Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๘. มหาสีหนาทสุตฺตํ
8. Mahāsīhanādasuttaṃ
อเจลกสฺสปวตฺถุ
Acelakassapavatthu
๓๘๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรุญฺญายํ 1 วิหรติ กณฺณกตฺถเล มิคทาเยฯ อถ โข อเจโล กสฺสโป เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข อเจโล กสฺสโป ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, โภ โคตม – ‘สมโณ โคตโม สพฺพํ ตปํ ครหติ, สพฺพํ ตปสฺสิํ ลูขาชีวิํ เอกํเสน อุปโกฺกสติ อุปวทตี’ติฯ เย เต, โภ โคตม, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม สพฺพํ ตปํ ครหติ, สพฺพํ ตปสฺสิํ ลูขาชีวิํ เอกํเสน อุปโกฺกสติ อุปวทตี’ติ, กจฺจิ เต โภโต โคตมสฺส วุตฺตวาทิโน, น จ ภวนฺตํ โคตมํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺฉติ? อนพฺภกฺขาตุกามา หิ มยํ ภวนฺตํ โคตม’’นฺติฯ
381. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā uruññāyaṃ 2 viharati kaṇṇakatthale migadāye. Atha kho acelo kassapo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho acelo kassapo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bho gotama – ‘samaṇo gotamo sabbaṃ tapaṃ garahati, sabbaṃ tapassiṃ lūkhājīviṃ ekaṃsena upakkosati upavadatī’ti. Ye te, bho gotama, evamāhaṃsu – ‘samaṇo gotamo sabbaṃ tapaṃ garahati, sabbaṃ tapassiṃ lūkhājīviṃ ekaṃsena upakkosati upavadatī’ti, kacci te bhoto gotamassa vuttavādino, na ca bhavantaṃ gotamaṃ abhūtena abbhācikkhanti, dhammassa cānudhammaṃ byākaronti, na ca koci sahadhammiko vādānuvādo gārayhaṃ ṭhānaṃ āgacchati? Anabbhakkhātukāmā hi mayaṃ bhavantaṃ gotama’’nti.
๓๘๒. ‘‘เย เต, กสฺสป, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม สพฺพํ ตปํ ครหติ, สพฺพํ ตปสฺสิํ ลูขาชีวิํ เอกํเสน อุปโกฺกสติ อุปวทตี’ติ, น เม เต วุตฺตวาทิโน, อพฺภาจิกฺขนฺติ จ ปน มํ เต อสตา อภูเตนฯ อิธาหํ, กสฺสป, เอกจฺจํ ตปสฺสิํ ลูขาชีวิํ ปสฺสามิ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนํฯ อิธ ปนาหํ, กสฺสป, เอกจฺจํ ตปสฺสิํ ลูขาชีวิํ ปสฺสามิ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนํฯ
382. ‘‘Ye te, kassapa, evamāhaṃsu – ‘samaṇo gotamo sabbaṃ tapaṃ garahati, sabbaṃ tapassiṃ lūkhājīviṃ ekaṃsena upakkosati upavadatī’ti, na me te vuttavādino, abbhācikkhanti ca pana maṃ te asatā abhūtena. Idhāhaṃ, kassapa, ekaccaṃ tapassiṃ lūkhājīviṃ passāmi dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapannaṃ. Idha panāhaṃ, kassapa, ekaccaṃ tapassiṃ lūkhājīviṃ passāmi dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannaṃ.
๓๘๓. ‘‘อิธาหํ, กสฺสป, เอกจฺจํ ตปสฺสิํ อปฺปทุกฺขวิหาริํ ปสฺสามิ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนํฯ อิธ ปนาหํ, กสฺสป, เอกจฺจํ ตปสฺสิํ อปฺปทุกฺขวิหาริํ ปสฺสามิ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนํฯ โยหํ, กสฺสป, อิเมสํ ตปสฺสีนํ เอวํ อาคติญฺจ คติญฺจ จุติญฺจ อุปปตฺติญฺจ ยถาภูตํ ปชานามิ , โสหํ กิํ สพฺพํ ตปํ ครหิสฺสามิ, สพฺพํ วา ตปสฺสิํ ลูขาชีวิํ เอกํเสน อุปโกฺกสิสฺสามิ อุปวทิสฺสามิ?
383. ‘‘Idhāhaṃ, kassapa, ekaccaṃ tapassiṃ appadukkhavihāriṃ passāmi dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapannaṃ. Idha panāhaṃ, kassapa, ekaccaṃ tapassiṃ appadukkhavihāriṃ passāmi dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannaṃ. Yohaṃ, kassapa, imesaṃ tapassīnaṃ evaṃ āgatiñca gatiñca cutiñca upapattiñca yathābhūtaṃ pajānāmi , sohaṃ kiṃ sabbaṃ tapaṃ garahissāmi, sabbaṃ vā tapassiṃ lūkhājīviṃ ekaṃsena upakkosissāmi upavadissāmi?
๓๘๔. ‘‘สนฺติ, กสฺสป, เอเก สมณพฺราหฺมณา ปณฺฑิตา นิปุณา กตปรปฺปวาทา วาลเวธิรูปาฯ เต ภินฺทนฺตา มเญฺญ จรนฺติ ปญฺญาคเตน ทิฎฺฐิคตานิฯ เตหิปิ เม สทฺธิํ เอกเจฺจสุ ฐาเนสุ สเมติ, เอกเจฺจสุ ฐาเนสุ น สเมติฯ ยํ เต เอกจฺจํ วทนฺติ ‘สาธู’ติ, มยมฺปิ ตํ เอกจฺจํ วเทม ‘สาธู’ติฯ ยํ เต เอกจฺจํ วทนฺติ ‘น สาธู’ติ, มยมฺปิ ตํ เอกจฺจํ วเทม ‘น สาธู’ติฯ ยํ เต เอกจฺจํ วทนฺติ ‘สาธู’ติ, มยํ ตํ เอกจฺจํ วเทม ‘น สาธู’ติฯ ยํ เต เอกจฺจํ วทนฺติ ‘น สาธู’ติ, มยํ ตํ เอกจฺจํ วเทม ‘สาธู’ติฯ
384. ‘‘Santi, kassapa, eke samaṇabrāhmaṇā paṇḍitā nipuṇā kataparappavādā vālavedhirūpā. Te bhindantā maññe caranti paññāgatena diṭṭhigatāni. Tehipi me saddhiṃ ekaccesu ṭhānesu sameti, ekaccesu ṭhānesu na sameti. Yaṃ te ekaccaṃ vadanti ‘sādhū’ti, mayampi taṃ ekaccaṃ vadema ‘sādhū’ti. Yaṃ te ekaccaṃ vadanti ‘na sādhū’ti, mayampi taṃ ekaccaṃ vadema ‘na sādhū’ti. Yaṃ te ekaccaṃ vadanti ‘sādhū’ti, mayaṃ taṃ ekaccaṃ vadema ‘na sādhū’ti. Yaṃ te ekaccaṃ vadanti ‘na sādhū’ti, mayaṃ taṃ ekaccaṃ vadema ‘sādhū’ti.
‘‘ยํ มยํ เอกจฺจํ วเทม ‘สาธู’ติ, ปเรปิ ตํ เอกจฺจํ วทนฺติ ‘สาธู’ติฯ ยํ มยํ เอกจฺจํ วเทม ‘น สาธู’ติ, ปเรปิ ตํ เอกจฺจํ วทนฺติ ‘น สาธู’ติฯ ยํ มยํ เอกจฺจํ วเทม ‘น สาธู’ติ, ปเร ตํ เอกจฺจํ วทนฺติ ‘สาธู’ติฯ ยํ มยํ เอกจฺจํ วเทม ‘สาธู’ติ, ปเร ตํ เอกจฺจํ วทนฺติ ‘น สาธู’ติฯ
‘‘Yaṃ mayaṃ ekaccaṃ vadema ‘sādhū’ti, parepi taṃ ekaccaṃ vadanti ‘sādhū’ti. Yaṃ mayaṃ ekaccaṃ vadema ‘na sādhū’ti, parepi taṃ ekaccaṃ vadanti ‘na sādhū’ti. Yaṃ mayaṃ ekaccaṃ vadema ‘na sādhū’ti, pare taṃ ekaccaṃ vadanti ‘sādhū’ti. Yaṃ mayaṃ ekaccaṃ vadema ‘sādhū’ti, pare taṃ ekaccaṃ vadanti ‘na sādhū’ti.
สมนุยุญฺชาปนกถา
Samanuyuñjāpanakathā
๓๘๕. ‘‘ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – เยสุ โน, อาวุโส, ฐาเนสุ น สเมติ, ติฎฺฐนฺตุ ตานิ ฐานานิฯ เยสุ ฐาเนสุ สเมติ, ตตฺถ วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตํ สมนุคาหนฺตํ สมนุภาสนฺตํ สตฺถารา วา สตฺถารํ สเงฺฆน วา สงฺฆํ – ‘เย อิเมสํ ภวตํ ธมฺมา อกุสลา อกุสลสงฺขาตา, สาวชฺชา สาวชฺชสงฺขาตา, อเสวิตพฺพา อเสวิตพฺพสงฺขาตา, น อลมริยา น อลมริยสงฺขาตา, กณฺหา กณฺหสงฺขาตาฯ โก อิเม ธเมฺม อนวเสสํ ปหาย วตฺตติ, สมโณ วา โคตโม, ปเร วา ปน โภโนฺต คณาจริยา’ติ?
385. ‘‘Tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – yesu no, āvuso, ṭhānesu na sameti, tiṭṭhantu tāni ṭhānāni. Yesu ṭhānesu sameti, tattha viññū samanuyuñjantaṃ samanugāhantaṃ samanubhāsantaṃ satthārā vā satthāraṃ saṅghena vā saṅghaṃ – ‘ye imesaṃ bhavataṃ dhammā akusalā akusalasaṅkhātā, sāvajjā sāvajjasaṅkhātā, asevitabbā asevitabbasaṅkhātā, na alamariyā na alamariyasaṅkhātā, kaṇhā kaṇhasaṅkhātā. Ko ime dhamme anavasesaṃ pahāya vattati, samaṇo vā gotamo, pare vā pana bhonto gaṇācariyā’ti?
๓๘๖. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, กสฺสป, วิชฺชติ, ยํ วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตา สมนุคาหนฺตา สมนุภาสนฺตา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘เย อิเมสํ ภวตํ ธมฺมา อกุสลา อกุสลสงฺขาตา, สาวชฺชา สาวชฺชสงฺขาตา, อเสวิตพฺพา อเสวิตพฺพสงฺขาตา, น อลมริยา น อลมริยสงฺขาตา, กณฺหา กณฺหสงฺขาตา ฯ สมโณ โคตโม อิเม ธเมฺม อนวเสสํ ปหาย วตฺตติ, ยํ วา ปน โภโนฺต ปเร คณาจริยา’ติฯ อิติห, กสฺสป, วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตา สมนุคาหนฺตา สมนุภาสนฺตา อเมฺหว ตตฺถ เยภุเยฺยน ปสํเสยฺยุํฯ
386. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, kassapa, vijjati, yaṃ viññū samanuyuñjantā samanugāhantā samanubhāsantā evaṃ vadeyyuṃ – ‘ye imesaṃ bhavataṃ dhammā akusalā akusalasaṅkhātā, sāvajjā sāvajjasaṅkhātā, asevitabbā asevitabbasaṅkhātā, na alamariyā na alamariyasaṅkhātā, kaṇhā kaṇhasaṅkhātā . Samaṇo gotamo ime dhamme anavasesaṃ pahāya vattati, yaṃ vā pana bhonto pare gaṇācariyā’ti. Itiha, kassapa, viññū samanuyuñjantā samanugāhantā samanubhāsantā amheva tattha yebhuyyena pasaṃseyyuṃ.
๓๘๗. ‘‘อปรมฺปิ โน, กสฺสป, วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตํ สมนุคาหนฺตํ สมนุภาสนฺตํ สตฺถารา วา สตฺถารํ สเงฺฆน วา สงฺฆํ – ‘เย อิเมสํ ภวตํ ธมฺมา กุสลา กุสลสงฺขาตา, อนวชฺชา อนวชฺชสงฺขาตา, เสวิตพฺพา เสวิตพฺพสงฺขาตา, อลมริยา อลมริยสงฺขาตา, สุกฺกา สุกฺกสงฺขาตาฯ โก อิเม ธเมฺม อนวเสสํ สมาทาย วตฺตติ, สมโณ วา โคตโม, ปเร วา ปน โภโนฺต คณาจริยา’ ติ?
387. ‘‘Aparampi no, kassapa, viññū samanuyuñjantaṃ samanugāhantaṃ samanubhāsantaṃ satthārā vā satthāraṃ saṅghena vā saṅghaṃ – ‘ye imesaṃ bhavataṃ dhammā kusalā kusalasaṅkhātā, anavajjā anavajjasaṅkhātā, sevitabbā sevitabbasaṅkhātā, alamariyā alamariyasaṅkhātā, sukkā sukkasaṅkhātā. Ko ime dhamme anavasesaṃ samādāya vattati, samaṇo vā gotamo, pare vā pana bhonto gaṇācariyā’ ti?
๓๘๘. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, กสฺสป, วิชฺชติ, ยํ วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตา สมนุคาหนฺตา สมนุภาสนฺตา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘เย อิเมสํ ภวตํ ธมฺมา กุสลา กุสลสงฺขาตา, อนวชฺชา อนวชฺชสงฺขาตา, เสวิตพฺพา เสวิตพฺพสงฺขาตา, อลมริยา อลมริยสงฺขาตา, สุกฺกา สุกฺกสงฺขาตาฯ สมโณ โคตโม อิเม ธเมฺม อนวเสสํ สมาทาย วตฺตติ, ยํ วา ปน โภโนฺต ปเร คณาจริยา’ติฯ อิติห, กสฺสป, วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตา สมนุคาหนฺตา สมนุภาสนฺตา อเมฺหว ตตฺถ เยภุเยฺยน ปสํเสยฺยุํฯ
388. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, kassapa, vijjati, yaṃ viññū samanuyuñjantā samanugāhantā samanubhāsantā evaṃ vadeyyuṃ – ‘ye imesaṃ bhavataṃ dhammā kusalā kusalasaṅkhātā, anavajjā anavajjasaṅkhātā, sevitabbā sevitabbasaṅkhātā, alamariyā alamariyasaṅkhātā, sukkā sukkasaṅkhātā. Samaṇo gotamo ime dhamme anavasesaṃ samādāya vattati, yaṃ vā pana bhonto pare gaṇācariyā’ti. Itiha, kassapa, viññū samanuyuñjantā samanugāhantā samanubhāsantā amheva tattha yebhuyyena pasaṃseyyuṃ.
๓๘๙. ‘‘อปรมฺปิ โน, กสฺสป, วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตํ สมนุคาหนฺตํ สมนุภาสนฺตํ สตฺถารา วา สตฺถารํ สเงฺฆน วา สงฺฆํ – ‘เย อิเมสํ ภวตํ ธมฺมา อกุสลา อกุสลสงฺขาตา, สาวชฺชา สาวชฺชสงฺขาตา, อเสวิตพฺพา อเสวิตพฺพสงฺขาตา , น อลมริยา น อลมริยสงฺขาตา, กณฺหา กณฺหสงฺขาตาฯ โก อิเม ธเมฺม อนวเสสํ ปหาย วตฺตติ, โคตมสาวกสโงฺฆ วา, ปเร วา ปน โภโนฺต คณาจริยสาวกสงฺฆา’ติ?
389. ‘‘Aparampi no, kassapa, viññū samanuyuñjantaṃ samanugāhantaṃ samanubhāsantaṃ satthārā vā satthāraṃ saṅghena vā saṅghaṃ – ‘ye imesaṃ bhavataṃ dhammā akusalā akusalasaṅkhātā, sāvajjā sāvajjasaṅkhātā, asevitabbā asevitabbasaṅkhātā , na alamariyā na alamariyasaṅkhātā, kaṇhā kaṇhasaṅkhātā. Ko ime dhamme anavasesaṃ pahāya vattati, gotamasāvakasaṅgho vā, pare vā pana bhonto gaṇācariyasāvakasaṅghā’ti?
๓๙๐. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, กสฺสป, วิชฺชติ, ยํ วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตา สมนุคาหนฺตา สมนุภาสนฺตา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘เย อิเมสํ ภวตํ ธมฺมา อกุสลา อกุสลสงฺขาตา, สาวชฺชา สาวชฺชสงฺขาตา, อเสวิตพฺพา อเสวิตพฺพสงฺขาตา, น อลมริยา น อลมริยสงฺขาตา, กณฺหา กณฺหสงฺขาตาฯ โคตมสาวกสโงฺฆ อิเม ธเมฺม อนวเสสํ ปหาย วตฺตติ, ยํ วา ปน โภโนฺต ปเร คณาจริยสาวกสงฺฆา’ติฯ อิติห, กสฺสป, วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตา สมนุคาหนฺตา สมนุภาสนฺตา อเมฺหว ตตฺถ เยภุเยฺยน ปสํเสยฺยุํฯ
390. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, kassapa, vijjati, yaṃ viññū samanuyuñjantā samanugāhantā samanubhāsantā evaṃ vadeyyuṃ – ‘ye imesaṃ bhavataṃ dhammā akusalā akusalasaṅkhātā, sāvajjā sāvajjasaṅkhātā, asevitabbā asevitabbasaṅkhātā, na alamariyā na alamariyasaṅkhātā, kaṇhā kaṇhasaṅkhātā. Gotamasāvakasaṅgho ime dhamme anavasesaṃ pahāya vattati, yaṃ vā pana bhonto pare gaṇācariyasāvakasaṅghā’ti. Itiha, kassapa, viññū samanuyuñjantā samanugāhantā samanubhāsantā amheva tattha yebhuyyena pasaṃseyyuṃ.
๓๙๑. ‘‘อปรมฺปิ โน, กสฺสป, วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตํ สมนุคาหนฺตํ สมนุภาสนฺตํ สตฺถารา วา สตฺถารํ สเงฺฆน วา สงฺฆํฯ ‘เย อิเมสํ ภวตํ ธมฺมา กุสลา กุสลสงฺขาตา, อนวชฺชา อนวชฺชสงฺขาตา, เสวิตพฺพา เสวิตพฺพสงฺขาตา, อลมริยา อลมริยสงฺขาตา, สุกฺกา สุกฺกสงฺขาตาฯ โก อิเม ธเมฺม อนวเสสํ สมาทาย วตฺตติ, โคตมสาวกสโงฺฆ วา, ปเร วา ปน โภโนฺต คณาจริยสาวกสงฺฆา’ติ?
391. ‘‘Aparampi no, kassapa, viññū samanuyuñjantaṃ samanugāhantaṃ samanubhāsantaṃ satthārā vā satthāraṃ saṅghena vā saṅghaṃ. ‘Ye imesaṃ bhavataṃ dhammā kusalā kusalasaṅkhātā, anavajjā anavajjasaṅkhātā, sevitabbā sevitabbasaṅkhātā, alamariyā alamariyasaṅkhātā, sukkā sukkasaṅkhātā. Ko ime dhamme anavasesaṃ samādāya vattati, gotamasāvakasaṅgho vā, pare vā pana bhonto gaṇācariyasāvakasaṅghā’ti?
๓๙๒. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, กสฺสป, วิชฺชติ, ยํ วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตา สมนุคาหนฺตา สมนุภาสนฺตา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘เย อิเมสํ ภวตํ ธมฺมา กุสลา กุสลสงฺขาตา, อนวชฺชา อนวชฺชสงฺขาตา, เสวิตพฺพา เสวิตพฺพสงฺขาตา, อลมริยา อลมริยสงฺขาตา, สุกฺกา สุกฺกสงฺขาตาฯ โคตมสาวกสโงฺฆ อิเม ธเมฺม อนวเสสํ สมาทาย วตฺตติ, ยํ วา ปน โภโนฺต ปเร คณาจริยสาวกสงฺฆา’ติฯ อิติห, กสฺสป, วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตา สมนุคาหนฺตา สมนุภาสนฺตา อเมฺหว ตตฺถ เยภุเยฺยน ปสํเสยฺยุํฯ
392. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, kassapa, vijjati, yaṃ viññū samanuyuñjantā samanugāhantā samanubhāsantā evaṃ vadeyyuṃ – ‘ye imesaṃ bhavataṃ dhammā kusalā kusalasaṅkhātā, anavajjā anavajjasaṅkhātā, sevitabbā sevitabbasaṅkhātā, alamariyā alamariyasaṅkhātā, sukkā sukkasaṅkhātā. Gotamasāvakasaṅgho ime dhamme anavasesaṃ samādāya vattati, yaṃ vā pana bhonto pare gaṇācariyasāvakasaṅghā’ti. Itiha, kassapa, viññū samanuyuñjantā samanugāhantā samanubhāsantā amheva tattha yebhuyyena pasaṃseyyuṃ.
อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค
Ariyo aṭṭhaṅgiko maggo
๓๙๓. ‘‘อตฺถิ, กสฺสป, มโคฺค อตฺถิ ปฎิปทา, ยถาปฎิปโนฺน สามํเยว ญสฺสติ สามํ ทกฺขติ 3 – ‘สมโณว โคตโม กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที’ติฯ กตโม จ, กสฺสป, มโคฺค, กตมา จ ปฎิปทา, ยถาปฎิปโนฺน สามํเยว ญสฺสติ สามํ ทกฺขติ – ‘สมโณว โคตโม กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที’ติ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาสงฺกโปฺป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมโนฺต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิฯ อยํ โข, กสฺสป, มโคฺค, อยํ ปฎิปทา, ยถาปฎิปโนฺน สามํเยว ญสฺสติ สามํ ทกฺขติ ‘สมโณว โคตโม กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที’’’ติฯ
393. ‘‘Atthi, kassapa, maggo atthi paṭipadā, yathāpaṭipanno sāmaṃyeva ñassati sāmaṃ dakkhati 4 – ‘samaṇova gotamo kālavādī bhūtavādī atthavādī dhammavādī vinayavādī’ti. Katamo ca, kassapa, maggo, katamā ca paṭipadā, yathāpaṭipanno sāmaṃyeva ñassati sāmaṃ dakkhati – ‘samaṇova gotamo kālavādī bhūtavādī atthavādī dhammavādī vinayavādī’ti? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo. Seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi sammāsaṅkappo sammāvācā sammākammanto sammāājīvo sammāvāyāmo sammāsati sammāsamādhi. Ayaṃ kho, kassapa, maggo, ayaṃ paṭipadā, yathāpaṭipanno sāmaṃyeva ñassati sāmaṃ dakkhati ‘samaṇova gotamo kālavādī bhūtavādī atthavādī dhammavādī vinayavādī’’’ti.
ตโปปกฺกมกถา
Tapopakkamakathā
๓๙๔. เอวํ วุเตฺต, อเจโล กสฺสโป ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิเมปิ โข, อาวุโส โคตม, ตโปปกฺกมา เอเตสํ สมณพฺราหฺมณานํ สามญฺญสงฺขาตา จ พฺรหฺมญฺญสงฺขาตา จฯ อเจลโก โหติ, มุตฺตาจาโร, หตฺถาปเลขโน, น เอหิภทฺทนฺติโก, น ติฎฺฐภทฺทนฺติโก, นาภิหฎํ, น อุทฺทิสฺสกตํ, น นิมนฺตนํ สาทิยติฯ โส น กุมฺภิมุขา ปฎิคฺคณฺหาติ, น กโฬปิมุขา ปฎิคฺคณฺหาติ, น เอฬกมนฺตรํ, น ทณฺฑมนฺตรํ, น มุสลมนฺตรํ, น ทฺวินฺนํ ภุญฺชมานานํ, น คพฺภินิยา, น ปายมานาย, น ปุริสนฺตรคตาย, น สงฺกิตฺตีสุ, น ยตฺถ สา อุปฎฺฐิโต โหติ, น ยตฺถ มกฺขิกา สณฺฑสณฺฑจารินี, น มจฺฉํ, น มํสํ, น สุรํ, น เมรยํ, น ถุโสทกํ ปิวติฯ โส เอกาคาริโก วา โหติ เอกาโลปิโก, ทฺวาคาริโก วา โหติ ทฺวาโลปิโก…เป.… สตฺตาคาริโก วา โหติ สตฺตาโลปิโก ; เอกิสฺสาปิ ทตฺติยา ยาเปติ, ทฺวีหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ… สตฺตหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ; เอกาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ, ทฺวีหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ… สตฺตาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติฯ อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกมฺปิ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรติฯ
394. Evaṃ vutte, acelo kassapo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘imepi kho, āvuso gotama, tapopakkamā etesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ sāmaññasaṅkhātā ca brahmaññasaṅkhātā ca. Acelako hoti, muttācāro, hatthāpalekhano, na ehibhaddantiko, na tiṭṭhabhaddantiko, nābhihaṭaṃ, na uddissakataṃ, na nimantanaṃ sādiyati. So na kumbhimukhā paṭiggaṇhāti, na kaḷopimukhā paṭiggaṇhāti, na eḷakamantaraṃ, na daṇḍamantaraṃ, na musalamantaraṃ, na dvinnaṃ bhuñjamānānaṃ, na gabbhiniyā, na pāyamānāya, na purisantaragatāya, na saṅkittīsu, na yattha sā upaṭṭhito hoti, na yattha makkhikā saṇḍasaṇḍacārinī, na macchaṃ, na maṃsaṃ, na suraṃ, na merayaṃ, na thusodakaṃ pivati. So ekāgāriko vā hoti ekālopiko, dvāgāriko vā hoti dvālopiko…pe… sattāgāriko vā hoti sattālopiko ; ekissāpi dattiyā yāpeti, dvīhipi dattīhi yāpeti… sattahipi dattīhi yāpeti; ekāhikampi āhāraṃ āhāreti, dvīhikampi āhāraṃ āhāreti… sattāhikampi āhāraṃ āhāreti. Iti evarūpaṃ addhamāsikampi pariyāyabhattabhojanānuyogamanuyutto viharati.
๓๙๕. ‘‘อิเมปิ โข, อาวุโส โคตม, ตโปปกฺกมา เอเตสํ สมณพฺราหฺมณานํ สามญฺญสงฺขาตา จ พฺรหฺมญฺญสงฺขาตา จฯ สากภโกฺข วา โหติ, สามากภโกฺข วา โหติ, นีวารภโกฺข วา โหติ, ททฺทุลภโกฺข วา โหติ, หฎภโกฺข วา โหติ, กณภโกฺข วา โหติ, อาจามภโกฺข วา โหติ, ปิญฺญากภโกฺข วา โหติ, ติณภโกฺข วา โหติ, โคมยภโกฺข วา โหติ, วนมูลผลาหาโร ยาเปติ ปวตฺตผลโภชีฯ
395. ‘‘Imepi kho, āvuso gotama, tapopakkamā etesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ sāmaññasaṅkhātā ca brahmaññasaṅkhātā ca. Sākabhakkho vā hoti, sāmākabhakkho vā hoti, nīvārabhakkho vā hoti, daddulabhakkho vā hoti, haṭabhakkho vā hoti, kaṇabhakkho vā hoti, ācāmabhakkho vā hoti, piññākabhakkho vā hoti, tiṇabhakkho vā hoti, gomayabhakkho vā hoti, vanamūlaphalāhāro yāpeti pavattaphalabhojī.
๓๙๖. ‘‘อิเมปิ โข, อาวุโส โคตม, ตโปปกฺกมา เอเตสํ สมณพฺราหฺมณานํ สามญฺญสงฺขาตา จ พฺรหฺมญฺญสงฺขาตา จฯ สาณานิปิ ธาเรติ, มสาณานิปิ ธาเรติ, ฉวทุสฺสานิปิ ธาเรติ, ปํสุกูลานิปิ ธาเรติ, ติรีฎานิปิ ธาเรติ, อชินมฺปิ ธาเรติ, อชินกฺขิปมฺปิ ธาเรติ, กุสจีรมฺปิ ธาเรติ, วากจีรมฺปิ ธาเรติ, ผลกจีรมฺปิ ธาเรติ, เกสกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, วาฬกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, อุลูกปกฺขิกมฺปิ ธาเรติ, เกสมสฺสุโลจโกปิ โหติ เกสมสฺสุโลจนานุโยคมนุยุโตฺต, อุพฺภฎฺฐโกปิ 5 โหติ อาสนปฎิกฺขิโตฺต, อุกฺกุฎิโกปิ โหติ อุกฺกุฎิกปฺปธานมนุยุโตฺต, กณฺฎกาปสฺสยิโกปิ โหติ กณฺฎกาปสฺสเย เสยฺยํ กเปฺปติ, ผลกเสยฺยมฺปิ กเปฺปติ, ถณฺฑิลเสยฺยมฺปิ กเปฺปติ, เอกปสฺสยิโกปิ โหติ รโชชลฺลธโร, อโพฺภกาสิโกปิ โหติ ยถาสนฺถติโก , เวกฎิโกปิ โหติ วิกฎโภชนานุโยคมนุยุโตฺต, อปานโกปิ โหติ อปานกตฺตมนุยุโตฺต, สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรตี’’ติฯ
396. ‘‘Imepi kho, āvuso gotama, tapopakkamā etesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ sāmaññasaṅkhātā ca brahmaññasaṅkhātā ca. Sāṇānipi dhāreti, masāṇānipi dhāreti, chavadussānipi dhāreti, paṃsukūlānipi dhāreti, tirīṭānipi dhāreti, ajinampi dhāreti, ajinakkhipampi dhāreti, kusacīrampi dhāreti, vākacīrampi dhāreti, phalakacīrampi dhāreti, kesakambalampi dhāreti, vāḷakambalampi dhāreti, ulūkapakkhikampi dhāreti, kesamassulocakopi hoti kesamassulocanānuyogamanuyutto, ubbhaṭṭhakopi 6 hoti āsanapaṭikkhitto, ukkuṭikopi hoti ukkuṭikappadhānamanuyutto, kaṇṭakāpassayikopi hoti kaṇṭakāpassaye seyyaṃ kappeti, phalakaseyyampi kappeti, thaṇḍilaseyyampi kappeti, ekapassayikopi hoti rajojalladharo, abbhokāsikopi hoti yathāsanthatiko , vekaṭikopi hoti vikaṭabhojanānuyogamanuyutto, apānakopi hoti apānakattamanuyutto, sāyatatiyakampi udakorohanānuyogamanuyutto viharatī’’ti.
ตโปปกฺกมนิรตฺถกถา
Tapopakkamaniratthakathā
๓๙๗. ‘‘อเจลโก เจปิ, กสฺสป, โหติ, มุตฺตาจาโร, หตฺถาปเลขโน…เป.… อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกมฺปิ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรติฯ ตสฺส จายํ สีลสมฺปทา จิตฺตสมฺปทา ปญฺญาสมฺปทา อภาวิตา โหติ อสจฺฉิกตาฯ อถ โข โส อารกาว สามญฺญา อารกาว พฺรหฺมญฺญาฯ ยโต โข, กสฺสป, ภิกฺขุ อเวรํ อพฺยาปชฺชํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวติ, อาสวานญฺจ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, กสฺสป, ภิกฺขุ สมโณ อิติปิ พฺราหฺมโณ อิติปิฯ
397. ‘‘Acelako cepi, kassapa, hoti, muttācāro, hatthāpalekhano…pe… iti evarūpaṃ addhamāsikampi pariyāyabhattabhojanānuyogamanuyutto viharati. Tassa cāyaṃ sīlasampadā cittasampadā paññāsampadā abhāvitā hoti asacchikatā. Atha kho so ārakāva sāmaññā ārakāva brahmaññā. Yato kho, kassapa, bhikkhu averaṃ abyāpajjaṃ mettacittaṃ bhāveti, āsavānañca khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, kassapa, bhikkhu samaṇo itipi brāhmaṇo itipi.
‘‘สากภโกฺข เจปิ, กสฺสป, โหติ, สามากภโกฺข…เป.… วนมูลผลาหาโร ยาเปติ ปวตฺตผลโภชีฯ ตสฺส จายํ สีลสมฺปทา จิตฺตสมฺปทา ปญฺญาสมฺปทา อภาวิตา โหติ อสจฺฉิกตาฯ อถ โข โส อารกาว สามญฺญา อารกาว พฺรหฺมญฺญาฯ ยโต โข, กสฺสป, ภิกฺขุ อเวรํ อพฺยาปชฺชํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวติ, อาสวานญฺจ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, กสฺสป, ภิกฺขุ สมโณ อิติปิ พฺราหฺมโณ อิติปิฯ
‘‘Sākabhakkho cepi, kassapa, hoti, sāmākabhakkho…pe… vanamūlaphalāhāro yāpeti pavattaphalabhojī. Tassa cāyaṃ sīlasampadā cittasampadā paññāsampadā abhāvitā hoti asacchikatā. Atha kho so ārakāva sāmaññā ārakāva brahmaññā. Yato kho, kassapa, bhikkhu averaṃ abyāpajjaṃ mettacittaṃ bhāveti, āsavānañca khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, kassapa, bhikkhu samaṇo itipi brāhmaṇo itipi.
‘‘สาณานิ เจปิ, กสฺสป, ธาเรติ, มสาณานิปิ ธาเรติ…เป.… สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรติฯ ตสฺส จายํ สีลสมฺปทา จิตฺตสมฺปทา ปญฺญาสมฺปทา อภาวิตา โหติ อสจฺฉิกตาฯ อถ โข โส อารกาว สามญฺญา อารกาว พฺรหฺมญฺญา ฯ ยโต โข, กสฺสป, ภิกฺขุ อเวรํ อพฺยาปชฺชํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวติ, อาสวานญฺจ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, กสฺสป, ภิกฺขุ สมโณ อิติปิ พฺราหฺมโณ อิติปี’’ติฯ
‘‘Sāṇāni cepi, kassapa, dhāreti, masāṇānipi dhāreti…pe… sāyatatiyakampi udakorohanānuyogamanuyutto viharati. Tassa cāyaṃ sīlasampadā cittasampadā paññāsampadā abhāvitā hoti asacchikatā. Atha kho so ārakāva sāmaññā ārakāva brahmaññā . Yato kho, kassapa, bhikkhu averaṃ abyāpajjaṃ mettacittaṃ bhāveti, āsavānañca khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, kassapa, bhikkhu samaṇo itipi brāhmaṇo itipī’’ti.
๓๙๘. เอวํ วุเตฺต, อเจโล กสฺสโป ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทุกฺกรํ, โภ โคตม, สามญฺญํ ทุกฺกรํ พฺรหฺมญฺญ’’นฺติฯ ‘‘ปกติ โข เอสา, กสฺสป, โลกสฺมิํ ‘ทุกฺกรํ สามญฺญํ ทุกฺกรํ พฺรหฺมญฺญ’นฺติฯ อเจลโก เจปิ, กสฺสป, โหติ, มุตฺตาจาโร, หตฺถาปเลขโน…เป.… อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกมฺปิ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรติฯ อิมาย จ, กสฺสป, มตฺตาย อิมินา ตโปปกฺกเมน สามญฺญํ วา อภวิสฺส พฺรหฺมญฺญํ วา ทุกฺกรํ สุทุกฺกรํ, เนตํ อภวิสฺส กลฺลํ วจนาย – ‘ทุกฺกรํ สามญฺญํ ทุกฺกรํ พฺรหฺมญฺญ’นฺติฯ
398. Evaṃ vutte, acelo kassapo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘dukkaraṃ, bho gotama, sāmaññaṃ dukkaraṃ brahmañña’’nti. ‘‘Pakati kho esā, kassapa, lokasmiṃ ‘dukkaraṃ sāmaññaṃ dukkaraṃ brahmañña’nti. Acelako cepi, kassapa, hoti, muttācāro, hatthāpalekhano…pe… iti evarūpaṃ addhamāsikampi pariyāyabhattabhojanānuyogamanuyutto viharati. Imāya ca, kassapa, mattāya iminā tapopakkamena sāmaññaṃ vā abhavissa brahmaññaṃ vā dukkaraṃ sudukkaraṃ, netaṃ abhavissa kallaṃ vacanāya – ‘dukkaraṃ sāmaññaṃ dukkaraṃ brahmañña’nti.
‘‘สกฺกา จ ปเนตํ อภวิสฺส กาตุํ คหปตินา วา คหปติปุเตฺตน วา อนฺตมโส กุมฺภทาสิยาปิ – ‘หนฺทาหํ อเจลโก โหมิ, มุตฺตาจาโร, หตฺถาปเลขโน…เป.… อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกมฺปิ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรามี’ติฯ
‘‘Sakkā ca panetaṃ abhavissa kātuṃ gahapatinā vā gahapatiputtena vā antamaso kumbhadāsiyāpi – ‘handāhaṃ acelako homi, muttācāro, hatthāpalekhano…pe… iti evarūpaṃ addhamāsikampi pariyāyabhattabhojanānuyogamanuyutto viharāmī’ti.
‘‘ยสฺมา จ โข, กสฺสป, อญฺญเตฺรว อิมาย มตฺตาย อญฺญตฺร อิมินา ตโปปกฺกเมน สามญฺญํ วา โหติ พฺรหฺมญฺญํ วา ทุกฺกรํ สุทุกฺกรํ, ตสฺมา เอตํ กลฺลํ วจนาย – ‘ทุกฺกรํ สามญฺญํ ทุกฺกรํ พฺรหฺมญฺญ’นฺติฯ ยโต โข, กสฺสป, ภิกฺขุ อเวรํ อพฺยาปชฺชํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวติ, อาสวานญฺจ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, กสฺสป, ภิกฺขุ สมโณ อิติปิ พฺราหฺมโณ อิติปิ ฯ
‘‘Yasmā ca kho, kassapa, aññatreva imāya mattāya aññatra iminā tapopakkamena sāmaññaṃ vā hoti brahmaññaṃ vā dukkaraṃ sudukkaraṃ, tasmā etaṃ kallaṃ vacanāya – ‘dukkaraṃ sāmaññaṃ dukkaraṃ brahmañña’nti. Yato kho, kassapa, bhikkhu averaṃ abyāpajjaṃ mettacittaṃ bhāveti, āsavānañca khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, kassapa, bhikkhu samaṇo itipi brāhmaṇo itipi .
‘‘สากภโกฺข เจปิ, กสฺสป, โหติ, สามากภโกฺข…เป.… วนมูลผลาหาโร ยาเปติ ปวตฺตผลโภชีฯ อิมาย จ, กสฺสป, มตฺตาย อิมินา ตโปปกฺกเมน สามญฺญํ วา อภวิสฺส พฺรหฺมญฺญํ วา ทุกฺกรํ สุทุกฺกรํ, เนตํ อภวิสฺส กลฺลํ วจนาย – ‘ทุกฺกรํ สามญฺญํ ทุกฺกรํ พฺรหฺมญฺญ’นฺติฯ
‘‘Sākabhakkho cepi, kassapa, hoti, sāmākabhakkho…pe… vanamūlaphalāhāro yāpeti pavattaphalabhojī. Imāya ca, kassapa, mattāya iminā tapopakkamena sāmaññaṃ vā abhavissa brahmaññaṃ vā dukkaraṃ sudukkaraṃ, netaṃ abhavissa kallaṃ vacanāya – ‘dukkaraṃ sāmaññaṃ dukkaraṃ brahmañña’nti.
‘‘สกฺกา จ ปเนตํ อภวิสฺส กาตุํ คหปตินา วา คหปติปุเตฺตน วา อนฺตมโส กุมฺภทาสิยาปิ – ‘หนฺทาหํ สากภโกฺข วา โหมิ, สามากภโกฺข วา…เป.… วนมูลผลาหาโร ยาเปมิ ปวตฺตผลโภชี’ติฯ
‘‘Sakkā ca panetaṃ abhavissa kātuṃ gahapatinā vā gahapatiputtena vā antamaso kumbhadāsiyāpi – ‘handāhaṃ sākabhakkho vā homi, sāmākabhakkho vā…pe… vanamūlaphalāhāro yāpemi pavattaphalabhojī’ti.
‘‘ยสฺมา จ โข, กสฺสป, อญฺญเตฺรว อิมาย มตฺตาย อญฺญตฺร อิมินา ตโปปกฺกเมน สามญฺญํ วา โหติ พฺรหฺมญฺญํ วา ทุกฺกรํ สุทุกฺกรํ, ตสฺมา เอตํ กลฺลํ วจนาย – ‘ทุกฺกรํ สามญฺญํ ทุกฺกรํ พฺรหฺมญฺญ’นฺติฯ ยโต โข, กสฺสป, ภิกฺขุ อเวรํ อพฺยาปชฺชํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวติ, อาสวานญฺจ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, กสฺสป, ภิกฺขุ สมโณ อิติปิ พฺราหฺมโณ อิติปิฯ
‘‘Yasmā ca kho, kassapa, aññatreva imāya mattāya aññatra iminā tapopakkamena sāmaññaṃ vā hoti brahmaññaṃ vā dukkaraṃ sudukkaraṃ, tasmā etaṃ kallaṃ vacanāya – ‘dukkaraṃ sāmaññaṃ dukkaraṃ brahmañña’nti. Yato kho, kassapa, bhikkhu averaṃ abyāpajjaṃ mettacittaṃ bhāveti, āsavānañca khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, kassapa, bhikkhu samaṇo itipi brāhmaṇo itipi.
‘‘สาณานิ เจปิ, กสฺสป, ธาเรติ, มสาณานิปิ ธาเรติ…เป.… สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรติฯ อิมาย จ, กสฺสป, มตฺตาย อิมินา ตโปปกฺกเมน สามญฺญํ วา อภวิสฺส พฺรหฺมญฺญํ วา ทุกฺกรํ สุทุกฺกรํ, เนตํ อภวิสฺส กลฺลํ วจนาย – ‘ทุกฺกรํ สามญฺญํ ทุกฺกรํ พฺรหฺมญฺญ’นฺติฯ
‘‘Sāṇāni cepi, kassapa, dhāreti, masāṇānipi dhāreti…pe… sāyatatiyakampi udakorohanānuyogamanuyutto viharati. Imāya ca, kassapa, mattāya iminā tapopakkamena sāmaññaṃ vā abhavissa brahmaññaṃ vā dukkaraṃ sudukkaraṃ, netaṃ abhavissa kallaṃ vacanāya – ‘dukkaraṃ sāmaññaṃ dukkaraṃ brahmañña’nti.
‘‘สกฺกา จ ปเนตํ อภวิสฺส กาตุํ คหปตินา วา คหปติปุเตฺตน วา อนฺตมโส กุมฺภทาสิยาปิ – ‘หนฺทาหํ สาณานิปิ ธาเรมิ, มสาณานิปิ ธาเรมิ…เป.… สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรามี’ติฯ
‘‘Sakkā ca panetaṃ abhavissa kātuṃ gahapatinā vā gahapatiputtena vā antamaso kumbhadāsiyāpi – ‘handāhaṃ sāṇānipi dhāremi, masāṇānipi dhāremi…pe… sāyatatiyakampi udakorohanānuyogamanuyutto viharāmī’ti.
‘‘ยสฺมา จ โข, กสฺสป, อญฺญเตฺรว อิมาย มตฺตาย อญฺญตฺร อิมินา ตโปปกฺกเมน สามญฺญํ วา โหติ พฺรหฺมญฺญํ วา ทุกฺกรํ สุทุกฺกรํ, ตสฺมา เอตํ กลฺลํ วจนาย – ‘ทุกฺกรํ สามญฺญํ ทุกฺกรํ พฺรหฺมญฺญ’นฺติฯ ยโต โข, กสฺสป, ภิกฺขุ อเวรํ อพฺยาปชฺชํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวติ, อาสวานญฺจ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, กสฺสป, ภิกฺขุ สมโณ อิติปิ พฺราหฺมโณ อิติปี’’ติฯ
‘‘Yasmā ca kho, kassapa, aññatreva imāya mattāya aññatra iminā tapopakkamena sāmaññaṃ vā hoti brahmaññaṃ vā dukkaraṃ sudukkaraṃ, tasmā etaṃ kallaṃ vacanāya – ‘dukkaraṃ sāmaññaṃ dukkaraṃ brahmañña’nti. Yato kho, kassapa, bhikkhu averaṃ abyāpajjaṃ mettacittaṃ bhāveti, āsavānañca khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, kassapa, bhikkhu samaṇo itipi brāhmaṇo itipī’’ti.
๓๙๙. เอวํ วุเตฺต, อเจโล กสฺสโป ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทุชฺชาโน, โภ โคตม, สมโณ, ทุชฺชาโน พฺราหฺมโณ’’ติฯ ‘‘ปกติ โข เอสา, กสฺสป, โลกสฺมิํ ‘ทุชฺชาโน สมโณ ทุชฺชาโน พฺราหฺมโณ’ติฯ อเจลโก เจปิ, กสฺสป, โหติ, มุตฺตาจาโร, หตฺถาปเลขโน…เป.… อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกมฺปิ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรติฯ อิมาย จ, กสฺสป, มตฺตาย อิมินา ตโปปกฺกเมน สมโณ วา อภวิสฺส พฺราหฺมโณ วา ทุชฺชาโน สุทุชฺชาโน, เนตํ อภวิสฺส กลฺลํ วจนาย – ‘ทุชฺชาโน สมโณ ทุชฺชาโน พฺราหฺมโณ’ติฯ
399. Evaṃ vutte, acelo kassapo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘dujjāno, bho gotama, samaṇo, dujjāno brāhmaṇo’’ti. ‘‘Pakati kho esā, kassapa, lokasmiṃ ‘dujjāno samaṇo dujjāno brāhmaṇo’ti. Acelako cepi, kassapa, hoti, muttācāro, hatthāpalekhano…pe… iti evarūpaṃ addhamāsikampi pariyāyabhattabhojanānuyogamanuyutto viharati. Imāya ca, kassapa, mattāya iminā tapopakkamena samaṇo vā abhavissa brāhmaṇo vā dujjāno sudujjāno, netaṃ abhavissa kallaṃ vacanāya – ‘dujjāno samaṇo dujjāno brāhmaṇo’ti.
‘‘สกฺกา จ ปเนโส อภวิสฺส ญาตุํ คหปตินา วา คหปติปุเตฺตน วา อนฺตมโส กุมฺภทาสิยาปิ – ‘อยํ อเจลโก โหติ, มุตฺตาจาโร, หตฺถาปเลขโน…เป.… อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกมฺปิ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรตี’ติฯ
‘‘Sakkā ca paneso abhavissa ñātuṃ gahapatinā vā gahapatiputtena vā antamaso kumbhadāsiyāpi – ‘ayaṃ acelako hoti, muttācāro, hatthāpalekhano…pe… iti evarūpaṃ addhamāsikampi pariyāyabhattabhojanānuyogamanuyutto viharatī’ti.
‘‘ยสฺมา จ โข, กสฺสป, อญฺญเตฺรว อิมาย มตฺตาย อญฺญตฺร อิมินา ตโปปกฺกเมน สมโณ วา โหติ พฺราหฺมโณ วา ทุชฺชาโน สุทุชฺชาโน, ตสฺมา เอตํ กลฺลํ วจนาย – ‘ทุชฺชาโน สมโณ ทุชฺชาโน พฺราหฺมโณ’ติฯ ยโต โข 7, กสฺสป, ภิกฺขุ อเวรํ อพฺยาปชฺชํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวติ, อาสวานญฺจ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, กสฺสป, ภิกฺขุ สมโณ อิติปิ พฺราหฺมโณ อิติปิฯ
‘‘Yasmā ca kho, kassapa, aññatreva imāya mattāya aññatra iminā tapopakkamena samaṇo vā hoti brāhmaṇo vā dujjāno sudujjāno, tasmā etaṃ kallaṃ vacanāya – ‘dujjāno samaṇo dujjāno brāhmaṇo’ti. Yato kho 8, kassapa, bhikkhu averaṃ abyāpajjaṃ mettacittaṃ bhāveti, āsavānañca khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, kassapa, bhikkhu samaṇo itipi brāhmaṇo itipi.
‘‘สากภโกฺข เจปิ, กสฺสป, โหติ สามากภโกฺข…เป.… วนมูลผลาหาโร ยาเปติ ปวตฺตผลโภชีฯ อิมาย จ, กสฺสป, มตฺตาย อิมินา ตโปปกฺกเมน สมโณ วา อภวิสฺส พฺราหฺมโณ วา ทุชฺชาโน สุทุชฺชาโน, เนตํ อภวิสฺส กลฺลํ วจนาย – ‘ทุชฺชาโน สมโณ ทุชฺชาโน พฺราหฺมโณ’ติฯ
‘‘Sākabhakkho cepi, kassapa, hoti sāmākabhakkho…pe… vanamūlaphalāhāro yāpeti pavattaphalabhojī. Imāya ca, kassapa, mattāya iminā tapopakkamena samaṇo vā abhavissa brāhmaṇo vā dujjāno sudujjāno, netaṃ abhavissa kallaṃ vacanāya – ‘dujjāno samaṇo dujjāno brāhmaṇo’ti.
‘‘สกฺกา จ ปเนโส อภวิสฺส ญาตุํ คหปตินา วา คหปติปุเตฺตน วา อนฺตมโส กุมฺภทาสิยาปิ – ‘อยํ สากภโกฺข วา โหติ สามากภโกฺข…เป.… วนมูลผลาหาโร ยาเปติ ปวตฺตผลโภชี’ติฯ
‘‘Sakkā ca paneso abhavissa ñātuṃ gahapatinā vā gahapatiputtena vā antamaso kumbhadāsiyāpi – ‘ayaṃ sākabhakkho vā hoti sāmākabhakkho…pe… vanamūlaphalāhāro yāpeti pavattaphalabhojī’ti.
‘‘ยสฺมา จ โข, กสฺสป, อญฺญเตฺรว อิมาย มตฺตาย อญฺญตฺร อิมินา ตโปปกฺกเมน สมโณ วา โหติ พฺราหฺมโณ วา ทุชฺชาโน สุทุชฺชาโน, ตสฺมา เอตํ กลฺลํ วจนาย – ‘ทุชฺชาโน สมโณ ทุชฺชาโน พฺราหฺมโณ’ติฯ ยโต โข, กสฺสป, ภิกฺขุ อเวรํ อพฺยาปชฺชํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวติ , อาสวานญฺจ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, กสฺสป, ภิกฺขุ สมโณ อิติปิ พฺราหฺมโณ อิติปิฯ
‘‘Yasmā ca kho, kassapa, aññatreva imāya mattāya aññatra iminā tapopakkamena samaṇo vā hoti brāhmaṇo vā dujjāno sudujjāno, tasmā etaṃ kallaṃ vacanāya – ‘dujjāno samaṇo dujjāno brāhmaṇo’ti. Yato kho, kassapa, bhikkhu averaṃ abyāpajjaṃ mettacittaṃ bhāveti , āsavānañca khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, kassapa, bhikkhu samaṇo itipi brāhmaṇo itipi.
‘‘สาณานิ เจปิ, กสฺสป, ธาเรติ, มสาณานิปิ ธาเรติ…เป.… สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรติฯ อิมาย จ, กสฺสป, มตฺตาย อิมินา ตโปปกฺกเมน สมโณ วา อภวิสฺส พฺราหฺมโณ วา ทุชฺชาโน สุทุชฺชาโน, เนตํ อภวิสฺส กลฺลํ วจนาย – ‘ทุชฺชาโน สมโณ ทุชฺชาโน พฺราหฺมโณ’ติฯ
‘‘Sāṇāni cepi, kassapa, dhāreti, masāṇānipi dhāreti…pe… sāyatatiyakampi udakorohanānuyogamanuyutto viharati. Imāya ca, kassapa, mattāya iminā tapopakkamena samaṇo vā abhavissa brāhmaṇo vā dujjāno sudujjāno, netaṃ abhavissa kallaṃ vacanāya – ‘dujjāno samaṇo dujjāno brāhmaṇo’ti.
‘‘สกฺกา จ ปเนโส อภวิสฺส ญาตุํ คหปตินา วา คหปติปุเตฺตน วา อนฺตมโส กุมฺภทาสิยาปิ – ‘อยํ สาณานิปิ ธาเรติ, มสาณานิปิ ธาเรติ…เป.… สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรตี’ติฯ
‘‘Sakkā ca paneso abhavissa ñātuṃ gahapatinā vā gahapatiputtena vā antamaso kumbhadāsiyāpi – ‘ayaṃ sāṇānipi dhāreti, masāṇānipi dhāreti…pe… sāyatatiyakampi udakorohanānuyogamanuyutto viharatī’ti.
‘‘ยสฺมา จ โข, กสฺสป, อญฺญเตฺรว อิมาย มตฺตาย อญฺญตฺร อิมินา ตโปปกฺกเมน สมโณ วา โหติ พฺราหฺมโณ วา ทุชฺชาโน สุทุชฺชาโน, ตสฺมา เอตํ กลฺลํ วจนาย – ‘ทุชฺชาโน สมโณ ทุชฺชาโน พฺราหฺมโณ’ติฯ ยโต โข, กสฺสป, ภิกฺขุ อเวรํ อพฺยาปชฺชํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวติ, อาสวานญฺจ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, กสฺสป , ภิกฺขุ สมโณ อิติปิ พฺราหฺมโณ อิติปี’’ติฯ
‘‘Yasmā ca kho, kassapa, aññatreva imāya mattāya aññatra iminā tapopakkamena samaṇo vā hoti brāhmaṇo vā dujjāno sudujjāno, tasmā etaṃ kallaṃ vacanāya – ‘dujjāno samaṇo dujjāno brāhmaṇo’ti. Yato kho, kassapa, bhikkhu averaṃ abyāpajjaṃ mettacittaṃ bhāveti, āsavānañca khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Ayaṃ vuccati, kassapa , bhikkhu samaṇo itipi brāhmaṇo itipī’’ti.
สีลสมาธิปญฺญาสมฺปทา
Sīlasamādhipaññāsampadā
๔๐๐. เอวํ วุเตฺต, อเจโล กสฺสโป ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กตมา ปน สา, โภ โคตม, สีลสมฺปทา, กตมา จิตฺตสมฺปทา, กตมา ปญฺญาสมฺปทา’’ติ? ‘‘อิธ, กสฺสป, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ, สมฺมาสมฺพุโทฺธ…เป.… (ยถา ๑๙๐-๑๙๓ อนุเจฺฉเทสุ, เอวํ วิตฺถาเรตพฺพํ) ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, กายกมฺมวจีกเมฺมน สมนฺนาคโต กุสเลน ปริสุทฺธาชีโว สีลสมฺปโนฺน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร สติสมฺปชเญฺญน สมนฺนาคโต สนฺตุโฎฺฐฯ
400. Evaṃ vutte, acelo kassapo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘katamā pana sā, bho gotama, sīlasampadā, katamā cittasampadā, katamā paññāsampadā’’ti? ‘‘Idha, kassapa, tathāgato loke uppajjati arahaṃ, sammāsambuddho…pe… (yathā 190-193 anucchedesu, evaṃ vitthāretabbaṃ) bhayadassāvī samādāya sikkhati sikkhāpadesu, kāyakammavacīkammena samannāgato kusalena parisuddhājīvo sīlasampanno indriyesu guttadvāro satisampajaññena samannāgato santuṭṭho.
๔๐๑. ‘‘กถญฺจ, กสฺสป, ภิกฺขุ สีลสมฺปโนฺน โหติ? อิธ, กสฺสป, ภิกฺขุ ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ นิหิตทโณฺฑ นิหิตสโตฺถ ลชฺชี ทยาปโนฺน, สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติฯ อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสมฺปทาย …เป.… (ยถา ๑๙๔ ยาว ๒๑๐ อนุเจฺฉเทสุ)
401. ‘‘Kathañca, kassapa, bhikkhu sīlasampanno hoti? Idha, kassapa, bhikkhu pāṇātipātaṃ pahāya pāṇātipātā paṭivirato hoti nihitadaṇḍo nihitasattho lajjī dayāpanno, sabbapāṇabhūtahitānukampī viharati. Idampissa hoti sīlasampadāya …pe… (yathā 194 yāva 210 anucchedesu)
‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กเปฺปนฺติ ฯ เสยฺยถิทํ – สนฺติกมฺมํ ปณิธิกมฺมํ…เป.… (ยถา ๒๑๑ อนุเจฺฉเท) โอสธีนํ ปติโมโกฺข อิติ วา อิติ, เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฎิวิรโต โหติฯ อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสมฺปทายฯ
‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvena jīvitaṃ kappenti . Seyyathidaṃ – santikammaṃ paṇidhikammaṃ…pe… (yathā 211 anucchede) osadhīnaṃ patimokkho iti vā iti, evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvā paṭivirato hoti. Idampissa hoti sīlasampadāya.
‘‘ส โข โส 9, กสฺสป, ภิกฺขุ เอวํ สีลสมฺปโนฺน น กุโตจิ ภยํ สมนุปสฺสติ, ยทิทํ สีลสํวรโตฯ เสยฺยถาปิ, กสฺสป, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิโตฺต นิหตปจฺจามิโตฺต น กุโตจิ ภยํ สมนุปสฺสติ, ยทิทํ ปจฺจตฺถิกโตฯ เอวเมว โข, กสฺสป, ภิกฺขุ เอวํ สีลสมฺปโนฺน น กุโตจิ ภยํ สมนุปสฺสติ, ยทิทํ สีลสํวรโตฯ โส อิมินา อริเยน สีลกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อนวชฺชสุขํ ปฎิสํเวเทติฯ เอวํ โข, กสฺสป, ภิกฺขุ สีลสมฺปโนฺน โหติฯ อยํ โข, กสฺสป, สีลสมฺปทา…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทมฺปิสฺส โหติ จิตฺตสมฺปทาย…เป.… ทุติยํ ฌานํ…เป.… ตติยํ ฌานํ…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทมฺปิสฺส โหติ จิตฺตสมฺปทายฯ อยํ โข, กสฺสป, จิตฺตสมฺปทาฯ
‘‘Sa kho so 10, kassapa, bhikkhu evaṃ sīlasampanno na kutoci bhayaṃ samanupassati, yadidaṃ sīlasaṃvarato. Seyyathāpi, kassapa, rājā khattiyo muddhāvasitto nihatapaccāmitto na kutoci bhayaṃ samanupassati, yadidaṃ paccatthikato. Evameva kho, kassapa, bhikkhu evaṃ sīlasampanno na kutoci bhayaṃ samanupassati, yadidaṃ sīlasaṃvarato. So iminā ariyena sīlakkhandhena samannāgato ajjhattaṃ anavajjasukhaṃ paṭisaṃvedeti. Evaṃ kho, kassapa, bhikkhu sīlasampanno hoti. Ayaṃ kho, kassapa, sīlasampadā…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Idampissa hoti cittasampadāya…pe… dutiyaṃ jhānaṃ…pe… tatiyaṃ jhānaṃ…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Idampissa hoti cittasampadāya. Ayaṃ kho, kassapa, cittasampadā.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต…เป.… ญาณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ…เป.… อิทมฺปิสฺส โหติ ปญฺญาสมฺปทาย…เป.… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ…เป.… อิทมฺปิสฺส โหติ ปญฺญาสมฺปทายฯ อยํ โข, กสฺสป, ปญฺญาสมฺปทาฯ
‘‘So evaṃ samāhite citte…pe… ñāṇadassanāya cittaṃ abhinīharati abhininnāmeti…pe… idampissa hoti paññāsampadāya…pe… nāparaṃ itthattāyāti pajānāti…pe… idampissa hoti paññāsampadāya. Ayaṃ kho, kassapa, paññāsampadā.
‘‘อิมาย จ, กสฺสป, สีลสมฺปทาย จิตฺตสมฺปทาย ปญฺญาสมฺปทาย อญฺญา สีลสมฺปทา จิตฺตสมฺปทา ปญฺญาสมฺปทา อุตฺตริตรา วา ปณีตตรา วา นตฺถิฯ
‘‘Imāya ca, kassapa, sīlasampadāya cittasampadāya paññāsampadāya aññā sīlasampadā cittasampadā paññāsampadā uttaritarā vā paṇītatarā vā natthi.
สีหนาทกถา
Sīhanādakathā
๔๐๒. ‘‘สนฺติ, กสฺสป, เอเก สมณพฺราหฺมณา สีลวาทาฯ เต อเนกปริยาเยน สีลสฺส วณฺณํ ภาสนฺติฯ ยาวตา, กสฺสป, อริยํ ปรมํ สีลํ, นาหํ ตตฺถ อตฺตโน สมสมํ สมนุปสฺสามิ, กุโต ภิโยฺย! อถ โข อหเมว ตตฺถ ภิโยฺย, ยทิทํ อธิสีลํฯ
402. ‘‘Santi, kassapa, eke samaṇabrāhmaṇā sīlavādā. Te anekapariyāyena sīlassa vaṇṇaṃ bhāsanti. Yāvatā, kassapa, ariyaṃ paramaṃ sīlaṃ, nāhaṃ tattha attano samasamaṃ samanupassāmi, kuto bhiyyo! Atha kho ahameva tattha bhiyyo, yadidaṃ adhisīlaṃ.
‘‘สนฺติ, กสฺสป, เอเก สมณพฺราหฺมณา ตโปชิคุจฺฉาวาทาฯ เต อเนกปริยาเยน ตโปชิคุจฺฉาย วณฺณํ ภาสนฺติฯ ยาวตา, กสฺสป, อริยา ปรมา ตโปชิคุจฺฉา, นาหํ ตตฺถ อตฺตโน สมสมํ สมนุปสฺสามิ, กุโต ภิโยฺย! อถ โข อหเมว ตตฺถ ภิโยฺย, ยทิทํ อธิเชคุจฺฉํฯ
‘‘Santi, kassapa, eke samaṇabrāhmaṇā tapojigucchāvādā. Te anekapariyāyena tapojigucchāya vaṇṇaṃ bhāsanti. Yāvatā, kassapa, ariyā paramā tapojigucchā, nāhaṃ tattha attano samasamaṃ samanupassāmi, kuto bhiyyo! Atha kho ahameva tattha bhiyyo, yadidaṃ adhijegucchaṃ.
‘‘สนฺติ, กสฺสป, เอเก สมณพฺราหฺมณา ปญฺญาวาทาฯ เต อเนกปริยาเยน ปญฺญาย วณฺณํ ภาสนฺติฯ ยาวตา, กสฺสป, อริยา ปรมา ปญฺญา, นาหํ ตตฺถ อตฺตโน สมสมํ สมนุปสฺสามิ, กุโต ภิโยฺย! อถ โข อหเมว ตตฺถ ภิโยฺย, ยทิทํ อธิปญฺญํฯ
‘‘Santi, kassapa, eke samaṇabrāhmaṇā paññāvādā. Te anekapariyāyena paññāya vaṇṇaṃ bhāsanti. Yāvatā, kassapa, ariyā paramā paññā, nāhaṃ tattha attano samasamaṃ samanupassāmi, kuto bhiyyo! Atha kho ahameva tattha bhiyyo, yadidaṃ adhipaññaṃ.
‘‘สนฺติ, กสฺสป, เอเก สมณพฺราหฺมณา วิมุตฺติวาทาฯ เต อเนกปริยาเยน วิมุตฺติยา วณฺณํ ภาสนฺติฯ ยาวตา, กสฺสป, อริยา ปรมา วิมุตฺติ, นาหํ ตตฺถ อตฺตโน สมสมํ สมนุปสฺสามิ, กุโต ภิโยฺย! อถ โข อหเมว ตตฺถ ภิโยฺย, ยทิทํ อธิวิมุตฺติฯ
‘‘Santi, kassapa, eke samaṇabrāhmaṇā vimuttivādā. Te anekapariyāyena vimuttiyā vaṇṇaṃ bhāsanti. Yāvatā, kassapa, ariyā paramā vimutti, nāhaṃ tattha attano samasamaṃ samanupassāmi, kuto bhiyyo! Atha kho ahameva tattha bhiyyo, yadidaṃ adhivimutti.
๔๐๓. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, กสฺสป, วิชฺชติ, ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘สีหนาทํ โข สมโณ โคตโม นทติ, ตญฺจ โข สุญฺญาคาเร นทติ, โน ปริสาสู’ติฯ เต – ‘มา เหว’นฺติสฺสุ วจนียาฯ ‘สีหนาทญฺจ สมโณ โคตโม นทติ, ปริสาสุ จ นทตี’ติ เอวมสฺสุ, กสฺสป, วจนียาฯ
403. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, kassapa, vijjati, yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘sīhanādaṃ kho samaṇo gotamo nadati, tañca kho suññāgāre nadati, no parisāsū’ti. Te – ‘mā heva’ntissu vacanīyā. ‘Sīhanādañca samaṇo gotamo nadati, parisāsu ca nadatī’ti evamassu, kassapa, vacanīyā.
‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, กสฺสป, วิชฺชติ, ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘สีหนาทญฺจ สมโณ โคตโม นทติ, ปริสาสุ จ นทติ, โน จ โข วิสารโท นทตี’ติ ฯ เต – ‘มา เหว’นฺติสฺสุ วจนียาฯ ‘สีหนาทญฺจ สมโณ โคตโม นทติ, ปริสาสุ จ นทติ, วิสารโท จ นทตี’’ติ เอวมสฺสุ, กสฺสป, วจนียาฯ
‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, kassapa, vijjati, yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘sīhanādañca samaṇo gotamo nadati, parisāsu ca nadati, no ca kho visārado nadatī’ti . Te – ‘mā heva’ntissu vacanīyā. ‘Sīhanādañca samaṇo gotamo nadati, parisāsu ca nadati, visārado ca nadatī’’ti evamassu, kassapa, vacanīyā.
‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, กสฺสป, วิชฺชติ, ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘สีหนาทญฺจ สมโณ โคตโม นทติ, ปริสาสุ จ นทติ, วิสารโท จ นทติ, โน จ โข นํ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ…เป.… ปญฺหญฺจ นํ ปุจฺฉนฺติ; โน จ โข เนสํ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ พฺยากโรติ…เป.… ปญฺหญฺจ เนสํ ปุโฎฺฐ พฺยากโรติ; โน จ โข ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธติ…เป.… ปญฺหสฺส จ เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธติ; โน จ โข โสตพฺพํ มญฺญนฺติ…เป.… โสตพฺพญฺจสฺส มญฺญนฺติ; โน จ โข สุตฺวา ปสีทนฺติ…เป.… สุตฺวา จสฺส ปสีทนฺติ ; โน จ โข ปสนฺนาการํ กโรนฺติ…เป.… ปสนฺนาการญฺจ กโรนฺติ; โน จ โข ตถตฺตาย ปฎิปชฺชนฺติ…เป.… ตถตฺตาย จ ปฎิปชฺชนฺติ; โน จ โข ปฎิปนฺนา อาราเธนฺตี’ติฯ เต – ‘มา เหว’นฺติสฺสุ วจนียาฯ ‘สีหนาทญฺจ สมโณ โคตโม นทติ, ปริสาสุ จ นทติ, วิสารโท จ นทติ, ปญฺหญฺจ นํ ปุจฺฉนฺติ, ปญฺหญฺจ เนสํ ปุโฎฺฐ พฺยากโรติ, ปญฺหสฺส จ เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธติ, โสตพฺพญฺจสฺส มญฺญนฺติ, สุตฺวา จสฺส ปสีทนฺติ, ปสนฺนาการญฺจ กโรนฺติ, ตถตฺตาย จ ปฎิปชฺชนฺติ, ปฎิปนฺนา จ อาราเธนฺตี’ติ เอวมสฺสุ, กสฺสป, วจนียาฯ
‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, kassapa, vijjati, yaṃ aññatitthiyā paribbājakā evaṃ vadeyyuṃ – ‘sīhanādañca samaṇo gotamo nadati, parisāsu ca nadati, visārado ca nadati, no ca kho naṃ pañhaṃ pucchanti…pe… pañhañca naṃ pucchanti; no ca kho nesaṃ pañhaṃ puṭṭho byākaroti…pe… pañhañca nesaṃ puṭṭho byākaroti; no ca kho pañhassa veyyākaraṇena cittaṃ ārādheti…pe… pañhassa ca veyyākaraṇena cittaṃ ārādheti; no ca kho sotabbaṃ maññanti…pe… sotabbañcassa maññanti; no ca kho sutvā pasīdanti…pe… sutvā cassa pasīdanti ; no ca kho pasannākāraṃ karonti…pe… pasannākārañca karonti; no ca kho tathattāya paṭipajjanti…pe… tathattāya ca paṭipajjanti; no ca kho paṭipannā ārādhentī’ti. Te – ‘mā heva’ntissu vacanīyā. ‘Sīhanādañca samaṇo gotamo nadati, parisāsu ca nadati, visārado ca nadati, pañhañca naṃ pucchanti, pañhañca nesaṃ puṭṭho byākaroti, pañhassa ca veyyākaraṇena cittaṃ ārādheti, sotabbañcassa maññanti, sutvā cassa pasīdanti, pasannākārañca karonti, tathattāya ca paṭipajjanti, paṭipannā ca ārādhentī’ti evamassu, kassapa, vacanīyā.
ติตฺถิยปริวาสกถา
Titthiyaparivāsakathā
๔๐๔. ‘‘เอกมิทาหํ, กสฺสป, สมยํ ราชคเห วิหรามิ คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเตฯ ตตฺร มํ อญฺญตโร ตปพฺรหฺมจารี นิโคฺรโธ นาม อธิเชคุเจฺฉ ปญฺหํ อปุจฺฉิฯ ตสฺสาหํ อธิเชคุเจฺฉ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ พฺยากาสิํฯ พฺยากเต จ ปน เม อตฺตมโน อโหสิ ปรํ วิย มตฺตายา’’ติฯ ‘‘โก หิ, ภเนฺต, ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา น อตฺตมโน อสฺส ปรํ วิย มตฺตาย? อหมฺปิ หิ, ภเนฺต, ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา อตฺตมโน ปรํ วิย มตฺตายฯ อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺตฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ ลเภยฺยาหํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติฯ
404. ‘‘Ekamidāhaṃ, kassapa, samayaṃ rājagahe viharāmi gijjhakūṭe pabbate. Tatra maṃ aññataro tapabrahmacārī nigrodho nāma adhijegucche pañhaṃ apucchi. Tassāhaṃ adhijegucche pañhaṃ puṭṭho byākāsiṃ. Byākate ca pana me attamano ahosi paraṃ viya mattāyā’’ti. ‘‘Ko hi, bhante, bhagavato dhammaṃ sutvā na attamano assa paraṃ viya mattāya? Ahampi hi, bhante, bhagavato dhammaṃ sutvā attamano paraṃ viya mattāya. Abhikkantaṃ, bhante, abhikkantaṃ, bhante. Seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti; evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi, dhammañca bhikkhusaṅghañca. Labheyyāhaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampada’’nti.
๔๐๕. ‘‘โย โข, กสฺสป, อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, โส จตฺตาโร มาเส ปริวสติ, จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ, อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวายฯ อปิ จ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา’’ติฯ ‘‘สเจ, ภเนฺต, อญฺญติตฺถิยปุพฺพา อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขนฺติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขนฺติ อุปสมฺปทํ, จตฺตาโร มาเส ปริวสนฺติ, จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ, อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวายฯ อหํ จตฺตาริ วสฺสานิ ปริวสิสฺสามิ, จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺตุ, อุปสมฺปาเทนฺตุ ภิกฺขุภาวายา’’ติฯ
405. ‘‘Yo kho, kassapa, aññatitthiyapubbo imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhati pabbajjaṃ, ākaṅkhati upasampadaṃ, so cattāro māse parivasati, catunnaṃ māsānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājenti, upasampādenti bhikkhubhāvāya. Api ca mettha puggalavemattatā viditā’’ti. ‘‘Sace, bhante, aññatitthiyapubbā imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhanti pabbajjaṃ, ākaṅkhanti upasampadaṃ, cattāro māse parivasanti, catunnaṃ māsānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājenti, upasampādenti bhikkhubhāvāya. Ahaṃ cattāri vassāni parivasissāmi, catunnaṃ vassānaṃ accayena āraddhacittā bhikkhū pabbājentu, upasampādentu bhikkhubhāvāyā’’ti.
อลตฺถ โข อเจโล กสฺสโป ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ , อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อจิรูปสมฺปโนฺน โข ปนายสฺมา กสฺสโป เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต น จิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ – อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา กสฺสโป อรหตํ อโหสีติฯ
Alattha kho acelo kassapo bhagavato santike pabbajjaṃ , alattha upasampadaṃ. Acirūpasampanno kho panāyasmā kassapo eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto na cirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti – abbhaññāsi. Aññataro kho panāyasmā kassapo arahataṃ ahosīti.
มหาสีหนาทสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ อฎฺฐมํฯ
Mahāsīhanādasuttaṃ niṭṭhitaṃ aṭṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๘. มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา • 8. Mahāsīhanādasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๘. มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา • 8. Mahāsīhanādasuttavaṇṇanā