Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๒. มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา

    2. Mahāsīhanādasuttavaṇṇanā

    เวสาลีนครวณฺณนา

    Vesālīnagaravaṇṇanā

    ๑๔๖. อปราปรนฺติ ปุนปฺปุนํฯ วิสาลีภูตตายาติ คาวุตนฺตรํ คาวุตนฺตรํ ปุถุภูตตายฯ ตตฺราติ ตสฺสํ วิสาลีภูตตายํฯ ฉฑฺฑิตมเตฺตติ วิสฺสฎฺฐมเตฺตฯ อูมิภยาทีหีติ อูมิกุมฺภีลอาวฎฺฎสํสุกาภเยหิฯ อุทกปฺปวาเหนาคตสฺสปิ จ อุสฺมา น วิคจฺฉติ, อุสฺมา จ นาม อีทิสสฺส สวิญฺญาณกตาย ภเวยฺยาติ ‘‘สิยา คโพฺภ’’ติ จิเนฺตสิฯ ตถา หีติอาทิ ตตฺถ การณจินฺตาฯ ปุญฺญวนฺตตาย ทุคฺคนฺธํ นาโหสิ, สอุสุมตาย ปูติกภาโวฯ ทารกานํ ปุญฺญูปนิสฺสยโต องฺคุฎฺฐกโต จสฺส ขีรํ นิพฺพตฺติ, ขีรภตฺตญฺจ ลภิฯ จริมกภเว โพธิสเตฺต กุจฺฉิคเต โพธิสตฺตมาตุ วิย อุทรจฺฉวิยา อจฺฉวิปฺปสนฺนตาย นิจฺฉวิ วิยาติ กตฺวา อาห ‘‘นิจฺฉวี อเหสุ’’นฺติฯ เตสนฺติ ทฺวินฺนํ ทารกานํฯ มาตาปิตโรติ โปสกมาตาปิตโรฯ อภิสิญฺจิตฺวา ราชานํ อกํสุ รชฺชสมฺปตฺติยา ทายกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา, อสมฺภิเนฺน เอว ราชกุเล อุปฺปนฺนตฺตา จฯ กุมารสฺส ปุญฺญานุภาวสโญฺจทิตา เทวตาธิคฺคหิตาติ เกจิฯ

    146.Aparāparanti punappunaṃ. Visālībhūtatāyāti gāvutantaraṃ gāvutantaraṃ puthubhūtatāya. Tatrāti tassaṃ visālībhūtatāyaṃ. Chaḍḍitamatteti vissaṭṭhamatte. Ūmibhayādīhīti ūmikumbhīlaāvaṭṭasaṃsukābhayehi. Udakappavāhenāgatassapi ca usmā na vigacchati, usmā ca nāma īdisassa saviññāṇakatāya bhaveyyāti ‘‘siyā gabbho’’ti cintesi. Tathā hītiādi tattha kāraṇacintā. Puññavantatāya duggandhaṃ nāhosi, sausumatāya pūtikabhāvo. Dārakānaṃ puññūpanissayato aṅguṭṭhakato cassa khīraṃ nibbatti, khīrabhattañca labhi. Carimakabhave bodhisatte kucchigate bodhisattamātu viya udaracchaviyā acchavippasannatāya nicchavi viyāti katvā āha ‘‘nicchavī ahesu’’nti. Tesanti dvinnaṃ dārakānaṃ. Mātāpitaroti posakamātāpitaro. Abhisiñcitvā rājānaṃ akaṃsu rajjasampattiyā dāyakassa kammassa katattā, asambhinne eva rājakule uppannattā ca. Kumārassa puññānubhāvasañcoditā devatādhiggahitāti keci.

    ปุรสฺส อปเรติ ปุรสฺส อปรทิสาย คาวุตมเตฺต ฐาเน ชีวกมฺพวนํ วิย สปาการมนฺทิรเกฯ อจิรปกฺกโนฺตติ เอตฺถ น เทสนฺตรปกฺกมนํ อธิเปฺปตํ, อถ โข สาสนโต อปกฺกมนนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิพฺภมิตฺวา’’ติอาทิมาหฯ เตเนวาห ‘‘อิมสฺมา ธมฺมวินยา’’ติฯ ปริสตีติ ปริสายํ, ชนสมูเหติ อโตฺถฯ ชนสมูหคโต ปน ‘‘ปริสมเชฺฌ’’ติ วุโตฺตฯ ภาวนามนสิกาเรน วินา ปกติยาว มนุเสฺสหิ นิพฺพเตฺตตโพฺพ ธโมฺมติ มนุสฺสธโมฺม, มนุสฺสตฺตภาวาวโห วา ธโมฺม มนุสฺสธโมฺม, อนุฬารํ ปริตฺตกุสลํฯ ยํ อสติปิ พุทฺธุปฺปาเท วตฺตติ, ยญฺจ สนฺธายาห ‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชตี’’ติฯ ‘‘อมฺหากํ พุโทฺธ’’ติ พุเทฺธ มมตฺตการิโน พุทฺธมามกาฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ

    Purassa apareti purassa aparadisāya gāvutamatte ṭhāne jīvakambavanaṃ viya sapākāramandirake. Acirapakkantoti ettha na desantarapakkamanaṃ adhippetaṃ, atha kho sāsanato apakkamananti dassento ‘‘vibbhamitvā’’tiādimāha. Tenevāha ‘‘imasmā dhammavinayā’’ti. Parisatīti parisāyaṃ, janasamūheti attho. Janasamūhagato pana ‘‘parisamajjhe’’ti vutto. Bhāvanāmanasikārena vinā pakatiyāva manussehi nibbattetabbo dhammoti manussadhammo, manussattabhāvāvaho vā dhammo manussadhammo, anuḷāraṃ parittakusalaṃ. Yaṃ asatipi buddhuppāde vattati, yañca sandhāyāha ‘‘hīnena brahmacariyena, khattiye upapajjatī’’ti. ‘‘Amhākaṃ buddho’’ti buddhe mamattakārino buddhamāmakā. Sesapadadvayepi eseva nayo.

    อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาทิวณฺณนา

    Uttarimanussadhammādivaṇṇanā

    อลํ อริยาย อริยภาวายาติ อลมริโย, รูปายตนํ ชานาติ จกฺขุวิญฺญาณํ วิย ปสฺสติ จาติ ญาณทสฺสนํ, ทิพฺพจกฺขุฯ สมฺมสนุปเค จ ปน ธเมฺม ลกฺขณตฺตยญฺจ ตถา ชานาติ ปสฺสติ จาติ ญาณทสฺสนํ, วิปสฺสนาฯ นิพฺพานํ, จตฺตาริ วา สจฺจานิ อสโมฺมหปฎิเวธโต ชานาติ ปสฺสติ จาติ ญาณทสฺสนํ, มโคฺคฯ ผลํ ปน นิพฺพานวเสเนว โยเชตพฺพํฯ ปจฺจเวกฺขณา มคฺคาธิคตสฺส อตฺถสฺส ปจฺจกฺขโต ชานนเฎฺฐน ญาณทสฺสนํ, สพฺพญฺญุตา อนาวรณตาย สมนฺตจกฺขุตาย จ ญาณทสฺสนํฯ โลกุตฺตรมโคฺค อธิเปฺปโต, ตสฺมิญฺหิ ปฎิสิเทฺธ สเพฺพสมฺปิ พุทฺธคุณานํ อสมฺภโวติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘ตญฺหิ โส ภควโต ปฎิเสเธตี’’ติฯ

    Alaṃ ariyāya ariyabhāvāyāti alamariyo, rūpāyatanaṃ jānāti cakkhuviññāṇaṃ viya passati cāti ñāṇadassanaṃ, dibbacakkhu. Sammasanupage ca pana dhamme lakkhaṇattayañca tathā jānāti passati cāti ñāṇadassanaṃ, vipassanā. Nibbānaṃ, cattāri vā saccāni asammohapaṭivedhato jānāti passati cāti ñāṇadassanaṃ, maggo. Phalaṃ pana nibbānavaseneva yojetabbaṃ. Paccavekkhaṇā maggādhigatassa atthassa paccakkhato jānanaṭṭhena ñāṇadassanaṃ, sabbaññutā anāvaraṇatāya samantacakkhutāya ca ñāṇadassanaṃ. Lokuttaramaggo adhippeto, tasmiñhi paṭisiddhe sabbesampi buddhaguṇānaṃ asambhavoti adhippāyo. Tenāha ‘‘tañhi so bhagavato paṭisedhetī’’ti.

    สุขุมํ ธมฺมนฺตรํ นาม ฌานวิปสฺสนาทิกํ อาจริยานุคฺคเหน คหิตํ นาม นตฺถิฯ ตกฺกปริยาหตนฺติ ‘‘อิติ ภวิสฺสติ, เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ ตํตํทเสฺสตพฺพมตฺถตกฺกเนน วิตกฺกนมเตฺตน ปริโต อาหตํ ปริวตฺติตํ กตฺวาฯ เตนาห ‘‘ตเกฺกตฺวา’’ติอาทิฯ โลกิยปญฺญํ อนุชานาติ อุปนิสินฺนปริสาย อนุกูลธมฺมกถนโตติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘สมโณ โคตโม’’ติอาทิฯ ปฎิภาตีติ ปฎิภานํ, ‘‘อิติ วกฺขามี’’ติ เอวํปวตฺตํ กถนจิตฺตํ, ตโต ปฎิภานโต ชานนํ ปฎิภานํ, อาคมาภาวโต สยเมว อุปฎฺฐิตตฺตา สยํปฎิภานํฯ เตนาห ‘‘อิมินาสฺส ธเมฺมสุ ปจฺจกฺขภาวํ ปฎิพาหตี’’ติฯ สุผุสิตนฺติ นิพฺพิวรํฯ อผุสิตเตฺต หิ สุเขน วจีโฆโส น นิจฺฉรติฯ ทนฺตาวรณนฺติ โอฎฺฐทฺวยํฯ ชิวฺหาปิ ถทฺธตาย สุเขน วจีโฆโส น นิจฺฉรตีติ อาห ‘‘มุทุกา ชิวฺหา’’ติฯ กรวีกรุตมญฺชุตาย มธุโร สโรฯ เอลํ วุจฺจติ โทโส, เอลํ คฬตีติ เอลคฬา, น เอลคฬา อเนลคฬา, นิโทฺทสา, น รุชฺฌตีติ อโตฺถฯ สพฺพเมตํ รญฺชนเสฺสว การณํ ทเสฺสโนฺต วทติฯ

    Sukhumaṃ dhammantaraṃ nāma jhānavipassanādikaṃ ācariyānuggahena gahitaṃ nāma natthi. Takkapariyāhatanti ‘‘iti bhavissati, evaṃ bhavissatī’’ti taṃtaṃdassetabbamatthatakkanena vitakkanamattena parito āhataṃ parivattitaṃ katvā. Tenāha ‘‘takketvā’’tiādi. Lokiyapaññaṃ anujānāti upanisinnaparisāya anukūladhammakathanatoti adhippāyo. Tenāha ‘‘samaṇo gotamo’’tiādi. Paṭibhātīti paṭibhānaṃ, ‘‘iti vakkhāmī’’ti evaṃpavattaṃ kathanacittaṃ, tato paṭibhānato jānanaṃ paṭibhānaṃ, āgamābhāvato sayameva upaṭṭhitattā sayaṃpaṭibhānaṃ. Tenāha ‘‘imināssa dhammesu paccakkhabhāvaṃ paṭibāhatī’’ti. Suphusitanti nibbivaraṃ. Aphusitatte hi sukhena vacīghoso na niccharati. Dantāvaraṇanti oṭṭhadvayaṃ. Jivhāpi thaddhatāya sukhena vacīghoso na niccharatīti āha ‘‘mudukā jivhā’’ti. Karavīkarutamañjutāya madhuro saro. Elaṃ vuccati doso, elaṃ gaḷatīti elagaḷā, na elagaḷā anelagaḷā, niddosā, na rujjhatīti attho. Sabbametaṃ rañjanasseva kāraṇaṃ dassento vadati.

    ปญฺจ ธมฺมาติ คมฺภีรญาณจริยภูตานํ ขนฺธาทีนํ อุคฺคหณ-สวน-ธารณ-ปริจย-โยนิโสมนสิกาเร สนฺธายาหฯ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายาติ เอตฺถ สมฺมา-สโทฺท อุภยตฺถาปิ โยเชตโพฺพ ‘‘สมฺมา ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’ติฯ โย หิ สมฺมา ธมฺมํ ปฎิปชฺชติ, ตเสฺสว สมฺมา ทุกฺขกฺขโย โหติฯ โย ปน วุตฺตนเยน ตกฺกโร, ตสฺส นิยฺยานํ อตฺถโต ธมฺมเสฺสว นิยฺยานนฺติ อาห ‘‘โส ธโมฺม…เป.… นิยฺยาติ คจฺฉตี’’ติฯ

    Pañca dhammāti gambhīrañāṇacariyabhūtānaṃ khandhādīnaṃ uggahaṇa-savana-dhāraṇa-paricaya-yonisomanasikāre sandhāyāha. Takkarassa sammā dukkhakkhayāyāti ettha sammā-saddo ubhayatthāpi yojetabbo ‘‘sammā takkarassa sammā dukkhakkhayāyā’’ti. Yo hi sammā dhammaṃ paṭipajjati, tasseva sammā dukkhakkhayo hoti. Yo pana vuttanayena takkaro, tassa niyyānaṃ atthato dhammasseva niyyānanti āha ‘‘so dhammo…pe… niyyāti gacchatī’’ti.

    ๑๔๗. โกธโนติ กุชฺฌนสีโลฯ ยสฺมา ปน สุนกฺขโตฺต โกธวเสน กุรูโร ผรุสวจโน จ, ตสฺมา อาห ‘‘โกธโนติ จโณฺฑ ผรุโส จา’’ติฯ ตสฺมิํ อตฺตภาเว มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย นตฺถีติ ตสฺมิํ อตฺตภาเว อุปฺปชฺชนารหานํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย นตฺถิฯ ตํ พุทฺธา ‘‘โมฆปุริโส’’ติ วทนฺติ ยถา ตํ สุทินฺนลาฬุทายิอาทิเกฯ อุปนิสฺสเย สติปิ ตสฺมิํ ขเณ มเคฺค วา ผเล วา อสติ ‘‘โมฆปุริโส’’ติ วทนฺติ ยถา ตํ ธนิยูปเสนเตฺถราทิเกฯ สมุจฺฉิโนฺนปนิสฺสเย ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ยถา ‘‘มกฺขลิ โมฆปุริโส มนุสฺสขิปฺปํ มเญฺญ’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๑) ตถา สุนกฺขโตฺตปีติ อาห ‘‘อิมสฺส ปนา’’ติอาทิฯ อสฺสาติ เอเตนฯ กตฺตริ หิทํ สามิวจนํฯ โกเธนาติ โกธเหตุนาฯ

    147.Kodhanoti kujjhanasīlo. Yasmā pana sunakkhatto kodhavasena kurūro pharusavacano ca, tasmā āha ‘‘kodhanoti caṇḍo pharuso cā’’ti. Tasmiṃ attabhāve maggaphalānaṃ upanissayo natthīti tasmiṃ attabhāve uppajjanārahānaṃ maggaphalānaṃ upanissayo natthi. Taṃ buddhā ‘‘moghapuriso’’ti vadanti yathā taṃ sudinnalāḷudāyiādike. Upanissaye satipi tasmiṃ khaṇe magge vā phale vā asati ‘‘moghapuriso’’ti vadanti yathā taṃ dhaniyūpasenattherādike. Samucchinnopanissaye pana vattabbameva natthi. Yathā ‘‘makkhali moghapuriso manussakhippaṃ maññe’’ti (a. ni. 1.311) tathā sunakkhattopīti āha ‘‘imassa panā’’tiādi. Assāti etena. Kattari hidaṃ sāmivacanaṃ. Kodhenāti kodhahetunā.

    ภควโตติ สมฺปทานวจนํ กุทฺธปทาเปกฺขายฯ ปุเพฺพติ ภิกฺขุกาเลฯ สทฺทํ โสตุกาโมติ โส กิร ทิพฺพจกฺขุนา ตาวติํสภวเน เทวตานํ รูปํ ปสฺสโนฺต โอฎฺฐจลนํ ปสฺสติ, น ปน สทฺทํ สุณาติ, ตสฺมา ตาสํ สทฺทํ โสตุกาโม อโหสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สทฺทํ โสตุกาโม…เป.… ปุจฺฉี’’ติฯ โส จ อตีเต เอกํ สีลวนฺตํ ภิกฺขุํ กณฺณสกฺขลิยํ ปหริตฺวา พธิรมกาสิ, ตสฺมา ปริกมฺมํ กโรโนฺตปิ อภโพฺพว ทิพฺพโสตาธิคมายฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อุปนิสฺสโย นตฺถีติ ญตฺวา ปริกมฺมํ น กเถสี’’ติฯ จิเนฺตสีติ อตฺตโน มิจฺฉาปริวิตกฺกิเตน อโยนิโส อุมฺมุชฺชโนฺต จิเนฺตสิฯ

    Bhagavatoti sampadānavacanaṃ kuddhapadāpekkhāya. Pubbeti bhikkhukāle. Saddaṃ sotukāmoti so kira dibbacakkhunā tāvatiṃsabhavane devatānaṃ rūpaṃ passanto oṭṭhacalanaṃ passati, na pana saddaṃ suṇāti, tasmā tāsaṃ saddaṃ sotukāmo ahosi. Tena vuttaṃ ‘‘saddaṃ sotukāmo…pe… pucchī’’ti. So ca atīte ekaṃ sīlavantaṃ bhikkhuṃ kaṇṇasakkhaliyaṃ paharitvā badhiramakāsi, tasmā parikammaṃ karontopi abhabbova dibbasotādhigamāya. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘upanissayo natthīti ñatvā parikammaṃ na kathesī’’ti. Cintesīti attano micchāparivitakkitena ayoniso ummujjanto cintesi.

    นิยฺยานิกตฺตาวโพธนโต อเภโทปจาเรน ‘‘เทสนาธโมฺม นิยฺยานิโก’’ติ วุโตฺตฯ นิยฺยาโน วา อริยมโคฺค โพเธตโพฺพ เอตสฺส อตฺถีติ นิยฺยานิโก เทสนาธโมฺมฯ อตฺตนิ อตฺถิตํ ทเสฺสติ กิจฺจสิทฺธิทสฺสเนน ตตฺถ ตตฺถ ปากฎีกตตฺตา, น ปฎิญฺญามเตฺตนฯ ตถา หิ ยถาปราธํ ตํตํสิกฺขาปทปญฺญตฺติยา ยถาธมฺมํ เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปญฺจ อวิปรีตธมฺมเทสนาย เทวมนุเสฺสหิ ยถาภิสงฺขตปญฺหานํ ตทชฺฌาสยานุกูลํ ฐานโส วิสฺสชฺชเนน จ ภควโต สพฺพตฺถ อปฺปฎิหตญาณจารภาเวน สพฺพญฺญุตญฺญาณํ วิญฺญูนํ ปากฎํ, ตถา ตตฺถ ตตฺถ ยมกปาฎิหาริยกรณาทีสุ อิทฺธิวิธญาณาทีนีติฯ เตนาห ‘‘มยฺหญฺจา’’ติอาทิฯ อเนฺวติ ยถาคหิตสเงฺกตสฺส อนุคมนวเสน เอติ ชานาตีติ อนฺวโยฯ เตนาห ‘‘อนุพุชฺฌตีติ อโตฺถ’’ติฯ สเงฺกตานุคมนเญฺจตฺถ ‘‘ยถาปราธํ ตํตํสิกฺขาปทปญฺญตฺติยา’’ติอาทินา วุตฺตนยเมวฯ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาติ ยถา สพฺพญฺญุตญฺญาเณน โยชนา กตา, เอวํ ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม มยฺหํ อิทฺธิวิธญาณสงฺขาตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺม’’นฺติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ โยชนา เวทิตพฺพาฯ

    Niyyānikattāvabodhanato abhedopacārena ‘‘desanādhammo niyyāniko’’ti vutto. Niyyāno vā ariyamaggo bodhetabbo etassa atthīti niyyāniko desanādhammo. Attani atthitaṃ dasseti kiccasiddhidassanena tattha tattha pākaṭīkatattā, na paṭiññāmattena. Tathā hi yathāparādhaṃ taṃtaṃsikkhāpadapaññattiyā yathādhammaṃ veneyyajjhāsayānurūpañca aviparītadhammadesanāya devamanussehi yathābhisaṅkhatapañhānaṃ tadajjhāsayānukūlaṃ ṭhānaso vissajjanena ca bhagavato sabbattha appaṭihatañāṇacārabhāvena sabbaññutaññāṇaṃ viññūnaṃ pākaṭaṃ, tathā tattha tattha yamakapāṭihāriyakaraṇādīsu iddhividhañāṇādīnīti. Tenāha ‘‘mayhañcā’’tiādi. Anveti yathāgahitasaṅketassa anugamanavasena eti jānātīti anvayo. Tenāha ‘‘anubujjhatīti attho’’ti. Saṅketānugamanañcettha ‘‘yathāparādhaṃ taṃtaṃsikkhāpadapaññattiyā’’tiādinā vuttanayameva. Evaṃ yojanā veditabbāti yathā sabbaññutaññāṇena yojanā katā, evaṃ ‘‘evarūpampi nāma mayhaṃ iddhividhañāṇasaṅkhātaṃ uttarimanussadhamma’’ntiādinā tattha tattha yojanā veditabbā.

    อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Uttarimanussadhammādivaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทสพลญาณวณฺณนา

    Dasabalañāṇavaṇṇanā

    ๑๔๘. ยทิปิ อาทิโต อภิญฺญาตฺตยวเสน เทสนาย อาคตตฺตา เจโตปริยญาณานนฺตรํ อุปริ ติโสฺส อภิญฺญา วตฺตพฺพา สิยุนฺติ วตฺตพฺพํ สิยา, อตฺถโต ปน วิชฺชาตฺตยํ ยถาวุตฺตอภิญฺญาตฺตยเมวาติ กตฺวา ‘‘ติโสฺส วิชฺชา วตฺตพฺพา สิยุ’’นฺติ วุตฺตํฯ กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘ตาสุ วุตฺตาสุ อุปริ ทสพลญาณํ น ปริปูรตี’’ติ วุตฺตํ, นนุ อิมานิ ญาณานิ เสสาภิญฺญา วิย อตฺตโน วิสยสฺส อภิชานนฎฺฐํ อุปาทาย อภิญฺญาสุ วตฺตพฺพานิ, อกมฺปิยฎฺฐํ ปน อุปตฺถมฺภนฎฺฐญฺจ อุปาทาย พลญาเณสุ ยถา สมฺมาสติอาทโย อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคเงฺคสูติ? นยิทเมวํฯ ตตฺถ หิ ธมฺมานํ ธมฺมกิจฺจวิเสสวิภาวนปราย เทสนาย วุตฺตํ, อิธ ปน สตฺถุ คุณวิเสสวิภาวนปราย เทสนาย ตถา วตฺตุํ น สกฺกา อตฺถโต อนญฺญตฺตา, เอกจฺจานํ ปุถุชฺชนานํ เอวํ จิตฺตํ อุปฺปเชฺชยฺย ‘‘กิมิทํ ภควา เหฎฺฐา วุตฺตคุเณ ปุนปิ คณฺหโนฺต คุณาธิกทสฺสนํ กโรตี’’ติฯ ตสฺมา สุวุตฺตเมตํ ‘‘อุปริ ทสพลญาณํ น ปริปูรตี’’ติฯ

    148. Yadipi ādito abhiññāttayavasena desanāya āgatattā cetopariyañāṇānantaraṃ upari tisso abhiññā vattabbā siyunti vattabbaṃ siyā, atthato pana vijjāttayaṃ yathāvuttaabhiññāttayamevāti katvā ‘‘tisso vijjā vattabbā siyu’’nti vuttaṃ. Kasmā panettha ‘‘tāsu vuttāsu upari dasabalañāṇaṃ na paripūratī’’ti vuttaṃ, nanu imāni ñāṇāni sesābhiññā viya attano visayassa abhijānanaṭṭhaṃ upādāya abhiññāsu vattabbāni, akampiyaṭṭhaṃ pana upatthambhanaṭṭhañca upādāya balañāṇesu yathā sammāsatiādayo indriyabalabojjhaṅgamaggaṅgesūti? Nayidamevaṃ. Tattha hi dhammānaṃ dhammakiccavisesavibhāvanaparāya desanāya vuttaṃ, idha pana satthu guṇavisesavibhāvanaparāya desanāya tathā vattuṃ na sakkā atthato anaññattā, ekaccānaṃ puthujjanānaṃ evaṃ cittaṃ uppajjeyya ‘‘kimidaṃ bhagavā heṭṭhā vuttaguṇe punapi gaṇhanto guṇādhikadassanaṃ karotī’’ti. Tasmā suvuttametaṃ ‘‘upari dasabalañāṇaṃ na paripūratī’’ti.

    อเญฺญหิ อสาธารณานีติ กสฺมา วุตฺตํ (อ. นิ. ฎี. ๓.๑๐.๒๑), นนุ เจตานิ สาวกานมฺปิ เอกจฺจานํ อุปฺปชฺชนฺตีติ? กามํ อุปฺปชฺชนฺติ, ยาทิสานิ ปน พุทฺธานํ ฐานาฎฺฐานญาณาทีนิ, น ตาทิสานิ ตทเญฺญสํ กทาจิปิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อเญฺญหิ อสาธารณานีติฯ เตนาห ‘‘ตถาคตเสฺสว พลานี’’ติฯ อิมเมว หิ ยถาวุตฺตเลสํ อเปกฺขิตฺวา ตทภาวโต อาสยานุสยญาณาทีสุ เอว อสาธารณคุณสมญฺญา นิรุฬฺหาฯ กามํ ญาณพลานํ ญาณสมฺภาโร วิเสสปจฺจโย, ปุญฺญสมฺภาโรปิ ปน เนสํ ปจฺจโย เอว , ญาณสมฺภารสฺสปิ วา ปุญฺญสมฺภารภาวโต ‘‘ปุญฺญุสฺสยสมฺปตฺติยา อาคตานี’’ติ วุตฺตํฯ

    Aññehi asādhāraṇānīti kasmā vuttaṃ (a. ni. ṭī. 3.10.21), nanu cetāni sāvakānampi ekaccānaṃ uppajjantīti? Kāmaṃ uppajjanti, yādisāni pana buddhānaṃ ṭhānāṭṭhānañāṇādīni, na tādisāni tadaññesaṃ kadācipi uppajjantīti aññehi asādhāraṇānīti. Tenāha ‘‘tathāgatasseva balānī’’ti. Imameva hi yathāvuttalesaṃ apekkhitvā tadabhāvato āsayānusayañāṇādīsu eva asādhāraṇaguṇasamaññā niruḷhā. Kāmaṃ ñāṇabalānaṃ ñāṇasambhāro visesapaccayo, puññasambhāropi pana nesaṃ paccayo eva , ñāṇasambhārassapi vā puññasambhārabhāvato ‘‘puññussayasampattiyā āgatānī’’ti vuttaṃ.

    ปกติหตฺถิกุลนฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๒) คิริจรนทีจรวนจราทิปฺปเภทา โคจริยกาลาวกนามา สพฺพาปิ พเลน ปากติกา หตฺถิชาติฯ ทสนฺนํ ปุริสานนฺติ ถามมชฺฌิมานํ ทสนฺนํ ปุริสานํฯ เอกสฺส ตถาคตสฺส กายพลนฺติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ เอกสฺสาติ จ ตถา เหฎฺฐากถายํ อาคตตฺตา เทสนาโสเตน วุตฺตํฯ นารายนสงฺฆาตพลนฺติ เอตฺถ นารา วุจฺจนฺติ รสฺมิโย, ตา พหู นานาวิธา อิโต อุปฺปชฺชนฺตีติ นารายนํ, วชิรํ, ตสฺมา นารายนสงฺฆาตพลนฺติ วชิรสงฺฆาตพลนฺติ อโตฺถฯ ญาณพลํ ปน ปาฬิยํ อาคตเมว, น กายพลํ วิย อฎฺฐกถารุฬฺหเมวาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘สํยุตฺตเก อาคตานิ เตสตฺตติ ญาณานิ สตฺตสตฺตติ ญาณานี’’ติ วุตฺตํ (วิภ. มูลฎี. ๗๖๐), ตตฺถ ปน นิทานวเคฺค สตฺตสตฺตติ อาคตานิ จตุจตฺตารีสญฺจ, เตสตฺตติ ปน ปฎิสมฺภิทามเคฺค (ปฎิ. ม. ๑.๗๓ มาติกา) สุตมยาทีนิ อาคตานิ ทิสฺสนฺติ, น สํยุตฺตเกฯ อญฺญานิปีติ เอเตน ญาณวตฺถุวิภเงฺค เอกกาทิวเสน วุตฺตานิ, อญฺญตฺถ จ ‘‘ปุพฺพเนฺต ญาณ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๗๖) พฺรหฺมชาลาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๖) จ ‘‘ตยิทํ ตถาคโต ปชานาติ, อิมานิ ทิฎฺฐิฎฺฐานานิ เอวํ คหิตานี’’ติอาทินา วุตฺตานิ อเนกานิ ญาณปฺปเภทานิ สงฺคณฺหาติฯ ยาถาวปฎิเวธโต สยญฺจ อกมฺปิยํ ปุคฺคลญฺจ ตํสมงฺคิํ เนเยฺยสุ อธิพลํ กโรตีติ อาห ‘‘อกมฺปิยเฎฺฐน อุปตฺถมฺภนเฎฺฐน จา’’ติฯ

    Pakatihatthikulanti (saṃ. ni. 2.22) giricaranadīcaravanacarādippabhedā gocariyakālāvakanāmā sabbāpi balena pākatikā hatthijāti. Dasannaṃ purisānanti thāmamajjhimānaṃ dasannaṃ purisānaṃ. Ekassa tathāgatassa kāyabalanti ānetvā sambandho. Ekassāti ca tathā heṭṭhākathāyaṃ āgatattā desanāsotena vuttaṃ. Nārāyanasaṅghātabalanti ettha nārā vuccanti rasmiyo, tā bahū nānāvidhā ito uppajjantīti nārāyanaṃ, vajiraṃ, tasmā nārāyanasaṅghātabalanti vajirasaṅghātabalanti attho. Ñāṇabalaṃ pana pāḷiyaṃ āgatameva, na kāyabalaṃ viya aṭṭhakathāruḷhamevāti adhippāyo. ‘‘Saṃyuttake āgatāni tesattati ñāṇāni sattasattati ñāṇānī’’ti vuttaṃ (vibha. mūlaṭī. 760), tattha pana nidānavagge sattasattati āgatāni catucattārīsañca, tesattati pana paṭisambhidāmagge (paṭi. ma. 1.73 mātikā) sutamayādīni āgatāni dissanti, na saṃyuttake. Aññānipīti etena ñāṇavatthuvibhaṅge ekakādivasena vuttāni, aññattha ca ‘‘pubbante ñāṇa’’ntiādinā (dha. sa. 1076) brahmajālādīsu (dī. ni. 1.36) ca ‘‘tayidaṃ tathāgato pajānāti, imāni diṭṭhiṭṭhānāni evaṃ gahitānī’’tiādinā vuttāni anekāni ñāṇappabhedāni saṅgaṇhāti. Yāthāvapaṭivedhato sayañca akampiyaṃ puggalañca taṃsamaṅgiṃ neyyesu adhibalaṃ karotīti āha ‘‘akampiyaṭṭhena upatthambhanaṭṭhena cā’’ti.

    อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ, (อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๘) เสฎฺฐํ ฐานํฯ สพฺพญฺญุตปฎิชานนวเสน อภิมุขํ คจฺฉนฺติ, อฎฺฐ วา ปริสา อุปสงฺกมนฺตีติ อาสภา, ปุพฺพพุทฺธาฯ อิทํ ปนาติ พุทฺธานํ ฐานํ สพฺพญฺญุตเมว วทติฯ ติฎฺฐมาโนวาติ อวทโนฺตปิ (สํ. นิ. ฎี. ๒.๒.๒๒) ติฎฺฐมาโนว ปฎิชานาติ นามาติ อโตฺถฯ อุปคจฺฉตีติ อนุชานาติฯ

    Usabhassa idanti āsabhaṃ, (a. ni. ṭī. 2.4.8) seṭṭhaṃ ṭhānaṃ. Sabbaññutapaṭijānanavasena abhimukhaṃ gacchanti, aṭṭha vā parisā upasaṅkamantīti āsabhā, pubbabuddhā. Idaṃ panāti buddhānaṃ ṭhānaṃ sabbaññutameva vadati. Tiṭṭhamānovāti avadantopi (saṃ. ni. ṭī. 2.2.22) tiṭṭhamānova paṭijānāti nāmāti attho. Upagacchatīti anujānāti.

    อฎฺฐสุ ปริสาสูติ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อเนกสตํ ขตฺติยปริสํ…เป.… ตตฺร วต มํ ภยํ วา สารชฺชํ วา โอกฺกมิสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๑) วุตฺตาสุ อฎฺฐสุ ปริสาสุฯ อภีตนาทํ นทตีติ ปรโต ทสฺสิตญาณโยเคน ทสพโลหนฺติ อภีตนาทํ นทติฯ สีหนาทสุเตฺตน ขนฺธวเคฺค (สํ. นิ. ๓.๗๘) อาคเตนฯ

    Aṭṭhasu parisāsūti ‘‘abhijānāmi kho panāhaṃ, sāriputta, anekasataṃ khattiyaparisaṃ…pe… tatra vata maṃ bhayaṃ vā sārajjaṃ vā okkamissatīti nimittametaṃ, sāriputta, na samanupassāmī’’ti (ma. ni. 1.151) vuttāsu aṭṭhasu parisāsu. Abhītanādaṃnadatīti parato dassitañāṇayogena dasabalohanti abhītanādaṃ nadati. Sīhanādasuttena khandhavagge (saṃ. ni. 3.78) āgatena.

    ‘‘เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๑) สุตฺตเสเสน สปฺปุริสูปสฺสยาทีนํ ผลสมฺปตฺติปวตฺติ, ปุริมสปฺปุริสูปสฺสยาทิํ อุปนิสฺสาย ปจฺฉิมสปฺปุริสูปสฺสยาทีนํ สมฺปตฺติปวตฺติ วา วุตฺตาติ อาทิ-สเทฺทน ตตฺถ จ จกฺก-สทฺทสฺส คหณํ เวทิตพฺพํฯ วิจกฺกสณฺฐานา อสนิ เอว อสนิวิจกฺกํฯ อุรจกฺกาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน อาณาสมูหาทีสุปิ จกฺก-สทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพาฯ ‘‘สงฺฆเภทํ กริสฺสาม จกฺกเภท’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) หิ อาณา ‘‘จกฺก’’นฺติ วุตฺตา, ‘‘เทวจกฺกํ อสุรจกฺก’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๘) สมูโหติฯ ปฎิเวธนิฎฺฐตฺตา อรหตฺตมคฺคญาณํ ปฎิเวโธติ ‘‘ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ เตน ปฎิลทฺธสฺสปิ เทสนาญาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ ปรสฺส พุชฺฌนมเตฺตน โหตีติ ‘‘อญฺญาตโกณฺฑญฺญสฺส โสตาปตฺติ…เป.… ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ ตโต ปรํ ปน ยาว ปรินิพฺพานา เทสนาญาณปฺปวตฺติ ตเสฺสว ปวตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส ฐานนฺติ เวทิตพฺพํ ปวตฺติตจกฺกสฺส จกฺกวตฺติโน จกฺกรตนสฺส ฐานํ วิยฯ

    ‘‘Devamanussānaṃ catucakkaṃ vattatī’’ti (a. ni. 4.31) suttasesena sappurisūpassayādīnaṃ phalasampattipavatti, purimasappurisūpassayādiṃ upanissāya pacchimasappurisūpassayādīnaṃ sampattipavatti vā vuttāti ādi-saddena tattha ca cakka-saddassa gahaṇaṃ veditabbaṃ. Vicakkasaṇṭhānā asani eva asanivicakkaṃ. Uracakkādīsūti ādi-saddena āṇāsamūhādīsupi cakka-saddassa pavatti veditabbā. ‘‘Saṅghabhedaṃ karissāma cakkabheda’’ntiādīsu (pārā. 409; cūḷava. 343) hi āṇā ‘‘cakka’’nti vuttā, ‘‘devacakkaṃ asuracakka’’ntiādīsu (a. ni. ṭī. 2.4.8) samūhoti. Paṭivedhaniṭṭhattā arahattamaggañāṇaṃ paṭivedhoti ‘‘phalakkhaṇe uppannaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. Tena paṭiladdhassapi desanāñāṇassa kiccanipphatti parassa bujjhanamattena hotīti ‘‘aññātakoṇḍaññassa sotāpatti…pe… phalakkhaṇe pavattaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. Tato paraṃ pana yāva parinibbānā desanāñāṇappavatti tasseva pavattitassa dhammacakkassa ṭhānanti veditabbaṃ pavattitacakkassa cakkavattino cakkaratanassa ṭhānaṃ viya.

    ‘‘ติฎฺฐตี’’ติ วุตฺตํ, กิํ ภูมิยํ ปุริโส วิย? โนติ อาห ‘‘ตทายตฺตวุตฺติตายา’’ติฯ ฐานนฺติ เจตฺถ อตฺตลาโภ ธรมานตา จ, น คตินิวตฺตีติ อาห ‘‘อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จา’’ติ ฯ ยตฺถ ปเนตํ ทสพลญาณํ วิตฺถาริตํ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อภิธเมฺม ปนา’’ติอาทิมาหฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ

    ‘‘Tiṭṭhatī’’ti vuttaṃ, kiṃ bhūmiyaṃ puriso viya? Noti āha ‘‘tadāyattavuttitāyā’’ti. Ṭhānanti cettha attalābho dharamānatā ca, na gatinivattīti āha ‘‘uppajjati ceva pavattati cā’’ti . Yattha panetaṃ dasabalañāṇaṃ vitthāritaṃ, taṃ dassento ‘‘abhidhamme panā’’tiādimāha. Sesesupi eseva nayo.

    สมาทิยนฺตีติ สมาทานานิ, ตานิ ปน สมาทิยิตฺวา กตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘สมาทิยิตฺวา กตาน’’นฺติฯ กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานนฺติ เอเตน สมาทานสทฺทสฺส อปุพฺพตฺถาภาวํ ทเสฺสติ มุตฺตคตสเทฺท คตสทฺทสฺส วิยฯ คตีติ นิรยาทิคติโยฯ อุปธีติ อตฺตภาโวฯ กาโลติ กมฺมสฺส วิปจฺจนารหกาโลฯ ปโยโคติ วิปากุปฺปตฺติยา ปจฺจยภูตา กิริยาฯ

    Samādiyantīti samādānāni, tāni pana samādiyitvā katāni hontīti āha ‘‘samādiyitvā katāna’’nti. Kammameva vā kammasamādānanti etena samādānasaddassa apubbatthābhāvaṃ dasseti muttagatasadde gatasaddassa viya. Gatīti nirayādigatiyo. Upadhīti attabhāvo. Kāloti kammassa vipaccanārahakālo. Payogoti vipākuppattiyā paccayabhūtā kiriyā.

    อคติคามินินฺติ นิพฺพานคามินิํฯ วกฺขติ หิ ‘‘นิพฺพานญฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ นิพฺพานคามิญฺจ มคฺคํ นิพฺพานคามินิญฺจ ปฎิปท’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๕๓)ฯ พหูสุปิ มนุเสฺสสุ เอกเมว ปาณํ ฆาเตเนฺตสุ กามํ สเพฺพสํ เจตนา ตเสฺสเวกสฺส ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณา, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํฯ เตสุ (วิภ. อฎฺฐ. ๘๑๑) หิ เอโก อาทเรน ฉนฺทชาโต กโรติ, เอโก ‘‘เอหิ ตฺวมฺปิ กโรหี’’ติ ปเรหิ นิปฺปีฬิโต กโรติ, เอโก สมานจฺฉโนฺท วิย หุตฺวา อปฺปฎิพาหมาโน วิจรติฯ เตสุ เอโก เตเนว กเมฺมน นิรเย นิพฺพตฺตติ, เอโก ติรจฺฉานโยนิยํ, เอโก เปตฺติวิสเยฯ ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณ เอว – ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส ติรจฺฉานโยนิยํ, เอส เปตฺติวิสเย’’ติ ชานาติฯ นิรเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ – ‘‘เอส มหานิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส อุสฺสทนิรเย’’ติ ชานาติฯ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตมานมฺปิ – ‘‘เอส อปาทโก ภวิสฺสติ, เอส ทฺวิปาทโก, เอส จตุปฺปโท, เอส พหุปฺปโท’’ติ ชานาติฯ เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ – ‘‘เอส นิชฺฌามตณฺหิโก ภวิสฺสติ, เอส ขุปฺปิปาสิโก, เอส ปรทตฺตูปชีวี’’ติ ชานาติฯ เตสุ จ กเมฺมสุ – ‘‘อิทํ กมฺมํ ปฎิสนฺธิมากฑฺฒิสฺสติ, อิทํ อเญฺญน ทินฺนาย ปฎิสนฺธิยา อุปธิเวปกฺกํ ภวิสฺสตี’’ติ ชานาติฯ

    Agatigāmininti nibbānagāminiṃ. Vakkhati hi ‘‘nibbānañcāhaṃ, sāriputta, pajānāmi nibbānagāmiñca maggaṃ nibbānagāminiñca paṭipada’’nti (ma. ni. 1.153). Bahūsupi manussesu ekameva pāṇaṃ ghātentesu kāmaṃ sabbesaṃ cetanā tassevekassa jīvitindriyārammaṇā, taṃ pana kammaṃ tesaṃ nānākāraṃ. Tesu (vibha. aṭṭha. 811) hi eko ādarena chandajāto karoti, eko ‘‘ehi tvampi karohī’’ti parehi nippīḷito karoti, eko samānacchando viya hutvā appaṭibāhamāno vicarati. Tesu eko teneva kammena niraye nibbattati, eko tiracchānayoniyaṃ, eko pettivisaye. Taṃ tathāgato āyūhanakkhaṇe eva – ‘‘iminā nīhārena āyūhitattā esa niraye nibbattissati, esa tiracchānayoniyaṃ, esa pettivisaye’’ti jānāti. Niraye nibbattamānampi – ‘‘esa mahāniraye nibbattissati, esa ussadaniraye’’ti jānāti. Tiracchānayoniyaṃ nibbattamānampi – ‘‘esa apādako bhavissati, esa dvipādako, esa catuppado, esa bahuppado’’ti jānāti. Pettivisaye nibbattamānampi – ‘‘esa nijjhāmataṇhiko bhavissati, esa khuppipāsiko, esa paradattūpajīvī’’ti jānāti. Tesu ca kammesu – ‘‘idaṃ kammaṃ paṭisandhimākaḍḍhissati, idaṃ aññena dinnāya paṭisandhiyā upadhivepakkaṃ bhavissatī’’ti jānāti.

    ตถา สกลคามวาสิเกสุ เอกโต ปิณฺฑปาตํ ททมาเนสุ กามํ สเพฺพสมฺปิ เจตนา ปิณฺฑปาตารมฺมณาว, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํฯ เตสุ หิ เอโก อาทเรน กโรตีติ เสสํ ปุริมสทิสํ, ตสฺมา เตสุ เกจิ เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, เกจิ มนุสฺสโลเก, ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ – ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส เทวโลเก, ตตฺถาปิ เอส ขตฺติยกุเล, เอส พฺราหฺมณกุเล, เอส เวสฺสกุเล, เอส สุทฺทกุเล, เอส ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ, เอส นิมฺมานรตีสุ, เอส ตุสิเตสุ, เอส ยาเมสุ, เอส ตาวติํเสสุ, เอส จาตุมหาราชิเกสุ, เอส ภุมฺมเทเวสู’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ หีนปณีตสุวณฺณทุพฺพณฺณอปฺปปริวารมหาปริวารตาทิเภทํ ตํ ตํ วิเสสํ อายูหนกฺขเณเยว ชานาติฯ

    Tathā sakalagāmavāsikesu ekato piṇḍapātaṃ dadamānesu kāmaṃ sabbesampi cetanā piṇḍapātārammaṇāva, taṃ pana kammaṃ tesaṃ nānākāraṃ. Tesu hi eko ādarena karotīti sesaṃ purimasadisaṃ, tasmā tesu keci devaloke nibbattanti, keci manussaloke, taṃ tathāgato āyūhanakkhaṇeyeva jānāti – ‘‘iminā nīhārena āyūhitattā esa manussaloke nibbattissati, esa devaloke, tatthāpi esa khattiyakule, esa brāhmaṇakule, esa vessakule, esa suddakule, esa paranimmitavasavattīsu, esa nimmānaratīsu, esa tusitesu, esa yāmesu, esa tāvatiṃsesu, esa cātumahārājikesu, esa bhummadevesū’’tiādinā tattha tattha hīnapaṇītasuvaṇṇadubbaṇṇaappaparivāramahāparivāratādibhedaṃ taṃ taṃ visesaṃ āyūhanakkhaṇeyeva jānāti.

    ตถา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปเนฺตสุเยว – ‘‘อิมินา นีหาเรน เอส กิญฺจิ สลฺลเกฺขตุํ น สกฺขิสฺสติ, เอส มหาภูตมตฺตเมว ววตฺถเปสฺสติ, เอส รูปปริคฺคเหเยว ฐสฺสติ, เอส อรูปปริคฺคเหเยว, เอส นามรูปปริคฺคเหเยว , เอส ปจฺจยปริคฺคเห เอว, เอส ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย เอว, เอส ปฐมผเลเยว, เอส ทุติยผเล เอว, เอส ตติยผเล เอว, เอส อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ชานาติฯ กสิณปริกมฺมํ กโรเนฺตสุปิ – ‘‘อิมสฺส ปริกมฺมมตฺตเมว ภวิสฺสติ, เอส นิมิตฺตํ อุปฺปาเทสฺสติ, เอส อปฺปนํ เอว ปาปุณิสฺสติ, เอส ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ชานาติฯ เตนาห ‘‘อิมสฺส เจตนา’’ติอาทิฯ

    Tathā vipassanaṃ paṭṭhapentesuyeva – ‘‘iminā nīhārena esa kiñci sallakkhetuṃ na sakkhissati, esa mahābhūtamattameva vavatthapessati, esa rūpapariggaheyeva ṭhassati, esa arūpapariggaheyeva, esa nāmarūpapariggaheyeva , esa paccayapariggahe eva, esa lakkhaṇārammaṇikavipassanāya eva, esa paṭhamaphaleyeva, esa dutiyaphale eva, esa tatiyaphale eva, esa arahattaṃ pāpuṇissatī’’ti jānāti. Kasiṇaparikammaṃ karontesupi – ‘‘imassa parikammamattameva bhavissati, esa nimittaṃ uppādessati, esa appanaṃ eva pāpuṇissati, esa jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā arahattaṃ gaṇhissatī’’ti jānāti. Tenāha ‘‘imassa cetanā’’tiādi.

    กามนโต, กาเมตพฺพโต, กามปฎิสํยุตฺตโต จ กาโม ธาตุ กามธาตุฯ อาทิ-สเทฺทน พฺยาปาทธาตุ-รูปธาตุ-อาทีนํ สงฺคโหฯ วิลกฺขณตายาติ วิสทิสสภาวตายฯ ขนฺธายตนธาตุโลกนฺติ อเนกธาตุํ นานาธาตุํ ขนฺธโลกํ อายตนโลกํ ธาตุโลกํ ยถาภูตํ ปชานาตีติ โยชนาฯ ‘‘อยํ รูปกฺขโนฺธ นาม…เป.… อยํ วิญฺญาณกฺขโนฺธ นามฯ เตสุปิ เอกวิเธน รูปกฺขโนฺธ, เอกาทสวิเธน รูปกฺขโนฺธ (วิภ. ๓๓)ฯ เอกวิเธน เวทนากฺขโนฺธ, พหุวิเธน เวทนากฺขโนฺธ (วิภ. ๓๔-๖๑)ฯ เอกวิเธน สญฺญากฺขโนฺธ, พหุวิเธน สญฺญากฺขโนฺธ (วิภ. ๖๒-๙๑)ฯ เอกวิเธน สงฺขารกฺขโนฺธ, พหุวิเธน สงฺขารกฺขโนฺธ (วิภ. ๙๒-๑๒๐)ฯ เอกวิเธน วิญฺญาณกฺขโนฺธ, พหุวิเธน วิญฺญาณกฺขโนฺธ’’ติ (วิภ. ๑๒๑-๑๔๙) เอวํ ตาว ขนฺธโลกสฺส, ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป.… อิทํ ธมฺมายตนํ นามฯ ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, เทฺว จาตุภูมกา’’ติอาทินา (วิภ. ๑๕๖-๑๗๑) อายตนโลกสฺส, ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป.… อยํ มโนวิญฺญาณธาตุ นาม, ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, เทฺว จาตุภูมกา’’ติอาทินา (วิภ. ๑๗๒-๑๘๘) ธาตุโลกสฺส อเนกสภาวํ นานาสภาวญฺจ ปชานาติฯ น เกวลํ อุปาทินฺนกสงฺขารโลกเสฺสว, อถ โข อนุปาทินฺนกสงฺขารโลกสฺสปิ – ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺส รุกฺขสฺส ขโนฺธ เสโต, อิมสฺส กาโฬ, อิมสฺส มโฎฺฐ, อิมสฺส สกณฺฎโก, อิมสฺส พหลตฺตโจ, อิมสฺส ตนุตฺตโจ, อิมสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺฐานาทิวเสน เอวรูปํ, อิมสฺส ปุปฺผํ นีลํ ปีตํ โลหิตํ โอทาตํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ, อิมสฺส ผลํ ขุทฺทกํ มหนฺตํ ทีฆํ รสฺสํ วฎฺฎํ สุสณฺฐานํ ทุสฺสณฺฐานํ มุทุกํ ผรุสํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ มธุรํ ติตฺตกํ กฎุกํ อมฺพิลํ กสาวํ, อิมสฺส กณฺฎโก ติขิโณ กุโณฺฐ อุชุโก กุฎิโล ตโมฺพ กาโฬ โอทาโต โหตี’’ติอาทินา ปชานาติฯ สพฺพญฺญุพุทฺธาทีนํ เอว หิ เอตํ พลํ, น อเญฺญสํฯ

    Kāmanato, kāmetabbato, kāmapaṭisaṃyuttato ca kāmo dhātu kāmadhātu. Ādi-saddena byāpādadhātu-rūpadhātu-ādīnaṃ saṅgaho. Vilakkhaṇatāyāti visadisasabhāvatāya. Khandhāyatanadhātulokanti anekadhātuṃ nānādhātuṃ khandhalokaṃ āyatanalokaṃ dhātulokaṃ yathābhūtaṃ pajānātīti yojanā. ‘‘Ayaṃ rūpakkhandho nāma…pe… ayaṃ viññāṇakkhandho nāma. Tesupi ekavidhena rūpakkhandho, ekādasavidhena rūpakkhandho (vibha. 33). Ekavidhena vedanākkhandho, bahuvidhena vedanākkhandho (vibha. 34-61). Ekavidhena saññākkhandho, bahuvidhena saññākkhandho (vibha. 62-91). Ekavidhena saṅkhārakkhandho, bahuvidhena saṅkhārakkhandho (vibha. 92-120). Ekavidhena viññāṇakkhandho, bahuvidhena viññāṇakkhandho’’ti (vibha. 121-149) evaṃ tāva khandhalokassa, ‘‘idaṃ cakkhāyatanaṃ nāma…pe… idaṃ dhammāyatanaṃ nāma. Tattha dasāyatanā kāmāvacarā, dve cātubhūmakā’’tiādinā (vibha. 156-171) āyatanalokassa, ‘‘ayaṃ cakkhudhātu nāma…pe… ayaṃ manoviññāṇadhātu nāma, tattha soḷasa dhātuyo kāmāvacarā, dve cātubhūmakā’’tiādinā (vibha. 172-188) dhātulokassa anekasabhāvaṃ nānāsabhāvañca pajānāti. Na kevalaṃ upādinnakasaṅkhāralokasseva, atha kho anupādinnakasaṅkhāralokassapi – ‘‘imāya nāma dhātuyā ussannattā imassa rukkhassa khandho seto, imassa kāḷo, imassa maṭṭho, imassa sakaṇṭako, imassa bahalattaco, imassa tanuttaco, imassa pattaṃ vaṇṇasaṇṭhānādivasena evarūpaṃ, imassa pupphaṃ nīlaṃ pītaṃ lohitaṃ odātaṃ sugandhaṃ duggandhaṃ, imassa phalaṃ khuddakaṃ mahantaṃ dīghaṃ rassaṃ vaṭṭaṃ susaṇṭhānaṃ dussaṇṭhānaṃ mudukaṃ pharusaṃ sugandhaṃ duggandhaṃ madhuraṃ tittakaṃ kaṭukaṃ ambilaṃ kasāvaṃ, imassa kaṇṭako tikhiṇo kuṇṭho ujuko kuṭilo tambo kāḷo odāto hotī’’tiādinā pajānāti. Sabbaññubuddhādīnaṃ eva hi etaṃ balaṃ, na aññesaṃ.

    นานาธิมุตฺติกตนฺติ นานาอชฺฌาสยตํฯ อธิมุตฺติ นาม อชฺฌาสยธาตุ อชฺฌาสยสภาโวฯ โส ปน หีนปณีตตาสามเญฺญน ปาฬิยํ ทฺวิธาว วุโตฺตปิ หีนปณีตาทิเภเทน อเนกวิโธติ อาห ‘‘หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาว’’นฺติฯ ตตฺถ ตตฺถ เย เย สตฺตา ยํยํอธิมุตฺติกา, เต เต ตํตทธิมุตฺติเก เอว เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺติ ธาตุสภาคโตฯ ยถา คูถาทีนํ ธาตุสภาโว เอโส, ยํ คูถาทีหิ เอว สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, เอวํ (ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยเสฺสเวส สภาโว, ยํ) (วิภ. มูลฎี. ๘๑๓) หีนชฺฌาสยา ทุสฺสีลาทีหิ เอว สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, สมฺปนฺนสีลาทโย จ สมฺปนฺนสีลาทีเหวฯ ตํ เนสํ นานาธิมุตฺติกตํ ภควา ยถาภูตํ ปชานาตีติฯ

    Nānādhimuttikatanti nānāajjhāsayataṃ. Adhimutti nāma ajjhāsayadhātu ajjhāsayasabhāvo. So pana hīnapaṇītatāsāmaññena pāḷiyaṃ dvidhāva vuttopi hīnapaṇītādibhedena anekavidhoti āha ‘‘hīnādīhi adhimuttīhi nānādhimuttikabhāva’’nti. Tattha tattha ye ye sattā yaṃyaṃadhimuttikā, te te taṃtadadhimuttike eva sevanti bhajanti payirupāsanti dhātusabhāgato. Yathā gūthādīnaṃ dhātusabhāvo eso, yaṃ gūthādīhi eva saṃsandanti samenti, evaṃ (puggalānaṃ ajjhāsayassevesa sabhāvo, yaṃ) (vibha. mūlaṭī. 813) hīnajjhāsayā dussīlādīhi eva saṃsandanti samenti, sampannasīlādayo ca sampannasīlādīheva. Taṃ nesaṃ nānādhimuttikataṃ bhagavā yathābhūtaṃ pajānātīti.

    วุทฺธิญฺจ หานิญฺจาติ ปจฺจยวิเสเสน สามตฺถิยโต อธิกตํ อนธิกตญฺจฯ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตญาณนิเทฺทเส (วิภ. ๘๑๔; ปฎิ. ม. ๑.๑๑๓) ‘‘อาสยํ ชานาติ อนุสยํ ชานาตี’’ติ อาสยาทิชานนํ กสฺมา นิทฺทิฎฺฐนฺติ? อาสยชานนาทินา เยหิ อินฺทฺริเยหิ ปโรปเรหิ สตฺตา กลฺยาณปาปาสยาทิกา โหนฺติ, เตสํ ชานนสฺส วิภาวนโตฯ เอวญฺจ กตฺวา อินฺทฺริยปโรปริยตฺตอาสยานุสยญาณานํ วิสุํ อสาธารณตา, อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนานาธิมุตฺติกตาญาณานํ วิสุํ พลตา จ สิทฺธา โหติฯ ตตฺถ อาสยนฺติ ยตฺถ สตฺตา นิวสนฺติ, ตํ เตสํ นิวาสฎฺฐานํ ทิฎฺฐิคตํ วา ยถาภูตญาณํ วา อาสโยฯ อนุสโย อปฺปหีนภาเวน ถามคโต กิเลโสฯ ตํ ปน ภควา สตฺตานํ อาสยํ ชานโนฺต เตสํ เตสํ ทิฎฺฐิคตานํ, วิปสฺสนามคฺคญาณานญฺจ อปฺปวตฺติกฺขเณปิ ชานาติฯ วุตฺตํ เหตํ –

    Vuddhiñca hāniñcāti paccayavisesena sāmatthiyato adhikataṃ anadhikatañca. Indriyaparopariyattañāṇaniddese (vibha. 814; paṭi. ma. 1.113) ‘‘āsayaṃ jānāti anusayaṃ jānātī’’ti āsayādijānanaṃ kasmā niddiṭṭhanti? Āsayajānanādinā yehi indriyehi paroparehi sattā kalyāṇapāpāsayādikā honti, tesaṃ jānanassa vibhāvanato. Evañca katvā indriyaparopariyattaāsayānusayañāṇānaṃ visuṃ asādhāraṇatā, indriyaparopariyattanānādhimuttikatāñāṇānaṃ visuṃ balatā ca siddhā hoti. Tattha āsayanti yattha sattā nivasanti, taṃ tesaṃ nivāsaṭṭhānaṃ diṭṭhigataṃ vā yathābhūtañāṇaṃ vā āsayo.Anusayo appahīnabhāvena thāmagato kileso. Taṃ pana bhagavā sattānaṃ āsayaṃ jānanto tesaṃ tesaṃ diṭṭhigatānaṃ, vipassanāmaggañāṇānañca appavattikkhaṇepi jānāti. Vuttaṃ hetaṃ –

    ‘‘กามํ เสวนฺตํเยว ภควา ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล กามครุโก กามาสโย กามาธิมุโตฺต’ติฯ กามํ เสวนฺตเญฺญว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล เนกฺขมฺมครุโก เนกฺขมฺมาสโย เนกฺขมฺมาธิมุโตฺต’ติฯ เนกฺขมฺมํ เสวนฺตเญฺญว ชานาติฯ พฺยาปาทํ, อพฺยาปาทํ, ถินมิทฺธํ, อาโลกสญฺญํ เสวนฺตํเยว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล ถินมิทฺธครุโก ถินมิทฺธาสโย ถินมิทฺธาธิมุโตฺต’ติ’’ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๓)ฯ

    ‘‘Kāmaṃ sevantaṃyeva bhagavā jānāti ‘ayaṃ puggalo kāmagaruko kāmāsayo kāmādhimutto’ti. Kāmaṃ sevantaññeva jānāti ‘ayaṃ puggalo nekkhammagaruko nekkhammāsayo nekkhammādhimutto’ti. Nekkhammaṃ sevantaññeva jānāti. Byāpādaṃ, abyāpādaṃ, thinamiddhaṃ, ālokasaññaṃ sevantaṃyeva jānāti ‘ayaṃ puggalo thinamiddhagaruko thinamiddhāsayo thinamiddhādhimutto’ti’’ (paṭi. ma. 1.113).

    ปฐมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานนฺติ รูปาวจรานํ ปฐมาทีนํ ปจฺจนีกฌาปนเฎฺฐน อารมฺมณูปนิชฺฌานเฎฺฐน จ ฌานานํฯ จตุกฺกนเยน เหตํ วุตฺตํฯ อฎฺฐนฺนํ วิโมกฺขานนฺติ เอตฺถ ปฎิปาฎิยา สตฺต อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ ปจฺจนีกธเมฺมหิ วิมุจฺจนโต อารมฺมเณ จ อธิมุจฺจนโต วิโมกฺขา นาม, อฎฺฐโม ปน สพฺพโส สญฺญาเวทยิเตหิ วิมุตฺตตฺตา อปคมวิโมโกฺข นามฯ จตุกฺกนยปญฺจกนเยสุ ปฐมฌานสมาธิ สวิตกฺกสวิจาโร นาม, ปญฺจกนเย ทุติยชฺฌานสมาธิ อวิตกฺกวิจารมโตฺต, นยทฺวเยปิ อุปริ ตีสุ ฌาเนสุ สมาธิ อวิตกฺกอวิจาโร, สมาปตฺตีสุ ปฎิปาฎิยา อฎฺฐนฺนํ สมาธีติปิ นามํ, สมาปตฺตีติปิ จิเตฺตกคฺคตาสพฺภาวโต, นิโรธสมาปตฺติยา ตทภาวโต น สมาธีติ นามํฯ หานภาคิยธมฺมนฺติ อปฺปคุเณหิ ปฐมชฺฌานาทีหิ วุฎฺฐิตสฺส สญฺญามนสิการานํ กามาทิอนุปกฺขนฺทนํฯ วิเสสภาคิยธมฺมนฺติ ปคุเณหิ ปฐมชฺฌานาทีหิ วุฎฺฐิตสฺส สญฺญามนสิการานํ ทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนํฯ อิติ สญฺญามนสิการานํ กามาทิทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนานิ หานภาคิยวิเสสภาคิยธมฺมาติ ทสฺสิตานิ, เตหิ ปน ฌานานํ ตํสภาวตา ธมฺม-สเทฺทน วุตฺตาฯ ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติฯ โวทานนฺติ ปคุณตาสงฺขาตํ โวทานํฯ ตญฺหิ ปฐมชฺฌานาทีหิ วุฎฺฐหิตฺวา ทุติยชฺฌานาทิอธิคมสฺส ปจฺจยตฺตา ‘‘วุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ เย (อ. นิ. ฎี. ๓.๑๐.๒๑) ปน ‘‘นิโรธโต ผลสมาปตฺติยา วุฎฺฐานนฺติ ปาฬิ นตฺถี’’ติ วทนฺติ, เต ‘‘นิโรธา วุฎฺฐหนฺตสฺส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ อิมาย ปาฬิยา (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๑๗) ปฎิเสเธตพฺพาฯ โย สมาปตฺติลาภี สมาโน เอว ‘‘น ลภามห’’นฺติ, กมฺมฎฺฐานํ สมานํ เอว ‘‘น กมฺมฎฺฐาน’’นฺติ สญฺญี โหติ, โส สมฺปตฺติํเยว สมานํ ‘‘วิปตฺตี’’ติ ปเจฺจตีติ เวทิตโพฺพฯ

    Paṭhamādīnaṃ catunnaṃ jhānānanti rūpāvacarānaṃ paṭhamādīnaṃ paccanīkajhāpanaṭṭhena ārammaṇūpanijjhānaṭṭhena ca jhānānaṃ. Catukkanayena hetaṃ vuttaṃ. Aṭṭhannaṃ vimokkhānanti ettha paṭipāṭiyā satta appitappitakkhaṇe paccanīkadhammehi vimuccanato ārammaṇe ca adhimuccanato vimokkhā nāma, aṭṭhamo pana sabbaso saññāvedayitehi vimuttattā apagamavimokkho nāma. Catukkanayapañcakanayesu paṭhamajhānasamādhi savitakkasavicāro nāma, pañcakanaye dutiyajjhānasamādhi avitakkavicāramatto, nayadvayepi upari tīsu jhānesu samādhi avitakkaavicāro, samāpattīsu paṭipāṭiyā aṭṭhannaṃ samādhītipi nāmaṃ, samāpattītipi cittekaggatāsabbhāvato, nirodhasamāpattiyā tadabhāvato na samādhīti nāmaṃ. Hānabhāgiyadhammanti appaguṇehi paṭhamajjhānādīhi vuṭṭhitassa saññāmanasikārānaṃ kāmādianupakkhandanaṃ. Visesabhāgiyadhammanti paguṇehi paṭhamajjhānādīhi vuṭṭhitassa saññāmanasikārānaṃ dutiyajjhānādipakkhandanaṃ. Iti saññāmanasikārānaṃ kāmādidutiyajjhānādipakkhandanāni hānabhāgiyavisesabhāgiyadhammāti dassitāni, tehi pana jhānānaṃ taṃsabhāvatā dhamma-saddena vuttā. Tasmāti vuttamevatthaṃ hetubhāvena paccāmasati. Vodānanti paguṇatāsaṅkhātaṃ vodānaṃ. Tañhi paṭhamajjhānādīhi vuṭṭhahitvā dutiyajjhānādiadhigamassa paccayattā ‘‘vuṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Ye (a. ni. ṭī. 3.10.21) pana ‘‘nirodhato phalasamāpattiyā vuṭṭhānanti pāḷi natthī’’ti vadanti, te ‘‘nirodhā vuṭṭhahantassa nevasaññānāsaññāyatanaṃ phalasamāpattiyā anantarapaccayena paccayo’’ti imāya pāḷiyā (paṭṭhā. 1.1.417) paṭisedhetabbā. Yo samāpattilābhī samāno eva ‘‘na labhāmaha’’nti, kammaṭṭhānaṃ samānaṃ eva ‘‘na kammaṭṭhāna’’nti saññī hoti, so sampattiṃyeva samānaṃ ‘‘vipattī’’ti paccetīti veditabbo.

    ๑๔๙. อปฺปนนฺติ นิคมนํฯ น ตถา ทฎฺฐพฺพนฺติ ยถา ปรวาทินา วุตฺตํ, ตถา น ทฎฺฐพฺพํฯ สกสกกิจฺจเมว ชานาตีติ ฐานาฎฺฐานชานนาทิํ สกํ สกํเยว กิจฺจํ กาตุํ ชานาติ, ยถาสกเมว วิสยํ ปฎิวิชฺฌตีติ อโตฺถฯ ตมฺปีติ เตหิ ทสพลญาเณหิ ชานิตพฺพมฺปิฯ กมฺมนฺตรวิปากนฺตรเมวาติ กมฺมนฺตรสฺสวิปากนฺตรเมว ชานาติ, เจตนาเจตนาสมฺปยุตฺตธเมฺม นิรยาทินิพฺพานคามินิปฎิปทาภูเต กมฺมนฺติ คเหตฺวา อาห ‘‘กมฺมปริเจฺฉทเมวา’’ติฯ ธาตุนานตฺตญฺจ ธาตุนานตฺตการณญฺจ ธาตุนานตฺตการณนฺติ เอกเทสสรูเปกเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ ตญฺหิ ญาณํ ตทุภยมฺปิ ชานาติ, ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา’’ติอาทินา (วิภ. อฎฺฐ. ๘๑๒) ตถา เจว สํวณฺณิตํฯ สจฺจปริเจฺฉทเมวาติ ปริญฺญาภิสมยาทิวเสน สจฺจานํ ปริจฺฉินฺทนเมวฯ อเปฺปตุํ น สโกฺกติ อฎฺฐมนวมพลานิ วิย ตํสทิสํ อิทฺธิวิธญาณํ วิย วิกุพฺพิตุํฯ เอเตนสฺส พลสทิสตญฺจ นิวาเรติฯ ฌานาทิญาณํ วิย วา อเปฺปตุํ วิกุพฺพิตุญฺจฯ ยทิปิ หิ ‘‘ฌานาทิปจฺจเวกฺขณาญาณํ สตฺตมพล’’นฺติ ตสฺส สวิตกฺกสวิจารตา วุตฺตา, ตถาปิ ‘‘ฌานาทีหิ วินา ปจฺจเวกฺขณา นตฺถี’’ติ ฌานาทิสหคตํ ญาณํ ตทโนฺตคธํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อถ วา สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ฌานาทิกิจฺจํ วิย น สพฺพํ พลกิจฺจํ กาตุํ สโกฺกตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ฌานํ หุตฺวา อเปฺปตุํ น สโกฺกติ อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุํ น สโกฺกตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน กสฺสจิ พลสฺส ฌานอิทฺธิภาวโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอวํ กิจฺจวิเสสวเสนปิ ทสพลญาณสพฺพญฺญุตญฺญาณานํ วิเสสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิตกฺกตฺติกภูมนฺตรวเสนปิ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปฎิปาฎิยาติอาทิโต ปฎฺฐาย ปฎิปาฎิยาฯ

    149.Appananti nigamanaṃ. Na tathā daṭṭhabbanti yathā paravādinā vuttaṃ, tathā na daṭṭhabbaṃ. Sakasakakiccameva jānātīti ṭhānāṭṭhānajānanādiṃ sakaṃ sakaṃyeva kiccaṃ kātuṃ jānāti, yathāsakameva visayaṃ paṭivijjhatīti attho. Tampīti tehi dasabalañāṇehi jānitabbampi. Kammantaravipākantaramevāti kammantarassavipākantarameva jānāti, cetanācetanāsampayuttadhamme nirayādinibbānagāminipaṭipadābhūte kammanti gahetvā āha ‘‘kammaparicchedamevā’’ti. Dhātunānattañca dhātunānattakāraṇañca dhātunānattakāraṇanti ekadesasarūpekaseso daṭṭhabbo. Tañhi ñāṇaṃ tadubhayampi jānāti, ‘‘imāya nāma dhātuyā ussannattā’’tiādinā (vibha. aṭṭha. 812) tathā ceva saṃvaṇṇitaṃ. Saccaparicchedamevāti pariññābhisamayādivasena saccānaṃ paricchindanameva. Appetuṃ na sakkoti aṭṭhamanavamabalāni viya taṃsadisaṃ iddhividhañāṇaṃ viya vikubbituṃ. Etenassa balasadisatañca nivāreti. Jhānādiñāṇaṃ viya vā appetuṃ vikubbituñca. Yadipi hi ‘‘jhānādipaccavekkhaṇāñāṇaṃ sattamabala’’nti tassa savitakkasavicāratā vuttā, tathāpi ‘‘jhānādīhi vinā paccavekkhaṇā natthī’’ti jhānādisahagataṃ ñāṇaṃ tadantogadhaṃ katvā evaṃ vuttanti veditabbaṃ. Atha vā sabbaññutaññāṇaṃ jhānādikiccaṃ viya na sabbaṃ balakiccaṃ kātuṃ sakkotīti dassetuṃ ‘‘jhānaṃ hutvā appetuṃ na sakkoti iddhi hutvā vikubbituṃ na sakkotī’’ti vuttaṃ, na pana kassaci balassa jhānaiddhibhāvatoti daṭṭhabbaṃ. Evaṃ kiccavisesavasenapi dasabalañāṇasabbaññutaññāṇānaṃ visesaṃ dassetvā idāni vitakkattikabhūmantaravasenapi taṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Paṭipāṭiyātiādito paṭṭhāya paṭipāṭiyā.

    อนุปทวณฺณนํ กตฺวา เวทิตพฺพานีติ สมฺพโนฺธฯ กิเลสาวรณํ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิ, กิเลสาวรณสฺส อภาโว อาสวกฺขยาธิคมสฺส ฐานํ, ตพฺภาโว อฎฺฐานํ, อนธิคมสฺส ปน ตทุภยํ ยถากฺกมํ อฎฺฐานญฺจ ฐานญฺจาติ ตตฺถ การณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โลกิย…เป.… ทสฺสนโต จา’’ติ อาหฯ ตตฺถ โลกิยสมฺมาทิฎฺฐิยา ฐิติ อาสวกฺขยาธิคมสฺส ฐานํ กิเลสาวรณาภาวสฺส การณตฺตาฯ สา หิ ตสฺมิํ สติ น โหติ, อสติ จ โหติฯ เอเตน ตสฺสา อฎฺฐิติยา ตสฺส อฎฺฐานตา วุตฺตา เอวฯ เนสํ เวเนยฺยสตฺตานํฯ ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตติ กามธาตุอาทีนํ ปวตฺติเภททสฺสนโตฯ ยทเคฺคน ธาตุเวมตฺตํ ชานาติ, ตทเคฺคน จริยาวิเสสมฺปิ ชานาติฯ ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตติ วา ธมฺมธาตุเวมตฺตทสฺสนโตฯ สพฺพาปิ หิ จริยา ธมฺมธาตุปริยาปนฺนา เอวาติฯ ปโยคํ อนาทิยิตฺวาปิ สนฺตติมหามตฺตาทีนํ (ธ. ป. ๑๔๒) วิยฯ ทิพฺพจกฺขุญาณานุภาวโต ปตฺตเพฺพนาติ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุนา ปรสฺส หทยวตฺถุสนฺนิสฺสยโลหิตวณฺณทสฺสนมุเขน ตทา ปวตฺตมานจิตฺตชานนตฺถํ ปริกมฺมกรณํ นาม สาวกานํ, ตญฺจ โข อาทิกมฺมิกานํ, ยโต ทิพฺพจกฺขุอานุภาวโต เจโตปริยญาณสฺส ปตฺตพฺพตา สิยา, พุทฺธานํ ปน ยทิปิ อาสวกฺขยญาณาธิคมโต ปเคว ทิพฺพจกฺขุญาณาธิคโม, ตถาปิ ตถา ปริกมฺมกรณํ นตฺถิ วิชฺชาตฺตยสิทฺธิยา สิชฺฌนโตฯ เสสาภิญฺญาตฺตเย เจโตปริยญาณํ ทิพฺพจกฺขุญาณาธิคเมน ปตฺตนฺติ จ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ ตถา วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Anupadavaṇṇanaṃ katvā veditabbānīti sambandho. Kilesāvaraṇaṃ niyatamicchādiṭṭhi, kilesāvaraṇassa abhāvo āsavakkhayādhigamassa ṭhānaṃ, tabbhāvo aṭṭhānaṃ, anadhigamassa pana tadubhayaṃ yathākkamaṃ aṭṭhānañca ṭhānañcāti tattha kāraṇaṃ dassento ‘‘lokiya…pe… dassanato cā’’ti āha. Tattha lokiyasammādiṭṭhiyā ṭhiti āsavakkhayādhigamassa ṭhānaṃ kilesāvaraṇābhāvassa kāraṇattā. Sā hi tasmiṃ sati na hoti, asati ca hoti. Etena tassā aṭṭhitiyā tassa aṭṭhānatā vuttā eva. Nesaṃ veneyyasattānaṃ. Dhātuvemattadassanatoti kāmadhātuādīnaṃ pavattibhedadassanato. Yadaggena dhātuvemattaṃ jānāti, tadaggena cariyāvisesampi jānāti. Dhātuvemattadassanatoti vā dhammadhātuvemattadassanato. Sabbāpi hi cariyā dhammadhātupariyāpannā evāti. Payogaṃ anādiyitvāpi santatimahāmattādīnaṃ (dha. pa. 142) viya. Dibbacakkhuñāṇānubhāvato pattabbenāti ettha dibbacakkhunā parassa hadayavatthusannissayalohitavaṇṇadassanamukhena tadā pavattamānacittajānanatthaṃ parikammakaraṇaṃ nāma sāvakānaṃ, tañca kho ādikammikānaṃ, yato dibbacakkhuānubhāvato cetopariyañāṇassa pattabbatā siyā, buddhānaṃ pana yadipi āsavakkhayañāṇādhigamato pageva dibbacakkhuñāṇādhigamo, tathāpi tathā parikammakaraṇaṃ natthi vijjāttayasiddhiyā sijjhanato. Sesābhiññāttaye cetopariyañāṇaṃ dibbacakkhuñāṇādhigamena pattanti ca vattabbataṃ labhatīti tathā vuttanti daṭṭhabbaṃ.

    ปุน เอวรูปิํ วาจํ น วกฺขามีติ จิตฺตํ อุปฺปาเทโนฺต ตํ วาจํ ปชหติ นามฯ วาจาย ปน โส อโตฺถ ปากโฎ โหตีติ ‘‘วทโนฺต’’ติ วุตฺตํฯ ทิฎฺฐิํ น คณฺหิสฺสามีติ ทิฎฺฐิคฺคาหปฎิเกฺขโปฯ ทิฎฺฐิยา อนุปฺปาทนํ ปชหนเมวาติ อาห ‘‘ปชหโนฺต’’ติฯ โส อริยูปวาที นิรเย ฐปิโตเยว, นาสฺส นิรยูปปตฺติยา โกจิ วิพโนฺธ เอกํสิโก อยมโตฺถติ อธิปฺปาโยฯ

    Puna evarūpiṃ vācaṃ na vakkhāmīti cittaṃ uppādento taṃ vācaṃ pajahati nāma. Vācāya pana so attho pākaṭo hotīti ‘‘vadanto’’ti vuttaṃ. Diṭṭhiṃ na gaṇhissāmīti diṭṭhiggāhapaṭikkhepo. Diṭṭhiyā anuppādanaṃ pajahanamevāti āha ‘‘pajahanto’’ti. So ariyūpavādī niraye ṭhapitoyeva, nāssa nirayūpapattiyā koci vibandho ekaṃsiko ayamatthoti adhippāyo.

    อสฺสาติ เอกํสิกภาวสฺสฯ สิกฺขาหิ สีลสมาธิปญฺญาหิ, ตทตฺถาย วิปสฺสนาย จ วินา อญฺญาราธนสฺส อสมฺภวโต ‘‘โลกิยโลกุตฺตรา สีลสมาธิปญฺญา เวทิตพฺพา’’ติ วตฺวา ปุน อาสนฺนตเร สีลาทิเก ทเสฺสโนฺต ‘‘โลกุตฺตรวเสเนว วินิวเตฺตตุมฺปิ วฎฺฎตี’’ติ อาห, ตสฺมา อคฺคมคฺคปริยาปนฺนา สีลาทโย เวทิตพฺพาฯ อคฺคมคฺคฎฺฐสฺส หิ ทิเฎฺฐว ธเมฺม เอกํสิกา อญฺญาราธนา, อิตเรสํ อเนกํสิกาติฯ สมฺปชฺชนํ สมฺปทา, นิปฺผตฺตีติ อโตฺถ, ตสฺมา เอวํสมฺปทนฺติ เอวํอวิรชฺฌนกนิปฺผตฺติกนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เตนาห ‘‘อิมมฺปิ การณ’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ การณนฺติ ยุตฺติฯ ตตฺรายํ ยุตฺตินิทฺธารณา ‘‘นิรยูปโค อริยูปวาที ตทาทายสฺส อวิชฺชมานโต เสยฺยถาปิ มิจฺฉาทิฎฺฐี’’ติฯ เอตฺถ จ ‘‘ตํ วาจํ อปฺปหายา’’ติอาทิวจเนน ตทาทายสฺส อปฺปหาเนน จ อริยูปวาโท อนฺตรายิโก อนตฺถาวโห จ, ปหาเนน ปน อจฺจยํ เทเสตฺวา ขมาปเนน อนนฺตรายิโก อตฺถาวโห จ ยถา ตํ วุฎฺฐิตา เทสิตา จ อาปตฺตีติ ทเสฺสติฯ

    Assāti ekaṃsikabhāvassa. Sikkhāhi sīlasamādhipaññāhi, tadatthāya vipassanāya ca vinā aññārādhanassa asambhavato ‘‘lokiyalokuttarā sīlasamādhipaññā veditabbā’’ti vatvā puna āsannatare sīlādike dassento ‘‘lokuttaravaseneva vinivattetumpi vaṭṭatī’’ti āha, tasmā aggamaggapariyāpannā sīlādayo veditabbā. Aggamaggaṭṭhassa hi diṭṭheva dhamme ekaṃsikā aññārādhanā, itaresaṃ anekaṃsikāti. Sampajjanaṃ sampadā, nipphattīti attho, tasmā evaṃsampadanti evaṃavirajjhanakanipphattikanti vuttaṃ hoti. Tenāha ‘‘imampi kāraṇa’’ntiādi. Tattha kāraṇanti yutti. Tatrāyaṃ yuttiniddhāraṇā ‘‘nirayūpago ariyūpavādī tadādāyassa avijjamānato seyyathāpi micchādiṭṭhī’’ti. Ettha ca ‘‘taṃ vācaṃ appahāyā’’tiādivacanena tadādāyassa appahānena ca ariyūpavādo antarāyiko anatthāvaho ca, pahānena pana accayaṃ desetvā khamāpanena anantarāyiko atthāvaho ca yathā taṃ vuṭṭhitā desitā ca āpattīti dasseti.

    ทสพลญาณวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dasabalañāṇavaṇṇanā niṭṭhitā.

    จตุเวสารชฺชญาณวณฺณนา

    Catuvesārajjañāṇavaṇṇanā

    ๑๕๐. พฺยาโมหภยวเสน (อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๘) สรณปริเยสนํ สารชฺชนํ สารโท, พฺยาโมหภยํ, วิคโต สารโท เอตสฺสาติ วิสารโท, ตสฺส ภาโว เวสารชฺชํฯ ตํ ปน ญาณสมฺปทํ ปหานสมฺปทํ เทสนาวิเสสสมฺปทํ เขมํ นิสฺสาย ปวตฺตํ จตุพฺพิธํ ปจฺจเวกฺขณญาณํฯ เตนาห ‘‘จตูสุ ฐาเนสู’’ติอาทิฯ ทสฺสิตธเมฺมสูติ วุตฺตธเมฺมสุฯ วจนมตฺตเมว หิ เตสํ, น ปน ทสฺสนํ ตาทิสเสฺสว ธมฺมสฺส อภาวโตฯ ภควตา เอว วา ‘‘อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ ปรสฺส วจนวเสน ทสฺสิตธเมฺมสุฯ ‘‘ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘) วิย ธมฺม-สโทฺท เหตุปริยาโยติ อาห ‘‘สหธเมฺมนาติ สเหตุนา’’ติฯ เหตูติ จ อุปปตฺติสาธนเหตุ เวทิตโพฺพ, น การโก สมฺปาปโก จฯ อปฺปมาณนฺติ อนิทสฺสนํฯ นิทสฺสนญฺหิ อนฺวยโต พฺยติเรกโต ปมาณงฺคตาย ‘‘ปมาณ’’นฺติ วุจฺจติฯ นิมิตฺตนฺติ โจทนาย การณํฯ ตตฺถ โจทโก โจทนํ กโรตีติ การณํ, ธโมฺม โจทนํ กโรติ เอเตนาติ การณํฯ เตนาห ‘‘ปุคฺคโลปี’’ติอาทิฯ เขมนฺติ เกนจิ อปฺปฎิพนฺธิยภาเวน อนุปทฺทุตตํฯ

    150. Byāmohabhayavasena (a. ni. ṭī. 2.4.8) saraṇapariyesanaṃ sārajjanaṃ sārado, byāmohabhayaṃ, vigato sārado etassāti visārado, tassa bhāvo vesārajjaṃ. Taṃ pana ñāṇasampadaṃ pahānasampadaṃ desanāvisesasampadaṃ khemaṃ nissāya pavattaṃ catubbidhaṃ paccavekkhaṇañāṇaṃ. Tenāha ‘‘catūsu ṭhānesū’’tiādi. Dassitadhammesūti vuttadhammesu. Vacanamattameva hi tesaṃ, na pana dassanaṃ tādisasseva dhammassa abhāvato. Bhagavatā eva vā ‘‘ime dhammā anabhisambuddhā’’ti parassa vacanavasena dassitadhammesu. ‘‘Dhammapaṭisambhidā’’tiādīsu (vibha. 718) viya dhamma-saddo hetupariyāyoti āha ‘‘sahadhammenāti sahetunā’’ti. Hetūti ca upapattisādhanahetu veditabbo, na kārako sampāpako ca. Appamāṇanti anidassanaṃ. Nidassanañhi anvayato byatirekato pamāṇaṅgatāya ‘‘pamāṇa’’nti vuccati. Nimittanti codanāya kāraṇaṃ. Tattha codako codanaṃ karotīti kāraṇaṃ, dhammo codanaṃ karoti etenāti kāraṇaṃ. Tenāha ‘‘puggalopī’’tiādi. Khemanti kenaci appaṭibandhiyabhāvena anupaddutataṃ.

    อนฺตราโย เอเตสํ อตฺถิ, อนฺตราเยวา ยุตฺตาติ อนฺตรายิกาฯ เอวํภูตา ปน เต ยสฺมา อนฺตรายกรา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘อนฺตรายํ กโรนฺตีติ อนฺตรายิกา’’ติฯ อสญฺจิจฺจ วีติกฺกโม น ตถา สาวโชฺชติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สญฺจิจฺจ วีติกฺกนฺตา’’ติฯ สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธาติอาทิ นิทสฺสนมตฺตํ อิตเรสมฺปิ จตุนฺนํ ‘‘อนฺตรายิกา’’ติ วุตฺตธมฺมานํ ตพฺภาเว พฺยภิจาราภาวโตฯ อิธ ปน เมถุนธโมฺม อธิเปฺปโตติ อิทํ อฎฺฐุปฺปตฺติวเสน วุตฺตํ อริฎฺฐสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๔๑๗-๔๒๒) วิยฯ ยสฺมา ตงฺขณมฺปิ กาเมสุ (อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๘) อาทีนวํ ทิสฺวา วิรโตฺต (อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๘) โหติ เจ, วิเสสํ อธิคจฺฉติ, น กาเมสุ อาสโตฺต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมถุนํ…เป.… อนฺตราโย โหตี’’ติฯ ตตฺถ ยสฺส กสฺสจีติ น เกวลํ ปพฺพชิตเสฺสว, อถ โข ยสฺส กสฺสจิฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เมถุนมนุยุตฺตสฺส, มุสฺสเตวาปิ สาสน’’นฺติฯ ตสฺมิํ อนิยฺยานิกธเมฺมติ ตสฺมิํ ปเรน ปริกปฺปิตอนิยฺยานิกธมฺมนิมิตฺตํฯ นิมิตฺตเตฺถ หิ อิทํ กมฺมสํโยเค ภุมฺมํฯ

    Antarāyo etesaṃ atthi, antarāyevā yuttāti antarāyikā. Evaṃbhūtā pana te yasmā antarāyakarā nāma honti, tasmā āha ‘‘antarāyaṃ karontīti antarāyikā’’ti. Asañcicca vītikkamo na tathā sāvajjoti katvā vuttaṃ ‘‘sañcicca vītikkantā’’ti. Satta āpattikkhandhātiādi nidassanamattaṃ itaresampi catunnaṃ ‘‘antarāyikā’’ti vuttadhammānaṃ tabbhāve byabhicārābhāvato. Idha pana methunadhammo adhippetoti idaṃ aṭṭhuppattivasena vuttaṃ ariṭṭhasikkhāpadaṃ (pāci. 417-422) viya. Yasmā taṅkhaṇampi kāmesu (a. ni. ṭī. 2.4.8) ādīnavaṃ disvā viratto (a. ni. ṭī. 2.4.8) hoti ce, visesaṃ adhigacchati, na kāmesu āsatto, tasmā vuttaṃ ‘‘methunaṃ…pe… antarāyo hotī’’ti. Tattha yassa kassacīti na kevalaṃ pabbajitasseva, atha kho yassa kassaci. Tathā hi vuttaṃ ‘‘methunamanuyuttassa, mussatevāpi sāsana’’nti. Tasmiṃ aniyyānikadhammeti tasmiṃ parena parikappitaaniyyānikadhammanimittaṃ. Nimittatthe hi idaṃ kammasaṃyoge bhummaṃ.

    จตุเวสารชฺชญาณวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catuvesārajjañāṇavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อฎฺฐปริสวณฺณนา

    Aṭṭhaparisavaṇṇanā

    ๑๕๑. ปุริสสฺส สูรตรภาโว นาม สงฺคาเม ปากโฎ โหติ, น เคเห นิสินฺนกาเล, เอวํ เวสารชฺชญาณสฺส อานุภาโว ปณฺฑิตปริสาสุ ยตฺถ กตฺถจีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เวสารชฺชญาณสฺส พลทสฺสนตฺถ’’นฺติ อาหฯ สนฺนิปติตฺวา นิสินฺนฎฺฐานนฺติ ฐานสีเสน สนฺนิปติตขตฺติยปริสเมว ทเสฺสติฯ เอเสว นโย สพฺพตฺถาติ อติเทเสน อาวิภาวิตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘มารกายิกาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ สทิสตฺถวิสยตฺตา อติเทสสฺสฯ ยถา หิ ขตฺติยานํ สมูโห ขตฺติยปริสาติ อยมโตฺถ ลพฺภติ, น เอวํ ‘‘มารปริสา’’ติ เอตฺถ, มารสฺส ปริสาติ ปน มารปริสาติ อยมโตฺถ อธิเปฺปโตฯ เตนาห ‘‘มารกายิกานํ…เป.… น มาราน’’นฺติฯ มารกายิกานนฺติ มารปกฺขิยานํฯ อุคฺคฎฺฐานทสฺสนวเสนาติ สารชฺชิตพฺพฎฺฐานทสฺสนวเสน, เอวํ อุคฺคา ขตฺติยา อตฺตโน ปุญฺญเตเชนาติ อธิปฺปาโยฯ พฺราหฺมณา ตีสุ เวเทสูติ อิทํ อิตเรสํ อวิสยทสฺสนวเสน วุตฺตํฯ เวเท สชฺฌายนฺตาปิ หิ ขตฺติยา เวสฺสา จ ตทตฺถวิจารณาย เยภุเยฺยน อสมตฺถา เอวาติฯ กสฺมา ปเนตฺถ ยามาทิปริสา น คหิตาติ? ภุสํ กามาภิคิทฺธตาย โยนิโสมนสิการวิรหโตฯ ยามาทโย หิ อุฬารุฬาเร กาเม ปฎิเสวนฺตา ตตฺถาภิคิทฺธตาย ธมฺมสฺสวนาย สภาเวน จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติ, มหาโพธิสตฺตานํ ปน พุทฺธานญฺจ อานุภาเวน อากฑฺฒิยมานา กทาจิ เตสํ ปยิรุปาสนาทีนิ กโรนฺติ ตาทิเส มหาสมเยฯ เตเนว หิ วิมานวตฺถุเทสนาปิ ตนฺนิมิตฺตา พหุลา นาโหสิฯ มนุสฺสานํ วเสนายํ กตาฯ

    151. Purisassa sūratarabhāvo nāma saṅgāme pākaṭo hoti, na gehe nisinnakāle, evaṃ vesārajjañāṇassa ānubhāvo paṇḍitaparisāsu yattha katthacīti dassento ‘‘vesārajjañāṇassa baladassanattha’’nti āha. Sannipatitvā nisinnaṭṭhānanti ṭhānasīsena sannipatitakhattiyaparisameva dasseti. Eseva nayo sabbatthāti atidesena āvibhāvitamatthaṃ dassetuṃ ‘‘mārakāyikāna’’ntiādi vuttaṃ sadisatthavisayattā atidesassa. Yathā hi khattiyānaṃ samūho khattiyaparisāti ayamattho labbhati, na evaṃ ‘‘māraparisā’’ti ettha, mārassa parisāti pana māraparisāti ayamattho adhippeto. Tenāha ‘‘mārakāyikānaṃ…pe… na mārāna’’nti. Mārakāyikānanti mārapakkhiyānaṃ. Uggaṭṭhānadassanavasenāti sārajjitabbaṭṭhānadassanavasena, evaṃ uggā khattiyā attano puññatejenāti adhippāyo. Brāhmaṇā tīsu vedesūti idaṃ itaresaṃ avisayadassanavasena vuttaṃ. Vede sajjhāyantāpi hi khattiyā vessā ca tadatthavicāraṇāya yebhuyyena asamatthā evāti. Kasmā panettha yāmādiparisā na gahitāti? Bhusaṃ kāmābhigiddhatāya yonisomanasikāravirahato. Yāmādayo hi uḷāruḷāre kāme paṭisevantā tatthābhigiddhatāya dhammassavanāya sabhāvena cittampi na uppādenti, mahābodhisattānaṃ pana buddhānañca ānubhāvena ākaḍḍhiyamānā kadāci tesaṃ payirupāsanādīni karonti tādise mahāsamaye. Teneva hi vimānavatthudesanāpi tannimittā bahulā nāhosi. Manussānaṃ vasenāyaṃ katā.

    ปรจกฺกวาเฬสุ จ มนุสฺสานํ วิเสสาธิคโม นตฺถีติ ปุจฺฉติ ‘‘กิํ ปน ภควา อญฺญานิ จกฺกวาฬานิปิ คจฺฉตี’’ติฯ อิตโร ยทิปิ เตสํ อริยธมฺมาธิคโม นตฺถิ, วาสนาย ปน ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อามคจฺฉตี’’ติ อาหฯ เกยูรํ นานาวิธรตนปริสิพฺพิตสุวณฺณชาลวินทฺธํ ภุชาภรณํฯ องฺคทํ นานาคนฺธคนฺธิตํ, เกวลํ วา สุวณฺณมยํ พาหุวลยํฯ ฉินฺนสฺสราติ ทฺวิธาภูตสฺสรา (ที. นิ. ฎี. ๒.๑๗๒) คคฺครสฺสราติ คคฺคริกาย วิย คคฺครายมานขรสฺสรา (ที. นิ. ฎี. ๒.๑๗๒; อ. นิ. ฎี. ๓.๘.๖๙)ฯ ภาสนฺตรนฺติ เตสํ ภาสํ (ที. นิ. ฎี. ๒.๑๗๒; อ. นิ. ฎี. ๓.๘.๖๙) สนฺธายาหฯ ‘‘วีมํสา อุปฺปชฺชตี’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Paracakkavāḷesu ca manussānaṃ visesādhigamo natthīti pucchati ‘‘kiṃ pana bhagavā aññāni cakkavāḷānipi gacchatī’’ti. Itaro yadipi tesaṃ ariyadhammādhigamo natthi, vāsanāya pana tattha gantvā dhammaṃ desetīti dassento ‘‘āmagacchatī’’ti āha. Keyūraṃ nānāvidharatanaparisibbitasuvaṇṇajālavinaddhaṃ bhujābharaṇaṃ. Aṅgadaṃ nānāgandhagandhitaṃ, kevalaṃ vā suvaṇṇamayaṃ bāhuvalayaṃ. Chinnassarāti dvidhābhūtassarā (dī. ni. ṭī. 2.172) gaggarassarāti gaggarikāya viya gaggarāyamānakharassarā (dī. ni. ṭī. 2.172; a. ni. ṭī. 3.8.69). Bhāsantaranti tesaṃ bhāsaṃ (dī. ni. ṭī. 2.172; a. ni. ṭī. 3.8.69) sandhāyāha. ‘‘Vīmaṃsāuppajjatī’’ti saṅkhepato vuttaṃ vivarituṃ ‘‘idaṃ vuttaṃ hotī’’tiādi vuttaṃ.

    สงฺคมฺมาติ สมาคนฺตฺวาฯ อาทิโต ลาโป อาลาโป, วจนปฎิวจนวเสน สมํ ลาโป สลฺลาโปฯ สมฺมา, สมญฺญา วา กถา สํกถา, สํกถาว สากจฺฉา

    Saṅgammāti samāgantvā. Ādito lāpo ālāpo, vacanapaṭivacanavasena samaṃ lāpo sallāpo. Sammā, samaññā vā kathā saṃkathā, saṃkathāva sākacchā.

    อฎฺฐปริสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aṭṭhaparisavaṇṇanā niṭṭhitā.

    จตุโยนิวณฺณนา

    Catuyonivaṇṇanā

    ๑๕๒. ยวนฺติ ตาย สตฺตา อมิสฺสิตาปิ สมานชาติตาย มิสฺสิตา วิย โหนฺตีติ โยนิฯ สา ปน อตฺถโต อณฺฑาทิอุปฺปตฺติฎฺฐานวิสิโฎฺฐ ขนฺธานํ ภาคโส ปวตฺติวิเสโสติ อาห ‘‘ขนฺธโกฎฺฐาโส โยนิ นามา’’ติฯ อเณฺฑ ชาตาติ ปฐมาย ชาติยา วเสน วุตฺตํ, ทุติยาย ปน อณฺฑโต, อเณฺฑ วา ภิชฺชมาเน ชาตาติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เตนาห ‘‘อภินิพฺภิชฺช ชายนฺตี’’ติฯ วินาติ เอเตหิ อณฺฑาทีหิ พาหิรปจฺจเยหิ วินาฯ อุปฺปติตฺวา วิยาติ อุปฺปชฺชนวเสน ปติตฺวา วิยฯ พาหิรปจฺจยนิรเปกฺขตฺตาเยว วา อุปปตเน สาธุการิโน อุปปาติกา, เต เอว อิธ โอปปาติกาติ วุตฺตาฯ อาทิ-สเทฺทน คพฺภมเล นิพฺพตฺตมหาปทุมกุมาราทีนํ สงฺคโหฯ นิชฺฌามตณฺหิกเปตานํ นิจฺจํ ทุกฺขาตุรตาย กามเสวนา นตฺถิ , ตสฺมา เต คพฺภเสยฺยกา น โหนฺติ, ชาลวนฺตตาย น ตาสํ กุจฺฉิยํ คโพฺภ สณฺฐาติ, ตสฺมา เต โอปปาติกาเยว สํเสทชตฺตายปิ อสมฺภวโตฯ เนรยิกา วิยาติ นิทสฺสนาปเทเสน เตสมฺปิ โอปปาติกตฺตํ ทีเปติฯ อวเสสาติ นิชฺฌามตณฺหิกเนรยิเก ฐเปตฺวา อวเสสา วินิปาติกาฯ ยกฺขานํ จาตุมหาราชิกตาย โอปปาติกภาเว เอว อาปเนฺน ตํ นิวเตฺตตุํ ‘‘เอวํ ยกฺขาปี’’ติ วุตฺตํฯ ตถา หิ เต น ภุมฺมเทวา น จ วินิปาติกาติฯ

    152. Yavanti tāya sattā amissitāpi samānajātitāya missitā viya hontīti yoni. Sā pana atthato aṇḍādiuppattiṭṭhānavisiṭṭho khandhānaṃ bhāgaso pavattivisesoti āha ‘‘khandhakoṭṭhāso yoni nāmā’’ti. Aṇḍe jātāti paṭhamāya jātiyā vasena vuttaṃ, dutiyāya pana aṇḍato, aṇḍe vā bhijjamāne jātāti evamattho veditabbo. Tenāha ‘‘abhinibbhijja jāyantī’’ti. Vināti etehi aṇḍādīhi bāhirapaccayehi vinā. Uppatitvā viyāti uppajjanavasena patitvā viya. Bāhirapaccayanirapekkhattāyeva vā upapatane sādhukārino upapātikā, te eva idha opapātikāti vuttā. Ādi-saddena gabbhamale nibbattamahāpadumakumārādīnaṃ saṅgaho. Nijjhāmataṇhikapetānaṃ niccaṃ dukkhāturatāya kāmasevanā natthi , tasmā te gabbhaseyyakā na honti, jālavantatāya na tāsaṃ kucchiyaṃ gabbho saṇṭhāti, tasmā te opapātikāyeva saṃsedajattāyapi asambhavato. Nerayikā viyāti nidassanāpadesena tesampi opapātikattaṃ dīpeti. Avasesāti nijjhāmataṇhikanerayike ṭhapetvā avasesā vinipātikā. Yakkhānaṃ cātumahārājikatāya opapātikabhāve eva āpanne taṃ nivattetuṃ ‘‘evaṃ yakkhāpī’’ti vuttaṃ. Tathā hi te na bhummadevā na ca vinipātikāti.

    จตุโยนิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catuyonivaṇṇanā niṭṭhitā.

    ปญฺจคติวณฺณนา

    Pañcagativaṇṇanā

    ๑๕๓. คนฺตพฺพาติ อุปปชฺชิตพฺพาฯ ยถา หิ กมฺมภโว ปรมตฺถโต อสติปิ การเก ปจฺจยสามคฺคิยา สิโทฺธ ตํสมงฺคินา สนฺตานลกฺขเณน สเตฺตน กโตติ โวหรียติ, ตถา อุปปตฺติภวลกฺขณา คติโย ปรมตฺถโต อสติปิ คมเก ตํตํกมฺมวเสน เยสํ ตานิ กมฺมานิ, เตหิ คนฺตพฺพาติ โวหรียนฺตีติฯ เอวํ สทฺทตฺถโต คติํ ทเสฺสตฺวา อตฺถุทฺธารนเยนปิ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เยสุ นิรยาทิเภเทสุ อุปปตฺติภเวสุ คติ-สโทฺท นิรูโฬฺห, ตโต อญฺญตฺถาปิ คติสทฺทปฺปวตฺติ อตฺถิ, ตํ เอเกน คติ-สเทฺทน วิเสเสตฺวา อาห ‘‘คติคตี’’ติ ยถา ‘‘ทุกฺขทุกฺขํ, (สํ. นิ. ๔.๓๒๗) รูปรูป’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๔๙) จฯ อุปฺปาทาวตฺถาย คมนํ อุปคมนนฺติ ‘‘นิพฺพตฺติคตี’’ติ วุตฺตาฯ คตินฺติ จิตฺตคติํฯ เตนาห ‘‘อชฺฌาสยคติ นามา’’ติ, อชฺฌาสยปฺปวตฺตีติ อโตฺถฯ ตทฎฺฐกถายํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๒.๕๐๓) ปน ‘‘คตินฺติ นิปฺผตฺติ’’นฺติ อโตฺถ วุโตฺตฯ พฺรหฺมนิมนฺตนสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๕๐๓) หิ อยํ ปาฬีติฯ ชุตินฺติ อานุภาวํฯ วิภโวติ วินาโสฯ โส หิ วิคโมติ อเตฺถน คติฯ เตเนว นิพฺพานํ อรหโต คตีติ (ปริ. ๓๓๙) อนุปาทิเสสนิพฺพานํ อรหโต คติ วิคโม วิภโวติ อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํฯ เทฺวเยว คติโยติ เทฺวว นิปฺผตฺติโยติ อโตฺถติ อาห ‘‘อยํ นิปฺผตฺติคติ นามา’’ติฯ

    153.Gantabbāti upapajjitabbā. Yathā hi kammabhavo paramatthato asatipi kārake paccayasāmaggiyā siddho taṃsamaṅginā santānalakkhaṇena sattena katoti voharīyati, tathā upapattibhavalakkhaṇā gatiyo paramatthato asatipi gamake taṃtaṃkammavasena yesaṃ tāni kammāni, tehi gantabbāti voharīyantīti. Evaṃ saddatthato gatiṃ dassetvā atthuddhāranayenapi taṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Yesu nirayādibhedesu upapattibhavesu gati-saddo nirūḷho, tato aññatthāpi gatisaddappavatti atthi, taṃ ekena gati-saddena visesetvā āha ‘‘gatigatī’’ti yathā ‘‘dukkhadukkhaṃ, (saṃ. ni. 4.327) rūparūpa’’nti (visuddhi. 2.449) ca. Uppādāvatthāya gamanaṃ upagamananti ‘‘nibbattigatī’’ti vuttā. Gatinti cittagatiṃ. Tenāha ‘‘ajjhāsayagati nāmā’’ti, ajjhāsayappavattīti attho. Tadaṭṭhakathāyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 2.503) pana ‘‘gatinti nipphatti’’nti attho vutto. Brahmanimantanasutte (ma. ni. 1.503) hi ayaṃ pāḷīti. Jutinti ānubhāvaṃ. Vibhavoti vināso. So hi vigamoti atthena gati. Teneva nibbānaṃ arahato gatīti (pari. 339) anupādisesanibbānaṃ arahato gati vigamo vibhavoti anekatthattā dhātūnaṃ. Dveyeva gatiyoti dveva nipphattiyoti atthoti āha ‘‘ayaṃ nipphattigati nāmā’’ti.

    ยสฺส อุปฺปชฺชติ, ตํ พฺรูเหโนฺต เอว อุปฺปชฺชตีติ อโย, สุขํฯ นตฺถิ เอตฺถ อโยติ นิรโยฯ ตโต เอว รมิตพฺพํ อสฺสาเทตพฺพํ ตตฺถ นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘นิรติอเตฺถน นิรสฺสาทเฎฺฐน นิรโย’’ติฯ ติริยํ อญฺจิตาติ เทวมนุสฺสาทโย วิย อุทฺธํ ทีฆา อหุตฺวา ติริยํ ทีฆาภิ อโตฺถฯ ปกฎฺฐโต สุขโต อยนํ อปคโม เปจฺจภาโว, ตํ เปจฺจภาวํ ปตฺตานํ วิสโยติ เปตโยนิเมว วทติฯ มนโส อุสฺสนฺนตฺตาติ สติสูรภาวพฺรหฺมจริยโยคฺยตาทิคุณวเสน อุปจิตมานสตาย อุกฺกฎฺฐคุณจิตฺตตายาติ อโตฺตฯ อยํ ปนโตฺถ นิปฺปริยายโต ชมฺพุทีปวาสีวเสน เวทิตโพฺพฯ ยถาห – ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ฐาเนหิ ชมฺพุทีปิกา มนุสฺสา อุตฺตรกุรุเก มนุเสฺส อธิคฺคณฺหนฺติ เทเว จ ตาวติํเสฯ กตเมหิ ตีหิ? สูรา สติมโนฺต อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’’ติ (อ. นิ. ๙.๒๑)ฯ เตหิ ปน สมานรูปาทิตาย สทฺธิํ ปริตฺตทีปวาสีหิ อิตรมหาทีปวาสิโนปิ มนุสฺสาเตว ปญฺญายิํสุฯ โลกิยา ปน ‘‘มนุโน อปจฺจภาเวน มนุสฺสา’’ติ วทนฺติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน ปรมตฺถทีปนิยํ วิมานวตฺถุสํวณฺณนายํ (วิ. ว. อฎฺฐ. ๓) วุตฺตนเยน คเหตโพฺพฯ อานุภาเวหีติ เทวานุภาวสงฺขาเตหิ อิทฺธิวิเสเสหิฯ ตตฺถ กามา เทวา กามคุเณหิ เจว อิทฺธิวิเสเสหิ จ อิตเร อิทฺธิวิเสเสเหว ทิพฺพนฺติ กีฬนฺติ โชตนฺติ, สรณนฺติ วา คมฺมนฺติ, อภิตฺถวิยนฺตีติ วา เทวาติฯ

    Yassa uppajjati, taṃ brūhento eva uppajjatīti ayo, sukhaṃ. Natthi ettha ayoti nirayo. Tato eva ramitabbaṃ assādetabbaṃ tattha natthīti dassento āha ‘‘niratiatthena nirassādaṭṭhena nirayo’’ti. Tiriyaṃ añcitāti devamanussādayo viya uddhaṃ dīghā ahutvā tiriyaṃ dīghābhi attho. Pakaṭṭhato sukhato ayanaṃ apagamo peccabhāvo, taṃ peccabhāvaṃ pattānaṃ visayoti petayonimeva vadati. Manaso ussannattāti satisūrabhāvabrahmacariyayogyatādiguṇavasena upacitamānasatāya ukkaṭṭhaguṇacittatāyāti atto. Ayaṃ panattho nippariyāyato jambudīpavāsīvasena veditabbo. Yathāha – ‘‘tīhi, bhikkhave, ṭhānehi jambudīpikā manussā uttarakuruke manusse adhiggaṇhanti deve ca tāvatiṃse. Katamehi tīhi? Sūrā satimanto idha brahmacariyavāso’’ti (a. ni. 9.21). Tehi pana samānarūpāditāya saddhiṃ parittadīpavāsīhi itaramahādīpavāsinopi manussāteva paññāyiṃsu. Lokiyā pana ‘‘manuno apaccabhāvena manussā’’ti vadanti. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana paramatthadīpaniyaṃ vimānavatthusaṃvaṇṇanāyaṃ (vi. va. aṭṭha. 3) vuttanayena gahetabbo. Ānubhāvehīti devānubhāvasaṅkhātehi iddhivisesehi. Tattha kāmā devā kāmaguṇehi ceva iddhivisesehi ca itare iddhiviseseheva dibbanti kīḷanti jotanti, saraṇanti vā gammanti, abhitthaviyantīti vā devāti.

    ติรจฺฉานโยนิญฺจาติอาทีสูติ เอตฺถ ติรจฺฉานโยนิเปตฺติวิสยคฺคหเณน ขนฺธานํ เอว คหณํ เตสํ ตาทิสสฺส ปริจฺฉินฺนสฺส โอกาสสฺส อภาวโตฯ ยตฺถ วา เต อรญฺญสมุทฺทปพฺพตาทิเก นิพทฺธวาสํ วสนฺติ, ตาทิสสฺส ฐานสฺส วเสน โอกาโสปิ คเหตโพฺพฯ นิรยูปคาทีหิ สเตฺตหิ มคฺคิตพฺพโต มโคฺค ปฎิปชฺชิตพฺพา ปฎิปทา จาติ ตํ ตํ กมฺมเมว วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุภเยนปี’’ติอาทิฯ ยถา จ ปฎิปโนฺนติ อิมินา ตสฺส กมฺมสฺส กตูปจิตาการมาหฯ เอตฺถ จ นิรยคามิญฺจ มคฺคํ นิรยคามินิญฺจ ปฎิปทนฺติ อิมินา สาธารณโต นิรยสํวตฺตนิยํ กมฺมํ วตฺวา ปุน ตํ ตํ สนฺตานปติตตาย อสาธารณตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถาปฎิปโนฺน’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ วินิปตนฺตีติ วิวสา, วิรูปํ วา นิปตนฺติฯ กสฺมา ปเนตฺถ ปญฺจคติปริเจฺฉทกญาณํ ทเสฺสโนฺต ภควา ‘‘นิพฺพานญฺจาห’’นฺติอาทิมาหาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘อิทํ ปนา’’ติอาทิฯ น หิ ภควา อตฺตโน พุทฺธสุพุทฺธตํ วิภาเวโนฺต สาวเสสํ กตฺวา เทสนํ เทเสติฯ

    Tiracchānayoniñcātiādīsūti ettha tiracchānayonipettivisayaggahaṇena khandhānaṃ eva gahaṇaṃ tesaṃ tādisassa paricchinnassa okāsassa abhāvato. Yattha vā te araññasamuddapabbatādike nibaddhavāsaṃ vasanti, tādisassa ṭhānassa vasena okāsopi gahetabbo. Nirayūpagādīhi sattehi maggitabbato maggo paṭipajjitabbā paṭipadā cāti taṃ taṃ kammameva vuttanti āha ‘‘ubhayenapī’’tiādi. Yathā ca paṭipannoti iminā tassa kammassa katūpacitākāramāha. Ettha ca nirayagāmiñca maggaṃ nirayagāminiñca paṭipadanti iminā sādhāraṇato nirayasaṃvattaniyaṃ kammaṃ vatvā puna taṃ taṃ santānapatitatāya asādhāraṇataṃ dassetuṃ ‘‘yathāpaṭipanno’’tiādi vuttanti daṭṭhabbaṃ. Vinipatantīti vivasā, virūpaṃ vā nipatanti. Kasmā panettha pañcagatiparicchedakañāṇaṃ dassento bhagavā ‘‘nibbānañcāha’’ntiādimāhāti anuyogaṃ sandhāyāha ‘‘idaṃ panā’’tiādi. Na hi bhagavā attano buddhasubuddhataṃ vibhāvento sāvasesaṃ katvā desanaṃ deseti.

    ปญฺจคติวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcagativaṇṇanā niṭṭhitā.

    ญาณปวตฺตาการวณฺณนา

    Ñāṇapavattākāravaṇṇanā

    ๑๕๔. ญาณปฺปวตฺตาการนฺติ ญาณสฺส ปวตฺติอาการํ, ญาณสฺส วา ปวตฺติปการํฯ เอกนฺตทุกฺขาติ เอกเนฺตน ทุกฺขา อจฺจนฺตทุกฺขาฯ ตา ปน สพฺพกาลํ ทุกฺขา สุขาลเยนปิ อสมฺมิสฺสาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘นิจฺจทุกฺขา นิรนฺตรทุกฺขา’’ติฯ พหลาติ อตนุกา, มหนฺตาติ อโตฺถ ฯ ติพฺพาติ วา ติขิณาฯ ขราติ กกฺขฬาฯ กฎุกาติ วา อนิฎฺฐาฯ กสฺสติ ขณียตีติ กาสุ, อาวาโฎฯ กสียติ จียตีติ กาสุ, ราสิฯ ผุนนฺตีติ ทฺวีหิ หเตฺถหิ องฺคารานิ อุกฺขิปิตฺวา ปฎิวาตํ โอผุนนฺติ, เตน เตสํ สกลสรีรํ ฑยฺหติฯ เตนาห ‘‘ปริทฑฺฒคตฺตา’’ติฯ ปุริสปฺปมาณํ โปริสํฯ เอกปเถเนวาติ เอกมคฺคภูเตเนวฯ อนุกฺกมนีเยนาติ อุกฺกมิตุํ อปกฺกมิตุํ อสกฺกุเณเยฺยนฯ

    154.Ñāṇappavattākāranti ñāṇassa pavattiākāraṃ, ñāṇassa vā pavattipakāraṃ. Ekantadukkhāti ekantena dukkhā accantadukkhā. Tā pana sabbakālaṃ dukkhā sukhālayenapi asammissāti dassento āha ‘‘niccadukkhā nirantaradukkhā’’ti. Bahalāti atanukā, mahantāti attho . Tibbāti vā tikhiṇā. Kharāti kakkhaḷā. Kaṭukāti vā aniṭṭhā. Kassati khaṇīyatīti kāsu, āvāṭo. Kasīyati cīyatīti kāsu, rāsi. Phunantīti dvīhi hatthehi aṅgārāni ukkhipitvā paṭivātaṃ ophunanti, tena tesaṃ sakalasarīraṃ ḍayhati. Tenāha ‘‘paridaḍḍhagattā’’ti. Purisappamāṇaṃ porisaṃ. Ekapathenevāti ekamaggabhūteneva. Anukkamanīyenāti ukkamituṃ apakkamituṃ asakkuṇeyyena.

    นนุ จ ทิพฺพจกฺขุญาณํ ปจฺจุปฺปนฺนวณฺณารมฺมณํ, เตน กถํ รูปนฺตรสมงฺคิํ นิรเย นิพฺพตฺตสตฺตํ ‘‘อยํ โส’’ติ ชานาตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตตฺถ กิญฺจาปี’’ติอาทิฯ ยถากมฺมูปคญาเณน ‘‘อยํ โส’’ติ สลฺลเกฺขติ, ตสฺส ปน ทิพฺพจกฺขุอานุภาเวน ปตฺตพฺพตฺตา ‘‘ทิพฺพจกฺขุพลํ นาม เอตนฺติ วุตฺตํฯ

    Nanu ca dibbacakkhuñāṇaṃ paccuppannavaṇṇārammaṇaṃ, tena kathaṃ rūpantarasamaṅgiṃ niraye nibbattasattaṃ ‘‘ayaṃ so’’ti jānātīti codanaṃ sandhāyāha ‘‘tattha kiñcāpī’’tiādi. Yathākammūpagañāṇena ‘‘ayaṃ so’’ti sallakkheti, tassa pana dibbacakkhuānubhāvena pattabbattā ‘‘dibbacakkhubalaṃ nāma etanti vuttaṃ.

    ปุริมนเยเนวาติ ‘‘คูถกูโป วิย ติรจฺฉานโยนิ ทฎฺฐพฺพา’’ติอาทินา องฺคารกาสุปมายํ วุตฺตนเยเนวฯ ทุกฺขา เวทนา พหุลา เอตาสูติ ทุกฺขพหุลาฯ พหลปตฺตปลาโสติ อวิรฬตนุวิปุลปโณฺณฯ สุขปริโภคํ มหาปาสาทํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทีฆปาสาโท’’ติ วุตฺตํ จตุรสฺสปาสาทาทีนํ ขุทฺทกตฺตาฯ อุณฺณามยอตฺถรเณนาติ อุณฺณามยโลหิตอตฺถรเณนฯ อุตฺตรํ อุปริภาคํ ฉาเทตีติ อุตฺตรจฺฉโท, วิตานํฯ ตํ ปน โลหิตวิตานํ อิธาธิเปฺปตนฺติ ‘‘รตฺตวิตาเนนา’’ติ วุตฺตํฯ

    Purimanayenevāti ‘‘gūthakūpo viya tiracchānayoni daṭṭhabbā’’tiādinā aṅgārakāsupamāyaṃ vuttanayeneva. Dukkhā vedanā bahulā etāsūti dukkhabahulā. Bahalapattapalāsoti aviraḷatanuvipulapaṇṇo. Sukhaparibhogaṃ mahāpāsādaṃ dassetuṃ ‘‘dīghapāsādo’’ti vuttaṃ caturassapāsādādīnaṃ khuddakattā. Uṇṇāmayaattharaṇenāti uṇṇāmayalohitaattharaṇena. Uttaraṃ uparibhāgaṃ chādetīti uttaracchado, vitānaṃ. Taṃ pana lohitavitānaṃ idhādhippetanti ‘‘rattavitānenā’’ti vuttaṃ.

    อปรภาคโยชนาติ ปาฬิยํ ‘‘อปเรน สมเยนา’’ติ วุตฺตสฺส อปรภาคสฺส โยชนาฯ สา ปน เอกเทเสน ปุริมภาเค วุเตฺต เอว สุวิเญฺญยฺยา โหตีติ ‘‘ยถา โส’’ติอาทิมาหฯ มคฺคารุฬฺหเมวาติ มคฺคํ อุปคตมตฺตเมวฯ

    Aparabhāgayojanāti pāḷiyaṃ ‘‘aparena samayenā’’ti vuttassa aparabhāgassa yojanā. Sā pana ekadesena purimabhāge vutte eva suviññeyyā hotīti ‘‘yathā so’’tiādimāha. Maggāruḷhamevāti maggaṃ upagatamattameva.

    นิยมาภาวาติ ‘‘ทิพฺพจกฺขุนาว ปสฺสตี’’ติ นิยมสฺส อภาวาฯ ‘‘ทิพฺพจกฺขุนาปิ ปสฺสิสฺสตี’’ติ อิทํ น อนุตฺตรสุขานุภวนสฺส ทิพฺพจกฺขุโคจรตฺตา วุตฺตํ, อนาคตสฺส ปน ตสฺส ทิพฺพจกฺขุปริภณฺฑภูเตน อนาคตํสญาเณน ทสฺสนเมวาติ การณูปจาเรน วุตฺตํฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ’’เจฺจว วุตฺตํฯ ‘‘อตฺถโต ปน นานา โหตี’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เทวโลกสุขํ หี’’ติอาทิํ วตฺวา ยถาทสฺสิตอุปมาหิปิ อยมโตฺถ ปากโฎ เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อุปมายมฺปี’’ติอาทิมาหฯ โคตฺรภุญาณุปฺปาทโต ปฎฺฐาย นิโรธํ ปสฺสิตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลปจฺจเวกฺขณวเสน เจว ปรโต ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนวเสน จ อริยสาวโก นิโรเธ สยิโต วิย โหติ ตทปสฺสเยเนว ปวตฺตนโตติ อาห ‘‘นิโรธสยนวรคต’’นฺติฯ เตนาห ‘‘นิพฺพานา…เป.… ปสฺสตี’’ติฯ

    Niyamābhāvāti ‘‘dibbacakkhunāva passatī’’ti niyamassa abhāvā. ‘‘Dibbacakkhunāpi passissatī’’ti idaṃ na anuttarasukhānubhavanassa dibbacakkhugocarattā vuttaṃ, anāgatassa pana tassa dibbacakkhuparibhaṇḍabhūtena anāgataṃsañāṇena dassanamevāti kāraṇūpacārena vuttaṃ. Pāḷiyaṃ pana ‘‘cetasā ceto paricca pajānāmi’’cceva vuttaṃ. ‘‘Atthato pana nānā hotī’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘devalokasukhaṃ hī’’tiādiṃ vatvā yathādassitaupamāhipi ayamattho pākaṭo evāti dassento ‘‘upamāyampī’’tiādimāha. Gotrabhuñāṇuppādato paṭṭhāya nirodhaṃ passitvā uppannamaggaphalapaccavekkhaṇavasena ceva parato phalasamāpattisamāpajjanavasena ca ariyasāvako nirodhe sayito viya hoti tadapassayeneva pavattanatoti āha ‘‘nirodhasayanavaragata’’nti. Tenāha ‘‘nibbānā…pe… passatī’’ti.

    ญาณปวตฺตาการวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ñāṇapavattākāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทุกฺกรการิกาทิสุทฺธิวณฺณนา

    Dukkarakārikādisuddhivaṇṇanā

    ๑๕๕. ปุจฺฉานุสนฺธิอาทิอนุสนฺธิตฺตยโต อญฺญตฺตา ‘‘ปาฎิเยกฺกํ อนุสนฺธิวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ น เกวลํ ‘‘ทุกฺกรการิกาย สุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํลทฺธิโก เอว, อถ โข ทุกฺกรจารีสุ อภิปฺปสโนฺนติ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ จตุกุณฺฑิโกติ ทฺวีหิ ปาเทหิ หเตฺถหีติ จตูหิ อเงฺคหิ กุณฺฑนโก อาหิณฺฑนโกฯ ฉมานิกิณฺณนฺติ ภูมิยํ ขิตฺตํฯ ภกฺขสนฺติ อาหารํฯ

    155. Pucchānusandhiādianusandhittayato aññattā ‘‘pāṭiyekkaṃ anusandhivasenā’’ti vuttaṃ. Na kevalaṃ ‘‘dukkarakārikāya suddhi hotī’’ti evaṃladdhiko eva, atha kho dukkaracārīsu abhippasannoti dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Catukuṇḍikoti dvīhi pādehi hatthehīti catūhi aṅgehi kuṇḍanako āhiṇḍanako. Chamānikiṇṇanti bhūmiyaṃ khittaṃ. Bhakkhasanti āhāraṃ.

    มจฺฉริยมลาทิปาปธมฺมวิคมนโต เมตฺตาทิคุณานุพฺรูหนโต จ พฺรหฺมํ เสฎฺฐํ จริยนฺติ พฺรหฺมจริยํ, ทานํฯ ตถา หิ ตํ ภควตา ปณฺฑิตปญฺญตฺตํ วุตฺตํฯ เอวํ เสเสสุปิ ยถารหํ พฺรหฺมจริยปริยาโย นิทฺธาเรตฺวา วตฺตโพฺพฯ กินฺติ กีทิสํฯ วตนฺติ สมาทินฺนวตํฯ สุจิณฺณสฺสาติ สุฎฺฐุ จิณฺณสฺส ปุญฺญสฺสฯ อิทฺธีติ อานุภาโวฯ ชุตีติ วตฺถาภรโณภาสสมุชฺชลา สรีรปฺปภาฯ พลวีริยูปปตฺตีติ กายพเลน เจว อุสฺสาเหน จ สมนฺนาคโมฯ

    Macchariyamalādipāpadhammavigamanato mettādiguṇānubrūhanato ca brahmaṃ seṭṭhaṃ cariyanti brahmacariyaṃ, dānaṃ. Tathā hi taṃ bhagavatā paṇḍitapaññattaṃ vuttaṃ. Evaṃ sesesupi yathārahaṃ brahmacariyapariyāyo niddhāretvā vattabbo. Kinti kīdisaṃ. Vatanti samādinnavataṃ. Suciṇṇassāti suṭṭhu ciṇṇassa puññassa. Iddhīti ānubhāvo. Jutīti vatthābharaṇobhāsasamujjalā sarīrappabhā. Balavīriyūpapattīti kāyabalena ceva ussāhena ca samannāgamo.

    เตน ปาณิ กามทโทติ เตน อทฺธิกานํ อุปคจฺฉนฺตานํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา อสยฺหเสฎฺฐิโน ทานฎฺฐานทสฺสนมเยน ปุเญฺญน อิทานิ มยฺหํ หโตฺถ กปฺปรุโกฺข วิย กามทโท อิจฺฉิติจฺฉิตทายี, กามทโท โหโนฺต จ มธุสฺสโว อิฎฺฐวตฺถุวิสฺสชฺชนโก ชาโตฯ เตน เม พฺรหฺมจริเยนาติ เตน มม ยถาวุตฺตกายเวยฺยาวฎิยกมฺมสงฺขาเตน เสฎฺฐจริเยนฯ ปุญฺญนฺติ ปุญฺญผลํฯ ตมฺปิ หิ ปุชฺชสภาวโต, อุตฺตรปทโลเปน วา ‘‘เอวมิทํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐) ‘‘ปุญฺญ’’นฺติ วุจฺจติฯ

    Tena pāṇi kāmadadoti tena addhikānaṃ upagacchantānaṃ hatthaṃ pasāretvā asayhaseṭṭhino dānaṭṭhānadassanamayena puññena idāni mayhaṃ hattho kapparukkho viya kāmadado icchiticchitadāyī, kāmadado honto ca madhussavo iṭṭhavatthuvissajjanako jāto. Tena me brahmacariyenāti tena mama yathāvuttakāyaveyyāvaṭiyakammasaṅkhātena seṭṭhacariyena. Puññanti puññaphalaṃ. Tampi hi pujjasabhāvato, uttarapadalopena vā ‘‘evamidaṃ puññaṃ pavaḍḍhatī’’tiādīsu (dī. ni. 3.80) ‘‘puñña’’nti vuccati.

    ปญฺจ สิกฺขาปทานิ สมาหฎานิ ปญฺจสิกฺขาปทํ ยถา ‘‘ติภวํ, ติสกฎ’’นฺติ จฯ พฺรหฺมจริยสฺมินฺติ ธมฺมเทสนายฯ สา หิ วิเนยฺยานํ พฺรหฺมภาวาวหนโต พฺรหฺมํ เสฎฺฐํ จริยํ, พฺรหฺมุโน วา ภควโต วาจสิกํ จริยนฺติ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุจฺจติฯ

    Pañca sikkhāpadāni samāhaṭāni pañcasikkhāpadaṃ yathā ‘‘tibhavaṃ, tisakaṭa’’nti ca. Brahmacariyasminti dhammadesanāya. Sā hi vineyyānaṃ brahmabhāvāvahanato brahmaṃ seṭṭhaṃ cariyaṃ, brahmuno vā bhagavato vācasikaṃ cariyanti ‘‘brahmacariya’’nti vuccati.

    สหสฺสํ มจฺจุหายินนฺติ สหสฺสมตฺตา อรหตฺตสมธิคเมน มจฺจุวิสยาติกฺกเมน มจฺจุปหายิโน ชาตาฯ พฺรหฺมจารี ภวิสฺสามาติ เอตฺถ เยน พฺรหฺมจริเยน เต พฺรหฺมจาริโนติ วุจฺจนฺติ, ตํ พฺรหฺมจริยํ นิทฺธาเรตฺวา อาห ‘‘เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตา’’ติฯ

    Sahassaṃ maccuhāyinanti sahassamattā arahattasamadhigamena maccuvisayātikkamena maccupahāyino jātā. Brahmacārī bhavissāmāti ettha yena brahmacariyena te brahmacārinoti vuccanti, taṃ brahmacariyaṃ niddhāretvā āha ‘‘methunavirati brahmacariyanti vuttā’’ti.

    นาติกฺกมามาติ น อติจราม อคมนียฎฺฐาเนปิ อิตรตฺถาปิ น วีติกฺกมามฯ เตนาห ‘‘อญฺญตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จรามา’’ติฯ อมฺหนฺติ อมฺหากํฯ

    Nātikkamāmāti na aticarāma agamanīyaṭṭhānepi itaratthāpi na vītikkamāma. Tenāha ‘‘aññatra tāhi brahmacariyaṃ carāmā’’ti. Amhanti amhākaṃ.

    อตฺตทมนวเสนาติ ยถาปฎิญฺญํ อรหนฺตานํ อนุกรณากาเรน ปวตฺตจิตฺตทมนวเสน, มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ ทมเนนาติ อโตฺถฯ สิขาปฺปตฺตเสฎฺฐจริยตาย อริยมโคฺค พฺรหฺมจริยํฯ พฺรหฺมํ เสฎฺฐํ จรติ เอเตนาติ พฺรหฺมจริยํ, สตฺถุสาสนํฯ

    Attadamanavasenāti yathāpaṭiññaṃ arahantānaṃ anukaraṇākārena pavattacittadamanavasena, manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ damanenāti attho. Sikhāppattaseṭṭhacariyatāya ariyamaggo brahmacariyaṃ. Brahmaṃ seṭṭhaṃ carati etenāti brahmacariyaṃ, satthusāsanaṃ.

    อตรมานานนฺติ น ตรมานานํ เทสกาลํ อุทิกฺขนฺตานํฯ ผลาสาว สมิชฺฌตีติ สุทุลฺลภผเลปิ อาสา สมฺมาปโยคมนฺวาย สมิชฺฌติ เอวฯ วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมีติ วิเสเสน นิปฺผนฺนปณีตชฺฌาสโย ปริปุณฺณอุฬารมโนรโถฯ โส หิ เสฎฺฐมโนสมาจารตาย พฺรหฺมจริยปริยาเยน วุโตฺตฯ

    Ataramānānanti na taramānānaṃ desakālaṃ udikkhantānaṃ. Phalāsāva samijjhatīti sudullabhaphalepi āsā sammāpayogamanvāya samijjhati eva. Vipakkabrahmacariyosmīti visesena nipphannapaṇītajjhāsayo paripuṇṇauḷāramanoratho. So hi seṭṭhamanosamācāratāya brahmacariyapariyāyena vutto.

    อิทเมว สุตฺตํ อาคตฎฺฐานนฺติ อธิปฺปาโย เตปิฎเก พุทฺธวจเน อิทเมว สุตฺตปทํ ‘‘วีริยํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อาคตฎฺฐานนฺติ อโตฺถฯ วีริยญฺหิ ตสฺมิํ วิสเย อุตฺตมํ ปรมุกฺกํสคตํ ตาทิสจริยาเหตุ จาติ พฺรหฺมจริยนฺติ อิธ วุตฺตํฯ จตุรงฺคสมนฺนาคตนฺติ จตุพฺพิธทุกฺกรกิริยาย สาธกสฺส จตุพฺพิธสฺส อตฺตโน ปวตฺติอาการสฺส วเสน จตุรงฺคสมนฺนาคตํฯ

    Idameva suttaṃ āgataṭṭhānanti adhippāyo tepiṭake buddhavacane idameva suttapadaṃ ‘‘vīriyaṃ brahmacariya’’nti āgataṭṭhānanti attho. Vīriyañhi tasmiṃ visaye uttamaṃ paramukkaṃsagataṃ tādisacariyāhetu cāti brahmacariyanti idha vuttaṃ. Caturaṅgasamannāgatanti catubbidhadukkarakiriyāya sādhakassa catubbidhassa attano pavattiākārassa vasena caturaṅgasamannāgataṃ.

    โกจิ ฉินฺนภินฺนปฎปิโลติกธโร ทสนฺตยุตฺตสฺส วตฺถสฺส อภาวโต นิเจฺจโลติ วตฺตพฺพตํ ลเภยฺยาติ ตํ นิวเตฺตโนฺต อาห ‘‘นโคฺค’’ติฯ เอวํ อกาสิํ, เอวมฺปิ สตฺตปีฬา มา อโหสีติ อธิปฺปาโยฯ ยถา ‘‘อภิหฎํ น สาทิยามี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๕๕) ภิกฺขาปริเยสเน อุกฺกฎฺฐจาริตาทสฺสนํ, เอวํ ‘‘นเอหิ ภทฺทนฺติกาทิภาโวปี’’ติ คเหตพฺพํฯ ปุริสนฺตรคตายาติ ปุริสสมีปคตายฯ สํกิตฺตียนฺติ เอตายาติ สํกิตฺติ, คามวาสิอาทีหิ สมุทายวเสน กริยมานกิริยาฯ อิธ ปน ภตฺตสํกิตฺติ อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘สํกิเตฺตตฺวา กตภเตฺตสู’’ติฯ ททนฺติ ตายาติ ทตฺติฯ เอกาหํ อนฺตรภูตํ เอตสฺส อตฺถีติ เอกาหิกํฯ เอส นโย เสสปเทสุปิฯ เอกาหวาเรนาติ เอกาหิกวาเรนฯ ‘‘เอกาหิก’’นฺติอาทินา วุตฺตวิธิเมว ปฎิปาฎิยา ปวตฺตภาวํ ทเสฺสตุํ ปุน วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘อิติ เอวรูป’’นฺติอาทิฯ

    Koci chinnabhinnapaṭapilotikadharo dasantayuttassa vatthassa abhāvato nicceloti vattabbataṃ labheyyāti taṃ nivattento āha ‘‘naggo’’ti. Evaṃ akāsiṃ, evampi sattapīḷā mā ahosīti adhippāyo. Yathā ‘‘abhihaṭaṃ na sādiyāmī’’tiādi (ma. ni. 1.155) bhikkhāpariyesane ukkaṭṭhacāritādassanaṃ, evaṃ ‘‘naehi bhaddantikādibhāvopī’’ti gahetabbaṃ. Purisantaragatāyāti purisasamīpagatāya. Saṃkittīyanti etāyāti saṃkitti, gāmavāsiādīhi samudāyavasena kariyamānakiriyā. Idha pana bhattasaṃkitti adhippetāti āha ‘‘saṃkittetvā katabhattesū’’ti. Dadanti tāyāti datti. Ekāhaṃ antarabhūtaṃ etassa atthīti ekāhikaṃ. Esa nayo sesapadesupi. Ekāhavārenāti ekāhikavārena. ‘‘Ekāhika’’ntiādinā vuttavidhimeva paṭipāṭiyā pavattabhāvaṃ dassetuṃ puna vuttaṃ. Tenāha ‘‘iti evarūpa’’ntiādi.

    เอรกติณาทีนิ วาติ เอรกติณาทีนิ คนฺถิตฺวา กตนิวาสนานิ ฉวทุสฺสานิ, นิหีนทุสฺสานีติ อโตฺถฯ ตนฺตาวุตานนฺติ ตนฺตํ ปสาเรตฺวา วีตานํฯ ปกติกณฺฎเกติ สลากกณฺฎเกฯ

    Erakatiṇādīni vāti erakatiṇādīni ganthitvā katanivāsanāni chavadussāni, nihīnadussānīti attho. Tantāvutānanti tantaṃ pasāretvā vītānaṃ. Pakatikaṇṭaketi salākakaṇṭake.

    ๑๕๖. เนกวสฺสคณสญฺชาตนฺติ อเนกวสฺสสมูหสญฺชาตํฯ นนุ จ อิทาเนว ‘‘สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุโตฺต’’ติ วุตฺตํ, ‘‘เนกวสฺสคณิกํ รโชชลฺลํ กาเย สนฺนิจิต’’นฺติ จ, ตทุภยํ เอกสฺมิํ กถํ สมฺภวตีติ อาห ‘‘อิทํ อตฺตโน รโชชลฺลกวตสมาทานกาลํ สนฺธาย วทตี’’ติฯ เอเตเนว ‘‘อเจลโก โหมี’’ติ วุตฺตอเจลกปฎิญฺญา, ‘‘สาณานิปิ ธาเรมี’’ติอาทินา วุตฺตฉนฺนกปฎิญฺญา, ตตฺถาปิ สาณ-มสาณ-ฉวทุสฺสาทิ-นิวตฺถ-ปฎิญฺญา จ อวิรุทฺธาติ ทฎฺฐพฺพา ตสฺมิํ ตสฺมิํ กาเล ตถา ตถา ปฎิปนฺนตฺตาฯ เตติ อเจลกาฯ สงฺฆาตนฺติ สพฺพโส ฆาตํฯ เตนาห ‘‘วธ’’นฺติฯ สีลวา นาม นตฺถิ ‘‘อนภิสนฺธิกมฺปิ ปาปํ โหตี’’ติ เอวํ ลทฺธิกตฺตาฯ สีลํ อธิฎฺฐายาติ อิทํ ปฎิกฺกมนกิริยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ

    156.Nekavassagaṇasañjātanti anekavassasamūhasañjātaṃ. Nanu ca idāneva ‘‘sāyatatiyakampi udakorohanānuyogamanuyutto’’ti vuttaṃ, ‘‘nekavassagaṇikaṃ rajojallaṃ kāye sannicita’’nti ca, tadubhayaṃ ekasmiṃ kathaṃ sambhavatīti āha ‘‘idaṃ attano rajojallakavatasamādānakālaṃ sandhāya vadatī’’ti. Eteneva ‘‘acelako homī’’ti vuttaacelakapaṭiññā, ‘‘sāṇānipi dhāremī’’tiādinā vuttachannakapaṭiññā, tatthāpi sāṇa-masāṇa-chavadussādi-nivattha-paṭiññā ca aviruddhāti daṭṭhabbā tasmiṃ tasmiṃ kāle tathā tathā paṭipannattā. Teti acelakā. Saṅghātanti sabbaso ghātaṃ. Tenāha ‘‘vadha’’nti. Sīlavā nāma natthi ‘‘anabhisandhikampi pāpaṃ hotī’’ti evaṃ laddhikattā. Sīlaṃ adhiṭṭhāyāti idaṃ paṭikkamanakiriyaṃ sandhāya vuttaṃ.

    ปาสณฺฑปริคฺคหณตฺถายาติ ปาสเณฺฑสุ อสารสารภาววีมํสนตฺถายฯ ตํ ปพฺพชฺชนฺติ อาชีวกปพฺพชฺชํฯ วิกฎโภชเนติ วิกตโภชเน วิรูปโภชเนฯ เตนาห ‘‘อปกติโภชเน’’ติฯ

    Pāsaṇḍapariggahaṇatthāyāti pāsaṇḍesu asārasārabhāvavīmaṃsanatthāya. Taṃ pabbajjanti ājīvakapabbajjaṃ. Vikaṭabhojaneti vikatabhojane virūpabhojane. Tenāha ‘‘apakatibhojane’’ti.

    ๑๕๗. ภิํสนกตสฺมินฺติ ภาวสาธนภาวี อิทํ ปทนฺติ อาห ‘‘ภิํสนกตสฺมิํ ภิํสนกกิริยายา’’ติฯ ‘‘ภิํสนกตฺตสฺมิ’’นฺติ วตฺตเพฺพ เอกสฺส ต-การสฺส โลโป ทฎฺฐโพฺพฯ เยภุยฺยคฺคหณํ โลมวนฺตวเสนปิ โยเชตพฺพํ, น โลมวเสนาติ อาห ‘‘พหุตรานํ วา’’ติอาทิฯ

    157.Bhiṃsanakatasminti bhāvasādhanabhāvī idaṃ padanti āha ‘‘bhiṃsanakatasmiṃ bhiṃsanakakiriyāyā’’ti. ‘‘Bhiṃsanakattasmi’’nti vattabbe ekassa ta-kārassa lopo daṭṭhabbo. Yebhuyyaggahaṇaṃ lomavantavasenapi yojetabbaṃ, na lomavasenāti āha ‘‘bahutarānaṃ vā’’tiādi.

    สุ-สเทฺท อุ-การสฺส โอ-การํ กตฺวา ปาฬิยํ ‘‘โสตโตฺต’’ติ วุตฺตนฺติ ตทตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘สุตโตฺต’’ติ อาหฯ สุฎฺฐุ อวตโตฺตติ วา โสตโตฺตฯ โสสิโนฺนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สุทฺธิวสนตฺถายาติ สํสารสุทฺธิคเวสนตฺถายฯ

    Su-sadde u-kārassa o-kāraṃ katvā pāḷiyaṃ ‘‘sotatto’’ti vuttanti tadatthaṃ vivaranto ‘‘sutatto’’ti āha. Suṭṭhu avatattoti vā sotatto. Sosinnoti etthāpi eseva nayo. Suddhivasanatthāyāti saṃsārasuddhigavesanatthāya.

    วิหารสฺมินฺติ ปจฺจเตฺต ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘วิหาโร เอว หิ ‘วิหารสฺมิ’นฺติ วุโตฺต’’ติฯ เตเนว จาติ เตเนว วิภตฺติวิปลฺลาสวเสนฯ เอวํ อโตฺถติ อยํ เอวํ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ทุกฺขปฺปโตฺตติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ สพฺพตฺถาติ สุขทุเกฺข ลาภาลาภาทิเก จฯ ตุลิโตติ ตุลาสทิโสฯ

    Vihārasminti paccatte bhummavacananti āha ‘‘vihāro eva hi ‘vihārasmi’nti vutto’’ti. Teneva cāti teneva vibhattivipallāsavasena. Evaṃ atthoti ayaṃ evaṃ liṅgavipallāsavasena attho veditabbo. Dukkhappattoti ānetvā sambandho. Sabbatthāti sukhadukkhe lābhālābhādike ca. Tulitoti tulāsadiso.

    ทุกฺกรการิกาทิสุทฺธิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dukkarakārikādisuddhivaṇṇanā niṭṭhitā.

    อาหารสุทฺธิวณฺณนา

    Āhārasuddhivaṇṇanā

    ๑๕๘. สุชฺฌิตุนฺติ สํสารโต สุชฺฌิตุํฯ

    158.Sujjhitunti saṃsārato sujjhituṃ.

    ๑๕๙. อาสีติกปพฺพานีติ อาสีติกปิฎฺฐิปพฺพานิ, ‘‘กาฬปพฺพานี’’ติ วทนฺติฯ ปพฺพานํ มเชฺฌฯ อุนฺนตุนฺนตานีติ มํเส มิลาเต ทฺวินฺนํ สนฺธีนํ อนฺตเร วาเตนุทฺธุมาตธมนีชาลตาย อุนฺนตานิ อุนฺนตานีติฯ อานิสทนฺติ อานิสทฎฺฐานํฯ นิสินฺนฎฺฐานนฺติ ปํสูหิ, วาลิกาหิ วา นิจิตํ นิสินฺนฎฺฐานํฯ สรโปเงฺขนาติ สรสฺส โปงฺขปฺปเทเสน, สรโปงฺขสญฺญิเตน วา มเคฺคนฯ อกฺกนฺตนฺติ อกฺกนฺตฎฺฐานํฯ ตกฺกโคฬิกสทิสานํ, สรีรฆํสนตฺถํ กต กุรุวินฺทโคฬกานํ วา อาวฬิ วฎฺฎนาหาโรฯ วํสโตติ ปิฎฺฐิวํสโตฯ มณฺฑเลติ ภิตฺติปาทานํ มตฺถเก ฐปิตมณฺฑลเก สีสเคฺคน ปติฎฺฐหนฺติฯ น เอวํ ผาสุฬิโยติ ยถา ยถา วุตฺตโคปานสิโย ปปตา ติฎฺฐนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺตสฺส ผาสุกาปิ ปปตา ฐิตาฯ

    159.Āsītikapabbānīti āsītikapiṭṭhipabbāni, ‘‘kāḷapabbānī’’ti vadanti. Pabbānaṃ majjhe. Unnatunnatānīti maṃse milāte dvinnaṃ sandhīnaṃ antare vātenuddhumātadhamanījālatāya unnatāni unnatānīti. Ānisadanti ānisadaṭṭhānaṃ. Nisinnaṭṭhānanti paṃsūhi, vālikāhi vā nicitaṃ nisinnaṭṭhānaṃ. Sarapoṅkhenāti sarassa poṅkhappadesena, sarapoṅkhasaññitena vā maggena. Akkantanti akkantaṭṭhānaṃ. Takkagoḷikasadisānaṃ, sarīraghaṃsanatthaṃ kata kuruvindagoḷakānaṃ vā āvaḷi vaṭṭanāhāro. Vaṃsatoti piṭṭhivaṃsato. Maṇḍaleti bhittipādānaṃ matthake ṭhapitamaṇḍalake sīsaggena patiṭṭhahanti. Na evaṃ phāsuḷiyoti yathā yathā vuttagopānasiyo papatā tiṭṭhanti, na evaṃ bodhisattassa phāsukāpi papatā ṭhitā.

    โอกฺขายิกาติ อวกฺขายิกา, เหฎฺฐา หุตฺวา นินฺนภาเวน ปญฺญายมานาฯ เอวรูปาติ ยถาวุตฺตรูปา, นินฺนตราติ อโตฺถฯ ยาว ปิฎฺฐิกณฺฎกํ อลฺลีนา โหตีติ มยฺหํ อุทรจฺฉวิ ยาว ปิฎฺฐิกณฺฎกํ, ตาว ตํ อาหจฺจ ฐิตตฺตา อลฺลีนา โหติ อุทริยสฺส ปริกฺขเยน อนฺตานญฺจ สุฎฺฐุมิลาตตายฯ ภาริยภาริยาติ ครุตราฯ สหอุทรจฺฉวิํ ปิฎฺฐิกณฺฎกํ, สหปิฎฺฐิกณฺฎกํ อุทรจฺฉวินฺติ โยชนาฯ เนว นิกฺขมติ อาหารสนฺนิสฺสยอาโปธาตุยา สพฺพโส วิสุกฺขตฺตาฯ ปูติมูลานีติ โลมมูลานํ ปริพฺรูหนเก มํเส โลหิเต จ ปริกฺขีเณ ตานิ สุกฺขานิ ฐานโต ภฎฺฐานิ อภาเวเนว ‘‘ปูติมูลานี’’ติ วุตฺตานิฯ เตนาห ‘‘ตสฺส ปนา’’ติอาทิฯ

    Okkhāyikāti avakkhāyikā, heṭṭhā hutvā ninnabhāvena paññāyamānā. Evarūpāti yathāvuttarūpā, ninnatarāti attho. Yāva piṭṭhikaṇṭakaṃallīnāhotīti mayhaṃ udaracchavi yāva piṭṭhikaṇṭakaṃ, tāva taṃ āhacca ṭhitattā allīnā hoti udariyassa parikkhayena antānañca suṭṭhumilātatāya. Bhāriyabhāriyāti garutarā. Sahaudaracchaviṃ piṭṭhikaṇṭakaṃ, sahapiṭṭhikaṇṭakaṃ udaracchavinti yojanā. Neva nikkhamati āhārasannissayaāpodhātuyā sabbaso visukkhattā. Pūtimūlānīti lomamūlānaṃ paribrūhanake maṃse lohite ca parikkhīṇe tāni sukkhāni ṭhānato bhaṭṭhāni abhāveneva ‘‘pūtimūlānī’’ti vuttāni. Tenāha ‘‘tassa panā’’tiādi.

    อธิคตาติ อิทานิ อธิคตาฯ ยถา เอตรหิ วิปสฺสนาปญฺญาย อธิคตตฺตาติ อิมินา กิญฺจาปิ มหาโพธิสตฺตา ปริปากคตญาณา วสีภูตชฺฌานาภิญฺญา วิปสฺสนาย ปริกมฺมํ กโรนฺติ, ยถา จ เนสํ จริมภเว วิปสฺสนาจาโร, น ตถา ตทาติ ทเสฺสติฯ เอตเทวาติ ยํ เยน วุตฺตํ อตฺถชาตํ, เอตเทว เอตฺถ เอตสฺมิํ ปาฐปเทเส ยุตฺตํ ปุเพฺพนาปรํ อวิรุชฺฌนโตฯ อิตรถาติ ภิกฺขูหิ วุตฺตปฺปกาเรน อนนุรูโป สิยา ‘‘อิมิสฺสา’’ติ วุตฺตาย อญฺญเตฺตฯ

    Adhigatāti idāni adhigatā. Yathā etarahi vipassanāpaññāya adhigatattāti iminā kiñcāpi mahābodhisattā paripākagatañāṇā vasībhūtajjhānābhiññā vipassanāya parikammaṃ karonti, yathā ca nesaṃ carimabhave vipassanācāro, na tathā tadāti dasseti. Etadevāti yaṃ yena vuttaṃ atthajātaṃ, etadeva ettha etasmiṃ pāṭhapadese yuttaṃ pubbenāparaṃ avirujjhanato. Itarathāti bhikkhūhi vuttappakārena ananurūpo siyā ‘‘imissā’’ti vuttāya aññatte.

    อาหารสุทฺธิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Āhārasuddhivaṇṇanā niṭṭhitā.

    สํสารสุทฺธิอาทิวณฺณนา

    Saṃsārasuddhiādivaṇṇanā

    ๑๖๐. สํสาเรนาติ อปราปรํ จวนุปปชฺชนวเสน ภเวสุ สํสรเณนฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

    160.Saṃsārenāti aparāparaṃ cavanupapajjanavasena bhavesu saṃsaraṇena. Yaṃ sandhāya vuttaṃ –

    ‘‘ขนฺธานญฺจ ปฎิปาฎิ, ธาตุอายตนาน จ;

    ‘‘Khandhānañca paṭipāṭi, dhātuāyatanāna ca;

    อโพฺพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙; ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๙๕; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๔.๑๙๙; ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา; วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๖; สุ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๕๒๓; อุทา. อฎฺฐ. ๓๙; อิติวุ. อฎฺฐ. ๑๔, ๕๘; เถรคา. อฎฺฐ. ๑.๖๗, ๙๙; พุ. วํ. อฎฺฐ. ๕๘; จูฬนิ. อฎฺฐ. ๖; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๒.๑.๑๑๗; วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๑.๑๒๗; อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๙; สารตฺถ. ฎี. ๑.๑);

    Abbocchinnaṃ vattamānā, saṃsāroti pavuccatī’’ti. (visuddhi. 2.619; dī. ni. aṭṭha. 2.95; saṃ. ni. aṭṭha. 2.2.60; a. ni. aṭṭha. 2.4.199; dha. sa. aṭṭha. nidānakathā; vibha. aṭṭha. 226; su. ni. aṭṭha. 2.523; udā. aṭṭha. 39; itivu. aṭṭha. 14, 58; theragā. aṭṭha. 1.67, 99; bu. vaṃ. aṭṭha. 58; cūḷani. aṭṭha. 6; paṭi. ma. aṭṭha. 2.1.117; visuddhi. mahāṭī. 1.127; a. ni. ṭī. 2.4.9; sārattha. ṭī. 1.1);

    พหุกนฺติ พหุกาลํ พหุกฺขตฺตุํฯ อุปปชฺชิตฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ ภเว นิพฺพตฺติตฺวาฯ อาวาเสนาติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สตฺตาวาเส อาวสเนน นิพฺพตฺติตฺวา ชีวเนนฯ ขนฺธาเยว วุตฺตา เตสํเยว ปวตฺติวิเสสสฺส เตน เตน ปริยาเยน วุตฺตตฺตาฯ พหุยาเคติ อชสูกรโคมายฺวาทิเก พหุวิเธ มหายเญฺญฯ พหุอคฺคีติ วาจาเปยฺยาทิวเสน อนฺตมโส ปากยญฺญาทิวเสน จ พหุเกปิ อคฺคี ปริจรเณนฯ

    Bahukanti bahukālaṃ bahukkhattuṃ. Upapajjitvāti tattha tattha bhave nibbattitvā. Āvāsenāti tasmiṃ tasmiṃ sattāvāse āvasanena nibbattitvā jīvanena. Khandhāyeva vuttā tesaṃyeva pavattivisesassa tena tena pariyāyena vuttattā. Bahuyāgeti ajasūkaragomāyvādike bahuvidhe mahāyaññe. Bahuaggīti vācāpeyyādivasena antamaso pākayaññādivasena ca bahukepi aggī paricaraṇena.

    ๑๖๑. พาลทารโกปิ ‘‘ทหโร’’ติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ยุวา’’ติ วุตฺตํฯ อติกฺกนฺตปฐมวยา สตฺตา สภาเวน ปลิตสิรา โหนฺตีติ ปฐมวเย ฐิตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘สุสุกาฬเกโส’’ติ วุตฺตํฯ ชราชิโณฺณติ ชราย ชิโณฺณ, น อกาลิเกน ชราย อภิภูโตฯ อุกฺกํสคตพุทฺธตาย วุโทฺธฯ เตนาห ‘‘วฑฺฒิตฺวา ฐิตองฺคปจฺจโงฺค’’ติ, อาโรหปริณาหวเสน วุทฺธิรหิโตติ อโตฺถฯ ชาติมหลฺลโกติ ชาติยา มหลฺลโก, น โภคปริวาราทีหีติ อโตฺถฯ อทฺธคโตติ เอตฺถ อทฺธ-สโทฺท ทีฆกาลวาจีติ อาห ‘‘พหุอทฺธานํ คโต’’ติฯ วโยติอาทิปทโลเปนายํ นิเทฺทโสติ อาห ‘‘ปจฺฉิมวย’’นฺติฯ ปทสตมฺปิ…เป.… สมตฺถตาติ ปทสตมฺปิ ปทสหสฺสมฺปิ โสตปถมาคจฺฉนฺตเมว อุคฺคหณสมตฺถตา ปริคฺคเหตุํ สมตฺถตาฯ อยญฺจ คติยา พฺยาปาโรติ สกฺกา วิญฺญาตุํ คหณมตฺตภาวโตฯ ตเทวาติ ปทสตมฺปิ ปทสหสฺสมฺปิฯ อาธารณํ อปิลาปนวเสน หทเย ธารณํฯ อุปนิพนฺธนํ ยถา น ปมุฎฺฐํ โหติ, ตถา อุเปจฺจ อปราปรํ นิพนฺธนํฯ อยํ ปน สติยา พฺยาปาโรติ สกฺกา วิญฺญาตุํฯ ปาฬิยญฺจ ‘‘ปรมาย คติยา จ สติยา จ ธิติยา จา’’ติ วุตฺตํ, ปรโต จ ‘‘เอวํ อธิมตฺตคติมโนฺต’’ติ วุตฺตํฯ สมตฺถวีริยํ ธิติ นามาติ วิสิฎฺฐวิสยํ ทเสฺสโนฺต ยถาวุตฺตสติสมาโยคํ ตสฺส ทีเปติฯ ตสฺสาติ ยถาวุตฺตคติสติธิตีหิ สุภธาตวจีปริจิตสฺส ปริยตฺติธมฺมสฺส อาคมวเสน อตฺถทสฺสนสมตฺถตา ยุตฺติวเสน การณทสฺสนสมตฺถตาฯ

    161. Bāladārakopi ‘‘daharo’’ti vuccatīti tato visesanatthaṃ ‘‘yuvā’’ti vuttaṃ. Atikkantapaṭhamavayā sattā sabhāvena palitasirā hontīti paṭhamavaye ṭhitabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘susukāḷakeso’’ti vuttaṃ. Jarājiṇṇoti jarāya jiṇṇo, na akālikena jarāya abhibhūto. Ukkaṃsagatabuddhatāya vuddho. Tenāha ‘‘vaḍḍhitvā ṭhitaaṅgapaccaṅgo’’ti, ārohapariṇāhavasena vuddhirahitoti attho. Jātimahallakoti jātiyā mahallako, na bhogaparivārādīhīti attho. Addhagatoti ettha addha-saddo dīghakālavācīti āha ‘‘bahuaddhānaṃ gato’’ti. Vayotiādipadalopenāyaṃ niddesoti āha ‘‘pacchimavaya’’nti. Padasatampi…pe… samatthatāti padasatampi padasahassampi sotapathamāgacchantameva uggahaṇasamatthatā pariggahetuṃ samatthatā. Ayañca gatiyā byāpāroti sakkā viññātuṃ gahaṇamattabhāvato. Tadevāti padasatampi padasahassampi. Ādhāraṇaṃ apilāpanavasena hadaye dhāraṇaṃ. Upanibandhanaṃ yathā na pamuṭṭhaṃ hoti, tathā upecca aparāparaṃ nibandhanaṃ. Ayaṃ pana satiyā byāpāroti sakkā viññātuṃ. Pāḷiyañca ‘‘paramāya gatiyā ca satiyā ca dhitiyā cā’’ti vuttaṃ, parato ca ‘‘evaṃ adhimattagatimanto’’ti vuttaṃ. Samatthavīriyaṃ dhiti nāmāti visiṭṭhavisayaṃ dassento yathāvuttasatisamāyogaṃ tassa dīpeti. Tassāti yathāvuttagatisatidhitīhi subhadhātavacīparicitassa pariyattidhammassa āgamavasena atthadassanasamatthatā yuttivasena kāraṇadassanasamatthatā.

    ทฬฺหํ (อ. นิ. ฎี. ๓.๙.๓๘) ถิรํ ธนุ เอตสฺสาติ ทฬฺหธนฺวา, โส เอว อิธ ‘‘ทฬฺหธมฺมา’’ติ วุโตฺตฯ ปฎิสตฺตุวิธมนตฺถํ ธนุํ คณฺหาตีติ ธนุคฺคโห, โส เอว อุสุํ สรํ อสติ ขิปตีติ อิสฺสาโสติ อาห ‘‘ธนุํ คเหตฺวา ฐิโต อิสฺสาโส’’ติฯ ทฺวิสหสฺสปลํ โลหาทิภารํ วหิตุํ สมตฺถํ ทฺวิสหสฺสถามํฯ เตนาห ‘‘ทฺวิสหสฺสถามํ นามา’’ติอาทิฯ ทเณฺฑติ ธนุทเณฺฑฯ ยาว กณฺฑปฺปมาณาติ ทีฆโต ยตฺตกํ กณฺฑสฺส ปมาณํ, ตตฺตเก ธนุทเณฺฑ อุกฺขิตฺตมเตฺต อาโรปิโต เจว โหติ ชิยาทโณฺฑ, โส จ ภาโร ปถวิโต มุจฺจติ, เอวํ อิทํ ‘‘ทฺวิสหสฺสถามํ นาม ธนูติ ทฎฺฐพฺพํฯ อุคฺคหิตสิโปฺปติ อุคฺคหิตธนุสิโปฺปฯ กตหโตฺถติ ถิรตรํ ลเกฺขสุ อวิรชฺฌนสรเกฺขโปฯ อีทิโส ปน ตตฺถ วสีภูโต กตหโตฺถ นาม โหตีติ อาห ‘‘จิณฺณวสีภาโว’’ติฯ กตํ ราชกุลาทีสุ อุเปจฺจ อสนํ เอเตน โส กตูปาสโนติ อาห ‘‘ราชกุลาทีสุ ทสฺสิตสิโปฺป’’ติฯ เอวํ กตนฺติ เอวํ อโนฺตสุสิรกรณาทินา สลฺลหุกํ กตํฯ

    Daḷhaṃ (a. ni. ṭī. 3.9.38) thiraṃ dhanu etassāti daḷhadhanvā, so eva idha ‘‘daḷhadhammā’’ti vutto. Paṭisattuvidhamanatthaṃ dhanuṃ gaṇhātīti dhanuggaho, so eva usuṃ saraṃ asati khipatīti issāsoti āha ‘‘dhanuṃ gahetvā ṭhito issāso’’ti. Dvisahassapalaṃ lohādibhāraṃ vahituṃ samatthaṃ dvisahassathāmaṃ. Tenāha ‘‘dvisahassathāmaṃ nāmā’’tiādi. Daṇḍeti dhanudaṇḍe. Yāva kaṇḍappamāṇāti dīghato yattakaṃ kaṇḍassa pamāṇaṃ, tattake dhanudaṇḍe ukkhittamatte āropito ceva hoti jiyādaṇḍo, so ca bhāro pathavito muccati, evaṃ idaṃ ‘‘dvisahassathāmaṃ nāma dhanūti daṭṭhabbaṃ. Uggahitasippoti uggahitadhanusippo. Katahatthoti thirataraṃ lakkhesu avirajjhanasarakkhepo. Īdiso pana tattha vasībhūto katahattho nāma hotīti āha ‘‘ciṇṇavasībhāvo’’ti. Kataṃ rājakulādīsu upecca asanaṃ etena so katūpāsanoti āha ‘‘rājakulādīsu dassitasippo’’ti. Evaṃ katanti evaṃ antosusirakaraṇādinā sallahukaṃ kataṃ.

    โอโลเกตีติ อุทิกฺขติฯ เอวํ สเนฺตปิ เตสํ วาโร ปญฺญายตีติ เตสํ ภิกฺขูนํ ‘‘อยํ ปฐมํ ปุจฺฉติ, อยํ ทุติย’’นฺติอาทินา ปุจฺฉนวาโร ตาทิสสฺส ปญฺญวโต ปญฺญายติ สุขุมสฺส อนฺตรสฺส ลพฺภนโตฯ พุทฺธานํ ปน วาโรติ อีทิเส ฐาเน พุทฺธานํ เทสนาวาโร อเญฺญสํ นปญฺญายนโต พุทฺธานํเยว ปญฺญายติฯ อิทานิ ตเมว ปญฺญายนตํ ยุตฺติโต ทเสฺสโนฺต ‘‘วิทตฺถิจตุรงฺคุลฉาย’’นฺติอาทิมาหฯ อจฺฉราสงฺฆาฎมเตฺต ขเณ อเนก-โกฎิสหสฺส-จิตฺตปวตฺติสมฺภวโต ‘‘วิทตฺถิจตุรงฺคุลฉายํ อติกฺกมนโต ปุเรตรํเยว ภควา…เป.… กเถตี’’ติ วตฺวา ตโต ลหุตราปิ สตฺถุ เทสนาปวตฺติ อเตฺถวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ติฎฺฐนฺตุ วา ตาว เอเต’’ติอาทิมาหฯ อิทานิ ตตฺถ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โสฬส ปทานิ กเถตีติ เอเตน โลกิยชนสฺส เอกปทุจฺจารณกฺขเณ ภควา อฎฺฐวีสสตปทานิ กเถตีติ ทเสฺสติฯ อิทานิ ตสฺสปิ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Oloketīti udikkhati. Evaṃ santepi tesaṃ vāro paññāyatīti tesaṃ bhikkhūnaṃ ‘‘ayaṃ paṭhamaṃ pucchati, ayaṃ dutiya’’ntiādinā pucchanavāro tādisassa paññavato paññāyati sukhumassa antarassa labbhanato. Buddhānaṃ pana vāroti īdise ṭhāne buddhānaṃ desanāvāro aññesaṃ napaññāyanato buddhānaṃyeva paññāyati. Idāni tameva paññāyanataṃ yuttito dassento ‘‘vidatthicaturaṅgulachāya’’ntiādimāha. Accharāsaṅghāṭamatte khaṇe aneka-koṭisahassa-cittapavattisambhavato ‘‘vidatthicaturaṅgulachāyaṃ atikkamanato puretaraṃyeva bhagavā…pe… kathetī’’ti vatvā tato lahutarāpi satthu desanāpavatti atthevāti dassento ‘‘tiṭṭhantu vā tāva ete’’tiādimāha. Idāni tattha kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘kasmā’’tiādi vuttaṃ. Soḷasa padāni kathetīti etena lokiyajanassa ekapaduccāraṇakkhaṇe bhagavā aṭṭhavīsasatapadāni kathetīti dasseti. Idāni tassapi kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘kasmā’’tiādi vuttaṃ.

    ธโมฺมติ ปาฬิฯ ปชฺชติ อโตฺถ เอเตนาติ ปทํ, ตทโตฺถฯ อตฺถํ พฺยเญฺชตีติ พฺยญฺชนํ, อกฺขรํฯ ตญฺหิ ปทวากฺยกฺขรภาเวหิ ปริจฺฉิชฺชมานํ ตํ ตํ อตฺถํ พฺยเญฺชติ ปกาเสติฯ เตนาห ‘‘ธมฺมปทพฺยญฺชนนฺติ ปาฬิยา ปทพฺยญฺชนํ, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส พฺยญฺชนกํ อกฺขร’’นฺติฯ เอเตน อปราปเรหิ ปทพฺยญฺชเนหิ สุจิรมฺปิ กาลํ กเถนฺตสฺส ตถาคตสฺส น กทาจิ เตสํ ปริยาทานํ อตฺถีติ ทเสฺสติฯ ปญฺหํ พฺยากโรนฺติ เอเตนาติ ปญฺหพฺยากรณํ, ตถาปวตฺตปฎิภานํฯ อปริกฺขยปฎิภานา หิ พุทฺธา ภควโนฺต, ยโต วุตฺตํ ‘‘นตฺถิ ธมฺมเทสนาย หานี’’ติ (ที. นิ. ฎี. ๓.๑๔๑, ๓๐๕; วิภ. มูลฎี. ๑.สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา)ฯ เตนาห ‘‘อิมินา กิํ ทเสฺสตี’’ติอาทิฯ ตถา อาสนฺนปรินิพฺพานสฺสปิ ภควโต เทสนาย อิตราย จ วิเสสาตาโวติ ปฐมพุทฺธวจนมฺปิ มชฺฌิมพุทฺธวจนมฺปิ ปจฺฉิมพุทฺธวจนมฺปิ สทิสเมวฯ อาสีติกวสฺสโต ปรํ ปญฺจโม อายุโกฎฺฐาโส

    Dhammoti pāḷi. Pajjati attho etenāti padaṃ, tadattho. Atthaṃ byañjetīti byañjanaṃ, akkharaṃ. Tañhi padavākyakkharabhāvehi paricchijjamānaṃ taṃ taṃ atthaṃ byañjeti pakāseti. Tenāha ‘‘dhammapadabyañjananti pāḷiyā padabyañjanaṃ, tassa tassa atthassa byañjanakaṃ akkhara’’nti. Etena aparāparehi padabyañjanehi sucirampi kālaṃ kathentassa tathāgatassa na kadāci tesaṃ pariyādānaṃ atthīti dasseti. Pañhaṃ byākaronti etenāti pañhabyākaraṇaṃ, tathāpavattapaṭibhānaṃ. Aparikkhayapaṭibhānā hi buddhā bhagavanto, yato vuttaṃ ‘‘natthi dhammadesanāya hānī’’ti (dī. ni. ṭī. 3.141, 305; vibha. mūlaṭī. 1.suttantabhājanīyavaṇṇanā). Tenāha ‘‘iminā kiṃ dassetī’’tiādi. Tathā āsannaparinibbānassapi bhagavato desanāya itarāya ca visesātāvoti paṭhamabuddhavacanampi majjhimabuddhavacanampi pacchimabuddhavacanampi sadisameva. Āsītikavassato paraṃ pañcamo āyukoṭṭhāso.

    ๑๖๒. กามเญฺจตฺถ ภควตา นาคสมาลเตฺถรสฺส อจฺฉริยอพฺภุตปเวทนมุเขน อตฺตโน โลมานํ หฎฺฐภาวสฺส ปเวทิตตฺตา ‘‘โลมหํสนปริยาโย’’ติ นามํ คหิตํ, ตถาปิ สพฺพญฺญุตญฺญาณาทิ-อนญฺญสาธารณญาณานุภาว-วิภาวนาทิวเสน โสฬสสมูหโต สีหนาทสฺส นทเนน เทสนาย ปวตฺติตตฺตา ‘‘มหาสีหนาโท’’เตฺวว สงฺคีติการมหาเถเรหิ นามํ ฐปิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    162. Kāmañcettha bhagavatā nāgasamālattherassa acchariyaabbhutapavedanamukhena attano lomānaṃ haṭṭhabhāvassa paveditattā ‘‘lomahaṃsanapariyāyo’’ti nāmaṃ gahitaṃ, tathāpi sabbaññutaññāṇādi-anaññasādhāraṇañāṇānubhāva-vibhāvanādivasena soḷasasamūhato sīhanādassa nadanena desanāya pavattitattā ‘‘mahāsīhanādo’’tveva saṅgītikāramahātherehi nāmaṃ ṭhapitanti daṭṭhabbaṃ.

    มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Mahāsīhanādasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๒. มหาสีหนาทสุตฺตํ • 2. Mahāsīhanādasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา • 2. Mahāsīhanādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact