Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จริยาปิฎก-อฎฺฐกถา • Cariyāpiṭaka-aṭṭhakathā |
๔. มหาสุทสฺสนจริยาวณฺณนา
4. Mahāsudassanacariyāvaṇṇanā
๒๘. จตุเตฺถ กุสาวติมฺหิ นคเรติ กุสาวตีนามเก นคเร, ยสฺมิํ ฐาเน เอตรหิ กุสินารา นิวิฎฺฐาฯ มหีปตีติ ขตฺติโย, นาเมน มหาสุทสฺสโน นามฯ จกฺกวตฺตีติ จกฺกรตนํ วเตฺตติ จตูหิ วา สมฺปตฺติจเกฺกหิ วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ ปวเตฺตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วโตฺต เอตสฺมิํ อตฺถีติปิ จกฺกวตฺตีฯ อถ วา จตูหิ อจฺฉริยธเมฺมหิ สงฺคหวตฺถูหิ จ สมนฺนาคเตน, ปเรหิ อนภิภวนียสฺส อนติกฺกมนียสฺส อาณาสงฺขาตสฺส จกฺกสฺส วโตฺต เอตสฺมิํ อตฺถีติปิ จกฺกวตฺตีฯ ปริณายกรตนปุพฺพงฺคเมน หตฺถิรตนาทิปมุเขน มหาพลกาเยน ปุญฺญานุภาวนิพฺพเตฺตน กายพเลน จ สมนฺนาคตตฺตา มหพฺพโลฯ ยทา อาสินฺติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
28. Catutthe kusāvatimhi nagareti kusāvatīnāmake nagare, yasmiṃ ṭhāne etarahi kusinārā niviṭṭhā. Mahīpatīti khattiyo, nāmena mahāsudassano nāma. Cakkavattīti cakkaratanaṃ vatteti catūhi vā sampatticakkehi vattati, tehi ca paraṃ pavatteti, parahitāya ca iriyāpathacakkānaṃ vatto etasmiṃ atthītipi cakkavattī. Atha vā catūhi acchariyadhammehi saṅgahavatthūhi ca samannāgatena, parehi anabhibhavanīyassa anatikkamanīyassa āṇāsaṅkhātassa cakkassa vatto etasmiṃ atthītipi cakkavattī. Pariṇāyakaratanapubbaṅgamena hatthiratanādipamukhena mahābalakāyena puññānubhāvanibbattena kāyabalena ca samannāgatattā mahabbalo. Yadā āsinti sambandho. Tatrāyaṃ anupubbikathā –
อตีเต กิร มหาปุริโส สุทสฺสนตฺตภาวโต ตติเย อตฺตภาเว คหปติกุเล นิพฺพโตฺต ธรมานกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน เอกํ เถรํ อรญฺญวาสํ วสนฺตํ อตฺตโน กเมฺมน อรญฺญํ ปวิโฎฺฐ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อิธ มยา อยฺยสฺส ปณฺณสาลํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา อตฺตโน กมฺมํ ปหาย ทพฺพสมฺภารํ ฉินฺทิตฺวา นิวาสโยคฺคํ ปณฺณสาลํ กตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา กฎฺฐตฺถรณํ กตฺวา ‘‘กริสฺสติ นุ โข ปริโภคํ, น นุ โข กริสฺสตี’’ติ เอกมเนฺต นิสีทิฯ เถโร อโนฺตคามโต อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา กฎฺฐตฺถรเณ นิสีทิฯ มหาสโตฺตปิ นํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ผาสุกา, ภเนฺต, ปณฺณสาลา’’ติ ปุจฺฉิฯ ผาสุกา, ภทฺทมุข, ปพฺพชิตสารุปฺปาติฯ วสิสฺสถ, ภเนฺต, อิธาติ? อาม, อุปาสกาติฯ โส อธิวาสนากาเรเนว ‘‘วสิสฺสตี’’ติ ญตฺวา ‘‘นิพทฺธํ มยฺหํ ฆรทฺวารํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ ปฎิชานาเปตฺวา นิจฺจํ อตฺตโน ฆเรเยว ภตฺตวิสฺสคฺคํ การาเปสิฯ โส ปณฺณสาลายํ กฎสารกํ ปตฺถริตฺวา มญฺจปีฐํ ปญฺญเปสิ, อปเสฺสนํ นิกฺขิปิ, ปาทกฐลิกํ ฐเปสิ, โปกฺขรณิํ ขณิ, จงฺกมํ กตฺวา วาลุกํ โอกิริ, ปริสฺสยวิโนทนตฺถํ ปณฺณสาลํ กณฺฎกวติยา ปริกฺขิปิ, ตถา โปกฺขรณิํ จงฺกมญฺจฯ เตสํ อโนฺตวติปริยเนฺต ตาลปนฺติโย โรเปสิฯ เอวมาทินา อาวาสํ นิฎฺฐาเปตฺวา เถรสฺส ติจีวรํ อาทิํ กตฺวา สพฺพํ สมณปริกฺขารํ อทาสิฯ เถรสฺส หิ ตทา โพธิสเตฺตน ติจีวรปิณฺฑปาตปตฺตถาลกปริสฺสาวนธมกรณปริโภคภาชนฉตฺตุปาหนอุทกตุมฺพสูจิกตฺตร- ยฎฺฐิอารกณฺฎกปิปฺผลินขเจฺฉทนปทีเปยฺยาทิ ปพฺพชิตานํ ปริโภคชาตํ อทินฺนํ นาม นาโหสิฯ โส ปญฺจ สีลานิ รกฺขโนฺต อุโปสถํ กโรโนฺต ยาวชีวํ เถรํ อุปฎฺฐหิฯ เถโร ตเตฺถว วสโนฺต อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายิฯ
Atīte kira mahāpuriso sudassanattabhāvato tatiye attabhāve gahapatikule nibbatto dharamānakassa buddhassa sāsane ekaṃ theraṃ araññavāsaṃ vasantaṃ attano kammena araññaṃ paviṭṭho rukkhamūle nisinnaṃ disvā ‘‘idha mayā ayyassa paṇṇasālaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā attano kammaṃ pahāya dabbasambhāraṃ chinditvā nivāsayoggaṃ paṇṇasālaṃ katvā dvāraṃ yojetvā kaṭṭhattharaṇaṃ katvā ‘‘karissati nu kho paribhogaṃ, na nu kho karissatī’’ti ekamante nisīdi. Thero antogāmato āgantvā paṇṇasālaṃ pavisitvā kaṭṭhattharaṇe nisīdi. Mahāsattopi naṃ upasaṅkamitvā ‘‘phāsukā, bhante, paṇṇasālā’’ti pucchi. Phāsukā, bhaddamukha, pabbajitasāruppāti. Vasissatha, bhante, idhāti? Āma, upāsakāti. So adhivāsanākāreneva ‘‘vasissatī’’ti ñatvā ‘‘nibaddhaṃ mayhaṃ gharadvāraṃ āgantabba’’nti paṭijānāpetvā niccaṃ attano ghareyeva bhattavissaggaṃ kārāpesi. So paṇṇasālāyaṃ kaṭasārakaṃ pattharitvā mañcapīṭhaṃ paññapesi, apassenaṃ nikkhipi, pādakaṭhalikaṃ ṭhapesi, pokkharaṇiṃ khaṇi, caṅkamaṃ katvā vālukaṃ okiri, parissayavinodanatthaṃ paṇṇasālaṃ kaṇṭakavatiyā parikkhipi, tathā pokkharaṇiṃ caṅkamañca. Tesaṃ antovatipariyante tālapantiyo ropesi. Evamādinā āvāsaṃ niṭṭhāpetvā therassa ticīvaraṃ ādiṃ katvā sabbaṃ samaṇaparikkhāraṃ adāsi. Therassa hi tadā bodhisattena ticīvarapiṇḍapātapattathālakaparissāvanadhamakaraṇaparibhogabhājanachattupāhanaudakatumbasūcikattara- yaṭṭhiārakaṇṭakapipphalinakhacchedanapadīpeyyādi pabbajitānaṃ paribhogajātaṃ adinnaṃ nāma nāhosi. So pañca sīlāni rakkhanto uposathaṃ karonto yāvajīvaṃ theraṃ upaṭṭhahi. Thero tattheva vasanto arahattaṃ patvā parinibbāyi.
๒๙. โพธิสโตฺตปิ ยาวตายุกํ ปุญฺญํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉโนฺต กุสาวติยา ราชธานิยา นิพฺพตฺติตฺวา มหาสุทสฺสโน นาม ราชา อโหสิ จกฺกวตฺตีฯ ตสฺสิสฺสริยานุภาโว ‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน นาม อโหสิ ขตฺติโย มุทฺธาวสิโตฺต’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๒๔๒) นเยน สุเตฺต อาคโต เอวฯ ตสฺส กิร จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสาวตีราชธานิปฺปมุขานิ, จตุราสีติ ปาสาทสหสฺสานิ ธมฺมปาสาทปฺปมุขานิ, จตุราสีติ กูฎาคารสหสฺสานิ มหาพฺยูหกูฎาคารปฺปมุขานิ, ตานิ สพฺพานิ ตสฺส เถรสฺส กตาย เอกิสฺสา ปณฺณสาลาย นิสฺสเนฺทน นิพฺพตฺตานิ, จตุราสีติ ปลฺลงฺกสหสฺสานิ นาคสหสฺสานิ อสฺสสหสฺสานิ รถสหสฺสานิ ตสฺส ทินฺนสฺส มญฺจปีฐสฺส, จตุราสีติ มณิสหสฺสานิ ตสฺส ทินฺนสฺส ปทีปสฺส, จตุราสีติ โปกฺขรณิสหสฺสานิ เอกโปกฺขรณิยา, จตุราสีติ อิตฺถิสหสฺสานิ ปุตฺตสหสฺสานิ คหปติสหสฺสานิ จ ปตฺตถาลกาทิปริโภคารหสฺส ปพฺพชิตปริกฺขารทานสฺส, จตุราสีติ เธนุสหสฺสานิ ปญฺจโครสทานสฺส, จตุราสีติ วตฺถโกฎฺฐสหสฺสานิ นิวาสนปารุปนทานสฺส, จตุราสีติ ถาลิปากสหสฺสานิ โภชนทานสฺส นิสฺสเนฺทน นิพฺพตฺตานิฯ โส สตฺตหิ รตเนหิ จตูหิ อิทฺธีหิ จ สมนฺนาคโต ราชาธิราชา หุตฺวา สกลํ สาครปริยนฺตํ ปถวิมณฺฑลํ ธเมฺมน อภิวิชิย อชฺฌาวสโนฺต อเนกสเตสุ ฐาเนสุ ทานสาลาโย กาเรตฺวา มหาทานํ ปฎฺฐเปสิฯ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ นคเร เภริํ จราเปสิ ‘‘โย ยํ อิจฺฉติ, โส ทานสาลาสุ อาคนฺตฺวา ตํ คณฺหาตู’’ติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺถาหํ ทิวเส ติกฺขตฺตุํ, โฆสาเปมิ ตหิํ ตหิ’’นฺติอาทิฯ
29. Bodhisattopi yāvatāyukaṃ puññaṃ katvā devaloke nibbattitvā tato cuto manussalokaṃ āgacchanto kusāvatiyā rājadhāniyā nibbattitvā mahāsudassano nāma rājā ahosi cakkavattī. Tassissariyānubhāvo ‘‘bhūtapubbaṃ, ānanda, rājā mahāsudassano nāma ahosi khattiyo muddhāvasitto’’tiādinā (dī. ni. 2.242) nayena sutte āgato eva. Tassa kira caturāsīti nagarasahassāni kusāvatīrājadhānippamukhāni, caturāsīti pāsādasahassāni dhammapāsādappamukhāni, caturāsīti kūṭāgārasahassāni mahābyūhakūṭāgārappamukhāni, tāni sabbāni tassa therassa katāya ekissā paṇṇasālāya nissandena nibbattāni, caturāsīti pallaṅkasahassāni nāgasahassāni assasahassāni rathasahassāni tassa dinnassa mañcapīṭhassa, caturāsīti maṇisahassāni tassa dinnassa padīpassa, caturāsīti pokkharaṇisahassāni ekapokkharaṇiyā, caturāsīti itthisahassāni puttasahassāni gahapatisahassāni ca pattathālakādiparibhogārahassa pabbajitaparikkhāradānassa, caturāsīti dhenusahassāni pañcagorasadānassa, caturāsīti vatthakoṭṭhasahassāni nivāsanapārupanadānassa, caturāsīti thālipākasahassāni bhojanadānassa nissandena nibbattāni. So sattahi ratanehi catūhi iddhīhi ca samannāgato rājādhirājā hutvā sakalaṃ sāgarapariyantaṃ pathavimaṇḍalaṃ dhammena abhivijiya ajjhāvasanto anekasatesu ṭhānesu dānasālāyo kāretvā mahādānaṃ paṭṭhapesi. Divasassa tikkhattuṃ nagare bheriṃ carāpesi ‘‘yo yaṃ icchati, so dānasālāsu āgantvā taṃ gaṇhātū’’ti. Tena vuttaṃ ‘‘tatthāhaṃ divase tikkhattuṃ, ghosāpemi tahiṃ tahi’’ntiādi.
ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ นคเรฯ ‘‘ตทาห’’นฺติปิ ปาโฐ, ตสฺส ตทา อหํ, มหาสุทสฺสนกาเลติ อโตฺถฯ ตหิํ ตหินฺติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน, ตสฺส ตสฺส ปาการสฺส อโนฺต จ พหิ จาติ อโตฺถฯ โก กิํ อิจฺฉตีติ พฺราหฺมณาทีสุ โย โกจิ สโตฺต อนฺนาทีสุ เทยฺยธเมฺมสุ ยํ กิญฺจิ อิจฺฉติฯ ปเตฺถตีติ ตเสฺสว เววจนํฯ กสฺส กิํ ทียตุ ธนนฺติ อเนกวารํ ปริยายนฺตเรหิ จ ทานโฆสนาย ปวตฺติตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เอเตน ทานปารมิยา สรูปํ ทเสฺสติฯ เทยฺยธมฺมปฎิคฺคาหกวิกปฺปรหิตา หิ โพธิสตฺตานํ ทานปารมีติฯ
Tattha tatthāti tasmiṃ nagare. ‘‘Tadāha’’ntipi pāṭho, tassa tadā ahaṃ, mahāsudassanakāleti attho. Tahiṃ tahinti tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne, tassa tassa pākārassa anto ca bahi cāti attho. Ko kiṃ icchatīti brāhmaṇādīsu yo koci satto annādīsu deyyadhammesu yaṃ kiñci icchati. Patthetīti tasseva vevacanaṃ. Kassa kiṃ dīyatu dhananti anekavāraṃ pariyāyantarehi ca dānaghosanāya pavattitabhāvadassanatthaṃ vuttaṃ, etena dānapāramiyā sarūpaṃ dasseti. Deyyadhammapaṭiggāhakavikapparahitā hi bodhisattānaṃ dānapāramīti.
๓๐. อิทานิ ทานโฆสนาย ตสฺส ตสฺส เทยฺยธมฺมสฺส อนุจฺฉวิกปุคฺคลปริกิตฺตนํ ทเสฺสตุํ ‘‘โก ฉาตโก’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
30. Idāni dānaghosanāya tassa tassa deyyadhammassa anucchavikapuggalaparikittanaṃ dassetuṃ ‘‘ko chātako’’tiādi vuttaṃ.
ตตฺถ ฉาตโกติ ชิฆจฺฉิโตฯ ตสิโตติ ปิปาสิโตฯ โก มาลํ โก วิเลปนนฺติปิ ‘‘อิจฺฉตี’’ติ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ นโคฺคติ วตฺถวิกโล, วเตฺถน อตฺถิโกติ อธิปฺปาโยฯ ปริทหิสฺสตีติ นิวาสิสฺสติฯ
Tattha chātakoti jighacchito. Tasitoti pipāsito. Ko mālaṃ ko vilepanantipi ‘‘icchatī’’ti padaṃ ānetvā yojetabbaṃ. Naggoti vatthavikalo, vatthena atthikoti adhippāyo. Paridahissatīti nivāsissati.
๓๑. โก ปเถ ฉตฺตมาเทตีติ โก ปถิโก ปเถ มเคฺค อตฺตโน วสฺสวาตาตปรกฺขณตฺถํ ฉตฺตํ คณฺหาติ, ฉเตฺตน อตฺถิโกติ อโตฺถฯ โกปาหนา มุทู สุภาติ ทสฺสนียตาย สุภา สุขสมฺผสฺสตาย มุทู อุปาหนา อตฺตโน ปาทานํ จกฺขูนญฺจ รกฺขณตฺถํฯ โก อาเทตีติ โก ตาหิ อตฺถิโกติ อธิปฺปาโยฯ สายญฺจ ปาโต จาติ เอตฺถ จ-สเทฺทน มชฺฌนฺหิเก จาติ อาหริตฺวา วตฺตพฺพํฯ ‘‘ทิวเส ติกฺขตฺตุํ โฆสาเปมี’’ติ หิ วุตฺตํฯ
31.Ko pathe chattamādetīti ko pathiko pathe magge attano vassavātātaparakkhaṇatthaṃ chattaṃ gaṇhāti, chattena atthikoti attho. Kopāhanā mudū subhāti dassanīyatāya subhā sukhasamphassatāya mudū upāhanā attano pādānaṃ cakkhūnañca rakkhaṇatthaṃ. Ko ādetīti ko tāhi atthikoti adhippāyo. Sāyañca pāto cāti ettha ca-saddena majjhanhike cāti āharitvā vattabbaṃ. ‘‘Divase tikkhattuṃ ghosāpemī’’ti hi vuttaṃ.
๓๒. น ตํ ทสสุ ฐาเนสูติ ตํ ทานํ น ทสสุ ฐาเนสุ ปฎิยตฺตนฺติ โยชนาฯ นปิ ฐานสเตสุ วา ปฎิยตฺตํ, อปิ จ โข อเนกสเตสุ ฐาเนสุ ปฎิยตฺตํฯ ยาจเก ธนนฺติ ยาจเก อุทฺทิสฺส ธนํ ปฎิยตฺตํ อุปกฺขฎํฯ ทฺวาทสโยชนายาเม หิ นคเร สตฺตโยชนวิตฺถเต สตฺตสุ ปาการนฺตเรสุ สตฺต ตาลปนฺติปริเกฺขปา, ตาสุ ตาลปนฺตีสุ จตุราสีติ โปกฺขรณิสหสฺสานิ ปาฎิเยกฺกํ โปกฺขรณิตีเร มหาทานํ ปฎฺฐปิตํฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
32.Na taṃ dasasu ṭhānesūti taṃ dānaṃ na dasasu ṭhānesu paṭiyattanti yojanā. Napi ṭhānasatesu vā paṭiyattaṃ, api ca kho anekasatesu ṭhānesu paṭiyattaṃ. Yācake dhananti yācake uddissa dhanaṃ paṭiyattaṃ upakkhaṭaṃ. Dvādasayojanāyāme hi nagare sattayojanavitthate sattasu pākārantaresu satta tālapantiparikkhepā, tāsu tālapantīsu caturāsīti pokkharaṇisahassāni pāṭiyekkaṃ pokkharaṇitīre mahādānaṃ paṭṭhapitaṃ. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘ปฎฺฐเปสิ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตาสํ โปกฺขรณีนํ ตีเร เอวรูปํ ทานํ อนฺนํ อนฺนตฺถิกสฺส, ปานํ ปานตฺถิกสฺส, วตฺถํ วตฺถตฺถิกสฺส, ยานํ ยานตฺถิกสฺส, สยนํ สยนตฺถิกสฺส, อิตฺถิํ อิตฺถิตฺถิกสฺส, หิรญฺญํ หิรญฺญตฺถิกสฺส, สุวณฺณํ สุวณฺณตฺถิกสฺสา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๕๔)ฯ
‘‘Paṭṭhapesi kho, ānanda, rājā mahāsudassano tāsaṃ pokkharaṇīnaṃ tīre evarūpaṃ dānaṃ annaṃ annatthikassa, pānaṃ pānatthikassa, vatthaṃ vatthatthikassa, yānaṃ yānatthikassa, sayanaṃ sayanatthikassa, itthiṃ itthitthikassa, hiraññaṃ hiraññatthikassa, suvaṇṇaṃ suvaṇṇatthikassā’’ti (dī. ni. 2.254).
๓๓. ตตฺถายํ ทานสฺส ปวตฺติตากาโร – มหาปุริโส หิ อิตฺถีนญฺจ ปุริสานญฺจ อนุจฺฉวิเก อลงฺกาเร กาเรตฺวา อิตฺถิมตฺตเมว ตตฺถ ปริจารวเสน เสสญฺจ สพฺพํ ปริจฺจาควเสน ฐเปตฺวา ‘‘ราชา มหาสุทสฺสโน ทานํ เทติ, ตํ ยถาสุขํ ปริภุญฺชถา’’ติ เภริํ จราเปสิฯ มหาชนา โปกฺขรณิตีรํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา วตฺถาทีนิ นิวาเสตฺวา มหาสมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา เยสํ ตาทิสานิ อตฺถิ, เต ปหาย คจฺฉนฺติ ฯ เยสํ นตฺถิ, เต คเหตฺวา คจฺฉนฺติฯ เย หตฺถิยานาทีสุปิ นิสีทิตฺวา ยถาสุขํ วิจริตฺวา วรสยเนสุปิ สยิตฺวา สมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา อิตฺถีหิปิ สทฺธิํ สมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา สตฺตวิธรตนปสาธนานิ ปสาเธตฺวา สมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา ยํ ยํ อตฺถิกา, ตํ ตํ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ, อนตฺถิกา โอหาย คจฺฉนฺติฯ ตมฺปิ ทานํ อุฎฺฐาย สมุฎฺฐาย เทวสิกํ ทียเตวฯ ตทา ชมฺพุทีปวาสีนํ อญฺญํ กมฺมํ นตฺถิ, ทานํ ปริภุญฺชนฺตา สมฺปตฺติํ อนุภวนฺตา วิจรนฺติฯ น ตสฺส ทานสฺส กาลปริเจฺฉโท อโหสิฯ รตฺติญฺจาปิ ทิวาปิ ยทา ยทา อตฺถิกา อาคจฺฉนฺติ, ตทา ตทา ทียเตวฯ เอวํ มหาปุริโส ยาวชีวํ สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา มหาทานํ ปวเตฺตสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ทิวา วา ยทิ วา รตฺติํ, ยทิ เอติ วนิพฺพโก’’ติอาทิฯ
33. Tatthāyaṃ dānassa pavattitākāro – mahāpuriso hi itthīnañca purisānañca anucchavike alaṅkāre kāretvā itthimattameva tattha paricāravasena sesañca sabbaṃ pariccāgavasena ṭhapetvā ‘‘rājā mahāsudassano dānaṃ deti, taṃ yathāsukhaṃ paribhuñjathā’’ti bheriṃ carāpesi. Mahājanā pokkharaṇitīraṃ gantvā nhatvā vatthādīni nivāsetvā mahāsampattiṃ anubhavitvā yesaṃ tādisāni atthi, te pahāya gacchanti . Yesaṃ natthi, te gahetvā gacchanti. Ye hatthiyānādīsupi nisīditvā yathāsukhaṃ vicaritvā varasayanesupi sayitvā sampattiṃ anubhavitvā itthīhipi saddhiṃ sampattiṃ anubhavitvā sattavidharatanapasādhanāni pasādhetvā sampattiṃ anubhavitvā yaṃ yaṃ atthikā, taṃ taṃ gahetvā gacchanti, anatthikā ohāya gacchanti. Tampi dānaṃ uṭṭhāya samuṭṭhāya devasikaṃ dīyateva. Tadā jambudīpavāsīnaṃ aññaṃ kammaṃ natthi, dānaṃ paribhuñjantā sampattiṃ anubhavantā vicaranti. Na tassa dānassa kālaparicchedo ahosi. Rattiñcāpi divāpi yadā yadā atthikā āgacchanti, tadā tadā dīyateva. Evaṃ mahāpuriso yāvajīvaṃ sakalajambudīpaṃ unnaṅgalaṃ katvā mahādānaṃ pavattesi. Tena vuttaṃ ‘‘divā vā yadi vā rattiṃ, yadi eti vanibbako’’tiādi.
ตตฺถ ทิวา วา ยทิ วา รตฺติํ, ยทิ เอตีติ เอเตนสฺส ยถากาลํ ทานํ ทเสฺสติฯ ยาจกานญฺหิ ลาภาสาย อุปสงฺกมนกาโล เอว โพธิสตฺตานํ ทานสฺส กาโล นามฯ วนิพฺพโกติ ยาจโกฯ ลทฺธา ยทิจฺฉกํ โภคนฺติ เอเตน ยถาภิรุจิตํ ทานํฯ โย โย หิ ยาจโก ยํ ยํ เทยฺยธมฺมํ อิจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส ตํตเทว โพธิสโตฺต เทติฯ น ตสฺส มหคฺฆทุลฺลภาทิภาวํ อตฺตโน อุปโรธํ จิเนฺตสิฯ ปูรหโตฺถว คจฺฉตีติ เอเตน ยาวทิจฺฉกํ ทานํ ทเสฺสติ, ยตฺตกญฺหิ ยาจกา อิจฺฉนฺติ, ตตฺตกํ อปริหาเปตฺวาว มหาสโตฺต เทติ อุฬารชฺฌาสยตาย จ มหิทฺธิกตาย จฯ
Tattha divā vā yadi vā rattiṃ, yadi etīti etenassa yathākālaṃ dānaṃ dasseti. Yācakānañhi lābhāsāya upasaṅkamanakālo eva bodhisattānaṃ dānassa kālo nāma. Vanibbakoti yācako. Laddhā yadicchakaṃ bhoganti etena yathābhirucitaṃ dānaṃ. Yo yo hi yācako yaṃ yaṃ deyyadhammaṃ icchati, tassa tassa taṃtadeva bodhisatto deti. Na tassa mahagghadullabhādibhāvaṃ attano uparodhaṃ cintesi. Pūrahatthova gacchatīti etena yāvadicchakaṃ dānaṃ dasseti, yattakañhi yācakā icchanti, tattakaṃ aparihāpetvāva mahāsatto deti uḷārajjhāsayatāya ca mahiddhikatāya ca.
๓๔. ‘‘ยาวชีวิก’’นฺติ เอเตน ทานสฺส กาลปริยนฺตาภาวํ ทเสฺสติฯ สมาทานโต ปฎฺฐาย หิ มหาสตฺตา ยาวปาริปูริ เวมเชฺฌ น กาลปริเจฺฉทํ กโรนฺติ, โพธิสมฺภารสมฺภรเณ สโงฺกจาภาเวน อนฺตรนฺตรา อโวสานาปตฺติโต มรเณนปิ อนุปเจฺฉโท เอว, ตโต ปรมฺปิ ตเถว ปฎิปชฺชนโต, ‘‘ยาวชีวิก’’นฺติ ปน มหาสุทสฺสนจริตสฺส วเสน วุตฺตํฯ นปาหํ เทสฺสํ ธนํ ทมฺมีติ อิทํ ธนํ นาม มยฺหํ น เทสฺสํ อมนาปนฺติ เอวรูปํ มหาทานํ เทโนฺต เคหโต จ ธนํ นีหราเปมิฯ นปิ นตฺถิ นิจโย มยีติ มม สมีเป ธนนิจโย ธนสงฺคโห นาปิ นตฺถิ, สเลฺลขวุตฺติสมโณ วิย อสงฺคโหปิ น โหมีติ อโตฺถฯ อิทํ เยน อชฺฌาสเยน ตสฺสิทํ มหาทานํ ปวตฺติตํ, ตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ
34.‘‘Yāvajīvika’’nti etena dānassa kālapariyantābhāvaṃ dasseti. Samādānato paṭṭhāya hi mahāsattā yāvapāripūri vemajjhe na kālaparicchedaṃ karonti, bodhisambhārasambharaṇe saṅkocābhāvena antarantarā avosānāpattito maraṇenapi anupacchedo eva, tato parampi tatheva paṭipajjanato, ‘‘yāvajīvika’’nti pana mahāsudassanacaritassa vasena vuttaṃ. Napāhaṃ dessaṃ dhanaṃ dammīti idaṃ dhanaṃ nāma mayhaṃ na dessaṃ amanāpanti evarūpaṃ mahādānaṃ dento gehato ca dhanaṃ nīharāpemi. Napi natthi nicayo mayīti mama samīpe dhananicayo dhanasaṅgaho nāpi natthi, sallekhavuttisamaṇo viya asaṅgahopi na homīti attho. Idaṃ yena ajjhāsayena tassidaṃ mahādānaṃ pavattitaṃ, taṃ dassetuṃ vuttaṃ.
๓๕. อิทานิ ตํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถาปิ อาตุโร นามา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถิทํ อุปมาสํสนฺทเนน สทฺธิํ อตฺถทสฺสนํ – ยถา นาม อาตุโร โรคาภิภูโต ปุริโส โรคโต อตฺตานํ ปริโมเจตุกาโม ธเนน หิรญฺญสุวณฺณาทินา เวชฺชํ ติกิจฺฉกํ ตเปฺปตฺวา อาราเธตฺวา ยถาวิธิ ปฎิปชฺชโนฺต ตโต โรคโต วิมุจฺจติฯ
35. Idāni taṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yathāpi āturo nāmā’’tiādimāha. Tatthidaṃ upamāsaṃsandanena saddhiṃ atthadassanaṃ – yathā nāma āturo rogābhibhūto puriso rogato attānaṃ parimocetukāmo dhanena hiraññasuvaṇṇādinā vejjaṃ tikicchakaṃ tappetvā ārādhetvā yathāvidhi paṭipajjanto tato rogato vimuccati.
๓๖. ตเถว เอวเมว อหมฺปิ อฎฺฎภูตํ สกลโลกํ กิเลสโรคโต สกลสํสารทุกฺขโรคโต จ ปริโมเจตุกาโม ตสฺส ตโต ปริโมจนสฺส อยํ สพฺพสาปเตยฺยปริจฺจาโค ทานปารมิอุปาโยติ ชานมาโน พุชฺฌมาโน อเสสโต เทยฺยธมฺมสฺส ปฎิคฺคาหกานญฺจ วเสน อนวเสสโต มหาทานสฺส วเสน สตฺตานํ อชฺฌาสยํ ปริปูเรตุํ อตฺตโน จ น มยฺหํ ทานปารมี ปริปุณฺณา, ตสฺมา อูนมนนฺติ ปวตฺตํ อูนํ มนํ ปูรยิตุํ ปวตฺตยิตุํ วนิพฺพเก ยาจเก อทาสิํ ตํ ทานํ เอวรูปํ มหาทานํ ททามิ, ตญฺจ โข ตสฺมิํ ทานธเมฺม ตสฺส จ ผเล นิราลโย อนเปโกฺข อปจฺจาโส กิญฺจิปิ อปจฺจาสีสมาโน เกวลํ สโมฺพธิมนุปตฺติยา สพฺพญฺญุตญฺญาณเมว อธิคนฺตุํ เทมีติฯ
36.Tatheva evameva ahampi aṭṭabhūtaṃ sakalalokaṃ kilesarogato sakalasaṃsāradukkharogato ca parimocetukāmo tassa tato parimocanassa ayaṃ sabbasāpateyyapariccāgo dānapāramiupāyoti jānamāno bujjhamāno asesato deyyadhammassa paṭiggāhakānañca vasena anavasesato mahādānassa vasena sattānaṃ ajjhāsayaṃ paripūretuṃ attano ca na mayhaṃ dānapāramī paripuṇṇā, tasmā ūnamananti pavattaṃ ūnaṃ manaṃ pūrayituṃ pavattayituṃ vanibbake yācake adāsiṃ taṃ dānaṃ evarūpaṃ mahādānaṃ dadāmi, tañca kho tasmiṃ dānadhamme tassa ca phale nirālayo anapekkho apaccāso kiñcipi apaccāsīsamāno kevalaṃ sambodhimanupattiyā sabbaññutaññāṇameva adhigantuṃ demīti.
เอวํ มหาสโตฺต มหาทานํ ปวเตฺตโนฺต อตฺตโน ปุญฺญานุภาวนิพฺพตฺตํ ธมฺมปาสาทํ อภิรุยฺห มหาพฺยูหกูฎาคารทฺวาเร เอว กามวิตกฺกาทโย นิวเตฺตตฺวา ตตฺถ โสวณฺณมเย ราชปลฺลเงฺก นิสิโนฺน ฌานาภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา โสวณฺณมยํ กูฎาคารํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ รชตมเย ปลฺลเงฺก นิสิโนฺน จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ ฌานสมาปตฺตีหิ วีตินาเมตฺวา มรณสมเย ทสฺสนาย อุปคตานํ สุภทฺทาเทวีปมุขานํ จตุราสีติยา อิตฺถาคารสหสฺสานํ อมจฺจปาริสชฺชาทีนญฺจ –
Evaṃ mahāsatto mahādānaṃ pavattento attano puññānubhāvanibbattaṃ dhammapāsādaṃ abhiruyha mahābyūhakūṭāgāradvāre eva kāmavitakkādayo nivattetvā tattha sovaṇṇamaye rājapallaṅke nisinno jhānābhiññāyo nibbattetvā tato nikkhamitvā sovaṇṇamayaṃ kūṭāgāraṃ pavisitvā tattha rajatamaye pallaṅke nisinno cattāro brahmavihāre bhāvetvā caturāsīti vassasahassāni jhānasamāpattīhi vītināmetvā maraṇasamaye dassanāya upagatānaṃ subhaddādevīpamukhānaṃ caturāsītiyā itthāgārasahassānaṃ amaccapārisajjādīnañca –
‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
‘‘Aniccā vata saṅkhārā, uppādavayadhammino;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติฯ (ที. นิ. ๒.๒๒๑, ๒๗๒; สํ. นิ. ๑.๑๘๖; ๒.๑๔๓) –
Uppajjitvā nirujjhanti, tesaṃ vūpasamo sukho’’ti. (dī. ni. 2.221, 272; saṃ. ni. 1.186; 2.143) –
อิมาย คาถาย โอวทิตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิฯ
Imāya gāthāya ovaditvā āyupariyosāne brahmalokaparāyano ahosi.
ตทา สุภทฺทาเทวี ราหุลมาตา อโหสิ, ปริณายกรตนํ ราหุโล, เสสปริสา พุทฺธปริสา, มหาสุทสฺสโน ปน โลกนาโถฯ
Tadā subhaddādevī rāhulamātā ahosi, pariṇāyakaratanaṃ rāhulo, sesaparisā buddhaparisā, mahāsudassano pana lokanātho.
อิธาปิ ทส ปารมิโย สรูปโต ลพฺภนฺติ เอว, ทานชฺฌาสยสฺส ปน อุฬารตาย ทานปารมี เอว ปาฬิยํ อาคตาฯ เสสธมฺมา เหฎฺฐา วุตฺตนยา เอวฯ ตถา อุฬาเร สตฺตรตนสมุชฺชเล จตุทีปิสฺสริเยปิ ฐิตสฺส ตาทิสํ โภคสุขํ อนลงฺกริตฺวา กามวิตกฺกาทโย ทูรโต วิกฺขเมฺภตฺวา ตถารูเป มหาทาเน ปวเตฺตนฺตเสฺสว จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ สมาปตฺตีหิ วีตินาเมตฺวา อนิจฺจตาทิปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ กตฺวาปิ วิปสฺสนาย อนุสฺสุกฺกนํ สพฺพตฺถ อนิสฺสงฺคตาติ เอวมาทโย คุณานุภาวา นิทฺธาเรตพฺพาติฯ
Idhāpi dasa pāramiyo sarūpato labbhanti eva, dānajjhāsayassa pana uḷāratāya dānapāramī eva pāḷiyaṃ āgatā. Sesadhammā heṭṭhā vuttanayā eva. Tathā uḷāre sattaratanasamujjale catudīpissariyepi ṭhitassa tādisaṃ bhogasukhaṃ analaṅkaritvā kāmavitakkādayo dūrato vikkhambhetvā tathārūpe mahādāne pavattentasseva caturāsīti vassasahassāni samāpattīhi vītināmetvā aniccatādipaṭisaṃyuttaṃ dhammakathaṃ katvāpi vipassanāya anussukkanaṃ sabbattha anissaṅgatāti evamādayo guṇānubhāvā niddhāretabbāti.
มหาสุทสฺสนจริยาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahāsudassanacariyāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / จริยาปิฎกปาฬิ • Cariyāpiṭakapāḷi / ๔. มหาสุทสฺสนจริยา • 4. Mahāsudassanacariyā