assa maggassāti attho. Ayanti pana ayaṃ jhānavasena sabbasadisasabbāsadisekaccasadisatā viseso.

    ปาทกชฺฌานนิยเมน โหตีติ อิธ ปาทกชฺฌานนิยมํ ธุรํ กตฺวา วุตฺตํ, ยถา เจตฺถ, เอวํ สโมฺมหวิโนทนิยมฺปิ (วิภ. อฎฺฐ. ๒๐๕)ฯ อฎฺฐสาลินิยํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๓๕๐) ปน วิปสฺสนานิยโม วุโตฺต สพฺพวาทาวิโรธโต, อิธ ปน สมฺมสิตชฺฌานปุคฺคลชฺฌาสยวาทนิวตฺตนโต ปาทกชฺฌานนิยโม วุโตฺตฯ วิปสฺสนานิยโม ปน สาธารณตฺตา อิธาปิ น ปฎิกฺขิโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ อเญฺญ จ อาจริยวาทา ปรโต วกฺขมานา วิภชิตพฺพาติ ยถาวุตฺตเมว ตาว ปาทกชฺฌานนิยมํ วิภชโนฺต อาห ‘‘ปาทกชฺฌานนิยเมน ตาวา’’ติฯ ปฐมชฺฌานิโก โหติ, ยสฺมา อาสนฺนปเทเส วุฎฺฐิตสมาปตฺติ มคฺคสฺส อตฺตโน สทิสภาวํ กโรติ ภูมิวโณฺณ วิย โคธาวณฺณสฺสฯ ปริปุณฺณาเนว โหนฺตีติ อฎฺฐ สตฺต จ โหนฺตีติ อโตฺถฯ สตฺต โหนฺติ สมฺมาสงฺกปฺปสฺส อภาวโตฯ ฉ โหนฺติ ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อภาวโตฯ มคฺคงฺคโพชฺฌงฺคานํ สตฺตฉภาวํ อติทิสติ ‘‘เอส นโย’’ติฯ อรูเป จตุกฺกปญฺจกชฺฌานํ…เป.… วุตฺตํ อฎฺฐสาลินิยนฺติ อธิปฺปาโยฯ นนุ ตตฺถ ‘‘อรูเป ติกจตุกฺกชฺฌานํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๓๕๐) วุตฺตํ , น ‘‘จตุกฺกปญฺจกชฺฌาน’’นฺติ? สจฺจเมตํ, เยสุ ปน สํสโย อตฺถิ, เตสํ อุปฺปตฺติทสฺสเนน , เตน อตฺถโต ‘‘จตุกฺกปญฺจกชฺฌานํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตเมว โหตีติ เอวมาหาติ เวทิตพฺพํฯ สมุทายญฺจ อเปกฺขิตฺวา ‘‘ตญฺจ โลกุตฺตรํ, น โลกิย’’นฺติ อาห ‘‘อวยเวกตฺตํ ลิงฺคสมุทายสฺส วิเสสกํ โหตี’’ติฯ จตุตฺถชฺฌานเมว หิ ตตฺถ โลกิยํ อุปฺปชฺชติ, น จตุกฺกํ, ปญฺจกํ วาติฯ เอตฺถ กถนฺติ ปาทกชฺฌานสฺส อภาวา กถํ ทฎฺฐพฺพนฺติ อโตฺถฯ ตํฌานิกาวสฺส ตตฺถ ตโย มคฺคา อุปฺปชฺชนฺติ, ตชฺฌานิกํปฐมผลาทิํ ปาทกํ กตฺวา อุปริมคฺคภาวนายาติ อธิปฺปาโยฯ ติกจตุกฺกชฺฌานิกํ ปน มคฺคํ ภาเวตฺวา ตตฺถ อุปฺปนฺนสฺส อรูปจตุตฺถชฺฌานํ, ตชฺฌานิกํ ผลญฺจ ปาทกํ กตฺวา อุปริมคฺคภาวนาย อญฺญฌานิกาปิ อุปฺปชฺชนฺตีติ, ฌานงฺคาทินิยามิกา ปุพฺพาภิสงฺขารสมาปตฺติปาทกํ, น สมฺมสิตพฺพาติ ผลสฺสาปิ ปาทกตา ทฎฺฐพฺพาฯ

    Pādakajjhānaniyamena hotīti idha pādakajjhānaniyamaṃ dhuraṃ katvā vuttaṃ, yathā cettha, evaṃ sammohavinodaniyampi (vibha. aṭṭha. 205). Aṭṭhasāliniyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 350) pana vipassanāniyamo vutto sabbavādāvirodhato, idha pana sammasitajjhānapuggalajjhāsayavādanivattanato pādakajjhānaniyamo vutto. Vipassanāniyamo pana sādhāraṇattā idhāpi na paṭikkhittoti daṭṭhabbo. Aññe ca ācariyavādā parato vakkhamānā vibhajitabbāti yathāvuttameva tāva pādakajjhānaniyamaṃ vibhajanto āha ‘‘pādakajjhānaniyamena tāvā’’ti. Paṭhamajjhāniko hoti, yasmā āsannapadese vuṭṭhitasamāpatti maggassa attano sadisabhāvaṃ karoti bhūmivaṇṇo viya godhāvaṇṇassa. Paripuṇṇāneva hontīti aṭṭha satta ca hontīti attho. Satta honti sammāsaṅkappassa abhāvato. Cha honti pītisambojjhaṅgassa abhāvato. Maggaṅgabojjhaṅgānaṃ sattachabhāvaṃ atidisati ‘‘esa nayo’’ti. Arūpe catukkapañcakajjhānaṃ…pe… vuttaṃ aṭṭhasāliniyanti adhippāyo. Nanu tattha ‘‘arūpe tikacatukkajjhānaṃ uppajjatī’’ti (dha. sa. aṭṭha. 350) vuttaṃ , na ‘‘catukkapañcakajjhāna’’nti? Saccametaṃ, yesu pana saṃsayo atthi, tesaṃ uppattidassanena , tena atthato ‘‘catukkapañcakajjhānaṃ uppajjatī’’ti vuttameva hotīti evamāhāti veditabbaṃ. Samudāyañca apekkhitvā ‘‘tañca lokuttaraṃ, na lokiya’’nti āha ‘‘avayavekattaṃ liṅgasamudāyassa visesakaṃ hotī’’ti. Catutthajjhānameva hi tattha lokiyaṃ uppajjati, na catukkaṃ, pañcakaṃ vāti. Ettha kathanti pādakajjhānassa abhāvā kathaṃ daṭṭhabbanti attho. Taṃjhānikāvassa tattha tayo maggā uppajjanti, tajjhānikaṃpaṭhamaphalādiṃ pādakaṃ katvā uparimaggabhāvanāyāti adhippāyo. Tikacatukkajjhānikaṃ pana maggaṃ bhāvetvā tattha uppannassa arūpacatutthajjhānaṃ, tajjhānikaṃ phalañca pādakaṃ katvā uparimaggabhāvanāya aññajhānikāpi uppajjantīti, jhānaṅgādiniyāmikā pubbābhisaṅkhārasamāpattipādakaṃ, na sammasitabbāti phalassāpi pādakatā daṭṭhabbā.

    เกจิ ปนาติ โมรวาปีมหาทตฺตเตฺถรํ สนฺธายาหฯ ปุน เกจีติ ติปิฎกจูฬาภยเตฺถรํ ฯ ตติยวาเร เกจีติ ‘‘ปาทกชฺฌานเมว นิยเมตี’’ติ เอวํ วาทินํ ติปิฎกจูฬนาคเตฺถรเญฺจว อนนฺตรํ วุเตฺต เทฺว จ เถเร ฐเปตฺวา อิตเร เถเร สนฺธาย วทติฯ

    Keci panāti moravāpīmahādattattheraṃ sandhāyāha. Puna kecīti tipiṭakacūḷābhayattheraṃ . Tatiyavāre kecīti ‘‘pādakajjhānameva niyametī’’ti evaṃ vādinaṃ tipiṭakacūḷanāgattherañceva anantaraṃ vutte dve ca there ṭhapetvā itare there sandhāya vadati.

    ๔๐๓. สสนฺตติปริยาปนฺนานํ ทุกฺขสมุทยานํ อปฺปวตฺติภาเวน ปริคฺคยฺหมาโน นิโรโธปิ สสนฺตติปริยาปโนฺน วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน วา จตฺตาริ สจฺจานี’’ติฯ ปรสฺส วาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ เตนาห ภควา ‘‘อิมสฺมิํเยว พฺยามมเตฺต กเฬวเร สสญฺญิมฺหิ สมนเก โลกญฺจ ปญฺญาเปมิ, โลกสมุทยญฺจ ปญฺญาเปมิ, โลกนิโรธญฺจ ปญฺญาเปมิ, โลกนิโรธคามินิปฎิปทญฺจ ปญฺญาเปมี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๕) กถํ ปน อาทิกมฺมิโก นิโรธมคฺคสจฺจานิ ปริคฺคณฺหาตีติ? อนุสฺสวาทิสิทฺธมาการํ ปริคฺคณฺหาติฯ เอวญฺจ กตฺวา โลกุตฺตรโพชฺฌเงฺค อุทฺทิสฺสาปิ ปริคฺคโห น วิรุชฺฌติฯ ยถาสมฺภวโตติ สมฺภวานุรูปํ, ฐเปตฺวา นิโรธสจฺจํ เสสสจฺจวเสน สมุทยวยาติ เวทิตพฺพาติ อโตฺถฯ

    403. Sasantatipariyāpannānaṃ dukkhasamudayānaṃ appavattibhāvena pariggayhamāno nirodhopi sasantatipariyāpanno viya hotīti katvā vuttaṃ ‘‘attano vā cattāri saccānī’’ti. Parassa vāti etthāpi eseva nayo. Tenāha bhagavā ‘‘imasmiṃyeva byāmamatte kaḷevare sasaññimhi samanake lokañca paññāpemi, lokasamudayañca paññāpemi, lokanirodhañca paññāpemi, lokanirodhagāminipaṭipadañca paññāpemī’’ti (saṃ. ni. 1.107; a. ni. 4.45) kathaṃ pana ādikammiko nirodhamaggasaccāni pariggaṇhātīti? Anussavādisiddhamākāraṃ pariggaṇhāti. Evañca katvā lokuttarabojjhaṅge uddissāpi pariggaho na virujjhati. Yathāsambhavatoti sambhavānurūpaṃ, ṭhapetvā nirodhasaccaṃ sesasaccavasena samudayavayāti veditabbāti attho.

    จตุสจฺจปพฺพวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catusaccapabbavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ธมฺมานุปสฺสนาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dhammānupassanāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๔๐๔. ‘‘อฎฺฐิกสงฺขลิกํ สมํส’’นฺติอาทิกา สตฺต สิวถิกา อฎฺฐิกกมฺมฎฺฐานตาย อิตราสํ อุทฺธุมาตกาทีนํ สภาเวเนวาติ นวนฺนํ สิวถิกานํ อปฺปนากมฺมฎฺฐานตา วุตฺตาฯ เทฺวเยวาติ อานาปานํ, ทฺวตฺติํสากาโรติ อิมานิ เทฺวเยวฯ อภินิเวโสติ วิปสฺสนาภินิเวโส, โส ปน สมฺมสนิยธมฺมปริคฺคโหฯ อิริยาปถา, อาโลกิตาทโย จ รูปธมฺมานํ อวตฺถาวิเสสมตฺตตาย น สมฺมสนุปคา วิญฺญตฺติอาทโย วิยฯ นีวรณโพชฺฌงฺคา อาทิโต น ปริคฺคเหตพฺพาติ วุตฺตํ ‘‘อิริยาปถ…เป.… น ชายตี’’ติฯ เกสาทิอปเทเสน ตทุปาทานธมฺมา วิย อิริยาปถาทิอปเทเสน ตทวตฺถา รูปธมฺมา ปริคฺคยฺหนฺติ, นีวรณาทิมุเขน จ ตํสมฺปยุตฺตา, ตํนิสฺสยธมฺมาติ อธิปฺปาเยน มหาสิวเตฺถโร จ อิริยาปถาทีสุปิ ‘‘อภินิเวโส ชายตี’’ติ อโวจฯ ‘‘อตฺถิ นุ โข เม’’ติอาทิ ปน สภาวโต อิริยาปถาทีนํ อาทิกมฺมิกสฺส อนิจฺฉิตภาวทสฺสนํฯ อปริญฺญาปุพฺพิกา หิ ปริญฺญาติฯ

    404. ‘‘Aṭṭhikasaṅkhalikaṃ samaṃsa’’ntiādikā satta sivathikā aṭṭhikakammaṭṭhānatāya itarāsaṃ uddhumātakādīnaṃ sabhāvenevāti navannaṃ sivathikānaṃ appanākammaṭṭhānatā vuttā. Dveyevāti ānāpānaṃ, dvattiṃsākāroti imāni dveyeva. Abhinivesoti vipassanābhiniveso, so pana sammasaniyadhammapariggaho. Iriyāpathā, ālokitādayo ca rūpadhammānaṃ avatthāvisesamattatāya na sammasanupagā viññattiādayo viya. Nīvaraṇabojjhaṅgā ādito na pariggahetabbāti vuttaṃ ‘‘iriyāpatha…pe… na jāyatī’’ti. Kesādiapadesena tadupādānadhammā viya iriyāpathādiapadesena tadavatthā rūpadhammā pariggayhanti, nīvaraṇādimukhena ca taṃsampayuttā, taṃnissayadhammāti adhippāyena mahāsivatthero ca iriyāpathādīsupi ‘‘abhiniveso jāyatī’’ti avoca. ‘‘Atthi nu kho me’’tiādi pana sabhāvato iriyāpathādīnaṃ ādikammikassa anicchitabhāvadassanaṃ. Apariññāpubbikā hi pariññāti.

    กามํ ‘‘อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขู’’ติอาทินา อุเทฺทสนิเทฺทเสสุ ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขุคฺคหณํ กตํ ตํปฎิปตฺติยา ภิกฺขุภาวทสฺสนตฺถํ, เทสนา ปน สพฺพสาธารณาติ ทเสฺสตุํ ‘‘โย หิ โกจิ ภิกฺขเว’’ อิเจฺจว วุตฺตํ, น ภิกฺขุ เยวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โย หิ โกจิ ภิกฺขุ วา’’ติอาทิมาหฯ ทสฺสนมเคฺคน ญาตมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา ชานนฺตี สิขาปฺปตฺตา อคฺคมคฺคปญฺญา อญฺญา นาม, ตสฺส ผลภาวโต อคฺคผลํ ปีติ อาห ‘‘อญฺญาติ อรหตฺต’’นฺติฯ

    Kāmaṃ ‘‘idha bhikkhave bhikkhū’’tiādinā uddesaniddesesu tattha tattha bhikkhuggahaṇaṃ kataṃ taṃpaṭipattiyā bhikkhubhāvadassanatthaṃ, desanā pana sabbasādhāraṇāti dassetuṃ ‘‘yo hi koci bhikkhave’’ icceva vuttaṃ, na bhikkhu yevāti dassento ‘‘yo hi koci bhikkhu vā’’tiādimāha. Dassanamaggena ñātamariyādaṃ anatikkamitvā jānantī sikhāppattā aggamaggapaññā aññā nāma, tassa phalabhāvato aggaphalaṃ pīti āha ‘‘aññāti arahatta’’nti.

    อปฺปตเรปิ กาเล สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ ทเสฺสโนฺตติ โยชนาฯ นิยฺยาเตโนฺตติ นิคเมโนฺตฯ

    Appatarepi kāle sāsanassa niyyānikabhāvaṃ dassentoti yojanā. Niyyātentoti nigamento.

    มหาสติปฎฺฐานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ

    Mahāsatipaṭṭhānasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๙. มหาสติปฎฺฐานสุตฺตํ • 9. Mahāsatipaṭṭhānasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๙. มหาสติปฎฺฐานสุตฺตวณฺณนา • 9. Mahāsatipaṭṭhānasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact