Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā)

    ๘. มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา

    8. Mahāsīhanādasuttavaṇṇanā

    อเจลกสฺสปวตฺถุวณฺณนา

    Acelakassapavatthuvaṇṇanā

    ๓๘๑. เอวํ เม สุตํ…เป.… อุรุญฺญายํ วิหรตีติ มหาสีหนาทสุตฺตํฯ ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนาฯ อุรุญฺญายนฺติ อุรุญฺญาติ ตสฺส รฎฺฐสฺสปิ นครสฺสปิ เอตเทว นามํ, ภควา อุรุญฺญานครํ อุปนิสฺสาย วิหรติฯ กณฺณกตฺถเล มิคทาเยติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร กณฺณกตฺถลํ นาม เอโก รมณีโย ภูมิภาโค อตฺถิฯ โส มิคานํ อภยตฺถาย ทินฺนตฺตา ‘‘มิคทาโย’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมิํ กณฺณกตฺถเล มิคทาเยฯ อเจโลติ นคฺคปริพฺพาชโกฯ กสฺสโปติ ตสฺส นามํฯ ตปสฺสินฺติ ตปนิสฺสิตกํฯ ลูขาชีวินฺติ อเจลกมุตฺตาจาราทิวเสน ลูโข อาชีโว อสฺสาติ ลูขาชีวี, ตํ ลูขาชีวิํฯ อุปโกฺกสตีติ อุปเณฺฑติฯ อุปวทตีติ หีเฬติ วเมฺภติฯ ธมฺมสฺส จ อนุธมฺมํ พฺยากโรนฺตีติ โภตา โคตเมน วุตฺตการณสฺส อนุการณํ กเถนฺติฯ สหธมฺมิโก วาทานุวาโทติ ปเรหิ วุตฺตการเณน สการโณ หุตฺวา ตุมฺหากํ วาโท วา อนุวาโท วา วิญฺญูหิ ครหิตพฺพํ, การณํ โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ กิํ น อาคจฺฉติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ, ‘‘กิํ สพฺพากาเรนปิ ตว วาเท คารยฺหํ การณํ นตฺถี’’ติฯ อนพฺภกฺขาตุกามาติ น อภูเตน วตฺตุกามาฯ

    381.Evaṃme sutaṃ…pe… uruññāyaṃ viharatīti mahāsīhanādasuttaṃ. Tatrāyaṃ apubbapadavaṇṇanā. Uruññāyanti uruññāti tassa raṭṭhassapi nagarassapi etadeva nāmaṃ, bhagavā uruññānagaraṃ upanissāya viharati. Kaṇṇakatthale migadāyeti tassa nagarassa avidūre kaṇṇakatthalaṃ nāma eko ramaṇīyo bhūmibhāgo atthi. So migānaṃ abhayatthāya dinnattā ‘‘migadāyo’’ti vuccati, tasmiṃ kaṇṇakatthale migadāye. Aceloti naggaparibbājako. Kassapoti tassa nāmaṃ. Tapassinti tapanissitakaṃ. Lūkhājīvinti acelakamuttācārādivasena lūkho ājīvo assāti lūkhājīvī, taṃ lūkhājīviṃ. Upakkosatīti upaṇḍeti. Upavadatīti hīḷeti vambheti. Dhammassa ca anudhammaṃ byākarontīti bhotā gotamena vuttakāraṇassa anukāraṇaṃ kathenti. Sahadhammiko vādānuvādoti parehi vuttakāraṇena sakāraṇo hutvā tumhākaṃ vādo vā anuvādo vā viññūhi garahitabbaṃ, kāraṇaṃ koci appamattakopi kiṃ na āgacchati. Idaṃ vuttaṃ hoti, ‘‘kiṃ sabbākārenapi tava vāde gārayhaṃ kāraṇaṃ natthī’’ti. Anabbhakkhātukāmāti na abhūtena vattukāmā.

    ๓๘๒. เอกจฺจํ ตปสฺสิํ ลูขาชีวินฺติอาทีสุ อิเธกโจฺจ อเจลกปพฺพชฺชาทิตปนิสฺสิตตฺตา ตปสฺสี ‘‘ลูเขน ชีวิตํ กเปฺปสฺสามี’’ติ ติณโคมยาทิภกฺขนาทีหิ นานปฺปกาเรหิ อตฺตานํ กิลเมติ, อปฺปปุญฺญตาย จ สุเขน ชีวิตวุตฺติเมว น ลภติ, โส ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติฯ

    382.Ekaccaṃ tapassiṃ lūkhājīvintiādīsu idhekacco acelakapabbajjāditapanissitattā tapassī ‘‘lūkhena jīvitaṃ kappessāmī’’ti tiṇagomayādibhakkhanādīhi nānappakārehi attānaṃ kilameti, appapuññatāya ca sukhena jīvitavuttimeva na labhati, so tīṇi duccaritāni pūretvā niraye nibbattati.

    อปโร ตาทิสํ ตปนิสฺสิโตปิ ปุญฺญวา โหติ, ลภติ ลาภสกฺการํฯ โส ‘‘น ทานิ มยา สทิโส อตฺถี’’ติ อตฺตานํ อุเจฺจ ฐาเน สมฺภาเวตฺวา ‘‘ภิโยฺยโสมตฺตาย ลาภํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ อเนสนวเสน ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติฯ อิเม เทฺว สนฺธาย ปฐมนโย วุโตฺตฯ

    Aparo tādisaṃ tapanissitopi puññavā hoti, labhati lābhasakkāraṃ. So ‘‘na dāni mayā sadiso atthī’’ti attānaṃ ucce ṭhāne sambhāvetvā ‘‘bhiyyosomattāya lābhaṃ uppādessāmī’’ti anesanavasena tīṇi duccaritāni pūretvā niraye nibbattati. Ime dve sandhāya paṭhamanayo vutto.

    อปโร ตปนิสฺสิตโก ลูขาชีวี อปฺปปุโญฺญ โหติ, น ลภติ สุเขน ชีวิตวุตฺติํฯ โส ‘‘มยฺหํ ปุเพฺพปิ อกตปุญฺญตาย สุขชีวิกา นุปฺปชฺชติ , หนฺททานิ ปุญฺญานิ กโรมี’’ติ ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺตติฯ

    Aparo tapanissitako lūkhājīvī appapuñño hoti, na labhati sukhena jīvitavuttiṃ. So ‘‘mayhaṃ pubbepi akatapuññatāya sukhajīvikā nuppajjati , handadāni puññāni karomī’’ti tīṇi sucaritāni pūretvā sagge nibbattati.

    อปโร ลูขาชีวี ปุญฺญวา โหติ, ลภติ สุเขน ชีวิตวุตฺติํฯ โส – ‘‘มยฺหํ ปุเพฺพปิ กตปุญฺญตาย สุขชีวิกา อุปฺปชฺชตี’’ติ จิเนฺตตฺวา อเนสนํ ปหาย ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺตติฯ อิเม เทฺว สนฺธาย ทุติยนโย วุโตฺตฯ

    Aparo lūkhājīvī puññavā hoti, labhati sukhena jīvitavuttiṃ. So – ‘‘mayhaṃ pubbepi katapuññatāya sukhajīvikā uppajjatī’’ti cintetvā anesanaṃ pahāya tīṇi sucaritāni pūretvā sagge nibbattati. Ime dve sandhāya dutiyanayo vutto.

    เอโก ปน ตปสฺสี อปฺปทุกฺขวิหารี โหติ พาหิรกาจารยุโตฺต ตาปโส วา ฉนฺนปริพฺพาชโก วา, อปฺปปุญฺญตาย จ มนาเป ปจฺจเย น ลภติฯ โส อเนสนวเสน ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา อตฺตานํ สุเข ฐเปตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติฯ

    Eko pana tapassī appadukkhavihārī hoti bāhirakācārayutto tāpaso vā channaparibbājako vā, appapuññatāya ca manāpe paccaye na labhati. So anesanavasena tīṇi duccaritāni pūretvā attānaṃ sukhe ṭhapetvā niraye nibbattati.

    อปโร ปุญฺญวา โหติ, โส – ‘‘น ทานิ มยา สทิโส อตฺถี’’ติ มานํ อุปฺปาเทตฺวา อเนสนวเสน ลาภสกฺการํ วา อุปฺปาเทโนฺต มิจฺฉาทิฎฺฐิวเสน – ‘‘สุโข อิมิสฺสา ปริพฺพาชิกาย ทหราย มุทุกาย โลมสาย สมฺผโสฺส’’ติอาทีนิ จิเนฺตตฺวา กาเมสุ ปาตพฺยตํ วา อาปชฺชโนฺต ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติฯ อิเม เทฺว สนฺธาย ตติยนโย วุโตฺตฯ

    Aparo puññavā hoti, so – ‘‘na dāni mayā sadiso atthī’’ti mānaṃ uppādetvā anesanavasena lābhasakkāraṃ vā uppādento micchādiṭṭhivasena – ‘‘sukho imissā paribbājikāya daharāya mudukāya lomasāya samphasso’’tiādīni cintetvā kāmesu pātabyataṃ vā āpajjanto tīṇi duccaritāni pūretvā niraye nibbattati. Ime dve sandhāya tatiyanayo vutto.

    อปโร ปน อปฺปทุกฺขวิหารี อปฺปปุโญฺญ โหติ, โส – ‘‘อหํ ปุเพฺพปิ อกตปุญฺญตาย สุเขน ชีวิกํ น ลภามี’’ติ ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺตติฯ

    Aparo pana appadukkhavihārī appapuñño hoti, so – ‘‘ahaṃ pubbepi akatapuññatāya sukhena jīvikaṃ na labhāmī’’ti tīṇi sucaritāni pūretvā sagge nibbattati.

    อปโร ปุญฺญวา โหติ, โส – ‘‘ปุเพฺพปาหํ กตปุญฺญตาย สุขํ ลภามิ, อิทานิ ปุญฺญานิ กริสฺสามี’’ติ ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺตติฯ อิเม เทฺว สนฺธาย จตุตฺถนโย วุโตฺตฯ อิทํ ติตฺถิยวเสน อาคตํ, สาสเนปิ ปน ลพฺภติฯ

    Aparo puññavā hoti, so – ‘‘pubbepāhaṃ katapuññatāya sukhaṃ labhāmi, idāni puññāni karissāmī’’ti tīṇi sucaritāni pūretvā sagge nibbattati. Ime dve sandhāya catutthanayo vutto. Idaṃ titthiyavasena āgataṃ, sāsanepi pana labbhati.

    เอกโจฺจ หิ ธุตงฺคสมาทานวเสน ลูขาชีวี โหติ, อปฺปปุญฺญตาย วา สกลมฺปิ คามํ วิจริตฺวา อุทรปูรํ น ลภติฯ โส – ‘‘ปจฺจเย อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ เวชฺชกมฺมาทิวเสน วา อเนสนํ กตฺวา, อรหตฺตํ วา ปฎิชานิตฺวา, ตีณิ วา กุหนวตฺถูนิ ปฎิเสวิตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติฯ

    Ekacco hi dhutaṅgasamādānavasena lūkhājīvī hoti, appapuññatāya vā sakalampi gāmaṃ vicaritvā udarapūraṃ na labhati. So – ‘‘paccaye uppādessāmī’’ti vejjakammādivasena vā anesanaṃ katvā, arahattaṃ vā paṭijānitvā, tīṇi vā kuhanavatthūni paṭisevitvā niraye nibbattati.

    อปโร จ ตาทิโสว ปุญฺญวา โหติฯ โส ตาย ปุญฺญสมฺปตฺติยา มานํ ชนยิตฺวา อุปฺปนฺนํ ลาภํ ถาวรํ กตฺตุกาโม อเนสนวเสน ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา นิรเย อุปฺปชฺชติฯ

    Aparo ca tādisova puññavā hoti. So tāya puññasampattiyā mānaṃ janayitvā uppannaṃ lābhaṃ thāvaraṃ kattukāmo anesanavasena tīṇi duccaritāni pūretvā niraye uppajjati.

    อปโร สมาทินฺนธุตโงฺค อปฺปปุโญฺญว โหติ, น ลภติ สุเขน ชีวิตวุตฺติํฯ โส – ‘‘ปุเพฺพปาหํ อกตปุญฺญตาย กิญฺจิ น ลภามิ, สเจ อิทานิ อเนสนํ กริสฺสํ, อายติมฺปิ ทุลฺลภสุโข ภวิสฺสามี’’ติ ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสโกฺกโนฺต สเคฺค นิพฺพตฺตติฯ

    Aparo samādinnadhutaṅgo appapuññova hoti, na labhati sukhena jīvitavuttiṃ. So – ‘‘pubbepāhaṃ akatapuññatāya kiñci na labhāmi, sace idāni anesanaṃ karissaṃ, āyatimpi dullabhasukho bhavissāmī’’ti tīṇi sucaritāni pūretvā arahattaṃ pattuṃ asakkonto sagge nibbattati.

    อปโร ปุญฺญวา โหติ, โส – ‘‘ปุเพฺพปาหํ กตปุญฺญตาย เอตรหิ สุขิโต, อิทานิปิ ปุญฺญํ กริสฺสามี’’ติ อเนสนํ ปหาย ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสโกฺกโนฺต สเคฺค นิพฺพตฺตติฯ

    Aparo puññavā hoti, so – ‘‘pubbepāhaṃ katapuññatāya etarahi sukhito, idānipi puññaṃ karissāmī’’ti anesanaṃ pahāya tīṇi sucaritāni pūretvā arahattaṃ pattuṃ asakkonto sagge nibbattati.

    ๓๘๓. อาคติญฺจาติ – ‘‘อสุกฎฺฐานโต นาม อิเม อาคตา’’ติ เอวํ อาคติญฺจฯ คติญฺจาติ อิทานิ คนฺตพฺพฎฺฐานญฺจฯ จุติญฺจาติ ตโต จวนญฺจฯ อุปปตฺติญฺจาติ ตโต จุตานํ ปุน อุปปตฺติญฺจฯ กิํ สพฺพํ ตปํ ครหิสฺสามีติ – ‘‘เกน การเณน ครหิสฺสามิ, ครหิตพฺพเมว หิ มยํ ครหาม, ปสํสิตพฺพํ ปสํสาม, น ภณฺฑิกํ กโรโนฺต มหารชโก วิย โธตญฺจ อโธตญฺจ เอกโต กโรมา’’ติ ทเสฺสติฯ อิทานิ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต – ‘‘สนฺติ กสฺสป เอเก สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทิมาหฯ

    383.Āgatiñcāti – ‘‘asukaṭṭhānato nāma ime āgatā’’ti evaṃ āgatiñca. Gatiñcāti idāni gantabbaṭṭhānañca. Cutiñcāti tato cavanañca. Upapattiñcāti tato cutānaṃ puna upapattiñca. Kiṃ sabbaṃ tapaṃ garahissāmīti – ‘‘kena kāraṇena garahissāmi, garahitabbameva hi mayaṃ garahāma, pasaṃsitabbaṃ pasaṃsāma, na bhaṇḍikaṃ karonto mahārajako viya dhotañca adhotañca ekato karomā’’ti dasseti. Idāni tamatthaṃ pakāsento – ‘‘santi kassapa eke samaṇabrāhmaṇā’’tiādimāha.

    ๓๘๔. ยํ เต เอกจฺจนฺติ ปญฺจวิธํ สีลํ, ตญฺหิ โลเก น โกจิ ‘‘น สาธู’’ติ วทติฯ ปุน ยํ เต เอกจฺจนฺติ ปญฺจวิธํ เวรํ, ตํ น โกจิ ‘‘สาธู’’ติ วทติฯ ปุน ยํ เต เอกจฺจนฺติ ปญฺจทฺวาเร อสํวรํ, เต กิร – ‘‘จกฺขุ นาม น นิรุนฺธิตพฺพํ, จกฺขุนา มนาปํ รูปํ ทฎฺฐพฺพ’’นฺติ วทนฺติ, เอส นโย โสตาทีสุฯ ปุน ยํ เต เอกจฺจนฺติ ปญฺจทฺวาเร สํวรํฯ

    384.Yaṃ te ekaccanti pañcavidhaṃ sīlaṃ, tañhi loke na koci ‘‘na sādhū’’ti vadati. Puna yaṃ te ekaccanti pañcavidhaṃ veraṃ, taṃ na koci ‘‘sādhū’’ti vadati. Puna yaṃ te ekaccanti pañcadvāre asaṃvaraṃ, te kira – ‘‘cakkhu nāma na nirundhitabbaṃ, cakkhunā manāpaṃ rūpaṃ daṭṭhabba’’nti vadanti, esa nayo sotādīsu. Puna yaṃ te ekaccanti pañcadvāre saṃvaraṃ.

    เอวํ ปเรสํ วาเทน สห อตฺตโน วาทสฺส สมานาสมานตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อตฺตโน วาเทน สห ปเรสํ วาทสฺส สมานาสมานตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ มย’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺราปิ ปญฺจสีลาทิวเสเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Evaṃ paresaṃ vādena saha attano vādassa samānāsamānataṃ dassetvā idāni attano vādena saha paresaṃ vādassa samānāsamānataṃ dassento ‘‘yaṃ maya’’ntiādimāha. Tatrāpi pañcasīlādivaseneva attho veditabbo.

    สมนุยุญฺชาปนกถาวณฺณนา

    Samanuyuñjāpanakathāvaṇṇanā

    ๓๘๕. สมนุยุญฺชนฺตนฺติ สมนุยุญฺชนฺตุ, เอตฺถ จ ลทฺธิํ ปุจฺฉโนฺต สมนุยุญฺชติ นาม, การณํ ปุจฺฉโนฺต สมนุคาหติ นาม, อุภยํ ปุจฺฉโนฺต สมนุภาสติ นามฯ สตฺถารา วา สตฺถารนฺติ สตฺถารา วา สทฺธิํ สตฺถารํ อุปสํหริตฺวา – ‘‘กิํ เต สตฺถา เต ธเมฺม สพฺพโส ปหาย วตฺตติ, อุทาหุ สมโณ โคตโม’’ติฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ

    385.Samanuyuñjantanti samanuyuñjantu, ettha ca laddhiṃ pucchanto samanuyuñjati nāma, kāraṇaṃ pucchanto samanugāhati nāma, ubhayaṃ pucchanto samanubhāsati nāma. Satthārā vā satthāranti satthārā vā saddhiṃ satthāraṃ upasaṃharitvā – ‘‘kiṃ te satthā te dhamme sabbaso pahāya vattati, udāhu samaṇo gotamo’’ti. Dutiyapadepi eseva nayo.

    อิทานิ ตมตฺถํ โยเชตฺวา ทเสฺสโนฺต – ‘‘เย อิเมสํ ภวต’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อกุสลา อกุสลสงฺขาตาติ อกุสลา เจว ‘‘อกุสลา’’ติ จ สงฺขาตา ญาตา โกฎฺฐาสํ วา กตฺวา ฐปิตาติ อโตฺถฯ เอส นโย สพฺพปเทสุฯ อปิ เจตฺถ สาวชฺชาติ สโทสาฯ น อลมริยาติ นิโทฺทสเฎฺฐน อริยา ภวิตุํ นาลํ อสมตฺถาฯ

    Idāni tamatthaṃ yojetvā dassento – ‘‘ye imesaṃ bhavata’’ntiādimāha. Tattha akusalā akusalasaṅkhātāti akusalā ceva ‘‘akusalā’’ti ca saṅkhātā ñātā koṭṭhāsaṃ vā katvā ṭhapitāti attho. Esa nayo sabbapadesu. Api cettha sāvajjāti sadosā. Na alamariyāti niddosaṭṭhena ariyā bhavituṃ nālaṃ asamatthā.

    ๓๘๖-๓๙๒. ยํ วิญฺญู สมนุยุญฺชนฺตาติ เยน วิญฺญู อเมฺห จ อเญฺญ จ ปุจฺฉนฺตา เอวํ วเทยฺยุํ, ตํ ฐานํ วิชฺชติ, อตฺถิ ตํ การณนฺติ อโตฺถฯ ยํ วา ปน โภโนฺต ปเร คณาจริยาติ ปเร ปน โภโนฺต คณาจริยา ยํ วา ตํ วา อปฺปมตฺตกํ ปหาย วตฺตนฺตีติ อโตฺถฯ อเมฺหว ตตฺถ เยภุเยฺยน ปสํเสยฺยุนฺติ อิทํ ภควา สตฺถารา สตฺถารํ สมนุยุญฺชเนปิ อาห – สเงฺฆน สํฆํ สมนุยุญฺชเนปิฯ กสฺมา? สงฺฆปสํสายปิ สตฺถุเยว ปสํสาสิทฺธิโตฯ ปสีทมานาปิ หิ พุทฺธสมฺปตฺติยา สเงฺฆ, สงฺฆสมฺปตฺติยา จ พุเทฺธ ปสีทนฺติ, ตถา หิ ภควโต สรีรสมฺปตฺติํ ทิสฺวา, ธมฺมเทสนํ วา สุตฺวา ภวนฺติ วตฺตาโร – ‘‘ลาภา วต โภ สาวกานํ เย เอวรูปสฺส สตฺถุ สนฺติกาวจรา’’ติ, เอวํ พุทฺธสมฺปตฺติยา สเงฺฆ ปสีทนฺติฯ ภิกฺขูนํ ปนาจารโคจรํ อภิกฺกมปฎิกฺกมาทีนิ จ ทิสฺวา ภวนฺติ วตฺตาโร – ‘‘สนฺติกาวจรานํ วต โภ สาวกานํ อยญฺจ อุปสมคุโณ สตฺถุ กีว รูโป ภวิสฺสตี’’ติ, เอวํ สงฺฆสมฺปตฺติยา พุเทฺธ ปสีทนฺติฯ อิติ ยา สตฺถุปสํสา, สา สงฺฆสฺสฯ ยา สงฺฆสฺส ปสํสา, สา สตฺถูติ สงฺฆปสํสายปิ สตฺถุเยว ปสํสาสิทฺธิโต ภควา ทฺวีสุปิ นเยสุ – ‘‘อเมฺหว ตตฺถ เยภุเยฺยน ปสํเสยฺยุ’’นฺติ อาหฯ สมโณ โคตโม อิเม ธเมฺม อนวเสสํ ปหาย วตฺตติ, ยํ วา ปน โภโนฺต ปเร คณาจริยาติอาทีสุปิ ปเนตฺถ อยมธิปฺปาโย – สมฺปตฺตสมาทานเสตุฆาตวเสน หิ ติโสฺส วิรติโยฯ ตาสุ สมฺปตฺตสมาทาน วิรติมตฺตเมว อเญฺญสํ โหติ, เสตุฆาตวิรติ ปน สเพฺพน สพฺพํ นตฺถิฯ ปญฺจสุ ปน ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทปฎิปสฺสทฺธินิสฺสรณปฺปหาเนสุ อฎฺฐสมาปตฺติวเสน เจว วิปสฺสนามตฺตวเสน จ ตทงฺควิกฺขมฺภนปฺปหานมตฺตเมว อเญฺญสํ โหติฯ อิตรานิ ตีณิ ปหานานิ สเพฺพน สพฺพํ นตฺถิฯ ตถา สีลสํวโร, ขนฺติสํวโร, ญาณสํวโร, สติสํวโร, วีริยสํวโรติ ปญฺจ สํวรา, เตสุ ปญฺจสีลมตฺตเมว อธิวาสนขนฺติมตฺตเมว จ อเญฺญสํ โหติ, เสสํ สเพฺพน สพฺพํ นตฺถิฯ

    386-392.Yaṃ viññū samanuyuñjantāti yena viññū amhe ca aññe ca pucchantā evaṃ vadeyyuṃ, taṃ ṭhānaṃ vijjati, atthi taṃ kāraṇanti attho. Yaṃ vā pana bhonto pare gaṇācariyāti pare pana bhonto gaṇācariyā yaṃ vā taṃ vā appamattakaṃ pahāya vattantīti attho. Amheva tattha yebhuyyena pasaṃseyyunti idaṃ bhagavā satthārā satthāraṃ samanuyuñjanepi āha – saṅghena saṃghaṃ samanuyuñjanepi. Kasmā? Saṅghapasaṃsāyapi satthuyeva pasaṃsāsiddhito. Pasīdamānāpi hi buddhasampattiyā saṅghe, saṅghasampattiyā ca buddhe pasīdanti, tathā hi bhagavato sarīrasampattiṃ disvā, dhammadesanaṃ vā sutvā bhavanti vattāro – ‘‘lābhā vata bho sāvakānaṃ ye evarūpassa satthu santikāvacarā’’ti, evaṃ buddhasampattiyā saṅghe pasīdanti. Bhikkhūnaṃ panācāragocaraṃ abhikkamapaṭikkamādīni ca disvā bhavanti vattāro – ‘‘santikāvacarānaṃ vata bho sāvakānaṃ ayañca upasamaguṇo satthu kīva rūpo bhavissatī’’ti, evaṃ saṅghasampattiyā buddhe pasīdanti. Iti yā satthupasaṃsā, sā saṅghassa. Yā saṅghassa pasaṃsā, sā satthūti saṅghapasaṃsāyapi satthuyeva pasaṃsāsiddhito bhagavā dvīsupi nayesu – ‘‘amheva tattha yebhuyyena pasaṃseyyu’’nti āha. Samaṇo gotamo ime dhamme anavasesaṃ pahāya vattati, yaṃ vā pana bhonto pare gaṇācariyātiādīsupi panettha ayamadhippāyo – sampattasamādānasetughātavasena hi tisso viratiyo. Tāsu sampattasamādāna viratimattameva aññesaṃ hoti, setughātavirati pana sabbena sabbaṃ natthi. Pañcasu pana tadaṅgavikkhambhanasamucchedapaṭipassaddhinissaraṇappahānesu aṭṭhasamāpattivasena ceva vipassanāmattavasena ca tadaṅgavikkhambhanappahānamattameva aññesaṃ hoti. Itarāni tīṇi pahānāni sabbena sabbaṃ natthi. Tathā sīlasaṃvaro, khantisaṃvaro, ñāṇasaṃvaro, satisaṃvaro, vīriyasaṃvaroti pañca saṃvarā, tesu pañcasīlamattameva adhivāsanakhantimattameva ca aññesaṃ hoti, sesaṃ sabbena sabbaṃ natthi.

    ปญฺจ โข ปนิเม อุโปสถุเทฺทสา, เตสุ ปญฺจสีลมตฺตเมว อเญฺญสํ โหติฯ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ สเพฺพน สพฺพํ นตฺถิฯ อิติ อกุสลปฺปหาเน จ กุสลสมาทาเน จ, ตีสุ วิรตีสุ, ปญฺจสุ ปหาเนสุ, ปญฺจสุ สํวเรสุ, ปญฺจสุ อุเทฺทเสสุ, – ‘‘อหเมว จ มยฺหญฺจ สาวกสโงฺฆ โลเก ปญฺญายติ, มยา หิ สทิโส สตฺถา นาม, มยฺหํ สาวกสเงฺฆน สทิโส สโงฺฆ นาม นตฺถี’’ติ ภควา สีหนาทํ นทติฯ

    Pañca kho panime uposathuddesā, tesu pañcasīlamattameva aññesaṃ hoti. Pātimokkhasaṃvarasīlaṃ sabbena sabbaṃ natthi. Iti akusalappahāne ca kusalasamādāne ca, tīsu viratīsu, pañcasu pahānesu, pañcasu saṃvaresu, pañcasu uddesesu, – ‘‘ahameva ca mayhañca sāvakasaṅgho loke paññāyati, mayā hi sadiso satthā nāma, mayhaṃ sāvakasaṅghena sadiso saṅgho nāma natthī’’ti bhagavā sīhanādaṃ nadati.

    อริยอฎฺฐงฺคิกมคฺควณฺณนา

    Ariyaaṭṭhaṅgikamaggavaṇṇanā

    ๓๙๓. เอวํ สีหนาทํ นทิตฺวา ตสฺส สีหนาทสฺส อวิปรีตภาวาวโพธนตฺถํ – ‘‘อตฺถิ, กสฺสป, มโคฺค’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ มโคฺคติ โลกุตฺตรมโคฺคฯ ปฎิปทาติ ปุพฺพภาคปฎิปทาฯ กาลวาทีติอาทีนิ พฺรหฺมชาเล วณฺณิตานิฯ อิทานิ ตํ ทุวิธํ มคฺคญฺจ ปฎิปทญฺจ เอกโต กตฺวา ทเสฺสโนฺต – ‘‘อยเมว อริโย’’ติอาทิมาหฯ อิทํ ปน สุตฺวา อเจโล จิเนฺตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม มยฺหํเยว มโคฺค จ ปฎิปทา จ อตฺถิ, อเญฺญสํ นตฺถีติ มญฺญติ, หนฺทสฺสาหํ อมฺหากมฺปิ มคฺคํ กเถมี’’ติฯ ตโต อเจลกปฎิปทํ กเถสิฯ เตนาห – ‘‘เอวํ วุเตฺต อเจโล กสฺสโป ภควนฺตํ เอตทโวจ…เป.… อุทโกโรหนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรตี’’ติฯ

    393. Evaṃ sīhanādaṃ naditvā tassa sīhanādassa aviparītabhāvāvabodhanatthaṃ – ‘‘atthi, kassapa, maggo’’tiādimāha. Tattha maggoti lokuttaramaggo. Paṭipadāti pubbabhāgapaṭipadā. Kālavādītiādīni brahmajāle vaṇṇitāni. Idāni taṃ duvidhaṃ maggañca paṭipadañca ekato katvā dassento – ‘‘ayameva ariyo’’tiādimāha. Idaṃ pana sutvā acelo cintesi – ‘‘samaṇo gotamo mayhaṃyeva maggo ca paṭipadā ca atthi, aññesaṃ natthīti maññati, handassāhaṃ amhākampi maggaṃ kathemī’’ti. Tato acelakapaṭipadaṃ kathesi. Tenāha – ‘‘evaṃ vutte acelo kassapo bhagavantaṃ etadavoca…pe… udakorohanānuyogamanuyutto viharatī’’ti.

    ตโปปกฺกมกถาวณฺณนา

    Tapopakkamakathāvaṇṇanā

    ๓๙๔. ตตฺถ ตโปปกฺกมาติ ตปารมฺภา, ตปกมฺมานีติ อโตฺถฯ สามญฺญสงฺขาตาติ สมณกมฺมสงฺขาตาฯ พฺรหฺมญฺญสงฺขาตาติ พฺราหฺมณกมฺมสงฺขาตาฯ อเจลโกติ นิโจฺจโล, นโคฺคติ อโตฺถฯ มุตฺตาจาโรติ วิสฎฺฐาจาโร, อุจฺจารกมฺมาทีสุ โลกิยกุลปุตฺตาจาเรน วิรหิโต ฐิตโกว อุจฺจารํ กโรติ, ปสฺสาวํ กโรติ, ขาทติ, ภุญฺชติ จฯ หตฺถาปเลขโนติ หเตฺถ ปิณฺฑมฺหิ ฐิเต ชิวฺหาย หตฺถํ อปลิขติ, อุจฺจารํ วา กตฺวา หตฺถสฺมิเญฺญว ทณฺฑกสญฺญี หุตฺวา หเตฺถน อปลิขติฯ ‘‘ภิกฺขาคหณตฺถํ เอหิ, ภเนฺต’’ติ วุโตฺต น เอตีติ น เอหิภทฺทนฺติโกฯ ‘‘เตน หิ ติฎฺฐ, ภเนฺต’’ติ วุโตฺตปิ น ติฎฺฐตีติ นติฎฺฐภทฺทนฺติโกฯ ตทุภยมฺปิ กิร โส – ‘‘เอตสฺส วจนํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ น กโรติฯ อภิหฎนฺติ ปุเรตรํ คเหตฺวา อาหฎํ ภิกฺขํ, อุทฺทิสฺสกตนฺติ ‘‘อิมํ ตุเมฺห อุทฺทิสฺส กต’’นฺติ เอวํ อาโรจิตํ ภิกฺขํฯ น นิมนฺตนนฺติ ‘‘อสุกํ นาม กุลํ วา วีถิํ วา คามํ วา ปวิเสยฺยาถา’’ติ เอวํ นิมนฺติตภิกฺขมฺปิ น สาทิยติ, น คณฺหติฯ กุมฺภิมุขาติ กุมฺภิโต อุทฺธริตฺวา ทิยฺยมานํ ภิกฺขํ น คณฺหติฯ น กโฬปิมุขาติ กโฬปีติ อุกฺขลิ วา ปจฺฉิ วา, ตโตปิ น คณฺหติฯ กสฺมา? กุมฺภิกโฬปิโย มํ นิสฺสาย กฎจฺฉุนา ปหารํ ลภนฺตีติฯ น เอฬกมนฺตรนฺติ อุมฺมารํ อนฺตรํ กตฺวา ทิยฺยมานํ น คณฺหติฯ กสฺมา? ‘‘อยํ มํ นิสฺสาย อนฺตรกรณํ ลภตี’’ติฯ ทณฺฑมุสเลสุปิ เอเสว นโยฯ

    394. Tattha tapopakkamāti tapārambhā, tapakammānīti attho. Sāmaññasaṅkhātāti samaṇakammasaṅkhātā. Brahmaññasaṅkhātāti brāhmaṇakammasaṅkhātā. Acelakoti niccolo, naggoti attho. Muttācāroti visaṭṭhācāro, uccārakammādīsu lokiyakulaputtācārena virahito ṭhitakova uccāraṃ karoti, passāvaṃ karoti, khādati, bhuñjati ca. Hatthāpalekhanoti hatthe piṇḍamhi ṭhite jivhāya hatthaṃ apalikhati, uccāraṃ vā katvā hatthasmiññeva daṇḍakasaññī hutvā hatthena apalikhati. ‘‘Bhikkhāgahaṇatthaṃ ehi, bhante’’ti vutto na etīti na ehibhaddantiko. ‘‘Tena hi tiṭṭha, bhante’’ti vuttopi na tiṭṭhatīti natiṭṭhabhaddantiko. Tadubhayampi kira so – ‘‘etassa vacanaṃ kataṃ bhavissatī’’ti na karoti. Abhihaṭanti puretaraṃ gahetvā āhaṭaṃ bhikkhaṃ, uddissakatanti ‘‘imaṃ tumhe uddissa kata’’nti evaṃ ārocitaṃ bhikkhaṃ. Na nimantananti ‘‘asukaṃ nāma kulaṃ vā vīthiṃ vā gāmaṃ vā paviseyyāthā’’ti evaṃ nimantitabhikkhampi na sādiyati, na gaṇhati. Nakumbhimukhāti kumbhito uddharitvā diyyamānaṃ bhikkhaṃ na gaṇhati. Na kaḷopimukhāti kaḷopīti ukkhali vā pacchi vā, tatopi na gaṇhati. Kasmā? Kumbhikaḷopiyo maṃ nissāya kaṭacchunā pahāraṃ labhantīti. Na eḷakamantaranti ummāraṃ antaraṃ katvā diyyamānaṃ na gaṇhati. Kasmā? ‘‘Ayaṃ maṃ nissāya antarakaraṇaṃ labhatī’’ti. Daṇḍamusalesupi eseva nayo.

    ทฺวินฺนนฺติ ทฺวีสุ ภุญฺชมาเนสุ เอกสฺมิํ อุฎฺฐาย เทเนฺต น คณฺหติฯ กสฺมา? ‘‘เอกสฺส กพฬนฺตราโย โหตี’’ติฯ น คพฺภินิยาติอาทีสุ ปน ‘‘คพฺภินิยา กุจฺฉิยํ ทารโก กิลมติฯ ปายนฺติยา ทารกสฺส ขีรนฺตราโย โหติ, ปุริสนฺตรคตาย รติอนฺตราโย โหตี’’ติ น คณฺหติฯ สํกิตฺตีสูติ สํกิเตฺตตฺวา กตภเตฺตสุ, ทุพฺภิกฺขสมเย กิร อเจลกสาวกา อเจลกานํ อตฺถาย ตโต ตโต ตณฺฑุลาทีนิ สมาทเปตฺวา ภตฺตํ ปจนฺติฯ อุกฺกโฎฺฐ อเจลโก ตโตปิ น ปฎิคฺคณฺหติฯ น ยตฺถ สาติ ยตฺถ สุนโข – ‘‘ปิณฺฑํ ลภิสฺสามี’’ติ อุปฎฺฐิโต โหติ, ตตฺถ ตสฺส อทตฺวา อาหฎํ น คณฺหติฯ กสฺมา? เอตสฺส ปิณฺฑนฺตราโย โหตีติฯ สณฺฑสณฺฑจารินีติ สมูหสมูหจารินี, สเจ หิ อเจลกํ ทิสฺวา – ‘‘อิมสฺส ภิกฺขํ ทสฺสามา’’ติ มนุสฺสา ภตฺตเคหํ ปวิสนฺติ, เตสุ จ ปวิสเนฺตสุ กโฬปิมุขาทีสุ นิลีนา มกฺขิกา อุปฺปติตฺวา สณฺฑสณฺฑา จรนฺติ, ตโต อาหฎํ ภิกฺขํ น คณฺหติฯ กสฺมา? มํ นิสฺสาย มกฺขิกานํ โคจรนฺตราโย ชาโตติฯ

    Dvinnanti dvīsu bhuñjamānesu ekasmiṃ uṭṭhāya dente na gaṇhati. Kasmā? ‘‘Ekassa kabaḷantarāyo hotī’’ti. Na gabbhiniyātiādīsu pana ‘‘gabbhiniyā kucchiyaṃ dārako kilamati. Pāyantiyā dārakassa khīrantarāyo hoti, purisantaragatāya ratiantarāyo hotī’’ti na gaṇhati. Saṃkittīsūti saṃkittetvā katabhattesu, dubbhikkhasamaye kira acelakasāvakā acelakānaṃ atthāya tato tato taṇḍulādīni samādapetvā bhattaṃ pacanti. Ukkaṭṭho acelako tatopi na paṭiggaṇhati. Na yattha sāti yattha sunakho – ‘‘piṇḍaṃ labhissāmī’’ti upaṭṭhito hoti, tattha tassa adatvā āhaṭaṃ na gaṇhati. Kasmā? Etassa piṇḍantarāyo hotīti. Saṇḍasaṇḍacārinīti samūhasamūhacārinī, sace hi acelakaṃ disvā – ‘‘imassa bhikkhaṃ dassāmā’’ti manussā bhattagehaṃ pavisanti, tesu ca pavisantesu kaḷopimukhādīsu nilīnā makkhikā uppatitvā saṇḍasaṇḍā caranti, tato āhaṭaṃ bhikkhaṃ na gaṇhati. Kasmā? Maṃ nissāya makkhikānaṃ gocarantarāyo jātoti.

    ถุโสทกนฺติ สพฺพสสฺสสมฺภาเรหิ กตํ โสวีรกํฯ เอตฺถ จ สุราปานเมว สาวชฺชํ, อยํ ปน สเพฺพสุปิ สาวชฺชสญฺญีฯ เอกาคาริโกติ โย เอกสฺมิํเยว เคเห ภิกฺขํ ลภิตฺวา นิวตฺตติ ฯ เอกาโลปิโกติ โย เอเกเนว อาโลเปน ยาเปติฯ ทฺวาคาริกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอกิสฺสาปิ ทตฺติยาติ เอกาย ทตฺติยาฯ ทตฺติ นาม เอกา ขุทฺทกปาติ โหติ, ยตฺถ อคฺคภิกฺขํ ปกฺขิปิตฺวา ฐเปนฺติฯ เอกาหิกนฺติ เอกทิวสนฺตริกํฯ อทฺธมาสิกนฺติ อทฺธมาสนฺตริกํฯ ปริยายภตฺตโภชนนฺติ วารภตฺตโภชนํ, เอกาหวาเรน ทฺวีหวาเรน สตฺตาหวาเรน อฑฺฒมาสวาเรนาติ เอวํ ทิวสวาเรน อาคตภตฺตโภชนํฯ

    Thusodakanti sabbasassasambhārehi kataṃ sovīrakaṃ. Ettha ca surāpānameva sāvajjaṃ, ayaṃ pana sabbesupi sāvajjasaññī. Ekāgārikoti yo ekasmiṃyeva gehe bhikkhaṃ labhitvā nivattati . Ekālopikoti yo ekeneva ālopena yāpeti. Dvāgārikādīsupi eseva nayo. Ekissāpi dattiyāti ekāya dattiyā. Datti nāma ekā khuddakapāti hoti, yattha aggabhikkhaṃ pakkhipitvā ṭhapenti. Ekāhikanti ekadivasantarikaṃ. Addhamāsikanti addhamāsantarikaṃ. Pariyāyabhattabhojananti vārabhattabhojanaṃ, ekāhavārena dvīhavārena sattāhavārena aḍḍhamāsavārenāti evaṃ divasavārena āgatabhattabhojanaṃ.

    ๓๙๕. สากภโกฺขติ อลฺลสากภโกฺขฯ สามากภโกฺขติ สามากตณฺฑุลภโกฺขฯ นีวาราทีสุ นีวาโร นาม อรเญฺญ สยํชาตา วีหิชาติฯ ททฺทุลนฺติ จมฺมกาเรหิ จมฺมํ ลิขิตฺวา ฉฑฺฑิตกสฎํฯ หฎํ วุจฺจติ สิเลโสปิ เสวาโลปิฯ กณนฺติ กุณฺฑกํฯ อาจาโมติ ภตฺตอุกฺขลิกาย ลโคฺค ฌามกโอทโน, ตํ ฉฑฺฑิตฎฺฐานโตว คเหตฺวา ขาทติ, ‘‘โอทนกญฺชิย’’นฺติปิ วทนฺติฯ ปิญฺญากาทโย ปากฎา เอวฯ ปวตฺตผลโภชีติ ปติตผลโภชีฯ

    395.Sākabhakkhoti allasākabhakkho. Sāmākabhakkhoti sāmākataṇḍulabhakkho. Nīvārādīsu nīvāro nāma araññe sayaṃjātā vīhijāti. Daddulanti cammakārehi cammaṃ likhitvā chaḍḍitakasaṭaṃ. Haṭaṃ vuccati silesopi sevālopi. Kaṇanti kuṇḍakaṃ. Ācāmoti bhattaukkhalikāya laggo jhāmakaodano, taṃ chaḍḍitaṭṭhānatova gahetvā khādati, ‘‘odanakañjiya’’ntipi vadanti. Piññākādayo pākaṭā eva. Pavattaphalabhojīti patitaphalabhojī.

    ๓๙๖. สาณานีติ สาณวากโจฬานิฯ มสาณานีติ มิสฺสกโจฬานิฯ ฉวทุสฺสานีติ มตสรีรโต ฉฑฺฑิตวตฺถานิ, เอรกติณาทีนิ วา คเนฺถตฺวา กตนิวาสนานิฯ ปํสุกูลานีติ ปถวิยํ ฉฑฺฑิตนนฺตกานิฯ ติรีฎานีติ รุกฺขตจวตฺถานิฯ อชินนฺติ อชินมิคจมฺมํฯ อชินกฺขิปนฺติ ตเทว มเชฺฌ ผาลิตกํฯ กุสจีรนฺติ กุสติณานิ คเนฺถตฺวา กตจีรํฯ วากจีรผลกจีเรสุปิ เอเสว นโยฯ เกสกมฺพลนฺติ มนุสฺสเกเสหิ กตกมฺพลํฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

    396.Sāṇānīti sāṇavākacoḷāni. Masāṇānīti missakacoḷāni. Chavadussānīti matasarīrato chaḍḍitavatthāni, erakatiṇādīni vā ganthetvā katanivāsanāni. Paṃsukūlānīti pathaviyaṃ chaḍḍitanantakāni. Tirīṭānīti rukkhatacavatthāni. Ajinanti ajinamigacammaṃ. Ajinakkhipanti tadeva majjhe phālitakaṃ. Kusacīranti kusatiṇāni ganthetvā katacīraṃ. Vākacīraphalakacīresupi eseva nayo. Kesakambalanti manussakesehi katakambalaṃ. Yaṃ sandhāya vuttaṃ –

    ‘‘เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ตนฺตาวุตานิ วตฺถานิ, เกสกมฺพโล เตสํ ปฎิกิโฎฺฐ อกฺขายติฯ เกสกมฺพโล, ภิกฺขเว, สีเต สีโต, อุเณฺห อุโณฺห อปฺปโคฺฆ จ ทุพฺพโณฺณ จ ทุคฺคโนฺธ ทุกฺขสมฺผโสฺส’’ติฯ

    ‘‘Seyyathāpi bhikkhave, yāni kānici tantāvutāni vatthāni, kesakambalo tesaṃ paṭikiṭṭho akkhāyati. Kesakambalo, bhikkhave, sīte sīto, uṇhe uṇho appaggho ca dubbaṇṇo ca duggandho dukkhasamphasso’’ti.

    วาฬกมฺพลนฺติ อสฺสวาเลหิ กตกมฺพลํฯ อุลูกปกฺขิกนฺติ อุลูกปกฺขานิ คเนฺถตฺวา กตนิวาสนํฯ อุกฺกุฎิกปฺปธานมนุยุโตฺตติ อุกฺกุฎิกวีริยํ อนุยุโตฺต, คจฺฉโนฺตปิ อุกฺกุฎิโกว หุตฺวา อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา คจฺฉติฯ กณฺฎกาปสฺสยิโกติ อยกณฺฎเก วา ปกติกณฺฎเก วา ภูมิยํ โกเฎฺฎตฺวา ตตฺถ จมฺมํ อตฺถริตฺวา ฐานจงฺกมาทีนิ กโรติฯ เสยฺยนฺติ สยโนฺตปิ ตเตฺถว เสยฺยํ กเปฺปติฯ ผลกเสยฺยนฺติ รุกฺขผลเก เสยฺยํฯ ถณฺฑิลเสยฺยนฺติ ถณฺฑิเล อุเจฺจ ภูมิฐาเน เสยฺยํฯ เอกปสฺสยิโกติ เอกปเสฺสเนว สยติฯ รโชชลฺลธโรติ สรีรํ เตเลน มกฺขิตฺวา รชุฎฺฐานฎฺฐาเน ติฎฺฐติ, อถสฺส สรีเร รโชชลฺลํ ลคฺคติ, ตํ ธาเรติฯ ยถาสนฺถติโกติ ลทฺธํ อาสนํ อโกเปตฺวา ยเทว ลภติ, ตเตฺถว นิสีทนสีโลฯ เวกฎิโกติ วิกฎขาทนสีโลฯ วิกฎนฺติ คูถํ วุจฺจติฯ อปานโกติ ปฎิกฺขิตฺตสีตุทกปาโนฯ สายํ ตติยมสฺสาติ สายตติยกํฯ ปาโต, มชฺฌนฺหิเก, สายนฺติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ ปาปํ ปวาเหสฺสามีติ อุทโกโรหนานุโยคํ อนุยุโตฺต วิหรตีติฯ

    Vāḷakambalanti assavālehi katakambalaṃ. Ulūkapakkhikanti ulūkapakkhāni ganthetvā katanivāsanaṃ. Ukkuṭikappadhānamanuyuttoti ukkuṭikavīriyaṃ anuyutto, gacchantopi ukkuṭikova hutvā uppatitvā uppatitvā gacchati. Kaṇṭakāpassayikoti ayakaṇṭake vā pakatikaṇṭake vā bhūmiyaṃ koṭṭetvā tattha cammaṃ attharitvā ṭhānacaṅkamādīni karoti. Seyyanti sayantopi tattheva seyyaṃ kappeti. Phalakaseyyanti rukkhaphalake seyyaṃ. Thaṇḍilaseyyanti thaṇḍile ucce bhūmiṭhāne seyyaṃ. Ekapassayikoti ekapasseneva sayati. Rajojalladharoti sarīraṃ telena makkhitvā rajuṭṭhānaṭṭhāne tiṭṭhati, athassa sarīre rajojallaṃ laggati, taṃ dhāreti. Yathāsanthatikoti laddhaṃ āsanaṃ akopetvā yadeva labhati, tattheva nisīdanasīlo. Vekaṭikoti vikaṭakhādanasīlo. Vikaṭanti gūthaṃ vuccati. Apānakoti paṭikkhittasītudakapāno. Sāyaṃ tatiyamassāti sāyatatiyakaṃ. Pāto, majjhanhike, sāyanti divasassa tikkhattuṃ pāpaṃ pavāhessāmīti udakorohanānuyogaṃ anuyutto viharatīti.

    ตโปปกฺกมนิรตฺถกตาวณฺณนา

    Tapopakkamaniratthakatāvaṇṇanā

    ๓๙๗. อถ ภควา สีลสมฺปทาทีหิ วินา เตสํ ตโปปกฺกมานํ นิรตฺถกตํ ทเสฺสโนฺต – ‘‘อเจลโก เจปิ กสฺสป โหตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อารกา วาติ ทูเรเยวฯ อเวรนฺติ โทสเวรวิรหิตํฯ อพฺยาปชฺชนฺติ โทมนสฺสพฺยาปชฺชรหิตํฯ

    397. Atha bhagavā sīlasampadādīhi vinā tesaṃ tapopakkamānaṃ niratthakataṃ dassento – ‘‘acelako cepi kassapa hotī’’tiādimāha. Tattha ārakā vāti dūreyeva. Averanti dosaveravirahitaṃ. Abyāpajjanti domanassabyāpajjarahitaṃ.

    ๓๙๘. ทุกฺกรํ, โภ โคตมาติ อิทํ กสฺสโป ‘‘มยํ ปุเพฺพ เอตฺตกมตฺตํ สามญฺญญฺจ พฺรหฺมญฺญญฺจาติ วิจราม, ตุเมฺห ปน อญฺญํเยว สามญฺญญฺจ พฺรหฺมญฺญญฺจ วทถา’’ติ ทีเปโนฺต อาหฯ ปกติ โข เอสาติ ปกติกถา เอสาฯ อิมาย จ, กสฺสป, มตฺตายาติ ‘‘กสฺสป ยทิ อิมินา ปมาเณน เอวํ ปริตฺตเกน ปฎิปตฺติกฺกเมน สามญฺญํ วา พฺรหฺมญฺญํ วา ทุกฺกรํ สุทุกฺกรํ นาม อภวิสฺส, ตโต เนตํ อภวิสฺส กลฺลํ วจนาย ทุกฺกรํ สามญฺญ’’นฺติ อยเมตฺถ ปทสมฺพเนฺธน สทฺธิํ อโตฺถฯ เอเตน นเยน สพฺพตฺถ ปทสมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ

    398.Dukkaraṃ, bho gotamāti idaṃ kassapo ‘‘mayaṃ pubbe ettakamattaṃ sāmaññañca brahmaññañcāti vicarāma, tumhe pana aññaṃyeva sāmaññañca brahmaññañca vadathā’’ti dīpento āha. Pakati kho esāti pakatikathā esā. Imāya ca, kassapa, mattāyāti ‘‘kassapa yadi iminā pamāṇena evaṃ parittakena paṭipattikkamena sāmaññaṃ vā brahmaññaṃ vā dukkaraṃ sudukkaraṃ nāma abhavissa, tato netaṃ abhavissa kallaṃ vacanāya dukkaraṃ sāmañña’’nti ayamettha padasambandhena saddhiṃ attho. Etena nayena sabbattha padasambandho veditabbo.

    ๓๙๙. ทุชฺชาโนติ อิทมฺปิ โส ‘‘มยํ ปุเพฺพ เอตฺตเกน สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โหตีติ วิจราม, ตุเมฺห ปน อญฺญถา วทถา’’ติ อิทํ สนฺธายาหฯ อถสฺส ภควา ตํ ปกติวาทํ ปฎิกฺขิปิตฺวา สภาวโตว ทุชฺชานภาวํ อาวิกโรโนฺต ปุนปิ – ‘‘ปกติ โข’’ติอาทิมาหฯ ตตฺราปิ วุตฺตนเยเนว ปทสมฺพนฺธํ กตฺวา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    399.Dujjānoti idampi so ‘‘mayaṃ pubbe ettakena samaṇo vā brāhmaṇo vā hotīti vicarāma, tumhe pana aññathā vadathā’’ti idaṃ sandhāyāha. Athassa bhagavā taṃ pakativādaṃ paṭikkhipitvā sabhāvatova dujjānabhāvaṃ āvikaronto punapi – ‘‘pakati kho’’tiādimāha. Tatrāpi vuttanayeneva padasambandhaṃ katvā attho veditabbo.

    สีลสมาธิปญฺญาสมฺปทาวณฺณนา

    Sīlasamādhipaññāsampadāvaṇṇanā

    ๔๐๐-๔๐๑. กตมา ปน สา, โภ โคตมาติ กสฺมา ปุจฺฉติฯ อยํ กิร ปณฺฑิโต ภควโต กเถนฺตเสฺสว กถํ อุคฺคเหสิ, อถ อตฺตโน ปฎิปตฺติยา นิรตฺถกตํ วิทิตฺวา สมโณ โคตโม – ‘‘ตสฺส ‘จายํ สีลสมฺปทา, จิตฺตสมฺปทา, ปญฺญาสมฺปทา อภาวิตา โหติ อสจฺฉิกตา, อถ โข โส อารกาว สามญฺญา’ติอาทิมาหฯ หนฺท ทานิ นํ ตา สมฺปตฺติโย ปุจฺฉามี’’ติ สีลสมฺปทาทิวิชานนตฺถํ ปุจฺฉติฯ อถสฺส ภควา พุทฺธุปฺปาทํ ทเสฺสตฺวา ตนฺติธมฺมํ กเถโนฺต ตา สมฺปตฺติโย ทเสฺสตุํ – ‘‘อิธ กสฺสปา’’ติอาทิมาหฯ อิมาย จ กสฺสป สีลสมฺปทายาติ อิทํ อรหตฺตผลเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ อรหตฺตผลปริโยสานญฺหิ ภควโต สาสนํฯ ตสฺมา อรหตฺตผลสมฺปยุตฺตาหิ สีลจิตฺตปญฺญาสมฺปทาหิ อญฺญา อุตฺตริตรา วา ปณีตตรา วา สีลาทิสมฺปทา นตฺถีติ อาหฯ

    400-401.Katamā pana sā, bho gotamāti kasmā pucchati. Ayaṃ kira paṇḍito bhagavato kathentasseva kathaṃ uggahesi, atha attano paṭipattiyā niratthakataṃ viditvā samaṇo gotamo – ‘‘tassa ‘cāyaṃ sīlasampadā, cittasampadā, paññāsampadā abhāvitā hoti asacchikatā, atha kho so ārakāva sāmaññā’tiādimāha. Handa dāni naṃ tā sampattiyo pucchāmī’’ti sīlasampadādivijānanatthaṃ pucchati. Athassa bhagavā buddhuppādaṃ dassetvā tantidhammaṃ kathento tā sampattiyo dassetuṃ – ‘‘idha kassapā’’tiādimāha. Imāya ca kassapa sīlasampadāyāti idaṃ arahattaphalameva sandhāya vuttaṃ. Arahattaphalapariyosānañhi bhagavato sāsanaṃ. Tasmā arahattaphalasampayuttāhi sīlacittapaññāsampadāhi aññā uttaritarā vā paṇītatarā vā sīlādisampadā natthīti āha.

    สีหนาทกถาวณฺณนา

    Sīhanādakathāvaṇṇanā

    ๔๐๒. เอวญฺจ ปน วตฺวา อิทานิ อนุตฺตรํ มหาสีหนาทํ นทโนฺต – ‘‘สนฺติ กสฺสป เอเก สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อริยนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ ปรมวิสุทฺธํฯ ปรมนฺติ อุตฺตมํ, ปญฺจสีลานิ หิอาทิํ กตฺวา ยาว ปาติโมกฺขสํวรสีลา สีลเมว, โลกุตฺตรมคฺคผลสมฺปยุตฺตํ ปน ปรมสีลํ นามฯ นาหํ ตตฺถาติ ตตฺถ สีเลปิ ปรมสีเลปิ อหํ อตฺตโน สมสมํ มม สีลสเมน สีเลน มยา สมํ ปุคฺคลํ น ปสฺสามีติ อโตฺถฯ อหเมว ตตฺถ ภิโยฺยติ อหเมว ตสฺมิํ สีเล อุตฺตโมฯ กตมสฺมิํ? ยทิทํ อธิสีลนฺติ ยํ เอตํ อุตฺตมํ สีลนฺติ อโตฺถฯ อิติ อิมํ ปฐมํ สีหนาทํ นทติฯ

    402. Evañca pana vatvā idāni anuttaraṃ mahāsīhanādaṃ nadanto – ‘‘santi kassapa eke samaṇabrāhmaṇā’’tiādimāha. Tattha ariyanti nirupakkilesaṃ paramavisuddhaṃ. Paramanti uttamaṃ, pañcasīlāni hiādiṃ katvā yāva pātimokkhasaṃvarasīlā sīlameva, lokuttaramaggaphalasampayuttaṃ pana paramasīlaṃ nāma. Nāhaṃ tatthāti tattha sīlepi paramasīlepi ahaṃ attano samasamaṃ mama sīlasamena sīlena mayā samaṃ puggalaṃ na passāmīti attho. Ahameva tattha bhiyyoti ahameva tasmiṃ sīle uttamo. Katamasmiṃ? Yadidaṃ adhisīlanti yaṃ etaṃ uttamaṃ sīlanti attho. Iti imaṃ paṭhamaṃ sīhanādaṃ nadati.

    ตโปชิคุจฺฉวาทาติ เย ตโปชิคุจฺฉํ วทนฺติฯ ตตฺถ ตปตีติ ตโป, กิเลสสนฺตาปกวีริยเสฺสตํ นามํ, ตเทว เต กิเลเส ชิคุจฺฉตีติ ชิคุจฺฉาฯ อริยา ปรมาติ เอตฺถ นิโทฺทสตฺตา อริยา, อฎฺฐอารมฺภวตฺถุวเสนปิ อุปฺปนฺนา วิปสฺสนาวีริยสงฺขาตา ตโปชิคุจฺฉา ตโปชิคุจฺฉาว, มคฺคผลสมฺปยุตฺตา ปรมา นามฯ อธิเชคุจฺฉนฺติ อิธ ชิคุจฺฉภาโว เชคุจฺฉํ, อุตฺตมํ เชคุจฺฉํ อธิเชคุจฺฉํ, ตสฺมา ยทิทํ อธิเชคุจฺฉํ, ตตฺถ อหเมว ภิโยฺยติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ปญฺญาธิกาเรปิ กมฺมสฺสกตาปญฺญา จ วิปสฺสนาปญฺญา จ ปญฺญา นาม, มคฺคผลสมฺปยุตฺตา ปรมา ปญฺญา นามฯ อธิปญฺญนฺติ เอตฺถ ลิงฺควิปลฺลาโส เวทิตโพฺพ, อยํ ปเนตฺถโตฺถ – ยายํ อธิปญฺญา นาม อหเมว ตตฺถ ภิโยฺยติ วิมุตฺตาธิกาเร ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺติโย วิมุตฺติ นาม, สมุเจฺฉทปฎิปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺติโย ปน ปรมา วิมุตฺตีติ เวทิตพฺพาฯ อิธาปิ จ ยทิทํ อธิวิมุตฺตีติ ยา อยํ อธิวิมุตฺติ, อหเมว ตตฺถ ภิโยฺยติ อโตฺถฯ

    Tapojigucchavādāti ye tapojigucchaṃ vadanti. Tattha tapatīti tapo, kilesasantāpakavīriyassetaṃ nāmaṃ, tadeva te kilese jigucchatīti jigucchā. Ariyā paramāti ettha niddosattā ariyā, aṭṭhaārambhavatthuvasenapi uppannā vipassanāvīriyasaṅkhātā tapojigucchā tapojigucchāva, maggaphalasampayuttā paramā nāma. Adhijegucchanti idha jigucchabhāvo jegucchaṃ, uttamaṃ jegucchaṃ adhijegucchaṃ, tasmā yadidaṃ adhijegucchaṃ, tattha ahameva bhiyyoti evamettha attho daṭṭhabbo. Paññādhikārepi kammassakatāpaññā ca vipassanāpaññā ca paññā nāma, maggaphalasampayuttā paramā paññā nāma. Adhipaññanti ettha liṅgavipallāso veditabbo, ayaṃ panetthattho – yāyaṃ adhipaññā nāma ahameva tattha bhiyyoti vimuttādhikāre tadaṅgavikkhambhanavimuttiyo vimutti nāma, samucchedapaṭipassaddhinissaraṇavimuttiyo pana paramā vimuttīti veditabbā. Idhāpi ca yadidaṃ adhivimuttīti yā ayaṃ adhivimutti, ahameva tattha bhiyyoti attho.

    ๔๐๓. สุญฺญาคาเรติ สุเญฺญ ฆเร, เอกโกว นิสีทิตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ ปริสาสุ จาติ อฎฺฐสุ ปริสาสุฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    403.Suññāgāreti suññe ghare, ekakova nisīditvāti adhippāyo. Parisāsu cāti aṭṭhasu parisāsu. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘จตฺตาริมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส เวสารชฺชานิฯ เยหิ เวสารเชฺชหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๐) สุตฺตํ วิตฺถาเรตพฺพํฯ

    ‘‘Cattārimāni, sāriputta, tathāgatassa vesārajjāni. Yehi vesārajjehi samannāgato tathāgato āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānāti, parisāsu sīhanādaṃ nadatī’’ti (ma. ni. 1.150) suttaṃ vitthāretabbaṃ.

    ปญฺหญฺจ นํ ปุจฺฉนฺตีติ ปณฺฑิตา เทวมนุสฺสา นํ ปญฺหํ อภิสงฺขริตฺวา ปุจฺฉนฺติฯ พฺยากโรตีติ ตงฺขณเญฺญว วิสฺสเชฺชสิฯ จิตฺตํ อาราเธตีติ ปญฺหาวิสฺสชฺชเนน มหาชนสฺส จิตฺตํ ปริโตเสติเยวฯ โน จ โข โสตพฺพํ มญฺญนฺตีติ จิตฺตํ อาราเธตฺวา กเถนฺตสฺสปิสฺส วจนํ ปเร โสตพฺพํ น มญฺญนฺตีติ, เอวญฺจ วเทยฺยุนฺติ อโตฺถฯ โสตพฺพญฺจสฺส มญฺญนฺตีติ เทวาปิ มนุสฺสาปิ มหเนฺตเนว อุสฺสาเหน โสตพฺพํ มญฺญนฺติฯ ปสีทนฺตีติ สุปสนฺนา กลฺลจิตฺตา มุทุจิตฺตา โหนฺติฯ ปสนฺนาการํ กโรนฺตีติ น มุทฺธปฺปสนฺนาว โหนฺติ, ปณีตานิ จีวราทีนิ เวฬุวนวิหาราทโย จ มหาวิหาเร ปริจฺจชนฺตา ปสนฺนาการํ กโรนฺติฯ ตถตฺตายาติ ยํ โส ธมฺมํ เทเสติ ตถา ภาวาย, ธมฺมานุธมฺมปฎิปตฺติปูรณตฺถาย ปฎิปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ ตถตฺตาย จ ปฎิปชฺชนฺตีติ ตถภาวาย ปฎิปชฺชนฺติ, ตสฺส หิ ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา เกจิ สรเณสุ เกจิ ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐหนฺติ, อปเร นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนฺติฯ ปฎิปนฺนา จ อาราเธนฺตีติ ตญฺจ ปน ปฎิปทํ ปฎิปนฺนา ปูเรตุํ สโกฺกนฺติ, สพฺพากาเรน ปน ปูเรนฺติ, ปฎิปตฺติปูรเณน ตสฺส โภโต โคตมสฺส จิตฺตํ อาราเธนฺตีติ วตฺตพฺพาฯ

    Pañhañca naṃ pucchantīti paṇḍitā devamanussā naṃ pañhaṃ abhisaṅkharitvā pucchanti. Byākarotīti taṅkhaṇaññeva vissajjesi. Cittaṃ ārādhetīti pañhāvissajjanena mahājanassa cittaṃ paritosetiyeva. No ca kho sotabbaṃ maññantīti cittaṃ ārādhetvā kathentassapissa vacanaṃ pare sotabbaṃ na maññantīti, evañca vadeyyunti attho. Sotabbañcassa maññantīti devāpi manussāpi mahanteneva ussāhena sotabbaṃ maññanti. Pasīdantīti supasannā kallacittā muducittā honti. Pasannākāraṃ karontīti na muddhappasannāva honti, paṇītāni cīvarādīni veḷuvanavihārādayo ca mahāvihāre pariccajantā pasannākāraṃ karonti. Tathattāyāti yaṃ so dhammaṃ deseti tathā bhāvāya, dhammānudhammapaṭipattipūraṇatthāya paṭipajjantīti attho. Tathattāya ca paṭipajjantīti tathabhāvāya paṭipajjanti, tassa hi bhagavato dhammaṃ sutvā keci saraṇesu keci pañcasu sīlesu patiṭṭhahanti, apare nikkhamitvā pabbajanti. Paṭipannā ca ārādhentīti tañca pana paṭipadaṃ paṭipannā pūretuṃ sakkonti, sabbākārena pana pūrenti, paṭipattipūraṇena tassa bhoto gotamassa cittaṃ ārādhentīti vattabbā.

    อิมสฺมิํ ปโนกาเส ฐตฺวา สีหนาทา สโมธาเนตพฺพาฯ เอกจฺจํ ตปสฺสิํ นิรเย นิพฺพตฺตํ ปสฺสามีติ หิ ภควโต เอโก สีหนาโทฯ อปรํ สเคฺค นิพฺพตฺตํ ปสฺสามีติ เอโกฯ อกุสลธมฺมปฺปหาเน อหเมว เสโฎฺฐติ เอโกฯ กุสลธมฺมสมาทาเนปิ อหเมว เสโฎฺฐติ เอโกฯ อกุสลธมฺมปฺปหาเน มยฺหเมว สาวกสโงฺฆ เสโฎฺฐติ เอโกฯ กุสลธมฺมสมาทาเนปิ มยฺหํเยว สาวกสโงฺฆ เสโฎฺฐติ เอโกฯ สีเลน มยฺหํ สทิโส นตฺถีติ เอโกฯ วีริเยน มยฺหํ สทิโส นตฺถีติ เอโกฯ ปญฺญาย…เป.… วิมุตฺติยา…เป.… สีหนาทํ นทโนฺต ปริสมเชฺฌ นิสีทิตฺวา นทามีติ เอโกฯ วิสารโท หุตฺวา นทามีติ เอโกฯ ปญฺหํ มํ ปุจฺฉนฺตีติ เอโกฯ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ วิสฺสเชฺชมีติ เอโกฯ วิสฺสชฺชเนน ปรสฺส จิตฺตํ อาราเธมีติ เอโกฯ สุตฺวา โสตพฺพํ มญฺญนฺตีติ เอโกฯ สุตฺวา เม ปสีทนฺตีติ เอโกฯ ปสนฺนาการํ กโรนฺตีติ เอโกฯ ยํ ปฎิปตฺติํ เทเสมิ, ตถตฺตาย ปฎิปชฺชนฺตีติ เอโกฯ ปฎิปนฺนา จ มํ อาราเธนฺตีติ เอโกฯ อิติ ปุริมานํ ทสนฺนํ เอเกกสฺส – ‘‘ปริสาสุ จ นทตี’’ติ อาทโย ทส ทส ปริวาราฯ เอวํ เต ทส ปุริมานํ ทสนฺนํ ปริวารวเสน สตํ ปุริมา จ ทสาติ ทสาธิกํ สีหนาทสตํ โหติฯ อิโต อญฺญสฺมิํ ปน สุเตฺต เอตฺตกา สีหนาทา ทุลฺลภา, เตนิทํ สุตฺตํ มหาสีหนาทนฺติ วุจฺจติฯ อิติ ภควา ‘‘สีหนาทํ โข สมโณ โคตโม นทติ, ตญฺจ โข สุญฺญาคาเร นทตี’’ติ เอวํ วาทานุ วาทํ ปฎิเสเธตฺวา อิทานิ ปริสติ นทิตปุพฺพํ สีหนาทํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอกมิทาห’’นฺติอาทิมาหฯ

    Imasmiṃ panokāse ṭhatvā sīhanādā samodhānetabbā. Ekaccaṃ tapassiṃ niraye nibbattaṃ passāmīti hi bhagavato eko sīhanādo. Aparaṃ sagge nibbattaṃ passāmīti eko. Akusaladhammappahāne ahameva seṭṭhoti eko. Kusaladhammasamādānepi ahameva seṭṭhoti eko. Akusaladhammappahāne mayhameva sāvakasaṅgho seṭṭhoti eko. Kusaladhammasamādānepi mayhaṃyeva sāvakasaṅgho seṭṭhoti eko. Sīlena mayhaṃ sadiso natthīti eko. Vīriyena mayhaṃ sadiso natthīti eko. Paññāya…pe… vimuttiyā…pe… sīhanādaṃ nadanto parisamajjhe nisīditvā nadāmīti eko. Visārado hutvā nadāmīti eko. Pañhaṃ maṃ pucchantīti eko. Pañhaṃ puṭṭho vissajjemīti eko. Vissajjanena parassa cittaṃ ārādhemīti eko. Sutvā sotabbaṃ maññantīti eko. Sutvā me pasīdantīti eko. Pasannākāraṃ karontīti eko. Yaṃ paṭipattiṃ desemi, tathattāya paṭipajjantīti eko. Paṭipannā ca maṃ ārādhentīti eko. Iti purimānaṃ dasannaṃ ekekassa – ‘‘parisāsu ca nadatī’’ti ādayo dasa dasa parivārā. Evaṃ te dasa purimānaṃ dasannaṃ parivāravasena sataṃ purimā ca dasāti dasādhikaṃ sīhanādasataṃ hoti. Ito aññasmiṃ pana sutte ettakā sīhanādā dullabhā, tenidaṃ suttaṃ mahāsīhanādanti vuccati. Iti bhagavā ‘‘sīhanādaṃ kho samaṇo gotamo nadati, tañca kho suññāgāre nadatī’’ti evaṃ vādānu vādaṃ paṭisedhetvā idāni parisati naditapubbaṃ sīhanādaṃ dassento ‘‘ekamidāha’’ntiādimāha.

    ติตฺถิยปริวาสกถาวณฺณนา

    Titthiyaparivāsakathāvaṇṇanā

    ๔๐๔. ตตฺถ ตตฺร มํ อญฺญตโร ตปพฺรหฺมจารีติ ตตฺร ราชคเห คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเต วิหรนฺตํ มํ อญฺญตโร ตปพฺรหฺมจารี นิโคฺรโธ นาม ปริพฺพาชโก ฯ อธิเชคุเจฺฉติ วีริเยน ปาปชิคุจฺฉนาธิกาเร ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ อิทํ ยํ ตํ ภควา คิชฺฌกูเฎ มหาวิหาเร นิสิโนฺน อุทุมฺพริกาย เทวิยา อุยฺยาเน นิสินฺนสฺส นิโคฺรธสฺส จ ปริพฺพาชกสฺส สนฺธานสฺส จ อุปาสกสฺส ทิพฺพาย โสตธาตุยา กถาสลฺลาปํ สุตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา เตสํ สนฺติเก ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิตฺวา นิโคฺรเธน อธิเชคุเจฺฉ ปุฎฺฐปญฺหํ วิสฺสเชฺชสิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปรํ วิย มตฺตายาติ ปรมาย มตฺตาย, อติมหเนฺตเนว ปมาเณนาติ อโตฺถฯ โก หิ, ภเนฺตติ ฐเปตฺวา อนฺธพาลํ ทิฎฺฐิคติกํ อโญฺญ ปณฺฑิตชาติโก ‘‘โก นาม ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา น อตฺตมโน อสฺสา’’ติ วทติฯ ลเภยฺยาหนฺติ อิทํ โส – ‘‘จิรํ วต เม อนิยฺยานิกปเกฺข โยเชตฺวา อตฺตา กิลมิโต, ‘สุกฺขนทีตีเร นฺหายิสฺสามี’ติ สมฺปริวเตฺตเนฺตน วิย ถุเส โกเฎฺฎเนฺตน วิย น โกจิ อโตฺถ นิปฺผาทิโตฯ หนฺทาหํ อตฺตานํ โยเค โยเชสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อาหฯ อถ ภควา โย อเนน ขนฺธเก ติตฺถิยปริวาโส ปญฺญโตฺต, โย อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ สามเณรภูมิยํ ฐิโต – ‘‘อหํ ภเนฺต, อิตฺถนฺนาโม อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขามิ อุปสมฺปทํ, สฺวาหํ, ภเนฺต, สํฆํ จตฺตาโร มาเส ปริวาสํ ยาจามี’’ติอาทินา (มหาว. ๘๖) นเยน สมาทิยิตฺวา ปริวสติ, ตํ สนฺธาย – ‘‘โย โข, กสฺสป, อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ’’ติอาทิมาหฯ

    404. Tattha tatra maṃ aññataro tapabrahmacārīti tatra rājagahe gijjhakūṭe pabbate viharantaṃ maṃ aññataro tapabrahmacārī nigrodho nāma paribbājako . Adhijeguccheti vīriyena pāpajigucchanādhikāre pañhaṃ pucchi. Idaṃ yaṃ taṃ bhagavā gijjhakūṭe mahāvihāre nisinno udumbarikāya deviyā uyyāne nisinnassa nigrodhassa ca paribbājakassa sandhānassa ca upāsakassa dibbāya sotadhātuyā kathāsallāpaṃ sutvā ākāsenāgantvā tesaṃ santike paññatte āsane nisīditvā nigrodhena adhijegucche puṭṭhapañhaṃ vissajjesi, taṃ sandhāya vuttaṃ. Paraṃ viya mattāyāti paramāya mattāya, atimahanteneva pamāṇenāti attho. Ko hi, bhanteti ṭhapetvā andhabālaṃ diṭṭhigatikaṃ añño paṇḍitajātiko ‘‘ko nāma bhagavato dhammaṃ sutvā na attamano assā’’ti vadati. Labheyyāhanti idaṃ so – ‘‘ciraṃ vata me aniyyānikapakkhe yojetvā attā kilamito, ‘sukkhanadītīre nhāyissāmī’ti samparivattentena viya thuse koṭṭentena viya na koci attho nipphādito. Handāhaṃ attānaṃ yoge yojessāmī’’ti cintetvā āha. Atha bhagavā yo anena khandhake titthiyaparivāso paññatto, yo aññatitthiyapubbo sāmaṇerabhūmiyaṃ ṭhito – ‘‘ahaṃ bhante, itthannāmo aññatitthiyapubbo imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhāmi upasampadaṃ, svāhaṃ, bhante, saṃghaṃ cattāro māse parivāsaṃ yācāmī’’tiādinā (mahāva. 86) nayena samādiyitvā parivasati, taṃ sandhāya – ‘‘yo kho, kassapa, aññatitthiyapubbo’’tiādimāha.

    ๔๐๕. ตตฺถ ปพฺพชฺชนฺติ วจนสิลิฎฺฐตาวเสเนว วุตฺตํ, อปริวสิตฺวาเยว หิ ปพฺพชฺชํ ลภติฯ อุปสมฺปทตฺถิเกน ปน นาติกาเลน คามปฺปเวสนาทีนิ อฎฺฐ วตฺตานิ ปูเรเนฺตน ปริวสิตพฺพํฯ อารทฺธจิตฺตาติ อฎฺฐวตฺตปูรเณน ตุฎฺฐจิตฺตา, อยเมตฺถ สเงฺขปโตฺถฯ วิตฺถารโต ปเนส ติตฺถิยปริวาโส สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถายํ ปพฺพชฺชขนฺธกวณฺณนาย วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ อปิ จ เมตฺถาติ อปิ จ เม เอตฺถฯ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตาติ ปุคฺคลนานตฺตํ วิทิตํฯ ‘‘อยํ ปุคฺคโล ปริวาสารโห, อยํ น ปริวาสารโห’’ติ อิทํ มยฺหํ ปากฎนฺติ ทเสฺสติฯ ตโต กสฺสโป จิเนฺตสิ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ พุทฺธสาสนํ, ยตฺถ เอวํ ฆํสิตฺวา โกเฎฺฎตฺวา ยุตฺตเมว คณฺหนฺติ, อยุตฺตํ ฉเฑฺฑนฺตี’’ติ, ตโต สุฎฺฐุตรํ ปพฺพชฺชาย สญฺชาตุสฺสาโห – ‘‘สเจ ภเนฺต’’ติอาทิมาหฯ

    405. Tattha pabbajjanti vacanasiliṭṭhatāvaseneva vuttaṃ, aparivasitvāyeva hi pabbajjaṃ labhati. Upasampadatthikena pana nātikālena gāmappavesanādīni aṭṭha vattāni pūrentena parivasitabbaṃ. Āraddhacittāti aṭṭhavattapūraṇena tuṭṭhacittā, ayamettha saṅkhepattho. Vitthārato panesa titthiyaparivāso samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāyaṃ pabbajjakhandhakavaṇṇanāya vuttanayena veditabbo. Api ca metthāti api ca me ettha. Puggalavemattatā viditāti puggalanānattaṃ viditaṃ. ‘‘Ayaṃ puggalo parivāsāraho, ayaṃ na parivāsāraho’’ti idaṃ mayhaṃ pākaṭanti dasseti. Tato kassapo cintesi – ‘‘aho acchariyaṃ buddhasāsanaṃ, yattha evaṃ ghaṃsitvā koṭṭetvā yuttameva gaṇhanti, ayuttaṃ chaḍḍentī’’ti, tato suṭṭhutaraṃ pabbajjāya sañjātussāho – ‘‘sace bhante’’tiādimāha.

    อถ โข ภควา ตสฺส ติพฺพจฺฉนฺทตํ วิทิตฺวา – ‘‘น กสฺสโป ปริวาสํ อรหตี’’ติ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสิ – ‘‘คจฺฉ ภิกฺขุ กสฺสปํ นฺหาเปตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อาเนหี’’ติฯ โส ตถา กตฺวา ตํ ปพฺพาเชตฺวา ภควโต สนฺติกํ อาคมาสิฯ ภควา ตํ คณมเชฺฌ นิสีทาเปตฺวา อุปสมฺปาเทสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อลตฺถ โข อเจโล กสฺสโป ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปท’’นฺติฯ อจิรูปสมฺปโนฺนติ อุปสมฺปโนฺน หุตฺวา นจิรเมวฯ วูปกโฎฺฐติ วตฺถุกามกิเลสกาเมหิ กาเยน เจว จิเตฺตน จ วูปกโฎฺฐฯ อปฺปมโตฺตติ กมฺมฎฺฐาเน สติํ อวิชหโนฺตฯ อาตาปีติ กายิกเจตสิกสงฺขาเตน วีริยาตาเปน อาตาปีฯ ปหิตโตฺตติ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย เปสิตจิโตฺต วิสฺสฎฺฐอตฺตภาโวฯ ยสฺสตฺถายาติ ยสฺส อตฺถายฯ กุลปุตฺตาติ อาจารกุลปุตฺตาฯ สมฺมเทวาติ เหตุนาว การเณเนวฯ ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํฯ พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานภูตํ อรหตฺตผลํฯ ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺติฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว ปญฺญาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจยํ กตฺวาติ อโตฺถฯ อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหาสิ, เอวํ วิหรโนฺต จ ขีณา ชาติ…เป.… อพฺภญฺญาสีติฯ

    Atha kho bhagavā tassa tibbacchandataṃ viditvā – ‘‘na kassapo parivāsaṃ arahatī’’ti aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesi – ‘‘gaccha bhikkhu kassapaṃ nhāpetvā pabbājetvā ānehī’’ti. So tathā katvā taṃ pabbājetvā bhagavato santikaṃ āgamāsi. Bhagavā taṃ gaṇamajjhe nisīdāpetvā upasampādesi. Tena vuttaṃ – ‘‘alattha kho acelo kassapo bhagavato santike pabbajjaṃ, alattha upasampada’’nti. Acirūpasampannoti upasampanno hutvā nacirameva. Vūpakaṭṭhoti vatthukāmakilesakāmehi kāyena ceva cittena ca vūpakaṭṭho. Appamattoti kammaṭṭhāne satiṃ avijahanto. Ātāpīti kāyikacetasikasaṅkhātena vīriyātāpena ātāpī. Pahitattoti kāye ca jīvite ca anapekkhatāya pesitacitto vissaṭṭhaattabhāvo. Yassatthāyāti yassa atthāya. Kulaputtāti ācārakulaputtā. Sammadevāti hetunāva kāraṇeneva. Tadanuttaranti taṃ anuttaraṃ. Brahmacariyapariyosānanti maggabrahmacariyassa pariyosānabhūtaṃ arahattaphalaṃ. Tassa hi atthāya kulaputtā pabbajanti. Diṭṭheva dhammeti imasmiṃyeva attabhāve. Sayaṃ abhiññā sacchikatvāti attanāyeva paññāya paccakkhaṃ katvā, aparappaccayaṃ katvāti attho. Upasampajja vihāsīti pāpuṇitvā sampādetvā vihāsi, evaṃ viharanto ca khīṇā jāti…pe… abbhaññāsīti.

    เอวมสฺส ปจฺจเวกฺขณภูมิํ ทเสฺสตฺวา อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปตุํ ‘‘อญฺญตโร โข ปนายสฺมา กสฺสโป อรหตํ อโหสี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อญฺญตโรติ เอโกฯ อรหตนฺติ อรหนฺตานํ, ภควโต สาวกานํ อรหนฺตานํ อพฺภนฺตโร อโหสีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ ยํ ยํ ปน อนฺตรนฺตรา น วุตฺตํ, ตํ ตํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตตฺตา ปากฎเมวาติฯ

    Evamassa paccavekkhaṇabhūmiṃ dassetvā arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpetuṃ ‘‘aññataro kho panāyasmā kassapo arahataṃ ahosī’’ti vuttaṃ. Tattha aññataroti eko. Arahatanti arahantānaṃ, bhagavato sāvakānaṃ arahantānaṃ abbhantaro ahosīti ayamettha adhippāyo. Yaṃ yaṃ pana antarantarā na vuttaṃ, taṃ taṃ tattha tattha vuttattā pākaṭamevāti.

    อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ

    Iti sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ

    มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahāsīhanādasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๘. มหาสีหนาทสุตฺตํ • 8. Mahāsīhanādasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๘. มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา • 8. Mahāsīhanādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact